5.7K
3 มิถุนายน 2556
ทุนไทยหวังผล3เด้งเฮโลบุกลาวรอบใหม่


 
ทัพธุรกิจไทยรายใหม่ชักแถวลงทุนสปป.ลาว หวังผลประโยชน์ทางธุรกิจ 3 เด้ง เจาะตลาดในประเทศที่กำลังขยายตัว ใช้เป็นฐานลุยเออีซี  ใช้สิทธิจีเอสพีส่งออกไป 3 ตลาดใหญ่ กลุ่มเครื่องปรุงรส  ธุรกิจความงาม ขายตรง แฟรนไชส์ แบงก์ ศูนย์การค้าสบช่องลุย

ชี้ตลาดคนรุ่นใหม่ลาว มาแรงสุดๆ หลัง โซเชียลเน็ตเวิร์ก บูมสนั่น ทูตพาณิชย์เผยยอดลงทุนไทยเริ่มแรงแซงจีนขึ้นเป็นเบอร์ 2 หายใจรดต้นคอเวียดนามอีกครั้ง

จากการที่ 10 ชาติสมาชิกอาเซียนจะมีการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 ซึ่งจะทำให้อาเซียนกลายเป็นตลาดและฐานผลิตเดียวกัน ส่งผลให้เวลานี้มีนักลงทุนไทยในกลุ่มใหม่ๆ ในหลากหลายธุรกิจได้เริ่มเข้าไปศึกษารวมถึงได้เข้าไปขยายการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน โดยหนึ่งในจำนวนนั้นได้ให้ความสนใจการลงทุนในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว)ที่กำลังเพิ่มความคึกคักขึ้นทุกขณะ

กลุ่มทุนใหม่ไทยชักแถวลุย

นางพิมล   ปงกองแก้ว    อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการพาณิชย์) ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ขณะนี้ได้มีกลุ่มทุนใหม่ๆ จากประเทศไทยได้ขยายตัวเข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว เป็นจำนวนมาก อาทิ

ล่าสุดกลุ่มบริษัท โรงงานน้ำปลาฉั่วฮะเส็ง(ตราหอยหลอด) จำกัด มีแผนเข้าไปลงทุนตั้งโรงงานผลิตน้ำปลา และเครื่องปรุงรส ทั้งในแบรนด์ตัวเอง และในแบรนด์ลูกค้าจับกลุ่มโรงแรม ภัตตาคาร และร้านอาหาร หรืออย่างกลุ่มของนายณรงค์  ตนานุวัฒน์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ที่ได้เข้าไปลงทุนศูนย์การค้า View Mall ในนครหลวงเวียงจันทน์ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มก่อสร้างแล้ว คาดจะแล้วเสร็จในต้นปีหน้า ขณะเดียวกันทางกลุ่มยังได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจการเกษตรปลูกปอป่าน (ไทยเรียกใยกันชง) เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์
 
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของ นายสยาม  รามสูต เจ้าของบริษัท สยามอินเตอร์เนชั่นแนล อินโด-ไชน่า จำกัด ที่ได้ซื้อแฟรนไชส์ธุรกิจความงามของ "วุฒิ-ศักดิ์ คลินิก" ไปเปิด 4 สาขาในสปป.ลาวประกอบด้วยที่เวียงจันทน์ จำปาสัก สะหวันนะเขต และหลวงพระบาง

โดยขณะนี้ได้เปิดให้บริการแล้วทุกสาขา ขณะเดียวกันทางกลุ่มยังได้ร่วมทุนกับกลุ่มทุนท้องถิ่นเปิดคอมมิวนิตี มอลล์ในบริเวณใกล้กับประตูชัยของนครหลวงเวียงจันทน์ คาดจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ในเดือนสิงหาคม-ตุลาคมนี้ ขณะที่กลุ่มศิริพัฒนาได้เข้าไปลงทุนใช้สสป.ลาวเป็นฐานการเข้าเล่มหนังสือลิขสิทธิ์จากต่างประเทศ โดยมีคนงานกว่า 1.4 พันคน เพื่อส่งให้กับลูกค้าทั้งในอาเซียน รวมถึงประเทศอื่นๆ


 
ยอดลงทุนไทยแซงจีน

"จากสถิติการลงทุนสะสมของต่างชาติในสปป.ลาวนับแต่ปี 2531 ถึงปี 2555 ล่าสุด ไทยอยู่อันดับ 2 รองจากเวียดนาม โดยมีมูลค่าการลงทุนสะสม อยู่ที่ 4,080 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเวียดนาม มีอยู่ 4,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจีนอยู่อันดับ 3 ที่ประมาณ 3,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากเดิมเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วไทยอยู่อันดับ1 แต่ตอนหลังเวียดนามและจีนแซงหน้า และไทยเพิ่งแซงจีนกลับขึ้นมาเป็นที่ 2 ได้ในปีที่แล้ว"
 
สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนไทยสนใจลงทุนในสปป.ลาว ที่สำคัญคือ สื่อสารกันเข้าใจง่าย วัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน สินค้าอุปโภคบริโภคไม่ต้องเปลี่ยนแปลงมาก และสปป.ลาวยังมีความต้องการสินค้าไทยอีกมาก เพราะยังไม่มีโรงงานผลิตมาก สินค้ายังไม่เพียงพอต่อความต้องการต้องนำเข้า แต่จากนี้ไปสปป.ลาวพยายามลดการนำเข้าโดยการส่งเสริมให้ต่างชาติเข้าไปลงทุนผลิตสินค้า ขณะที่สปป.ลาวเอง ขณะนี้ได้เป็นสมาชิกของ WTO (องค์การการค้าโลก)แล้ว กฎระเบียบต่างๆ เขาได้พัฒนาให้เป็นสากล ทำให้การค้าการลงทุนเปิดกว้างขึ้น
 
อย่างไรก็ดี ผู้ที่ไปลงทุนในสปป.ลาวส่วนใหญ่ไม่ได้มองเพียงแค่ตลาดสปป.ลาวที่มีประชากรไม่มาก(7 ล้านคน) แต่ยังมองเพื่อใช้เป็นฐานเพื่อทำการค้ากับอาเซียนอื่นๆ และกับทั่วโลก ที่เวลานี้มีประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศได้ให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(จีเอสพี)แก่สินค้าที่ผลิตจากสปป.ลาวในอัตราภาษีนำเข้าต่ำ หรือไม่เสียภาษีเลย อาทิ ตลาดสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป(อียู)  ญี่ปุ่น เป็นต้น ทั้งนี้จากการที่สปป.ลาวเป็นตลาดที่กำลังเติบโต  และให้ความนิยมสินค้าและบริการจากประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ของสปป.ลาวที่ได้รับอิทธิพลจากสื่อโทรทัศน์และได้ชมละครและหนังโฆษณาของไทย รวมถึงได้รับอิทธิพลจาก Social Network จะเป็นลูกค้าในอนาคต

เผยสินค้า-บริการรุ่ง

โดยสินค้าไทยที่มีศักยภาพในสปป.ลาวอยู่ในกลุ่มเครื่องสำอาง สบู่ ผลิตภัณฑ์รักษาผิว, รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ,เครื่องดื่ม,คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ ส่วนประกอบที่เป็นสินค้าสำหรับคนรุ่นใหม่ ปูนซีเมนต์/เหล็กและผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่เวลานี้ในลาวกำลังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งเขื่อน ถนน โรงงานและที่พักอาศัยอีกมาก ส่วนสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีศักยภาพได้แก่ อาหารสำเร็จรูป อาหารทะเลแช่แข็ง ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง/เนื้อสัตว์และชิ้นส่วนต่างๆ
 
ส่วนในธุรกิจบริการที่มีอนาคตได้แก่ ร้านอาหาร และแฟรนไชส์ ,การออกแบบก่อสร้างและการวางระบบไอที,การศึกษาและสถานพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า,สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง,อู่ซ่อมรถ ล้างรถ และประดับรถยนต์ รวมถึงธุรกิจบำรุงรักษา/ซ่อมแซมอาคาร เขื่อน ระบบไอที คอมพิวเตอร์  การเงิน ประกันภัย ประกันชีวิตที่ลาวอยู่ในช่วงเริ่มต้น


 
กลุ่มทุนเก่าเร่งขยาย

นางพิมล กล่าวอีกว่านอกจากกลุ่มทุนใหม่ข้างต้นแล้ว ที่ผ่านมามีกลุ่มทุนรายใหญ่จากไทยได้เข้าไปลงทุนในสปป.ลาวแล้วหลายรายและอยู่ระหว่างขยายกิจการเพิ่ม เช่นกลุ่มไทยเบฟของนายเจริญ  สิริวัฒนภักดีได้ลงทุนสนามกอล์ฟ สวนกาแฟ ปลูกอ้อย และมีแผนตั้งโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลัง, กลุ่มเจริญโภคภัณฑ์(ซีพี)ได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์ ฟาร์มปศุสัตว์ และมีแผนตั้งโรงงานแปรรูปอาหาร, กลุ่มเบทาโกรในธุรกิจอาหารสัตว์ และมีแผนตั้งโรงงานแปรรูปอาหาร กลุ่มมิตรผล(มิตรลาว)ในธุรกิจอ้อยครบวงจร, กลุ่มซิโน-ลาวของนายเปรมชัย  กรรณสูต ตั้งโรงงานผลิตอะลูมิเนียม, กลุ่มช.การช่าง ในธุรกิจสร้างเขื่อน และกลุ่มไทยฮั้วยางพาราธุรกิจปลูกและแปรรูปยางพารา เป็นต้น
 
ส่วนในธุรกิจบริการขณะนี้ธนาคารพาณิชย์ของไทย 5 ราย ประกอบด้วย แบงก์กรุงเทพ ไทยพาณิชย์ กรุงไทย ทหารไทย ศรีอยุธยา ได้เข้าไปตั้งสาขาในสปป.ลาว(ส่วนใหญ่อยู่ในเวียงจันทน์) เพื่อให้บริการรับฝาก หรือโอนเงินแก่ทั้งชาวลาวและชาวต่างชาติ และกำลังเริ่มมองที่จะขยายสาขาไปตามแขวงต่างๆ ของสปป.ลาวที่เศรษฐกิจกำลังโต

ค่ายขายตรงชักแถวบุก

ท.ญ.ลพา วัชรศรีโรจน์ ประธาน ผู้ก่อตั้ง บริษัท เอมสตาร์ เน็ทเวิร์ค จำกัด  ผู้ดำเนินธุรกิจเครือข่าย เอมสตาร์  กล่าวว่า   ในปีนี้บริษัทขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน  4 ประเทศ ได้แก่   เมียนมาร์, มาเลเซีย, สิงคโปร์  และเวียดนาม   ส่วนประเทศลาวบริษัทได้ขยายลงทุนไปก่อนหน้านี้แล้ว  ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี  ทำให้ในปีนี้บริษัทยังได้ขยายสาขา ในประเทศลาวเพิ่มอีก 1 แห่ง จากนโยบายเดิมที่จะขยายสาขาเพียงประเทศละ 1 แห่งเท่านั้น 
 
พ.ญ.นลินี ไพบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจเครือข่ายกิฟฟารีน  กล่าวว่า  บริษัทได้ขยายการลงทุนในประเทศอาเซียน  ได้แก่ เมียนมาร์, กัมพูชา, มาเลเซีย และลาว  ซึ่งในส่วนของสปป.ลาวนั้นบริษัทได้ลงทุน 25 ล้านบาท หรือกว่า  6.25 พันล้านกีบ เป็นสาขาแห่งที่ 4  โดยมีจำนวนสมาชิกมากกว่า 3 พันคน สำหรับผลิตภัณฑ์ที่นำเข้าไปจำหน่าย ได้ผ่านการจดทะเบียนการค้าและได้รับการรับรอง อย. จากกระทรวงสาธารณสุขของสปป.ลาว แล้วจำนวน 150 รายการ

ความงามรอไม่ได้

นางปุญญาพร ธนัชชวลัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด   กล่าวว่า  บริษัทได้ยายสาขาไปยังต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน  ซึ่งครอบคลุม เวียดนาม กัมพูชา พม่า และลาว ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาต่างประเทศทั้งสิ้น 10 สาขา และตั้งเป้าที่จะขยายสาขาเฉพาะในต่างประเทศเพิ่มอีกจำนวน 15 สาขาในปีนี้  

โดยผลการดำเนินงานในประเทศลาวถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก  ซึ่งนโยบายต่อไปของบริษัทจะลุยเปิดสาขาในกลุ่มประเทศเอเชียตอนบน และจะไม่เปิดเพียงสาขาเดียว เพราะนโยบายการทำตลาดของวุฒิศักดิ์ ถ้าไปเปิดตลาดแล้วจะต้องเป็นผู้นำตลาด  อย่างประเทศลาวมี 4 สาขา กัมพูชา 2 สาขา เวียดนามจะเพิ่มอีก 10 กว่าสาขา

เครื่องปรุง-น้ำดื่มรอวันบูม

ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท โรงงานน้ำปลาฉั่วฮะเส็ง(ตราหอยหลอด) จำกัด เผยถึงความคืบหน้าการตั้งโรงงานผลิตน้ำปลา และเครื่องปรุงรสของบริษัทว่า ตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ VITA PARK ห่างจากเวียงจันทน์ประมาณ 21 กิโลเมตร ความคืบหน้าล่าสุดอยู่ระหว่างหาผู้ออกแบบโรงงาน คาดว่าเมื่อออกแบบแล้วเสร็จจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปีจึงจะสามารถเปิดดำเนินการได้

การลงทุนครั้งนี้นอกจากเพื่อทำตลาดในสปป.ลาวแล้ว ยังมีแผนใช้เป็นฐานการส่งออกไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศอาเซียน จีน รวมถึงส่งกลับมาจำหน่ายในภาคตะวันตะวันออกเฉียงเหนือของไทยที่อยู่ติดกับลาว บริษัทยังมีแผนที่จะผลิตสินค้าในแบรนด์ของลูกค้าในกลุ่มโรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร และอื่นๆ ในลาวด้วย และในอนาคตยังมีแผนผลิตน้ำดื่มตามที่ได้ขออนุญาตไว้กับทางการลาวด้วย 

อ้างอิงจาก ฐานเศรษฐกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
933
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
636
“เติมพลังความรู้” กับ ..
591
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
562
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
552
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
515
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด