4.2K
2 พฤษภาคม 2556
พาณิชย์ดัน OTOP สู่ SME ร่วม ส.ค้าปลีกเปิดตลาดห้างดัง-ขายออนไลน์

 
 
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ เผยแผนส่งเสริมโอทอปเดินหน้าสานต่อโครงการยกระดับโอทอปสู่การเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยดึงสมาคมผู้ค้าปลีกไทยร่วมจับมือดึงห้างดังรองรับการขยายตลาดโอทอปเข้าสู่ห้าง พร้อมอัดงบกว่า 9 ล้านบาท จัดอบรมผลักดันผู้ประกอบการไทยและโอทอปเข้าสู่โลกออนไลน์
 
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดโครงการพัฒนาศักยภาพการตลาดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ และพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือกับสมาคมผู้ค้าปลีกไทยในการขยายตลาดสู่ช่องทางการค้าปลีกและกำหนดแผนการตลาดพัฒนาสินค้ารูปแบบใหม่ รวมทั้งส่งเสริมช่องทางการตลาดไปจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศว่า กระทรวงพาณิชย์ได้สนองนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาศักยภาพการตลาดเพื่อยกระดับสินค้าโอทอป ให้เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมระดับเอสเอ็มอี เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนมีรายได้เพิ่มขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
 
ดังนั้น จึงได้ร่วมมือกับสมาคมค้าปลีกไทย เพื่อร่วมกันพัฒนาศักยภาพด้านการตลาดผลิตภัณฑ์โอทอป เพื่อให้ก้าวเข้าสู่ช่องทางการตลาดในกลุ่มของดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ซูเปอร์มาร์เกต รวมถึงการส่งเสริมผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ หรืออินเทอร์เน็ต (อี-คอมเมิร์ซ)
 
“ความร่วมมือกันนี้น่าจะช่วยผลักดันให้สินค้าโอทอปของไทยได้รับการยอมรับจากตลาดทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น เชื่อว่าน่าจะสร้างรายได้ให้เพิ่มหลายเท่าตัว และ จากมูลค่าการส่งออกสินค้าในปี 2555 กว่า 1 แสนล้านบาทเป็นสินค้าโอทอปประมาณ 10-20% แต่ในอีก 5 ปีคาดว่าจะสามารถเพิ่มมูลค่าการค้าได้มากกว่าเท่าตัว”
 
นายบุญทรงกล่าวว่า กระทรวงฯยังได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่หลายราย ได้แก่ ห้างสรรพสินค้ากลุ่มเซ็นทรัล เดอะมอลล์ เทสโก้-โลตัส บิ๊กซีและตั้งฮั่วเส็ง ในการให้ความรู้ในด้านการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการและผู้ค้าปลีกในการเข้าสู่ช่องทางการจัดจำหน่าย
 
 
 
ด้านนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า ส่วนของกระทรวงฯได้จัดสรรงบประมาณ 9 ล้านบาทสำหรับโครงการพัฒนาและอบรมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน (โอทอป) ให้สามารถทำธุรกิจค้าขายสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต (อี-คอมเมิรซ์) รวมถึงการสร้างร้านค้าออนไลน์ โดยตั้งเป้าหมายว่า จะมีผู้ประกอบการเข้ามาเปิดเว็บไซต์และขายสินค้าได้จริงประมาณ 240 ราย และมียอดขายเพิ่มขึ้นจากช่องทางปกติ 20% จากในปี 55 ที่มีผู้ประกอบการขายสินค้าออนไลน์ได้จริง 200 ราย
 
“ต้องยอมรับว่าปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันและมีอัตราการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และถูกนำมาใช้เป็นช่องทางแพร่หลายมากขึ้น และอินเตอร์เน็ตยังเป็นช่องทางที่ใช้เงินลงทุนต่ำ สามารถเจาะกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นประโยชน์ต่อเอสเอ็มอีในยุคปัจจุบัน”
 
นอกจากนี้ การทำตลาดบนอินเทอร์เน็ต หรือ อี-คอมเมิรซ์ ยังมีจุดดีสามารถแยกแยะกลุ่มสินค้าชัดเจน ทำให้สามารถขยายตลาดเฉพาะได้ เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และยังสามารถลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการที่ไม่มีทุนในการเปิดหน้าร้านของตัวเอง รวมถึงไม่สามารถจ่ายค่าธรรมเนียมในการวางสินค้าห้างสรรพสินค้า ที่สำคัญมูลค่าตลาดอี-คอมเมิร์ซในปัจจุบัน มีมูลค่ามากถึง 6.2 หมื่นล้านบาท ขณะมีผู้ประกอบการเข้ามาจดทะเบียนกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว 9,993 เว็บไซต์
 
นางวัชรีกล่าวว่า การเปิดตลาดสินค้าโอทอปผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ ยังเป็นการเตรียมความพร้อมรอบรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 ที่ประเทศทั้ง 10 ชาติสมาชิกอาเซียนจะมีการค้าขายกันมากขึ้น ทั้งจากการลดภาษีสินค้า บริการ และการลงทุน โดยผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ช่องทางอินเทอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าทั้งจากอาเซียน จนไปถึงการค้าติดต่อสื่อสารกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่จะทำให้เอสเอ็มอีไทยทำการค้าขายกับต่างประเทศได้ง่ายขึ้น

อ้างอิงจากผู้จัดการออนไลน์
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
รสเด็ดก๋วยเตี๋ยวกระทุ่..
1,431
alls BUBBLE TEA แฟรนไช..
1,248
ยู้ฮู หวานเย็นเปิดสาขา..
1,121
สัมมนาลงทุน แฟรนไชส์คุ..
826
ยินดีต้อนรับ “ครอบครัว..
745
DOCTOR COSMETICS ACADE..
622
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด