|
|
|
|
18 สิงหาคม 2555 |
แมคโดนัลด์รุกสแตนด์อะโลนลดเสี่ยง
นายเฮสเตอร์ ชิว ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด ผู้บริหารร้านแมคโดนัลด์ในไทย เปิดเผยว่า แผนธุรกิจจากนี้ไปจะมุ่งเน้นการขยายสาขาในรูปแบบสแตนด์อะโลนมากขึ้น โดยวางเป้าหมายจะเปิดสแตนด์อะโลน 50% จากจำนวนสาขาใหม่ต่อปีประมาณ 20 กว่าแห่ง เนื่องจากมีข้อดีหลายอย่างเมื่อเทียบกับการเปิดในห้างค้าปลีกทั่วไป
“เราสามารถบริหารจัดการได้เองหมด เปิด 24 ชั่วโมงก็ได้ โอกาสในการสร้างรายได้ก็มีเพิ่มขึ้น แต่อยู่ในห้างมันจำกัดเวลา รวมทั้งค่าเช่าที่ในห้างก็ปรับขึ้นทุก 3 ปี 10-20% แต่ถ้าสแตนด์อะโลนเราเช่าที่ดินแล้วสร้างเอง ระยะยาวคุ้มค่ากว่ามาก การบริการก็หลากหลายกว่า มีทั้งแมคคาเฟ่ ไดรฟ์ทรู ดีลิเวอรี พื้นที่ก็ใหญ่กว่าประมาณ 500 ตารางเมตร มี 200 กว่าที่นั่ง บางสาขาสูง 2 ชั้นด้วย สแตนด์อะโลน 1 สาขาทำรายได้เท่ากับ 2 สาขาแบบปกติในห้าง”
อย่างไรก็ตาม การลงทุนสแตนด์อะโลนสูงกว่าประมาณ 40 ล้านบาทต่อสาขา แต่ความสามารถในการทำรายได้และกำไรสูงกว่า 50-100% จากสาขาในห้างที่ลงทุนประมาณ 10-20 ล้านบาท ซึ่งพื้นที่จะเปิดรูปแบบสแตนด์อะโลนก็มีทั้ง 2 แบบ คือ การเปิดในคอมมูนิตีมอลล์แบบเปิด รวมทั้งการเปิดแบบลงทุนเองในพื้นที่ที่เช่ามา
ทั้งนี้ แผนขยายสาขาปีนี้เปิดรวม 22 แห่ง โดยครึ่งปีแรกเปิดแล้ว 11 แห่ง ครึ่งปีหลังจะเปิดอีก 11 แห่ง ซึ่งจะเน้นที่สแตนด์อะโลน 50% มีที่ดินเตรียมไว้แล้วทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ครึ่งปีแรกเปิดสแตนด์อะโลนไปแล้ว เช่นที่หาดใหญ่ อยุธยา เชียงใหม่ บางใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต เป็นต้น
สำหรับสาขาล่าสุดที่เป็นรูปแบบสแตนด์อะโลนคือที่พอร์โต้ชิโน่เป็นคอมมูนิตีมอลล์ และยังเป็นโมเดลที่มีดีไซน์ใหม่ด้วย ปัจุบันแมคโดนัลด์มีสาขาเปิดบริการรวมทั้งสิ้น 170 แห่ง มีร้านแบบสแตนด์อะโลนประมาณ 37 แห่ง ส่วนใหญ่ก็จะมีไดรฟ์ทรูด้วย แต่สัดส่วนรายได้ที่มาจากร้านแบบสแตนด์อะโลนนั้นมีประมาณ 30% แล้ว ขณะที่อีก 70% เป็นสัดส่วนรายได้ที่มาจากร้านในห้างค้าปลีก ขณะที่แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯประมาณ 120 แห่ง ต่างจังหวัดประมาณ 50 แห่ง แต่ยังกระจายไปเพียง 20 จังหวัดเท่านั้น เช่น พัทยามี 10 แห่ง ภูเก็ตมี 9 แห่ง เชียงใหม่มี 5 แห่ง และยังเตรียมเปิดสาขาไดรฟ์ทรูเร็วๆ นี้ อุดรธานีมี 2 แห่ง เป็นต้น
“แมคโดนัลด์ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก หากดูทั่วประเทศที่มี 70 กว่าจังหวัด เรายังสามารถไปได้อีกหลายจังหวัดเลย แต่ทั้งนี้เราต้องพิจารณาจากศักยภาพของแต่ละจังหวัด จำนวนประชากร ความต้องการของตลาดก่อนที่จะลงทุน ซึ่งรูปแบบก็ยังคงเน้นสแตนด์อะโลน” นายเฮสเตอร์กล่าว
สำหรับผลประกอบการ 7 เดือนแรกปีนี้เติบโต 20% และคาดว่าครึ่งปีหลังจะเติบโตเช่นเดียวกัน ส่งผลทั้งปีเติบโต 20% นายเฮสเตอร์กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ มีความสนใจที่จะขยายธุรกิจในอินโดจีนด้วยหากบริษัทแม่ของแมคโดนัลด์เปิดโอกาสในการยื่นขอไลเซนส์ได้ เพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 แต่ยังไม่ได้มีการเจรจากัน
อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์
|
|
|
