กกร. จี้รัฐขยายการค้าชายแดน หนุนSMEลุยธุรกิจต่างแดน ชงที่ประชุมกรอ.กลางเดือนนี้
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า ที่ประชุม คณะกรรมการภาคเอกชนร่วม 3 สถาบัน (กกร.)เมื่อวันที่ 9มกราคม ที่ผ่านมา ได้หารือหัวข้อที่จะนำเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐ และเอกชน (กรอ.) ที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 15มกราคมนี้
โดยที่ประชุมเสนอการพัฒนาด่านที่ในภาคเหนือของไทยกับพม่า และ ไทยกับลาว รวมถึงการพัฒนาแม่สายให้เป็นเขตเศรษฐกิจชายแดน เพื่อขยายช่องทางการค้ากับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ขณะเดียวกันต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดโครงการรถไฟความเร็วสูง และรถไฟรางคู่ เพราะแผนเดิมที่กำหนดให้เสร็จภายในปี 2568 นั้นภาคเอกชนมองว่าล่าช้ามากกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจในปัจจุบัน
"เรื่องระบบการขนส่ง และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพมหานคร และ ภาคเหนือ เช่น การสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ หรือการสร้างมอเตอร์เวย์ระหว่างเชียงใหม่กับเชียงราย เป็นต้น เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องการขนส่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งด้านการท่องเที่ยว และการขนส่งสินค้า"
ด้าน นายเจน นำชัยศิริ รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ที่ประชุมกกร.ยังมอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญของ ส.อ.ท. , หอการค้าไทย และ สมาคมธนาคาร ศึกษาลู่ทางการนำธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ของไทยไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน และความเสี่ยงทางธุรกิจของแต่ละประเทศ รองรับการรวมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558
รวมถึงต้องการให้นักธุรกิจขยายตลาดใหม่และวัตถุดิบใหม่ๆ ในการดำเนินกิจการมากขึ้น โดยระยะสั้นเน้นการศึกษากฎระเบียบกฎหมาย และตลาดในประเทศลาว พม่า กัมพูชา เวียดนาม อินโดนีเซีย เป็นต้นจากนั้นก็จะขยายไปออกอาเซียน
ขณะเดียวกันก็ต้องขอความร่วมกับรัฐบาลในการกำชับเอกอัครราชฑูตไทยในแต่ละประเทศให้ช่วยเหลือหรือปกป้องภาคธุรกิจไทยในต่างแดนให้มากขึ้น เพื่อสร้างความสบายใจแก่นักธุรกิจไทย โดยธุรกิจที่มีความพร้อมจะไปต่างประเทศ เช่น กลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์, เครื่องนุ่งห่ม, ก่อสร้าง เป็นต้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพ
อย่างไรก็ตามพบว่าความเสี่ยงของธุรกิจเอสเอ็มอีที่ไปลงทุนเพื่อนบ้านส่วนใหญ่จะเจอปัญหาทางการเมือง และระเบียบต่างๆ ของท้องถิ่นจะไม่เหมือนกับรัฐบาลกลาง ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยมีความวุ่นวายมากกว่าจะประกอบธุรกิจได้ ขณะเดียวกันยังมีปัญหาเรื่องการจ่ายภาษีนิติบุคคลที่ซ้ำซ้อนในกรณีที่นำกำไรจากต่างประเทศเข้ามาในไทย ซึ่งตรงนี้รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งดำเนินการ"
นายเจน กล่าวว่า การส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยไปลงทุนเพื่อนบ้านก็จะช่วยส่งเสริมให้ธนาคารไทยสามารถขยายกิจการไปเพื่อนบ้านมาคล่องตัวขึ้น เพราะหากมีธุรกิจไทยไปลงทุนต่างประเทศน้อยก็ส่งผลให้ธนาคารไปขยายสาขาไปต่างประเทศได้ลำบากเช่นกัน
อ้างอิงจาก แนวหน้า