8.0K
14 ตุลาคม 2554
ซีอาร์จี สปีดร้านอาหารญี่ปุ่น ปั้นโยชิโนยะเสริมแกร่งธุรกิจ

   
 
 
เมื่อตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยเติบโตเป็นเลข 2 หลักมาตลอด 3 ปี และมีแนวโน้ม ที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ซีอาร์จีหรือเซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จึงได้โฟกัสไปที่อาหาร ญี่ปุ่น จนทำให้มีแบรนด์ที่เป็นอาหารญี่ปุ่นอยู่ในมือสูงถึง 8 แบรนด์จากทั้งหมด 12 แบรนด์ ที่แฮนเดิ้ลอยู่ในขณะนี้

สุชีพ ธรรมาชีพเจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส-ปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป หรือซีอาร์จี บอกว่า จึงได้ตัดสินใจนำแบรนด์ “โยชิโนยะ” ซึ่งเป็นต้นตำรับข้าวหน้าญี่ปุ่นเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในนโยบายของซีอาร์จีที่ต้องการเสริมความแข็ง แกร่งให้กับธุรกิจ เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจอาหารของไทย


ทั้งนี้ การที่เลือกอาหารญี่ปุ่น เนื่องจากเทรนด์การรับประทานอาหาร ญี่ปุ่นในเมืองไทยกำลังได้รับความนิยม และมีอัตราการเติบโตสูง โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศ ไทยมีอัตราการเติบโต 15-20% อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย มีมูลค่ารวมกว่า 14,000 ล้านบาท “ที่เลือกแบรนด์โยชิโนยะ เนื่อง จากเป็นแบรนด์ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 112 ปี และขยายสาขา ไปทั่วโลกแล้วกว่า 1,700 สาขา อาทิ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ฮ่องกง มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ จีน เซี่ยงไฮ้ ไต้หวัน และอินโดนีเซีย”

สำหรับการซื้อแฟรนไชส์โยชิ-โนยะในครั้งนี้ ซีอาร์จีได้รับสิทธิแต่เพียง ผู้เดียวในประเทศไทย ทั้งในด้านการบริหาร การทำตลาด และการลงทุนขยายสาขา โดยโยชิโนยะ อินเตอร์เนชั่นแนล จะเป็นผู้สนับสนุน สาขาแรกที่เปิดตัวในประเทศไทย คือ เซ็นทรัล ลาดพร้าว เมื่อปลาย เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และมีแผนจะเปิดให้ครบ 4 สาขาภายในสิ้นปีนี้ ประกอบด้วยสาขาเทอร์มินัล 21 ภายในเดือนตุลาคม ส่วนอีก 2 สาขา คือ เซ็นทรัล บางนา และเซ็นทรัล พระราม 9 ประมาณเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ขณะที่ปีหน้ามีแผนจะขยายสาขา เพิ่มอีกประมาณ 3-4 สาขา ในทำเลที่เหมาะสม และตรงกับกลุ่มเป้าหมาย โดยจะเน้นในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก ทั้งนี้ แต่ละสาขาจะใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท พื้นที่ 150-180 ตารางเมตร


ทั้งนี้ คาดว่าภายใน 3 ปี จะขยายสาขาของโยชิโนยะได้ทั้งหมด 30 สาขา โดยจะพยายามเปิดให้เร็วที่สุด เนื่องจากซีอาร์จียังมั่นใจในศักยภาพของอาหารญี่ปุ่น เพราะผู้บริโภคยังคงให้การตอบรับแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง “ถือว่าตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในไทย เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก แต่ทั้งนี้ผู้บริโภคจะเริ่มหันมาทานอาหารเฉพาะประเภทมากขึ้น อย่างข้าวหน้าญี่ปุ่น ชาบู หรือราเมน”

สุชีพ บอกว่า คาดว่าจะคืนทุนภาย ในปลายปีหน้า สำหรับแบรนด์โยชิโนยะ โดยสิทธิในการซื้อแฟรนไชส์ดังกล่าวในไทย จะมีอายุประมาณ 10 ปี ในส่วนของเมนูภายในร้าน จะมีทั้งรสชาติแบบต้นตำรับ และพัฒนาร่วมกับทางญี่ปุ่น เพื่อให้ถูกปากคนไทย โดยวัตถุดิบ ที่ใช้จะนำเข้าและเป็นวัตถุดิบในประเทศ ในสัดส่วนที่เท่ากัน คือ 50:50 โดยจะเป็นเมนูเนื้อประมาณ 50-60% นำเข้าวัตถุดิบจากประเทศสหรัฐอเมริกา ราคาจะเฉลี่ยอยู่ที่ 99-179 บาท


ปัจจุบัน ซีอาร์จีมีแบรนด์ที่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นในมือ 8 แบรนด์ จาก ทั้งหมด 12 แบรนด์ คิดเป็นสัดส่วน 36% จากรายได้ทั้งกลุ่มของซีอาร์จี ที่ คาดว่าจะปิดที่ 7,000 ล้านบาทภายใน สิ้นปีนี้ แต่ถ้าไม่รวมแบรนด์โอโตยะจะอยู่ที่ 6,300 ล้านบาท สำหรับแบรนด์ญี่ปุ่นในเครือซีอาร์จี อาทิ เปปเปอร์ ลันช์ สเต็กสไตล์ ญี่ปุ่น, ชาบูตง สุดยอดราเมนจากทีวีแชมเปี้ยน, ริว ชาบู ชาบู สไตล์ญี่ปุ่น, อันโดนัน คาเฟ่ พรีเมียมคอฟฟี แอนด์ โดนัท สไตล์ญี่ปุ่น และโอโตยะ เป็นต้น


อย่างไรก็ตาม คาดว่าภายใน 3 ปี ยอดขายของโยชิโนยะจะอยู่ที่ 300-400 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 500 ล้านบาทภายใน 5 ปี ปัจจุบัน ซีอาร์จีมีส่วนแบ่งประมาณ 8% จากตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีมูลค่า 14,000 ล้านบาท

“ถือว่าโยชิโนยะจะเป็นแบรนด์สุดท้ายของซีอาร์จีที่จะเปิดตัวในปีนี้ ส่วนปีหน้ายังคุยๆ อยู่ประมาณ 4-5 ราย คาดว่าจะสามารถสรุปได้ราวๆ ปีหน้าเช่นเดียวกัน”

อ้างอิงจาก สยามธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
6,196
PLAY Q by CST bright u..
1,325
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
947
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
945
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
794
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
769
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด