กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยผลสำเร็จการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ และเพิ่มโอกาสทางการค้าแก่ผู้ประกอบการเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club จำนวน 51 ราย ในงาน MOC Biz Club Fair 2024 By DBD ณ ศูนย์การค้าซีคอน บางแค กระแสตอบรับดีเยี่ยม ผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถขยายตลาด ขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น รวมทั้ง ได้พบปะนักธุรกิจที่พร้อมร่วมลงทุน ปิดดีลเจรจาธุรกิจ 20 คู่ มูลค่าการเจรจารวม 13.5 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายสินค้าภายในงาน 5 วัน ทะลุ 1.5 ล้านบาท
 

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลสำเร็จการจัดงาน MOC Biz Club Fair 2024 By DBD ระหว่างวันที่ 7-11 มีนาคม 2567 ณ ชั้น B ศูนย์การค้าซีคอน บางแค ว่า “การจัดงานฯ ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม โดยได้รับความสนใจจากผู้บริโภคและนักธุรกิจที่เข้าร่วมเจรจาธุรกิจจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานแสดงและจำหน่ายสินค้าสามารถขยายตลาด ขยายฐานลูกค้า สร้างเครือข่ายธุรกิจ และเจรจาการค้าจนสามารถปิดดีลการเจรจาได้หลายราย

งาน MOC Biz Club Fair 2024 By DBD เป็นส่วนหนึ่งของการจัดกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจและเพิ่มโอกาสทางการค้าแก่ผู้ประกอบการชุมชน ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Micro SMEs) และสนับสนุนด้านการตลาดแก่ผู้ประกอบการชุมชนทั่วประเทศ ควบคู่กับการดำเนินการต่อยอดสร้างโอกาสขยายธุรกิจกับคู่ค้ารายใหม่ซึ่งกลุ่มเครือข่ายธุรกิจ MOC Biz Club เป็นผู้ประกอบการ MSME ที่มีศักยภาพ และได้รับการส่งเสริมสนับสนุนจากกรมฯ มาอย่างต่อเนื่อง
 

การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ทำให้เศรษฐกิจภาพรวมมีความเข้มแข็ง โดยผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานสามารถขยายตลาด สร้างรายได้ เชื่อมโยงกับผู้บริโภคและนักลงทุนได้โดยตรง ตลอดการจัดงานมีผู้บริโภคให้ความสนใจเข้าเดินชมงานและเลือกซื้อสินค้าจำนวนมาก ได้มีการเจรจาธุรกิจกับนักธุรกิจที่สนใจร่วมลงทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่นที่มาออกงาน ทำให้เกิดมูลค่าการค้ากว่า 15 ล้านบาท
 

ผลจากการเจรจาธุรกิจภายในงานฯ สามารถปิดดีลการเจรจาได้จำนวนกว่า 20 คู่ และมีสินค้าชุมชนรวม 200 รายการ สามารถสร้างมูลค่าการค้ากว่า 13.5 ล้านบาท โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) ชุดผ้าฝ้าย จังหวัดลำพูน 2) กระเป๋าหนังวัวแท้แฮนด์เมด จังหวัดปทุมธานี และ 3) ผลไม้แปรรูป จังหวัดพิษณุโลก 4) ผลิตภัณฑ์งานทองเหลือง จังหวัดระยอง และ 5) สมุนไพรไทย จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งทั้ง 5 ผลิตภัณฑ์ล้วนเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งผลสำเร็จจากการเจรจาธุรกิจ จะสามารถสร้างโอกาสทางการค้าให้ผู้ประกอบการสินค้าชุมชนให้เกิดการขยายตลาด และขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น เป็นการช่วยกระตุ้นตลาดผลิตภัณฑ์ชุมชนของไทยให้มีความแข็งแกร่งและพร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการของตลาด

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้สนับสนุนและส่งเสริมให้ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ชุมชนขยายช่องทางการตลาดในทุกรูปแบบ และได้จัดหาช่องทางการจัดจำหน่ายให้มีความหลากหลาย เพื่อกระจายสินค้า และเกิดพันธมิตรทางการค้าที่เกื้อกูลกัน ตลอดจนเกิดการเชื่อมโยงการค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของคู่ค้าแต่ละราย ทำให้เกิดประโยชน์กับผู้ประกอบการฐานรากอย่างแท้จริง รวมถึงเป็นการยกระดับและพัฒนาสินค้าวิสาหกิจชุมชน หรือ เอสเอ็มอีรายย่อยให้มีความเข้มแข็ง สินค้าได้รับการพัฒนาให้มีมาตรฐานเดียวกัน สามารถขยายตลาดและมีแหล่งกระจายสินค้าได้มากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีความแข็งแกร่ง และระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศที่จะมีความมั่นคง และยั่งยืนมากขึ้น
 

การพัฒนารูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ที่ตอบสนองต่อพฤติกรรมตลาดและวิถีชีวิตยุคใหม่ และสร้างโอกาสทางการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสามารถกระตุ้นความต้องการตลาด ของกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมาย รวมถึงการเชื่อมโยงสู่วิถีชุมชนในแต่ละพื้นที่ ทำให้ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น สามารถนำไปต่อยอดสร้างธุรกิจได้ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างให้เศรษฐกิจภายในชุมชมนั้นมีความมั่นคงและยั่งยืน” อธิบดีกล่าวสรุป


ที่มา : www.dbd.go.th