651
25 ตุลาคม 2566
รมช.พณ.ลุยงาน! มอบนโยบายสนับสนุนธุรกิจคนตัวเล็ก รดน้ำที่ราก เน้น 3 Quick Win เร่งฟื้นโอกาส ติดอาวุธธุรกิจให้มีช่องทางเติบโต พร้อมผลักดัน SMEs ไทยสร้างมูลค่าทางการตลาดให้ได้ 40% ของ GDP ภายในปี 2570
 
 
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมลุยงานช่วยธุรกิจค้าขาย นำทัพตรวจเยี่ยมการทำงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยึดหลัก 3 นโยบายกระทรวงพาณิชย์สู่การปฏิบัติที่เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน

1) เร่งลดรายจ่าย เดินหน้าเพิ่มรายได้ด้วยการพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ และ SMEs จัดกิจกรรมใหญ่ให้เกิดนักธุรกิจหน้าใหม่ทั่วประเทศ พร้อมประสานสถาบันการเงินให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2) สร้างความสมดุลให้การค้า ผู้ประกอบธุรกิจต้องเข้าถึงความรู้ได้เท่าเทียมกันผ่าน DBD e-Learning ขยายช่องทางการค้าให้ธุรกิจมีที่ทำกินเพิ่มด้วยโลกออนไลน์ e-Commerce ความน่าเชื่อถือ ส่งเสริมภาพลักษณ์ร้านอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักรองรับนักท่องเที่ยวไหลเข้าประเทศ และ 3) แก้ไขข้อจำกัดของกฎหมาย ทบทวนกฎหมายให้สอดรับกับความต้องการ ของภาคธุรกิจ ปรับบทบาทภาครัฐให้เป็นผู้สนับสนุนและส่งเสริมให้ภาคธุรกิจเดินต่อได้ด้วยความเข้มแข็ง เน้น! 3 ภารกิจ Quick Win เร่งทำให้สำเร็จโดยเร็ว

1) การจัดงานแสดงสินค้าและบริการ SMEs กระตุ้นการใช้จ่ายและสร้างอาชีพ ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค 2) พัฒนาระบบบริการจดทะเบียนธุรกิจออนไลน์ ต่อยอดไปยังบริษัทมหาชนจำกัดทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-PCL ให้สมบูรณ์ทั้งระบบ พร้อมพัฒนา e-Form รองรับโลกดิจิทัลที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ และ 3) ยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมของหอการค้า ช่วยตัดต้นทุนของภาคธุรกิจและประชาชน
 
นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังการประชุมมอบนโยบาย การดำเนินงานของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ว่า ตนมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและมอบนโยบายการทำงานแก่ผู้บริหารกรมพัฒนาธุรกิจการค้าซึ่งเป็นหน่วยงานที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายภูมิธรรม เวชยชัย) มอบหมายให้กำกับดูแล พร้อมทั้งถือโอกาสให้กำลังใจข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ โดยตนเองพร้อมสนับสนุนการทำงานของกรมฯ ให้ราบรื่นและประสบความสำเร็จ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 กระทรวงพาณิชย์ได้มอบ 7 นโยบายสำคัญ ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการ โดยภารกิจกรมพัฒนาธุรกิจการค้าสอดรับกับนโยบายเร่งด่วน 3 ด้าน คือ 1) การลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เน้นการรดน้ำที่ราก ดูแลคนตัวเล็ก 2) การบริหารให้เกิดความสมดุล และ 3) การแก้ไขข้อจำกัดของกฎหมาย จึงได้มอบแนวทางปฏิบัติเพื่อให้กรมฯ ได้นำไปดำเนินงานเพื่อสร้างความเข้มแข็งแก่ภาคธุรกิจต่อไป
 
รมช.พณ. กล่าวต่อว่า "นโยบายแรก ด้านการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส เน้นเดินหน้าสร้างรายได้และขยายโอกาสทางธุรกิจด้วยการ ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจแฟรนไชส์ และ ธุรกิจ SMEs ที่เป็นกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดการค้าขายในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ โดยในปี 2567 จะจัดโครงการแฟรนไชส์สร้างอาชีพ Roadshow 2024 เพื่อพาแฟรนไชส์ที่ผ่านการพัฒนาแล้วไปออกงานพบปะลูกค้า

รวมถึงการขายแฟรนไชส์ในราคาพิเศษแก่ผู้ที่ต้องการสร้างงาน สร้างอาชีพ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจเดินหน้าไปพร้อมกันทั่วประเทศ โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าประสานสถาบันการเงินในการให้สินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษหรือแพ็คเกจพิเศษแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเข้ามาลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ และธุรกิจ SMEs เพื่อสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายมากขึ้น ทั้งนี้ ธุรกิจแฟรนไชส์ถือเป็นแพ็คเกจการค้าขายสำเร็จรูปที่มีมาตรฐาน ผู้ซื้อแฟรนไชส์สามารถดำเนินธุรกิจได้เลยโดยไม่ต้องลองผิดลองถูกให้เสียเวลา ซึ่งจะทำให้เกิดนักธุรกิจไทยหน้าใหม่จำนวนมาก ประกอบกับเจ้าของแฟรนไชส์ก็สามารถขยายธุรกิจของตัวเองไปได้อย่างต่อเนื่อง"
 
"นโยบายด้านการบริหารให้เกิดความสมดุลในมิติของผู้ประกอบการ ผลักดันให้ SME และประชาชนที่สนใจทำธุรกิจสามารถเข้าถึงระบบ DBD e-Learning ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ธุรกิจด้วยตนเอง พร้อมย้ำให้กรมฯ คอยติดตามพัฒนาหัวข้อวิชาให้มีความทันสมัยตอบโจทย์การทำธุรกิจในอนาคต เพื่อให้ DBD e-Learning เป็นแหล่งเรียนรู้และเพื่อนคู่คิดให้กับ SME ในการพัฒนาทักษะด้านการประกอบธุรกิจอย่างมืออาชีพ ตั้งแต่เริ่มต้นจนประสบความสำเร็จ เมื่อผู้ประกอบธุรกิจมีความรู้ที่ดีแล้ว สามารถต่อยอดและขยายช่องทางการค้าขายที่กว้างมากขึ้น

ผ่านการค้าออนไลน์ e-Commerce เน้นการสร้างชุมชนออนไลน์ต้นแบบ Digital Village by DBD ให้กระจายทั่วประเทศ พร้อมสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตรภาคเอกชนเพื่อร่วมกันส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าโดยเฉพาะผู้ประกอบการชุมชนผ่านช่องทางออนไลน์

ทั้งนี้ เมื่อเรากำลังอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยมิจฉาชีพออนไลน์การสร้างความน่าเชื่อ เชื่อมั่นให้แก่ธุรกิจออนไลน์ผ่านตราสัญลักษณ์ DBD Registered ที่ให้บริการผ่านระบบ Trustmarkthai จึงเป็นภารกิจอย่างหนึ่งที่ต้องพัฒนาต่อเนื่องให้ประชาชนสามารถตรวจสอบร้านค้าได้โดยง่าย นอกจากนี้ การยกระดับธุรกิจร้านอาหารไทยผ่านตราสัญลักษณ์ Thai SELECT โดยอาหารไทยต้องเป็นที่รู้จักแก่นักชิมทั้งชาวไทยและต่างชาติรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ภายหลังรัฐบาลมีนโยบายเน้นหนักด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ"
 
"นโยบายด้านการแก้ไขข้อจำกัดของกฎหมาย ได้รับทราบผลการดำเนินงานที่ผ่านมาด้านการพัฒนากฎหมาย ทั้ง 10 ฉบับที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกรมฯ ว่า ได้ปรับปรุงกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจด้านต่างๆ มาโดยตลอด ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีในการช่วยภาคธุรกิจให้ค้าขายได้ง่ายขึ้น สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการปรับบทบาทภาครัฐด้านการใช้กฎหมายให้เป็นผู้สนับสนุนภาคธุรกิจแทนการกำกับดูแล

ทั้งนี้ ขอให้มีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมายโดยฟังเสียงความต้องการจากภาคธุรกิจและประชาชนเป็นหลัก โดยตนจะรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากข้าราชการซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติงานโดยตรงกับภาคประชาชนที่เป็นผู้ใช้งานจริง และพร้อมเป็นผู้สนับสนุนผลักดันกฎหมายที่จะช่วยขจัดอุปสรรคในการทำธุรกิจออกไป ประกอบกับสร้างความเข้มแข็งให้นักธุรกิจไทยได้เป็นกำลังสำคัญในการหมุนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างรวดเร็ว"
 
"นอกจากการเร่งปฏิบัติตามนโยบายกระทรวงพาณิชย์ 3 ด้านข้างต้นแล้ว ตนยังได้มอบภารกิจเร่งด่วน (Quick Win) ที่กระตุ้นการเติบโตของภาคธุรกิจโดยตรงและเกิดผลลัพธ์ได้รวดเร็วใน 3 ด้านคือ 1) จัดงานแสดงสินค้าและบริการให้กลุ่มธุรกิจ SMEs เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า เชื่อมโยงเครือข่าย สร้างความรู้ในการทำธุรกิจพร้อมกับสนับสนุนแหล่งเงินทุนให้ธุรกิจมีสายพานเดินต่อไปได้ โดยจะดำเนินการจัดกิจกรรมทั้งในส่วนกลางและภูมิภาค (กำหนดจัดงานต้นปี 2567)

นอกจากนี้ จะเร่งภาคการค้าของ SMEs ไทย ให้สามารถสร้างมูลค่าทางการตลาดให้ได้ 40% ของ GDP ประเทศ ภายในปี 2570 2) การพัฒนาเทคโนโลยีระบบจดทะเบียนนิติบุคคล แม้ว่าขณะนี้ กรมฯ ได้เปิดให้บริการระบบจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์ควบคู่กับการให้บริการแบบ Walk-in ไปหลายระบบแล้ว ในส่วนต่อไปขอให้เร่งรัดเปิดให้บริการระบบจดทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัดทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-PCL ที่สมบูรณ์ ทั้งระบบ ซึ่งการใช้งานผ่านทางออนไลน์จะลดระยะเวลาจดทะเบียนเหลือเพียง 1 ชั่วโมง และลดการใช้กระดาษและการเดินทางที่เป็นต้นทุนของธุรกิจได้ 100%

อย่างไรก็ดี (คาดว่าจะให้บริการได้ปลายปีนี้) ในส่วนของการรองรับการให้บริการข้อมูลดิจิทัลในอนาคต ขอให้วางแผนพัฒนาระบบ e- Form เพื่อให้บริการออนไลน์อย่างต่อเนื่อง จะทำให้การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทยมีความรวดเร็วมากขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นการอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจและประชาชนที่ใช้บริการให้มีความคล่องตัว พร้อมทั้งรองรับและเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง และ 3) การยกเลิกเก็บค่าธรรมเนียมของหอการค้า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ รวมถึงประชาชนไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียมในการขอตรวจ หรือคัดและรับรองเอกสารอีกต่อไป (ขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอให้ครม.พิจารณา)" รมช.พณ. กล่าวทิ้งท้าย
 
ที่มา : www.dbd.go.th
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
แฟรนไชส์ P.P.TYRE ร่วม..
1,651
แฟรนไชส์ “ไจแอ้นลูกชิ้..
1,469
“โฮมแคร์ภิบาล” จัด Ope..
1,432
ชีสซี่ฟราย สแน็ค เปิด ..
1,124
เรียนสร้างแฟรนไชส์ ในค..
889
ธงไชยผัดไทย เปิดโครงกา..
826
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด