กลอรี่ฯนำไอศกรีมยุ่นบุกตลาดทั่วอาเซียน
กลอรี่ฯ รับนโยบายไอศกรีมพรีเมียมแดนปลาดิบแบรนด์“มาร์เวลัส ครีม” บุกตลาดทั่วอาเซียน ประเดิมสาขาแรกในไทย หวัง3ปีขยายแฟรนไชส์
น.ส.พักตร์วดี มฆวัตาสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทกลอรี่ อินเวสเตอร์ ผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอศกรีมระดับบน(พรีเมียม) มาร์เวลลัส ครีม(Marvelous Cream) เปิดเผยว่าบริษัทในฐานะผู้รับสิทธิบริหารธุรกิจร้านไอศกรีมแบรนด์มาร์เวลลัส ครีมรายเดียวในประเทศไทย(มาสเตอร์ แฟรนไชส์) จากประเทศญี่ปุ่นที่มีสาขาให้บริการกว่า 40 แห่ง ที่วางนโยบายการไอศกรีมแบรนด์ดังกล่าวไปสู่ตลาดในภูมิอาเซียน เพื่อผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ “มาร์เวลลัส ครีม” เป็นแบรนด์ระดับภูมิภาค หรือ รีจินัล แบรนด์
สำหรับจุดเด่นผลิตภัณฑ์มาร์เวลลัส ครีม จะเป็นไอศกรีมและวาฟเฟิลระดับบน ที่ใช้วัตุดิบจากธรรมชาติ และส่วนผสมนำเข้านมวัวฮอกไกโด 100% ที่ล่าสุดบริษัทแม่ วางแผนขยายตลาดให้บริการในประเทศไทย จากก่อนหน้าเปิดให้บริการในสิงคโปร์ จำนวน2 สาขา และทยอยขยายสาขาธุรกิจเพื่อเปิดให้บริการในประเทศจีน เกาหลี และอินโดนีเซีย เป็นต้น จากโอกาสการค้าเสรี(เอฟทีเอ) ระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆในอาเซียน
ส่วนแนวทางดำเนินธุรกิจในประเทศไทย บริษัทจะใช้กลยุทธ์การตลาดพร้อมสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้บริโภคชาวไทย กลุ่มคนเมืองและคนรุ่นใหม่ รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ชื่นชอบไอศกรีมและของหวานสไตล์ญี่ปุ่น ผ่านแนวคิดร้านไอศกรีม“โมเดิร์น เจแปนนีส”
โดยมีไอศกรีม 3 รูปแบบ คือ
- ออริจินัล ครีเอชัน ไอศกรีมผัดแบบเทปันยากิ จำนวน 27รสชาติ
- พาทิสกรีม เป็นยูโรเปียนพาเฟท์ ไอศกรีมเค้ก รูปแบบใหม่ มี 11 รสชาติ
- เฮเวนลี คอมโพท วาฟเฟิล เป็นวาฟเฟิลสอดใส้ครีมสไตล์ญี่ปุ่น มี 20 รสชาติ
วางราคาจำหน่ายเฉลี่ย 89-169 บาท เปิดให้บริการสาขาแรกในไทยที่สยามพารากอน
“คาดในปีแรกนี้ วางแผนเปิดให้บริการาว 1-2 สาขา โดยขึ้นอยู่กับทำเล คาดใช้งบลงทุนเฉลี่ย 3-5 ล้านบาทต่อจุด พร้อมวางเป้าภายใน 3 นับจากนี้จะขยายธุรกิจไปสู่รูปแบบแฟรนไชส์ รองรับผู้สนใจการลงทุนและเพื่อขยายฐานผู้บริโภคไปยังทำเลอื่นๆ” น.ส.พักตร์วดี กล่าว
ปัจจุบันตลาดรวมไอศกรีมมีมูลค่าราว 1.3 หมื่นล้านบาท เติบโตราว10-12% ต่อปี แบ่งเป็นกลุ่มระดับไอศกรีมบนสัดส่วน 30% หรือราว 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตมากสุด 10% ต่อปี มาจากพฤติกรรมความนิยมของผู้บริโภค และกระบวนการผลิต วัตถุดิบสินค้าจากธรรมชาติที่กระตุ้นผู้บริโภค เป็นต้น ส่วนที่เหลือ 70% เป็นไอศกรีมกลุ่มระดับกลางและทั่วไป โดยในปีแรกของการทำตลาดบริษัทวางเป้าส่วนแบ่งราว 3% ของตลาดรวมไอศกรีมระดับบน
อ้างอิงจาก โพสต์ทูเดย์