4.3K
12 ธันวาคม 2549
ธุรกิจแฟรนไชส์ในเครือ "ชลาชล กรุ๊ป"


คงไม่มีใครไม่รู้จักช่างผมสุดไฮโซคนนี้ "สมศักดิ์ ชลาชล" แม้ใครๆ จะยัดเยียดคำว่า "ไฮโซ" ให้...แต่เจ้าตัวยืนยันเสียงหนักแน่นว่า เขาคือ "ช่างทำผม" ธรรมดาๆ คนหนึ่ง! และการขยายตัวของอาณาจักร "ชลาชลกรุ๊ป" ที่กำลังจะโกอินเตอร์ก็คือความภาคภูมิใจของช่างผมไฮโซคนนี้!
18 ปีแห่งการพิสูจน์ฝีมือกับ "ชลาชล แฮร์ สตูดิโอ" ในเวลานี้ แบรนด์ของ "ชลาชล" ก็กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

ร้านทำผมในเครือของชลาชล กรุ๊ป ได้แตกแบรนด์ออกไปถึง 5 แบรนด์ ประกอบด้วย ชลาชล แฮร์ สตูดิโอ 6 สาขา, ซาลอน เดอ กูรู 1 สาขา, ซาลอน เดอ บีเคเค 1 สาขา, คิว คัท 8 สาขา และ 'Sak by Chalachol 1 สาขา

 มีตั้งแต่ร้านที่เจาะกลุ่มวัยรุ่นเปรี้ยวจี๊ด...ไปถึงชาวต่างชาติ และบุคคลผู้มีอันจะกินและมีชื่อเสียงในแวดวงสังคม และแผนจับมือพาร์ทเนอร์ส่งออกธุรกิจร้านทำผม 

ในฐานะที่คลุกคลีอยู่ในวงการร้านทำผมมานานกว่า 10 ปี "สมศักดิ์ ชลาชล” ประธานกรรมการ บริษัท ชลาชล จำกัด บอกว่า การแข่งขันในธุรกิจนี้ไม่มีกฎกติกาที่ชัดเจน ในระยะหลังๆ จึงเห็นว่ามีเชนจากต่างประเทศเข้ามาเปิดสาขาในเมืองไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งแนวโน้มร้านทำผมในเมืองไทยกำลังมีแนวโน้มเช่นเดียวกับธุรกิจค้าปลีกทั่วไป ดังเช่นที่ร้านทำผมเล็กๆ ถูกกลืนด้วยร้านแบรนด์เนมจากต่างประเทศ ที่เข้ามาเปิดได้ง่ายมากขอแค่มีเงินทุน


"ร้านทำผมคนไทยที่เห็นส่วนมากอยู่ได้ไม่เกิน 10 ปีก็หายไป หรือหากอยู่ได้ก็อยู่แบบเดิมตลอด อย่างเกตุวดี เกศสยาม ก็อยู่มาแบบเดิมตลอด แต่สำหรับพี่ พี่เป็นมนุษย์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ต้องหาทางรับมือกับทุนนิยมที่เข้ามาในไทย พี่ก็เลยหันมาวางระบบให้ร้านชลาชล

พี่เชื่อว่าในไทยยังไม่มีร้านทำผมที่ทำเป็นระบบเท่าเรา ส่วนใหญ่ให้เด็กหรือช่างทำกันเอง แต่ที่นี่พี่อาศัยประสบการณ์และความชำนาญ และทำให้เป็นระบบ" เขาเล่าปัญหาที่ร้านทำผมไทยกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้

ด้วยความตั้งใจให้ชลาชลเป็นร้านทำผมที่มีระบบและมีมาตรฐาน โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร หรือ "ช่างผม" ที่เขาถือว่าเป็นคีย์แมนของชลาชล จึงได้ตั้งสถาบันเพื่อฝึกอบรมช่างทำผมโดยเฉพาะ

ช่างทำผมใต้แบรนด์ชลาชลไม่ใช่ต้องมี "ฝีมือ" เท่านั้น แต่ยังต้องเป็นคนที่มี "หัวใจทางด้านการบริการ" อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับ "จรรยาบรรณ" ที่ดีในวิชาชีพอีกด้วย
 

“พี่เน้นที่การสร้างคน เพื่อให้เขาสร้างงาน ใช้สัญญาใจอยู่ด้วยกันล้วนๆ เช่นบางคนเติบโตขึ้นมา ก็มาร่วมเปิดร้านชลาชลกับเรา เราก็ให้โอกาสนะ” เขาบอก ปัจจุบันช่างผมกว่า 200 คนของชลาชล จึงถูกดึงตัวไปน้อย เพราะส่วนใหญ่ "เต็มใจ" จะอยู่ใต้ร่มเงาของ "ชลาชล กรุ๊ป" 

ไม่เพียงด้านบุคลากรเท่านั้น เขายังให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้า โดยเครือชลาชลเลือกใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ดูแลผมระดับโลกของ "ชวาร์สคอฟ" เท่านั้น จึงเชื่อมั่นได้ว่าลูกค้าทุกรายจะได้ใช้สินค้าคุณภาพ

“พี่เชื่อว่าถ้าเปรียบเทียบเรากับร้านท็อปๆ ที่มาจากต่างประเทศ คุณภาพเราถือว่าดีกว่า ในแง่ของฝีมือของช่างเราดีมาก แต่ยอมรับว่าในแง่ของเทคนิคต่างๆ อาจยังสู้ไม่ได้”

แต่การเติบโตของชลาชล กรุ๊ป ยังเดินทางมาไม่ถึงจุดสิ้นสุด เพราะ "สมศักดิ์" บอกว่า เขาไม่ได้ต้องการทำธุรกิจแค่ในประเทศเท่านั้น แต่ฝันไปถึงขั้นที่ว่าจะขอทำให้ชื่อของ "ชลาชล" กลายเป็นที่รู้จักและเป็นผู้นำในวงการแฟชั่นผมของโลก!

สิ่งที่สะท้อนให้เห็นความฝันของเขา ไม่ใช่เพียงแค่การที่เขาได้รับคัดเลือกให้เป็น "ชวาร์สคอฟ โปรเฟสชั่นแนล ครีเอทีฟ แอมบาสเดอร์" คนแรกของประเทศไทยเท่านั้น

แต่ล่าสุดกำลังเจรจากับต่างประเทศ คือจีนและเวียดนาม ที่มีนักลงทุนสนใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปของการเจรจาทั้งสองประเทศ และเริ่มลงมือได้ในปีหน้านี้

"พี่เคยไปเวียดนามตอนที่เป็นแอมบาสเดอร์ให้กับชวาร์สคอฟ ก็เห็นเชนร้านทำผมจากเกาหลีไปเปิดที่นั่น ซึ่งใหญ่มาก ก็มองเห็นโอกาสว่าชลาชลก็น่าจะเข้าไปในตลาดนั้นได้เหมือนกัน ส่วนที่จีนก็น่าทำ เพราะตอนนี้คนจีนบริโภคกันมาก เหมือนเก็บกดมานาน แต่พี่ยังค่อนข้างกลัวอยู่ เพราะจีนมีปัญหาการเมืองค่อนข้างมาก ก็คงขอศึกษาอีกสักระยะก่อน ปีหน้าน่าจะเริ่มทำได้แล้วทั้งสองประเทศ" สมศักดิ์กล่าว
 



ในการออกสู่ตลาดต่างประเทศนั้น สมศักดิ์บอกว่า จะเป็นการขายโนว์ฮาว ขายระบบให้ในรูปแบบของแฟรนไชส์ โดยเลือกแบรนด์ 'Sak by Chalachol เป็นแบรนด์แรกในการกรุยทางสู่ต่างประเทศ

"ที่ผ่านมาในประเทศเราขายแฟรนไชส์ชลาชล แฮร์ สตูดิโอ ที่มีคอนเซปต์คือการเป็นผู้นำเทรนด์ผม และหลังๆ เริ่มมาเน้นที่แฟรนไชส์คิว คัท เพื่อจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น ออกแนวเทรนดี้
 ส่วนการออกต่างประเทศ ตอนนี้ที่คิดไว้คือจะขายเฉพาะแบรนด์ 'Sak ซึ่งเป็นร้านที่ไฮเอนด์มากๆ มีแฮร์สไตลิสต์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก ไม่ใช่แค่ระดับประเทศ และจากการเปิด 'Sak สาขาแรกที่พารากอน ก็ได้รับการตอบรับจากชาวต่างประเทศที่ดีมาก เราจึงต้องการเอาแบรนด์นี้โกอินเตอร์"

กว่าจะมาถึงวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แฮร์ดีไซเนอร์คนดังยอมรับว่า เคยมีทั้งช่วงเวลาที่ท้อใจ และช่วงเวลาที่ประสบความยากลำบากชนิดเกือบต้องล้ม แต่ที่ฟันฝ่ามาจนชลาชลเป็นที่รู้จักอย่างทุกวันนี้ได้เพราะมีแนวคิดในการทำงานที่ "ไม่หยุดนิ่ง" และต้องคิดอะไรใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

บวกกับสโลแกนประจำตัวของเขาคือ "ทำอะไรต้องไม่ธรรมดา"

"ทุกครั้งที่เราทำงาน เราจะให้โจทย์ตัวเอง 4 ข้อ สิ่งแรกคือการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลาในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นฝีมือ คุณภาพการทำงาน บรรยากาศในร้านที่ต้องทันสมัยและล้ำกระแสแฟชั่น ต่อด้วยการเป็น trendsetter

คือเราตั้งใจที่จะเป็นศูนย์รวมของแฟชั่นและเป็นผู้นำเทรนด์ผมของเอเชีย 
การสร้างสรรค์แบบแตกต่าง ชลาชลจะไม่เหมือนใคร และคงห้ามไม่ให้ใครเหมือนไม่ได้ เราจึงต้องสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลา บวกกับความเป็นคนชอบคิดโน่นคิดนี่ ทำให้ชลาชลมีอะไรใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง

สุดท้ายคือการเข้าใจ เข้าถึงลูกค้าอย่างแท้จริง เรารู้ว่าลูกค้าต้องการความผ่อนคลาย สบายใจ ทั้งบริการและบรรยากาศโดยรวม ซึ่งเราต้องการให้ลูกค้าได้รับความรู้สึกพิเศษแตกต่างจากร้านทำผมทั่วไป ความเป็นชลาชลต้องแตกต่างจากแบรนด์อื่นทั่วไป"

จึงไม่น่าแปลกใจว่าเครือชลาชล ธุรกิจร้านทำผมจะสามารถทำรายได้ถึง 80 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา และกำลังจะก้าวสู่หลัก 100 ล้านบาท ในสิ้นปีนี้

พร้อมกับสเตปต่อไป...นำธุรกิจร้านทำผมเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งหากทำได้จะเป็นร้านทำผมร้านแรกในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหมดคงพิสูจน์ฝีมือของช่างผมคนดังได้เป็นอย่างดี

แต่การเดินทางของเขายังไม่สิ้นสุด ขณะนี้เขาก็กำลังทำวิทยานิพนธ์ "เศรษฐศาสตร์การเมืองว่าด้วยธุรกิจการทำผมกับทุนนิยมต่างชาติ" คณะเศรษฐศาสตร์ สาขาเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอยู่ด้วย ซึ่งก็จะนำข้อมูลที่เรียนมาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจของชลาชลออกไปอีก

“ปัจจุบันธุรกิจเสริมสวยมีการแข่งขันกันสูงมาก แม้ว่าชลาชลจะอยู่มากว่า 18 ปีแล้วก็ตาม แต่พี่ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง มีการพัฒนาตัวเองตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทรนด์ผม เทคนิคใหม่ๆ หรือแม้แต่ความรู้ ความเคลื่อนไหวของโลก”

เพราะนี่ไม่ใช่แค่ร้านทำผมเล็กๆ แต่เป็นธุรกิจขายบริการที่ยิ่งใหญ่




อ้างอิง : กรุงเทพธุรกิจ



เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : www.chalachol.com | www.q-cut.com
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่ มาแล้ว! ทูลเก..
5,535
PLAY Q by CST bright u..
1,205
มาแล้ว! #งานแฟรนไชส์ ม..
940
อร่อย! เลิศ! รสเด็ด ก๋..
931
สุดปัง! แฟรนไชส์หม่าล่..
784
ลงทุนกับ “ซุปซุป” ร้าน..
757
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด