8.4K
10 สิงหาคม 2553

ผุดโรงหนังน็อกดาวน์สู้แผ่นผี "กันตนา"ขายแฟรนไชส์ทั่วปท.

 


"กันตนาฯ" ผุดไอเดียโรงหนังชุมชนระบบน็อกดาวน์ 50 ที่นั่ง เจาะตลาดระดับตำบลตามเทรนด์อเมริกา เน้นฉายหนังไทย-เอเชีย เก็บค่าตั๋วไม่เกิน 20 บาทเอาใจคนชนบท เผยวางคอนเซ็ปต์-ระบบเสร็จแล้วเตรียมเปิดขายแฟรนไชส์ภายใน 2-3 เดือนนี้ ตั้งเป้าต้นปีหน้าเปิดตัวลอตแรก 1,000 แห่งทั่วประเทศหวังเป็นศูนย์กลางความบันเทิง แหล่งสร้างรายได้ในหมู่บ้าน พร้อมแก้ปัญหาแผ่นผี-อุ้มผู้สร้างหนัง ยันเป้าหมายคนละตลาดกับเมเจอร์-เอสเอฟ


นายจาฤก กัลย์จาฤก ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันตนา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ศึกษาโมเดลการทำโรงหนังชุมชน หรือ Community Cenema สำหรับรองรับกลุ่มคนดูหนังในพื้นที่ห่างไกลและไม่มีโอกาสได้ดูหนังในโรงภาพยนตร์ อีกทั้งยังเป็นแนวทางที่ช่วยแก้ไขปัญหาด้านการละเมิดลิขสิทธิ์ที่กลายเป็นปัญหาเรื้อรังของกลุ่มผู้ประกอบการอยู่ในขณะนี้ รูปแบบจะเป็นโรงหนังโลว์คอสต์ที่มีคุณภาพ ขนาดเล็ก 50 ที่นั่ง ใช้พื้นที่ประมาณ 100 ตารางวา ก่อสร้างด้วยวัสดุคงทน สามารถเคลื่อนย้ายได้ (Knockdown Cenema) ฉายด้วยเทคโนโลยีการรับส่งสัญญาณผ่านดาวเทียมจากส่วนกลางในระบบดิจิทัลและระบบเสียงเซอร์ราวนด์ ภายในมีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เน้นฉายหนังไทยและหนังเอเชียเป็นหลัก เก็บค่าตั๋วเข้าชมเฉลี่ย 10-20 บาท/ที่นั่ง

นายจาฤกกล่าวว่า คอนเซ็ปต์โรงหนังชุมชนนี้จะมุ่งสนองตอบโจทย์ความต้องการกลุ่มคนในระดับตำบลห่างไกลทั่วประเทศ ฉายหนังชนโรงเหมือนโรงในตัวเมืองและกรุงเทพฯ ซึ่งก่อนสรุปคอนเซ็ปต์ดังกล่าวได้ปรึกษากับนายวิชา พูลวรลักษณ์ ผู้บริหารโรงหนังค่ายเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และนายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ผู้บริหารโรงหนังค่าย เอสเอฟ ซีเนม่าแล้วว่าจะเป็นคนละกลุ่ม เป้าหมายอย่างชัดเจน สำหรับแนวทางการทำธุรกิจมีแผนขายแฟรนไชส์ให้กับผู้สนใจลงทุนรายละประมาณ 1 ล้านบาท คาดว่าน่าจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ในช่วงต้นปีหน้า โดยในช่วงแรกที่เปิดตลาดตั้งเป้าเปิดพร้อมกันไม่ต่ำกว่า 1,000 แห่งทั่วประเทศ และนอกจากเป็นโรงหนังที่ดึงคนเข้ามาแล้วยังสามารถเป็นทำเลการค้าขายได้ในอีกหลายรูปแบบ อาทิ เปิดให้บริการ 108 ช็อป หรือเซเว่นอีเลฟเว่นควบคู่กันไปได้ด้วย

"โรงหนังคอนเซ็ปต์นี้ปัจจุบันที่อเมริกากำลังทำตลาดอยู่ และมีประมาณ 40,000 โรง ฉายในระบบเอชดีทั้งหมด บริษัทจึงมั่นใจว่าคอนเซ็ปต์นี้น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน"

นายจาฤกกล่าวว่า ได้ทำต้นแบบของโรงหนังชุมชนโมเดลแรกที่โรงถ่ายกันตนา ศาลายา ประมาณ 6 เดือนแล้วแต่ยังไม่ลงตัว เพราะมีขนาดเล็กเกินไปจึงได้แก้แบบใหม่ให้มีคุณภาพทัดเทียมกับโรงหนังขนาดใหญ่ในเมือง คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้ และทุกอย่างจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดตัวเป็นทางการในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า

"ไอเดียนี้มีมานานแล้ว แต่เพิ่งมาเร่งตอนเข้ามารับตำแหน่งบริหารนายกสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ เพราะยุคนี้ผมมารับผิดชอบในเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งการละเมิดลิขสิทธิ์ที่ว่านี้ผมทำอยู่ 2 เรื่องควบคู่กันไป เรื่องแรก คือ การแก้กฎหมาย โดยระบุให้การแอบถ่ายหนังในโรงหนังมีความผิด ผู้ซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ก็มีความผิด กฎหมายการฟอกเงิน และอื่น ๆ รวม 5 เรื่อง ตอนนี้ผ่านอยู่เรื่องเดียว คือ การแอบถ่ายทำในโรงหนังมีความผิด"

นายจาฤกอธิบายต่อไปว่า นอกจากกฎหมายควบคุมแล้ว ในอนาคตหากรัฐบาลรับในหลักการที่ให้ผู้ซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มีความผิดด้วย โมเดลของโรงหนังชุมชนหรือโรงหนังโลว์คอสต์นี้จะเป็นตัวสนับสนุนทันที และเชื่อว่าคนจะหันมาดูหนังในโรงแบบนี้แทนเพราะค่าตั๋วที่ต่ำ คนจะไม่ไปซื้อแผ่นผีซึ่งจะทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนกับมาสู้ ผู้ผลิตหนังไทย ทำให้ผู้ผลิตหนังไทยมีเงินและมีกำลังใจในการสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ ออกมาสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ตนได้นำโมเดลดังกล่าวนี้ไปคุยกับภาครัฐบาล โดยขายไอเดียผ่านกระทรวงวัฒนธรรม แต่ไม่ได้รับการตอบรับ ในฐานะนายกสมาพันธ์ภาพยนตร์จึงมองถึงต้นน้ำ คิดถึงเรื่องของวิชาชีพ และอนาคตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่จะขยายในภูมิภาคนี้ จึงอยากเห็นโรงหนังชุมชนของไทยไปอยู่ในประเทศใกล้เคียงอื่น ๆ ด้วย จึงตัดสินใจทำเองในนามบริษัทกันตนาฯ และเชื่อมั่นว่าท้ายที่สุดจะมีรายได้จากส่วนที่ไม่เคยได้กลับคืนสู่ผู้ผลิตหนังไทยแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี เคยมีไอเดียในลักษณะคล้ายกันนี้เช่นกัน โดยมีแผนจะเปิดโรงหนังขนาดเล็กควบคู่ไปกับเซเว่น อีเลฟเว่น ร้านสะดวกซื้อในเครือ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามโรงหนังชุมชนดังกล่าวถือเป็นความท้าทายของผู้ลงทุนอย่างยิ่ง เนื่องจากพฤติกรรมคนดูหนังขณะนี้ส่วนใหญ่จะเป็น กลุ่มวัยรุ่นซึ่งสนใจเข้าชมโรงหนังมัลติเพล็กซ์และทันสมัย ขณะที่หนังเร่ในต่างจังหวัดซึ่งเจาะชุมชนต่าง ๆ ได้ลดความนิยมเรื่อยมา

ปัจจุบันอุตสาหกรรมภาพยนตร์และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องมีมูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์มีมูลค่าประมาณ 7 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 70-80% ของตลาด ส่วนมูลค่าของตลาดหนังโดยรวมมีมูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 10-15% ต่อปี โดยปีที่ผ่านมาหนังฮอลลีวูดมีส่วนแบ่งการตลาด 60% อีก 40% เป็นหนังไทย แต่แนวโน้มในปีนี้หนังไทยมีปริมาณเข้าฉายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้คาดว่ารายได้ระหว่างหนังฮอลลีวูดและ หนังไทยมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน


อ้างอิงจาก ประชาชาติธุรกิจ
 

ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
alls BUBBLE TEA แฟรนไช..
1,116
ยู้ฮู หวานเย็นเปิดสาขา..
1,025
รสเด็ดก๋วยเตี๋ยวกระทุ่..
917
สัมมนาลงทุน แฟรนไชส์คุ..
749
ยินดีต้อนรับ “ครอบครัว..
674
DOCTOR COSMETICS ACADE..
599
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด