7.1K
23 มีนาคม 2551
แปลงโชวห่วย "สะดวกซื้อ 39 บาท"

 
 
ตั้งเป้าพันกว่าสาขาทั่วไทย / ทาบรัศมีเซเว่น-อีเลฟเว่น 
 
พาณิชย์เดินเครื่องปัดฝุ่นโครงการ “เออาร์ที” ภาค 2 หลังช่วยร้านค้าโชวห่วยลืมตาอ้าปากไม่สำเร็จ เวอร์ชั่นใหม่สวมแบรนด์ “Thirty-nine Mart” หรือร้านสะดวกซื้อ 39 บาท ขายสินค้าอุปโภค-บริโภคและโอท็อปราคาเดียวทั้งร้าน เฟสแรกเท 200 ล้านบาท จัดวางระบบ พร้อมดึงไปรษณีย์หรือร.ฟ.ท.เป็นแนวร่วม เติมเต็มระบบลอจิสติกส์ คาดปีแรกปูพรมเครือข่าย 1.2 พันสาขาทั่วไทย 
 
 แนวคิดเรื่องการหนุนร้านค้าโชวห่วยทั่วประเทศที่มีมากกว่า 2 แสนรายของภาครัฐ เพื่อให้สามารถ ปรับตัวรองรับกับการแข่งขันเสรี ที่ ทุนใหญ่ข้ามชาติได้รุกคืบกลืนกินธุรกิจค้าปลีกไทย มูลค่ากว่า 3 แสน ล้านบาทมากขึ้นตามลำดับนั้น ได้มี การส่งเสริมและสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมเรื่อยมา

ไม่ว่าจะเป็นการออกกฎ กติกา ล้อมกรอบ การขยายเครือข่ายสาขาของยักษ์ค้าปลีกต่างแดน หรือการยื่นมือเข้า ช่วยเหลือในด้านต่างๆ เพื่อผลักดันให้ร้านค้าโชวห่วยแข็งแกร่งขึ้น ทว่าผลสะท้อนกลับกลายเป็นไปใน ทิศทางตรงกันข้าม 
 
 

บทเรียน “เออาร์ที” สูญเงิน 400 ล้าน 
 
หนึ่งในกรณีศึกษาถึงการเข้า ไปอุ้มกลุ่มร้านค้าโชวห่วยอย่างเป็น รูปธรรมเมื่อไม่นานมานี้ คือ การจัด ตั้งบริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง จำกัด (Allied Retail Trade : ART) เมื่อวันที่ 7 พ.ค.45 ภายใต้วัตถุประสงค์ส่งเสริม สนับสนุน ด้านวิทยาการความรู้ การตลาด การเพิ่มช่องทางและโอกาสใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจค้าปลีก โดยมีธนาคารกรุงไทย และนครหลวงไทย ให้ ความช่วยเหลือด้านเงินลงทุน 
 
ขณะที่แนวทางการขับเคลื่อน เออาร์ที ได้ดึงผู้เกี่ยวข้องทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เข้ามาร่วมผลักดัน จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแล โดยเฉพาะภาคเอกชนนั้น ได้บุคลากรผู้บริหารจาก สหพัฒน์ กรุ๊ป เข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการวางกรอบนโยบาย 
 
ส่วนในทางปฏิบัตินั้น เออาร์ที จะทำหน้าที่เป็นแกนกลางพัฒนาและยกระดับการค้าแบบดั้งเดิม หรือเทรดิชั่นแนลเทรด โดยเฉพาะกลุ่มร้านค้าโชวห่วย ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางสำคัญกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภค ให้มีประสิทธิภาพเทียบเคียงกับการค้าสมัยใหม่ หรือโมเดิร์นเทรด ที่มียักษ์ค้าปลีกข้ามชาติแบรนด์ โลตัส คาร์ฟูร์ บิ๊กซี แม็คโคร โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ในเครือกลุ่มซีพี ซึ่งถือเป็นผู้นำตลาดร้านคอนวีเนี่ยนสโตร์ ยึดครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่าครึ่ง 
 
ทั้งนี้ การยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือที่ว่า จะครอบคลุมถึงเรื่องการพัฒนาร้านค้าต้นแบบ เออาร์ที ให้มีรูปลักษณ์ทันสมัย มีสินค้าและบริการหลากหลาย พัฒนาระบบการจัดซื้อและจัดส่งแบบออนไลน์ ควบคู่ไปกับการดึงร้านค้าโชวห่วยให้เข้ามาเป็นแนวร่วม บนเป้าหมายมีเครือข่ายร้านสะดวกซื้อ เออาร์ที เฟสแรก 10,000 ราย เฟสสอง 50,000 ราย และเป้าสูงสุดที่ 100,000 รายทั่วประเทศ 
 
แต่แล้วโปรเจกต์นี้ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ปิดฉากลงอย่างถาวรในช่วงกลางปีที่แล้ว สูญเม็ดเงินร่วม 400 ล้านบาท อันเป็นผลจากการดำเนินงานที่ผิดพลาด ทั้งการจัดวางระบบการจัดซื้อ การขนส่ง รูปแบบร้านค้าแฟรนไชส์ รวมถึงซัพพลายเออร์ผู้จัดส่งสินค้า ให้ความร่วมมือไม่เต็มที่ 
 
 


ไอเดียบรรเจิด เปิดโมเดลร้าน 39 บาท 
 
กระนั้น แนวทางนี้ดูเหมือนจะถูกหยิบขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง ภายใต้การผลักดันของรัฐบาล “สมัคร 1” โดยแหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าโชวห่วยในครั้งนี้ รูปแบบอาจมีความใกล้เคียงกัน คือ การจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นมากำกับดูแลเรื่องนี้โดยตรง แต่โครงสร้างการบริหารงาน จำเป็นต้องศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียของ เออาร์ที อย่างรอบด้าน เพื่อนำมาปรับปรุง แก้ไข ประยุกต์ใช้ให้สอดรับกับสถานการณ์ 
 
แม้ตัวแปรสำคัญของความสำเร็จ จะครอบคลุมทุกองคาพยพในสารบบค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ระบบการบริหารจัดการ, ระบบลอจิสติกส์, การเสริมทักษะทางธุรกิจ รูปแบบร้านค้า แหล่งเงินทุน และการดึงพันธมิตรซัพพลายเออร์เข้ามาเป็นแนวร่วม เหล่านี้จะถูกนำมาผสมผสานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน 
 
 

ในระยะแรกคาดว่าจะจัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการราว 100-200 ล้านบาท เพื่อใช้ไปกับการจัดวางโครงสร้างพื้นฐานระบบไอที บุคลากร และการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ต่อกลุ่มเป้าหมายโชวห่วยทั่วประเทศ 
 
โดยคอนเซปต์ของโมเดลร้านค้าใหม่นี้ จะเป็นร้านสะดวกซื้อ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค-บริโภค สินค้าโอท็อป รวมถึงพืชผลทางการเกษตรของแต่ละพื้นที่ ราคาถูก สินค้าที่ขายในร้านทั้งหมดจะจำหน่ายในราคาเดียว 39-49 บาท ซึ่งอาจจะใช้ชื่อแบรนด์ร้าน 39 บาท หรือ “Thirty-nine Mart” ลักษณะคล้ายกับร้าน 100 เยน ซึ่งได้การตอบรับเป็นอย่างมากที่ประเทศ ญี่ปุ่น 
 
“ระบบลอจิสติกส์ที่ถือเป็นหัวใจของธุรกิจ ก็อาจจะดึงการรถไฟฯ? หรือไปรษณีย์ไทย เข้ามาเป็นแนวร่วม ซึ่งทั้งสองหน่วยงานมีศักยภาพมากพอในการให้ความช่วยเหลือ” 
 
สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าร่วมโครงการ ไม่จำเป็นต้องเป็นร้านค้าโชวห่วยเท่านั้น กลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอื่นๆ หรือผู้สนใจทั่วไป หากมีทำเลหรือร้านค้าขนาด 1 คูหา ก็สามารถเข้ามาเป็นแนวร่วมเครือข่ายแฟรนไชส์ได้ โดยเฟสแรกตั้งเป้าเปิดร้านสะดวกซื้อแบรนด์ดังกล่าวที่ 1.2 พันแห่งทั่วประเทศ 
 
 


ซัพพลายเออร์ หนุนสุดตัวป้อนสินค้า 
 
นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ ให้ความเห็นว่า แนวคิดข้างต้นเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการส่งเสริมและสนับสนุน ให้ร้านค้าโชวห่วยสามารถแข่งขันได้สมรภูมิค้าปลีกเสรี ที่นับวันผู้ประกอบการกลุ่มนี้จะล้มหายตายจากมากยิ่งขึ้น 
 
แต่การเข้ามาช่วยเหลือในลักษณะดังกล่าว จะคำนึงถึงจุดขายของร้านค้าเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องนำวิธีการแก้ไขปัญหาทั้งระบบจากต่างประเทศมาเทียบเคียง โดยเฉพาะกฎ กติกา ทางการค้า ที่บางประเทศจะบังคับให้ค้าปลีกขนาดใหญ่หยุดทำการอาทิตย์ละหนึ่งวัน การห้ามไม่ให้ขยายสาขาขนาดใหญ่ในเมือง หรือการกำหนดเวลาปิด-เปิด เป็นต้น 
 
 
 
 
 
อ้างอิง : นสพ.สยามธุรกิจ
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
สาขาใหม่มาแล้ว! บุราณ ..
963
รวมภาพบรรยากาศ คอร์ส F..
662
“เติมพลังความรู้” กับ ..
595
มาโนอิ ร่วมงานครบรอบ 1..
567
สมาร์ทเบรน จินตคณิต เป..
558
โทกิวอช ร้านสะดวกซัก เ..
521
ข่าวแฟรนไชส์มาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด