1.3K
8 เมษายน 2564
กรมพัฒน์ฯ จัดอาวุธหนุนโชวห่วยทุกขนาด พร้อมดันดาวเด่นเข้าตลาดหลักทรัพย์ 2 ร้าน กระบี่และอุบลฯ


 
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เดินหน้าสนับสนุนโชวห่วยไทยทุกขนาด...จัดอาวุธให้ครบมือ ทั้งความรู้พื้นฐานและโครงการช่วยเหลือต่างๆ พร้อมเตรียมดันโชวห่วยขนาดใหญ่สัญชาติไทยเข้าตลาดหลักทรัพย์ แสดงศักยภาพ...โชวห่วยไทย...ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ใคร ล่าสุดเตรียมปั้นดาวเด่นร้านค้าทั่วประเทศ กำลังจับแต่งตัวให้สมบูรณ์...เดินเข้าตลาดหลักทรัพย์
 
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ปัจจุบันประเทศไทยมีร้านค้าส่งค้าปลีกจำนวนทั้งสิ้น 4 แสนกว่าร้านค้า แบ่งเป็นร้านค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่-กลาง (นิติบุคคล) จำนวน 18,735 ร้านค้า และร้านค้าปลีกขนาดเล็ก/ร้านโชวห่วย ประมาณ 400,000 ร้านค้า ซึ่งผู้ประกอบการค้าส่งค้าปลีกทุกขนาดต่างเร่งปรับตัวให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของภาคธุรกิจโดยรวม รวมถึง ความต้องการของลูกค้าที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นโจทย์สำคัญสำหรับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในการเข้าไปส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งแก่ธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย”


 
“เป้าหมายสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้ร้านค้าโชวห่วยพร้อมรับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคบนวิถีปกติใหม่ (New Normal) และวิถีปกติถัดไป (Next Normal) เบื้องต้น กรมฯ ได้เตรียมแพ็คเกจรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับร้านค้าโชวห่วยแต่ละขนาด เปรียบเสมือนการเตรียมอาวุธให้ผู้ประกอบการอย่างครบมือ ทั้งความรู้ด้านการบริหารจัดการธุรกิจค้าส่งค้าปลีก และโครงการช่วยเหลือต่างๆ ที่ทยอยออกมาเสริมพลังให้แก่ผู้ประกอบการ
 
 เช่น การร่วมมือกับร้านค้าส่งค้าปลีกขนาดใหญ่จัดชุดอุปโภค-บริโภคช่วยเหลือร้านโชวห่วยขนาดเล็กเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง การประสานสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ การช่วยขยายช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ (Omni-channel) ช่วยหาเครื่องมือและระบบที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการร้านค้า โดยร่วมกับผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ในการผลักดันร้านค้าโชวห่วยให้ใช้ระบบ POS ทั่วประเทศกว่า 500 ร้านค้า ซึ่งจะทำให้ร้านค้าโชวห่วยสามารถทำบัญชีได้ง่ายขึ้น บริหารสต๊อกสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างแม่นยำ อันจะทำให้ร้านค้าโชวห่วยขนาดเล็กเติบโตอย่างแข็งแรงในระยะยาว”
 
สำหรับร้านโชวห่วยขนาดใหญ่ กรมฯ เตรียมผลักดันให้มีการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยขณะนี้ มีร้านค้าโชวห่วยขนาดใหญ่ที่เป็นดาวเด่นเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้วจำนวน 2 ร้านค้า และอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมอีก 2 ร้านค้า ในจังหวัดกระบี่และอุบลราชธานี ซึ่งร้านค้ากำลังแต่งตัวธุรกิจให้มีความสมบูรณ์มากที่สุดก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างช่องทางการระดมทุนระยะยาว เพิ่มโอกาสในการลงทุน และเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งร้านค้าโชวห่วยที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้นั้น ต้องมีการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐาน รวมถึงมีระบบบัญชี/ระบบควบคุมภายในที่โปร่งใสตรวจสอบได้ และรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย
 
กรมฯ และหน่วยงานพันธมิตร ได้แก่ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และพันธมิตรอื่นที่เกี่ยวข้อง จึงเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้แก่ร้านค้าโชวห่วยกลุ่มนี้ ในการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจ การกำหนดโครงสร้างผู้ถือหุ้น และปัจจัยอื่นที่สำคัญต่อการเข้าจดทะเบียนฯ เบื้องต้น กรมฯ ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญลงสถานประกอบการในการให้คำปรึกษาเชิงลึก การให้องค์ความรู้เกี่ยวกับการปรับกลยุทธ์และแผนการตลาด รวมถึงคำแนะนำขั้นตอนการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ฯลฯ


 
อธิบดีฯ กล่าวต่อว่า ร้านค้าโชวห่วยดาวเด่นทั้งหมด เป็นร้านระดับจังหวัดหรือระดับท้องถิ่นที่ผู้บริโภคคุ้นเคยเป็นอย่างดี โดยกรมฯ ตั้งเป้าที่จะผลักดันร้านค้ากลุ่มนี้ เป็นร้านค้าระดับประเทศที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ มีการบริหารธุรกิจที่มีมาตรฐาน และส่งต่อคุณค่าต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ต่อไปในอนาคต โดยคาดหวังให้ทั้ง 2 ร้านค้าสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้โดยเร็ว ก็นับว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดีมาก
 
ทั้งนี้ กรมฯ ได้มีการพัฒนาร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบขนาดกลาง - ใหญ่ไปแล้วกว่า 213 แห่ง ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ
 
โดยในจำนวนนี้ มีร้านค้าที่สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้แล้วจำนวน 2 บริษัท คือ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) จ.เชียงราย และบริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น จำกัด (มหาชน) จ.สงขลา นับเป็นความภาคภูมิใจทั้งของกรมฯ และร้านค้าที่ก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ จนสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ แสดงถึงความมีศักยภาพของร้านค้าโชวห่วยไทย ทำให้ธุรกิจในภาพรวมมีความแข็งแกร่งและเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้มีความเข้มแข็ง ช่วยอำนวยความสะดวกประชาชนให้สามารถซื้อหาสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย รวมถึง เป็นแหล่งกระจายสินค้าท้องถิ่นและสินค้าชุมชนของประเทศ
 
“กรมฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาร้านค้าโชวห่วยทั้งระบบตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่เพราะมองเห็นถึงความสำคัญของร้านค้าโชวห่วยในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจชุมชน แหล่งการจ้างงาน และช่องทางการกระจายสินค้าที่สำคัญสำหรับผู้บริโภค กรมฯ จึงร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรเสริมแกร่งและติดอาวุธให้กับร้านค้าโชวห่วยทุกขนาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ร้านค้าโชวห่วยสามารถแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน อยู่คู่กับสังคมไทยตราบนานเท่านาน ด้วยแนวคิด “เราจะไม่ทิ้งร้านค้าโชวห่วยไว้ข้างหลัง” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมธุรกิจการค้า กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หมายเลขโทรศัพท์ 02-547-5986 สายด่วน 1570 e-Mail : bizpromotion.dbd@gmail.com และ www.dbd.go.th
 
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
ผู้สนับสนุน (Sponsor)
alls BUBBLE TEA แฟรนไช..
1,112
ยู้ฮู หวานเย็นเปิดสาขา..
1,002
รสเด็ดก๋วยเตี๋ยวกระทุ่..
899
สัมมนาลงทุน แฟรนไชส์คุ..
748
ยินดีต้อนรับ “ครอบครัว..
668
DOCTOR COSMETICS ACADE..
598
ข่าว SMEsมาใหม่
ข่าวอื่นในหมวด