ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - พรสัก ส่องแสง

หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10
251
การเรียนต่อที่ต่างประเทศเป็นความฝันของหลาย ๆ คน ฉีกกรอบการเรียนแบบเดิม ๆ ในไทย ได้ไปเปิดหูเปิดตา และหาประสบการณ์ใหม่ในต่างแดน สำหรับประเทศที่คนต่างให้ความสนใจไปศึกษาต่อส่วนมากเป็นประเทศทางทวีปยุโรป หรือทวีปอเมริกา ซึ่งจะมีประเทศอังกฤษ, ออสเตรเลีย, แคนาดา และอเมริกา

โดยบทความนี้เราจะมาดูเกี่ยวกับการเรียนต่ออเมริกา สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่เจริญก้าวหน้าในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ, ด้านอุตสาหกรรม, ด้านเทคโนโลยี และรวมไปถึงด้านการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นระดับการศึกษาชั้นมัธยม, ปริญญาตรี หรือจะเรียนต่อปริญญาโท อเมริกาเรียกได้ว่าเป็นที่ ๆ เหมาะสมในการศึกษาต่อเป็นอย่างมาก

อเมริกานั้นมีสถาบันศึกษาระดับโลกหลายแห่ง เช่น Harvard University, Columbia University และ Stanford University มั่นใจได้เลยว่าเราจะได้รับการศึกษาในหลักสูตรที่มีคุณภาพ เปิดโอกาสในการหางานในอนาคต ซึ่งสาเหตุนี้เองที่ทำให้อเมริกาสามารถดึงดูดนักศึกษาจากต่างชาติทั่วโลกมาได้ ทำให้นักศึกษาหลายเชื้อชาติ หลายวัฒนธรรม

การเรียนต่ออเมริกา เราจะได้รับความรู้ ได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษอย่างเต็มที่ ได้เพื่อนต่างชาติ ศึกษาทั้งวัฒนธรรม และสำเนียงจากประเทศต่าง ๆ และที่แน่นอนจะได้รับประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้ที่ประเทศไทย สำหรับใครที่สนใจอยากศึกษาต่อต่างประเทศ อยากเรียนต่อปริญญาโทอเมริกา มาดูกันว่าต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง และมีมหาวิทยาลัยไหนบ้างที่น่าสนใจ

เรียนต่อปริญญาโทอเมริกา การเรียนที่ได้ทั้งความรู้และประสบการณ์

อยากเรียนปริญญาโทอเมริกา ต้องพิจารณาอะไรบ้าง

หากตัดสินใจแล้วว่าอยากเรียนต่อปริญญาโทอเมริกา ไม่ใช่ว่าอยากเรียนก็สามารถเรียนได้ทันที ต้องมีการ
เตรียมตัวเพื่อให้พร้อม เพราะการเรียนต่อต่างประเทศต่างจากการเรียนในประเทศ ต้องมีการเดินทางข้ามประเทศ, เตรียมตั๋วเครื่องบิน, เตรียมวีซ่า, ค่าเทอม และต้องแลกเงินเพื่อใช้จ่ายระหว่างอยู่ที่ประเทศนั้น ๆ

นอกจากนี้ทางสถานศึกษาก็มีการคัดกรองนักศึกษาก่อนเข้าเรียน โดยเราจะมาดูกันว่าหากอยากเรียนต่อปริญญาโทอเมริกา ต้องเตรียมตัว และต้องพิจารณาอะไรบ้าง

1. เกรดเฉลี่ยจากปริญญาตรี และคะแนนสอบวัดผล

ในการเรียนต่อปริญญาโทอเมริกา มีหลายมหาวิทยาลัย หลายคณะให้นักศึกษาเลือกเรียน แต่ละสาขาวิชาก็จะมีเกรดเฉลี่ยขั้นต่ำที่แตกต่างกันไป โดยเกรดเฉลี่ยที่ควรพยายามรักษาไว้ควรจะอยู่ที่ 2.00 - 2.75 นอกจากเกรดเฉลี่ยแล้ว ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษอย่างสอบ TOEIC ก็เป็นอีกส่วนที่จะช่วยให้
มหาวิทยาลัยพิจารณารับเราเข้าศึกษาต่อ โดยควรทำคะแนนสอบ TOEFL ให้ไม่ต่ำกว่า 80 - 100

2. สาขาและมหาวิทยาลัยที่อยากเรียน

ไม่ใช่แค่เลือกเรียนต่อปริญญาโทอเมริกา แต่การเรียนปริญญาโทก็เช่นกัน ต้องมีการเลือกสาขาวิชาที่อยากเรียนก่อน เพื่อจะได้นำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดในอาชีพที่อยากทำ เมื่อทราบแล้วว่าอยากเรียนสาขาวิชาไหน มหาวิทยาลัยก็เป็นอีกสิ่งที่ต้องพิจารณาเลือก เพราะแต่ละมหาวิทยาลัยก็มีสาขาที่โดดเด่นแตกต่างกันไป ต้องดูว่าคุ้มค่าที่จะไปศึกษาต่อหรือเปล่า

3. ค่าใช้จ่าย

ค่าใช้เป็นปัจจัยที่สำคัญมากสำหรับการเรียนต่อ โดยเฉพาะการเรียนต่อปริญญาโทอเมริกา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูง มีทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน และเนื่องจากสหรัฐอเมริกามีค่าครองชีพที่สูง ค่าเงินของไทยกับ USD นั้นก็มีความต่างกัน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเพราะอเมริกามีสาธารณูปโภคเบื้องต้นดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ซึ่งนี่เป็นเพียงค่าใช้จ่ายสำหรับการกินอยู่เท่านั้น

ต้องไม่ลืมว่าการเข้าศึกษาต่อจำเป็นต้องมีค่าเทอมด้วย โดยค่าใช้จ่ายสำหรับการเรียนต่อปริญญาโทอเมริกาจะอยู่ที่ประมาณ 700,000 - 900,000 บาท ต่อปี โดยค่าใช้จ่ายนี้เฉพาะค่าเทอม ค่ากินอยู่ระหว่างอยู่ที่อเมริกา ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าทำวีซ่า

อยากเรียนปริญญาโทอเมริกา ต้องพิจารณาอะไรบ้าง

แนะนำมหาวิทยาลัยเรียนต่อปริญญาโทอเมริกา

ทีนี้เรามาดูกันว่ามีมหาวิทยาลัยอะไรบ้างที่น่าสนใจบ้างสำหรับการเรียนต่อปริญญาโทอเมริกา โดยรายชื่อมหาวิทยาลัยที่เราขอแนะนำ มีดังนี้

1. Harvard University

Harvard University เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาที่มีอายุเกือบ 400 ปี เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลก ตั้งอยู่ที่รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา มีคณะต่าง ๆ มากมายให้เลือกเรียน เช่น บริหารธุรกิจ, การออกแบบ, นิติศาสตร์, ศาสนศาสตร์, แพทยศาสตร์

เรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา กับ Harvard University

2. Columbia University

Columbia University เป็นอีกมหาวิทยาลัยชื่อดังที่เก่าแก่ในอเมริกาเช่นกัน ตั้งอยู่ที่นครนิวยอร์ค มีชื่อเสียงในด้านงานวิจัยระดับโลก มีศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงมากมาย คณะที่ให้เลือกเรียนก็จะมี นิติศาสตร์, ศิลปะ วิศวกรรมศาสตร์, ศัลยศาสตร์ และสาธารณสุข

เรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา กับ Columbia University

ขอบคุณรูปภาพจาก https:// gentstudyabroad.com/universities-in-usa/

3. Stanford University

Stanford University เป็นสถาบันศึกษาที่โดดเด่นด้านเทคโนโลยีในอเมริกา ตั้งอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยสาขาวิชาที่โดดเด่นก็จะมีวิทยาศาสตร์การแพทย์ ฟิสิกส์ เศรษฐศาสตร์ และนอกจากนี้มหาวิทยาลัยนี้ก็มีความโดดเด่นในด้านกีฬาเช่นกัน โดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเคยได้รับถ้วยรางวัล Director’s Cup ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับมหาวิทยาลัยที่มีความโดดเด่นและประสบความสำเร็จในด้านกีฬา

เรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา กับ Stanford University

ขอบคุณรูปภาพจาก https:// gentstudyabroad.com/universities-in-usa/

สรุป

การเรียนต่อปริญญาโทอเมริกาให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด ไม่ใช่เพียงแค่ใบปริญญาเท่านั้น แต่เราจะได้ความรู้จากหลักสูตรที่มีคุณภาพ ประสบการณ์การได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษในสถานที่จริง โอกาสผูกมิตรกับเพื่อนต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก ได้ท่องเที่ยวต่างประเทศไปในตัว เปิดหูเปิดตาดูความเจริญในต่างประเทศ หากมีโอกาสที่จะได้เรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศก็ควรจะคว้าไว้

สำหรับใครที่สนใจเรียนต่ออเมริกา ไม่ว่าจะเป็นระดับไหนก็ตามสามารถติดต่อสอบถามขอข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ของ Gent Study Abroad

252
ถ้าคุณคือคุณที่รักรถและดูแลรถของคุณให้ใหม่อยู่เสมอไม่ว่าจะล้างรถ ใช้ผ้าเช็ดถู ดูดฝุ่น  ต้องไม่พลาดใช้ผ้าเช็ดรถ ที่ไม่ทำให้เกิดริ้วรอยกับรถคันโปรดของคุณได้อย่างเช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดรถ  ผ้าเช็ดรถไฟเบอร์  ผ้าเช็ดรถนาโน ฯลฯ ผ้าเช็ดรถที่กล่าวมานี้มีคุณสมบัติที่คล้ายกันคือดูดซับน้ำได้ดี ไม่ทำให้พื้นผิวรถไม่มีริ้วรอย เราจึงรวบรวม 5 อันดับ ผ้าล้างรถและผ้าเช็ดรถในปี 2023 จะมีแบรนด์ไหนบ้างติดตามได้เลยค่ะ

ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดรถยี่ห้อไหนดี

ผ้าเช็ดรถ สำคัญอย่างไร แล้วชนิดของผ้าเช็ดรถมีอะไรบ้างต่างกันอย่างไร

ผ้าเช็ดรถ มีความสำคัญเป็นอย่างมากกับพื้นผิวรถ เพราะเป็นผ้าที่มีคุณสมบัติพิเศษใช้สำหรับผ้าล้างรถโดยเฉพาะ ไม่เป็นขุย ไม่ทำให้เกิดริ้วรอยหรือที่เรียกว่ารอยขนแมว ดูดซับน้ำได้ดีไม่ว่าจะเช็ดกระจกหรือเช็ดรอบคันรถก็ไม่ทำให้เกิดคราบน้ำให้กวนใจ ซึ่งผ้าที่นิยมใช้เช็ดรถได้แก่ ผ้าชามัวร์ ผ้าเช็ดรถนาโน ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดรถ มีความแตกต่างและรายละเอียดดังนี้

  • ผ้าเช็ดรถนาโน เป็นผ้าเส้นใยสังเคราะห์ขนาดเล็กจะมีคุณสมบัติพิเศษคือสามารถใช้ซีมซับน้ำได้อย่างดีเ ไม่ทำลายพื้นผิวสีรถให้เป็นรอยเพราะมีเส้นใยที่มีความละเอียดและเนื้อนุ่มกว่าเป็นพิเศษ ทำให้เช็ดคราบฝังลึกได้ดีอีกด้วย เมื่อใช้เรียบร้อยแล้วใช้เพียงน้ำสะอาดเท่านั้น ไม่ต้องใช้น้ำยาทำความสะอาด เพราะผงซักฟอกจะทำลายเนื้อผ้าให้แข็งกระด้าง เมื่อนำไปใช้จะทำให้เกิดริ้วรอยได้

  • ผ้าเช็ดรถไมโครไฟเบอร์ ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ขนาดเล็กที่มีความละเอียดกว่าเส้นใยที่ได้จากธรรมชาติเหมาะสำหรับใช้เช็ดน้ำยาเคลือบรถแต่จะดูดน้ำได้ดี และผ้าเช็ดรถไมโครไฟเบอร์มีคุณสมบัติดูดซับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ดีเยี่ยม ซื่งผ้าเช็ดรถทั้ง 2 ชนิดมีความคล้ายกันคือไม่ทิ้งรอยขนแมว ไม่ทำลายพื้นผิวสีรถให้เป็นรอย

  • ผ้าชามัวร์ หรือเรียกได้ว่าผ้าหนังเลียงผาเป็นผ้าเช็ดรถที่มีคุณสมบัติซับน้ำได้อย่างดีและไม่ทิ้งรอยขนแมวอีกด้วย ซึ่งผ้าชามัวร์หากต้องการใช้งานต้องนำไปชุบน้ำก่อนเพราะตัวผ้าจะมีความแห้งแข็ง และวิธีทำความสะอาดหากมีคราบสกปรกสามารถใช้สบู่หรือแชมพูล้างรถทำความสะอาดได้แต่ห้ามใช้ผงซักฟอกโดยเด็ดขาด

ผ้าเช็ดรถมีกี่แบบ

5 อันดับของผ้าเช็ดรถในปี 2023 ที่น่าสนใจมีแบรนด์อะไรบ้าง
สำหรับใครที่กำลังมองหาผ้าล้างรถไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดรถนาโน ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดรถ ผ้าชามัวร์ ลองดู 5 อันดับ 5 แบรนด์ของผ้าเช็ดรถในปี 2023 จะมีแบรนด์ไหนน่าสนใจบ้าง ดังนี้

1. ผ้าเช็ดรถจาก Klean Square
มาเริ่มกันที่ผ้าเช็ดรถจากศูนย์มาตรฐานทำความสะอาดรถยนต์อย่าง Klean Square ที่ให้บริการดูแลรถทั้งล้างอัดฉีด ขีดสี เคลือบแก้ว รวมถึงจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลรถซึ่งผ้าเช็ดรถจาก Klean Square ทำจากไมโครไฟเบอร์ด้วยเส้นใยสังเคราะห์ขนาดเล็กที่มีความละเอียดกว่าเส้นใยที่ได้จากธรรมชาติ มีคุณสมบัติดูดจับฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อย่างดีเยี่ยม จึงไม่ทำให้เมื่อเช็ดแล้วไม่เกิดรอยด่างและคราบจากฝุ่น

ผ้าเช็ดรถจาก Klean Square ลักษณะเป็นสีน้ำเงินเช็ดทำความสะอาดรีดน้ำดูดจับฝุ่นได้อย่างดีตลอดอายุการใช้งาน สามารถใช้งานได้ได้ดีทั้งภายในและภายนอก

ผ้าเช็ดรถ Klean Square

2.ผ้าเช็ดรถจาก Supreme Shine
ผ้าไมโครไฟเบอร์ ซูพรีม ชายน์ ผ้าเช็ดรถที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าผ้าขนหนูทั่วไป ตัวผ้าจะมีสีเหลืองใช้เช็ดคราบยาขัด คราบแว็กซ์ และน้ำยาดีเทลเลอร์ ได้อย่างดีเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นกระจก พลาสติก และไม่ทำร้ายสีรถไม่ทิ้งทิ้งรอยขนแมว ทำความสะอาดง่ายด้วยน้ำสะอาดและแห้งได้ในอุณหภูมิต่ำ

ผ้าเช็ดรถไมโครไฟเบอร์

3.ผ้าเช็ดรถจาก GLASS COATING CLUB
ผ้าเช็ดรถจาก GLASS COATING CLUB ผ้าไมโครไฟเบอร์ สำหรับเช็ดแห้งผ้าสีฟ้าขนนุ่ม ดักจับฝุ่นได้ดีไม่ฟุ้งกระจายไม่ทิ้งคราบสกปรก ใช้เช็ดทำความสะอาดได้หลากหลายทั้งภายนอกและภายในของรถเพราะมีเส้นใยมีความหนาแน่นมากจึงสามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจด และผ้าเช็ดรถจาก GLASS COATING CLUB ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วนกับทุกพื้นผิว

ผ้าเช็ดรถนาโนดีไหม

4.ผ้าเช็ดรถจาก GQ Smart Clean
ผ้าไมโครไฟเบอร์ผสานนวัตกรรม Silver Fiber ยับยั้งแบคทีเรียได้ 99% ผ้าเช็ดรถจาก GQ Smart Clean ใช้ง่ายไม่ทิ้งรอยใช้ได้กับทุกพื้นผิวไม่เพียงแต่เป็นผ้าเช็ดรถยนต์เท่านั้นแต่ยังใช้ได้กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ เลนส์กล้อง เลนส์แว่น ฯลฯ และตัวผ้าจะเป็นสีแดงมาพร้อมห่วงที่ใช้สำหรับมัดเก็บผ้า

ผ้าเช็ดรถแบบไหนไม่เป็นคราบ

5.ผ้าเช็ดรถจาก Autoglym Microdry
ปิดท้ายด้วยผ้าเช็ดรถจาก Autoglym Microdry เป็นผ้าชามัวร์สังเคราะห์ไฮเทคที่มีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดีพิเศษ สามารถซับน้ำได้ทั้งภายนอกและภายในรถยนต์ให้แห้งได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งใช้บ่อยตัวผ้าชามัวร์จะยิ่งซับน้ำได้ดีมากขึ้น และวิธีรักษาผ้าเช็ดรถชามัวร์ควรเก็บไว้ในที่ร่มไม่ควรเก็บไว้บริเวณที่มีแสงแดด

ผ้าเช็ดรถที่ไม่เกิดรอย

สรุป
สุดท้ายนี้หากต้องการทำความสะอาดรถด้วยตัวเองไม่ว่าจะขัดแวกซ์ เช็ดฝุ่นละอองที่เกาะตามรถ เช็ดน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดคราบหรือรอยขนแมวได้นั้นควรเลือกใช้ผ้าสำหรับผ้าล้างรถโดยเฉพาะ จากบทความมีให้เลือกผ้าเช็ด 3 ชนิดคือ ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดรถ ผ้าเช็ดรถนาโน และผ้าชามัวร์ สามารถเลือกใช้ชนิดของผ้าเช็ดรถได้ตามความต้องการ

253
รถยนต์เป็นทรัพย์สินประเภทหนึ่งที่มีไว้ใช้งาน เมื่อมีรถยนต์เเล้ว จะขับเพียงอย่างเดียวไม่ได่ หน้าที่ ที่เจ้าของรถต้องทำคือ การดูเเลรักษา ล้างรถยนต์ของตัวเอง ให้อยู่ในสภาพดี และมีความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานให้รถของเรา การซ่อมบำรุง ดูเเล อาจต้องพึ่งอู่ซ่อมรถ ผู้เชี่ยวชาญ

แต่สำหรับการล้างรถ เราสามารถไปหาบริการคาร์เเคร์ล้างรถได้ หรือเราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยบทความนี้ได้รวมวิธีล้างรถที่ถูกต้อง ต้อใช้อะไรล้างรถบ้าง มาหาคำตอบกัน

รวมวิธีล้างรถให้สะอาดเอี่ยม ทำง่ายๆได้ที่บ้าน

ควรเตรียมอุปกรณ์ล้างรถให้พร้อม

การล้างรถด้วยตัวเองให้สะอาดต้องเตรียมอุปกรณ์ล้างรถให้ครบครัน เพื่อไว้ใช้ทำความสะอาดทุกขั้นตอน ตั้งเเต่ต้นจนจบ ทีนี้เรามาดูว่าต้องเตรียมอุปกรณ์ล้างรถ อะไรบ้าง

  • น้ำยาล้างรถ
  • ฟองน้ำเนื้อละเอียด
  • ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าชามัวร์
  • แปรงขัดล้อรถยนต์
  • สายยางฉีดน้ำ
  • ถังน้ำจำนวน 2 ใบ ไว้สำหรับใส่น้ำผสมน้ำยา และไว้สำหรับใส่น้ำเปล่า

ขั้นตอนการล้างรถเอง มีอะไรบ้าง

สำหรับคนที่อยากล้างรถด้วยตนเอง เรามีขั้นตอน ที่จะช่วยเป็นเเนวทางให้เราได้ มั่นใจได้เลยว่า รถเราจะสะอาดอย่างเเน่นอน เพราะเป็นขั้นตอนการล้างรถ คาร์เเคร์ทุกที่ล้วนก็ใช้วิธีนี้เช่นกัน โดยขั้นตอนการล้างรถที่ดี มีอยู่ด้วยกัน ดังนี้

ขั้นตอนการล้างรถ

1. ฉีดสเปรย์น้ำแรงๆ

เหมือนการอาบน้ำ เราต้องเริ่มด้วยการราดน้ำใส่ตัว สำหรับขั้นตอนเเรกของวิธีล้างรถ เราต้องเริ่มด้วยการฉีดสเปรย์น้ำเเรงๆ เพื่อชะล้างพวกคราบสิ่งสกปรกออกไปก่อน โดยให้เริ่มฉีดจากบนสุด จากนั้นค่อยฉีดไปล่างสุด เพราะหากฉีดจากล่างไปบน สิ่งสกปรกจากบนหลังคาจะไหลตามน้ำมา เเล้วต้องเสียเลาฉีดน้ำอีกรอบ

2. ใช้ผ้าที่มีความนุ่ม และสะอาดเช็ดรถจากด้านบนสุดลงมาด้านล่าง

หลังจากใช้ล้างสิ่งสกปรกด้วยการฉีกสเปรย์น้ำเเล้ว อาจมีคราบสกปรกบางส่วนที่ยังเกาะติดรถ ที่น้ำฉีดไม่ออก เช่น ขี้นก หรือคราบสกปรกอื่นๆ จึงต้องใช้ผ้าในการเช็ดรถ เพื่อให้ทำความสะอาดคราบเหล่านั้นออก เเต่อย่างไรก็ตาม ผ้าที่ใช้ต้องมีความนุ่ม เพื่อจะได้ไม่ทำรถเกิดรอย

3. ใช้น้ำยาทำความสะอาดรถควบคู่ไปด้วย

ในการทำความตัวรถ กระจก และส่วนอื่นๆ ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดควบคู่ไปด้วย เหมือนการอาบน้ำ ซึ่งอาบเเค่น้ำเปล่า จะชะล้างสิ่งสกปรกได้ไม่หมด เราต้องใช่สบู่ด้วย ต้องใช้น้ำยาทำความสะอาด ผสมน้ำในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้ได้เป็นโฟม โดยเราจะใช้โฟมล้างรถ ให้รถสะอาดมากขึ้น

4. ล้างรถด้วยน้ำสะอาด

เมื่อใช้โฟมล้างรถ ทำความสะอาดทุกซอกทุกมุมเเล้ว ล้างรถด้วยน้ำสะอาด ล้างฟองจากน้ำยาทั้งหมด โดยเริ่มจากล้างจากบนลงล่างเช่นกัน ซึ่งควรใช้ผ้าเช็ดให้เเห้งด้วย เพื่อไม่ให้น้ำที่ล้าง เกาะเป็นคราบทิ้งไว้

5. เมื่อล้างรถเสร็จแล้ว ควรทำอย่างไรต่อ

เมื่อเราทำการล้างรถด้วยน้ำสะอาดเเล้ว ขั้นตอนสุดท้าย คือ ใช้ผ้าเช็ดให้เเห้งด้วย เพื่อไม่ให้น้ำที่ล้าง เกาะเป็นคราบทิ้งไว้ โดยผ้าที่ใช้เช็ดรถ ควรเป็น้าไมโคร หรือผ้าชามัวร์ เป็นผ้าที่มีความนุ่ม จะไม่ทำให้รถเป็นรอย หากบะเลยขั้นตอนนี้ น้ำที่ใช้ล้างรถจะเหลือเป็นคราบ ทำให้รถดูไม่สะอาดเท่าที่ควร

6. หมั่นซักและขยี้ผ้าที่ใช้ล้างรถบ่อยๆ

ควรเตรียมผ้าในปริมาณที่เหมาะสม คอยซักเเล้วขยี้้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เศษฝุ่น หรือสิ่งสกปรกถูกล้างออกจากผ้าก่อนไปใช้ต่อ ไม่งั้นก็เหมือนกับ เราเอาสิ่งสกปรกที่อยู่บนผ้าไปเช็ดรถต่อ

หากต้องการใช้บริการล้างรถควรมองหาที่ไหนดี

เเม้ว่าการล้างรถจะสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง เเต่ยังไงก็ต้องล้างให้ถูกวิธี หรือสำหรับคนที่ไม่มีเวลาที่จะมาล้างรถ แต่ก็อยากให้รถของตัวเองดูอสะอาดสะอ้าน บริการคาร์เเคร์ล้างรถ ก็สามารถที่จะตอบโจทย์ให้คุณได้ โดยทางเราขอเเนะนำ Klan Square บริการคาร์เเคร์ล้างรถ ที่มีทั้งบุคลกรมากประสบการณ์ และอุปกรณ์ล้างรถครบครัน พร้อมให้บริการ ให้รถยนต์ของคุณสะอาด ไม่มีริ้วรอย

สนใจบริการ สามารถติดต่อได้ที่เว็บไซต์ของ KleanSquare หรือเบอร์โทร 080-2888-788

ให้รถคุณสะอาด ด้วยบริการคาร์เเคร์ล้างรถ

สรุป

รถยนต์ที่สะอาด สะท้อนภาพลักษณ์ของผู้ขับไปด้วย ดังนั้นเราจึงควรหมั่นรักษาความสะอาดรถของเราให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา หากมีเวลาว่างๆ ก็อาจจะใช้เวลานั้นมาทำความสะอาดรถบ้างเอาอุปกรณ์ทำความสะอาดรถยนต์ มาคอยล้างสิ่งสกปรก ใช้อะไรเช็ดรถให้เงาสักหน่อย เพียงเเค่นี้รถของเราก็จะดูใหม่ตลอดเวลาเเล้ว

254
วิธีล้างห้องเครื่องรถยนต์

รถยนต์เป็นพาหนะคู่กายของใครหลายคน เราใช้รถยนต์เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการใช้งานรถยนต์คือ การล้างทำความสะอาด โดยการล้างทำความสะอาดภายนอก หรือที่เรียกว่า ล้างสี เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีและทำอยู่เป็นประจำ นอกจากนี้ยังมีการล้างห้องเครื่องรถยนต์ซึ่งไม่ค่อยได้ทำหรือบางคนไม่เคยทำเลย สำหรับใครที่กำลังหาความรู้เรื่องการล้างห้องเครื่องรถยนต์ มาดูกัน!
      
ทำไมถึงต้องล้างห้องเครื่อง   

การทําความสะอาดห้องเครื่องเป็นการขจัดฝุ่น สิ่งสกปรก ช่วยทำให้ห้องเครื่องสะอาดมากขึ้น เมื่อฝุ่นหนาที่เกาะอยู่หลุดออกไปจะทำให้เครื่องยนต์ระบายความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้น สามารถลดปัญหาการเกิดสนิมได้และทำให้มองเห็นรอยรั่วตามส่วนต่าง ๆ เพื่อที่จะสามารถแก้ไขได้ ก่อนที่จะชำรุดไปมากกว่านี้

หากต้องการหาร้านล้างห้องเครื่อง ราคาถูกควรหาที่ไหนดี   

ร้านล้างห้องเครื่องรถยนต์ที่ได้มาตรฐาน

การล้างสีดูดฝุ่นหรือแม้กระทั่งการล้างห้องเครื่องรถยนต์นั้น หากลองศึกษาวิธีล้างห้องเครื่องดูจะพบว่าไม่ยากเกินความสามารถ แต่ต้องศึกษาให้มากและจัดหาอุปกรณ์หลายอย่าง ซึ่งใช้งบประมาณพอสมควร การมองหาร้านมืออาชีพ ราคาถูก อาจคุ้มค่ามากที่สุด ใครที่กำลังมองหาร้านล้างห้องเครื่องรถยนต์มืออาชีพและมีมาตรฐานต้อง Klean Square เท่านั้น เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี มีศูนย์บริการกว่า 30 สาขา ในศูนย์การค้าชั้นนำทุกภาคทั่วประเทศไทย ทางร้านยังมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรถยนต์ผลิตจากโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน ISO สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/kleansquare หรือ https://kleansquare.com/ ได้เลย
      
ขั้นตอนการล้างห้องเครื่องรถยนต์ ต้องทำอย่างไรบ้าง
   
การล้างเครื่องยนต์นั้นสามารถทำได้ด้วยตนเอง เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจให้ถี่ถ้วน มีข้อควรระวังและมีอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมหลายอย่างด้วยกัน การมีอุปกรณ์ครบครันและหากเป็นอุปกรณ์สำหรับล้างเครื่องยนต์โดยเฉพาะแล้วนั้น ยิ่งทำให้การล้างเครื่องยนต์มีความปลอดภัย สะดวกสบาย และสามารถทำความสะอาดได้อย่างหมดจดแบบมืออาชีพเลยทีเดียว

เตรียมอุปกรณ์ล้างห้องเครื่อง

อุปกรณ์ในการล้างห้องเครื่องมีความใกล้เคียงกับอุปกรณ์ในการล้างสีดูดฝุ่นและมีอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ต้องเตรียมเพิ่มอีกสักหน่อย โดยมีดังนี้

1. น้ำยาล้างเครื่องยนต์

2. น้ำยาเคลือบเงา

3. น้ำยาไล่ความชื้น

4. เครื่องเป่าลม (Blower)

5. ฟองน้ำ

6. แปรงขัดซอกมุมหรือแปรงสีฟัน

7. กระบอกฉีดน้ำ (Foggy)

8. ถุงมือ

9. พลาสติกห่ออาหาร (Plastic Wrap)

10. ประแจขันนอต

ขั้นตอนการล้างห้องเครื่องให้ถูกวิธี

ขั้นตอนการล้างห้องเครื่อง

การล้างห้องเครื่องนอกจากจะมีอุปกรณ์ที่สำคัญแล้ว ยังมีขั้นตอนที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ควรปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้

1. ก่อนอื่นต้องมั่นใจว่าเครื่องยนต์เย็นแล้ว จากนั้นใช้ประแจขันนอตถอดขั้วแบตเตอรี่ออก

2. ส่วนที่ไม่ควรโดนน้ำหรือส่วนที่ต้องระวังเรื่องความชื้นให้ใช้พลาสติกห่ออาหารมาห่อหุ้มไว้ เช่น ระบบไฟฟ้า กล่อง ECU เบ้าหัวเทียน ช่องดูดอากาศเข้าเครื่อง จานจ่าย เป็นต้น

3. ฉีดน้ำล้างฝุ่นและคราบสกปรกให้ทั่วห้องเครื่อง ระวังไม่ให้ถูกส่วนที่ห่อหุ้มพลาสติกไว้

4. ผสมน้ำยาล้างเครื่องยนต์กับน้ำเปล่า ควรเลือกใช้น้ำยาสำหรับล้างเครื่องยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถใช้ล้างส่วนที่ทำมาจากวัสดุต่าง ๆ ได้แก่ พลาสติก ยาง เหล็ก อะลูมิเนียม เป็นต้น และควรเป็นน้ำยาที่ดึงคราบสกปรกได้ดี ส่วนข้อควรระวัง คือ น้ำยาที่แรงเกินไปอาจทำลายพื้นผิววัสดุได้

5. สวมถุงมือป้องกันสารเคมี ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาที่ผสมแล้ว เช็ดถูส่วนต่าง ๆ ที่สกปรกให้ทั่ว

6. ส่วนซอกมุมต่าง ๆ ให้ใช้กระบอกฉีดน้ำพ่นน้ำยาที่ผสมแล้วและใช้แปรงขัดถูเก็บรายละเอียดที่ฟองน้ำเข้าไม่ถึง โดยแปรงที่ใช้จะเป็นแปรงสีฟันก็ได้ หรือแปรงไนลอนที่มีหลายขนาด ซึ่งใช้สำหรับทำความสะอาดห้องเครื่องโดยเฉพาะ มีลักษณะไม่นิ่ม ไม่แข็งเกินไป ในขั้นตอนนี้ต้องอาศัยความใจเย็นเพราะในห้องเครื่องจะมีซอกมุมเยอะ

7. ฉีดน้ำล้างให้สะอาด

8. ใช้เครื่องเป่าลมเป่าไล่น้ำตามส่วนต่าง ๆ ให้แห้งสนิท และนำพลาสติกที่หุ้มไว้ออก

9. ใช้น้ำยาเคลือบเงาส่วนที่ต้องการให้เงาสวยขึ้น ได้แก่ ส่วนที่เป็นพลาสติกหรือท่อยาง หากไม่ซีเรียสเรื่องความเงางาม สามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้

10. ใช้น้ำยาไล่ความชื้นฉีดส่วนที่ต้องระวังไม่ให้โดนน้ำและความชื้น เช่น ระบบไฟฟ้า ตัวจุดระเบิด เป็นต้น

11. ใส่ขั้วแบตเตอรี่แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์เพื่อดูว่าสามารถสตาร์ทติดไหม หรือสตาร์ทติดแล้วเดินสะดุดหรือไม่ หากสตาร์ทไม่ติดให้ใช้น้ำยาไล่ความชื้นอีกครั้งหนึ่ง

สรุป   

การล้างห้องเครื่องรถยนต์นอกจากจะเป็นการขจัดความสกปรกแล้ว ยังช่วยทำให้เครื่องยนต์ระบายความร้อนได้ดีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งทำให้ตรวจพบรอยรั่วตามจุดต่าง ๆ และสามารถแก้ไขได้ทันท่วงที การล้างห้องเครื่องรถยนต์สามารถทำได้ด้วยตนเอง เพียงแต่ต้องศึกษาให้ถี่ถ้วนและมีความรู้เรื่องเครื่องยนต์พอสมควร ดังนั้นการล้างห้องเครื่องให้มีประสิทธิภาพควรไปที่ร้านมากกว่า โดยต้องเลือกร้านล้างห้องเครื่องรถยนต์ราคาเหมาะสม มีมาตรฐานและทำความสะอาดได้อย่างมืออาชีพ

255
การล้างอัดฉีด คือ การทำความสะอาดสีรอบคัน รวมถึงบริเวณใต้ท้องรถ การล้างอัดฉีดเหมาะสำหรับรถที่มีคราบสกปรก คราบดินทราย ที่ติดตามบริเวณใต้ท้องรถ ล้อรถ ล้างและยากและมีปริมาณค่อนข้างมาก ต้องใช้แรงของน้ำในการอัดฉีดเพื่อให้คราบสกปรกออกไป

การล้างอัดฉีดเป็นการทำความสะอาดรถในยุคปัจจุบันที่สะดวก รวดเร็วและประหยัดเวลา ทำให้รถดูใหม่ขึ้น หลังจากที่ใช้งานรถแล้วเกิดความสกปรกขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถมอเตอร์ไซต์ หรือรถยนต์เองก็ตาม ในการล้างอัดฉีดไม่เพียงทำได้แค่รถเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ทำความสะอาดได้กับเครื่องมือต่างๆที่ต้องการทำความสะอาดได้อีกด้วย
   
การล้างอัดฉีดเพื่อความสะอาด

ล้างอัดฉีดกับล้างปกติเหมือนหรือแตกต่างกัน

รถยนต์เป็นพาหนะที่สำคัญสำหรับใช้ในการเดินทาง ซึ่งการดูแลรักษาพาหนะนั้นก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน เนื่องจากเกิดการสึกกร่อน หรือชำรุดเสียหาย การเช็คสภาพรถก่อนใช้ การล้าง การบำรุงและดูแลเครื่องยนต์จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรประมาณสำหรับผู้ใช้รถ ทั้งนี้ยังเป็นการยืดอายุการใช้งานรถให้ได้ยาวนานกว่าเดิมอีกด้วย

ในการดูแลรักษาความสะอาดของรถในปัจจุบันการล้างอัดฉีดถือเป็นวิธีการดูแลรักษาความสะอาดของรถที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจาก สะดวก รวดเร็ว และประหยัดเวลา รวมถึงมีบริการต่างๆนอกเหนือไปจากการล้างอัดฉีด ยังมีการล้างสีดูดฝุ่นอีกด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่าการล้างอัดฉีดจะมีบริการตามปั๊มน้ำมันหรือปั๊มแก๊ส หรือไม่ก็จะเป็นร้านที่รับล้างอัดฉีดรถยนต์โดยเฉพาะ นั้นแสดงให้เห็นว่าการล้างรถด้วยวิธีล้างอัดฉีดเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย

จึงเกิดคำถามระหว่างการล้างอัดฉีดกับการล้างรถปกติธรรมดาทั่วไปว่ามีความแตกต่างกันหรือไม่เมื่อรถเกิดความสกปรก คนส่วนใหญ่จะใช้วิธีการล้างรถแบบปกติในการดูแลรักษาสภาพของรถ เนื่องจากการล้างรถด้วยวิธีปกติจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับห้องเครื่องยนต์ของรถ เพราะเนื่องจากกลัวว่าระบบน้ำจะเข้าไปทำให้ระบบไฟหรือระบบเครื่องยนต์พังและเกิดความเสียหายได้

แต่อย่างไรก็ตามในการล้างอัดฉีดรถก็ไม่ควรฉีดน้ำหรือฉีดน้ำล้างห้องเครื่องโดยเด็ดขาด เพราะการนำน้ำไปฉีดในห้องเครื่องจะทำให้ระบบไฟฟ้าพังและได้รับความเสียหายได้ เนื่องจากเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงนั้นจะเข้าไป ทำให้ระบบไฟฟ้าอาจจะรวนหรือเสียหายได้ ซึ่งทางที่ดีที่สุดคือการล้างสีดูดฝุ่นก็อาจจะเป็นวิธีการล้างที่เพียงพอ

ข้อควรรู้ในการล้างอัดฉีดรถ

ในการดูแลรักษารถเพื่อเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานรถออกไปให้นานยิ่งขึ้น การเรียนรู้วิธีการดูแลรถอย่างถูกต้อง การตรวจสภาพรถ การดูแลความสะอาดของตัวรถและเครื่องยนต์ การล้างอัดฉีดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลความสะอาดของรถ ผู้ใช้รถควรรู้วิธีการล้างอัดฉีดที่ถูกต้อง และควรรู้ในการล้างอัดฉีดรถ ดังนี้

การดูแลรถด้วยการล้างอัดฉีด

1. พยายามอย่าฉีดเข้าห้องเครื่อง

ในการล้างอัดฉีดรถในปัจจุบันส่วนใหญ่รถเป็นระบบไฟฟ้า ไม่ควรฉีดเข้าห้องเครื่องหรือใช้เครื่องอัดฉีดน้ำแรงดันสูบฉีดเข้าไปที่ห้องเครื่อง จะทำให้ระบบไฟฟ้าภายในเกิดความเสียหายได้และยังทำให้ระบบไฟฟ้าภายในรถทั้งหมดรวน ดังนั้นหากจำเป็นต้องทำความสะอาดภายในตัวเครื่องควรใช้วิธีการดูดฝุ่นออกจากห้องเครื่องแทนการฉีดน้ำแรงดันเข้าไปในตัวเครื่อง

2. หลีกเลี่ยงการล้างอัดฉีดในตอนที่ห้องเครื่องยังร้อนอยู่

ข้อควรระวังในการล้างอัดฉีดหลังจากที่ใช้รถเสร็จเรียบร้อย ควรหลีกเลี่ยงการล้างอัดฉีดในตอนที่ห้องเครื่องยังร้อนอยู่หรือมีอุณหภูมิที่สูงอยู่เพราะเนื่องจากว่าเมื่อความร้อนกระทบกับน้ำเย็นแบบกะทันหัน จะทำให้เกิดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอุณหภูมิภายในเครื่องยนต์ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความเสียหายแก่เครื่องยนต์ได้

3. ห้ามทิ้งรถไว้

การนำรถไปล้างอัดฉีดเจ้าของก็ไม่ควรนิ่งนอนใจทิ้งรถไว้กับพนักงาน ควรนั่งดูการล้างรถของทางร้านในจุดที่ทางร้านบริการและสามารถมองเห็นได้ชัด เพื่อไม่ให้พนักงานเกิดความประมาทในขณะการล้าง และเจ้าของรถจะสามารถสังเกตเห็นการล้างได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการดูแลทรัพย์สินส่วนตัวและดูพฤติกรรมการล้างตามข้อควรปฏิบัติหรือไม่

4. ห้ามใช้น้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไป

ในการใช้น้ำที่อุณหภูมิสูงเกินไปสำหรับการล้างอัดฉีดทำให้สีและส่วนต่างๆ ของรถที่เป็นพลาสติกนั้นเกิดความเสียหาย ทำให้สีหลุดลอกออกได้ง่าย พื้นผิวของรถเกิดความเสียหายทำให้ไม่สวยงามหรืออาจจะทำให้อายุการใช้งานของชิ้นส่วนบางอย่างสั้นลง

5. อาจเกิดความเสียหายจากแรงดัน

แรงดันน้ำที่มีความแรงสูง อาจจะทำให้เกิดความเสียหายแก่สีของรถ และอาจจะทำให้ชิ้นส่วนของรถที่ไม่แข็งแรง เกิดการบุบ ยุบตัวลง หรือแตกหักอย่างง่ายดาย ฉะนั้นในการเลือกใช้แรงที่ดันที่เหมาะสำหรับการล้างอัดฉีดจึงเป็นเรื่องที่ควรระวัง

6. ห้ามล้างในเวลากลางคืน

การล้างอัดฉีดรถในเวลากลางคืน การอัดฉีดน้ำไปตามส่วนต่างๆ นั้นอาจจะไม่ทั่วถึงทำให้ไม่สะอาดเท่าที่ควรเมื่อเช็ดหรือเป่าให้แห้ง ด้วยอากาศที่เย็นลงในช่วงเวลากลางคืน จะทำให้น้ำที่ค้างอยู่ตามซอกเหล่านี้ ระเหยออกไปไม่หมด จึงอาจจะทำให้ส่วนที่น้ำค้างอยู่ก่อให้เกิดคราบสนิมได้

สรุป

การล้างอัดฉีดให้รถสะอาดเหมือนใหม่

การล้างอัดฉีดรถในปัจจุบันถือได้ว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากหลายๆปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องทำจึงทำให้การล้างอัดฉีดรถได้รับความนิยม ทั้งนี้ควรศึกษาข้อควรปฏิบัติและข้อที่พึ่งระมัดระวังในการเลือกล้างอัดฉีดรถ เพื่อยืดระยะเวลาการใช้งานของรถให้ยาวนานมากยิ่งขึ้น

256
ราคาล้างรถ

คาร์แคร์ (Car Care) คือบริการดูแลรักษารถ ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่ล้างรถเท่านั้น ยังมีบริการอื่นอีกด้วย เช่น ล้างอัดฉีด ล้างสี ดูดฝุ่น เคลือบภายใน ซึ่งจะช่วยมอบความสะดวกสบายให้แก่เจ้าของรถ โดยคาร์แคร์แต่ละแห่งก็จะมีราคาล้างรถยนต์ หรือราคาบริการอื่น ๆ ที่แตกต่างกันออกไปตามคุณภาพและประสบการณ์ของผู้ให้บริการ

ดังนั้นจึงควรเลือกใช้บริการคาร์แคร์ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ เพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจ ทั้งก่อนและหลังเข้ารับบริการล้างรถกับคาร์แคร์   

ทำไมต้องล้างรถในคาร์แคร์ ? ดีกว่าล้างเองอย่างไร

หากคุณเป็นสายประหยัด ก็สามารถล้างรถเองได้ แต่ ! ต้องเสียเวลาจัดหาอุปกรณ์ล้างรถต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำยา ผ้า สายยาง อีกทั้งจะต้องลงมือล้างรถด้วยตัวเองทั้งคัน เสียทั้งแรงเสียทั้งเวลา ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปถ้ามาล้างอัดฉีดรถยนต์ที่คาร์แคร์ ซึ่งมีเครื่องมือครบครัน สามารถล้างรถได้สะอาด รวดเร็ว แถมยังมีบริการเสริมอื่นๆ เพื่อช่วยดูแลรักษารถให้ใช้งานได้อย่างปลอดภัย

การนำรถไปล้างในคาร์แคร์อาจมีความเสี่ยงเรื่องพนักงานล้างรถไม่สะอาด หรือสิ่งของมีค่าในรถสูญหาย แต่ที่ KleanSquare ศูนย์ทำความสะอาดรถยนต์ชั้นนำ ประสบการณ์กว่า 30 ปี ที่ผู้ใช้ 500,000 รายทั่วประเทศให้ความไว้วางใจ มีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน และทีมงานที่พร้อมให้บริการอย่างเป็นมืออาชีพ ดูแลเอาใจใส่รถของคุณทั้งภายนอกและภายใน มั่นใจได้ในความปลอดภัยของทรัพย์สินภายในรถ

ข้อควรรู้ ก่อนนำรถของคุณเข้าคาร์แคร์

ก่อนนำรถเข้าคาร์แคร์ ถึงแม้จะมีความสะดวกสบาย แต่ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาตามมาในภายหลัง โดยจะต้องเตรียมตัวดังนี้

  • เก็บของมีค่าและเอกสารสำคัญออกจากตัวลด เพื่อป้องกันความเสียหายหรือสูญหาย
  • ถ่ายรูปตัวรถหลายๆ มุม เก็บไว้เป็นหลักฐานหากเกิดเหตุไม่คาดคิด
  • หากเป็นบริการที่ใช้เวลาไม่นาน ควรรออยู่ภายในบริเวณร้าน
  • หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายรถควรทำด้วยตัวเอง หรือกำชับพนักงานให้ระวังเป็นพิเศษ
  • ไม่ควรเปลี่ยนร้านบ่อย ควรเลือกร้านคาร์แคร์ที่น่าเชื่อถือ และไว้ใจได้ เช่น KleanSquare ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินภายในรถ
  • ไม่ควรทิ้งรถไว้กับร้านที่ยังไม่เคยใช้บริการมาก่อน
  • ห้ามให้ใบรับรถกับผู้อื่นเด็ดขาด เพราะอาจเป็นกลโกงของมิจฉาชีพ
  • เมื่อถึงเวลารับรถ ควรตรวจเช็คสภาพรถให้เรียบร้อยก่อนออกจากร้าน
   
   
ควรนำรถเข้าคาร์แคร์บ่อยแค่ไหน ?
 
โดยทั่วไปควรนำรถเข้าใช้บริการคาร์แคร์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ไม่มีเวลาทำความสะอาดรถคู่ใจด้วยตัวเอง หรือช่วงที่รถเลอะบ่อยครั้งในฤดูฝน แม้ว่าจะมีฝนตกลงมาก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าน้ำฝนที่ตกลงมาจะช่วยทำความสะอาดรถของเราได้ เพราะคราบน้ำฝนอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อสีของรถได้

นอกจากนี้การนำรถเข้าใช้บริการคาร์แคร์ ไม่เพียงแต่ล้างทำความสะอาดเท่านั้น ยังได้บริการดูแลรักษารถอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขัดสี เคลือบสี รวมถึงตรวจเช็คระบบต่างๆ เพื่อให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล   

สรุป   

การใช้บริการคาร์แคร์ล้างรถต้องเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ มีคุณภาพ คุ้มค่าคุ้มราคา สามารถไว้วางใจได้เมื่อนำรถคู่ใจไปทำความสะอาด เพราะคาร์แคร์ไม่ได้มีเพียงแค่การล้างรถ แต่ยังมีบริการอื่นๆ ที่จะช่วยดูแลรักษา ตรวจเช็คสภาพรถให้ดูสวยงาม และใช้งานได้อย่างปลอดภัยอยู่เสมอ ดังเช่น KleanSquare ที่มีมาตรฐาน บริการครอบคลุม ทำให้ได้มากกว่าความสะอาด

นอกจากนี้ KleanSquare ยังมีบริการอื่นๆ อีก เช่น ขัดโคมไฟหน้ารถ ขัดเคลือบกระจกหน้ารถ ติดแผ่นฉนวนกันความร้อนภายในฝากระโปรงหน้ารถ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง หรือรถมอเตอร์ไซค์ก็สามารถนำมาล้างได้เช่นกัน อีกทั้งยังระบบ Membership ที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้ใช้บริการคาร์แคร์อีกด้วย

257
ทำประกันรถยนต์ชั้น 3 ราคาประหยัด

ถ้าพูดถึงการทำประกันเพื่อคุ้มครองในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะประกันชีวิต ประกันบ้าน ประกันการเดินทาง ประกันรถยนต์ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องพิจารณาเพราะคุ้มครองไปถึงอุบัติเหตุ ชีวิต รวมถึงคุ้มครองทรัพย์สินของผู้ทำประกันและคู่กรณีด้วย ทีนี้เมื่อพิจารณาว่าจะทำประกันรถยนต์แล้วเราควรตัดสินใจต่อว่าจะเลือกประกันรถยนต์ชั้นไหนดี ซึ่งแล้วแต่รายรับ รายจ่ายของแต่ละครอบครัว

การวางแผนคำนวณเบี้ยค่าใช้จ่ายก็ง่ายเพราะค่าประกันชั้น 3 เริ่มต้นจ่ายที่หลักพันคุ้มครองตลอดทั้งปี โดยอาจจะเลือกที่ราคาเบี้ยประกันและความคุ้มค่าเป็นหลัก ซึ่งวันนี้ SILKSPAN ขอแนะนำประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่ทำได้ง่าย ๆ ไม่จำกัดอายุรถ โดยประกันรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้างและประกันรถยนต์ชั้น 3 ราคาไปศึกษากันได้เลย

เลือกประกันรถยนต์ชั้น 3 แบบไหนจะเหมาะกับเรา
การเลือกทำประกันรถนั้น ควรดูก่อนว่าเหมาะกับใครและใช้รถแบบไหน ซึ่งการทำประกันรถยนต์ชั้น 3 เหมาะกับคนที่ใช้รถเก่าไม่ค่อยได้ขับออกไปข้างนอก เช่น รถยนต์มือสองหรือรถยนต์ที่ไม่เคยมีประวัติเฉี่ยวชนมาก่อนแต่อยากตัดสินใจลองทำประกันเพื่อคุ้มครองเกี่ยวกับอุบัติเหตุไม่คาดคิด เลือกคุ้มครองต่อค่าซ่อมเฉี่ยวชนเสา ต้นไม้ที่ไม่มีคู่กรณี เพื่อความสบายใจหรือเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 3 เพราะคุ้มครองค่ารักษาทั้งคนในรถและคู่กรณีอีกด้วยซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในราคาเริ่มต้นเพียงแค่หลักพันบาทเท่านั้น

ก็สามารถคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินของคุณได้ง่าย ๆ อีกหนึ่งข้ออย่าลืมนึกถึงตอนที่เราต้องติดต่อบริษัทประกันที่เราได้ทำประกันเอาไว้ด้วยว่าจะติดต่อยากหรือง่ายแค่ไหน เพราะเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมาจริง ๆ สิ่งแรกที่คุณต้องนึกถึงคือติดต่อหาประกันนั้นเอง

ประกันรถยนต์ชั้น 3 ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่ เบี้ยประกันชั้น 3 จากที่ต่าง ๆ ที่ไหนถูกกว่ากัน

รูปแบบการทำประกันรถยนต์ มีให้เลือกหลากหลายประเภท หลากหลายบริษัททำให้คุณต้องมองหารายละเอียดของการทำประกันรถยนต์แต่ละที่ให้ดี ๆ ในฐานะของผู้เลือกซื้อกรมธรรม์ก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกประกันรถยนต์ที่หลายรูปแบบ โดยเราได้หาข้อมูลเบี้ยประจากที่ต่าง ๆ มาให้แล้วดังนี้

  • ประกันรถยนต์ชั้น 3 ของบริษัททีคิวเอ็ม จะเริ่มต้นอยู่ที่ 1,899 บาทต่อปี
  • ประกันรถยนต์จากวิริยะประกันภัยอยู่ที่ 2,500 บาทต่อปี
  • เมืองไทยประกันชีวิต เริ่มต้นที่ 1,900 บาทต่อปี
  • Rabbit Care เริ่มต้นที่ 2,500 บาทต่อปี

ซึ่งแต่ละที่ประกันรถยนต์ชั้น 3 ราคาจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับขนาดและประเภทของรถยนต์ ความคุ้มครองจะคุ้มครองคล้าย ๆ กันโดยเน้นไปที่ผู้โดยสารภายในรถรวมถึงบุคคลภายนอกจะไม่นับความเสียหายที่ไม่มีคู่กรณี แต่ประกันรถยนต์ชั้น 3 จะคุ้มครองตามเอกสารแนบท้ายเท่านั้น ต้องศึกษารายละเอียดกันให้ดี เช่น อุบัติเหตุส่วนบุคคล ทรัพย์สินบุคคลภายนอก เงินชดเชยต่าง ๆ ทาง SILKSPAN ราคาเบี้ยประกันจะอยู่ที่ 1,870 บาทต่อปี ซึ่งถือว่าราคาถูกกว่าหลาย ๆ บริษัทที่ได้ทำการยกตัวอย่างมา

ประกันรถยนต์ชั้น 3 ให้ความคุ้มครองมากแค่ไหน

ประกันรถยนต์ชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองเฉพาะทรัพย์สินบุคคลภายนอกกล่าวคือ คุ้มครองเฉพาะรถของคู่กรณี เช่น เมื่อรถของเราชนกับรถของคนอื่นเราจะสามารถใช้ประกันรถยนต์ชั้น 3 ชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้ แต่จะคุ้มครองรถของคนที่ทำประกัน ทำให้เราต้องระมัดระวังมากขึ้นในกรณีที่ไปชนกับ เสาไฟ ต้นไม้ หรือเกิดความเสียหายที่ไม่มีคู่กรณีในส่วนตรงนี้ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองนั้นเอง และยังคุ้มครองเพิ่มเติมเกี่ยวกับบุคคลในรถของเรา สามารถอ่านข้อมูลแบบละเอียดได้ที่หัวข้อดังต่อไปนี้เลย

ประกันชั้น 3 คุ้มครองรถและทรัพย์สินผู้อื่น
ประกันรถยนต์ 3 คุ้มครองเฉพาะรถและทรัพย์สินของผู้อื่นเท่านั้น โดยรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลรวมถึงค่าทุพพลภาพและเสียชีวิตของผู้คนภายนอกด้วย บริษัทประกันชดใช้ค่าสินไหมชดเชยค่าเสียหายตามจริง แต่ไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้งที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์

ประกันชั้น 3 คุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลคนในรถ
ประกันรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลคนในรถและบุคคลภายนอกในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุจนถึงขั้นบาดเจ็บต้องนำส่งโรงพยาบาล หรือเกิดการเสียชีวิต ทุพพลภาพถาวร เช่น สูญเสียดวงตา มือ เท้าพิการ ถ้าเราเป็นฝ่ายผิดบริษัทก็จะจ่ายชดเชยตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์มากที่สุดแล้วแต่ที่ระบุไว้แต่ก็จะสามารถช่วยแบ่งเบาได้อย่างหนึ่ง

นอกจากที่กล่าวมาข้อดีของการทำประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็ต้องสอดคล้องกับการใช้งานจองเราเองด้วย ไม่จำเป็นต้องแพงเข้าว่าเพราะคุณอาจจะไม่ต้องการการคุ้มครองที่ครอบคลุมขนาดนั้น โดยเลือกตอบโจทย์การใช้งานได้ดีกว่ามาดูข้อดีต่าง ๆ ของการทำประกันรถยนต์ชั้น 3 ว่ามีอะไรบ้างดังนี้

  • ยังสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วยเพราะเป็นประกันที่ถูกที่สุดในตัวเลือกหลาย ๆ อย่างทำให้จ่ายค่าเบี้ยประกันน้อยกว่าประกันชนิดอื่น ๆ
  • สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มได้เพราะประกันรถยนต์ชั้น 3 มีราคาไม่สูงมาก ทำให้ตัดสินใจได้ง่าย หากเกิดเปลี่ยนใจหรือไม่พอใจประกันที่มีอยู่ ก็สามารถซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมได้ทันที
  • เสี่ยงบนท้องถนนเกิดขึ้นได้ทุกวัน การทำประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็ช่วยคุ้มครองได้ส่วนหนึ่ง ทำให้เมื่อเกิดความเสียหาย ประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็จะช่วยชดเชยภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้อีกด้วย
  • ขับขี่ใช้รถยนต์ได้อย่างมั่นใจ การทำประกันไม่ว่าจะประเภทไหน ๆ ถ้าทำแล้วจะช่วยให้ผู้ทำประกันเกิดความสบายใจ ทำให้ใช้รถยนต์ของตัวเองได้เต็มที่เต็มความสามารถด้วยความอุ่นใจจากการทำประกันรถยนต์ชั้น 3 หรือประกันประเภทอื่น ๆ นั้นเอง

ประกันรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครองคู่กรณี

ความคุ้มครองประกันรถยนต์ชั้น 3 กับ 3+ ต่างกันอย่างไร เหมาะสมกับใคร
ประกันรถยนต์ชั้น 3 คุ้มครองไม่ค่อยครอบคลุมในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยก็จะไม่ชดเชยค่าเสียหาย เช่น การชนเสา ชนกำแพงที่ไม่มีคู่กรณี แต่ก็เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถหรือนาน ๆ ใช้สักครั้งหนึ่ง รถยนต์มีอายุมากกว่า 10 ปี ทำให้การทำประกันชั้นอื่นเป็นเลือกยากเพราะรถยนต์มีอายุนานแล้ว การเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็จะเหมาะกับส่วนนี้และการกลัวว่าจะเกิดความเสียหายหรืออุบัติเหตุแก่ผู้อื่น

การทำประกันไว้ก็คุ้มค่ากับราคาต่อปีเพียงแค่หลักพันต้น ๆ ซึ่งประกัน ชั้น 3 กับ 3+ ต่างกันอย่างไร แตกต่างตรงที่จะชดเชยเฉพาะคู่กรณีและบุคคลภายนอกเท่านั้นซึ่งประกันรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองในส่วนของรถเราด้วย ทำให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุชนจริงแล้วเราเป็นฝ่ายผิด ทำให้เราต้องออกค่าซ่อมรถเอง แต่ค่าซ่อมรถของคู่กรณีจะได้รับความคุ้มครองโดยประกันชั้น 3 แต่ถ้าคุณได้เลือกทำประกันชั้น 3+ ไว้ก็จะคุ้มครองค่าเสียหายของรถเราด้วยตามทุนประกันที่จดเอาไว้

ความคุ้มครองประกันรถยนต์ชั้น 3 กับ 2+ ต่างกันอย่างไร เหมาะสมกับใคร
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เหมาะสำหรับคนที่ใช้รถเป็นประจำแต่จำเป็นต้องจอดในที่เสี่ยง เช่น หน้าบ้าน ริมถนน ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุได้ซึ่งถ้ากรณีเกิดอุบัติเหตุก็จะได้รับความคุ้มครองจากกรณีรถสูญหาย หรือไฟไหม้ น้ำท่วม หรือบริการฉุกเฉินเคลมประกันก็จะง่ายกว่าเพราะเลือกทำประกันชั้น 2+ ซึ่งแล้วแต่บริการของแต่ละที่ที่เราเลือกซื้อ ส่วนความคุ้มครองคู่กรณีก็เหมือนกันตรงที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุคู่กรณีก็ยังคงได้รับความคุ้มครองสำหรับความเสียหายอยู่ด้วย

แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุจนกลายเป็นคดีอาญา ประกันรถยนต์ชั้น 2+ มีเงินประกันไว้สำหรับผู้ขับขี่ให้คอยช่วยเหลือตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เพื่อไม่ให้ผู้กระทำผิดถูกควบคุมตัวเมื่อเป็นคดีอาญาอีกด้วย แตกต่างจากประกันรถยนต์ชั้น 3 ตรงที่ไม่คุ้มครองรถของเรา ไม่มีค่าประกันตัวในกรณีเกิดเป็นคดีอาญาและไม่คุ้มครองในกรณีรถสูญหายจากการจอดไว้ข้างทาง หน้าบ้าน ริมถนนนั้นเอง

ความคุ้มครองประกันรถยนต์ชั้น 3 กับ 1 ต่างกันอย่างไร เหมาะสมกับใคร
ถ้าหากรถของคุณยังอายุไม่เกินกำหนดเพราะจะสามารถทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้แบบง่าย ๆ ถ้าหากเป็นรถใหม่สภาพดีเพราะการทำประกันชั้น 1 เหมาะสำหรับมือใหม่มาก ๆ ไม่สันทัดหรือเริ่มต้นในการขับรถ กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ จากการไปชนรถคนอื่นหรือไม่ก็ชนเสา ชนรั้ว ชนต้นไม้ ทำให้เราสามารถใช้ประกันชั้น 1 ให้เจ้าหน้าที่ทำการสำรวจและเคลมในจุดเกิดเหตุได้ทันทีเพื่อทำเรื่องเคลม โดยที่เราไม่ต้องไปเสียเวลา คุย หรือเจรจาให้ปวดหัวยุ่งยากกับคู่กรณีเลยและถ้าหากกลายเป็นคดีอาญาประกันชั้น 1 ยังออกค่าใช้จ่ายค่าให้ประกันตัวผู้ขับขี่ไว้เช่นกัน

ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับรถยนต์คุณสามารถติดต่อศูนย์ช่วยเหลือได้เลยเพราะเป็นสิทธิพิเศษลูกค้า ที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้กับทาง SILKSPAN ตลอด 24 ชั่วโมง แตกต่างกับประกันรถยนต์ชั้น 3 อย่างมากทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะเลือกให้เหมาะสมกับการใช้ของตัวเองได้มากน้อยแค่ไหน

ทำประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่ไหนคุ้มที่สุดต้องที่ SILKSPAN

ประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่ไหนดีถ้าหากคุณกำลังมองหา หรือมีแผนที่จะทำประกันรถชั้น 3 หรือชั้นอื่น ๆ ก็ตามคุณสามารถเลือกทำประกันออนไลน์กับ SILKSPAN ได้เลยเพราะเหมาะอย่างมากเกี่ยวกับคนที่กลัวว่าจะขับรถไปชนผู้อื่น แต่สามารถออกค่าซ่อมรถของตัวเองได้ การทำประกันรถยนต์ชั้น 3 ไว้ทำให้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ส่วนหนึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุนั้นเอง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ขับรถหรือรถเก่าแล้ว เพราะจ่ายเบี้ยเริ่มต้นเพียงหลักพันกว่าบาทเท่านั้น

และยังสามารถหาส่วนลดได้จากการแนะนำให้ต่อประกันคันที่ 2 อีกสูงสุดถึง 1,000 บาท เมื่อต่อประกันล่วงหน้าคุณก็จะได้ส่วนลดสูงสุดไปอีก 500 บาท ยังมีโปรโมชั่นประจำเดือนต่าง ๆ รอคุณอีกมากมายคุณสามารถเลือกจ่ายเบี้ยประกัน SILKSPAN ได้ง่าย ๆ 2 ช่องทางโดยการโอนเงินทุกธนาคารและที่ 7- 11 เคาน์เตอร์เซอร์วิสทุกสาขาทั่วประเทศ


258
บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์เหมาะกับการพักผ่อน

หมู่บ้านแถวศรีนครินทร์เป็นทำเลศักยภาพฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ที่มีการคมนาคมสะดวกเข้าออกเมืองกรุงได้หลายเส้นทางไม่ว่าจะทางด่วนหรือรถไฟฟ้า เป็นย่านธุรกิจที่มีสีสันได้รับอิทธิพลความเจริญจากย่านสุขุมวิท-อโศก  ที่มีความหลากหลาย ทั้งห้างสรรพสินค้าและสวนสาธารณะ บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ในราคาที่ไม่แพงเท่าใจกลางกรุง อีกทั้งยังเป็นทำเลทองที่จะถูกพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกมากมายในอนาคต 

บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์
แน่นอนว่าใคร ๆ ก็ต้องการพักอาศัยในบ้านที่มีความร่มรื่น อยู่แล้วสบายมีความสุขเหมาะแก่การพักผ่อน และสามารถเดินทางสะดวกไม่เสียเวลาไปกับการเดินทาง โครงการบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์อยู่ใกล้กับโซนอ่อนนุชสุขุมวิทและบางนา ไม่ว่าเดินทางไปเส้นไหนก็ล้วนแล้วแต่สะดวก แถมยังมีรถไฟฟ้าที่กำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งสายสีเงิน Light Rail (สายบางนา-สุวรรณภูมิ) และสายสีเหลือง (สายลาดพร้าว-สำโรง) ที่จะให้บริการเร็ว ๆ นี้ สามารถเชื่อมต่อกับ BTS สายสุขุมวิทที่ให้บริการถึงสถานีคูคต และยังใกล้ชิดธรรมชาติย่านสมุทรปราการ

ความโดนเด่นของย่านบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์
โครงการบ้านแถวศรีนครินทร์มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิเช่น สถานศึกษา โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และยังมีพื้นที่สีเขียวให้สูดอากาศสดชื่นได้เต็มปอด อย่างสวนสาธารณะ 3 แห่ง เช่น สวนหลวง ร.9, โครงการป่าในกรุง และศูนย์กีฬาทางน้ำบึงหนองบอนแล้ว บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์มีความโดดเด่นอย่างไรบ้างไปดูกัน

การเดินทางรอบโครงการบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์
  • การเดินทางด้วยรถยนต์ สะดวกทั้งทางด่วนและทางปกติ ถนนศรีนครินทร์สามารถรองรับรถยนต์ได้ประมาณมากด้วยความกว้างระดับ 6 - 8 เลน เชื่อมต่อลาซาล นอกจากจะใกล้ถนนบางนา-ตราดแล้ว ยังสามารถใช้ทางด่วนบูรพาวิถี, พระราม 9 หรือถนนรามคำแหง และถนนบางกะปิได้

  • การเดินทางโดยรถสาธารณะ มีรถให้บริการตลอดเส้นทาง ได้แก่ สาย 2, ปอ.11, 21, 23, 25, 38, 46, ปอ.48, 132, 133,ปอ.139, ปอ.145, 180, 206, 365, 558 และรถสองแถว

  • การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า น่าชื่นใจที่นอกจากจะสามารถเดินทางต่อรถไปขึ้น BTS สายสุขุมวิทแล้วบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ยังสามารถเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายสีเงิน Light Rail (สายบางนา-สุวรรณภูมิ) และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (สายลาดพร้าว-สำโรง) สถานีศรีนครินทร์ 38, สถานีศรีเอี่ยม ที่กำลังจะเปิดให้บริการภายในปีนี้

สิ่งอำนวยความสะดวกรอบบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์
  • ห้างสรรพสินค้ารอบบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่อย่าง เซ็นทรัลบางนา, เมกา บางนา, IKEA Bangna, Lotus และยังมีตลาดรถไฟที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยามกลางคืนชื่อดังที่ได้รับความนิยมจากชาวไทยและชาวต่างชาติ

  • สถานศึกษารอบบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ มีทั้งมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยหัวเฉียว, มหาวิทยาลัยรามคำแหง บางนา, โรงเรียนสาธิตบางนา, โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว และโรงเรียนประภามนตรี

  • โรงพยาบาลรอบบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ อาทิเช่น โรงพยาบาลบางนา 2, โรงพยาบาลสินแพทย์, โรงพยาบาลศิครินทร์ และโรงพยาบาลสมิติเวช

บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ ราคา
บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ของ SC Asset มีหลายโครงการที่น่าสนใจ เหมาะกับผู้ต้องการหาบ้านเดี่ยวที่อยู่ใกล้กรุง แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่งดงาม ทำให้ได้บรรยากาศแห่งการพักผ่อนที่แท้จริง แล้วโครงการไหนจะถูกใจคุณบ้าง ลองดูรายการคร่าว ๆ ที่เราสรุปมาให้ดังนี้

บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ ราคา


บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ แนะนำ
SC Asset ได้ดีไซน์บ้านสุดหรูบนทำเลศักยภาพที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และยังตั้งใจออกแบบโดยยึดความต้องการของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ หากคุณกำลังหาบ้านเดี่ยวที่น่าอยู่ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ลองพิจารณาโครงการบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ดังต่อไปนี้

บางกอก บูเลอวาร์ด ศรีนครินทร์ – บางนา

บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์บางกอก บูเลอวาร์ด ศรีนครินทร์ – บางนา

บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์บางกอก บูเลอวาร์ด ศรีนครินทร์ – บางนา (Bangkok Boulevard Srinakarin-Bangna) ตั้งอยู่ที่ถนนหนามแดง, บางแก้ว, บางพลี, สมุทรปราการ เป็นบ้านเดี่ยวสุดหรู สไตล์ยุโรปที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Milton Abbas Village ขนาด 218-362 ตร.ม. ด้วยการผสมผสานที่ลงตัวของธรรมชาติแบบ Lake Luzern และสวนสไตล์สวิส ให้คุณได้ใกล้ชิดธรรมชาติ มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้ง Gym, สระว่ายน้ำระบบเกลือ และสวนสาธารณะ มีระบบ Home Automation ติดสัญญาณกันขโมยทุกหลัง พร้อมกล้อง CCTV และ รปภ.ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

บ้านเดี่ยวบางนาศรีนครินทร์อยู่ใกล้ตลาดเทพประทาน (หนามแดง), Big C และ Lotus ทางด่วน รถไฟฟ้า อยู่ใกล้คลองสำโรง และโรงพยาบาลสินแพทย์ สามารถใช้ถนนศรีนครินทร์และถนนเทพารักษ์ได้ โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 10 - 18 ล้านบาท

บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-กม.5
 
บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-กม.5


โครงการใหม่จาก SC Asset อย่างบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-กม.5 (Bangkok Boulevard Bangna Km.5) ตั้งอยู่ในซอยบางนา-ตราด 37, บางแก้ว, บางพลี, สมุทรปราการ เป็นบ้านโมเดิร์นล้ำสมัยสไตล์ LANAI SERIES ที่มีขนาดกว้างถึง 441 ตร.ม. ด้วยนวัตกรรม Living Solution ที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ที่ลงตัว โครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทั้งคลับเฮาส์ สวนส่วนกลางสถาปัตยกรรมของเกาะ Bora Bora ได้กลิ่นอาย Tropical เหมือนพักผ่อนริมชายทะเล พร้อมกล้อง CCTV และ รปภ.ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

เดินทางสะดวกไม่ว่าจะใช้เส้นถนนบางนา-ตราด, ถนนศรีนครินทร์, ทางด่วนบูรพาวิถี, วงแหวนรอบนอก และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีเอี่ยม บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ใกล้กับห้างแมคโคร, Big C, Lotus, เมกา บางนา, โรงเรียนนานาชาติชั้นนำ และโรงพยาบาลศิครินทร์  โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 15 - 30 ล้านบาท

แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท - ศรีนครินทร์

บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท - ศรีนครินทร์

บ้านเดี่ยวศรีนครินทร์แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด สุขุมวิท - ศรีนครินทร์ (Grand Bangkok Boulevard Sukhumvit - Srinakarin) ตั้งอยู่ในซอยแบริ่ง 31/1, สำโรงเหนือ, เมือง, สมุทรปราการ เนื้อที่ 439-780 ตร.ม. เป็นบ้านสไตล์ Spanish Step, Italy พร้อมระบบ Living Solution นวัตกรรมใหม่ที่เหมาะกับชีวิตในยุคดิจิทัล ด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางรองรับครอบครัวขนาดใหญ่ Double Master Bedroom ทำให้ทุกห้องนอนมีห้องน้ำส่วนตัว และยังเพลิดเพลินกับพื้นที่นั่งเล่นหลายจุดภายในบ้าน พร้อม Clubhouse, ห้องรับรอง, สวนส่วนกลาง, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ เข้าออกด้วยระบบ Smart Gate พร้อมกล้อง CCTV และ รปภ.ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

หมู่บ้านแถวศรีนครินทร์อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยและสถานศึกษาชั้นนำทั้งไทยและนานาชาติ ใกล้กับศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่างเซ็นทรัลและเมกา บางนา เดินทางเข้าออกสะดวกทั้งทางด่วนบางนาและบูรพาวิถี รวมถึงรถไฟฟ้า 2 สาย สายสีเขียวและสายสีเหลือง เข้าออกกรุงได้สบาย ในราคาเริ่มต้นที่ 35 - 85 ล้านบาท

สรุป
 
โครงการบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ตั้งอยู่ในโซนที่กำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เป็นย่านธุรกิจที่ได้รับความนิยมมาก สามารถเดินทางสะดวกทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองกำลังจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้  เชื่อมต่อทางพิเศษหลากหลายเส้นทาง ถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพเป็นอย่างมาก

SC Asset เป็นแบรนด์คุณภาพที่สร้างบ้านจนได้รับรางวัล The Most Powerful Real Estate Brand ที่ครองใจผู้บริโภคจนได้รับความไว้วางใจในการบอกต่อเพื่อน ๆ ให้มาใช้บริการ มีการทำงานเป็นทีมในการดูแลบ้านเดี่ยวศรีนครินทร์ และให้บริการหลังการขายอย่างมีประสิทธิภาพ พยายามยึดความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญด้วยแนวคิด One Size Doesn’t Fil All ที่เหมาะสำหรับทุกคน 

259
 คลินิกรักษาสิว

สิว เป็นปัญหาผิวที่อาจรักษาหายด้วยตัวเองได้ แต่ก็มักจะไม่หายขาดและกลับมาเป็นสิวซ้ำ ๆ จนผิวบอบช้ำ เป็นรอยสิว หลุมสิว ซึ่งเป็นปัญหาผิวที่แก้ยากขึ้นไปอีกขั้น การพบแพทย์ที่คลินิกรักษาสิวจะช่วยให้คุณสามารถรักษาปัญหาผิวอย่างสิว หรือปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อย่างตรงจุดกว่า เพราะแพทย์ที่คลินิกรักษาผิวหน้าจะสามารถหาสาเหตุของการเกิดสิว และไปแก้ปัญหาผิวที่ต้นเหตุได้นั่นเอง

ไม่ว่าจะตามโรงพยาบาลหรือตามห้างสรรพสินค้าก็มีคลินิกรักษาสิวอยู่มากมาย แต่จะไปรักษาสิวที่คลินิกไหนดี คงเป็นคำถามในใจของผู้ที่อยากจะรักษาสิวคลินิก เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกคลินิกรักษาสิวที่ไหนดี เทคนิคการดูคลินิกรักษาสิวไม่เลี้ยงไข้ ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าพังให้กลับมาเรียบเนียนเช่นเดิม

ปัญหาสิว เกิดจากอะไร?
สิวเป็นปัญหาผิวที่สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัย และมักจะพบมากในวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยที่มีระดับฮอร์โมนพลุ่งพล่าน หลายคนอาจมีความเข้าใจเกี่ยวกับสิวผิดไป อย่างเช่น การไปคิดว่าสิวเกิดจากการล้างหน้าไม่สะอาด ดูแลผิวหน้าไม่ดี หรือเป็นคนสกปรก แต่นั่นเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวของการเกิดปัญหาผิวอย่างสิวเท่านั้น เพราะยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว แถมบางปัจจัยก็ไม่สามารถควบคุมได้ง่าย ๆ อีกด้วย

สิวเกิดจากการที่น้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าและเกิดการอุดตันอยู่ภายในรูขุมขน หลายครั้งที่ต่อมไขมันสร้างน้ำมันออกมามากเกินไปทำให้ไม่สามารถระบายออกจากรูขุมขนได้ทัน หากภายในรูขุมขนนั้นมีเศษเซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือสิ่งสกปรกภายนอกก็จะเกิดการรวมตัวจับกันเป็นก้อนไขมันแข็ง ๆ หรือ คอมีโดน (Comedone) ที่เป็นต้นตอของการเกิดสิวนั่นเอง

อีกทั้งหากสภาวะบนผิวหนังเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้แบคทีเรียประจำถิ่นเกิดการเจริญเติบโตมากผิดปกติก็สามารถทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาได้

การเกิดสิวนั้นอาจไม่ได้ทำให้เกิดโรคทางกายภาพที่เป็นอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด แต่ก็สามารถสร้างปัญหาทางจิตใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับบางคนอาจเกิดความไม่มั่นใจทุกครั้งที่เกิดสิว และยิ่งหากเป็นสิวเรื้อรัง หน้ามีรอยสิว หลุมสิว หลายคนอาจมีความกังวลมากจนไม่อยากจะไปพบปะผู้คนเลย

เชื่อว่าเมื่อมีสิวขึ้น หลายคนก็คงจะไปหายาทาสิวหรือผลิตภัณฑ์สกินแคร์ต่าง ๆ เพื่อรักษาสิว แต่เพราะสภาพผิว และสาเหตุของการเกิดสิวในแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทำให้หลาย ๆ คนที่ไปซื้อผลิตภัณฑ์เหล่านี้มาอาจพบว่าใช้ไม่ได้ผล เสียเงินไปเสียเปล่า

เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้วว่าปัญหาสิวของแต่ละคนอาจเกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรให้แพทย์ผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ที่คลินิกรักษาสิวช่วยหาต้นตอ สาเหตุของการเกิดสิวก่อนจึงจะสามารถรักษาสิวได้แบบตรงจุด รักษาสิวให้หายขาดนั่นเอง

เลือกรักษาสิวอย่างไรให้เหมาะกับชนิดสิว

คลินิกรักษาสิวที่ไหนดี

สิวมีหลายประเภท และการรักษาสิวนั้นมีหลายวิธี สิวจะหายเร็วหรือไม่ การรักษาสิวจะเป็นผลหรือเปล่าขึ้นอยู่กับคุณเลือกวิธีการรักษาให้ตรงกับชนิดสิวแค่ไหน ปกติแล้วหากเป็นสิวเล็ก ๆ ไม่รุนแรงนั้นอาจหายาจากภายนอกมาใช้งานได้ แต่หากเป็นสิวรุนแรง อักเสบเรื้อรัง ก็จำเป็นต้องให้แพทย์ที่คลินิกรักษาสิวประเมินก่อนจะเลือกวิธีรักษาสิวนั่นเอง

ปกติแล้วการรักษาสิวที่คลินิกรักษาสิวจะมีวิธีรักษาสิวอยู่หลายวิธี โดยแพทย์จะต้องทำการประเมินลักษณะของสิว ความรุนแรงของการเกิดสิวก่อนจะเลือกวิธีรักษาสิวที่เหมาะสมกับสิวที่สุด 

1. รักษาสิวด้วยการใช้ยารักษาสิว
การรักษาสิววิธีเบสิกที่สุดเลยคือการใช้ยารักษาสิว และถึงแม้ว่าจะมีการรักษาสิวด้วยวิธีอื่น ๆ แพทย์ที่คลินิกรักษาสิวก็มักจะจ่ายยารักษาสิวมาให้ใช้ควบคู่กับการรักษาแบบอื่น ๆ ด้วย

ยารักษาสิวมีหลายชนิด และสามารถรักษาสิวได้หลายประเภท ยกตัวอย่างเช่นหากเป็นสิวอักเสบก็จะได้รับยาปฏิชีวนะทั้งสำหรับรับประทานและสำหรับทาเพื่อฆ่าเชื้อสิว รวมถึงอาจได้รับยาที่ช่วยละลายหัวสิว ลดการอุดตันของหัวสิวและยาลดรอยสิวด้วย

แต่หากเป็นสิวไม่อักเสบอย่างสิวอุดตัน แพทย์ที่คลินิกรักษาสิวอาจจ่ายยารับประทานหรือยาทาที่ช่วยลดการอุดตันในรูขุมขน ลดการสร้างน้ำมันของต่อมไขมัน หรือยาที่ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว เป็นต้น

2. รักษาสิวด้วยการฉีดสิว
การรักษาสิวด้วยการฉีดสิวนั้นแพทย์ที่คลินิกรักษาสิวจะใช้สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบ สิวหัวหนอง ตัวยาที่ใช้ฉีดสิวจะเป็นฮอร์โมนสเตียรอยด์สังเคราะห์ที่ชื่อว่าคอร์ติโซน (Cortisone) ทำให้สิวยุบไว อีกทั้งยังลดโอกาสที่จะเกิดรอยสิวหลังสิวยุบอีกด้วย

สำหรับสิวที่ไม่มีหนองแพทย์ที่คลินิกรักษาสิวก็จะใช้ยาฉีดเข้าไปที่สิวโดยตรง แต่หากเป็นสิวที่มีหนองแพทย์อาจทำการเจาะเอาหนองออกก่อนที่จะฉีดสิวต่อไป

การฉีดสิวนั้นจำเป็นจะต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะหากฉีดไม่ถูกวิธีอาจทำให้ผิวยุบตัว หรือเป็นรอยด่างขึ้นได้

3. รักษาสิวด้วยการกดสิว
การรักษาสิวด้วยการกดสิวนั้นเป็นวิธีการรักษาสิวประเภทสิวที่ไม่มีการอักเสบอย่างสิวหัวดำ โดยการกดสิวจะช่วยให้สิ่งที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนหลุดออกมาได้เลยทันที เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดรูขุมขนกว้างและหลุมสิวในอนาคต

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการกดสิวนั้นเป็นหัตถการที่ดูเหมือนจะไม่ต้องเข้าคลินิกรักษาสิวก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการกดสิวนั้นควรทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากหากกดสิวไม่ถูกวิธีหรือมีความสะอาดไม่มากพออาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือเกิดการลุกลามของสิว ยิ่งทำให้สิวขึ้นเยอะกว่าเดิม และอาจเกิดแผลเป็นขึ้นได้

4. รักษาสิวด้วยการใช้เลเซอร์สิว
การรักษาสิวด้วยการใช้เลเซอร์สิวเป็นหัตถการที่นิยมมากในปัจจุบัน และเป็นวิธีที่ใช้รักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในขณะนี้ โดยการใช้เลเซอร์สิวนั้นช่วยให้สิวหายไวและยังมีความปลอดภัยสูงอีกด้วย

ในปัจจุบันตามคลินิกรักษาสิวจะมีเลเซอร์สิวอยู่หลายชนิด เช่น เลเซอร์ฆ่าเชื้อสิว เลเซอร์ลดรอยสิว เลเซอร์ลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมัน เลเซอร์ฟื้นฟูผิว เป็นต้น โดยแพทย์จะเลือกการใช้เลเซอร์สิวตัวไหนขึ้นอยู่กับลักษณะของสิวที่ต้องการรักษา

สิวหายเองได้ไหม
หากคุณเป็นสิวแบบไม่รุนแรง มีจำนวนไม่มาก ก็สามารถปล่อยไว้ให้สิวหายเองได้ หรืออาจเร่งให้สิวหายเร็วขึ้นได้ด้วยตัวเองอย่างการใช้ยาแต้มสิว และในระหว่างที่เป็นสิวอาจพยายามดูแลผิวโดยการไม่ไปรบกวนผิวบริเวณที่เป็นสิวอย่างเช่น การสครับผิวหรือการแต่งหน้า

แต่อย่างไรก็ตาม มีสิวบางประเภทเท่านั้นที่สามารถปล่อยไว้ให้หายเองได้ แต่ก็มักอาจทิ้งร่องรอยหลังจากที่สิวหายซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ยากกว่าเดิมอีกด้วย โดยสิวที่ไม่ควรปล่อยให้หายเองมีดังนี้

  • สิวหัวดำ หรือสิวหัวเปิด สิวประเภทนี้มีความรุนแรงน้อยที่สุดเพราะไม่มีการอักเสบ แต่อย่างไรก็ตามการปล่อยให้สิวหัวดำหลุดไปเองนั้นอาจเป็นเรื่องยาก และถึงแม้ว่าจะสามารถหลุดออกไปแล้วก็มักจะทิ้งปัญหาหลุมสิว รูขุมขนกว้างจากการที่มีสิวหัวดำอุดตันในรูขุมขนเป็นเวลานานนั่นเอง อีกทั้งสิวหัวดำนี้ก็มีโอกาสพัฒนาไปเป็นสิวอักเสบได้เช่นกัน

  • สิวอักเสบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสิวอักเสบธรรมดา สิวอักเสบหัวหนอง สิวหัวช้าง เพราะสิวพวกนี้เกิดจากการอักเสบของรูขุมขน ก่อให้ผิวหนังและรูขุมขนเกิดความเสียหาย ถึงแม้ว่าการอักเสบจะสิ้นสุดลง ก็อาจทิ้งร่องรอยเอาไว้เช่น รอยแดง รอยดำ หลุมสิว ที่รักษายากกว่าการรักษาสิวเสียอีก

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังเป็นสิวและไม่อยากจะมีปัญหาหลังสิวหายตามมา ควรจะเข้ารับการรักษากับแพทย์ที่คลินิกรักษาสิวจะดีที่สุด เพราะแพทย์จะสามารถตรวจสภาพผิวและทราบปัญหาของการเกิดสิวของคุณ และวางแผนการรักษาที่เหมาะกับตัวคุณเองอีกด้วย

รักษาสิวด้วยตัวเอง VS รักษาที่คลินิกรักษาสิว
หลายคนอาจมีความลังเลว่าจะรักษาสิวด้วยตัวเองหรือจะไปรักษาสิวที่คลินิกรักษาสิวดี เราได้เปรียบเทียบข้อดีของแต่ละแบบไว้ให้แล้ว

รักษาสิวที่คลินิกรักษาสิว
  • มีแพทย์ผิวหนังผู้เชี่ยวชาญที่สามารถประเมินสภาพปัญหาสิวและปัญหาผิวอื่น ๆ ได้อย่างละเอียด
  • สามารถรักษาสิวได้อย่างตรงจุด ถูกประเภทสิว
  • ใช้เวลารักษาไม่นาน สิวหายไว ลดโอกาสการเกิดรอยสิว

รักษาสิวด้วยตัวเอง
  • ไม่ต้องเดินทางไปคลินิกรักษาสิวหรือโรงพยาบาล
  • ค่าใช้จ่ายต่ำ

แต่อย่างไรก็ตามการรักษาสิวด้วยตัวเองนั้นมีขีดจำกัดค่อนข้างมาก เพราะสิวหลาย ๆ ประเภทก็ไม่สามารถรักษาให้หายเองได้ จำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่คลินิกรักษาสิวเท่านั้น

7 เคล็ดลับ เลือกคลินิกรักษาสิวที่ไหนดี
หลายคนที่สนใจจะรักษาสิวที่คลินิกรักษาสิว แต่ไม่รู้ว่ารักษาสิวที่คลินิกไหนดี เราขอแนะนำ 7 เคล็ดลับในการเลือกคลินิกรักษาสิวที่ดี ดังนี้

1. คลินิกรักษาสิวที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

คลินิกสิว

เป็นปกติอยู่แล้วที่ไม่ว่าใครก็ต้องมองหาคนเก่ง ๆ มาช่วยแก้ปัญหาของตนเอง เวลาเราจะเลือกคลินิกรักษาสิวก็เช่นกัน สิ่งที่หลายคนต้องมองก่อนเลยคือแพทย์ที่อยู่ประจำคลินิกรักษาสิวนั้นมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านหรือไม่ เพราะไม่ใช่แพทย์ทุกคนจะสามารถรักษาได้เหมือนกันหมด

2. คลินิกที่ราคารักษาสิวสมเหตุสมผล

รักษาสิวคลินิก

ใคร ๆ ก็ชอบของถูก แต่อย่าลืมว่าทุกสิ่งอย่างย่อมมีค่าใช้จ่าย หากเห็นแก่ของถูกเกินไปอาจต้องแลกมมากับความเสี่ยงหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะในเรื่องบริการหรือคุณภาพก็ตาม แต่ใช่ว่าคลินิกรักษาสิวที่มีอัตราค่ารักษาแพงจะดีเสมอไป ดังนั้นควรลองพิจารณาจากความสมเหตุสมผลของราคาก่อนเดินเข้าคลินิกรักษาสิวนั้น ๆ ก่อนจะดีกว่า

3. คลินิกรักษาสิวที่มีอุปกรณ์รักษาสิวครบครัน

คลินิกรักษาผิวหน้า

เพราะปัญหาสิวอาจไม่จบเพียงแค่การใช้ยาหรือเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น หากทางคลินิกรักษาสิวนั้น ๆ มีความพร้อมเรื่องอุปกรณ์รักษาสิวก็จะทำให้สามารถรักษาสิวของคุณได้อย่างต่อเนื่อง

4. คลินิกรักษาสิวที่มีเทคโนโลยีทันสมัย

คลินิกลดรอยสิว

ในยุคที่เทคโนโลยีมีความล้ำหน้าอย่างก้าวกระโดด ยิ่งมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมกับรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก็จะยิ่งช่วยให้ผลการรักษาสิวที่คลินิกรักษาสิวมีประสิทธิภาพมากขึ้น

5. คลินิกรักษาสิวที่ให้บริการดี แนะนำคอร์สอย่างตรงไปตรงมา

คลินิกรักษาสิวหายขาด

แน่นอนว่าคลินิกรักษาสิวก็เป็นสถานบริการที่เป็นธุรกิจอย่างหนึ่ง จึงเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่จะมีการแนะนำคอร์สรักษาสิว รวมถึงคอร์สอื่น ๆ แก่เรา แถมในบางครั้งก็แนะนำคอร์สเกินความจำเป็นอีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับเราที่เป็นผู้ใช้บริการก็คงไม่อยากจะโดนตื้อขายคอร์สสักเท่าไหร่นัก ก็อาจมองหาคลินิกรักษาสิวที่แนะนำคอร์สอย่างตรงไปตรงมา แนะนำเฉพาะเท่าที่จำเป็นและไม่สร้างความอึดอัดให้กับผู้เข้ารับบริการ

6. คลินิกรักษาสิวที่เปิดกิจการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

รักษาสิวคลินิกไหนดี

สมัยนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มักจะเจอคลินิกรักษาสิว คลินิกกดสิวอยู่เกลื่อนกลาด แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีคลินิกหลาย ๆ แห่งที่เปิดอย่าางไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นก่อนจะเข้าไปรักษาสิวที่คลินิกรักษาสิวใด ๆ ควรจะพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของคลินิกเสียก่อน

เพื่อความปลอดภัยสามารถเช็กรายชื่อแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ที่นี่เลย

7. คลินิกรักษาสิวที่มีรีวิวจากผู้รับการรักษาจริง

รีวิวคลินิกรักษาสิว

เพื่อให้คุณมั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าคลินิกรักษาสิวที่จะไปใช้บริการจะสามารถให้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการที่สุด คุณสามารถดูรีวิวการรักษาสิวที่คลินิกรักษาสิวได้หลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะการเสิร์ซ google หรือการดูจาก youtube ก็ได้ทั้งนั้น

เอ็มวีต้าคลินิก คลินิกรักษาสิว หายขาด ไม่เลี้ยงไข้
คลินิกรักษาสิวที่ไหนดี ? อยากรักษาสิวกับแพทย์ผิวหนังเฉพาะด้าน ช่วยกู้หน้าพังให้กลับมาหน้าใสด้วยบริการและการรักษาที่น่าประทับใจ เอ็มวีต้าคลินิก คลินิกรักษาสิวไม่เลี้ยงไข้ รักษาปัญหาสิวของคุณจากต้นเหตุ ช่วยให้สิวหายไม่กลับมาเป็นซ้ำ โดยทางเอ็มวีต้าคลินิกเรามีแนวทางการรักษาสิวดังนี้

  • วิธีการรักษาสิวที่ทางเอ็มวีต้าคลินิกนำมาใช้รักษาคนไข้เป็นวิธีที่ได้รับรองและมีงานวิจัยรองรับมาแล้วว่าสามารถใช้รักษาสิวได้จริงและปลอดภัย
  • ทุกขั้นตอนในการรักษาสิวที่เอ็มวีต้าคลินิกเราเน้นถึงความอ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิว และมุ่งเน้นการฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงดูสุขภาพผิวดีอีกครั้ง
  • แพทย์ที่คลินิกรักษาสิวเอ็มวีต้าคลินิกจะให้คำแนะนำหลังเข้ารับบริการและการรักษา เพื่อให้คนไข้ไม่กลับมาเป็นสิวหนัก ๆ ซ้ำเช่นเดิมอีก

แนวคิดการรักษาสิวของ เอ็มวีต้าคลินิก

แนวคิดการรักษาสิวของ เอ็มวีต้าคลินิก

1.ลดการขับน้ำมันของต่อมน้ำมัน ด้วยสูตรตัวยาที่ผ่านงานวิจัยรับรองผลที่ทาง เอ็มวีต้าคลินิก เลือกใช้ จะทำให้ผิวขับน้ำมันน้อยลงอย่างชัดเจน ภายใน 4 สัปดาห์

2.ลดการอุดตันของรูขุมขน ด้วยตัวยาประสิทธิภาพสูงของ เอ็มวีต้าคลินิก และร่วมกับเทคนิคพิเศษของการกดสิวโดยผู้เชี่ยวชาญที่ละเอียดเป็นพิเศษไม่เหมือนที่อื่น สิวอุดตันจะลดลงตั้งแต่ครั้งแรกของการรักษาและจะดียิ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

3.ลดจำนวนแบคทีเรียที่ผิวและในรูขุมขน ด้วยตัวยาและวิธีการฆ่าเชื้อสิวด้วยการฉายแสง ที่ได้ผลดีและผ่านงานวิจัยในผลลัพธ์ สามารถลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียลงได้ สิวจึงเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ครั้งแรก

4.ลดและป้องกันการอักเสบของสิว จากทั้งตัวยา การฉายแสง การฉีดสิว และการทำ Acne Spark เทคนิคเฉพาะของ เอ็มวีต้าคลินิก ให้สิวยุบลงภายใน 24 ชม หลังทรีตเม้นท์

คำถามที่พบบ่อย

รักษาสิวกับคลินิกรักษาสิวดีไหม
เพราะสิวสามารถเกิดได้จากหลาย ๆ สาเหตุ เพื่อให้สามารถรักษาสิวได้ตรงกับต้นเหตุที่สุดจึงควรเข้ารักษาสิวกับแพทย์ที่คลินิกรักษาสิวจะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจมากกว่า

การล้างหน้าบ่อยๆ ช่วยลดสิวจริงไหม
การล้างหน้าเป็นเพียงการทำความสะอาด ชำระล้างสิ่งสกปรกส่วนเกินที่อยู่บนผิวหน้าเท่านั้น การล้างหน้าบ่อย ๆ นั้นอาจช่วยให้สิวลดลงกรณีที่เป็นสิวจากมีสิ่งสกปรกบนหน้า แต่จะไม่ช่วยลดสิวหากเป็นสิวชนิดอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งสกปรก เช่น สิวฮอร์โมน

อีกทั้งการล้างหน้าบ่อย ๆ ยังทำให้ใบหน้าสูญเสียความชุ่มชื้นจากการที่ไขมันบนหน้าที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวได้หลุดไปอีกด้วย เมื่อผิวเสียความสมดุลก็จะยิ่งทำให้ร่างกายสร้างน้ำมันส่วนเกินและทำให้เกิดสิวง่ายขึ้นอีกด้วย

เพราะสกปรก จึงเป็นสิวใช่หรือไม่
หลายคนชอบพูดกันว่าเพราะล้างหน้าไม่สะอาด หน้าสกปรกจึงเกิดสิว แต่ในความเป็นจริงนั้นการเกิดสิวจากการที่หน้าไม่สะอาดเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น ยังมีอีกหลาย ๆ สาเหตุที่ทำให้เกิดสิวไม่ว่าจะเป็นจากฮอร์โมน การใช้เครื่องสำอาง การที่มีผิวอ่อนแอ ก็สามารถทำให้เกิดปัญหาสิวได้ทั้งนั้น

ข้อสรุป
สิวเป็นปัญหาผิวที่เป็นของคู่กายคู่ใจเกือบทุกคน หากใครลองรักษาสิวด้วยตนเองแล้วไม่หายขาดสักทีแนะนำให้เข้ารับการรักษาที่คลินิกรักษาสิว เพราะที่คลินิกรักษาสิวจะมีแพทย์ผิวหนังเฉพาะด้านที่มีความชำนาญ สามารถวิเคราะห์ปัญหาผิวและหาสาเหตุของการเกิดสิวได้ ทำให้สามารถรักษาสิวได้อย่างตรงจุด สิวหายเร็วและไม่กลับมาเป็นหนักซ้ำ ๆ อีก


260
Sale Page TikTok กลยุทธ์การตลาดออนไลน์

ในปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้ว่า ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทำให้การใช้ชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนแปลงไปด้วย ซึ่งนอกจากปัจจัยด้านเทคโนโลยีแล้ว สถานการณ์ต่าง ๆ เองก็เป็นปัจจัยที่ทำให้พฤติกรรมของคนในสังคมเปลี่ยนไป ตัวอย่างเช่นโรคระบาดโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางไม่ว่าจะภายในประเทศ หรือต่างประเทศ ล้วนมีผลกระทบทั้งสิ้น แม้เดินออกจากบ้านก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้อย่างง่ายดาย

เนื่องจากโรคระบาดโควิด-19 นี้เอง ทำให้แต่เดิมที่ผู้คนส่วนใหญ่จะเดินทางไปที่ต่าง ๆ เพื่อเลือกดูสินค้าด้วยตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าที่ตัวเองต้องการนั้นมีคุณสมบัติอะไร คุณภาพดีมั้ย เหมาะสมกับราคาหรือไม่ หลังจากมีการระบาดแล้ว ทุกคนต่างอยู่บ้าน งดการเดินทางที่ไม่จำเป็น ดังนั้นการซื้อขายสินค้าผ่านทางช่องทางออนไลน์ถือเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในเวลานี้

ด้วยเหตุนี้เอง การเติบโตของตลาดออนไลน์จากเดิมที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างช้า มาเป็นแบบก้าวกระโดด ผู้ที่ขายสินค้าหน้าร้านก็จำเป็นที่จะต้องปรับตัวมาขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ แต่ด้วยทุกคนหันมาทำการขายสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น ทำให้มีการแข่งขันที่สูงตามมาด้วย การจะอยู่รอดได้นั้นจำเป็นที่จะต้องมีเป็นจุดสนใจให้เด่นชัดกว่าผู้ขายรายอื่น ๆ

ด้วยการแข่งขันที่สูงขึ้นมาก การขายสินค้าจึงควรที่จะมีการติดต่อหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่นขายสินค้า เพจ Facebook รวมไปถึงการสร้างเว็บไซต์ของตัวเองโดยตรง แต่ถ้าพูดถึงสื่อโซเชียลมิเดียที่กำลังนิยมมากที่สุดในตอนนี้นั้นก็คือแอปพลิเคชั่น TikTok ซึ่งเราสามารถสร้างSale Page TikTok พื่อใช้ในการเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย

หลายคนอาจจะยังมีคำถามว่า Sale Page TikTok คืออะไร สามารถช่วยเพิ่มยอดขายสินค้าได้อย่างไร แล้วถ้าอยากทดลองใช้เซลเพจจะต้องทำอย่างไรบ้าง มีผู้ให้บริการชั้นนำที่น่าใช้บริการหรือไม่ บทความนี้เราจะมาคลายข้อสงสัยกัน ไปเริ่มกันเลย

Sale Page TikTok คืออะไร

Sale Page TikTok คือเครื่องมือ หรือกลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบหนึ่ง โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลสินค้าที่เราต้องการจะขายชิ้นใดชิ้นหนึ่ง หรือสินค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มาแสดงรายละเอียดทั้งหมดอยู่ภายในหน้าเว็บเพียงหน้าเดียว ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดสินค้า คู่มือการใช้งาน โปรโมชั่น ไปจนถึงคำสั่งซื้อขายสินค้า ทุกอย่างจบในหน้าเดียว ง่ายต่อการใช้ง่าย สร้างความสะดวกสบายให้ลูกค้า จึงมีโอกาสที่จะสามารถปิดการค้าได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว

ข้อดีของการทำ Sale Page TikTok

ข้อดีของการใช้ Sale Pagge TikTok

จากที่กล่าวมาข้างต้นว่า Sale Page TikTok เป็นเครื่องมือ หรือกลยุทธ์รูปแบบหนึ่ง ที่กำลังเป็นที่พูดถึงสำหรับผู้ค้าออนไลน์เป็นอย่างมาก เพื่อให้สามารถอยู่รอดในการแข่งขันที่สูง ผู้ค้าออนไลน์จึงต้องค้นหาวิธีใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าได้เพิ่มมากขึ้น

สิ่งที่ทำให้เซลเพจเป็นที่ผู้คนให้ความสนใจคือข้อดีของมัน นั้นคือ

ลงทุนต่ำ พร้อมมีระบบหลังบ้าน

การเริ่มทำ Sale Page TikTok นั้นสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่คุณจำเป็นต้องมีพื้นฐานในการเขียนเว็บ ทั้งยังรวมไปถึงระบบหลังบ้าน ที่คอยจัดการเกี่ยวกับการจัดซื้ออย่างเป็นระบบ ซึ่งมีความซับซ้อนในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

แต่ในปัจจุบันได้มีผู้ให้บริการสร้างเซลเพจเกิดขึ้นมากมาย โดยผู้ให้บริการเหล่านั้นจะให้ผู้ที่สนใจมาทดลองใช้ระบบ Sale Page ของตนเอง ถ้าทดลองใช้งานแล้วสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้าได้จริง ทางลูกค้าสามารถสมัครใช้งานบริการอื่น ๆ เพิ่มเติมได้อีกด้วย ซึ่งค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการจ้างคนมาสร้างเว็บไซต์ ดูแลเซิร์ฟเวอร์ที่ตนเองไม่มีความเข้าใจอีกด้วย   

แสดงรายละเอียดสินค้าครบถ้วน ตัดสินใจง่าย

ด้วยคุณสมบัติของเซลเพจคือการแสดงข้อมูลทุก ๆ อย่างลงไปทั้งหมดภายในหน้าเดียว ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลรายละเอียดสินค้า สรรพคุณ โปรโมชั่น ราคา ช่องทางติดต่อ ไปจนถึงรับการชำระค่าบริการอยู่ในหน้าเดียว ซึ่งทำให้สะดวกสบายให้กับผู้ซื้อ ที่เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ก็สามารถสั่งสินค้าและชำระเงินได้ทันที ยิ่งการชำระค่าบริการสะดวกมากเท่าไหร่ โอกาสปิดการขายก็มากขึ้นเท่านั้น

ปรับแต่งหน้า Sale Page ได้ตามต้องการ

นอกจากความสะดวกสบายของผู้ใช้บริการแล้ว ด้านผู้ให้บริการเองก็สามารถแก้ไข ปรับแต่งหน้า Sale Page ได้อย่างง่ายดาย ด้วยความที่ว่า Sale Page TikTok นั้นมีหน้าเว็บเพียงหน้าเดียว เพียงแต่ทำการลิงค์ข้อมูลต่าง ๆ ตามหัวข้อที่กำหนดไว้ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกดูเนื้อหาที่ตนสนใจได้ง่ายยิ่งขึ้นอีกด้วย

นำ Sale Page TikTok ไปต่อยอดสร้างยอดขาย

การนำ Sale Page TikTok มาช่วยในการขายสินค้าหรือบริการนั้น ช่วยให้สินค้าและบริการเหล่านั้นดูน่าสนใจ ซึ่งเป็นการสร้างจุดเด่นให้กับสินค้าบริการของลูกค้าให้เด่นกว่าเจ้าอื่น ๆ นอกจากนี้ถ้าผู้จำหน่ายสินค้าบริการ ใช้บริการของผู้ให้บริการสร้างเซลเพจชั้นนำ มักจะมีบริการช่วยโปรโมทให้สินค้าบริการชิ้นนั้นให้ผู้คนมองเห็นสินค้าได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

เคล็ดลับทำ Sale Page TikTok ให้ดีและแตกต่าง

เนื่องจากในปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันของตลาดออนไลน์นั้นสูงมาก ดังนั้นการที่จะสร้าง Sale Page TikTok ให้มีประสิทธิภาพ และใช้งานได้จริงนั้น ผู้ขายสินค้าบริการจำเป็นจะต้องวางแผน วางเป้าหมายให้ชัดเจน โดยสามารถวิเคราะห์ได้ดังต่อไปนี้

กำหนดกลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มเป้าหมายถือเป็นหัวใจหลักเลยก็ว่าได้ การที่เราจะสร้างสินค้าบริการขึ้นมาหนึ่งอย่างนั้น เราจำเป็นที่จะต้องคำนึงว่า สิ่งที่เราทำขึ้นมานั้นสามารถช่วยแก้ปัญหาอะไรให้กับผู้ให้บริการได้บ้าง จากนั้นจึงจะสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างตรงจุด

ตัวอย่างเช่น เสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับผู้หญิงวัยทำงาน โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิงวัยทำงานตั้งแต่ 25-30 ปี หรือจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของลายเสื้อผ้าให้สมกับวัยผู้สวมใส่ สามารถช่วยแก้ปัญหาด้านความไม่มั่นใจให้กับตัวเอง สร้างความน่าเชื่อถือในสายตาของผู้อื่นเป็นต้น

ใช้ถ้อยคำให้น่าสนใจ

การเลือกใช้คำเองก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ให้สินค้าบริการมีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะในปัจจุบันพฤติกรรมการเสพสื่อของผู้บริโภคนั้นไม่ต้องอ่านอะไรเวิ่นเว้อ ยืดยาว แต่ต้องการความกระชับ เข้าใจง่าย ดังนั้นการเลือกคำที่เหมาะสม ครอบคลุม จึงเหมาะกับ Sale Page TikTok อย่างมาก

หน้า Sale Page เข้าใจง่าย ใช้งานสะดวก

ด้วยการที่เซลเพจมีหน้าเว็บเพียงหน้าเดียว จึงง่ายต่อการอ่าน และหาข้อมูลที่ต้องการเป็นอย่างยิ่ง ถ้ามีการแบ่งหมวดหมู่หัวข้อด้วยแล้ว การใช้งาน Sale Page ยังยิ่งมีประสิทธิภาพเพิ่มยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งง่ายกับผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการ

ใช้งานได้กับทุกอุปกรณ์

สืบเนื่องจากเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้น รูปแบบการใช้งานของ Sale Page TikTok จึงต้องปรับเปลี่ยนไปตามการใช้งานของผู้บริโภค คือสามารถรองรับการใช้งานโดยการเข้าผ่านทางคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือทั้งระบบ Android IOS และ Windows อีกด้วย โดยทางเว็บจะทำการปรับเปลี่ยนตัวเองตามความเหมาะสมของอุปกรณ์นั้น ๆ ซึ่งถ้าเราเขียนเว็บด้วยตนเอง อาจจะไม่สามารถทำได้อย่างครอบคลุมทุกอุปกรณ์

บริการรับทำ Sale Page TikTok สร้างความน่าสนใจในการซื้อ

Sale Page TikTok ช่วยเพิ่มความสนใจให้แก่ผู้ใช้บริการ

เนื่องจากการแข่งขันทางออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น จึงมีผู้ให้บริการ Sale Page TikTok เกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจุดแตกต่างกันเล็กน้อย ซึ่งมีค่าบริการแตกต่างกันไปตามแพ็คเกจที่ผู้ให้บริการจัดทำขึ้น ผู้มราสนใจจำเป็นจะต้องศึกษาข้อมูลให้รอบคอบเสียก่อนว่า สินค้าของคุณคืออะไร กลุ่มเป้าหมายเป็นใคร สามารถแก้ไขปัญหาอะไรให้กับผู้บริโภคได้บ้าง ก่อนจะมาดูว่าภายในเซลเพจที่ต้องการควรมีข้อมูลอะไรบ้าง จากนั้นค่อยหาผู้ให้บริการเซลเพจต่อไป

สำหรับใครที่กำลังมองหาผู้ให้บริการสร้าง Sale Page TikTok แต่ยังไม่สามารถตัดสินใจเลือกได้ เราขอแนะนำ Fastcommerz ผู้ให้บริการสร้างเซลเพจชั้นนำ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในการทำ Sale Page โดยเฉพาะ พร้อมกับประสบการณ์ในการสร้าง Sale Page ให้กับสินค้าชั้นนำมากมาย ทั้งยังมีระบบหลังบ้านที่ใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับทุก ๆ คน

สรุป

Sale Page TikTok เป็นเครื่องมือ กลยุทธ์รูปแบบหนึ่งสำหรับผู้ขายสินค้าบริการทางออนไลน์ มีลักษณะเป็นเว็บไซต์หน้าเดียว ซึ่งภายในประกอบไปด้วยข้อมูลต่าง ๆ อาทิเช่น รายละเอียดสินค้า รีวิวสินค้า ราคาสินค้า โปรโมชั่นสินค้า ช่องทางติดต่อ รวมไปถึงบริการชำระเงินอีกด้วย

สำหรับผู้ใดที่สนใจอยากทดลองใช้งาน Sale Page TikTok เราขอแนะนำ Fastcommerz ผู้ให้บริการชั้นนำ โดยผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเซลเพจ ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้สนใจได้ทดลองใช้งานได้ฟรี ท่านใดที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อที่เบอร์โทรศัพท์ 084-509-5545, 061-924-7449 อีเมล: fastcommerz@gmail.com

261
ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ความคุ้มครองสูงในราคาที่จับต้องได้ หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นที่นิยมก็เพราะความคุ้มครองที่ครอบคลุมเหตุสำคัญต่างๆที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อย่างครบถ้วน และมีราคาไม่สูงมากจนเกินไป นอกจากนี้หากคุณเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ โดยเปรียบเทียบเลือกบริษัทที่คุ้มค่าที่สุดแล้วก็จะยิ่งประหยัดเงินไปได้อีก การทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ สามารถจ่ายเบี้ยทั้งหมดตั้งแต่แรกหรือผ่อน 0%ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคุณทำกับที่ไหนและที่นั้นๆมีบริการอะไรบ้าง ซึ่งในบางที่ก็อาจมีส่วนลดพิเศษสำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2+ ไปได้อีก ดังนั้นหากคุณยังลังเลไม่แน่ใจว่าจะทำประกันรถยนต์ชั้นไหนดี ทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ดีไหม ในวันนี้เรารวบรวมข้อมูลสำคัญที่ควรรู้และแนะนำบริการช่วยเหลือให้คุณเปรียบเทียบเลือกประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่ดีที่สุดให้คุณแล้ว

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง ครอบคลุมแค่ไหน

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองอะไรบ้าง เป็นหนึ่งในคำถามสำคัญที่หลายๆคนต้องการคำตอบ ประกันรถยนต์ชั้น 2 พลัส หรือประกันรถชั้น 2 บวกนี้ให้ความคุ้มครองครอบคลุม 4 ประเภทเช่นเดียวกับประกันรถยนต์ชั้นอื่นๆ แต่จะมีความแตกต่างในรายละเอียดปลีกย่อย โดยเราจะอธิบายก่อนว่าประกันรถยนต์ชั้น 2+ นี้ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง เพื่อให้เห็นภาพตรงกันว่าประกันรถยนต์ชั้น 2+ มีขอบเขตความคุ้มครองมากน้อยแค่ไหนและให้ความคุ้มครองในกรณีใดบ้าง ซึ่งจะแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆคือ

  • ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่มีต่อตัวรถยนต์
  • ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 2+ จากเหตุภัยธรรมชาติ
  • ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่มีต่อตัวบุคคล
  • ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 2+ ตามเอกสารแนบท้าย

แต่สำหรับท่านที่อยากทราบจุดแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 2+ และประกันชั้นอื่นๆสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ในหัวข้อถัดๆไป

ประกันรถยนต์ชั้น2+ ให้ความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองตัวรถยนต์ได้ครอบคลุมมากคือให้ความคุ้มครองทั้งกับตัวรถ กระจกรถยนต์ และอุปกรณ์ตกแต่งรถต่างๆ เพียงแค่ระบุให้ละเอียดตอนที่คุณเริ่มทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ เท่านั้น โดยความคุ้มครองต่อตัวรถนี้ให้ความคุ้มครองแทบจะทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ การมีหรือไม่มีคู่กรณี การถูกโจรกรรมหรืออุบัติเหตุที่ทำให้กระจกรถเสียหาย แต่จะมีเพียงกรณีเดียวเท่านั้นที่ประกันรถยนต์ชั้น 2+ไม่ให้ความคุ้มครองคือกรณีรถชนรถที่ไม่มีคู่กรณี ซึ่งคุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ง่ายๆโดยการติดตั้งกล้องไว้ที่รถของคุณเพื่อจับภาพขณะเกิดอุบัติเหตุจะทำให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะมีหลักฐานสำหรับตามตัวคู่กรณีได้ในภายหลัง

ประกันรถยนต์ชั้น2+ ให้ความคุ้มครองเมื่อเสียหายหรือเจออุบัติภัย ภัยธรรมชาติ

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองจากภัยธรรมชาติต่างๆ ซึ่งเป็นเหตุที่ไม่อาจคาดเดาได้ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติจากทางบก ทางทะเล หรือจากท้องฟ้า ก็ครอบคลุมทั้งสิ้น ซึ่งการคุ้มครองประเภทนี้นอกจากคุ้มครองเหตุโดยตรงจากภัยธรรมชาติเช่นน้ำท่วมตัวรถจนพังเสียหายแล้ว ยังครอบคลุมไปถึงผลกระทบจากภัยธรรมชาติด้วยเช่นการถูกต้นไม้ใหญ่ล้มทับจากพายุ ซึ่งทางบริษัทประกันภัยที่คุณทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ด้วยจะให้ความคุ้มครองโดยการรับผิดชอบค่าซ่อมแซมให้กลับคืนสภาพดังเดิม แต่หากความเสียหายมากเกินไปทางบริษัทจะต้องคืนเงินประกันให้ตามที่ระบุไว้ตอนคุณเริ่มทำกรมธรรม์ประกันรถยนต์ชั้น 2+ นั่นเอง

ประกันรถยนต์ชั้น2+ ให้ความคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองบุคคลทั้งภายในและภายนอก นั่นคือคุ้มครองทั้งตัวคุณและคู่กรณี ไม่ว่าจะเป็นบาดเจ็บเล็กน้อย เข้าโรงพยาบาล ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต ตลอดจนทรัพย์สินของมีค่าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ ร้านค้า บ้านเรือน ซึ่งทางบริษัทประกันจะให้ความคุ้มครองคุณตามค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ความคุ้มครองรูปแบบนี้จะให้ค่าสินไหมไม่เกินวงเงินที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ตอนคุณทำสัญญาประกันรถยนต์ชั้น 2+ เช่น 10 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งเรียกได้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 2+ ครอบคลุมในกรณีนี้อย่างครบถ้วนไม่ว่าจะเกิดเหตุแบบไหนก็ตาม ให้คุณอุ่นใจได้ทันทีหลังทำประกัน ด้วยวงเงินประกันและความคุ้มครองที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับประกันรถยนต์ชั้นอื่นๆ ทำให้คุณและคู่กรณีปลอดภัยอุ่นใจได้ตลอดความคุ้มครอง

ประกันรถยนต์ชั้น2+ ให้ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุ้มครองคุณเพิ่มเติมตามเอกสารแนบท้าย จะคุ้มครองคุณในค่ารักษาพยาบาลหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ต้องส่งผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังคุ้มครองคุณและผู้โดยสารในรถของคุณอย่างครอบคลุมทั้งการบาดเจ็บ สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ ตลอดจนเสียชีวิตอีกด้วย หรือหากคู่กรณีของคุณเป็นฝ่ายบาดเจ็บ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ยังครอบคลุมการประกันตัวไม่ให้คุณต้องถูกควบคุมตัวอีกด้วย

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เคลมกระจกรถได้ไหม มีเงื่อนไขหรือเปล่า

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ สามารถเคลมกระจกรถยนต์ได้ เพราะรวมอยู่ในความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์แล้ว แต่จะมีเงื่อนไขคือต้องเป็นอุบัติเหตุรถชนรถที่มีคู่กรณีเท่านั้น ซึ่งตรงกันกับการให้ความคุ้มครองกรณีรถชนรถของประกันรถยนต์ชั้น2+ที่ต้องมีคู่กรณีนั่นเอง ซึ่งแก้ไขได้ด้วยวิธีการเดิมคือการติดกล้องที่รถเพื่อตามตัวคู่กรณีได้ในภายหลัง นอกจากนี้บางคนอาจสงสัยว่า แล้วถ้าโดนปาหินใส่กระจกรถ หรือถ้าโดนทุบกระจกรถจะสามารถเคลมได้ไหม ในกรณีนี้ต้องขอตอบว่าไม่สามารถเคลมได้ เพราะไม่ได้รวมอยู่ในความคุ้มครองของกรณีรถชนรถนั่นเอง แม้ว่าจะเป็นสถานการณ์ที่หลีกเลี่ยงได้ยากและไม่ทราบว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก ดังนั้นหากคุณมีโอกาสไปในสถานที่เสี่ยงจะเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นน้อยก็ไม่น่ากังวล

เอกสารทำประกันรถยนต์ชั้น 2+

ทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ต้องใช้เอกสารกี่ชิ้นอะไรบ้าง

การทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ต้องใช้เอกสารทั้งหมด 2 ชิ้นได้แก่

  • สำเนาทะเบียนรถ
  • สำเนาบัตรประชาชน(ในกรณีที่คุณเป็นคนไทย) หรือ สำเนาพาสปอร์ต(ในกรณีที่คุณเป็นคนต่างชาติ)

แต่อาจใช้เอกสารเพิ่มเติมได้แล้วแต่กรณีไป เช่น

  • สำเนาใบขับขี่ ในกรณีที่คุณมีการระบุผู้ขับขี่ในกรมธรรม์สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2+ ก็จะต้องใช้สำเนาใบขับขี่ของผู้ที่คุณต้องการจะระบุชื่อลงในกรมธรรม์ด้วย
  • สำเนากรมธรรม์ประกันรถยนต์ ในกรณีที่คุณมีสัญญาฉบับเก่าและต้องการต่อประกันรถยนต์ชั้น 2+ คุณต้องนำสำเนาของสัญญานั้นมาด้วย

เรียกได้ว่าการเตรียมเอกสารสำหรับการทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ นั้นง่ายมากๆและใช้เอกสารเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น ซึ่งหากคุณทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ออนไลน์ก็จะยิ่งง่ายมากขึ้นไปอีกเพราะคุณสามารถจ่ายค่าเบี้ยประกันและปรึกษาเลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่ดีที่สุดได้ในเวลาไม่นาน

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ โดดเด่นตรงไหนทำไมจึงต่างจากประกันชั้นอื่นๆ

ประกันชั้น 2+ เทียบกับประกันชั้น 1

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เมื่อเปรียบเทียบกับประกันรถยนต์ชั้น 1 แล้วก็จะพบว่ามีความคุ้มครองบางอย่างที่ประกันชั้น 2+ ไม่มี เนื่องจากประกันรถยนต์ชั้น 2+ ราคาถูกกว่า ดังนั้นจึงไม่ได้ครอบคลุมถึงบางกรณีนั่นเอง ได้แก่ การคุ้มครองกรณีรถชนรถที่ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะต้องมีคู่กรณีเท่านั้น ในขณะที่ประกันอีกชั้นจะคุ้มครองทุกกรณีแม้ว่าไม่มีคู่กรณีก็ตาม แต่การมีคู่กรณีสามารถป้องกันได้โดยการติดกล้องหน้ารถหรือกล้องหลังรถซึ่งมีราคาไม่แพงเลย จึงทำให้ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ยังเป็นต่อในด้านของความคุ้มครองที่สูงและมีราคาที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า ซึ่งหากคุณมองว่าการติดกล้องไม่เป็นปัญหาการทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันชั้น 1 มากๆในราคาที่ถูกกว่าก็ตอบโจทย์คุณได้เป็นอย่างดี และประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะมีทุนประกันที่ต่ำกว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ในกรณีของความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์

ประกันชั้น 2+ เทียบกับประกันชั้น 3+

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เมื่อเทียบกับประกันรถยนต์ชั้น 3+ แล้วจะพบว่ามีความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากกว่า นั้นคือประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะให้ความคุ้มครองรวมไปถึงกรณีน้ำท่วม รถหาย หรือไฟไหม้ด้วย แต่ประกันรถชั้น 3+จะไม่มีความคุ้มครองในส่วนนี้ ซึ่งเป็นความคุ้มครองที่สำคัญเพราะเราไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหนแม้ว่าจะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นก็ตาม หากคุณต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมเพื่อให้มั่นใจอยู่เสมอแม้เกิดเหตุไม่คาดฝันก็สามารถตัดสินใจเลือกประกันรถยนต์ชั้น 2+ ได้เลย แต่หากคุณไม่ต้องการความคุ้มครองตรงส่วนนี้อาจลองมองประกันรถชั้นอื่นๆ อย่างเช่น ประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่มีค่าเบี้ยประกันถูกที่สุดเป็นตัวเลือกได้

ทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ กับ SILKSPAN เพื่อให้คุณได้ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่คุ้มค่าที่สุด

หากคุณตัดสินใจแล้วว่าอยากทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ หรือกำลังอยู่ในระหว่างการชั่งใจอยากเปรียบเทียบกับประกันชั้นอื่น เราขอแนะนำ SILKSPAN ตัวช่วยเรื่องประกันออนไลน์ ให้การทำประกันรถยนต์ของคุณง่ายและคุ้มค่ายิ่งกว่า ด้วยการเปรียบเทียบประกันรถยนต์ได้มากกว่า 20 บริษัทชั้นนำและการให้คำแนะนำของมืออาชีพ จะช่วยให้คุณได้ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่ถูกใจ หรือหาประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับคุณได้ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด พร้อมทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ออนไลน์ได้ง่ายๆเพียงเข้าสู่เว็บไซต์ของ SILKSPAN หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE: @SILKSPAN หรือโทร 02-3925500 เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

นอกจากคุณจะสามารถเลือกประกันรถยนต์ชั้น 2+ จากหลากหลายบริษัทแล้ว SILKSPAN ยังมีโปรโมชันส่วนลดมากมายสำหรับการทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ ตลอดจนคุณสามารถผ่อน 0% ได้นานถึง 10 เดือนได้ทั้งใช้บัตรเครดิตและใช้เงินสด ดังนั้นเมื่อตัดสินใจได้แล้วคุณสามารถเริ่มรับความคุ้มครองได้ทันทีด้วยช่องทางการจ่ายเงินออนไลน์ที่มีให้เลือกหลากหลาย รวมไปถึงบริการพิเศษหลังการทำประกันอีกมากมาย

262
ทำประกันออนไลน์

ในปัจจุบัน การทำประกันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกว่าที่คิดมาก เพราะอาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิดได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเกิดกับร่างกาย รถยนต์ หรือทรัพย์สินของเรา ดังนั้น หลาย ๆ คนจึงเลือกที่จะทำประกันภัยไว้ แต่การที่จะซื้อประกันก็ต้องคอยติดต่อตัวแทน และอาจจะไม่ได้รับประกันแบบที่เราตั้งใจไว้ก็เป็นได้

ดังนั้น ประกันออนไลน์จึงเข้ามามีบทบาทมากยิ่งขึ้น เพราะประกันออนไลน์นั้น มีความสะดวก รวดเร็วสามารถเปรียบเทียบรายละเอียดแผนประกัน พร้อมทั้งคำนวณเบี้ยประกันได้อย่างชัดเจน และที่สำคัญ เราสามารถทำประกันออนไลน์ได้อย่างอิสระและทำจากที่ใดก็ได้ เพื่อให้เริ่มต้นความคุ้มครองได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ซื้อประกันออนไลน์ได้ง่าย ๆ และปลอดภัยได้อย่างสบายใจ

การซื้อประกันออนไลน์ ก็คือ การทำธุรกรรมการซื้อประกันผ่านระบบออนไลน์ของบริษัทประกัน หรือ โบรกเกอร์ จากแต่เดิมที่เราจะต้องซื้อประกันผ่านตัวแทน ก็ได้เปลี่ยนมาซื้อผ่านเว็บไซต์ด้วยตนเอง

สำหรับประกันออนไลน์นั้น ทำให้เราสามารถเปรียบเทียบรายละเอียดความคุ้มครองของแต่ละแผนประกันต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนและอิสระ โดยทางเว็บไซต์จะมีโปรแกรมช่วยเปรียบเทียบและสอบถามความต้องการ รวมถึงช่วยคำนวณการจ่ายเบี้ยประกัน ทำให้เราสามารถแผนประกันได้อย่างเหมาะสม และสามารถเลือกช่องทางการชำระเบี้ยได้ ไม่ว่าจะเป็นการชำระผ่านบัตรเครดิต หรือโอนเงินผ่านธนาคาร นั่นจึงทำให้เราสามารถซื้อประกันออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา

โดยเฉพาะการซื้อประกัน online ผ่าน SILKSPAN ที่จะทำให้คุณได้รับโปรโมชั่นและส่วนลดต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการผ่อน 0% นาน 10 เดือน แม้จะไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถผ่อนได้ ส่วนลดสูงสุด 500 บาท พร้อมทั้งยังได้รับความคุ้มครองทันทีที่ซื้อ

ประกันออนไลน์สำหรับรถยนต์ เพื่อนร่วมทางคู่ใจของคุณ

ทาง SILKSPAN มีบริการเปรียบเทียบรายละเอียดและเบี้ยประกันรถให้คุณได้เลือกซื้อประกันออนไลน์ จากบริษัทประกันรถยนต์ชั้นนำของประเทศ จึงทำให้คุณสามารถมั่นใจได้ว่า หากเกิดอะไรขึ้น เราสามารถเข้าถึงที่เกิดเหตุได้ไว มีบริการที่เคลมง่าย งานซ่อมที่คุณภาพดี และสามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยประกันรถยนต์ของ SILKSPAN มีทั้งหมด 4 ประเภท ได้แก่

ประกันรถยนต์ชั้น 1 ออนไลน์

สำหรับประกันออนไลน์ของ SILKSPAN หากคุณเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ออนไลน์ จะให้ความคุ้มครองรถในทุกกรณี ไม่ว่า รถคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก เช่น ความคุ้มครองรถชนรถ ชนรั้ว กำแพง คุ้มครองรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม เป็นต้น สำหรับประกันชั้น 1 ก็จะให้ความคุ้มครองทั้งสิ้น

โดยปกติประกันออนไลน์รถยนต์ชั้น 1 จะมีแค่บางบริษัทประกันที่แถมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินให้เป็นบริการพิเศษ ซึ่งทาง SILKSPAN จะมีบริการของ Inter Partner Assistance เป็นบริการที่ให้กับลูกค้าของ SILKSPAN เท่านั้น โดยบริษัทเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ลูกค้าเพิ่มเติมเอง ถือว่าเป็นโปรโมชั่นบริการพิเศษเฉพาะลูกค้าของเราเท่านั้น

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ออนไลน์

ส่วนการทำประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะมีความคุ้มครองในกรณีที่รถชนรถและมีคู่กรณีเท่านั้น รวมถึงทรัพย์สินและบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหาย และในกรณีที่รถหาย หรือไฟไหม้ จะมีทุนประกันคุ้มครองอยู่ระหว่าง 100,000 – 500,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับทุนที่คุณเลือกตอนทำประกันออนไลน์รถยนต์นั่นเอง

ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ออนไลน์

ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่รถชนรถและมีคู่กรณีเท่านั้น ไม่นับรวมการขับไปชนเสา สัตว์ ต้นไม้ หรือความเสียหายที่เป็นรอยขีดข่วนที่ไม่มีคู่กรณี และจะให้ความคุ้มครองทั้งชีวิตและทรัพย์สินของรถเราและรถคู่กรณี

โดยการทำประกันออนไลน์รถยนต์ชั้น 3+ นี้ เหมาะสำหรับรถยนต์ที่อายุเกิน 5 ปี และคุณไม่ค่อยได้ขับไปไหน หรือขับรถอย่างระมัดระวัง ทำให้โอกาสเกิดอุบัติเหตุมีน้อย และที่สำคัญ ประกันออนไลน์รถยนต์ประเภทนี้ มีเบี้ยประกันเริ่มประมาณ 5,000 กว่าบาทเท่านั้นเอง

ประกันรถยนต์ชั้น 3 ออนไลน์

และประกันออนไลน์แบบสุดท้าย คือ ประกันรถยนต์ชั้น 3 โดยจะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินบุคคลภายนอกเท่านั้น ไม่นับรวมความเสียหายที่เกิดกับตัวรถคันที่ทำประกัน เช่น ชนเสา สัตว์ ต้นไม้ หรือความเสียหายที่เป็นรอยขีดข่วนที่ไม่มีคู่กรณี พร้อมทั้งยังคุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลของบุคคลในรถเราและคู่กรณี

ทำประกันออนไลน์สำหรับสุขภาพที่ดีของคุณ

ประกัน online

นอกจากประกันรถยนต์แล้ว SILKSPAN ยังมีบริการประกัน online สำหรับสุขภาพอีกด้วย เพื่อเพิ่มความอุ่นใจสำหรับความเจ็บป่วยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยประกันออนไลน์สุขภาพนี้ มีให้เลือกหลากหลายแผน เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่

โดยทาง SILKSPAN จะช่วยอำนวยความสะดวก ช่วยเปรียบเทียบรายละเอียดและบริการการเช็กเบี้ยประกันออนไลน์สุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพราคาถูก ประกันออฟฟิศซินโดรม ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง และประกันสุขภาพ+อุบัติเหตุ เพื่อให้คุณได้ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองอย่างที่คุณต้องการและมีความเหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด

และที่สำคัญ SILKSPAN มีพนักงานมากกว่า 700 คน ที่พร้อมให้บริการและช่วยตอบข้อสงสัย หากคุณต้องการคำปรึกษาเรื่องประกันออนไลน์สุขภาพ โดยเราพร้อมที่จะดูแลด้วยความใส่ใจ เพื่อให้คุณได้รับประกันออนไลน์สุขภาพที่ใช่ที่สุดสำหรับคุณ

ซื้อประกันออนไลน์ชีวิต เพื่อคุ้มครองคุณจากโรคร้าย

อีกประกันชีวิตอีกแบบหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ การทำประกันออนไลน์ชีวิต โดยทาง SILKSPAN มีบริการการทำประกันมะเร็ง Cancer Plus ซึ่งแผนประกันนี้ จะให้ความคุ้มครองและรายละเอียดต่าง ๆ คือ

  • ให้ความคุ้มครองในกรณีทุกโรคมะเร็ง โดยจะให้ความคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท และจ่ายค่ารักษาเคมีบำบัด และรังสีบำบัดตามจริง สูงสุด 4 แสนบาท (ยกเว้น มะเร็งในผู้ป่วย HIV และ เนื้องอกก่อนเป็นมะเร็ง)
  • ให้ความคุ้มครองชีวิตนาน 10 ปี ซึ่งถ้าหากคุณเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง หรืออุบัติเหตุ หรืออาการเจ็บป่วย ก็จะได้รับเงินคุ้มครองชีวิต 1 ล้านบาท
  • มีเงินชดเชยรายวัน สำหรับกรณีที่คุณเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นเพราะอาการเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุใด ๆ ก็จะได้รับเงินชดเชย 1,000 บาทต่อวัน จากแผนประกันออนไลน์นี้

ประกันออนไลน์อุบัติเหตุ Happy Me Happy Family

อุบัติเหตุเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น เราจึงควรจะต้องมีประกันอุบัติเหตุไว้เสมอ เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด จะได้มีเงินสำรองยามฉุกเฉิน ไม่ทิ้งภาระให้แก่คนข้างหลัง อีกทั้งเบี้ยประกันออนไลน์อุบัติเหตุก็มีราคาไม่สูง จ่ายค่าเบี้ยแค่หลักร้อย แต่ได้ความคุ้มครองถึงหลักแสน และที่สำคัญคือ ทำง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ ไม่มีระยะรอคอย และให้ความคุ้มครองทันที 24 ชม. ทั่วโลก

โดยทาง SILKSPAN ได้จัดทำประกันอุบัติเหตุ Happy Me Happy Family ที่ไม่ต้องตรวจสุขภาพ ให้ความคุ้มครองได้ถึงอายุ 65 ปี โดยที่เบี้ยประกันไม่ปรับตามอายุ ให้เงินชดเชยรายได้ครอบครัวสูงสุด 12 เดือน และให้ความคุ้มครอง 24 ชั่วโมงทั่วโลก ซึ่งแบ่งออกเป็นแผน 1 แผน 2 และแผน 3 เพื่อให้คุณสามารถเลือกความคุ้มครองและเลือกจ่ายเบี้ยประกันออนไลน์ได้ตามความต้องการ ซึ่งมีค่าเบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 6 บาทต่อวัน

ซื้อประกันออนไลน์สำหรับบ้านพัก พร้อมบริการฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง

อีกหนึ่งประกันออนไลน์ที่น่าสนใจของ SILKSPAN คือ ประกันบ้านออนไลน์ ด้วยบ้านเป็นที่พักอาศัย เป็นสถานที่พักผ่อนของทุกคน ดังนั้น เราจึงควรให้ความสำคัญและทำประกันภัยให้ความคุ้มครองด้วยเช่นกัน โดยประกันบ้านของ SILKSPAN จะให้ความคุ้มครอง ดังต่อไปนี้

  • อัคคีภัย / ฟ้าผ่า ซึ่งมีสาเหตุมาจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า และภัยจากน้ำ (ไม่รวมน้ำท่วม) เป็นเงินสูงสุด 3 ล้านบาท
  • น้ำท่วม / ภัยธรรมชาติ ซึ่งมาจากภัยธรรมชาติ ได้แก่ น้ำท่วม ลมพายุ ลูกเห็บและแผ่นดินไหว รวมกันไม่เกิน 3 แสนบาท
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า สูงสุดไม่เกิน 6 หมื่นบาท
  • การโจรกรรม หรือความสูญเสีย หรือความเสียหายต่อทรัพย์สินอันเกิดจากการชิงทรัพย์ สูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาท ภายใต้เงื่อนไขของบริษัท

นอกจากนี้ SILKSPAN ยังมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับการซื้อประกัน online ของบ้านอีกด้วย ได้แก่

  • ระบบประปา
  • ระบบไฟฟ้า
  • ระบบปรับอากาศ
  • กุญแจที่พักสูญหาย รวมถึงกรณีสะเดาะกุญแจ หากลูกค้าอนุญาต (รับกุญแจสำรองภายในระยะทาง 20 กิโลเมตร)
  • เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
  • กำจัดสัตว์ดุร้ายที่ไม่พึงประสงค์

มีประกันออนไลน์สำหรับการเดินทางไว้ ให้อุ่นใจในทุกทริปเที่ยว

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รักการท่องเที่ยว ดังนั้น การทำประกันการเดินทางจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยทีเดียว โดยทาง SILKSPAN ได้มีการจัดทำประกันออนไลน์การเดินทางร่วมกับบริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย โดยให้ความคุ้มครองครอบคลุมในการเดินทางต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ การเจ็บป่วย กระเป๋าเดินทาง ความล่าช้าของเครื่องบิน ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก เป็นต้น

ทั้งนี้ ความคุ้มครองก็ขึ้นอยู่กับแผนประกันออนไลน์ที่คุณเลือก ด้วยเบี้ยประกันที่เริ่มต้นเพียง 190 บาท แต่ให้ความคุ้มครองสูงถึง 1.5 ล้าน พร้อมทั้งบริการฉุกเฉินทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมงรวมถึงการประสานงานความช่วยเหลือทางการแพทย์ การเคลื่อนย้ายรักษาพยาบาลฉุกเฉิน และกลับประเทศโดย MSIG Assist 24 ชั่วโมง

โดยแผนประกันออนไลน์ของ SILKSPAN มีให้คุณเลือกทั้งในแบบรายเที่ยวและรายปี เพื่อให้คุณสามารถไปท่องเที่ยว ติดต่อธุรกิจประชุมสัมมนา หรือศึกษาต่อในระยะสั้นที่ต่างประเทศได้อย่างสบายใจและหายห่วง

บริการสินเชื่อออนไลน์ บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสดสำหรับผู้ที่ต้องการเงินด่วน

ทำประกันออนไลน์

และนอกเหนือจากประกันออนไลน์แล้ว ทาง SILKSPAN ยังมีบริการสินเชื่อออนไลน์ ทั้งสำหรับรถยนต์และส่วนบุคคล บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการใช้เงินด่วนอีกด้วย โดยเราได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางการเงินมากมาย เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้การใช้เงินของคุณเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วที่สุด

สินเชื่อรถยนต์ออนไลน์

นอกจากการซื้อประกัน online สำหรับรถยนต์แล้ว คุณยังสามารถใช้บริการสินเชื่อรถยนต์ออนไลน์กับ SILKSPAN ได้ด้วย สำหรับการรีไฟแนนซ์รถยนต์ที่ยังผ่อนไม่หมด จะทำได้ให้วงเงินสูง มีการอนุมัติง่าย ไม่ต้องรอนาน ระยะเวลาผ่อนสูงถึง 60 งวด ดอกถูก ไม่ต้องใช้บุคคลอื่นมาค้ำประกัน และที่สำคัญ ไม่ต้องโอนเล่มทะเบียน

สินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์

สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ ทาง SILKSPAN ได้ร่วมกับสินเชื่อบุคคลซิตี้ ซึ่งคุณจะได้รับอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมการใช้วงเงิน ต่ำสุดเพียง 7.99% ต่อปี เป็นอัตราดอกเบี้ยพิเศษแบบลดต้นลดดอก สามารถรับวงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ หรือ 2 ล้านบาท แถมยังมีระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 12 – 60 เดือน และที่สำคัญ คือ ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ หรือผู้ค้ำประกัน
 
บัตรเครดิต

หากคุณมีประกันออนไลน์แล้ว และอยากจะมีบัตรเครดิตสักใบ SILKSPAN มีบริการให้เปรียบเทียบสิทธิพิเศษของบัตรเครดิตแต่ละธนาคาร เพื่อให้คุณได้เลือกบัตรเครดิตที่เหมาะกับตัวคุณมากที่สุด และสมัครบัตรเครดิตออนไลน์ได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว

โดยสถาบันการเงินชั้นนำที่ทาง SILKSPAN มีบริการให้คุณสามารถสมัครได้ทันที คือ Citi Bank, KTC และ UOB โดยมีรายละเอียดข้อมูลบัตรและเงื่อนไขการสมัครอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เครดิตเงินคืน ส่วนลดสูงสุด เงื่อนไขรายได้ขั้นต่ำต่อเดือน เรียกได้ว่า SILKSPAN ที่เดียวก็จะทำให้การสมัครบัตรเครดิตเป็นเรื่องง่ายไปเลย

บัตรกดเงินสด

นอกจากบัตรเครดิตแล้ว SILKSPAN ยังมีบริการให้สมัครบัตรกดเงินสด เพื่อให้คุณพร้อมเสมอกับทุกสถานการณ์ทางการเงิน โดยที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจากการกดเงิน โดยเรามีบัตรกดเงินสดจาก Citi Bank และ KTC มาให้คุณได้ศึกษาและเปรียบเทียบว่า ไลฟ์สไตล์การใช้เงินของคุณนั้น เหมาะสมกับบัตรใดมากกว่ากัน

โดยเราจะระบุรายได้ขั้นต่ำซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสมัคร พร้อมบอกจุดเด่นของบัตรกดเงินสดแต่ละใบ เช่น ยอดชำระขั้นต่ำ ไม่มีค่าธรรมเนียมการกดเงินสด การแบ่งจ่ายนานสูงสุด 12 เดือน พร้อมโปรโมชั่นดี ๆ อย่างชำระดอกเบี้ย 0% หรือรับของสมนาคุณอย่างกระเป๋าเดินทาง เป็นต้น

ทำประกันออนไลน์กับ SILKSPAN ดีอย่างไร

จะเห็นได้ว่า SILKSPAN มีการให้บริการอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะการทำประกันออนไลน์ ทั้งประกันภัยรถยนต์ ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ ประกันบ้าน และประกันการเดินทาง เรียกได้ว่า เป็นการประกันภัยให้แก่ร่างกายและทรัพย์สินของเราในทุกกรณี

เปรียบเทียบได้

หากเราซื้อประกันออนไลน์กับ SILKSPAN จะสามารถเลือกซื้อประกันออนไลน์ได้อย่างเหมาะสม เพราะ SILKSPAN มีระบบให้เราสามารถเปรียบเทียบแผนประกันของบริษัทประกันต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย และสามารถเปรียบเทียบรายละเอียดได้อย่างชัดเจน

มั่นใจได้

SILKSPAN ให้บริการด้วยประสบการณ์ที่มากกว่า 23 ปี พร้อมกับจำนวนลูกค้าที่มากกว่า 4 ล้านคนครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ช่วยให้ลูกค้าประหยัดเงินในการซื้อประกันออนไลน์ไปมากกว่า 1,300 ล้านบาท และมีพนักงานที่พร้อมให้บริการคำแนะนำและคำปรึกษามากกว่า 700 คน ดังนั้น เราจึงสามารถมั่นใจได้ว่า หากซื้อประกัน online กับ SILKSPAN เราจะได้รับการดูแลและความคุ้มครองที่ดีอย่างแน่นอน

ประหยัดกว่า 30%

หากซื้อประกันออนไลน์จาก SILKSPAN ซึ่งพร้อมด้วยโปรโมชั่นและส่วนลดต่าง ๆ จากสถาบันการเงินอีกมากมาย ก็จะช่วยประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณได้อย่างมาก รวมถึงบริการเสริมอื่น ๆ ที่คุณจะได้รับเพิ่มเติมเป็นพิเศษจาก SILKSPAN อีกด้วย

ผ่อน 0% ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต

สำหรับช่องทางการชำระเบี้ยประกัน ไม่ว่าจะเป็นประกันออนไลน์แบบใดก็ตาม ทั้งรถยนต์ สุขภาพ การเดินทาง คุณก็สามารถเลือกชำระเต็มจำนวน หรือเลือกผ่อนชำระ 0% นาน 10 เดือน โดยสามารถใช้ได้ทั้งบัตรเครดิตและเงินสดทุกธนาคาร

บริการเสริมพิเศษ

แม้ว่า ประกันออนไลน์ของบางบริษัทประกันจะมีบริการเสริมให้ แต่สำหรับลูกค้าประกันรถยนต์ของ SILKSPAN เรามีบริการรถเสริมฟรีให้ใช้ในระหว่างซ่อม หรือเบิกค่าเดินทาง 1,000 บาท พร้อมทั้งบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. จาก Inter Partner Assistance

263
ทำประกันภัยรถยนต์

การทำประกันภัยรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นไม่ว่าจะทำประกันภัยชั้นใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่ควรจะต้องคำนึงถึงก็คือการขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท และมีความระมัดระวังมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของตนเองและคนที่คุณรัก ทั้งนี้ความรู้ด้านประกันรถยนต์ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะช่วยให้คุณสบายใจได้ว่าได้เลือกแบบประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการ 

การซื้อประกันรถยนต์มีปัจจัยหลายอย่างที่คุณต้องพิจารณาอย่างมากว่าจะเลือกบริษัทไหนดี เพื่อให้การทำประกันรถยนต์มีความถูกต้องเหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว แล้วบริษัทไหนที่จะช่วยให้คุณมีความสบายใจในการทำประกันรถ คอลัมน์นี้มีคำตอบ

ประกันรถยนต์สำคัญอย่างไร ทำไมผู้ใช้รถจึงควรทำประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์คือปัจจัยที่มีความจำเป็นที่สุดเมื่อคุณซื้อรถยนต์ เพราะทุกครั้งที่คุณใช้รถใช้ถนน ยากที่จะคาดเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้นหรือไม่ การลดปัญหาที่เกิดจากอุบัติเหตุที่นำมาสู่ความสูญเสียทั้งผู้คนและทรัพย์สิน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก การทำประกันภัยรถยนต์จะช่วยแบ่งเบาภาระให้คุ้มครองค่าเสียหายที่เกิดขึ้นได้ไม่มากก็น้อย

การทำประกันรถยนต์แบบสมัคร นอกจากจะช่วยให้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังมีประโยชน์ในการคุ้มครองการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทั้งผู้เอาประกัน และบุคคลภายนอก การรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สินของบุคคลภายนอก และความเสียหายที่เกิดต่อตัวรถยนต์ รวมถึงอุปกรณ์และเครื่องตกแต่ง ที่ติดอยู่กับตัวรถ นอกจากนี้ยังครอบคลุมถึงกรณีถูกลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ตลอดจนภัยธรรมชาติต่าง ๆ อีกด้วย

เช็กราคาเบี้ยประกันรถยนต์ก่อนทำประกันคุ้มกว่าใครแน่นอน

กว่าจะได้บริษัทประกันรถยนต์ที่ถูกใจ คุณต้องใช้เวลามากแค่ไหนในการค้นหาข้อมูล การค้นหาราคาเบี้ยประกันที่ถูกที่สุด และเหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ ต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง ทั้งความคุ้มครอง ทั้งเบี้ยประกัน ควรเลือกซื้อประกันจากบริษัทไหนดี เพื่อให้ได้บริษัทประกันที่ตรงกับความต้องการ การมองหาแพลตฟอร์มดี ๆ จะช่วยค้นหาข้อมูลด้านการประกันรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยทำให้คุณประหยัดเวลา และงบประมาณในการค้นหาบริษัทประกัน 

และตัวช่วยที่จะทำให้คุณเข้าถึงข้อมูลสำคัญด้านการทำประกันรถยนต์ก็คือ SILKSPAN บริษัทผู้มากประสบการณ์ด้านการทำประกันรถยนต์ออนไลน์ ที่มีบริการเปรียบเทียบราคาประกันรถจาก 20 บริษัทชั้นนำด้านประกันรถยนต์ อาทิเช่น บริษัทกรุงเทพประกันภัย บริษัทวิริยะประกันภัย ทิพยประกันภัย เป็นต้น คุณสามารถเช็กราคาเบี้ยประกันรถยนต์ที่ถูกใจในราคาสุดคุ้มได้ภายในคลิกเดียว

ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท เลือกอย่างไรให้เหมาะกับรถที่ใช้งาน

ประกันรถยนต์แบบไหนที่จะเหมาะกับรถยนต์ของคุณ ก่อนอื่นคุณควรทราบก่อนว่ารถยนต์ของคุณนั้นใช้งานมายาวนานขนาดไหน มีลักษณะการใช้งานสมบุกสมบันมากน้อยเพียงไร เพื่อพิจารณาเลือกแบบประกันที่เหมาะสมกับรถยนต์ของคุณ และเกิดความคุ้มครองที่คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งประกันภัยรถยนต์มีทั้งหมด 4 แบบ โดยให้คุ้มครองดังต่อไปนี้

ประกันรถยนต์ชั้น 1

ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด ไม่ว่าจะความเสียหายที่เกิดขึ้นจากตัวรถยนต์ของผู้เอาประกัน ไม่ว่าจะรถชน ไฟไหม้ น้ำท่วม ภัยทางธรรมชาติ เช่น พายุ แผ่นดินไหว ดินโคลนถล่ม ตลอดจนสูญหายจากการถูกโจรกรรม และครอบคลุมความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ชีวิต ร่างกายและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก รวมทั้งผู้โดยสารที่อยู่ภายในรถ เหมาะสำหรับรถใหม่ที่มีอายุไม่เกิน 5 ปี หรือผู้ขับขี่มือใหม่ที่ยังไม่ค่อยชำนาญ

ประกันรถยนต์ชั้น 2+

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมเหมือนประกันภัยชั้น 1 โดยคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถ คุ้มครองรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ  ตลอดจนน้ำท่วม และคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินบุคคลภายนอก เพียงแต่ไม่คุ้มครองความเสียหายโดยทั่วไปหากไม่ได้เกิดขึ้นจากสาเหตุการชนกับยานพาหนะทางบก หรือจะคุ้มครองกรณีรถชนรถเท่านั้น เหมาะกับผู้ที่ไม่มีที่จอดรถ หรือต้องจอดรถนอกบ้าน หรือพื้นที่สาธารณะที่มีความเสี่ยงต่อการถูกเฉี่ยวชน

ประกันรถยนต์ชั้น 2

เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รวมถึงคุ้มครองค่าซ่อมรถยนต์และทรัพย์สินของคู่กรณี และคุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลของบุคคลภายนอก โดยให้ความคุ้มครองในกรณีรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ หรือน้ำท่วมด้วย ตัวอย่างเช่น หากรถชนกับนาย A จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าซ่อมรถให้นาย A แต่จะไม่ซ่อมรถให้ผู้เอาประกัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีความชำนาญในการขับขี่ หรือสามารถซ่อมรถด้วยตนเองได้
 
ประกันรถยนต์ชั้น 3+

ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เป็นประกันที่คล้ายคลึงกับประกันชั้น 1 แต่จะให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกและคุ้มครองรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย จากอุบัติเหตุเฉี่ยวชนโดยไม่คาดคิด ในกรณีแบบรถชนรถเท่านั้น โดยไม่คุ้มครองกรณีรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ เป็นทางเลือกของผู้ต้องการประหยัดงบประมาณโดยเลือกแบบประกันที่มีความคุ้มครองรองลงมา ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่า เหมาะสำหรับกับรถเก่าที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป และเป็นรถยนต์ที่มีการใช้งานอยู่เป็นประจำ

ประกันรถยนต์ชั้น 3

ประกันรถยนต์ชั้น 3 เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชีวิตและร่างกายของคู่กรณี รวมถึงทรัพย์สินของบุคคลภายนอกหรือคู่กรณีที่ได้รับความเสียหาย โดยไม่ครอบคลุมกรณีรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ หรืออุบัติภัยทางธรรมชาติอื่น ๆ เช่น คุ้มครองค่าซ่อมรถให้คู่กรณีเพื่อชดเชยค่าเสียหาย แต่ไม่สามารถเคลมค่าซ่อมรถให้รถของตนเองได้ เป็นแบบประกันที่มีเบี้ยประกันราคาถูกที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถในชีวิตประจำวัน 

ต่อประกันรถยนต์

ต่ออายุประกันรถยนต์ต้องทำอย่างไร มีเคล็ดลับอะไรบ้าง

โดยปกติแล้วบริษัทประกันรถยนต์จะแจ้งเตือนให้คุณทราบล่วงหน้าว่าใกล้จะครบกำหนดการต่อประกันรถยนต์ รวมถึงนำเสนอโปรโมชันให้คุณเลือกแบบประกันที่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่ามากที่สุด ทางที่ดีคุณควรต่ออายุประกันภัยรถยนต์ภายในระยะเวลา 3 - 6 เดือน ก่อนที่สัญญาประกันจะสิ้นสุดลง ขั้นตอนการต่ออายุประกันรถและวิธีหรือเคล็ดลับในการต่อประกันมีรายละเอียดดังนี้

ขั้นตอนการต่อประกันรถยนต์มีดังต่อไปนี้

  • ติดต่อบริษัทประกันรถยนต์ที่คุณเลือกไว้ หรือมองหาโบรกเกอร์ที่คุณสนใจ ตลอดจนค้นหาข้อมูลการต่อประกันรถยนต์ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ เพื่อเลือกแบบประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
  • แจ้งรายละเอียดข้อมูลของรถยนต์ของคุณพร้อมทั้งยื่นเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้บริษัทประกันตรวจสอบเอกสารและยื่นต่ออายุประกันภัยรถยนต์ต่อไป
  • ชำระเงินค่าเบี้ยประกันรถยนต์ตามที่ได้ทำสัญญาเอาไว้
  • รับเล่มเอกสารสัญญากรมธรรม์ ตรวจสอบความถูกต้องให้เรียบร้อยเป็นอันต่อประกันสำเร็จ

ต่ออายุประกันภัยรถยนต์ล่วงหน้ามีประโยชน์มากมาย ดังนี้

  • ประกันรถยนต์ได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง
  • สามารถวางแผนการเงินล่วงหน้าเพื่อชำระเบี้ยประกัน
  • มีเวลาในการพิจารณาเลือกบริษัทประกันที่ให้ความคุ้มครองที่คุ้มค่ามากที่สุด
  • สามารถต่อภาษีรถยนต์ล่วงหน้าได้
  • สามารถวางแผนตารางเวลาเพื่อต่อประกันรถยนต์โดยไม่ทำให้ยุ่งยากในการเดินทางในเวลาเร่งด่วน

ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับประกันรถยนต์

ประกันรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นที่รถทุกคันควรจะมี และเพื่อความปลอดภัยให้ความคุ้มครองใช้งานได้ต่อเนื่อง คุณจึงควรไม่พลาดที่จะชำระเบี้ยประกันรถยนต์ให้ตรงตามเวลา และต่อประกันล่วงหน้าอย่างน้อย 1 เดือน เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการทำประกันเอาไว้ โดยคำถามข้อสงสัยที่ควรรู้มีดังนี้

ทำประกันรถยนต์ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง

สำเนาบัตรประชาชนของเจ้าของรถหรือผู้ถือครองรถคันดังกล่าว, สำเนาใบขับขี่ของผู้อำดำเนินการต่อประกันภัยรถยนต์,สำเนาหนังสือการจดทะเบียนรถยนต์ และสำเนากรมธรรม์ประกันรถยนต์ฉบับปัจจุบันที่กำลังจะหมดอายุ หรือใบเตือนการต่ออายุที่ได้จากบริษัทประกันภัย

ประกันรถยนต์สามารถทำออนไลน์ได้ไหม

คุณสามารถทำประกันรถยนต์ออนไลน์ได้ผ่านแผลตฟอร์มยอดนิยม เช่น SILKSPAN ที่ให้บริการเรื่องประกันออนไลน์ โดยกรอกข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวรถยนต์บนเว็บไซต์และตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องพร้อมแนบเอกสารเพิ่มเติม เพียงเท่านี้คุณก็สามารถทำประกันรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว และยังได้รับความคุ้มครองในทันที

ต้องชำระเงินค่าต่อประกันอย่างไร

การชำระเงินค่าต่อประกันรถยนต์สามารถทำได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว เพียงคุณมีโทรศัพท์มือถือเพียงเครื่องเดียว ก็สามารถจ่ายผ่านโทรศัพท์ได้ หรือใช้อินเทอร์เน็ตเข้าเว็บไซต์เพื่อชำระเงินผ่านการตัดบัตรเครดิต ทั้งนี้ยังสามารถชำระเงินผ่านช่องทางอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้เอาประกัน และนโยบายของบริษัทประกันภัย

ต่อประกันรถยนต์แล้วอยากยกเลิกต้องทำอย่างไร

คุณสามารถยกเลิกการประกันรถยนต์ได้ โดยได้รับเงินคืนเต็มจำนวนหากกรมธรรม์นั้นยังไม่มีผลคุ้มครอง และยังไม่เกิดอุบัติเหตุใด ๆ ที่คุณจะต้องเคลมประกัน โดยจะคืนเงินในช่องทางเดียวกับที่จ่ายค่าเบี้ยประกัน หากคุณชำระด้วยบัตรเครดิต ก็จะคืนเงินกลับไปยังบัตรเครดิต ทั้งนี้มีค่าธรรมเนียมในการยกเลิก 

ต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 3 เดือน กับ 1 เดือนแตกต่างกันอย่างไร

ต่อประกันรถยนต์ล่วงหน้า 3 เดือน เป็นช่วงเวลาที่กำลังดี ลดความเสี่ยงที่จะลืม และยังมีเวลาในการตัดสินใจเลือกบริษัทประกันภัย ที่ให้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์ความต้องการ บริษัทบางแห่งอาจนำเสนอสิทธิพิเศษในการผ่อนชำระ 0% 3 งวด ส่วนการต่อประกันล่วงหน้า 1 เดือน เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนให้ความนิยมมากที่สุด ส่วนใหญ่จะหาข้อมูลเพื่อพิจารณาบริษัทประกันช่วงใกล้จะหมดประกัน  แต่อาจจะทำให้เสียเวลาในการหาข้อมูลหากคุณไม่มีบริษัทในดวงใจ

สรุปทำประกันรถยนต์สำคัญอย่างไร เลือกอย่างไรให้เหมาะสม

ประกันภัยรถยนต์มีหลากหลายรูปแบบ การเลือกประกันรถยนต์แต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการในการตัดสินใจเลือกแบบประกันให้เหมาะกับตนเอง เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่คุ้มค่าคุณควรพิจารณาความคุ้มครองตามลักษณะการใช้งานของรถยนต์ให้ตอบโจทย์ความต้องการ การมองหาแพลตฟอร์มที่ช่วยค้นหาข้อมูลด้านการประกันรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยทำให้คุณประหยัดเวลา และงบประมาณในการค้นหาบริษัทประกันรถยนต์ได้

SILKSPAN คือผู้เชี่ยวชาญด้านการเปรียบเทียบข้อมูลบริษัทประกันรถยนต์ นำเสนอราคาและความคุ้มครองที่คุ้มค่า สะดวก รวดเร็ว มีความน่าเชื่อถือ ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาแล้วกว่า 2 ล้านราย คุณสามารถซื้อประกันรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์ ที่มีบริการแจ้งเตือนต่ออายุประกันรถยนต์ พร้อมรับสิทธิพิเศษผ่อน 0% นาน 10 เดือน และรับส่วนลด 500 บาทเมื่อต่อประกันล่วงหน้า ไม่มีบัตรเครดิตก็ผ่อนได้ พร้อมให้คำปรึกษาฟรี สนใจติดต่อได้ที่ โทร. 02 392 5500, LINE : @SILKSPAN หรือเว็บไซต์ SILKSPAN

"สบายใจได้ ไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไปว่าจะลืมต่อประกัน" SILKSPAN ขอแนะนำบริการแจ้งเตือนต่อประกันรถยนต์ผ่าน LINE ไม่มีสายโทรกวนใจ ไม่มีค่าใช้จ่าย สมัครเลยที่นี่ https : // www. silkspan.com/online/insurance-alert

264
บ้านเดี่ยวพระราม 9 รวมทุกโครงการบ้านพระราม 9 เด่นๆประจำปี

บ้านเดี่ยวพระราม 9 หนึ่งในบ้านยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ ด้วยทำเลที่ตั้งย่านพระราม 9 ที่ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษาตลอดจนโรงพยาบาลคุณภาพเยี่ยมมากมาย นอกจากนี้ยังรายล้อมไปด้วยบริษัทชั้นนำหลายแห่ง เหมาะสำหรับคนในหลากหลายช่วงวัยไม่ว่าจะเป็นวัยเรียนหรือวัยทำงาน ด้วยความที่ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งเศรษฐกิจสำคัญทำให้ย่านพระราม 9 นี้เป็นย่านที่ครึกครื้นตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน มีสถานบันเทิงและสถานที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจมากมาย รวมไปถึงการเดินทางที่สะดวกไม่ว่าจะด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถสาธารณะหรือรถไฟฟ้า

บ้านเดี่ยวพระราม 9

บ้านเดี่ยวพระราม 9 พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยโครงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนทั้งภายในและภายนอกตัวบ้าน ด้วยการออกแบบสไตล์โมเดิร์นเหมาะกับคนรุ่นใหม่ทั้งด้านความสวยงามและการพักผ่อนหย่อนใจ และทำเลที่ตั้งของบ้านเดี่ยวพระราม 9 ที่อยู่ใจกลางแหล่งเศรษฐกิจทำให้คุณสามารถเดินทางท่องเที่ยวหรือไปทำงานก็ง่ายยิ่งกว่าทำเลไหนๆ เพราะรายล้อมไปด้วยสถานที่ให้ความบันเทิงและบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง ช่วยให้คุณได้ใช้เวลาทำกิจกรรมอื่นๆที่สนใจตามไลฟ์สไตล์ของคุณเอง และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในพื้นที่ใจกลางเมือง

ความโดนเด่นของย่านบ้านเดี่ยวพระราม 9

บ้านเดี่ยวพระราม 9 มีจุดเด่นหลายด้านที่ทำให้คนรุ่นใหม่ชื่นชอบ นอกเหนือจากสไตล์บ้านที่สวยงามและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันแล้ว บ้านเดี่ยวพระราม 9 ยังมีปัจจัยด้านทำเลที่ดีเยี่ยมในหลายๆด้านอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางหรือสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆบริเวณโดยรอบ

การเดินทางรอบโครงการบ้านเดี่ยวพระราม 9

การเดินทางรอบโครงการบ้านเดี่ยวพระราม 9 นั้นสะดวกมาก ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ชอบเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือชอบโดยทางด้วยรถโดยสารสาธารณะก็เดินทางได้ง่าย เพราะบริเวณโดยรอบมีถนนเส้นสำคัญหลายสายเชื่อมถึงกับถนนเส้นหลักอย่างถนนพระราม9 และยังมีทางพิเศษอีกหลายเส้นทางให้คุณได้เลือกใช้ นอกจากนี้บ้านเดี่ยวพระราม 9 ยังตั้งอยู่ในทำเลที่ขนส่งสาธารณะหลายรูปแบบเข้าถึงทั้งรถสาธารณะต่างๆตลอดจนรถไฟฟ้า

  • การเดินทางด้วยรถยนต์: ถนนสายพระราม9 เชื่อมต่อถนนหลายสาย เช่น ถนนรัชดาภิเษก ถนนวัฒนธรรม ทำให้การเดินทางจากบ้านเดี่ยวพระราม 9 ไปยังสถานที่ต่างๆทำได้ง่ายมาก รวมไปถึงมีทางด่วนพิเศษเส้นสำคัญถึง 2 สายใกล้เคียงเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกอีกด้วย
  • การเดินทางโดยรถสาธารณะ: บ้านเดี่ยวพระราม 9 โดยมากตั้งอยู่ในโครงการบ้านเดี่ยวพระราม 9 ที่มีรถสาธารณะหลายสายขับผ่าน ตัวอย่างเช่น รถเมล์สาย 73, 168, 555 และยังมีรถตู้หรือรถสองแถวอื่นๆอีกตามเส้นทาง ดังนั้นการเดินทางโดยรถสาธารณะจากบ้านเดี่ยวพระราม 9 จึงไม่ต้องกังวลเลย
  • การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า: การเดินทางจากบ้านเดี่ยวพระราม 9 ไปสถานที่อื่นๆด้วยรถไฟฟ้าสามารถทำได้หลายรูปแบบ คือการใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงินหรือรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีแดงอ่อน โดยมีหลายสถานีที่ใกล้เคียง ทั้งนี้คุณอาจเลือกดูจากทำเลบ้านเดี่ยวพระราม 9 ของคุณก่อนว่าใกล้สถานีไหนมากกว่าเพื่อความสะดวกในการเดินทาง

สิ่งอำนวยความสะดวกรอบบ้านเดี่ยวพระราม 9
 
สิ่งอำนวยความสะดวกรอบบ้านเดี่ยวพระราม 9 มีหลากหลายมากและครอบคลุมทุกความต้องการตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เพราะรายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำมามาย นอกจากนี้บ้านเดี่ยวพระราม 9 ยังมีโรงเรียนและโรงพยาบาลใกล้เคียงที่เดินทางไปได้สะดวกและใช้เวลาน้อย อีกทั้งยังมีสถานบันเทิงหรือพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆให้คุณเลือกได้เองอีกมากมาย จึงทำให้บ้านเดี่ยวพระราม 9 เป็นอีกหนึ่งบ้านที่ตอบโจทย์ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกได้ดีมากที่สุดแห่งหนึ่ง

  • ห้างสรรพสินค้ารอบบ้านเดี่ยวพระราม 9 : บริเวณรอบบ้านเดี่ยวพระราม 9 มีห้างสรรพสินค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ชั้นนำหลายแห่ง ตัวอย่างเช่น เซ็นทรัลพระราม 9, เอสพลานาด หรือห้างฟอร์จูนเป็นต้น และยังมีตลาดกลางคืนหลายแห่งให้เลือกไปเดินจับจ่ายซื้อของกันได้อย่างเต็มที่ เรียกได้ว่าครึกครื้นอยู่เสมอทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน
  • สถานศึกษารอบบ้านเดี่ยวพระราม 9 : บ้านเดี่ยวพระราม 9 ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีสถานศึกษาชื่อดังหลายแห่งทั้งโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ตัวอย่างเช่น โรงเรียนเตรียมอุดมน้อมเกล้า, โรงเรียนบดินทร์เดชา และ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และยังเดินทางเข้าสู่โรงเรียนและมหาลัยชื่อดังอื่นๆใจกลางกรงเทพได้ง่ายมาก จึงเหมาะสำหรับตั้งแต่ช่วงวัยเด็กไปจนถึงก่อนวัยทำงาน สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการตั้งถิ่นฐานสำหรับบุตรหลาน บ้านเดี่ยวพระราม 9 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้อย่างครบถ้วน
  • โรงพยาบาลรอบบ้านเดี่ยวพระราม 9 : รอบๆบ้านเดี่ยวพระราม 9 มีโรงพยาบาลชั้นนำพร้อมให้บริการมามาย เช่น โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ หรือ โรงพยาบาลพระราม 9 เป็นต้น ดังนั้น คุณไม่ต้องกังวลเรื่องสุขภาพและการไปรักษาที่โรงพยาบาลเลยเมื่อเลือกซื้อบ้านเดี่ยวพระราม 9 เพราะเดินทางง่าย สะดวก และใกล้บ้านเป็นที่สุด

บ้านเดี่ยวพระราม 9 ราคา

บ้านเดี่ยวพระราม 9 มีหลายราคาให้คุณเลือก โดยจะแตกต่างกันไปตามทำเลที่ตั้งของบ้านเดี่ยวพระราม 9 ในโครงการนั้นๆ ลักษณะและขนาดของบ้าน ซึ่งบ้านเดี่ยวพระราม 9 ในแต่ละโครงการก็จะมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์น่าสนใจแตกต่างกันไป เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นคุณสามารถเลือกบ้านเดี่ยวพระราม 9 ที่เหมาะกับคุณมากที่สุดได้เลย โดยเราขอยกตัวอย่างโครงการบ้านพระราม 9 ยอดนิยม 2 โครงการนี้

บ้านเดี่ยวพระราม 9 ราคา

บ้านเดี่ยวพระราม 9 แนะนำ

เวนิว ไอดี มอเตอร์เวย์ - พระราม 9

บ้านเดี่ยวพระราม 9 ในโครงการเวนิว ไอดี มอเตอร์เวย์ - พระราม 9 บ้านแห่งความสุขที่ออกแบบโดยคำนึงถึงทุกประสบการณ์การใช้งานภายในตัวบ้าน โดยได้แรงบันดาลใจมาจากการออกแบบในประเทศนอร์เวย์ มีพื้นที่สาธารณะให้ใชงานมากมาย และมีพื้นที่สีเขียวที่ร่มรื่นน่าอยู่อาศัย บ้านเดี่ยวพระราม 9 ในโครงการนี้ตั้งอยู่ติดถนนเส้นหลักและมอเตอร์เวย์จึงเดินทางสะดวก ด้วยขนาดบ้านที่เหมาะกับครอบครัวทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ทำให้บ้านเดี่ยวพระราม 9 โครงการนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในราคาเริ่มต้นเพียง 10 ล้านบาท

แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด อีสต์ พระราม 9

บ้านเดี่ยวพระราม 9 ในโครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด อีสต์ พระราม 9 บ้านแห่งการพักผ่อนอย่างสุนทรีย์ ออกแบบโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมโรมันและคำนึงถึงการใช้งานในทุกพื้นที่ให้เหมาะแก่การพักผ่อนมากที่สุด ด้วยโครงสร้างบ้านหรู 3 ชั้น ทำให้เหมาะมากสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ที่ต้องการประสบการณ์การพักผ่อนที่หาไม่ได้ที่ไหน ในราคาเริ่มต้นที่ 60 ล้านบาท

สรุป

สรุปแล้วบ้านเดี่ยวพระราม 9 เป็นบ้านในฝันของคนรุ่นใหม่หลายๆคนก็เพราะทำเลที่ตั้งที่อยู่ใจกลางพื้นที่เข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆได้ง่าย และยังใกล้ชิดสถานบันเทิงหรือสถานที่ทำกิจกรรมอื่นๆอีก นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้บริษัทชั้นนำมากมายจึงเหมาะมากสำหรับคนวัยทำงานที่ต้องการเดินทางไปทำงานได้สะดวกแต่ยังมีที่พักผ่อนหย่อนใจที่สบาย บ้านเดี่ยวพระราม 9 ยังแวดล้อมไปด้วยสถานศึกษาชื่อดังหลายแห่ง จึงเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีบุตรหลานหรือบ้านที่กำลังวางแผนจะมีบุตรในอนาคต

นอกจากนี้บ้านเดี่ยวพระราม 9 ยังเดินทางสะดวกในทุกรูปแบบทั้งรถยนต์ส่วนตัว รถสาธารณะหรือรถไฟฟ้า ทำให้ไม่ว่าจะเข้าเมืองหรือออกต่างจังหวัดก็ทำได้ไม่ยาก สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการประหยัดเวลาในการเดินทางเพื่อทำกิจกรรมอื่นๆในชีวิตแล้วจึงเป็นหนึ่งในบ้านที่ตอบโจทย์ได้ดีมาก ทั้งนี้บ้านเดี่ยวพระราม 9 มีหลายโครงการให้คุณเลือกซึ่งแตกต่างกันไปตามไลฟ์สไตล์และราคา แต่คุณสามารถหาบ้านเดี่ยวพระราม 9 ในโครงการดีทำเลเด่นได้ไม่ยาก

265
คุณแม่ที่ได้รับการฝากครรภ์

คุณแม่มือใหม่หลายคนคงจะสงสัยว่าทำไมต้องฝากครรภ์ในทันทีที่รู้ว่าตั้งครรภ์ และคำถามต่าง ๆ ที่จะตามมาก็คือ ฝากครรภ์ที่ไหนดี โรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน มีประโยชน์อย่างไร ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ครั้งแรกหมอตรวจอะไร ไปฝากครรภ์ถามอะไรคุณหมอได้บ้าง และอีกนานาสารพันที่อยู่ในหัวของว่าที่คุณพ่อและคุณแม่มือใหม่ เราไปหาคำตอบกันเลย

ฝากครรภ์ คืออะไร

ฝากครรภ์ (Prenatal care) คือ การดูแลการตั้งครรภ์ของแม่และทารกในครรภ์ ทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ และสังคม ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงก่อนคลอด เพื่อเฝ้าระวังติดตามความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นขณะตั้งครรภ์ รวมทั้งให้ความรู้และคำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตนขณะตั้งครรภ์ โดยแพทย์จะตรวจติดตามเกี่ยวกับสุขภาพของแม่และทารกตลอดการตั้งครรภ์

ฝากครรภ์พิเศษ คืออะไร

เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์แม่ควรรีบไปฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด เพราะการฝากครรภ์จะทำให้แม่ และทารกในครรภ์ปลอดภัยมากขึ้น เราพอจะทราบกันแล้วว่าการฝากครรภ์นั้นมีด้วยกัน 2 แบบคือฝากครรภ์ทั่วไป และฝากครรภ์พิเศษ ในหัวข้อนี้เราจะมาพูดถึงการฝากครรภ์พิเศษว่าคืออะไร ไปดูกันเลย

ฝากครรภ์พิเศษ คือคุณแม่สามารถเลือกแพทย์ได้ด้วยตัวเองฝากครรภ์ไว้กับแพทย์ท่านนั้นๆ ตลอดไปจนถึงการทำคลอดด้วย ซึ่งมักเป็นการฝากครรภ์ในโรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกฝากครรภ์ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการระบุแพทย์เจ้าของไข้ที่แน่นอน เพราะฉะนั้นการฝากครรภ์ในโรงพยาบาลเอกชนจึงเป็นการฝากครรภ์แบบพิเศษโดยอัตโนมัติ เหมือนกับมีสูตินรีแพทย์ประจำตัวคอยดูแลครรภ์ไปจนถึงคลอดเลย
 
ส่วนการฝากครรภ์ธรรมดา เป็นการฝากครรภ์ที่พบแพทย์ทั่วไป และพยาบาลดูแลคุณแม่เท่านั้น การมาตรวจแต่ละครั้งอาจเป็นแพทย์เวร หรืออาจจะพบแพทย์คนเดิมหรือไม่ก็เป็นได้ รวมถึงขณะคลอดด้วยเช่นกัน

ประโยชน์ของการฝากครรภ์

แพทย์ที่รับฝากครภ์กำลังตรวจสุขภาพ

เมื่อทราบข่าวดีว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์แล้ว ภารกิจต่อไปที่จำเป็นต้องทำของทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ก็คือการไปฝากครรภ์กับสูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และหัวใจดวงน้อย ๆ ในครรภ์ ในหัวข้อนี้ เรามาดูประโยชน์ของการฝากครรภ์ ที่ทั้งคุณแม่และทารกจะได้รับ มาฝาก ดังต่อไปนี้คือ
 
เพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจ 

เพื่อหวังให้คุณแม่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงทั้งทางกายและทางใจ แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติในระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย การปฏิบัติตน และอื่น ๆ ที่อาจจะเป็นปัญหาในระหว่างตั้งครรภ์ และควรให้คนในครอบครัวรับทราบด้วย

เพื่อตรวจสอบดูว่าการตั้งครรภ์ปกติหรือไม่ 

แพทย์จะช่วยวินิจฉัยเกี่ยวกับโรคบางอย่างที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ ที่จะเป็นอันตรายต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ เช่น ครรภ์เป็นพิษ  ซิฟิลิส  และติดเชื้อเอดส์  เบาหวานขณะตั้งครรภ์  โรคโลหิตจาง รกเกาะต่ำ ทารกโตช้าในครรภ์ น้ำคร่ำน้อย ฯลฯ ถ้าผิดปกติจะได้ป้องกันแก้ไขได้ทันท่วงที

ช่วยป้องกันอันตรายกับทารกในครรภ์ 

การฝากครรภ์ช่วยลดอัตราการแท้งบุตร การคลอดลูกก่อนกำหนด ลูกเสียชีวิตในท้อง หรือคลอดลูกแล้วเสียชีวิตได้มาก และยังช่วยป้องกันการอักเสบติดเชื้อในตัวทารกได้อีกด้วย

ช่วยป้องกันหรือลดอาการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในระหว่างการตั้งครรภ์

เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นปกติและคลอดลูกได้ตามปกติมากที่สุด ถ้าหากมีโรคแทรกซ้อนแพทย์จะช่วยให้เกิดอันตรายน้อยที่สุด ติดเชื้อน้อยที่สุด หรือเสียเลือดน้อยที่สุด เป็นต้น

ช่วยดูแลทารกในครรภ์ 

ทำให้ทารกในครรภ์เติบโตสมบูรณ์ แข็งแรง และมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม

รับวัคซีนและยาบำรุงเป็นประจำ

ช่วยดูแลคุณแม่และทารกในครรภ์ให้ได้รับวัคซีนและยาบำรุงที่จำเป็นต่อพัฒนาการของทารกในแต่ละช่วงเดือน

เมื่อทราบถึงประโยชน์อย่างนี้แล้ว หากรู้ว่าตนเองเริ่มตั้งครรภ์ ควรรีบมาฝากครรภ์กันเถอะ

ควรฝากครรภ์ครั้งแรกตอนไหน อายุครรภ์กี่เดือน

การฝากครรภ์ครั้งแรกควรทำ “ทันที” ที่รู้ว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ 1- 2 เดือน เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์  เพราะตลอดช่วงเวลาที่ตั้งครรภ์คือช่วงที่สำคัญมาก หากฝากครรภ์ได้เร็วเท่าไร ก็จะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมจากแพทย์ได้เร็วขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกระบวนการตั้งครรภ์ได้อีกด้วย เพราะในการฝากครรภ์ครั้งแรก แพทย์จะทำการตรวจยืนยันการตั้งครรภ์ และคัดกรองความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ ทำให้คุณแม่ได้ดูแลตัวเองและทารกในครรภ์ให้แข็งแรงสุขภาพดีที่สุด

การเตรียมตัวฝากครรภ์ครั้งแรก

สำหรับคุณแม่ป้ายแดงที่กำลังจะมีลูกน้อยคนแรก อาจจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเตรียมตัวการฝากครรภ์ครั้งแรก ต้องเตรียมตัวอย่างไร  มาดูคำตอบกันเลยก่อนไปฝากครรภ์ คุณแม่ต้องเตรียมตัวเองและสิ่งต่อไปนี้ให้พร้อม

  • เตรียมข้อมูลประวัติส่วนตัวของคุณแม่ด้านสุขภาพ ประวัติการเจ็บป่วย โรคประจำตัว อาการแพ้ท้อง การฉีดวัคซีน การใช้ยา การแพ้ยา อุบัติเหตุที่เคยได้รับ การผ่าตัด และประวัติความเสี่ยงต่อโรคทางพันธุกรรมเป็นต้น
  • เขียนคำถามหรือข้อสงสัยที่คุณแม่ต้องการทราบ และถามแพทย์ให้เข้าใจอย่างละเอียด เช่น อาหารการกิน การออกกำลังกาย ยาที่รับประทานเป็นประจำมีผลต่อทารกหรือไม่ สิ่งควรระวังและหลีกเลี่ยง และต้องดูแลตัวเองอย่างไร เป็นต้น

เอกสารฝากครรภ์ มีอะไรบ้าง

สำหรับการไปฝากครรภ์ครั้งแรกนั้น คุณแม่จำเป็นต้องเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ติดตัวไปด้วย

  • บัตรประชาชนของคุณแม่ เพื่อทำประวัติการฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล และมีของคุณพ่อติดไปด้วยก็จะดี
  • ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่ เช่นประวัติการเจ็บป่วยและการรักษา การแพ้ยา การคลอดบุตร และข้อมูลโรคประจำตัว
  • ข้อมูลการมีรอบเดือนครั้งสุดท้าย โดยนับจากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย

ขั้นตอนการฝากครรภ์

แพทย์กำลังให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการฝากครรภ์

สำหรับขั้นตอนการฝากครรภ์จะไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากนัก โดยแพทย์จะทำการซักประวัติและทำการตรวจเพิ่มเติม ในหัวข้อนี้จะนำขั้นตอนการฝากครรภ์ มาอธิบายให้คุณแม่มือใหม่ได้เข้าใจไปพร้อม ๆ กัน มีรายละเอียด ดังนี้
 
แพทย์จะทำการซักประวัติผู้ป่วยอย่างละเอียด

เกี่ยวกับวันที่มีประจำเดือนครั้งล่าสุด รอบเดือนมาสม่ำเสมอหรือไม่ การใช้ยาหรืออาหารเสริม การแพ้ยา โรคประจำตัว ประวัติการป่วยของสมาชิกภายในครอบครัว โรคทางอายุรกรรม เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่หรือไม่

ตรวจร่างกาย แพทย์จะทำการตรวจร่างกายคุณแม่อย่างละเอียด

ตรวจวัดสัญญาณชีพจร วัดความดันโลหิตดูการบวมตามร่างกาย ตรวจปริมาณน้ำตาล และโปรตีนในปัสสาวะ เพื่อเช็กปัญหาด้านสุขภาพ รวมถึงอาจมีการตรวจภายในตามข้อบ่งชี้

ตรวจเลือด ในการเข้ารับการฝากครรภ์ครั้งแรก

แพทย์จะตรวจเลือดเพื่อคัดกรองโรคและประเมินความเสี่ยงโรคที่อาจมีผลต่อทารกในครรภ์ เช่น ภาวะโลหิตจาง โรคธาลัสซีเมีย โรคติดเชื้อต่าง ๆ ภูมิคุ้มกันของคุณแม่และกรุ๊ปเลือด หรืออาจจะมีการตรวจเลือดคุณพ่อด้วยก็ได้

ฝากครรภ์ครั้งแรก ตรวจอะไรบ้าง

เมื่อไปฝากครรภ์ครั้งแรก คุณแม่จะต้องได้รับการตรวจร่างกาย และตรวจครรภ์อย่างละเอียด เพื่อแพทย์สามารถวินิจฉัยสุขภาพของคุณแม่ได้ ดังนี้

  • ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูงจะมีการวัดส่วนสูง ซึ่งเป็นการบอกคร่าว  ๆ ถึงขนาดเชิงกราน ถ้าคุณม่ตัวเล็ก อาจทำให้คลอดเองได้ยาก และคุณแม่ต้องชั่งน้ำหนักทุกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบพัฒนาการดูน้ำหนักเพิ่มตามเกณฑ์หรือไม่
  • วัดความดันโลหิต  เกณฑ์ปกติคือจะราว 120/70 มิลลิเมตรปรอท แต่หากวัดค่าได้เกิน 140/90มิลลิเมตรปรอท จะถือว่ามีภาวะความดันโลหิตสูง คุณแม่เสี่ยงต่ออาการครรภ์เป็นพิษได้
  • ตรวจปัสสาวะ เพื่อตรวจดูว่ามีน้ำตาลในปัสสาวะหรือไม่  เพื่อให้แน่ใจว่าคุณแม่ไม่เป็นโรคเบาหวานแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ และดูว่ามีโปรตีนมั้ย  ถ้ามีไตอาจทำงานผิดปกติได้ มีอาการครรภ์เป็นพิษ หรือการอักเสบในระบบทางเดินปัสสาวะ
  • ตรวจเลือด เพื่อตรวจดูความเข้มข้นของเลือด ส่วนประกอบของเลือด กรุ๊ปเลือด  โรคเลือดธาลัสซีเมีย และตรวจหาโรคติดเชื้ออื่น ๆ
    เช่น หัดเยอรมัน ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบ และเอดส์ เป็นต้น
  • ตรวจทางหน้าท้องหรือที่เรียกว่าอัลตราซาวด์ เพื่อดูท่าของมารกว่าอยู่ในท่าไหน ประมาณจนาดและน้ำหนักของทารกในครรภ์ เพื่อตรวจให้แน่ใจว่าท่าของทารกไม่เป็นอันตรายต่อทารกเองและตัวคุณแม่
  • ตรวจร่างกายทั่วไป เช่น การตรวจฟังการเต้นของหัวใจ การทำงานของปอด ตรวจฟัน และตรวจเต้านม  เป็นต้น

ฝากครรภ์กี่ครั้ง

แพทย์กำลังนัดตรวจครรภ์หลังจากฝากครรภ์ครั้งแรก

เมื่อทำการฝากครรภ์เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนัดให้มาตรวจครรภ์ โดยแบ่งเป็น 3  ไตรมาส และมีการตรวจที่แตกต่างกันออกไป ดังต่อไปนี้

ไตรมาสแรก (เริ่มตั้งครรภ์ถึง 14 สัปดาห์)

แพทย์จะนัดตรวจทุก 1 เดือน เพื่อตรวจปัสสาวะหรือเลือด เพื่อคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรม หรือตรวจเลือดวัดสารเตมีบ่งชี้ทารกดาวน์ซิมโดรมและตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อกำหนดอายุครรภ์ และคัดกรองความผิดปกติของทารกเบื้องต้น

ไตรมาสที่ 2 (อายุครรภ์ 15-28 สัปดาห์)

แพทย์จะนัดตรวจทุก 1 เดือน เพื่อตรวจเลือด คัดกรองโรคเบาหวานในรายที่มีความเสี่ยงสูง เจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจโครโมโซม  และตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อกำหนดเพศ ติดตามพัฒนาการของทารกในครรภ์ และกำหนดตำแหน่งของรกช่วยวินิจฉัยโรครกเกาะต่ำ

ไตรมาสที่ 3 (อายุครรภ์ 29-42 สัปดาห์)

แพทย์จะนัดตรวจทุก 2 สัปดาห์ เพื่อสอนนับลูกดิ้น ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่และบาดทะยัก ตรวจเลือด คัดกรองการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสในช่องคลอดหรือกระเพาะปัสสาวะ และตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อคำนวณน้ำหนักตัวและสุขภาพของทารกในครรภ์

สมุดฝากครรภ์

สมุดฝากครรภ์ คือสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก  ผู้ตั้งครรภ์ทุกคนจะได้รับสมุดฝากครรภ์ประจำตัว ครั้งแรกที่มาฝากครรภ์คุณหมอผู้ดูแลจะทำการซักประวัติ และตรวจร่างกายของคุณแม่อย่างละเอียด โดยผลการตรวจทุกครั้งจะถูกบันทึกลงในสมุดฝากครรภ์

คุณแม่ควรเก็บสมุดฝากครรภ์ให้ดีและพกติดตัวไปด้วยเสมอ เมื่อต้องเดินทางไกล ๆ หากเกิดภาวะฉุกเฉินจนต้องเข้าโรงพยาบาล คุณหมอจะได้ดูแลรักษาคุณแม่ได้ถูกต้อง ตามข้อมูลที่บันทึกไว้ในสมุด

สมุดฝากครรภ์ จะช่วยให้คุณหมอรู้ข้อมูลของคุณแม่และทารกในครรภ์ สามารถนำมาประกอบการประเมินในแต่ละครั้ง ทำให้ดูแลรักษาได้อย่างถูกต้องนั่นเอง

ฝากครรภ์ที่ไหนดี

เรื่องของการฝากครรภ์สำหรับคุณแม่มือใหม่ คำถามแรกคือไปฝากครรภ์ที่ไหนดีนะ ซึ่งหลักเกณฑ์ในการเลือกสถานที่ไม่ได้กำหนดแน่นอน แต่สามารถพิจารณาตามความเหมาะสม และความสะดวก ได้ดังนี้

  • เลือกสถานที่ใกล้และสะดวกที่สุด อาจจะเป็นโรงพยาบาลที่ใกล้บ้าน หรือใกล้ที่ทำงาน เพราะถ้าหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น จะได้เดินทางไปโรงพยาบาลได้สะดวกและรวดเร็วที่สุด
  • ฝากครรภ์กับสูตินรีแพทย์เฉพาะทาง ที่คุณแม่ไว้ใจ โดยพิจารณาจากประสบการณ์ และประวัติการทำงาน
  • โรงพยาบาลรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชน เลือกตามงบประมาณและความสะดวกสบายที่คุณแม่ต้องการได้รับ

หลายคนอาจจะมีคำถามว่า การฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล กับที่คลินิก มีความแตกต่างกันอย่างไร การฝากที่คลินิกจะเป็นการฝากพิเศษกับแพทย์ จะช่วยเรื่องความสะดวก รวดเร็ว เวลาคลอดแพทย์จะดูแลเป็นพิเศษ การฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลก็ดูแลเหมือนกัน ขณะคลอดก็จะมีแพทย์เวรเป็นผู้ดูแล แต่ถ้าเป็นการฝากครรภ์พิเศษมักหมายถึงต้องการให้แพทย์ที่เราฝากครรภ์พิเศษเป็นผู้ดูแลทำคลอดให้ ก็ได้เหมือนกัน

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฝากครรภ์

สำหรับท่านที่กำลังศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการฝากครรภ์ มักจะมีคำถามที่สงสัยกันบ่อย ๆ ดังต่อไปนี้

ฝากครรภ์ช้าสุดกี่เดือน

เมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์ควรเข้ารับการฝากครรภ์ครั้งแรกในช่วงที่อายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ หลังจากนั้นแพทย์จะนัดตรวจครั้งต่อไป โดยแต่ละครั้งจะมีระยะห่างประมาณ 6-8 สัปดาห์ เพื่อตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

ฝากครรภ์คลินิก คลอดโรงพยาบาลได้ไหม

คำตอบคือทำได้ แต่คุณแม่จะต้องนำสมุดบันทึกสุขภาพของแม่และเด็กรวมถึงผลตรวจจากคลินิกไปด้วย เพื่อที่แพทย์จะได้ทราบข้อมูลสุขภาพของแม่และทารกในระหว่างการตั้งครรภ์ สามารถวางแผนแนวทางการดูแลและคลอดบุตรได้อย่างเหมาะสม

ไม่ได้ฝากครรภ์ คลอดได้ไหม

สามารถทำได้ แต่ไม่แนะนำ เพราะการฝากครรภ์ มีความสำคัญในการตั้งครรภ์อันยาวนานถึง 9 เดือน หากไปคลอด โดยที่ไม่เคยได้ตรวจครรภ์เลยสักครั้ง ก็ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ทั้งกับตัวคุณแม่เอง และทารกในครรภ์ด้วย

ข้อสรุป

คู่สามีภรรยาที่ได้รับการฝากครรภ์แล้ว

การฝากครรภ์ ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ทั้งมือใหม่และมือเก่าจำเป็นต้องให้ความสำคัญ เพราะกระบวนการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสถานที่ฝากครรภ์ แพทย์คนดูแล และการบริการครบทั้งกระบวนการ เพื่อนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ราบรื่น รวมทั้งช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีระหว่างการตั้งครรภ์ของคุณแม่และความปลอดภัยของลูกน้อย

266
Google Trend ดียังไง

การที่โลกของเราตอนนี้เป็นโลกยุคดิจิทัล ทำให้เราสามารถหาข้อมูลต่าง ๆ ได้มากมายจากสื่อหลาย ๆ ประเภทแล้วถ้าข้อมูลไหนเป็นประเด็นร้อน ยอดฮิตตอนนี้ละ เราจะรู้ได้อย่างไร แล้วเราจะสามารถใช้ประโยชน์จากเทรนด์ที่กำลังมาแรงได้อย่างไร วันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้จักกับ google trend เครื่องมือฟรีบนเว็บไซต์ google ที่จะทำให้คุณได้รู้จักกับประเด็นที่กำลังมาแรง จากทั่วทุกมุมโลก

แล้ว google trend มีประโยชน์อย่างไร อีกทั้งถ้าคุณได้รู้จักแล้วสามารถต่อยอดไปทำธุรกิจต่าง ๆ จากข้อมูลเทรนด์ที่กำลังฮิตซึ่งอาจจะเป็นเทรนด์ยอดฮิตตลอดปี หรือ ตลอดหลายเดือน ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถแจ้งเกิดได้เลยก็เป็นได้

Google Trend คืออะไร

google trend คือ เครื่องมือชนิดหนึ่งของ google ที่จะทำให้คุณได้รู้จักกับเทรนด์ของโลก ประเด็นต่าง ๆ ที่กำลังพูดถึง ซึ่งสามารถดูได้ทั้งคีย์เวิร์ดและหัวข้อหลัก โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลคำค้นหา มาแสดงผลเป็นกราฟ คุณจะสามารถรู้ถึงความนิยมต่าง ๆ ของผู้คน ณ เวลานั้น หรือเทรนด์ระดับโลกเลยก็ว่าได้ สามารถนำมาเปรียบเทียบ แบ่งประเภท กำหนดช่วงเวลาต่าง ๆ ได้อีกด้วยนะ

ซึ่งถ้าคุณสามารถรู้ข้อมูลคีย์เวิร์ด ได้จาก google trend ขนาดนี้แล้วละก็ คุณจะสามารถนำไปต่อย่อเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ คิดคอนเทนต์ หาไอเดียต่าง ๆ เลือกทำเลที่ตั้งร้าน มองหาของที่กำลังเป็นที่นิยมมาขาย ได้เพื่อโอกาสเติบโตในธุรกิจของคุณ เราได้รวบรวมฟีเจอร์ที่น่าสนใจมาให้คุณแล้วด้านล่างบทความนี้เลย

Google Trend ดีต่อการทำการตลาดอย่างไร

google trend วางแผนธุรกิจ

google trends มีประโยชน์อย่างไรกับการตลาด คุณจะสามารถมองหาสิ่งใหม่ ๆ เทรนด์ ต่าง ๆ มากมายของโลก เจ้าของร้านค้า นักการตลาด ยูทูบเบอร์ต่าง ๆ จะสามารถหาประโยชน์จาก google trends ได้ง่าย ๆ หยิบยกคอนเทนต์ คำคนที่ค้นหามากที่สุดในช่วงเวลานั้นมาเก็บไว้เป็นไอเดีย วางแผนต่าง ๆ ได้แบบ Realtime Content เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในอนาคต โดยแบ่งให้เข้าใจได้ง่ายเป็น 2 หัวข้อดังนี้

  • เพื่อวางแผนกลยุทธ์ในการยิงแอด คุณจะสามารถวิเคราะห์ทางหาหนทาง การเจาะตลาดบนสื่อ เทรนด์ กระแสโซเชียล ออนไลน์ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพื่อพัฒนาธุรกิจของคุณด้วยกลยุทธ์โฆษณา
  • วางแผนการทำ SEO และ Content Marketing กูเกิ้นเทรน จะสามารถทำให้คุณค้นหาคีย์เวิร์ดต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น สามารถทำให้คุณขายคอนเทนต์ และสร้างภาพลักษณ์นำความนิยมดี ๆ มาวิเคราะห์ผลทำการตลาดได้มากยิ่งขึ้น

Google Trend มีประโยชน์ต่อธุรกิจอย่างไรบ้าง ?

google trend มีประโยชน์กับธุรกิจอย่างไรบ้าง จุดเด่นของ trend google search จะช่วยตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่จำเป็นต้องการคำค้นหาเพื่อต่อยอดธุรกิจในโอกาสต่าง ๆ โดยพึ่งพา Realtime Content ที่เป็นเทรนด์ดัง ติดกระแส มาแรง อันดับ 1 ของประเทศและต่างประเทศ ประโยชน์ที่จะมีต่อธุรกิจของคุณด้วย การใช้ google trend มีดังนี้

  • เช็กความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
  • นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ เพื่อวางกลยุทธ์ SME และ SEO
  • สร้าง Content ที่มีคุณภาพ และ ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
  • เช็กความนิยมของสินค้าและบริการในช่วงเวลานั้นๆ
  • เปรียบเทียบคู่แข่งธุรกิจประเภทเดียวกัน ในเชิงการรับรู้ Brand
  • ใช้เพื่อหาโอกาสทางการตลาด

10 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ของ Google Trend

มาดู 10 ฟีเจอร์น่าสนใจของ google trend ที่สามารถดูได้ง่ายไม่ซับซ้อน ว่าจะมีอะไรบ้าง และสามารถใช้ไปในแนวทางไหนได้บ้าง

google trend หาโลเคชั่น

1. ค้นหา Niche Marketing

google trend หาของมาขาย

เราจะสามารถค้นหา Niche Marketing หรือ การตลาดเฉพาะกลุ่มที่สนใจได้ง่าย ๆ เมื่อคุณใช้ google trend ที่เป็นเครื่องค้นหาคำเฉพาะกลุ่มได้ ตั้งแต่ปี 2004 - ปีปัจจุบัน เราจะสามารถดูแนวโน้มการเติบโตการตลาดใยสิ่งที่เราสนใจได้อย่างชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาธุรกิจของคุณให้ประสบความสำเร็จ

2. ใช้ Google trend หาของมาขาย

วางแผนด้วย google trend

วิธีใช้ google trend หาของมาขายโดยที่คุณจะสามารถสร้างร้านค้าของคุณให้เจาะตลาดกลุ่มคนที่สนใจในหัวข้อนั้น ๆ ด้วย google trend เช่น มาสคาร่าปัดคิ้ว สำหรับคนคิ้วบางโดยเฉพาะ ซึ่งคุณจะสามารถต่อยอดไปขาย แปรงปัดคิ้ว ดินสอเขียนคิ้ว กรรไกรสำหรับเล็มขนคิ้ว ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ได้

3. วางแผน Research Keyword

google trend ดูความต้องการลูกค้า

คุณสามารถใช้ google trend เพื่อดูคำค้นหาที่เกี่ยวข้องหรือหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เพื่อนำไปวางแผนออกแบบ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเกี่ยวข้องกับคำค้นหาได้

4. ดูแนวโน้มความต้องการตามฤดูกาล

ผลิตคอนเทนต์โดย google trend

แนวโน้มความต้องการของลูกค้าสามารถดูได้ด้วย google trend เจาะจงลูกค้าในช่วงเวลานั้น ๆ ได้เราจะสามารถวางแผนความต้องการออกแบบผลิตภัณฑ์ตามฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน คนต้องการไปเที่ยวที่ไหน ชุดแบบไหนในฤดูหนาว ฤดูฝนคนจะค้นหาสิ่งไหนมากที่สุด

5. ผลิตคอนเทนต์ที่สดใหม่ ไม่ซ้ำกับคู่แข่ง

คอนเทนต์ที่สอดคล้องด้วย google trend

เมื่อเราวางแผนและดูแนวโน้มต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยด้วย google trend แล้วเราก็จะได้คอนเทนต์ใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำกับคู่แข่ง เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างมากอาจจะเป็นสตอรี่ความเป็นมา หรือเบื้องหลังธุรกิจเพื่อให้ลูกค้าเข้าใจธุรกิจนั้น ๆ ของเรามากยิ่งขึ้น

6. สร้างคอนเทนต์ ที่สอดคล้องกับเทรนด์ในปัจจุบัน

ค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจด้วย google trend

ถ้าคุณเห็นหน้าแรกของ google trend จะเห็นเทรนด์ที่เป็นกระแสอยู่ในช่วงนี้ คุณจะสามารถดูและคนหาได้แบบเรียลไทม์เพื่อมาสร้างคอนเทนต์เป็นแนวคิดใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจของคุณได้

7. ค้นหา Keyword ที่กำลังเป็นที่สนใจของเฉพาะภูมิภาคนั้นๆ

google trend ดูคู่แข่งทางการตลาด

ค้นหาหัวข้อที่น่าสนใจจาก google trend และเราจะสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ เพื่อเจาะตลาดในภูมิภาคนั้น ๆ

8. เปรียบเทียบคู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน

ดูความต้องการได้ด้วย google trend

ใช้ google trend ตรวจสอบคู่แข่งเพื่อดูว่าทำงานแนวทางเดียวกันหรือแตกต่างกันอย่างไรกับธุรกิจของคุณ เพื่อวิเคราะห์ปรับปรุงในจุดเด่น จุดด้อย ของคู่แข่งมาปรับใช้ในธุรกิจของเรา

9. ค้นหาแนวโน้มความต้องการ บน Youtube

ค้นหาวันเวลาด้วย google trend โฆษณาในคืนวันศุกร์

เราจะสังเกตคำว่า 1 ในมาแรงได้จาก Youtube คุณก็สามารถนำข้อมูลในส่วนนี้ไปค้นหาได้ด้วย google trend เพื่อหาข้อมูลที่กำลังได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วและนำไปปรับใช้กับธุรกิจเพื่อเป็นประโยชน์ในอนาคต

10. กำหนดช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับยิงแอด

ถ้าคุณใช้ google trend ค้นหาช่วงเวลา วัน ฤดูกาล เทศกาลต่าง ๆ ได้ดีละก็คุณจะสามารถใช้เพื่อวางแผนกำหนดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการประชาสัมพันธ์ได้ เช่นวันที่ 2 เดือน 2 หลัง 5 โมงเย็นเป็นต้นไป เพราะคนเลิกงานหาอะไรดูหลังกลับจากที่ทำงาน

Google Trend กับการทำ SEO

google trend กับ SEO

เนื่องจาก google trend เป็นเครื่องมือฟรีนักการตลาดจึงทำมาใช้เพื่อค้นหาแนวทาง คอนเทนต์ ต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่การเขียน หาคีย์เวิร์ดแบบเรียลไทม์ โดยวิธีการจะมีอย่างไรบ้างไปดูกันได้เลย

1. วางแผน Keyword สำหรับทำ SEO

หา topics ต่าง ๆ ด้วย google trend เพื่อวางแผนทำคีย์เวิร์ด สามารถทำคอนเทนต์ที่แตกต่างไม่เหมือนใครได้ และสามารถวางแผนไปถึงการสร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจเพื่อให้ได้รับความนิยมบนโลกออนไลน์

2. หา Keyword หรือ หัวข้อ ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อนัก SEO สามารถหาคีย์เวิร์ด ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจได้แล้ว ยังสามารถวางแผนเพื่อไปทำการโฆษณา ตีตลาดเฉพาะกลุ่มได้จากหัวข้อที่เกี่ยวข้องอีกด้วย

3. หาไอเดียเพื่อผลิตคอนเทนต์

หาไอเดีย แนวคิด ความนิยมเพื่อทำคอนเทนต์ได้แล้วยังสามารถหาทำเลที่ตั้ง ยอดฮิตที่ผู้คนต่างเดินทางผ่านได้อีกด้วย เป็นประโยชน์ให้กับธุรกิจที่กำลังเริ่มต้นใหม่ ๆ ได้ดีเลย

4. ช่วยหา Backlink ที่มีคุณภาพ

นัก SEO สามารถหาเทคนิคและวิธีการทำ Backlink เพื่อให้มีเนื้อหาสร้างสรรค์ได้ด้วย google trend นัก SEO จะผลิตสื่อที่มีคุณภาพได้อย่างแม่นยำและเจาะจงเนื้อหาส่วนต่าง ๆ ได้ด้วยนะ

ข้อสรุป Google Trend

google trend มีประโยชน์อย่างมากทั้งในเชิงธุรกิจ และอุตสาหกรรมออนไลน์ทั้งยูทูบเบอร์ ผู้ผลิตสื่อ คนทำบทความ ก็สามารถใช้ประโยชน์จาก google trend ได้ทั้งนั้นแน่นอนว่า ผู้คนทั่วไปก็สามารถใช้งานได้ด้วยเพราะง่ายอีกทั้งยังฟรี เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ๆ ให้เกิดตามเทรนด์และเป็นกระแส ความนิยม แบบเรียลไทม์ เจาะจงเฉพาะกลุ่มก็ได้ วางแผนประชาสัมพันธ์ก็ดี ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่น่าสนใจมาก ๆ เลยนะ

267
คำว่า Good ads คืออะไรสำหรับเหล่าผู้ที่ทำธุรกิจออนไลน์อาจจะต้องเคยได้ยินมาบางกับคำว่าการโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่างๆทางด้านออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นจาก Facebook หรือ twitter ก็ถือว่าเป็นการโฆษณาแบบนึงแต่สำหรับ Google Ads คืออะไรละจะเหมือนกับการโฆษณาบนแพลต์ฟอร์มอื่นๆหรือเปล่า

สำหรับในบทความนี้จะขอทำการกล่าวเกี่ยวกับการทำโฆษณาบนตัว Google Ads และจะมีการอธิบายเกี่ยวกับตัว Google Ads และ google adwords คืออะไรแล้วมีประโยชน์ยังไง

Google Ads

Google Ads คืออะไร

สำหรับตัว Google Ads นั้นมีอีกชื่อที่เรียกว่า Google Adwords แต่ว่าเจ้าตัว Google ads คืออะไรละ สำหรับหัวข้อนี้เราจะทำการอธิบายเกี่ยวกับเจ้าตัว Google Ads หรือตัว Google Adwords คืออะไร

สำหรับตัว Google Ads คือตัวที่ใช้ในการโฆษณาออนไลน์บนเครือข่ายของตัว Google เองและผู้ที่ได้ทำการเปิดให้บริการก็คือตัวเจ้า Google เองนี้ละ ด้วยความที่เจ้าตัว Google นั้นเป็นตัว Search Engine อันดับหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ ที่ได้มีคนไทยมากกว่า 99 เปอร์เซ็นต์ได้ทำการเข้าใช้เพื่อหาข้อมูลต่างๆ

โดยการให้ค่าบริการนั้นจะเป็นการที่เมื่อมีคนคลิกเข้าไปที่โฆษณากี่ครั้งก็จะให้ค่าบริการตามการที่มีคนกดคลิกเข้าไปนั้นเอง และตัวระบบของทาง Google Ads นั้นยังสามารถทำการระบุกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการให้เห็นโฆษณาได้อีกด้วย

Google Ads มีรูปแบบไหนบ้าง

สำหรับรูปแบบทางด้านของการทำงานของ Google Ads คือ การทำงานโดยภายใต้การจ่ายค่าบริการต่อจำนวนการคลิก PPT โดยที่นักการตลาดหลายท่านได้ทำการเจาะจงกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะให้เห็นโฆษณานั้นๆ โดยจะแบบรูปแบบได้ดังนี้

Cost-per-click (CPC)

Cost per click คือการคิดราคาแบบการกดคลิกเข้าไปดูโฆษณาต่อครั้ง โดยเมื่อผู้ใช้ได้ทำการคลิกไปที่โฆษณาของคุณระบบก็จะทำการคำนวณในการให้ค่าบริการที่มีการกดเข้าไปที่โฆษณานั้น

Cost-per-mille (CPM)

Cost per mille คือ ราคาต้นทุนต่อการแสดงของผลลัพธ์พันครั้ง โดยที่ google จะทำการจ่ายค่าการให้บริการต่อการแสดงโฆษณาบน Google Ads 1,000 ครั้ง

Cost-per-engagement (CPE)

Cost per engagement คือการที่จำนวนเงินที่คุณได้เมื่อมีผู้ใช้ได้ทำการบางอย่างกับโฆษณาของคุณ โดยการสมัครสมาชิก หรือการดูคลิปวิดีโอของโฆษณานั้นเอง

Google Ads ช่วยอะไรธุรกิจได้บ้าง

สำหรับคำถามที่ว่า Google Ads คือตัวที่จะช่วยในทางด้านธุรกิจออนไลน์ได้ยังไง เพราะด้วยความที่ตัว Google Ads นั้นจะทำให้ธุรกิจทางด้านออนไลน์ของคุณสามารถเติบโตบนทางออนไลน์ได้เร็วขึ้น โดยวิธีการที่คุณจะต้องทำการระบุยอดที่คุณอยากได้
 
และทำให้ผู้คนบนสังคมออนไลน์รู้จักเกี่ยวกับแบรนด์ของคุณมากขึ้น โดยการโปรโมทธุรกิจหรือสินค้าใหม่ของคุณทางออนไลน์ต่างๆ หรือบนแพลตฟอร์มที่เหมาะสมในการโฆษณาที่มีคนใช้งานกันมากๆ เพราะงั้นตัว Google Ads ถึงเป็นอีกตัวนึงที่ช่วยในการทำธุรกิจของคุณให้มีคนรู้จักมากขึ้นและทำให้ยอดขายของคุณเพิ่มขึ้นด้วย

Google Ads Campaign ทำอะไรได้บ้าง

สำหรับตัว Google Ads คือแพลตฟอร์มที่นักธุรกิจบนออนไลน์มักจะรู้จักกัน และก็ต้องมีความแตกต่างกันของธุรกิจ ทำให้มีรูปแบบของการตลาดในการทำโฆษณาต่างๆมากมายหลากหลายประเภท แต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกันไปของแต่ละประเภทของธุรกิจ ก็จะได้แก่

  • Sales
    - การขายโดยการเพิ่มยอดขาย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มยอดขายบนแอพพลิเคชันต่างๆในโทรศัพท์มือถือ หรือ ทางร้านค้าออนไลน์
  • Leads
    - ส่วนLeads ก็คือการเพิ่มจำนวนของลูกค้าและเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น ในการที่จะดึงดูดลูกค้าเข้ามามากขึ้น นั้นจะทำโดยการที่ให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับโฆษณานั้นเอง
  • Website Traffic
    - Website Traffic นั้นคือการเพิ่มจำนวนของผู้เข้าชมที่มาเข้าชมเว็บโฆษณาด้วยกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะเห็นโฆษณาตัวนั้น
  • Product & Brand Consideration
    - Product & Brand Consideration นั้นคือการช่วยให้ผู้คนได้เห็นสินค้าและแบรนด์สินค้าของคุณมากขึ้นและแวดวงในสังคมออนไลน์ก็จะช่วยให้ผู้คนตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
  • Brand Awareness & Reach
    - สำหรับตัว Brand Awareness & Reach นั้นจะเป็นตัวที่จะช่วยให้เพิ่มการมองเห็นของสินค้าหรือแบรนด์ของคุณมากขึ้นและรู้จักกันมากขึ้น
  • App Promotion
    - ในส่วนของตัว App Promotion นั้นจะเป็นการเพิ่มโอกาสการมองเห็นโดยผ่านทางแอพพลิเคชั่นและทำการดาวน์โหลดหรือทำการติดตั้งแอพมากขึ้น
  • Create Campaign Without A Goal’s Guidance
    - สำหรับตัว Create Campaign Without A Goal’s Guidance นั้นจะเป็นการสร้างแคมเปญได้ด้วยตัวเองด้วยการที่คุณสามารถกำหนดได้เองทุกขั้นตอน และยังสามารถให้คุณได้โฆษณาได้อย่างอิสระอีกด้วย

ประเภทโฆษณาของ Google Ads
สำหรับตัว Google Ads คือประเภทของโฆษณาที่มีแคมเปญต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Google Search Campaign, Google Display Campaign, Google Shopping Campaign, Video campaign (Youtube),App campaign และแต่ละตัวก็จะมีความแตกต่างกันดังนี้

1. Google Search Campaign

สำหรับตัว Google Search Campaign นั้นเป็นตัวที่โฆษณาแบบข้อความ โดยการโฆษณาแบบคำหลักสำคัญ เช่น โฆษณาคอมพิวเตอร์

Google Search Campaign

2. Google Display Campaign

Google Display Campaign คือเครือข่าย DisplayบนGoogle ที่มีการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่เป็นพันธมิตรกับทางเว็บไซต์จำนวนมากของ Google เพื่อทำการโฆษณาบนเว็บไซต์ต่างๆ

Google Display Campaign

3. Google Shopping Campaign
แคมเปญสำหรับช็อปปิ้งนั้นจะช่วยให้คุณสามารถทำ การโปรโมทผลิตภัณฑ์ของคุณได้ในรูปแบบของรูปภาพได้มากขึ้น โดยที่โฆษณาจะทำการปรากฏในแบบรูปภาพ

Google Shopping Campaign

4. Video campaign (Youtube)

สำหรับโฆษณาในรูปแบบวิดีโอนั้นจะเป็นการโฆษณาแบบวิดีโอผ่านทาง Youtube จะเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการโปรโมทในรูปแบบของวิดีโอ

Video campaign

5. App campaign

App Campaign นั้นจะเป็นแคมเปญที่จะคล้ายๆกับการโฆษณาวิดีโอ โฆษณาแอพรวมทั้งเครือข่ายของดิสเพลย์ โดยการที่คุณสามารถใช้แคมเปญที่สามารถกำหนดเป้าหมายได้

App campaign

ข้อดี ข้อเสีย ของ Google Ads

สำหรับข้อดีและข้อเสียของ google Ads คือการที่ตัวในการโฆษณานั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียและมีทั้งที่เกิดผลประโยชน์หรือไม่เกิดผลประโยชน์กับทางธุรกิจออนไลน์เอง

ข้อดีของ Google Ads

ข้อดีของ google ads คือ ระยะเวลาที่คุณดำเนินการที่จะทำโฆษณาออนไลน์นั้น จะไม่ใช้เวลานานไม่ถึงกี่นาที และยังสามารถทำการเลือกคำที่เราต้องการที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณได้ไม่จำกัด และสามารถทำการกำหนดตำแหน่งในการที่เราจะต้องการโฆษณาได้อีกด้วย

ข้อเสียของ Google Ads

สำหรับข้อเสียของ Google Ads คือการที่มีคู่แข่งมากเกินไป และตัวราคาของคีย์เวิร์ดเองนั้นก็ไม่ได้มีความแน่นอน เพราะด้วยความที่มีการแข่งขันที่สูง และยังต้องเสียค่าบริการให้กับทาง Google ทุกครั้งที่มีการกดคลิกเข้าไปด้วย

วิธีการโฆษณาผ่าน Google Ads ฉบับมือใหม่

วิธีการโฆษณาของฉบับมือใหม่ผ่าน Google Ads คือ การที่คุณมี Google ID อยู่แล้วนั้นจะไม่ต้องทำการสมัครไอดีใหม่สามารถทำการข้ามขั้นตอนการสมัครไปได้เลย คุณสามารถทำการเข้าไปที่บัญชีของ Google ของคุณแล้วจะมีคำว่าโฆษณาบนแพลตฟอร์มสามารถกดเข้าไปแล้วใส่ข้อมูลธุรกิจหรือสินค้าของคุณลงไปได้เลย

ทำการสมัคร Google ID เพื่อใช้โฆษณาผ่าน Google Ads

ตัวอย่างเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับ Google Ads

สำหรับตัวอย่างของเครื่องมือที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ Google Ads คือการที่ตัว Google นั้นได้มีความเกี่ยวข้องกับ Google Ads ในทางด้านการโฆษณาผ่านทาง Google ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณาผ่านทางวีดิโออย่าง Youtube หรือการเป็นพาร์ทเนอร์กับทางเว็บไซต์ต่างๆเพื่อที่จะให้ Google Ads สามารถทำการลงโฆษณาของคุณได้ หรืออย่าง google kw planner เครื่องมือที่ทำการผูกมากับตัวบัญชีของ Google เอง

Google Keyword Planner

ตัว google keyword planner เองนั้นคือตัวที่มีการผูกมากับตัวไอดีของ google เองโดยที่มีหน้าที่สำคัญอยู่ 2 อย่างคือ 1.เป็นเครื่องมือที่เราสามารถใช้คีย์เวิร์ดของคำในการค้นหาได้ 2.การค้นหาคำที่เราไม่เคยค้นหาและการนับความถี่ของคำในการค้นหา

google keyword planner

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Google Ads

สำหรับคำถามที่คนส่วนใหญ่ที่เริ่มใช้ Google Ads คือคำถามที่คนมักจะถามกันก็จะมี คำถามที่ว่าการใช้ google ads นั้นมีราคาที่เท่าไหร่ และตัว google adsense นั้นมีความแตกต่างกับตัว google adwords อย่างไร ในบทความนี้เราได้รวบรวมคำถามมาให้ทุกท่านแล้ว

Google Ads ราคาเท่าไหร่?

การโฆษณาบนออนไลน์อย่าง Google Ads คือการที่มีราคาต่างๆมากมายเริ่มตั้งแต่ 300 บาทต่อวันและราคา 1000 อัพต่อเดือนหรือต่ออาทิตย์อยู่ที่ว่าคุณจะตั้งงบประมาณในการโฆษณาเท่าไร

Google Adsense คืออะไร ต่างจาก Google Adwords อย่างไร?

ตัว Google Adsense นั้นเป็นเหมือนกับการโฆษณาบนแพลตฟอร์ม ถ้าคุณเป็นคนที่ลงโฆษณาหรือเป็นเจ้าของเว็บไซต์การที่ต้องการคนมาดูโฆษณาผ่านทางวิดีโอเยอะจะเป็นการโฆษณาแบบ Google Adsense จะมีความแตกต่างกับ Google Adwords ที่จะเป็นการโฆษณาผ่านทางข้อความหรือการค้นหาของ Google

ข้อสรุป

การโฆษณาบน Google Ads คืออะไรที่สามารถตอบสนองกับธุรกิจหรือแบรนด์ที่ต้องการจะให้คนมาเห็นธุรกิจหรือสินค้าต่างๆ บนทางออนไลน์เยอะๆ และยังถือว่าเป็นโปรแกรมที่มีความใช้ได้ง่ายและสะดวกสบายและยังเพิ่มยอดในการที่คนจะมารู้จักเกี่ยวกับสินค้าหรือธุรกิจของคุณได้ดีอีกด้วย

268
ต้อหิน

ต้อหินเป็นกลุ่มโรคทางตาที่เกิดจากการเสื่อมของขั้วประสาทตา ส่งผลให้เกิดการสูญเสียลานสายตาและการมองเห็น โรคต้อหินเป็นสาเหตุสำคัญของภาวะตาบอดถาวรในประชากรทั่วโลก พบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง ในบทความนี้จะมาให้ความกระจ่างเกี่ยวกับโรคต้อหิน เกิดจากอะไร ใครมีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรค และเกิดแล้วต้องรักษาอย่างไร  มาดูรายละเอียดกันเลย

ต้อหิน

ต้อหิน (Glaucoma) คือ โรคที่ลูกตามีภาวะความดันลูกตาสูงขึ้นจนทำให้ขั้วประสาทตามีการเสื่อมสภาพจนไปทำลายเส้นประสาทตา ซึ่งขั้วประสาทตานั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นประสาทตาที่ทำการรับและส่งภาพไปสมองเพื่อไปแปลผล การที่เส้นประสาทตาถูกทำลายก็จะส่งผลทำให้การมองเห็นแย่ลงจนถึงขั้นมองอะไรไม่เห็นอย่างถาวร

ต้อหินเกิดจากอะไร

ต้อหิน อาการ

ต้อหิน หรือ Glaucoma เกิดจากความเสื่อมของเส้นประสาทตา หรือประสาทตาถูกทำลาย มีปัจจัยเสี่ยงหลัก ๆ มาจากการที่ความดันลูกตาสูงเกิดการกดทับขั้วประสาทตา จนทำลายประสาทตา หรืออาจเกิดจากโรคบางชนิด เช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง คนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคต้อหิน และเคยมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา เป็นต้น หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นในที่สุด
 
1. ต้อหินปฐมภูมิ

ต้อหินปฐมภูมิ (Primary glaucoma) แยกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ     
         
1. ต้อหิน มุมเปิด (Primary open-angle glaucoma) เป็นต้อหินที่พบบ่อย แบ่งเป็น 2  ประเภท คือ ความดันตาสูง และ ความดันตาปกติ ทั้ง 2 ประเภท จะไม่มีอาการปวดตา หรือตาแดง ผู้ป่วยเองมักจะไม่ทราบว่าเป็นต้อหิน แต่สายตาจะค่อย ๆ มัวลง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จะทำให้ตาบอดได้ แต่หากได้รับการรักษาถูกวิธีและรวดเร็วก็จะรักษาสายตาไว้ได้

2. ต้อหิน มุมปิด (Primary angle-closure glaucoma) แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ

  • ต้อหินชนิดเฉียบพลัน เกิดจากความดันลูกตาสูงโดยทันที ทำให้ตามัวลงอย่างรวดเร็ว มีอาการปวดตาอย่างรุนแรง ตาแดง ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อาการนี้จะไม่หายจากการรับประทานยาแก้ปวด ต้องรักษาให้ทันท่วงที ถ้ารักษาช้าจะทำให้ตาบอดได้เร็วขึ้น
  • ต้อหินชนิดเรื้อรัง เกิดจากความดันลูกตาที่ขึ้นช้า ๆ มีอาการปวดตา ปวดศีรษะเล็กน้อยหรืออาจจะไม่ปวดเลย แต่ตาจะค่อย ๆ มองเห็นแคบหรือมัวลงทีละน้อย อาจจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น และปล่อยไว้จนประสาทตาเสียไปมาก ค่อยมาพบแพทย์ อาจสายเกินไปที่จะรักษาให้ตากลับมาเห็นได้ดีเหมือนเดิม

2. ต้อหินทุติยภูมิ

ต้อหินทุติยภูมิ (secondary glaucoma) ต้อหินกลุ่มนี้เกิดขึ้นโดยมีสาเหตุจากโรคทางตาอื่น ๆ หรือโรคทางร่างกาย เช่น จากต้อกระจกที่เป็นมาก ม่านตาอักเสบ อุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา การอักเสบในลูกตา เนื้องอกในตา หรือเบาหวานขึ้นจอตา  เส้นเลือดที่จอประสาทตาอุดตัน หรือหลังการผ่าตัดโรคตาบางอย่าง รวมถึงการใช้ยาหยอดตาพวกสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
 
3. ต้อหินโดยกำเนิด

ต้อหินแต่กำเนิด (congenital glaucoma) เป็นต้อหินที่พบในเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ขวบ สาเหตุอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น มารดาเป็นหัดเยอรมันระหว่างตั้งครรภ์ อาการของต้อหินชนิดนี้คือเด็กจะมีน้ำตาไหล สู้แสงไม่ค่อยได้ ไม่ยอมลืมตา หรือ กระจกตาดำขาวขุ่น พบได้น้อยแต่อาการมักค่อนข้างรุนแรงและควบคุมโรคได้ยาก หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก มักจะตาบอดในที่สุด

ต้อหิน อาการเป็นอย่างไร

โรคต้อหินส่วนใหญ่แล้ว ในระยะเริ่มต้น ผู้ป่วยต้อหิน อาการยังไม่ผิดปกติ  หากมีอาการตามัวหรือการมองเห็นแคบลง แสดงว่าโรคอยู่ในระยะรุนแรงแล้ว การดำเนินของโรคจากเริ่มเป็น จนถึงการสูญเสียการมองเห็น ใช้เวลานานเป็นปี ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้อหินที่เกิดจากความเสื่อม ซึ่งไม่มีอาการใด ๆ จนกระทั่งสูญเสียการมองเห็น

ส่วนอาการของโรคต้อหิน เฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้

  • อาการปวดตาอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน
  • มองดวงไฟจะเห็นแสงสีรุ้งรอบดวงไฟ
  • ตาแดง น้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ ตามัว
  • คลื่นไส้อาเจียน
  • ปวดศีรษะ
  • ความดันตาเพิ่มขึ้นอย่างทันทีทันใด

ผู้ที่เสี่ยงเป็นต้อหิน

โรคต้อหิน

ในที่จริงแล้วโรคต้อหินเป็นโรคที่เกิดได้ทุกเพศทุกวัย โดยมักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงอายุเนื่องจากอวัยวะส่วนต่าง ๆ ตามร่างกายรวมถึงเส้นประสาทตาของผู้สูงอายุเกิดการเสื่อมสภาพลง นอกจากนี้ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวมีประวัติการเป็นต้อหิน หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไมเกรน ไทรอยด์ เป็นต้น

ต้อหินอันตรายไหม

โรคต้อหินเป็นโรคตาที่พบได้บ่อยไม่เป็นโรคที่อันตรายมากหากทำการรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการ หรือตรวจพบในระยะแรก ๆ แต่จะอันตรายอย่างมากถึงขั้นตาบอดสนิท ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี หรือเป็นต้อหิน รักษาไม่สม่ำเสมอ จะทำให้ลานสายตาหรือความกว้างของการมองเห็นแคบเข้า จนกระทั่งตาบอดในที่สุด ไม่ช้าก็เร็ว ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคในแต่ละบุคคลจะแก้ไขให้กลับคืนมาได้ และในปัจจุบันนี้ยังไม่สามารถรักษาต้อหิน หายขาดได้

รักษาต้อหินหายขาดไหม

เนื่องจากโรคต้อหินเป็นโรคที่เกิดจากการทำลายเส้นประสาทตาอย่างถาวร ยังไม่มีวิธีการใด ๆ ที่จะรักษาต้อหิน หายขาดได้ แต่สามารถป้องกันและควบคุมการสูญเสียการมองเห็นได้  ซึ่งในปัจจุบันการรักษาจะเป็นการประคับประคองเพื่อไม่ให้ประสาทตาถูกทำลายมากขึ้น และเพื่อยืดการมองเห็นที่มีอยู่ให้นานที่สุด โดยการใช้ยาหยอดตา ต้อหินก็อาจจะทุเลาลง

วิธีตรวจวินิจฉัยต้อหิน

ยาหยอดตา ต้อหิน

ในเริ่มแรกจะทำการตรวจวินิจฉัยโรคต้อหินโดยซักประวัติทางการแพทย์ และทำการตรวจสุขภาพตาอย่างละเอียด จากนั้นจะทำการตรวจ ดังนี้

1. การตรวจวัดความดันลูกตา

แพทย์จะนำยาชาหยอดที่ดวงตา แล้วนำเครื่องโทโนมิเตอร์วัดความดันลูกตา ซึ่งความดันลูกตาปกติมีค่า 12-20 มิลลิเมตรปรอท แต่ในกรณีที่มีค่าความดันลูกตา 21 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไปถือว่ามีความดันลูกตาผิดปกติ

2. ตรวจประสาทตาและจอรับภาพ

แพทย์จะนำเครื่องตรวจนัยน์ตาออพธัลโมสโคปส่องภายในลูกตา ซึ่งจะเห็นรูปร่าง สีของจอประสาทตาทำให้สามารถวินิจฉัยความเสียหายหรือความเสื่อมของจอประสาทตาได้ 

3. ตรวจประสิทธิภาพของลานสายตา

แพทย์จะนำเครื่องตรวจวัดลานสายตาการฉายแสงเป็นจุดตามตำแหน่งต่าง ๆ ซึ่งตัวเครื่องตรวจวัดลานสายตาจะทำการดูการเคลื่อนไหวของตา วิเคราะห์ข้อมูลภายในเครื่อง ซึ่งผลการตรวจจะสามารถวินิจฉัยการเกิดต้อหินได้อย่างแม่นยำ

4. ตรวจความหนาของกระจกตา

แพทย์จะนำเครื่อง Corneal Pachymetry มาวัดความหนาของกระจกตา เพราะความหนาของกระจกตามีผลต่อการวัดความดันกระจกตา ซึ่งเมื่อวัดแล้วจะช่วยตีค่าความดันตาได้อย่างแม่นยำ

5. ตรวจช่องทางการไหลของน้ำหล่อเลี้ยงในลูกตา
 
แพทย์จะนำเครื่อง Gonioscopy ตรวจดูมุมระบายของเหลวของตาและพื้นที่ส่วนที่ทำหน้าที่ระบายของเหลวจากดวงตา เพื่อทำการวินิจฉัยว่าดวงตามีต้อลักษณะมุมปิดหรือมุมเปิด

วิธีรักษาโรคต้อหิน

ต้อหิน รักษา

ต้อหิน รักษาด้วยหลักการง่าย ๆ  แค่ลดความดันลูกตาให้ได้ และไม่ปฏิบัติตัวที่ทำให้เสี่ยงต่อการขาดเลือดไปเลี้ยงที่เส้นประสาทตา  ก็สามารถป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยเสียการมองเห็นได้ แต่ถ้าเกิดโรคต้อหินขึ้นมาจริง ๆ  จะต้องรักษาอย่างไร มีวิธีการรักษาแบบไหน ทำการรักษาต้อหินแล้ว จะหายขาดไหม หัวข้อนี้มีคำตอบ 

การใช้ยาหยอดตา

โรคต้อหิน รักษาโดยการใช้ยา เป็นการรักษาเบื้องต้นที่ดีที่สุด สำหรับผู้ที่เป็นต้อหินระยะเริ่มแรกที่ความดันลูกตายังไม่สูงมาก มีความสะดวก ปลอดภัย ผู้ป่วยต้องใช้ยาหยอดตา ต้อหินอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

ควรแจ้งแพทย์ถึงโรคประจำตัวของผู้ป่วย โดยเฉพาะโรคหอบหืด เพราะยาบางตัวอาจทำให้โรคแย่ลงได้ นอกจากนี้หากเกิดภาวะที่สงสัยจะเป็นภาวะแทรกซ้อนจากยา ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบเพื่อจะได้ปรับยา และหยอดยา ได้อย่างปลอดภัย

การใช้แสงเลเซอร์

โรคต้อหิน รักษาโดยการใช้แสงเลเซอร์ เป็นแนวทางการรักษาต้อหินที่ใช้ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาหยอดตา ด้วยการใช้แสงเลเซอร์เจาะรูที่ม่านตาเพื่อช่วยทำให้มุมม่านตาระบายน้ำออกจากลูกตาได้ดีขึ้น ทำให้ความดันตาลดลง และในผู้ป่วยที่มีมุมตาแคบ เพื่อเปิดมุมตาให้กว้างขึ้น

การผ่าตัด

โรคต้อหิน รักษาโดยการผ่าตัด  เน้นการทำช่องระบายน้ำภายในลูกตา เพื่อช่วยลดความดันในตา มักใช้ในกรณีที่ไม่สามารถควบคุมความดันตาได้ด้วยยาหยอดตา หรือเลเซอร์ได้ การผ่าตัดรักษาต้อหินมีหลายวิธี เช่น  การผ่าตัด Trabeculectomy การผ่าตัดใส่อุปกรณ์ระบายน้ำสำหรับต้อหิน (Glaucoma  drainage devices) การผ่าตัดสามารถใช้ในการรักษาต้อหินได้ แต่ไม่สามารถนำการมองเห็นที่เสียไปแล้วกลับมาได้  มักจะเลือกเป็นวิธีสุดท้าย

ซึ่งทั้ง 3 วิธีเป็นการรักษาต้อหิน ที่มีจุดประสงค์เพื่อป้องกันการสูญเสียลานสายตาและการมองเห็น โดยลดความดันตาลงมาในระดับที่ปลอดภัยไม่ทำลายขั้วประสาทตา ซึ่งการรักษาอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน ทั้งนี้ผู้ป่วยจึงต้องมารับการตรวจวัดความดันตาและตรวจลานตาเป็นระยะ แต่ทั้งนี้ ก็ยังไม่มีวิธีที่จะรักษาต้อหิน หายขาดได้

ภาวะแทรกซ้อนจากโรคต้อหิน

ภาวะแทรกซ้อนของโรคต้อหินที่ไม่ได้รับการรักษาหรือรักษาได้ไม่ดีพออาจทำให้อาการแย่ลงจนสูญเสียการมองเห็นได้ในที่สุด อย่างไรก็ตาม แม้ผู้ป่วยโรคต้อหินจะได้รับการรักษาแล้ว แต่ก็อาจเสี่ยงต่ออาการตาบอดได้เช่นกัน โดย 15 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่ได้รับการรักษามีโอกาสสูญเสียการมองเห็นอย่างน้อยที่ดวงตา 1 ข้างภายในเวลา 20 ปี 

นอกจากนี้การรักษาต้อหินด้วยการผ่าตัด พบภาวะแทรกซ้อนได้เช่นกัน อาจมีอาการเลือดออกในตาหรือเกิดการติดเชื้อในดวงตาได้ หรือแม้แต่การใช้ยาหยอดตาที่ซื้อมาใช้เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก็อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับดวงตาได้เช่นกัน ดังนั้น ผู้ป่วยจึงไม่ควรซื้อยามาใช้เอง แต่ควรปรึกษาแพทย์และใช้ยาตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น

วิธีป้องกันโรคต้อหิน

เนื่องจากโรคต้อหินเป็นโรคที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของร่างกายตามอายุ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สามารถป้องกันอาการของโรคไม่ให้มีความรุนแรงได้ ดังนี้

  • เมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป เข้ารับการตรวจตาทุก 2 ปี และอายุ 50 ปีขึ้นไปควรเข้ารับการตรวจตาเป็นประจำทุกปี แม้ว่าดวงตาจะไม่มีความผิดปกติใด ๆ
  • เมื่อร่างกายมีอาการตามัว ตาแดง เห็นรัศมีรอบดวงไฟ ไม่ควรซื้อยาหยอดตามาหยอดเอง แต่ให้รีบพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาสเตรียลอยด์เป็นระยะเวลานาน
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงการทานเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนจะทำให้ความดันตาเพิ่ม

ข้อสรุป

โรคต้อหินเป็นโรคที่เกิดจากเส้นประสาทตาเกิดการเสื่อมสภาพหรือถูกทำลายจนส่งผลต่อการมองเห็น ซึ่งการเสื่อมสภาพของอวัยวะในร่างกายไม่ใช่สิ่งที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ต้อหินด้วยก็เช่นกัน แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่ก็สามารถเข้ารับการรักษาเพื่อควบคุมอาการของโรคก็จะทำให้ดวงตาสูญเสียการมองเห็นเร็วขึ้น ดังนั้นจึงแนะนำให้เข้ารับการรักษาโรคต้อหินเพื่อช่วยชะลออาการของโรคและทำให้ดวงตามีการมองเห็นยาวนานขึ้น


269
สายตาเอียง

ถ้าพูดถึงปัญหาเรื่องสายตาหลายคนน่าจะนึกถึง สายตาสั้นและสายตายาว แต่จริง ๆ แล้วยังมีคำว่า สายตาเอียง อีกคำที่ได้ยินกันบ่อย ๆ โดยมักพบอาการสายตาเอียงร่วมกับสายตาสั้น สายตายาว หรืออาการสายตาผู้สูงอายุเสมอ แล้วสายตาเอียงเกิดจากอะไร เป็นปัญหาที่เราต้องกังวลหรือไม่ บทความนี้มีคำตอบ

สายตาเอียง
 
สายตาเอียง (Astigmatism) คือ ภาวะการมองเห็นที่ผิดปกติ โดยกระจกตาจะไม่เรียบสม่ำเสมอ หรือผิดปกติไป ทำให้แสงที่กระจกตารวมไปไม่กระทบกับจอประสาทตาเป็นจุดเดียว แต่แสงจะกระจายไปจุดต่าง ๆ ตามความโค้งของผิวกระจกตาที่ผิดปกติ ส่งผลให้ภาพที่เห็นเบลอ หรือบิดเบี้ยว หรือซ้อนกัน ไม่ว่าจะมองจากระยะใกล้หรือไกลก็ตาม ส่วนใหญ่อาการสายตาเอียงมักเกิดร่วมกับผู้ที่มีปัญหาสายตาสั้น หรือสายตายาว

สายตาเอียง อาการเป็นอย่างไร

สายตาเอียงคือ การที่เลนส์กระจกตามีรูปร่างผิดปกติคือความโค้งในแต่ละแนวของกระจกตาไม่เท่ากัน ทำให้การรับแสงที่รูม่านตาไม่รวมเป็นจุดเดียว แต่มันกลับแยกเป็นแต่ละแนว ๆ ทำให้มองแล้วเบลอและเมื่อใช้สายตามาก ๆ จะปวดตาและมึนหัว โดยมีสายตาเอียง 2 แบบคือ

1. สายตาเอียงแบบสม่ำเสมอ พบได้ในอาการตเอียงทั่ว ๆ ไป ใส่แว่นที่ใช้เลนส์ทรงกระบอกก็หาย
2. สายตาเอียงแบบไม่สม่ำเสมอ ซึ่งมักเกิดกับผู้ซึ่งมีแผลที่กระจกตา ต้องใส่คอนแทคเลนส์สายตาเอียงหรือเลสิกสายตาเอียง

อาการสายตาเอียงร่วมกับภาวะสายตาแบบอื่น

  • สายตาเอียงพร้อมสายตาสั้น คือ แนวของกระจกตาหลักหนึ่งหรือทั้งสองแนวผิดปกติพร้อมทั้งมีภาวะสายตาสั้น
  • สายตาเอียงพร้อมสายตายาว คือ แนวของกระจกตาหลักหนึ่งหรือทั้งสองแนวผิดปกติพร้อมทั้งมีภาวะสายตายาว
  • สายตาเอียงแบบผสม คือ แนวของกระจกตาหนึ่งเส้นทั้งมีภาวะสายตาสั้น และอีกหนึ่งเส้นมีภาวะสายตายาว

สายตาเอียงเกิดจากอะไร

ดังที่ได้กล่าวไปว่าอาการสายตาเอียงเกิดจากกระจกตามีความโค้งที่ไม่เท่ากัน ผิวกระจกตาไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้แสงที่ผ่านจากกระจกตาที่ผิดปกติ ไม่สามารถรวมแสงเป็นจุดเดียวได้ และสาเหตุของสายตาเอียงอาจเกิดได้โดยไม่ทราบสาเหตุ หรือจากพันธุกรรม โดยส่วนมากผู้คนมักจะมีสายตาเอียง แต่อยู่ในระดับที่ไม่มากจนกระทบถึงชีวิตประจำวัน
   
สายตาเอียง เกิดจาก

ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดสายตาเอียง

สายตาเอียงอาจเกิดได้จากความผิดปกติของกระจกตาแต่กำเนิดก็ได้ เกิดจากแผลเป็นที่กระจกตาก็ได้ และเกิดจากพฤติกรรมการใช้สายตาแบบผิด ๆ เช่น การใช้สายตาในที่มืดบ่อย ๆ หรือ การเพ่งสายตากับกิจกรรมบางอย่างนาน ๆ ก็ได้เช่นกัน

วิธีทดสอบสายตาเอียง

ทดสอบสายตาเอียง

วิธีทดสอบสายตาเอียง นั้นสามารถทำได้ 2 วิธี ทั้งการทดลองด้วยตนเองและการไปทดลองกับจักษุแพทย์ แต่ละวิธีจะเป็นอย่างไรบ้างไปดูกัน

วิธีทดสอบสายตาเอียงเบื้องต้น

หากคุณสงสัยว่าตัวเอง สายตาเอียง หรือไม่ ง่าย ๆ เพียงแค่คุณตอบคำถาม 4 ข้อนี้กับตัวเองคือ

1. หรี่ตาหรือเอียงคอเพื่อให้มองชัดขึ้น หรือไม่ ?
2. มึนหัวง่ายเมื่อใช้สายตานาน ๆ หรือไม่ ?
3. มองภาพเบลอและภาพที่เคลื่อนไหวเร็ว ๆ ได้ไม่ชัด หรือไม่ ?
4. มองเห็นตัวหนังสือบางตัวชัด บางตัวไม่ชัด หรือไม่ ?

ถ้าคำตอบเป็น ใช่ สัก 1 ข้อ คุณก็มีโอกาสสายตาเอียงแล้ว

วิธีตรวจวินิจฉัยสายตาเอียงโดยจักษุแพทย์

วิธีที่ง่ายที่สุดในการทดสอบสายตาเอียง คือไปพบจักษุแพทย์ หรือ ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาทั้งที่โรงพยาบาลและร้านจำหน่ายแว่นตา ซึ่งจักษุแพทย์จะมีเครื่องมือวัดค่าสายตาที่แม่นยำชัดเจนและสามารถให้คำปรึกษากับคุณได้เป็ยอย่างดี

วิธีรักษาสายตาเอียง

สายตาเอียงรักษาอย่างไรนั้นสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาเอียงไม่มาก และไม่กระทบถึงการใช้ชีวิตประจำวันอาจไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาใด ๆ แต่อย่างไรก็ตามหากอาการสายตาเอียงมากขึ้น และเริ่มมีอาการที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรเข้ารับการรักษาเพื่อให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถรักษาสายตาเอียงได้ทั้งแบบชั่วคราว หรือแบบถาวรได้ดังนี้

คอนแทคเลนส์สายตาเอียง

1. ใส่แว่นสายตาเอียง

แว่นสายตาเอียงจะใช้เลนส์ทรงกระบอก สำหรับผู้ที่สายตาเอียงในระดับปกติ แนะนำการใส่แว่นสายตาสำหรับสายตาเอียง เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุด แว่นสายตาเอียงจะเป็นการสวมใส่แค่ภายนอก ไม่มีส่วนใดเข้าสัมผัสกับดวงตาโดยตรง

เลนส์สำหรับผู้ที่สายตาเอียงจะต้องเข้าพบจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจระดับของสายตาเอียง และตัดเลนส์ที่มีค่าสายตาเอียงที่เหมาะสม เพื่อให้เลนส์สามารถรวมแสงเข้าได้อย่างเหมาะสม แสงจะต้องหักเหไปรวมที่จุดจอประสาทตาอย่างพอดีเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจน

สายตาเอียงเท่าไหร่ควรตัดแว่น?

แล้วถ้าถามว่า สายตาเอียงเท่าไหร่ควรตัดแว่น ? ตอบได้เลยว่า ไม่มีค่าแน่นอนที่กำหนด แต่แนะนำว่าควรตัดแว่นเมื่ออาการสายตาเอียงเริ่มทำให้การใช้ชีวิตมีปัญหา เช่น มองไม่ชัด หรือ ปวดตาปวดหัวเวลาใช้สายตานาน ๆ

2. ใส่คอนแทคเลนส์สายตาเอียง

ผู้ที่ไม่สะดวกใส่แว่นสายตา คอนแทคเลนส์สำหรับสายตาเอียงก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยการมองเห็นให้ดีขึ้น และการใส่คอนแทคเลนส์จะเป็นการใส่เลนส์เข้าที่ดวงตา จึงทำให้การมองเห็นชัด และมีมุมการมองที่กว้างกว่าการใส่แว่นสายตา

คอนแทคเลนส์สำหรับสายตาเอียงนั้นไม่สามารถใช้คอนแทคเลนส์ปกติทั่วไปได้ อาจต้องปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อเลือกใช้คอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษ แต่อย่างไรก็ตามหากผู้ใช้คอนแทคเลนส์ไม่รักษาความสะอาด หรือใส่ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดการติดเชื้อ หรือบาดแผลที่ดวงตาได้

3. ผ่าตัดรักษาสายตาเอียง

สุดท้ายคือวิธีผ่าตัดหรือก็คือการเลสิกสายตาเอียง นั้นเอง โดยวิธีการผ่าตัดสายตาเอียง อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือ แพทย์จะแยกชั้นกระจกตาแล้วก็ใช้เลเซอร์ยิงไปที่เนื้อกระจกตาเพื่อเปลี่ยนความโค้งของกระจกตาแล้วปิดกระจกตาเข้าที่เดิม โดยการรักษาแบบนี้จะทำให้สายตาเอียงนั้นหายได้แบบถาวร

ข้อสรุป

สายตาเอียงเกิดจากกระจกตาไม่สม่ำเสมอ ความโค้งไม่เท่ากัน ทำให้แสงไม่สามารถรวมเข้าที่จอประสาทตาเป็นจุดเดียว เป็นภาวะที่มองภาพระยะใกล้และระยะไกลไม่ชัด ภาพที่เห็นจะเบลอ หรือภาพซ้อน ในเวลากลางคืนจะเห็นแสงกระจาย สาเหตุของสายตาเอียงมีทั้งแบบไม่ทราบสาเหตุ จากพันธุกรรม หรือปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้กระจกตาไม่สม่ำเสมอ

เพื่อให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ควรเข้าพบจักษุแพทย์เพื่อรักษาสายตาสั้น โดยสามารถเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับตนได้ ไม่ว่าจะเป็นการใส่แว่นสายตา คอนแทคเลนส์ หรือเลือกการผ่าตัดเพื่อให้ค่าสายตากลับมาปกติก็ได้เช่นกัน


270
ช่างซ่อมหลังคา มืออาชีพในการแก้ปัญหาบ้าน ๆ ที่ไม่ง่ายอย่างที่คิดปัญหาหลังคารั่วซึมเป็นปัญหาที่ยากแก่การตรวจสอบด้วยตนเอง สำหรับเจ้าของบ้านที่ขาดทักษะ และประสบการณ์ แต่การหาช่างซ่อมหลังคาบ้านจะช่วยจบปัญหาได้ โดยหลังคาถูกจะซ่อมแซมได้อย่างมีคุณภาพ และเจ้าของบ้านไม่ต้องเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุขณะซ่อม
 
โดยเฉพาะอาคารบ้านเรือนที่ผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน ปัญหาที่ตามมาก็คือ หลังคาเป็นสนิม ผุกร่อน แตกร้าว มีรอยรั่ว จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลซ่อมแซมและปรับปรุงหลังคาอย่างเป็นระบบ และตรงจุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายภายในตัวอาคาร รวมถึงทรัพย์สินที่อยู่ภายในด้วย
 
บริการช่างซ่อมหลังคานั้น เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการความมั่นใจในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับความหมดสภาพของหลังคาเก่า หลังคารั่วซึม ได้อย่างทันท่วงที ตรงจุด ไม่เกิดปัญหาซ้ำซ้อน และงบไม่บานปลาย ทำให้การรับซ่อมหลังคาแลดูน่าเชื่อถือ

ช่างซ่อมหลังคา มืออาชีพในการแก้ปัญหาบ้าน ๆ ที่ไม่ง่ายอย่างทีคิด

ช่างซ่อมหลังคา เลือกอย่างไร
ปัญหาหลังคารั่วซึมเป็นปัญหาบ้านที่น่าปวดหัว กวนใจผู้อยู่อาศัยอย่างมาก เพราะหลังคาเป็นส่วนสำคัญของบ้าน ใช้กันแดดกันฝน ซึ่งปกติทั่วไปแล้วคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมีความรู้ความสามารถในการซ่อมแซมบ้านเอง ดังนั้นจำเป็นต้องใช้มืออาชีพที่มีประสบการณ์เฉพาะมาจัดการให้
 
ดังนั้นคุณสมบัติของช่างซ่อมหลังคารั่วที่ควรเลือกใช้บริการ ต้องมีลักษณะดังนี้

1.มีความชำนาญ
ช่างซ่อมหลังคาควรมีความชำนาญ เข้าใจปัญหาและสาเหตุได้จากการสำรวจหน้างาน สามารถแนะนำวิธีการซ่อมรวมถึงวัสดุที่เหมาะสมกับปัญหารั่วซึม และสามารถลงมือปฏิบัติได้จริง เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาในระยะยาว
 
ช่างซ่อมหลังคารั่วที่เป็นมืออาชีพจะมีแผนงานที่ชัดเจนช่วยให้เจ้าของบ้านได้ตรวจเช็คความคืบหน้าของงาน และวางแผนการใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ อีกทั้งควรมีอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยครบถ้วน ที่ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2.ราคายุติธรรม
ค่าซ่อมแซมหลังคาบ้านรั่วซึมอาจบานปลายได้ หากเลือกใช้ช่างที่ไม่ใช่มืออาชีพ หรือไม่มีประสบการณ์เพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาหลังคารั่วได้ภายในการซ่อมแซมเพียงครั้งเดียว
 
ช่างซ่อมหลังคารั่วต้องรู้จักคำนวณวัสดุได้แม่นยำ ช่วยควบคุมงบประมาณ และใช้เวลาในการซ่อมแซมไม่นานเกินไป ถึงแม้ว่าช่างซ่อมหลังคาแต่ละคนจะมีวิธีการที่แตกต่างกันในการซ่อมแซมหลังคา แต่ทั้งนี้ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าราคาต้องเหมาะสม ไม่แพงกว่าคนอื่น ๆ

3.ทำหลังคาได้หลากหลาย
ปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบสไตล์หลังคาออกมาอย่างมากมาย และวัสดุที่ใช้ก็มีหลากหลาย ดังนั้นช่างซ่อมหลังคาที่เป็นมืออาชีพควรที่จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับหลังคาในหลาย ๆ รูปแบบที่มีความแตกต่างกันไป ควรมีความสามารถในการใช้ได้สารพัดวัสดุเพื่อซ่อมแซมหลังคาให้ลูกค้าได้หลาย ๆ ประเภท ซึ่งจัดว่าเป็นอีกคุณสมบัติที่ช่างซ่อมหลังคามืออาชีพพึงมี

ช่างซ่อมหลังคา เลือกอย่างไร

จ้างช่างซ่อมหลังคา ดีกว่าลงมือซ่อมเอง
ปัญหาที่เกี่ยวกับหลังคารั่วซึมนับเป็นปัญหาที่ใหญ่โดยเฉพาะถ้าเกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน เพราะมันจะส่งผลเสียต่อตัวอาคาร เช่น ความชื้นสะสม และยังสร้างความลำบากให้แก่ผู้อยู่อาศัย อย่าง น้ำรั่วจากเพดาน ดังนั้นการเรียกใช้บริการช่างซ่อมหลังคาจึงเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาอย่างชาญฉลาด ทั้งยังเป็นการป้องกันไม่ให้ผลเสียที่กล่าวมานั้นลุกลามบานปลาย
 
ช่างซ่อมหลังคาที่มีประสบการณ์นั้นย่อมมีความสามารถในการตรวจหาสาเหตุของปัญหาว่าเกิดจากอะไรบ้าง เพื่อทำการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด สำหรับสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดการรั่วซึมบนหลังคานั้น เป็นไปได้ดังต่อไปนี้

  • ขาดการดูแลรักษาที่ดี
  • หลังคาและอุปกรณ์เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน
  • โครงสร้างหลังคาติดตั้งแบบไม่ได้มาตรฐาน
  • รางน้ำบนหลังคาบ้านอุดตันจากเศษใบไม้ กิ่งไม้ ฯลฯ
  • ใช้บริการช่างซ่อมหลังคาที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐานพอจึงทำให้เกิดความเสียหายกับกระเบื้องหลังคา

การจ้างบริษัทช่างซ่อมหลังคาบ้าน และใช้บริการช่างหลังคาบ้านย่อมดีกว่าซ่อมเอง เพราะการซ่อมหลังคารั่วไม่ใช่เรื่องง่าย และเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุตกจากที่สูง ถ้าขาดทักษะ และมีอุปกรณ์ไม่พร้อม จะทำให้การซ่อมหลังคารั่วไม่ได้มารตฐานอย่างที่ควรจะเป็น

จ้างช่างซ่อมหลังคา ดีกว่าลงมือซ่อมเอง

ช่างซ่อมหลังคามีบริการกี่แบบ
การบริการช่างซ่อมหลังคาที่เกี่ยวกับปัญหาหลังคารั่วซึมนั้นมีหลายแบบให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสมได้ บริการช่างซ่อมหลังคาจะสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

ช่างซ่อมบำรุงหลังคาทั่วไป
  • จะให้บริการตรวจเช็คสภาพและซ่อมหลังคาทั่วไป เมื่อพบปัญหาก็จะซ่อมบำรุงด้วยวัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานมีคุณภาพไว้สำหรับการเคลือบหลังคา เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน คงทน ซึ่งจะแตกต่างจากการซ่อมด้วยการโปะปูนด้วยตนเอง

ช่างตรวจสอบหลังคารั่ว
  • ช่างมีประสบการณ์ในการตรวจสอบหาจุดรั่วของหลังคา ทำการวิเคราะห์ หาสาเหตุจากทั้งบนหลังคา และภายในอาคาร เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาตรงจุด ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ปัจจุบันนี้มีการใช้เครื่องมือ เช่น โดรน เพื่อช่วยสำรวจปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างทั่วถึง เห็นภาพในทุก ๆ มุมอับที่อยู่ในระดับสูง

ช่างซ่อมฉุกเฉินหลังคา
  • เป็นบริการซ่อมหลังคาที่เปิดให้จองออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง มีทีมช่างที่มากประสบการณ์คอยให้คำแนะนำ และตอบทุก ๆ ปัญหาที่เกี่ยวกับหลังคารั่วซึม
  • ปัญหาการรั่วซึมที่เกิดขึ้นโดยเจ้าของบ้านไม่ทันรู้ตัวนั้นสร้างความกังวลเป็นอย่างมาก จึงทำให้เกิดการเรียกใช้บริการช่างซ่อมหลังคาฉุกเฉินภายใน 24 ชั่วโมง ที่จะทำการซ่อมแซมให้กับลูกค้าทันทีหลังจากที่ได้ประเมินหน้างานแล้ว

 ช่างซ่อมหลังคา มีบริการกี่แบบ

สรุป
หนึ่งในปัญหาใหญ่ ๆ ของทุกครัวเรือน ก็คือ บ้านที่อยู่อาศัยมีสภาพทรุดโทรมลงตามกาลเวลา และความเสียหายที่เรามองว่าเล็กน้อย อาจลุกลามมากขึ้น ซึ่งปัญหาหลังคารั่วซึม ก็เป็นหนึ่งในปัญหาเกี่ยวกับบ้านที่ควรทำการแก้ไขทันที ซึ่งจากที่กล่าวไว้ข้างต้น การซ่อมแซมหลังคารั่วซึม ควรทำโดยช่างซ่อมหลังคาที่มีความชำนาญเฉพาะทาง เพื่อจะได้ซ่อมแซมถูกจุด ไม่ต้องซ่อมหลายครั้ง
 
ดังนั้นก่อนจะหาช่างซ่อมหลังคา เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับคุณสมบัติของช่างซ่อมหลังคา ประเภทของช่างซ่อมที่เลือกใช้บริการได้ และเลือกประเภทของช่างที่สามารถแก้ไขปัญหาของเราได้ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาหลังคารั่วซึมในระยะยาว

271
ปัญหาหนังศีรษะลอก

ปัญหาหนังศีรษะลอก เป็นภาวะที่หนังศีรษะระคายเคือง มีอาการหนังหัวลอกขุยหรือหลุดลอกออกมาเป็นแผ่น คล้ายรังแค บางครั้งอาจมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งอาจเกิดจากหนังศีรษะแห้งกว่าปกติ หรือน้ำมันบนหนังศีรษะน้อยเกินไป จนหนังศีรษะแห้งลอกจากการขาดความชุ่มชื้น เนื่องจากการสระผมบ่อยเกินไป การแพ้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม สภาพอากาศหนาวเย็น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มีวิธีแก้หนังหัวลอก และการดูแลรักษาที่ถูกวิธี อาจช่วยป้องกันหรือลดปัญหาหนังศีรษะลอกได้

หนังศีรษะลอกกับรังแค ต่างกันไหม

หนังศีรษะลอกกับรังแค

บางคนอาจจะสงสัยว่าหนังศีรษะลอกและรังแคเหมือนกันหรือต่างกันอย่างไร ในหัวข้อนี้เรามาดูกันว่ารังแค กับ หนังศีรษะลอกต่างกันอย่างไร มาไขข้อข้องใจกันเถอะ

หนังศีรษะลอกแห้ง

หนังศีรษะลอกแห้ง เกิดจากหนังศีรษะขาดความชุ่มชื้น ไม่สามารถสร้างความมันเพื่อมาปกคลุมเส้นผมได้อย่างเพียงพอ ทำให้หนังศีรษะลอกเป็นแผ่นหรือเป็นขุย เซลล์ผิวบนหนังศีรษะเกิดการระคายเคืองและหลุดลอกออกมาเป็นแผ่นเล็ก ๆ มีสีขาวกว่ารังแค

รังแค

รังแคเกิดจากหนังศีรษะมีความมันมากเกินไป จนน้ำมันส่วนเกินกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวบริเวณหนังศีรษะให้ออกมาเร็วและมากกว่าปกติ จึงสร้างเซลล์ผิวหนังที่หนังศีรษะและหลุดออกมาเป็นสะเก็ดผิวหนังจะเป็นแผ่นใหญ่ หนาและดูมันกว่าหนังศีรษะลอก ส่วนสีของรังแคจะเป็นสีขาวหรือสีเหลือง
ส่วนอาการคันหนังศีรษะทั้งรังแคหนังศีรษะลอกอาจจะมีคล้ายกัน แต่ถ้าเป็นรังแค หนังศีรษะจะเป็นขุยแดง ๆ และมีความมันกว่าปกติ

สาเหตุของหนังศีรษะลอก

หนังศีรษะลอกเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น สระผมบ่อยเกินไป, อายุที่มากขึ้น, ภาวะขาดอาหาร, อยู่ในสภาพอากาศที่มีความชื้นต่ำ อากาศหนาวจัดหรือร้อนจัด และการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่รุนแรงต่อหนังศีรษะ นอกจากนี้หนังศีรษะลอกอาจเกิดได้จากโรคผิวหนังที่เป็นสาเหตุหลักทำให้หนังศีรษะลอกได้ มี 4 โรค ดังนี้

หนังศีรษะลอกจากโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ

สาเหตุ

สาเหตุของโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ โดยโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ (Seborrheic Dermatitis) หรือเซ็บเดิร์มเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นโรคภายในร่างกาย สภาพอากาศภายนอกหรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด โดยสามารถสรุปสาเหตุที่อาจก่อให้เกิดโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะทำให้ผิวหนังเกิดการอักเสบได้ดังต่อไปนี้

  • เกิดจากการกระตุ้นโดยเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปกติอาศัยอยู่บนผิวหนัง เป็นสาเหตุที่เป็นไปได้ของโรคเซ็บเดิร์ม
  • ภาวะทางระบบประสาทและจิตเวช เช่น โรคพาร์กินสันและภาวะซึมเศร้า
  • ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ จะพบได้ในผู้ป่วยที่รับการปลูกถ่ายอวัยวะและผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ตับอ่อนอักเสบจากแอลกอฮอล์และมะเร็งบางชนิด เป็นต้น
  • ความเครียด พักผ่อนไม่พอ และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือการเจ็บป่วย
  • ได้รับสารซักฟอกที่รุนแรง สารเคมี และสบู่
  • ยาบางชนิด เช่น psoralen interferon และ lithium
  • การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว
  • โลชั่นชนิดที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
  • ภูมิต้านทานผิดปกติ
  • พันธุกรรม

อาการ

อาการของโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ

  • ผิวหนังตกสะเก็ดเป็นรังแคบนหนังศีรษะ หรือบริเวณที่มีเส้นผม คิ้ว หรือหนวดเครา
  • ผิวมันเป็นแผ่น ปกคลุมด้วยสะเก็ดสีขาวหรือเหลือง และมีสะเก็ดแข็งบนหนังศีรษะ ใบหู ใบหน้า หน้าอก รักแร้ ถุงอัณฑะ หรือตามร่างกายส่วนอื่น ๆ
  • มีอาการปวด คัน แดง ผิวหนังลอกเป็นขุยสีขาวหรือสีเหลือง ผิวมัน
  • เปลือกตาอักเสบ มีอาการแดงหรือมีสะเก็ดแข็งติด
  • อาจมีอาการผมร่วงเกิดขึ้นร่วมด้วย
  • อาการอาจรุนแรงมากขึ้นหากมีความเครียดและมักจะเกิดรุนแรงในฤดูหนาวและฤดูร้อน

วิธีรักษา

โรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ เป็นโรคที่เกิดขึ้นและอาจหายเองได้ แต่ในบางคนก็มีอาการต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม หากเป็นโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ และตัวโรคยังไม่ส่งผลเสียต่อการดำเนินชีวิต สามารถดูแลได้ด้วยตนเอง โดยมีวิธีดังต่อไปนี้

  • ดูแลผิวพรรณ ผิวหนังของตนเองด้วยแชมพูขจัดรังแค โลชั่น โดยแชมพูมีส่วนประกอบเป็น กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) เซเลเนียม ซัลไฟด์ (Selenium Sulfide) ซิงก์ ไพริไธออน (Zinc Pyrithione) โคล ทาร์ (Coal tar) โดยหากแชมพูมีประสิทธิภาพลดลง ให้เปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่นสลับกันไป ส่วนผิวบริเวณอื่น สามารถบรรเทาด้วยการหาซื้อผลิตภัณฑ์ต้านเชื้อราหรือโลชั่นคอร์ติโคสเตียรอยด์
  • รักษาความสะอาดบริเวณที่เป็นอยู่เสมอ โดยการล้างด้วยสบู่และน้ำเปล่า ไม่สระผมด้วยน้ำที่ร้อนหรือเย็นกว่าปกติ
  • ล้างทำความสะอาดร่างกายและหนังศีรษะเป็นประจำ
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้เป็นมากขึ้น
  • โกนหนวดเคราให้หมด เนื่องจากหนวดและเคราจะยิ่งทำให้ผิวหนังบริเวณที่เป็นโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะแย่ลงได้
  • สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อเรียบลื่น เพื่อป้องกันการระคายเคือง
  • ออกไปรับแสงแดดภายนอก แสงแดดจะช่วยหยุดการเจริญเติบโตของเชื้อราที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ แต่ควรทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันรังสียูวีด้วย
  • เลี่ยงการขีดข่วนหรือเกาที่จะทำให้เกิดการระคายเคืองและติดเชื้อตามมาได้ หากคันให้ใช้ครีมไฮโดรคอร์ติโซนหรือคาลาไมน์ช่วยระงับอาการชั่วคราว
  • ทำความสะอาดบริเวณเปลือกตาเบา ๆ หากเปลือกตามีลักษณะแดงหรือมีสะเก็ด โดยล้างด้วยแชมพูเด็กแล้วเช็ดสะเก็ดออกด้วยแผ่นสำลี
  • ขจัดความเครียดและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารบำรุงผม เลี่ยงอาหารที่ทำให้ต่อมไขมันสร้างน้ำมันมากเกินไป
  • ลดการระคายเคืองบริเวณผิวที่เป็นโรค สระผมเบา ๆ ห้ามเกา แกะ ใช้ผ้าซับเบา ๆ การทายา ให้แตะเบา ๆ แทน
  • หากโรคผื่นภูมิแพ้ที่หนังศีรษะ ทำให้การดำเนินชีวิตลำบาก และเกิดความวิตกกังวล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษา

หนังศีรษะลอกจากเชื้อราหรือโรคกลากบนหนังศีรษะ

หนังศีรษะลอกจากเชื้อราหรือโรคกลากบนหนังศีรษะ

สาเหตุ

โดยสาเหตุของหนังศีรษะลอกจากเชื้อราหรือโรคกลากบนหนังศีรษะ ซึ่งเกิดจากเชื้อ Tricophyton และ Microsporum พบมากในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ผู้ที่สุขนิสัยไม่สะอาด หรือสุขภาพไม่ดี จะติดเชื้อราได้ง่าย โดยการระบาดมักจะเกิดเป็นบริเวณที่มีการอยู่ร่วมกัน เช่น พระหรือแม่ชีที่วัด เนื่องจากการใช้ใบมีดโกนผม หรือการใช้หวีร่วมกัน เด็กนักเรียนที่อยู่ในศูนย์เด็ก ซึ่งมีการสัมผัสและเล่นด้วยกันอย่างใกล้ชิด

อาการ

โดยอาการของหนังศีรษะลอกจากเชื้อราหรือโรคกลากบนหนังศีรษะที่พบบ่อย ได้แก่

  • ผมร่วงเป็นหย่อมๆ ที่ศีรษะ
  • ผมและหนังศีรษะตกสะเก็ด และมีรังแค
  • หนังศีรษะมีการอักเสบ จนอาจเกิดเป็นหนอง ซึ่งเมื่อรวมกันเป็นก้อนเรียกชันตุ (Kerion)
  • อาจจะมีเพียงรังแคเล็กน้อยเท่านั้น แต่เป็นพาหะนำโรคกลากไปสู่คนใกล้ชิด
  • ผมหักกลางและเห็นมีจุดดำ ๆ

วิธีรักษา

หากเป็นเชื้อราบนหนังศีรษะ วิธีที่ดีที่สุดควรไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางรักษา เนื่องจากสาเหตุของการเกิด และความรุนแรงอาจจะแตกต่างกัน ควรรีบพบแพทย์ตั้งแต่รู้ตัวว่าเป็นโดยแพทย์จะทำการวินิจฉัยถึงชนิดของเชื้อรา สาเหตุ และทำการรักษาตามลำดับขั้นตอน เพื่อกำจัดต้นตอของโรคตั้งแต่การให้ยาสระผม รับประทานยา ใช้ทายาเพื่อรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะ

หากหนังศีรษะมีการอักเสบร่วมด้วย เนื่องจากภูมิคุ้มกันในร่างกายตอบสนองกับเชื้อรามากเกินไป แพทย์จะใช้ยาแก้อักเสบ และยากดภูมิในการรักษาร่วมกับยาฆ่าเชื้อรา นอกจากนี้หากไม่รุนแรงก็สามารถดูแลรักษาด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้

  • การรักษาความสะอาด เลี่ยงการใช้หมอนร่วมกับคนอื่น หมั่นเปลี่ยนปลอกหมอนและผ้าเช็ดตัวบ่อย ๆ ทำความสะอาดแปรงและหวีที่ใช้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดเชื้อราซ้ำบนหนังศีรษะ
  • การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามิน ช่วยรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะ เช่น กรดโฟลิก วิตามินบีรวม และวิตามินอี ซึ่งได้แก่ ผักใบเขียว ถั่วชนิดต่าง ๆ ธัญพืช และเนื้อสัตว์
  • การหมักผมสามารถช่วยรักษาเชื้อราบนหนังศีรษะได้ เช่น หมักผมด้วยมะกรูด หรือมะละกอ ก็สามารถช่วยลดอาการคันและลดเชื้อราบนหนังศีรษะได้

หนังศีรษะลอกจากโรคผื่นแพ้สัมผัส

แพ้ยาสระผมทำให้หนังศีรษะลอก

สาเหตุ

โดยหนังศีรษะลอกจากโรคผื่นแพ้สัมผัสนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อย ส่วนมากจะเกิดบริเวณอื่นของร่างกายมากกว่า เนื่องจากหนังศีรษะคนเราค่อนข้างเกิดผื่นแพ้สัมผัสได้ยาก ซึ่งสาเหตุเกิดจากการมีประวัติสัมผัสสารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น แพ้ยาย้อมผมหนังศีรษะลอก และแพ้ยาสระผมหนังหัวลอก เป็นต้น

อาการ

โดยอาการของหนังศีรษะลอกจากโรคผื่นแพ้สัมผัส จะขึ้นอยู่กับระยะของโรคที่เป็น ได้แก่

  • ระยะเฉียบพลัน จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง คัน ผิวหนังศีรษะบวมแดง และมีตุ่มน้ำใส ขึ้นบริเวณผิวหนังศีรษะที่สัมผัสกับสารที่แพ้
  • ระยะกึ่งเฉียบพลัน ระยะนี้ตุ่มน้ำใส จะเริ่มแตกออก แห้ง และเห็นเป็นสะเก็ดน้ำเหลือง ที่บริเวณผิวหนังศีรษะ
  • ระยะเรื้อรัง ผื่นจะมีลักษณะหนาตัวขึ้น แห้ง คัน และหนังศีรษะลอกตกสะเก็ดได้

วิธีรักษา

โดยวิธีรักษาหนังศีรษะลอกจากโรคผื่นแพ้สัมผัส ทำได้คร่าว ๆ เช่น

  • ใช้ยาทาผื่นที่ผิวหนังศีรษะ เพื่อลดการอักเสบ เช่น ยาทากลุ่มสเตียรอยด์ และยาทาลดการอักเสบกลุ่มอื่น ๆ รวมถึงให้ทานยาแก้แพ้ เพื่อช่วยลดอาการคันจากผื่น
  • หลีกเลี่ยงสารที่ก่อให้เกิดผื่นแพ้สัมผัส และสารที่ก่อการระคายเคืองผิวหนังศีรษะ

หนังศีรษะลอกจากโรคสะเก็ดเงิน

สาเหตุ

โดยสาเหตุของหนังศีรษะลอกจากโรคสะเก็ดเงิน อาจเกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน ทำให้การแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังเร็วกว่าปกติ การเจริญเติบโตและพัฒนาการของผิวหนังจึงไม่สมบูรณ์ รวมถึงการกระตุ้นโดยสิ่งแวดล้อม เช่น เป็นไข้หวัด ความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น

อาการ

หนังศีรษะลอกจากโรคสะเก็ดเงิน อาจจะมีคนสงสัยว่าเราจะสังเกตได้อย่างไร บอกได้เลยว่าไม่สังเกตอาการได้ไม่ยาก ในตอนแรกที่อาการไม่รุนแรงอาจจะมีแค่หนังศีรษะลอกเป็นสะเก็ดเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรงจะสังเกตได้ว่ามีอาการ ดังต่อไปนี้

  • หนังศีรษะและบริเวณผิวใกล้เคียงเช่นหน้าผาก ท้ายทอย ไปถึงหลังใบหู มีผื่นแดงขึ้นเป็นปื้นหนา ขอบเขตชัด
  • หนังศีรษะมีผื่นแดงลอก และตกสะเก็ด ลักษณะคล้ายรังแค แต่สีมันวาว
  • ถ้าเป็นมากหนังศีรษะแห้งจะมีอาการแสบบนหนังศีรษะได้
  • จะรู้สึกคัน ทำให้ต้องเกาหนังศีรษะบริเวณนั้นบ่อย ๆ จะทำให้ผิวหนังเกิดความเสียหายมีอาการหนังศีรษะลอกผมร่วงตามมาและหากเกาแรงมากไปอาจทำให้เป็นแผลและเกิดการติดเชื้อได้

วิธีรักษา

เมื่อรู้สาเหตุและอาการของโรคแล้วขั้นตอนต่อไปเป็นวิธีรักษาเพื่อบรรเทาอาการและช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ดังนี้

การรักษาโรคสะเก็ดเงิน ผู้ป่วยจะเป็นต้องไปพบแพทย์ เพื่อตรวจอาการของโรค และสาเหตุที่ทำให้โรคสะเก็ดเงินถูกกระตุ้นขึ้นมา บางครั้งอาจจะเป็นเพียงความเครียดก็จริง แต่บางครั้งก็อาจจะเป็นโรคร้ายแรงถึงชีวิตอย่างโรคมะเร็งได้

ส่วนการรักษาหนังศีรษะลอกเป็นสะเก็ดนั้น แพทย์จะให้ใช้ยาเฉพาะที่ ในรูปแบบของยาครีม โลชั่น น้ำมัน ขึ้ผึ้ง หรือแชมพูน้ำมันดิน (Tar shampoo) 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ และถ้าเป็นหนัก ไม่ตอบสนองต่อการรักษา อาจใช้วิธี ดังต่อไปนี้

  • การฉายแสง
  • การฉีดสเตียรอยด์
  • การรับประทานยาอ่อน ๆ เช่นยาคอร์ตฌคสเตียรอยด์ หรือยาเมโธเทรกเซก

สรุปเรื่องหนังศีรษะลอก

รักษาหนังศีรษะลอกโดยการทายา

โดยอาการหนังศีรษะลอก เป็นอาการที่มักเกิดจากโรคต่าง ๆ ซึ่งถึงแม้อาการหนังศีรษะลอกจะไม่ใช่อาการที่ร้ายแรงอะไร แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะโรคที่มากับหนังศีรษะลอก อาจจะก่อให้เกิดการอักเสบจนทำให้ผมร่วงถาวรได้

ดังนั้นเมื่อมีอาการหนังศีรษะลอก ต้องสังเกตตัวเองว่ามีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วยไหม หากเป็นแค่รังแคก็สามารถรักษาได้ด้วยตนเองที่บ้าน แต่ถ้ามีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อย่างเช่นคันมาก หนังศีรษะแดง มีอาการบวม เป็นผื่น ก็ควรเข้าพบแพทย์ ก่อนที่จะเสียเส้นผมไปอย่างถาวร

272
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต 2566

ก้าวเข้าสู่ปี พ.ศ. 2566 พุทธศักราชใหม่ มาดูกันว่าการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง ต้องคุณสมบัติแบบใด รวมไปถึงมีขั้นตอนยังไงบ้าง ในบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลไว้ทั้งหมดแล้วอีกทั้งยังมีทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะช่วยให้หาการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตที่เหมาะสมกับคุณอีกด้วย ตามมาอ่านกันได้เลย

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ
การใช้บัตรเครดิตที่ดีคือการจัดการสภาพการใช้จ่ายของตนเองได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งนี้รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หลายคนสามารถจัดการหนี้สินและรวมมาอยู่เป็นหนี้ก้อนเดียวได้ ทั้งนี้จะช่วยให้การเงินมีสภาพคล่องขึ้นอีกด้วย

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต คือ การรวมหนี้สินที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิตทั้งหมดไว้ในที่เดียว โดยคุณสามารถขอสินเชื่อจากธนาคารเดิมหรือธนาคารใหม่ก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีการจัดการหนี้สินที่ง่ายมากยิ่งขึ้น คือ สามารถผ่อนจ่ายรายเดือนได้แบบสบาย ๆ แต่มีระยะเวลาการผ่อนจ่ายที่ที่ยาวนานขึ้น

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต มีประโยชน์อย่างไรบ้าง
หลายคนที่มีบัตรเครดิตจำนวนหลาย ๆ ใบ แล้วมีการใช้จ่ายจำนวนมาก คงมีความกังวลเรื่องการชำระหนี้สินของบัตรแต่ละใบ เพราะหลายคนอาจจะหลงลืมการชำระยอดหนี้สินของแต่ละบัตรได้ เนื่องจากหนี้สินถูกกระจัดกระจายไปอยู่ในหลาย ๆ บัตร เพราะฉะนั้นรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตดีไหม แล้วการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะช่วยให้คุณมีการจัดการทางการเงินได้จริงหรือไม่ ในหัวข้อนี้ได้ทำการลิสไว้ให้แล้ว

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตสามารถชำระหนี้สินจากบัตรเครดิตด้วยจำนวนเงินที่ไม่มากจนเกินไปและไม่กระทบกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตช่วยให้รวมหนี้สินจากหลายบัตรเครดิตไว้ในที่เดียว ซึ่งส่งผลให้สะดวกต่อการชำระจ่ายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งไม่ต้องเสียเวลาจำวันครบกำหนดหนี้บัตรเครดิตหลาย ๆ ใบอีกด้วย

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตสามารถชำระหนี้บัตรเครดิตได้เร็วมากยิ่งขึ้น เนื่องจากหากรวมหนี้ไว้ในก้อนเดียวแล้ว ถ้ามีเงินก้อนมาชำระหนี้สิน เงินต้นและดอกเบี้ยจะลดไปตามกัน หรือที่เราเรียกกันว่า “การลดต้นลดดอก” ซึ่งใครที่มีกำลังพอในการหาเงินมาชำระหนี้มากเท่าไหร่ก็จะทำให้หนี้สินหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิม เนื่องจากดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะอยู่ที่ประมาณ 15% - 28% ต่อปี ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบัตร หากมีการรวมหนี้ไว้ในที่เดียวจะทำให้ธนาคารให้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ทั้งนี้แต่ละธนาคารก็จะมีอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันออกไป แต่มั่นใจได้ว่าจะได้ผ่อนจ่ายหนี้บัตรเครดิตที่ถูกกว่าการจ่ายหนี้บัตรเครดิตแบบปกติแน่นอนหากลองคำนวณดูแล้ว

เอกสารสำหรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

เอกสารสำหรับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

ในบรรดามนุษย์เงินเดือนและเจ้าของธุรกิจทั้งหลาย ต่างคนต่างมีการใช้บัตรเครดิตกันทั้งนั้น ซึ่งแน่นอนว่าก็มีอีกหลายคนที่ประสบปัญหาการจัดการหนี้สินจากการใช้บัตรเครดิต ซึ่งบางคนอาจจะใช้เกินตัวจนทำให้เกิดภาระหนี้สิน หรืออาจใช้บัตรเครดิตในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้ก็ตามแต่ ทั้งนี้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก็เป็นหนทางช่วยให้บรรเทาภาระการจ่ายหนี้สินจากบัตรเครดิตได้ สำหรับใครที่ต้องการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตต้องเตรียมเอกสาร ดังนี้

1.สำเนาบัตรประชาชน ถือว่าเป็นเอกสารส่วนบุคคลที่ใช้สำหรับการทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ รวมถึงใช้รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตด้วย เพราะทางธนาคารสามารถตรวจสอบตัวตนของคุณผ่านสำเนาบัตรประชาชนที่ได้ให้กับทางธนาคารไว้

2.สำเนาบัตรข้าราชการ เป็นหนึ่งเอกสารสำหรับผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวกับข้าราชการ เป็นการแสดงถึงความมั่นคงของรายได้ว่าคุณจะมีรายได้เพื่อจะชำระหนี้บัตรเครดิตได้อย่างสม่ำเสมอในทุก ๆ เดือน

3.สำเนาทะเบียนบ้าน เป็นเอกสารที่แสดงถึงที่อยู่อาศัยที่ชัดเจนของคุณ ซึ่งทางธนาคารสามารถส่งเอกสารต่าง ๆ ไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเอกสารในการชำระหนี้บัตรเครดิตหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องกับบัตรเครดิต เป็นต้น

4.สลิปเงินเดือนที่เป็นต้นฉบับ หรือหนังสือรับรองเงินเดือน ซึ่งปกติแล้วทางธนาคารจะขอตั้งแต่ 2 เดือนย้อนหลังเป็นต้นไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคารด้วยว่าจะให้ผู้ขอสินเชื่อยื่นสลิปหรือหนังสือรับรองเงินเดือน 2 เดือน, 3 เดือน, หรือ 6 เดือน โดยจะพิจารณาเป็นรายบุคคลไป ในกรณีที่เป็นนิติบุคคลต้องยื่นสำเนาหนังสือรับรองจดทะเบียนหรือสำเนาทะเบียนการค้า และสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น

5.สำเนาสมุดเงินฝากที่เป็นหน้าแรกอันระบุชื่อผู้ขอสินเชื่อ และในกรณีที่เป็นนิติบุคคลจะต้องยื่นสำเนาบัญชีธนาคารที่ใช้สำหรับหมุนเวียนธุรกิจย้อนหลัง 6 เดือน หรือสำเนาที่เป็นงบการเงินปัจจุบัน หรือสำเนาภาษีเงินได้ (ภ.พ.30) เพื่อแสดงความเคลื่อนไหวของบัญชี อีกทั้งยังเป็นบัญชีที่ให้ธนาคารโอนเงินเข้าเมื่อผ่านการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

6.เอกสารแสดงภาระหนี้ของธนาคารอื่น ๆ เพื่อที่ทางธนาคารจะใช้ประกอบกับการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต รวมไปถึงจะได้ประเมินภาระหนี้สินที่ทางผู้ขอสินเชื่อต้องจ่ายให้ทางธนาคารในแต่ละเดือน

คุณสมบัติของคนที่ต้องการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

คุณสมบัติผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

คนที่มีบัตรเครดิตจำนวนมาก หากใช้อย่างมีวินัยก็ถือว่ามีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นได้รับแต้มคะแนนสะสมที่สามารถแลกเป็นเครดิตเงินคืนได้ แลกไมล์สำหรับการเดินทางโดยเครื่องบิน หรือได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมาย แต่ในทางกลับกันก็มีคนใช้บัตรเครดิตเกินตัวเช่นกันจนทำให้เกิดหนี้สินมากมาย เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะช่วยคลี่คลายปัญหานี้ได้ คือ การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

ซึ่งการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเหมาะสำหรับคนกำลังประสบปัญหาภาระหนี้สินจากบัตรเครดิตหลาย ๆ ใบ โดยผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

1.ต้องไม่ติดเครดิตบูโร ที่เป็นข้อมูลบัญชีสินเชื่อทุกประเภทรวมไปถึงประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทของทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล
2.ไม่มีประวัติการค้างชำระหนี้สิน หรือจ่ายหนี้สินไม่ตรงตามเวลา
3.ต้องมีแหล่งรายได้ประจำและสม่ำเสมอในทุก ๆ เดือน
4.มีวินัยในการชำระหนี้สินรายเดือนกับทางธนาคารผู้ให้สินเชื่อ

ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
สำหรับใครที่เป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่หรือสังเกตตนเองแล้วพบว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นหนี้บัตรเครดิตในอนาคต ควรมาศึกษาขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตก่อนเพื่อที่จะได้วางแผนการเงินและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของตนเองโดยสามารถผ่อนจ่ายรายเดือนได้แบบสบาย ๆ ด้วยระยะเวลาที่เหมาะสมกับการชำระหนี้ ซึ่งขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตทั้งหมดมีดังนี้

1.รวบรวมหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดที่คุณมีอยู่ไม่ว่าจะเป็นบัตรเครดิตแบบใด หรือของธนาคารไหน ต้องรวบยอดมาทั้งหมดอย่างละเอียด เพื่อจะได้ทราบหนี้สินจำนวนจริงและวางแผนการชำระหนี้ในลำดับต่อไป
2.เช็กความสามารถในการชำระหนี้บัตรเครดิตที่คุณสามารถจ่ายขั้นต่ำได้ในแต่ละเดือน โดยไม่กระทบกับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
3.ติดต่อและเจรจากับธนาคารเดิมที่ทำบัตรเครดิตหรืออาจจะขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือในการปิดบัตรเครดิตเดิม เพื่อจะได้รวบรวมหนี้ไว้ในก้อนเดียว อีกทั้งจะได้สะดวกสำหรับการชำระหนี้ด้วย
4.ลองยื่นรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตกับหลาย ๆ ธนาคารเพื่อหาตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต หรือเข้าไปที่ https://www.refinn.com/refinancecreditcard เพื่อกรอกข้อมูลของคุณเพื่อให้เว็บไซต์ทำการค้นหาโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตที่เหมาะกับคุณ
5.เลือกธนาคารที่ให้การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของดอกเบี้ยและการชำระหนี้บัตรเครดิตในแต่ละเดือน

สรุปเกี่ยวกับรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

หลายคนคงมีคำถามว่าแล้วรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ธนาคารไหนดี 2566 ทั้งนี้คุณสามารถเลือกรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตกับธนาคารใดก็ได้ สิ่งที่คุณต้องทำคือการศึกษาหาข้อมูลและเลือกธนาคารที่ให้ข้อเสนอที่ดีที่สุด ซึ่งส่วนที่สำคัญที่สุดหลังจากนั้น คือ ต้องมีวินัยในการชำระจ่ายหนี้บัตรเครดิตในแต่ละเดือน ไม่ควรชำระเกินกำหนดที่ทางธนาคารตั้งไว้ อีกทั้งหากสามารถหาเงินก้อนมาได้ก็ควรจะรีบปิดหนี้จากบัตรเครดิตทันที เนื่องจากเป็นหนี้สินที่มีดอกเบี้ย


273
คุณรู้สึกเบื่อกับการรู้สึกว่ากำลังขาดความมั่นใจในความเป็นชายอยู่หรือเปล่า ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลงให้คุณเป็นคนใหม่แล้ว ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาเป็นวิธีแก้ปัญหายอดนิยมและสะดวกสำหรับผู้ชายหลายคนที่ต้องการปรับปรุงประสบการณ์ทางเพศมีจำหน่ายที่ร้านขายยาใกล้บ้าน

ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผู้ชายเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่ง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ ซึ่งในบทความนี้เราจะมาสำรวจโลกของการใช้ยาเสริมสมรรถภาพเพศชายร้านขายยากันว่า ยาเหล่านี้มีวิธีการทำงานอย่างไรบ้าง สิ่งที่เราต้องพิจารณาเมื่อเลือกซื้ออาหารเสริมชายที่เหมาะสมสำหรับคุณ

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ต้องการทำให้คู่ของคุณประทับใจหรือเพียงแค่ต้องการเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ทางเพศที่ดีขึ้น ก็ถึงเวลาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาแล้ว โดยสามารถอ่านต่อที่ด้านล่างได้เลย

ผู้ชายกำลังค้นคว้ายาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยา

ผู้ที่เหมาะสำหรับการใช้ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยา

อาหารเสริมผู้ชายเป็นทางออกยอดนิยมสำหรับผู้ชายที่นกเขาไม่ขัน และกำลังมีปัญหาเสื่อมสมรรถภาพแต่ใครล่ะที่เหมาะกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ โดยทั่วไปแล้วยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายในร้านขายยาเหมาะสำหรับผู้ชายที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพทางเพศหรือปรับปรุงประสบการณ์ทางเพศโดยรวม

ซึ่งอาจรวมถึงผู้ชายที่ต้องการเพิ่มขนาด เพิ่มความแข็งแกร่ง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศในกิจกรรมร่วมรัก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องรู้ไว้เสมอว่ายาเสริมสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาถึงแม้จะได้ผล แต่ก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสำหรับทุกคน และผลลัพธ์จากการใช้ยาของแต่ละคนอาจแตกต่างกันออกไป

วิธีการเลือกยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยา

เลือกใช้ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาจากผู้สูงอายุ

เมื่อพูดถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพทางร่างกายและประสบการณ์ทางเพศ สิ่งสำคัญคือต้องเลือกยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาที่เหมาะกับสภาพร่างกายของเรา ด้วยตัวเลือกมากมายในท้องตลาดอาจเป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่าว่าผลิตภัณฑ์ไหนเหมาะกับเรามากที่สุด

สิ่งสำคัญคือต้องคิดถึงความต้องการและเป้าหมายของแต่ละคน รวมถึงปัจจัยอื่นๆ อาทิ ส่วนผสม ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น และประสิทธิภาพในการฟื้นฟูร่างกายโดยรวม โดยในส่วนนี้เราได้แนะนำยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาที่ด้านล่างนี้แล้ว โดยเราจะแนะนำอ้างอิงการส่วนผสม และข้อดีของอาหารเสริมชายแต่ละตัว ถ้าอยากรู้กันแล้วว่ายาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาทั่วไปมีอะไรบ้างก็มาเพิ่มที่ด้านล่างนี้ได้เลยครับ

5 ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาที่เราแนะนำ

ผู้ชายทานยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยา

สมรรถภาพทางเพศเป็นเรื่องใหญ่ในความมั่นใจในความเป็นชาย และผู้ชายหลายคนต้องต่อสู้กับปัญหาต่างๆ เช่น การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ นกเขาไม่ขัน น้องชายไม่สู้ และความอดทนทางเพศต่ำ โชคดีที่มีตัวเลือกมากมายที่จะช่วยให้ผู้ชายเอาชนะปัญหาเหล่านี้และปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศได้

ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาเป็นหนึ่งในวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมและแก้ไขปัญหานี้ได้มากที่สุด และสามารถช่วยให้ขนาดของน้องชายแข็งตัวได้ดีขึ้น เพิ่มความแข็งแกร่ง และเพิ่มสมรรถภาพเพศชายธรรมชาติ ในหัวข้อนี้เราจะมาแนะนำเสริมสมรรถภาพทางเพศ 5 อันดับยาเพิ่มสมรรถภาพชายร้านขายยาที่เราแนะนำ เพื่อให้คุณสามารถหาผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและเหมาะกับคุณได้
      
1. Code For Men ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารถังเช่าสกัดเข้มข้น

ปลดปล่อยความเป็นชายในตัวคุณด้วย Code For Men อาหารเสริมผู้ชายที่เป็นยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยา ยาชูกำลังอันทรงพลังนี้เต็มไปด้วย ถั่งเฉ้าสกัดเข้มข้น (Cordycep Extract) แอล-อาร์จินิน (L-Arginine) สารสกัดจากโสม (Ginseng Extract)  สารสกัดจากหอยนางรม (Oyster Meat Extract) และส่วนผสมจากธรรมชาติอื่น ๆ ที่ทราบกันดีว่าช่วยเพิ่มสมรรถภาพเพศชายธรรมชาติ เพิ่มปริมาณและคุณภาพของอสุจิ เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ และอื่น ๆ อีกมากมาย

บอกลาการใช้ยาที่ซับซ้อนไปได้เลยเพราะ Code For Men มีจำหน่ายในรูปแบบแคปซูลที่รับประทานง่าย แต่คุณประโยชน์ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เราสามารถเลือกจากสองสูตรที่เหมาะกับความต้องการของคุณมากที่สุด

X2 ออกแบบมาสำหรับผู้ที่มองหาการเสริมก่อนกิจกรรมทางเพศ โดยเห็นผลจากขนาดอวัยวะเพศที่เพิ่มขึ้นและมีความแข็งที่ยาวนานขึ้น ส่วน X6 เป็นสูตรที่ทานได้เป็นประจำวันละ 1 เม็ด ทำหน้าที่เป็นอาหารเสริมบำรุงร่างกายโดยรวมรับประทานง่าย ๆ เหมือนวิตามินเพื่อเสริมสร้างสุขภาพโดยรวมของคุณ

2. omg emperor

ปลดปล่อยศักยภาพของคุณอย่างเต็มที่กับ OMG Emperor ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผู้ชายอายุ 30 ขึ้นไป ไม่ว่าคุณจะทำงานหนัก เข้ายิม ตัวยานี้จะให้พลังงาน ความอึด ถึก ทน และเพิ่มโฟกัสในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยส่วนผสมจะเป็นโสมเกาหลี ซิงค์ ตังถั่งเช่า หอยนางรม ใบแปะก๊วยเพิ่มส่วนผสม ขมิ้นชัน เปลือกสน มะเขือเทศ แคลเซียม วิตามินและแร่ธาตุ และ แอล-อาร์จินีน ซึ่งส่วนผสมเหล่านี้จะเป็นได้ทั่วไป มีผลทำให้มีพลังงานมากขึ้นในใช้ชีวิตประจำวัน กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ถ้าอยากลอง OMG Emperor ก็สามารถหาซื้อได้เลย เนื่องจากเป็นยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยา
   
3. ปู่เซินเจียวหนัง   

ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยารุ่นเก๋ากับ ปู่เซินเจียวหนัง อาหารเสริมเพิ่มสมรรถภาพเพศชายระดับพรีเมียมนี้ใช้พลังของสมุนไพรจีน เช่น ตังถั่งเฉ้า เขากวางอ่อน โหงวบี่จี้ อิมเอียงคัก และ เนกกุ่ย เพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางเพศของคุณและนำความตื่นเต้นกลับมาในห้องนอนและคู่รักของคุณ เพลิดเพลินกับของอาหารเสริมนี้ที่เป็นยาประจำวันในรูปแบบแคปซูลรับประทานง่าย

4. Viagra

อย่าให้อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศมาขัดขวางประสบการณ์ที่ดีในห้องนอน ยานี้จำเป็นต้องมีใบสั่งแพทย์เพื่อความปลอดภัย เป็นที่รู้จักกันดีอย่างตัวยา Viagra ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อรักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศทั่วไป และช่วยให้คุณถึงจุดสุดยอดและรักษาการแข็งตัวของอวัยวะเพศระหว่างกิจกรรมทางเพศ

เมื่อทานไวอากร้าคุณจะได้รับความมั่นใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากไวอากร้าจะกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปยังน้องชาย ช่วยให้คุณตื่นตัวและควบคุมความแข็งตรงส่วนนั้นได้นานขึ้น บอกลาเซ็กส์ที่น่าหงุดหงิดและน่าอาย และสวัสดีกับประสบการณ์ทางเพศที่น่าพึงพอใจด้วยอาหารเสริมเพิ่มสมรรถภาพชายไวอากร้า

5. munz

ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยา Munz บอกลาความอ่อนปวกเปียกและสวัสดีกับเซ็กส์ที่น่าเหลือเชื่อด้วยสูตรด้วยส่วนผสมที่ทรงประสิทธิภาพ เช่น นาโนซิงค์ที่สกัดจากสาหร่ายทะเล Munz ช่วยละลายลิ่มเลือดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

พบกับผลลัพธ์สุดเร้าใจในห้องนอน เมื่อ Munz ปรับปรุงสมรรถภาพทางเพศของคุณก่อนกิจกรรมหลัก อย่าตัดสินอะไรที่น้อยกว่าสิ่งที่ดีที่สุด อัปเกรดเกมของคุณด้วยยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยา   Munz สุดยอดนาเพื่อประสิทธิภาพทางเพศ
   
สรุป

ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาอาจเป็นทางออกที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ชายที่กำลังประสบปัญหาสมรรถภาพทางเพศ ก่อนทานควรอ่านผลค้างเขียงทุกครั้งและใช้อาหารเสริมผู้ชายด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงและตอบสนองกับตัวยาอื่นได้

เราแนะนำขอแนะนำให้คุยกับแพทย์หรือเภสัชก่อนเริ่มใช้อาหารเสริมชายประเภทนี้ ทำตามคำแนะนำการใช้ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชายร้านขายยาก็เป็นวิธีหนึ่งที่ปลอดภัยในการเพิ่มสมรรถภาพทางเพศและฟื้นฟูสุขภาพของคุณได้ดีที่เดียว

274
    เลเซอร์รอยสิว

    ปัญหาที่กวนใจหลังจากที่สิวหายแล้วก็มักจะเป็นรอยดำหรือรอยแดงที่หลงเหลืออยู่ ทำให้ผิวหน้ามีสีไม่สม่ำเสมอ สร้างความกังวล ทำให้หลายคนหมดความมั่นใจได้ แต่ปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้กำจัดรอยดำรอยแดงเหล่านั้นได้ง่ายขึ้นอย่าง “เลเซอร์รอยสิว” ที่สามารถรักษาปัญหาได้อย่างครอบคลุมและเห็นผลชัดเจน

    บางคนอาจสนใจเกี่ยวกับเลเซอร์รอยสิวแต่ยังไม่รู้ข้อมูลต่างๆ ในบทความนี้ได้รวบรวมเอาสิ่งน่ารู้ที่สามารถไขข้อข้องใจเรื่องเลเซอร์ลดรอยสิว ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน ประเภท หรือคำถามยอดฮิตอย่างเลเซอร์รอยสิวราคาเท่าไหร่ มาไว้ที่นี่แล้ว

    เลเซอร์รอยสิว (Acne Mask Laser) คืออะไร?

    เลเซอร์รอยสิว คือการใช้คลื่นพลังงานเลเซอร์ยิงลงบนผิวบริเวณที่ต้องการรักษา ถือว่าเป็นการเลเซอร์รอยดำ และ เลเซอร์รอยแดง ทำให้ผิวมีสีสม่ำเสมอกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีการใช้พลังงานเลเซอร์หลายชนิดในการทำหัตถการเลเซอร์สิว

    หลักการทำงานของเลเซอร์รอยสิวคือยิงคลื่นพลังงานที่มีความยาวคลื่นตรงกับปัญหาที่ต้องการรักษาและกระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวบริเวณที่ทำกระจ่างใสขึ้น และเลเซอร์ลบรอยสิวสามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้า รวมถึงเลเซอร์รอยสิวที่หลังได้อีกด้วย

    สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเลเซอร์รอยสิวที่นี่ : เลเซอร์รอยสิว

    เลเซอร์รอยสิวรักษาอะไรได้บ้าง

    เลเซอร์รอยสิวรักษาอะไรได้

    1. รอยดำ

    รอยดำ หรือ Postinflamatory Hyperpigmentation (PIH) คือรอยสีน้ำตาลที่เกิดขึ้นหลังสิวอักเสบยุบลง มักเกิดเมื่อแกะสิว ทำให้ผิวหน้าถลอก จากนั้นจึงเกิดเป็นรอยดำ หรืออาจเกิดขึ้นได้เมื่อเกิดรอยแดงหลังสิวหาย แต่ปล่อยเอาไว้ไม่รักษาอย่างถูกวิธีก็กลายเป็นรอยดำได้ สามารถรักษาโดยการใช้เลเซอร์รอยดํา

    2. รอยแดง

    รอยแดง หรือ Postinflamatory Erythema (PIE) คือรอยสีแดงที่เกิดขึ้นหลังจากเป็นสิวอักเสบ มักเกิดขึ้นบ่อยกว่ารอยดำ โดยเกิดจากความแดงของการอักเสบจากสิว หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่แกะก็จะคงความแดงนั้น ไม่เปลี่ยนเป็นรอยดำ สามารถรักษาด้วยเลเซอร์รอยแดงได้

    3. ริ้วรอยตื้น

    นอกจากเลเซอร์รอยสิวจะสามารถรักษารอยดำรอยแดงแล้ว เลเซอร์บางชนิดยังสามารถช่วยทำให้ริ้วรอยตื้นๆ ดูบางลง รูขุมขนกระชับขึ้น รวมถึงทำให้บริเวณที่ทำดูกระจ่างใสและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

    ประเภทของเลเซอร์รอยสิว

    เลเซอร์รอยสิวสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้

    Ablative Laser

    เลเซอร์ชนิด Ablative คือเลเซอร์ที่ทำให้ผิวลอก ซึ่งจะกระตุ้นทำให้ผิวเกิดการผลัดเซลล์ เห็นผลได้ชัดเจนเรื่องการรักษารอยสิว แต่อาจต้องใช้เวลาพักฟื้นหลังจากทำหัตถการ ตัวอย่างของเลเซอร์ประเภทนี้มีเช่น Erbium:YAG Laser และ CO2 Laser เป็นต้น

    Non-Ablative Laser

    เลเซอร์ชนิด Non-Ablative คือเลเซอร์ที่ไม่ทำให้ผิวลอกหรือเป็นแผล แต่เป็นการส่งพลังงานเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง อาจเห็นผลเรื่องการรักษารอยช้ากว่า Ablative Laser โดยตัวอย่างของเลเซอร์ชนิดนี้มีเช่น Nd:YAG Laser และ Alexandrite Laser เป็นต้น

    ชนิดของเครื่องเลเซอร์รอยสิวมีอะไรบ้าง?

    ชนิดของเครื่องเลเซอร์รอยสิว

    1. V-Beam Laser

    V-Beam Laser หรือ Pulsed Dye Laser (PDL) เป็นเลเซอร์รอยสิวที่ใช้ความยาวคลื่นในช่วงแสงสีเหลืองที่ 595 นาโนเมตร เพื่อดูดซับสีของฮีโมโกลบิน ส่งผลให้เกิดการจัดเรียงตัวใหม่ของเส้นเลือดใต้ผิว ช่วยลดปัญหารอยเส้นเลือดฝอย รอยแดงจากสิว

    2. Dual Yellow Laser

    เลเซอร์รอยสิวชนิดนี้คือการผสานพลังงานระหว่างคลื่นช่วงแสงสีเขียว 511 นาโนเมตรที่ใช้รักษารอยดำและคลื่นช่วงแสงสีเหลือง 578 นาโนเมตรที่ใช้รักษาเกี่ยวกับเส้นเลือดและรอยแดง ทำให้ Dual Yellow Laser สามารถรักษาได้ทั้งรอยดำและรอยแดงในเครื่องเดียว แต่มีข้อด้อยคือพลังงานไม่สูง อาจทำให้ต้องใช้เวลานานในการรักษาต่อครั้ง

    3. Long Pulsed Nd:YAG laser

    ถึงมักจะนิยมใช้ในหัตถการกำจัดขนมากกว่า แต่ Long Pulsed Nd:YAG laser ยังสามารถใช้ในการเลเซอร์รอยสิวได้อีกด้วย ซึ่งจุดเด่นของชนิดนี้คือมีความยาวคลื่นสูงอยู่ที่ 1,064 นาโนเมตร ทำให้สามารถรักษารอยในผิวหนังชั้นลึกได้ รวมถึงประยุกต์ใช้ในการรักษาปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดเช่น เส้นเลือดขอด เป็นต้น

    4. Q Switched Nd:YAG Laser

    หลายคนอาจสับสนกับ Long Pulsed Nd:YAG laser เพราะมีชื่อที่ใกล้เคียงกัน แต่ Q Switched Nd:YAG Laser นั้นถูกใช้ในหัตถการที่รักษาปัญหาเม็ดสีโดยเฉพาะ จุดเด่นของเลเซอร์รอยสิวตัวนี้คือรักษารอยดำได้เป็นอย่างดี ส่งพลังงานลงใต้ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึก สามารถประยุกต์ใช้ในการลบรอยสักได้อีกด้วย

    5. Picosecond Laser

    ถือเป็นนวัตกรรมเลเซอร์รอยสิวที่ใหม่และเป็นที่นิยมมากในขณะนี้ เป็นการปล่อยคลื่นพลังงานระดับ 1 ต่อล้านวินาที ทำให้ช่วยลดผลข้างเคียงจากความร้อน ความร้อนไม่สะสมใต้ชั้นผิว แต่ค่าใช้จ่ายในการทำเลเซอร์ชนิดนี้ยังถือว่าสูงอยู่เนื่องจากเป็นนวัตกรรมใหม่

    6. Fraxel dual laser/ Fraxel restore laser

    เลเซอร์รอยสิว 2 ชนิดนี้ถือว่าได้รับการยอมรับระดับสากลในหมวดเลเซอร์รอยสิวชนิดไม่ทำให้ผิวลอก ช่วยทำให้รอยดำจางลง เห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน แต่ค่าใช้จ่ายในการใช้เลเซอร์ชนิดนี้รักษารอยสิวก็ถือว่าสูง และต้องใช้แพทย์ที่มีความชำนาญมาก

    ใครเหมาะกับเลเซอร์รอยสิว

    ใครเหมาะสำหรับเลเซอร์รอยสิว

    ผู้ที่เหมาะกับการทำเลเซอร์รอยสิวคือผู้ที่ประสบกับปัญหาเหล่านี้

    • ผู้ที่มีปัญหารอยดำ รอยแดงจากสิว
    • ผู้ที่มีริ้วรอยตื้น รูขุมขนกว้าง
    • ผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น
    • ผิวที่ผิวหน้าหมองคล้ำ ต้องการให้กระจ่างใส

    ทั้งนี้ หากเป็นผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือต้องรับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือดควรแจ้งแพทย์ก่อนการทำหัตถการทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงจากการทำเลเซอร์สิว

    ข้อดี - ข้อเสียของเลเซอร์รอยสิว

    ข้อดีของการทำเลเซอร์รอยสิวคือสามารถช่วยให้การรักษารอยดำและรอยแดงจากสิวใช้เวลาน้อยลง เห็นผลชัดเจน สามารถรักษาปัญหาได้อย่างครอบคลุมเนื่องจากมีเลเซอร์ให้เลือกหลายประเภท ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

    ข้อเสียของการทำเลเซอร์ลดรอยสิวคือมีเลเซอร์บางประเภทที่หลังทำต้องใช้เวลาในการพักฟื้น รวมถึงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงเบื้องต้นคืออาการบวมแดง ผิวลอก หรือสีผิวเข้มขึ้นหลังการทำเลเซอร์ และเลเซอร์บางชนิดก็มีราคาสูง

    เลเซอร์รอยสิวทำกี่ครั้งเห็นผล?

    ระยะและจำนวนครั้งที่จะเห็นผลจากการทำเลเซอร์รอยสิวนั้นขึ้นอยู่กับความหนักเบาของปัญหา ประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ และสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งบางคนสามารถเห็นผลแตกต่างได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่โดยเฉลี่ยแล้วควรทำประมาณ 5-6 ครั้งขึ้นไปถึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ตรงตามความคาดหวัง ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตัดสินใจทำ

    เลเซอร์รอยสิวราคาเท่าไหร่? ที่ไหนดี?

    ราคาเลเซอร์รอยสิว

    คำถามที่ทุกคนสงสัยมากเป็นอันดับต้นคือราคาเลเซอร์รอยสิวหรือเลเซอร์รอยดําราคาเท่าไหร่? ซึ่งราคาของการทำเลเซอร์รอยสิวนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ที่ใช้ โดยคอร์สหนึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 13,000 - 20,000 บาท แต่หากต้องการราคาที่ย่อมเยากว่านั้นอาจมีตัวเลือกเป็น IPL รอยสิวลดลงและช่วยให้ผิวกระจ่างใสเช่นกัน

    ส่วนเลเซอร์รอยสิวที่ไหนดี? เราควรพิจารณาการเลือกสถานที่ทำเลเซอร์ลบรอยสิวจาก 6 ข้อต่อไปนี้

    1. เลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ได้รับการอนุญาตอย่างถูกต้องและมีใบรับรอง
    2. มีความสะอาด ปลอดภัย อุปกรณ์ครบครันและได้มาตรฐาน
    3. แพทย์มีความชำนาญ เชี่ยวชาญในการทำหัตถการ
    4. มีรีวิวที่น่าเชื่อถือ ไว้ใจได้
    5. มีช่องทางติดต่อชัดเจน เพื่อความสะดวกในการสอบถาม
    6. เดินทางง่าย ที่ตั้งสามารถเดินทางไปได้สะดวก[/li][/list]

    ข้อสรุป

    เลเซอร์รอยสิวเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยในการรักษารอยดำและรอยแดงจากสิว ช่วยย่นระยะเวลาในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้รอยหรือจุดด่างดำจางลงในเวลาไม่นาน ในปัจจุบันมีเลเซอร์รอยสิวหลากหลายชนิดทำให้สามารถเลือกเลเซอร์ที่เหมาะสมกับปัญหาและผิวของตนเองได้มากยิ่งขึ้น โดยหัตถการชนิดนี้ต้องใช้ความชำนาญของแพทย์เพื่อที่จะได้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด เพราะฉะนั้น ผู้ที่สนใจทำเลเซอร์รอยสิวควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยและให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ตนเองคาดหวัง

    ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก https://www.prachachat.net/public-relations/news-1228224


    275
    การจองเลขทะเบียนรถออนไลน์ดีอย่างไร

    เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ซื้อรถใหม่มือหนึ่งหรือมือสอง ต่างคงต้องอยากได้ป้ายทะเบียนรถยนต์เลขในดวงใจ เพื่อเสริมสิริมงคลให้ตัวรถกันมากขึ้น แต่การจะไปจองเลขทะเบียนในแต่ละครั้งนั้นก็ยากเหลือเกิน ไม่ว่าจะการต้องตื่นเช้าเพื่อไปกรมขนส่งทางบกเพื่อจับบัตรคิว หรือ การที่เลขในดวงใจของคุณนั้นถูกแย่งชิงไป การมาของบริการจองเลขทะเบียนรถยนต์ออนไลน์จึงได้เข้ามาอำนวยความสะดวกให้ชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำการจองทะเบียนออนไลน์ให้คุณได้รู้จักกับระบบนี้มากขึ้น

    การจองเลขทะเบียน คืออะไร สะดวกอย่างไรในปัจจุบัน

    การจองเลขทะเบียนออนไลน์ คือ การจองป้ายทะเบียนรถผ่านระบบอินเทอร์เน็ตที่สามารถจองทะเบียนรถยนต์ได้หลากหลายชนิด อาทิเช่น รถเก๋ง รถตู้ หรือรถกระบะต่าง ๆ โดยการจองจะถูกใช้ในกรณีจองทะเบียนรถคันใหม่เท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นวิธีที่เหมาะสมกับสมัยปัจจุบันอย่างมาก เพราะช่วยให้การจองเลขทะเบียนออนไลน์สะดวกกว่าโดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปกรมขนส่งทางบกเพื่อจับบัตรคิวที่อาจใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร อีกทั้งยังมีความเสี่ยงกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้ออย่างโควิด 19 อีกด้วย

    วิธีจองเลขทะเบียนกับขั้นตอนการจองง่าย ๆ

    ขั้นตอนการจองเลขทะเบียนรถ

    1. เข้าไปที่เว็บไซต์ https://reserve.dlt.go.th/reserve เพื่อเริ่มยื่นคำร้องขอเลขทะเบียนกับกรมขนส่งทางบก โดยจะทำการได้ตั้งแต่ 10.00 - 16.00 น. เป็นต้นไป

    จองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์

    2. อ่านรายละเอียดและศึกษาการจองทะเบียนรถยนต์ให้เรียบร้อย หลังจากนั้นให้คลิกปุ่ม "ยอมรับหลักเกณฑ์"

    หลักเกณฑ์การจองทะเบียนรถออนไลน์

    3. กรอกข้อมูลส่วนตัว ชื่อและนามสกุล เลขประจำตัวประชาชน และเลขทะเบียนรถที่ต้องการจอง (ไม่สามารถเลือกหมวดอักษรได้) รวมถึงรายละเอียดอื่น ๆ ให้เรียบร้อย โดยสามารถเลือกได้ดังนี้ รถเก๋ง รถตู้ หรือรถกระบะต่าง ๆ

    กรอกข้อมูลจองเลขทะเบียนรถยนต์ออนไลน์

    4. ติดตามตารางกำหนดการจองทะเบียนออนไลน์ ได้ที่แถบเมนู "ตารางเปิดรับจองเลข และ หลักเกณฑ์การจองเลข" เพื่อเช็กว่าปัจจุบันมีการจดทะเบียนถึงเลขใด

    การจองทะเบียนออนไลน์

    5. ตรวจสอบผลการขอเลขทะเบียนรถได้ที่เว็บไซต์เดิม โดยคลิกเลือก "ตรวจสอบผลการจอง" และใส่เลขบัตรประจำตัวประชาชน/ทะเบียนการค้าหนังสือเดินทาง เพื่อติดตามความคืบหน้าของการจองเลขทะเบียนรถ

    หลักสำคัญในการจองเลขทะเบียนออนไลน์เพื่อให้ได้เลขในดวงใจ

    ทำความเข้าใจหลักสำคัญในการจองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ก่อน จึงจะเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง มีดังนี้


    1. ข้อมูลรถต้องมีความถูกต้องสมบูรณ์ ดังนี้

    • กรณีรถใหม่ คุณต้องได้รับรถยนต์แล้วและข้อมูลรถต้องถูกส่งให้กับกรมการขนส่งทางบกแล้วเท่านั้น
    • กรณีรถจดทะเบียนแล้ว ต้องเป็นรถที่จดทะเบียนกรุงเทพมหานครหรือแจ้งความประสงค์ขอย้ายรถมากรุงเทพมหานครและมีสถานะปกติ

    2. ชื่อผู้จองต้องเป็นเจ้าของรถและต้องจดทะเบียนด้วยชื่อที่ใช้จองเท่านั้น ไม่สามารถยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงได้

    3. คุณสามารถกรอกหมายเลขทะเบียนรถ ครั้งละ 1 เลข โดยต้องเป็นเลขที่เปิดให้จองตามตารางจองทะเบียนรถและสามารถกรอกหมายเลขทะเบียนรถใหม่ได้ จนกว่าจะสามารถจองได้สำเร็จ

    • กรณีมีรถมากกว่า 1 คัน และต้องการจองมากกว่า 1 เลข คุณจะต้องนำหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่เพื่อปลดล็อกให้จองหมายเลขเพิ่มเติม โดยใช้หลักฐาน ได้แก่ ผลการจองหมายเลขทะเบียนรถคันที่ 1, สำเนาเล่มทะเบียนรถคันที่ 1, สำเนาเล่มทะเบียนรถคันเพิ่มเติม, สำเนาบัตรประชาชนและหนังสือมอบอำนาจ (หากเป็นผู้ดำเนินการแทน

    4. เมื่อจองสำเร็จแล้วต้องจดทะเบียนภายในวันที่กรมการขนส่งกำหนด (ประมาณ 15 วัน)

    5. เมื่อจองป้ายทะเบียนรถได้แล้ว จะสามารถจองได้อีกครั้งหลังจาก 3 เดือน กรมการขนส่งทางบกอาจมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการจอง โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

    6. ระบบจะเปิดให้จองแบบวันต่อวัน ในช่วงเวลา 10:00 น. - 16:00 น. ของวันที่กำหนดไว้ในตารางจองทะเบียนรถ

    7. อมูลที่กรอกต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง โดยในหน้าเว็บไซต์จะบังคับให้กรอกตามรูปแบบที่กำหนดและมีการแจ้งเตือนหากกรอกข้อมูลไม่เป็นไปตามรูปแบบที่กำหนด เช่น หมายเลขบัตรประชาชนให้พิมพ์ติดกัน เป็นต้น

    การเตรียมตัวก่อนเริ่มจองเลขทะเบียนรถออนไลน์ ต้องเริ่มต้นอย่างไร?

    เตรียมตัวก่อนการจองเลขทะเบียนรถ

    การเตรียมพร้อมมาดีย่อมทำให้คุณได้เริ่มจองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ก่อนใคร และนี่คือข้อมูลและเอกสารที่ใช้ในการจองป้ายทะเบียนรถยนต์ มีดังนี้

    • ทำความเข้าใจหลักเกณฑ์การจองป้ายทะเบียนรถออนไลน์ของกรมการขนส่งทางบก
    • ตรวจสอบตารางกำหนดการจองหรือตารางจองทะเบียนรถที่กรมการขนส่งทางบกอัปเดตเป็นรายสัปดาห์ ได้ที่ https://reserve.dlt.go.th/reserve/schedule/number.pdf ประกอบด้วยข้อมูลสำคัญ ได้แก่ วันที่เปิดจอง หมวดอักษร หมวดตัวเลข ข้อมูลนี้สำคัญมาก ทำให้เราทราบว่า เราต้องทำการจองวันไหนจึงจะได้เลขที่ต้องการ
    • เตรียมหมายเลขที่ต้องการรวมทั้งหมายเลขสำรองอย่างน้อย 10 เลข โดยอาจจะเรียงลำดับเลขที่ชอบมากไปหาน้อย
    • เตรียมข้อมูลที่ใช้กรอกในเว็บไซต์จองป้ายทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ ได้แก่ คำนำหน้า ชื่อ สกุล เลขประจำตัวประชาชน เลขตัวถังรถ ยี่ห้อรถ เบอร์โทรศัพท์และเลขทะเบียนที่ต้องการจอง
    • เตรียมอุปกรณ์ในการเข้าถึงเว็บไซต์การจองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ Smartphone หรือ Tablet
    • ใช้ผู้ช่วยในการจองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ที่เป็นมืออาชีพ รอบรู้และมีประสบการณ์ เช่น Fasttabien

    สรุป

    จะเห็นได้ว่าขั้นตอนการจองป้ายทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน หากว่าคุณเตรียมตัวมาอย่างดีก็จะช่วยให้คุณจองทะเบียนรถ กรมขนส่งได้ไวยิ่งขึ้น แต่น่าเสียดายที่บริการนี้มีเพียงแค่การจองทะเบียนรถ กทมเท่านั้น ซึ่งสำหรับใครที่อยู่ในต่างจังหวัดอาจต้องอดใจกันสักหน่อย


    276
    ระบบจองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์

    หลาย ๆ คนกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับการเตรียมทั้งตัวทั้งใจในการตื่นตั้งแต่เช้าในการไปกรมการขนส่งทางบกเพื่อจับบัตรคิวในการจองทะเบียนรถยนต์ เนื่องจากความสำคัญของเลขทะเบียนนอกจากจะเป็นเรื่องของการยืนยันตัวตนแล้วยังมีเรื่องของเลขสวยทะเบียนมงคลมาเกี่ยวข้องอีกด้วย

    การเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้สามารถจับจองเลขทะเบียนที่ชอบได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งการมาของระบบจองทะเบียนออนไลน์จะมาช่วยให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป แล้วระบบที่ว่านั้นคืออะไร? และวิธีการจองเลขทะเบียนรถอย่างไร ในบทความนี้เราจะพาไปหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน

    การจองทะเบียนรถยนต์ คืออะไร? สะดวกสบายจริงไหม?

    การจองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์คืออะไร

    การจองเลขทะเบียนออนไลน์ คือ การจองทะเบียนรถผ่านระบบอินเทอร์เน็ตสำหรับรถเก๋ง รถตู้ หรือรถกระบะ ซึ่งนับว่าเป็นวิธีที่ทันสมัยอย่างมาก เพราะช่วยให้การจองทะเบียนสะดวกกว่ายุคก่อน ๆ อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ไม่สะดวกจองด้วยตัวเองทางขนส่งหรือปัจจุบันสถานการณืโควิดที่ยังมีการระบาดอยู่ ทำให้การจองทะเบียนรถยนต์ผ่านขนส่งดำเนินการได้ช้าลง

    จึงได้เกิดเว็บไซต์บริการจองเลขทะเบียนพร้อมดำเนินการเอกสารออนไลน์ขึ้น เพื่อให้การดำเนินการเอกสารจองสำเร็จ ส่วนของวิธีการจองป้ายทะเบียนนั้นสะดวก รวดเร็ว ไม่ยากจนเกินไป อีกทั้งช่วยอำนวยความสะดวกการจองป้ายเลขทะเบียนที่ถูกใจ โดยที่คณไม่ต้องเดินทางไปกรมการขนส่งทางบกตั้งแต่เช้าเพื่อจับบัตรคิวให้เสียเวลา

    วิธีการจองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์

    วิธีการจองเลขป้ายทะเบียนออนไลน์ก็ไม่ได้มีความยุ่งยากซับซ้อน โดยท่านสามารถทำตามขั้นตอนได้ดังนี้

    1. การจองทะเบียนออนไลน์ สามารถทำได้โดยการเข้าผ่าน https://reserve.dlt.go.th/reserve/ และกด จองเลขทะเบียนรถยนต์ โดยจะจองได้ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00

    จองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์

    2. ศึกษาและทำความเข้าใจ หลักเกณฑ์การจองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ จากนั้นคลิกที่ ‘ยอมรับหลักเกณฑ์’ เพื่อเป็นการยืนยันว่าเราได้อ่านและทำความเข้าใจหลักเกณฑ์เหล่านี้เรียบร้อยแล้ว

    หลักเกณฑ์การจองทะเบียนรถออนไลน์

    3. เราสามารถตรวจสอบ ตารางเปิดรับจองเลขและหลักเกณฑ์การจองได้ด้วย โดยในตารางจะมีการแสดงเป็น หมวดตัวอักษร และ เลขที่เปิดจอง พร้อมวันที่ต้องจดทะเบียน  โดยจะแบ่งทั้งหมวด รถเก๋ง รถตู้ รถกระบะต่าง ๆ

    ตารางกำหนดการจองเลขทะเบียนออนไลน์

    4. หลังจากที่เรากด ‘ยอมรับหลักเกณฑ์’ แล้วระบบจะนำเข้ามาสู่ หน้าจอจองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ โดยเราต้องเลือกประเภทรถที่เราจะจองทะเบียน โดยเลือกได้ดังนี้ รถเก๋ง, รถตู้, รถกระบะ

    การจองทะเบียนออนไลน์

    5. กรอกข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วน เพื่อใช้การจองทะเบียนรถยนต์ โดยเราต้องกรอกดังนี้

    • หมายเลขบัตรประชาชนเจ้าของรถ หรือจะใช้ทะเบียนการค้าและหนังสือเดินทางได้เช่นกัน
    • คำหน้าชื่อ ตามด้วยชื่อและนามสกุล แต่ถ้าหากเป็นชื่อนิติบุคคลสามารถใส่ชื่อได้เลย ไม่จำเป็นต้องกรอกนามสกุลในส่วนนี้ โดยชื่อผู้จองจะต้องเป็นชื่อเจ้าของรถเท่านั้น
    • เลขคัสซีหรือเลขตัวถังรถ ซึ่งจะต้องกรอกเป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษพิมพ์เล็กเท่านั้น
    • ยี่ห้อรถยนต์ตามเล่มหรือใบจองที่มี
    • เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวที่ติดต่อได้
    • คลิกเลือก “เลขทะเบียนที่ต้องการจอง” ซึ่งปกติแล้วจะไม่สามารถเลือกหมวดตัวอักษรได้ แต่จะเลือกได้เฉพาะหมายเลขไม่เกิน 4 หลัก ซึ่งการจองแต่ละครั้งจะเปิดให้จองเพียงครั้งละ 1 เลข และถ้าหากไม่สามารถจองได้ก็สามารถใส่ตัวเลขใหม่ได้จนกว่าจะจองได้
    • หลังจากที่ทำการจองเลขทะเบียนได้แล้วจะต้องนำรถมาจดทะเบียนภายในเวลาทำการ โดยไม่เกิน 15 วันหลังจากที่จองเลขทะเบียนได้แล้ว ซึ่งถ้าไม่มาตามกำหนดการสิทธิของเลขทะเบียนนั้นจะตกไปเป็นของผู้อื่นแทน
    • ถ้าหากมีความต้องการจองเลขทะเบียนสำหรับรถคันใหม่ต้องรอ 90 วันเพื่อจองเลขทะเบียนได้ใหม่ แต่ถ้าต้องการจองเลขทะเบียนมากกว่า 1 คันภายในครั้งเดียวจะต้องนำหลักฐานและเอกสารไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ ดังนี้

    1. สำเนาสำหรับผลการจองหมายเลขทะเบียนรถยนต์คันที่ 1
    2. สำเนาเอกสารหลักฐานของรถคันที่ 1 (เล่มทะเบียนรถ) และคันที่ 2 (ใช้ในกรณีรถป้ายแดงหรือเล่มทะเบียนในกรณีรถป้ายขาว)
    3. สำเนาบัตรประชาชนหรือในกรณีที่เป็นนิติบุคคลจะต้องใช้เลขทะเบียนบริษัท
    4. หนังสือมอบอำนาจในกรณีที่เป็นตัวแทนมาดำเนินการแทนเจ้าของรถ

    กรอกข้อมูลจองเลขทะเบียนรถยนต์ออนไลน์

    สรุป

    จะเห็นได้ว่าระบบจองทะเบียนรถยนต์ออนไลน์ นับว่าเป็นการจองป้ายทะเบียนรถยนต์ที่สะดวกสบายอย่างมาก เนื่องจากไม่ต้องเดินทางไปจองทะเบียนรถ กรมขนส่ง จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่สามารถดำเนินการผ่านกรมขนส่ง แต่ต้องไม่ลืมว่าการจองผ่านระบบออนไลน์ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและสามารถทำได้เฉพาะจองทะเบียนรถ กทม ถ้าคุณจัดการย้ายทะเบียนรถมาเป็นกรุงเทพมหานครเรียบร้อยแล้ว คุณก็สามารถทำเรื่องจองทะเบียนรถอย่างถูกต้องได้เลย

    277
    ยาไมเกรนตัวไหนดี

    อาการปวดหัวย่อมเคยเกิดขึ้นกับคนทุกคน แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่า อาการที่เกิดขึ้นเป็นอาการปวดหัวทั่วไปหรือเป็นอาการปวดหัวไมเกรนกันแน่ แล้วการปวดหัวระดับใด จำเป็นต้องใช้ยาแก้ปวดไมเกรนบ้าง หากเป็นไมเกรนจะรับประทานยาไมเกรนตัวไหนดี ยาไมเกรนมีอะไรบ้าง จะมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง ซึ่งอาจเป็นเราหรือคนรอบข้างกำลังเจอกับการปวดหัวไมเกรนอยู่ ดังนั้นอาการเหล่านี้เป็นเรื่องไม่ไกลตัว และถ้าเป็นแล้วต้องกระทบชีวิตประจำวันอย่างแน่นอน จึงไม่เสียหายเลยที่จะศึกษาหาความรู้เรื่องเหล่านี้

    ไมเกรนคืออะไร มีอาการอย่างไร มีความแตกต่างจากอาการปวดหัวทั่วไปอย่างไรบ้าง

    รักษาอาการปวดหัวด้วยยาไมเกรน

    ไมเกรน (Migraine) เป็นโรคทางระบบประสาท (Neurological disease) ที่มีอาการปวดหัวรุนแรงมากกว่าการปวดหัวแบบปกติ ซึ่งสามารถพบได้บ่อยและมีลักษณะอาการหลายอย่าง แต่อาการที่พบมากและเป็นจุดเด่นเฉพาะไมเกรน คืออาการปวดศีรษะแบบปวดตุบ ๆ ตรงหน้าผากด้านข้างหรือรอบดวงตา มักเป็นด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะ เมื่อเริ่มปวดหัวแล้ว อาการจะแย่ลง หากมีการเคลื่อนไหวร่างกาย เจอแสงจ้า ได้ยินเสียงดัง จะยิ่งทำให้ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นที่มาของอาการกลัวแสง (Photophobia) กลัวเสียง (Phonophobia) คลื่นไส้ (Nausea) อาเจียน (Vomit) อาการของโรคอาจมีระยะเวลาอย่างน้อย 4 ชั่วโมงไปจนถึงหลายวันทำให้หลาย ๆ คนจึงต้องหายาไมเกรนเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวให้ดีขึ้น หากดูจากสถิติการเกิดแล้วไมเกรนมักเกิดกับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยจะเกิดในวัยรุ่นและวัยหมดประจำเดือน

    ปัจจัยกระตุ้นไมเกรน
    ปัจจัยกระตุ้นไมเกรนที่ทำให้ผู้ป่วยต้องกินยาไมเกรน ได้แก่
    • ฮอร์โมน
    • ความเครียด
    • การนอนหลับน้อยเกินไป/มากเกินไป
    • อากาศเปลี่ยน
    • แพ้อาหาร
    • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา
    • ผงชูรส
    • สารถนอมอาหาร
    • อากาศร้อน
    • อากาศเย็น
    • กลิ่นรุนแรง
    • กลิ่นน้ำหอม
    • ควันบุหรี่
    • แสงจ้า
    • เสียงดัง
    • มีประจำเดือน
    • ตั้งครรภ์
    • การคุมกำเนิด
    • คาเฟอีน
    • ยาขยายหลอดเลือด
    • การออกกำลังกายที่รุนแรง
    • ยาสูบ
    • บุหรี่
    • การขาดน้ำ

    อาการไมเกรนมีอะไรบ้าง
    อาการปวดหัวเป็นไปตามหลักเกณฑ์วินิจฉัยจาก American Headache Society (AHS) ว่าเข้าข่ายเป็นไมเกรนและควรรับประทานยาไมเกรน มีดังนี้
    1. มีอาการปวดหัวอย่างน้อย 5 ครั้งขึ้นไป
    2. ระยะเวลาการปวด 4-72 ชั่วโมง
    3. มีลักษณะอย่างน้อย 2 ใน 4 ประการ จากอาการ ได้แก่ ปวดหัวข้างเดียว, ปวดหัวแบบตุบ ๆ เป็นจังหวะ, ระดับความปวดปานกลางถึงรุนแรง, มีความรุนแรงขึ้นเมื่อเคลื่อนไหวร่างกายหรือทำกิจกรรม
    4. มีลักษณะอย่างน้อย 1 อย่างจากอาการเหล่านี้ อันได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน แพ้แสง แพ้เสียง

    ระยะของการปวดหัวไมเกรนเป็นออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้
    1. ก่อนอาการกำเริบ (Prodrome) : 24-48 ชั่วโมงก่อนการปวดหัว อาจมีอาการหาว อารมณ์แปรปรวน มีความอยากอาหารมากขึ้น
    2. อาการนำ (Aura) : ระยะนี้อาจเกิดขึ้น 5-60 นาที คนส่วนใหญ่มักจะไม่เจอกับระยะนี้ บางคนอาจมีอาการนำพร้อมกับปวดหัวไปด้วยกัน
    3. กลับเข้าสู่ภาวะปกติ (Postdrome) : เป็นอาการหลังจากปวดหัว จะรู้สึกเหนื่อยล้าหรือหมดแรง อาจดำเนินต่อไป 1-2 วัน เรียกว่า อาการเมาค้างและผู้ที่เป็นไมเกรนจะมีอาการนี้ถึงร้อยละ 80

    ปรึกษาการใช้ยาไมเกรนกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ หลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

    ปรึกษาแพทย์เรื่องการใช้ยาไมเกรน

    การรักษาไมเกรนส่วนมากเป็นการใช้ยาร่วมกับการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้อาการกำเริบ สามารถแบ่งกลุ่มยาไมเกรนออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ยาแก้ปวดไมเกรนและยาป้องกันไมเกรน

    1. ยาไมเกรนหรือยาแก้ปวดไมเกรน คือ ยาที่ใช้เมื่อมีอาการปวดหัว ซึ่งนิยมเป็นอย่างมากสำหรับยาแก้ปวดหัวไมเกรน ได้แก่ ยากลุ่มทริปแทน (Triptan) และเออโกทามีน (Ergotamine) มีผลให้ลดการขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง มักมีส่วนผสมของคาเฟอีน (Caffeine) ช่วยในการแก้ปวดหัวด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น ยา cafergot หรือ ยา tofago หรือ ยา avamigran แต่เนื่องจากมีผลต่อหลอดเลือด จึงมีข้อควรระวังเป็นอย่างมาก เช่น ไม่ควรใช้ร่วมกับยาต้านไวรัสเอชไอวี ยากลุ่มฆ่าเชื้อรา ยาฆ่าเชื้อ ยาลดความดัน ยาต้านอาหารซึมเศร้า เป็นต้น อีกทั้งยากลุ่มนี้ยังมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ใจสั่น ชาปลายมือปลายเท้า เป็นต้น

    2. ยาป้องกันไมเกรน คือ ยาไมเกรนที่สามารถใช้ป้องกันอาการปวดศีรษะจากไมเกรนได้ ได้แก่ กลุ่มยาต้านซึมเศร้า กลุ่มยาลดความดันและกลุ่มยากันชัก เป็นต้น สามารถรับประทานเพื่อลดความถี่และความรุนแรงของอาการปวดหัวได้ มักใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและเป็นบ่อยมากกว่า 1 ครั้งใน 1 สัปดาห์ ยากลุ่มนี้ก็มีผลข้างเคียงมากและต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์เช่นกัน

    ในผู้ป่วยไมเกรนเรื้อรังนั้นมักจะใช้ยาลดปวดไมเกรนบ่อยครั้ง ซึ่งก่อให้เกิดการติดยาแก้ปวดหรือดื้อยาได้ จึงต้องรับประทานยาใช้ปริมาณที่เพิ่มขึ้นและบ่อยขึ้น เมื่อรับประทานเป็นระยะเวลานานติดต่อกันจึงมีโอกาสสูงที่จะเกิดผลข้างเคียงจากยาแก้ปวดไมเกรน โดยอาการไม่พึงประสงค์ของยาแก้ปวด ได้แก่ ทำให้ตับอักเสบ กระเพาะเป็นแผล กระเพาะทะลุ อาการปวดหัวรุนแรงมากขึ้น อ่อนเพลีย หงุดหงิด ไม่มีสมาธิ ใจสั่น หากต้องรักษาการติดยาแก้ปวดด้วยการหยุดยา อาจใช้ยากลุ่มที่ใช้ป้องกันไมเกรนในข้างต้น

    ดังนั้นการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำกับดูแลการใช้ยาไมเกรนนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากแพทย์สามารถใช้ความรู้และประสบการณ์ในการวินิจฉัยว่า การกินยานั้นตรงกับโรคหรือไม่ หรือ ยาที่กินอยู่นั้นได้ผลหรือไม่ การซื้อยาไมเกรนมารับประทานเอง นอกจากอาจรักษาไม่หายแล้ว เมื่อติดยาแก้ปวดหัวไมเกรนก็ทำให้เกิดอาการป่วยใหม่เพิ่มขึ้นอีก

    สรุป
    ไมเกรนเป็นอาการปวดหัวที่รุนแรงมากกว่าอาการปวดหัวทั่วไป สามารถพบอาการนี้ได้บ่อย อาจมีสาเหตุมาจากปัจจัยกระตุ้นได้หลายอย่าง ผู้ป่วยต้องสังเกตปัจจัยกระตุ้นเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงอาการปวดหัวไมเกรน ทั้งนี้ไมเกรนเป็นโรคที่ไม่หายขาด ต้องมีการใช้ยาไมเกรนเพื่อรักษาและบรรเทาความเจ็บปวด และเนื่องจากยาแก้ปวดไมเกรนนั้นมีผลข้างเคียงมาก จึงควรพบแพทย์เพื่อรักษาอย่างจริงจัง ใช้ยาให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการติดยาหรือดื้อยาและเพื่อให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด

    278
    โบท็อกไมเกรน

    หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังเจอปัญหาอาการปวดหัวเพราะไมเกรนอย่างต่อเนื่อง รักษาอย่างไรก็ไม่หาย เราขอแนะนำอีกหนึ่งทางเลือก นั่นคือ การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน แล้วโบท็อกไมเกรนคืออะไร มีวิธีการฉีดอย่างไร มีความปลอดภัยหรือมีผลข้างเคียงที่จะตามมาหรือไม่ วันนี้ เรารวบรวมข้อมูลและสถานพยาบาลดี ๆ มาแนะนำให้คุณแล้ว

    ฉีดโบท็อกไมเกรนแล้ว มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
    สำหรับการฉีดโบท็อกไมเกรนจะมีผลข้างเคียงค่อนข้างน้อย และมีความปลอดภัยสูง เพราะ Botulinum toxin ไมเกรน ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาและองค์การอาหารและยาของไทย ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่ส่งผลอันตรายต่อร่างกาย แต่ในบางรายก็อาจจะเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น
    • อาการบวมแดง มีจุดรอยช้ำหรือรอยนูนจากเข็ม อาการจะหายไปใน 1-2 วัน
    • อาการบวมแดงอันเกิดจากการแพ้ เจ็บบริเวณที่ฉีด หรือการติดเชื้อ
    • ผลข้างเคียงลักษณะแบบชั่วคราว เช่น หนังตาตก รูปหน้าเบี้ยว เป็นต้น

    แต่กรณีดังกล่าว ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ถ้าหากใช้โบท็อกไมเกรนที่เป็นของแท้ ฉีดถูกตำแหน่ง และรับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ก็สามารถมั่นใจได้ว่า ปลอดภัยและลดโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงเหล่านี้ได้

    เราควรเลือกฉีดโบท็อกไมเกรนที่ไหนดี

    โรงงานผลิตครีมทาผิว

    เมื่อคุณตัดสินใจที่จะฉีดโบท็อกไมเกรนแล้ว คำถามถัดมา คือ รักษาไมเกรนที่ไหนดี เราได้สรุปแนวทางการเลือกไว้ ดังนี้
    1.สถานพยาบาลต้องได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือบนโลกออนไลน์ ภายในสถานพยาบาลมีความสะอาด ครบครันด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ บรรยากาศรอบ ๆ มีความปลอดภัย และที่สำคัญ จะต้องสามารถเดินทางได้สะดวก
    2.แพทย์จะต้องมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพราะการฉีดโบท็อกไมเกรน เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และเฉพาะจุด ดังนั้น แพทย์จึงต้องมีความเชี่ยวชาญและแม่นยำในการรักษา
    3.ใช้ผลิตภัณฑ์โบท็อกที่เป็นของแท้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้เข้ารับการรักษา

    โดยเราขอแนะนำ BTX Migraine Center ซึ่งเป็นศูนย์รักษาไมเกรนโดยแพทย์เฉพาะทาง ที่รักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางระบบสมอง ช่วยรักษาไมเกรนเรื้อรัง อาการออฟฟิศซินโดรม ลดอาการปวดและการใช้ยารับประทานได้กว่า 90%

    ซึ่งทาง BTX Migraine Center ให้บริการอย่างรอบด้าน ทั้งตรวจไมเกรน รักษาไมเกรน โบท็อกไมเกรน และโบท็อกออฟฟิศซินโดรม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโบท็อกไมเกรน ราคาที่สมเหตุสมผล และการันตีด้วยรีวิวของผู้ที่เข้ารับการรักษาจริง ว่ามีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    แล้วโบท็อกไมเกรน คืออะไร?

     โบท็อกไมเกรน คืออะไร

    ก่อนอื่น เราต้องมาทำความรู้จักเกี่ยวกับโรคไมเกรนกันก่อน ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะที่พบได้บ่อย ซึ่งสามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย โดยจะพบมากในเพศหญิง โดยเฉพาะช่วงอายุ 25 – 55 ปี และเมื่อเข้ารับการตรวจไมเกรน ก็มักได้รับการวินิจฉัยที่ผิดพลาด

    ไมเกรนจะมีอาการคล้ายปวดหัวทั่ว ๆ ไป มีลักษณะเหมือนมีอะไรมาบีบ หรือว่ามากดมารัดบริเวณรอบ ๆ เบ้าตา ขมับ 2 ข้างไปจนถึงท้ายทอย โดยบางรายก็จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย ไม่อยากเห็นแสงจ้า และไม่อยากได้ยินเสียงดัง ส่วนบางคนอาจมีอาการปวดบ่อยครั้งขึ้น รุนแรงขึ้น และยาวนานขึ้น จนกลายเป็นอาการ “ปวดหัวเรื้อรัง” ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น นอนไม่หลับ ขับรถหรือทำงานไม่ได้ เป็นต้น

    แต่บางครั้งอาการปวดหัวที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ใช่อาการไมเกรน แต่อาจเป็นอาการปวดหัวจากโรคอื่น เช่น มีเนื้องอกซ่อนอยู่ มีเลือดออกในสมอง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเพราะสิ่งใด การปล่อยไว้ก็อาจส่งผลอันตรายได้ หรือหากได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง การซื้อยาทานเองบ่อย ๆ ก็อาจจะทำให้เกิดภาวะปวดหัวจากการใช้ยาแทน ซึ่งจะมีความรุนแรงมากกว่าและรักษาได้ยากกว่า

    โดยไมเกรนนี้ เกิดจากระบบรับความรู้สึกเจ็บปวดบริเวณใบหน้ามีความไวมากกว่าปกติ เมื่อเจอสิ่งกระตุ้น ก็จะทำให้ปวดหัวขึ้นมาได้ ทำให้สมองไวต่อสิ่งกระตุ้นมากกว่าปกติ รวมถึงเกิดจากการอักเสบของเส้นเลือด สมอง และเส้นประสาท ซึ่งมีการสันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือยีนก็เป็นได้

    สิ่งที่เป็นการกระตุ้นให้เกิดไมเกรนมีมากมายหลายประเภท เช่น
    • การพักผ่อนน้อย
    • ความเครียดทุกชนิด เช่น งานที่รีบเร่ง หรือต้องใช้สมาธิ ก็จะเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดอาการปวดหัวจากความเครียดได้
    • แสงสว่างจ้า การจ้องจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือแสงข้างนอกจ้า ๆ
    • อากาศที่ร้อนจัด หรือเย็นจัด ก็สามารถกระตุ้นไมเกรนได้
    • กลิ่นบางอย่าง เช่น ควันบุหรี่ ควันรถยนต์ กลิ่นน้ำหอมแรง ๆ
    • อาหารบางอย่าง เช่น ชา กาแฟ ชีส ช็อกโกแลต อาหารที่มีผงชูรส
    • ผู้หญิงช่วงที่มีประจำเดือน

    ส่วนอาการของไมเกรนที่สามารถสังเกตได้หลัก ๆ คือ
    • ปวดหัวนาน 4 - 72 ชั่วโมง (ไม่ได้รับยา)
    • ปวดหัวข้างเดียว คือ ปวดหัวข้างซ้าย หรือ ปวดหัวข้างขวา (พบการปวด 2 ข้างประมาณ 40-50%)
    • มีอาการปวดตุบ ๆ เหมือนเส้นเลือดเต้น หรือปวดแบบหนัก ๆ บีบ ๆ
    • ปวดหัวรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก
    • ปวดมากขึ้น เมื่อมีการเคลื่อนไหวศีรษะหรือร่างกาย
    • มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือไวกับแสง/เสียง
    • บางรายอาจมีอาการนำมาก่อนการปวดศีรษะ

    สำหรับการรักษาไมเกรน ก็มีทางเลือกให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การไม่ใช้ยา หรือการใช้วิธีป้องกัน ดังนี้
    • การรักษาแบบใช้ยา โดยใช้ยาแก้ปวดไมเกรน ประเภทยากลุ่มอาการชัก ยาต้านซึมเศร้า ยายับยั้งตัวจับแคลเซียม ยายับยั้งตัวรับเบต้า เป็นต้น ต้องรับประทานยาทุกวันติดต่อกันประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี โดยยาจะเริ่มออกฤทธิ์หลังจากรับประทานประมาณ 2 สัปดาห์ ช่วยลดความรุนแรงของอาการไมเกรน ลดความถี่ ทำให้ยาแก้ปวดออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น
    • การรักษาแบบไม่ใช้ยา  เช่น การทำกายภาพบำบัด การฝังเข็มไมเกรน การกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การบำบัดโดยการปรับพฤติกรรมและความคิด การฝึกการผ่อนคลาย ไบโอฟีดแบค (Biofeedback) และหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น
    • การป้องกันไมเกรน โดยการใช้วิตามินและเกลือแร่ อย่างแมกนีเซียม (Magnesium) วิตามินบี 2 (Riboflavin) โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10) ค็อกเทลรักษาอาการปวดศีรษะ (Headache Cocktail) เป็นต้น

    แต่ในปัจจุบัน มีวิธีการรักษาไมเกรนมีตัวเลือกมากขึ้น คือ การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน แม้ว่า หลาย ๆ คนจะคุ้นเคยกับการฉีดโบท็อกเพื่อเสริมความงาม ลดริ้วรอย แต่อีกหนึ่งประโยชน์ของโบท็อกก็คือ ช่วยรักษาอาการไมเกรนได้

    ด้วยอาการปวดหัวจากไมเกรนเกิดจากการตึงตัวของกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอ ทำให้รบกวนระบบการไหลเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เกิดอาการตึงและปวด และตามมาด้วยอาการของเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ เห็นแสงระยิบระยับ เวียนหัว และคลื่นไส้อาเจียน

    โดยโบท็อกจะเข้ายับยั้งสารอะเซทธิลโคลีน (Acethyl Choline) ที่ถูกปล่อยออกมาจับกับตัวรับที่อยู่ในกล้ามเนื้อเส้นประสาท ทำให้เกิดการสั่งการให้กล้ามเนื้อหดตัว ซึ่งโบท็อกจะยับยั้งไม่ให้เกิดการส่งสารสื่อประสาท กล้ามเนื้อจึงไม่หดตัวนั่นเอง และนอกจากนี้ ยังยับยั้งสารสื่อประสาทที่ทำให้เกิดการอักเสบได้ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดลดลงได้ และช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น เป็นการรักษาอาการปวดไมเกรนที่ต้นเหตุ

    ซึ่งการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นไมเกรนเรื้อรัง (Chronic Migraine) คือ ปวดหัวอย่างน้อย 15 วันต่อเดือน หรือผู้ที่มีอาการปวดหัวรุนแรง ปวดหัวบ่อย ปวดหัวโดยที่รับประทานยาแก้ปวดไม่หาย ปวดหัวจากการใช้ยาแก้ปวดมากเกินไป

    ดังนั้น การฉีดโบท็อกไมเกรน จึงช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดหัว อีกทั้งยาที่ฉีดก็มีความปลอดภัยสูง โดยจะต้องฉีดในทุก ๆ 3 เดือน และมีตำแหน่งการฉีดเฉพาะ เราจึงจำเป็นต้องได้รับการฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมการฉีด เพื่อลดอาการไมเกรนโดยเฉพาะ ไม่เช่นนั้นก็อาจไม่ได้ผล

    วิธีในการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนเป็นอย่างไร

    วิธีในการฉีดโบท็อกไมเกรน

    อย่างที่เราทราบแล้วว่า เราสามารถฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนได้ โดยโบท็อกที่เลือกใช้จะเป็นโบท็อกชนิดเดียวกันกับที่ใช้ในด้านความงาม เพียงแต่ในการรักษาไมเกรน แพทย์จะฉีดโบท็อกที่ใบหน้าระหว่างคิ้ว หน้าผาก ท้ายทอย ต้นคอ และบ่า จำนวน 31 จุด ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เหมาะสม

    โดยการฉีดโบท็อกช่วยไมเกรนนี้ เป็นวิธีที่ปลอดภัย จากการวิจัยพบว่า สามารถลดอาการปวดลงได้ 60 – 70% มีผลอยู่ได้ประมาณ 3 เดือน โดยยาจะไม่ออกฤทธิ์ทันที แต่ต้องใช้เวลา 3 – 4 วัน และจะออกฤทธิ์สูงสุดในสัปดาห์ที่ 2 จะอยู่ได้ 2 – 3 เดือน แล้วค่อย ๆ หมดฤทธิ์ลง

    สรุป
    การฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคไมเกรนที่หลายคนกำลังประสบปัญหานี้ เพราะไมเกรนส่งผลต่อการดำเนินชีวิตอย่างมาก โดยทาง BTX Migraine Center ก็พร้อมให้บริการ ซึ่งเราสามารถแอดไลน์ เพื่อขอคำปรึกษาและนัดวันเข้ารับการรักษาได้อย่างสะดวก


    279
    รักษาไมเกรน

    โรคไมเกรนเป็นอาการปวดหัวที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หลายคนมักจะมีคำถามว่า ไมเกรนรักษาหายไหม ทำอย่างไรจึงจะแก้ไมเกรนได้บ้าง วันนี้ เราจึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับไมเกรนมาฝากกัน เพื่อให้เราสามารถตรวจเช็กตัวเองและเริ่มรักษาไมเกรนได้อย่างทันท่วงที

    เราจะป้องกันเพื่อรักษาไมเกรนได้อย่างไร

    เราจะป้องกันเพื่อรักษาไมเกรน

    เราสามารถป้องกันอาการปวดศีรษะและรักษาไมเกรนได้ด้วยตนเองได้ ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ดังนี้

    1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่านอนดึก และนอนพักในที่มืดและเงียบสงบ
    2. หลีกเลี่ยงปัจจัยที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรน
    3. ลดอาการเครียด ด้วยการทำกิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายสมอง เช่น ฟังเพลงและ ทำกิจกรรมที่ชอบ
    4. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างจ้าจนแสบตาเป็นเวลานานๆ
    5. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่มีเสียงอึกทึกครึกโครม
    6. ลดทานอาหารประเภทที่อาจทำให้อาการปวดศีรษะจากไมเกรนกำเริบ เช่น เนย ช็อกโกแลต ถั่ว อาหารหมักดอง เป็นต้น เพราะถือเป็นอาหารที่กระตุ้นไมเกรน
    7. ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น ไวน์ เบียร์ เหล้า แชมเปญ
    8. อย่าปล่อยให้ตัวเองหิวจัด หรืออดอาหารมากจนเกินไป
    9. ประคบเย็นบริเวณศีรษะช่วงมีอาการปวดไมเกรน
    10. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถช่วยรักษาไมเกรนได้

    สามารถรักษาไมเกรนเบื้องต้นอย่างไรได้บ้าง

    รักษาไมเกรนเบื้องต้น

    เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการโรคไมเกรน ว่ามีอาการอย่างไรบ้างที่บ่งบอกได้ว่าเรากำลังจะเป็นหรือเราเป็นโรคไมเกรนแล้วหรือยัง แล้วจะสามารถรักษาไมเกรนได้อย่างไรบ้าง

    1. อาการไมเกรนเป็นอย่างไร

    โรคไมเกรน (Migraine headache)  เป็นโรคที่พบได้บ่อยในวัยเรียน วัยทำงาน และคนทั่วไปที่มีภาวะความเครียด โดยมีอาการปวดศีรษะลักษณะการปวดแบบตุ๊บ ๆ เป็นจังหวะ มักจะเกิดข้างเดียวของศีรษะหรือเป็นทั้งสองข้างได้ อาการปวดไมเกรนในช่วงแรกจะไม่รุนแรง และจะค่อย ๆ เพิ่มความรุนแรงขึ้น ในบางรายไม่สามารถลดอาการปวดศีรษะด้วยยาแก้ปวดธรรมดาได้ จำเป็นต้องทานยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์แรง หรือยาที่ลดอาการปวดศีรษะจากไมเกรนโดยเฉพาะ

    ผู้ที่เป็นไมเกรน สังเกตลักษณะอาการปวดหัวได้ง่าย ๆ ดังนี้ คือ

    • มักปวดหัวตุ๊บ ๆ บริเวณขมับ อาจปวดร้าวมาที่กระบอกตา (ไมเกรนขึ้นตา) หรือท้ายทอย (ปวดหัวท้ายทอย) และปวดหัวข้างเดียวหรือบางรายอาจปวดหัวทั้งสองข้าง ปวดเป็นระยะ ๆ แต่มีบางคราวที่ปวดแบบตื้อ ๆ สลับข้าง
    • อาการนำจะเป็นอาการทางสายตา โดยจะมีอาการนำมาก่อนปวดศีรษะราว 10-20 นาที เช่น เห็นแสงเป็นเส้น ๆ ระยิบระยับ แสงจ้าสะท้อน หรือเห็นภาพบิดเบี้ยวนำมาก่อน
    • ส่วนมากจะปวดรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก โดยจะค่อย ๆ ปวดมากขึ้นทีละน้อยจนกระทั่งปวดรุนแรงเต็มที่แล้วค่อย ๆ บรรเทาอาการปวดลงจนหาย
    • ขณะที่ปวดหัวมักมีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วย
    • มีอาการแพ้แสงและแพ้เสียง

    2. ทำความรู้จักโรคไมเกรน

    เรามาทำความรู้จักกับโรคไมเกรนกันเถอะ เริ่มจากไมเกรนเกิดจากสาเหตุ และมีวิธีการวินิจฉัยแบบไหนได้บ้าง

    ไมเกรน เกิดจากความผิดปกติชั่วคราวของระดับสารเคมีในสมอง ทำให้ก้านสมองถูกกระตุ้น หลอดเลือดในเยื่อหุ้มสมองมีการบีบและคลายตัวมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดหัว หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน จากก้านสมองที่ถูกกระตุ้นได้

    สาเหตุของไมเกรน

    ไมเกรนเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเส้นเลือด และเส้นประสาทรอบ ๆ สมอง หรือเกิดจากความผิดปกติของระดับสารเคมี หรือการนำกระแสไฟฟ้าในสมอง ส่งผลให้หลอดเลือดสมองทำงานผิดปกติไปชั่วขณะ โดยเฉพาะหลอดเลือดขยายตัว จนทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ของไมเกรนขึ้น โรคไมเกรนบางชนิดยังสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ผู้ป่วยอาจมีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคไมเกรนด้วยเหมือนกัน

    การวินิจฉัยโรคไมเกรน

    ไมเกรนเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ หากผู้ป่วยเป็นไมเกรนหรือมีประวัติของคนในครอบครัวที่เป็นไมเกรน แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาจะทำตรวจไมเกรน ด้วยการซักประวัติ อาการที่เกิดและทำการตรวจร่างกายโดยละเอียด และตรวจเกี่ยวกับระบบประสาท ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเพียงเท่านี้ แพทย์ก็สามารถวินิจฉัยโรคไมเกรนได้

    แนวทางรักษาโรคไมเกรน

    เราสามารถแก้ไมเกรนได้ด้วยแนวทางการรักษาที่แยกออกเป็น 2 วิธี คือ

    1. การรักษาไมเกรนแบบไม่ใช้ยา ได้แก่ การประคบเย็น การนวด กดจุด การนอนพัก การนั่งสมาธิ หรือ การคลายเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ อาจช่วยให้บรรเทาอาการปวดได้ สิ่งที่สำคัญ คือ หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรน หมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอ ดูแลสุขภาพจิตใจ รักษาระดับอารมณ์ให้คงที่แจ่มใส และรู้จักการผ่อนคลายความตึงเครียดก็เป็นการรักษาที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นวิธีแก้ปวดหัวไมเกรนเบื้องต้น

    รวมถึงกระบวนการรักษาแบบอื่น ๆ ที่ไม่ใช้ยาอย่างโบท็อกไมเกรน ฝังเข็มไมเกรน การทำกายภาพบำบัดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบศีรษะและคอ

    2. การรักษาไมเกรนแบบใช้ยา โดยใช้ยาแก้ปวดไมเกรน เช่น

    • ยาบรรเทาอาการปวดกรณีอาการไม่รุนแรง ผู้มีอาการสามารถใช้แอสไพริน ไอบูโพรเฟน พาราเซตามอล หรือยาแก้ปวดอื่นๆ ช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้
    • ยาบรรเทาอาการปวดสำหรับอาการปวดที่รุนแรงขึ้น ซึ่งเป็นยาแก้ปวดสำหรับผู้มีอาการปวดไมเกรนโดยเฉพาะ ได้แก่ ยาเออร์กอต (Ergots)
    • ยาสำหรับบรรเทาอาการปวดไมเกรน และอาการอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น อาการคลื่นไส้ อาการไวต่อแสงและเสียง ยาประเภทนี้เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะสามารถบรรเทาอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ ยากลุ่มทริปแทน (Triptans) มีทั้งประเภทยาเม็ด ยาพ่น และยาฉีด เช่น ยาซูมาทริปแทน ยาริซาทริปแทน ยาอีลีทริปแทน เป็นต้น

    สรุป

    รัสรุปรักษาไมเกรน

    ทั้งนี้ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการรักษาไมเกรนให้หายขาด ควรสังเกตตัวเองอยู่เสมอว่ามีอาการไวต่อสิ่งใดที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้บ้าง และควรเลี่ยงปัจจัยนั้น ๆ แต่ถ้าหากมีความจำเป็นต้องรักษาเพื่อไม่ให้กระทบกับชีวิตประจำวัน ก็ควรเข้ารับคำปรึกษาและรับการรักษาอย่างต่อเนื่องที่ศูนย์รักษาไมเกรนโดยแพทย์เฉพาะทางอย่าง BTX Migraine Center โดยติดต่อผ่านแอดไลน์ หรือเบอร์โทร 090-970-0447


    280
    ฝ้าอะคูสติก gyproc

    การติดตั้งฝ้าเพดานในปัจจุบัน จะมีการเลือกใช้วัสดุมากมาย โดยที่ผู้เลือกจะเลือกวัสดุตามความเหมาะสมกับสถานที่ ฝ้าอะคูสติก gyproc ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งของแผ่นฝ้า ที่มีไว้ติดตั้งเพื่อดูดซับเสียง อีกทั้งยังมีการเสริมความทนทานอีกในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งบทความนี้ เราจะมาเจาะลึก ฝ้าอะคูสติก gyproc ว่าเป็นแผ่นฝ้าที่มีคุณสมบัติอย่างไร เหมาะสำหรับบ้านและอาคารแบบไหนที่สุด

    ฝ้าอะคูสติก คืออะไร

    ฝ้าอะคูสติก มีการเรียกกันหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น อะคูสติกบอร์ด (Acoustic Board) หรือแผ่นฝ้าอะคูสติก ซึ่งฝ้าอะคูสติก gyproc มีคุณสมบัติหลักในการดูดซับเสียง โดยตัวแผ่นจะเป็นแกนกลางป้องกันไม่ให้เสียงออกไปภายนอก และสะท้อนเสียงจากภายนอกไม่ให้เข้ามาภายใน ซึ่งฝ้าอะคูสติก gyproc มีให้เลือกหลายแบบ หลายขนาด และหลายลวดลาย มีคุณสมบัติทนทาน กันความชื้นได้ดี อีกทั้งยังเหมาะกับงานดีไซน์ออกแบบภายใน ทำให้ตัวห้องยังคงมีความเรียบร้อย ไม่รกตา

    แผ่นฝ้าอะคูสติก gyproc จะเน้นการติดตั้งกับโครงคร่าว แผ่นอะคูสติกบอร์ดสามารถติดตั้งได้รวดเร็วและง่าย การใช้งานจะต้องติดตั้งให้ทั่วทั้งบริเวณห้อง เพราะการใช้งานแผ่นฝ้าอะคูสติก gyproc มีไว้เพื่อการเก็บเสียง การติดตั้งไม่เต็มพื้นที่ จะทำให้ไม่คุ้มค่า เพราะพื้นที่จะยังมีเสียงเล็ดลอดได้อยู่ ดังนั้นการคำนวณพื้นที่เพื่อติดตั้งฝ้าอะคูสติกจึงสำคัญ

    ฝ้าอะคูสติก gyproc คุณสมบัติ

    ฝ้าอะคูสติก gyproc คุณสมบัติ

    ขอบคุณรูปภาพจาก’/ gypstore.co.th/’

    ฝ้าอะคูสติก gyproc แม้จะมีคุณสมบัติหลักเป็นการซับเสียง แต่ตัวแผ่นเองก็ยังต้องมีคุณสมบัติเสริม เพื่อให้ครอบคลุมการใช้งานในฝ้าเดียว โดยเราได้แบ่งคุณสมบัติทั้งหมดของ แผ่นอะคูสติกบอร์ดดังนี้

    • แผ่นฝ้าอะคูสติก gyproc สามารถป้องกันการได้ยินเสียงจากภายนอก และเก็บเสียงภายใน
    • ทำให้พื้นที่มีความส่วนตัวมากขึ้นในการใช้ฝ้าอะคูสติก
    • กันไฟ ไม่ทำให้เกิดควันพิษ ป้องกันการลุกลามของเปลวไฟ
    • มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก
    • มีหลายลวดลาย หลายขนาด เหมาะกับทุกความต้องการด้านดีไซน์
    • แผ่นฝ้าอะคูสติก gyproc ออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย และรวดเร็ว
    • มีความทนชื้นได้ดี ไม่เสื่อมสภาพง่าย
    • เพิ่มความสว่างให้ตัวห้อง ทำให้ห้องดูเรียบร้อยสะอาดตา
    • คุณสมบัติมากมาย แต่ราคาไม่แพง

    วิธีใช้ฝ้าอะคูสติก gyproc

    แผ่นฝ้าอะคูสติกมีวิธีใช้งานที่ไม่ซับซ้อน เริ่มจากการเลือกขนาดเพื่อสอดรับความต้องการตามพื้นที่ติดตั้ง และเลือกลวดลายที่ต้องการ ซึ่งฝ้าอะคูสติก จะมีลวดลายเพื่อกระทบคลื่นเสียง ทำให้ตัวฝ้าอะคูสติก gyproc มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการติดตั้งจะแบ่งออกเป็นแบบฝ้าทีบาร์ ที่เน้นทำในสำนักงาน, ห้องดนตรี, โรงงาน หรือห้องน้ำ และพื้นที่ที่มีระบบภายในมากมายเช่นสายไฟ สายเคเบิล เพื่อจะได้สร้างช่องเซอร์วิสเข้าไปซ่อมแซมได้ง่าย รวมไปถึงฝ้าฉาบเรียบที่เป็นขอบลาด ติดตั้งง่ายด้วยกาวและแม็ก เน้นความเรียบเนียนเรียบร้อย มักจะใช้ในพื้นที่ตกแต่ง เช่นที่พักอาศัย โรงแรม, บ้านเรือน หรือคาเฟ่ เป็นต้น

    ฝ้าอะคูสติก gyproc ราคา

    ฝ้าอะคูสติก gyproc มีราคาเริ่มต้น 140 ไปจนถึง 1,125 บาท ขึ้นอยู่กับแนวทางการใช้งานหรือปัจจัยต่อการเลือกติดตั้ง มีทั้งแผ่นอะคูสติกขอบลาด 2 ด้าน, ขอบลาด 4 ด้าน, แผ่นอะคูสติกขอบบังใบ และแผ่นอะคูสติกของตรง โดยจำแนกแผ่นฝ้าอะคูสติก gyproc ทั้งชนิดและราคาดังนี้

    • ฝ้าอะคูสติก gyproc ราคาเริ่มต้นที่ 140 บาท ขอบบังใบขนาด 59.5 x 59.5
    • ฝ้าอะคูสติก gyproc ราคาเริ่มต้นที่ 180 บาท ยิปโทน ลายพ้อยท์ 11 ขอบตรง 59.5×59.5 ซม.
    • ฝ้าอะคูสติก gyproc ราคาเริ่มต้นที่ 200 บาท ขอบตรงขนาด 59.5 x 119.5
    • ฝ้าอะคูสติก gyproc ราคาเริ่มต้นที่ 230 บาท ยิปโทน ลายพ้อยท์ 11 ขอบบังใบ 59.5×59.5ซม.
    • ฝ้าอะคูสติก gyproc ราคาเริ่มต้นที่ 280 บาท ขอบบังใบขนาด 59.5×119.5
    • ยิปโทน บิ๊ก ลายควอตโตร 41 ขอบลาด2ด้าน 120×240 ซม. ราคาเริ่มต้นก็จะอยู่ที่ 1,030 บาท
    • ยิปโทน บิ๊ก ลายควอตโตร 41 ขอบลาด4ด้าน 120×240 ซม. ราคาเริ่มต้นก็จะอยู่ที่ 1,125 บาท

    ตัวอย่างฝ้าอะคูสติก gyproc

    ตัวอย่างฝ้าอะคูสติก gyproc

    แผ่นฝ้าอะคูสติก gyproc จะมีการจำแนกเพื่อความเหมาะสมตามการใช้งานเช่น

    แผ่นฝ้าอะคูสติกขอบลาด ที่ทำให้ฝ้ามีความเรียบเนียนเสมอเป็นเนื้อเดียวกัน เน้นเก็บความเรียบร้อย เหมาะกับบ้านหรือที่พักอาศัย ที่ต้องการความเรียบเนียนหรือพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่แผ่นฝ้าอะคูสติกขอบลาด อาจไม่เหมาะสำหรับพื้นที่เล็ก ๆ เท่าใดนัก

    แผ่นฝ้าอะคูสติกขอบตรง จะเน้นต่อให้เป็นบล็อก เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่แคบได้ หรือกว้างก็ได้เช่นเดียวกัน เช่นพวกห้องน้ำ หรือห้องใช้สอยเป็นหลัก ที่ไม่ได้เน้นความสวยงาม

    ตัวอย่างคุณสมบัติของสินค้า

    ยิปโทน ควอตโตร 20 ขอบตรง 59.5×59.5ซม. ทำจากแผ่นยิปซัมคุณภาพสูง เด่นเรื่องความทนทาน หลังแผ่นติดตั้งเยื่อดูดซับเสียงสะท้อน ทำให้มีประสิทธิภาพด้านซับเสียงได้ดีมากขึ้น

    เซโลเท็ก ขอบบังใบ 59.5×59.5ซม. ผลิตจาก Mineral Fiber คุณสมบัติเสริมคือการเพิ่มแสงให้กับตัวห้อง ทำให้ห้องสว่าง ทนร้อน ทนเปลวไฟได้อย่างดี

    สรุปเรื่องฝ้าอะคูสติก gyproc

    โดยสรุปแล้ว ฝ้าอะคูสติก gyproc คือสิ่งจำเป็นที่เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับบ้าน และสถานประกอบการเป็นอย่างมาก อีกทั้งการติดตั้งก็ไม่ได้ทำให้งานดีไซน์ หรือการตกแต่งไม่น่าดู เพราะแผ่นฝ้าอะคูสติก มีทั้งลวดลายที่สวยงาม รวมไปถึงฝ้าที่เน้นความเรียบเนียน ฝ้าอะคูสติก gyproc จึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสิ่งหนึ่งในงานก่อสร้างที่เราไม่ควรข้าม


    281
    5 น้ำยาเคลือบแถวคุณภาพสูง

    หากคุณเป็นผู้รักรถ คุณต้องเคยได้ยิน หรือเคยใช้บริการ “รถเคลือบแก้ว” อย่างแน่นอน ซึ่งการเคลือบแก้วรถยนต์ สามารถช่วยปกป้องรถจากการเกิดรอย หรือป้องกันฝุ่น ป้องกันสีรถจากแสง UV และสิ่งสำคัญอีกอย่างนั้นก็คือ ยี่ห้อของน้ำยาเคลือบแก้ว จะส่งผลให้คุณภาพของการเคลือบให้ดียิ่งขึ้น ยิ่งเป็นน้ำยาที่คุณภาพสูง ก็ยิ่งจะทำให้การปกป้องมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยวันนี้จะมาแนะนำว่า การเคลือบแก้วดียังไง และน้ำยาเคลือบรถ 5 ยี่ห้อคุณสูง ให้กับคุณได้เลือกซื้อ

    ความสำคัญของการเคลือบแก้วรถยนต์ เพราะอะไรถึงควรเลือกใช้น้ำยาเคลือบแก้ว ที่คุณภาพดี

    ความสำคัญของการเคลือบแก้วรถยนต์

    หลาย ๆ คนที่เคยได้ยินการเคลือบแก้วรถยนต์ แต่ยังไม่เคยใช้บริการ หรือไม่เคยทำมาก่อน อาจจะยังลังเลว่า ควรทำการเคลือบแก้วรถยนต์ดีไหม มีข้อดีอย่างไรบ้าง สามารถทำได้ด้วยตัวเองไหม และที่สำคัญน้ำยาเคลือบแก้ว ที่คุณภาพดีต้องเลือกอย่างไร ราคาเริ่มต้นที่เท่าไหร่ โดยวันนี้จะมาบอกถึงข้อดีต่าง ๆ ของการทำรถเคลือบแก้ว และวิธีการเลือกน้ำยาที่ดีให้กับคุณได้ตัดสินใจ ดังนี้

    • ปกป้องสีภายในของรถได้ดี ป้องกันแสง UV ที่จะทำร้ายสีรถ ไม่ให้สีรถเสื่อมสภาพได้ไว
    • ป้องกันรอยขีดข่วน จากสิ่งต่าง ๆ ภายนอกที่จะทำร้ายตัวรถได้
    • ป้องกันคราบสกปรก ฝุ่นผง เกาะตามตัวรถได้
    • ช่วยให้ทำความสะอาด เช็ด ล้าง รถได้ง่ายยิ่งขึ้น
    • ทำให้รถเงางาม ดูใหม่ตลอดเวลา

    โดยการเคลือบแก้วนั้นคุณสามารถเลือกที่จะใช้บริการจากคาร์แคร์ หรือเคลือบด้วยตัวเองก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยบริการที่คาร์แคร์จะมีค่าบริการเคลือบแก้วรถยนต์อยู่ที่ 5,500 บาทเป็นต้นไปโดยจะขึ้นอยู่กับขนาดของรถยนต์ และถ้าหากคุณเลือกที่จะทำเองก็สามารถทำได้โดยมีขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้

    • ก่อนจะทำการเคลือบแก้ว ต้องล้างรถให้สะอาด เพื่อขจัดคราบสกปรกทั้งหมด ก่อนที่จะลงน้ำยาเคลือบแก้ว
    • เช็ดรถให้แห้งด้วยผ้าสะอาด หรือแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 15% ทั้งคันเพื่อทำให้รถสะอาด
    • เทน้ำยาเคลือบแก้ว บนฟองน้ำที่ใช้สำหรับน้ำยา โดยการเคลือบควรทำทีละส่วน เริ่มจากเช็ดเป็นแนวนอนก่อนแล้วค่อยทำเป็นแนวตั้ง ใช้เวลาประมาณ 5 นาที น้ำยาเคลือบก็ติดกับตัวรถ
    • ถ้าหากยังมีน้ำยาเคลือบหลงเหลืออยู่บนตัวรถ สามารถใช้ผ้าสะอาดเช็ดไปเรื่อย ๆ จนให้น้ำยาจางหายไป โดยการเช็ดนั้นควรเช็ดให้ไปในทางทิศทางเดียวกัน

    จะเห็นได้ว่าการเคลือบแก้วรถยนต์สามารถทำด้วยตัวเองได้ ช่วยรักษาสภาพสีภายนอกรถยนต์ได้เป็นอย่างดี โดยความทนทานของสารที่เคลือบนั้นจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของน้ำยาเคลือบแก้ว ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง ที่จะช่วยเสริมการป้องกันให้ดียิ่งขึ้น โดยราคานั้นจะเริ่มต้นที่ 990 บาทเป็นต้นไป โดยคุณสมบัติของน้ำยาที่ดีนั้นจะมีดังนี้

    • มีส่วนผสมของสารที่ช่วยป้องกันแสง UV ได้ดี
    • ส่วนผสมของน้ำยาต้องไม่กัดกร่อนสีรถ
    • ยี่ห้อมีความน่าเชื่อถือ ไม่ควรเลือกยี่ห้อที่ไม่มีหน้าร้านค้าที่ชัดเจน

    รวมยี่ห้อน้ำยาเคลือบแก้ว ที่มีคุณภาพ ที่น่าสนใจ

    ในเมื่อคุณ เห็นแล้วว่าการเคลือบแก้วรถยนต์ นั้นมีความสำคัญขนาดไหน และการเลือกน้ำยาเคลือบแก้วก็ควรเลือกที่มีส่วนผสมที่ไม่เป็นอันตรายต่อสีรถ และยี่ห้อก็ควรเลือกยี่ห้อที่มีหน้าร้านที่ชัดเจน และน้ำยาเคลือบแก้วยี่ห้อไหนดี ควรเลือกยี่ห้อไหน ยี่ห้อไหนบ้างที่มีคุณภาพ โดยจะแนะนำ 5 ยี่ห้อที่น่าใช้ และราคาเริ่มต้น ให้กับคุณได้เลือกซื้อ ดังนี้

    1. น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ยี่ห้อ Klean Square

    น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ Klean Square

    ขอบคุณรูปจาก https: //shopee.co.th/kleansquareonline/19855567207

    น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ ยี่ห้อ Klean Square ราคาเริ่มต้นที่ 990 บาท น้ำยาจะมีส่วนผสมของ เทฟลอนคุณภาพสูง และเกลซแวกซ์ ที่มีคุณสมบัติป้องกันแสงแดด แสง UV ได้ดี ช่วยทำให้รถเงางาม ดูใหม่ตลอดเวลา สัมผัสเรียบลื่น ง่ายต่อการทำความสะอาด ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี 1 ขวด สามารถใช้ได้ 10-15 ครั้ง ขึ้นอยู่กับขนาดของรถที่ใช้งาน

    2. น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ยี่ห้อ Rockz Graphene รุ่น V1 Basic

    น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ Rockz Graphene รุ่น V1 Basic

    ขอบคุณรูปจาก https: //kleansquare.com/blog/best-car-wax/

    น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ ยี่ห้อ Rockz Graphene ราคาเริ่มต้นที่ 1,090 บาท น้ำยาเคลือบที่มีความแข็งระดับ 10H+ จาก USA ช่วยป้องกันรถจากรอยขีดข่วน และป้องกันแสง UV ได้ดี

    3. น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ยี่ห้อ 3M Paint Coating Protection

    น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ 3M Paint Coating Protection

    ขอบคุณรูปจาก https: //kleansquare.com/blog/best-car-wax/

    น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ ยี่ห้อ 3M Paint Coating Protection ราคาเริ่มต้นที่ 7,990 บาท เป็นน้ำยาที่มีส่วนผสมของ SiO2 ช่วยป้องกันสีรถจากแสงแดด และแสง UV ได้ดี ช่วยให้รถเงางาม ป้องกันฝุ่นเกาะสีรถ ได้ดี

    4. น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ยี่ห้อ Gtechniq Crystal Serum Ultra
     
    น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ Gtechniq Crystal Serum Ultra

    ขอบคุณรูปจาก https: //kleansquare.com/blog/best-car-wax/

    น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ ยี่ห้อ Gtechniq Crystal Serum Ultra ราคาเริ่มต้นที่ 2,200 บาท ยี่ห้อนำเข้าจากประเทศอังกฤษ ช่วยป้องกันคราบสิ่งสกปรก คราบฝุ่นที่เกาะตามตัวสีรถได้ดี ช่วยเพิ่มความเงางาม

    5. น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ยี่ห้อ MR-FiX CERAMIC COATING 9H

    น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ MR-FiX CERAMIC COATING 9H

    ขอบคุณรูปจาก https: //kleansquare.com/blog/best-car-wax/

    น้ำยาเคลือบแก้วรถยนต์ ยี่ห้อ MR-FiX CERAMIC COATING 9H ราคาเริ่มต้นที่ 1,000 บาท น้ำยาเคลือบแก้วที่มีความแข็งระดับ 9H ช่วยป้องกันรอยขี่ข่วน และช่วยให้สีรถดูเงางามขึ้น ป้องกันแสงแดด ได้ดี

    สรุป

    การเคลือบแก้วรถยนต์ ดีอย่างไร

    เห็นได้ชัดเลยว่า การเคลือบแก้วสีรถยนต์ สามารถช่วยรักษาสภาพรถของคุณ ยืดอายุสีรถของคุณ ให้สวยเงางามไปได้นานมากขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดรอยขีดข่วนต่าง ๆ ป้องกันคราบ และสิ่งสกปรกได้ดี และน้ำยาเคลือบแก้ว ก็เป็นส่วนหลักในการช่วยป้องกันตัวรถได้ โดยน้ำยาเคลือบแก้วราคาเริ่มต้นที่ 990 บาทเท่านั้น คุณสามารถเลือกที่จะทำด้วยตัวเองได้ที่บ้าน หรือถ้าคุณไม่สะดวกก็สามารถที่จะใช้บริการจากทางคาร์แคร์ได้เช่นกัน


    282
    ทำไมต้องล้างห้องเครื่องยนต์

    รถยนต์คันเก่งถึงภายนอกตัวรถจะทำการล้างจนสะอาด ขัดแวกซ์จนเงาวับ ไร้รอยขนแมวดูแล้วชื่นใจ แต่ภายในยังมีฝุ่นเกาะก็กระไรอยู่ เพราะนอกจากการล้างห้องเครื่องยนต์นอกจากจะทำให้รถของเราสะอาดไร้ที่ติแล้ว ครอบดินโคลน ฝุ่น น้ำมันต่าง ๆ ที่เกาะตัวเครื่องยนต์อยู่ก็จะไม่มากวนใจ ช่วยให้เครื่องยนต์ระบายความร้อนได้ดีขึ้น การสังเกตเห็นความผิดปกติภายในเครื่องยนต์ก็ง่ายขึ้น แล้ววิธีล้างเครื่องรถยนต์ที่ว่านี้มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ยุ่งยากหรือไม่ ทำเองได้ไหม หรือจะไปพึ่งคาร์แคร์ที่ไหนดี ในบทความนี้ขนข้อมูลมาให้ครบ

    ต้องการล้างห้องเครื่องราคาถูกใช้บริการที่ไหนดี

    ล้างห้องเครื่องที่ไหนดี

    การล้างห้องเครื่องรถยนต์ให้สะอาดเอี่ยมอ่องมีขั้นตอนหลายขั้นตอน ที่ถ้าหากละเลยความใส่ใจถึงรายละเอียดต่าง ๆ ก็อาจทำให้รถยนต์ของเราเกิดความเสียหายได้ ถ้าไม่อยากล้างห้องเครื่องด้วยตัวเอง ก็สามารถหาร้านล้างห้องเครื่องรถยนต์ได้ในราคาเริ่มต้นเพียงหลักร้อย เช่น บริการล้างเครื่องยนต์จาก Klean Square ที่มีประสบการณ์อย่างยาวนานด้านการล้างรถยนต์กว่า 30 ปี เอาอยู่ทุกปัญหา ดูแลได้ตรงจุด ใช้ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลรถยนต์ร่วมกับ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์โดยเฉพาะถึง 5 ตัว และหนึ่งในนั้นคือ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องเครื่องยนต์โดยเฉพาะอย่าง Klean Engine ที่ได้มาตรฐาน ISO มี มอก. และ อย. จึงสามารถมั่นใจได้ว่าจากห้องเครื่องที่ฝุ่นเกาะ ตัวกรองอากาศตัน คราบน้ำมันที่เปื้อนจะหายไป ได้สภาพห้องเครื่องราวกับเพิ่งรถยนต์ป้ายแดงในราคาประหยัดแน่นอน

    ทำไมถึงต้องล้างห้องเครื่อง

    เพราะเมื่อเราใช้รถยนต์ไปสักระยะหนึ่ง ห้องเครื่องยนต์จะมีคราบสกปรกที่เกิดจากน้ำมันเครื่อง เขม่าดำจากไอเสีย น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก หรือน้ำมันหล่อลื่นที่อาจเกิดการรั่วซึมจากการใช้งานได้ ในขั้นตอนการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันก็สามารถทำให้เกิดคราบเขม่า และฝุ่นทิ้งไว้ในห้องเครื่องยนต์ เมื่อมีความสกปรกเกิดขึ้นก็อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้ไม่เต็มที่เนื่องจากตัวกรองอากาศเกิดการอุดตัน

    ไม่เพียงเท่านั้น การไม่ทำความสะอาดห้องเครื่องยังทำให้สัตว์ต่าง ๆ เช่น สัตว์เลื้อยคลาน งู หนู สามารถเข้ามาอยู่อาศัย และทำให้สายพาน สายไฟ หรือส่วนอื่นในเครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้ดังนั้นการล้างห้องเครื่องนอกจากจะป้องกันปัญหาข้างต้นที่กล่าวได้แล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของปลอกยาง สายไฟ สายพาน พัดลมในห้องเครื่องยนต์ และเมื่อมีห้องเครื่องยนต์ที่สะอาดแล้ว ก็จะทำให้เราสังเกตอาการชำรุดของอุปกรณ์ภายในรถของเราได้ง่ายขึ้นอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามการล้างห้องเครื่องไม่ควรที่จะทำบ่อยจนเกิดไป เพราะอาจทำให้ท่อยางแตก หรือมีสนิมขึ้นในส่วนที่เป็นเหล็กได้ นับเป็นอีกข้อควรระวังที่คนรักรถไม่ควรละเลย

    ขั้นตอนการล้างห้องเครื่องรถยนต์ต้องทำอย่างไร

    การล้างห้องเครื่องเป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีขั้นตอนหลายอย่าง มีอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับการล้างห้องเครื่องโดยเฉพาะ หากเกิดการผิดพลาดก็อาจทำให้รถยนต์เราเครื่องรวนไปได้เลย ถ้าหากคุณต้องการที่จะล้างห้องเครื่องเองแล้ว เรามีขั้นตอนอย่างละเอียดมาฝากกัน

    1.ก่อนจะทำการล้างห้องเครื่องยนต์ควรล้างสวมถุงมือป้องกันของมีคม และป้องกันน้ำยาล้างห้องเครื่องทำอันตรายกับผิวหนังเรา
    2.ถอดขั้วแบตเตอรี่ออก และรอจนเครื่องยนต์หายร้อน จากนั้นใช้ฟิล์มถนอมอาหารคลุมส่วนที่ไม่สามารถสัมผัสน้ำ หรือความชื้นได้
    3.ราดน้ำบริเวณภายในห้องเครื่องด้วยแรงน้ำที่ไม่มากจนเกินไป
    4.ผสมน้ำยาที่ทำมาเพื่อล้างห้องเครื่องโดยเฉพาะในอัตราส่วนตามที่ผลิตภัณฑ์กำหนด ค่อย ๆ ใช้ฟองน้ำ หรือแปรงทำความสะอาดส่วนที่สกปรกออก ส่วนที่ไม่สามารถใช้ฟองน้ำถูได้ สามารถใช้น้ำยาใส่ในกระบอกฉีดน้ำช่วยทำความสะอาดอีกแรงได้
    5.หลังจากทำความสะอาดจนคราบสกปรกออกจนหมดแล้ว ค่อย ๆ ล้างน้ำยาล้างห้องเครื่องออก อาจใช้ผ้าชุบน้ำล้าง หรือฉีดน้ำออก ไม่ควรใช้น้ำหนักมือมาก
    6.ใช้เครื่องเป่าลมเป่าให้ทุกส่วนแห้ง และไม่มีความชื้นออกมากที่สุด ในขั้นตอนนี้เมื่อเอาฟิล์มที่คลุมไว้ออกหมดแล้วสามารถใช้เครื่องเป่าลมอีกรอบเพื่อให้แห้งมากยิ่งขึ้นได้
    7.ฉีดน้ำยาไล่ความชื้นส่วนที่เป็นวงจรไฟฟ้า และระบบจุดระเบิดเครื่องยนต์ จากนั้นค่อยลงน้ำยาเคลือบเงาบริเวณท่อ ยาง หรือพลาสติก เพื่อให้คงทนเงางาม
    8.สตาร์เครื่องยนต์เพื่อตรวจสอบระบบการทำงานภายในรถก่อนใช้งาน
                                           
    ขั้นตอนการล้างห้องเครื่อง

    สรุป

    การล้างห้องเครื่องรถยนต์นอกจากจะทำให้รถยนต์เราสะอาดหมดจด น่ามองแล้ว ยังเป็นการดูแลรักษารถยนต์ที่เรารักให้คงสภาพยาวนานมากขึ้น แต่เพราะเครื่องยนต์เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รถของเราใช้งานได้เป็นปกติ การล้างห้องเครื่องจึงจำเป็นต้องได้รับการใส่ใจในทุกขั้นตอน Klean Square เป็นศูนย์ดูแลรถยนต์อีกแห่งที่มีความน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์ ความชำนาญ และใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้คุณภาพ เพราะไม่ใช่แค่ล้างรถที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมีมาตรฐานได้รับการยอมรับ สามารถมั่นใจได้ว่ารถยนต์ของคุณจะสะอาดเหมือนใหม่ พร้อมบริการที่น่าประทับใจ ราคาประหยัด ช่องทางการติดต่อสอบถามได้ที่ ไลน์ @Kleansquare โทรสอบถามได้ที่เบอร์ 080-2888-788 หรือเข้าชมบริการอื่น ๆ ได้ที่เว็บไซต์  h ttp s://kleansquare.com/

    283
    ฝากครรภ์ที่ไหนดี


    คุณพ่อ คุณแม่ คู่รักมือใหม่ท่านไหนที่กำลังมองหาที่ฝากท้องที่ไหนดี ฝากครรภ์คลีนิคไหนดี หรือไม่รู้ว่าจะต้องเลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลดี ถึงจะได้รับการดูแลที่เหมาะสมและยังต้องคอยกังวลเรื่องขั้นตอน ความปลอดภัย วางแผนเรื่องค่าใช้จ่าย สะดวกในเรื่องของการเดินทางเพราะคนท้องย่อมเป็นกังวลในทุก ๆ เรื่องอยู่แล้ว

    แต่ถ้าเรารู้จักวิธีการเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่เหมาะสมคุณก็จะไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไปสำหรับท่านไหนที่กำลังคิดถึงเรื่องฝากครรภ์ ที่ไหนดี วันนี้เราขอแนะนำให้วิธีการเลือกคลินิกฝาากครรภ์ ฝากครรภ์ หมอไหนดี

    การฝากครรภ์ คืออะไร? ทำไมต้องฝากครรภ์

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีและทำไมถึงต้องฝากครรภ์ เพราะการฝากครรภ์คือ การไปพบสูตินรีแพทย์ เพื่อเช็กเกี่ยวกับทารกที่อยู่ในครรภ์ตลอดทุกระยะ เพื่อไม่ให้เกิดสภาวะฉุกเฉินหรือลดความกังวลเกี่ยวกับคุณแม่มือใหม่ ได้รับคำปรึกษาและคำแนะนำที่ปลอดภัยเชื่อถือได้จากผู้เชี่ยวชาญ

    ถ้าไม่ฝากครรภ์ก็อาจจะไม่ทราบถึงสภาวะของทารกในครรภ์ว่าแข็งแรงดีหรือเกิดความผิดปกติ ถ้าเรารู้จักฝากครรภ์ไว้ก่อนก็จะสามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ทันถ้าเราไปฝากครรภ์ตั้งแต่เนิ่น ๆ

    ควรฝากครรภ์ตอนท้องกี่เดือน

    ควรฝากครรภ์ตอนท้องกี่เดือน เมื่อไรก็ตามที่คุณทราบว่ากำลังตั้งครรภ์ให้คุณรีบไปฝากครรภ์ให้เร็วที่สุด เพื่อรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือประมาณ 12 สัปดาห์แรกที่ตั้งครรภ์ เพื่อเลี่ยงโอกาสที่เด็กทารกในครรภ์จะเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ขอให้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดและเราควรจะฝากครรภ์ที่ไหนดีบทความนี้มีคำตอบให้แก่คุณในด้านล่างนี้เลย

    ขั้นตอนการฝากครรภ์ครั้งแรก ทำอย่างไรบ้าง

    ส่วนขั้นตอนในการฝากครรภ์ครั้งแรกจะมีอะไรบ้างนั้นอย่างแรกแพทย์จะสอบถามข้อมูลเบื้องต้นของคุณแม่เช่น ประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไร เพื่อตรวจสอบและวินิจฉัยโรคในระหว่างตั้งครรภ์ทำให้ทารกในครรภ์โตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ แข็งแรง และก็จะเริ่มทำการตรวจร่างกายในขั้นตอนต่อไป

    ฝากครรภ์ครั้งแรก ตรวจอะไรบ้าง

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีสำหรับครั้งแรก

    ในครั้งแรกหลังจากการซักประวัติอย่างละเอียดแล้วทีมแพทย์จะมีการตรวจร่างกายของคุณแม่เช่นวิธี Ultrasound เป็นคลื่นเสียงความถี่สูงใช้ในการวินิจฉัยโรคและตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์อีกทั้งยังมีขึ้นตอนอื่น ๆ อีกดังนี้

    • ชั่งน้ำหนักและส่วนสูง ของคุณแม่เพื่อดูว่าน้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากน้อยเพียงใด และความสูงมีผลต่ออุ้งเชิงกรานที่อาจจะต้องแจ้งคุณแม่ให้ทราบว่าจะต้องผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติในอนาคต
    • วัดความดันเลือด เพราะความดันเลือดที่สูงอาจวินิจฉัยได้ว่าอาจจะครรภ์เป็นพิษหรือเป็นเพียงในบางครั้งแนะนำให้ค่อย ๆ ไปตรวจบ่อย ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตดีกว่านะ
    • ตรวจปัสสาวะ เพื่อวัดระดับน้ำตาลในปัสสาวะถ้าคุณแม่มีน้ำตาลในปัสสาวะสูงอาจเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้จะได้รู้ก่อนและเตรียมตัวรับมือให้ทันเพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์
    • ตรวจเลือดและตรวจภายใน เพื่อหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ต่าง ๆ หรือระดับความเข้มข้นของเลือดที่อาจส่งผลให้เกิดภาวะตับอักเสบ บี แพทย์จะได้เตรียมวัคซีนป้องกันทันทีที่ลูกน้อยของคุณแม่คลอดออกมา

    ขั้นตอนการฝากครรภ์

    ขั้นตอนการฝากครรภ์ฝากครรภ์ที่ไหนดีถึงจะดีต่อลูกน้อย ขั้นตอนการ  Ultrasound จะทำให้รู้กำหนดวันคลอดล่วงหน้าของเด็กทารกในครรภ์ได้และเป็นการตรวจดูมดลูกไปในตัว ช่วยลดปัญหาพิการของเด็กทารกตั้งแต่กำเนิด นอกจากนี้คุณพ่อ คุณแม่จะไม่ต้องกังวลเรื่องเพศของลูกตัวน้อย Ultrasound สามารถบอกเพศของเด็กทารกได้ในส่วนของเอกสารในการฝากครรภ์ครั้งแรกหรือครั้งต่อ ๆ ไปก็จะมีดังนี้

    1. บัตรประชาชน สำหรับทำประวัติที่คลินิก
    2. เอกสารการเจ็บป่วยโรคประจำตัว
    3. สมุดฝากครรภ์ ที่ทางคลินิกให้มาต้องพกไปด้วยทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์บันทึกข้อมูลและลงวันนัดในการฝากครรภ์ครั้งต่อไป

    แต่ถ้าเราไม่ไปพบแพทย์ตามนัดละหรือติดปัญหาจะต้องทำอย่างไรโดยเริ่มต้นขอให้รีบแจ้งกับทางคลินิกว่าไม่สามารถไปตรวจตามนัดได้และต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีที่ว่าง เนื่องจากการนัดแต่ละครั้งแพทย์ได้กำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมในการตรวจครรภ์เอาไว้แล้ว ถ้าละเลยก็อาจจะเกิดความผิดปกติหรือปัญหาหลาย ๆ อย่างได้

    ฝากครรภ์ ราคาเท่าไหร่

    ฝากครรภ์ ราคาเท่าไหร่ ? ราคาจะเริ่มต้นเท่าไหร่การฝากครรภ์สามารถทำได้เลยตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าท้อง เพื่อให้แพทย์ได้ดูแลจ่ายยาวิตามินแนะนำวิธีดูแลสุขภาพของคุณแม่และทารก เพื่อให้สามารถคลอดได้อย่างปลอดภัย ทารกแข็งแรง ไม่มีโรคแทรกซ้อน ในส่วนราคาของการฝากครรภ์ครั้งแรกจะเริ่มต้นที่

    ฝากครรภ์ครั้งแรกกี่บาท

    จะเริ่มต้นอยู่ที่ 1,500 บาท - 5,000 บาทแล้วแต่คุณเลือกว่าจะฝากครรภ์ที่ไหนดี อาจถูกกว่านี้เมื่อมีแพ็กเกจการฝากครรภ์เนื่องจากต้องคอยไปตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอและบ่อยครั้ง

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีและวิธีเลือกคลินิก

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีและวิธีเลือกคลินิก

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีและวิธีเลือกคลินิกความสำคัญของการเลือกคลินิกฝากครรภ์ คุณแม่จะไม่ได้ต้องเป็นกังวลและไว้ใจในบริการของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเราจะมีวิธีเลือกคลินิกฝากครรภ์อย่างไรบ้างมี 5 วิธีเพื่อให้คุณมั่นใจ ว่าจะปลอดภัยต่อลูกน้อยและได้รับการบริการที่ดีดังต่อไปนี้

    1. เลือกสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีสถานพยาบาลแบบไหนจะได้มาตรฐาน

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีสถานพยาบาลแบบไหนจะได้มาตรฐานโดยดูจากหลาย ๆ ปัจจัยเน้นความสะอาดและปลอดภัยเป็นหลัก อุปกรณ์ที่ทันสมัย รวมถึงเลขใบอนุญาตการจดทะเบียนดังนี้

    • มีเลขใบอนุญาตจดทะเบียนสถานพยาบาล ทุกสถานพยาบาลจะต้องมีใบอนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย
    • สถานพยาบาลสะอาด ปลอดภัย เข็มเจาะเลือด อุปกรณ์ตรวจภายในต่าง ๆ ต้องมีความสะอาดถึงจะปลอดภัยต่อตัวคุณแม่และลูกน้อย
    • อุปกรณ์ครบครัน ทันสมัย เทคโนโลยีของเครื่อง Ultrasound ที่ทันสมัยเพื่อตรวจสอบทารกในครรภ์ ปัญหามดลูกและความผิดปกติต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง

    2. เลือกสถานพยาบาลที่ใกล้บ้าน เดินทางสะดวก

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีต้องใกล้บ้านเดินทางสะดวก

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีต้องใกล้บ้านเดินทางสะดวกเพราะต้องมีการไปพบแพทย์หลายครั้งในทุก ๆ เดือนและถ้ายิ่งใกล้คลอดแพทย์จะนัดคุณแม่มาตรวจทุก ๆ 2 อาทิตย์เลยทีเดียว การเดินทางจึงสำคัญถ้าใกล้บ้านเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินก็จะได้ไปถึงมือแพทย์แบบทันท่วงทีด้วยนะ

    3. สูตินรีแพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีที่จะมีมาตรฐาน


    ฝากครรภ์ที่ไหนดีสูตินรีเวชจะเก่งและมีความเชี่ยวชาญ การฝากครรภ์ การคลอด ฝากครรภ์หมอไหนดี ต้องเลือกสูตินารีแพทย์ที่มีทักษะและประสบการณ์สูง ดูแลครรภ์ให้คุณแม่รวมถึงตรวจประเมินความเสี่ยง วินิจฉัยโรคที่อาจเกิดขึ้นได้แบบถูกต้องละเอียด แม่นยำ

    4. พิจารณาค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายอะไรบ้างโดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายของทางโรงพยาบาลรัฐและคลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชนจะมีความแตกต่างกันอยู่มากโดยขอให้คุณแม่เลือกตามความเหมาะสมซึ่งราคาจะแตกต่างกันเท่าไหร่ไปดูกันเลย

    • ราคาฝากครรภ์กับโรงพยาบาลรัฐ ค่าฝากครรภ์ครั้งแรกประมาณ 1,500 บาท ค่ายาอีกประมาณ 1,000 บาท ค่า Ultrasound ประมาณ 500 บาท ค่าวัคซีน ประมาณ 200 บาท ยังไม่รวมค่าทำคลอดและการผ่าคลอดซึ่งแตกต่างกับทางคลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชนที่มีการรวมเป็นแพ็กเกจไว้แล้วดังนี้

    • ราคาฝากครรภ์คลินิกหรือโรงพยาบาลเอกชน ส่วนมากจะเป็นแพ็กเกจเหมาจ่าย โดยครอบคลุมการตรวจต่าง ๆ แบ่งชำระเป็นงวด ๆ ราคาแพ็กเกจจะอยู่ที่ประมาณ 30,000-50,000 บาท ในกรณีคลอดธรรมชาติ ราคาแพ็กเกจจะอยู่ที่ประมาณ 45,000-100,000 บาท ในกรณีผ่าคลอด

    ราคาข้างต้นเป็นราคาโดยคาดการณ์เท่านั้นยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในส่วนของกรณีที่คุณแม่มีภาวะความผิดปกติต่าง ๆ อีกด้วย

    5. สถานพยาบาลที่มีการบริการที่ดี

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีและมีบริการดี ๆ


    ฝากครรภ์ที่ไหนดีและมีบริการที่ดี ถ้าคุณแม่ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐอาจจะต้องเสียเวลานานในการดำเนินการและต้องเสี่ยงพบเจอผู้คนจำนวนมาก แต่ถ้าเป็นคลินิกและโรงพยาบาลเอกชนก็จะใช้เวลาไม่นาน และเวลาที่ไปตรวจครรภ์ ทีมแพทย์ก็จะคอยดูแลคุณแม่อยู่ทุกครั้งแต่ราคาก็จะค่อนข้างสูงแตกต่างจากโรงพยาบาลรัฐโดยขอให้เลือกตามความเหมาะสมและความสะดวกของครอบครัว

    ข้อสรุป

    ฝากครรภ์ที่ไหนดีถึงจะได้ทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์คอยดูแล ตลอดการตั้งครรภ์และไม่ต้องต่อคิวนาน รวมไปถึงบริการในเรื่องการทำคลอดบุตรด้วยก็ต้องที่ Beyond IVF เลยเพราะคุณแม่ในแต่ละเคสต้องการความดูแลที่แตกต่างกันไป

    ซึ่งที่ Beyond IVF มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปีทำให้มีความชำนาญในเรื่องการวินิจฉัย ตรวจครรภ์รวมไปถึงผ่าคลอด ซึ่งคุณแม่หรือคุณพ่อสามารถปรึกษาเบื้องต้นกับทาง Beyond IVF ได้เลยเราพร้อมจะดูแลคุณ เพื่อให้คุณแม่มีความสบายใจมากขึ้นและดูแลลูกน้อยอย่างปลอดภัยตลอดตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์


    284
    อยากเคลียร์บ้านสกปรกให้เหมือนใหม่ก็ต้อง Big Cleaning เลย

    บ้านหรือที่อยู่อาศัยเป็นสถานที่ที่เราต้องใช้ในการพักผ่อนซะส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงควรที่จะทำให้บ้านสะอาดอยู่เสมอ เพราะหากบ้านสกปรกหรือรกรุงรังมาก ๆ เข้า นอกจากจะชักนำแมลงหรือสัตว์ต่าง ๆ เข้ามาอยู่ด้วยแล้ว ยังส่งผลต่อสุขภาพของผู้ที่อาศัยอยู่ไม่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็นโรคภูมิแพ้ ผื่นคัน รวมไปถึงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้จากความรกและสกปรก

    ซึ่งความสกปรกเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นได้จากหลายเหตุผล ทั้งการรวมกลุ่มปาร์ตี้กินเลี้ยงกับเพื่อน ๆ ความสกปรกที่เกิดหลังจากเสร็จสิ้นงานก่อสร้างต่อเติม หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่าง ๆ เช่น น้ำท่วม เพราะเมื่อน้ำลดลงบ้านก็จะเต็มไปด้วยคราบสกปรกและข้าวของที่เละเทะไปหมด โดยเมื่อเกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้อง Big Cleaning บ้านกันเลยทีเดียว

    แค่คิดว่าจะต้องมีการทำความสะอาดใหญ่ ก็เล่นเอาเหนื่อยล่วงหน้ากันแล้วใช่ไหมล่ะคะ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลไป เนื่องจากในปัจจุบันนี้มีบริการบิ๊กคลีนนิ่งแล้วนั่นเอง แต่สำหรับบางคนก็อาจยังคงงงอยู่ใช่ไหมว่า Big Cleaning คืออะไร ทำไมใครหลาย ๆ คนถึงอยากพึ่งพาบริการ Big Cleaning ถ้าหากอยากรู้ต้องอ่านในบทความต่อไปนี้เลย!

    ทำความสะอาดแบบ Big Cleaning คืออะไร

    ทำความสะอาดแบบ Big Cleaning คืออะไร

    Big Cleaning แปลว่าการทำความสะอาดใหญ่ ซึ่งก็คือการทำความสะอาดสถานที่ต่าง ๆ เช่น บ้าน อาคาร ร้านอาหาร ร้านค้า หรือออฟฟิศ โดย Big Cleaning จะเป็นการทำความสะอาดครั้งใหญ่ประจำปี ประจำเดือน รวมไปถึงการทำความสะอาดใหญ่หลังจัดงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ

    โดยการ Big Cleaning นี้ก็เพื่อให้บริเวณหรือสถานที่นั้นสะอาด เรียบร้อยเป็นระเบียบ ดูน่าอยู่ และป้องกันไม่ให้เกิดความเจ็บป่วยขึ้น ซึ่งถ้าหากบ้านไหนมีเชื้อสายจีนก็อาจจะคุ้นเคยกันดีกับการ Big Cleaning บ้านก่อนวันตรุษจีน เพื่อความเป็นมงคลต้อนรับปีใหม่ในทุกปี

    บริการ Big Cleaning ทำอะไรบ้าง

    บริการ Big Cleaning ทำอะไรบ้าง

    สำหรับบริการ Big Cleaning นั้นจะเป็นการทำความสะอาดใหญ่โดยทีมแม่บ้านมืออาชีพที่มีความชำนาญและผ่านการอบรมความรู้มาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังต้องผ่านการตรวจประวัติอาชญากรรม เพื่อให้ผู้ใช้บริการรู้สึกสบายใจและไว้วางใจกับการบริการ

    โดยบริการ Big Cleaning จะทำความสะอาดครอบคลุมตั้งแต่การทำความสะอาดพื้นบ้าน , ทำความสะอาดประตูหน้าต่าง , ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า , เปลี่ยนผ้าปูที่นอน , เก็บถุงขยะ , ล้างจาน , ทำความสะอาดเตาแก๊ส , ทำความสะอาดห้องครัวและจัดวางเครื่องใช้ในครัวให้เป็นระเบียบ , ทำความสะอาดเครื่องดูดควัน และทำความสะอาดห้องน้ำและตู้กระจกอาบน้ำ

    นอกจากนี้ยังทำความสะอาดระเบียง , จัดการหยากไย่ตามเพดานหรือผนัง , ทำความสะอาดตู้หรือชั้นเก็บของ , ทำความสะอาดซอกมุมที่เข้าถึงได้ยากต่าง ๆ , เช็ดทำความสะอาดภายในตู้เย็น , ทำความสะอาดมุ้งลวดและเหล็กดัด , ทำความสะอาดรางประตูหน้าต่าง , ขจัดคราบฝังแน่นทั้งพื้นห้องน้ำและพื้นบ้านพร้อมกับลงน้ำยาฆ่าเชื้อ

    ที่พักแบบไหน ควรใช้บริการทำความสะอาดใหญ่

    ไม่ว่าจะเป็นที่พักหรืออาคารรูปแบบใดก็สามารถใช้บริการ Big Cleaning ได้ทั้งสิ้น แต่โดยส่วนมากแล้วมักจะนิยมใช้บริการ Big Cleaning กับบ้านเปล่าที่เพิ่งย้ายเข้าหรือเพิ่งมีการย้ายออก บ้านหรือที่พักที่เพิ่งก่อสร้าง รีโนเวท หรือต่อเติมเสร็จสิ้น และบ้านที่มีการอยู่อาศัยเป็นประจำ

    ความแตกต่างระหว่างบริการแม่บ้านและ Big Cleaning

    ความแตกต่างระหว่างบริการแม่บ้านและ Big Cleaning

    บริการ Big Cleaning และบริการแม่บ้าน ถ้าหากว่ามองเพียงเผิน ๆ อาจดูเหมือนกัน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย บริการแม่บ้านและบริการ Big Cleaning นั้นแตกต่างกันอย่างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคุณภาพ ความเชี่ยวชาญ รวมไปถึงการทำความสะอาดที่ทั่วถึงต่างกัน

    โดยบริการแม่บ้านนั้นจะเป็นการทำความสะอาดทั่ว ๆ ไป เช่น ทำความสะอาดพื้นบ้าน ล้างจาน ล้างห้องน้ำ ทิ้งขยะ และปัดฝุ่นในบางส่วนเท่านั้น

    ส่วนบริการ Big Cleaning นั้นจะเป็นการทำความสะอาดใหญ่สมชื่อเรียกเลย เพราะนอกจากจะทำความสะอาดได้อย่างเชี่ยวชาญแล้ว ยังทำความสะอาดบ้านของคุณได้ทุกซอกทุกมุม ตั้งแต่บริเวณที่สามารถมองเห็นได้ชัดอย่างพื้น หน้าต่าง เพดาน เฟอร์นิเจอร์ ไปจนถึงจุดอับที่เข้าถึงหรือจัดการได้ยากอย่างรางหน้าต่าง คราบฝังแน่นที่พื้น มุ้งลวด หรือเครื่องดูดควัน เป็นต้น

    ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผลลัพธ์หลังจากใช้บริการแม่บ้านและบริการ Big Cleaning มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว

    สรุป

    เมื่อบ้านสกปรกเกินกว่าที่จะทำความสะอาดด้วยตัวเองไหว บริการ Big Cleaning จึงเหมาะอย่างมากที่จะลองเรียกใช้บริการดูสักครั้ง เพราะนอกจากจะช่วยให้บ้านกลับมาสะอาดดูดีเหมือนกับบ้านใหม่แล้ว ยังสะดวกสบาย ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยทำความสะอาดบ้านเอง นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลาของคุณได้มากทีเดียว

    บริการ Big Cleaning จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องทำงานหนักจนไม่มีเวลาหรือมีแรงเหลือในการทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ ผู้ที่ต้องการให้บ้านกลับมาสะอาดภายในเวลาอันรวดเร็ว ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพหรือมีปัญหาด้านร่างกาย หรือผู้ที่ไม่อยากทำความสะอาดบ้านทั้งหลังเอง

    หลังจากที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ถ้าหากคุณกำลังคิดว่าบริการ Big Cleaning นั้นน่าสนใจ และเหมาะกับไลฟ์สไตล์หรือการใช้ชีวิตของคุณล่ะก็ ลองเรียกใช้บริการ Big Cleaning ดูสักครั้ง ไม่แน่ว่าบริการ Big Cleaning อาจตอบโจทย์และตรงใจคุณมากกว่าที่คิดก็ได้


    285
    ประกันรถยนต์ชั้น 3+

    ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ประกันรถยนต์ที่พร้อมให้ความคุ้มครองรถของคุณ และดูแลรถของคุณ แม้แต่ร่างกายของผู้เอาประกันหรือบุคคลภายนอกที่ได้รับความเสียหาย ที่เกิดจากรถของผู้ทำประกันชั้น 3+ การทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ นั้นถือว่าเป็นความคุ้มครองต่อทรัพย์สินและตัวผู้ทำประกันเอง แต่จะไม่รวมความเสียหายต่อตัวรถที่ไม่มีคู่กรณี

    สำหรับใครที่มีความสนใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ และเกิดความสนใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 3+ และต้องการข้อมูลความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 3+ ในบทความนี้เราได้ทำการรวบรวมข้อมูลที่อาจจะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านทุกท่าน ที่เกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้น 3+

    ประกันรถยนต์ชั้น 3+ คืออะไร คุ้มครองอะไรบ้าง

    ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองรถยนต์ของคุณที่เกิดจากความเสียหายต่อคู่กรณี แต่ประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะไม่สามารถคุ้มครองต่อรถที่เกิดความเสียหายกับสิ่งของ เช่น เสา กำแพง  ต้นไม้ หรือแม้แต่รอยขีดข่วนที่เกิดขึ้นกับตัวรถที่ไม่มีคู่กรณีของผู้ทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ แต่จะให้ความคุ้มครองก็ต่อเมื่อรถเกิดเหตุการณ์ การชนกับรถของผู้อื่นเท่านั้น

    ในความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 3+ ที่มีต่อตัวรถยนต์นั้นมีความคุ้มครองอะไรบ้าง และตัวประกันรถยนต์ชั้น 3+ นั้นได้มีความคุ้มครองต่อชีวิตและทรัพย์สินต่อผู้ทำประกันหรือความคุ้มครองกับบุคคลภายนอกหรือไหม และยังมีความคุ้มครองอื่นๆอีกไหม

    ความคุ้มครองของประกันชั้น 3+ ต่อตัวรถยนต์

    ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ความคุ้มครองที่มีต่อตัวรถยนต์ที่เกิดจากความเสียหาย ที่เกิดจากตัวรถยนต์หรือที่เกิดจากตัวรถของคู่กรณี เมื่อตัวรถของคุณหรือตัวรถของผู้ทำประกันเกิดความเสียหาย ทางประกันจะทำการจ่ายค่าความคุ้มครองรถยนต์ให้กับผู้ทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ โดยค่าความคุ้มครองนั้นจะอยู่ที่ว่าผู้ทำประกันตกลงจ่ายค่าประกันรถยนต์ที่เท่าไรตามหนังสือสัญญาของผู้ทำประกันรถยนต์

    ความคุ้มครองของประกันชั้น 3+ ต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก

    ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ให้ความคุ้มครองต่อชีวิตและต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก โดยเงื่อนไขในความคุ้มครองต่อชีวิตของผู้ทำประกันหรือต่อบุคคลภายนอกนั้น ต้องเกิดจากการที่รถยนต์ของผู้ทำประกันชนเข้ากับคู่กรณีแล้วคู่กรณีเกิดการบาดเจ็บหรือเกิดการเสียชีวิต ประกันจะทำการจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้เสียหาย

    หรือถ้าเกิดรถยนต์ของผู้ทำประกันได้ทำการชนกับรถของคู่กรณีแล้วทางผู้ทำประกันเป็นฝ่ายผิดแล้วรถของคู่กรณีเกิดความเสียหายทางประกันจะจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้เสียหายตามจำนวนที่ผู้ทำประกันได้ทำการเซ็นสัญญาตามข้อตกลงในหนังสือสัญญาของผู้ทำประกัน

    ความคุ้มครองของประกันชั้น 3+ ต่อผู้ทุพพลภาพ

    สำหรับตัวประกันรถยนต์ชั้น 3+ นั้นได้ให้ความคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ผู้ทำประกันได้ทำการขับรถยนต์แล้วเกิดการชนกับรถของคู่กรณีแล้วทางคู่กรณีเกิดบาดเจ็บจนเป็นผู้ทุพพลภาพ ทางประกันจะทำการจ่ายค่าชดเชยให้และถ้า ตัวของผู้ทำประกันเองเกิดการบาดเจ็บหรือบาดเจ็บจนเป็นผู้ทุพพลภาพทางประกันก็จะทำการจ่ายค่าชดเชยให้เช่นกัน ค่าชดเชยที่ได้จะได้ตามที่ระบุไว้ในหนังสือของผู้เซ็นสัญญาทำประกัน

    ประกันรถยนต์ชั้น 3+ แตกต่างกับประกันรถยนต์ชั้นอื่น ๆ อย่างไร

    ตัวประกันรถยนต์ชั้น 3+ มีความแตกต่างกับตัวประกันรถยนต์ชั้นอื่นๆ ในด้านความคุ้มครองหรือแม้แต่ค่าชดเชยที่ทางประกันได้ทำการจ่ายให้ แต่ในประกันรถยนต์ชั้นอื่นๆนั้นจะอยู่ที่ความต้องการของผู้ทำประกันว่าต้องการความคุ้มครองแบบไหนถึงจะเหมาะสมและถูกใจผู้เอาประกัน ประกันรถยนต์ของแต่ละชั้นจะมีความคุ้มครองที่ไม่เหมือนกัน และเงื่อนไขของประกันเองก็มีความแตกต่างกันไป ยิ่งถ้ารถที่มีการใช้งาน 5-10 ปี ประกันรถบางตัวก็อาจจะไม่เหมาะ

    แต่อาจจะเหมาะกับประกันอีกตัวมากกว่าทางผู้ทำประกันจะต้องทำการศึกษาและขอคำแนะนำจากผู้ขายประกันว่าประกันตัวไหนถึงจะมีความเหมาะสมต่อตัวผู้ทำประกันและต่อตัวรถยนต์ของผู้ทำประกันเอง เช่น ถ้าเกิดเงื่อนไขที่รถของผู้ทำประกันมีอายุการใช้งานที่นานอย่างรถที่มีอายุ 5-10 ปีขึ้นไป และมีการใช้งานรถอย่างระมัดระวังรถหรือรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน รถของคุณก็จะเหมาะกับตัวประกันรถยนต์ชั้น 3+ ด้วยความที่ตัวประกันมีราคาที่ถูกทำให้คุณสามารถประหยัดขึ้นได้

    และในส่วนของหัวข้อนี้จะเป็นการแนะนำเกี่ยวกับประกันรถยนต์ชั้นอื่นๆโดยเปรียบเทียบกับประกันรถยนต์ชั้น 3+ โดยจะมีตั้งแต่ชั้น 1 จนถึง ชั้น3 ว่าประกันรถยนต์ของแต่ละตัวมีความแตกต่างกันอย่างไร และตัวประกันรถยนต์ของแต่ละชั้นเหมาะกับแบบไหนและดียังไงต่อตัวผู้ทำประกันรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นความแตกต่างในด้านของความคุ้มครองหรือแม้แต่ได้ด้านของการจ่ายค่าชดเชยความเสียหาย โดยจะบอกเกี่ยวกับข้อมูลของประกันรถยนต์แต่ละชั้นให้ทุกท่านได้อ่านกัน

    ประกันชั้น 3+ เทียบกับประกันชั้น 1

    ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะมีความแตกต่างกับประกันรถยนต์ชั้น 3+ ความแตกต่างของสองตัวประกันนี้ ตัวประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นจะเหมาะกับรถที่มีการใช้เป็นประจำและผู้ทำประกันต้องการที่จะให้มีความคุ้มครองที่สูงสุด หรือเหมาะกับรถป้ายแดงที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุได้บ่อย เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองกับผู้ทำประกันเมื่อเกิดเหตุจะทำการคุ้มครองทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี จะไม่เหมือนกับตัวประกันรถยนต์ชั้น 3+ ที่คุ้มครองได้ก็ต่อเมื่อต้องมีคู่กรณีเท่านั้น

    ประกันชั้น 3+ เทียบกับประกันชั้น 2+

    ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะมีความแตกต่างกับประกันรถยนต์ชั้น 3+ อยู่ที่ถ้ารถของคุณมีการใช้งานมาแล้วอย่างน้อย 5 ปี และผู้ทำประกันมีการขับรถด้วยความระมัดระวัง หรือมีความชำนาญในการขับรถแล้ว ทำให้โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุนั้นมีน้อย ตัวประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะทำการคุ้มครองก็ต่อเมื่อ รถชน รถหาย ไฟไหม้

    หรือแม้แต่รถของคุณที่เกิดจากการโจรกรรมแล้วเกิดกระจกแตกประกันก็จะให้ความคุ้มครองด้วย ทุนของความคุ้มครองอยู่ที่ 100,000 - 500,000 ขึ้นกับทุนของผู้เอาประกัน จะไม่เหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 3+ ที่จะให้ความคุ้มครองได้ก็ต่อเมื่อต้องเกิดกับคู่กรณีเท่านั้น

    ประกันชั้น 3+ เทียบกับประกันชั้น 3

    ความแตกต่างของประกันรถยนต์ชั้น 3 กับประกันรถยนต์ชั้น 3+ นั้น ในตัวของประกันรถยนต์ชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองเฉพาะรถของคู่กรณีและบุคคลภายนอกเท่านั้น แต่ตัวของประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองในด้านค่าซ่อมรถของตัวผู้ทำประกันถ้าเกิดในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วรถของผู้ทำประกันเสียหาย ก็จะทำการคุ้มครองรถของผู้ทำประกันด้วย จะไม่เหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 3 ที่จะทำการคุ้มครองแค่ตัวผู้เสียหายหรือบุคคลภายนอกเท่านั้น

    เปรียบเทียบประกันชั้น3+

    ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เคลมได้ในกรณีไหน

    สำหรับการเคลมประกันรถยนต์ชั้น 3+ นั้นคุณจะสามารถเคลมประกันในกรณีที่ต้องมีคู่กรณีหรือเกิดอุบัติเหตุแล้วคุณกรณีเกิดการบาดเจ็บ ถึงจะเริ่มทำการยื่นเรื่องของเคลมได้ แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากสิ่งของ หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิต ก็จะเคลมไม่ได้ แต่ถ้าเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากผู้ทำประกันทำการหักหลบ สุนัข หรือ แมว แล้วเกิดอุบัติเหตุทางประกันก็จะไม่รับเคลมเช่นกัน

    กรณีเกิดอุบัติเหตุ

    ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนที่เกิดจากการรถชนหรือในกรณีที่มีคู่กรณีทางประกันรถยนต์ชั้น 3+ จะสามารถทำการเคลมได้ เมื่อเกิดเหตุในกรณีที่มีการชนกันขึ้นให้ทำการรีบติดต่อบริษัทประกันเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ทำการสำรวจที่เกิดเหตุและทำการส่งเรื่องเคลมให้กับทางบริษัท แต่ถ้าเกิดว่าในกรณีที่ผู้ทำประกันเป็นฝ่ายผิด สามารถเคลมประกันได้ปกติตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ในสัญญา แต่ถ้าถึงขั้นคดีอาญาประกันรถยนต์ จะไม่สามารถทำการคุ้มครองผู้ทำประกันได้ 

    กรณีรถยนต์เสียหาย

    ในกรณีที่รถของคุณเกิดความเสียหายที่ทำให้รถไม่สามารถสตาร์ทได้ หรือในรถของผู้ทำประกันเกิดมีปัญหา เช่นยางแตกหรือในกรณีที่ถูกโจรกรรมแล้วรถเกิดการเสียหาย ประกันจะไม่สามารถเคลมได้ หรือเกิดจากกรณีที่รถของผู้เอาประกันชนเข้ากับต้นไม้ หรือรถของผู้เอาประกัน เกิดไฟไหม้ จมน้ำ หรือสูญหาย ทางประกันก็จะไม่สามารถทำการเคลมได้เช่นกัน

    ประกันรถยนต์ชั้น 3+ เอกสารที่ต้องเตรียมก่อนการทำประกัน

    ในการเตรียมเอกสารที่คุณจะต้องทำการยื่นขอทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ นั้นสิ่งที่คุณจะต้องเตรียมก็มี สำเนาบัตรประชาชนของผู้ทำประกันหรือหนังสือเดินทางต่างประเทศ สำเนาใบขับขี่ของผู้เอาประกัน สำเนาหนังสือการจดทะเบียนรถยนต์ที่ต้องการทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ เมื่อทำการเซ็นสัญญาในการทำประกันรถยนต์ทุกครั้งคุณจะต้องอ่านเงื่อนไขในความคุ้มครองต่อตัวผู้ทำประกันให้ละเอียดเพื่อที่จะไม่ทำให้ผู้ทำประกันไม่เกิดความเสียหายต่อการเซ็นสัญญานั้นเอง

    เงื่อนไขในการทำ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ มีอะไรบ้าง

    ในการทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ นั้นจะให้ความคุ้มครองกับผู้ทำประกันและตัวคู่กรณี รวมไปถึงทรัพย์สินของผู้ทำประกันและคู่กรณี รวมถึงบุคคลภายนอก แต่ว่าจะคุ้มครองก็ต่อเมื่อต้องมีคู่กรณีเท่านั้น จะไม่สามารถคุ้มครองในกรณีที่รถหาย ไฟไหม้ หรือที่เกิดอุบัติเหตุจากสิ่งของได้ โดยความคุ้มครองจะอยู่ที่ 100,000 - 500,000 บาท ทุนประกันจะมากหรือน้อยอยู่ที่ผู้ทำประกันเป็นผู้เลือกทำ

    ประกันรถยนต์ชั้น 3+ ควรทำกับที่ไหนดี

    ทำประกันรถยนต์ชั้น 3+ กับบริษัท SILKSPAN ที่พร้อมให้ความดูแล และพร้อมใส่ใจต่อลูกค้าที่มีความสนใจอยากจะทำประกันยนต์ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 3 ก็มีพร้อมให้ตามความต้องการของคุณ และยังมีโปรโมชั่นอีกมากมายที่น่าสนใจ อย่างโปรโมชั่น ผ่าน 0% นาน 10 เดือน ไม่ว่าจะจ่ายแบบไหนก็ได้ และยังมีบริการที่พร้อมช่วยเหลือคุณตลอด 24 ชั่วโมง แล้วก็ยังมีโปรโมชั่นส่วนลดในการแนะนำอีกด้วย

    สำหรับใครที่สนใจแล้วเกิดอยากทำประกันรถยนต์หรือทำประกันออนไลน์อื่นๆ กับทาง SILKSPAN ง่ายๆเลยเพียงแค่คุณทำการติดต่อไปที่เบอร์โทร 02- 392-5500 หรือ ติดต่อไลน์ไปที่ @SILKSPAN หรือติดต่อได้ที่หน้าเว็บไซต์ SILKSPAN ทาง SILKSPAN พร้อมที่จะให้บริการคุณเสมอในด้านประกัน

    "สบายใจได้ ไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไปว่าจะลืมต่อประกัน" SILKSPAN ขอแนะนำบริการแจ้งเตือนต่อประกันรถยนต์ผ่าน LINE ไม่มีสายโทรกวนใจ ไม่มีค่าใช้จ่าย สมัครเลยที่นี่ www. silkspan.com/online/insurance-alert

    286
    ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 สุดคุ้ม

    คุ้มครองรถของคุณด้วยประกันรถยนต์ชั้น 1 ของ SILKSPAN ที่มาพร้อมกับโปรโมชั่นดี ๆ ราคาไม่แพง รถชน ไฟไหม้ รถหาย ฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูก ก็คุ้มครองหมดกับรถที่ทำประกัน มั่นใจได้เลยว่าทำประกันรถยนต์ชั้น 1 แล้วจะปลอดภัยสุด ๆ เคลมง่าย จ่ายเบี้ยเริ่มต้นแค่ 750 ต่อเดือน และยังผ่อนฟรี 0% นาน 10 เดือนอีกด้วย

    คุณจะเห็นได้ว่าการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 มีประโยชน์มาก ๆ กับความปลอดภัยเพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเพราะอุบัติเหตุตามท้องถนนเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดทั้ง ๆ ที่บางคนขับรถตามกฎจราจรทุกอย่างก็ยังเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เพียงเพราะโชคร้ายแต่ไม่ต้องห่วงถ้าคุณทำประกันรถยนต์ชั้น1 กับทาง SILKSPAN เคลมง่ายสบายใจหมดห่วงเรื่องอุบัติเหตุ

    ประกันรถยนต์ชั้น 1 ทำไมถึงต้องทำ มีความจำเป็นจริง ๆ ไหม
    ประกันรถยนต์ชั้น 1 ไม่เพียงช่วยให้คุณสบายใจหมดเรื่องอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียว ยังสามารถช่วยเหลือเกี่ยวกับเหตุการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ได้เช่น น้ำมันหมดกลางทาง ยางแตก รถสตาร์ตไม่ติด ก็สามารถโทรเรียกใช้บริการกับทาง SILKSPAN ได้เลย 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็พร้อมดูแลคุณซึ่งถือว่าเป็นข้อดีของการทำประกันชั้น 1 เป็นสิทธิพิเศษดี ๆ ของทาง SILKSPAN ที่มอบให้

    ประกันชั้น 1 มีความจำเป็นจริง ๆ ไหมสำหรับท่านใดที่ต้องการเรื่องความอุ่นใจแล้วละก็การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ถือว่ามีความจำเป็นอย่างมากเพราะถ้าหากคุณมั่นใจว่าขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัยแต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอย่างไฟไหม้ และภัยธรรมชาติต่าง ๆ  การทำประกันรถยนต์ชั้น1 ก็จะช่วยคุณในส่วนนี้ได้

    เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้ที่ SILKSPAN
    การทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ในปัจจุบันมีบริษัทแข่งกันหลากหลายบริษัทซึ่งราคาก็อาจจะแตกต่างกันไปตามรุ่นของรถยนต์ ปีที่ออก จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้เลยแบบไม่ต้องเสียเวลากันทั้ง 2 ฝ่าย

    หน้าเว็บไซต์ของ SILKSPAN ท่านจะสามารถเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้เลยทั้งของบริษัทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น วิริยะประกันภัย ทิพยประกันภัย แอกซ่าประกันภัยรวมแล้ว 20 บริษัทโดยคุณสามารถตรวจสอบเบี้ยได้ง่าย ๆ เพียงแค่กรอกข้อมูลรถต่าง ๆ และเบอร์โทรศัพท์ของคุณก็จะสามารถเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้แล้ว

    ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองรถยนต์ของคุณอย่างไรบ้าง
    ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชั้น 1 จะช่วยแบ่งเบาค่าเสียหายตามที่กำหนดไว้ในทุนประกันโดยประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองทั้งหมดทั้งต่อตัวรถยนต์ คุ้มครองชีวิตของคนภายในรถ รวมถึงบุคคลภายนอกที่ได้รับอุบัติเหตุและมีความเสียหายด้วย โดยจะแบ่งความคุ้มครอง 5 อย่างได้แก่

    ความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์
    ประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองต่อรถยนต์ทุกกรณีไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุตามท้องถนนเสียหายจากการชน โดนขโมย เป็นฝ่ายผิดหรือฝ่ายถูกก็ได้รับความคุ้มครองไปเต็ม ๆ ประกันรถชั้น 1 ยังให้ความคุ้มครองถึงอุปกรณ์แต่งรถของท่านที่ระบุไว้ในประกันด้วย และยังให้ความคุ้มครองแก่กระจกรถยนต์ของท่านจากการโดนทุบ โจรกรรม ก่อเหตุทะเลาะวิวาท จะมีการเคลมให้รถของท่านกลับมาอยู่ในสภาพเดิมแบบเร็วที่สุด

    ความคุ้มครองต่อความเสียหายหรือเจออุบัติภัย ภัยธรรมชาติ
    แน่นอนว่าการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นคุ้มครองกรณีต่อความเสียหายหรือเจออุบัติภัยและภัยธรรมชาติอีกด้วยเช่น ลูกเห็บตกใส่ แผ่นดินไหว น้ำป่าไหลหลาก ไฟไหม้ น้ำท่วมจากเหตุการณ์ธรรมชาติ ล้วนเป็นความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด บริษัท SILKSPAN ของเราจะรับผิดชอบต่อค่าซ่อมแซมความเสียหายต่อผู้ทำประกันรถชั้น 1 แต่ถ้ารถเสียหายทั้งคัน บริษัท SILKSPAN จะคืนทุนประกันให้แก่ท่านตามวงเงินทั้งหมดที่ระบุไว้ในกรมธรรม์

    ความคุ้มครองต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
    ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอกอีกด้วย เช่น ร่างกายของคู่กรณี สิ่งของบนท้องถนนเช่น ร้านค้า เสาไฟฟ้า ตอม่อ ที่ได้เกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุของรถที่ทำประกันรถชั้น 1 ไว้ โดยบริษัท SILKSPAN จะรับผิดชอบด้วยการจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามจริง และไม่เกินวงเงินที่ระบุไว้สูงสุด 10 ล้านบาท

    ความคุ้มครองตามเอกสารแนบท้าย
    อีกทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองตามเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่ต้องนำตัวส่งโรงพยาบาล ประกันรถชั้น 1 จะครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่ายในรักษาพยาบาล รวมถึงค่าบริการบุคลากรแพทย์ และของผู้โดยสารภายในรถที่ทำประกันรถชั้น 1 ไว้ แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายผิดจนก่อให้เกิดเป็นคดีอาญา ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะมีเงินประกันตัวไว้คอยช่วยเหลือให้แก่ผู้ขับขี่ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์อีกด้วย

    บริการเสริมพิเศษติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง
    ลูกค้า SILKSPAN รับสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 บริการรถให้เบิกค่าเดินทางระหว่างซ่อม และบริการช่วยเหลือเหตุการณ์ฉุกเฉินไม่ว่าจะรถยางแตก รถเสีย รถสตาร์ตไม่ติด ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง

    ประกันรถยนต์ชั้น 1 ดีกว่าประกันรถยนต์ชั้นอื่น ๆ ยังไง

    ประกันรถยนต์ชั้น 1 เทียบกับประกันชั้นอื่น

    ตามหลักของการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือชั้นอื่น ๆ ก็ตามแต่คือการที่ผู้ถือกรมธรรม์เลือกและสมัครใจในการทำประกันรถยนต์ ที่จะให้ค่าชดเชยหรือสินไหมทดแทนจากการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ เหมาะสมคนที่ต้องการความคุ้มครองแบบครอบคลุมเน้นความสบายใจแก่รถยนต์ของท่านที่ใช้ในชีวิต

    ประกันชั้น1 มีราคาสูงกว่าราคาประกันอื่น ๆ  แต่ก็มีผลประโยชน์ครอบคลุมรอบด้านซึ่งแตกต่างจากประกันชั้น 2 หรือชั้นอื่น ๆ เพราะไม่เพียงแต่คุ้มครองบุคคลภายในรถเท่านั้น บางทีเราอาจต้องคุ้มครองไปถึงคู่กรณีที่เป็นคนภายนอก และทรัพย์สินของบุคคลที่อาจโดนลูกหลงไปด้วยจากอุบัติเหตุเช่น ร้านค้า ที่ตั้งอยู่บริเวณนั้น ถ้าเทียบความคุ้มค่าจากการทำประกันชั้น 1 กับประกันอื่น ๆ จะมีข้อแตกต่างดังนี้

    เทียบประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2+
    ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะให้ความคุ้มครองแก่อุบัติเหตุรถชนกันเท่านั้น ไม่รวมไปถึงการโจรกรรม และภัยพิบัติทางธรรมชาติต่าง ๆ จะเห็นได้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ดีกว่ามากเพราะคุ้มครองทั้งหมด ทุกเหตุการณ์

    เทียบประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 2
    ประกันรถยนต์ชั้น 1 นั้นก่อให้เกิดประโยชน์ดีกว่าประกันชั้น 2 เพราะประกันชั้น 2 ไม่สามารถคุ้มครองรถชนที่ไม่มีคู่กรณีได้และค่าซ่อมรถเหมือนประกันรถชั้น 1 อีกทั้งยังมีข้อยกเว้นอื่น ๆ อีกที่แตกต่างกันไป

    เทียบประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 3+
    ประกันรถยนต์ชั้น 3+ คุ้มครองรถที่มีคู่กรณีเท่านั้น ไม่รวมการโจรกรรม และภัยพิบัติทางธรรมชาติ ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก ไม่เท่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองมากถึง 10 ล้านบาทต่อครั้ง

    เทียบประกันชั้น 1 กับประกันชั้น 3
    ประกันรถยนต์ชั้น 1 เห็นได้ว่าสามารถคุ้มครองทั้งหมดรอบด้านแต่ตัวประกันรถยนต์ชั้น 3 จะให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอกเท่านั้น ส่วนรถของผู้ทำประกันและค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้นจะต้องดำเนินการออกค่าใช้จ่ายเอง

    ประกันรถยนต์ชั้น 1 สามารถเคลมที่ไหนได้บ้าง
    ลูกค้าที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะสามารถเคลมประกันได้ที่ไหนบ้างโดยหลัก ๆ ท่านจะสามารถติดต่อเบอร์ที่ระบุไว้ในเอกสารกรมธรรม์ได้เลยเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจทำเรื่องเคลมและไม่ต้องไปเสียเวลาเจรจากับคู่กรณีด้วยตัวเองซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้

    กรณีเกิดอุบัติเหตุ
    กรณีเกิดอุบัติเหตุ ขอให้รีบแจ้งติดต่อเจ้าหน้าที่โดยทันที เจ้าหน้าที่จะรีบเข้ามาทำเรื่องต่าง ๆ มากมายที่ระบุไว้ในเอกสารกรมธรรม์ทั้งมีคู่กรณีหรือไม่ก็แล้วแต่ ถ้าคุณเป็นฝ่ายผิดประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็พร้อมออกค่าใช้จ่ายค่าให้ประกันตัวผู้ขับขี่อีกด้วย

    กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับรถยนต์
    กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับรถยนต์ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะ รถเสีย รถสตาร์ตไม่ติด น้ำมันหมดกลางทาง ยางแตก แน่นอนว่าท่านสามารถเรียกใช้บริการของทางเราได้เลยตลอด 24 ชั่วโมง จาก Inter Partner Assistance เพราะเป็นสิทธิพิเศษที่ลูกค้าที่ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ไว้อยู่แล้วไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องกังวลปัญหาฉุกเฉินอีกต่อไป

    ประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ SILKSPAN มีส่วนลดต่าง ๆ มากมาย
    ประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ SILKSPAN ประกันออนไลน์ที่สามารถรู้ราคาทันที นอกจากนี้ยังผ่อน 0% นานถึง 10 เดือนอีกด้วย บริการตลอด 24 ชั่วโมงสำหรับลูกค้าที่ทำประกันไม่ว่าจะฉุกเฉินปัญหายิบย่อยต่าง ๆ เราสามารถช่วยคุณได้หมด อีกทั้งยังมีส่วนลดต่าง ๆ มากมายเช่น

    1.ต่อประกันรถล่วงหน้ารับไปเลยส่วนลดสูงสุด 500 บาท
    2.ไม่มีเคลมภายในระยะประกันรับไปเลยส่วนลด 500-1,000 บาท
    3.แนะนำต่อประกันคันที่ 2 ได้ส่วนลดไปเลยสูงสุด 1,000 บาท
    4.ส่วนลดประจำเดือน เพียงคุณติดตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ
    5.เบิกค่าเดินทางระหว่างส่งซ่อมรถได้สูงสุดถึง 1,000 บาท
    6.ส่วนลดประกันรถยนต์ 500 บาทถ้าคุณรับชม SILKSPAN LIVE หรือโทรมาก็รับไปเลยส่วนลด 1000 บาททุกวันพุทธ 21.00 น. ทางช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ

    นอกจากประกันรถยนต์ชั้น 1 แล้วทาง SILKSPAN  ก็ยังมีประกันสุขภาพ ประกันโควิด 19 สินเชื่อต่าง ๆ คุณสามารถติดต่อได้ทางช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น facebook line เบอร์โทร หรือทางเว็บไซต์ SILKSPAN ได้เลย

    "สบายใจได้ ไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไปว่าจะลืมต่อประกัน" SILKSPAN ขอแนะนำบริการแจ้งเตือนต่อประกันรถยนต์ผ่าน LINE ไม่มีสายโทรกวนใจ ไม่มีค่าใช้จ่าย สมัครเลยที่นี่ h ttps: //www.silkspan.com/online/insurance-alert

    287
    รถยนต์นับเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญมากในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะครอบครัวที่มีแหล่งพำนักอาศัยในหมู่บ้านที่ทำให้ต้องเดินทางไกลไปศึกษา หรือทำงาน ดังนั้นการมีรถยนต์ไว้ใช้ในการเดินทางย่อมจะสะดวกสบายและช่วยประหยัดเวลามากขึ้น แต่เพราะรถยนต์นั้นมีราคาแพง การดูแลรักษาสภาพของรถยนต์ให้ดีนั้น จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะการรักษารถยนต์ให้่มีสภาพดี ทำการดูแลอยู่เสมอ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถได้
     
    การดูแลสีรถยนต์ก็เป็นอีกขั้นตอนที่จะช่วยให้รถยนต์แลดูใหม่อยู่เสมอ วิธีดูแลก็สามารถทำด้วยตัวเองได้ง่าย ๆ เพียงแค่หลังจากใช้รถยนต์ ก็ควรที่จะทำความสะอาดขจัดคราบฝุ่นออกให้หมดด้วยการใช้น้ำยาเช็ดรถ น้ำยาขัดสีรถ

    และตบท้ายด้วยการใช้น้ำยาเคลือบเงารถยนต์ หรือน้ำยาเช็ดรถอีกครั้ง เพื่อให้รถของเรากลับมาเงางามเหมือนใหม่ โดยเรามาทำความรู้จัก “น้ำยาขัดสีรถ” ว่ามีคุณสมบัติอะไร ใช้งานอย่างไร เพื่อจะได้เลือกใช้ได้ถูกกับสภาพสีผิวรถยนต์ของเรา 

    น้ำยาขัดสีรถ ตัวช่วยดูแลรถยนต์ให้ดูดี ในราคาที่ย่อมเยาว์

    น้ำยาขัดสีรถ คืออะไร มีประโยชน์อะไรบ้าง

    เพื่อที่จะได้ทำให้รถยนต์ของเราดูดีเหมือนใหม่อยู่เสมอ เราก็ต้องหาผู้ช่วยตัวท็อปสำหรับงานนี้ ซึ่งก็คือน้ำยาขัดสีรถนั่นเอง ซึ่งก่อนใช้งานเราควรที่จะรู้จักถึงสรรพคุณ คุณสมบัติของน้ำยาขัดสีรถ หรือ น้ำยาขัดเงารถยนต์ก่อน โดยน้ำยาขัดสีรถเป็นน้ำยาที่ช่วยขจัดคราบสิ่งสกปรกบนพื้นผิวรถยนต์ ช่วยขัดสีรถให้ดูเงางาม แลดูใหม่อยู่เสมอ
     
    ประโยชน์ของน้ำยาขัดสีรถนั้น คือ ช่วยการขัดสีรถบนผิวหน้าของสีหรือแลคเกอร์รถยนต์ ให้เกิดความเรียบเนียนและเงางาม โดยที่น้ำยาขัดสีรถนั้นมีทั้งแบบ “ขัดหยาบ” และ “ขัดละเอียด” แต่ละแบบก็เหมาะสมกับสภาพรถคนละแบบ เช่น ถ้าเป็นรอยลึกก็ควรใช้น้ำยาขัดสีรถแบบหยาบก่อนแล้วจึงตามด้วยน้ำยาขัดสีรถแบบละเอียด
     
    แต่ถ้าในกรณีที่เป็นรอยเล็ก ๆ ประมาณ รอยแมวข่วน ก็แค่ใช้น้ำยาขัดสีรถก็สามารถช่วยได้ ไม่จำเป็นต้องเสียเงินแพง ๆ เพื่อทำสีรถใหม่ ซึ่งการใช้น้ำยาขัดสีรถนั้นนี้จะช่วยประหยัดได้มาก ถูกกว่าค่าใช้จ่ายในการทำสีรถใหม่แน่นอน

    น้ำยาขัดสีรถ คืออะไร มีประโยชน์อะไรบ้าง

    การใช้น้ำยาขัดสีรถด้วยตัวเองสามารถทำอย่างไรได้บ้าง

    วิธีการใช้งานน้ำยาขัดสีรถยนต์ด้วยตัวเองนั้น ทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

    1. ก่อนอื่นให้นำรถที่ต้องการจะขัดสีมาทำความสะอาดล้างฝุ่นละออง สิ่งสกปรกทั้งหลายที่ติดอยู่กับพื้นผิวรถออกให้หมดเสียก่อน

    2. จากนั้นนำครีม หรือ น้ำยาขัดสีรถมาทาที่พื้นผิวของรถ แล้วขัดถูเป็นวงกลมด้วยฟองน้ำสำหรับขัดสีรถ แต่การขัดควรแบ่งออกเป็นส่วน ๆ

    3. เมื่อยาขัดสีรถแห้งแล้ว ก็ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดคราบออก แล้วก็อาจจะตามด้วยการใช้น้ำยาเคลือบสีรถเพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ และทำให้สีรถยนต์จะดูเงางามในเวลาเดียวกัน

    น้ำยาขัดสีรถยี่ห้อไหนดี

    น้ำยาขัดสีรถทุกยี่ห้อมีข้อดีข้อจำกัดแตกต่างกันไป ราคาก็หลากหลาย จึงขึ้นกับผู้ใช้ว่าเลือกแบบไหนราคาเท่าไรให้กับรถยนต์ของตนเอง ในที่นี้เราจะขอแนะนำ น้ำยาขัดสีรถ ที่ดีมาก ๆ ราคาก็ไม่แพงให้กับคนที่รักรถทุกคนได้ลองพิจารณา

    1. KleanSquare

    น้ำยาขัดสีเคลือบเงารถยนต์ Square Sealant จาก KleanSquare เป็นผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งตัวที่อยากจะมาแนะนำให้รู้จัก เพราะสามารถช่วยป้องกันรังสี UV ที่มาจากแสงแดด โดยเฉพาะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ที่มีแดดแรงอยู่เกือบทุกวัน ทำร้ายสีรถของคุณ น้ำยาขัดสีเคลือบเงายี่ห้อนี้มีสูตรเฉพาะ ที่มีส่วนผสมของ
    เทฟลอนคุณภาพสูง + เกลซแวกซ์ ที่ทำให้รถมีสภาพใหม่ และเรียบลื่นอยู่เสมอ

    ราคา 499 บาท ต่อขนาด 500 กรัม

    น้ำยาขัดสีรถ ยี่ห้อง Klean Square

    2. CANA

    น้ำยาขัดสีรถ CANA มีลักษณะเป็นครีม ใช้ขัดสีรถที่ซีดหมอง มีคราบไคล คราบยางมะตอย คราบกาวสติ๊กเกอร์ รอยขนแมว สำหรับวิธีขัดนั้นใช้ได้ทั้งแบบเครื่องขัดสีและแบบขัดด้วยมือ ใช้ได้กับทั้งรถใหม่และรถเก่า และเพื่อที่จะได้รถที่เงางามขอแนะนำให้ลงครีมขัดสีก่อนที่จะเคลือบเงาตามหลัง

    ราคา 50-70 บาท ต่อขนาด 200 กรัม

    3. Dinco DTWO

    น้ำยาขัดสีรถ Dinco DTWO มีลักษณะเป็นครีม และไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน (Silicone) ใช้ลบรอยกระดาษทราย รอยขนแมว รอยละอองสี รอยขีดข่วนต่าง ๆ คราบยางมะตอย และลดการเกาะของน้ำและฝุ่นได้ดี สามารถขัดสีผิวรถยนต์ให้เรียบเนียนได้ แถมยังใช้ขัดไฟหน้ารถที่เหลือง ขัดสนิมโครเมียม ขัดโลหะต่าง ๆ ให้กลับมาเงาใสเหมือนเดิม

    ราคา 200-220 บาท ต่อขนาด 500 กรัม

    4. 3D AAT 501

    น้ำยาขัดสีรถ 3D AAT 501 เป็นน้ำยาขัดสีรถที่นำเข้าจากอเมริกา ที่ใช้เทคโนโลยีของเม็ดขัดสีที่เล็กที่สุดในโลก AAT Nono Abrasive ทำให้ไม่มีเม็ดฝุ่นขณะขัด และไม่ทิ้งคราบต่าง ๆ ทั้งยังช่วยลบรอยขนแมว รอยขีดข่วน รอยลึกของสีได้ตัวน้ำยามีกลิ่นหอม ไม่ฉุน และไม่มีกลิ่นเคมีหรือสารระเหยที่เป็นอันตราย และยังผ่านมาตรฐาน VOC

    ราคา 1,500-1,600 บาท ต่อขนาด 950 มล.

    5. M Scratch Remover

    น้ำยาขัดสีรถ 3M Scratch Remover เป็นน้ำยาที่เหมาะมากกับรอยรถและคราบสกปรกที่ฝังแน่น ในน้ำยาขัดสีรถ มีเม็ดขัดขนาดกลาง  ช่วยให้ลบรอยข่วน รอยขนแมวได้อย่างดี สามารถขัดได้ทั้งมือและเครื่องขัด  แต่ข้อห้ามก็คือ ไม่ควรขัดกลางแดด หรือขณะที่พื้นผิวสีรถยนต์ร้อน

    ราคา 350-360 บาท ต่อขนาด 236 กรัม

    สรุป

    สำหรับคนที่มีรถยนต์ไว้ขับขี่ ขอแนะนำให้มีน้ำยาขัดเคลือบสีรถไว้ติดบ้านไว้ใช้ เพื่อดูแลสภาพสีรถให้ดูดีและเงางามตลอด เวลาหลังจากเสร็จใช้งานแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสีรถซึ่งค่อนข้างแพงโดยไม่จำเป็นส่วนจะใช้ยี่ห้อไหนก็แล้วจแต่งบประมาณ และความสะดวกในการซื้อหามาใช้

    288
    เคลือบแก้วรถยนต์เสริมเกราะให้รถสวยสดใสไร้รอยขีดข่วน

    เมื่อรถยนต์ของคุณประสบกับปัญหารอยขนแมว รอยขีดข่วน หรือสีสีดจางไม่สดใส จนทำให้คุณต้องเสียเวลา และเสียเงินในการทำสีใหม่ ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไรต้องเสียเงินเปลี่ยนสีอีกครั้ง อย่าทำให้ชีวิตต้องยุ่งยาก มาเคลือบแก้วให้กับรถของคุณกันดีกว่า

    การเคลือบแก้วรถยนต์คือการเสริมเกราะชั้นที่สองทำให้รถของคุณมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ช่วยปกป้องรถของคุณล่วงหน้าจากแสงแดด และการขูดขีด ทำความสะอาดง่าย ลดการจับตัวของฝุ่น ทำให้สีสันของรถดูเงางาม ใหม่อยู่เสมอ

    รถยนต์คือทรัพย์สินที่รัก ที่คุณจะต้องทะนุถนอมเป็นพิเศษ หากมีริ้วรอยเกิดขึ้น มองเห็นได้ง่าย ทำให้รถยนต์ไม่สวยงาม หรือมีคราบสกปรกฝังลึก จนยากเกินจะแก้ไข คุณจึงควรเคลือบแก้วรถยนต์ เพื่อช่วยทำให้รถของคุณให้มีความหนาและแข็งแรง ป้องกันปัญหาดังกล่าว

    เคลือบแก้วคืออะไร จำเป็นแค่ไหนต่อรถของคุณ

    การเคลือบแก้ว (Glass Coating) คือ การเคลือบเพิ่มชั้นสีของรถยนต์เหมือนกระจกใสให้หนาขึ้นและมีความแข็งแรงมากขึ้น โดยมีขนาดตั้งแต่ 1 - 9 H ด้วย Silicon Dioxide (SiO2) หรือ ซิลิกา ซึ่งซิลิกาคือส่วนผสมของการผลิตแก้วนั้นเอง ซิลิกาอาจทำปฏิกริยากับสารเคมีบางชนิด แต่ไม่ทำปฏิกริยากับสีของรถซึ่งจะมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา หากถามว่าเคลือบแก้วจําเป็นไหม เพราะน้ํายาเคลือบแก้วราคาแพงกว่าการเคลือบแบบอื่น เราบอกได้เลยว่าจำเป็นอย่างยิ่งต่อรถที่คุณรัก

    การเคลือบแก้วรถยนต์ดีไหม มีข้อดีด้านใดบ้าง?

    ข้อดีของการเคลือบแก้ว

    การเคลือบแก้วรถยนต์ดีไหม เคลือบแก้วดียังไง สามารถช่วยอะไรได้บ้าง เหมาะสมไหมที่คุณจะเปลี่ยนใจมาเคลือบแก้ว คำถามเหล่านี้ เรามีคำตอบ เพราะนอกจากช่วยปกป้องริ้วรอยแล้ว ข้อดีของการเคลือบแก้วรถยนต์ยังมีอีกหลายประการ ดังนี้

    1. ทำความสะอาดได้ง่าย

    การเคลือบแก้วรถยนต์ ด้วยวัสดุชั้นดีที่ให้ในการทำแก้วอย่างซิลิกา ทำให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของคุณจะลื่น เนียน ทำความสะอาดง่าย แค่ฉีดน้ำก็ทำให้สิ่งสกปรกถูกล้างออกไป ต้องลองสัมผัสแล้วคุณจะเข้าใจ

    2. ป้องกันแสง UV ได้ดี

    วิธีเคลือบแก้วช่วยทำให้รถของคุณหนาขึ้น แข็งแรงขึ้น และยังเป็นเกราะช่วยป้องกันแสงแดด หรือ รังสี UV จากดวงอาทิตย์ ที่ส่งผลเสียต่อรถยนต์ของคุณได้อีกด้วย หมดปัญหาเรื่องสีซีด สีจาง จากแสงแดด

    3. เคลือบแก้วสามารถคงอยู่ได้นาน

    รถยนต์ที่ได้รับการเคลือบแก้วจะได้เปรียบเรื่องความทนทานของชั้นผิวเคลือบที่อยู่ได้นานมากกว่าการเคลือบแว๊กซ์ปกติ 1 - 3 ปี ขึ้นอยู่กับน้ำยาเคลือบแก้ว และคุณภาพของศูนย์บริการแต่ละแห่ง

    4. ทำสีของตัวรถดูใหม่เสมอ

    ด้วยสารซิลิกาที่ทำให้การเคลือบแก้วรถยนต์เปรียบเสมือนการเคลือบกระจกเกิดความเงางาม ช่วยให้สีของรถดูสวยสดใส ใหม่อยู่เสมอ และดูสะอาดกว่ารถปกติที่ไม่ได้เคลือบแก้ว

    5. ป้องกันจากเปื้อนจากคราบต่างๆ

    รถยนต์ที่ใช้งานมาก คราบรอยเปื้อนจากคราบสกปรกต่าง ๆ ทำให้รถยนต์ดูไม่สะอาด การเคลือบแก้วรถยนต์จะทำให้คราบรอยเปื้อนไม่ฝังลึกที่ตัวรถยนต์

    6. สามารถลดรอยขีดข่วนได้ดี

    การเคลือบแก้วรถยนต์มีคุณสมบัติการลื่นต่อน้ำยาวนานกว่า ส่งผลให้ลดโอกาสการเกิดรอยที่ขจัดได้ยาก เช่น คราบสกปรก รอยขนแมว รอยขีดข่วน และยังช่วยลดปัญหาการถูกขูดหรือการถูกกระแทกจนเป็นสาเหตุให้รถยนต์มีริ้วรอยไม่สวยงาม

    7. ดีต่อรถที่เป็นรอยง่าย

    รถยนต์ที่มีสีขาว หรือสีอ่อนต่าง ๆ เป็นรถที่เกิดรอยได้ง่าย มองเห็นได้ชัดเจน เพื่อปกป้องรถยนต์จากรอยขีดข่วนต่าง ๆ  จึงควรให้รถเคลือบแก้วป้องกันไว้

    ปัจจัยในการเลือกร้านเคลือบแก้วที่ดี

    ปัจจับเลือกร้านเคลือบแก้วที่ไหนดี

    การเลือกร้านเคลือบแก้วมีความสำคัญมาก เพราะรถเคลือบแก้วจะอยู่กับคุณเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับคุณภาพของผู้ให้บริการ ปัจจัยช่วยทำให้คุณเลือกร้านที่ดีมีประสิทธิภาพ มีดังนี้

    1. มีเครดิต มีคุณภาพ และมีความน่าเชื่อถือ
    2. มีความคุ้มค่าด้านราคา และคุณภาพ ส่วนผสมน้ํายาเคลือบแก้วราคาเหมาะสมกับผลงาน
    3. ให้ความคุ้มครองหลังการบริการ สามารถติดต่อได้
    4. สืบค้นข้อมูลจากผู้เคยใช้บริการ หรืออ่านรีวิว เพื่อมั่นใจว่าคุณจะได้รับบริการที่ดี

    สรุป

    เคลือบแก้วรถยนต์เสริมความแข็งแรงไร้ริ้วรอย

    การเคลือบแก้วสีรถยนต์มีประโยชน์หลายประการ ที่สามารถทำให้คุณมั่นใจได้ว่ารถของคุณจะได้รับการปกป้อง มีความแข็งแรงมากขึ้น เพราะหากปล่อยให้รถมีรอยขีดข่วนอาจไม่ส่งผลดี จนทำให้คุณต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มากกว่าการเคลือบแก้วเสียอีก ทั้งนี้คุณควรเลือกใช้บริการช่างที่มีประสบการณ์เคลือบแก้วรถยนต์ เพื่อรักษาสภาพรถยนต์ของคุณให้นานที่สุด

    289
    บริการเช่าเบนซ์เป็นบริการที่สะดวกสบายเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่ชื่นชอบ หรือมีรถเบนซ์อยู่แล้ว เพราะไม่ว่าคุณจะต้องการเช่าเบนซ์เพื่อทดลองขับ อยากเช่ารถสปอร์ตในวันสุดพิเศษ หรือไม่ว่ารถเบนซ์คู่ใจต้องซ่อมกะทันหัน ไม่ว่าจะโมเม้นท์ไหนบริการเช่ารถเบนซ์รายวันตอบโจทย์ของคุณได้อย่างแน่นอน

    เราจึงรวบรวมข้อมูลของบริการเช่ารถเบนซ์รายวันที่คุณต้องรู้ หลายคนคงมีข้อสงสัยว่ารถเบนซ์มีหลายรุ่นจะแยกคลาสยังไงแต่ละคลาสต่างกันอย่างไร? อยากเช่าเบนซ์สักคันราคาเท่าไหร่? แล้วต้องใช้บริการเช่ารถเบนซ์รายที่ไหนดีจึงจะน่าเชื่อถือ ติดตามได้ในบทความนี้ได้เลย   

    เช่ารถ benz ราคาเท่าไหร่

    สิ่งที่ควรรู้ก่อนเช่ารถเบนซ์ มีอะไรบ้าง      
    สำหรับใครที่กำลังจะเช่ารถ benz คุณอาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีคลาสอะไรบ้าง? รหัสหลังตัวเลขบ่งบอกถึงอะไร? รถเบนซ์บางรุ่นทำไมถึงมีตัวเลขแค่ 2 หลัก แล้วตัวเลข 3 หลักคืออะไร? ก่อนเช่ารถ benz คุณควรรู้ข้อมูลเหล่านี้ก่อน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
       
    1. รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีคลาสอะไรบ้าง
    ก่อนจะเช่ารถเบนซ์รายวันคุณควรรู้ก่อนว่ารถ benz มีคลาสอะไรบ้าง โดยการแบ่งคลาสของเบนซ์นั้นจะแยกได้จากตัวอักษร แล้วตามด้วยตัวเลข 3 หลัก ตั้งแต่เล็ก ไปถึงใหญ่ แต่ละคลาสมีรายละเอียด ดังนี้

    • A-Class หากคุณเช่ารถเบนซ์ตัวอักษร A ซึ่งเป็นรถขนาดเล็ก ที่อยู่ในช่วงของรถ Sub-Compact Car เหมาะกับการใช้งานในเมือง แต่สามารถใช้งานได้หลากหลาย
    • B-Class เป็นรถขนาดเล็ก ที่เหมือนกับ A Class แต่หากเช่ารถเบนซ์อักษร B ได้มีการขยายสัดส่วนด้านบนให้สูงขึ้น เหมือนลักษณะของรถ MPV เหมือนทรงกล่อง ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น และพื้นที่กว้างขวาง
    • C-Class หรือ Compact Class เป็นรถขนาดปานกลาง อยู่ในช่วงของ Compact Car ที่มีขนาดกำลังดี ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ถ้าไปอยู่ในรถประเภทอื่น ๆ จะมีรุ่น GLC หรือ รถสปอร์ต Roadster อย่าง SLC ซึ่ง C Class ก็จะเป็นรถที่มีขนาดเดียวกับ BMW 3 Series หรือ Audi A4
    • E-Class เป็นรถขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ ไปทาง Mid-Size Car เช่ารถเบนซ์เหมาะสำหรับครอบครัว หรือผู้บริหาร ที่สามารถนั่งเบาะหลังได้อย่างสบาย ช่วงล่างนุ่มนวลขึ้น ภูมิฐาน อุปกรณ์พื้นฐานครบครัน และภายในที่กว้างขวาง เลือกใช้วัสดุที่พิถีพิถัน การเก็บเสียงเงียบสบาย

    เช่ารถเบนซ์ใช้เอกสารอะไรบ้าง

    • S-Class เป็นรถที่มีขนาดใหญ่สุด แพงที่สุด หากคุณเช่ารถเบนซ์ S-Class จะให้ความสบายเหนือระดับ รวมทั้งระบบความปลอดภัยรอบคัน อย่างเช่น Mercedes-Benz S 560 e AMG และรุ่นใหม่ล่าสุด S 580 e AMG W223 ปี 2023 ที่คุณสามารถ เช่ารถเบนซ์ S Class ขับแบบนุ่มนวล เงียบสนิท แต่แรงสุด ๆ
    • SL ซึ่งหมายถึงรถ Roadster หรือ Cabriolet เหมือนเบนซ์สปอร์ต เปิดประทุน SLC 300 AMG นั่นเอง โดย SL ต่อท้ายด้วย C จึงหมายถึง รถสปอร์ตเปิดประทุนขนาดกระทัดรัดที่มีน้ำหนักเบานั่นเอง
    • CL เป็นคลาสใหม่ของรถซีดาน อย่างเช่น CLA 35 หรือ CLS 300 d AMG รวมทั้ง CLS 53 AMG จะหมายถึงรถที่เป็นซีดาน แต่มีหลังคาลาด ให้อารมณ์สปอร์ตเหมือนรถ Coupe นั่นเอง CLA จึงเป็นรถ Coupe Sedan ขนาดค่อนข้างกะทัดรัด ในขณะที่ CLS จะมีขนาดใหญ่

    2. รหัสหลังตัวเลขบ่งบอกถึงอะไร?
    หลายคนที่จะเช่ารถเบนซ์แต่ยังสงสัยว่ารหัสหลังตัวเลขบ่งบอกอะไร รหัสหลังตัวเลขถึงบ่งบอกถึงระบบเครื่องยนต์ และสมรรถนะ รหัสด้านท้ายรถเพื่อบอกว่ารถคันนั้นเป็นรุ่นอะไร โดย 1 ตัวอักษร และตามด้วยตัวเลข 3 หลัก   

    3. รถเบนซ์บางรุ่นทำไมถึงมีตัวเลขแค่ 2 หลัก
    ได้ทราบกันแล้วนะคะว่ารถ benz ตัวเลข 3 หลักคืออะไร แต่รถเบนซ์บางรุ่นยังมีตัวเลขแค่ 2 หลัก ทั้งนี้ไม่ว่ารหัสสองหรือสามหลัก ก็คือรหัสที่ใช่บ่งบอกถึงความแรงของเครื่องเหมือนกัน แต่ที่แตกต่างที่คนเช่ารถเบนซ์ต้องรู้คือ รหัส 2 หลัก จะเป็นรถที่ผลิตออกจากโรงงาน AMG ซึ่งเป็นรถ AMG ที่แรงมาก   

    4. ตัวเลข 3 หลักคืออะไร?
    มาดูรหัสตัวเลข 3 หลักกันบ้างว่าคืออะไร ตัวเลข 3 หลักคือ ความสามารถและสมรรถนะเทียบเท่ารถที่มีขนาดความจุเครื่องยนต์นั้น ๆ โดยจะมีตัวอักษรภาษาอังกฤษตามด้วยตัวเลข 3 หลัก (เมื่อก่อนตัวเลขสามหลัก จะหมายถึงปริมาตรความจุกระบอกสูบของเครื่องยนต์ตรงตัวเลย แต่ปัจจุบันคือความแรงของรถรุ่นนั้น)            

    เช่ารถเบนซ์จาก Richcars ราคาเริ่มต้นเท่าไหร่         
    รถเบนซ์มีหลายรุ่น มีให้เลือกตามสไตล์ของคนขับไม่ว่าคุณจะสไตล์ไหนก็สามารถเลือกเช่ารถ benz ขับได้ตามความต้องการ แล้วหากจะเช่ารถเบนซ์ราคาจะเริ่มที่เท่าไหร่ เช่ารถเบนซ์รายวันเช่าขับเองราคาเริ่มต้น 7,900 บาท ใครที่กำลังจะเช่ารถสปอร์ต Mercedes-Benz เป็นอีกทางเลือกที่มีหลายรุ่นหลายความแรงให้เลือกใช้   

          
    หากต้องการเช่ารถเบนซ์ควรมองหาที่ไหนดี      
    หากคุณต้องการเช่ารถเบนซ์อย่างแรกที่ควรเลือกใช้บริการนั่นคือ ร้านเช่าที่มีมาตรฐาน เช่น ที่ Richcar มีบริการเช่ารถเบนซ์รายวัน เช่ารถสปอร์ต ทั้งรายวันและเช่ารถหรูรายเดือน สามารถรับรถที่ไหนก็ได้ และไม่จำกัดระยะทาง มีรถให้คุณได้เลือกหลากหลายรุ่น มีการดูแลสภาพรถทั้งภายนอกและภายในให้ใหม่และสะอาดอยู่เสมอ และด้วยประสบการณ์มากกว่า 6 ปี คุณจึงเช่าเบนซ์ เช่ารถสปอร์ต  ได้อย่างมั่นใจ

    เช่ารถเบนซ์รายวันที่ไหนดี

    ต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการเช่ารถเบนซ์กับ Richcars      
    เช่ารถเบนซ์รายวันจะต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง หลายคนคงคิดว่าเช่ารถ benz   ต้องใช้เอกสารหลายอย่างแน่  ๆ เพราะเช่ารถ benz เป็นรถหรูราคาแพง แต่หากคุณต้องการเช่ารถเบนซ์ใช้เพียงแค่ใบขับขี่เท่านั้น ไม่ต้องใช้บัตรประชาชน หรือเอกสารอื่น ๆ เพิ่มเติม             

    สรุป         
    เป็นยังไงบ้างคะชอบและสนใจรถเบนซ์รุ่นไหนกันไว้บ้าง เช่ารถเบนซ์เป็นรถหรูที่สวยและตอบโจทย์ทุกการขับขี่ของคุณแน่นอน และเราได้ทราบถึงคลาสและเลข 2 หลักและ 3 หลักของ Mercedes-Benz ไปแล้วใครชอบรุ่นไหนแรงม้าเท่าไหร่ สามารถเช่ารถเบนซ์รายวันขับกันได้เลย

    290
    Samsung S23 Ultra ราคา
    ขอขอบคุณรูปภาพจาก h ttps: //www.iphonemod.net/samsung-galaxy-s23-spec.html

    หลังจากที่มีข่าวออกมามากมายเกี่ยวกับ Samsung Galaxy S23 Ultra ทั้งรุ่น สี และสเปกเครื่อง ก่อนที่จะเปิดตัวในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 นี้ แต่ S23 Ultra ราคาเท่าไหร่ มีรายละเอียดราคาของแต่ละรุ่นต่างกันอย่างไรบ้าง ซื้อ Samsung S23 Ultra ที่ไหนคุ้มสุด และราคาเครื่องเปล่าจะมีราคาเท่าไหร่ เรามาดูรายละเอียดกันค่ะ แต่หมายเหตุไว้เล็กน้อยว่า S23 Ultra ราคาที่เป็นทางการยังไม่เปิดเผย ดังนั้น นี่เป็นเพียงการคาดการณ์ราคาเท่านั้นนะคะ


    S23 ultra คาดการณ์ราคาเท่าไหร่บ้างในแต่ละรุ่น

    หลายๆ ช่องทางข่าว และกระแสต่างๆ ก็มีการประมาณราคาของ Samsung S23 Ultra ออกมาเรียบร้อยแล้ว แต่อาจจะมีการประมาณราคาออกมาคลาดเคลื่อนจากกันบ้างเล็กน้อย เนื่องจากยังไม่มีการเปิดตัวราคาอย่างเป็นทางการ ซึ่งการคาดการณ์ S23 Ultra ราคาล่าสุดในแต่ละรุ่นจะมีราคาโดยประมาณอยู่ที่เท่าไหร่ แต่ละรุ่นราคาห่างกันมากไหม เทียบกับตอนเปิดตัว Galaxy S Series รุ่นเก่าแล้วต่างกันอย่างไรบ้าง ดูแล้วน่าซื้อหรือไม่นั้น เราได้รวบรวมราคาที่คาดการณ์เอาไว้ว่าจะมีราคาเท่าไหร่บ้างมาให้ดูกันค่ะ

    Samsung Galaxy S23 Ultra (8GB/256GB)
    รุ่นนี้จะคาดการณ์ราคาโดยประมาณอยู่ที่ 1,199 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 43,900 บาท

    Samsung Galaxy S23 Ultra (12GB/512GB)
    รุ่นนี้จะคาดการณ์ราคาโดยประมาณอยู่ที่ 1,299 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 49,900 บาท

    Samsung Galaxy S23 Ultra (12GB/1TB)
    รุ่นนี้จะคาดการณ์ราคาโดยประมาณอยู่ที่ 1,619 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ประมาณ 59,900 บาท


    เทียบให้ชัด S23 ultra ราคาที่จะเปิดตัวเทียบกับ Galaxy S Series รุ่นเก่า ราคาต่างกันไหม

    ราคาซัมซุง S23 Ultra

    ขอขอบคุณรูปภาพจาก h ttps: //www.tech-hangout.com/samsung-galaxy-s23-ultra-officially-announced/

    หลังจากที่ดูราคาเปิดตัวที่คาดการณ์ไว้แล้วของ S23 Ultra นั้น หากเทียบกับตอนเปิดตัว Galaxy S รุ่นเก่าแล้ว มีรายละเอียดราคาอยู่ดังนี้ค่ะ
    - Galaxy S20 Ultra ราคาเปิดตัวไทย เริ่มที่ 39,900 บาท
    - Galaxy S21 Ultra ราคาเปิดตัวไทย เริ่มที่ 39,900 บาท
    - Galaxy S22 Ultra ราคาเปิดตัวไทย เริ่มที่ 39,900 บาท
    - Galaxy S23 Ultra ราคาเปิดตัวไทย เริ่มที่ 43,900 บาท

    Galaxy S23 Ultra ราคาจะสูงกว่ารุ่นอื่นๆ ตอนเพิ่งเปิดตัวพอสมควรราวๆ 4 พันถึง 5 พันบาท แต่ก็เริ่มต้นด้วยความจุที่มากกว่าเดิมถึง 2 เท่าเช่นกัน โดยรุ่นเดิมจะเริ่มต้นที่ 128 gb ในขณะที่ Samsung Galaxy S23 Ultra จะเริ่มต้นที่ 256 gb ค่ะ ทั้งนี้ นี่คือราคาที่คาดการณ์เอาไว้เท่านั้น หลังประกาศเปิดเผยราคาอย่างเป็นทางการอาจมีการคลาดเคลื่อนได้ค่ะ


    สรุป Samsung S23 ultra ราคาน่าซื้อไหม?
    Samsung S23 ultra ราคาเปิดตัวที่มีการคาดการณ์ออกมา นับได้ว่าสูงขึ้นมากกว่ารุ่นก่อนๆ พอสมควร แต่ก็เริ่มต้นด้วยความจุที่มากกว่าถึงสองเท่า จากเริ่มต้นที่ 128 gb เป็น 256 gb และมาพร้อมกับสเปกเครื่องที่จัดได้ว่าแรงพอตัว โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบการถ่ายรูป เรียกได้ว่า Samsung S23 Ultra ถือเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดีค่ะ เพราะกล้องจัดได้ว่ามีคุณภาพสูง และยังเน้นในเรื่องของการถ่ายวิดีโอได้ชัดมากๆ หากจะถามว่าคุณภาพสูงขนาดไหน ก็ตอบได้ว่าซัมซุงบอกมาเองเลยค่ะว่าถ่ายได้ในระดับที่สามารถใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ได้เลย

    ทั้งนี้ สำหรับใครที่สนใจ สามารถพรีออเดอร์ Samsung S23 ultra ได้ที่เว็บเพจของซัมซุงโดยตรง ซึ่งคุณสามารถใช้สิทธิ์เครื่องเก่าแลกใหม่ได้ โดยจะได้รับส่วนลดทันที 5,000 บาท

    หรือสำหรับลูกค้าที่ใช้โค้ด The New Galaxy สามารถรับสิทธิ์ช้อปดีมีคืนได้ เพียง 2,200 ท่านแรกเท่านั้น และสามารถใช้อีกสิทธิ์ได้ที่ Thailand Mobile Expo ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ค่ะ

    291
    ประกันเดินทางต่างประเทศ (Travel Insurance)

    ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวนิยมที่จะเดินทางไปต่างประเทศมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมีเหตุผลในการเดินทางแต่ละครั้งที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะไปต่างประเทศเพื่อการท่องเที่ยว เพื่อการศึกษาต่อ เพื่อการเจรจาทางธุรกิจ ทั้งการเดินทางในรูปแบบหมู่คณะ แบบครอบครัว คู่รัก กลุ่มนักท่องเที่ยวก็ตาม ไอเทมใหม่ที่กำลังนิยมพกไว้ติดตัวของผู้เดินทางรุ่นใหม่คือ การทำประกันเดินทางต่างประเทศ (Travel Insurance) และเหตุใดประกันเดินทางจึงได้รับความนิยมมากขึ้น บทความนี้ มีคำตอบ 

    ประกันเดินทางต่างประเทศคือ

    ประกันเดินทางต่างประเทศ คือ แผนเอาประกันเดินทางที่ผู้ซื้อประกันเลือกซื้อแผนประกันกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง และเลือกแผนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเดินทางในครั้งนั้น โดยแต่ละแผนประกันการเดินทางจะออกแบบมาเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายในเรื่องต่าง ๆ สำหรับการใช้ชีวิตในต่างแดน เช่น แผนรายครั้ง และแผนรายปี

    เพราะการเดินทางไปต่างประเทศ แต่ละครั้งมีความเสี่ยง ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับด้านการเดินทางและด้านการใช้ชีวิตประจำวัน โอกาสเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน และจะต้องมีค่าใช้จ่าย ทั้งด้านอุบัติเหตุ และด้านสุขภาพ ดังนั้น การเดินทางไปต่างประเทศ จึงมีไอเทมที่ควรพกไว้ให้อุ่นใจคือ  ประกันเดินทางต่างประเทศ  หากถึงคราวที่ต้องเข้ารักษาพยาบาลต่างประเทศขึ้นมา แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จะมีราคาสูงอย่างแน่นอน ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงในด้านค่าใช้จ่าย ประกันการเดินทางต่างประเทศจึงถือเป็นไอเทมที่ผู้เดินทางขาดไม่ได้

    ควรซื้อประกันเดินทางไหม

    ควรซื้อประกันเดินทางไหม

    การเดินทางไปต่างประเทศแต่ละครั้ง แน่นอนว่า ผู้เดินทางจะต้องวางแผนการเดินทางในหลาย ๆ เรื่อง
    ในหลายครั้งผู้เดินทางมักมองข้างประกันเดินทางต่างประเทศ อาจเป็นเพราะค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทาง
    ในเรื่องอื่น ๆ ก็สูงมากแล้วก็ตาม หรืออาจมีหลายสิ่งที่ผู้เดินทางให้ความสำคัญจนลืมนึกถึงประกันการเดินทางแต่ประกันเดินทางต่างประเทศ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ประกันเดินทางจะกลายเป็นเพื่อนคู่ใจเมื่อยามคับขันได้เป็นอย่างดี
    แผนการคุ้มครอง

    • ค่ารักษาพยาบาล ที่เกิดจากอุบัติเหตุและเจ็บป่วย
    • ค่าเคลื่อนย้ายเพื่อเข้ารับการรักษาพยาบาลในเหตุฉุกเฉิน หรือการเคลื่อนย้ายกลับประเทศ
    • คุ้มครองกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ รวมถึงคุ้มครองค่าส่งศพกลับประเทศ
    • ค่าใช้จ่ายในการยกเลิกหรือเลื่อนการเดินทาง
    • คุ้มครองเที่ยวบินล่าช้า
    • คุ้มครองความเสียหายของกระเป๋าเดินทาง หรือทรัพย์สินส่วนตัว หรือกระเป๋าล่าช้า

    เมื่อเดินทางไปต่างประเทศ และเกิดเหตุการณ์คับขัน ผู้เดินทาง อาจเกิดข้อขัดข้องนานับประการ เช่น ปัญหาด้านการติดต่อสื่อสาร การขอความช่วยเหลือ ปัญหาความคุ้มเคยกับสถานที่ ผู้คนในต่างประเทศ นอกจากเรื่องปัญหาข้างต้น ปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายที่ตามมาอาจส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ตามมาอีกด้วย

    แต่หากผู้เดินทางได้ซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ พกไว้ให้อุ่นใจ คลายกังวล ทุกการเกิดอุบัติเหตุหรือการเจ็บป่วย เมื่อต้องเข้ารับการรักษา นั้น แผนประกันการเดินทางครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งรักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่ายา ค่าชดเชยรายวันเมื่อต้องรักษาตัวในต่างประเทศ นอกเหนือจากเรื่องการเกิดอุบัติเหตุและการเจ็บป่วย ประกันเดินทางต่างประเทศ ยังมีค่าชดเชยในส่วนอื่น ๆ ที่น่าสนใจ เช่น

    • ความล่าช้าของเที่ยวบิน เที่ยวบินถูกยกเลิก
    • การพลาดเที่ยวบิน
    • ความเสียหายของเอกสารเดินทาง
    • ความสูญหายของทรัพย์สินเงินส่วนตัว
    • ความล่าช้าของสัมภาระ
    • เที่ยวบินถูกยกเลิก

    ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าการทำประกันการเดินทางต่างประเทศ เป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผู้เดินทาง ไอเทมที่ขาดไม่ได้ เหมือนเพื่อนแท้ยามฉุกเฉินในต่างประเทศของผู้เดินทาง ตัวช่วยให้คลายความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายได้อย่างสารพัด นอกจากนี้ ประกันเดินทางในบางประเทศ เช่น ประเทศในโซนยุโรป ที่ต้องใช้วีซ่าเชงเก้น (Shengen Visa) ผู้เดินทางจะต้องมีประกันเดินทางที่มีวงเงินความคุ้มครอง ไม่ต้องกว่า 1.50 MB จึงจะเดินทางเข้าประเทศได้อีกด้วย

    ประกันเดินทางมีกี่ประเภท

    ปัจจุบันแผนประกันเดินทาง แต่ละบริษัทได้วางแผนความคุ้มครองให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อได้หลากหลายรูปแบบ โดยให้เลือกที่เหมาะสมกับระยะเวลาในการเดินทางแต่ละครั้ง รวมถึงจำนวนคนที่เดินทาง ทั้งแบบหมู่คณะ และแบบเดินทางคนเดียว   

    ประกันสุขภาพ

    ประกันการเดินทางต่างประเทศ ด้านประกันสุขภาพ เป็นแผนความคุ้มครองที่เน้นในเรื่องของการรักษาพยาบาลจากการเจ็บป่วย รวมถึงค่ารักษาพยาบาลที่เกิดจากอุบัติเหตุ ไม่รวมถึงความคุ้มครองด้านการรักษาโรคประจำตัว ซึ่งจะคุ้มครองเฉพาะกรณีที่ผู้เดินทางเกิดอุบัติเหตุ บาดเจ็บ หรือเจ็บป่วย ในช่วงระยะเวลาที่เดินทาง ทั้งนี้ ครอบคลุมค่าใช้จ่ายกรณีเสียชีวิต การเคลื่อนย้ายศพกลับประเทศไทย

    ประกัน Trip Cancellation (หากมีเหตุจำเป็นต้องยกเลิกทริป ของคุณที่ยังเที่ยวไม่เสร็จประกันจะช่วยจ่ายชดเชยส่วนนึง)

    ประกันเดินทางต่างประเทศ แบบประกัน Trip Cancellation (หากมีเหตุจำเป็นต้องยกเลิกทริป ของคุณที่ยังเที่ยวไม่เสร็จประกันจะช่วยจ่ายชดเชยส่วนนึง) เมื่อมีเหตุจำเป็นให้ผู้เดินทางไม่สามารถเดินทางตามกำหนดได้ เช่น เกิดอุบัติเหตุก่อนการเดินทาง และต้องเข้ารับการรักษาตัว หรือเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยระหว่างการท่องเที่ยวและทำให้เดินทางกลับประเทศไม่ได้ ในส่วนนี้  ประกัน Trip Cancellation ก็สามารถที่จะแบ่งเบาความเสี่ยงในภาระค่าใช้จ่ายทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าจองที่พัก ต่าง ๆ ได้ตามแผนประกันที่เลือกซื้อไว้

    ประกัน Personal item Loss (ของส่วนตัวสูญหาย)

    ประกันเดินทางต่างประเทศ ประกัน Personal item Loss (ของส่วนตัวสูญหาย) มีไว้ในยามฉุกเฉินกรณีที่ผู้เดินทางถูกขโมยทรัพย์สิน กระเป๋าเงิน กระเป๋าเอกสารสูญหาย ระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ หรือสูญหายอันเนื่องมาจากสายการบินเคลื่อนย้ายกระเป่า หรือทรัพย์สินของผู้เอาประกัน กรณีเช่นนี้ จะสามารถเรียกร้องค่าสินไหมได้ แต่ในกรณีที่เกิดจากความประมาทของผู้เอาประกัน จะไม่ให้ความคุ้มครอง ทั้งนี้ ผู้เอาประกันจะต้องศึกษาเงื่อนไขการเบิกเคลมต่างๆ โดยละเอียด 

    ประกันชีวิต (เช่นอุบัติเหตุเสียชีวิต , เครื่องบินตก , อุบัติเหตุจาก Public Transport)

    ประกันเดินทางต่างประเทศ การเอาประกันชีวิต จากกรณีอุบัติเหตุเสียชีวิต เครื่องบินตก หรืออุบัติเหตุจาก Public Transport หากทำประกันชีวิตไว้กับบริษัทประกัน ผู้เดินทาง สามารถเรียกร้องค่าสินไหมในส่วนนี้ได้ตามแผนประกันที่ซื้อความคุ้มครองไว้ และในส่วนของสายการบิน ที่จะมีการรับผิดชอบ กรณีเครื่องบินตก เรียกร้องค่าสินไหม เป็นค่าสินไหมทดแทน ค่าปลงศพ ได้ด้วยเช่นกัน 

    ประกันเดินทางต่างประเทศที่ไหนดี

    ประกันเดินทางต่างประเทศที่ไหนดี

    การเลือซื้อประกันเดินทางต่างประเทศ พกไว้ติดตัวให้อุ่นใจ เพื่อนแท้ในยามฉุกเฉินในต่างแดน ขอแนะนำให้ผู้เดินทางเลือกซื้อจากปัจจัยด้านต่าง ๆ ดังนี้

    • ค่าเบี้ยประกันมีราคาที่เหมาะสมกับแผนความคุ้มครองที่จะได้รับ
    • ช่องทางการติดต่อกับบริษัทประกัน ต้องมีช่องทางให้ติดต่อหลากหลายรูปแบบ และต้องสามารถติดต่อง่าย เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
    • ขั้นตอนการติดต่อเรียกร้องค่าสินไหมง่าย กระชับ ไม่ซับซ้อน
    • การให้บริการ มีความรวดเร็วทุกขั้นตอน


    ทุกการเดินทางไปต่างประเทศ หากได้รับการบริการที่ดีจากประกัน เช่น บริการรวดเร็ว เคลมไว เพื่อช่วยเหลือผู้เดินทางให้มีความสะดวกสบาย และรู้สึกประทับใจตลอดระยะเวลาการเดินทาง  การประกันเดินทางต่างประเทศ จะกลายเป็นเพื่อนแท้ในยามฉุกเฉินของผู้เดินทาง 

    292
    ประกันสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็น มีความสำคัญช่วยให้อุ่นใจยามเจ็บไข้ได้ป่วย

    การดำเนินชีวิตในปัจจุบันเป็นเรื่องยากลำบากในการดูแลและรักษาสุขภาพ ทั้งมลภาวะเป็นพิษ ทั้งฝุ่น PM 2.5 การนอนดึก ไม่มีเวลาออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ประกันสุขภาพจึงมีความสำคัญต่อชีวิตเพื่อคุ้มครองทุกคนในครอบครัวให้มีแผนรองรับกับค่ารักษาพยาบาลที่จะเกิดขึ้น

    ประกันสุขภาพ (Health insurance) ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก รวมถึงโรคร้ายแรงอย่างโรคมะเร็ง สาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของประชากรไทย ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ รวมถึงโรคร้ายแรงต่าง ๆ

    สำหรับผู้ที่กำลังมองหาประกันสุขภาพเพื่อเป็นแผนสำรองกรณีเกิดเหตุที่ไม่คาดฝันกับร่างกายของตนเองและครอบครัว ควรเริ่มต้นจากพิจารณาสุขภาพของตนเองและบุคคลในครอบครัวว่ามีความเสี่ยงด้านใด เพื่อวางแผนให้เหมาะสมกับการเลือกซื้อประกันสุขภาพ แล้วการประกันสุขภาพจำเป็นจริงไหม ควรซื้อไหมบทความนี้มีคำตอบ

    ประกันสุขภาพคืออะไร คุ้มครองอะไรบ้าง

    ประกันสุขภาพ (Health insurance) คือ การประกันภัยที่บริษัทประกันภัยตกลงจะชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จากการรักษาพยาบาลให้แก่ผู้เอาประกัน ทั้งการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจากความเจ็บป่วย โรคภัยไข้เจ็บ หรือเกิดจากการได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอก ค่าห้อง ค่ายา ค่ารักษาพยาบาล รวมถึงค่ารักษาโรคมะเร็ง และโรคร้ายแรงต่าง ๆ พร้อมรับสิทธินำไปลดหย่อนภาษีได้

    ทำไมควรซื้อประกันประกันสุขภาพ มีความสำคัญอย่างไร

    การประกันสุขภาพช่วยจัดการปัญหาค่ารักษาพยาบาลโดยไม่ต้องสำรองจ่าย

    การซื้อประกันสุขภาพมีความสำคัญมาก เพราะเป็นการวางแผนการเงินในการรักษาสุขภาพล่วงหน้า คุ้มครองความเสี่ยงของสุขภาพร่างกายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สามารถช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลหากเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน อีกทั้งยังมีสถานพยาบาลหลายแห่งมีบริการเบิกตรงโดยไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อน ประกันสุขภาพเหมาจ่ายทำให้หมดกังวลกับปัญหาด้านการหาเงินค่ารักษาพยาบาล
     
    ประกันสุขภาพส่วนบุคคลและประกันสุขภาพกลุ่ม แตกต่างกันอย่างไร

    สวัสดิการประกันสุขภาพที่คุณได้รับมีความคุ้มครองเพียงพอหรือไม่ การเลือกประกันสุขภาพที่มีความคุ้มครองเหมาะสมเพียงพอต่อความต้องการจะช่วยปกป้องจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันหรือการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงที่มีค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูงได้ หากคุณคำนวณสุขภาพร่างกายแล้วคิดว่าประกันสุขภาพไม่คุ้มครองการรักษาที่มีอยู่ การเลือกซื้อประกันสุขภาพเพิ่มเติมก็เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น โดยประกันสุขภาพที่สำคัญมีดังนี้

    ประกันสุขภาพส่วนบุคคล

    การประกันสุขภาพส่วนบุคคล จะคุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย (ค่าห้อง, ค่าบริการ, ค่ารักษากรณีฉุกเฉิน) ค่าผ่าตัด ค่าแพทย์ ค่ารักษาผู้ป่วยนอก ค่าคลอดบุตร ค่ารักษาฟัน และเงินชดเชยที่ต้องอยู่โรงพยาบาล

    ประกันสุขภาพกลุ่ม

    คือการประกันสุขภาพบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป อัตราเบี้ยประกันค่อนข้างต่ำ โดยให้ความคุ้มครองเหมือนกันประกันสุขภาพส่วนบุคคล ที่ให้ความคุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หรือเจ็บป่วย นิยมใช้ในองค์ขนาดใหญ่ที่ผู้ว่าจ้างซื้อประกันสุขภาพกลุ่มให้กับลูกจ้าง

    ประกันสุขภาพแบ่งเป็นกี่แบบ คุ้มครองด้านไหนบ้าง

    การประกันสุขภาพมีความสำคัญในชีวิต เพราะโดยธรรมชาติแล้วร่างกายคนเรามีการเสื่อมลงในทุกปี ยิ่งอายุมากขึ้น ยิ่งก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ หรืออาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดทำให้ต้องเสียค่ารักษาพยาบาล ประกันสุขภาพเหมาจ่ายเป็นการป้องกันภาวะค่าใช้จ่ายในการรักษาสุขภาพที่อาจจะบานปลาย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีประกันสุขภาพไว้ โดยประกันสุขภาพแบ่งออกเป็น 4 แบบ ดังนี้

    ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก

    ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก หรือ opdคือ ประกันสุขภาพที่คล้ายกับการไปหาหมอที่คลินิก เหมาะสำหรับผู้เจ็บป่วยบ่อย เป็นหวัด แพ้อากาศ เป็นไข้ ที่อาการไม่ร้ายแรง ซึ่งจะชดเชยค่ารักษากรณีเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุฉุกเฉินที่รักษาภายใน 1 วัน สูงสุดไม่เกิน 30 ครั้งต่อปี

    ประกันโรคร้ายแรง

    ประกันสุขภาพโรคร้ายแรง คือประกันสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้ต้องการความคุ้มครองโรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรงหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง โรคตับวาย เป็นต้น ประกันชนิดนี้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลโรคร้ายแรงที่มีราคาสูงได้

    ประกันชดเชยรายได้

    การประกันชดเชยรายได้ คือ แผนประกันสุขภาพหนึ่งที่เป็นหลักในการประกันสุขภาพเมื่อต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแบบค้างคืนหรือผู้ป่วยใน บริษัทประกันภัยจะจ่ายค่าสินไหมรายวันเพื่อชดเชยรายได้ที่เสียไป

    ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน

    ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน หรือ ipdคือ ประกันสุขภาพที่คุ้มครองกรณีเจ็บป่วยจนต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยที่แพทย์ไม่สามารถให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านได้ เช่น ผ่าตัด ให้น้ำเกลือ เป็นต้น โดยมีค่ารักษา ค่าห้อง ค่ายา และค่าผ่าตัด

    สรุป

    การประกันสุขภาพเพื่อการตัดสินใจในการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ

    การมีประกันสุขภาพดี ๆ สักเล่ม จะช่วยวางแผนการเงินกรณีเกิดการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ รวมถึงโรคร้ายแรงต่าง ๆ ไม่ทำให้ต้องกังวลกับภาระค่ารักษาพยาบาลที่นับวันมีแต่สูงขึ้น การประกันสุขภาพมีความจำเป็นอย่างมาก เพราะหากเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด การตัดสินใจที่ล่าช้าอาจส่งผลให้รักษาไม่ทันการ และค่ารักษาพยาบาลอาจมีราคาสูง มากกว่าค่าเบี้ยประกัน 

    293
    ไมเกรนเป็นอาการปวดศีรษะชนิดหนึ่งที่อาจทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง คลื่นไส้ และไวต่อแสงและเสียง วิธีการตรวจโรคไมเกรนแพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยและประวัติทางการแพทย์ และทำการตรวจร่างกาย พวกเขาอาจใช้การทดสอบภาพเช่น MRI เพื่อแยกสาเหตุที่เป็นไปได้อื่น ๆ ของอาการปวดหัว

    แพทย์อาจใช้เกณฑ์การวินิจฉัยร่วมด้วยสำหรับการตรวจไมเกรนเพื่อวินิจฉัย โดยทั่วไปอาการของผู้ป่วยร่วมกับผลการตรวจและการทดสอบต่างๆ จะใช้ร่วมกันในการวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท สิ่งสำคัญคือการ ตรวจไมเกรน ที่ถูกต้องสามารถช่วยในการค้นหาแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยได้

    อาการปวดหัวไมเกรน

    อาการสัญญาณเตือนไมเกรน

    ไมเกรนเป็นโรคทางระบบประสาททั่วไปที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้ และไวต่อแสงและเสียง อาการอื่นๆ ได้แก่ อาเจียน อ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิ ซึมเศร้า และปวดคอ เกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียด อาหารบางชนิด รูปแบบการนอนหลับที่เปลี่ยนไป และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพสามารถช่วยในการวินิจฉัยที่ถูกต้องและพัฒนาแผนการรักษาที่เหมาะสม วิธีตรวจไมเกรนเพื่อตรวจสอบอาการตัวตัวเองคือการจดบันทึกเวลาและตำแหน่งปวดไมเกรนสามารถช่วยให้เข้าใจถึงตัวกระตุ้น อาการ และความรุนแรงของไมเกรนได้ หากคุณกำลังมีอาการปวดหัวซ้ำๆ พร้อมกับอาการเหล่านี้ สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ

    วิธีตรวจไมเกรนเบื้องต้น

    วิธีตรวจหาไมเกรนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดวิธีหนึ่งคือการจดบันทึกอาการปวดหัวของคุณ ซึ่งจะช่วยระบุตัวกระตุ้นหรือรูปแบบในอาการปวดหัวแบบต่างๆได้ จากนั้นลองใช้ลองเช็กอาการตามลิสด้านล่างหากคุณตรวจไมเกรนแล้วมีอาการเหล่านี้ คุณควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับระบบประสาทเพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดต่อไป

    • อาการปวดหัวแบบกำเริบไมเกรนมีลักษณะอาการกำเริบของอาการปวดศีรษะระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยมักจะปวดศีรษะข้างใดข้างหนึ่ง
    • อาการคลื่นไส้ อาเจียน และไวต่อแสงและเสียงอาการเหล่านี้มักมาพร้อมกับไมเกรน
    • อาการไวต่อแสงเป็นเรื่องปกติในไมเกรน ทำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงแสงจ้าและมองหาสภาพแวดล้อมที่มีแสงสลัวในระหว่างที่ไมเกรนกำเริบ
    • อาการไวต่อเสียงยังเป็นอาการทั่วไปของไมเกรน ทำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงเสียงดังหรือหาสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบระหว่างการโจมตี
    • มีความเหนื่อยล้า ขาดสมาธิ และภาวะซึมเศร้า
    • ปวดคอ วิงเวียน หรือรู้สึกหมุนบางคนอาจมีอาการเหล่านี้ในระหว่างที่มีอาการไมเกรน
    • มีตัวกระตุ้นทั่วไปบางอย่าง ได้แก่ ความเครียด อาหารบางชนิด รูปแบบการนอนที่เปลี่ยนไป และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

    สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าไม่ใช่ทุกคนที่มีอาการเดียวกันทั้งหมด และอาการปวดหัวอาจแตกต่างกันไปในแต่ละช่วง การตรวจไมเกรนที่ถูกต้องสามารถช่วยในการค้นหาแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษากับแพทย์หากคุณมีอาการปวดหัวซ้ำๆ ร่วมกับอาการข้างต้น

    รูปภาพการตรวจไมเกรนกับแพทย์

    การรักษาไมเกรน

    เมื่อคุณรู้วิธีตรวจไมเกรนเรียบร้อยแล้ว ถัดมาหัวข้อนี้จะเป็นการรักษาอาการไมเกรนต่างๆ เช่น ปวดหัว ปวดหัวจากความเครียด ปวดหัวข้างเดียว ไมเกรนขึ้นตา อันเป็นผลมาจาก ออฟฟิศซินโดรม หรืออาการปวดหัวมีความไวต่อแสงและเสียง ซึ่งเป็นวิธีการรักษาไมเกรนเบื้องต้นที่สามารถบรรเทาอาการปวดหัวเบื้องต้นได้ ไปจนถึงการรักษาจากแพทย์เฉพาะทาง โดยเราจะแนะนำได้ดังนี้

    การรักษาไมเกรนในขั้นต้น

    เมื่อมีอาการปวดหัวคุณสามารถลองใช้เทคนิคการผ่อนคลายบางอย่าง เช่น การหายใจลึกๆ การทำสมาธิ หรือโยคะ เรียนรู้วิธีนวดแก้ปวดไมเกรน เพื่อช่วยลดความเครียดและความตึงของศีรษะได้ นอกจากนี้การรักษาตารางเวลาการนอนหลับให้สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ดื่มน้ำให้เพียงพอ และการใช้ยาแก้ปวดที่จำหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ร้านขายยายังสามารถช่วยจัดการกับไมเกรนได้

    อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าเคล็ดลับการจัดการบ้านเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อทดแทนการรักษาทางการแพทย์โดยมืออาชีพ หากอาการของคุณยังคงอยู่หรือแย่ลง สิ่งสำคัญคือต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเพื่อรับการประเมินและรับการรักษาต่อไป

    การรักษาไมเกรนทางการแพทย์

    ในปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์รักษาไมเกรนมีการใช้เทคนิคที่หลากหลายในการรักษาอาการต่างๆ โดยทั่วไปจะเริ่มต้นโดยการตรวจไมเกรนเสียก่อนว่าผู้ป่วยมีอาการอย่างไรและสาเหตุอาการมีอะไรบ้าง จากนั้นแพทย์จะทำการรักษาตามอาการเหล่านั้นเพื่อให้ได้ผลกับผู้ป่วยมากที่สุด

        1. ยารักษาไมเกรน

    ยาแก้ปวดไมเกรนเป็นการรักษาทางการแพทย์ ที่จะช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราสามารถแบ่งยารักษาไมเกรนออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ยาบรรทาอาการปวดแบบไม่รุนแรง และ ยาบรรเทาอาการปวดแบบรุนแรง การซื้อยารักษาเองควรที่จะปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อได้รับยาที่เหมาะสมและปลอดภัยมากที่สุด

        2. ฉีดยาแก้ไมเกรน

    การฉีดยารักษาไมเกรนเพื่อยับยั้งสาร CGRP เป็นทางเลือกทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยม โดยจะมีการฉีดยารักษาให้ตามคำวินิจฉัยของแพทย์เฉพาะทาง ที่จะมีลักษณะของการฉีดยาที่แตกต่างกันออกไป โดยหลักๆ แล้วเพื่อระงับการทำงานของ CGRP ซึ่งเป็นสารนิวโรเปปไทชนิดหนึ่งภายในร่างกายที่ทำให้หลอดเลือดภายในสมองเกิดการขยายตัว ส่งผลให้กระตุ้นการปวดหัวไมเกรน

        3. ฝังเข็มรักษาไมเกรน

    การฝังเข็มรักษาไมเกรน จะเป็นการรักษาทางศาสตร์จีน รักษาไมเกรนโดยการปรับสมดุลของระบบไหลเวียนเลือดที่แพทย์แผนจีนเชื่อว่าการฝังเข็มไปยังบริเวณต่างๆ ของร่างกายช่วยลดอาการปวดไมเกรนได้ดี

        4. โบท็อกไมเกรน

    เป็นการรักษาอาการปวดชนิดหนึ่งคือ ฉีดโบท็อกไมเกรน ซึ่งเป็นโบท็อกแบบที่เราใช้เสริมความงามชนิด Botulinum toxin โดยจะช่วยลดอาการปวดหัวได้เป็นอย่างดี และรักษาไมเกรนได้ผลจริง


    หากต้องการตรวจไมเกรนควรไปที่ไหนดี

    หากคุณมีต้องการตรวจไมเกรนและกำลังมองหาข้อมูลและแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการจัดการกับอาการต่างๆของคุณ เราขอแนะนำศูนย์รักษาไมเกรนที่เว็บไซต์ https://www.migrainethailand.com/ เว็บไซต์นี้นำเสนอข้อมูลมากมายเกี่ยวกับไมเกรน รวมถึงสาเหตุ อาการ และทางเลือกในการรักษาจากบุคลากรทางการแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการรักษาโรคไมเกรน

    นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์รักษาไมเกรนแบบต่างๆ เพื่อให้คุณทราบและรักษาอาการเบื้องต้นได้เลย หรือหากคุณต้องการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแบบทันทีสามารถติดต่อเพื่อเติมได้ที่ Line:Aya Clinic เบอร์โทร 090-970-0447

    สรุป

    ไมเกรนเป็นโรคทางระบบประสาททั่วไปที่อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้ และไวต่อแสงและเสียง การตรวจไมเกรนทำได้โดยการจดบันทึกอาการปวดหัวและปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมแต่ละเฉพาะบุคคล

    294
    หากฉีกโบท็อกไมเกรนสามารถรักษาโรคอาการปวดหัวได้จริงไหม

    ทุกวันนี้มีเรื่องให้ปวดหัวได้ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นมาจากเรื่องการงาน ครอบครัวหรือแม้แต่สภาพแวดล้อมต่างๆ ส่งผลกระทบต่อจิตใจคุณได้ตลอดเวลา หากคุณเริ่มปวดหัวตุบๆ ตลอดเวลา รับประทานยาแก้ปวดไมเกรนก็แล้ว นอนพักผ่อนก็แล้ว ฝังเข็มไมเกรนแต่อาการปวดก็ยังไม่ดีขึ้น คุณอาจจะกำลังปวดหัวจากโรคไมเกรน

    ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ได้มีนวัตกรรรมการรักษาอาการปวดหัวเรื่องรังได้ด้วยโบท็อกไมเกรน สำหรับใครที่สนใจอยากรักษาด้วยฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับโบท็อกไมเกรนให้มากขึ้น

    การโบท็อกไมเกรน คืออะไร

    หลายคนอาจจะคิดว่าการฉีดโบท็อกสามารถใช้ได้แค่ในวงการความงามเท่านั้น แต่ทุกวันนี้เราได้มีเทคโนโลยีมากมายทำให้โบท็อกนำมาใช้รักษาโรคอื่นๆ ได้ ซึ่งสำหรับใครที่มักมีอาการปวดหัวจากความเครียด หรือมีอาการปวดหัวบ่อยๆ โบท็อกไมเกรนสามารถช่วยลดอาการปวดให้กับคุณได้
     
    ฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน มีวิธีอย่างไรบ้าง

    ถึงแม้ว่าการฉีดโบท็อกรักษาไมเกรนเป็นการนำโบท็อกที่ใช้ในความสวยความงาม แต่จะต่างกันตรงที่คุณหมอจะนำมาฉีดเพื่อรักษาผู้ที่มีอาการปวดไมเกรน เพราะในตัวยาจะเป็น Botulinum toxin ที่ใช้ในการรักษาไมเกรนโดยเฉพาะ

    ซึ่งนอกจากจะใช้รักษาอาการปวดหัวเรื้อรังได้แล้วโบท็อกไมเกรนยังสามารถรักษาอาการผิดปกติของกล้ามเนื้อแข็งและเกร็ง อีกทั้งยังสามารถใช้รักษาผู้ที่มีอาการออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย ซึ่งคุณควรฉีดในปริมาณ 100 ยูนิต หรือใช้ในปริมาณที่แพทย์แนะนำเท่านั้น

    หลังจากโบท็อกไมเกรนมีผลข้างเคียงอย่างไร

    เมื่อคุณได้รับการรักษาด้วยการฉีดโบท็อกไมเกรนแล้ว คุณอาจจะมีอาการข้างเคียงได้โดยจะขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละบุคคล โดยอาการแพ้ Botulinum toxin ไมเกรนจะมีอาการแพ้ ได้แก่ อาการปวด คันในบริเวณที่ฉีด นอกจากนี้อาจจะมีบวมช้ำเกิดขึ้นได้หรือบางคนอาจจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง

    หลังจากโบท็อกไมเกรนอาจมีอาการผื่นคัน

    แต่อาการเหล่าสามารถหากได้เองและมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก ถ้าหากผ่านไปหลายสัปดาห์แล้วอาการแพ้ของคุณยังไม่ดีขึ้นเราแนะนำให้คุณควรรีบไปพบแพทย์

    หลังจากฉีดโบท็อกไมเกรนควรดูแลตัวเองแบบไหน

    การฉีดโบท็อกไมเกรนเสร็จถึงแม้ว่าคุณจะสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ก็ยังต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ โดยหลังจากฉีดโบท็อกไมเกรนคุณจะต้องปฏิบัติตามดังต่อไปนี้

    • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
    • ลดการดื่มเครื่องดื่มพวกชา กาแฟ เนื่องจากในเครื่องดื่มเหล่านี้มีคาเฟอีน ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดศีรษะได้
    • คุณควรแบ่งเวลานอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อที่จะได้ฝึกนิสัยการนอนให้เป็นเวลามากขึ้น
    • พยายามลดความเครียดและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่จะกระตุ้นให้เกิดความเครียด
    • หลีกเลี่ยงในสถานที่ที่มีเสียงดังและที่มีแสงจ้ามากเกินไป เพราะสภาพแวดล้อมเหล่านี้สามารถกระตุ้นการให้เกิดอาการปวดศีรษะได้

    อีกหนึ่งกิจกรรมที่คุณควรปฏิบัติหลังจากฉีดโบท็อกไมเกรนคือ คุณควรออกกำลังอย่างเป็นประจำ เพราะการออกกำลังกายจะทำให้เลือกสูบฉีดแล้วเมื่อเลือดสูบฉีดมากๆ ก็จะส่งผลไปเลี้ยงสมองได้ดี

    นอกจากนี้การออกกำลังกายยังเป็นอีกหนึ่งวิธีการป้องกันโรคสมองเสื่อม หรือโรคอัลไซเมอร์ได้อีกด้วย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มสมาธิในการทำงานและการทำกิจกรมต่างๆ

    หลังจากฉีดโบท็อกไมเกรนคุณควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

    ควรฉีดโบท็อกไมเกรนที่ไหนดี

    สำหรับใครที่ต้องการรักษาอาการปวดหัวเรื้อรังด้วยโบท็อกไมเกรน แต่ยังไม่ทราบว่าเราจะมีวิธีการเลือกฉีดโบท็อกไมเกรนกับคลินิกที่ไหนดี หรือจะเดินทางไปรักษาไมเกรนที่ไหนดี โดยเราก็มีแนวทางให้คุณดังต่อไปนี้

    คลินิกที่ให้บริการจะต้องมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง มีความน่าเชื่อถือ เครื่องมือมีความสะอาดปลอดภัย ทันสมัยได้รับมาตรฐาน นอกจากนี้สถานที่ที่คลินิกที่คุณไปรักษานั้นจะต้องเดินทางไปได้อย่างสะดวก เพราะถ้าคุณเกิดอาการข้างเคียงตามมาภายหลังจะได้เดินทางไปพบแพทย์ได้ทันเวลา

    ซึ่งคลินิกที่เราอยากจะมาแนะนำคุณเดินทางไปรักษาไมเกรนคือ BTX Migraine Center เป็นคลินิกที่ให้บริการฉีดโบท็อกไมเกรนอย่างมีมาตรฐานสากล มีความสะอาดและทันสมัย อีกทั้งคุณยังสามารถเดินทางมาพบแพทย์ของเราได้สะดวก เพราะคุณสามารถเดินทางมาโดยการขึ้น MRT จากนั้นลงที่สถานีพหลโยธิน และเดินเท้าต่อเพียง 5 นาที คุณก็จะถึงคลินิกของเรา

    สรุป

    การปวดหัวไมเกรนนั้นสามารถเกิดได้กับทุกคน สำหรับใครที่พยายามรักษาการปวดหัวไมเกรนด้วยวิธีการรับประทานยาแก้ปวดแล้วอาการยังไม่บรรเทา แต่การฉีดโบท็อกไมเกรนสามารถบรรเทาอาการปวดหัวของคุณได้ดีขึ้นอย่างแน่นอน

    โดยคุณสามารถเดินทางมาฉีดโบท็อกไมเกรนได้กับ BTX Migraine Center ศูนย์รักษาไมเกรนเรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ อุปกรณ์พร้อมครอบครัว และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย หากคุณสนใจต้องการใช้บริการฉีดโบท็อกไมเกรน หรือหากมีคำถามสงสัยเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกไมเกรน โดยคุณสามารถติดต่อมาได้ที่ Line: @ayaclinic


    295
    บ้านเดี่ยวพระราม 5

    ย่านพระราม 5 เป็นจุดศูนย์กลางของความสะดวกสบาย ปัจจุบันมีห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล รวมถึงการคมนาคมที่เข้าถึงทุกช่องทาง ถนนสายหลักเชื่อมต่อเข้าเมือง จากย่านพระราม 5 สู่ย่านอื่น ๆ อย่างสะดวกสบาย จุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง สายสีน้ำเงิน ตอบโจทย์วิถีชีวิต และรสนิยมร่วมสมัยของคนเมืองรุ่นใหม่ ทำให้ย่านพระราม 5 มีโครงการบ้านเดี่ยวใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายต่อเนื่อง บ้านเดี่ยวพระราม 5จึงได้รับความนิยมสำหรับคนที่กำลังวางแผนซื้อ โครงการบ้านพระราม 5 มากขึ้นเรื่อย ๆ

    บ้านเดี่ยวพระราม 5

    บ้านเดี่ยวพระราม 5 ตั้งอยู่ใกล้ถนนสายหลัก ถนนนครอินทร์ ถนนราชพฤกษ์ และถนนรัตนาธิเบศร์ การเดินทางสะดวกสบายทุกเส้นทาง ทั้งทางรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารสาธารณะ และรถไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ เช่น สโมสร คลับเฮาส์ สระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิสเนส Co-Working Space ระบบความปลอดภัย กล้อง CCTV เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

    อีกทั้ง ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล ที่ตั้งอยู่ในโซนพระราม 5 เติมเต็มวิถีชีวิตของผู้พักอาศัยในบริเวณนี้ จึงทำให้ย่านพระราม 5 หมู่บ้านแถวพระราม 5 โครงการบ้านเดี่ยวพระราม 5 ได้รับความนิยมจากคนที่กำลังหาซื้อบ้านอย่างต่อเนื่อง

    ข้อดีของโครงการบ้านเดี่ยวพระราม 5

    บ้านเดี่ยวพระราม 5 พร้อมอยู่

    โครงการบ้านเดี่ยวพระราม 5 ทำเลดี ศูนย์รวมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่ออกแบบ ตามไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ทั้งการเดินทางที่สะดวกสบาย ถนนนครอินทร์ ถนนราชพฤกษ์ เชื่อมต่อไปถนนสายอื่นง่าย ทำเลติดห้างสรรพสินค้ามากมาย ใกล้สถานศึกษา และโรงพยาบาล เรียกได้ว่าครบครัน

    นอกจากนี้ บ้านเดี่ยวพระราม 5 โครงการใหม่ มีการออกแบบและแรงบันดาลใจในการสร้างโครงการ
    แรงบันดาลใจสู่สถาปัตยกรรมอันงดงาม กลายเป็นบ้านที่สง่างามมีเอกลักษณ์ เพราะความสุข เริ่มต้นจากที่บ้าน

    การเดินทางย่านบ้านเดี่ยว พระราม 5

    บ้านเดี่ยวพระราม 5 เดินทางเข้าถึงง่าย เพราะอยู่ใกล้ถนนสายหลัก เช่น ถนนบางศรีเมือง ถนนนครอินทร์ ถนนราชพฤกษ์ ซึ่งเป็นทำเลที่จัดว่าเป็นศูนย์กลางการคมนาคมเส้นหลัก จึงสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เดินทางด้วยรถสาธารณะ หรือเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังเมืองต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย

    การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว

    วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวในย่านพระราม 5 ซึ่งเป็นโซนที่มีการคมนาคมสะดวกสบาย บ้านเดี่ยวพระราม 5 ตั้งอยู่ติดกับถนนสายหลัก ๆ เช่น ถนนนครอินทร์ ถนนราชพฤกษ์ ถนนบางศรีเมือง ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวมีความสะดวกที่จะเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักย่านอื่น ๆ อย่างง่ายดาย
     
    การเดินทางโดยรถสาธารณะ

    การเดินทางสู่ย่านพระราม 5 โดยรถสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถตู้ รถสองแถว
    รถเมล์ ได้แก่ สาย 64 127 134 210 และ 516
    รถตู้ ได้แก่ รถตู้จากเซ็นทรัลปิ่นเกล้าผ่านราชพฤกษ์เข้าสู่นครอินทร์-พระราม 5-แคราย
    รถสองแถว ได้แก่ รถสองแถว 1024ข รถสองแถว 6162

    การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า

    ปัจจุบันรถไฟฟ้าที่เข้าถึงย่านพระราม 5 ประกอบด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีม่วง ได้แก่ สถานีแยกติวานนท์ สถานีบางพลู  และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ได้แก่ สถานีบางอ้อ สถานีสิรินธร สถานีบางยี่ขัน

    สิ่งอำนวยความสะดวกย่านบ้านเดี่ยว พระราม 5

    ย่านพระราม 5 ได้ชื่อว่าเป็นทำเลศักยภาพทางการคมนาคม และมีชื่อเสียงด้านการตั้งที่อยู่อาศัยมานานกว่า 50 ปี ผู้คนนิยมวางแผนซื้อ บ้านเดี่ยวพระราม 5 เพราะเป็นอันดับหนึ่งเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของวิถีคนเมืองรุ่นใหม่

    ห้างสรรพสินค้า ย่านบ้านเดี่ยว พระราม 5

    ห้างสรรพสินค้า เช่น เทสโก้ โลตัส นครอินทร์ เดอะวอล์คราชพฤกษ์ เดอะ คริสตัล เอสบี (ราชพฤกษ์) โฮมเวิร์ค ราชพฤกษ์ เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ เซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า แม็คโคร นครอินทร์

    สถานศึกษา ย่านบ้านเดี่ยว พระราม 5

    สถานศึกษา ตั้งแต่ระดับก่อนอนุบาล จนถึงระดับอุดมศึกษา เช่น มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์โรงเรียนเด่นหล้า พระราม5 โรงเรียนอนุบาลนานาชาติมังกรน้อย โรงเรียนเซนต์คาเบรียล

    โรงพยาบาล ย่านบ้านเดี่ยว พระราม 5

    โรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลบางกรวย โรงพยาบาลหู ตา คอ จมูก โรงพยาบาลเกษมราช ประชาชื่น โรงพยาบาลธนบุรี 2 โรงพยาบาลนนทเวช โรงพยาบาลยันฮี โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาล บางกรวย 2 (ปี 2562)

    บ้านเดี่ยวพระราม 5 ราคาเท่าไหร่

    บ้านเดี่ยวพระราม 5 ราคาเท่าไหร่

    พระราม 5 ย่านศักยภาพ ตอบโจทย์การใช้ชีวิต

    พระราม 5 ย่านศักยภาพ ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมืองรุ่นใหม่ เพราะย่านพระราม 5 มีความเจริญรุ่งเรืองและเป็นย่านที่โครงการบ้านและที่ดินเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ มาเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก ผลกระทบที่ตามมาคือห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล มาเปิดตัวตามแหล่งที่อยู่อาศัย ทำให้โซนพระราม 5 กลายเป็นย่านที่มีความเจริญและขยายตัว อย่างรวดเร็ว ในอนาคตที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ จะมีราคาสูงขึ้น หากท่านใดกำลังสนใจบ้านเดี่ยวพระราม 5 อย่าพลาดโอกาสดี ๆ ตั้งแต่วันนี้ เพราะถือว่าเป็นโซนที่เหมาะสมที่จะรีบจับจองที่อยู่อาศัย

    แนะนำโครงการบ้านเดี่ยว พระราม 5 พร้อมอยู่

    แนะนำโครงการบ้านเดี่ยวพระราม 5 พร้อมอยู่ โครงการใหม่จาก SC ASSET 3 โครงการ

    เวนิว โฟลว์ พระราม 5

    โครงการเวนิว โฟลว์ พระราม 5 ตั้งอยู่บนถนนบางศรีเมือง เชื่อมต่อกับถนนนครอินทร์ ถนนราชพฤกษ์ ถนนพระราม 5 ได้รับแรงบันดาลใจในวิถีการอยู่อาศัยแบบบ้านสวนริมน้ำ สู่สถาปัตยกรรมร่วมสมัย บนทำเลดีอย่างมีเอกลักษณ์ ใกล้ทางด่วนศรีรัชฯ สายจตุจักร - บางซื่อ
    สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น คลับเฮ้าส์ สระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิสเนส และ Co-Working Space

    ด้านความปลอดภัย มีระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Double Security ควบคุมการเข้า-ออก โครงการด้วยระบบ Easy Pass พร้อมกล้อง CCTV ทั่วโครงการ มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง

    ตัวโครงการ ใกล้ห้างสรรพสินค้า Makro Home Pro ราชพฤกษ์ The Walk ราชพฤกษ์ โครงการเวนิว โฟลว์ พระราม 5

    บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม 5

    บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม 5 ตั้งอยู่ ถนนอัจฉริยะประสิทธิ์ ตำบลมหาสวัสดิ์ เชื่อมต่อกับถนนนครอินทร์ บ้านเดี่ยวที่สะท้อนอัตลักษณ์การอยู่อาศัย ด้วยเอกลักษณ์ความสง่างาม ผสานลวดลายแห่ง Brookfield Place, New York ออกแบบให้เพดานห้องนอนสูงกว่า 4 เมตร รสนิยมร่วมสมัย มี Clubhouse หรู สระว่ายน้ำระบบเกลือ Fitness Kis’room และ Working Space ใกล้วงเวียนพระราม 5 และทางด่วนศรีรัชฯ เดินทางสะดวกสบาย

    แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์ – พระราม 5

    คฤหาสน์หรูโครงการใหม่จาก sc asset แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด ราชพฤกษ์ – พระราม 5 ได้รับแรงบันดาลใจจาก Linderholf Palace and Park ประเทศเยอรมันนี ผสานกับการออกแบบในสไตล์ Rococo ศิลปะชิ้นเอก ที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ศิลปะตะวันตก จากพระราชวัง ตั้งอยู่ถนนราชพฤกษ์ มีความเป็นส่วนตัว เอกสิทธิ์เพียง 63 ครอบครัว บนที่ดินกว่า 100 ตารางวา 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 5 ที่จอดรถ

    สรุป

    บ้านเดี่ยวพระราม 5  3 โครงการใหม่จาก SC ASSET พร้อมอยู่ แรงบันดาลใจในการสร้างแต่ละโครงการ เราตั้งใจที่จะออกแบบสถาปัตยกรรมอย่างพิถีพิถัน เพื่อเติมเต็มพลังชีวิตของผู้พักอาศัยอย่างแท้จริง ให้บ้านกลายเป็นสถาปัตยกรรม ความหรูหรา เพลิดเพลินใจ เพราะบ้านคือ ศูนย์รวมความสุขของ คนในครอบครัว ที่พักอาศัยเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ จุดเริ่มต้นวันใหม่ของชีวิต ให้ความสุขเริ่มต้นจากที่บ้าน


    296
    รอยแผลเป็นจากสิว

    ปัญหาแผลเป็นจากสิวไม่ใช่เรื่องเล็กที่ผู้กำลังเป็นอยู่ควรมองข้าม เพราะหากละเลยปล่อยแผลเป็นไว้ อาจทำให้รอยหลุมสิวเกิดการระคายเคืองจนเป็นรอยดำ รอยแดง ที่ทำลายชั้นผิวหนังเป็นหลุมสิว หรือสิวคีลอยด์ได้ในภายหลัง หากจะรักษาสิวด้วยตัวเอง การลดรอยแดง รอยดําจากสิวกี่วันหาย แล้วรักษาแผลเป็นจากสิวมีกี่วิธีรักษา บทความนี้จะมาให้หลักการการรักษาหลุมสิว สิวคีลอยด์ รอยแผลเป็นจากสิวเบื้องต้น มาเป็นความรู้เสริมกัน

    รอยแผลเป็นจากสิว (Acne Scar)

    รอยแผลเป็นจากสิว (Acne Scar) คือ แผลถลอกจากสิวที่เกิดอาการอักเสบรุนแรง ที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เช่น การแกะ แคะ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับสภาพผิว หรือการเสียดสีบริเวณสิวอักเสบ  ทำให้พื้นผิวรอบๆ ตัวสิวเป็นแผลสิวอักเสบขนาดใหญ่ รูขุมขนกว้าง แม้หัวสิวจะหลุดออกไปแล้วแต่ยังคงทิ้งรอยแดง รอยดำ ไว้อยู่ ส่งผลให้บริเวณตรงแผลสิวทิ้งรอยไว้ หากปล่อยอาการนี้ไว้อาจทำให้แผลเป็นจากสิวติดถาวรตลอดไป

    สาเหตุที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิว

    แผลสิวอักเสบ

    ต้นเหตุที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิว เกิดได้จากระบบต่อมไขมันใต้ผิวหนังได้ผลิตน้ำมันมากเกินความจำเป็น ส่งผลให้ตัวน้ำมันอุดตันในรูขุมขน ทำให้ลักษณะผิวมีตุ่มแดงๆ นูนขึ้นมา แต่หากมีคราบเชื้อรา แบคมีเรีย หรือสิ่งสกปรกอื่นๆ ในรูขุมขน อาจทำให้สิวเกิดการอักเสบเป็นหนอง หากสิวที่ดึงออกไม่ได้รับการรักษาที่ถูกวิธี พื้นผิวจะทิ้งรอยแผลเป็นจากสิว ลักษณะสีผิวบางเคสเป็นรอยแดงเหมือนผื่น เกิดอาการระคายเคืองต่อผิว เนื้อเยื่อที่ถูกทำลายอาจเกิดกระบวนการสร้างเม็ดสีผิวผิดปกติจนเป็นรอยดําจากสิวได้ในระยะเวลาต่อมา

    รอยแผลเป็นจากสิวมีกี่ประเภท

    ประเภทแผลสิวอักเสบ

    โดยทั่วไป รอยแผลเป็นจากสิวเกิดขึ้นเป็น 3 ประเภทสิว ดังนี้

    1. รอยดำ-รอยแดงจากสิว (Post-Inflammatory Hyperpigmentation)

    • รอยดำจากสิว เกิดขึ้นจากกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อฟื้นฟูรอยแผลเป็นไม่สมบูรณ์ เพราะการเป็นแผลสิวทำให้เกิดปฎิกิริยาผลิตเม็ดสีที่ไม่สม่ำเสมอ  ทำให้รอยแผลเป็นจากสิวเป็นจุดด่างดำ
    • รอยแดงจากสิว เกิดขึ้นจากหลอดเลือดแดงถูกเบียดเบียนจากสิวอักเสบใต้ผิวหนัง ทำให้เส้นเลือดบวมปูดเป็นรอยแดงทิ้งไว้บนผิว ทำให้ผิวหนังอักเสบ ถึงแม้สิวจะถูกนำออกแล้ว แต่รอยแดงยังทิ้งอยู่
    2. รอยหลุมสิว (Atrophic Scars)

    • หลุมสิวแบบรูเจาะ (Ice pick) ลักษณะรอยแผลเป็นสิวคล้ายน้ำแข็งเจาะ เป็นรูแคบแต่หลุมมีความลึกถึงผิวหนังชั้นแท้ มักอยู่รวมเป็นกลุ่มๆ พบในบริเวณช่วงจมูก แก้ม โดยส่วนใหญ่
    • หลุมสิวแบบบล็อก (Boxcar) ลักษณะรอยแผลเป็นสิวคล้ายหลุมโดนลบทับ ขนาดหลุมมีฐานความกว้างแต่ตื้นกว่าสิวแบบรูเจาะ แต่บางคนอาจเป็นรูลึกใต้ชั้นผิวหนัง มีพังผืดในชั้นใต้ผิวหนังมาก ทำให้บริเวณที่รอยหลุมมีความแข็งและหนามาก มักพบบริเวณช่วงแก้มกับขมับ
    • หลุมสิวแบบคลื่น (Rolling) ลักษณะรอยแผลเป็นสิวเป็นหลุมที่มีความกว้าง แต่หลุมตื้นโค้งเอียงเป็นก้นกระทะ มองตาเปล่าจะเห็นหลุมสิวไม่ค่อยชัดเจน หากทำให้บริเวณรอยเป็นสิวชนิดนี้ให้ตึง จะทำให้ผิวดูเรียบเนียน เป็นสิวที่รักษาง่ายที่สุดในบรรดา 3 รอยหลุมสิวทั้งหมด

    3. รอยแผลเป็นนูนและคีลอยด์จากสิว (Hypertrophic and Keloid Scars)

    รอยแผลเป็นจากสิวคีลอยด์ (Keloid Scars) ลักษณะผิวจะนูนปูดบวมเป็นตุ่มแดงอักเสบ พบในบริเวณแก้ม จมูก คาง ใต้คาง กรอบหน้า คอ และช่วงหน้าอก

    รอยแผลเป็นจากสิวเกิดจากสิวแบบใด

    ชนิดรอยแผลเป็นจากสิว

    ชนิดสิว 7 ประเภทที่ก่อให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิวค้างหลงเหลือไว้บนใบหน้า มีดังนี้

    • สิวผด (mallorca Acne) เกิดจากการสัมผัสกับฝุ่น สภาพอากาศที่ร้อน ทำให้ผิวหนังระคายเคืองเป็นสิวเห่อในลักษณะผื่นแดง
    • สิวอุดตัน (Comedones) เกิดจากการผลัดเซลล์ผิวไม่หมด ทำให้เนื้อเยื่อที่ตกค้างมีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาอุดตันในรูขุมขน เป็นก้อนสิวอุดตันขึ้นมา
    • สิวอักเสบ (Inflammatory Acne) เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย C.acnes กระตุ้นผิวหนังให้เกิดอาการระคายเคือง
    • สิวหัวหนอง (Pustules) เกิดจากรอยแผลเป็นสิวติดเชื้อในชั้นผิวหนัง ทำให้สิวติดเชื้อแล้วเป็รหนองในเวลาต่อมา
    • สิวหัวช้าง (Severe Nodular acne) เกิดจากการอักเสบบนผิวหนังชั้นกำพร้าและผิวหนังชั้นหนังแท้ ได้สัมผัสสิ่งแปลกปลอมอย่างเชื้อโรคกเข้าสู่ผิวหนัง ระตุ้นต่อระบบภูมิคุ้มกัน สร้างความระคายเคืองให้ผิวหนังปวดบวม
    • สิวหัวดำ (Blackhead) เกิดจากเซลล์คอร์นีโอไซต์(Corneocyte) และซีบัม(Sebum) ถูกผลิตในรูขุมขนเยอะเกินไป จนขยายกว้างขึ้นเป็นจุดดำ
    • สิวหัวขาว (whitehead) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสะสมอยู่ในรูขุมขนกับน้ำมัน จนกลายเป็นสิวหัวขาลักษณะเป็นไตเม็ดเล็กๆ


    วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิว

    1. วิธีรักษารอยแดง-รอยดำจากสิว

    สามารถใช้ยาลบเลือนรอยสิวเฉพาะจุดในการฟื้นฟูสภาพพื้นผิวให้กลับมาเรียบเนียน หรือใช้การรักษาด้วยเลเซอร์ลบรอยแผลเป็นจากสิวเพื่อลบรอยถลอกให้จางลง รวมไปถึงการบำรุงผิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์มาร์กหน้า สครับหน้า ทานอาหารเสริม ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง

    2. วิธีรักษาหลุมสิว

    สามารถใช้ยากลุ่มเรตินอยด์ที่มีกรดวิตามิน A สูงในการผลัดเซลล์ผิวใหม่ หรือการศัลยกรรมด้วย ผ่าตัดพังผืดสำหรับผู้ที่เป็นหลุมสิวมานาน หรือ การทำเลเซอร์เร่งด่วนเพื่อทำให้รอยแผลเป็นจากสิวลดลง
     
    3. วิธีรักษารอยแผลเป็นนูนและคีลอยด์จากสิว

    สามารถใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ หรือ ยาที่มีส่วนผสมของวิตามิน A สำหรับกรณีคีลอยด์จากสิวมีขนาดเล็ก แต่หากเป็นแผลคีลอยด์ขนาดใหญ่ให้ใช้แผ่นซิลิโคนเจลปิดบริเวณแผลเป็นจากสิว เพื่อลดการขยายตัวของแผล

    วิธีรักษารอยดำ รอยแดงจากสิว

    รอยแดง รอยดำจากสิว

    1. การใช้ยาทารอยสิว

    การเลือกยาทาบรรเทา เช่น ครีม หรือ เซรั่มลดรอยแผลเป็นจากสิว ควรมี 4 ส่วนผสมหลักๆ ดังนี้
    • กรดวิตามิน A ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวตายหลุดออกไป กระตุ้นเนื้อเยื่อสร้างผิวหนังใหม่
    • วิตามิน C ช่วยลดรอยดำ รอยแดงจากสิวให้กระจ่างใส ลดเม็ดสีที่เจริญเติบโตผิดปกติ และสลายสารเมลานิน
    • เทรติโนอิน ช่วยลดผิวที่อักเสบพร้อมยับยั้งการเติบโตเม็ดสีที่ผลิตสีผิดปกติขึ้นมา
    • อาร์บูติน ยับยั้งสารต้านอนูมูลอิสระที่ก่อให้เกิดอาการอักเสบต่อผิวหนัง
    2. การรักษาด้วยเลเซอร์

    ลดรอยแผลเป็นจากสิวด้วยการทำเลเซอร์ เป็นการกำจัดปัญหาผิวหน้าเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นรอยดำ รอยแดง ก็สามารถสลายจุดด่างดำ เพิ่มความสดใสของใบหน้ากลับมาอีกครั้ง กระตุ้นเซลล์ผิวให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมเนื้อเยื่อใหม่ ใช้ระยะเวลาการรักษาที่เร็ว ฟื้นตัวไม่นาน เห็นผลลัพธ์รักษารอยแผลเป็นจากสิวใน 1 เดือน

    วิธีรักษารอยหลุมสิว

    หลุมสิว

    1. การรักษาหลุมสิวด้วยการทายา

    การทายารักษาหลุมสิว ควรใช้ยาประเภทเรตินอยด์ที่มีส่วนประกอบกรดวิตามิน A มีฤทธิ์ปรับโครงสร้างชั้นผิวหนังกำพร้าให้เนียนใส พร้อมผลัดเซลล์ผิวที่ตายเพื่อทำให้หลุมสิวตื้นขึ้น

    2. การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว

    การฉีดฟิลเลอร์หลุมสิว ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนชั้นใต้ผิวหนังมาเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังชั้นบน ลดความแห้งกร้านแก่สภาพผิวหนัง กระตุ้นให้ผิวเกิดโครงสร้างซ่อมแซมเนื้อเยื่อหลังเกิดรอยแผลเป็นจากสิวทันที

    3. การใช้เลเซอร์รักษาหลุมสิว

    เลเซอร์รักษาหลุมสิว จะช่วยให้ผิวหนังที่ยุบตัวลงกลับมาตื้นเท่าๆ กับผิวชั้นเดียวกัน พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนชั้นใต้ผิวหนังให้มีโครงสร้างชั้นผิวหนังให้แข็งแรง ผิวกระชับลดรูขุมขนกว้าง

    4. การผ่าตัดหลุมสิว

    การผ่าตัดหลุมสิว เป็นการศัลยกรรมเพื่อให้หลุมสิวที่กว้างและลุกไปยังชั้นใต้ผิวหนังกลับมาตื้นในระดับชั้นเดียวกัน เห็นผลชัดเจนหลังทำแน่นอน

    วิธีรักษารอยแผลเป็นนูนและคีลอยด์จากสิว

    คีลอยด์จากสิว

    1. การรักษาด้วยการจี้เย็น

    การจี้เย็นรักษารอยแผลเป็นจากสิวคีลอยด์ ช่วยสลายเนื้อเยื่อที่ปูดบวมเป็นตุ่มน้ำพองให้หดตัวลง แล้วเป็นก้อนแห้งจนตกสะเก็ด ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน เพราะต้องรอคีลอยด์จี้ตกเป็นสะเก็ตประมาณ 3 - 4 สัปดาห์

    2. การฉีดยาสเตียลอยด์รักษาคีลอยด์

    การฉีดยาสเตียลอยด์เข้ารอยแผลเป็นสิวคีลอยด์โดยตรง จะช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง ให้ตุ่มพองยุบตัวแล้วฝ่อเล็กลง ตุ่มจะนุ่มลงไม่เกิดอาการคัน ระคายเคืองหลังทำ

    3. การใช้เลเซอร์รักษาแผลคีลอยด์

    การใช้เลเซอร์รักษารอยแผลเป็นสิวคีลอยด์ เป็นการจี้ไฟรักษาเพื่อลดความแข็งของตุ่มพอง ให้นิ่มตัวลง ตัวคีลอยด์จะค่อยๆ หดตัว ผิวเรียบเนียนขึ้น

    4. การผ่าตัดนำแผลคีลอยด์ออก

    การผ่าตัดนำรอยแผลเป็นสิวคีลอยด์ออก จะทำได้ในกรณีที่ แผลคีลอยด์ของคนไข้มีขนาดใหญ่และบวมนูนออกมา ทางแพทย์จะผ่าตัดนำก้อนเนื้อออกแล้วเย็บแผลปิดทันที

    แนวทางดูแลตัวเองเมื่อมีรอยแผลเป็นจากสิว

    วิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิวแบบธรรมชาติ มีข้อปฏิบัติดังนี้

    สิ่งที่ควรปฏิบัติ

    • หากสิวที่หลงเหลือกลายเป็นแผล ให้รีบทำการรักษาทันที
    • ทาผลิตภัณฑ์กันแดดเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง
    • ปรึกษาการเลือกใช้ยารักษารอยแผลเป็นจากสิวกับแพทย์ เพื่อให้ยาสามารถลดเลือนรอยสิวได้มากที่สุด
    • ทานอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะการทานผักและผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สร้างความระคายเคืองต่อผิว
    สิ่งที่ห้ามปฏิบัติ

    • ไม่แกะ เกา บีบ บริเวณที่มีรอยแผลเป็นจากสิว เพราะอาจทำให้สิวอักเสบมากกว่าเดิม
    • ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงหน้าประเภท สครับ มาร์ก เพราะอาจสร้างความระคายเคืองแก่ผิวหนัง
    • งดทานอาหารที่มีไขมันสูง เพราะอาจกระตุ้นการอุดตันกับอักเสบของสิว
    • ไม่อยู่พื้นที่กลางแจ้งและมีแดด เพราะรังสีแสงยูวีอาจยับยั้งการซ่อมแซมผิวหนังให้หายช้าลง
    วิธีป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิว

    รักษาแผลเป็นจากสิว

    4 วิธีป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นจากสิว มีดังนี้

    • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อสภาพผิวหนังตัวเอง
    • ไม่แกะ บีบ เกา สิวบนใบหน้าด้วยตัวเอง
    • ทาครีมกันแดดก่อนออกไปข้างนอกทุกครั้ง
    • ปฏิบัติตามคำแนะนำแพทย์ที่รักษาอย่างเคร่งครัด

    ข้อสรุป

    สรุปแล้วแผลจากสิวกี่วันหายล่ะ? จะเห็นได้ว่าวิธีแก้รอยแผลเป็นจากสิว มีหลากหลายวิธีรักษาให้คนไข้ศึกษาเป็นความรู้แล้วเป็นตัวเลือกประกอบตัดสินใจในการปรึกษาแพทย์ในภายหลัง บทความนี้ขอเป็นกำลังใจให้คุณค้นหาวิธีรักษารอยแผลเป็นจากสิวที่เหมาะสมที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมไปถึงการรักษารอยสิวด้วยตนเองหลังผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยเช่นกัน


    297
    กลยุทธ์การตลาดนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ เช่นเดียวกับการทำการตลาดออนไลน์ การตลาดออนไลน์ก็มีเทคนิคหลายอย่างที่จะช่วยทำให้ธุรกิจของเราเป็นที่รู้จักมากขึ้น เพิ่มลูกค้า สร้างมูลค่าแบรนด์ของเรา ไปจนถึงการสร้างยอดขายให้ได้มากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ CTA

    CTA ย่อมาจาก Call to action แม้ว่าหลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินคำว่า CTA มาก่อน แต่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับมันมากนัก การใช้งานก็อาจจะใช้ได้ไม่คล่อง ดังนั้นลองมาทำการหาคำตอบจากบทความนี้กันว่า CTA หรือ Call to action มันคืออะไร สำคัญอย่างไร มีกี่ประเภท และจะใช้งานอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

    เรียกความสนใจจากผู้ชมด้วย CTA คำสั้น ๆ ง่าย ๆ ได้อิมแพค


    CTA คืออะไร
    CTA หรือ Call to action เป็นปุ่มที่มีลักษณะเป็นแบนเนอร์ ซึ่งจะช่วยดึงดูดให้คนที่เห็นคอนเทนต์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ ประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ที่อยู่บนช่องทางออนไลน์ เข้ามาคลิกปุ่มที่ตั้งไว้ ตรงตามคำของมันคือ เรียก (Call) ให้คนมาทำ (Action) ในสิ่งที่เรากำหนดไว้

    การทำคอนเทนต์ด้วยการใช้รูปภาพในการสื่อสาร อาจจะทำได้เพียงแค่ทำให้คนรับรู้สาส์นที่เราอยากจะสื่อเพียงเท่านั้น แต่เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น จึงต้องมีการใส่ CTA ลงไป ยกตัวอย่างเช่น ปุ่มเพื่อกดเข้าไปเพื่อทำการสั่งซื้อสินค้า ปุ่มเพื่อให้ทักเข้า inbox เพื่อสอบถามรายละเอียดสินค้า ปุ่มเพื่อกรอกลงทะเบียน อาจจะใช้สำหรับสมัคร หรือใช้เก็บข้อมูลผู้เข้าชม เพื่อติดต่อในภายหลังก็ได้

    จะเห็นได้ว่า Action แต่ละอย่าง จะเป็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็น ได้ยอดขายเพิ่ม ลูกค้าเข้ามา
    สอบถามเรื่องสินค้า ลูกค้าเข้ามาร่วมกิจกรรมแคมเปญต่าง ๆ หรือเก็บข้อมูลของลูกค้า เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ในการวางกลยุทธ์ตลาดครั้งถัด ๆ ไป

    โดยการใส่ CTA นั้น จะมีหลักการคือ ใช้คำที่ไม่ยืดยาว สั้น ๆ ได้ใจความ ทำให้คนอยากคลิกเข้าไป กระตุ้นให้ผู้ชม Action ในสิ่งที่จะเป็นผลดีกับธุรกิจของเรา โดยสามารถสรุปหลัการได้สั้น ๆ ดังนี้ CTA ต้องบอกว่า กดเพื่ออะไร คำที่ใช้บอกต้องกระชับ ปุ่ม CTA ต้องสะดุดตาเห็นได้ง่าย และปุ่ม CTA ต้องมีความดึงดูดอยากให้คนคลิกเข้ามา


    CTA มีกี่ประเภท
    เพื่อให้สามารถใช้ CTA ได้อย่างเหมาะสม ถูกวิธี เราจึงควรทราบก่อนว่า CTA นั้นมีอยู่กี่ประเภท เพื่อจะได้เลือกใช้ถูกต้อง โดย CTA นั้นแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

    CTA มีกี่ประเภท

    Link CTA
    CTA ประเภท Link นั้น จะมีลักษณะเป็นประโยค หรือคำ ที่มีตัวอักษรเป็นสีฟ้า มีเส้นใต้ขีด หรือเป็นลักษณะของชื่อเว็บไซต์ที่มี http นำหน้า เป็น CTA ที่ทำได้ง่าย อาจจะมีอยู่ในบทความ หรืออยู่ใน caption หรือ comment ของโพสต์บน Social Media โดย Link CTA จะแบ่งออกได้อีกเป็น 2 แบบ คือ
    -Internal Link : เป็น Link CTA ที่ทำการเชื่อมต่อกับหน้าอื่น ๆ แต่ต้องอยู่ในเว็บไซต์เดียวกัน
    -External Link : เป็น Link CTA ที่ทำการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์อื่น ๆ

    Link CTA เป็น CTA ที่มีเป้าหมายให้คนเข้าไปยังเว็บไซต์ที่เรากำหนดไว้ ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้ากำลัง
    อ่านบทความเรื่อง ครีมบำรุงหน้า เราอาจจะใส่ Link CTA ไปยังหน้าเว็บไซต์ที่โชว์โปรโมชัน ครีมบำรุงหน้า เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างยอดขายได้

    Button CTA
    CTA ประเภท Button หรือ CTA แบบปุ่มกดนั้น เป็นปุ่มกด Clickbait ที่จะดึงดูดความสนใจผู้เข้าชม ให้เข้ามาคลิก CTA Button ของเรา ซึ่งเป้าหมายของปุ่มกดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเราได้เลย ไม่ว่าจะเป็น

    -Shop Now : ชวนให้คนคลิกเข้ามาสั่งซื้อสินค้า
    -Get Offer : ชวนให้คนคลิกเข้ามารับสิทธิ์พิเศษต่าง ๆ
    -Join Campaign : ชวนให้คลิกเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เราจัดไว้
    -Register : ชวนให้คนคลิกเข้ามาลงทะเบียน
    -Watch More, See More : ชวนให้คนคลิกเข้าไปดูวีดีโอ หรือภาพอื่น ๆ ต่อ

    ซึ่งที่กล่าวมานี้เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่ง CTA Button สามารถออกแบบได้อย่างอิสระ โดยการทำวาง CTA Button ต้องวางในจุดที่เด่น คนมองเห็นได้ง่าย เพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาคลิกมากที่สุด

    Banner CTA
    CTA ประเภท Banner เป็น CTA แบบปุ่มกดเช่นกัน แต่จากปุ่มที่มีรูปแบบเรียบง่าย จะถูกเปลี่ยนเป็นภาพ
    กราฟฟิคที่มีการออกแบบอย่างสวยงาม เป็น CTA ที่ไม่ได้ใช้เพียงแค่ประโยคสั้น ๆ ดึงดูดคนให้คลิก แต่มีองค์ประกอบอื่น ๆ เพิ่มได้ เช่น รูปภาพผลิตภัณฑ์ โดย CTA Banner จะมักถูกนำไปวางบนเว็บไซต์


    CTA สำคัญยังไง ทำให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อได้หรือไม่
    ปุ่ม CTA นั้นสามารถช่วยกำหนดทิศทางของ Action ให้กับผู้ชมที่คลิกเข้ามา

    หากเรามีผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณเป็นเลิศ มีอรรถประโยชน์ที่ตอบโจทย์กลุ่มคนที่คลิกเข้ามาได้ การนำเสนอจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ก็จะทำให้เราสามารถขายสินค้าได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าอยากเพิ่มยอดขาย ก็ใส่ CTA ไปยังหน้าการสั่งซื้อ ถ้าแอดมินของเราขายเก่ง ให้ผู้สนใจ inbox เข้ามา เพื่อทำการชักจูงให้มาซื้อของกับเรา หรือถ้าเป็นสินค้าใหญ่ ๆ อย่างอสังหาริมทรัพย์ ก็ใส่ CTA ให้คนคลิก กรอกข้อมูล เพื่อติดต่อกลับ ช่วยให้เราสามารถคัดลูกค้าที่มีศักยภาพมากพอ ที่ควรค่าแก่การเข้าไปติดต่อ 

    หากเรารู้ว่า Action แบบไหน จะส่งผลดีให้กับธุรกิจของเรา และเราสามารถใส่ CTA นำไปสู่ Action ที่
    เหมาะสม ก็สามารถการันตีได้เลยว่า มันจะช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจซื้อสินค้า บริการ กับเราได้ง่ายยิ่งขึ้น

    CTA ทำให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้น


    การทำให้ CTA ตรงตามวัตถุประสงค์ การขายออนไลน์
    ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หากเราสามารถกำหนดทิศทางของ Action ที่เหมาะสม และหาวิธีนำให้คนคลิกเข้ามา CTA ของเรา จะสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับธุรกิจได้ โดยเฉพาะการตลาดออนไลน์ และการขายออนไลน์ โดยเราจะมาแนะนำทริคที่จะทำให้การทำ CTA ของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ดังนี้

    1.คำที่ใช้กับ CTA มีความชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที
    การเลือกประโยค หรือคำที่ใช้บ่งบอก Action ที่ทำการเชื่อมต่อกับ CTA ต้องมีความกะทัดรัด ชัดเจน อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที ว่าหากคลิก CTA นี้แล้ว จะเจอกับอะไร

    2.ปุ่ม CTA มีความดึงดูดให้คนอยากคลิก
    เพราะ Action ที่ติดตั้งไว้ จะสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้แผนการตลาดของเรา ดังนั้นเราต้องหาวิธีทำให้คนอยากคลิก CTA ของเรา ไม่ว่าจะด้วยคำที่ทำให้คนรู้ว่าประโยชน์ที่จะได้จากคลิก CTA นี้คืออะไร หรือออกแบบกราฟฟิค ใช้รูปภาพที่ทำให้คนอยากคลิก CTA

    3.จุดที่วาง CTA มองเห็นได้ง่าย
    จุดที่ทำการวาง CTA ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เราต้องวางในตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่าย เพราะหากคนมองไม่เห็น CTA การที่คนจะคลิกเข้า CTA ก็จะยิ่งน้อยลงไปอีก

    4.CTA ทำให้คอนเทนต์ของเราดูมีลูกเล่นมากขึ้น
    คอนเทนต์ต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ตอาจจะทำได้แค่รับชมเท่านั้น แต่การใส่ CTA จะทำให้ผู้ชมสามารถมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ของเราได้ โดยผู้ชมจะได้ทำ Action ที่เรากำหนดไว้

    5.ลองทำ A/B Testing ให้ CTA ก่อนเริ่มการเผยแพร่
    ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ CTA จุดที่วาง CTA คำที่ใช้ระบุ CTA ทุกอย่างมีผลต่อจำนวนการคลิก CTA ดังนั้นการทำ A/B Testing เพื่อหา CTA แบบที่ดีที่สุด ก่อนจะเริ่มทำการเผยแพร่ จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ

     เทคนิคการทำ CTA


    สรุป
    การทำการตลาดออนไลน์ เป็นช่องทางในการทำโปรโมท ทำการขาย ที่คนให้ความนิยมอย่างมาก ใคร ๆ ก็สามารถเข้าถึงการตลาดออนไลน์ได้มากขึ้น ทำให้มีคู่แข่งในตลาดเป็นจำนวนมากเล่นกัน ดังนั้นการหากลยุทธ์การตลาดใหม่ ๆ ใช้กลยุทธ์ที่หลากหลาย จะช่วยให้เราสามารถสร้างข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าคู่แข่ง

    การใช้ CTA ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ ที่เราสามารถนำมาใช้ได้ ซึ่งจากที่กล่าวไว้ข้างต้น หากเราสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับ CTA ทั้งคุณสมบัติ วิธีการใช้งาน และความแตกต่างของ CTA ทั้งหมด เราจะสามารถใช้ CTA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้คอนเทนต์ของเราน่าสนใจมากขึ้น ชักนำให้คนมี Action ที่ส่งผลดีต่อธุรกิจของเรา

    สำหรับผู้ที่สนใจอยากลองทำการตลาดออนไลน์ แต่ยังไม่รู้จะเริ่มทางไหน ให้ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญอย่าง Fastcommerz  ที่มีทั้งบริการให้คำปรึกษาทุก ๆ เรื่องเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ รวมทั้ง CTA และยังมีบริการรับออกแบบ Sale Page ไปจนถึงบริการรับยิงแอด สนใจสามารถติดต่อได้ที่เว็บไซต์ของ Fastcommerz หรือ 084 509 5545


    298
    อินเทอร์เน็ตโรงเรียน

    ในปัจจุบันระบบเครือข่ายมีบทบาทและความสำคัญเพิ่มมากขึ้นซึ่งเกิดจากความต้องการ ความจำเป็นในการติดต่อสื่อสาร การแสวงหาความรู้ให้ทันตลอดเวลา มีการวางแผนการเรียนการสอน อินเทอร์เน็ตโรงเรียนจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบันนี้ จึงต้องมีการติดตั้งอินเทอร์เน็ตที่มีความละเอียดสูงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการใช้งาน

    ซึ่งบทความนี้จะมาพูดถึงอินเทอร์เน็ตโรงเรียนมีความสำคัญและจำเป็นอย่างไร เพื่อนำอินเทอร์เน็ตมาใช้ในการพัฒนาการศึกษา เนื่องจากการสอนปัจจุบันมักจะอยู่บนออนไลน์เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการออกแบบระบบอินเทอร์เน็ตจึงต้องได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งาน

    อินเทอร์เน็ตโรงเรียน คือ ต่างกับเน็ตบ้านไหม

    ระบบอินเทอร์เน็ตโรงเรียน มีคุณสมบัติและประโยชน์มากกว่าเน็ตบ้านและมีราคาที่ย่อมสูงกว่าเน็ตบ้านทั่วไป สื่อการสอนที่จำเป็นต่อการสอนที่ออกแบบเฉพาะ เช่น สื่อการสอน การส่งงาน และแยกประเภทการใช้งานระหว่างครูและนักเรียน  วางระบบภายในอาคารมีการจำกัดการใช้งานเฉพาะสถานศึกษามีการติดตั้งระบบ Bandwidth

    โดยที่ไม่ต้องไปแชร์กับองค์กรอื่นหรือบุคคลภายนอก มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลสูง การใช้งานอินเทอร์เน็ตโรงเรียนจะต้องมีข้อจำกัดการเข้าใช้งานในระบบต่างๆเพื่อป้องกันการเสพสื่อต่างๆที่ไม่เหมาะสม อินเทอร์เน็ตโรงเรียนจะมีการจัดระบบหลังบ้านในการใช้งานเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา

    อินเทอร์เน็ตโรงเรียนกับเน็ตบ้าน ซึ่งถูกกดราคาให้มีราคาที่ถูกโดยการเพิ่มความเร็วในการดาวน์โหลดแต่จะลดความเร็วในการอัปโหลด การใช้งานแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ดูวิดีโอและเล่นอินเทอร์เน็ตหรือดูเว็บไซต์ปกติ แต่ถ้ามีการใช้งานที่ส่งไฟล์งานขนาดใหญ่รวมไปถึงการสำรองข้อมูลขนาดใหญ่ ความเร็วในการอัปโหลดจะมีผลค่อนข้างมาก

    สำหรับอินเทอร์เน็ตโรงเรียนจะให้ความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลด ความเร็วจะเท่ากับอินเทอร์เน็ตบ้าน โดยจะใส่ความเร็วแยกกัน เช่น ความเร็วในการดาวน์โหลด 1 Gbps และความเร็วในการอัพโหลดที่ 200 Mbps

    แต่ในปัจจุบันในประเทศไทยเริ่มปรับให้การดาวน์โหลดและอัปโหลดมีความเร็วเท่ากันแล้ว แต่อินเทอร์เน็ตโรงเรียนก็ยังมีความแตกต่างจากอินเทอร์เน็ตบ้านอยู่ สิ่งที่ต่างกัน คือ ในกรณีถ้าเกิดปัญหาในการใช้งานอินเทอร์เน็ต อินเทอร์เน็ตโรงเรียนจะต้องรีบแก้ไขให้เร็วที่สุดหรือซ่อมภายใน 4 ชั่วโมง

    แต่อินเทอร์เน็ตบ้านอาจจะต้องใช้เวลาเป็นวันในการรอช่างมาซ่อมแซมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และสำหรับอินเทอร์เน็ตบ้านการอัปโหลดจะค่อนข้างช้าในขณะที่มีการใช้งานพร้อมๆกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือ ความเร็วของอินเทอร์เน็ตในการใช้งานลดลง ไม่ค่อยเสถียร และอินเทอร์เน็ตบ้านไม่มีระบบจัดการข้อมูลที่ดีทำให้การค้นหาเสพสื่อต่างๆข้อมูลบางอย่างที่ไม่เหมาะสมกับเยาวชนซึ่งทำให้ควบคุมได้ยาก
    อินเทอร์เน็ตโรงเรียน จำเป็นแค่ไหน

    อินเทอร์เน็ตโรงเรียนจำเป็นแค่ไหน

    ในยุคสมัยแห่งการเรียนรู้และการเข้าถึงข้อมูลทำไมควรที่จะติดตั้งอินเทอร์เน็ตโรงเรียน เนื่องจากในยุคปัจจุบันนี้สื่อการเรียนการสอนได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก อินเทอร์เน็ตโรงเรียนจึงมีความสำคัญต่อบุคลากรภายในโรงเรียนและนักเรียน เพราะสื่อการสอนในปัจจุบันอยู่บนออนไลน์ซะส่วนใหญ่

    อินเทอร์เน็ตโรงเรียนที่ดีจะช่วยให้เด็กเข้าถึงข้อมูล และสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยมากขึ้น และในขณะที่ครูก็จะมีแหล่งการเรียนรู้สิ่งใหม่ต่างๆเพิ่มเติม กว้างขึ้นเพื่อสร้างสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับนักเรียน ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันที่นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งหากบางโรงเรียนขาดความพร้อมด้านระบบอินเทอร์เน็ตก็อาจจะทำให้การเรียนการสอนสู้โรงเรียนอื่นที่มีความพร้อมมากกว่าไม่ได้

    และบางครั้งอินเทอร์เน็ตโรงเรียนก็สามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้มากกว่าความรู้ภายในห้องเรียน เพราะความรู้ในห้องเรียนมีการจำกัดในเรื่องของเวลาในการเรียนการสอน ซึ่งนักเรียนสามารถหาความรู้เพิ่มเติมได้นอกเหนือจากเวลาเรียนทำให้นักเรียนมีความรู้เพิ่มเติมมากขึ้นจากสิ่งที่ตนเองสนใจและนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

    ซึ่งในปัจจุบันนี้โรงเรียนหลากหลายสถาบันได้มีการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในการเรียนการสอน รวมทั้งให้การบ้าน หรือส่งการบ้านและตรวจการบ้าน แม้กระทั้งการทำงานกลุ่มของนักเรียน การปรึกษากับครูและเพื่อนนักเรียนด้วยกัน หรือการติดต่อสื่อสารทางไกลทั้งในประเทศและนอกประเทศ

    ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตโรงเรียน

    หากจะถามถึงประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตโรงเรียน อินเทอร์เน็ตสามารถให้ผู้เรียนทำการติดต่อกับผู้คนทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วและรวมถึงการสืบค้นหรือเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศจากทั่วโลก อินเทอร์เน็ตได้กลายเป็นสื่อการศึกษาของโลกยุคใหม่เป็นการส่งเสริมความรู้ให้กับผู้เรียน

    ที่ได้มีการติดต่อสื่อสาร การสืบค้นข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล การแก้ปัญหาโดยการนำเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาใช้หรือเชื่อมโยงกับการเรียนการสอนในวิชาต่างๆ

    อินเทอร์เน็ตเมื่อนำมาใช้ในการพัฒนาด้านการศึกษาก็จะทำให้เกิดประโยชน์และสร้างความเท่าเทียมกันในด้านการศึกษามากขึ้น และนอกจากนี้ยังให้ความสะดวก ประหยัดเวลา และยังสามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ที่หลากหลาย พัฒนาการสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว สะดวก แม่นยำและง่ายต่อการสื่อสารระหว่างครูกับครู หรือครูกับผู้ปกครอง และครูกับนักเรียน แม้แต่นักเรียนกับนักเรียนเอง

    แม้กระทั่งการจัดระบบการเรียนรู้ต่างๆภายในโรงเรียนให้สะดวกในการทำงานมากขึ้น เนื่องจากอินเทอร์เน็ตโรงเรียนมีตัวระบบคัดกรองข้อมูลให้มีความปลอดภัย

    ดังนั้น การเรียน การสื่อสารในยุคสมัยนี้ อินเทอร์เน็ตโรงเรียนจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากเพราะเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอนมากขึ้น และยังช่วยขยายขอบเขตของห้องเรียนออกไปให้กว้างขึ้น เพราะผู้เรียนสามารถใช้เครือข่ายในการสำรวจค้นหาข้อมูลและปัญหาข้อสงสัยต่างๆที่ผู้เรียนมีความสนใจและเครือข่ายยังเป็นตัวเชื่อมให้ผู้เรียนเข้าถึงผู้ที่ให้คำปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น

    ประโยชน์ต่อนักเรียน

    อินเทอร์เน็ตโรงเรียนที่มีประโยชน์ต่อนักเรียน ทำให้ผู้เรียนได้รับความรู้ใหม่ได้เร็วและกว้างขึ้น ทำให้ลดเวลาในการจดคำบรรยายในห้องเรียน และรู้ทันเหตุการณ์ในโลกปัจจุบันได้มากขึ้น และยังสามารถเพิ่มทักษะของตัวผู้เรียน ทั้งยังเพิ่มประสบการณ์ให้แก่ตัวผู้เรียนได้อีกด้วย แม้แต่เรื่องการศึกษาวัฒนธรรมต่างๆ

    ส่งผลให้นักเรียนมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อินเทอร์เน็ตยังทำให้นักเรียนเข้าถึงข้อมูลที่ทันสมัยเมื่อเปรียบเทียบกับการเรียนในห้องเรียนแบบเดิม และยังสร้างแรงจูงใจในการศึกษาหรือค้นคว้าหาข้อมูลหรือความรู้เพิ่มเติมได้มากขึ้น

    ประโยชน์ต่อผู้สอน

    อินเทอร์เน็ตโรงเรียนที่มีประโยชน์ต่อผู้สอน ทำให้ผู้สอนเข้าถึงระบบการวางแผนการเรียนการสอนและศึกษาข้อมูลทางการสอนได้หลากหลายมากขึ้น การทำแบบประเมิน การพัฒนาตนเอง พัฒนาหลักสูตร  สามารถนำสิ่งที่ศึกษาจากอินเทอร์เน็ตมาสอนนักเรียนหรือปรับปรุงแก้ไข โดยศึกษาข้อมูลจากการใช้เอกสารงานวิจัยต่างๆ ทางอินเทอร์เน็ต

    นอกจากการสอนแบบเดิมแล้วผู้สอนยังได้รับความรู้เพิ่มเติมเป็นประโยชน์ต่อผู้สอนและนักเรียนได้อีกด้วย อีกทั้งการใช้สื่อการสอนทางอินเทอร์เน็ตเป็นการประหยัดงบประมาณ ลดการใช้กระดาษและมีข้อมูลที่แม่นยำ มีความรวดเร็วกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่าการจัดเก็บข้อมูลแบบเดิม ทำให้สะดวกทั้งผู้สอนและนักเรียน

    อินเทอร์เน็ตโรงเรียนที่ควรมีบริการใดบ้าง

    อินเทอร์เน็ตโรงเรียนที่ควรจะมีการบริการต่างๆเกี่ยวกับระบบของอินเทอร์เน็ตในด้านใดบ้างนั้น ถือว่าการที่อินเทอร์เน็ตนั้นได้มีการเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้การบริการทางด้านต่างๆของอินเทอร์เน็ตมีมากขึ้น และหลากหลายขึ้นจะยกตัวอย่างได้แก่

    SMS-RFID

    สำหรับอินเทอร์เน็ตโรงเรียน เป็นการเชื่อมต่อกับบุคลากร นักเรียน และผู้ปกครองผ่านช่องทาง SMS และ Application ทำให้สะดวกในการติดต่อสื่อสารระหว่าง ครู นักเรียน และผู้ปกครอง สามารถประหยัดเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ ครู ในการควบคุมนักเรียนในการเข้า-ออกโรงเรียน

    ทำให้นักเรียนมีระเบียบ วินัย ตรงต่อเวลา ทำให้ผู้ปกครองหายห่วงเรื่องลูกหลาน เพราะมีระบบรักษาความปลอดภัยแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สื่อสารของทางผู้ปกครอง

    Netlog

    อินเทอร์เน็ตโรงเรียนที่ดีและมีประสิทธิภาพ คือการจำกัดการเข้าใช้ ในกรณีที่มีการเข้าใช้งานเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่2)พ.ศ.2560

    ซึ่งในโรงเรียนจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กนักเรียนไม่ว่าจะเป็นการควบคุมข้อมูลของบุคลากร นักเรียน และข้อมูลต่างๆที่สำคัญของโรงเรียน รวมทั้งข้อมูลสื่อการสอน หรือประวัติของนักเรียนซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ควรเปิดเผย
     
    Maintenanced

    การทำงานที่มีประสิทธิภาพของอินเทอร์เน็ตถือเป็นสิ่งสำคัญ ต้องมีผู้เชี่ยวชาญดูแล ตรวจสอบการทำงานการเชื่อมต่อและการทำงานของระบบ รักษาอุปกรณ์ในเครือข่ายโรงเรียน ให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการใช้งานอินเทอร์เน็ตโรงเรียนเพื่อไม่ให้การเรียนการสอนติดขัด เช่น ถ้าเกิดปัญหาในการใช้งาน สัญญาณอินเทอร์เน็ตขัดข้อง หากพบว่ามีความเสียหายจะต้องรีบทำการแก้ไขโดยทันที

    ICT Solution

    ให้บริการโซลูชันให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ ICT กับสถาบันการศึกษารวมถึงนำเสนอโซลูชัน ออกแบบระบบ ติดตั้งและทดสอบตามสถานการณ์จริง เช่น ประเมินสถานที่ว่าควรใช้อินเทอร์เน็ตโรงเรียนสัญญาณแรงขนาดไหน กระจายตัวสัญญาณเท่าไหร่ หลังจากนั้นต่อด้วยการทดสอบและติดตั้งระบบ

    โดยส่วนใหญ่ปัญหาอินเทอร์เน็ตโรงเรียนซึ่งในส่วนนี้ก็จะเข้ามาแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือติดตั้งระบบตามที่สถานศึกษาต้องการเพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ดียิ่งขึ้น

    สรุปเรื่องอินเทอร์เน็ตโรงเรียน

    อินเทอร์เน็ตสำหรับโรงเรียน

    จะเห็นได้เลยว่า อินเทอร์เน็ตโรงเรียนเป็นการใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงและทำงานร่วมกับระบบต่างๆเพื่อความปลอดภัยในด้านข้อมูลต่างๆ การบริหารจัดการข้อมูลอย่างเป็นรูปแบบ ทำให้บุคลากร ครู หรือนักเรียนใช้งานอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย เพราะมีผู้เชี่ยวชาญคอยวิเคราะห์ข้อมูลความผิดปกติจึงมั่นใจได้ว่าอินเทอร์เน็ตโรงเรียนมีความปลอดภัยสูง

    และนอกเหนือจากนี้ยังเป็นการเพิ่มความรู้ เพิ่มทักษะ ประสบการณ์ให้กับทั้งผู้สอนและนักเรียน การใช้งานอินเทอร์เน็ตในโรงเรียนจะเน้นในเรื่องการหาข้อมูลทางการศึกษาเพื่อได้สะดวกและรวดเร็ว อย่างไรก็ตามบทบาทและรูปแบบที่ปรับเปลี่ยนไปนี้จะต้องมีการเตรียมการวางแผนที่ดีควบคู่ไปด้วย


    299
    คูนย์จำหน่าย ท่อ hdpe มีมาตรฐาน

    ศูนย์ จำหน่าย ท่อ hdpe ท่อที่ใช้สำหรับ งานเกี่ยวกับระบบน้ำและการร้อยสายไฟ นั้นศูนย์ผลิตนั้นจะต้องมีคุณภาพมาตรฐานในการผลิตท่อที่ดี ต้องมีการควบคุมคุณภาพสินค้า เพราะว่าการใช้งานท่อประเภทนี้นั้นจะต้องใช้ได้นาน ๆ ต้องไม่มีสารผิดปนเปื้อน และราคาที่เหมาะสม และการบริการหลังการขายที่ดี มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ของท่อ hdpe ที่ครบถ้วน สำหรับลูกค้าที่มองหาร้าน ขาย ท่อ hdpe ที่ดีมีมาตรฐานนั้น ต้องดูอย่างไรบ้าง

    โดยมาตรฐานต่าง ๆ จะเริ่มไปตั้งแต่การตรวจสอบโรงงานการผลิต การจัดเก็บสินค้า การขนส่งสินค้า รวมไปถึงการทดสอบสินค้าซึ่งต้องสามารถแสดงให้ลูกค้าที่มาใช้บริการมั่นใจทั้งเรื่องการผลิตและการทดสอบ เพื่อป้องกันการเกิดสินค้าชำรุดเสียหาย 


    ศูนย์บริการจำหน่าย ท่อ hdpe คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร 

    ศูยน์บริการจำหน่าย ท่อ hdpe คืออะไร

    ถ้าหากว่าใครกำลังทำงานโครงการติดตั้งเกี่ยวกับระบบน้ำประปา หรือน้ำดิบละก็ ท่อที่คุณจะเลือกใช้นั้นย่อมมีท่อ hdpe เป็นตัวเลือกอย่างแน่นอน เนื่องจากความแข็งแรงทนทานของท่อที่ทนต่อแรงกดทับ แรงดันต่าง ๆ ได้อย่างดี แถมใช้งานได้ยาวนานถึง 50 ปี เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมองหาศูนย์รวมในการผลิตและจำหน่าย ท่อ hdpe ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ครบครัน การจัดส่งที่ดี รวมถึงบริการหลังการขายของร้าน การเลือกศูนย์ที่ผลิตจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ในการที่คุณจะหาร้าน ขาย ท่อ hdpe สำหรับงานที่วัดประสิทธิภาพของผลงานเป็นหลัก

    เนื่องด้วยว่าท่อ hdpe นั้นจะเป็นท่อพลาสติกที่มีความหนาแน่นสูงแข็งแรง ป้องกันการปนเปื้อนของสารเคมีภายนอกได้ ตัวพลาสติกที่ผลิตท่อนั้นก็ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตราย ตัวท่อมีผิวที่เรียบและมันทำให้การไหลผ่านของเหลวไหลผ่านได้เป็นอย่างดี

    โดยท่อ hdpe จะนิยมใช้ในงานประเภทที่ต้องโอนถ่ายน้ำเป็นจำนวนมากเช่น น้ำประปา, การดูดถ่ายน้ำทิ้งของการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่, และยังมีการใช้งานในครัวเรือนอีกด้วย เพราะเหตุนี้ ท่อ hdpe จำเป็นจะต้องมีความแข็งแรง สะอาด ป้องกันสารเคมีต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ด้วย จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
       
    ศูนย์บริการจำหน่าย ท่อ hdpe ที่ดีเป็นอย่างไร

    ศูยน์จำหน่าย ท่อ hdpe ที่ดีเป็นอย่างไร
    สิ่งสำคัญของผู้ให้บริการจำหน่าย ท่อ hdpe ที่ดีควรจะมีนั้นก็ต้องเป็นเรื่อง การผ่านการรับรองคุณภาพสินค้า ว่าได้มาตรฐานได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานที่ได้รับความเชื่อถือ เข้ามาตรวจสอบหรือใช้บริการจากทางผู้ผลิต และมีความเป็นผู้นำนวัตกรรมใหม่ ๆ เสมอ เพื่อที่จะได้ให้ผู้ใช้บริการมั่นใจในมาตรฐาน

    1. ผ่านการรับรองคุณภาพสินค้า
    โดยสามารถดูว่า ผู้ให้บริการนั้นผ่านมาตรฐานใด ๆ มาบางเช่น ISO9001:2015 การควบคุมมาตรฐานคุณภาพของโรงงาน รวมถึง ISO/IEC 17025 ซึ่งเป็นมาตรฐานห้องแล็บที่ชี้วัดสรรมถภาพและประสิทธิภาพของสินค้าโรงงานว่าดี มีคุณภาพมากพอหรือไม่ ซึ่งหากศูนย์บริการจำหน่าย ท่อ hdpe นั้นได้รับการตรวจผ่านแล้วก็ถือว่ามีความน่าเชื่อถือมาก โดยที่คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าคุณภาพของการผลิตท่อ hdpe และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการติดตั้ง มีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีการตรวจสอบนั้นจะเริ่มตั้งแต่

    • ระบบคุณภาพของโรงงาน และเครื่องมือที่ใช้ในการผลิตที่ต้องมีมาตรฐาน
    • การจัดการบริหารงานหาร การวางแผนและปฏิบัติงานมีขั้นตอนที่ถูกต้อง
    • ความสามารถของบุคลากรมีความชำนาญ สำหรับการทดสอบสินค้า และการผลิตสินค้า
    • มีระบบการจัดเก็บสินค้าที่ดีปลอดภัยต่อสินค้า การขนส่ง และบริการหลังการขายให้แก่ลูกค้า
    • ข้อมูลต่าง ๆ ทางด้านวิชาการ การเก็บสถิติ ที่ถูกต้อง รวมถึงเอกสารต่าง ๆ ของทั้งบริษัทและของทางลูกค้า มีการจัดเก็บที่ดีเป็นระบบ

    โดยคุณภาพของท่อ hdpe นั้นจะต้องผลิตจากพลาสติกชนิด  High Density Polyethylene ที่ได้รับมาตรฐาน มอก.2559-2554 มาแล้วโดยผู้ผลิตวัตถุดิบ และทางผู้ผลิตต้องสามารถแสดงหลักฐานของเม็ดพลาสติก หรือที่เรียกว่าใบ COA (Certificate of Analysis)ที่ใช้ผลิตนั้นได้รับการตรวจสอบมาตรฐานมาแล้วอีกด้วย และขนาดของท่อต้องเป็นไปตามมาตรฐาน มอก. 982-2556 โดยกระทรวงอุตสาหกรรม หรือเทียบเท่าซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับ

    2. เป็นผู้นำนวัตกรรม​
    เมื่อสินค้าสามารถผ่านการรับรองคุณภาพแล้ว แน่นอนต้องเป็นเรื่องนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างนวัตกรรมการผลิตที่ต้องดีกว่าที่อื่น ต้องมีห้องแล็บทดสอบคุณภาพของสินค้าที่ทันสมัยใหม่ ผู้ให้จำหน่าย ท่อ hdpe ต้องมีกระบวนการทดสอบอย่างละเอียด (QCS) ก่อนที่จะส่งสินค้าให้แก้ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าจะมั่นใจได้ว่าได้รับสินค้าที่ไม่มีความเสียหายแน่นอน

    การทดสอบ QCS คืออะไร คือการตรวจสอบคุณภาพ ย่อมาจาก Quality Control System โดยจะมีขั้นตอนการตรวจสอบเป็นขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อตรวจเช็กสินค้าที่ผลิตของมาว่าผ่านมาตรฐานต่าง ๆ หรือไม่ โดยจะมีกระบวนการตรวจสอบดังนี้

    1.อัตราการหลอมไหลของเม็ดพลาสติก MFR (Melt Flow Rate)
    2.การวัดทดสอบเสถียรภาพทางความร้อน OIT (Oxidation Induction Time Test)
    3.การทดสอบแรงดึง The Tensile Test
    4.ทดสอบแรงกดทับ The Compression Test
    5.ทดสอบแรงดัน Hydro Static Test

    โดยเท่านี้ก็ทำให้คุณมั่นใจแล้วศูนย์บริการจำหน่าย ท่อ hdpe นั้นได้มาตรฐานในทุก ๆ ชิ้นโดยเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตจนไปถึงขั้นตอนการทดสอบสินค้าก่อนที่จะทำการขนส่งให้กับคุณ ดังนั้นก่อนที่จะซื้อจากร้าน ขาย ท่อ pe หรือท่อ hdpe ต้องดูว่าทางร้านหรือโรงงานได้รับการตรวจเช็กมาตรฐานหรือไม่

    สรุป

    ข้อสรุปศูนย์จำหน่าย ท่อ hdpe

    เพียงเท่านี้คุณก็จะรู้ว่า ศูนย์บริการจำหน่าย ท่อ hdpe ที่ดีนั้นเป็นอย่างไร วิธีการตรวจสอบรวมถึงการทดสอบของผู้ผลิตนั้นมีขั้นตอนอย่างไร สินค้าทุกชิ้นจะได้ไม่มีความเสียหายในภายหลัง ซึ่งจะเป็นข้อดีของทั้งผู้ขายท่อhdpe และลูกค้าที่ซื้อไปเพราะจะช่วยให้การดำเนินงานติดตั้งของทางลูกค้าเป็นไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหาสินค้าชำรุดหรือเสียหายได้


    300
    ท่อ pe คาดส้ม

    ท่อ pe คาดส้ม มีหลายรูปแบบจำแนกมาจากท่อพีอี คือ ท่อที่ผลิตเพื่อวิศวกรรมอุตสาหกรรมเพื่อนำมาเป็นท่อส่งน้ำ เนื้อพลาสติกมีความแน่นหนาผิวลื่นเป็นมันทำให้น้ำที่ส่งไปในท่อไหลได้สะดวก ที่สำคัญทนทานต่อแรงดันน้ำไม่แตกหักง่าย มีหลายขนาด ขนาดท่อ pe ที่มีขนาดเล็กสามารถม้วนเก็บได้ และขนาดยังเบากว่าท่อ pvc ด้วย

    วิธีเลือก ท่อน้ำ pe นั้นต้องดูที่ไม่เป็นสนิมมีมาตรฐาน มอก. (มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม)รองรับได้มาตรฐานสากล วันนี้เราจะมาแนะนำว่า มีกี่รูปแบบ แบบไหนบ้าง แถบสีบนท่อมีความหมายว่าอย่างไร เพื่อให้คุณได้เลือกใช้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับงานไม่ว่าจะเป็นงานไฟฟ้า หรือ งานประปา

    ท่อ HDPE ท่อ PE คาดส้ม คืออะไร มีกี่รูปแบบ

    ท่อ hdpe ท่อ pe คาดส้ม

    ท่อ HDPE (High Density Polyethylene) วิธีจำแนกจะสามารถแยกแบ่งประเภทได้ง่าย ๆ จากแถบสีที่กำหนดเอาไว้ แต่ไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าท่อนั้นจะได้รับมาตรฐาน มอก. จริงหรือเปล่าโดยท่อน้ำ pe ส่วนใหญ่จะใช้ในการเกษตร เพราะมีหลายขนาดให้เลือกและทนทาน ขนส่งง่าย อีกทั้งยังทนทานต่อสภาพอากาศ คงทนต่อแสงแดดไม่กรอบ หลุดร่อนง่าย มั่นคงต่อแรงกดทับไม่เสียหายง่าย

    ท่อพีอีนั้นมีอายุการใช้งานที่ยืนยาวถึง 50 ปี ตามที่กำหนดไว้มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 982-2556 วันนี้มาทำความเข้าใจความหมายของแถบสีบนท่อพีอีที่ใช้กันในภาครัฐและเอกชน (Public  and Private) แบ่งออกเป็น 3 ประเภทท่อ pe คาดส้ม ท่อ pe คาดฟ้า ท่อ pe ดำล้วน มีคุณสมบัติกับวิธีใช้งานดังนี้

    1. ท่อ HDPE คาดแถบสีส้ม

    เป็นท่อสำหรับสายไฟ ทนแรงดันไฟต่ำและสูงได้เหมาะแก่งานร้อยสายไฟ งานเดินท่อใต้ดิน ร้อยสายสื่อสารเสาไฟฟ้า โดยขนาดที่นิยมใช้จะเป็นท่อ pe คาดส้มขนาด PN4 และ PN10

    2. ท่อ HDPE คาดแถบสีฟ้า

    เป็นท่อสำหรับระบบประปาใช้ลำเลียงน้ำ การเกษตรกรรม น้ำดื่มเพื่อการอุปโภคและบริโภค โดยท่อน้ำ pe จะไม่เป็นสนิม มีความทนทานต่อการกระแทก และคงทนต่อการกัดกร่อนสารเคมีต่าง ๆ น้ำหนักเบากว่าท่อชนิดอื่น ๆ มีหลายขนาดท่อ pe ขนาดตั้งแต่ 1 นิ้ว ไปจนถึง 48 นิ้ว บอกเลยว่าขนาดใหญ่มาก ๆ

    3. ท่อ HDPE ไม่คาดแถบสี

    ท่อ HDPE ไม่คาดแถบสีหรือท่อพีอีดำล้วนไม่แตกต่างจากท่อ pe คาดส้มหรือท่อ pe คาดฟ้าแต่อย่างใด ใช้งานส่วนใหญ่ในภาคเอกชน ใช้งานได้ทุกช่องทางยกเว้นลำเลียงแก๊สเชื้อเพลิงต่าง ๆ ไม่ได้ระบุแถบสีมีประโยชน์ในเรื่องของการช่วยประหยัดเวลาการผลิตเพราะไม่ต้องเข้าเครื่องสแกน สร้างแถบสี ผิวท่อและขนาดท่อhdpe จะมีสีดำเงาขนาดผลิตตามมาตรฐานมอก. ใช้ได้ทั้งลำเลียงน้ำและสายไฟสื่อสารเป็นต้น

    หาซื้อท่อ pe คาดส้มที่ไหนดีถึงจะได้คุณภาพและมาตรฐาน

    หาซื้อท่อ pe คาดส้ม

    ท่อ pe คาดส้ม ของเรานั้นผลิตมาจากเม็ดพลาสติก HDPE ที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน TIS2559-2554 (PE80,PE100) ใช้สำหรับร้อยสายไฟฟ้าและสายสัญญาณ, HDD โดยเฉพาะขนาดท่อ pe ผลิตได้ตั้งแต่ Dia ø20 mm. – ø1200 mm.​ รับผลิตท่อพีอีได้ทั้งคาดสีส้ม/ขาว/เหลือง ลักษณะมันเงา แบ่งตามประเภทการใช้งาน คุณสมบัติทนทานต่อแรงดัน แสง UV และสภาพอากาศอายุการใช้งานยาวนาน 50 ปี

    โดยท่อ pe คาดส้มของบริษัทเอส.อาร์ พีอี กรุ๊ป จำกัด ของเรานั้น เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตท่อและอุปกรณ์ HDPE ภายใต้เครื่องหมายการค้า “SR” สามารถใช้ได้ทั้งงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคหรือกฟภ. การประปาส่วนภูมิภาคหรือกปภ. การไฟฟ้าและการประปานครหลวง ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจรวมถึงท่อลอนพีอีเสริมเหล็กต่าง ๆ และอุปกรณ์ HDPE ระบบน้ำแบบสวมอัด อุปกรณ์ HDPE ระบบน้ำแบบเชื่อมซึ่งใช้ควบคู่กับท่อระบบลำเลียงน้ำ ถังเก็บน้ำ pe เสริมเหล็กเป็นต้น

    ท่อ HDPE ที่มีคุณภาพและมาตรฐานจะมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

    คุณสามารถมั่นใจได้ว่าท่อ pe คาดส้มและท่อพีอีสีต่าง ๆ ที่ได้รับมาตรฐาน ใช้ในการติดตั้งไม่ว่าจะเป็นในส่วนของระบบไฟฟ้าหรือการประปา จะมีคุณสมบัติที่โดนเด่นแตกต่างจากท่อชนิดอื่น ๆ ดังนี้

    • อายุการใช้งานยาวนานถึง 50 ปี
    • น้ำหนักเบา ทนทานกว่าท่อชนิดอื่น ๆ
    • เชื่อมต่อง่าย ไม่รั่วซึม ไม่แตกหัก ยืดหยุ่นสูงไม่ตายตัว
    • เหมาะแก่การใช้เป็นท่อน้ำดื่มเพราะไม่มีสารพิษตกค้าง ไม่เป็นสนิม
    • ง่ายต่อการเชื่อมและก่อสร้าง เพราะเคลื่อนย้าย ขนส่งได้ง่าย
    • ติดตั้งง่ายเพราะไม่ต้องใช้กาวต่อท่อ และคดงอม้วนรูปทรงได้ตามลักษณะของอาคาร เสาไฟฟ้า ระบบภายในต่าง ๆ
    • ทนแรงดันได้สูง จึงนิยมใช้มากกว่าท่อชนิดอื่น ๆ

    สรุป

    สรุปท่อ pe คาดส้ม

    ท่อ HDPE นั้นสามารถผลิตได้หลายสีซึ่งมีวิธีการใช้งานที่แตกต่าง เหมาะกับงานประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นท่อร้อยสายไฟ hdpe หรือที่เรียกว่าท่อ pe คาดส้มซึ่งเหมาะกับงานระบบสายไฟ ท่อ HDPE คาดแถบสีฟ้า ใช้ในงานด้านระบบประปา ระบบน้ำอุปโภคบริโภคขนาดท่อ pe ประปาก็มีให้เลือกหลากหลายใช้ทนความดันน้ำที่แตกต่างกัน

    แม้ว่าจะมีราคาท่อ HDPE ส่วนมากจะมีราคาที่สูงกว่าท่อชนิดอื่นๆ แต่คุณสมบัติและ ความชอบโดยรวมนั้นคุ้มค่ากับราคาที่ต้องเสียไป เพื่อให้งานที่มีคุณภาพ คงทนเป็นที่นิยมมากในอุตสาหกรรมต่าง ๆ คุณสามารถหันมาเลือกใช้ท่อ HDPE ในการทำงานก่อสร้างเหมาะกับผู้รับเหมาและ บุคคลทั่วไป ก่อนการเลือกใช้งานนั้นคุณยังสามารถขอความรู้ หรือศึกษาเพิ่มเติมกับพนักงานขาย วิศวกร ที่มีความชำนาญเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติ  และวัตถุประสงค์ก่อนการเลือกใช้งานได้อีกด้วย

    หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10