ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - พรสัก ส่องแสง

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 ... 9
1
น้ำเกลือ

ปัจจุบันน้ำเกลือ (Normal Saline Solution ) หรือ น้ำเกลือใช้ภายนอก เป็นยาสามัญประจำบ้านที่หลายๆท่านรู้จักอย่างแพร่หลาย ที่สามารถช่วยล้างทำความสะอาดบาดแผลจากอุบัติเหตุ ยังช่วยทำความสะอาดสิ่งตกค้าง สิ่งสกปรกต่างๆบริเวณรอบบาดแผลให้สะอาด ทั้งในปัจจุบันยังสามารถช่วยในการทำความสะอาดจมูกของเด็กเล็กขณะเป็นไข้หวัด แม้แต่ช่วยทุเลาอาการคัดจมูกเรื้อรัง อาการไซนัสในผู้ใหญ่ เพื่อช่วยขจัดสิ่งอุดตันในโพรงจมูกให้รู้สึกหายใจได้สะดวกยิ่งขึ้น

แต่ประโยชน์ของน้ำเกลือ มีเพียงเท่านี้จริงไหม วันนี้เราไขความลับประโยชน์ต่างๆของน้ำเกลือ ตามบทความดังต่อนี้กันเถอะ

ทำความรู้จักกับน้ำเกลือ น้ำเกลือ คืออะไร?

น้ำเกลือ (Normal Saline Solution ) หรือ น้ำเกลือใช้ภายนอก คือ สารละลายโซเดียมคลอไรด์ 0.9 % ที่หาซื้อได้ตามร้านค้า ร้านขายยาทั่วไป ปราศจากเชื้อ ไม่มีสี ซึ่งใช้ในทางการแพทย์มายาวนาน เนื่องจากมีความเข้มข้นของสารละลายของเกลือภายในร่างกายของคน จึงเป็นที่นิยมใช้ในการผสมยาเข้าสู่กระแสเลือด รวมทั้งสามารถใช้ทำความสะอาดบาดแผล ยับยั้งป้องกันการเติบโตของแบคทีเรีย

น้ำเกลือสามารถใช้แบบไหนได้บ้าง

ประโยชน์น้ำเกลือ

สามารถใช้น้ำเกลือได้ดังต่อไปนี้

1. ใช้น้ำเกลือในการล้างบาดแผล ล้างแผลผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นบาดแผลสดจากอุบัติเหตุ หกล้ม โดยไม่กัดผิว
2. ใช้น้ำเกลือในการล้างคอนแทคเลนส์ สามารถใช้ทำความสะอาดสิ่งสกปรก เพื่อช่วยลดการระคายเคือง แต่ห้ามนำน้ำเกลือแช่แทนน้ำยาคอนแทคเลนส์เด็ดขาด
3. ใช้น้ำเกลือในการล้างดวงตา หากฝุ่น ผง เข้าตา สามารถนำน้ำเกลือที่ผ่านการฆ่าเชื้อทำความสะอาดดวงตาโดยไม่เป็นอันตรายต่อดวงตานั้นเอง
4. ใช้น้ำเกลือในการล้างจมูกในเด็ก และผู้ใหญ่ เพื่อชำระล้างเชื้อโรค แบคทีเรียที่อยู่ในโพรงจมูก ลดการคัดแน่นจมูก ลดความเหนียวจากน้ำมูกในเด็กเล็กจากอาการหวัดต่างๆ เพิ่มความชุ่มชื้นในเยื่อจมูก แม้แต่ลดอาการคัดจมูกจากอาการไซนัสในผู้ใหญ่ เพื่อให้หายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้นนั้นเอง
5. ใช้น้ำเกลือในการล้าง /บ้วนปาก เพื่อช่วยลดอาการร้อนใน ลดกลิ่นปาก เหมาะผู้ที่มีแผลในปากบ่อยๆจากการจัดฟัน
6.ใช้น้ำเกลือในการล้าง หรือเช็ดความสะอาดใบหน้า เพื่อขจัดสิ่งสกปรกจากฝุ่น อากาศจากภายนอก เพื่อลดการระคายเคือง เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าได้อีกด้วย

วิธีการใช้น้ำเกลือ

  • การดูแลผิวหน้า  : สามารถใช้น้ำเกลือทำความสะอาดใบหน้า โดยใช้เป็นโทนเนอร์หลังการล้างหน้าได้ หยดน้ำเกลือลงบนสำลีพอให้ชุ่ม แล้วจึงเช็ดทำความสะอาดทั่วบริเวณผิวหน้า ตามด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวอื่นๆได้ตามต้องการ

  • การทำความสะอาดบาดแผล
    1. หากเป็นบาดแผลทั่วไป สามารถใช้น้ำเกลือทำความสะอาดบริเวณรอบๆบาดแผล รวมทั้งบริเวณแผลให้สะอาดแล้วจึงปิดบาดแผล
    2.หากเป็นบาดแผลผ่าตัด ส่วนใหญ่แผลผ่าตัดทางแพทย์หรือพยาบาลจะทำการปิดบาดแผล ไม่ให้ท่านเกา/แคะบริเวณแผล แต่ท่านสามารถนำน้ำเกลือมาทำความสะอาดบริเวณรอบบาดแผลเพื่อลดการระคายเคือง รักษาความสะอาดรอบบาดแผลได้นั้นเอง

  • การใช้น้ำเกลือเพื่อทำความสะอาดจมูก : สามารถนำน้ำเกลือใส่หลอดฉีดยา (Syringe) ตามขนาดที่ต้องการ โดยฉีดน้ำเกลือเบาๆให้ไหลเข้าไปในโพรงจมูก ช่วยให้ชะล้างน้ำมูก สิ่งสกปรกต่างๆให้ออกมาได้

น้ำเกลือมีอันตรายหรือไม่ แล้วมีผลข้างเคียงไหม

ในกรณีที่ท่านใช้น้ำเกลือเพื่อทำความสะอาดใบหน้า รวมทั้งผู้ที่เป็นสิว การใช้น้ำเกลือทำความสะอาดอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวสำหรับผู้มีผิวบอบบางแพ้สิ่งต่างๆง่าย หรือผู้มีผิวแห้งที่ส่งผลให้เกลือตกค้างบนใบหน้าได้ ดังนั้นควรใช้น้ำเกลือทำความสะอาดในช่วงบริเวณที่เป็นสิว เพื่อให้สิวเกิดการยุบตัวลงได้ หลังจากสิวในบริเวณนั้นหายควรหยุดใช้ทันที

ข้อควรระวังในการใช้น้ำเกลือคืออะไร ?

ข้อควรระวังในการใช้น้ำเกลือล้างแผล ควรอ่านฉลากของผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทุกครั้ง พร้อมบันทึกวันที่เปิดใช้ เนื่องจากเมื่อเปิดใช้น้ำเกลือแล้ว อาจจะมีแบคทีเรีย / เชื้อโรคที่สะสมในอากาศได้เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่บรรจุน้ำเกลือได้ หากท่านมีอาการบวมแดง เจ็บบริเวณแผล พร้อมกับมีหนองไหลออกจากบาดแผล ซึ่งอาจจะมีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในบริเวณแผลได้ ท่านควรรีบเข้าพบแพทย์ในทันทีเพื่อรับการรักษาเพิ่มเติม

เราสามารถกินน้ำเกลือได้หรือไม่

หากในกรณีท่านล้างจมูกแล้วเกิดการสำลัก ทั้งอาจจะเผลอกินน้ำเกลือเข้าไป คงมีคำถามที่ค้างคาว่าน้ำเกลือจะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อร่างกายหรือไม่นั้น

คำตอบ ก็คือ ไม่ส่งผลอันตรายใดๆต่อร่างกายค่ะ เนื่องจากน้ำเกลือมีตัวยาโซเดียมคลอไรด์ 0.9 % ซึ่งมีความเข้มข้นเท่ากับน้ำในเซลล์ของร่างกาย และน้ำเกลือยังผ่านการทำให้ปลอดเชื้อจากความร้อน จึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายนั้นเอง

สามารถน้ำเกลือใช้ล้างตาได้ไหม ?

น้ำเกลือใช้ล้างตาได้ไหม

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ล้างตานั้น สามารถใช้ได้ทั้งน้ำยาล้างตา หรือน้ำเกลือได้ แต่ควรต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากเชื้อ พร้อมทั้งไม่เติมวัตถุกันเสีย โดยมีคุณภาพมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองดวงตาได้นั้นเอง

  • น้ำเกลือ สามารถใช้ได้ในกรณีหากมีสิ่งแปลกปลอม / สารเคมีกระเด็นเข้าตา
  • น้ำยาล้างตา สามารถใช้ได้ในกรณีมีอาการตาแดง ตาอักเสบ เคืองตา จากฝุ่นควัน ฝุ่นผง สิ่งสกปรกเข้าที่ตา

สามารถทำน้ำเกลือ ด้วยตนเองได้ไหม?

หากท่านต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ท่านสามารถทำน้ำเกลือที่สามารถใช้ในการล้างจมูกได้ค่ะ โดยมีสูตรและวิธีทำง่ายๆดังต่อไปนี้

  • ส่วนประกอบ : น้ำต้มสุก/น้ำสะอาด 500 ซีซี(ประมาณครึ่งลิตร) , เกลือสะอาด 1 ช้อนชา และอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับใช้ฉีดน้ำเกลือล้างจมูก รวมทั้งอุปกรณ์เก็บน้ำเกลือ
  • วิธีทำ : ใส่เกลือสะอาด 1 ช้อนชา ลงในน้ำต้มสุก /น้ำสะอาด 500 ซีซี แล้วคนให้เข้ากัน จนกว่าเกลือที่ผสมลงไปจะละลาย แล้วจึงเทใส่อุปกรณ์ที่ต้องการใช้ แล้วล้างจมูกได้เลยค่ะ

ในส่วนของการทำน้ำเกลือเพื่อล้างแผลท่านสามารถทำได้เช่นเดียวกับการทำน้ำเกลือล้างจมูก เพียงใช้ น้ำต้มสุก/น้ำสะอาด ประมาณ 3.8 ลิตร(ห้ามใช้น้ำทะเล / น้ำบาดาลในการทำ) ต้มจนสุกประมาณ 5 นาที แล้วจึงเทเกลือบริสุทธิ์ 8 ช้อนชา คนให้เกลือละลาย โดยน้ำเกลือสำหรับล้างแผลจะมีอายุใช้งานได้ประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ (เก็บในอุณหภูมิปกติ)

น้ำเกลือที่ได้รับความนิยมในท้องตลาด มียี่ห้อไหนกันบ้าง

น้ำเกลือ (normal saline solution) มีด้วยกันหลากหลายยี่ห้อ ที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐาน และอ่อนโยนตามท้องตลาดทั่วไป จะมียี่ห้อไหนบ้างที่ได้รับความนิยม ซึ่งมีดังต่อไปนี้

1. น้ำเกลือของ KLEAN & KARE

น้ำเกลือยี่ห้อ KLEAN & KARE

ขอบคุณภาพจาก klean and kare

รายละเอียด : น้ำเกลือปราศจากเชื้อ ผสมตัวยาโซเดียมคลอไรด์ 0.9%   มีอายุการใช้งาน 5 ปี (หากยังไม่เปิดใช้งาน) ในกรณีเปิดใช้งานมีอายุการใช้งานสูงสุด 30 วันนับจากวันที่เปิดครั้งแรก สามารถใช้ทำความสะอาดแผล ล้างจมูก ทำความสะอาดใบหน้า
ขนาดบรรจุ :  100 มล. / 200 มล. / 500 มล. / 1,000 มล.

2. น้ำเกลือของ Sofclens

น้ำเกลือยี่ห้อ Sofclens
ขอบคุณภาพจาก watsons

รายละเอียด : น้ำเกลือซอฟคลีน ผลิตโดยผ่านกระบวนการสเตอริไลส์ ปราศจากเชื้อ สามารถใช้ล้างจมูก ล้างตา
ขนาดบรรจุ :  100 มล. / 500 มล. / 1,000 มล.

3. น้ำเกลือของ Otsuka Seishoku Normal Saline 

น้ำเกลือยี่ห้อ Otsuka Seishoku

ขอบคุณภาพจาก theasianparent

รายละเอียด : น้ำเกลือของโอซูก้า เซโชกุ สามารถนำมาล้างจมูก เช็ดทำความสะอาดใบหน้า รักษา ช่วยลดการติดเชื้อจากบาดแผลได้
ขนาดบรรจุ : 1000 มล.

4. น้ำเกลือล้างแผล ตราเสือดาว  ห้างขายยาตราเสือดาว

น้ำเกลือตราเสือดาว ห้างขายยาตราเสือดาว

ขอบคุณภาพจาก shopee

รายละเอียด : น้ำเกลือตราเสือดาว  ช่วยทำความสะอาดบาดแผล โพรงจมูก
ขนาดบรรจุ : 120 มล. / 200 มล.  /  500 มล.

ราคาน้ำเกลือจะอยู่ที่เท่าไหร่
ราคาของน้ำเกลือ (normal saline solution) จะขึ้นอยู่กับขนาดของขวดบรรจุภัณฑ์  ตามแต่ละแหล่งที่ขายน้ำเกลือนั้นๆ ซึ่งแบ่งตามขนาดบรรจุได้ดังนี้
 
  • น้ำเกลือ (normal saline solution) ขนาด 100 มล. ราคาตามร้านขายยาทั่วไป ประมาณ 25 - 30 บาท
  • น้ำเกลือ (normal saline solution) ขนาด 200 มล.  ราคาตามร้านขายยาทั่วไป ประมาณ 35 - 40 บาท
  • น้ำเกลือ (normal saline solution) ขนาด 500 มล.  ราคาตามร้านขายยาทั่วไป ประมาณ 45 – 50 บาท
  • น้ำเกลือ (normal saline solution) ขนาด 1000 มล. ราคาตามร้านขายยาทั่วไป ประมาณ 55 – 65 บาท

สรุป

จะเห็นว่าน้ำเกลือมีประโยชน์ที่สามารถใช้สอยได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบาดแผล การทำความสะอาดใบหน้า ทั้งในผู้ที่เป็นสิว หรือแม้แต่การล้างจมูกในเด็กเล็ก และผู้ใหญ่  แต่อย่างไรก็ดีหากเปิดใช้น้ำเกลือจากผลิตภัณฑ์แล้วควรเขียนวันที่เปิดใช้งานครั้งแรก ซึ่งสามารถช่วยให้ท่านคำนวณวันหมดอายุของน้ำเกลือที่ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้นเอง

2
 ความรู้ทางการเงิน

เงินทองถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่ใช้จ่ายเป็นประจำทุกวัน หากใช้จ่ายอย่างไม่ระวังก็อาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ จนทำให้บางคนล้มละลายได้เลยทีเดียว ดังนั้น ความรู้ทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้ทุกคนมีความรู้ ความเข้าใจ สามารถบริหารจัดการการเงินได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งช่วยลงทุน เพิ่มผลประกอบการอย่างมั่นคง เลือกกู้ยืมสินเชื่อได้เหมาะสมกับตนเอง เข้าใจสิทธิการลดหย่อนภาษี ทำให้สามารถวางแผนการเงินส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความหมายและความสำคัญของความรู้ทางการเงิน

Financial literacy คือ

ความรู้ทางการเงินถือว่าเป็นสิ่งสำคัญในปัจจุบัน ที่จะช่วยให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง เพราะเรื่องการเงิน ไม่ได้สำคัญเพียงแค่การออมเงิน แต่ยังรวมถึงโครงสร้างและการบริหารจัดการต่าง ๆ อีกด้วย

ความรู้ทางการเงิน หมายถึงอะไร?
ความรู้ทางการเงินหรือ Financial literacy คือ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะการบริหารจัดการทางด้านการเงิน เพื่อให้สามารถวางแผนการเงินส่วนตัวในการดำเนินชีวิตได้อย่างราบรื่น และเตรียมความพร้อมทางการเงินในอนาคต ลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างการสร้างหนี้ เพราะหากไม่เตรียมความพร้อมให้ดี หรือมีความรู้ด้านการเงินไม่มากพอก็อาจจะทำให้มีปัญหากู้ยืมในภายหลังได้ เช่น

  • การจัดทำงบประมาณใช้จ่าย
  • การเลือกลงทุนในกองทุนหรือสินทรัพย์ต่าง ๆ
  • การตัดสินใจกู้ยืมเงิน
  • การจัดทำภาษี
  • การบริหารจัดการการเงินส่วนตัว
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทต่าง ๆ เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อ ประกันชีวิต เป็นต้น

ดังนั้น การมีความรู้ทางการเงินจะช่วยให้สามารถบริหารจัดการ ตัดสินใจเกี่ยวกับทางการเงินได้อย่างละเอียด รอบคอบ ทำให้ชีวิตมีสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรง มั่นคง และยั่งยืน

ความรู้ทางการเงินสำคัญอย่างไร?
เงินเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ความรู้ทางการเงินจึงเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน รวมถึงความเสี่ยงทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย โดยสามารถสรุปความสำคัญของความรู้เรื่องการเงินได้ ดังนี้

  • ความรู้ทางการเงินช่วยในการวางแผนชีวิตและตั้งเป้าหมายทางการเงิน เพราะการมีแผนทางการเงินที่ดี ทำให้มีการบริหารจัดการทางการเงินที่ดี ส่งผลให้มีโอกาสบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จมากขึ้นและเร็วขึ้น
  • ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนและการบริหารจัดการเงินที่ถูกต้องจากความรู้ทางด้านการเงินจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการสูญเสียเงินอย่างไม่คาดคิด
  • ความรู้เรื่องการเงินเบื้องต้นช่วยให้เข้าใจเกี่ยวกับวิธีการจัดการหนี้ ทำให้สามารถกำจัดหนี้ โดยใช้แผนทางการเงินที่เหมาะสม ป้องกันไม่ให้หนี้กลายเป็นภาระทางการเงิน
  • ความรู้ทางการเงินช่วยในการเลือกลงทุนได้อย่างเหมาะสม เพื่อสร้างทรัพย์สินและเพิ่มมูลค่าทางการเงินในระยะยาว
  • ความรู้การเงินช่วยให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการทำประกันชีวิตและประกันสุขภาพ ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องจากเหตุการณ์ฉุกเฉินหรืออาการเจ็บไข้ได้ป่วย
  • การวางแผนการเงินส่วนตัวด้วยความรู้ทางการเงิน ทำสามารถจัดการกับเหตุการณ์ทางการเงินที่ไม่คาดคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ความรู้ด้านการเงินช่วยในการปรับตัวและตอบสนองต่อเปลี่ยนแปลงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น เช่น การตกงาน, การเปลี่ยนงาน, การเปลี่ยนแปลงในสถานะครอบครัว
  • ความรู้ทางการเงินทำให้ตัดสินใจเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินได้ดีขึ้น สร้างนิสัยให้สามารถใช้เงินได้อย่างถูกต้อง
  • เข้าใจเกี่ยวกับหนี้สิน จึงสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือไม่สร้างหนี้เสีย

เมื่อทุกคนมีความรู้ทางการเงินแล้ว ก็จะทำให้สังคมเกิดความเข้มแข็ง ด้วยทุกคนสามารถบริหารจัดการใช้เงินเป็น เลี้ยงดูตัวเองได้ในสถานการณ์ต่าง ๆ เป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตและสร้างสุขภาพทางการเงินที่มั่นคง ทั้งต่อตนเองและสังคมในระยะยาว

องค์ประกอบของความรู้ทางการเงิน

ความรู้ด้านการเงิน

ความรู้ทางการเงินประกอบด้วยหลายองค์ประกอบหลักที่ช่วยให้บุคคลสามารถบริหารจัดการเงินส่วนตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยองค์ประกอบหลักของ Financial literacy คือ

1. การจัดทำงบประมาณ (Budgeting) เป็นความรู้ทางการเงินขั้นพื้นฐาน เพราะเป็นการตรวจสอบสถานะการเงินของตนเองอย่างละเอียด โดยทำเป็นแผนการใช้จ่ายเงินในแต่ละรายการตามรายได้ที่มี เพื่อให้การบริหารเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการจัดทำงบประมาณนี้ แบ่งออกเป็น ส่วนหลัก คือ งบค่าใช้จ่าย งบในการลงทุน งบในการออม และงบในการให้ (บริจาค) ซึ่งมีวิธีบริหารจัดการตามความรู้การเงิน คือ ใช้เงินในการชำระหนี้เสียก่อน แล้วจึงนำเงินที่เหลือมาใช้ ก่อนจะเก็บออม และลงทุนตามลำดับ

2.การลงทุน (Investing) เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญของความรู้ทางการเงิน เพราะการลงทุน คือ การสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ดังนั้น ก่อนลงทุนจึงควรศึกษารายละเอียดให้ดี เพราะการลงทุนเองก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน หากเตรียมความพร้อมมาดี ก็ช่วยเพิ่มพูนเงินที่มีอยู่ได้ โดยข้อควรรู้เกี่ยวกับการลงทุน คือ อัตราดอกเบี้ย ระดับราคา การกระจายความเสี่ยง การกระจายการลงทุน และดัชนีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

3.การกู้ยืม (Loan) เป็นความรู้เรื่องการเงินเบื้องต้น ซึ่งจะต้องทราบเกี่ยวกับรายละเอียดของดอกเบี้ยประเภทต่าง ๆ เช่น ดอกเบี้ยคงที่ ดอกเบี้ยลอยตัว ดอกเบี้ยทบต้น  รวมถึงข้อตกลงในการกู้ยืม และระยะเวลาการจ่ายหนี้คืน โดยสิ่งเหล่านี้ เป็นสาระสำคัญที่ต้องพิจารณาเงื่อนไขให้ดีก่อนตกลงกู้ยืม ว่า ตนเองสามารถผ่อนชำระหรือปิดหนี้ภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ เมื่อเงินต้นรวมกับอัตราดอกเบี้ยแล้ว เป็นเงินก้อนที่สามารถชำระไหวหรือไม่

4.การเข้าใจเกี่ยวกับภาษี (Tax Knowledge) โดยความรู้ทางการเงินจะอธิบายเกี่ยวกับความรู้ในการจ่ายภาษี การคำนวณภาษีเงินได้จากงานประจำหรือช่องทางอื่น เช่น ค่าเช่า เงินรางวัล รายได้เสริม รวมถึงภาษีประเภทต่าง ๆ เช่น ภาษีมรดก ภาษีที่ดิน และสิทธิในการลดหย่อนภาษีต่าง ๆ เช่น เงินบริจาค การทำประกัน การดูแลบิดามารดาหรือบุตร เป็นต้น เพราะความรู้การเงินเหล่านี้ จะช่วยให้ใช้สิทธิ์ในการลดหย่อนได้อย่างเต็มที่ ทำให้มีเงินเหลือสำหรับเก็บออมมากขึ้น

5.การวางแผนการเงินส่วนตัว (Financial Planning) เป็นทักษะในการบริหารการเงินส่วนตัว เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพจากความรู้ทางการเงินในด้านต่าง ๆ ทำให้สามารถใช้ชีวิตทางการเงินได้อย่างมั่นคงและเหมาะสม ครบวงจรทางการเงิน เริ่มตั้งแต่ประเมินสถานะทางการเงินของตนเอง ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น ออมเงินให้มากขึ้นด้วยการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างมีความรู้ หากต้องการกู้ยืมก็จะพิจารณาและตัดสินใจเลือกสินเชื่อได้อย่างเหมาะสมกับบริบทการเงินของตนเอง พร้อมทั้งใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีอย่างคุ้มค่า

นอกเหนือจาก 5 องค์ประกอบหลักของความรู้ทางการเงินข้างต้นแล้ว ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความรู้เรื่องการเงินเบื้องต้นอีก ได้แก่
 
  • การจัดการหนี้ (Debt Management) เป็นความรู้ทางการเงินที่ช่วยให้สามารถวางแผนการเงินได้อย่างมั่นคง โดยจะต้องทราบยอดหนี้ทั้งหมด พร้อมตรวจสอบดอกเบี้ยและเงื่อนไขการชำระหนี้แต่ละรายการ กำหนดวัตถุประสงค์ของการจัดการหนี้ให้ชัดเจน เช่น ปิดหนี้ในระยะเวลาที่กำหนด ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้เงิน หรือการปรับโครงสร้างหนี้ แล้วจึงลำดับความสำคัญและวางแผนการชำระหนี้ในแต่ละเดือน หมั่นกำกับติดตามผลการวางแผน เพื่อให้สามารถปรับแผนได้ตามสถานการณ์การเงินในแต่ละช่วงเวลา
  • การออม (Saving) เป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างเสถียรภาพทางการเงินตามความรู้ด้านการเงิน เริ่มจากการกำหนดวัตถุประสงค์ของการออมที่ชัดเจน เช่น เพื่อการศึกษา การท่องเที่ยว กรณีฉุกเฉิน แล้วกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการออมในแต่ละรอบ โดยเลือกช่องทางการออมให้เหมาะสมกับบริบทของตนเอง เช่น บัญชีออมทรัพย์ การลงทุน หรือกองทุนสำรองฉุกเฉิน
  • การประกัน (Insurance) เป็นอีกหนึ่งความรู้ทางการเงินที่สำคัญ เพราะการทำประกันเป็นการปกป้องตัวเองและครอบครัวจากความเสี่ยงทางการเงินจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ทั้งอุบัติเหตุและอาการเจ็บป่วย เริ่มจากพิจารณาความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น แล้วเลือกประกันที่ตรงกับความเสี่ยงและความต้องการ ไมว่าจะเป็นประกันสุขภาพ, ประกันชีวิต หรือประกันรถ โปรดตรวจสอบเงื่อนไขการชำระเงิน, ระยะเวลาคุ้มครอง และความคุ้มครองที่ได้รับ เพื่อให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
  • การเข้าใจเกี่ยวกับการเตรียมสำรองเงิน (Emergency Fund) เป็นส่วนสำคัญของความรู้เรื่องการเงิน เพื่อป้องกันตนเองจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เพื่อเตรียมพร้อมทางการเงินในกรณีฉุกเฉิน เช่น การตกงาน ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าซ่อมบำรุงฉุกเฉินในบ้าน เริ่มจากกำหนดจำนวนเงินสำรอง โดยใช้สัดส่วนเป็นรายจ่ายประจำประมาณ 3 - 6 เดือน พิจารณาจากรายจ่ายประจำในแต่ละเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าที่พัก ค่าเดินทาง ค่าอาหาร แล้วสำรองเงินไว้ในบัญชีที่สามารถเข้าถึงได้ง่ายและไม่มีความเสี่ยง สิ่งสำคัญ คือ ใช้เงินสำรองเฉพาะในกรณีฉุกเฉินจริง ๆ ไม่นำออกมาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย
  • การปรับตัวต่อเปลี่ยนแปลงทางการเงิน สำหรับความรู้ทางการเงิน คือ การทราบถึงสถานการณ์การเงินในปัจจุบัน สามารถปรับแผนการเงินได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นเพราะหน้าที่การงาน ครอบครัว หรือเศรษฐกิจต่าง ๆ ทำให้สามารถการเรียนรู้และพัฒนาทักษะในการบริหารเงินได้อย่างมั่นคงในทุกสถานการณ์

ความรู้ทางการเงินกับการแก้ปัญหาทางการเงิน

ความรู้เรื่องการเงิน

การมีความรู้ทางการเงินช่วยแก้ปัญหาทางการเงินได้อย่างเห็นผล ทำให้สามารถใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยสามารถอธิบายประโยชน์ของความรู้ด้านการเงิน เช่น

  • ความรู้ทางการเงินช่วยวางแผนการเงินส่วนตัวและการกำหนดเป้าหมายทางการเงิน ทำให้สามารถควบคุมการใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี
  • ความเข้าใจเกี่ยวกับหนี้ของความรู้เรื่องการเงิน ทำให้สามารถบริหารจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดทางการเงินที่เกิดขึ้นจากหนี้สินได้อีกด้วย
  • ความรู้ทางด้านการเงินช่วยให้ลงทุนอย่างมีสติ โดยเลือกลงทุนในทรัพย์สินที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ทางการเงินและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
  • ช่วยให้เข้าใจถึงความสำคัญของการมีเงินสำรอง เพื่อป้องกันสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดต่าง ๆ
  • ความรู้ทางการเงินช่วยให้สามารถปรับตัวและตอบสนองต่อสถานการณ์ทางการเงินที่เปลี่ยนแปลงได้เป็นอย่างดี
  • ช่วยในการเลือกทำประกันที่เหมาะสมเพื่อป้องกันความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นตามบริบทของแต่ละคน
  • ความรู้ทางการเงินทำให้เข้าใจถึงหลักการการลงทุนและการคำนวณความเสี่ยงช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินในการลงทุน
  • ความรู้เรื่องการเงินเบื้องต้นช่วยในการวางแผนทางภาษี เพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีที่ต้องชำระ

สรุปเกี่ยวกับความรู้ทางการเงิน
ความรู้ทางการเงินหรือ Financial literacy คือ ความรู้ ความเข้าใจ และทักษะการบริหารจัดการทางด้านการเงินอย่างครบวงจร ตั้งแต่จัดทำงบประมาณ การลงทุน กู้ยืม ภาษี และวางแผนการบริหารเงินส่วนตัว หากใครต้องการศึกษาความรู้เพิ่มเติม สามารถดาวน์โหลด MAKE by KBank ซึ่งเป็นแอปที่ใช้ออมเงินด้วยฟีเจอร์หลากหลาย ช่วยให้ออมเงินได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีความรู้ดี ๆ จากผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้ด้านการเงินอย่างไม่มีจำกัดอีกด้วย ทั้งช่วยออมเงินและเพิ่มความรู้ไปในตัว


3
วิธีเก็บเงิน

เงินตราเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใช้ในทุก ๆ วัน เป็นสาเหตุว่าทำไมทุกคนต้องทำงาน นั่นก็เพื่อให้ได้เงินมาจับจ่ายใช้สอย แต่หากที่เงินได้มานั้น ไม่ได้มีการบริหารให้ดี ใช้จนหมด ก็คงไม่เป็นการดีสำหรับอนาคต ดังนั้นการเรียนรู้วิธีเก็บเงิน ได้เงินมาเท่าไหร่ควรใช้จ่ายอย่างไร ควรมีการแบ่งเงินเก็บ หรือใช้สูตรเก็บเงินอะไร บทความนี้จะมาแชร์ 5 วิธีเก็บเงิน ตัวช่วยเพื่อให้คุณสามารถมีเงินเก็บได้มากยิ่งขึ้น

ทำไมเราถึงต้องให้ความสำคัญกับวิธีเก็บเงิน ?
เพราะในแต่ละวัน เราต้องพบเจอหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย ไม่สามารถคาดเดาได้ ยกตัวอย่างเช่น ล้มป่วยจนไม่สามารถทำงานต่อได้, อุบัติเหตุที่ทำให้ต้องเสียค่ารักษาพยาบาล ไม่ว่าจะเกิดกับตนเองหรือคนในครอบครัว, ต้องการเงินก้อนเพื่อไปใช้สำหรับการต่อยอดลงทุนทำธุรกิจ และรวมไปถึงเหตุฉุกเฉินอื่นที่จำเป็นต้องใช้เงิน และรู้วิธีเก็บเงินแบบจริงจัง

เป็นเหตุผลให้การมีเงินเก็บสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉินหรือเงินเย็นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ดังนั้นเราทุกคนถึงควรรู้จักวิธีเก็บเงินที่ถูกต้อง เพื่อให้การเก็บเงินสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากไม่มีแนวทางและวิธีเก็บเงินที่ดี ก็อาจเป็นการเสียเวลา ไม่สามารถเห็นผลได้ชัดเจน

ใครบ้างที่ควรเรียนรู้วิธีเก็บเงิน ?
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นไม่ว่าใครต่างก็ควรเรียนรู้วิธีเก็บเงิน เพราะไม่ว่าคุณจะทำอาชีพไหนหรืออายุเท่าไหร่ ทุกคนต่างก็จำเป็นต้องใช้เงิน จำเป็นต้องมีเงินสำรองกันทั้งนั้น โดยเราจะมายกตัวอย่างให้เห็นว่ามีคนกลุ่มไหนบ้างที่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีเก็บเงินที่ถูกต้อง

- บุคคลทั่วไปที่ทำงานมีรายได้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เงินเดือน ข้าราชการ หรือแม้แต่ฟรีแลนซ์ จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีเก็บเงิน เพื่อไม่ให้เงินที่หามาได้ในแต่ละเดือนต้องหมดไปเพราะลืมตัวใช้จ่ายเงินมากเกินไป

- บุคคลที่มีอายุมาก ใกล้เกษียณอายุ หรือเกษียณอายุแล้ว เพราะว่าคนกลุ่มนี้กำลังจะไม่สามารถหารายได้เหมือนแต่ก่อน ดังนั้นควรมีวิธีการเก็บเงินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีเงินใช้เพียงพอในช่วงบั้นปลาย

- บุคคลที่ต้องการทำธุรกิจ และเหล่าผู้ประกอบการ คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องใช้เงินมาก เพราะการดำเนินกิจการต่าง ๆ จำเป็นต้องใช้เงิน หากมีไม่เพียงพอก็อาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้ ดังนั้นควรมีเทคนิคเก็บเงิน กันเงินสำหรับใช้จ่ายฉุกเฉินให้เพียงพอเพื่อรองรับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

- เด็ก ๆ ในช่วงวัยเรียน วัยรุ่น แม้จะยังไม่มีรายได้จากการทำงาน ก็จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีเก็บเงิน เพราะเป็นวัยที่มีความอยากได้หลายสิ่ง หลายอย่าง แต่รายได้นั้นมีจำกัด หากเก็บเงินได้ดี มีความหักห้ามใจในสิ่งของเล็ก ๆ น้อย ก็จะช่วยให้สามารถซื้อของชิ้นใหญ่กว่าได้

เรียกได้ว่าแทบจะทุกคนเลยที่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีเก็บเงิน เพราะเมื่อใดก็ตามที่เงินขาดมือ มันจะส่งผลต่อสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน ดังนั้นหากมีวิธีออมเงินที่เหมาะสม ก็การันตีได้เลยว่าไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ไม่คาดฝันแค่ไหนก็สามารถรับมือได้อย่างแน่นอน

5 วิธีเก็บเงิน ไม่ธรรมดา แต่ทำแล้วได้ผลจริง!
ในหัวข้อนี้ เราจะมาแชร์ 5 วิธีเก็บเงินที่ทำแล้วได้ผลจริง อาจจะดูแปลกสำหรับหลายคนแต่หากได้ลองทำตาม เชื่อว่าจะสามารถเก็บเงินได้จริงอย่างแน่นอน โดย 5 วิธีเก็บเงิน ได้ผลจริง มีรายละเอียด ดังนี้

วิธีเก็บเงินให้ได้ผล

เปิดบัญชีเงินเก็บแยกออกไม่ใช้ร่วมกับบัญชีเงินใช้ประจำวัน
เพราะเทคโนโลยีที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องทำให้การจับจ่ายซื้อของในวันนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดเท่านั้นสามารถสแกนจ่ายได้ ต่อให้เอาเงินไปเก็บเงินในบัญชีธนาคาร เงินเหล่านั้นก็สามารถนำมาใช้ได้ง่ายแล้ว

ดังนั้นวิธีเก็บเงินแบบแรก ก็คือ ควรเปิดบัญชีฝากประจำแยกออกมา ไม่ใช้ร่วมกับบัญชีที่มีเงินเข้าออกตลอดเวลา เพราะบัญชีฝากประจำ หากจะถอนจำเป็นต้องมีเงื่อนไข เป็นการเพิ่มกระบวนการความยุ่งยาก หากจะถอนเงิน วิธีนี้จะช่วยให้เราสามารถเก็บเงินได้ดีขึ้น เพราะเราจะมีบัญชีเงินฝาก ที่มีแต่เงินเข้า ไม่มีเงินออก

นอกจากนี้การเลือกบัญชีประจำ ก็ควรเลือกจากธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยเงินฝากได้สูง เพราะดอกเบี้ยจากธนาคารต่าง ๆ ก็มีความแตกต่างกัน

วิธีเก็บเงิน เปิดบัญชีฝากประจำ

ลดหวยลง หันมาเพิ่มเงินเก็บแทน
การซื้อหวยต่าง ๆ เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในสังคมไทย เพราะทุกคนต่างก็อยากรวย อยากหาเงินด้วยวิธีง่าย ๆ ทำให้ทุกคนต่างกันซื้อหวย และหวังว่าจะถูกรางวัลใหญ่ แต่มันมีโอกาสน้อยอย่างมากที่จะถูกรางวัล หากคุณเป็นที่ซื้อหวยมาก ๆ ลองใช้วิธีนี้

ตั้งกฎให้กับตัวเอง ลดปริมาณการซื้อหวย เมื่อรู้สึกว่าต้องการซื้อหวย พยายามหักห้ามใจ และให้นำเงินก้อนนั้นไปเก็บออมแทน นี่เป็นวิธีเก็บเงินที่จะได้เงินทุกครั้งเมื่อคิดจะซื้อหวย หากสามารถทำได้ เราจะรู้ว่าเราสามารถเก็บออมเงินได้ปริมาณมาก ถ้าเราสามารถหักห้ามใจไม่ซื้อหวย ซึ่งต่อให้ถูก จะคุ้มค่ากับเงินที่ลงไปหรือไม่

วิธีเก็บเงิน ลดหวย

ได้เหรียญมาอย่าใช้ หันมาเก็บแทนดีกว่า
เงินเหรียญหากเก็บไว้กับตัวมาก ๆ ก็หนักกระเป๋า ดังนั้นนำเงินเหล่านั้นไปเก็บไว้อีกที่อาจจะได้ประโยชน์มากกว่า หากเราทำแบบนี้จนเป็นนิสัย ได้เงินทอนจากการซื้อของมาเป็นเหรียญ อย่านำเหรียญเหล่านั้นมาใช้ แต่ให้นำเหรียญเหล่านั้นมาเก็บสะสมเรื่อย ๆ จะให้เราได้จำนวนเงินที่มากพอ วิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีเก็บเงินที่สามารถทำได้ง่าย

วิธีเก็บเงิน สะสมเหรียญ

เมื่อได้เงินมา ก่อนใช้ ให้เก็บเสียก่อน
เมื่อได้เงินเดือน หรือเงินค่าแรงมา ด้วยความดีใจ ความลืมตัวอาจจะทำให้ใช้เงินที่ได้มาหมดในเวลาไม่นาน วิธีเก็บเงินที่ได้ประสิทธิภาพ คือ การกันเงินสำหรับเก็บออมก่อนเสมอ เมื่อมีรายได้เข้ามา ใก้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน

1.ก้อนแรก สำหรับใช้หนี้ : ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต เงินที่กู้มา หรือเงินที่หยิบยืมมาจากผู้อื่น จำเป็นต้องจ่ายเจ้าหนี้ให้ครบทั้งหมดตามกำหนดการที่ตกลงการไว้

2.ก้อนที่สอง สำหรับเงินเก็บ : เมื่อใช้หนี้แล้ว ก่อนที่จะเริ่มใช้งาน จำเป็นต้องเก็บเงินเสียก่อน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของวิธีเก็บเงินในข้อนี้ การกันเงินเก็บเงินไว้ โดยเหลือเงินไว้ใช้จ่ายในปริมาณที่เหมาะสม หากเหลือเยอะเกินไป ก็อาจเผลอใช้จนหมดก็เป็นได้ เงินที่ต้องการจะเก็บก็ให้ฝากกับบัญชีฝากประจำ ตามที่กล่าวไว้ในวิธีแรก

3.ก้อนที่สาม สำหรับใช้จ่าย : เงินก้อนนี้ใช้สำหรับจับจ่ายใช้สอยสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ควรมีส่วนนี้มากเกินไป เพราะทุกวันมีสิ่งยั่วยุที่จะเอาเงินออกจากกระเป๋าเราได้เสมอ ดังนั้นเงินส่วนนี้ เก็บเท่าที่จำเป็น

เงินพิเศษ ไม่เอามาใช้ เก็บอย่างเดียว ได้เงินก้อนใหญ่แน่นอน
ทุกวันนี้หลายคนอาจจะไม่ได้ทำแค่อาชีพเดียว แต่อาจจะมีอาชีพเสริมทำเพิ่ม วิธีเก็บเงินวิธีสุดท้ายที่จะมาแนะนำ สำหรับคนที่มีอาชีพเสริม มีรายได้มากกว่า 1 ช่องทาง หากได้ค่าตอบแทนจากการทำอาชีพเสริมมาแล้ว ให้นำเงินก้อนนั้นไปเป็นเงินเก็บให้หมด และพยายามใช้เฉพาะเงินที่มาจากงานหลัก

อย่างไรก็ตามต้องไม่ฝืนตัวเองเกินไป หากเดือนไหนมีค่าใช้จ่ายมากกว่าที่คาดไว้ ก็นำเงินจากงานเสริมมาใช้ได้เช่นกัน แต่การนำเงินจากรายได้เสริมมาเป็นเงินเก็บเท่านั้นให้พยายามทำให้ย่อยจนเป็นนิสัย

วิธีเก็บเงิน กุญแจสู่ชีวิตที่มั่นคงอย่างยั่งยืน
จากที่กล่าวในบทความนี้ในเรื่องวิธีเก็บเงิน และเทคนิคเก็บเงินแบบต่าง ๆ มั่นใจได้ว่าหากนำไปปฏิบัติตาม จะสามารถเพิ่มปริมาณเงินเก็บได้อย่างแน่นอน การเก็บเงินเป็นสิ่งที่ดี แต่การปฏิบัติตามทุกอย่างโดยไม่ผ่อนผัน ก็อาจทำให้ชีวิตไม่มีความสุข เพราะเชื่อว่าเงินที่หามาได้แต่ละบาทนั้น ได้มาอย่างยากเย็น การนำเงินไปใช้เพื่อหาความสุขใส่ตัวบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ต้องไม่ลืมที่จะหักห้ามใจไม่ใช้ให้มากเกินไป

เราหวังว่าวิธีเก็บเงินที่ได้นำมาเสนอนี้ จะเป็นประโยชน์ ช่วยเป็นแนวทางวิธีการออมเงินให้หลาย ๆ คน เพราะการมีเงินเก็บออมไว้ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะใครจะรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะมีเหตุไม่คาดคิดที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่หรือเปล่า

4
ปัญหาผิวแก้ไขให้ตรงจุดด้วยการฉีดรีจูรัน Rejuran คือเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าซึ่งเป็นตัวช่วยในการซ่อมแซมผิวอย่างปลอดภัยที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ

เทคโนโลยีแก้ไขผิวในปัจจุบันสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้หลายจุดทั่วทั้งใบหน้ารวมถึงผิวหนังส่วนอื่น ๆ ด้วยและยังให้ผลลัพธ์ที่ดีเห็นผลเร็วมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งการทำรีจูรัน (Rejuran) ก็เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก สามารถแก้ไขปัญหาผิวในส่วนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

สำหรับใครที่กำลังวางแผนทำรีจูรัน rejuran  ไม่ควรพลาดข้อควรรู้หรือข้อห้ามหลังฉีดรีจูรันและข้อควรรู้อื่น ๆ เกี่ยวกับการฉีดรีจูรัน รวมถึงคำถามยอดฮิตอย่างรีจูรันคืออะไรฉีดตรงไหนได้บ้าง หาคำตอบเหล่านี้ได้ในบทความนี้ที่ได้มัดรวมไว้ให้แล้ว

rejuran ราคาเท่าไหร่

รีจูรัน (Rejuran)  คืออะไร?  rejuran chanel เหมือนกันหรือไม่

รีจูรัน คือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าซึ่งเป็นตัวช่วยในการซ่อมแซมผิวอย่างปลอดภัยที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ โดยการใช้ DNA WILD SALMON ที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์ที่สุด นำมาสกัดให้บริสุทธิ์ในรูปสารละลายชนิดใสและเพิ่มจำนวนเซลล์ไฟโบบลาสต์ที่มีหน้าที่ในการสร้างคอลลาเจน ใช้สำหรับฉีดกระตุ้นบนผิวหนังมีจุดเด่นในเรื่องการฟื้นฟูผิวช่วยให้ผิวฉ่ำวาวเรียบเนียน

ยกตัวอย่างรีจูรัน rejuran เกาหลีตัวดังที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นรีจูรันที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศเกาหลีกับรุ่น Rejuran healer หรือที่หลายคนรู้จักกันคือ Rejuran กล่องดำ ซึ่งในรุ่น rejuran healer เป็นทรีตเมนต์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวที่ทำจากโมเลกุลชีวภาพที่เรียกว่าโพลีนิวคลีโอไทด์ (PN) ให้ความปลอดภัยและมั่นใจด้วยการรองรับจากผลวิจัยทางการแพทย์

นอกจากนี้ rejuran chanel ที่หลายคนอาจสงสัยว่าเหมือนหรือแต่แตกต่างกันอย่างไร ขอบอกเลยว่าทั้งสองตัวให้ผลลัพธ์ที่คล้ายกัน จะต่างกันตรงส่วนประกอบของตัวยาและ Meso chanel กับ rejuran ราคาที่ต่างกัน ตัวรีจูรันจะเน้นกระตุ้นสร้างคอลลาเจนเพื่อไปฟื้นฟูซ่อมแซมผิวใหม่เห็นผลไวกว่าแต่ chanel จะเน้นเพิ่มความชุ่มชื้นเห็นผลภายใน 7 วัน

Rejuran เห็นผลจริงไหม มีหลักการทำงานอย่างไร

ฉีด rejuran คือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ได้รับการวิจัยมาเพื่อฉีดบำรุงฟื้นฟูผิว จะเริ่มจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำการเตรียมผิวโดยการทายาชา ต่อมาจึงทำการฉีดรีจูรัน rejuran ที่ไม่มีการผสมกับสารใดเข้าไปตรงบริเวณผิวหนังแท้ตื้น ๆ หลังฉีดรีจูรันอาจมีตุ่มนูนขึ้นแล้วแต่บุคคล แต่จะสามารถหายได้เองภายในไม่กี่ชั่วโมง

เมื่อทำการฉีดรีจูรันเรียบร้อยแล้วตัวยาจะมีหลักการทำงานคือเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ที่ตัวการสำคัญในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งการทำรีจูรัน rejuran ให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีควรฉีด 4 ครั้ง หลังฉีดรีจูรัน rejuran หนึ่งครั้งจะเริ่มเห็นผลในช่วง 3-5 วัน จะเห็นได้ชัดว่าผิวหนังเรียบเนียนและมีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น

เมื่อทำการฉีดรีจูรัน rejuran ครั้งที่ 2 หลังการรักษาผิวหนังจะดูเต่งตึงช่วยกระชับรูขุมขนริ้วรอยดูตื้นขึ้น ต่อมาทำรีจูรันครั้งที่ 3 จะช่วยให้ผิวแข็งแรงยกกระชับขึ้น และในการฉีดรีจูรัน rejuran ครั้งครั้งสุดท้ายครั้งที่ 4 ผิวบริเวณที่ได้รับการรักษาจะให้ความเรียบเนียนผิวแลดูอ่อนเยาว์เห็นผลได้อย่างชัดเจน

rejuran healer กล่องดำ

Rejuran ใช้สำหรับฉีดตรงไหนช่วยเรื่องอะไรบ้าง

rejuran คือเทคโนโลยีตัวดังที่เป็นตัวช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างปลอดภัยด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ โดย Rejuran ฉีดได้หลายจุดทั่วใบหน้าและแก้ไขปัญหาได้ดังต่อไปนี้

  • รีจูรันใบหน้า การฉีดรีจูรัน rejuran  บนใบหน้าสามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลายจุดอย่างเช่นผิวหน้า หน้าผาก ร่องแก้ม ใต้ตา ซึ่งรีจูรันที่ฉีดบนใบหน้าจะช่วยแก้ปัญหารอยคล้ำใต้ตา ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวของใบหน้าแก้ปัญหาริ้วรอยตื้น ๆ หรือหลุมสิว ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงส่งผลให้ผิวหน้าเนียนละเอียดขึ้น
  • รีจูรันหลังมือ สำหรับใครที่มีปัญหามือหยาบแห้งกร้าน ก็สามารถใช้การฉีดรีจูรัน rejuran บนผิวหนัง เพื่อแก้ปัญหามือยาวกระด้างให้กลับมามีผิวที่เรียบเนียนดูสุขภาพดี
  • รีจูรันคอ ผิวหนังบริเวณคอสำหรับคนที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปจะพบกับปัญหาริ้วรอยบนผิวหนังบริเวณคอซึ่งเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้โดยการฉีดรีจูรันบนผิวบริเวณลำคอจะช่วยยกกระชับลดริ้วรอยบริเวณลำคอได้ และยังช่วยให้ผิวหนังดูอิ่มน้ำเต็งตึงดูอ่อนเยาว์ขึ้น

วางแผนก่อนฉีด Rejuran ต้องรู้ข้อดีหรือข้อเสียมีอะไรบ้าง

แม้ว่าการทำรีจูรัน rejuran ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวเรียกได้ว่ามีข้อดีหลายอย่างด้วยกัน แต่ในข้อดีนี้อาจจะต้องมีข้อควรระวังหรือข้อเสียอยู่บ้าง ใครที่กำลังวางแผนหาข้อมูลก่อนฉีดรีจูรันควรทราบดังต่อไปนี้

  • ข้อดีฉีด rejuran คือ การฉีดรีจูรัน คือการฉีดสารสกัดจากธรรมชาติเข้าสู่ชั้นหนังแท้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนลดริ้วรอยและปัญหาต่าง ๆ บนผิวหนังให้กลับมาสุขภาพดีอีกครั้ง
  • ข้อเสียฉีด rejuran คือ การฉีดรีจูเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีจะต้องทำการฉีดหลายครั้ง รวมถึงมีข้อควรระวังเกี่ยวกับข้อห้ามหลังฉีดรีจูรัน ได้แก่งดแต่งหน้าหลังฉีดรีจูรัน 24 ชั่วโมง งดดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ งดสูบบุหรี่และหลังฉีดรีจูรันอาจมีรอยช้ำสามารถใช้การประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมลงได้

rejuran คืออะไร

สรุปเกี่ยวกับ Rejuran เหมาะกับใครบ้าง

การฉีดรีจูรัน (Rejuran )เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีการวิจัยและเป็นสารสกัดจากธรรมชาติมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังสามารถรักษาด้วยการทำรีจันได้ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิง ทั้งนี้การฉีดรีจูรัน rejuran  ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเข้ารับการรักษาเพราะแต่ละบุคคลมีผิวหน้าที่ต่างกันอาจก่อให้เกิดการแพ้ได้ ทั้งในปัจจุบันการปรึกษาแพทย์ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเพราะมีบริการ SkinX ปรึกษาแพทย์ทางออนไลน์พร้อมทั้งสั่งซื้อยาส่งถึงหน้าบ้าน

5
เก็บเงินซื้อรถ

ไม่ว่าใครเมื่อเข้าสู่อายุวัยทำงานแล้วก็คงอยากมีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง หลายคนไม่สามารถซื้อเงินสดได้ทันที อาจจะต้องเก็บเงินดาวน์รถไปก่อน เพื่อให้ได้รถยนต์มาใช้ก่อนนั่นเอง บทความนี้จะบอกเคล็ดลับการเก็บเงินซื้อรถที่ได้ผลแน่นอน หากทำตามวิธีที่กล่าวมานั้น ก็อาจจะทำให้คุณได้รถมาขับก่อนใครแน่ๆ

แนะนำ 5 วิธีเก็บเงินซื้อรถที่ได้ผลดี

5 วิธี เก็บเงินซื้อรถที่หลายคนควรรู้ เพื่อทำให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ มีดังนี้

1. เซ็ตเป้าหมายรถในฝัน พร้อมเปรียบเทียบราคารถยนต์

การเก็บเงินออกรถ ขั้นแรกคือ การเซ็ตเป้าหมายรถที่ตั้งใจจะซื้อ ยกตัวอย่างเช่น ประเภทรถยนต์ ยี่ห้อ รุ่นรถในฝันที่อยากได้ เพื่อเช็กราคาและเปรียบเทียบว่าศูนย์ที่ไหนให้ราคาที่ดีกว่า เงื่อนไขอื่นๆ เช่น ประกันภัย การบริการหลังการขาย ส่วนลด ของแถมพิเศษ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายแฝงนอกเหนือจากนี้ สิ่งสำคัญที่สุดในการซื้อรถยนต์ให้กับตัวเองเลยคือ การเห็นสภาพรถจริงและการทดลองขับ ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น เป็นการเตือนสติตัวเองให้รู้ว่าเราต้องเก็บเงินซื้อรถเท่าไหร่ เพื่อให้สามารถดาวน์รถหรือผ่อนได้ก่อนหากไม่สามารถออกรถยนต์ด้วยเงินสดได้ วิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเก็บเงินขั้นต่ำในแต่ละเดือนแล้ว ยังสร้างแรงผลักดันให้กับตนเองอีกด้วย

2. หาข้อมูลหรือรายละเอียดค่าใช้จ่ายในการซื้อรถ

วิธีเก็บตังซื้อรถ ขั้นตอนที่สองคือ การศึกษาค่าใช้จ่ายในการซื้อรถยนต์ให้ดีและรอบคอบว่ามีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องอะไรเพิ่มมาอีกบ้างนอกเหนือจากค่าตัวรถ ซึ่งค่าใช้ต่างๆ มีดังนี้

1. เงินดาวน์รถ เป็นเงินก้อนแรกเพื่อวางมัดจำในการออกรถ ยิ่งวางเงินดาวน์มากเท่าไหร่ เงินผ่อนที่ต้องจ่ายก็ยิ่งน้อย ดอกเบี้ยก็น้อยตามลงไปด้วย ดังนั้นควรเก็บเงินดาวน์รถให้ได้มากๆ เพื่อที่จะได้ปิดการผ่อนรถให้จบได้ไวขึ้น ใครที่ไม่อยากเจอดอกเบี้ยสูงๆ ก็ควรวางเงินก้อนสำหรับดาวน์รถให้ได้มากที่สุด ปกติแล้วควรวางมัดเงินดาวน์ไว้ที่ 20-30% ของรายได้ทั้งหมด เพื่อไม่ทำให้การเงินของคุณฝืดขัดจนเกินไป และสามารถมีเงินสำรองไว้ใช้จ่ายอื่นๆ อีกด้วย

2. ค่าผ่อนรถ หลังจากที่ได้รถมาใช้แล้ว ยังมีค่าผ่อนรถรายเดือนที่แต่ละคนต้องจ่าย ซึ่งราคาที่ต้องผ่อนให้ศูนย์จะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเงินดาวน์ที่วางไว้ในตอนต้นและราคารถยนต์ที่คุณเลือกซื้อ

3. ค่าน้ำมันรถหรือค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่คุณอาจสามารถประเมินได้คร่าวๆ เท่านั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น ค่าทางด่วน ค่าที่จอดรถ ค่าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในกรณีรถติดหรือเดินทางไปออกทริปต่างจังหวัด ที่สามารถคำนวณค่าใช้จ่ายออกมาเป็นหลักพันถึงหลักหมื่นได้เลย ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าเองก็มีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าไฟที่ต้องชาร์จเพิ่มขึ้น แต่อาจจะมีข้อดีมากกว่า เนื่องจากราคาถูกกว่าค่าน้ำมัน หากคุณยังคิดว่าไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้ไหว แนะนำให้ใช้รถขนส่งสาธารณะไปก่อน เช่น รถเมล์ บีทีเอสหรือรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ภาระค่าใช้จ่ายไม่แสนสาหัส

4. ค่าต่อทะเบียน/ภาษี การเสียภาษีรถยนต์เป็นสิ่งที่คนมีรถต้องจ่ายทุกปีตามกฎหมายระบุไว้ หากใครหลีกเลี่ยงการเสียภาษีก็จะถูกปรับและถูกเรียกเงินเพิ่มตามจำนวนเดือนหรือปีที่ทะเบียนรถยนต์ขาดไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคา ขนาด และอายุของรถยนต์อีกด้วย

5. ค่าบำรุงรักษา จะเก็บเงินซื้อรถเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาหรือซ่อมบำรุงรถยนต์ให้มีสภาพที่ดี พร้อมใช้งานอยู่ตลอด เป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคันควรทำ เพื่อความปลอดภัยให้การใช้งานรถยนต์ที่มีคุณภาพ ลดโอกาสการเสื่อมสภาพของรถ ลดอุบัติเหตุ แถมยังสามารถเก็งราคารถยนต์ได้ในอนาคตหากคุณต้องการขายรถมือสอง ดังนั้นการนำรถเข้าอู่เพื่อเช็คสภาพหรือทำความสะอาดรถยนต์ ย่อมมีค่าใช้จ่ายยิบย่อยเพิ่มเติมที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง อย่างเช่น ค่าเปลี่ยนน้ำมันเครื่องหรือเบรก ไส้กรองต่างๆ ค่ายาง ค่าอะไหล่บางอย่างที่หลุดหายไปจากการใช้งาน ราคาที่ต้องจ่ายขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อของรถยนต์อีกด้วย

6. ค่าประกันรถยนต์ ถึงแม้ว่าประกันภัยรถยนต์ไม่จำเป็นต้องทำทุกคัน แต่หากคุณเกิดอุบัติเหตุก็อาจทำให้สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมากได้ ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล ค่าคำขวัญ เป็นต้น การทำประกันรถยนต์นอกจากจะลดภาระค่าใช้จ่ายพวกนี้แล้ว ยังช่วยให้คุณไม่ต้องควักกระเป๋าตังตัวเองเพื่อจ่ายไปก่อนได้อีกด้วย

ดังนั้นการศึกษาค่าใช้จ่ายที่มาพร้อมกับการซื้อรถให้ดีเป็นเรื่องที่เจ้าของรถมือใหม่ควรคำนึงถึงอย่างมาก ไม่เพียงแค่คิดถึงวิธีเก็บเงินซื้อรถเพียงเท่านั้น แต่ยังมีรายจ่ายอื่นๆ ที่อาจตามมาให้ปวดหัวในภายหลังเช่นกัน

3. เลือกรูปแบบการจ่ายเงินซื้อรถ

ขั้นตอนที่สามของการจะเก็บเงินซื้อรถแต่ละครั้ง ควรรู้ว่าตัวเองสามารถจ่ายเงินแบบไหนได้บ้าง ซึ่งใครที่มีกำลังทรัพย์มากพอก็อาจจะเลือกซื้อรถยนต์ในเงินสด วิธีการนี้นอกจ่ายจะทำให้คุณหมดความกังวลในการเป็นหนี้สินแล้ว ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายหรือดอกเบี้ยในระยะยาวได้อีกด้วย เป็นการจ่ายเงินก้อนรอบเดียวจบเลย

ส่วนอีกวิธีหนึ่งคือการจ่ายแบบผ่อน เป็นวิธีเก็บเงินออกรถที่ค่อยๆ สะสมตังไปทีละนิดเพื่อนำเงินมาออกรถใช้ก่อน มีข้อดีที่เราสามารถรับรถมาใช้ในระหว่างที่ผ่อนไปด้วยได้เลย ไม่ต้องจ่ายเป็นเงินก้อนโต ทำให้เราเหลือเงินเก็บที่สามารถนำไปใช้จ่ายอย่างอื่นได้ด้วย แต่วิธีการผ่อนจะต้องจ่ายตามกำหนดงวดรถให้ตรง ไม่งั้นคุณอาจถูกไฟแนนซ์ยึดรถคืนได้ และต้องเสียดอกเบี้ยทุกๆ เดือน

ดังนั้นรูปแบบการจ่ายเงินซื้อรถขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้ซื้อ ว่าสะดวกหรือต้องการแบบไหนที่ไม่กระทบต่อตนเองหรือคนรอบข้างได้ และควรคำนึงถึงรายได้ ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนให้ดี เพื่อที่จะสามารถแยกเงินเก็บมาซื้อรถในฝันของคุณได้โดยไม่มีปัญหาตามมา

4. วางแผนการเงินอย่างชาญฉลาดและรอบคอบ

ขั้นตอนที่สี่ การวางแผนการเงินให้รอบคอบ เมื่อคุณมีการตั้งเป้าหมายรถที่ต้องการซื้อ และศึกษารายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมาอย่างถี่ถ้วนแล้วนั้น การวางแผนการเงินเพื่อเก็บเงินออกรถให้ดีก็เป็นการประเมินตัวเองเบื้องต้นว่ามีกำลังเก็บออมที่เท่าไหร่ โดยอาจกำหนดเงินออมขั้นต่ำในแต่ละเดือนประกอบกับการพิจารณารายรับรายจ่ายทั้งหมด เพื่อทราบถึงภาพรวมสภาพคล่องทางการเงิน โดยอาจทำบัญชีสรุปค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน หรือการใช้แอปพลิเคชันในมือถือเพื่อวางแผนการเก็บออม แยกเงินออกเป็นสัดส่วน การวางแผนการเงินอย่างชาญฉลาดจะเพิ่มโอกาสในการซื้อรถในฝันของคุณได้ไวกว่าเดิม รวมถึงการจัดการกับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือตัดของฟุ่มเฟือยออกไป เพื่อทำให้การเก็บเงินซื้อรถของคุณใกล้ถึงฝั่งฝันมากขึ้น เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้การเก็บตังค์ซื้อรถของคุณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลจริงแล้ว

5. ฝึกวินัยในการออมเงิน

ขั้นตอนที่ห้า การสร้างวินัยในการเก็บเงินซื้อรถให้กับตนเอง เมื่อได้รถมาแล้วก็ใช่ว่าจะสิ้นสุดเลยทีเดียว ค่าใช้จ่ายหลังการซื้อรถนั้นยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าอายุขัยของมันจนหมดหรือคุณต้องขายรถทิ้งไปซะก่อน ดังนั้นการฝึกออมเงินตั้งแต่เนิ่นๆ อาจจะเริ่มจากการฝากในบัญชีออมทรัพย์ก่อน นอกจากการออมเงินโดยการฝากประจำกับธนาคาร เพื่อรับดอกเบี้ยแล้วนั้น การนำเงินไปลงทุนเพื่อให้ผลกำไรงอกเงยขึ้นมาก็เป็นวิธีการเพิ่มมูลค่าเงินเก็บของคุณได้ไวขึ้น เพิ่มโอกาสบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ตัวอย่างการลงทุนเช่น การซื้อทอง หุ้น หรือกองทุน ที่มีโอกาสรับเงินปันผลมากกว่าการฝากแบบออมทรัพย์ไปเรื่อยๆ เป็นวิธีการเพิ่มรายได้อย่างหนึ่งที่ใครก็สามารถทำตามไว้ แต่ควรศึกษาให้ละเอียดรอบคอบก่อนตัดสินใจ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่าเช่นเดียวกัน

เก็บตังซื้อรถ

วิธีการคำนวณเงินผ่อนจ่ายกับธนาคาร

เมื่อกำหนดเป้าหมายและจำนวนเงินหรือระยะเวลาที่ต้องการผ่อนชำระเรียบร้อยแล้ว  เรามาลองดูวิธีการคำนวณเงินสำหรับการผ่อนจ่ายรถยนต์ได้เลย

สูตรการคำนวณ
   
เงินผ่อนต่อเดือน = [วงเงินที่กู้ + (วงเงินที่กู้ × อัตราดอกเบี้ย % × จำนวนปีผ่อนชำระ)]
จำนวนเดือนที่ต้องผ่อน

ยกตัวอย่าง รถยนต์ราคา 629,000 บาท จ่ายเงินดาวน์ไปแล้ว 20% เท่ากับ 125,800 บาท หมายความว่าต้องผ่อนอีก 503,200 บาท โดยเงื่อนไขของธนาคารกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.99% ต่อปี โดยมีระยะเวลาผ่อนชำระอยู่ที่ 5 ปี หรือ 60 เดือน คำนวณเงินผ่อนที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือนได้ดังนี้

เงินผ่อนต่อเดือน = [503,000 + (503,000 × 1.99 % × 5)]
60

จะได้จำนวนเงินที่คุณต้องผ่อนเดือนละ 9,218 บาท หมายความว่าคุณจะต้องเสียดอกเบี้ยให้ธนาคารทั้งหมด 50,049 บาท เลยทีเดียว ดังนั้นการเก็บเงินดาวน์รถที่สูงขึ้น ยิ่งทำให้ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้ธนาคารลดน้อยลงด้วย

สรุป เก็บเงินซื้อรถให้สำเร็จตามเป้า

หากคุณตั้งเป้าหมายในการซื้อรถในฝันได้แล้ว อย่าลืมวางแผนการเก็บเงินซื้อรถให้ดีและมีประสิทธิภาพ โดยอาจเริ่มจากการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน หรือการแยกบัญชีธนาคารเพื่อใช้สำหรับเก็บออมโดยเฉพาะ อย่างแอปพลิเคชัน MAKE by KBank ของธนาคารกสิกร ที่สะดวก ใช้ง่ายและรวดเร็ว วิธีการเก็บตังซื้อรถต่างๆ ที่เราได้แนะนำไปนั้นจะช่วยทำให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ได้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อรถ ซื้อบ้านหรือที่ดิน หรือการเก็บเงินเพื่อไปลงทุนในอนาคต ขอแค่มีความมุ่งมั่นตั้งใจและพยายามก็ทำให้คุณได้สิ่งที่ปรารถนามาครอบครองได้แน่นอน

6
รับทำสติ๊กเกอร์ ราคาถูก

การทำ Branding เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำการตลาดในยุคปัจจุบัน โลโก้หรือตราสินค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้กลุ่มเป้าหมายจดจำแบรนด์ของคุณได้ การแปะสติ๊กเกอร์แบรนด์บนตัวสินค้าหนึ่งในทางเลือกที่ดีสำหรับการทำ Branding ที่ได้ผลมาแบบยุคต่อยุค บทความนี้เราจะพาทุกท่านมาทำความรู้จักบริการรับทำสติ๊กเกอร์ พร้อมการออกแบบตราสินค้าแบบครบวงจร

บริการรับทำสติ๊กเกอร์บริการที่เพิ่มความสะดวกสบายด้านการทำ Branding ผ่านการสื่อสาร การสร้างคุณค่า และการสร้างการจดจำอย่างตรงจุด ด้วยการดีไซน์โลโก้ให้ตรงกับสิ่งที่แบรนด์ของคุณต้องการสื่อสาร ถ้าอยากรู้แล้วว่าบริการรับทำสติ๊กเกอร์คืออะไร มีข้อดีอย่างไรบ้าง ติดตามต่อได้ในเนื้อหาของบทความนี้

รายละเอียดบริการรับทำสติ๊กเกอร์
บริการรับทำสติ๊กเกอร์ไม่ได้มีเพียงแค่บริการรับปริ้นสติ๊กเกอร์ รับทําสติ๊กเกอร์ไดคัท และรับพิมพ์ฉลากสินค้าเท่านั้น เพราะการรับทำสติ๊กเกอร์หมายถึงการออกแบบฉลากสินค้า โลโก้ ป้ายราคา และอื่น ๆ ให้เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณ ทั้งด้านการออกแบบที่สามารถสื่อสารตัวแบรนด์ออกมาได้ การเลือกประเภทกระดาษ-สีสันให้เหมาะสมกับการใช้งานในราคาที่จับต้องได้ ไม่ว่าคุณจะต้องการบริการรับพิมพ์สติ๊กเกอร์อิงค์เจ็ท, สติ๊กเกอร์ PVC, สติ๊กเกอร์โฮโลแกรม, สติ๊กเกอร์ PET, สติ๊กเกอร์กระดาษขาว หรือสติ๊กเกอร์ประเภทไหน ๆ บริการรับทำสติ๊กเกอร์ก็สามารถรังสรรค์ให้คุณได้ทั้งสิ้น

บริการรับทำสติ๊กเกอร์ เหมาะกับธุรกิจใดบ้าง
บริการรับทำสติ๊กเกอร์เป็นบริการที่เหมาะกับธุรกิจทุกประเภท เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือว่าขนาดใหญ่ การสร้างการจดจำก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจเติบโต

บริการรับทำสติ๊กเกอร์มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไร? 

รับติดสติ๊กเกอร์สินค้า

บริการสั่งทำสติ๊กเกอร์ราคาไม่แพงอย่างที่คิด ราคาเฉลี่ยของบริการรับทำสติ๊กเกอร์จะมีราคาเฉลี่ยต่อชิ้นอยู่ที่ 0.5 - 2 บาท ซึ่งอัตราการคิดราคาค่าบริการจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้งาน จำนวนที่สั่งผลิต ราคาค่าบริการสำหรับการออกแบบ และอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับอัตราค่าบริการของร้านรับทำสติ๊กเกอร์ร้านนั้น ๆ

ขั้นตอนและกระบวนการสำหรับบริการรับทำสติ๊กเกอร์

1. ชี้แจงรายละเอียด
ก่อนเริ่มกระบวนการรับทำสติ๊กเกอร์ โรงงานรับทำสติ๊กเกอร์จะมีการพูดคุยรายละเอียด ความต้องการ แนวทาง จุดประสงค์ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับตัวแบรนด์กับเจ้าของแบรนด์ก่อนเสมอ

2. ตกลงราคา
สำหรับท่านที่สงสัยว่าการสั่งทำสติ๊กเกอร์ราคาเท่าไหร่ ต้องใช้งบประมาณเยอะหรือไม่ คำถามนี้จะหมดไป เพราะโรงงานรับทำสติ๊กเกอร์ทำการพูดคุย และตกลงราคาก่อนที่จะเริ่มกระบวนการผลิตเสมอ

3. ยืนยันการสั่งผลิต
หลังจากพูดคุยเกี่ยวกับตัวสินค้า ตัวแบรนด์ แนวทาง วัสดุที่ใช้สำหรับการผลิต และราคาค่าดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ทางโรงงานรับทำสติ๊กเกอร์จะทำการยืนยันการผลิต เพื่อเรียกเก็บค่ามัดจำกับเจ้าของแบรนด์ก่อนเริ่มงาน

4. รับ Product ของลูกค้า
สำหรับท่านที่ต้องการให้โรงงานรับทำสติ๊กเกอร์ แปะสติ๊กเกอร์ที่ผลิตออกมาบนตัวสินค้า ลูกค้าจำเป็นต้องทำการส่งมอบสินค้าภายใต้แบรนด์ลูกค้าให้ทางโรงงาน

5. ตรวจนับสินค้า
เมื่อโรงงานได้รับสินค้าจากแบรนด์ลูกค้าแล้ว โรงงานรับทำสติ๊กเกอร์จะทำการตรวจเช็คจำนวนของสินค้าที่ส่งมาก่อนเริ่มงาน เพื่อไม่ให้เกิดความคลาดเคลื่อน และข้อผิดพลาดด้านการปฏิบัติงาน

6. เริ่มกระบวนการผลิต
หลังจากขั้นตอนการยืนยันและตรวจเช็คเสร็จสิ้น โรงงานรับทำสติ๊กเกอร์จะทำการผลิตสติ๊กเกอร์ และนำแปะลงบนสินค้าของแบรนด์ลูกค้า

7. ชำระเงินในส่วนที่เหลือ
เมื่อขั้นตอนการผลิตและการดำเนินการทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ ทางโรงงานรับทำสติ๊กเกอร์จะทำการเรียบเก็บเงินในส่วนที่เหลือทั้งหมด ก่อนที่จะส่งสินค้าและสติ๊กเกอร์ให้กับลูกค้า

8. จัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้า
หลังจากที่ทางโรงงานรับทำสติ๊กเกอร์ตรวจเช็คสินค้า และทางลูกค้าชำระเงินเรียบร้อยแล้ว ทางโรงงานรับทำสติ๊กเกอร์จะทำการส่งสินค้าทั้งหมดให้กับลูกค้า ตามวัน เวลา และสถานที่ที่ทางแบรนด์ตกลงไว้กับโรงงาน เพื่อมอบความสะดวกสบายขั้นสูงสุดให้กับผู้ว่าจ้าง

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับรับทำสติ๊กเกอร์

ราคาของบริการรับทำสติ๊กเกอร์อยู่ที่แผ่นละกี่บาท?
อัตราค่าบริการของร้านรับทำสติ๊กเกอร์จะมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5 - 2 บาทโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้สำหรับการผลิต รายละเอียดของงาน ราคาเริ่มต้นของการสั่งทำ การออกแบบกราฟิกดีไซน์ และอื่น ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการรับทำสติ๊กเกอร์กับร้านใด ๆ จึงควรสอบถามอัตราค่าบริการเบื้องต้นกับทางร้านให้ดีก่อนสั่งผลิต

บริการรับทำสติ๊กเกอร์ใช้โปรแกรมอะไรในการออกแบบ?
Illustrator หรือโปรแกรมการสร้างลายเส้นสำหรับการออกแบบผลิตภัณฑ์ โปรแกรมยอดนิยมที่นักออกแบบกราฟิกดีไซน์สายรับทำสติ๊กเกอร์นิยมใช้สำหรับการออกแบบสติ๊กเกอร์กันอย่างแพร่หลาย และเป็นสากล

บริการรับทำสติ๊กเกอร์ดีอย่างไร-สรุปข้อดีของบริการรับทำสติ๊กเกอร์
การสร้างการจดจำให้กับตัวแบรนด์ผ่านสติ๊กเกอร์ฉลากสินค้า หนึ่งในทางเลือกที่ดีสำหรับการสร้างภาพลักษณ์และการจดจำที่ดีให้กับตัวแบรนด์ในราคาที่จับต้องได้ นอกจากข้อดีด้านการทำ Branding แล้วบริการรับทำสติ๊กเกอร์ยังเป็นหนึ่งในการทำการตลาดที่งบไม่บานปลาย เห็นผลได้จริง และยังสามารถเพิ่มความสะดวกสบายให้กับเจ้าของแบรนด์ได้อีกด้วย

7
สินเชื่อออนไลน์

ในยุคดิจิทัลนี้ หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงการให้บริการสินเชื่อบุคคล ซึ่งหลายสถาบันการเงินได้เปลี่ยนให้เป็นสินเชื่อออนไลน์ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้กู้ทำธุรกรรมได้ง่ายกว่าที่เคย โดยสินเชื่อเงินด่วนอนุมัติเร็วออนไลน์ เป็นตัวช่วยทางการเงินที่เข้าถึงง่าย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะต้องการเงินทุนฉุกเฉิน หรือจ่ายค่าใช้จ่าย โดดเด่นด้วยข้อดี คือ สมัครง่าย อนุมัติไว ผ่านระบบออนไลน์ 100% ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปธนาคาร

สินเชื่อออนไลน์ คืออะไร มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวันอย่างไร?

สินเชื่อบุคคล

สินเชื่อออนไลน์ หมายถึง บริการสินเชื่อที่ให้ผู้กู้สามารถสมัครและรับเงินกู้ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยผู้กู้สามารถสมัครผ่านเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง โดยการขอสินเชื่อออนไลน์มีข้อดี คือ

  • สมัครสินเชื่อออนไลน์และรับเงินกู้ได้โดยไม่ต้องเดินทางไปที่ธนาคาร ด้วยความสะดวก รวดเร็ว
  • รู้ผลอนุมัติสินเชื่อออนไลน์ได้ภายในเวลาไม่นาน
  • มีตัวเลือกหลากหลายที่ให้บริการสินเชื่อออนไลน์ ผู้กู้สามารถเปรียบเทียบดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจ
  • ผู้กู้สามารถสมัครสินเชื่อเงินด่วนได้ทุกที่ ทุกเวลา

แต่ข้อควรระวังของสินเชื่อเงินด่วนอนุมัติเร็วออนไลน์ คือ สินเชื่อออนไลน์บางประเภทอาจมีดอกเบี้ยสูง จึงควรศึกษารายละเอียดเงื่อนไขต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจสมัคร ทั้งนี้ สินเชื่อออนไลน์มีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนในหลาย ๆ ด้าน ดังนี้

  • การขอสินเชื่อออนไลน์ช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยากเหมือนการขอสินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคาร เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนฉุกเฉิน หรือผู้ที่ไม่มีหลักประกัน
  • สินเชื่อออนไลน์สามารถช่วยจัดการกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันหรือในสถานการณ์ฉุกเฉินได้ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมแซมบ้าน หรือค่าเทอม
  • สินเชื่อออนไลน์ อนุมัติไวช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ช่วยให้ผู้คนมีเงินทุนสำรองเผื่อไว้สำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
  • สินเชื่อด่วนออนไลน์ช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่จำเป็น

ยกตัวอย่างสถานการณ์ที่จำเป็นต้องใช้สินเชื่อออนไลน์ เช่น

  • สถานการณ์ฉุกเฉิน หากมีสมาชิกในครอบครัวป่วยหนักและต้องเข้ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาล แต่มีเงินไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาล สินเชื่อเงินด่วนอนุมัติเร็วออนไลน์สามารถช่วยให้มีเงินทุน เพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาล และช่วยชีวิตสมาชิกในครอบครัวไว้ได้
  • ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อย่างค่าเทอม ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ซึ่งหากถึงกำหนดที่จะต้องจ่าย ก็สามารถสมัครสินเชื่อออนไลน์นำเงินก้อนออกมาจัดการปัญหาเหล่านี้ได้

ด้วยสินเชื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์ สามารถช่วยให้ผู้คนจัดการกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันและช่วยให้ผู้คนมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ คือ ความรับผิดชอบในการกู้ยืม วางแผนในการชำระคืนสินเชื่อบุคคลเหล่านี้ และควรกู้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น

ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจสมัครสินเชื่อออนไลน์ ผู้กู้ควรศึกษาข้อมูล เปรียบเทียบดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่าง ๆ ของสินเชื่อจากหลาย ๆ แหล่ง เลือกใช้บริการสินเชื่อออนไลน์จากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่น่าเชื่อถือ และอ่านรายละเอียดเงื่อนไขต่าง ๆ ของสินเชื่ออย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ

4 สินเชื่อออนไลน์อนุมัติไว วงเงินสูงที่น่าสนใจ

สินเชื่อเงินด่วนอนุมัติเร็วออนไลน์

การสมัครสินเชื่อออนไลน์ในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพียงแค่ศึกษาและเปรียบเทียบ ก่อนจะสมัครตามขั้นตอน เท่านี้ ก็สามารถกู้สินเชื่อเงินด่วนอนุมัติเร็วออนไลน์มาใช้ได้อย่างทันใจ โดยขอแนะนำ 4 สินเชื่อออนไลน์ที่ให้อนุมัติไว และเชื่อถือได้ ดังนี้

1. Promise
Promise เป็นสินเชื่อออนไลน์จากบริษัทในเครือของ SMBC Consumer Finance Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทสินเชื่อชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น จึงสามารถมั่นใจในสถาบันการเงินได้อย่างแน่นอน โดย Promise โดดเด่นด้วยการสมัครสินเชื่อออนไลน์โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน หากกู้ไปแล้ว เงินไม่พอใช้ จำเป็นต้องกู้เพิ่ม ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องปิดบัญชีเดิม อีกทั้งยังสามารถปิดบัญชีก่อนกำหนด โดยไม่ต้องเสียค่ายกเลิกสัญญาได้อีกด้วย

โดยสินเชื่อออนไลน์ Promise กำหนดวงเงินให้กู้ได้ไม่เกิน ไม่เกิน 300,000 บาท* ด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดที่ 15% และสูงสุด คือ 25% ต่อปี เป็นสินเชื่อเงินด่วนอนุมัติเร็วออนไลน์ภายใน 1 ชั่วโมง* ด้วยเงื่อนไข ดังนี้

  • มีสัญชาติไทย อายุ 20 – 64 ปี
  • มีรายได้ต่อเดือน 8,000 บาท ขึ้นไป (สามารถแสดงสลิปเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือน)
  • อายุการทำงานปัจจุบัน 1 เดือนขึ้นไป
  • มีที่พักอาศัย หรือมีที่ทำงานอยู่ในเขตพื้นที่ให้บริการ
  • มีหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้

*กรุณาศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์ก่อนการสมัครที่ promise.co.th
 *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ และธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
 *หากยื่นเอกสารครบถ้วนภายใน 18.00 น. และไม่มีเหตุขัดข้องด้านเอกสาร หรือระบบ จะสามารถอนุมัติได้ภายใน 1 ชั่วโมง หรือภายในวันถัดไป

2. LINE BK
สินเชื่อบุคคล LINE BK เป็นแอปพลิเคชันให้บริการสินเชื่อออนไลน์ภายใต้การดูแลของธนาคารกสิกรไทยและ LINE ซึ่งให้วงเงินกู้ไม่เกิน 50,000 บาท ด้วยอัตราดอกเบี้ย 33% ต่อปี ให้ระยะเวลาในการผ่อนได้นานสูงสุด 60 เดือน แต่จะใช้เวลาในการอนุมัติสินเชื่อเงินประมาณ 1 - 3 วันทำการ ด้วยเงื่อนไข คือ ต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 5,000 บาท ต่อเดือน และใช้เพียง Statement สำหรับสมัครสินเชื่อออนไลน์เท่านั้น

3. True Money
การขอสินเชื่อออนไลน์ของ True Money ให้บริการสำหรับลูกค้าทรูรายเดือน ในการกู้สินเชื่อออนไลน์มาใช้ได้ในทันที โดยกำหนดวงเงินกู้ยืมไม่เกิน 10,000 บาท โดยแบ่งอัตราดอกเบี้ยตามการชำระ ถ้าเป็นการผ่อนชำระจะคิดดอกเบี้ย 25% ผ่อนได้นานสูงสุด 24 เดือน แต่หากจ่ายเต็มจำนวน ดอกเบี้ยจะเป็น 0% นั่นหมายความว่า หากชำระคืนเต็มจำนวนตามวันที่และเวลากำหนดไว้ ก็จะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยใด ๆ ถือว่า เป็นสินเชื่อออนไลน์อนุมัติทันที เพราะใช้เวลาอนุมัติเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น

4. เงินทันเด้อ
สินเชื่อเงินด่วนออนไลน์ เงินทันเด้อ อยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งให้วงเงินของสินเชื่อเงินก้อน 50,000 บาท ด้วยอัตราดอกเบี้ย 2.75% ต่อเดือน ผ่อนชำระได้นาน 15 เดือน ใช้เวลาอนุมัติภายใน 24 ชั่วโมง แต่สามารถทำเรื่องกู้ยืมได้ตลอดเวลา โดยไม่มีการวางเงินมัดจำหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ แอบแฝง

สรุป
สินเชื่อออนไลน์ คือ บริการสินเชื่อบุคคลที่ให้ผู้กู้สามารถสมัครและรับเงินกู้ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด โดยในปัจจุบัน มีตัวเลือกสินเชื่อเงินด่วนอนุมัติเร็วออนไลน์หลากหลายและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เช่น Promise, LINE BK, True Money หรือ เงินทันเด้อ เป็นต้น ทั้งนี้การกู้ควรกู้เท่าที่จำเป็นและสามารถชำระคืนไหว


8
เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว

การเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวถือเป็นคอร์สเรียนอีกรูปแบบหนึ่งที่ผู้เรียนชื่นชอบและให้ความสนใจ เนื่องจากตอบโจทย์ในการพัฒนาทักษะของตัวผู้เรียนแบบเป็นส่วนตัวและสื่อสารได้ตรงใจมากกว่า โดยคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวนั้นมีอยู่หลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเน้นทุกทักษะหรือพัฒนาเฉพาะทางสำหรับเตรียมตัวสอบวัดระดับภาษาต่าง ๆ ซึ่งการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวดียังไงและควรเลือกเรียนที่ไหนดี เรามาดูไปพร้อมกันเลย

เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว คอร์สเรียนนี้เหมาะกับใคร
การเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวเหมาะอย่างมากกับผู้เรียนที่มีความรู้ภาษาอังกฤษในระดับเริ่มต้น เพราะหากเลือกเรียนแบบกลุ่มอาจจะตามเนื้อหาในบทเรียนไม่ทันได้ การเรียนภาษาตัวต่อตัวยังเหมาะอย่างมากกับผู้เรียนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ว่อกแว่กได้ง่าย ไม่ชอบเรียนกับคนกลุ่มใหญ่ หรือรู้สึกมั่นใจมากกว่าถ้าเรียนคอร์สแบบคนเดียว

การเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวเหมาะอย่างมากกับผู้เรียนเฉพาะทาง อย่างผู้ที่ต้องการย้ายถิ่นฐานแล้วเลือกเรียนภาษาเพื่อปรับสภาพแวดล้อม ผู้เรียนที่ต้องการเรียนในระดับภาษาเฉพาะทางอย่างอาชีพแพทย์หรือนักธุรกิจ รวมถึงผู้ที่ต้องการเสริมทักษะเฉพาะทางเพื่อนำไปใช้ในการทดสอบด้านภาษาซึ่งตรงกับความต้องการได้มากกว่า ไม่ต้องเสียเวลาย้ำจุดอื่นไปพร้อม ๆ ทุกคนในคลาสเรียนแบบรวม

นอกจากนี้แล้วการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวยังเหมาะกับผู้ที่มีเวลาน้อยหรือมีเวลาจำกัด เพราะตารางเรียนมีความยืดหยุ่น สามารถเลือกเวลาเรียนได้ตรงใจมากกว่านั่นเอง

เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว เลือกเรียนแล้วดีอย่างไร
การเรียนภาษาอังกฤษมีประโยชน์อยู่หลายข้อด้วยกัน ซึ่งคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้เรียน สามารถเลือกตารางเวลาเรียนเองได้ว่าต้องการเรียนแบบไหนให้ตอบโจทย์และให้สอดคล้องกับเป้าหมายในระยะยาว ผู้เรียนสามารถสอบถามครูผู้สอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวตรงจุดที่สงสัยได้ในทันที ไม่ต้องอายหรือรู้สึกขัดเขินเหมือนเวลายกมือถามคำถามในชั้นเรียนแบบกลุ่ม

การเรียนอังกฤษตัวต่อตัวไม่ได้มีประโยชน์กับตัวผู้เรียนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้สอนรู้ถึงจุดแข็ง-จุดอ่อนเฉพาะตัวบุคคลว่าควรพัฒนาจุดไหน รวมถึงนำไปปรับใช้กับวิธีการสอนให้เหมาะสมกับตัวผู้เรียนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเนื้อหา นอกจากนี้แล้วติวเตอร์ภาษาอังกฤษตัวต่อตัวยังสามารถตอบคำถาม ช่วยเหลือในจุดที่พลาด หรือไขข้อสงสัยของผู้เรียนได้ถูกต้องแม่นยำมากที่สุด เรียกว่าการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวมอบประโยชน์แก่ผู้เรียนได้อย่างเต็มที่

เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว เรียนที่ไหนดี ได้ประโยชน์มากสุด

คอร์สเรียนภาษาอังกฤษ ตัวต่อตัว

เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวที่ไหนดีให้ตอบโจทย์ ตรงใจ และเหมาะกับความต้องการมากที่สุด? แนะนำว่าควรดูตั้งแต่เนื้อหาหลักสูตรว่าตรงกับจุดที่เราต้องการพัฒนามากน้อยแค่ไหน สามารถปรับได้ตามความสนใจอย่างไรบ้าง ซึ่งคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวดังกล่าวควรได้รับการสอนโดยครูผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูต่างชาติหรือครูชาวไทย ที่พร้อมตอบคำถาม แก้ไขข้อผิดพลาด และให้คำแนะนำแก่เราได้ถูกต้องตามหลักภาษามากที่สุด

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือสภาพแวดล้อมของการเรียนในคลาสว่ามีปัจจัยอื่นใดรบกวนหรือไม่ เพื่อให้ผู้เรียนอย่างเรา ๆ มีสมาธิกับการเรียนได้มากที่สุด นอกจากนี้แล้วตารางเวลาเรียนอังกฤษตัวต่อตัวของทางสถาบันควรยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้เรียน โดยหากสถาบันสอนภาษามีคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวแบบออนไลน์ก็จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายได้มากขึ้น ผู้เรียนสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้จากทุกที่ทั้งยังประหยัดเวลาในการเดินทางได้อีกด้วย

รวมคำถามน่าสนใจเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัว
นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้วยังมีคำถามอะไรน่าสนใจเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวอีกบ้าง เรามาดูกันเลย

ก่อนเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวควรเตรียมตัวยังไง?
ก่อนเลือกลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวสักที่ เราควรวางเป้าหมายในการเรียนให้ชัดเจนเสียก่อนว่าลงเรียนคอร์สนี้เพื่อใช้ทำอะไร มีจุดไหนที่เราต้องการพัฒนา และอยากเน้นทักษะส่วนไหนเป็นพิเศษ เพื่อให้ทางสถาบันประเมินหลักสูตรการสอนได้เหมาะสมกับความต้องการ และครูผู้สอนปรับแนวทางในการสอนได้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

เรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับเรียนแบบกลุ่ม อย่างไหนดีกว่า?
การเรียนภาษาอังกฤษทั้งสองแบบมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป อย่างการเรียนภาษาอังกฤษแบบกลุ่มจะช่วยพัฒนาในด้านการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดีกว่า ได้เห็นมุมมองที่หลากหลายมากขึ้นซึ่งอาจนำมาปรับใช้ในการพัฒนาทักษะของเราได้ ในขณะที่การเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวจะมุ่งเน้นไปที่ประสิทธิภาพของผู้เรียนและตอบโจทย์ความต้องการพัฒนาทักษะภาษาเฉพาะด้านได้มากกว่า

เลือกเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวแบบไหนถึงจะเหมาะ?
ปัจจัยในการเลือกคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวให้เหมาะกับความต้องการมากที่สุด คือเลือกดูจากตารางเวลาเรียน สไตล์ของครูผู้สอน รวมถึงงบประมาณที่ต้องใช้ต่อคอร์สว่าเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวราคาถูกคุ้มค่ามากน้อยแค่ไหน สามารถเลือกดูได้จากรีวิวมากมายตามออนไลน์ หรือหากสถาบันสอนภาษาไหนมีให้ทดลองเรียนฟรีก็จะช่วยตอบคำถามได้ดีว่าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวดังกล่าวตรงกับความต้องการของเราหรือไม่

สรุปเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวให้ตอบโจทย์
การเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวเหมาะกับผู้เรียนที่ต้องการพัฒนาพื้นฐานส่วนตัวหรือทักษะความรู้ภาษาเฉพาะทางตามสายอาชีพ ซึ่งรูปแบบการเรียนประเภทนี้นั้นยืดหยุ่นทั้งในด้านเวลาและเนื้อหาบทเรียนที่สามารถปรับให้เข้ากับตัวผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น สำหรับใครที่ไม่เคยเรียนแบบเดี่ยวมาก่อนและอยากพัฒนาทักษะส่วนตัวแบบก้าวกระโดด การเลือกเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ


9
กลองชุด

กลองชุด คือ เครื่องดนตรีประเภทหนึ่ง ซึ่งมีจังหวะหนักแน่น คอยควบคุมทิศทางของดนตรี พร้อมทั้งช่วยปลุกเร้าผู้ฟังให้กระโดดโลดเต้นไปด้วยกันอย่างสนุกสนาน

ดนตรีถือว่าเป็นสื่อกลางที่หลายคนสามารถทำความเข้าใจได้ แม้จะไม่ได้ใช้ภาษาเดียวกัน แต่น้ำเสียง จังหวะและโทนเพลงสามารถทำให้ทุกคนเกิดอารมณ์ร่วมกันได้ โดยเครื่องดนตรีประเภทหนึ่งที่ช่วยสร้างจังหวะให้ทุกคนกระโดดโลดเต้นตามเนื้อเพลงได้ คือ กลองชุด เพราะกลองชุดเป็นเครื่องดนตรีอันทรงพลัง เต็มไปด้วยความท้าทายและความสนุกสนาน ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องตีสร้างจังหวะ แต่มันคือ หัวใจของวงดนตรี เป็นผู้กำหนดทิศทาง ควบคุมอารมณ์ และขับเคลื่อนบทเพลงให้มีชีวิตชีวา

กลองชุด คืออะไร?

กลองชุด (Drum Set) เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีกระทบ ประกอบไปด้วยตัวกลองและฉาบจำนวนหลายใบ ผู้เล่นใช้ไม้กลองตี เพื่อสร้างจังหวะ ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงหนักแน่น สามารถเพิ่มพลังให้กับบทเพลงได้หลากหลายแนว เช่น ร็อก, บลูส์, ป็อป, ฟังก์, ดิสโก้ และ แจ๊ส เป็นต้น กลองชุดจึงเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

ใครเหมาะสำหรับเล่นกลองชุด

กลองชุดเป็นเครื่องดนตรีที่เหมาะกับทุกคน ที่มีความสนใจและอยากเรียนรู้ โดยไม่จำกัดเพศ อายุ หรืออาชีพ  โดยสามารถแบ่งกลุ่มผู้ที่เหมาะสำหรับการเล่นกลองชุด ดังนี้

  • เด็ก: กลองชุดช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆ การประสานงานระหว่างมือและเท้า สมาธิ ความอดทน และความคิดสร้างสรรค์
  • วัยรุ่น: กลองชุดเป็นเครื่องดนตรีที่สนุกสนาน ท้าทาย ช่วยให้ผ่อนคลายความเครียด และสร้างความมั่นใจ
  • ผู้ใหญ่: กลองชุดช่วยให้คลายเครียด ออกกำลังกาย และสร้างความบันเทิง
  • นักดนตรี: กลองชุดเป็นเครื่องดนตรีที่สำคัญในวงดนตรีหลายประเภท
ทั้งนี้ ก่อนเล่นกลองชุดควรพิจารณาจากความสนใจ  เวลาในการฝึกซ้อม สถานที่หัดเล่นกลองชุด โดยไม่ส่งเสียงรบกวนผู้อื่น รวมถึงงบประมาณสำหรับซื้อกลองชุดใหญ่ อุปกรณ์ต่าง ๆ และค่าเรียน (ถ้ามี)

กลองชุดกับกลองไฟฟ้ามีความแตกต่างกันอย่างไร

ราคากลองชุด

กลองชุดและกลองไฟฟ้า ล้วนแต่เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีกระทบเหมือนกัน แต่กลองไฟฟ้าจะใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสร้างเสียงแทนการใช้หนังกลองและฉาบแบบกลองชุดทั่วไป โดยสามารถสรุปความแตกต่างระหว่างทั้ง 2 เครื่องดนตรีได้ ดังนี้

  • กลองชุดประกอบไปด้วยกลองและฉาบจำนวนหลายใบ ใช้ไม้กลองตีเพื่อสร้างเสียง โดยเป็นเสียงธรรมชาติ ราคากลองชุดค่อนข้างสูง เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่สำหรับฝึกฝนและต้องการเล่นกลองชุดอย่างจริงจัง
  • กลองไฟฟ้าประกอบไปด้วยแพดกลองและฉาบไฟฟ้า ใช้ไม้กลองหรือแป้นตีเพื่อสร้างเสียง โดยเป็นเสียงที่จำลองมาจากกลองชุด ราคากลองไฟฟ้าจะถูกกว่ากลองชุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการฝึกฝนการเล่นกลองโดยไม่รบกวนผู้อื่น
ดังนั้น กลองชุดและกลองไฟฟ้าต่างมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ผู้เล่นควรเลือกกลองที่เหมาะกับความต้องการและสไตล์การเล่นของตัวเอง

การเล่นกลองชุด มีข้อดีอย่างไร

การเล่นเครื่องดนตรี ไม่ว่าจะประเภทใดก็ตามล้วนแต่มีข้อดี โดยเฉพาะการเล่นกลองชุด โดยมีข้อดี ดังต่อไปนี้

1. พัฒนาทักษะด้านร่างกายและสมอง

การเล่นกลองชุดช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆ การประสานงานระหว่างมือและเท้า การแยกประสาท สมาธิ ความอดทน และความคิดสร้างสรรค์ อีกทั้งยังถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดี ช่วยให้เผาผลาญแคลอรีและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แก่ผู้เล่น

2. เสริมสร้างบุคลิกภาพ

การเล่นกลองชุดช่วยให้ผู้เล่นมีความมั่นใจ กล้าแสดงออก กล้าคิดกล้าทำ มีวินัย รู้จักความรับผิดชอบ และทำงานเป็นทีม เพราะจะต้องเล่นดนตรีเป็นวง จึงต้องมีการประสานงานร่วมกับผู้อื่น เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้พบปะผู้คนใหม่ ๆ และสร้างมิตรภาพ นอกจากนี้ การตีกลองชุดยังถือว่าเป็นการระบายอารมณ์ ผ่อนคลายความเครียด และความวิตกกังวลอีกช่องทางหนึ่ง พร้อมกันนั้น ยังทำให้ผู้เล่นรู้สึกสนุกสนาน เพลิดเพลิน และมีความสุข

3. พัฒนาทักษะทางดนตรี

การเล่นกลองชุดช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้เกี่ยวกับจังหวะ การอ่านโน้ต การเข้าใจทฤษฎีดนตรี และความคล่องแคล่วในการอ่านสัญลักษณ์ทางดนตรี โดยผู้เล่นจะต้องฟังจังหวะ เสียง และโทนเสียง เพื่อแยกแยะเสียงในจังหวะของการประสานเสียงของเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ตลอดจนฝึกความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างจังหวะกลองใหม่ ๆ หรือฝึกไหวพริบในการเล่นกลองชุด

ด้วยกลองชุดมีข้อดีมากมาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะด้านร่างกายและสมอง เสริมสร้างบุคลิกภาพ และพัฒนาทักษะทางดนตรีด้วยความสนุกสนาน ผ่อนคลายความเครียด อีกทั้งยังมีความท้าทาย เพราะกลองชุดมีเทคนิคการเล่นที่หลากหลาย ผู้เล่นสามารถพัฒนาทักษะและสไตล์การเล่นของตัวเองได้ ตลอดจนแสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์ผ่านเสียงดนตรี

ควรเลือกซื้อกลองชุดอย่างไร

หากต้องการซื้อกลองชุดควรพิจารณาอย่างรอบด้านด้วยปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • งบประมาณ: กำหนดงบประมาณ เพราะค่าใช้จ่ายของกลองชุดรวมไปถึงค่ากลอง ฉาบ อุปกรณ์เสริม และค่าเรียน (ถ้ามี)
  • จำนวนกลอง: กลองชุดมีจำนวนกลองที่หลากหลาย เลือกจำนวนกลองให้เหมาะกับสไตล์การเล่น
  • ขนาดของกลอง: เลือกขนาดของกลองชุดให้เหมาะกับพื้นที่ฝึกฝนและสรีระของผู้เล่น
  • วัสดุของกลอง: กลองชุดมีวัสดุหลายประเภท เช่น ไม้ โลหะ อะคริลิก เลือกวัสดุให้เหมาะกับความชอบและงบประมาณ
  • แบรนด์: เลือกแบรนด์ของกลองชุดที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจซื้อกลองชุด อาจจะติดต่อขอลองเล่นก่อน เพื่อให้แน่ใจว่า ชอบเสียงและขนาดของกลองชุด รวมทั้งเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ แหล่ง และซื้อกลองชุดจากร้านขายกลองชุดที่เชื่อถือได้

กลองชุดราคาเริ่มต้นเท่าไร

แล้วกลองชุด ราคาเท่าไหร่ โดยทั่วไปแล้ว กลองชุด ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ วัสดุ และจำนวนกลอง เช่น

  • กลองชุด ราคาถูก 5,000 - 15,000 บาท มักทำจากไม้ MDF หรือวัสดุสังเคราะห์ มีจำนวนกลองน้อย ชิ้นส่วนอาจไม่แข็งแรง เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
  • กลองชุด ราคา 15,000 - 30,000 บาท มักทำจากไม้จริง เช่น ไม้เบิร์ช ไม้เมเปิ้ล มีจำนวนกลองมากขึ้น ชิ้นส่วนมีความแข็งแรง ทนทาน เหมาะสำหรับผู้เล่นทั่วไป
  • กลองชุด ราคา 30,000 บาทขึ้นไป มักทำจากไม้คุณภาพสูง เช่น ไม้มะฮอกกานี ไม้โอ๊ค มีจำนวนกลองมาก ชิ้นส่วนคุณภาพสูง เหมาะสำหรับผู้เล่นมืออาชีพ

ยกตัวอย่างราคากลองชุดของยี่ห้อต่าง ๆ เช่น

  • กลองชุด Yamaha Stage Custom Birch ราคาเริ่มต้น 15,900 บาท
  • กลองชุด Pearl Roadshow ราคาเริ่มต้น 16,900 บาท
  • กลองชุด Ludwig Accent Drive ราคาเริ่มต้น 18,900 บาท

สรุปเกี่ยวกับกลองชุด

กลองชุด (Drum Set) เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีกระทบ ประกอบไปด้วยตัวกลองและฉาบจำนวนหลายใบ เหมาะสำหรับผู้เล่นทุกเพศ ทุกวัย แตกต่างจากกลองไฟฟ้าด้วยการให้เสียงหนักแน่น เป็นธรรมชาติ การเล่นกลองชุดมีข้อดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะทางด้านร่างกาย สมอง และทางด้านดนตรี อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพได้เป็นอย่างดี ดังนั้น หากต้องซื้อกลองชุด ควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบราคากลองชุดให้ดี เลือกซื้อจากร้านขายกลองชุดที่เชื่อถือได้เท่านั้น

10
กลอง

ดนตรีนั้นเป็นหนึ่งในวิธีการสื่อสารทางด้านอารมณ์ผ่านเสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ ซึ่งกลองนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่มีความเป็นมาที่ยาวนาน ด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์และมีความชัดเจน ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีความสนุกในการเล่น ไม่เพียงเท่านั้นยังช่วยเสริมทักษะต่าง ๆ ให้กับผู้เล่นกลองอีกด้วย

กลองนั้นเป็นหนึ่งบทบาทสำคัญในการเล่นดนตรี เมื่อต้องเล่นดนตรีร่วมกับเครื่องดนตรีอื่น ๆ ซึ่งส่วนมากกลองจะทำหน้าที่กำหนดจังหวะของดนตรีในแต่ละห้องเพลง ทำให้มีความท้าทายและสนุกสำหรับผู้เล่นดนตรีประเภทกลอง โดยข้อดีของการเล่นกลองมีอะไรบ้าง เหมาะกับใคร ราคาเริ่มต้นกลองเท่าไหร่ ไปดูกัน

ข้อดีของการเล่นกลอง ดีอย่างไร เสริมทักษะอะไรบ้าง

การฝึกฝนในการทำสิ่งต่าง ๆ นั้นมักจะได้ทักษะมาเสมอซึ่งรวมไปถึงการเล่นดนตรี เมื่อฝึกฝนเป็นประจำนอกจากจะทำให้เราชำนาญในเครื่องดนตรีชนิดนั้นแล้ว ยังได้ทักษะที่เราไม่รู้ตัวทางด้านอื่น ๆ อีกด้วย โดยผู้ที่เล่นกลองนั้นมีข้อดีดังนี้คือ

เพิ่มความอดทน

กลองชุดนั้นประกอบด้วยเครื่องดนตรีหลายชิ้น และมีการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งทำให้ต้องแยกประสาทในการใช้เครื่องดนตรีแต่ละชิ้นให้ถูกต้องและถูกจังหวะ ซึ่งจะมีความยากที่ต่างกันไปจากเครื่องดนตรีชนิดอื่น หากอดทนฝึกฝนจนเล่นได้นั้น เรียกได้ว่าต้องมีความอดทนและความชอบในระดับหนึ่ง

ผ่อนคลาย ระบายอารมณ์ ช่วยสร้างความคิดสร้างสรรค์

การเล่นกลองชนิดต่าง ๆ และกลองชุดนั้นจะต้องใช้กำลังแรงที่พอสมควร ขึ้นอยู่กับชนิดเพลงที่เราเล่น ซึ่งนอกจากการตีกลองจะช่วยให้ได้เพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงและจังหวะที่เราสร้างขึ้นแล้ว ยังถึงได้ว่าเป็นการผ่อนคลาย ใช้แรงไปในทางที่ถูกต้อง ช่วยทำให้สมองโล่งและมีพื้นที่ให้ไอเดียดีๆผุดขึ้น

เสริมการควบคุม และการบริหาร

ผู้ที่ตีกลองนั้นสามารถจะเป็นคนควบคุมจังหวะของทำนอง ต้องคอยคุมจังหวะของเพลง และให้เครื่องดนตรีอื่น ๆ ไม่เสียจังหวะ หากเสียจังหวะมือกลองจะต้องทำให้จังหวะเข้าสู่ทำนองปกติอีกด้วย

ยืดหยุ่น ปรับตัวได้

การเล่นดนตรีนั้นมีหลายจังหวะ เพลงหลายชนิดหลายทำนอง ซึ่งมือกลองนั้นส่วนมากจะเป็นผู้เปลี่ยนและคุมจังหวะ ซึ่งต้องทำหน้าที่คอยสังเกตจังหวะของผู้เล่นดนตรีเครื่องอื่น ๆและปรับให้เหมาะกับตามสถานการณ์หน้างานอีกด้วย เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

กลอง เหมาะกับใครบ้าง

การตีกลองนั้นถือเป็นการเล่นดนตรีชนิดหนึ่งซึ่งเรียกได้ว่าเหมาะสำหรับทุกคนและทุกวัยที่สนใจ ซึ่งเด็กที่กำลังโตนั้นเหมาะกับการเล่นกลองเช่นเดียวกัน ซึ่งจะทำให้ช่วยฝึกแยกประสาทได้ไวขึ้น ซึ่งแม้คนสูงวัยก็สามารถฝึกเล่นกลองได้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมทักษะต่าง ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน หากใครสนใจเรียนกลองนั้นหากมีงบสามารถไปเรียนตามสถานที่ต่าง ๆ ที่เปิดสอนเรียนกลองชุด หรือ หากใครต้องการเรียนด้วยตนเองสามารถซื้อคอร์สออนไลน์หรือดูตามสื่อต่าง ๆ ได้

กลอง ดูแลรักษาได้อย่างไรบ้าง

การดูแลรักษา กลอง มีวิธีอะไรบ้าง

การดูแลรักษากลองอย่างถูกวิธีนั้นจะช่วยให้กลองนั้นมีประสิทธิภาพที่ดีเหมือนใหม่ และใช้งานได้นาน โดยขั้นตอนการดูแลรักษานั้นไม่ยากอย่างที่คิด โดยมีวิธีดังนี้คือ

1. วัสดุกลองและอุปกรณ์ต่าง ๆที่เป็นโครเมียมควรหมั่นปัดฝุ่นด้วยแปรงปัดขนอ่อนเป็นประจำ
2. หากส่วนใดที่มีการหล่อลื่น และต้องการเติมควรหาน้ำมันหล่อลื่นที่เหมาะสม ทาบาง ๆ ตามจุดที่ต้องการ
3. ไม่ควรใช้น้ำยาขัดทองเหลืองกับฉาบ เนื่องจากอาจทำให้เสียงของฉาบเปลี่ยนไปได้
4. ไม่ควรจับฉากในขณะที่มือมีเหงื่อ หากสัมผัสควรเช็ดทำความสะอาดหลังการใช้งาน
5. ทำความสะอาดวัสดุต่าง ๆ ด้วยน้ำสบู่อ่อน และเช็ดให้แห้ง
6. หมั่นตรวจเช็คสภาพเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นว่าเสียงเปลี่ยนไปหรือไม่

กลอง ราคาเริ่มต้นเท่าไร แพงหรือไม่

กลองชุดนั้นราคาจะแตกต่างกันไปหลายปัจจัย เช่น ราคาจะขึ้นอยู่ตามจำนวนเครื่องดนตรีของกลองชุดนั้น คุณภาพของวัสดุของหนังที่นำมาใช้หน้ากลอง วัสดุตัวกลอง จำนวนกลอง และจำนวนฉาบ ซึ่งจะมีราคาตั้งแต่ 8,000 บาทไปจนถึงหลัก 100,000 ซึ่งเป็นกลองที่มืออาชีพนั้นใช้เล่นดนตรีประกอบอาชีพนั่นเอง ซึ่งเราสามารถเลือกตามความเหมาะสม หากผู้ใดสนใจแต่กลัวเสียงรบกวน สามารถหาเลือกซื้อกลองไฟฟ้าที่สามารถใส่หูฟังและไม่รบกวนคนอื่นได้อีกด้วย

วิธีเลือกซื้อกลอง เลือกอย่างไรให้เหมาะกับเรา

การเลือกซื้อกลองนั้น ควรดูก่อนว่าเราเป็นผู้เริ่มต้นเรียนหรือไม่ หากสนใจเริ่มเรียนตีกลอง และมีงบที่จำกัด สามารถดูกลองชุดที่ราคาไม่สูงมากอาจจะเป็นหลักพันหรือหมื่นต้น ๆ เพื่อฝึกให้มีความคุ้นชิน หากใครที่ต้องการซื้อกลอง และต้องการเล่นดนตรีหลายประเภทอาจเลือกกลองที่มีเครื่องดนตรีหลายชิ้นเพื่อให้เหมาะกับประเภทดนตรีและทำนองต่าง ๆ หากใครที่ต้องการกลองชุดและไม่ต้องการให้เกิดเสียงดังรบกวนอาจเลือกเป็นกลองไฟฟ้าที่สามารถปรับเสียงได้หลายรูปแบบและสามารถใช้หูฟังเพื่อลดเสียงรบกวนได้อีกด้วย

ซื้อกลอง ที่ไหนดี ต้องดูอะไรบ้าง

สิ่งที่แนะนำสำหรับการเลือกซื้อกลองนั่นคือ ควรไปลองด้วยตนเองเพื่อการสัมผัสที่เราชอบหรือไม่ เสียงที่ได้ คุณภาพวัสดุต่าง ๆ ซึ่งสถานที่ที่เราเลือกไปซื้อควรมีความน่าเชื่อถือ มีสินค้าเป็นตัวเลือกให้เลือกมากมาย และมีบริการที่ดี ให้คำแนะนำลูกค้าที่มาสอบถามได้ จะช่วยให้ตัดสินใจซื้อกลองได้ดีขึ้น

สรุปกลอง เครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยม

กลองนั้นมีหลากหลายประเภท และหนึ่งในประเภทที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากนั่นคือกลองชุด ที่มักอยู่ในวงดนตรีต่าง ๆ ซึ่งการตีกลองนั้นช่วยเสริมทักษะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความอดทน ผ่อนคลายระบายอารมณ์ เสริมความยืดหยุ่นในสถานการณ์ต่าง ๆ และการทำงานเป็นทีมเมื่อเล่นดนตรีกับผู้อื่น ซึ่งการเลือกซื้อกลองนั่นไม่ยาก เลือกกลองที่ผู้ซื้อสนใจ จำนวนเครื่องดนตรี เสียงที่ได้ ระบบต่าง ๆ เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้ต้องการตีกลอง

11
งานบวช

งานบวชพระหรืองานบวช เป็นพิธีกรรมที่สืบต่อกันมาจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับชายไทยทุกคน เป็นงานบุญใหญ่ทำบุญงานบวชที่มีเหล่าบรรดาญาติ พี่น้อง เข้ามาช่วยเหลืองานกันอย่างเต็มที่ เป็นเรื่องดีสำหรับบ้านที่มีลูกชายจะเป็นที่รู้กันเลยว่าจะต้องมีการวางแผนการจัดงานบวชลูกชายในอนาคตอย่างแน่นอน

งานบวชคืออะไร ประเพณีบวชนาคงานบุญของชายไทยตอบแทนพ่อแม่

งานบวชคืออะไร?

งานบวชเป็นประเพณีงานบวชไทยที่สืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ สำหรับชายไทยในการสร้างกุศลใหญ่ให้กับบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ญาติพี่น้องมาร่วมอนุโมทนาบุญงานบวช รวมถึงให้กับตนเองจากการบวชเพื่อเข้าไปศึกษาพระธรรม สืบทอดพระพุทธศาสนาและศึกษาเรื่องราวของชีวิตความเป็นมนุษย์กับบาปบุญคุณโทษและเป้าหมายของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ รู้จักกับนรกและสวรรค์การเวียนว่ายตายเกิด เป็นการเรียนรู้ฝึกฝนตนเองเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เพื่อกลั่นเกลาให้เป็นมนุษย์

ทำไมงานบวชจึงมีความสำคัญต่อคนไทย?

งานบวช เป็นพิธีทางศาสนาที่มีความสำคัญของคนไทยทุกภาคเป็นงานบุญใหญ่ของชายไทยเพื่อตอบแทนพระคุณบิดามารดาโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นต้นกำเนิดของเรื่องเล่าของงานพิธีทำขวัญนาค หรือพิธีบวชนาคงานบวชภาคอีสานที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าในสมัยพุทธกาลเกี่ยวกับงานบวชนาค เกิดจากนาคตนหนึ่งซึ่งเป็นสัตว์เดรัจฉานแต่จำแลงแปลงกายเป็นมนุษย์ธรรมดา เพื่อต้องการการบวชเป็นพระภิกษุแต่ถูกจับได้และพระพุทธเจ้าจึงให้สึก จึงเป็นที่มาของคำว่านาค คือผู้ที่กำลังจะเข้าพิธีบวชเป็นภิกษุ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพญานาคตนนั้น ทำให้เป็นประเพณีประเพณีงานบวชนาค ทำขวัญนาค และขานนาค

ช่วงอายุที่เหมาะสมต่อการจัดงานบวช

แนวการปฏิบัติที่สืบต่อกันมาตามประเพณีงานบวช สำหรับชายไทยที่มีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์มีร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ไม่เป็นผู้พิการหรือทุพพลภาพมีสมณบริขารถูกต้องและครบถ้วนต้องกล่าวคำขอบรรพชาอุปสมบทได้อย่างถูกต้อง ทั้งยังสามารถบำเพ็ญสมณกิจได้ โดยช่วงอายุนี้เป็นช่วงที่เหมาะสำหรับการประกอบพิธีงานบวชหรือพิธีอุปสมบทเพื่อเป็นการศึกษาพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อนำไปใช้นำทางในการดำเนินชีวิตที่มีความสงบสุขและอยู่ได้ด้วยการมีสติ เป็นสุภาพชนที่ประพฤติชอบสามารถครองตนให้ไม่เป็นผู้มีทิฏฐิวิบัติ

7 ขั้นตอนจัดงานบวชที่เราควรทราบ

การเตรียมงานบวชใช้งบเท่าไหร่? มีขั้นตอนและพิธีการอย่างไรบ้าง เพื่อเป็นแนวทางให้ครอบครัวที่กำลังวางแผนการจัดงานบวชลูกชาย ซึ่งเป็นขั้นตอนของการเตรียมตัวก่อนงานบวชพระสำหรับ 1 งานด้วยงบงานบวชโดยประมาณ 40,000 - 100,000 บาทซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. ติดต่อเจ้าอาวาสหรือนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลวัด

เมื่อเลือกได้แล้วว่าต้องการใช้สถานที่ใดในการจัดงานบวช ก็ควรจะต้องทำการติดต่อเจ้าอาวาสหรือเจ้าหน้าที่ของวัด เพื่อนัดหมายและหาฤกษ์บวช โดยจะต้องทำการแจ้งล่วงหน้าก่อนที่จะเข้าไปพบเจ้าอาวาส

2. จัดหาและเตรียมเครื่องบวชที่ต้องใช้ให้เรียบร้อย

งานบวชเป็นพิธีกรรมทางศาสนาที่ต้องมีการวางแผนและการจัดเตรียมเครื่องบวชล่วงหน้าอย่างครบถ้วนเนื่องด้วยเป็นพิธีกรรมที่มีเพียงครั้งเดียวสำหรับประเพณีงานบวชของลูกชาย 1 คนโดยงบประมาณงานบวชใช้เงินเท่าไหร่หากเป็นงานเพียงวันเดียวก็เสร็จสิ้นพิธี  ในส่วนนี้ได้รวบรวมข้อมูลอย่างคร่าว ๆ เตรียมไว้ให้ดังนี้

  • งบงานบวชในส่วนของพิธีปลงผมและพิธีขอขมาบิดามารดา ประมาณ 2,000 บาท
  • งบงานบวชในส่วนของพิธีอาบน้ำนาค ประมาณ 2,000 บาท
  • งบงานบวชในส่วนของพิธีแห่รอบอุปสมบทและวันทาเสมา ประมาณ 25,000 บาท
  • งบงานบวชในส่วนของพิธีทำขวัญนาคและฉลองไตรงานบวช ประมาณ 21,000 บาท
  • งบงานบวชในส่วนของพิธีบรรพชา อุปสมบท และเลี้ยงเพลพระ ประมาณ 11,000 บาท

3. ศึกษาหลักปฏิบัติและพระธรรมให้เรียบร้อย

หลังจากหาฤกษ์บวชแล้ว คุณควรเตรียมตัวโดยการศึกษาธรรมะเบื้องต้นโดยการอ่านหนังสือเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา และรักษาศีล

4. ซ้อมท่องบทสวดและลำดับขั้นตอนการบวชพระให้เรียบร้อย

ก่อนบวชนาคต้องมีการซ้อมท่องบทสวดต่าง ๆ และต้องจำให้ขึ้นใจไปจนกระทั่งขั้นตอนการบวชนาค

5. ทำการขอขมาและลาบวชแก่บิดามารดา

ก่อนเข้าพิธีบวชนาคจะต้องทำพิธีขอขมาเพื่อลาบวช โดยต้องขอขมาบิดามารดา ญาติผู้ใหญ่ทั้งญาติใกล้ชิดและบุคคลที่ให้ความเคารพรักเพื่อลาบวช

6. ทำพิธีปลงผม

พิธีปลงผมหรือโกนผมนาค โดยจะให้บิดามารดาหรือญาติผู้ใหญ่รวมถึงพี่น้องของนาค มาตัดปอยผมก่อน หลังจากนั้นพระพี่เลี้ยงจะทำการโกนผมนาค

7. ทำพิธีแห่นาค โปรยทาน และเข้าโบสถ์เพื่อทำพิธีอื่น ๆ ต่อไปตามเหมาะสม

พิธีแห่นาคก่อนจะเข้าโบสถ์นาคต้องกล่าวคำขอขมาลาบวชต่อบิดามารดา พร้อมทั้งรับมอบผ้าไตรก่อนจะเข้าไปในโบสถ์ จากนั้นนาคจะโปรยทานให้กับผู้ที่มาร่วมงานอุปสมบทก่อนเข้าสู่ประตูโบสถ์ เมื่อเข้าไปในโบสถ์แล้วนาคต้องไหว้พระประธาน พร้อมกับกล่าวขออุปสมบท จากนั้นฟังพระอุปัชฌาย์สอนกัมมัฏฐานและพระอุปัชฌาย์ทำการสวมอังสะให้กับนาค จากนั้นนาคต้องออกไปหลังโบสถ์เพื่อครองผ้าไตรจีวร

สรุปงานบวชพิธีกรรมศาสนาตอบแทนคุณบิดามารดา

งานบวชเป็นพิธีกรรมทางศาสนาและยังเป็นประเพณีที่สืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับพุทธศาสนิกชนได้ร่วมร่วมอนุโมทนาบุญงานบวชให้นาคได้ตอบแทนคุณบิดามารดา และได้ไปร่วมงานบวชงานบุญใหญ่ ที่มีการรวมญาติ พี่น้อง คนที่นับถือได้เข้ามาร่วมช่วยงานแห่นาคบวชเข้าโบสถ์

12
แผ่นยิปซั่ม

แผ่นยิปซั่มเป็นวัสดุก่อสร้างอเนกประสงค์ ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการก่อสร้าง ไปจนถึงการออกแบบตกแต่งภายใน มีชื่อเสียงในด้านในเรื่องคุณภาพและติดตั้งง่าย แผ่นยิปซั่มจึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ สำหรับช่างก่อสร้าง ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับยิปซั่มบอร์ดกันอย่างเจาะลึกในแง่มุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อดี การเลือกใช้ คุณสมบัติ ไปจนถึงข้อควรระวังในการใช้งาน เพื่อให้นำไปพิจารณาเลือกว่าจะใช้แผ่นยิปซั่มในงานของคุณหรือไม่นั้นเอง

ข้อดีของการเลือกใช้งานแผ่นยิปซั่ม

ยิปซั่ม

แผ่นยิปซั่มนั้นมีข้อดีหลายประการ ซึ่งมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง การทำความเข้าใจถึงคุณประโยชน์ของยิปซั่มเหล่านี้ สามารถช่วยให้ทั้งมืออาชีพ รวมถึงเจ้าของบ้านจะได้มีข้อมูลในการตัดสินใจเลือกวัสดุก่อสร้าง

1. ความคล่องตัว
แผ่นยิปซั่มมีความหลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ ใช้งานได้หลายวัตถุประสงค์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างผนัง เพดาน รวมถึงใช้เป็นวัสดุตกแต่งบ้าน เป็นต้น ยิปซั่มบอร์ดนั้นมีความสามารถในการปรับตัวทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในที่พักอาศัย การพาณิชย์ ไปจนถึงใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

2. ติดตั้งง่าย
เหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ช่างเทคนิคชอบแผ่นยิปซั่มคือติดตั้งง่าย ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างใหม่หรือการปรับปรุงสิ่งก่อสร้างก็ตาม ยิปซั่มบอร์ดสามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดต้นทุนค่าแรงและระยะเวลาในการทำโครงการ สิ่งนี่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดเวลาในการทำงานที่มีอย่างจำกัด

3. พื้นผิวเรียบ
แผ่นยิปซั่มให้พื้นผิวเรียบ ทั้งยังสม่ำเสมอ ทำให้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผนัง หรือเพดานภายใน ง่ายต่อการประยุกต์ใช้งานเคลือบต่าง ๆ เช่น สีหรือวอลลล์เปเปอร์ ส่งผลให้ภายในมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น

4. การทนไฟ
ความปลอดภัยเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้ในการก่อสร้าง ซึ่งแผ่นยิปซั่มมีความเป็นเลิศในการทนไฟ ยิปซั่มบอร์ดเหล่านี้ มีโมเลกุลของน้ำซึ่งจะถูกปล่อยออกมาเมื่อสัมผัสกับความร้อน ช่วยชะลอการแพร่กระจายของเปลวไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ยิปซั่มเป็นวัสดุที่สามารถนำไปสร้างผนัง หรือเพดานทนไฟในอาคารได้

5. ฉนวนกันเสียง
แผ่นยิปซั่มช่วยให้สภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัย หรือที่ทำงานเงียบยิ่งขึ้นด้วยคุณสมบัติเป็นฉนวนกันเสียง ถือเป็นประโยชน์อย่างยิ่งภายในอาคาร สำนักงาน และบ้านที่มีหลายยูนิต ซึ่งช่วยลดเสียงรบกวนได้เป็นอย่างดี

วิธีการเลือกแผ่นยิปซั่ม

ในการเลือกแผ่นยิปซัมสำหรับโครงการก่อสร้างหรือซ่อมบำรุงของคุณ การตัดสินใจอย่างมีข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ พิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้ เพื่อให้แน่ใจว่ายิปซั่มบอร์ดที่คุณเลือกตรงตามความต้องการเฉพาะในการใช้งานของคุณ

• ประเภทของแผ่นยิปซั่ม ระบุประเภทแผ่นยิปซัมที่เหมาะกับโครงการของคุณ ไม่ว่าจะเป็นบอร์ดมาตรฐาน บอร์ดกันความชื้น หรือบอร์ดกันไฟ การทำความเข้าใจคุณลักษณะจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก

• ความหนา กำหนดความหนาที่เหมาะสม ตามความต้องการของโครงการของคุณ บอร์ดที่หนาขึ้นช่วยเพิ่มความแข็งแรง หรืออาจจำเป็นสำหรับการใช้งานเฉพาะด้าน แต่ราคาวัสดุจะสูงตามไปด้วย

• ประเภทขอบ เลือกประเภทขอบที่สอดคล้องกับความต้องการในการตกแต่งของคุณ ตัวเลือกต่าง ๆ เช่น ขอบสี่เหลี่ยม ขอบเรียว หรือขอบเอียง เป็นต้น

• คุณสมบัติพิเศษ พิจารณาคุณสมบัติพิเศษที่จำเป็นสำหรับโครงการของคุณ เช่น ความต้านทานต่อเชื้อรา หรือความทนทานที่เพิ่มขึ้น การเลือกแผ่นยิปซั่มที่ตรงกับความต้องการเฉพาะของคุณ

ด้วยการใส่ใจกับปัจจัยเหล่านี้ คุณสามารถเลือกแผ่นยิปซัม ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการทางเทคนิคของโครงการได้อย่างมั่นใจแล้ว ยังช่วยให้กระบวนการก่อสร้างหรือซ่อมบำรุงใหม่ ประสบความสำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

คุณสมบัติของแผ่นยิปซั่มที่เราควรทราบ

การทำความเข้าใจคุณสมบัติพื้นฐานของแผ่นยิปซั่มถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการตัดสินใจอย่างมีข้อมูลในโครงการก่อสร้างหรือปรับปรุงใหม่ นี่คือคุณสมบัติสำคัญที่คุณควรทราบ:

• ส่วนประกอบ แผ่นยิปซั่มประกอบด้วยแผ่นบอร์ดที่ผสมกับผงยิปซั่ม ทำให้เกิดความแข็งแรง ความยืดหยุ่น ความทนไฟ ไปปจนถึงเป็นฉนวนป้องกันเสียง

• ความทนทาน แผ่นยิปซั่มที่ได้รับการติดตั้ง บำรุงรักษาอย่างเหมาะสม เป็นที่รู้จักในด้านความทนทาน ทั้งยังมีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถทนทานต่อการสึกหรอได้ดี

• สิ่งแวดล้อม แผ่นยิปซั่มเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับแร่ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังสามารถรีไซเคิลได้ ทำให้เป็นวัสดุที่ยั่งยืน

• น้ำหนัก แผ่นยิปซั่มมีน้ำหนักเบา ช่วยให้การจัดการและการขนส่งระหว่างการติดตั้งทำได้ง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยลดภาระโดยรวมของโครงสร้างอาคาร

การทำความเข้าใจคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของแผ่นยิปซั่มในโครงการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

ข้อควรระวังในการใช้งานแผ่นยิปซั่ม

แผ่นยิปซั่มราคา

แม้ว่าแผ่นยิปซั่มจะมีประโยชน์มากมาย แต่สิ่งสำคัญคือต้องราบข้อควรระวังต่าง ๆ ไว้ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่ามีการติดตั้งนั้นเป็นไปอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น การทำความเข้าใจข้อควรระวังเหล่านี้ จะช่วยป้องกันปัญหาทั่วไปและรับประกันประสิทธิภาพสูงสุดของยิปซั่มในโครงการก่อสร้างของคุณได้

1. การสัมผัสกับความชื้น
แผ่นยิปซัมมีความเสี่ยงต่อความเสียหายจากการสัมผัสกับความชื้นเป็นเวลานาน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้กระดานกันความชื้นในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อความชื้น เช่น ห้องใต้ดิน ห้องน้ำ หรือห้องครัว เป็นต้น นอกจากนี้ควรมีมาตรการระบายอากาศ พร้อมทั้งกันซึมที่เหมาะสม เพื่อลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความชื้น

2. เทคนิคการติดตั้งที่เหมาะสม
เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากแผ่นยิปซั่ม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปฏิบัติตามเทคนิคการติดตั้งที่เหมาะสม ซึ่งรวมถึงการใช้ตัวยึดที่ถูกต้อง การใช้ข้อต่ออย่างถูกต้อง ไปจนถึงการตรวจสอบให้แน่ใจว่ายิปซั่มบอร์ดได้รับการจัดวางอย่างเหมาะสม ควรได้รับการติดตั้งโดยมืออาชีพ หรือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของผู้ผลิต เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

3. การจัดการและการเก็บรักษา
การจัดการและการเก็บรักษาแผ่นยิปซั่มอย่างระมัดระวัง ถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันความเสียหาย ยิปซั่มบอร์ดควรเก็บไว้ในตำแหน่งที่แห้งและเรียบ ควรใช้ความระมัดระวังในระหว่างการขนส่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการงอหรือแตกหัก การปฏิบัติตามขั้นตอนที่เหมาะสม ทำให้มั่นใจได้ว่าแผ่นยิปซั่มจะรักษาความสมบูรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปเรื่อง แผ่นยิปซั่มคุณภาพสูง

แผ่นยิปซั่มเป็นวัสดุก่อสร้างคุณภาพสูง ที่ช่างต่างเลือกใช้ ด้วยการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งยังมีข้อดีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความทนทาน ทนความร้อน ทนทานไฟ น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ทั้งยังเป็นฉนวนกันเสียงได้อีกด้วย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้เอง จึงได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมก่อสร้างอย่างแท้จริง

13
ระบบ crm

ตอนนี้การตลาดออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญของการเป็นช่องทางขายสินค้าและบริการ ปัจจุบันหลายธุรกิจมีการแข่งขันกันอย่างกว้างขวาง มีคู่แข่งเจ้าใหม่ๆ เข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เกิดการแข่งขันที่สูงกว่าเดิม ทำให้หลายๆ แบรนด์หันมาเน้นความใส่ใจกับตัวสินค้าและบริการให้ดีเหนือกว่าเจ้าอื่น เพื่อรักษาฐานลูกค้าอย่างมั่นคง จึงมีการเก็บข้อมูลผ่านระบบ CRM (Customer Relationship Management) ซึ่งเป็นระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ที่ได้ประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ต่อร้านค้าหรือองค์กรเป็นอย่างยิ่ง

ความหมายของระบบ CRM

ระบบ CRM หรือ Customer Relationship Management เป็นระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นเพื่อจัดการข้อมูลการซื้อ-ขาย สามารถติดตามและตรวจสอบผลลัพธ์หลังการขายว่า ลูกค้ามีความพึงพอใจและกลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำอีกหรือไม่ เป็นการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อลูกค้าในระยะยาว หรือสร้าง Loyalty ให้กับแบรนด์ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า เพื่อให้แบรนด์เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค จนนำไปสู่กับกำหนดเป้าหมายหรือความต้องการอย่างตรงจุด  แถมยังช่วยส่งเสริมยอดขายและผลกำไรให้แก่บริษัทได้ โดยของมูลที่ได้จากระบบ CRM สามารถนำไปกำหนดทิศทางของแบรนด์ เช่น การวางกลยุทธ์การตลาด การสร้างผลงานให้ตรงใจลูกค้า การนำเครื่องมือต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจเข้ามาช่วยส่งเสริมให้ดีขึ้น

ทำไม CRM จึงมีบทบาทที่จำเป็นต่อภาคธุรกิจ?

ระบบ CRM ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในธุรกิจทั้ง B2B หรือ B2C การบริหารความ
สัมพันธ์กับลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่แบรนด์ต้องรักษาเอาไว้ ดังนั้นการรวบรวมข้อมูลจากผู้บริโภคจึงจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อหาช่องทางหรือโอกาสสร้างการเติบโตภายในองค์กร 

เหตุผลข้อที่ 1

สะดวกต่อการเก็บรวบรวมข้อมูลทางธุรกิจของลูกค้าไว้ในโปรแกรม CRM เพียงที่เดียว ง่ายต่อการนำออกมาใช้ แถมสามารถแชร์กับทีมงานในฝ่ายต่างๆ เช่น ทีม Sale, ทีม Marketing, ทีม Developer เป็นต้น

เหตุผลข้อที่ 2

อำนวยความสะดวกหรือลดเวลาในการทำงานให้แต่ละฝ่ายได้ และสามารถใช้ข้อมูลเพื่อนำมาสร้างสรรค์ผลงานหรือแคมเปญทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพตอบโจทย์ลูกค้า

เหตุผลข้อที่ 3

เป็นการจัดการลูกค้าสัมพันธ์หรือรักษาฐานลูกค้าเก่า ผ่านข้อมูลที่ได้จากระบบ CRM จนทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ หรือเกิดการบอกต่อ จนนำไปสู่การสร้างความจงรักภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty)

เหตุผลข้อที่ 4

เมื่อแคมเปญตรงกับความต้องการของลูกค้าหรือเป้าหมายใหม่ๆ จะทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น และอาจเกิดการบอกต่อหรือแนะนำกันไปเรื่อยๆ นอกจากจะได้ลูกค้ารายใหม่แล้ว ยังเป็นการเพิ่มลูกค้าประจำในอนาคตอีกด้วย

รูปแบบของ CRM ที่สามารถนำไปใช้ในธุรกิจได้มีอะไรบ้าง?

sales crm คือ

การนำรูปแบบข้อมูลจากระบบสมาชิก CRM ไปใช้ในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจต่างๆ มีดังนี้

ใช้ในการ Support ลูกค้าหลังจากให้บริการเรื่องงานขาย

หลังจากที่ลูกค้ามีการสั่งซื้อเรียบร้อยแล้ว บริการหลังการขายก็ช่วยสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้อย่างยิ่ง ตัวอย่างเช่น การสมัครระบบสมาชิกเพื่อรับส่วนลดหรือคูปองต่างๆ การติดตามหรือสอบถามฟีคแบคจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น การตอบคำถามหรือคอยช่วยเหลือในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือเกิดข้อผิดพลาดขึ้นในทันที

ใช้สำหรับการติดตาม Status ในเรื่องการขายของทีม

ระบบ CRM เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามผลลัพธ์หลังการขายของทีม Sale ได้ และช่วยให้บริษัทสามารถวางแผน ติดตามสถานะของทีมขายว่าถึงขั้นตอนไหนแล้วบ้าง แถมยังช่วยคำนวณต้นทุนสินค้าหรือบริการ เพื่อคุมงบประมาณหรือจัดสรรให้เกิดประโยชน์กลับมาสูงสุด ผ่านระบบจัดการข้อมูล CRM

เพิ่มประสิทธิภาพในงานบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้า

ระบบ CRM ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าเก่าและใหม่ โดยมีวิธีการดังนี้

• การรับเรื่องหรือปัญหาจากลูกค้า เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาบริการให้ดียิ่งขึ้น
• การแก้ไขปัญหาหรือคอยแนะนำทางออกที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า
• การติดตามผลลัพธ์หลังการขาย/บริการ หรือเมื่อแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำฟีดแบคที่ได้มาพัฒนาองค์กรต่อไป

ขั้นตอนการทำ CRM ที่เราควรรู้จัก

กระบวนการทำ CRM หรือระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อสร้างแนวทางการรักษาฐานลูกค้าประจำและเปลี่ยนแปลงกลุ่มเป้าหมายให้กลายมาเป็นลูกค้า มีดังนี้

ขั้นตอนที่ 1

การสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ (Awareness) เป็นการแนะนำธุรกิจให้ผู้บริโภคทราบหรือเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้ว เป็นขั้นตอนแรกที่หลายธุรกิจควรทำก่อนเสมอ โดยมีวิธีการดังนี้

• การเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย โดยทีม Marketing จะต้องมีการรวบรวมข้อมูลจากระบบ CRM  แล้วมาทำเป็นแผนภาพ Consumer Journey เพื่อกำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจนและเข้าไปในใจผู้บริโภคให้ได้มากที่สุด
• การแยกกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน โดยการสร้างคุณลักษณะหรือ Persona ให้กับผู้บริโภค เพื่อแบ่งกลุ่มตามความสนใจหรือลักษณะทางประชากร ซึ่งจะช่วยให้ทราบแนวโน้มของคนที่อาจจะเป็นลูกค้าของแบรนด์ได้และเน้นไปที่กลุ่มๆ นั้น
• การสร้างแคมเปญทางการตลาดใหม่ๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามามีปฎิสัมพันธ์กับแบรนด์ ผ่านการทดสอบ A/B Testing ทั้ง on location หรือ online เพื่อนำไปพัฒนาแคมเปญใหม่ๆ ให้ตรงกับความสนใจของ Target group มากขึ้น

ขั้นตอนที่ 2

การสร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับการขาย โดยให้ทีมการตลาดสร้างแคมเปญที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ เช่น การสะสมแต้ม การสมัครสมาชิกออนไลน์ ในส่วนของทีมขายจะต้องนำเอาระบบ CRM มาเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลการเข้าถึงผู้บริโภคผ่านช่องทางต่างๆ ที่ได้รับจากฝ่ายการตลาด

ขั้นตอนที่ 3

เปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าของแบรนด์ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบ CRM ที่ช่วยสร้างโอกาสปิดการขายได้สูงสุด โดยที่ฝ่ายขายจะต้องติดตามความคืบหน้าของผลลัพธ์ที่ได้ผ่านแดชบอร์ด CRM ที่สะดวก รวดเร็ว ข้อมูลสดใหม่

ขั้นตอนที่ 4

การบริการลูกค้าที่เหนือระดับ เมื่อสามารถเปลี่ยนเป้าหมายให้กลายเป็นลูกค้าได้แล้วนั้น ขั้นตอนถัดมาคือการรักษาฐานลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์ไปนานๆ ผ่านการให้บริการหลังการขายที่ดีกว่าเดิม ที่สามารถทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษของทางแบรนด์

ขั้นตอนที่ 5

การกระตุ้นยอดขาย เป็นการสร้างฐานลูกค้าที่ชื่นชอบในตัวแบรนด์อยู่แล้ว จนทำให้เกิดการกลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำ โดยอาจมีวิธีการโทรสอบถาม หรือส่งอีเมลแนะนำสินค้าใหม่ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับสินค้าเดิมที่ลูกค้าเคยซื้อ ซึ่งจะได้ข้อมูลมาจากระบบ CRM ที่สามารถเชื่อมั่นได้ว่าข้อเสนอต่างๆ จะถูกส่งไปให้กับผู้บริโภคที่มีแนวโน้มในการซื้อหรือใช้บริการกับแบรนด์จริงๆ

ความแตกต่างของ CRM - B2B CRM vs. B2C CRM

ระบบจัดการลูกค้าสัมพันธ์

โดยปกติโปรแกรม CRM จะเน้นการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ธุรกิจ B2B เป็นหลัก  แต่ปัจจุบันธุรกิจ B2C มีการนำเอาระบบ CRM เข้ามาช่วยในการทำงานมากขึ้น ซึ่งแบ่งออกเป็น

B2C CRM ระบบนี้จะเน้นการขายบริการให้กับลูกค้ารายบุคคล โดยธุรกิจที่ใช้ CRM ส่วนมากจะเป็นร้านอาหาร ร้านค้าทั่วไป โรงแรม ที่มีวัตถุประสงค์ในการขายสินค้าให้เข้ากับประสบการณ์หรือความชื่นชอบของแต่ละบุคคล ส่วนใหญ่มักทำเป็นแคมเปญการตลาดทั่วไป เช่น การสะสมแต้มแลกพอยท์ หรือ Reward Program ต่างๆ

B2B CRM ระบบนี้จะเน้นไปที่การขายบริการให้แก่บริษัทกับบริษัทด้วยกันเอง โดยธุรกิจที่ใช้ CRM ระบบนี้ จะมีวัตถุประสงค์ในการนำซอฟต์แวร์เข้ามาช่วยเหลือทีม Sale เป็นหลัก โดยที่ Lead ในธุรกิจ B2B นี้จะได้จำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับ B2C CRM

สรุประบบ CRM ดีต่อธุรกิจอย่างไร

ระบบ CRM มีความสำคัญในแง่ของการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้า ที่ธุรกิจทั้งใหญ่หรือเล็กนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขายจากฐานลูกค้าเก่า จากการสร้างความพึงพอใจในรูปแบบต่างๆ เช่น บริการหลังการขาย Gift Voucher สิทธิพิเศษอื่นๆ ที่สมาชิกจะได้รับ หรือนำข้อมูลไปคิดแคมเปญหรือวางกลยุทธ์หาลูกค้าใหม่ๆ เพื่อดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น


14
แอปกู้เงิน

เชื่อว่าหลายๆ คนคงประสบปัญหาคล้ายๆ กัน อย่างการหมุนเงินไม่ทัน จนต้องหยิบยืมเงินคนรอบข้างมาใช้ก่อน แม้ไม่อยากเป็นหนี้แต่ความจำเป็นหลายๆ อย่างก็บีบบังคับให้เราต้องกู้ ดังนั้นการกู้เงินจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและปลอดภัย ย่อมดีกว่าการกู้นอกระบบอย่างแน่นอน และการกู้ผ่านแอปกู้เงินถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งทางที่ปลอดภัยและถูกกฎหมาย

ทำไมแอปกู้เงินจึงได้รับความนิยม?

ในยุคที่ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และสามารถทำอะไรหลายๆ อย่างได้อย่างรวดเร็วนี้ หลายๆ คนที่กำลังร้อนเงินก็คงมองหาลู่ทางที่จะช่วยให้กู้เงินได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนเยอะแยะเหมือนสมัยก่อน ดังนั้นแอปกู้เงินออนไลน์จึงสามารถตอบโจทย์หลายๆ คนได้ จึงไม่แปลกหากจะได้รับความนิยม

โดยแอปกู้เงินนี้ก็มีทั้งแบบที่ทำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และแบบที่ผิดกฎหมาย ซึ่งแอปเงินกู้ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่บรรดามิจฉาชีพใช้แฝงตัวมาหลอกล่อผู้ที่กำลังมีปัญหาทางการเงินเพราะจะเป็นกลุ่มคนที่หลอกล่อได้ง่าย

ประเภทของแอปกู้เงินที่ควรทำความรู้จัก

แอปกู้เงินประเภทต่างๆ

การกู้เงินออนไลน์คืออะไร? เงินกู้ออนไลน์ Digital Lending คือ การปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้แก่ธุรกิจ และบุคคลรายย่อยผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น แพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น แอปกู้เงินออนไลน์ โดยวิธีการสมัคร การส่งเอกสาร และการแจ้ง ทุกขั้นตอนจะดำเนินการอย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งเราไม่ต้องไปทำเรื่อง หรือดำเนินการใดๆ ด้วยตัวเองที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ กล่าวคือ เราสามารถสมัคร และส่งเอกสารทางแอปกู้เงินออนไลน์ได้เลย และรู้ผลจากทางแอปกู้เงินออนไลน์เช่นเดียวกัน

1. P2P Lending Platform

Peer-to-Peer Lending (P2P) คือ แพลตฟอร์มสินเชื่อออนไลน์ระหว่างบุคคล กล่าวคือเป็นแอปกู้เงินที่เป็นลักษณะกู้ยืมระหว่างบุคคลต่อบุคคล โดยเป็นการให้สินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ มีระบบการทำงานคือทางแอปจะจับคู่ผู้ขอสินเชื่อ และนักลงทุนซึ่งเป็นบุคคลทั่วไป โดยไม่ต้องผ่านคนกลางอย่างธนาคาร เรียกได้ว่าเป็นการกู้เงินผ่านแอปโดยใช้แพลตฟอร์มเป็นตัวเชื่อมให้ทั้งสองฝ่ายได้เจอกัน ซึ่งแอปกู้เงินแบบ P2P นี้มักจะเป็นรูปแบบบริการหาเงินทุนในลักษณะของสินเชื่อบุคคลเพื่อการใช้จ่ายส่วนตัว (Personal Loan) มากกว่าเพื่อธุรกิจ

2. E-Commerce and Social Platform

E-Commerce หรือ Social Media คือรูปแอปกู้เงินที่ทาง Platform E-Commerce หรือ Social Media เหล่านั้นมีบริการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะใช้ฐานข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่มาประเมินความเสี่ยงของวงเงินที่ควรให้ รวมถึงดอกเบี้ยของการปล่อยสินเชื่อแต่ละครั้ง

ส่วนใหญ่แล้วการกู้เงินผ่านแอปประเภทนี้มักจะปล่อยกู้ให้เป็นรูปแบบของเครดิต เพื่อหวังให้ลูกค้านำมาใช้หมุนเวียนให้เกิดการซื้อขายใน Platform เหล่านั้น เช่น Grap, Amazon, WeChat

3. Mobile Money Lender

Mobile Money Lender คือ รูปแบบการกู้เงินผ่านแอปที่ทางธนาคารจะร่วมมือกับเหล่าเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้า เพราะบริษัทเครือข่ายมือถือนั้นต่างก็มีข้อมูลและฐานลูกค้าจำนวนมากอยู่แล้ว และในหลายๆ ประเทศนั้นอาจมีเครือข่ายมือถือเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น ซึ่งหากธนาคารร่วมมือกับบริษัทเครือข่ายมือถือทำแอปกู้เงินก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กลุ่มคนทั่วไปเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เพราะในปัจจุบันใครๆ ต่างก็มีโทรศัพท์สมาร์ทโฟนด้วยกันทั้งสิ้น

4. Tech-Enabled Lender

Tech-Enabled Lender คือ รูปแบบของแอปกู้เงินที่นำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำเรื่องขอสินเชื่อที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินต่างๆ เช่น การนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการวิเคราะห์เอกสาร ทำประเมินวงเงินที่เหมาะสมกับผู้มาขอสินเชื่อ ทำให้มีขั้นตอนการทำงานเร็วขึ้นและช่วยให้ผู้กู้สามารถได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้ไวขึ้นด้วย

แอปกู้เงินที่ถูกกฎหมาย

ตัวอย่างแอปกู้เงินที่ถูกกฎหมาย

  • LINE BK เป็นแอปกู้เงินถูกกฏหมายที่เกิดจากการร่วมมือกันของธนาคารกสิกรไทย และ LINE โดยมีจุดเด่นคือ ระยะเวลาผ่อนจ่ายสูงสุด 60 เดือน และใช้เพียง Statement สำหรับยื่นขอสินเชื่อเท่านั้น ไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือน โดยวงเงินในการขอกู้คือไม่เกิน 50,000 บาท และมีระยะเวลาอนุมัติ 1-3 วัน
  • เงินทันเด้อ เป็นแอปกู้เงินที่ให้บริการโดย บริษัท เอสซีบี อบาคัส จำกัด ภายใต้เครือธนาคารไทยพาณิชย์ โดยผู้กู้สามารถใช้เวลาในการจ่ายคืนได้นานถึง 15 เดือน และทำเรื่องยื่นกู้ได้ตลอด ไม่มีวันหยุด อนุมัติไวภายใน 24 ชม. แถมยังไม่ต้องวางเงินมัดจำ หรือค่าธรรมเนียมใดๆ อีกด้วย ซึ่งมีวงเงินในการขอกู้ไม่เกิน 50,000 บาท และมีเงื่อนไขอายุอยู่ที่ 20-65 ปี
  • Money Hub  เป็นแอปกู้เงินที่เปิดให้บริการโดยมีแหล่งทุนจากบริษัทแม่ คือ บริษัท ไทยฟู๊ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยเน้นทุกธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ ใช้งานง่าย เอกสารน้อย อนุมัติไว เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการมีภาระหนี้ระยะยาว เพราะดอกเบี้ยชัดเจน ไม่มีค่าธรรมเนียมแฝง

สรุปแอปกู้เงิน

ถึงแม้การขอสินเชื่อผ่านแอปกู้เงินจะง่ายและสะดวกเพียงใด ผู้ใช้งานก็จำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นแอปกู้เงินถูกกฏหมาย เพราะยิ่งใช้ง่ายและเร็วก็ยิ่งเป็นอีกช่องทางที่มิจฉาชีพจะแฝงตัวเข้ามาหลอกล่อด้วยวิธีต่างๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวเลย เพราะในปัจจุบันการร่วมมือของบริษัทต่างๆ และธนาคารมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เข้าถึงการใช้บริการแอปเงินกู้ที่ถูกกฎหมายได้ง่าย ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบได้อย่างตรงจุดเลยทีเดียว

15
อาการไข้หวัดใหญ่

เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง หลายคนคงเริ่มกังวลกับโรคยอดฮิตอย่าง "ไข้หวัดใหญ่" โรคที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากป่วย เพราะนอกจากจะทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัวแล้ว ยังส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันและอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ แล้วอาการไข้หวัดใหญ่มีอะไรบ้าง แตกต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร บทความนี้ จะพาไปรู้จักกับโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อเตรียมตัวป้องกันและดูแลตนเองได้อย่างถูกวิธี เพื่อให้ทุกคนสามารถรักษาไข้หวัดใหญ่ด้วยตัวเอง

อาการไข้หวัดใหญ่ เป็นอย่างไรบ้าง
โรคไข้หวัดใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ซึ่งอาการของไข้หวัดใหญ่จะคล้ายคลึงกับไข้หวัดธรรมดา แต่จะรุนแรงกว่าและเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะมีอาการไข้หวัดใหญ่ ดังต่อไปนี้

1.อาการไข้หวัดใหญ่ทั่วไป
  • ไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส
  • หนาวสั่น เหงื่อออก
  • ปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลียอย่างมาก
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้

2.อาการไข้หวัดใหญ่ทางระบบทางเดินหายใจ
  • เจ็บคอ
  • คอแดง
  • ไอแห้ง ๆ
  • มีน้ำมูกใส ๆ

3.อาการไข้หวัดใหญ่อื่น ๆ เช่น ตาแดง หรือในเด็กเล็กอาจมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน

สำหรับอาการไข้หวัดใหญ่นี้ จะมีระยะฟักตัวไข้หวัดใหญ่อยู่ที่ 1 - 4 วัน โดยเฉลี่ยประมาณ 2 วัน ซึ่งอาการจะรุนแรงที่สุดในช่วง 2 - 3 วันแรก และสามารถหายจากโรคภายใน 5 - 7 วัน ทั้งนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ หากมีอาการของไข้หวัดใหญ่รุนแรงมากขึ้น ดังต่อไปนี้

  • มีไข้เกิน 24-48 ชั่วโมง
  • หายใจหอบ หรือหายใจลำบาก
  • เจ็บหรือแน่นหน้าอก
  • หน้ามืด เป็นลม สับสน หน้ามืด
  • อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้
  • เด็กเล็กมีอาการชัก
  • ผู้สูงอายุมีอาการซึมลง สับสน

อาการไข้หวัดใหญ่ VS อาการไข้หวัด แตกต่างกันอย่างไร?
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) และไข้หวัด (Common cold) เกิดจากเชื้อไวรัสต่างชนิดกัน แม้ว่า อาการจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่อาการไข้หวัดใหญ่จะรุนแรงกว่าและเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยสามารถเปรียบเทียบได้ ดังนี้

1.อาการไข้หวัดใหญ่ ได้แก่
  • ไข้ สูง 39 - 40 องศาเซลเซียส
  • มีอาการหนาวสั่นและปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลียและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อมาก
  • มีอาการเจ็บคอ ไอแห้ง ๆ
  • น้ำมูกมีลักษณะใส
  • เด็กเล็กอาจมีอาการท้องเสีย
  • ระยะเวลาของอาการไข้หวัดใหญ่ประมาณ 5 - 7 วัน

2.อาการไข้หวัด ได้แก่
  • ไข้ ต่ำ ๆ 37 - 38 องศาเซลเซียส
  • มักไม่มีอาการหนาวสั่นและปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลียและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อน้อย
  • มีอาการเจ็บคอ ไอมีเสมหะ
  • น้ำมูกมีลักษณะใส หรือข้น เหลือง เขียว
  • มักไม่มีอาการท้องเสีย
  • ระยะเวลาของอาการไข้หวัดประมาณ 3 - 4 วัน

กลุ่มเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่ อาการ

อาการไข้หวัดใหญ่ค่อนข้างรุนแรง จึงจำเป็นต้องระมัดระวังตนเองให้ดี โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต่าง ๆ ที่เมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่แล้ว อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น

  • เด็กเล็ก ซึ่งอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี รวมถึงเด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคปอด โรคหัวใจ
  • ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคไต
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอดเรื้อรัง เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคเบาหวาน, โรคไต, โรคตับ, โรคระบบ
    ภูมิคุ้มกันบกพร่อง, มะเร็ง, ผู้ที่ได้รับยาเคมีบำบัด หรือผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี
  • หญิงตั้งครรภ์ทุกระยะ
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วน พิจารณาจากผู้ที่มีดัชนีมวลกาย (BMI) 35 ขึ้นไป
  • ผู้ที่ทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย ได้แก่ บุคลากรทางการแพทย์, ผู้ดูแลเด็กเล็ก, ผู้ดูแลผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ ภาวะแทรกซ้อนของอาการไข้หวัดใหญ่ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ

1.ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้บ่อย เช่น หูชั้นกลางอักเสบ, ไซนัสอักเสบ, หลอดลมอักเสบ, ปอดอักเสบ
2.ภาวะแทรกซ้อนที่พบได้น้อย เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ, เยื่อหุ้มสมองอักเสบ, สมองอักเสบ, ภาวะหัวใจล้มเหลว, ภาวะไตวาย

ควรดูแลรักษาอาการไข้หวัดใหญ่อย่างไร
เมื่อตรวจไข้หวัดใหญ่แล้ว ควรเข้ารับการรักษาอาการ ไข้หวัดใหญ่ทันที โดยทั่วไปแล้ว สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ, ดื่มน้ำให้มาก, ทานยาแก้ปวด ยาลดไข้ หรือยาต้านไวรัส แต่มีข้อควรระวัง คือ ไม่ควรใช้ยาแอสไพรินในเด็ก เพราะอาจทำให้เด็กเกิดภาวะเรย์ (Reye's syndrome) ซึ่งเป็นอันตรายร้ายแรง รวมถึงไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะ เพราะยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ที่เกิดจากเชื้อไวรัสได้

โดยแพทย์อาจสั่งยาต้านไวรัส เช่น โอลเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) เพื่อบรรเทาอาการไข้หวัดใหญ่ ลดระยะเวลาการป่วย และป้องกันภาวะแทรกซ้อน ซึ่งจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดหากเริ่มใช้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ นอกจากนี้ อาจจะใช้ยาต้านไวรัสในบางกรณี เช่น ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง หรือผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการไข้หวัดใหญ่ไม่เกิน 48 ชั่วโมง

อาการไข้หวัดใหญ่ สามารถรักษาให้หายเองได้หรือไม่
โรคไข้หวัดใหญ่สามารถรักษาไข้หวัดใหญ่ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส แต่ต้องอาศัยเวลาพักผ่อนและดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ดี ยังมีกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากอาการไข้หวัดใหญ่ได้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส นอกจากนี้ สามารถป้องกันอาการของไข้หวัดใหญ่ได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

  • การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรค
  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ
  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่ที่มีคนหนาแน่น
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
  • ปิดปากและจมูกด้วยกระดาษทิชชู่เมื่อไอหรือจาม และทิ้งกระดาษทิชชู่ที่ใช้แล้วลงในถังขยะที่มีฝาปิด

เมื่อมีอาการไข้หวัดใหญ่ ควรดูแลตัวเองอย่างไร

วิธี รักษา ไข้หวัดใหญ่ ให้ หาย เร็ว

เมื่อมีอาการไข้หวัดใหญ่ ควรดูแลตัวเองเป็นอย่างดี โดยสามารถปฏิบัติตัว ดังต่อไปนี้

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 - 10 ชั่วโมงต่อวัน ร่างกายจะได้มีเวลาซ่อมแซมตัวเองและต่อสู้กับเชื้อไวรัส
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ 2 - 3 ลิตรต่อวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ น้ำช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายและช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น
  • รับประทานอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย เน้นผักผลไม้ ธัญพืช และโปรตีน หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของทอด ของมัน และอาหารหมักดอง
  • ทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และลดไข้
  • เช็ดตัวเพื่อลดไข้หวัดใหญ่ด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น ไม่ควรใช้น้ำเย็น
  • กลั้วคอด้วยน้ำเกลืออุ่นวันละ 3 - 4 ครั้ง เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอ
  • สระผมด้วยยาสระผมแห้ง หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดผม เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการสระผม
  • ดื่มน้ำอุ่นหรือชาสมุนไพร เพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอและไอ
  • ใช้เครื่องทำความชื้นในอากาศ เพื่อบรรเทาอาการไอและคัดจมูก
  • นอนหนุนหมอนสูง เพื่อลดอาการคัดจมูก
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้อาการไอและเจ็บคอแย่ลง
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น งดการไปทำงาน เรียน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
  • ควรปรึกษาแพทย์หากมีอาการไข้หวัดใหญ่รุนแรง เช่น หายใจหอบ หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก หน้ามืด หรือมีภาวะแทรกซ้อน

โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการไข้หวัดใหญ่ เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภาวะอ้วน

สรุปเกี่ยวกับอาการไข้หวัดใหญ่
โรคไข้หวัดใหญ่จะคล้ายคลึงกับไข้หวัดธรรมดา แต่จะรุนแรงกว่าและเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะมีอาการไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ไข้สูง 39-40 องศาเซลเซียส, หนาวสั่น, เหงื่อออก, ปวดศีรษะ, อ่อนเพลียอย่างมาก, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, เบื่ออาหาร คลื่นไส้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรเข้าพบแพทย์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่ ทั้งนี้ สามารถรักษาไข้หวัดใหญ่ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส แต่ต้องอาศัยเวลาพักผ่อนและดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม


16
 AI คือ

ในปัจจุบันกระแสการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องทุ่นแรงในการทำงานนั้นกลายเป็นเรื่องปกติในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะ AI คือตัวช่วยที่จะเปลี่ยนธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด AI สามารถช่วยงานคุณได้ ทั้งการคิดไอเดียในการทำคอนเทนต์ทางการตลาด ช่วยแปลภาษาในเวลาอันรวดเร็ว หรือแม้แต่การเขียนโค้ด AI

หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่า AI คือโปรแกรมอะไร? มีประโยชน์อย่างไร? และ AI ย่อมาจากคำว่าอะไร? โดยในบทความนี้จะพาทุกคนไปหาคำตอบและทำความรู้จักว่า AI คืออะไรกันแน่?

AI คืออะไร? มีหลักการทำงานอย่างไร?

Artificial Intelligence (ปัญญาประดิษฐ์)หรือ AI คือการจำลองความฉลาดและความสามารถในการวิเคราะห์คำนวณของมนุษย์ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องจักรเพื่อเป็นเครื่องทุ่นแรงในการทำงานต่าง ๆโดย AI จะมีหลักการทำงานโดยการรวบรวมข้อมูล(Data) เพื่อสร้างเป็นฐานข้อมูลขนาดใหญ่ จากนั้นอัลกอริทึม(Algorithm) จะทำการประมวลผลและเลียนแบบพฤติกรรมต่าง ๆ ตามข้อมูลที่รวบรวมมาได้ซึ่ง AI นั้นไม่ใช่เพียงอัลกอริทึมประมวลผลธรรมดา แต่ AI คือ ระบบการเรียนรู้ขนาดใหญ่หรือ Machine Learning System ที่สามารถช่วยวิเคราะห์แก้ปัญหาและแสดงผลลัพธ์ออกมาตามที่เราต้องการได้ ซึ่งกระบวนการทำงานของ AI นั้นสามารถจำแนกออกเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้

  • การเรียนรู้(Learning): AI คือเครื่องมือในการประมวลผล ดังนั้นการรวบรวมและเรียนรู้ข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด โดยหลังจากที่ได้รับข้อมูล AI จะทำการเรียนรู้รูปแบบของข้อมูลและจัดเรียงกลั่นกรองให้เป็นระบบ
  • การหาความสมเหตุสมผลและตัดสินใจ(Decision Making): กระบวนการทำงานขั้นต่อไปของ AI คือการใช้หลักความเป็นเหตุเป็นผลและความเป็นไปได้ต่าง ๆ เพื่อวิเคราะห์ชุดข้อมูลที่มีอยู่
  • การแก้ปัญหา(Problem Solving): หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลเสร็จแล้ว AI จะนำชุดข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์มาทำการหาคำตอบในการแก้ปัญหา
  • การรับรู้(Perception): กระบวนการสุดท้ายของ AI คือ การรับรู้และเข้าใจเนื้อหาที่มนุษย์ต้องการผ่านชุดข้อมูลที่เก็บรวบรวมวิเคราะห์ผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้คำตอบที่เหมาะสมและดีที่สุด ยกตัวอย่างเช่นเปรียบ AI เป็นนักกีฬาเทนนิสที่วิเคราะห์ข้อมูลและความเป็นไปได้ในการตีลูกและเคลื่อนไหวทั้งหมดของคู่แข่งเพื่อสร้างเป็นหนทางในการรับมือคู่แข่งได้อย่างแม่นยำ

ข้อแตกต่างระหว่าง มนุษย์กับ AI คืออะไร?

หลายคนอาจจะรู้ถึงหลักการทำงานของ AI ไปกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ยังอาจจะไม่แน่ใจว่าเจ้าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ คือตัวช่วยที่ดีกว่ามนุษย์จริงหรือไม่? ในหัวข้อนี้เราจะมาเรียนรู้สิ่งที่มนุษย์ทำไม่ได้แต่ AI สามารถทำได้กัน!

  • AI ผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์: แน่นอนว่าพูดถึงคำว่า “มนุษย์” ความผิดพลาดย่อมตามมาเป็นของคู่กัน (Humen Error) แตกต่างกับ AI ที่เกิดจากการวิเคราะห์ข้อมูลชุดเดิมมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นมีความแม่นยำที่สูง โอกาสผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์
  • AI ทำงานได้เร็วกว่ามนุษย์: เปรียบเทียบ AI คือ Supercomputer เครื่องหนึ่งที่คำนวณเรื่องยาก ๆ และหาคำตอบให้คุณได้อย่างรวดเร็ว ต่างกับมนุษย์ที่ต้องใช้ทั้งเวลาในการเรียนรู้ รวบรวมข้อมูล สร้างความคุ้นชินกับโจทย์ จากนั้นคำนวณหาคำตอบ ซึ่งแน่นอนว่ากระบวนการเหล่านี้ย่อมกินเวลามากกว่าการใช้ AI ในการหาคำตอบมากนัก
  • AI สามารถตัดสินใจได้โดยไม่ลำเอียง: การตัดสินใจบางเรื่องของมนุษย์ย่อมมีอารมณ์ความรู้สึกมาเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยซึ่งสามารถทำให้เกิดความลำเอียงในการตัดสินใจได้ เปรียบเทียบกับ AI คือคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องหนึ่งที่สามารถตัดสินใจผลลัพธ์ออกมาโดยอ้างอิงจากชุดข้อมูลที่รวบรวมไว้เท่านั้น

แน่นอนว่า AI ไม่ได้เหนือกว่ามนุษย์ในทุกเรื่อง จากทางด้านบนเราได้เรียนรู้ข้อได้เปรียบของ AI กันไปแล้ว จากนี้เราลองมาดูข้อได้เปรียบของมนุษย์ที่เหนือกว่า AI บ้าง

  • มนุษย์มีความสร้างสรรค์มากกว่า AI: แม้เราจะสามารถสั่งให้ AI สามารถวาดรูปได้ แต่รูปภาพที่ได้นั้นเกิดจากการรวบรวมชุดข้อมูลภาพวาดจากนั้นวิเคราะห์รูปแบบและสร้างภาพออกมาจากการเรียนรู้นับพันครั้ง แตกต่างจากมนุษย์ที่ใช้ไอเดียความสร้างสรรค์ในการสร้างผลงานต่าง ๆ เช่น การวาดภาพ การเขียนนิยาย การเขียนการ์ตูน
  • มนุษย์มีความยืดหยุ่นมากกว่า AI: เทคโนโลยี AI คือเครื่องมือที่รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากนั้นตีความผลลัพธ์ออกมา แน่นอนว่า AI ไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีนักเมื่อเทียบกับมนุษย์ที่ตัดสินใจจากความหลากหลายนอกจากดูเพียงชุดข้อมูลในมือเพียงอย่างเดียว
  • การสื่อสารหรือ Social Skills ของ AI: การทำงานในปัจจุบัน การสื่อสารนั้นเป็นหัวใจหลักของหลาย ๆ งาน โดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องใช้ศาสตร์ในการพูดคุยและสร้างความประทับใจให้กับผู้คน เช่นตำแหน่งหัวหน้าทีม, ผู้จัดการ, นักขายเป็นต้น แน่นอนว่าทักษะเหล่านี้เกิดจากการเรียนรู้และความสามารถในการสังเกตคู่สนทนาฝ่ายตรงข้าม แน่นอนว่าปัจจุบัน AI ยังไม่สามารถเข้ามาแทนที่ Skill นี้ได้

เหตุผลที่ทำให้ AI ได้รับความนิยมคืออะไร?

คำว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์คือคำที่ถูกใช้มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1956 แต่เริ่มได้รับความนิยมในยุคปัจจุบันเนื่องจากการมาถึงของ Chat GPT ที่เป็นตัวจุดประกายความสนใจของผู้คนในสังคมให้หันมามองเห็น AI มากยิ่งขึ้น ประกอบกับเทคโนโลยีในการเก็บรวบรวม, วิเคราะห์, ประมวลผลข้อมูลที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น ทำให้ AI ตัวใหม่ ๆ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตามเจ้าตลาดอื่น ๆ ให้ทัน บวกกับทั้งความกลัวและวิตกกังวลว่า AI นั้นจะมาทำงานแทนที่มนุษย์ ยิ่งทำให้คนให้ความสนใจและศึกษาเกี่ยวกับมันมากขึ้น

ประโยชน์ของ AI ในปัจจุบัน คืออะไร?

ประโยชน์ของ AI

AI ช่วยในการรวบรวมและวิเคราะห์ชุดข้อมูล

AI คือตัวช่วยสำคัญในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่กระจายอยู่ทั่วไป จากนั้นนำข้อมูลที่ได้นั้นมาวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำในช่วงเวลาสั้น ๆ ช่วยลดเวลาในการทำงานได้เป็นอย่างมาก

AI ช่วยเป็นเครื่องทุ่นแรงของมนุษย์

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจุดเด่นของ AI คือตัวช่วยสำคัญในการทำงานของมนุษย์ การมาถึงของ AI ไม่ได้หมายความว่าต้องมาแย่งงานมนุษย์เสมอไป แต่มันอาจจะเป็นเพียงเครื่องมือชนิดหนึ่งที่เข้ามาช่วย ยกตัวอย่างเช่นการหาไอเดียใหม่ ๆ ในการทำงานหรือช่วยในการแปลภาษาให้เสร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว

AI สามารถทำงานได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

ด้วยตัว AI คือเครื่องมือชนิดหนึ่งสามารถทำงานได้โดยไม่ต้องหยุดพักผ่อน กินข้าวหรือกินน้ำเหมือนมนุษย์ ส่งผลให้ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงและงานที่ได้ออกมายังมีคุณภาพอีกด้วยเนื่องจากไม่มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพในการทำงานที่ผันผวนตามสภาพร่างกาย

AI ช่วยลดต้นทุนในการทำธุรกิจ

อย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้น เพราะว่า AI คือเครื่องมือช่วยทุ่นแรงของมนุษย์ซึ่ง AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้โดยอัตโนมัติและแม่นยำ จะเห็นได้จากหลายแบรนด์ชั้นนำที่เริ่มมีการนำ AI มาช่วยในการทำธุรกิจ ตัวอย่างเช่น

  • Machine Learning ช่วยสร้างกำไรให้กับ Super Market แห่งหนึ่งถึง 6.3% Machine Learning หมายถึงส่วนมันสมองของ AI มีหน้าที่ในการเรียนรู้สิ่งที่เราใส่ข้อมูลเข้าไป ซึ่งในกรณีนี้ บริษัท Wasteless ได้ใช้ระบบ AI ในการเรียนรู้การปรับเปลี่ยนของราคาสินค้าเพื่อจะได้ทำการลดสินค้าทันทีในช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เป็นการช่วยลดสินค้าที่กำลังหมดอายุหรือทำกำไรไม่ดีเพราะกำลังออกจากช่วงที่สินค้าเป็นที่นิยม
  • บริษัทสื่อขนาดใหญ่ในจีน Bluefocus Intelligent Communications เริ่มมีการวางแผนที่จะนำ AI มาใช้งานแทนที่กราฟิกดีไซเนอร์เพื่อลดต้นทุน

สรุปแล้ว AI คืออะไร? มนุษย์ควรวิตกกังวลหรือไม่?

แน่นอนว่าการมีอยู่ของ AI หรือปัญญาประดิษฐ์หมายถึงการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของมนุษย์ทั้งในด้านการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้หลาย ๆ คนนั้นกังวลว่า AI จะเข้ามาแทนที่ตัวเองในระบบการทำงานต่าง ๆ ซึ่งถ้าตอบตามความเป็นจริงแล้วนั้นมีโอกาสสูงที่หลาย ๆ งานจะถูกแทนที่ได้ด้วย AI แต่ในทางกลับกันมันก็หมายถึงโอกาสในการเติบโตเช่นกันเพราะเราสามารถใช้ประโยชน์จาก AI ได้เช่นกัน

ดังนั้นทุก ๆ คนควรเรียนรู้วิธีการใช้งานและปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่กำลังจะเปลี่ยนไป มองว่า AI คือเครื่องมือชนิดหนึ่งที่สามารถสร้างโอกาสในการทำงานและสร้างรายได้ให้กับเราได้

17
โบท็อก

ในโลกของการเสริมความงาม โบท็อกได้กลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการฟื้นฟูผิว ให้ย้อนกลับไปอ่อนเยาว์อีกครั้ง การรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความสามารถในการลดการปรากฏของริ้วรอยได้ ช่วยให้บุคคลมีผิวที่เรียบเนียนดูอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ของโบท็อก ตั้งแต่โบท็อกคืออะไร ความเสี่ยงที่เกิดจากการรักษาที่อาจเกิดขึ้น ไปจนถึงการเลือกแบรนด์ที่เหมาะสมกับคุณ

โบท็อกคืออะไร มาทำความรู้จักกัน

 botox

Botox (โบท็อก) ย่อมาจาก Botulinum Toxin (โบทูลินั่ม ท็อกซิน) เป็นสารพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาท ถูกนำมาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ ไปจนถึงความงาม โดยสารนี้จะออกฤทธิ์โดยการทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นเป็นอัมพาตชั่วคราว ป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อหดตัว ซึ่งจะทำให้เกิดริ้วรอย โดยทั่วไปการฉีดโบท็อกจะช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ตีนกา หรือรอยขมวดของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ บนในหน้า เป็นต้น

การทำโบท็อกมีอันตรายหรือไม่ มีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง อยู่ได้นานเท่าไหร่
โดยทั่วไปการรักษาด้วยโบท็อกถือว่าปลอดภัย ยิ่งเมื่อได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรือแพทย์ผู้มีประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับหัตถการทางการแพทย์อื่น ๆ ก็มีโอกาสเกิดความเสี่ยงขึ้นด้วย นี้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ สำหรับบุคคลที่พิจารณาจะรักษาด้วยโบท็อก จะต้องทราบปัจจัยเหล่านี้ก่อนเข้ารับการรักษา เพื่อประกอบการตัดสินใจอย่างรอบคอบ

รายละเอียดปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโบท็อกมีอะไรกันบ้าง

1.การแพ้โบท็อก
เกิดขึ้นได้น้อยแต่สามารถเกิดขึ้นได้ โดยทั่วไปจะแสดงออกมาว่าเป็นการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันต่อส่วนประกอบหนึ่ง หรือหลายอย่างภายในโบท็อก มีอาการคือ เกิดเป็นผื่นแดง คัน บวม หรือมีลมพิษบริเวณที่ฉีด แม้ว่าอาการแพ้อย่างรุนแรงจะพบไม่บ่อย แต่ผู้ที่มีประวัติภูมิแพ้ควรแจ้งเรื่องนี้กับผู้แพทย์ผู้ทำการรักษา สำหรับการป้องกันนั้น ก่อนการรักษาด้วย Botox ควรเข้ารับการทดสอบภูมิแพ้ก่อน เพื่อระบุความไวที่อาจเกิดขึ้นต่อส่วนประกอบของโบท็อก

2.ช้ำและบวม
การช้ำ หรือบวมขึ้นเล็กน้อย เป็นผลข้างเคียงที่พบบ่อยของการฉีดโบท็อก โดยทั่วไปแล้ว อาการในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งการเกิดรอยช้ำ หรือบวมมักเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีด และอาจรุนแรงแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความไวของผิวหนัง เป็นต้น ซึ่งผลกระทบเหล่านี้มักจะบรรเทาลงภายในสองสามวัน แต่สามารถคงอยู่ได้นานขึ้นเล็กน้อยในบางกรณี สำหรับการป้องกันรอยช้ำนั้น ควรหลีกเลี่ยงยาลดความอ้วน หรืออาหารเสริมในวันก่อนการรักษา

3.เปลือกตาตกหรือคิ้ว
เปลือกตาหรือคิ้วตก หรือที่เรียกว่าหนังตาตกอาจเกิดขึ้นได้หากใช้โบท็อกอย่างไม่เหมาะสม อย่างการฉีดโบท็อกในปริมาณที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงชั่วคราว ซึ่งส่งผลให้เปลือกตาตกได้ ซึ่งความเสี่ยงของที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างต่ำ เมื่อได้รักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยทั่วไปภาวะหนังตาตกจะเกิดขึ้นชั่วคราว สำหรับการป้องกันเริ่มจากการเลือกหัวฉีดที่มีคุณสมบัติเหมาะสม นอกจากนี้ยังสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับผลข้างเคียง ทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดลดลง

4.ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอื่น ๆ
นอกเหนือจากปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว บุคคลที่รับการรักษาด้วยการฉีดโบท็อกควรตระหนักถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอื่น ๆ แม้อาการเหล่านี้จะพบได้ไม่บ่อยนัก ได้แก่

-อาการปวดหัว บางคนอาจมีอาการปวดศีรษะเล็กน้อยหลังการฉีดโบท็อก ซึ่งโดยทั่วไปจะหายภายใน 1-2 วัน

-อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ พบไม่บ่อยนักที่บุคคลอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะมีอาการเหนื่อยล้า รวมถึงกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นในช่วงสั้น ๆ

-อาการปวดเฉพาะที่ อาการปวดหรือไม่สบายบริเวณที่ฉีดอาจเกิดขึ้นได้ แต่มักเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว

สำหรับการลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงได้แก่

-การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์ในการฉีดโบท็อกมาอย่างยาวนาน

-ให้ประวัติทางการแพทย์ที่ครอบคลุม รวมถึงการแพ้ต่าง ๆ ที่คุณรู้อยู่แล้ว หรือโรคประจำตัวต่าง ๆ

-ปฏิบัติตามแนวทางก่อนขั้นตอนที่กำหนดโดยผู้ให้บริการด้านสุขภาพ

-ศึกษาข้อมูล พร้อมทั้งปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งก่อน และหลังการรักษา

แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโบท็อกจะต่ำ แต่การทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาจากการเสริมความงาม การสื่อสารอย่างเปิดเผยกับผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ จะช่วยให้คุณมั่นใจในแนวทางการรักษา และสามารถคาดหวังผลลัพธ์ที่เป็นจริง ส่งผลการฉีดโบท็อกนั้นเป็นไปอย่างปลอดภัย

สำหรับระยะเวลาของผลของการฉีดโบท็อกนั้นไม่ได้อยู่ถาวร โดยมักจะคงอยู่ประมาณสามถึงหกเดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น กระบวนการเผาผลาญของแต่ละบุคคล รวมถึงบริเวณที่ทำการรักษาสามารถ ซึ่งจะส่งผลต่อระยะเวลาในการแสดงผลได้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่อง

โบท็อกควรเลือกยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อมีคุณสมบัติต่างกันอย่างไร
การเลือกยี่ห้อโบท็อกที่เหมาะสม ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญ ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อผลลัพธ์ของการเสริมความงาม แต่ละแบรนด์ในของ Botox มาพร้อมกับชุดคุณลักษณะ สูตร ไปจนถึงคุณลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละแบรนด์ เรามาเจาะลึกแบรนด์ Botox ที่โดดเด่นอย่างเจาะลึก เพื่อไขความกระจ่าง เกี่ยวกับความแตกต่างของแต่ละแบรนด์

Allergan
Allergan ซึ่งเป็นบริษัทเภสัชกรรมที่มีชื่อเสียง เป็นผู้ผลิตเบื้องหลัง "Botox Cosmetic" อันโด่งดัง แบรนด์นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพในขอบเขตของกระบวนการเสริมความงาม

มีลักษณะเฉพาะดังนี้

-การอนุมัติจาก FDA เครื่องสำอางโบท็อกโดย Allergan ได้รับการรับรองจาก FDA สำหรับการรักษาเฉพาะจุด รวมถึงตีนกา รอยขมวดคิ้ว ไปจนถึงริ้วรอยบนหน้าผาก

-ชื่อเสียง โบท็อกของ Allergan มีชื่อเสียงในด้านผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ ถือได้กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานในด้านการเสริมความงาม

-การใช้งาน ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทั่วโลก ได้นำมาใช้กันอย่างแพร่หลาย โบท็อกของ Allergan เป็นตัวเลือกที่เชื่อถือได้สำหรับบุคคลที่ต้องการผลลัพธ์คงที่ ผ่านการพิสูจน์แล้ว

Dysport
Dysport ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ นอกเหนือจากสูตรโบท็อกแบบดั้งเดิม โดยนำเสนอแนวทางที่แตกต่างในการรักษาสารโบทูลินั่ม

มีลักษณะเฉพาะดังนี้

-การเริ่มออกฤทธิ์ Dysport ได้รับการยอมรับว่ามีการออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว ซึ่งมักจะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนในระยะเวลาที่สั้นกว่า เมื่อเทียบกับโบท็อกแบบดั้งเดิม

-ความสามารถรอบด้าน ใช้สำหรับการลดริ้วรอย การใช้งานของ Dysport ทำให้เป็นตัวเลือกที่หลากหลายสำหรับจัดการกับข้อกังวลเรื่องริ้วรอยบนใบหน้า

Aestox
Aestox ซึ่งเป็นผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในตลาดโบท็อก ได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วในเรื่องสูตรที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

มีลักษณะเฉพาะดังนี้

-ประสิทธิภาพ Aestox ได้รับการยกย่องในด้านประสิทธิภาพในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ทั้งยังลดเลือนริ้วรอย ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติแก่ผู้รักษา

-ความทนทาน Aestox เป็นที่รู้จักในเรื่องผลลัพธ์ที่ยั่งยืน ดึงดูดผู้ที่มองหาวิธีการรักษาด้านความงาม ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน

-ความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อพูดถึงประสิทธิภาพของ Aestox ถูกเผยแพร่ออกไป จึงกลายเป็นตัวเลือกที่เป็นที่ต้องการในหมู่ผู้อยากลอกรักษาด้วยการฉีดโบท็อกเป็นอย่างมาก

Nabota
Nabota ผลิตโดย Daewoong Pharmaceutical เป็นผลิตภัณฑ์โบทูลินั่ม ทอกซิน ประเภท A โดยเน้นที่ความบริสุทธิ์และความเสถียร

มีลักษณะเฉพาะดังนี้

-การใช้งาน Nabota ใช้กับเครื่องสำอาง ไปจนถึงการแพทย์ต่าง ๆ ช่วยในการลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า

-ความบริสุทธิ์ Nabota ได้รับการยกย่องในความบริสุทธิ์ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของสูตรที่สะอาด มีความเสถียร เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

-การได้รับการยอมรับระดับโลก Nabota ได้รับการยอมรับในระดับสากล กล่าวได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับบุคคลที่แสวงหาความน่าเชื่อถือ มาพร้อมกับผลลัพธ์ที่สม่ำเสมอ

Xeomin
Xeomin มีความโดดเด่นในฐานะสูตรผสมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งโดดเด่นด้วยการไม่มีโปรตีนเสริม

มีลักษณะเฉพาะดังนี้

-เน้นความบริสุทธิ์ สูตรของ Xeomin ที่ไม่มีโปรตีนเสริม มีจุดมุ่งหมายเพื่อลดโอกาสในการเกิดแอนติบอดีต่อโบท็อก

-การลดริ้วรอยบนใบหน้า เป็นที่รู้จักในด้านการประยุกต์ใช้ในการลดริ้วรอยบนใบหน้า Xeomin สามารถดึงดูดผู้ที่ให้ความสำคัญกับความบริสุทธิ์ จึงถูกนำไปผสมลงในเครื่องสำอางได้อีกด้วย

ฉีดโบท็อกแล้วไม่เห็นผล เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
แม้จะประสบความสำเร็จอย่างกว้างขวาง แต่ก็มีบางกรณีที่บางคนอาจไม่บรรลุผลตามที่ต้องการจากการฉีดโบท็อก การทำความเข้าใจสาเหตุที่เป็นไปได้ของการไม่แสดงผล ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ใช้พิจารณาในการรักษาด้วยโบท็อก ซึ่งสาเหตุที่ทำให้การทำ Botox ไม่แสดงผล มีดังนี้

1.ปริมาณที่ไม่ถูกต้อง ปริมาณที่แม่นยำ จึงจะส่งผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การฉีดโบท็อกไม่ว่าจะมาก หรือน้อยเกินไป ล้วนส่งผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์

2.ประสบการณ์ของแพทย์ ความสามารถของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ดูแลการรักษานั้นมีอิทธิพลโดยตรงต่อประสิทธิภาพของการฉีดโบท็อก

3.การดื้อต่อโบท็อก ในบางกรณีที่พบไม่บ่อย บางคนอาจเกิดความต้านทานต่อสารของโบท็อก ส่งผลให้ผลลัพธ์ลดลงในแต่ละบุคคล

สรุปโบท็อกคืออะไร

ฉีดโบท็อก

โบท็อกกลายเครื่องมือที่ใช้ในการเสริมความงาม ใช้ในการฟื้นฟูผิว ช่วยจัดการกับสัญญาณในการร่วงโรยไปตามวัย สำหรับผู้ที่สนใจอยากรักษาด้วยการฉีดโบท็อก จำเป็นจะต้องศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ ให้ดี ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Botox ต่าง ๆ ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เป็นต้น เพื่อที่คุณจะสามารถทำการเข้ารักษาได้อย่างมั่นใจ


18
Chat GPT คือ

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็วและการเชื่อมโยงกันของโลกดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น และเทรนด์ AI กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ซึ่งเทคโนโลยี ChatGPT คือหนึ่งในนวัตกรรมล่าสุดที่มีส่งผลในหลายด้านของชีวิตประจำวันของเรา โดยเราสามารถสนทนากับแชตบอตเพื่อขอข้อมูล คำแนะนำ หรือการช่วยเหลือต่าง ๆ ได้ทันทีไม่จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับ AI ก็สามารถใช้งานChatGPT ได้อย่างสะดวกเพียงแค่ป้อนคำถาม ข้อมูลที่อยากทราบเท่านั้น เปรียบเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวของเรา

บทความนี้จะพาคุณมาตามเทรนด์ AI ทำความรู้จักว่า ChatGPT คืออะไร วิธีใช้ ChatGPT เหมาะกับใช้งานด้านใด ข้อดีและข้อจำกัดต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้างมาดูกัน

ChatGPT คืออะไร รู้ก่อนใคร!
ChatGPT ย่อมาจาก Generative Pre-trained Transformer คือ แชตบอต (Chatbot) ปัญญาประดิษฐ์ ที่พัฒนาโดยองค์กรวิจัย OpenAI โดยมีโครงสร้างเบสิคที่เรียกว่า "Transformer" ทำการพัฒนาโดยใช้เทคนิค Pre-training ซึ่งหมายถึงการฝึกโมเดลก่อนการใช้งานจริงด้วยชุดข้อมูลที่ใหญ่และหลากหลาย เพื่อเรียนรู้คุณลักษณะและโครงสร้างของภาษา จากนั้นโมเดลจะถูก Fine-tune หรือปรับค่าพารามิเตอร์เพื่อให้สอดคล้องกับงานหรือภารกิจที่ต้องการ เป็นที่รู้จักกันด้วยความสามารถในการสร้างข้อความ (Generative) และได้รับความนิยมในการทำแชตบอตด้านการสนทนา

ChatGPT คือการพัฒนาต่อยอดในหลายรูปแบบเช่น GPT-2 GPT-3 เป็นรุ่นที่ใช้งานจริงของ ChatGPT ในปัจจุบัน ซึ่งแชตบอตนี้จะสามารถสร้างข้อความใหม่ๆ ที่มีความหมายออกมาได้ โดยอิงจากข้อมูลที่เคยเห็นและเรียนรู้มาก่อนหน้านั้นด้วยข้อมูลจำนวนมากและหลากหลายเช่น หนังสือ บทความ เว็บไซต์ โค้ด และอื่น ๆ เพื่อให้เรียนรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและลักษณะของภาษาธรรมชาติ ทำให้ ChatGPT สามารถเลือกคำตอบที่มีความสอดคล้องและเหมาะสมที่สุดกับคำถามของผู้ใช้งาน

ChatGPT สามารถนำมาใช้งานในด้านใดได้บ้าง?

ai ChatGPT คือ

ChatGPT คือ แชตบอตอัจฉริยะที่มีความสามารถในการเรียนรู้ข้อมูล วิเคราะห์ และประมวลผลเป็นคำตอบให้ตรงกับคำถามมากที่สุด ChatGPT ใช้งานได้หลากหลายตั้งแต่ตอบคำถามทั่ว ๆ ไปจนถึงระดับ Coding เขียนโค้ดโปรแกรมก็ทำได้เช่นกัน เจ้าตัวChatGPT ทําอะไรได้บ้างมาดูกัน

  • เขียนบทความในหัวข้อต่าง ๆ ChatGPT สามารถเขียนบทความในหัวข้อต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจและ informative โดยอาศัยข้อมูลจากชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่ได้รับการฝึกฝนมา
  • ช่วยแปลภาษา ChatGPT คือแชตบอตที่สามารถช่วยในการแปลภาษาได้โดยให้คำแนะนำหรือช่วยในการแปลประโยคต่าง ๆ ช่วยให้คุณสามารถสื่อสารได้ง่ายขึ้น เพียงแค่กดแปลภาษาจากอังกฤษเป็นภาษาไทย
  • วางแผนไปเที่ยว สามารถวางแผนการเดินทางไปเที่ยวของคุณ เพียงแค่ใส่รายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับปลายทางที่คุณสนใจ เวลาที่คุณมีสะดวก และประเภทของกิจกรรมที่คุณสนใจ เช่น การท่องเที่ยวต่างประเทศ การผจญภัยในธรรมชาติ ที่พัก หรือแนะนำร้านอาหารท้องถิ่น
  • เขียนโค้ด เพียงแจ้งให้ Open GPT Chat ทราบถึงงานหรือโปรเจ็กต์ที่คุณต้องการให้ช่วยเขียนโค้ด เช่น ประเภทของโค้ดที่คุณต้องการ เช่น Python, JavaScript, HTML/CSS หรือ Java

ChatGPT รองรับภาษาไทยหรือไม่?
ChatGPT ภาษาไทย  สามารถใช้งานได้แล้ว การรองรับภาษาไทยยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา นั่นหมายความว่า ChatGPT สามารถเข้าใจและตอบสนองภาษาไทยได้ เมื่อคุณต้องการใช้งาน ChatGPT Web คุณสามารถป้อนคำถามเป็นภาษาไทยได้ และจะได้รับคำตอบเป็นภาษาไทย แต่ประสิทธิภาพอาจไม่เท่าเทียมกับภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ChatGPT มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และในอนาคต ChatGPT น่าจะรองรับภาษาไทยได้ดีขึ้น

ChatGPT เสียค่าบริการหรือไม่?
ในปัจจุบัน การใช้บริการ AI GPT หรือ ChatGPT ได้ฟรี คือไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งจะเป็นรูปแบบที่สามารถเข้าถึงได้ทั่วไปบนพื้นฐานของ ChatGPT ที่มีข้อกำหนดและเงื่อนไขเฉพาะ

ChatGPT (Free Plan) :
บัญชีแบบฟรีอาจมีข้อจำกัดในประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการประมวลผล เนื่องจากมีผู้ใช้งานจำนวนมาก การประมวลผลอาจใช้เวลานานกว่าแบบเสียค่าบริการ

ChatGPT (ChatGPT Plus):
การเข้าใช้งานแบบเสียเงินสามารถให้ผู้ใช้งานเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ระบบประมวลผลจะเร็วและแม่นยำมากขึ้น โดยมีค่าสมัครรายเดือนที่ 20 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 700 บาท) ต่อเดือน

การเลือกใช้รูปแบบบัญชีจะขึ้นอยู่กับความต้องการและการใช้งานของแต่ละบุคคล ผู้ใช้สามารถเลือกใช้แบบที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของตนเองได้ตามสะดวก

ข้อดีและข้อจำกัดของการใช้งาน ChatGPT
ข้อดีของการใช้งาน ChatGPT

  • ChatGPT สามารถเรียนรู้และปรับปรุงตัวเองจากข้อมูลใหม่ ๆ และประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ ทำให้มีความสามารถในการให้คำแนะนำและการสนทนาที่ดียิ่งขึ้น
  • ใคร ๆ ก็ใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นใคร ทำงานอาชีพใดก็สามารถใช้แชตจีพีทีได้ เพื่อหาข้อมูลคำแนะนำเกี่ยวกับการทำ เช่น การให้บริการลูกค้า การช่วยเหลือในการศึกษาและการวิจัย การสนับสนุนการตัดสินใจในธุรกิจ และอื่นๆ อีกมากมาย
  • ChatGPT คือ แชตบอตที่ใช้งานง่าย สามารถประมวลผลข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เนื่องจากใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างล้ำลึก
  • ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ การสนทนากับ ChatGPT อาจช่วยเริ่มต้นการสร้างไอเดียใหม่ๆ ที่คุณไม่เคยคิดมาก่อน

ข้อจำกัดของการใช้งาน ChatGPT
ความแม่นยำของข้อมูล เนื่องจาก ChatGPT เรียนรู้จากข้อมูลที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งอาจให้ข้อมูลไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วนเสมอไป
การเรียบเรียงประโยค ChatGPT ไทยอาจจะยังไม่สละสลวย หรือเรียบเรียงรูปคำ รูปประโยคไม่ตรงตามหลักภาษา
ความเข้าใจของคำถาม อาจไม่เข้าใจคำถามหรือคำสั่งที่ซับซ้อนหรือไม่ชัดเจนอย่างที่คนทำได้ เนื่องจากข้อจำกัดของโมเดลในการวิเคราะห์และเข้าใจข้อความ

สรุป ChatGPT แชตบอตอัจฉริยะ
ChatGPT คือเครื่องมือ AI สุดล้ำที่มีความสามารถหลากหลาย ใช้งานง่าย และสามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกระดับตั้งแต่ใช้ตอบคำถามทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไปจนถึงระดับแอดวานซ์  แต่อย่างไรก็ตามผู้ใช้งานควรใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล และควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่ ChatGPT สร้าง

บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ ChatGPT เท่านั้น ผู้ใช้งานควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนใช้งานจริง


19
สำหรับสาวๆทุกคนส่วนใหญ่แล้วล้วนอยากที่จะมีขนตาที่ยาวและสวยงอนงาม เพื่อส่งเสริมให้ดวงตาของคุณดูมีเสน่ห์มากขึ้น มาสคาร่าจึงเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่จะช่วยให้สาวๆสามารถทำการเนรมิตขนตาให้ดูงอนงาม ดวงตาดูกลมโต ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับใบหน้าอีกด้วย มาสคารา ยี่ห้อไหนดีมีหลายยี่ห้อหลายแบบหลายสี แต่ทั้งนี้เพื่อให้สาวๆได้เลือกใช้ตามความชอบและสไตล์ของตนเองเลย

ในบทความนี้ทาเรามีเคล็ดลับในการเลือกมาสคารา ยี่ห้อไหนดีมาฝากสาวๆ จะมาทำการแนะนำเกี่ยวกับมาสคาร่าของอะไรดี และยังรวมไปถึงวิธีการเลือกใช้มาสคาร่าให้เหมาะสมกับตนเอง ให้มีความสวยเด้งดูเป็นธรรมชาติมาฝากกันอีกด้วย

5 อันดับมาสคาร่า ยี่ห้อไหนดีในปี 2024

วิธีการเลือกซื้อมาสคาร่า ยี่ห้อไหนดีที่ไม่ทำให้ดวงตาดูเป็นแพนด้า

มาสคาร่าถือเป็นเครื่องสำอางที่มีชื่อเสียงในด้านการปรับดวงตาให้ดูสวยงามและยังมีความโดดเด่นเพิ่มขึ้นอีกด้วย เมื่อได้ทำการปัดมาสคาร่าแล้วไม่สามารถทำการปฏิเสธได้เลยว่า ดวงตาของคุณนั้นมีความเปล่งประกายมากขึ้น ขนตามีความโค้งงอน หนา และยาว ทำให้ดูสวงามเพิมเสน่ห์ได้อย่างน่าหลงใหลอีกด้วย

ทุกวันนี้มีมาสคาร่าออกมาจำหน่ายเยอะแยะมากมาย จึงทำให้ผู้ใช้เริ่มไม่แน่ใจว่ามาสคารา ยี่ห้อไหนดีที่ทำให้ไม่แพนด้า และมีวิธีในการเลือกมาสคาร่าแบบไหนให้เหมาะกับตัวเอง มาดูกัน

  • ถ้าคุณมีขนตาที่บาง ควรใช้มาสคาร่าแบบที่เพิ่มความยาวแต่ต้องจำไว้ว่ายิ่งขนตายาวเท่าไหร่ มันก็อาจจะทำให้ดูบางมากเท่านั้น เพราะฉะนั้นควรปัดทับด้วยมาสคาร่าแบบที่สามารถเพิ่มความหนาด้วย
  • ถ้าคุณมีขนตาที่สั้น ควรเลือกแบบที่ต้องเพิ่มความหนาแต่เช่นเดียวกันกับคนขนตาบาง ถ้าหากว่ามันหนามากไปก็จะยิ่งทำให้ดูสั้น เพราะงั้นควรปัดทับด้วยมาสคาร่าแบบเพิ่มความยาวเพื่อเป็นการไปช่วยแยกเส้นขนตาของคุณ
  • ถ้าคุณมีเหงื่อออกทั้งวันหรือคาดว่าอาจจะมีซีนน้ำตาเล็กน้อย ควรใช้มาสคาร่าแบบกันน้ำจะไม่มีทางที่เลอะเทอะแน่นอน แต่ไม่แนะนำให้ใช้มาสคาร่าที่กันน้ำตลอดเวลา เพราะมันก็เหมือนกับยาย้อมผมที่สามารถทำให้ขนตามีความเปราะและขาดง่ายเช่นกัน

5 อันดับมาสคาร่า ยี่ห้อไหนดีที่ทำให้ดวงตาดูสวยงาม

หลายคนอาจจะเคยเจอปัญหาในการใช้งานมาสคาร่าอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเมื่อปัดมาสคาร่าแล้วเกิดความเลอะที่บริเวณรองดวงตาจนเหมือนเป็นหมีแพนด้า ปัญหาปัดมาสคาร่าแล้วขนตาตก ใช้แล้วรู้สึกระคายเคืองดวงตา หรือมาสคารา ยี่ห้อไหนดีที่ปัดแล้วไม่เป็นก้อน ในบทความนี้ได้ทำการรวบรวม 5 อันดับมาสคารา ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะกับความต้องการของคุณ

5 อันดับมาสคาร่า ยี่ห้อไหนดีที่ทำให้ดวงตาดูสวยงาม

1. 4U2 Cosmetics Love Me More Volume & Curl Mascara

สำหรับใครที่กำลังมองหามาสคารา ยี่ห้อไหนดีไม่แพนด้า 4U2 Cosmetic Love Me More Volume & Curl Mascara ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งมาสคาร่าที่ตอบโจทย์กับผู้ใช้มาสคาร่าและไม่เลอะเทอะเป็นหมีแพนด้า เพราะตัวมาสคาร่าจะช่วยขับขนตาได้ทุกเส้น ขนแปรงมีขนาดใหญ่และหนา ทำให้ขนตาดูหนาขึ้น เป็นสูตรที่ช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้ขนตาเหมาะกับคนที่มีขนตาบาง มีความติดทนนานทั้งวัน ไม่เลอะระหว่างวัน กันน้ำ ล้างออกง่ายอีกด้วย

2. มาสคาร่าเขียว ในตำนาน ODBO

มาสคาร่า BQแท่งเขียวถือว่าเป็นมาสคาร่าในตำนาน ที่มีคุณภาพดีแถมยอดขายยังดีมาอย่างยาวนาน ช่วยให้ขนตายาว งอนงามตลอดทั้งวัน ผู้ใช้ต่างมารีวิวว่าเหมือนไปต่อขนตามา สามารถเนรมิตให้ขนตาดูหนา ยาว และยังมีประสิทธิภาพในการกันน้ำ กันเหงื่อ ไม่ไหลระหว่างวันอีกด้วย หัวแปรงมีขนาดเล็กสามารถเข้าถึงโคนขนตาได้ทุกเส้น ปัดง่ายไม่เป็นก้อน มีปริมาณมากใช้ได้นานราคาคุ้มเกินคุณภาพ ช่างแต่งหน้านิยมใช้

3. L’OREAL PARIS VOLUMINOUS LASH PARADISE WATERPROOF

L’OREAL PARIS ถือว่าเป็นแบรนด์ความงามที่ขายดีเป็นอันดับต้นๆ แถมมาสคาร่ารุ่น L’OREAL PARIS VOLUMINOUS LASHPATADISE WATERPROOF สามารถเนรมิตให้ขนตาดูฟูหนา มีมิติ ขนแปรงออกแบบมานุ่มพิเศษ ปัดแล้วขนตาดูเด้งฟูโดยที่ไม่รู้สึกหนักตาเลย เป็นสูตรกันน้ำมีความติดทนนาตลอดวัน เนื้อมาสคาร่านุ่มลื่นปัดง่ายไม่เป็นก้อน และยังล้างออกง่ายอีกด้วย

4. Maybelline New York Hypercurl Waterproof Mascara

มาสคาร่ากันน้ำจาก Maybelline New York รุ่นนี้ถือว่าปัดแล้วจะช่วยทำให้ขนตาของคุณดูงอน ไม่มีตก ยาวนานถึง 36 ชั่วโมง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถทำให้ขนตาดูหนาและเด้งนานกว่าเดิมด้วยพอลิเมอร์ชนิดพิเศษที่จะเข้ามาช่วยในการล็อกขนตา แถมยังช่วยกันน้ำ กันเหงื่อ ไม่ให้เลอะเปรอะเปื้อนระหว่างวันอีกด้วย

5. Maybelline Lash Sensational Sky High Mascara

หากใครที่กำลังมองหามาสคารา ยี่ห้อไหนดีขอแนะนำมาสคาร่า Maybelline Lash Sensational Sky High Mascara เพราะถือว่าเป็นมาสคาร่าที่ได้รับความนิยมไม่แพ้ไปจากตัวอื่นเลย มาสคาร่ารุ่นนี้จะเข้าไปช่วยให้ขนตางอนยาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะกับคนที่มีขนตาสั้นหรือตรง ทำให้ขนตาหนาช่วยเพิ่มวอลลุ่มให้กับขนตา กันน้ำกันเหงื่อช่วยให้ขนตาสวยงามได้ตลอดทั้งวันอีกด้วย

ประโยชน์ของมาสคาร่ามีอะไรบ้าง

รู้หรือไม่ว่ามาสคาร่ามีดีว่าที่คุณคิด เพราะถือว่าเป็นไอเทมที่สามารถเป็นได้หลากหลายอย่าง แถมยังไม่ได้ใช้ได้แค่ทำการปัดขนตาเท่านั้น ยังสามารถนำมาใช้กับส่วนอื่นๆของใบหน้าได้อีกด้วยเช่นกัน มาดูกันว่าประโยชน์ของมาสคารา ยี่ห้อไหนดีจะมาประโยชน์อะไรบ้าง

  • สามารถนำมาใช้ปัดขนคิ้วได้เพื่อเป็นการเซตให้คิ้วเรียงสวยงาม
  • สามารถนำมาเก็บลูกผมได้
  • หากเป็นมาสคาร่าสีใสสามารถนำมาเปลี่ยนสีได้เพียงแค่นำสีของอายแชโดว์มามิกซ์รวมกัน
  • มาสคาร่าไม่ได้แค่เพียงปัดขนตาบนเท่านั้นแต่ยังสามารถนำมาปัดขนตาล่างได้อีกเช่นกัน

สรุป

สรุปโดยรวมแล้ววิธีการเลือกมาสคารา ยี่ห้อไหนดีส่วนใหญ่แล้วจะขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้งานมีความต้องการแบบไหน ทั้งในเรื่องของความหนา ความยาว ความบ่ง ความสั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้มาสคาร่าว่ามีวัตถุประสงค์ในการใช้งานแบบใด ซึ่งมาสคาร่าแต่ละแบรนด์ก็มีความแตกต่างกันออกไป แต่ละแบรนด์ก็ได้มีการสำรวจปัญหาในเรื่องของการใช้งานและนำมาปรับปรุง และนำมาพัฒนาให้ตอบโจทย์กับความต้องการของแต่ละบุคคลอีกเช่นกัน

20
คอร์สเรียนพูดภาษาอังกฤษ

ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่มีความสำคัญอย่างมาก และควรมีทักษะทางภาษาทั้งการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน เพื่อใช้ในการเรียนและการทำงาน เพราะสถานศึกษาและหน่วยงาน องค์กรบางแห่งใช้ผลการวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษประกอบการพิจารณาสมัคร ดังนั้นการเรียนพูดภาษาอังกฤษ ช่วยให้พัฒนาทักษะการสื่อสาร เพื่อสร้างโอกาสให้กับตนเองต่อยอดด้านต่าง ๆ  โดยคอร์สพูดภาษาอังกฤษ สอนฝึกพูดภาษาอังกฤษ พัฒนาการพูดในสถานการณ์หลากหลาย มีความรู้ความเข้าใจ ทำให้พัฒนาการสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างต่อเนื่องพร้อมกับมีความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษ

ทำไมจึงต้องเรียนพูดภาษาอังกฤษ มีความสำคัญด้านใดบ้าง

การเรียนพูดภาษาอังกฤษ ช่วยพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร เปิดโอกาสพัฒนาความสามารถในการเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ ๆ เพราะภาษาอังกฤษเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสาร ช่วยยกระดับศักยภาพของตนเองให้มีความสามารถรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา การประกอบอาชีพ การทำธุรกิจระหว่างประเทศ หรือการท่องเที่ยว จะเห็นได้ว่า การเรียนพูดภาษาอังกฤษ มีความสำคัญในหลากหลายด้าน หากมีพื้นฐานและความสามารถทักษะภาษาที่ดี มีประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถสื่อสารได้อย่างถูกต้อง มั่นใจ

มากไปกว่านั้น การพัฒนาตนเองให้มีทักษะการพูด การใช้และการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ทำให้ได้รับโอกาส มีทางเลือกมากมาย ทั้งการทำงานบริษัทต่างประเทศ การศึกษาต่อในต่างประเทศด้วยการสอบวัดระดับภาษาตามมาตรฐานที่สำคัญ รวมทั้งการทำธุรกิจระหว่างประเทศ ดังนั้น การฝึกพูดภาษาอังกฤษ ช่วยให้ก้าวสู่ความสำเร็จได้รวดเร็วมากขึ้น การเรียนพูดภาษาอังกฤษ จึงเป็นคอร์สสำคัญที่สนับสนุนการพัฒนาทักษะการพูด นำไปใช้ได้จริง

การสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ มีการวัดผลทักษะการพูด  มีอะไรบ้าง

การเรียนพูดภาษาอังกฤษ สามารถนำความรู้ที่ได้รับเพิ่มพูนทักษะการสื่อสารไปใช้ในการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษได้ โดยมาตรฐานการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษยอดนิยม มีดังนี้

การสอบ TOEIC

TOEIC (Test of English for International Communication) เป็นการสอบวัดระดับความรู้ภาษาอังกฤษยอดนิยม ส่วนใหญ่ใช้ประกอบการเรียน ประกอบการทำงาน เพื่อสมัครงานบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องใช้ความรู้ทางภาษาอังกฤษในการทำงาน โดยการสอบจะเป็นการทดสอบทักษะด้านการฟังและการอ่าน จำนวน 200 ข้อ ทั้งหมด 900 คะแนน

การสอบ TOEFL

การสอบวัดความรู้ทางภาษาอังกฤษ TOFEL (Test of English as a Foreign Language) เป็นการสอบที่เป็นมาตรฐานสากล ได้รับความนิยมในกลุ่มของการศึกษา นิยมทดสอบความสามารถการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการศึกษาต่ออเมริกา เพราะแบบทดสอบความสามารถภาษาอังกฤษนี้ ยึดตามภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน ข้อสอบจะมี 2 รูปแบบ คือ การสอบผ่านอินเทอร์เน็ต (TOFEL IBT) และการสอบผ่านข้อสอบ หรือ TOFEL PBT สำหรับการทดสอบจะมี 4 ทักษะที่ต้องวัดผล คือฟัง พูด อ่าน และเขียน คะแนนทั้งหมดเต็ม 120 คะแนน

การสอบ IELTS

การสอบ IELTS (International English Language Testing System) เป็นการสอบวัดความรู้ทางภาษาอังกฤษที่ได้มาตรฐานสากล ได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษา องค์กร และบริษัทต่าง ๆ ซึ่งการสอบจะแบ่งการวัดระดับความรู้ 4 ทักษะ ประกอบด้วย การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน รวมคะแนนสูงสุดอยู่ที่ 9.0 คะแนน อีกทั้งรูปแบบข้อสอบจะแตกต่างกัน มีทั้งระดับความยากและง่ายของเนื้อหาต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของการเลือกสอบนั่นเอง

การเรียนพูดภาษาอังกฤษ ไม่มีพื้นฐานสามารถเรียนได้ไหม?

เรียนพูดภาษาอังกฤษแบบพื้นฐาน

เรียนพูดภาษาอังกฤษ หากไม่มีพื้นฐานก็สามารถเรียนได้ เพราะแต่ละคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษ จะมีรูปแบบการจัดการเรียนการสอนตั้งแต่การปูพื้นฐานทักษะทางภาษาอังกฤษเป็นอันดับแรก โดยส่วนใหญ่ผู้เรียนต้องทำการทดสอบวัดระดับการพูดภาษาอังกฤษ เพื่อประเมินระดับทักษะการพูดสำหรับการจัดกลุ่มการเรียนได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งช่วยให้เรียนพูดภาษาอังกฤษได้ดี มีการพัฒนาด้านภาษาอย่างต่อเนื่อง สามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น

การเรียนพูดภาษาอังกฤษ ควรพิจารณาเลือกเรียนจากอะไรบ้าง

คอร์สเรียนพูดภาษาอังกฤษ เป็นการเรียนภาษาอังกฤษเน้นด้านการพูดโดยเฉพาะ เพื่อให้ผู้เรียนฝึกพูดภาษาอังกฤษ พัฒนาทักษะการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฝึกการออกเสียงอย่างถูกต้องกับเจ้าของภาษา มีความมั่นใจแล้วยังสนทนาโต้ตอบได้จริง ดังนั้น หลักการพิจารณาในการเลือกเรียนพูดภาษาอังกฤษ ควรพิจารณาจากอะไรบ้าง ดังนี้

  • ระดับความรู้ความสามารถด้านทักษะการพูดภาษาอังกฤษของแต่ละบุคคล
    ก่อนการตัดสินใจเลือกเรียนพูดภาษาอังกฤษ สามารถทดสอบความรู้ทักษะด้านการพูดของตนเองเบื้องต้นก่อนได้ว่าเรามีพื้นฐานที่ต้องลงเรียนอย่างไรจึงจะเหมาะสม เพื่อให้วางแผนการเรียนพูดภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • รายละเอียดของคอร์สพูดภาษาอังกฤษที่น่าสนใจ
    พิจารณารายละเอียดของคอร์สเรียนพูดภาษาอังกฤษว่าเนื้อหาที่สอนตรงกับความต้องการเรียน รวมทั้งมีความสอดคล้องกับระดับทักษะการพูดของเรามากน้อยแค่ไหน ตลอดทั้งคอร์สมีระยะเวลาเรียนเหมาะสมหรือไม่ ราคาเหมาะสมกับเนื้อหาที่สอน มีความคุ้มค่าแค่ไหน
  • จุดประสงค์ของการเรียน
    สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ เราเรียนพูดภาษาอังกฤษเพื่อจุดประสงค์อะไร ไม่ว่าจะเป็นการเรียนเพิ่มพูนทักษะการพูด นำไปประกอบการศึกษาต่อ รวมทั้งการพัฒนาตนเอง เพื่อใช้ในการเรียนและการทำงาน ดังนั้น ควรเลือกเรียนคอร์สที่ตรงเป้าหมายในการเรียนมากที่สุด
  • เลือกโรงเรียนสอนภาษาที่ตอบโจทย์ เหมาะกับไลฟ์สไตล์
    การเรียนการสอนของโรงเรียนสอนภาษาแต่ละแห่งแตกต่างกัน ควรเลือกโรงเรียนสอนภาษาที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเรา เช่น สถานที่ตั้งใกล้เคียงสถานที่สำคัญ การเดินทางสะดวก สามารถเดินทางได้หลากหลาย เป็นต้น

คำถามยอดนิยมที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเรียนพูดภาษาอังกฤษ

การเรียนพูดภาษาอังฤษ เหมาะกับใครบ้าง?

คอร์สภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร เหมาะกับผู้เรียนทุกช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ โดยการเรียนพูดภาษาอังกฤษแต่ละคอร์ส มีการออกแบบการเรียนให้เหมาะสมทุกวัย รวมไปถึงผู้ที่ต้องการปูพื้นฐานทักษะการพูดภาษาอังกฤษใหม่ สามารถพัฒนาทักษะภาษาได้รวดเร็วแบบก้าวกระโดด

มีคอร์สเรียนพูดภาษาอังฤษอะไรบ้าง ใช้เวลาเรียนนานไหม ค่าใช้จ่ายในการเรียนเท่าไหร่?

คอร์สฝึกพูดภาษาอังกฤษ แต่ละคอร์สแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับโรงเรียนสอนภาษาที่มีการออกแบบรูปแบบการเรียนการสอนให้เข้ากับผู้เรียนตามความเหมาะสม ซึ่งระยะเวลาเรียนจะเป็นจำนวนชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ที่ 20 ชั่วโมง ไปจนถึง 60 ชั่วโมง หรือบางคอร์สเรียนเป็นเดือน เช่น 2 เดือน 3 เดือน 6 เดือน เป็นต้น ดังนั้น ค่าใช้จ่ายในการเรียนพูดภาษาอังกฤษ จึงขึ้นอยู่กับระยะเวลาเรียนด้วย ส่วนใหญ่เริ่มต้นที่หลักพันบาทไปจนถึงหลักหมื่นบาทเลยทีเดียว 

สรุปเรียนพูดภาษาอังกฤษ สำคัญต่อการนำไปใช้พัฒนาตนเอง

การเลือกเรียนพูดภาษาอังกฤษ เป็นการพัฒนาตนเองเพิ่มความรู้ทางด้านการใช้ภาษาอังกฤษสำหรับสื่อสารเพื่อให้ผู้เรียนสามารถสนทนาในสถานการณ์รูปแบบต่าง ๆ และพูดในชีวิตประจำวันได้จริง กล้าแสดงความคิดเห็น มีความมั่นใจในการพูด โดยคอร์สเรียนพูดภาษาอังกฤษ จะสอนตั้งแต่พื้นฐานการใช้ภาษา ฝึกพูดภาษาอังกฤษ รวมถึงเทคนิคการพูดให้แก่ผู้เรียนได้อย่างเหมาะสม ดังนั้น จึงเหมาะกับผู้เรียนทุกเพศทุกวัยที่ต้องการพัฒนาทักษะการพูด เพื่อให้พูดได้คล่องแล้วนำไปใช้งานได้จริง

21
พรมไม่เก็บฝุ่น

ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องครัว หรือห้องน้ำตามบ้านก็มักจะพบพรมปูรองไว้อยู่เสมอ ทำให้เวลาตกแต่งห้องในบ้านส่วนใหญ่ก็มักจะเห็นภาพห้องที่มีพรมอยู่ ซึ่งในที่นี้ก็จะมาแนะนำพรม ยี่ห้อไหนดีที่มีราคาไม่แพง แต่คุณภาพดี สามารถใช้งานได้นานไว้เป็นตัวเลือกสำหรับพิจารณา

แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมถึงต้องปูพรมตามพื้นห้องด้วย? แล้วถ้าไม่ปูพรมจะส่งผลอย่างไรบ้าง? นอกจากจะมาแนะนำพรมยี่ห้อไหนดีแล้ว ในบทความก็จะมาพูดถึงข้อดีของพรมโดยเฉพาะแบบพรมปูพื้นแบบไม่เก็บฝุ่นเพื่อคลายข้อสงสัยนี้ด้วยเช่นกัน

พรมปูพื้นไม่เก็บฝุ่นจำเป็นต้องซื้อมากแค่ไหน?

ก่อนจะเลือกซื้อของต่าง ๆ ผู้คนส่วนมากก็พิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้งาน และเชื่อว่าผู้คนบางส่วนอาจจะมองว่าพรมปูพื้นไม่เก็บฝุ่นไม่ได้จำเป็นต่อชีวิตมากนัก แต่ที่จริงแล้วพรมปูพื้นก็มีประโยชน์ที่ทำให้ไม่อาจมองข้ามได้เลย

สิ่งที่จะได้รับจากการปูพรมไม่เก็บฝุ่นภายในห้องเลยก็คือความสะอาดและความปลอดภัย โดยพรมปูพื้นจะช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ได้ เช่น ในกรณีที่ไม่ได้เช็ดเท้าที่เปียกน้ำก่อนออกจากห้องน้ำก็อาจทำให้ลื่นล้มและเกิดรอยฟกช้ำตามตัวได้ แต่ปัญหานี้จะหมดไปถ้ามีพรมวางหน้าห้องน้ำสำหรับเช็ดเท้าโดยเฉพาะ

หรือในกรณีที่เดินตามพื้นที่มีเศษฝุ่นหรือฝุ่นละอองแล้วไม่เช็ดเท้าก่อนเดินเข้าบริเวณที่นอน ฝุ่นจากฝ่าเท้าก็จะไปเกาะตามเตียงหรือผ้าห่ม ทำให้ร่างกายมีโอกาสสูดรับฝุ่นละอองเหล่านี้ง่ายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้

ดังนั้นการซื้อพรมไม่เก็บฝุ่นก็จะช่วยลดปัญหาที่กล่าวข้างต้นได้อย่างดี จึงเป็นเหตุให้แต่ละบ้านควรซื้อพรมปูไว้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้พรมแบบไหนก็ได้ เพราะถ้าซื้อพรมคุณภาพไม่ดีมาใช้ก็อาจจะส่งผลเสียแทนได้ ดังนั้นจึงควรพิจารณาเลือกซื้อพรมยี่ห้อไหนดีที่มีคุณภาพ สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย

5 อันดับพรม ยี่ห้อไหนดี ที่ไม่ควรพลาดซื้อ

พรมยี่ห้อไหนดี

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาพรมยี่ห้อไหนดีที่จะเอามาใช้ปูภายในห้อง ในที่นี้ก็จะมาแนะนำยี่ห้อพรมปูพื้นไม่เก็บฝุ่นที่ไม่ควรพลาด ดังนี้

1. Index Living Mall

พรมยี่ห้อไหนดีที่มีหลายรุ่นให้เลือกซื้อ Index Living Mall คือแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่มีพรมไม่เก็บฝุ่นออกจำหน่าย โดยพรมของทางแบรนด์ก็จะมีหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสไตล์มินิมอล แบบมีลวดลายสวยหรู หรือลายน่ารักให้เลือกตามความชอบในราคาที่ไม่แพงและคุณภาพสมราคา

2. IKEA

IKEA แบรนด์ผลิตเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านรวมถึงพรมหลายรูปแบบที่ไม่ว่าใครก็รู้จัก โดยพรมปูพื้นไม่เก็บฝุ่นของทางแบรนด์จะเน้นความเรียบง่ายแต่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ ภายในห้องได้เป็นอย่างดี ผลิตจากวัสดุชั้นดีที่มีความนิ่ม ทำความสะอาดง่าย ให้เลือกหลายรุ่นหลายราคาตามความต้องการ

3. Hanky House

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาพรมยี่ห้อไหนดีที่ไม่เก็บฝุ่นขนาดปานกลาง ราคาไม่สูงมาก Hanky House ก็เป็นพรมจากประเทศไทยที่น่าเลือกซื้ออีกยี่ห้อหนึ่ง โดยทางแบรนด์ก็มีพรมไม่เก็บฝุ่นแบบมินิมอล ผลิตจากเมมโมรีโฟมหนา 7 มิลลิเมตรที่มีความนิ่ม พร้อมด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์กันการดูดซึมของน้ำ ทำให้ทำความสะอาดง่ายและไม่กักเก็บฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ จึงช่วยลดปัญหาการเกิดภูมิแพ้ได้เป็นอย่างดี

4. Namiko

พรมปูพื้นไม่อมฝุ่นยี่ห้อ Namiko ถูกออกแบบให้มีสไตล์มินิมอล มีลวดลายสีสันสวยงาม เข้ากับบรรยากาศห้องเป็นอย่างดี มีสัมผัสนิ่มสบายเท้า และใต้พรมยังมีตัวกันลื่นที่ช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้ด้วย ในราคาอยู่ในช่วงที่สามารถซื้อมาใช้งานได้ จึงเป็นหนึ่งในยี่ห้อที่น่าพิจารณาซื้อ

5. REM13

พรมไม่เก็บฝุ่นคุณภาพดีในราคาไม่แพง ทางบริษัท REM13 ก็มีพรมคุณภาพดีราคาจับต้องได้มาให้พิจารณาซื้อ พรมของทางแบรนด์มีหลายแบบ ไม่ว่าจะผลิตจากเมมโมรีโฟมที่มีความหนานุ่มนิ่มสบายเท้า หรือพรมแร่ดินเบาที่ดูดซับน้ำได้ดี แห้งไว โดยพรมของทางแบรนด์ทำความสะอาดง่าย ใช้งานได้นาน ถ้ามองหาพรมคุณภาพดีราคาคุ้มค่าก็เป็นยี่ห้อหนึ่งที่น่าสนใจ

พรมไม่เก็บฝุ่นมีข้อดีอย่างไร ทำไมถึงควรซื้อพรมปูพืันบ้าน

หลังจากที่ดูรีวิว 5 อันดับพรมยี่ห้อไหนดีแล้ว ก็มาดูกันว่าพรมไม่เก็บฝุ่นมีข้อดีอย่างไรถึงควรมีพรมปูไว้ที่บ้าน ดังนี้

  • ลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดภายในบ้าน
แม้ว่าจะอยู่ในบ้านแต่ในบางครั้งก็อาจเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน เช่น สะดุด ลื่นล้ม ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้รับบาดเจ็บได้ ดังนั้นการปูพรมที่มีความหนาไว้ก็จะช่วยลดแรงกระแทกเวลาหกล้ม ทำให้ร่างกายบาดเจ็บน้อยลง และในกรณีปูพรมไม่เก็บฝุ่นที่มีพื้นผิวไม่ลื่นบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หน้าห้องน้ำ หน้าห้องครัว ก็จะช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มได้

  • ลดและป้องกันรอยขีดข่วน ความเสียหายบนพื้น
ในเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ข้างนอกแล้วเดินเข้าภายในห้อง หรือถ้าเปิดประตู หน้าต่างทิ้งไว้ ก็อาจทำให้บนพื้นมีเศษฝุ่นหรือเศษอื่น ๆ ซึ่งเวลาเดินภายในห้อง ละอองฝุ่นหรือเศษสกปรกก็จะติดตามเท้าไปสร้างรอยขีดข่วนตามพื้นได้ ดังนั้นการปูพรมที่พื้นก็จะช่วยป้องกันไม่ให้พื้นเป็นรอย และยังสามารถปูพรมรองตามเตียง ตู้ โต๊ะ เก้าอี้เพื่อลดความเสียหายจากการกดทับได้ด้วย

  • ลดฝุ่นไม่ให้ฟุ้งกระจายตามห้อง
ในกรณีที่ทำความสะอาดพรมไม่เก็บฝุ่นให้สะอาดอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้ภายในห้องดูสะอาดสดใส ไม่มีฝุ่นเกาะสะสม อีกทั้งพรมยังมีส่วนช่วยดักจับฝุ่นไม่ให้ฝุ่นและเศษละอองต่าง ๆ กระจายตามห้องได้อีกด้วย ซึ่งการที่ภายในห้องไม่มีฝุ่นกระจายก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ทำให้ไม่เจ็บป่วยง่าย

  • เพิ่มความสวยงามให้กับห้อง
เมื่อทอดตามองเข้าไปในห้องที่ยังไม่ได้มีการตกแต่งอะไรก็จะรู้สึกว่าห้องดูโล่ง ๆ ไม่ค่อยมีมิติ แต่ถ้าปูพรมปูพื้นไม่เก็บฝุ่นที่มีลวดลายสีสันที่เหมาะกับตัวห้อง ก็จะช่วยทำให้ภายในห้องดูสวยงาม น่าอยู่อาศัยมากขึ้น

  • เพิ่มความอบอุ่นภายในห้อง
เคยสังเกตหรือไม่ว่าเวลาเดินเท้าเปล่าบนพื้นไม้ พื้นกระเบื้อง พื้นหินอ่อน หรือพื้นอื่น ๆ ก็มักจะสัมผัสความเย็นที่มาจากพื้นได้ ดังนั้นการปูพรมที่เป็นตัวช่วยกักเก็บความร้อนไว้ ก็จะทำให้รู้สึกอุ่นเวลาที่เท้าสัมผัสพรมได้

สรุป

เลือกซื้อพรมยี่ห้อไหนดี? พรมปูพื้นไม่เก็บฝุ่นเป็นหนึ่งในสิ่งของที่ช่วยเพิ่มความน่าอยู่อาศัยให้กับห้อง และยังมีประโยชน์ทางด้านสุขภาพกายและทรัพย์สิน ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อพรมไม่เก็บฝุ่นที่มีคุณภาพดี เพื่อสามารถใช้งานพรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้ในระยะเวลายาวนาน

22
ฟิลเลอร์ปาก

ในหัตถการที่ ไม่ต้องใช้ความยุ่งยากในการเลือกทำ ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ไม่มีการพักฟื้น เน้นการดูแลหลังทำที่ไม่ยุ่งยาก ฟิลเลอร์ปากคือคำตอบของการเสริมความงาม ที่แม้จะเป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ แต่สามารถเปลี่ยนแปลงให้ใบหน้าของเรา มีความสวยงามมากขึ้น แน่นอนว่าการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะต้องมีการศึกษาข้อมูลที่มากขึ้น เพราะรูปปากสำคัญกับองค์ประกอบของรูปใบหน้า เราจะมีดูกันว่าฟิลเลอร์ปากคืออะไร

ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยเสริมความงามด้านใดบ้าง

ฉีดฟิลเลอร์ปาก

หัตถการฟิลเลอร์ปาก คือการฉีดเนื้อเจลที่เป็นสาร Hyaluronic Acid ลงใปเติมเต็มเนื้อปาก โดยกระบวนการของการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะไม่แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปมากนัก โดย Hyaluronic Acid เป็นสารที่ไม่อันตรายกับปากเขาเรา เพราะสามารถย่อยสลายเองได้ตามธรรมชาติ ดังนั้น ไม่ต้องกังวล แต่หากต้องการเปลี่ยนแปลงก็มีการสลายฟิลเลอร์ปาก เพื่อแก้ไขรูปปากที่เราต้องการได้ ถือเป็นข้อดีของการเสริมความงามที่มีความยืดหยุ่นสูง

ข้อดีในการฉีดฟิลเลอร์ปาก

  • ฟิลเลอร์ปากราคาไม่แพง หากเทียบกับการศัลยกรรมในจุดอื่น ๆ ซึ่งปัจจัยด้านราคาของฟิลเลอร์ปาก ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ และโปรโมชันในแต่ละคลินิก
  • ฟิลเลอร์ปาก จะเป็นการเติมเต็มปากให้มีความอวบอิ่ม มีสุขภาพปากที่ดี ลดรอยย่น, รอยแตก, ริมฝีปากแห้ง
  • ฉีดฟิลเลอร์ปากเพิ่มรูปทรงปากให้สมมาตร ได้สัดส่วนตามหลัก Golden Ratio สามารถปรับแต่งรูปปากได้หลากหลาย ทั้งการฟิลเลอร์ยกมุมปาก, ฉีดฟิลเลอร์ปากเกาหลี, ฉีดปากกระจับสวยๆ, ฟิลเลอร์ปากสายฝอ และอีกมากมายให้เข้ากับรูปหน้า
  • การทำหัตถการฟิลเลอร์ปาก มีความปลอดภัยสูง เพราะไร้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ด้วยความที่เป็นสาร Hyaluronic สามารถสลายได้ตามธรรมชาติ
  • การฉีด Fillerปาก เป็นหัตถการที่รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาในการฉีดฟิลเลอร์ปากไม่นาน ก็สามารถออกไปทำกิจกรรมได้ตามสบาย อีกทั้งการดูแลหลังฉีด ไม่มีความยุ่งยากจนเกินไป หากเทียบกับการทำศัลยกรรม
  • ฟิลเลอร์ปาก เพื่อการเสริมความงามบนใบหน้า สามารถแก้ไขได้ง่าย มีการสลายฟิลเลอร์ปาก หรือการฉีดเพิ่มเพื่อปรับรูปทรงฟิลเลอร์ปากได้หลากหลาย

ใครบ้างที่ควรฉีดฟิลเลอร์ปาก?

• โดยปัจจัยของผู้ที่เหมาะ และจำเป็นต่อการเลือกฉีดฟิลเลอร์ปาก คือบุคคลที่มีปัญหารูปปากที่ไม่เหมือนเดิม อันเนื่องมาจากอัตราการสร้างคอลลาเจนที่เนื้อปาก เมื่ออายุเยอะขึ้นจะเริ่มผลิตน้อยลง ส่งผลให้ปากที่เคยอวบอิ่ม ดูหดและหย่อนยานลง อีกทั้งยังมีรอยเหี่ยวย่นอยู่ทั่วบริเวณริมฝีปาก การเลือกทรงปากฟิลเลอร์ รูปแบบต่าง ๆ จึงเป็นสิ่งที่เลือกทำแล้วคุ้มค่า จะทำให้ปากกลับมาเป็นรูปร่างที่พอใจ

• และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการเสริมความงามให้รูปหน้า ฟิลเลอร์ปาก ก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งในการเสริมความงาม เพราะสามารถเปลี่ยนลุค หรือสไตล์ของใบหน้าเราได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการฉีดปากสายฝอ ให้ดูมีรูปปากสไตล์ต่างชาติ หรือที่นิยมในเอเชีย คือฟิลเลอร์ปากเกาหลี ที่มอบรูปปากที่อวบอิ่ม เรียวสวย น่าจูบ หรือจะเป็นทรงฉีดปากกระจับ ที่สาวชาวไทยชอบทำ เพิ่มลุคหรูหรา ไฮโซ

ทรงปากที่ได้รับความนิยมในการฉีดฟิลเลอร์ปาก

ทรงปากฟิลเลอร์ แบบเกาหลี
ในปัจจุบันเทรนด์ของการฉีดปากเกาหลี เป็นตัวที่เพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปาก ดึงขอบริมฝีปากให้ชัดได้รูป มอบรูปปากที่ช่วยเพิ่มความเซ็กซี่ แต่ก็สามารถปรับลุคให้มีความน่ารักได้ไปในตัว ด้วยความหลากหลาย แต่งหน้าได้หลายแบบ เพิ่มมิติให้ใบหน้าหวาน หรือเปรี้ยวได้ โดยฟิลเลอร์ปากสไตล์นี้ นิยมสำหรับผู้ที่อยากดูอ่อนเยาว์

ทรงฟิลเลอร์สายฝอ ฉีดปากสายฝอ
การเลือกฟิลเลอร์ปาก สไตล์เซ็กซี่ สายฝอ ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ปากเพิ่มเนื้อปากให้อวบอิ่มทั้งบนและล่าง เพิ่มลุคความเป็นอินเตอร์ ได้รับความนิยมในหมูนางแบบแฟชั่น ที่เน้นขายงานให้ต่างชาติ เพราะรูปปากอวบอิ่ม มีวอลลุ่ม จะเพิ่มความมีมิติให้กับรูปหน้า สามารถทาลิปสติกเฉดที่สด สีเข้มได้ เพิ่มความเฟียส และเป็นทรงที่ได้รับความนิยมในหมูคนที่มีริมฝีปากบาง

ทรงปากฟิลเลอร์ ปากกระจับ
เป็นทางเลือกการทำฟิลเลอร์ปาก ที่คนไทยชื่นชอบ คือการฉีดฟิลเลอร์ปากเพิ่มเนื้อปากและส่วนโค้งเว้าเป็นปากปีกนก ให้โครงสร้างปากยกแหลมขึ้น มุมปากยกกระชับมาเล็กน้อย ขอบปากส่วนบนหยักเป็นรูปคล้ายตัว M นอกจากนี้ยังมีการปรับแต่งให้ดูเข้ากับสไตล์เซ็กซี่ได้อย่าง การฉีดปากกระจับสายฝอ เพิ่มความเฉพาะตัว ให้ทั้งโครงหน้าดูโดดเด่นด้วยปาก

วิธีการเตรียมตัวก่อนไปฉีดฟิลเลอร์ปาก

Filler ปาก

1. เริ่มต้นก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก เราจะต้องเลือกหาคลินิกที่จะเข้ารับบริการก่อน แน่นอนว่า จำเป็นต้องศึกษาตัวคลินิกว่ามีคุณภาพและมาตรฐานรองรับหรือไม่ มีรีวิวฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นแบบใด รวมไปถึงการศึกษายี่ห้อฟิลเลอร์ที่เราต้องการฉีด จากนั้นเข้าไปขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับรูปปากที่เราต้องการ

2. ให้งด ยาบางประเภท โดยเฉพาะยาทาหรือเครื่องสำอางจำพวกผลัดเซลล์ผิวก่อนเข้ารับการฟิลเลอร์ปาก รวมไปถึงการแว็กซ์ลอกผิว ทั้งตัวยา NSAIDs ยาแอสไพริน ที่ต้องงดก่อนเข้ารับการฟิลเลอร์ปาก ในหนึ่งสัปดาห์ 

3. จัดเตรียมข้อมูลประวัติการใช้ยา จากโรคประจำตัว หรือยาที่ใช้อยู่เป็นประจำกับแพทย์ที่เราเข้ารับการปรึกษาก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากทุกครั้ง

4. งดอาหารเสริมก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก 1 สัปดาห์ จำพวกวิตามิน ginko biloba, St.Johns Wort, primrose oil, garlic, Vitamin E และอื่น ๆ โดยปรึกษาเพิ่มเติมได้จากแพทย์ผู้บริการฟิลเลอร์ปาก

5. งดการดื่ม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ก่อนเข้ารับบริการฟิลเลอร์ปาก เป็นเวลา 24 ชั่วโมง

6. ก่อนเข้ารับบริการฟิลเลอร์ปาก ควรหลีกเลี่ยงหรืองดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่นการออกกำลังกายอย่างหนัก

ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้ว อยู่ได้นานแค่ไหน?

ฟิลเลอร์ปาก หลังจากที่เราได้ทำแล้ว และปฏิบัติตามแนวทางหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 1 ปีหลังฉีด แน่นอนว่าปัจจัยก็ยังขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ฉีด และความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่เราเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ปากอีกด้วย

ผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ปาก

ผลข้างเคียงจากการทำฟิลเลอร์ปาก ด้วยความที่เป็นหัตถการที่ปลอดภัย รวดเร็ว ใช้ปริมาณน้อยกว่าฟิลเลอร์จุดอื่น ๆ ด้วยฟิลเลอร์ปาก1cc และไม่ต้องพักฟื้นใด ๆ หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก จะเกิดอาการบวมแดง โดยการฉีดฟิลเลอร์ปากบวมนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา และอาการบวมจะยุบตัวและหายใน 5 วัน เป็นอย่างต่ำ ซึ่งหลังจากยุบตัวแล้ว ใช้เวลาไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ แล้วรูปปากของเราจะเข้าที่ ได้ทรงตามต้องการ โดยปัจจัยขึ้นอยู่ที่คุณภาพของคลินิก

ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ไหนดี?

อย่างแรกของการเลือกฟิลเลอร์ปาก คือการเลือกคลินิกที่ได้รับการรับรอง อนุญาตโดยกระทรวงสาธารณสุข พร้อมกับแพทย์ที่เป็นผู้บริการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะต้องมีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ และเราสามารถตรวจสอบได้ชัดเจน และหากผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยแล้ว อย่างแรกที่เราจะได้เลยคือ ฟิลเลอร์แท้ ที่ไม่ส่งผลกระทบกับผู้ใช้ จากนั้นศึกษารีวิวฟิลเลอร์ปาก เพื่อประกอบการตัดสินใจ หรือพิจารณาเลือกคลินิกต่อไป

สรุปเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปาก

การทำฟิลเลอร์ปาก เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยจากตัวฟิลเลอร์ ที่เมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายแล้ว สามารถสลายได้โดยธรรมชาติ ทางเลือกของการฉีดฟิลเลอร์ปาก จึงดูน่าสนใจไม่น้อย อีกทั้งการฉีดฟิลเลอร์บริเวณปากนั้นไม่แพง เพราะใช้ปริมาณที่น้อย โดยฉีดปาก1ccราคาอาจไม่ถึงหลักหมื่น หากเราเลือกคลินิกที่มีโปรโมชันที่ตรงใจ มีแพ็กเกจที่ทำแล้วคุ้มค่า สำคัญคือการศึกษารีวิว และเลือกรูปปากที่เข้ากับแนวทางการเสริมความงามของใบหน้าเราให้ดี

23
สมัครงาน | Jobs / หางานเชียงใหม่ง่าย ๆ แค่ปลายนิ้ว
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2024, 03:26:08 AM »
หางานเชียงใหม่

คุณกำลังพิจารณาที่จะเปลี่ยนอาชีพ หรือแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาความก้าวหน้าในชีวิต โดยเฉพาะการหางานเชียงใหม่ ที่เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาตลอดทั้งวัน การสมัครงานเชียงใหม่ในปัจจุบันง่ายกว่าแต่ก่อนมาก ที่ต้องเดินทางไปด้วยตนเอง ทั้งยังต้องเตรียมเอกสารอีกจำนวนมาก ทั้งเสียเวลา ทั้งเสียเงินจำนวนไม่น้อย แล้วไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่ตอนสามารถสมัครงานได้เพียงปลายนิ้ว

บทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมในการหางานเชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมต่าง ๆ เคล็ดลับ รวมถึงรายชื่อเว็บไซต์หางานที่เราคัดสรรมาอย่างดีเพื่อให้การหางานของคุณง่ายดายยิ่งขึ้น

การหางานเชียงใหม่ต้องเตรียมความพร้อมอย่างไรบ้าง

สมัครงานเชียงใหม่

การจะหางานเชียงใหม่ คุณจะต้องเตรียมการดังนี้

1.ตลาดงานเชียงใหม่
ก่อนที่จะเจาะลึกการหางานเชียงใหม่ที่คุณสนใจ สิ่งจำเป็นอย่างแรกคือ คุณต้องเข้าใจตลาดงานในเชียงใหม่ก่อน พิจารณาอุตสาหกรรมที่เจริญรุ่งเรืองในพื้นที่เหล่านี้ ซึ่งเนื่องจากเชียงใหม่เป็นเมืองท่องเที่ยว งานเกี่ยวกับสาขานี้จึงมากกว่างานอื่น ๆ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ต่างจะต้องใช้ทักษะเฉพาะของอาชีพนั้น ๆ และความแตกต่างทางวัฒนธรรม ก็อาจส่งผลต่อการหางานของคุณด้วยเช่นกัน

2.เรซูเม่ที่สวยงาม และผลงานที่เคยได้รับมอบหมาย
ถือเป็นอีกเครื่องมือสำคัญในการหางานเชียงใหม่ของคุณที่ไม่ควรมองข้าม คุณจำเป็นจะต้องปรับแต่งเรซูเม่ของคุณ โดยเน้นไปทางทักษะ หรือประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายงานที่คุณสมัครงาน นอกจากนั้นควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าพอร์ตโฟลิโอของคุณจะแสดงผลงานที่ดีที่สุด เพื่อให้ผู้จ้างตัดสินใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

3.เครือข่ายสมาคม
เป็นอีกช่องทางในการหางานที่มีประสิทธิภาพในการหางานเชียงใหม่ การเข้าร่วมกิจกรรมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ การเข้าร่วมกลุ่มมืออาชีพ หรือการสานสัมพันธ์กับบุคคลในท้องถิ่นผ่านช่องทางต่าง ๆ จะช่วยให้มีโอกาสเจองานต่าง ๆ ได้มากกว่าการค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตเพียงอย่างเดียว

4.การเรียนรู้ภาษาถิ่น
แม้ว่างานจำนวนมากในเชียงใหม่นั้นจะใช้ภาษาไทยเป็นหลัก อาจจะมีใช้ภาษาอังกฤษบ้างในแต่ละอาชีพ แต่การเรียนรู้ภาษาถิ่น จะทำให้คุณสามารถสื่อสารกับคนในพื้นที่ หรือทำให้มีความประทับใจแก่นายจ้างได้ ซึ่งมีผลกับหน้าที่การงานในระดับหนึ่ง

ที่กล่าวมาเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนหางานว่างเชียงใหม่ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะสามารถได้งานที่ตรงกับความสามารถของคุณ หรือได้ตำแหน่งงานที่คุณคาดหวังไว้ในที่สุด 

ข้อควรรู้ที่จำเป็น ก่อนเริ่มหางานเชียงใหม่

รับสมัครงานเชียงใหม่

สำหรับสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนที่จะเริ่มหางานเชียงใหม่นั้น ถ้าคุณไม่ใช่คนในพื้นที่คุณจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนเชียงใหม่ให้ได้ โดยสิ่งที่ควรรู้ได้แก่

1.การค่าครองชีพ
เชียงใหม่นั้นเป็นจังหวัดที่มีชื่อเสียงในด้านค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องเตรียมเงินให้ครอบคลุมเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าที่พักอาศัย ค่าเดินทาง ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกจำเป็นในชีวิตประจำวัน เมื่อคุณทราบปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้แล้ว จะทำให้คุณสามารถวางแผนการเงิน หรือมองหางานที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมด แล้วพอมีเงินเก็บเท่าไหร่ เพื่อนำไปใช้ในสิ่งที่ต้องการต่อไป

2.เรียนรู้วัฒนธรรม
วัฒนธรรม วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมต่าง ๆ นั้นย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ เชียงใหม่ก็ไม่มีข้อยกเว้น การทำความเข้า และการเคารพในขนบธรรมเนียม ประเพณี รวมถึงมารยาทในที่ทำงาน จะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจ ลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นจากความไม่รู้ ซึ่งอาจจะทำให้คุณสูญเสียงานที่ทำอยู่ก็เป็นได้

3.ค้นคว้าข้อมูลนายจ้าง
การทำค้นคว้ารายละเอียดเกี่ยวกับผู้ที่อาจเป็นนายจ้าง ถือเป็นกลยุทธ์ในการหางานเชียงใหม่อีกอย่างหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ ทำให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับค่านิยมองค์กร วัฒนธรรมในที่ทำงาน ไปจนถึงการก้าวหน้าของบริษัทในอนาคต โดยข้อมูลนี้ จะช่วยให้คุณสามารถมองหางานที่มีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต เพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมากยิ่งขึ้น

เว็บหางานเชียงใหม่ที่น่าสนใจ ในปี 2567

 งานเชียงใหม่ล่าสุด

เมื่อเตรียมความพร้อมเรียบร้อย มาถึงขั้นตอนสำคัญ นั้นคือการหางานเชียงใหม่ที่ต้องการ ปฏิเสธไม่ได้ว่าจังหวัดเชียงใหม่นั้นถือเป็นเมืองเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่ง ดังนั้นจึงมีตำแหน่งงานในเชียงใหม่ที่หลากหลายอย่างให้เลือก แต่การที่เราจะเดินทางไปหาที่รับสมัครงานเชียงใหม่นั้น เป็นการเสียเวลา รวมถึงค่าใช้จ่ายอีกไม่น้อย เราจึงขอนำเสนอรายชื่อเว็บไซต์หางานเชียงใหม่วันนี้ ที่ถูกคัดสรรมาอย่างดี เพื่อให้ผู้ที่กำลังหางานเชียงใหม่ล่าสุด มีโอกาสได้งานตามที่หวัง

1. JobFinFin
JobFinFin ถือเป็นเว็บไซต์หางานว่างเชียงใหม่ที่มีความโดดเด่น ด้วยการออกแบบมาเพื่อเชื่อมโยงผู้หางาน กับโอกาสมากมายในเชียงใหม่โดยเฉพาะ มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายควบคู่ไปกับจำนวนงานที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ทำให้ JobFinFin เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยหางานมากที่สุดเว็บไซต์หนึ่ง ที่ผู้หางานไม่ควรมองข้าม

2. ThaiBestJob
ThaiBestjobs เป็นแพลตฟอร์มที่ก้าวข้ามการค้นหางานแบบเดิม ๆ ด้วยความปรารถนาที่ผู้ให้บริการชั้นนำในการหางานเชียงใหม่ คอยคัดสรรงานต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้หางาน ด้วยการมุ่งเน้นไปที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ แพลตฟอร์มนี้มุ่งมั่นที่จะเป็นสื่อกลางสำหรับบุคคลที่กำลังมองหางาน ให้ได้เจอกับงานที่ต้องการ

3. Fastwork
Fastwork ตามชื่อเลย เป็นเว็บที่จะช่วยให้คุณเข้าสู่ช่องทางการหางานที่รวดเร็ว แพลตฟอร์มนี้ได้รับการออกแบบมาสำหรับผู้ที่พร้อมจะคว้าโอกาสในทันที ทางผู้ให้บริการตระหนักถึงความจำเป็นในการเชื่อมต่อผู้หางานกับนายจ้างให้เร็วที่สุด ไม่ว่าคุณจะเป็นมืออาชีพที่มีประสบการณ์ หรือเป็นมือใหม่ที่กำลังมองหางาน Fastwork สัญญาว่าจะดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้งานหางานได้ในที่สุด

4. Jobtopgun
Jobtopgun มีชื่อเสียงในด้านฐานข้อมูลที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ใช้งานง่าย ช่วยให้ผู้หางานมีเครื่องมือที่จำเป็น เพื่อนำเสนองานในเชียงใหม่ทางตรงกับความต้องการของผู้หางาน

สรุป
สำหรับใครที่กำลังมองหางานเชียงใหม่ คุณจำเป็นต้องเตรียมความพร้อม รวมถึงหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อพิจารณาเลือกสมัครงานเชียงใหม่ที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อการหางานเชียงใหม่ที่รวดเร็ว เว็บไซต์หางานถือเป็นเครื่องมือที่ไม่ควรมองข้าม

24
ฟิลเลอร์

หากปัญหาริ้วรอยร่องลึก ใบหน้าตอบ แก้มหย่อนคล้อย รูปหน้าไม่ชัดเจนกำลังสร้างความกังวลใจ จึงขอแนะนำ ฟิลเลอร์ นวัตกรรมความงามที่ช่วยเติมเต็มความอ่อนเยาว์ คืนความมั่นใจให้ใบหน้า โดยไม่ต้องผ่าตัด โดยบทความนี้ จะพาไปรู้จักว่า Filler คืออะไร? ฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณใดได้บ้าง? ฉีดฟิลเลอร์จะมีอันตรายหรือไม่? แล้วเราควรเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์อย่างไร?

ทำไมเราถึงควรฉีดฟิลเลอร์?
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารที่ใช้ฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนัง เพื่อแก้ไขความบกพร่องต่าง ๆ บนใบหน้า โดยฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน อย.ไทย จะอยู่ในรูปสารไฮยาลูรอน หรือ Hyaluronic Acid (HA) ที่เลียนแบบสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติใต้ชั้นผิว สามารถสลายตัวได้เอง ไม่ตกค้างในร่างกาย จึงมีความปลอดภัยสูง

ซึ่งในปัจจุบัน นิยมความงามอย่างเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และมีผลลัพธ์ที่ยาวนาน ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์นั้น สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนในปัจจุบันได้อย่างครบถ้วน เพราะฟิลเลอร์สามารถใช้แก้ไขปัญหาบนใบหน้าได้หลายอย่าง เช่น

  • ลดเลือนริ้วรอยและรอยแผลเป็นต่าง ๆ เช่น ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม, ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา, ฟิลเลอร์หน้าผาก
  • เสริมรูปหน้าให้สมมาตร เช่น ฉีดฟิลเลอร์คาง, ฉีดฟิลเลอร์จมูก หรือฟิลเลอร์ขมับ
  • ฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อเพิ่มปริมาณริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม

โดยเทรนด์ฟิลเลอร์ในปัจจุบันแตกต่างจากในอดีตเป็นอย่างมาก เช่น

  • เน้นฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มจุดเล็ก ๆ บนใบหน้า เช่น ร่องแก้ม ร่องใต้ตา รอยตีนกา เพื่อให้ใบหน้าดูอิ่มฟู เรียบเนียน โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างใบหน้า ซึ่งต้องฉีดเป็นปริมาณมาก
  • เลือกฟิลเลอร์รุ่นใหม่มีเนื้อสัมผัสนุ่ม ใกล้เคียงกับเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้ใบหน้าดูเป็นธรรมชาติ  ไม่แข็ง ตึง อีกทั้งยังอยู่ได้นานถึง 18 - 24 เดือน ช่วยลดจำนวนครั้งในการฉีด
  • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจใช้ Filler ที่ได้มาตรฐาน ผ่าน อย. หลายชนิดผสมผสานกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการของผู้เข้ารับบริการมากที่สุด

ดังนั้น ด้วยเทรนด์ความงามในปัจจุบันสามารถตอบโจทย์ความเป็นธรรมชาติ ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน การฉีดฟิลเลอร์จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ แต่อย่างไรก็ตาม ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่จะใช้ เพื่อความปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ฟิลเลอร์สามารถฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายบริเวณบนใบหน้า  เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ดังนี้

  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ช่วยลดเลือนร่องแก้มให้ดูเรียบเนียน ใบหน้าดูอิ่มฟู
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยลดเลือนร่องใต้ตา ลดเลือนรอยคล้ำ ทำให้ตาดูโต สดใส
  • ฟิลเลอร์ปาก ช่วยเพิ่มปริมาณริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม ชุ่มชื้น และแก้ไขรูปปากให้ได้รูปทรงตามต้องการ
  • ฟิลเลอร์หน้าผาก ช่วยลดเลือนร่องลึกบนหน้าผาก ทำให้ใบหน้าดูเรียบเนียน
  • ฟิลเลอร์ขมับ ช่วยเติมเต็มขมับให้ดูอิ่มเอิบ ใบหน้าดูสมดุล
  • ฟิลเลอร์คาง ช่วยเสริมคางให้ดูโด่ง รับกับรูปหน้า
  • ฟิลเลอร์จมูก ช่วยเสริมจมูกให้ดูโด่ง ปลายจมูกเชิด โดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ฟิลเลอร์ใต้คาง ช่วยลดเลือนเหนียง กระชับใบหน้า
  • ฟิลเลอร์มือ ช่วยเติมเต็มหลังมือ ทำให้มือดูอิ่มฟู ลดเลือนริ้วรอย

ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายบริเวณบนใบหน้า เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แต่ควรเลือก Filler ให้เหมาะกับบริเวณที่ต้องการฉีด ฉีดฟิลเลอร์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน และควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่จะใช้ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยม

ฟิลเลอร์ยี่ห้อที่นิยม

หากต้องการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณใดก็ตาม สิ่งแรก คือ การศึกษาประเภทของ Filler แต่ละยี่ห้อเสียก่อน ว่า มีคุณสมบัติอย่างไร เหมาะกับบริเวณนั้นหรือไม่ โดยยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ได้แก่

Juvederm
ฟิลเลอร์ Juvederm ผลิตโดยบริษัท Allergan จากประเทศอเมริกา ใช้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด (HA) ซึ่งเลียนแบบสารที่มีอยู่ตามธรรมชาติใต้ชั้นผิว สามารถสลายตัวได้เอง ไม่ตกค้างในร่างกาย มีความปลอดภัยสูง ผ่านการรับรองจาก อย. ไทย ผลลัพธ์คงอยู่นานประมาณ 1.5 - 2 ปี โดยฟิลเลอร์ Juvederm มีทั้งหมด 6 รุ่น แต่มี 2 รุ่นที่น่าสนใจ ได้แก่

  • ฟิลเลอร์ Juvederm กลุ่ม VyCross:  Volux / Voluma / Volift /Volbella / Volite เหมาะสำหรับยกกระชับผิวบริเวณต่าง ๆ เช่น โหนกแก้ม, ใต้คาง, ริมฝีปาก, รอยตีนกา, รอยเหี่ยวย่น, ใต้คาง เป็นต้น ทำให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ ขึ้นรูปง่าย เพราะ Filler ยึดเกาะกันดี มีประสิทธิภาพในการแทรกซึมลงไปในชั้นผิว
  • ฟิลเลอร์ Juvederm กลุ่ม Hylacross: Ultra / Ultra plus ซึ่ง Filler รุ่นนี้จะมีสารอุ้มน้ำ นำมาใช้เป็นฟิลเลอร์ร่องลึกได้ เช่น ร่องแก้ม, ร่องใต้ตา

Restylane
ฟิลเลอร์ Restylane ผลิตโดยบริษัท Galderma จากประเทศสวีเดน ใช้สารไฮยาลูโรนิค แอซิด (HA) เช่นเดียวกัน โดยคงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 1 ปี โดยมี Filler น่าสนใจ 3 รุ่น ดังนี้

  • ฟิลเลอร์ Restylane กลุ่ม NASHA: Restylane Lyft /Classic เป็น Filler เฉพาะจุด ขึ้นรูปได้ดี เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการการยกกระชับและปรับรูปหน้า เช่น โหนกแก้ม, ใต้คาง, ร่องแก้ม, ร่องใต้ตา 
  • ฟิลเลอร์ Restylane กลุ่ม OBT: Restylane Volyme / Defyne / Refyne เป็น Filler ที่อ่อนนุ่ม ควรฉีดในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวบ่อย หรือบริเวณที่มีผิวบาง เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ เช่น รอยตีนกา, รอยเหี่ยวย่น, ใต้คาง รวมถึงกระชับรูขุมขนกว้าง 
  • ฟิลเลอร์ Restylane กลุ่ม Skinbooster: Restylane vital / vital light เป็น Filler สำหรับรักษาริ้วรอยแบบตื้น ๆ เช่น ร่องแก้ม, ร่องมุมปาก, ใต้ตา, หน้าผาก, รอบดวงตา อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวดูเรียบเนียน ชุ่มชื้น กระชับรูขุมขนอีกด้วย
Belotero
ฟิลเลอร์ Belotero ผลิตจากประเทศ Switzerland มีอายุประมาณ 1 ปี ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีการใช้งานเฉพาะส่วน จึงจำเป็นต้องศึกษารุ่นให้ตรงกับบริเวณที่ต้องการใช้ให้ดี เช่น

  • ฟิลเลอร์ Belotero Soft เป็น Filler ที่มีโมเลกุลขนาดบางเบามาก เหมาะสำหรับการเติมเต็มริ้วรอยตื้น ๆ กระชับรูขุมขนกว้าง 
  • ฟิลเลอร์ Belotero Balance เป็น Filler ที่นิยมใช้ในการแก้ไขร่องใต้ตา หรือร่องแก้ม อีกทั้งยังเพิ่มความกระจ่างใส ทำให้ผิวดูเรียบเนียน
  • ฟิลเลอร์ Belotero Intense เป็น Filler ที่ขึ้นทรงและมีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณขยับ, ร่องแก้ม, โหนกแก้ม, ใต้คาง
  • ฟิลเลอร์ Belotero Volume เป็น Filler ที่เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณที่ต้องการการยกกระชับสูง เช่น ใต้คาง, ขมับ, ร่องแก้มลึก, ช่วยแก้ปัญหาแก้มตอบได้เป็นอย่างดี 
  • ฟิลเลอร์ Belotero Revive เป็น Filler ที่มีส่วนผสมของ HA + Glycerol (DUO Action) จึงนิยมฉีด เพื่อให้ผิวกระจ่างใส ฟื้นฟูผิวจากภายใน

ฉีดฟิลเลอร์แต่ละจุด ใช้กี่ CC บ้าง?
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ใช้ในการฉีดแต่ละจุดบนใบหน้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง แต่โดยทั่วไปแล้ว จะใช้ Filler ในแต่ละจุดด้วยปริมาณ ดังต่อไปนี้

  • ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เริ่มต้นที่ 1 - 2 CC
  • ฟิลเลอร์แก้มตอบ เริ่มต้นที่ 2 CC
  • ฟิลเลอร์ใต้ตา เริ่มต้น 1 - 2 CC
  • ฟิลเลอร์โหนกแก้ม เริ่มต้น 1 - 2 CC
  • ฟิลเลอร์ปาก บริเวณร่องมุมปาก เริ่มต้นที่ 1 CC
  • ฟิลเลอร์หน้าผาก เริ่มต้นที่ 1 - 2 CC
  • ฟิลเลอร์คาง เริ่มต้นที่ 1 - 2 CC
  • ฟิลเลอร์กรอบหน้า (Jawline) ประมาณ 1 - 2 CC

ฉีดฟิลเลอร์อันตรายหรือเปล่า?

การฉีดฟิลเลอร์ โดยทั่วไปแล้วถือว่า ปลอดภัย หากเลือกใช้ฟิลเลอร์แท้ ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองจาก อย. แต่อย่างไรก็ตาม การฉีดฟิลเลอร์ก็มีความเสี่ยง โดยเฉพาะหากฉีด Filler ปลอม หรือฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ หรือฉีดในสถานที่ที่ไม่ได้มาตรฐาน 

ซึ่งความเสี่ยงจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือฉีดโดยหมอกระเป๋า หมอเถื่อน มีดังนี้

  • การติดเชื้อ: ฟิลเลอร์ปลอมมักไม่มีการฆ่าเชื้อ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อรุนแรง
  • การอักเสบ: ฟิลเลอร์ปลอมอาจกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ บวมแดง คัน หรือฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน
  • เนื้อตาย: หากฉีดฟิลเลอร์เข้าเส้นเลือด อาจทำให้เกิดการอุดตัน ส่งผลให้เนื้อตาย
  • ตาบอด: หากฉีดฟิลเลอร์บริเวณใบหน้า โดยเฉพาะฟิลเลอร์ร่องแก้ม อาจทำให้ Filler อุดตันเส้นเลือด ส่งผลให้ตาบอด
  • ผลข้างเคียงอื่น ๆ : เช่น รอยฟกช้ำ, บวมแดง, อาการปวด เป็นต้น

ฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี?
แล้วเราควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี? การเลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะส่งผลต่อความปลอดภัย ผลลัพธ์ และความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ ดังนั้น จึงขอแนะนำแนวทางเลือกสถานพยาบาล ดังนี้

1.เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล, แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน, เครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัย และมีห้องฉีดฟิลเลอร์ที่สะอาด ปลอดภัย
2.เลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม, มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์, เข้าใจปัญหาของผู้เข้ารับบริการ สามารถให้คำแนะนำ และตอบคำถามได้อย่างละเอียด
3.เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่มีรีวิวดี โดยค้นหาข้อมูลรีวิวจากหลาย ๆ แหล่ง อ่านรีวิวทั้งแง่บวกและแง่ลบ เน้นพิจารณาจากรีวิวที่เป็นปัจจุบัน
4.เลือกคลินิกฉีดฟิลเลอร์ที่มีราคาเหมาะสม โดยเปรียบเทียบราคาจากหลาย ๆ คลินิก ควรระวังคลินิกที่เสนอราคาถูกเกินจริง เน้นการพิจารณาคุณภาพและความปลอดภัยเป็นหลัก
5.เลือกคลินิกที่มีบริการดี พนักงานให้บริการด้วยความสุภาพ ให้คำปรึกษาอย่างละเอียด และมีบริการติดตามผลหลังฉีดฟิลเลอร์

สรุปเกี่ยวกับฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ (Filler) คือ สารที่ใช้ฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนัง เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ บนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นการลดเลือนริ้วรอย ปรับผิวให้กระจ่างใส ปรับรูปหน้าให้ได้มิติมากขึ้น ด้วยเทรนด์ในปัจจุบันที่เน้นความงามอย่างเป็นธรรมชาติอย่างปลอดภัย ทำให้ฟิลเลอร์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ ก็ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เลือกฉีดฟิลเลอร์แต่ของแท้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ และให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ

25
โรงงานผลิตสบู่

ปัจจุบันแนวโน้มของเทรนด์เครื่องสำอางและการดูแลความงาม ยังคงเป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องและคาดว่ายังเติบโตในอนาคต โดยบริการหนึ่งที่คนยังให้ความสนใจในการเป็นเจ้าของแบรนด์นั่นก็คือ โรงงานผลิตสบู่ โดยการรับผลิตสบู่จะมีต้นทุนที่ไม่สูงมากนักและเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการล้างหน้า อาบน้ำเพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกระหว่างวันรวมถึงใช้ล้างเครื่องสำอาง โดยในบทความนี้จะพาไปดูสูตรการสูตรของโรงงานผลิตสบู่ที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบันและพาไปดูและพาไปดู วิธีการเลือกโรงงานผลิตสบู่ให้ได้มาตรฐานและมีคุณภาพเพื่อความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

สูตรสบู่แนะนำ ก่อนสั่งผลิตกับโรงงานผลิตสบู่
โดยสารสกัดที่ใช้ในการผลิตสบู่มีมากมายในท้องตลาดโดยโรงงานผลิตสบู่มักจะมีสูตรการรับผลิตสบู่ที่ได้รับความนิยมและเห็นผล อยู่มากมายในท้องตลาด แต่ก็ยังมีสูตรที่มาแรงตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วยสูตร ดังนี้

1. หัวไชเท้าฝรั่ง (Radish)
สูตรหัวไช้เท้าฝรั่ง โดยโรงงานผลิตสบู่มีการคิดค้นสบู่เพื่อใช้ในการลดเลือนจุดด่างดำ ทำให้หน้าขาวกระจ่างใส จะใช้สูตรที่มีส่วนผสมหัวไชเท้าฝรั่งหรือ radish เข้ามาเพราะเป็นส่วนผสมที่มีส่วนช่วยในการลดจุดด่างดำ ทำให้ผิวเนียนนุ่มรวมถึงยังมียังมีน้ำมันรำข้าวที่อุดมไปด้วยสารสกัดจากวิตามินอี ทำให้ผิวเนียนนุ่มและขาวกระจ่างใสน่าสัมผัส

2. แครอท (Carrot)
แล้วต่อสูตรที่นิยมในการทำแบรนด์สบู่สูตรที่ 2 คือสบู่สูตรแครอท โดยสบู่สูตรแครอทมักจะจะใช้ในการทำความสะอาดผิวกาย สบู่แครอทที่มีส่วนผสมของแครอทจะอุดมไปด้วยสารอาหารสำหรับผิวทำให้ผิวช่วยดูแลผิวอย่างอ่อนโยนและมีสารสกัดและยังมีสารสกัดจากฟักข้าวที่เติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวกระจ่างใส เนียนนุ่มและไม่ป้องกันผิวแห้งกร้าน

3. เมือกหอยทาก
สบู่สูตรต่อมาของโรงงานผลิตสบู่ นั่นก็คือ สบู่สูตรเมือกหอยทาก เป็นสบู่ที่อุดมไปด้วยคุณค่าจากเมือกหอยทาก โดยเมื่อหอยทากมีคุณสมบัติในการบำรุงอย่างล้ำลึก มีส่วนช่วยในการป้องกัน บรรเทาความรุนแรงของสิว รักษาฝ้ากระความหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวขาวกระจ่างใสได้ดูสุขภาพดี อีกทั้งยังมีส่วนคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นการเสริมสร้างคอลลาเจนให้แก่ผิว ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย

4. สารสกัดจากภูเขาไฟฟูจิ
และสบู่สุดสุดท้ายของบริษัททำสบู่ในท้องตลาด สบู่สูตรภูเขาไฟฟูจิ โดยคุณสมบัติของสบู่ชนิดนี้คือ เต็มไปด้วยแร่ธาตุ ที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง และมีส่วนช่วยในการยับยั้งสิวอักเสบ ดูดซับความมัน ป้องกันการเกิดสิวอุดตัน

โรงงานผลิตสบู่ จุดเริ่มต้นของความสำเร็จในการทำธุรกิจ
โดยวิธีการเลือกโรงงานผลิตสบู่มีวิธีการมากมาย เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของสินค้า และให้ได้บริการสินค้าที่มีคุณภาพ สร้างความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค และสร้างความสะดวกสบายให้แก่เจ้าของแบรนด์โดยจะมีปัจจัยประกอบกันด้วยกัน ดังนี้

  • เลือกโรงงานที่มีบริการครบวงจร โดยมีการวางแผนตั้งแต่เลือกกลุ่มเป้าหมาย การคิดสูตรสินค้า การออกแบบผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการจัดจำหน่ายสินค้าและการทำการตลาดให้แก่เจ้าของแบรนด์
  • เลือกโรงงานที่ผลิตสินค้ารวดเร็ว มีการผลิตสินค้าที่ตรงตามมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าได้ตรงตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ในใบสัญญาซื้อ
  • เลือกโรงงานที่ได้รับการรอรับรองมาตรฐาน ในการเลือกโรงงานผลิตสบู่ควรเลือกโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจาก haccp หรือมาตรฐานต่าง ๆ เพื่อเป็นเครื่องหมายการันตี ถึงการตรวจสอบมาตรฐานของโรงงาน และเป็นตัวบ่งบอกว่าผลิตภัณฑ์จะไม่สร้างอันตรายต่อผู้บริโภค
  • ควรเลือกโรงงานที่มีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมที่ตรงตามมาตรฐานสากล มีการใช้เครื่องจักรที่ได้มาตรฐานไม่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนและสามารถผลิตได้ตรงตามสูตร ทำให้คุณภาพของสินค้าออกมาตรงกับมาตรฐาน

ทิศทางการเติบโตของธุรกิจสบู่ชำระผิวกายยังน่าลงทุนไหม?

 สั่งผลิตสบู่

ทิศทางของการเติบโตของการใช้บริการโรงงานรับผลิตสบู่ เพื่อเป็นเจ้าของแบรนด์ยังมีความน่าสนใจในยุคปัจจุบัน เนื่องจากมีความเติบโตในด้านของอุตสาหกรรมความงามและการใส่ใจดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชายและยังมีแนวโน้มมากขึ้นในกลุ่มวัยรุ่นไปจนถึงผู้สูงอายุที่หันมาใส่ใจดูแลตัวเอง เพื่อให้มีบุคลิกภาพรวมถึงหน้าตาที่ดูดี การมีสูตรที่พัฒนาขึ้นยังมีความตอบโจทย์กับผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นทั้งสบู่สำหรับชำระล้างร่างกาย สบู่สำหรับชำระล้างผิวหน้าเพื่อบำรุงผิวพรรณทั้งตัวให้ดูดี

ความคุ้มค่าในการลงทุนกับโรงงานผลิตสบู่ที่มีมาตรฐาน

สั่งผลิตสบู่

โดยความคุ้มค่าในการลงทุนกับโรงงานผลิตสบู่ที่มีสูตรมาตรฐาน โดยโรงงานผลิตสบู่มีต้นทุนการผลิตแต่ละสูตรที่ค่อนข้างต่ำโดยถ้าเป็น

-สบู่สูตรมาตรฐาน โรงงานผลิตสบู่ oem จะเริ่มต้นสูตรอยู่ที่ 1,000 ก้อนปริมาณ 50 กรัมจะตกราคาก้อนละ 32 บาทในขณะที่ 5,000 ก้อนปริมาณ 50 กรัมตกก้อนละ 26 บาทและหมื่นก้อนปริมาณ 50 กรัมจะตกที่ก้อนละ 22 บาท
แต่ถ้าเจ้าของแบรนด์มีการมีความต้องการที่จะผลิตแบรนด์สบู่ที่มีมาตรฐานมากกว่าคู่แข่งในตลาดและมีการใช้ส่วนผสมที่พิเศษมากกว่าเจ้าอื่น ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้แก่ผลิตภัณฑ์สินค้าสบู่
-โดยโรงงานรับผลิตสบู่สูตรพิเศษ ราคาเริ่มต้นผลิตที่ 1,000 ก้อนปริมาณ 50 กรัมจะราคาอยู่ที่ 45 บาทในขณะที่ 5,000 ก้อนปริมาณ 50 กรัมราคา 37 บาทและ 10,000 ก้อนปริมาณ 50 กรัมจะได้ราคา 32 บาท

ซึ่งจะเห็นได้ว่าต้นทุนการผลิตของโรงงาน โรงงานสบู่มีราคาที่ค่อนข้างต่ำและยังสามารถสร้างสามารถนำไปขายได้ราคา ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการทำการตลาด และส่วนผสมที่ใช้ในการผลิตสบู่ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ดึงดูดจะเพิ่มมูลค่าให้แก่สบู่ของแต่ละแบรนด์ได้

26
คอร์ส IELTS

การเริ่มเรียนคอร์ส IELTS ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง เพื่อเปิดประตูสู่โอกาสอันไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อในต่างประเทศ หรือจะเป็นการแสวงหาความก้าวหน้าในอาชีพ หรือเป็นบุคคลที่มุ่งหวังที่จะพัฒนาความสามารถทางภาษา คอร์ส IELTS ถือเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายของคุณ

IELTS คืออะไร นำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร

IELTS หรือระบบทดสอบภาษาอังกฤษนานาชาติ เป็นแบบทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยจะประเมินทักษะทางภาษาของบุคคลที่จะใช้ในการเรียน ทำงาน หรือย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ แบบทดสอบนี้ออกแบบมาเพื่อวัดความสามารถด้านทักษะทางภาษาที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่ การฟัง การอ่าน การเขียน และการพูด จึงทำให้เกิดคอร์ส IELTS ขึ้นมา

คอร์สติว IELTS มีประโยชน์อะไรบ้าง

คอร์สเรียน ielts

การลงทะเบียนเรียนคอร์ส IELTS นั้นมีประโยชน์มากมายที่นอกเหนือไปจากการผ่านการทดสอบ เรามาดูข้อดีทั้งหมดกัน ได้แก่

1. การเตรียมการทดสอบที่ครอบคลุมเนื้อหาที่ควรรู้

  • การเรียนรู้แบบมุ่งเน้น โดยคอร์สเรียน ielts จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับเป้าหมายในแต่ละส่วนของการสอบ เพื่อให้มั่นใจว่ามีผู้เรียนจะมีความเข้าใจที่ครอบคลุม เกี่ยวกับรูปแบบการสอบต่าง ๆ
  • แบบฝึกหัด การทำแบบฝึกหัดเป็นประจำ จะช่วยจำลองสภาพแวดล้อมการสอบ ช่วยให้ผู้เรียนคุ้นเคยกับโครงสร้างข้อสอบ เพื่อให้ชินกับช่วงเวลาของการสอบ

2. คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ

  • ผู้สอนที่มีประสบการณ์ คอร์สไอเอล มักสอนโดยผู้สอนที่มีประสบการณ์ซึ่งมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับการสอบ ทำให้วิธีการสอนนั้นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • คำติชม คำติชมเกี่ยวกับการทำแบบฝึกหัด จะช่วยให้ผู้เรียนรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเอง ช่วยให้สามารถปรับปรุงให้ได้ตามเป้าหมาย

3. การเพิ่มประสิทธิภาพทักษะ

  • การปรับปรุงทักษะทางภาษา ติวสอบ ielts จะมุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างทักษะทางภาษา รวมถึงคำศัพท์ ไวยากรณ์ต่าง ๆ การออกเสียง ซึ่งมีประโยชน์มากกว่าการสอบ
  • ความมั่นใจในการพูด มีการเอาใจใส่เป็นพิเศษเพื่อพัฒนาทักษะการพูด ช่วยเพิ่มความมั่นใจสำหรับการทดสอบการพูดแบบเห็นหน้ากัน

4. กลยุทธ์การทดสอบ

  • การบริหารเวลา คอร์สติว ielts จะช่วยให้ผู้เรียนมีกลยุทธ์การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจำเป็นสำหรับการทำแบบทดสอบทุกส่วน ให้เสร็จสิ้นภายในเวลาที่จัดสรรไว้
  • เทคนิคการสอบ การเรียนรู้เทคนิค รวมถึงกลยุทธ์การสอบเฉพาะ ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้คะแนนสูงขึ้น

การเตรียมตัวสอบ IELTS? ต้องทำอะไรบ้าง

เตรียมตัวสอบ ielts ไม่มี พื้นฐานนั้น จะต้องใช้แนวทางเชิงกลยุทธ์และความพยายามอย่างทุ่มเท คำแนะนำทีละขั้นตอนเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้ประสบความสำเร็จหลังจากสมัครสอบไอเอล ดังนี้

1. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการสอบ

  • ทำความคุ้นเคยกับรูปแบบการสอบ การรู้โครงสร้างของการทดสอบจะช่วยให้คุณจัดสรรเวลาได้อย่างเหมาะสมในระหว่างการสอบ
  • ระบุประเภทการทดสอบ เนื่องจากพิจารณาว่าคุณกำลังสอบ IELTS อยู่ ซึ่งแตกต่างจากการสอบแบบอื่น ๆ เพราะแต่ละหลักสูตรมีรูปแบบคำถาม คำตอบที่แตกต่างกัน

2. การตั้งเป้าหมายที่สามารถทำได้จริง

  • ประเมินความสามารถปัจจุบันของคุณ ลองทำแบบฝึกหัด เพื่อวัดระดับความสามารถปัจจุบันของคุณ พร้อมกับตั้งเป้าหมายการปรับปรุงที่สามารถทำได้จริง
  • คะแนนเป้าหมาย ศึกษาคะแนนเป้าหมายของสถาบันหรือองค์กรที่คุณต้องการยื่นให้ดี เพื่อวางแผนการทำการสอบให้ผ่านตามเป้าหมาย

3. การลงทะเบียนเรียนคอร์ส IELTS

  • ค้นคว้า ก่อนเลือกคอร์ส IELTS ที่มีชื่อเสียง ตรวจสอบหลักสูตรที่มีผู้สอนที่มีประสบการณ์ บทวิจารณ์เชิงบวก มาพร้อมกับหลักสูตรที่ครอบคลุม
  • มุ่งมั่นในการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเป็นอีกกุญแจสำคัญในการปรับปรุงตนเอง อุทิศเวลาในการศึกษา พร้อมทั้งฝึกฝนทักษะด้านภาษาเป็นประจำ

4. การเรียนผ่านสื่อการสอน

  • การอ่านหนังสือ ปูพื้นฐานเนื้อหาทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการสอบ การอ่านทบทวนซ้ำ ๆ จะเพิ่มความเข้าใจให้กับผู้เรียนมากยิ่งขึ้น
  • ข้อสอบของ IELTS ที่เคยออกสอบมาก่อน เพื่อใช้ข้อสอบเหล่านี้ เพื่อฝึกซ้อมเกี่ยวกับ IELTS จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
  • แพลตฟอร์มฝึกหัดออนไลน์ สำรวจแพลตฟอร์มออนไลน์ที่นำเสนอแบบฝึกหัดเพิ่มเติม คำถามตัวอย่าง ไปจนถึงแบบฝึกหัดเชิงโต้ตอบ

5. เสริมสร้างทักษะการพูด

  • มีส่วนร่วมในการสนทนา ฝึกพูดภาษาอังกฤษเป็นประจำกับเจ้าของภาษาหรือคู่แลกเปลี่ยนภาษา
  • การประเมินตัวเอง การบันทึกคำตอบของคุณช่วยให้สามารถประเมินตนเอง เพื่อนำไปปรับปรุงการออกเสียงให้มีความคล่องยิ่งขึ้น

6. การเตรียมตัววันสอบ

  • การสอบจำลอง ดำเนินการสอบจำลองภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม หรือจะเป็นเวลาในการสอบที่คล้ายกับการสอบจริงให้มากที่สุด ให้เกิดความเคยชิน
  • กลยุทธ์การบริหารเวลา มีการพัฒนาแผนการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพสำหรับการสอบแต่ละส่วนอย่างเหมาะสม ถ้าผู้เรียนชำนาญด้านใดมากที่สุด ก็ให้ทำส่วนนั้นก่อน

สรุปคอร์ส IELTS สำคัญอย่างไร

ติวสอบ ielts

คอร์ส IELTS มีบทบาทสำคัญในการประสบความสำเร็จในชีวิต การสอบ IELTS เป็นการปลดล็อกสู่โอกาสใหม่ ๆ จากการจัดเตรียมการทดสอบที่ครอบคลุม มาพร้อมกับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ไปจนถึงการเพิ่มทักษะทางภาษา ทั้งยังการปลูกฝังความมั่นใจ ประโยชน์ของการลงทะเบียนเรียนหลักสูตร IELTS มีมากกว่าแค่การสอบ

27
การทำ SEO

ในยุคดิจิทัลที่เว็บไซต์เปรียบเสมือนบ้านหรือร้านค้าที่เปิดโอกาสให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงธุรกิจ แบรนด์ หรือข้อมูลของเราได้ ท่ามกลางเว็บไซต์มากมายในกลุ่มธุรกิจเดียวกันสิ่งที่จะทำให้เว็บไซต์ของเราโดดเด่นจากแบรนด์อื่น ๆ ได้นั่นคือการทำ SEO (Search Engine Optimization) ให้กับเว็บไซต์นั่นเอง

บทความนี้เปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะนำพาคุณไปรู้จักกับการทำ SEO ตั้งแต่การทำความเข้าใจว่า SEO คืออะไร มีความสำคัญอย่างไรบ้าง พร้อมเทคนิคในการทำ SEO ให้ติดในหน้าแรกของ Google เพื่อดึงดูดผู้ใช้งานและนำพาธุรกิจไปสู่ความสำเร็จบนโลกออนไลน์

SEO คืออะไร

SEO หรือ Search Engine Optimization คือ กลยุทธ์ในการปรับแต่งหน้าเว็บไซต์และเนื้อหาให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมของ Search Engine อย่าง Google ซึ่งการทำให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ได้ง่ายยิ่งขึ้น จะส่งผลให้อัลกอริทึมมองว่าเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์นั้นมีคุณภาพและทำให้มีอันดับเว็บไซต์ที่ดียิ่งขึ้นบนหน้าผลการค้นหา (SERPs)

โดยหลักการทำงานของ Search Engine ของ Google จะใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า "Spider" หรือ "Crawler" ในการดัชนีเว็บไซต์จากทั่วโลก ซึ่ง Spider จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหา โครงสร้างเว็บไซต์ และความเกี่ยวข้องของเว็บไซต์ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์บนหน้าผลการค้นหา

การทำ SEO สำคัญอย่างไร

การทำ SEO นอกจากจะทำให้เว็บไซต์ของเราสามารถติดอันดับดี ๆ ในหน้าผลลัพธ์การค้นหาแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้คุณภาพเว็บไซต์ในด้านอื่น ๆ ดีขึ้นอีกด้วย โดยผลลัพธ์จากการทำ SEO จะให้ผลดีดังนี้

เพิ่ม Traffic ให้กับเว็ปไซต์

โดยปกติแล้วเวลาที่เรารู้สึกสนใจสินค้าหรือบริการบางอย่าง เราจะเริ่มหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนั้น ๆ บน Search Engine อย่าง Google ซึ่งการทำ SEO จะช่วยดึงดูดผู้ใช้งานที่สนใจเนื้อหาของสินค้าหรือบริการของธุรกิจเรา เป็นการเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์และสามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้งานบนหน้าเว็บไซต์เพื่อสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดเพิ่มเติมได้อีก

สร้าง Brand Awareness

อีกหนึ่งสิ่งที่จะได้จากการทำ SEO โดยเฉพาะการทำ SEO จนเว็บไซต์ติดอันดับแรก ๆ ของหน้าผลลัพธ์การค้นหาคือการสร้าง Brand Awareness ให้ได้เป็นที่รู้จักโดยเฉพาะการติดใน Feature Snippet หรือการติดอันดับ 0 ที่จะยิ่งช่วยให้เนื้อหาของเว็บไซต์เราถูกมองเห็นได้ง่ายยิ่งขึ้น แถมยังเพิ่มโอกาสที่จะมี Traffic เข้ามายังเว็บไซต์เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งยิ่งมีหน้าเว็บไซต์ที่ติดในอันดับแรก ๆ ในหลาย ๆ คีย์เวิร์ดจะยิ่งเป็นการเพิ่มการจดจำแบรนด์และการสร้างภาพลักษณ์ที่ให้กับธุรกิจ

เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ

สำหรับการทำ SEO ให้เว็บไซต์มีคุณภาพที่ดีนั้น จะต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างของเว็บไซต์รวมไปถึงการผลิตบทความที่มีคุณภาพและมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่านอยู่แล้ว ซึ่งการทำ SEO โดยการเขียนเนื้อหาบทความที่มีประโยชน์ดูน่าเชื่อถือจะเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจว่ามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับธุรกิจนั้นจริง ๆ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการปิดการขายหรือการเกิด Conversion บนเว็บไซต์ของเราได้มากยิ่งขึ้น

เทคนิคการทำ SEO มีขั้นตอนอย่างไร

หลังจากที่ได้ทราบถึงความสำคัญของการทำ SEO กันไปแล้ว ถัดมาเราจะมาเจาะลึกรายละเอียดของการทำ SEO ให้มากยิ่งขึ้นกัน โดยเทคนิคในการทำ SEO จะถูกแบ่งออกเป็น 5 ขั้นตอนดังนี้

1. การทำ Keyword Research

ในขั้นตอนแรกของการทำ SEO เลยคือการหา Keyword ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์หรือการทำ Keyword Research โดยจะเป็นการวิเคราะห์และค้นหา Keyword ที่ผู้ใช้งานนิยมค้นหาบน Google ซึ่งเป้าหมายคือการเลือก Keyword ที่มี Search Volume สูงและมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ แบรนด์หรือเว็บไซต์ของเรา

ประโยชน์ของการทำ Keyword Research จะมีดังนี้

• เพิ่มโอกาสในการเข้าผู้ใช้งานที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเรา
• ช่วยเพิ่ม Brand Awareness
• ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำ SEO ของเว็บไซต์
• เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
• เพิ่ม Traffic ในการเข้าชมเว็บไซต์

2. วาง Website Structure

ขั้นตอนถัดมาของการทำ SEO จะเป็นการวาง Website Structure ซึ่งจะเปรียบเสมือนผังที่แสดงลำดับชั้นและความสัมพันธ์ของหน้าเว็บต่าง ๆ บนเว็บไซต์ ถ้าหากมีโครงสร้างของเว็บไซต์ที่ดีก็จะช่วยให้ผู้ใช้งานเข้าใจเว็บไซต์ สามารถค้นหาข้อมูลได้ง่าย และยังช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์อีกด้วย

โดยหลักการวาง Website Structure ในการทำ SEO จะมีดังนี้

• เรียบง่าย: โครงสร้างควรมีความเรียบง่าย เข้าใจได้ง่าย ไม่ซับซ้อน
• มีลำดับชั้น: หน้าเว็บควรจัดเรียงตามลำดับชั้นและมีการแสดงความสัมพันธ์ของเนื้อหา
• ใช้งานง่าย: ผู้ใช้งานควรค้นหาเนื้อหาหรือข้อมูลต่าง ๆ ที่ต้องการบนเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องคลิกหลายครั้ง
• เหมาะกับ Search Engine: โครงสร้างเว็บไซต์ควรถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ดียิ่งขึ้น

3. การทำ On-Page SEO

อีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างมากในการทำ SEO นั่นคือการทำ On-Page SEO ซึ่งจะเป็นการปรับแต่งองค์ประกอบต่าง ๆ บนหน้าเว็บไซต์ เพื่อให้ Search Engine เข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์และสามารถจัดอันดับบนหน้าผลลัพธ์การค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยเทคนิคการการทำ On-Page SEO จะมีดังนี้

• การเลือก Keyword ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
• ปรับแต่ง Title และ Meta Description
• เขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้
• มีการใส่ Internal link, Alt Text และ Head Tag
• มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของ Website Speed

4. การทำ Off-Page SEO

นอกจากการทำ On-Page SEO แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำควบคู่กันเพื่อประสิทธิภาพในการทำ SEO ที่ดียิ่งขึ้นนั่นคือการทำ Off-Pageg SEO ซึ่งจะเป็นกลยุทธ์การทำ SEO ที่เน้นการสร้าง Backlinks จากเว็บไซต์อื่นมายังเว็บไซต์ของเรา เปรียบเสมือนการให้เครดิตกับเว็บไซต์เราให้ดูมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

โดยเทคนิคการทำ Off-Page SEO จะมีดังนี้

• Guest Blogging: เขียนบทความและเผยแพร่ในเว็บไซต์อื่น โดยจะมีการใส่ External link เพื่อเชื่อมมายัง On-Page
• Infographic: สร้าง Infographic และเผยแพร่บนเว็บไซต์อื่น และมีการลิงก์กลับมายังหน้า On-Page
• Broken Link Building: ค้นหา Broken Link บนเว็บไซต์อื่น และติดต่อเพื่อขอแลก Backlink

5. การทำ Technical SEO

ขั้นตอนสุดท้ายของการทำ SEO คือการทำ Technical SEO โดยจะเป็นการปรับแต่งโครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์ให้ Search Engine สามารถเข้าใจเนื้อหาของเว็บไซต์ ค้นหา จัดอันดับ และแสดงผลบนหน้าผลลัพธ์การค้นหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

โดยเทคนิคการทำ Technical SEO จะมีดังนี้

• ตรวจสอบความเร็วในการโหลดเว็บไซต์และปรับแต่งให้มีประสิทธิภาพ
• ตรวจสอบว่าหน้าเว็บไซต์มีการทำ Responsive เป็น Mobile-Friendly
• ส่ง Sitemap ไปยัง Search Engine
• ใช้ Robots.txt
• ใช้ Canonical URL
• มีการ Optimize รูปภาพ

สรุปการทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google

สำหรับการทำ SEO นั้นเปรียบเสมือนการลงมือปลูกต้นไม้ ตั้งแต่การเพาะเมล็ด เลี้ยงต้นกล้า ต้องคอยใส่ปุ๋ย พรวนดิน คอยดูแลจนกระทั่งต้นไม้เติบโตและสามารถให้ผลผลิตได้ ซึ่งการทำ SEO เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาในช่วงแรกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป

โดยการทำ SEO ในสมัยนี้ได้มีบริษัทรับทำ SEO มากมายที่ให้บริการจ้างทำ SEO คอยดูแลเว็บไซต์ของธุรกิจตั้งแต่การวาง Website Structure รวมไปถึงการทำ Research Keyword สำหรับทำ On-page และ Off-page SEO ที่ทางแบรนด์ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในด้าน SEO ก็สามารถทำ SEO ให้กับแบรนด์ของตัวเองได้ ซึ่ง Agency SEO จะคอยให้คำแนะนำการปรับปรุงเว็บไซต์ตั้งแต่การวาง Structure ไปจนถึงการผลิตบทความที่มีคุณภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับ Search Engine และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน


28
Marketing Automation

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน การตลาดอัตโนมัติ (Marketing Automation) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพผลลัพธ์ทางการตลาด ช่วยให้นักการตลาดสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพประหยัดเวลา และช่วยสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักเพิ่มเติมกันว่า Marketing Automation คืออะไร? มีขั้นตอนการทำงานอย่างไรบ้าง มีวิธีในการดูอย่างไรว่าธุรกิจของเราเหมาะกับ Marketing Automation หรือไม่ พร้อมตัวอย่างการนำ Marketing Automation ไปใช้งานจริงในการทำธุรกิจ

ทำความรู้จัก Marketing Automation หนึ่งในตัวเลือกของธุรกิจยุคใหม่ที่น่าจับตามอง

การตลาดอัตโนมัติ หรือ Marketing Automation คือ การใช้ซอฟต์แวร์หรือเครื่องมือต่าง ๆ ในการลดการทำงานแบบแมนนวลลงและแทนที่ด้วยระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งการใช้งานเทคโนโลยีในการทำงานแทนมนุษย์ช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจาก Human Error ได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยประหยัดเวลาในการทำงานที่มีรูปแบบการทำงานซ้ำ ๆ อีกด้วย

โดยในธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีการทำงานเป็นระบบอย่างชัดเจนจะมีการวาง Marketing Automation ในส่วนต่าง ๆ เพื่อใช้ในการเก็บข้อมูล การโพสต์สื่อบนช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ หรือการส่งอีเมลที่มีจำนวนมหาศาล เป็นต้น ซึ่งงานเหล่านี้ถ้าหากต้องใช้บุคลากรในการทำงานจะต้องใช้แรงงานและงบประมาณที่ค่อนข้างสูงในการจัดการ

จะรู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจของเราเหมาะกับ Marketing Automation หรือไม่?

สำหรับการใช้งาน Marketing Automation ในธุรกิจหรือองค์กรนั้น ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์ในหลายด้านแต่การใช้ Marketing Automation จะเหมาะกับธุรกิจที่เริ่มมีกระบวนการทำงานที่ชัดเจน มีฐานลูกค้าในระดับหนึ่ง ที่อยากจะประหยัดเวลาจากการทำงานที่มีกระบวนการซ้ำ ๆ และใช้บุคลากรในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

ถึงแม้ว่าการใช้ Marketing Automation จะสามารถช่วยประหยัดเวลาและลดการทำงานลงได้ แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายจากการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพิ่มเติมขึ้นมาเช่นกัน ดังนั้นหากเป็นธุรกิจที่ยังมีฐานลูกค้าไม่มากหรือมีปริมาณ Traffic น้อยอยู่ การเลือกใช้ Marketing Automation อาจจะยังไม่ตอบโจทย์สักเท่าไรนักเพราะค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียนั้นยังไม่คุ้มค่ากับการลงทุนกับเครื่องมือเหล่านี้

ขั้นตอนการทำงานของ Marketing Automation

การเลือกใช้เครื่องมือ Marketing Automation จะมีขั้นตอนในการตั้งค่าและการวางกระบวนการการทำงานที่คล้ายคลึงกันในแต่ละชนิดของเครื่องมือ โดยขั้นตอนการทำงานของ Marketing Automation จะมีขั้นตอนในการทำงานหลัก ๆ ดังนี้

  • กำหนดเป้าหมาย: ระบุเป้าหมายทางการตลาดให้ชัดเจนเช่น การเพิ่มยอดขาย เพิ่ม Traffic หรือการสร้างแบรนด์
  • ระบุกลุ่มเป้าหมาย: เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย พฤติกรรม ความต้องการ และความสนใจของลูกค้า
  • การเลือกเครื่องมือ: เลือกใช้เครื่องมือ Marketing Automation ที่เหมาะสมกับธุรกิจและงบประมาณ โดยต้องตอบโจทย์กับเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้
  • เก็บข้อมูล: เมื่อเลือกเครื่องมือในการใช้งานเรียบร้อยแล้ว ถัดมาจะเป็นการเลือกเก็บข้อมูลที่ต้องการเช่น ข้อมูลติดต่อ พฤติกรรมการซื้อ หรือความสนใจของลูกค้า เป็นต้น
  • แบ่งกลุ่มลูกค้า: ตามเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น พฤติกรรม ความสนใจ ข้อมูลประชากร
  • ออกแบบกระบวนการทำงาน: ออกแบบ Workflow สำหรับลูกค้าในแต่ละกลุ่ม และเริ่มดำเนินการ Automation
  • วิเคราะห์ผลลัพธ์: นำผลลัพธ์ที่ได้มาวิเคราะห์และวัดผลแคมเปญ
  • ปรับปรุงกลยุทธ์: ปรับปรุงแผน Marketing Automation ตามผลลัพธ์ที่ได้

ตัวอย่างการนำ Marketing Automation ไปใช้งานในธุรกิจ

roi marketing automation

หลังจากที่ได้ทราบการทำงานของเครื่องมือ Marketing Automation กันไปแล้ว ถัดมาเราจะมาดูตัวอย่างการใช้งานกันบ้างว่า Marketing Automation สามารถนำไปใช้งานยังไงได้บ้าง

1. ส่งข้อเสนอให้กลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การทำ Email Marketing อย่างการส่ง Welcome Email เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจแรกให้กับลูกค้าใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่การทำ Marketing Automation สามารถเข้ามาช่วยจัดการส่ง Email แบบอัตโนมัติได้ในทันที

2. ทำระบบ Scroing เพื่อจัดหมวดหมู่ลูกค้าที่ใช้บริการธุรกิจ

การทำระบบ Scroing เป็นวิธีที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถแบ่งหมวดหมู่ของลูกค้าได้ เพื่อการบริการและนำเสนอบริการหรือสินค้าได้อย่างถูกจุดกับกลุ่มลูกค้าในแต่ละหมวดหมู่ ซึ่งการนำระบบ Automate มาใช้คือวิธีที่จะช่วยให้การจัดการหมวดหมู่ลูกค้าสามารถทำได้อย่างเป็นระบบ

3. ส่งอีเมลหรือโฆษณาให้ลูกค้าเพื่อเพิ่มโอกาสในการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์

อีกหนึ่งวิธีที่เป็นที่นิยมในการใช้ระบบ Automatic คือการส่งอีเมลหรือโฆษณาให้แก่ลูกค้าเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้าง Conversion หรือการปิดการขายได้มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างกลยุทธ์ในธุรกิจ E-commerce Marketing คือการส่งคูปองส่วนลดหรือโปรโมชันพิเศษไปทางอีเมล เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ามีความสนใจอยากซื้อสินค้าหรือบริการมากยิ่งขึ้น

4. การเก็บข้อมูลสำหรับธุรกิจแบบ B2B

สำหรับธุรกิจแบบ B2B แล้ว การทำ Automation Marketing (B2B) จะมีขั้นตอนที่แตกต่างจากธุรกิจแบบ B2C โดยจะมีการใช้เครื่องมือ Marketing Automation ในการเก็บข้อมูลผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อติดต่อกลับหรือส่งข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้เกิด Conversion หลังจากนั้นอาจจะมีการทำ Account-Based Marketing เพิ่มเติมโดยระบบจะส่งข้อความที่มีเนื้อหาแบบ Personalize ให้กับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลเพื่อกระตุ้นให้เกิดการ Conversion แบบเฉพาะเจาะจงตามพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าแต่ละรายที่มีความแตกต่างกัน

Human VS. Automation อะไรส่งผลดีต่อธุรกิจมากกว่ากัน?

automation marketing b2b

หากเปรียบเทียบระหว่างการทำงานโดยมนุษย์กับการใช้เครื่องมือ Marketing Automation แล้ว ในการทำงานแต่ละแบบก็จะมีข้อดีแตกต่างกันออกไปดังนี้

ข้อดีของการทำงานโดยมนุษย์

  • มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถคิดนอกกรอบ หาวิธีในการแก้ไขปัญหาใหม่ ๆ ได้
  • มีการสื่อสารที่ดี มีความเข้าใจอารมณ์ความรู้สึก และภาษากายของผู้อื่น
  • มนุษย์สามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาดโดยพิจารณาจากสถานการณ์และข้อมูลที่มี

ข้อดีของการทำงานโดยใช้เครื่องมือ Marketing Automation

  • สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • ช่วยลดภาระการทำงานที่ซ้ำซ้อน ประหยัดค่าใช้จ่ายและช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้
  • การใช้ระบบ Automation สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องหยุดพัก

ทั้งการทำงานโดยมนุษย์และการใช้เครื่องมือ Marketing Automation ต่างก็มีข้อดีที่แตกต่างกัน ซึ่งทำให้การใช้การทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อความสำเร็จของธุรกิจ ดังนั้นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือการเลือกใช้งานทั้งมนุษย์และเครื่องมือ Marketing Automation ร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด

สรุปการใช้งาน Marketing Automation

Marketing Automation หรือการตลาดแบบอัตโนมัติคือ การใช้เทคโนโลยีหรือโปรแกรมต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องมือทางการตลาดเข้ามาช่วยเพิ่มให้การทำงานสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งการใช้ Marketing Automation ยังสามารถช่วยลดภาระการทำงานซ้ำซ้อนหรือช่วยในการทำงานขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบชัดเจนได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาอีกทั้งยังทำให้ลดการใช้ทรัพยากรบุคคลในบางกระบวนการได้อีกด้วย

โดยการใช้ Marketing Automation จะเข้ามามีส่วนช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า ทำความเข้าใจความต้องการของลูกค้า และยังสามารถช่วยเหลือการทำงานทางด้านการตลาดอื่น ๆ ที่หลากหลายได้อีกไม่ว่าจะเป็นการส่งอีเมล การสร้างแคมเปญ หรือการจัดการบนโซเชียลมีเดียตามช่องทางต่าง ๆ ซึ่งการใช้ระบบ Automation ร่วมงานกับการทำงานของมนุษย์จะยิ่งช่วยลดโอกาสการเกิดข้อผิดพลาด และทำให้การทำงานสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

29
รับปิดโพรงใต้บ้าน

ขอบคุณภาพจาก https:// www .q-chang.com/landscape/void-filling

บ้านเป็นทรัพย์สินมีค่าที่สุดของหลายๆ คน เมื่ออยู่ไปนาน ๆ จะมีปัญหากวนใจมักพบได้บ่อยคือบ้านทรุด รอยร้าว พื้นเอียง ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือโพรงใต้บ้าน ซึ่งโพรงใต้บ้านเปรียบเสมือน "ระเบิดเวลา"  อาจส่งผลร้ายแรงต่อโครงสร้างบ้าน แก้ปัญหาได้ด้วยบริการรับปิดโพรงใต้บ้านเพื่อเสริมความแข็งแรงของบ้าน หรือปิดโพรงรอบบ้าน เพื่อให้บ้านกลับมาแข็งแรง ปลอดภัย สวยงาม น่าอยู่ยิ่งขึ้นกว่าเดิม

บทความนี้ จะมาทำความรู้จักกับการปิดโพรงใต้บ้านคืออะไร สาเหตุเกิดโพรงใต้บ้านเกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไขอย่างไร ขั้นตอนการทำงาน ข้อดีและประโยชน์ของรับปิดโพรงใต้บ้าน รวมถึงปิดโพรงใต้บ้าน ราคาเริ่มต้นเท่าไร อย่าปล่อยให้บ้านเกิดปัญหาบานปลาย รีบแก้ไขด้วยวิธีที่ถูกต้องกันเลย

ทำความรู้จักการรับปิดโพรงใต้บ้าน 

การรับปิดโพรงใต้บ้าน หมายถึงบริการซ่อมแซมแก้ไขโพรงหรือช่องโหว่ที่เกิดขึ้นใต้พื้นบ้าน ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุ เช่น ดินทรุด น้ำท่วม การกัดเซาะของน้ำใต้ดิน หรือสัตว์ต่างๆ ขุดรูใต้บ้านจนเกิดโพรง
หากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลเสียหลายอย่าง เช่นโครงสร้างบ้านเสียหาย เกิดปัญหาบ้านทรุด ร้าว แตก พังทลาย ปัญหาน้ำท่วมขัง หรือสัตว์เข้ามาอาศัย เพื่อลดหรือป้องกันความเสี่ยง ใช้บริการปิดโพรงรอบบ้าน โดยใช้วัสดุต่างๆ ปิดโพรงใต้บ้าน

สาเหตุของการเกิดโพรงใต้บ้าน 

ปิดโพรงใต้บ้าน

ขอบคุณภาพจาก https:// www .q-chang.com/landscape/void-filling

สาเหตุของเกิดโพรงใต้บ้าน มีสาเหตุหลัก ๆ ของโพรงใต้บ้านเกิดจากดินทรุดตัว ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 กรณีหลัก ดังนี้

1. ดินทรุดตัวตามธรรมชาติ
• ลักษณะของดิน: ดินในพื้นที่นั้นเป็นดินอ่อน เช่น ดินเหนียวอ่อน ดินทราย ดินถม ซึ่งดินเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงจะทรุดตัวได้
• การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำใต้ดิน: การใช้น้ำบาดาลอย่างมาก ส่งผลต่อระดับน้ำใต้ดินที่ลดลง ทำให้ดินสูญเสียความชื้นเกิดการยุบตัว
• แรงสั่นสะเทือนจากการจราจร ก่อสร้าง หรือจากเครื่องจักร ต่าง ๆ ส่งผลต่อโครงสร้างของดิน
• ภัยธรรมชาติ: เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม ส่งผลต่อโครงสร้างของดิน

2. ดินทรุดตัวจากถมที่
• ถมดินไม่แน่นพอ: ก่อนก่อสร้างบ้าน ควรถมดินและทิ้งระยะเวลาให้นานพอ ประมาณ 2-3 ปี เพื่อให้ดินเกิดการเซ็ตตัว
• ถมดินด้วยวัสดุไม่เหมาะสม: วัสดุที่ใช้ถมดินควรมีความหนาแน่น สามารถรับน้ำหนักได้ดี

3. สาเหตุอื่น ๆ
• เกิดกัดเซาะของน้ำ: น้ำฝนหรือน้ำจากท่อประปารั่วไหล ซึมลงใต้ดิน ส่งผลให้ดินถูกกัดเซาะ ทำให้เกิดโพรง
• ปลวก: ปลวกสามารถกัดกินเนื้อไม้ใต้บ้าน ทำให้โครงสร้างของบ้านเสียหาย เกิดโพรงใต้บ้าน
• ก่อสร้างไม่ถูกต้อง: ออกแบบฐานรากไม่เหมาะสม ใช้วัสดุก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลต่อโครงสร้างของบ้าน ทำให้เกิดโพรงใต้บ้านได้

เกิดโพรงใต้บ้านเป็นปัญหาสามารถส่งผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม รวมถึงใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาควรรีบแก้ไข โดยใช้บริการรับปิดโพรงใต้บ้าน เพื่อลดความเสี่ยงอาจจะทำให้เกิดบ้านทรุด

แก้ปัญหาบ้านทรุดได้ด้วยบริการรับปิดโพรงใต้บ้าน

รับปิดโพรงใต้บ้าน ราคา

ขอบคุณภาพจาก https:// www .q-chang.com/landscape/void-filling

แก้ปัญหาบ้านทรุดได้ด้วยบริการรับปิดโพรงใต้บ้าน มีข้อดี และประโยชน์ที่ได้รับมากมาย ดังต่อไปนี้

ข้อดีของบริการรับปิดโพรงใต้บ้าน

• แก้ปัญหาโพรงใต้บ้าน: ปิดโพรงใต้บ้าน ป้องกันดินทรุดตัวเพิ่มเติม
• เสริมความแข็งแรงให้บ้าน: เพิ่มความมั่นคงให้โครงสร้าง รองรับน้ำหนักของบ้าน กระจายแรงกด
• ป้องกันปัญหาโครงสร้าง: ลดโอกาสเกิดรอยร้าว ผนังเอียง พื้นทรุดเอียง ยืดอายุใช้งานของบ้าน
• เพิ่มพื้นที่ใช้สอย: เปลี่ยนพื้นที่ใต้บ้านให้เป็นพื้นที่ใช้งาน
• สวยงาม เรียบร้อย: ปิดโพรงใต้บ้าน เพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน ทำให้น่าอยู่อาศัย
• ปลอดภัย: ป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์มีพิษ เข้ามาอาศัย ป้องกันการทรุดตัวของพื้น ลดความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุ ปิดโพรงใต้บ้านจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย
• สะดวก รวดเร็ว: ไม่ต้องเสียเวลาหาช่าง วัสดุ อุปกรณ์ ง่าย ไม่ยุ่งยาก ใช้เวลาน้อย ไม่รบกวนการอยู่อาศัย
• มั่นใจในผลงาน: บริการโดยทีมช่างมืออาชีพ มากประสบการณ์
• ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย: แก้ปัญหาได้ตรงจุด ป้องกันปัญหาใหญ่ในอนาคต ประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม จบปัญหาในขั้นตอนเดียว

ประโยชน์ของปิดโพรงใต้บ้าน ได้แก่

• ป้องกันปัญหาน้ำขัง: โพรงใต้บ้านเป็นจุดอ่อนน้ำสามารถไหลเข้าท่วมได้ง่าย ปิดโพรงใต้บ้านจะช่วยป้องกันปัญหาน้ำขังใต้บ้าน ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาน้ำรั่ว ซึม ผนังบ้านเปียก และราขึ้น
• ป้องกันปัญหาสุขภาพ: โพรงใต้บ้านเป็นแหล่งสะสมของขยะ ฝุ่นละออง และความชื้น ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของเชื้อโรคและแมลงต่างๆ ปิดโพรงใต้บ้านจะช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพ เช่น โรคภูมิแพ้ โรคระบบทางเดินหายใจ หรือโรคผิวหนัง
• เพิ่มมูลค่าบ้าน: ปิดโพรงใต้บ้านช่วยแก้ปัญหาโครงสร้างบ้านที่เสียหาย ป้องกันปัญหาน้ำท่วมขัง เพิ่มพื้นที่ใช้สอย ส่งผลให้มูลค่าบ้านเพิ่มขึ้น

สรุป บริการรับปิดโพรงใต้บ้าน เป็นทางเลือกสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย  แก้ปัญหาบ้านทรุดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บริการรับปิดโพรงใต้บ้าน มีขั้นตอนการทำงานอย่างไร

ขั้นตอนการทำงานของบริการรับปิดโพรงใต้บ้าน สรุปขั้นตอนได้ดังนี้

1.สำรวจพื้นที่

ทีมงานจะเข้าสำรวจพื้นที่หน้างาน เพื่อตรวจสอบความหนาแน่นของชั้นดิน วัดขนาดโพรง และเช็กท่อน้ำบริเวณโดยรอบก่อนปิดโพรงใต้บ้าน ถ่ายภาพ หรือถ่ายวิดีโอ เพื่อเก็บข้อมูลและประเมินงาน แจ้งรายละเอียดงาน ระยะเวลา งบประมาณ แก่ลูกค้า

2.เตรียมพื้นที่

ปูผ้าใบเพื่อป้องกันผนังและสนามหญ้าจากสิ่งสกปรก ขุดดินรอบตัวบ้านขนาด 30 - 50 เซนติเมตร เพื่อเตรียมการก่อนวางแผ่นวัสดุ โดยปรับแต่งพื้นผิวดินให้มีความเรียบก่อนติดตั้ง

3.ติดตั้งวัสดุปิดโพรง

เลือกวัสดุให้เหมาะสมกับสภาพพื้นดินและความต้องการของลูกค้า เช่น แผ่นสมาร์ทบอร์ด,แผ่น PVC Celuka, วัสดุ Fill Good หลังจากนั้นตัดบากแผ่นวัสดุให้เหมาะสมกับการติดตั้ง โดยวางแผ่นวัสดุลงในโพรง ปรับให้แนบสนิทกลบดินที่ขุดและบดอัดแผ่นหลังติดตั้ง

4.เก็บงาน

ทำความสะอาดพื้นที่และเก็บเศษวัสดุให้เรียบร้อย โดยตรวจสอบความเรียบร้อยของงานอีกครั้ง

ข้อสำคัญขั้นตอนการทำงานอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ให้บริการ วัสดุที่ใช้ รวมถึงความรุนแรงของปัญหา ดังนั้นควรเลือกบริษัทได้มาตรฐาน มีทีมช่างผู้ชำนาญ ใช้วัสดุคุณภาพสูง เสนอรับปิดโพรงใต้บ้าน ราคาสมเหตุสมผล มีรับประกันผลงาน

ก่อนใช้บริการรับปิดโพรงใต้บ้าน ลูกค้าควรสอบถามข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับบริการ วัสดุที่ใช้ ระยะเวลา งบประมาณ และรับประกันผลงาน ก่อนตัดสินใจเลือก

สรุปเกี่ยวกับรับปิดโพรงใต้บ้าน

ปิดโพรงใต้บ้านเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อแก้ปัญหาการทรุดตัวของดิน ป้องกันสัตว์ร้าย และเพิ่มความปลอดภัย โดยมีวิธีปิดโพรงหลายแบบ วิธีดีที่สุดขึ้นอยู่กับขนาดของโพรง สาเหตุของการทรุดตัว และงบประมาณ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เลือกบริษัทรับปิดโพรงใต้บ้านมีประสบการณ์ น่าเชื่อถือ เพื่อประเมินปัญหาและเลือกวิธีแก้ไขให้เหมาะสมที่สุด รวมทั้งปิดโพรงใต้บ้านจะช่วยปรับภูมิทัศน์รอบบ้านให้ดูสวยงาม เพิ่มมูลค่าบ้านได้อีกด้วย


30
โซฟา

โซฟา(Sofa) เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถพบเห็นได้มากมายตามบ้านและคอนโดต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้วโซฟามักจะถูกตั้งไว้ในห้องนั่งเล่น แต่ก็มีโซฟาปรับนอนที่สามารถใช้นอนได้ด้วยเช่นกัน ในปัจจุบันมีโซฟาหลายแบบทั้งโซฟาเบด โซฟาชุด และยี่ห้อโซฟาให้เลือกซื้อมากมาย แต่ก่อนจะเลือกซื้อโซฟา ยี่ห้อไหนดี มาดูกันก่อนว่าทำไมปัจจุบันถึงมีผู้นิยมซื้อโซฟามาใช้งานกันมากมาย

ทำไมถึงควรซื้อโซฟาไว้ใช้งาน?

อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่าโซฟาสามารถนำมานั่งเล่น นั่งทำงานคู่กับโต๊ะทำงาน หรือจะใช้นอนก็ได้ ซึ่งอาจจะมีผู้เห็นต่างว่าถ้าจะนั่งก็ซื้อเก้าอี้ หรือถ้าจะนอนก็ซื้อเตียงนอนหรือฟูกแทน ไม่จำเป็นต้องซื้อโซฟาที่มีขนาดใหญ่กินพื้นที่ห้องและมีราคาค่อนข้างสูงก็ได้

แต่ที่จริงแล้วเฟอร์นิเจอร์โซฟาก็มีเสน่ห์ที่ทำให้ใครหลาย ๆ คนหลงใหลและซื้อโซฟาตั้งไว้ในบ้านหรือห้อง เช่น โซฟามีรูปทรงสวยงาม สามารถเลือกประเภทโซฟาที่ถูกใจแล้วจัดให้เข้ากับห้องได้ ไม่ได้ทำให้รู้สึกเกะกะรกห้องแต่อย่างใด หรือจะนำโซฟามานั่งพร้อมกันหลายคนได้สบายโดยไม่ต้องเตรียมเก้าอี้หรือเบาะรองนั่งที่พอนั่งนาน ๆ แล้วจะรู้สึกเมื่อยตัวได้เช่นกัน

อีกทั้งในปัจจุบันเองก็มีโซฟา bedหรือโซฟาปรับนอนที่เป็นได้ทั้งเก้าอี้และเตียงนอนที่ช่วยประหยัดพื้นที่ และประหยัดเงินซื้อเตียง จึงไม่แปลกใจว่าทำไมถึงควรซื้อโซฟาไว้ในห้องสักตัว ดังนั้นก่อนที่จะดูว่าเลือกโซฟา ยี่ห้อไหนดีในที่นี้มาดูประเภทโซฟาและจุดเด่นของแต่ละประเภทคร่าว ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น ดังนี้

• โซฟาทรง I
เป็นโซฟารูปทรงตัว I มีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถนั่งได้ 2-3 คน จึงมีราคาโซฟาค่อนข้างถูก เหมาะกับการตั้งภายในห้องที่มีขนาดพื้นที่จำกัด

• โซฟาชุด
เป็นโซฟาที่เหมาะกับครอบครัวขนาดใหญ่เพราะใน 1 เซตจะประกอบด้วยโซฟาและเก้าอี้หลายตัว เช่น โซฟา 3 ตัวและเก้าอี้ 1 ตัว หรือโซฟา 3 ตัวและเก้าอี้ 2 ตัว เป็นต้น

• โซฟาเบด
เป็นโซฟาที่ในช่วงเวลาปกติจะใช้นั่งเล่น แต่ถ้าต้องการหลับก็สามารถปรับเบาะที่ตั้งตรงให้ขนานกับพื้นพร้อมนอนได้สบาย ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นที่ภายในห้องได้เป็นอย่างดี

• โซฟาเข้ามุม
สามารถจัดให้เข้ากับมุมห้องได้ง่าย ทำให้จัดสรรออกแบบพื้นที่ในห้องสะดวก แต่เนื่องจากส่วนมากมีขนาด 2-3 เมตรขึ้นไป ก่อนเลือกซื้อโซฟาจึงควรพิจารณาถึงขนาดห้องด้วย

• โซฟาพักผ่อน
เป็นโซฟาที่ถูกออกแบบโดยเน้นสรีระร่างกายมนุษย์ มีสัมผัสการนั่งที่นุ่มสบาย ทำให้เวลานั่งโซฟาแล้วรู้สึกสบาย ไม่ปวดเมื่อยตามตัว

5 อันดับโซฟา ยี่ห้อไหนดีที่ได้รับความนิยม

โซฟายี่ห้อไหนดี

1. IKEA

หากพูดถึงแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามต่อเนื่องในปัจจุบัน ซึ่งตัว IKEA แบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากสวีเดนก็มีโซฟาให้เลือกซื้อหลายประเภทให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นโซฟาทรง I โซฟาปรับนอน และโซฟาอื่น ๆ ในราคาไม่แพงมาก

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโซฟา ยี่ห้อไหนดีที่ราคาไม่แพง โซฟา 2 ที่นั่ง GLOSTAD(กลูสตอด) ก็เป็นหนึ่งในโซฟาราคาถูกที่น่าเลือกซื้อ โดยจะมีราคาอยู่ที่ 2,990 บาท มีดีไซน์เรียบสวย น้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้าย ปรับเปลี่ยนที่ตั้งตามใจชอบได้สบาย

2. SB Furniture

เมื่อกำลังเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์โซฟา เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็มีแบรนด์ในใจอย่าง SB Furniture แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สัญชาติไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือก โดยทางแบรนด์ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย โดยเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ รวมถึงโซฟามีดีไซน์สวยงามน่าซื้อ และมีความแข็งแรงทนทานใช้งานได้นาน

ทางแบรนด์มีโซฟาหลายรูปแบบมานำเสนอ ทั้งโซฟาเบด โซฟาเข้ามุม โซฟาสั่งทำการันตีคุณภาพสูง และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยโซฟาที่น่าสนใจของยี่ห้อนี้มีหลายรุ่น แต่ถ้าสนใจโซฟาเบด โซฟารุ่น Minda เป็นรุ่นที่ผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพชั้นสูงที่สามารถรองรับสรีระร่างกายได้ดี และสามารถปรับระดับโซฟาได้ในราคาลดที่ 6,900 บาท

3. INDEX LIVING MALL

หนึ่งในเฟอร์นิเจอร์แบรนด์จากประเทศไทยที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ INDEX LIVING MALL ซึ่งมีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ และโซฟาอย่างพิถีพิถันหลายแบบเพื่อตอบรับความต้องการซื้อของทุกคน อย่างโซฟาทางแบรนด์ก็ออกแบบมาหลายประเภท เช่น โซฟาทรงตัว I โซฟาเบด ชุดโซฟา โซฟาแบบสั่งทำ เป็นต้น

สำหรับผู้ที่อยากซื้อโซฟาปรับนอนสักตัว แต่ก็ลังเลว่าไม่รู้จะซื้อโซฟา ยี่ห้อไหนดี และซื้อรุ่นไหนดี ถ้าสนใจซื้อโซฟาแบรนด์นี้ก็จะแนะนำโซฟาเบดรุ่นสตีเฟ่น โดยรุ่นนี้ราคาจะอยู่ที่ 10,990 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ไม่แรงแต่คุ้มค่ากับการซื้อมาก เพราะโซฟาสามารถพับเก็บของได้จึงช่วยประหยัดพื้นที่ภายในห้องได้ดี ตัวเบาะโซฟาเองก็มีความนุ่มและยืดหยุ่นได้ดีด้วย

4. Solomon

ถ้าพูดถึงแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ Solomon หลาย ๆ คนก็มักจะนึกถึงที่นอนเป็นอย่างแรก แต่จริงๆแล้วทางแบรนด์เองก็มีวางจำหน่ายโซฟาด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าสินค้าจากทางแบรนด์นี้เองก็เต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพไม่แพ้แบรนด์อื่น ๆ เลย

กรณีที่สนใจซื้อโซฟาจากทางแบรนด์ โซฟาเบดหนังรุ่น Extra Cushy ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง มีลักษณะผิวโซฟามันวาว ทำให้โซฟาดูใหม่อยู่เสมอแม้ว่าจะผ่านการใช้งานมานาน และยังเหมาะกับการตั้งในห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่เพราะโซฟาสามารถพับเก็บได้ โดยมีราคา 15,200 บาทเท่านั้น

5. KONCEPT FURNITURE

เมื่อพูดถึงโซฟาอีกแบรนด์หนึ่งที่เป็นที่รู้จัก KONCEPT FURNITURE ก็คงอยู่ในลิสต์ของหลาย ๆ คน เพราะเป็นแบรนด์ลูกของ SB Furniture ซึ่งโซฟาราคาถูกกว่า แต่คุณภาพและการใช้งานนั้นเรียกได้ว่าสมกับราคามาก

สำหรับผู้ที่สนใจโซฟาราคาดี ๆ ที่มีทรงเรียบ ๆ แต่ดูดีมีสไตล์ สามารถตกแต่งเข้ากับห้องได้ทุกรูปแบบ โซฟา 2 ที่นั่ง Gibbon(กิบบอน) ก็เป็นหนึ่งในรุ่นที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทานสูงแล้ว และยังมีช่องว่างสำหรับใส่หนังสือและของอื่น ๆ ให้สามารถใส่ไว้ในยามนั่งเล่นพักผ่อนได้

โซฟามีประโยชน์อย่างไร

หากหลังจากอ่านรีวิวเลือกโซฟา ยี่ห้อไหนดีแล้ว แต่ยังคงลังเลอยู่ว่าควรซื้อโซฟาดีไหม? ในที่นี้มาดูกันว่าโซฟามีประโยชน์หรือข้อดีอย่างไร ทำไมถึงควรซื้อ

• ใช้นั่งพักผ่อนหย่อนคลายในเวลาที่รู้สึกเหนื่อยล้าได้
• สามารถเอนหลังนอนงีบหลับในระหว่างวันได้สบายร่างกาย และยังมีโซฟาปรับนอนที่สามารถปรับโซฟาให้เป็นเตียงนอนได้ด้วย
• โซฟาส่วนมากมีลักษณะเนื้อนิ่มเข้ากับสรีระร่างกาย ทำให้เวลานั่งไม่รู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
• โซฟามีขนาดกว้าง สามารถนั่งได้พร้อมกันหลายคน ไม่ว่าจะนั่งคนเดียว นั่งกับเพื่อน นั่งกับแฟน หรือนั่งกับครอบครัว
• ถึงแม้ว่าจะเป็นชุดโซฟาราคาถูก แต่โซฟาก็เป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์ที่ช่วยตกแต่งให้บรรยากาศห้องดูอบอุ่น สวยงาม น่าอยู่อาศัย

สรุป

สำหรับผู้ที่กำลังพิจารณาซื้อโซฟา ยี่ห้อไหนดี  จะต้องพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดห้องที่ส่งผลต่อขนาดและประเภทของโซฟาที่ควรซื้อ เช็กเนื้อสัมผัสโซฟาที่ชอบ หรืออาจจะมองหาโปรโมชั่นโซฟาลดราคาก่อนซื้อ เพื่อซื้อโซฟาที่ชอบในราคาที่ถูกใจที่สุด

31
อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี กันน้ำ ไม่แพนด้า

ดินสอเขียนขอบตาหรือ Eyeline ถือว่าเป็นไอเทมอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการแต่งหน้าของสาว ๆ ช่วยให้ดวงตากลมโตสวย มีเสน่ห์ แต่ปัญหาของคนหนังตามันกับอายไลเนอร์ส่วนใหญ่จะชอบหลุดไหลเยิ้มเป็นแพนด้าระหว่างวัน โดยบทความนี้จะมาแนะนำทุกคนให้รู้จัก 5 อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี เขียนง่าย ไม่หลุดระหว่างวันและสมราคาไปดูกันเลย

ทำความรู้จักอายไลเนอร์กันน้ำ

อายไลเนอร์กันน้ำกันเหงื่อ คืออะไร

สำหรับมือใหม่ที่มองหาอายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดีควรมาทำความรู้จักอายไลเนอร์แต่ละแบบกันก่อนว่าควรเลือกใช้ยังไง แต่ละชนิดความเขียนยาก - ง่ายเหมือนกันไหม Eyeliner คือเครื่องสำอางใช้เป็นที่กรีดตาให้ขอบตาสวยคมช่วยสร้างลุคการแต่งหน้าใหม่ ๆ เปลี่ยนรูปตาให้ดูกลมโต ตาคม ตาหวาน Cat Eye Foxy eyes ในแบบฉบับของแต่ละคน อีกทั้งอายไลเนอร์บางแบรนด์ยังมีหลายสีเช่น สีแดง, สีขาว, สีทองและสีดำ ใช้แต่งตาเป็นแฟชั่นตามเทศกาลฮาโลวีน, คริสต์มาส, อีเว้นต์ต่าง ๆ ได้ด้วยสำหรับมือใหม่ที่ไม่รู้ว่าอายไลเนอร์มีกี่แบบ แตกต่างกันอย่างไรไปทำความรู้จักอายไลเนอร์ทั้ง 3 แบบ ได้แก่

1. ดินสอเขียนขอบตา เป็นอายไลเนอร์เนื้อนิ่มเขียนง่าย จับถนัดมือคล้ายเวลาเขียนดินสอเวลาวาดรูป แต่เส้นที่ได้จะดูหนาไม่คมสวยเท่าแบบเจลหรือแบบน้ำและไม่เหมาะสำหรับคนผิวมันเพราะไม่ค่อยติดทนมาก เสี่ยงหน้าไหลเยิ้มระหว่างวัน เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการฝึกเขียนขอบตา ฝึกเบลนด์สีไล่ระดับให้ทั้งสองข้างดูเท่ากัน

2. อายไลเนอร์แบบเมจิก มีทั้งแบบแท่งและแบบพู่กันจิ้มจุ่ม เส้นที่ได้จะสวยคมมากกว่าดินสอเขียนขอบตา มีให้เลือกหลายสี ใช้ง่าย คล่องมือเส้นสวยเป็นธรรมชาติเหมือนวาดขอบตาด้วยปากกาเลย จึงเป็นอีกรุ่นหนึ่งที่คนนิยมใช้แต่งหน้าลุคสายฝอ ลุคสายเกา แต่สีอาจจะไม่ดำสนิทเท่าแบบเจล

3. อายไลเนอร์กันน้ำแบบเจล ลักษณะเป็นแท่งเหมือนปากกาเพียงแต่เนื้อเจลจะแน่นสีดำสนิท กรีดตาง่าย มีขนาดหัวให้เลือกเส้นเล็ก ใหญ่หลากหลายแบรนด์เหมาะสำหรับสายฝอ สายปาร์ตี้ที่ต้องการความเฉี่ยวคม แต่ก็มีข้อเสียตรงที่คนข้างแห้งไวนั่นเอง

ดังนั้นอายไลเนอร์จึงกลายเป็นไอเทมชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการแต่งหน้า เพียงแค่มีอายไลเนอร์ลุคแต่งหน้าของคุณก็จะดูมืออาชีพขึ้นมาทันที สำหรับใครที่กำลังมองหาและเลือกซื้ออายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดี เป็นตัวช่วยเสริมลุคให้โดดเด่นไม่เหมือนใคร แถมยังราคาเบา ๆ น่าคบหาไปดูในหัวข้อถัดไปกันเลย

แนะนำ 5 อายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดีที่สาว ๆ หนังตามันต้องรู้

อายไลเนอร์กับดินสอเขียนขอบตา

เลือกอายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดีติดทน กันน้ำ กันเหงื่อ ไม่เสี่ยงเป็นแพนด้าและยังเหมาะกับตัวเอง การเลือกอายไลเนอร์นั้นมีหลายอย่างไม่ใช่มองแค่ราคา ยังต้องเลือกจากเนื้อสัมผัส สี ความติดทนเขียนง่ายไม่ซับซ้อนด้วย เพื่อที่จะให้คุณเจออายไลเนอร์ไม่แพนด้าไหลหลุดระหว่างวัน เราได้รวบรวม 5 อายไลเนอร์สุดปังแถมยังหาซื้อง่ายเป็นอายไลเนอร์วัตสันยอดนิยมอีกด้วย

1. Browit HighTechnique Duo Eyeliner

Browit by Nongchat อายไลเนอร์กันน้ำมี 2 หัวในแท่งเดียวทั้งขอบตาบน ขอบตาล่างเนื้อนุ่ม สูตรกันน้ำ เป็นหนึ่งในรุ่นยอดฮิตหัวแรกคือปากกาเมจิกปลายเรียวแหลม กรีดแล้วเส้นเล็ก สีชัด ส่วนอีกด้านเป็นดินสอสีน้ำตาลไว้เขียนขอบตาล่าง เหมาะสำหรับมือใหม่และคนที่เขียนขอบตาทุกวัน หาซื้อง่ายตามห้างสรรพสินค้า ออนไลน์ชอปปิงด้วยราคาเริ่มต้นที่ 149 บาท ปริมาณ 0.45 มล.+ 0.08 กรัม มี 3 สีให้เลือกได้แก่ Black, Soft Brown, Taupe Brown

2. Merrezca Super Black & Long-Lasting Eyeliner

อายไลเนอร์หัวเมจิกจากแบรนด์ Merrezca เนื้อสัมผัสนุ่มลื่นไม่สะดุด เวลากรีดขอบตาจะได้เส้นสวยคม ไม่ระคายเคืองเปลือกตา แท่งเป็นปากกาจับถนัดมือสุด ๆ เหมาะสำหรับคนผิวมันเพราะสูตร Long-Lasting Eyeliner กันน้ำกันเหงื่อ ขนาด 0.8 กรัม ราคาเริ่มต้นที่ 99 บาทเท่านั้น

3. Sis2Sis Super Sharp Eye Liner

Sis2Sis สูตรกันน้ำมาพร้อมสีดำสนิทไม่หลุดลอกระหว่างวัน ถือว่าเป็นอายไลเนอร์ไม่แพนด้ารุ่นฮิต ของมือใหม่เลยก็ว่าได้เพราะเป็นเนื้อด้าน Matte หัวคอตตอนขนาดเล็กทำให้เขียนง่าย มีทั้งแบบปากกาและแบบซองเล็กให้ทดลองใช้ด้วย ราคาเริ่มต้นที่ 0.8 กรัม 199 บาทและแบบซอง 0.5 กรัม 49 บาท

4. Mee Brightly Sharp Eyeliner

อายไลเนอร์กันน้ำกันเหงื่อจาก Mee cosmetics สูตรใหม่เขียนง่าย มาในรูปแบบแท่งลิควิด เขย่าก่อนใช้เพื่อให้สีเข้มชัด เขียนลื่นและแห้งไว เหมาะสำหรับมือใหม่เริ่มต้นแต่งหน้า แต่งตาแบบสุด ๆ ด้วยความติดทนทั้งวัน มีรีวิวจากผู้ใช้จริงเป็นอายไลเนอร์อีกตัวหนึ่งที่ใคร ๆ ต่างก็แนะนำ มาในราคาเริ่มต้นที่ 139 บาทกับปริมาณสุดคุ้ม 7 กรัม

5. Beauti Cute Eyeliner Big Eye & Hilighter

อายไลเนอร์ติดทนยาวนาน 12 ชั่วโมง Beauti Cute Eyeliner มาพร้อม 2 หัวแบบ 2in1 หัวแรกใช้เขียนขอบตาเป็นอายไลเนอร์สีดำ เนื้อฟิล์ม กันน้ำ กันเหงื่อและอีกหัวไว้สำหรับ Hilighter หัวตาสีโรสโกลด์แปรงฟองน้ำ ใช้เพิ่มเสน่ห์ดวงตาดูกลมโตโดดเด่นหรือเป็นอายแชโดว์เปลือกตาได้ด้วย หลายเทคนิคในแท่งเดียว ราคาเริ่มต้นที่ 139 บาท

สรุป

การเลือกอายไลเนอร์ยี่ห้อไหนดีเป็นจุดเริ่มต้นดี ๆ สำหรับสาว ๆ ที่ต้องการความสวยเป๊ะ ตากลมโต เสริมลุคให้คุณดูดีขึ้นแบบทันที ไม่ว่าจะลุคสาวหวานหรือสายฝอ สายแฟชั่นก็โดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่ก็ต้องระวังสำหรับคนที่หนังตามัน ควรเลือกอายไลเนอร์กันน้ำเพื่อเพิ่มความมั่นใจไม่แพนด้าระหว่างวัน

32
ผลิตครีมกันแดด

ใครที่กำลังอยากทำแบรนด์ครีมกันแดดเป็นของตัวเอง หรือคนที่อยากเริ่มทำธุรกิจประเภทครีมกันแดดแน่นอนจะต้องกำลังมองหาโรงงานผลิตครีมกันแดดอย่างแน่นอน ซึ่งในปัจจุบันมีโรงงานผลิตครีมกันแดดที่ครบวงจรทั้งแบบ OEM และ ODM ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของแบรนด์ โดยมีสูตรครีมกันแดดที่หลากหลาย มีผู้เชี่ยวชาญและทีมงานที่พร้อมให้คำปรึกษาตั้งแต่การวางแผน การคิดค้นพัฒนาสูตร การขึ้นทะเบียนรับรอง จนสามารถออกวางจำหน่ายสู่ท้องตลาด โดยการจะผลิตครีมกันแดดออกมานั้นเจ้าของแบรนด์จะต้องรู้อะไรบ้าง ลองมาอ่านในบทความนี้เลย

ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดคืออะไร

ครีมกันแดด (Sunscreen) คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับใช้กับผิวหนัง สามารถปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดด และรังสี UV (Ultraviolet) เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนัง และสร้างเม็ดสีทำให้ผิวคล้ำเสีย การทาโลชั่นกันแดดจึงเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถป้องกันการเกิดได้ระดับหนึ่งเพราะสามารถดูดซับและสะท้อนรังสี UV ไม่ให้มาทำร้ายชั้นผิวหนังด้านในได้ โดยผู้เชี่ยวชาญในโรงงานผลิตครีมกันแดดต่างคิดค้นและพัฒนาสูตรเพื่อให้เหมาะกับปัญหาผิวเพื่อให้ตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย

การเป็นเจ้าของแบรนด์ครีมกันแดดมีข้อดีอย่างไร

อย่างที่รู้กันดีว่าการเป็นเจ้าของแบรนด์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก โรงงานผลิตครีมกันแดด สามารถรับผลิตครีมกันแดดที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ แต่การเป็นเจ้าของแบรนด์ครีมกันแดดนั้นให้อะไรกับเราได้บ้างและมีข้อดีอะไรบ้าง

  • เป็นอาชีพที่อิสระ การเป็นเจ้าของธุรกิจหรือเจ้าของแบรนด์ครีมกันแดดสามารถเลือกเวลาการทำงานได้อิสระ สามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้ตามที่สะดวก โดยจะต้องจัดสรรเวลาและมีวินัยในการทำงาน
  • มีรายได้จากการขายสินค้า หากตั้งใจผลิตครีมกันแดดที่มีคุณภาพและสามารถสร้างยอดขายแต่ละเดือนได้ดี จะทำให้ได้กำไรจากการทําครีมกันแดดแบรนด์ตัวเอง ซึ่งเจ้าของแบรนด์จะต้องมีการโปรโมทสินค้า ทำการโฆษณาสินค้าให้เป็นที่รู้จักเพื่อสร้างยอดขาย
  • สามารถต่อยอดธุรกิจ การทำแบรนด์เครื่องสำอางไม่ใช่เพียงแต่ครีมกันแดด หากยอดขายสินค้าดีขั้น เจ้าของแบรนด์สามารถสั่งผลิตสินค้าเครื่องสำอางประเภทอื่นๆ ภายใต้ชื่อแบรนด์ของตัวเองได้
  • สร้างรายได้ให้กับผู้อื่น การทำธุรกิจหากมีการเติบโต เจ้าของแบรนด์สามารถจ้างคนงานเพิ่มในตำแหน่งต่างๆ เช่น ฝ่ายขาย ฝ่ายการตลาด ฝ่ายบัญชี เป็นต้น เพื่อทำให้ธุรกิจมีความมั่นคง และเป็นการสร้างงานให้กับผู้อื่น ลดความเหนื่อยล้าจากการทำงานหลายๆอย่าง เพื่อสามารถมีเวลาในการคิดต่อยอดการสร้างแบรนด์ครีมและพัฒนาธุรกิจของตัวเอง
  • สามารถช่วยเหลือผู้อื่น การผลิตแบรนด์ครีมกันแดดที่มีคุณภาพ ปลอดภัยต่อผู้บริโภคเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน ช่วยแก้ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือแม้แต่การปกป้องผิวจากแสงแดด ซึ่งเป็นการช่วยเหลือผู้อื่น และส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดี
  • สามารถสร้างชื่อเสียงและมีความภาคภูมิใจ การสร้างแบรนด์ครีมกันแดด หากเป็นที่รู้จักและทำยอดขายได้ดี ถือว่าการทำธุรกิจประสบความสำเร็จ สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยากประสบความสำเร็จในธุรกิจ และเจ้าของแบรนด์มีแรงขับเคลื่อนที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตขึ้นต่อไป
  • สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว การสร้างแบรนด์ครีมกันแดด เป็นมรดกอย่างหนึ่งที่สามารถส่งต่อให้กับลูกหลานในอนาคต เป็นธุรกิจที่สร้างรายได้และความมั่นคงให้กับครอบครัวได้

สูตรครีมกันแดดที่เจ้าของแบรนด์นิยมสั่งผลิตกับโรงงานผลิตครีมกันแดด 

สูตรครีมกันแดด

การสั่งผลิตครีมกันแดด ที่เจ้าของแบรนด์นิยมสั่งผลิตกับโรงงานผลิตครีมกันแดด มีสูตรอะไรบ้างมาดูกันเลย

1. Sunscreen Cream (Soft Beige) SPF 50 PA+++

เป็นครีมกันแดดสูตรเนื้อครีม ที่มีความนุ่มลื่น โดยเนื้อครีมมีความบางเบา นุ่มละเอียด ไม่ระคายเคืองต่อผิวหนัง โดยโรงงานจะผลิตครีมกันแดดสูตรนี้เพื่อสามารถปกป้องจากรังสี UVA และ UVB สามารถลงครีมกันแดดสูตรนี้แทนการใช้รองพื้นได้

2. Silky Smooth Foundation Sunscreen SPF 50 PA+++

โดยโรงงานผลิตครีมกันแดดสูตรนี้เพื่อใช้แทนครีมรองพื้น โดยครีมกันแดดจะผสมเนื้อรองพื้น แต่ยังให้ความบางเบา และใส่สารสกัด Silk Protein ที่ให้ความเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ช่วยป้องกันผิวจากรังสี UVA และ UVB สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการหมองคล้ำ และครีมกันแดดสูตรนี้ช่วยชะลอริ้วรอยของใบหน้า ทำให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น

3. Milky Sunscreen Lotion SPF 50 PA+++

เป็นโลชั่นกันแดดเนื้อน้ำนม ที่ให้ความรู้สึกนุ่ม เนื้อครีมมีความเบาบางเหมือนน้ำนม โรงงานผลิตครีมกันแดดสูตรนี้เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ชอบความบางเบาสบายผิว ไม่มีน้ำมัน อ่อนโยนต่อผิวเหมาะกับคนที่ผิวแพ้ง่าย สามารถลดผิวหมองคล้ำและป้องกันรังสีUVA และ UVB ที่จะมาทำร้ายผิว

4. Anti-pollution Sunscreen SPF 50 PA+++

ครีมกันแดดที่มีความบางเบา ทำให้ผิวหน้านุ่มลื่น โรงงานผลิตครีมกันแดดสูตรนี้ออกมาเพื่อให้ความรู้สึกบางเบา ไม่หนักหน้า ทำให้สามารถป้องกันรังสี UVA และ UVB ที่จะมาทำร้ายผิว และทางโรงงานผลิตครีมกันแดดได้เพิ่มสารสกัดที่เป็นธรรมชาติเพื่อแก้ปัญหาผิวจากการเจอมลภาวะต่างๆที่ก่อให้เกิดผิวหมองคล้ำ

5. Matte Fluid SPF 30 PA+++

ครีมกันแดดผสมรองพื้น เนื้อบางเบา ไม่เป็นคราบ ไม่เป็นขุย เกลี่ยง่าย ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว โรงงานผลิตครีมกันแดดสูตรนี้สำหรับคนเป็นสิวง่าย เพราะไม่ก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน และช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า อีกทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและรังสี UV ปรับให้ผิวดูขาวเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ

Pure Derima โรงงานผลิตครีมกันแดด มาตรฐานครบวงจร

โรงงานผลิตครีมกันแดดที่ดีมีมาตรฐานในการรับผลิตครีมกันแดด จะต้องมีผู้เชี่ยวชาญที่มากประสบการณ์ในการผลิตครีมกันแดดสูตรต่างๆ ดังที่กล่าวข้างต้น และจะต้องมีทีมงานคุณภาพที่พร้อมให้คำปรึกษาตั้งแต่การเริ่มวางแผนธุรกิจ โดยให้บริการและดูแลในเรื่องต่างๆดังนี้

  • บริการรับวิจัย คิดค้น และพัฒนาสูตร ทางโรงงานผลิตครีมกันแดด จะมีนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง เป็นผู้เชี่ยวชาญในการดูแลคิดค้นและพัฒนาต่อยอดสูตรต่างๆ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย
  • บริการออกแบบโลโก้ บรรจุภัณฑ์ และฉลากสินค้า โรงงานผลิตครีมกันแดดจะมีทีมงานที่พร้อมให้บริการออกแบบและแก้ไขเพื่อให้ตรงตามความต้องการของเจ้าของแบรนด์
  • บริการจดแจ้งขึ้นทะเบียน อย. และ เอกสารรับรอง โดยทางโรงงานผลิตครีมกันแดดจะส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดเพื่อขอขึ้นทะเบียนรับรองให้ถูกต้องตามกฎหมาย
  • บริการให้คำปรึกษาวางแผนจากนักการตลาด เป็นบริการที่ทางโรงงานผลิตครีมกันแดด จะส่งทีมงานเข้าไปช่วยเจ้าของแบรนด์ในการโปรโมท และโฆษณาสินค้าให้ได้เป็นที่รู้จัก
  • บริการขึ้นทะเบียนสเปรย์น้ำแร่และสเปรย์สูตรต่างๆ โรงงานผลิตครีมกันแดด มีบริการรับผลิตครีมกันแดด และสเปรย์น้ำแร่สูตรต่างๆ โดยจะมีการขอขึ้นทะเบียนรับรองให้ถูกต้องตามกฎหมาย

สรุปการผลิตครีมกับแดดกับโรงงานรับผลิต

อยากที่รู้กันดีว่าแดดประเทศไทยนั้นแรงแค่ไหน ซึ่งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องทาครีมกันแดด ในปัจจุบันโรงงานผลิตครีมกันแดด ได้ผลิตครีมกันแดดออกมาหลากหลายสูตรเพื่อรองรับกับกลุ่มลูกค้าประเภทต่างๆการผลิตครีมกันแดดออกมาขายนั้นไม่ใช่เรื่องยาก โดยเจ้าของแบรนด์สามารถเลือกใช้บริการกับโรงงานผลิตครีมกันแดด ที่มีบริการคิดค้นวิจัยและพัฒนาสูตร โดยผู้เชี่ยวชาญ มีทีมงานออกแบบโลโก้ บรรจุภัณฑ์ ทีมงานที่ช่วยวางแผนการตลาดและขอขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฎหมายที่พร้อมให้บริการ ทำให้สะดวกสบายเหมาะกับเจ้าของแบรนด์ยุคใหม่

33
โรงงานผลิตครีมกันแดด

ปัญหาผลกระทบจากความร้อนของแสงแดดในปัจจุบันที่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสภาพผิวของพวกเราในขณะนี้ การแก้ปัญหาจากแสงแดดโดยส่วนใหญ่จึงเป็นหลบหลีกภายในอาคารที่พัก แต่บางท่านที่ต้องออกกิจกรรมกลางแจ้งเป็นประจำ การใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายๆท่านต่างให้ความต้องการมากขึ้น

รวมไปถึงบางท่านที่อยากทำแบรนด์ครีมกันแดด ซึ่งได้มองเห็นถึงเส้นทางต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อทำให้เกิดรายได้จากแบรนด์ครีมกันแดดโดยท่านสามารถคิดค้นสูตรครีมกันแดดของตนเอง เพื่อผลิตสินค้าที่มีคุณภาพภายใต้แบรนด์ของท่าน การมองหาโรงงานผลิตครีมกันแดดที่น่าเชื่อถือ พร้อมได้มาตรฐานผ่านการยอมรับ และรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงเป็นสิ่งสำคัญอีกด้วย แต่การจะเลือกโรงงานผลิตครีมกันแดดที่ตรงใจ จะต้องมีขั้นตอนอะไรบ้าง เรามาศึกษาไปพร้อมกันเถอะ

เพราะอะไรหลายท่านถึงเลือกเป็นเจ้าของแบรนด์ครีมกันแดด ? 

แน่นอนว่าการเป็นเจ้าของแบรนด์ครีมกันแดด หรือแม้แต่เจ้าของแบรนด์สินค้าประเภทอื่นๆก็ตาม มักมีผลดีมากกว่าผลเสียในการประกอบธุรกิจภายใต้การทำงานของท่าน ซึ่งจะมีข้อดีต่างๆ ดังนี้

  • มีเวลาวางแผนบริการงาน : การสร้างแบรนด์ครีมกันแดด ท่านสามารถมีอำนาจในการเข้าจัดการสินค้า สามารถกำหนดทิศทางการดำเนินงานด้านการตลาดได้อย่างตามความต้องการ หรือแผนงานได้วางไว้ให้ตรงตามเป้าหมาย ทั้งยังสามารถจัดการช่องทางการขายได้หลายแหล่ง ทั้งในออนไลน์และร้านค้าทั่วไปได้
  • สามารถกำหนดคุณสมบัติเฉพาะของครีมกันแดด : ท่านสามารถคิดค้นสูตรเฉพาะที่ท่านต้องการ รวมถึงในกรณีที่ต้องการเพิ่มวัตถุดิบที่ต้องการได้ โดยท่านสามารถเลือกโรงงานผลิตครีมกันแดดที่น่าเชื่อถือ พร้อมด้วยมีบริการในการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาสูตรครีมกันแดดได้อีกด้วย
  • การจดกรรมสิทธิ์ในสินค้าครีมกันแดดที่ท่านได้คิดค้นสูตรด้วยตนเองได้ : ไม่ว่าจะเป็นโลโก้แบรนด์ครีมกันแดด /ขนาดบรรจุภัณฑ์ / วัตถุดิบที่ผสมในครีมกันแดด และสูตรที่ท่านคิดค้นขึ้นมา

แต่อย่างไรก็ตามการสร้างแบรนด์ก็มักมีปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการนำงบประมาณที่ลงทุนมาใช้ การวางแผนการตลาดที่ครอบคลุมในทุกเหตุการณ์ ขั้นตอนการวางแผน กระบวนการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ท่านควรเลือกโรงงานผลิตครีมกันแดดที่สามารถมีบริการในรูปแบบ One stop service ด้วยบริการให้ครบปรึกษา การวิจัย / พัฒนาผลิตภัณฑ์ การออกเอกสารเลขจดแจ้งจากอย. ซึ่งสิ่งเหล่าจะช่วยลดระยะเวลาในการดำเนินงานอื่นๆได้อีกด้วย

ตัวอย่างสูตรครีมกันแดดที่นิยมสั่งผลิตกับโรงงานผลิตครีมกันแดด เป็นอย่างไรบ้าง

สูตรครีมกันแดด

การเลือกผลิตครีมกันแดดจากโรงงานผลิตครีมกันแดดที่ผ่านการยอมรับ มักจะมีสูตรครีมกันแดดที่ได้พัฒนาสูตร โดยได้รับความร่วมมือจากนักเคมี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการวิจัยผลลัพธ์ที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ซึ่งแต่ละโรงงานจะมีสูตรครีมกันแดดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ จะขอยกตัวอย่างสูตรครีมกันแดดจาก Pure Derima โดยรายละเอียดครีมกันแดด ดังต่อไปนี้

1.Sunscreen Cream (Soft Beige) SPF 50 PA+++
ครีมกันแดดรูปแบบนี้จะเน้นไปที่การปกป้องสภาพผิวจากรังสี UVA – UVB  โดยมีเนื้อครีมนุ่ม บางเบา สามารถทาแทนครีมรองพื้นก่อนเริ่มแต่งหน้าได้

2. Silky Smooth Foundation Sunscreen SPF 50 PA+++
จะเป็นครีมกันแดดที่เป็นสูตรผสมรองพื้น ผสมผสาน  Silk Protein โดยมีคุณค่าให้สภาพผิวเรียบเนียน ช่วยปกป้องผิว ลดความหมองคล้ำจากแดด ทั้งยังสามารถทาแทนครีมรองพื้นได้อีกด้วย

3. Milky Sunscreen Lotion SPF 50 PA+++
ในสูตรนี้จะเป็นโลชั่นกันแดดเนื้อน้ำนมที่มีคุณสมบัติที่เหมาะกับผู้มีสภาพผิวแพ้ง่าย สัมผัสอ่อนโยน บางเบา ปกป้องผิวจากความหมองคล้ำ

4. Anti-pollution Sunscreen SPF 50 PA+++
ในสูตรของครีมกันแดดจะประกอบด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยป้องกันผิวจากสภาพอากาศประจำวัน รวมถึงปกป้องจากรังสี UVA – UVB เนื้อครีมจึงมีความบางเบานั้นเอง

5. Matte Fluid SPF 30 PA+++
ครีมกันแดดในสูตรรูปแบบนี้จะเป็นครีมที่ผสมรองพื้น สามารถช่วยให้สภาพผิวดูเรียบเนียน ปกป้องผิวจากรังสี โดยมีเนื้อสัมผัสบางเบา ไม่ทิ้งคราบก่อนแต่งหน้า ไม่อุดตันรูขุมขน และช่วยควบคุมความมันระหว่างวันได้อีกด้วย

การเตรียมตัวสำหรับเจ้าของแบรนด์ครีมกันแดดในด้านการลงทุน ควรทำอย่างไร ?

แน่นอนว่าการลงทุนสร้างแบรนด์ครีมกันแดดของตนเองนั้น ท่านควรคำนึกถึงปัจจัยหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำการตลาด โฆษณา การขนส่ง เป็นต้น รวมถึงการลงทุนกับโรงงานผลิตครีมกันแดดที่มีคุณภาพที่ช่วยให้ท่านสองเห็นถึงภาพรวมการลงทุน และท่านควรมีเงินทุนสำรองในการใช้จ่ายที่อาจเป็นเหตุสุดวิสัย อย่างน้อยประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป เนื่องจากปัจจัยจากสิ่งต่างๆอาจจะเป็นตัวแปรในการใช้จ่ายได้นั้นเอง

ขั้นตอนในการผลิตครีมกันแดด มีอะไรบ้าง
เมื่อท่านได้เลือกโรงงานผลิตครีมกันแดดที่ต้องการ ขั้นตอนในการเตรียมการผลิตครีมกันแดดจะมีด้วยกันดังนี้

  • เลือกสูตรที่ต้องการผลิต : ท่านสามารถเลือกสูตรครีมกันแดดของตนเองด้วยการคิดค้นขึ้นมาเอง หรือสามารถเลือกสูตรครีมกันแดดจากรูปแบบมาตรฐานของโรงงานที่ผ่านกระบวนการพัฒนา วิจัยได้อย่างมีคุณภาพ
  • รับใบเสนอราคา และชำระมัดจำ : เมื่อได้สูตรครีมกันแดดที่ต้องการ โรงงานครีมกันแดดจะนำตัวอย่างสูตรที่ท่านเลือกมาให้พิจารณาจนกว่าจะได้สูตรตามที่ต้องการ จนไปสู่ขั้นตอนการวางมัดจำ และการบริการจดแจ้งเลทะเบียนอย.
  • ออกแบบ และวางแผนผลิตภัณฑ์ของคุณ : ขั้นตอนจะเข้าสู่ระยะเวลาหลังจากการชำระค่ามัดจำ ซึ่งจะเป็นการออกแบบบรรจุภัณฑ์ โลโก้ ขนาดของผลิตภัณฑ์ ให้ถูกต้องตามความต้องการ
  • เริ่มกระบวนการผลิต : เมื่อท่านได้ตกลงคุณสมบัติภายนอกของบรรจุภัณฑ์ของครีมกันแดด ทางโรงงานจึงเข้าสู่กระบวนการผลิตครีมกันแดด
  • ชำระค่ามัดจำส่วนที่เหลือ และผลิตสินค้าส่งให้ : ท่านสามารถชำระค่าใช้จ่ายในส่วนที่เหลือ และรอรับผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดของท่านตามที่อยู่ที่ได้ระบุในสัญญา

Pure Derima โรงงานผลิตครีมกันแดด มาตรฐานครบวงจร

ขอแนะนำโรงงานผลิตครีมกันแดด

Pure Derima Laboratories โรงงานผลิตรับผลิตครีมกันแดด มาตรฐานระดับสากล ด้วยบริการครบวงจร One stop service โดยมีบริการที่ครอบคลุมในการรับวิจัย – คิดค้น – ช่วยพัฒนาสูตรครีมกันแดด หรือสินค้าประเภทอื่นๆ ดังเช่น บริการขึ้นทะเบียนสเปรย์น้ำแร่ และสเปรย์สูตรต่างๆ พร้อมทั้งช่วยในการออกแบบโลโก้ ฉลากสินค้า บรรจุภัณฑ์ที่ตรงใจท่าน มีบริการจดแจ้งขึ้นทะเบียน อย. รวมถึงเอกสารรับรอง บริการช่วยให้คำปรึกษาทั้งด้านการตลาดจากนักจัดการการตลาดที่มากประสบการณ์

Pure Derima Laboratories มีวิธีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบ ODM หรือ OEM ซึ่งพร้อมตอบสนองต่อความต้องการของท่าน รวมทั้งทีมงาน - ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านต่างๆ ที่พร้อมจะช่วยคิดค้นวิจัย ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดของท่านให้เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจของท่านจนก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น หากท่านมีความสนใจท่านสามารถติดต่อสอบข้อมูลเบื้องต้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้ที่เบอร์ 02-285-4266 หรือ www.pdl.co.th

34
ถึงแม้บ้านประชาชื่นจะอยู่บนทำเลนอกตัวเมือง ก็ยังนับว่าอยู่ย่านโซนกรุงเทพตะวันตกที่มีความเจริญไม่แตกต่างจากในเมือง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน แต่ก็ไม่รู้สึกแออัดเพราะเป็นทำเลที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่มาก มีความเงียบสงบ และเป็นธรรมชาติ จึงเหมาะแก่การพักผ่อนในวันที่รู้สึกเหนื่อยล้าจากการทำงาน การเรียน
 
ปัจจุบันบ้านย่านประชาชื่นได้กลายเป็นทำเลทอง ทำเลศักยภาพเพราะเป็นศูนย์กลางของสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ  และยังเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายขนส่งมวลชนในประเทศ ระหว่างประเทศ เช่น กรุงเทพ-ลาว-จีน ฯลฯ โดยบทความนี้เราจะมาดูกันว่าบ้านประชาชื่นมีจุดเด่น และน่าสนใจอย่างไรบ้าง

มองหาบ้านใหม่ มองหาบ้านประชาชื่น

โครงการบ้านประชาชื่นบ้านแห่งคุณภาพ
ย่านประชาชื่นเป็นย่านที่เหมาะแก่การใช้ชีวิตของคนทุกไลฟ์สไตล์ การเดินทางเข้า-ออกเมืองก็สะดวก มีเนื้อที่กว้างขวางเหมาะสำหรับการพักผ่อนที่ให้ความเป็นส่วนตัวพร้อมกัน และยังพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ใกล้ ๆ รอบด้าน
 
เหตุนี้จึงทำให้มีคนสนใจอยากย้ายเข้ามาอยู่บ้านประชาชื่นมากขึ้น จนเกิดมีโครงการบ้านประชาชื่น บ้านเดี่ยวประชาชื่น งามวงศ์วาน จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ดัง ๆ ที่น่าเชื่อถือช่วยกันพัฒนาบ้านพักอาศัยหลากหลายรูปแบบ ที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในทุก ๆ ด้าน 

บ้านประชาชื่นมีข้อดีอย่างไร ? ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
การที่คนเริ่มนิยมหันมาสนใจหาซื้อบ้านประชาชื่นจากโครงการบ้านแถวประชาชื่นกันมากขึ้นก็เพราะเล็งเห็นถึงข้อดีต่าง ๆ ที่จะได้รับ ทั้งยังสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ที่จะเข้าอยู่อาศัยได้ด้วย
 
ข้อดีที่จะได้รับจากการมีบ้านแถวประชาชื่น คือ

  • ส่วนใหญ่บ้านในหมู่บ้านแถวประชาชื่น หรือโครงการบ้านแถวประชาชื่น จะตั้งอยู่บนทำเลที่ไม่ห่างจากใจกลางเมืองที่เจริญมาก ทั้งยังมีถนน ทางด่วนที่ตัดผ่านย่านประชาชื่นทำให้เดินทางเข้า-ออกสะดวก บวกกับมีขนส่งสาธารณะที่คอยบริการอย่างทั่วถึง
  • แถวประชาชื่นยังมีพื้นที่กว้างขวางสำหรับปลูกบ้านใหม่ได้อีกมาก ทำให้โครงการบ้านเดี่ยวประชาชื่นส่วนใหญ่จะปลูกบ้านที่มีเนื้อที่กว้างขวางไว้ขายลูกค้า ผู้ที่อยู่อาศัยย่านนี้จึงไม่รู้สึกถึงความแออัดเหมือนอยู่ในใจกลางเมือง
  • ถึงแม้จะเป็นบ้านเดี่ยวรูปแบบทันสมัย ในพื้นที่ขนาดเดียวกัน แต่หากเป็นบ้านประชาชื่น ราคาย่อมไม่สูงเท่ากับบ้านที่ปลูกในเมือง
  • สามารถหลีกหนีจากความแออัดของการอาศัยอยู่ในตัวเมืองด้วยการย้ายมาอยู่บ้านเดี่ยว งามวงศ์วาน ประชาชื่น แต่ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันในการทำงาน การเรียน ได้เหมือนเดิมอย่างสบายใจ

บ้านเดี่ยวประชาชื่น ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

บ้านประชาชื่นเหมาะกับใครบ้าง ตอบโจทย์ด้านใดบ้าง
บ้านประชาชื่นนั้นเหมาะแก่การใช้ชีวิตของคนทุกไลฟ์สไตล์ เนื่องจากย่านประชาชื่นที่อยู่มาทางโซนกรุงเทพตะวันตกนั้น เป็นย่านที่อยู่ใกล้ใจกลางเมือง ความเจริญทางด้านต่าง ๆ ได้ตามเข้ามาพร้อมกับการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ  ทำให้การเดินทางสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเข้า-ออกเมือง หรือไปต่างประเทศเพื่อไปทำงาน ศึกษาเล่าเรียน เป็นต้น
 
ซึ่งเราสามารถจำแนกกลุ่มคนที่เหมาะจะเข้ามาอาศัยอยู่ในโครงการบ้านประชาชื่นออกเป็นดังต่อไปนี้

1.คนที่ต้องการพักอาศัยในทำเลที่ใกล้ทั้งทางด่วนและรถไฟฟ้า เพื่อสะดวกต่อการเดินทางเข้า-ออกเมือง
2.คนที่ต้องการบ้านที่อยู่ในย่านเจริญใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกจำนวนมาก ไม่ทำให้รู้สึกแออัด และมีพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็มที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์
คนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย เป็นต้น
3.คนที่ต้องการขยายครอบครัวไปอยู่ในบ้านเดี่ยวบนทำเลที่ราคาไม่แพงเท่าบ้านเดี่ยวย่านใจกลางเมืองกรุงเทพ
4.คนที่ต้องการอยู่บ้านที่มีรูปแบบทันสมัย มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางพอสำหรับทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกในครอบครัว

บ้านประชาชื่น แนะนำให้รู้จักโครงการที่เหมาะพักอาศัย
คนที่เหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าจากการใช้ชีวิตในการทำงานและการเดินทางอยู่ทุกวัน เราขอแนะนำบ้านประชาชื่นจากโครงการบ้านเดี่ยวประชาชื่น บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ ประชาชื่น (Bangkok Boulevard Signature Prachachuen) ของ SC ASSET

บ้านเดี่ยวประชาชื่น บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ ประชาชื่น
โครงการบ้านเดี่ยวประชาชื่นจะประกอบไปด้วยคฤหาสน์หรู สไตล์โมเดิร์น โรแมนติก 46 ยูนิต ที่พร้อมส่งมอบให้กับครอบครัวที่ต้องการใช้ชีวิตส่วนตัวร่วมกับสมาชิกในการพักผ่อนในสถานที่ธรรมชาติที่เหมาะแก่การพักผ่อน
 
บ้านประชาชื่นในโครงการนี้จะตั้งอยู่ที่ ซอยสามัคคี 35/1 ถ.สามัคคี ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 ซึ่งใกล้กับแหล่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ  เช่น เซ็นทรัล, บิ๊กซี, โฮมโปร, ตลาดงามวงศ์วาน, ร.ร.เซ็นฟรัง, ม.ธุรกิจบัณฑิตย์, เวิลด์เมดิคอล, โรงพยาบาลนนทเวช, ศูนย์ราชการนนทบุรี เป็นต้น
 
การเดินทางเข้าออกเมืองก็สะดวก รวดเร็ว ด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู สายสีแดง สายสีม่วง, รถส่วนบุคคลไปทางถนนประชาชื่นถนนงามวงศ์วาน ถนนแจ้งวัฒนะ ทางด่วนศรีรัชฯ ทางยกระดับอุตรภิมุข, รถขนส่งสาธารณะอื่น ๆ เป็นต้น
 
โครงการบ้านประชาชื่นนี้ มีราคาเริ่มต้นที่ 15 – 25 ล้านขึ้นกับเนื้อที่ใช้สอย และแบบบ้านที่มี 3 รูปแบบให้เลือก คือ

  • แบบ KRUMLOV มีพื้นที่ใช้สอย 365 ตร.ม. มี 4 ห้องนอน/ห้องน้ำ, 2 ห้องรับแขก, 1 ห้องพักผ่อนชั้นบน, 1 ห้องรับประทานอาหาร, 1 ห้องครัว, 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมที่จอดรถ 3 คัน
  • แบบ VLTAVA มีพื้นที่ใช้สอย 289 ตร.ม. มี 4 ห้องนอน/ห้องน้ำ, 2 ห้องรับแขก, 1 ห้องพักผ่อนชั้นบน, 1 ห้องรับประทานอาหาร, 1 ห้องครัว, 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมที่จอดรถ 2 คัน
  • แบบ BLANSKO มีพื้นที่ใช้สอย 254 ตร.ม. มี 3 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ, 2 ห้องรับแขก, 1 ห้องพักผ่อนชั้นบน, 1 ห้องรับประทานอาหาร, 1 ห้องครัว, 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมที่จอดรถ 2 คัน

โครงการบ้านเดี่ยวประชาชื่น บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ ได้มีจัดทำบริการส่วนกลางไว้คอยอำนวยความสะดวก เช่น สวนส่วนกลาง, สนามเด็กเล่น, สโมสร, สระว่ายน้ำ, โคเวิร์คกิ้งสเปซ, พื้นที่เสริมสร้างพัฒนาการ, ฟิตเนส, พร้อมระบบรักษาความปลอดภัย 3 ระดับตลอด 24 ชั่วโมงด้วยกล้องวงจรปิด และสะดวกในการเข้า-ออกด้วยระบบอัตโนมัติ เป็นต้น

บ้านเดี่ยวประชาชื่น บางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ ประชาชื่น

ขอบคุณรูปภาพจาก h ttps://www.scasset.com/th/house/bangkok-boulevard-signature-prachachuen /

สรุปเกี่ยวกับบ้านประชาชื่น
บ้านประชาชื่นจัดว่าอยู่บนทำเลศักยภาพที่เป็นหนึ่งในย่านที่น่าอยู่สบาย เดินทางก็สะดวกอีกหนึ่งย่าน และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพ - นนทบุรี จนมีการพัฒนาเจริญเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกด้าน เช่น คมนาคม คอมมูนิตี้มอลล์ แหล่งงานต่าง ๆ แต่ยังคงสภาพแวดล้อมที่ดีเหมาะแก่การพักอาศัย ดังนั้นการซื้อบ้านย่านประชาชื่นเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อการลงทุนก็เป็นการตัดสินใจเพื่ออนาคตที่ดีและน่าสนใจมาก

35
การเงิน | Finance / โอนเงินผิดบัญชี แก้ไขยังไงดี
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2024, 03:22:12 PM »
โอนเงินผิดบัญชีควรทำไงดี

เทคโนโลยีระบบการชำระเงินที่ทันสมัยทำให้การจ่ายหรือโอนเงินกลายเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส แต่ผู้ใช้บริการก็ต้องระมัดระวังในการใช้งานเช่นกัน การทำธุรกรรมการโอนเงินผิดบัญชี สามารถเกิดขึ้นได้บ่อย เช่น กรอกตัวเลขผิด กรอกตัวเลขสลับกัน) หรือเกิดจากใส่เลขผิดบัญชีระหว่างการโอนเงินทั้งผ่านเลขที่บัญชีกับโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ ทั้งหมดนี้เกิดจากความเร่งรีบในการทำรายการจนขาดความรอบคอบตรวจสอบเลขบัญชีก่อนที่จะโอนไป ซึ่งทางเราโอนเงินผิดไปแล้วจะค่อนข้างยากที่จะได้เงินกลับคืนมา ต้องทำเรื่องต่างๆกับทางธนาคารรวมไปถึงการดำเนินการขอคืนเงินตามกฏหมาย

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เมื่อเกิดการโอนเงินผิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโอนที่ธนาคารสาขาต่างๆ หรือทางตู้ ATM หรือทาง mobile banking ทางธนาคารจะไม่สามารถดึงเงินกลับคืนมาให้กับทางเจ้าของเงินที่โอนไปได้ แต่ธนาคารจะเป็นตัวกลางช่วยประสานงานของคืนเงินให้เท่านั้น โดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) เกี่ยวกับการโอนเงินผิด ให้เจ้าของบัญชีที่โอนเงินผิด

นำเอกสารไปติดต่อกับทางสถานีตำรวจ
เมื่อคุณทำการโอนเงินผิดบัญชีคุณจะต้องทำการตามระบบขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ประสงค์ที่จะต้องการแอบอ้างบัญชีของตัวคุณเอง โดยวิธีการจะมีเหล่านี้

1.1 เอกสารที่ต้องยื่น เช่น สลิปการโอน/ใบบันทึกรายการ หรือภาพถ่ายแจ้งผลการโอนเงิน
1.2 สำเนาบัตรประชาชน (เจ้าของบัตรเซ็นสำเนาถูกต้อง)ให้ขีดฆ่า/ปิดทับ สำเนาเอกสาร บริเวณข้อมูล Group เลือด หรือศาสนา

แจ้งความหลังการ โอนเงินผิด

เตรียมเอกสารก่อนการแจ้งความ
แจ้งเจ้าหน้าเพื่อทำการแจ้งเกี่ยวกับการโอนเงินผิดบัญชีที่ประจำสถานีตำรวจเพื่อขอออก ใบแจ้งความ/บักทึกประจำวันที่ระบุเหตุการณ์ โดยระบุข้อมูลในเอกสารดังนี้

2.1 ชื่อธนาคารที่ทำรายการ ทั้งฝั่งต้นทางและปลายทาง
2.2 วันที่และเวลาที่ทำรายการ
2.3 จำนวนเงินที่โอน
2.4 ช่องทางการโอนเงิน เช่น เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ (ATM/CDM/VTM),Mobile Banking,Internet Banking
2.5 ชื่อบัญชี และ เลขที่บัญชี ของผู้ทำรายการโอน (บัญชีต้นทาง)
2.6 ชื่อบัญชี และ เลขที่บัญชี ของผู้ที่ได้รับเงินผิด (บัญชีปลายทางที่โอนผิด)
2.7 ชื่อบัญชี และ เลขที่บัญชี / หมายเลขพร้อมเพย์ ของปลายทางที่ต้องการโอนที่ถูกต้อง

นำส่งเอกสารให้แก่ธนาคาร
นำส่งหลักฐานตาม ข้อ 1 และ 2 ให้แก่ธนาคารที่ใช้ในการโอนเงินผิดบัญชี โดยส่งทาง Email ของธนาคารนั้นๆและระบุ subject ของอีเมลด้วย “ชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อที่สะดวกของผู้ส่งเอกสาร” โดยหลังจากที่ธนาคารได้รับเอกสารแล้ว จะมี SMS แจ้งกลับให้ทราบ หากพบว่าเอกสารไม่ครบถ้วน ธนาคารจะติดต่อกลับภายใน 1 วันเพื่อขอเอกสารเพิ่มเติม

จัดเตรียมเอกสารเมื่อแจ้งความ<br />โอนตังผิดบัญชี

หลังจากที่ธนาคารได้รับข้อมูลแล้วควรทำไง
เมื่อธนาคารได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้ว ธนาคารจะช่วยทำการประสานงานกับปลายทางที่เป็นผู้รับโอนเงินผิดหรือเมื่อธนาคารปลายทางที่มีการโอนเงินผิดบัญชีต่างธนาคาร ได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า บัญชีของคุณได้รับการโอนเงินผิดจริง

ทางธนาคารจะทำการแนะนำให้คุณทำตามวิธีต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถได้รับเงินคืน หรือป้องกันเงินในบัญชีธนาคารของคุณ เมื่อมีการถูกถอนออกมาโดยที่เจ้าของบัญชีไม่ได้เป็นผู้ถอนเอง โดยมีวิธีเหล่านี้

ธนาคารแจ้งผลการดำเนินการ
เมื่อคุณทำการตามขั้นตอนต่าง ๆ แล้วนั้น ทางธนาคารจะทำการแจ้งผลของการดำเนินการให้ท่านทราบผ่านทางโทรศัพท์ หรือผ่านทางอีเมลที่คุณได้ทำการลงทะเบียนไว้กับทางธนาคารเอง โดยทางธนาคารจะทำการแจ้งมาดังนี้

5.1 กรณีผู้รับโอนยินยอมคืนเงิน : ธนาคารจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีผู้โอนให้
5.2 กรณีผู้รับโอนไม่ยินยอมคืนเงิน/ไม่สามารถติดต่อได้ : ผู้โอนสามารถแจ้งความ ณ สถานีตำรวจ ขอออกเอกสารตราครุฑที่เรียกว่า “หมายเรียกพยานเอกสาร / พยานวัตถุ”เพื่อออกคำสั่งทางกฏหมายให้ธนาคารของผู้รับโอนเงินดำเนินการอายัดบัญชี หรือให้เปิดเผยข้อมูลบัญชีปลายทางให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการทางกฏหมายต่อไป

วิธีป้องกันการโอนเงินผิดบัญชีที่ดีที่สุดก็คือก่อนกดยืนยันการโอน ต้องตรวจสอบหมายเลข/หมายเลขพร้อมเพย์ ชื่อบัญชี ชื่อธนาคาร และจำนวนเงินที่ต้องการโอนให้ถูกต้องทุกครั้ง ก่อนกดยืนยันรายการ ควรจะมีสติและตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนโอน จะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด

โอนเงินผิดบัญชี แต่แอปสามารถช่วยคุณได้
ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญและมีส่วนช่วยในการบริหารการเงิน เราขอแนะนำแอปพลิเคชัน "MAKE by KBank" แอปเก็บเงินที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดสำหรับการโอนเงินเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดต่างๆเช่น โอนเงินผิดบัญชี

MAKE by KBank เป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับการพัฒนาโดยธนาคารกสิกรไทยที่มาพร้อมกับฟีเจอร์สุดล้ำที่จะช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินและติดตามรายจ่ายของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณประหยัดเงินและเข้าใกล้ความฝันในการมีบ้านได้เร็วยิ่งขึ้น

ฟีเจอร์สุดโดดเด่นจาก MAKE by KBank ที่เราอยากจะนำเสนอซึ่งจะช่วยให้การโอนเงินไปยังบัญชีที่ถูกต้องนั้นง่ายยิ่งขึ้น ได้แก่

แอปเก็บเงิน MAKE by KBank ทางออกสำหรับการบริหารเงิน

แอปเก็บเงิน MAKE by KBank ตัวช่วยจัดการเงินง่าย ๆ ในสไตล์ของเราวัยรุ่น หรือวัยที่อยากเลือกได้ อยากให้การจัดการเงินง่าย ไม่ซับซ้อน ด้วยฟีเจอร์หลักอย่าง Cloud Pocket และ Expense Summary สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับ Cloud Pocket ได้ ที่นี่

นอกจากการจัดการเงินแล้ว MAKE ยังเป็น เป็นแอป Mobile Banking ของธนาคารกสิกร ที่เน้นการทำธุรกรรมออนไลน์ ตอบโจทย์ยุค New Normal ที่พวกเราต้องเชื่อมโยงกันผ่านเทคโนโลยี แถมมีดอกเบี้ยให้ด้วยถึง 1.5% ต่อปี สูงสุด 300,000 บาท ดอกเบี้ย 1.5% ถือว่าสูงมากในตลาดเลยทีเดียว ! แถมการใช้งาน MAKE by KBank ก็ไม่มีค่าธรรมเนียมด้วย และระบบต่างๆของตัวแอพพิเคชั่นเองก็มีดังนี้

  • Cloud Pocket
  • Expense Summary

Cloud Pocket : feature นี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างกระเป๋าย่อยได้หลายๆกระเป๋าในหนึ่งบัญชี เช่น กระเป๋าสำหรับเก็บเงินซื้อบ้าน,กระเป๋าสำหรับออมเงิน,กระเป๋าสำหรับผ่อนรถ,กระเป๋าสำหรับทุนการศึกษาของบุตร เป็นต้น feature นี้จะทำให้เราจัดสรรเงินได้เป็นอย่างดี ดังนั้น คุณจะสามารถเก็บเงินสำหรับซื้อบ้านได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเงินส่วนอื่นๆจะถูกนำไปใช้ เนื่องจากเราเตรียมแยกเงินไว้เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินรองรับกับเหตุต่างๆที่เกิดขึ้น

Expense Summary: อีกหนึ่ง feature ที่โดดเด่น ของ MAKE by KBank ที่จะช่วยสรุปรายจ่ายของเราในแต่ละเดือนแยกออกมาเป็นหมวดหมู่อย่างละเอียด โดยจะแยกเป็น 6 หมวด เช่น ค่าอาหาร,ค่าชอปปิง,ค่าเดินทาง,ค่าบันเทิง,ค่าชำระบิลและค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกจากนี้ feature นี้ยังช่วยสรุปยอดรายจ่ายในแต่ละเดือนให้อีกด้วย เราสามารถที่จะรู้การใช้เงินของเราได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เราสามารถตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและนำเงินที่เหลือมาเก็บไว้ใช้จ่ายอื่นๆได้อีก

การโอนเงินผิดบัญชี สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
ในการโอนเงินผิดบัญชีนั้นมาสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนแต่คุณไม่ต้องกลัวไปเพราะการโอนเงินผิดนั้นใครๆก็เกิดขึ้นได้ แต่ด้วยแอพ MAKE by KBank แอพที่จะช่วยให้คุณในการโอนเงินผิดบัญชีต่างธนาคารน้อยลงและยังช่วยในการตามเงินของคุณให้ได้อีกด้วย ซึ่งเป็น app ที่มี feature ที่รองรับ lifestyle การใช้จ่ายเงินไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหุ้น,เรียกเก็บเงินคนที่ยืมไปได้ง่ายๆ(Money Request),โอนเงินแบบไร้สัมผัสด้วย

36
การเงิน | Finance / โอนเงินผิดบัญชี แก้ไขยังไงดี
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2024, 03:16:10 PM »
โอนเงินผิดบัญชีควรทำไงดี

เทคโนโลยีระบบการชำระเงินที่ทันสมัยทำให้การจ่ายหรือโอนเงินกลายเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส แต่ผู้ใช้บริการก็ต้องระมัดระวังในการใช้งานเช่นกัน การทำธุรกรรมการโอนเงินผิดบัญชี สามารถเกิดขึ้นได้บ่อย เช่น กรอกตัวเลขผิด กรอกตัวเลขสลับกัน) หรือเกิดจากใส่เลขผิดบัญชีระหว่างการโอนเงินทั้งผ่านเลขที่บัญชีกับโอนเงินผ่านพร้อมเพย์  ทั้งหมดนี้เกิดจากความเร่งรีบในการทำรายการจนขาดความรอบคอบตรวจสอบเลขบัญชีก่อนที่จะโอนไป ซึ่งทางเราโอนเงินผิดไปแล้วจะค่อนข้างยากที่จะได้เงินกลับคืนมา ต้องทำเรื่องต่างๆกับทางธนาคารรวมไปถึงการดำเนินการขอคืนเงินตามกฏหมาย

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เมื่อเกิดการโอนเงินผิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโอนที่ธนาคารสาขาต่างๆ หรือทางตู้ ATM หรือทาง mobile banking ทางธนาคารจะไม่สามารถดึงเงินกลับคืนมาให้กับทางเจ้าของเงินที่โอนไปได้ แต่ธนาคารจะเป็นตัวกลางช่วยประสานงานของคืนเงินให้เท่านั้น โดยอ้างอิงข้อมูลจากศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) เกี่ยวกับการโอนเงินผิด ให้เจ้าของบัญชีที่โอนเงินผิด

นำเอกสารไปติดต่อกับทางสถานีตำรวจ
เมื่อคุณทำการโอนเงินผิดบัญชีคุณจะต้องทำการตามระบบขั้นตอนต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ประสงค์ที่จะต้องการแอบอ้างบัญชีของตัวคุณเอง โดยวิธีการจะมีเหล่านี้

           1.1 เอกสารที่ต้องยื่น เช่น สลิปการโอน/ใบบันทึกรายการ หรือภาพถ่ายแจ้งผลการโอนเงิน
           1.2 สำเนาบัตรประชาชน (เจ้าของบัตรเซ็นสำเนาถูกต้อง)ให้ขีดฆ่า/ปิดทับ สำเนาเอกสาร บริเวณข้อมูล Group เลือด หรือศาสนา

แจ้งความหลังการ โอนเงินผิด

เตรียมเอกสารก่อนการแจ้งความ
แจ้งเจ้าหน้าเพื่อทำการแจ้งเกี่ยวกับการโอนเงินผิดบัญชีที่ประจำสถานีตำรวจเพื่อขอออก ใบแจ้งความ/บักทึกประจำวันที่ระบุเหตุการณ์ โดยระบุข้อมูลในเอกสารดังนี้

           2.1 ชื่อธนาคารที่ทำรายการ ทั้งฝั่งต้นทางและปลายทาง
           2.2 วันที่และเวลาที่ทำรายการ
           2.3 จำนวนเงินที่โอน
           2.4 ช่องทางการโอนเงิน เช่น เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ (ATM/CDM/VTM),Mobile Banking,Internet Banking
           2.5 ชื่อบัญชี และ เลขที่บัญชี ของผู้ทำรายการโอน (บัญชีต้นทาง)
           2.6 ชื่อบัญชี และ เลขที่บัญชี ของผู้ที่ได้รับเงินผิด (บัญชีปลายทางที่โอนผิด)
           2.7 ชื่อบัญชี และ เลขที่บัญชี / หมายเลขพร้อมเพย์ ของปลายทางที่ต้องการโอนที่ถูกต้อง

นำส่งเอกสารให้แก่ธนาคาร
นำส่งหลักฐานตาม ข้อ 1 และ 2 ให้แก่ธนาคารที่ใช้ในการโอนเงินผิดบัญชี โดยส่งทาง Email ของธนาคารนั้นๆและระบุ subject ของอีเมลด้วย “ชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อที่สะดวกของผู้ส่งเอกสาร” โดยหลังจากที่ธนาคารได้รับเอกสารแล้ว จะมี SMS แจ้งกลับให้ทราบ หากพบว่าเอกสารไม่ครบถ้วน ธนาคารจะติดต่อกลับภายใน 1 วันเพื่อขอเอกสารเพิ่มเติม

จัดเตรียมเอกสารเมื่อแจ้งความ<br />โอนตังผิดบัญชี

หลังจากที่ธนาคารได้รับข้อมูลแล้วควรทำไง
เมื่อธนาคารได้รับข้อมูลครบถ้วนแล้ว ธนาคารจะช่วยทำการประสานงานกับปลายทางที่เป็นผู้รับโอนเงินผิดหรือเมื่อธนาคารปลายทางที่มีการโอนเงินผิดบัญชีต่างธนาคาร ได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า บัญชีของคุณได้รับการโอนเงินผิดจริง

ทางธนาคารจะทำการแนะนำให้คุณทำตามวิธีต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถได้รับเงินคืน หรือป้องกันเงินในบัญชีธนาคารของคุณ เมื่อมีการถูกถอนออกมาโดยที่เจ้าของบัญชีไม่ได้เป็นผู้ถอนเอง โดยมีวิธีเหล่านี้

ธนาคารแจ้งผลการดำเนินการ
เมื่อคุณทำการตามขั้นตอนต่าง ๆ แล้วนั้น ทางธนาคารจะทำการแจ้งผลของการดำเนินการให้ท่านทราบผ่านทางโทรศัพท์ หรือผ่านทางอีเมลที่คุณได้ทำการลงทะเบียนไว้กับทางธนาคารเอง โดยทางธนาคารจะทำการแจ้งมาดังนี้

        5.1 กรณีผู้รับโอนยินยอมคืนเงิน : ธนาคารจะโอนเงินคืนเข้าบัญชีผู้โอนให้
        5.2 กรณีผู้รับโอนไม่ยินยอมคืนเงิน/ไม่สามารถติดต่อได้ : ผู้โอนสามารถแจ้งความ ณ สถานีตำรวจ ขอออกเอกสารตราครุฑที่เรียกว่า “หมายเรียกพยานเอกสาร / พยานวัตถุ”เพื่อออกคำสั่งทางกฏหมายให้ธนาคารของผู้รับโอนเงินดำเนินการอายัดบัญชี หรือให้เปิดเผยข้อมูลบัญชีปลายทางให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินการทางกฏหมายต่อไป

วิธีป้องกันการโอนเงินผิดบัญชีที่ดีที่สุดก็คือก่อนกดยืนยันการโอน ต้องตรวจสอบหมายเลข/หมายเลขพร้อมเพย์ ชื่อบัญชี ชื่อธนาคาร และจำนวนเงินที่ต้องการโอนให้ถูกต้องทุกครั้ง ก่อนกดยืนยันรายการ ควรจะมีสติและตรวจสอบให้เรียบร้อยก่อนโอน จะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด

โอนเงินผิดบัญชี แต่แอปสามารถช่วยคุณได้
ในยุคที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญและมีส่วนช่วยในการบริหารการเงิน เราขอแนะนำแอปพลิเคชัน "MAKE by KBank" แอปเก็บเงินที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดสำหรับการโอนเงินเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดต่างๆเช่น โอนเงินผิดบัญชี

MAKE by KBank เป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับการพัฒนาโดยธนาคารกสิกรไทยที่มาพร้อมกับฟีเจอร์สุดล้ำที่จะช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินและติดตามรายจ่ายของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุณประหยัดเงินและเข้าใกล้ความฝันในการมีบ้านได้เร็วยิ่งขึ้น

ฟีเจอร์สุดโดดเด่นจาก MAKE by KBank ที่เราอยากจะนำเสนอซึ่งจะช่วยให้การโอนเงินไปยังบัญชีที่ถูกต้องนั้นง่ายยิ่งขึ้น ได้แก่

แอปเก็บเงิน MAKE by KBank ทางออกสำหรับการบริหารเงิน

แอปเก็บเงิน MAKE by KBank ตัวช่วยจัดการเงินง่าย ๆ ในสไตล์ของเราวัยรุ่น หรือวัยที่อยากเลือกได้ อยากให้การจัดการเงินง่าย ไม่ซับซ้อน ด้วยฟีเจอร์หลักอย่าง Cloud Pocket และ Expense Summary สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับ Cloud Pocket ได้ ที่นี่

นอกจากการจัดการเงินแล้ว MAKE ยังเป็น เป็นแอป Mobile Banking ของธนาคารกสิกร ที่เน้นการทำธุรกรรมออนไลน์ ตอบโจทย์ยุค New Normal ที่พวกเราต้องเชื่อมโยงกันผ่านเทคโนโลยี แถมมีดอกเบี้ยให้ด้วยถึง 1.5% ต่อปี สูงสุด 300,000 บาท ดอกเบี้ย 1.5% ถือว่าสูงมากในตลาดเลยทีเดียว ! แถมการใช้งาน MAKE by KBank ก็ไม่มีค่าธรรมเนียมด้วย และระบบต่างๆของตัวแอพพิเคชั่นเองก็มีดังนี้

  • Cloud Pocket
  • Expense Summary

Cloud Pocket : feature นี้จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างกระเป๋าย่อยได้หลายๆกระเป๋าในหนึ่งบัญชี เช่น กระเป๋าสำหรับเก็บเงินซื้อบ้าน,กระเป๋าสำหรับออมเงิน,กระเป๋าสำหรับผ่อนรถ,กระเป๋าสำหรับทุนการศึกษาของบุตร เป็นต้น feature นี้จะทำให้เราจัดสรรเงินได้เป็นอย่างดี ดังนั้น คุณจะสามารถเก็บเงินสำหรับซื้อบ้านได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเงินส่วนอื่นๆจะถูกนำไปใช้ เนื่องจากเราเตรียมแยกเงินไว้เรียบร้อยแล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีเงินรองรับกับเหตุต่างๆที่เกิดขึ้น

Expense Summary: อีกหนึ่ง feature ที่โดดเด่น ของ MAKE by KBank ที่จะช่วยสรุปรายจ่ายของเราในแต่ละเดือนแยกออกมาเป็นหมวดหมู่อย่างละเอียด โดยจะแยกเป็น 6 หมวด เช่น ค่าอาหาร,ค่าชอปปิง,ค่าเดินทาง,ค่าบันเทิง,ค่าชำระบิลและค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกจากนี้ feature นี้ยังช่วยสรุปยอดรายจ่ายในแต่ละเดือนให้อีกด้วย เราสามารถที่จะรู้การใช้เงินของเราได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เราสามารถตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและนำเงินที่เหลือมาเก็บไว้ใช้จ่ายอื่นๆได้อีก

การโอนเงินผิดบัญชี สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ
ในการโอนเงินผิดบัญชีนั้นมาสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนแต่คุณไม่ต้องกลัวไปเพราะการโอนเงินผิดนั้นใครๆก็เกิดขึ้นได้ แต่ด้วยแอพ MAKE by KBank แอพที่จะช่วยให้คุณในการโอนเงินผิดบัญชีต่างธนาคารน้อยลงและยังช่วยในการตามเงินของคุณให้ได้อีกด้วย ซึ่งเป็น app ที่มี feature ที่รองรับ lifestyle การใช้จ่ายเงินไม่ว่าจะเป็นการลงทุนหุ้น,เรียกเก็บเงินคนที่ยืมไปได้ง่ายๆ(Money Request),โอนเงินแบบไร้สัมผัสด้วย Poppay

37
โรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่

สำหรับเครื่องสำอาง หรือการรับผลิตสเปรย์น้ำแร่ในตลาด ถือว่าเป็นไอเทมที่ทำรายได้ดีมาก แต่กระบวนการผลิตก็ต้องสำคัญ โดยโรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่คือปัจจัยหลัก เพราะความสะอาด ปลอดภัย และมีมาตรฐาน พร้อมเครื่องจักรทันสมัย ซึ่งเราจะมาดูว่า สเปรย์น้ำแร่ ส่วนผสมยอดนิยมมีอะไรบ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าเราจะสร้างแบรนด์อย่างไรดี แล้วจะทำการตลาดด้านไหน ในรายละเอียดส่งตรงจากโรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่

ทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์สเปรย์น้ำแร่
สเปรย์น้ำแร่เป็นผลิตภัณฑ์ในหมวดเครื่องสำอาง ที่มีความนิยมใช้ในผู้หญิง ด้วยสรรพคุณเน้นการบำรุง และเพิ่มความชุ่มชื้น โดยนิยมฉีดสเปรย์น้ำแร่บริสุทธิ์ ก่อนหรือหลังการเมคอัพ ด้วยความที่หลักของตัวน้ำแร่ คือสรรพคุณต่าง ๆ จากวิตามินในน้ำแร่เพื่อบำรุงผิว และในตลาดสเปรย์น้ำแร่ เพิ่มความชุ่มชื้น ต่างก็มีความโดดเด่นตามสารสกัด โดยโรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่บริสุทธิ์จะเป็นส่วนสำคัญ ทั้งขั้นตอนการผลิต และคิดค้นส่วนผสม

5 สารสกัดยอดนิยม แนะนำจากโรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่

ทำแบรนด์สเปรย์น้ำแร่

1. Hyaluronic Acid
สเปรย์น้ำแร่สูตร Hyaluronic Acid จะเป็นสูตรยอดฮิต เพราะ Hya ผสมกับตัวน้ำแร่ เหมือนเป็นตัวแทนของความธรรมชาติ เพราะตัวน้ำแร่ ก็เหมือนเป็นแร่ธาตุจากธรรมชาติ และ Hyaluronic เหมือนเป็นสารธรรมชาติที่อยู่ในผิว โรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่จึงนิยมใส่ตัว Hyaluronic Acid ที่มีสรรพคุณในการให้ผิวอิ่มน้ำ เพิ่มความชุ่นชื้นในชั้นผิว ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ ไม่แห้ง ลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย อยู่ในหมวด สเปรย์น้ำแร่ เพิ่มความชุ่มชื้น

2. Aloe Vera
เป็นอีกสารสกัดที่เน้นให้ผิวเกิดความชุ่มชื้นด้วย Aloe vera จากว่านหางจระเข้ โรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่ แนะนำว่าน่าใช้ตรงที่ ตัว Aloe vera เป็นสารสกัดที่ได้รับความนิยมและมีมาอย่างยาวนาน และดูมีความเป็นออร์แกนิกสูง อีกทั้งคุณสมบัติของว่านหางจระเข้ มีทั้งการให้ความชุ่มชื้น และมีสารต้านอนุมูลอิสระ เป็นอีกสารสกัดที่นิยมในโรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่ OEM สามารถตีตลาดได้ง่าย เพราะเป็นพืชที่บ้านเรารู้จักและคุ้นเคยกับสรรพคุณอย่างดี

3. Vitamin
เป็นที่รู้กันว่า น้ำแร่จะมีทั้งแร่ธาตุ และวิตามิน โรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่จึงจะมีการนำ Vitamin ต่าง ๆ มาเพิ่มคุณสมบัติกับตัวสเปรย์น้ำแร่ ช่วยให้คุณภาพ และการทำงานของสเปรย์กับผิว ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น สเปรย์น้ำแร่ ส่วนผสมจากวิตามิน จะอยู่ในหมวดของสเปรย์น้ำแร่บำรุงผิว สเปรย์น้ำแร่ฉีดก่อนนอน หรือฉีดกลางวันสำหรับคนแต่งหน้าก็ได้ เหมาะสำหรับนำสเปรย์น้ำแร่ไปทำการตลาดกับวัยรุ่น วัยทำงานเป็นอย่างดี

4. Zinc
Zinc เป็นสารที่ผลิตในสเปรย์น้ำแร่ โดยไม่ได้เน้น สเปรย์น้ำแร่ เพิ่มความชุ่มชื้น แต่จะเป็นเน้นความสะอาด ทำลายแบคทีเรียและสิ่งสกปรกบนใบหน้า เป็นสเปรย์น้ำแร่ที่นิยมฉีดก่อนลงเครื่องสำอาง เพราะในตัวของ Zinc มีคุณสมบัติในการชะล้างแบคทีเรีย มีฤทธิ์ต้านการอักเสบบนผิวหน้า โรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่ นับว่าตัว Zinc จะเน้นการฟื้นฟูผิว และมีความนิยมในการรับผลิตสเปรย์น้ำแร่เช่นกัน เพราะความเป็นส่วนผสมหลักที่ลงตัว

5. Selenium
Selenium ที่ได้รับความนิยมในการทำ เครื่องสำอางสร้างแบรนด์ครบวงจร โดย Selenium มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ให้ผิวมีความยืดหยุ่น เหมาะสำหรับการเป็นส่วนผสมในสเปรย์น้ำแร่ ที่ช่วยให้เสริมคุณสมบัติที่มีอยู่แล้วในสเปรย์ ให้ส่งผลลัพธ์ชัดเจนขึ้น แน่นอนว่าสเปรย์น้ำแร่ ส่วนผสมจะสามารถผสมได้มากกว่า 1 แล้วแต่การคัดสรรจากผู้เชี่ยวชาญ โดยผ่านจากโรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่ที่จะมีทั้ง แล็บวิจัย และโรงงานผลิตสเปรย์

สำรวจรูปแบบผลิตภัณฑ์สเปรย์น้ำแร่ ก่อนเริ่มทำแบรนด์
สเปรย์นำแร่ที่มีการสั่งผลิตจากโรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่ จะแบ่งออกเป็นสองประเภท นั่นก็คือ สเปรย์น้ำแร่แบบอัดแก๊ส และสเปรย์น้ำแร่แบบหัวปั๊ม ตามลักษณะการใช้งาน

1. สเปรย์น้ำแร่แบบอัดแก๊ส
สเปรย์น้ำแร่แบบอัดแก๊ส จะเน้นการกระจายตัวของละอองที่ละเอียดอ่อนกว่าแบบหัวปั๊ม ประสิทธิผลของสเปรย์น้ำแร่ประเภทอัดแก๊สจึงเหมาะกับการนำไปใช้ฉีดลงบนใบหน้าให้ติดทน จากการลงเมคอัพเครื่องสำอาง แน่นอนว่า โรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่ จะเพิ่มสวนผสมประกอบที่สเปรย์อัดแก๊ส ด้านการบำรุงผิวเพิ่มลงไปด้วย โดยองค์ประกอบของสเปรย์น้ำแร่อัดแก๊ส ตัวละอองจะมีขนาดเล็ก และซึมลงผิวได้ดี เป็นเหตุผลที่สเปรย์เหมาะกับงานเมคอัพ

2. สเปรย์น้ำแร่แบบหัวปั๊ม
ควรฉีดสเปรย์น้ำแร่ตอนไหน โดยเฉพาะสเปรย์นำแร่หัวปั๊ม แน่นอนว่าหัวปั๊มจะเหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย สามารถผลิตเน้นทำความสะอาด หรือบำรุงผิวก็ได้ เหมือนเป็นสเปรย์น้ำแร่ทั่วไปที่ทุกคนรู้จักกันดี เพราะใช้งานได้หลากหลาย และคนทั่วไปนิยมใช้ทั้งชายและหญิง ซึ่งโรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่ OEM สามารถออกแบบตัวผลิตภัณฑ์ตามที่เจ้าของแบรนด์ต้องการได้ สะดวกต่อการนำไปทำการตลาด

Pure Derima Laboratories โรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่คุณภาพสูง มาตรฐาน GMP มีอย.รองรับ

โรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่ OEM

ที่ Pure Derima Laboratories คือโรงงานผลิตเครื่องสำอาง OEM ที่การันตีด้วยมาตรฐาน GMP และ ISO ได้รับการรับรองจาก อย.ไทย ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านโรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่จากที่นี้ ได้รับการจดแจ้งจากอย.ทั้งสิ้น นอกจากนี้ PDL ยังมีแล็บทดลองสูตรของเครื่องสำอาง พร้อมการผลิตแบบครบวงจร ตั้งแต่การเข้ารับคำปรึกษาอย่างเป็นกันเอง จนไปถึงขั้นตอนผลิต และส่งผลิตภัณฑ์ถึงมือเจ้าของธุรกิจ พร้อมให้จำหน่ายสินค้าได้ทันที

ทำแบรนด์สเปรย์น้ำแร่ ควรเตรียมการสำหรับการผลิตไว้เท่าไหร่
โรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่ สำหรับการเตรียมตัวในการสร้างแบรนด์ครบวงจร ในโรงงานรูปแบบ One Stop Service ราคาเบื้องต้นจะอยู่ที่ 65,000 บาท โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสูตรการผลิต ที่มีสูตรมาตรฐาน และสูตรสำหรับการพัฒนา ครอบคลุมค่าจดแจ้งผลิตภัณฑ์ด้วย แน่นอนว่าราคาจะมากน้อย ลดหย่อนตามโรงงานผลิตสเปรย์น้ำแร่ และการพัฒนาสูตร สำคัญคือการเลือกผลิตกับโรงงานที่ได้มาตรฐานจริง เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมา


38
รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์

ในปัจจุบันยังคงมีโรคระบาดต่าง ๆ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่จะคอยช่วยให้คุณห่างไกลจากโรคระบาดได้นั้นก็คือ สเปรย์แอลกอฮอล์ ทำให้ผู้ที่สนใจลงทุนทำแบรนด์ของตนเอง มองหาโรงงานรับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ จยครบที่เดียว ทำได้ทุกรูปแบบ ทั้งบรรจุภัณฑ์ ดีไซน์ ให้กับผู้ประกอบการที่มีความสนใจอยากมีแบรนด์เป็นของตนเอง มาดูกันว่ารับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ รับสร้างแบรนด์เจลแอลกอฮอล์ ที่ไหนดี เหมาะกับผู้ประกอบการที่กำลังอยากเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ

ปัจจุบันการจัดจำหน่ายแอลกอฮอล์สเปรย์ยังทำกำไรอยู่ไหม?
ในช่วงก่อนการระบาดของโรคโควิด-19 แอลกอฮอล์สเปรย์ได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากผู้คนตระหนักถึงประโยชน์ของแอลกอฮอล์ในการฆ่าเชื้อโรค อย่างไรก็ตาม หลังจากการระบาดของโรคโควิด-19 ความต้องการแอลกอฮอล์สเปรย์ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากผู้คนต่างต้องการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อโรค

ดังนั้นแล้วแนวโน้มของการจัดจำหน่ายแอลกอฮอล์สเปรย์นั้น ยังสามารถทำกำไรได้อยู่ในปัจจุบัน ผู้ที่สนใจทำธุรกิจนี้ควรพัฒนาผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์สเปรย์ที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และเลือกโรงงานรับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ที่รมีมาตรฐานการผลิตที่เข้มงวด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ผลิตออกมานั้นปลอดภัยต่อผู้บริโภค

ทำไมต้องใช้แอลกอฮอล์ Pharmaceutical Grade?
ทางบริษัทของเรารับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ Pharmaceutical Grade ที่มักจะนิยมใช้ทางการแพทย์ และยารักษาโรค แอลกอฮอล์ Pharmaceutical Grade มีความบริสุทธิ์ 95 % ถึง 99.9 % โดยโรงงานรับผลิตแอลกอฮอล์นั้นต้องมีกระบวนการผลิตแอลกอฮอล์โดยไม่ใส่สารขม และไม่มีการแต่งเติมสีฟ้าเข้าไปที่แอลกอฮอล์

เพราะทางบริษัทของเราได้นำแอลกอฮอล์ที่มาจากกากน้ำตาลบริสุทธิ์ทั้งสิ้น หากเปรียบเทียบกับแอลกอฮอล์ที่ขายทั่วไปจะใช้แอลกอฮอล์สังเคราะห์ทำให้มีกลิ่นฉุน รู้สึกเหนียวหนืดเมื่อสัมผัส และต้องใส่น้ำหอมเข้าไปเพื่อกลบกลิ่นของแอลกอฮอล์ที่มาจากสังเราะห์ บริษัทของเราจึงไม่เลือกใช้ให้กับลูกค้า หรือผู้ประกอบการ บริษัทของเราสั่งผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ที่มีแต่คุณภาพที่ดี และมีความปลอดภัย สามารถทำให้ผู้ประกอบได้รับสินค้าที่มีคุณภาพได้

โรงงานผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ที่ไหนดี?

ผลิตแอลกอฮอล์เกรด Pharmaceutical Grade
เมื่อผู้ประกอบการที่มีความต้องการอยากทำธุรกิจสเปรย์แอลกอฮอล์ ควรเริ่มต้นจากการหาโรงงานที่รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ที่ได้รับรองมาตรฐานการผลิตแอลกอฮอล์ล้างมือ GMP จากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัย และได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ ด้วยวัตถุดิบในการผลิตของโรงงานรับผลิตเจลแอลกอฮอล์ หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ก็ตามเป็นสิ่งที่สำคัญ แอลกอฮอล์เกรด Pharmaceutical Grade ต้องมีความบริสุทธิ์ 95% ขึ้นไป ไม่มีกลิ่นฉุน ไม่มีรสชาติขม และไม่ใส่สี ขอแนะนำบริษัท เดอร์มา อินโนเวชั่น จำกัด รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ผลิตแอลกอฮอล์ด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติด้วยน้ำตาลบริสุทธิ์ แอลกอฮอล์ที่ถูกผลิตจึงเป็นสินค้าที่ปลอดภัย และมีคุณภาพสูง

ONE STOP SERVICE พร้อมให้คำแนะนำกับผู้ลงทุน
การบริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว โรงงานที่รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ จะต้องอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน ตั้งแต่ให้คำแนะนำการเริ่มต้นลงทุนไปจนถึงการจัดหาโดยรวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนไว้ในที่เดียว เพื่อให้ผู้ที่าใจลงทุนสามารถติดต่อและรับบริการต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว

มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลการผลิต
โรงงานรับผลิตแอลกอฮอล์ล้างมือที่ดี คือการมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลการผลิตนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย เนื่องจากทีมงานผู้เชี่ยวชาญจะมีความรู้และประสบการณ์ในการปฏิบัติงานผลิตที่ถูกต้องและเหมาะสม

รีวิวดี มีประสบการณ์ยาวนาน
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเลือกโรงงานรับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์นั้น ต้องมีรีวิวจากลูกค้ามีความพึงพอใจกับผลิตภัณฑ์และบริการของโรงงาน โดยสามารถพิจารณาได้จากคะแนนรีวิวและความคิดเห็นของลูกค้า โรงงานรับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ที่มีรีวิวดีและมีประสบการณ์ยาวนาน ย่อมมีโอกาสผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัยแก่ผู้บริโภคได้มากกว่าโรงงานที่เพิ่งเริ่มดำเนินการหรือมีผลงานที่ผ่านมาไม่ดี

ทำไมถึงควรผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์แบบการ์ด?

สั่งผลิตเจลล้างมือ

สเปรย์แอลกอฮอล์แบบการ์ดถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้งานได้สะดวกสบาย ซึ่งเหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวัน ใช้ฉีดพ่นเพื่อฆ่าเชื้อโรคตรงบริเวณมือ หรือสิ่งของต่าง ๆด้วยรูปแบบของบรรจุภัณฑ์สเปรย์แอลกอฮอล์แบบการ์ด มีขนาดที่เล็ก บางจึงเป็นที่นิยมกับผู้บริโภค และโรงงานที่รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ ข้อดีของสเปรย์แอลกอฮอล์แบบการ์ด มีดังนี้

  • พกพาได้สะดวก สเปรย์แอลกอฮอล์แบบการ์ดมีขนาดที่เล็ก น้ำหนักเบา ทำให้พกพาติดตัวได้สะดวกสบายไปได้ทุกที่ เช่น ไปเรียน ไปที่ทำงาน และไปสถานที่ต่าง ๆ
  • ใช้งานได้ง่าย และใช้งานได้ในทันที สเปรย์แอลกอฮอล์แบบการ์ดมีหัวฉีดอยู่ในตัว ทำให้สามารถฉีดพ่นใช้มือ และสิ่งของ เพื่อฆ่าเชื้อโรคได้ในทันที
  • ฆ่าเชื้อโรค สเปรย์แอลกอฮอล์แบบการ์ดมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 70% ขึ้นไป ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อราได้
  • ราคาย่อมเยา สเปรย์แอลกอฮอล์แบบการ์ดมีราคาที่ค่อนข้างถูกกว่าผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรคชนิดอื่น ๆ และสามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไป หรือร้านขายยา

มีหลายบริษัทที่รับผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์แบบการ์ด และรับผลิตเจลแอลกอฮอล์แบบอื่น ๆ อีกมากมาย หากผู้ประกอบการมีความสนใจสินค้าสเปรย์แอลกอฮอล์แบบการ์ด เพื่อประกอบกิจการธุรกิจ หรือเพื่อให้เป็นของที่ระลึกตามงานต่าง ๆ ควรเลือกโรงงานที่มีประสบการณ์ มีมาตรฐานการผลิต มีความยืดหยุ่นในการผลิตเพื่อให้สามารถผลิตสินค้าต้องตามความต้องการของคุณ

39
เครื่องวัดสภาพอากาศ

เครื่องวัดสภาพอากาศเป็นเครื่องมือเซนเซอร์ที่ใช้ในการตรวจวัดสภาพบรรยากาศ โดยทั่วไปจะใช้วัดค่าสภาพแวดล้อมโดยรอบ ได้แก่ แสง อุณหภูมิ ความชื้นสัมพันธ์ ฝน และลม โดยเครื่องวัดสภาพอากาศสามารถทำหน้าที่ในเป็นเทอร์โมมิเตอร์ เครื่องวัดระดับเสียง ไฮโกรมิเตอร์ เครื่องวัดความเร็วลม และบารอมิเตอร์ สามารถพบเห็นการใช้งานอุปกรณ์วัดสภาพอากาศเหล่านี้ได้ในกรมอุตุนิยมวิทยา

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เครื่องวัดสภาพอากาศเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้น เพราะมีความสามารถในการบ่งชี้ถึงคุณภาพอากาศและระดับมลภาวะรอบตัวได้ สิ่งนี้เหมาะกับใครก็ตามที่ทำงานหรือชอบทำกิจกรรมที่จำเป็นจะต้องรู้ข้อมูลสภาพอากาศอย่างแม่นยำ อาทิ ชาวสวน ชาวนา กะลาสีเรือ นักเดินป่า ช่างไม้
แม้แต่ภายในบ้านก็สามารถมีเครื่องวัดสภาพอากาศได้ เพราะการมีอุปกรณ์ตรวจวัดสภาพอากาศในบ้านช่วยให้คุณวิเคราะห์คุณภาพของบรรยากาศที่บ้านได้อย่างง่ายดาย สามารถควบคุมสภาพแวดล้อมโดยรอบบ้านได้ อีกทั้งยังช่วยคาดการณ์สภาพแวดล้อมภายนอก ตลอดจนอันตรายที่อาจจะเกิดจากสภาพอากาศได้อีกด้วย

รู้จักเครื่องวัดสภาพอากาศคืออะไร?

เครื่องมือวัดสภาพอากาศคืออะไร?

เชื่อว่าหลายคนให้ความสำคัญกับสภาพอากาศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะทุกวันนี้ที่เราต้องเผชิญกับภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงและมลพิษรอบตัว เครื่องวัดสภาพอากาศเป็นตัวช่วยหนึ่งที่จะทำให้เราทราบถึงสภาพอากาศโดยรอบและสามารถวางแผนการทำงานและการใช้ชีวิตได้สะดวกมากขึ้น

เครื่องตรวจวัดสภาพอากาศเป็นอุปกรณ์ขนาดเล็กที่ติดตั้งเครื่องมือเพื่อให้สามารถแยกแยะสภาพอากาศโดยรอบได้ อุปกรณ์นี้สามารถให้ข้อมูลกับผู้ใช้งานเกี่ยวกับสภาพอากาศรอบตัวด้วยการใช้เซนเซอร์และเครื่องวัดอุณหภูมิ

ตัววัดสภาพอากาศมีหลายประเภทที่นิยมใช้ เช่น เทอร์โมมิเตอร์สำหรับวัดอุณหภูมิ บารอมิเตอร์สำหรับวัดความกดอากาศ ไซโครมิเตอร์และไฮโกรมิเตอร์ใช้เพื่อวัดความชื้นอากาศ โดยแต่ละประเภทนั้นจะใช้งานแตกต่างกันออกไป และไม่เพียงแค่นำมาใช้กับการพยากรณ์อากาศเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการควบคุมคุณภาพและตรวจจับความร้อนในโรงงานผลิตด้วยเช่นกัน

ประโยชน์ของเครื่องวัดสภาพอากาศ
อุปกรณ์วัดสภาพอากาศได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะเครื่องวัดสภาพอากาศช่วยเอื้ออำนวยความสะดวกและมีประโยชน์อย่างมาก ผู้คนให้ความสำคัญกับการวางแผนการใช้ชีวิตและห่วงใยในสุขภาพกันมากขึ้น

สถานีตรวจวัดอากาศขนาดย่อมนี้สามารถบอกสภาพอากาศ ทำให้เราสามารถวางแผนก่อนออกจากบ้านได้ เช่น ในบริเวณบ้านมีแนวโน้มที่ฝนจะตกแค่ไหน คุณสามารถคาดเดาได้ว่าวันไหนที่ควรจะพกร่มหรือเสื้อกันฝนออกจากบ้าน หรือหากคุณกำลังวางแผนที่จะจัดปาร์ตี้ที่สวนรอบบ้าน เครื่องวัดสภาพอากาศก็สามารถเป็นตัวช่วยให้กับคุณในการตัดสินใจและทราบได้ว่าวันนั้นอากาศจะดีหรือไม่

ไม่ว่าจะแดดร้อน ฝนตก ลมหนาว การมีเครื่องวัดสภาพอากาศไว้ในบ้านจะช่วยให้คุณสามารถรับมือและเตรียมพร้อมการเดินทางได้ทุกสภาพอากาศได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เครื่องวัดสภาพอากาศยังมีบทบาทสำคัญในภาคอุตสาหกรรมการผลิตต่าง ๆ เพราะในขั้นตอนการผลิตสินค้าบางประเภทจำเป็นที่จะต้องมีการควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และความเร็วลมอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้ามีคุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนดไว้

รู้จักกับเครื่องวัดสภาพอากาศประเภทต่าง ๆ
ได้ทราบถึงประโยชน์และการทำงานของตัววัดสภาพอากาศกันไปแล้ว ลองมารู้จักกับเครื่องวัดสภาพอากาศประเภทต่าง ๆ กันบ้างว่างมีอะไรบ้าง

เครื่องวัดความชื้น
เครื่องวัดความชื้น หรือ บารอมิเตอร์ เป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างยิ่งในการวัดหาปริมาณไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศ นำไปใช้งานได้ในหลายอุตสาหกรรม อาทิ โรงงานผลิตกระดาษ งานก่อสร้างอาคาร ปศุสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมเภสัชกรรมที่ต้องมีการควบคุมความชื้นในอากาศให้อยู่ในปริมาณที่กำหนด เพราะผลิตภัณฑ์ยาไวต่อความชื้นสูง

เครื่องวัดฝุ่น
เครื่องวัดฝุ่นมีหลากหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นแบบอินฟราเรด แสงเลเซอร์ กราวิเมตริก ระบบเบต้าเร ฯลฯ โดยแต่ละประเภทก็จะมีหลักการทำงานที่แตกต่างกันออกไป เครื่องตรวจสอบสภาพอากาศมีความสำคัญมากในเรื่องของการควบคุมมลพิษในอากาศ ควรศึกษาวิธีการใช้งานของแต่ละประเภทเพื่อเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับหน้างาน

เครื่องวัดความร้อน
เครื่องวัดความร้อน หรือ เทอโมมิเตอร์ มีทั้งแบบโพรบ อินฟราเรด เทอร์โมคับเปิล ทำหน้าที่ในการวัดอุณหภูมิความร้อนจากการแผ่รังสีของวัตถุ สามารถใช้งานได้หลากหลาย เช่น การวัดอุณหภูมิร่างกายมนุษย์ น้ำ อาหาร โดยการเลือกใช้เครื่องมือวัดสภาพอากาศแต่ละประเภทจะต้องขึ้นอยู่กับลักษณะวัตถุที่ต้องการวัดความร้อนด้วย

เครื่องวัดฝน
เป็นเครื่องมือที่กรมอุตุนิยมวิทยานิยมใช้ในการวัดประมาณน้ำฝนในพื้นที่ มีความสำคัญในการช่วยวิเคราะห์ฝนและพยากรณ์อากาศ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการประเมินความเสี่ยงของการเกิดอุทกภัย ตลอดจนช่วยวางแผนจัดการระบบชลประทานสำหรับภาคการเกษตร

ตัวอย่างการนำเครื่องวัดสภาพอากาศไปใช้งานจริง

ประโยชน์ของเครื่องวัดสภาพอากาศ

การทำงานของเครื่องวัดสภาพอากาศมีประโยชน์ทั้งในแง่ของอุตสาหกรรม การแพทย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตุนิยมวิทยา ทุกวันนี้ที่เราได้เห็นการรายงานข่าวเกี่ยวกับสภาพอากาศและแนวโน้มการเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับนำเครื่องวัดสภาพอากาศไปประยุกต์ใช้

จากรายงานสภาพความกดอากาศของประเทศไทยช่วงก่อนวันปีใหม่ 2024 คุณอาจจะรู้สึกได้ถึงลมเย็นและอุณหภูมิที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นเพราะเครื่องวัดสภาพอากาศตรวจจับได้ว่ามวลอากาศเย็นกำลังเคลื่อนตัวปกคลุมประเทศไทย ทำให้มีอากาศหนาวเย็นและลมแรงในบางจุด

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเพื่อให้ประชาชนรักษาสุขภาพ รวมถึงแจ้งเตือนให้ประชาชนเฝ้าระวังการเกิดอัคคีภัย เนื่องจากเครื่องวัดสภาพอากาศบ่งชี้ให้เห็นว่าสภาพอากาศมีลักษณะแห้งและลมแรงกว่าปกติ

สรุปเครื่องวัดสภาพอากาศ
เครื่องวัดสภาพอากาศสามารถช่วยในการคาดเดาสภาพอากาศโดยรอบพื้นที่ได้อย่างแม่นยำ เหมาะกับทั้งใช้งานในครัวเรือน อุตสาหกรรม และกรมอุตุนิยมวิทยา คุณสามารถที่จะวางแผนการเดินทางและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ก่อนใครหากมีสถานีตรวจวัดอากาศไว้ที่บ้านคุณเอง

ส่วนในภาคการผลิตและอุตสาหกรรม อุปกรณ์วัดสภาพอากาศยิ่งมีความสำคัญโดยเฉพาะในขั้นตอนการควบคุมคุณภาพการผลิตของสินค้าให้อยู่ในอุณหภูมิที่กำหนดไว้ และยังสามารถแจ้งเตือนอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากความร้อนในขั้นตอนการผลิต

นอกจากนี้ เครื่องวัดสภาพอากาศยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการคาดพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ทำให้สามารถทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของลมอากาศ อุณหภูมิ ความชื้น และความฝุ่นละออง ซึ่งนับว่ามีประโยชน์ต่อการแจ้งเตือนให้ประชาชนรับทราบและเตรียมพร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที

40
หางานเชียงใหม่

สำหรับนักศึกษาจบใหม่ หรือผู้ที่ต้องการหางานแต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหาจากที่ไหนดี ที่รวมตำแหน่งงานและบริษัทชั้นนำไว้ในที่เดียว โดยเฉพาะการหางานเชียงใหม่ที่เป็นจังหวัดที่เรียกว่ามีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย ทั้งบริษัท โรงแรมต่าง ๆ นอกจากนักศึกษาจบใหม่ หรือผู้ว่างงานที่กำลังมองหางานแล้ว นักศึกษาฝึกงานที่ต้องการฝึกงานที่เชียงใหม่ก็สามารถหาได้จากเว็บไซต์หางานได้เช่นเดียวกัน ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำเว็บไซต์ที่รวมบริษัทชั้นนำที่เปิดรับสมัครงานเชียงใหม่  และตำแหน่งงานว่างทุกตำแหน่ง พร้อมบอกวิธีการเตรียมตัวก่อนที่คุณจะเริ่มหางานเชียงใหม่

สำหรับบทความนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับผู้ที่ต้องการหางานเชียงใหม่ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ หรือผู้ที่ต้องการหาตำแหน่งงานที่มีคุณภาพมากขึ้น

การหางานเชียงใหม่ควรเริ่มหาอย่างไรดี

การหางานเชียงใหม่ควรเริ่มหาอย่างไรดี

ปัจจุบันการหางานนั้นง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการหางานเชียงใหม่ หางานกรุงเทพหรือการหาตำแหน่งงานว่างเชียงใหม่ เรียกได้ว่าสามารถเข้าไปตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองว่าเข้ากับบริษัทไหนได้บ้าง โดยที่คุณไม่ต้องเดินทางไปสมัครถึงที่บริษัทประหยัดค่าเดินทาง และยังไม่เสียเวลาอีกด้วย ด้วยการหางานเชียงใหม่หรือจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทยบนเว็บไซต์ที่ได้รวมบริษัทชั้นนำ และตำแหน่งงานว่าง ให้คุณได้เลือกมากมาย อีกทั้งคุณสามารถที่จะตรวจสอบคุณสมบัติที่ทางบริษัทต้องการได้ เพียงแค่สมัครสมาชิกของทางเว็บไซต์ วาง Resume เอกสารต่าง ๆ หรือกรอกข้อมูลทางออนไลน์ และสอบสัมภาษณ์ หากคุณผ่านเกณฑ์ที่บริษัทต้องการ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถที่จะเริ่มทำงานใหม่ได้อย่างง่ายดาย

การหางานเชียงใหม่คุณยังสามารถเลือกได้อีกว่าต้องการงานประเภทอะไร เช่น งานโรงแรม งานบริษัท บัญชี ฝ่ายขาย และอื่น ๆ อีกมากมาย สามารถเลือกสถานที่ทำงานใกล้กับที่พักของคุณได้ด้วยฟีเจอร์ภายในเว็บไซต์อีกทั้งยังเลือกประเภทของงาน สถานที่ เงินเดือนที่ต้องการ คุณสมบัติ และอื่น ๆ หากคุณยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นหางานจากที่ไหนดี เราก็แนะนำให้คุณเริ่มจากเว็บไซต์หางานที่สามารถเชื่อถือได้ ซึ่งนอกจากการหางานเชียงใหม่แล้ว ก็ยังมีจังหวัดอื่น ๆ ที่คุณสามารถค้นหาได้อีกด้วย

ข้อควรรู้ที่คุณควรทราบก่อนเริ่มหางานเชียงใหม่ มีอะไรบ้าง

ข้อควรรู้ที่คุณควรทราบก่อนเริ่มหางานเชียงใหม่ มีอะไรบ้าง

สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเริ่มหางาน ไม่ว่าจะเป็นการหางานเชียงใหม่ หรือที่จังหวัดไหนก็แล้วแต่ คุณควรที่ต้องเตรียมพร้อมให้ดีทั้งเอกสาร รวมไปถึงการสัมภาษณ์งานเพื่อเตรียมเข้าสู่การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งวันนี้เราได้รวมข้อควรรู้ก่อนที่คุณจะเริ่มหางาน มีดังต่อไปนี้

  • ก่อนเริ่มหางานเชียงใหม่ หรือที่ไหน ๆ ให้คุณเริ่มจากการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน ที่ทางบริษัทต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร Resume, ประวัติการศึกษา, สำเนาบัตรประชาชน หรือประวัติการทำงาน(หากมี)
  • ในการหางานเชียงใหม่ หรือในจังหวัดอื่น ๆ ในประเทศไทย คุณสามารถเริ่มหาจากเว็บไซต์ที่รวมบริษัทชั้นนำ และตำแหน่งงานว่างต่าง ๆ ได้ เพื่อความสะดวก และรวดเร็ว สามารถเลือกได้ตามคุณสมบัติของคุณ เงินเดือน หน้าที่ความรับผิดชอบ เพื่อให้ได้งานที่ตรงใจคุณมากที่สุด
  • เมื่อคุณส่งเอกสารต่าง ๆ ให้กับทางบริษัทแล้ว สิ่งที่คุณต้องเตรียมอีกอย่างก็คือ การสอบสัมภาษณ์ ซึ่งหากเอกสารหรือคุณสมบัติของคุณผ่านเกณฑ์ ทางบริษัทก็จะนัดสัมภาษณ์งานกับคุณ คุณจำเป็นต้องเตรียมตัวตอบคำถาม เพื่อให้เป็นไปอย่างราบรื่น และดูเป็นมือโปรมากที่สุด
  • การทำเอกสารหรือ Resume เพื่อใช้การหางานในเชียงใหม่ หรือในจังหวัดอื่น ๆ คุณควรที่จะต้องทำ Resume ให้ดึงดูดผู้ประกอบการมากที่สุด แสดงความสามารถ และศักยภาพที่คุณมีลงไปใน Resume แต่ก็ต้องตรงกับสายงานที่คุณสมัครด้วย ไม่ให้ดูเยอะหรือน้อยจนเกินไป คุณสามารถศึกษาการเขียน Resume ได้จากเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งมีอยู่เยอะมากและสามารถใช้งานได้จริง

เว็บหางานเชียงใหม่ที่น่าสนใจในปัจจุบัน มีเว็บไหนบ้าง

เว็บหางานเชียงใหม่ที่น่าสนใจในปัจจุบัน มีเว็บไหนบ้าง

การหางานผ่านเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็นหางานเชียงใหม่ ฝึกงานเชียงใหม่ หางานกรุงเทพ ที่ได้รวมบริษัทชั้นนำ โรงงาน โรงแรมต่าง ๆ เอาไว้ในที่เดียว ซึ่งมีหลายเว็บไซต์ด้วยกัน วันนี้เราได้ลิสต์เว็บไซต์หางานที่น่าเชื่อถือ มีตำแหน่งงานว่างหลายตำแหน่ง เงินเดือนสูงตามคุณสมบัติของคุณ สมัครง่าย สะดวก ซึ่งมีดังต่อไปนี้

1. JobFinFin

เว็บไซต์ JobFinFin เป็นเว็บไซต์ที่ทำให้การหางานทุกงานเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเป็นการหางานเชียงใหม่ ทุกรูปแบบทั้ง งานประจำ งานสัญญาจ้าง งานพาร์ทไทม์ ฟรีแลนซ์ นักศึกษาฝึกงาน พร้อมฟังก์ชันการหางานตามสายอาชีพ และคุณสมบัติของผู้สมัคร เลือกพื้นที่ เงินเดือน ประสบการณ์ต่าง ๆ  ตัวอย่างสายงาน เช่น หางานธุรการ ประสานงาน หางานHR สรรหาบุคคล หางานขาย หางานการตลาด หางานบัญชี การเงิน ไอที วิศวกร และอื่น ๆ อีกมากมาย ตอบโจทย์ทั้งนักศึกษาฝึกงาน นักศึกษาจบใหม่ และผู้ที่กำลังมองหางานใหม่

JobFinFin รวมสายอาชีพทุกสายงานมีโอกาสได้งานมากถึง 85% พร้อมตำแหน่งงานที่ได้คุณภาพครบทุกสายงาน เพียงแค่ค้นหางานตามคุณสมบัติของคุณ สมัครสมาชิก และ ฝาก Resume กับ JobFinFin เพียงเท่านี้ก็รอสัมภาษณ์งานกับทางบริษัทได้เลย นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกดูการอัปเดตงานต่าง ๆ ในแต่ละวันได้ เช่น งานเชียงใหม่ล่าสุด งานยอดนิยม งานด่วน หรืองานสำหรับนักศึกษาจบใหม่ เป็นต้น

2.  JobThai

JobThai เว็บไซต์สมัครงงานสำหรับคนไทยที่ไว้ใช้หางาน ทั้งหางานกรุงเทพ หางานเชียงใหม่ หางานภูเก็ต หรือจังหวัดอื่น ๆ ที่คุณต้องการ สามารถเลือกตำแหน่งงานที่คุณต้องการหรือตามคุณสมบัติของคุณ เลือกดูเงินเดือน สถานที่ทำงาน ประเทศของงานได้ สมัครง่ายเพียงแค่ สมัครสมาชิก ส่งเอกสาร และรอสัมภาษณ์งานผ่านออนไลน์หรือออฟไลน์ตามที่บริษัทแต่ละที่กำหนด
 
3. Jobbkk

JOBBKK เว็บไซต์สมัครงานออนไลน์ทั่วประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นหางานกรุงเทพ หางานเชียงใหม่หรือในจังหวัดของคุณ เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมตำแหน่งงานคุณภาพจากบริษัทชั้นนำทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศไทย ตำแหน่งงานว่าง ตำแหน่งงานด่วนจากบริษัทชั้นนำ ให้คุณสามารถหางานและสมัครงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ปลอดภัยและเชื่อถือได้ 100%

4. JobTH.com

JobTH.com เว็บไซต์ที่เหมาะกับทั้งคนหางาน และผู้ประกอบการต่าง ๆ มีสายงานทุกประเภทจากบริษัทชั้นนำ เลือกจังหวัด และอำเภอได้ตามที่คุณต้องการ เช่น คุณต้องการหางานเชียงใหม่ ในตัวอำเภอเมือง ก็สามารถหาได้ผ่านเว็บไซต์ ให้คุณได้เลือกตำแหน่งงานตามคุณสมบัติหรือการศึกษาของคุณ มีทั้งงานด่วน งาน Part time งานข้าราชการ เป็นต้น ทั้งนี้ผู้ประกอบการยังสามารถเข้ามาหาพนักงานที่ตรงตามคุณสมบัติที่ตั้งไว้ได้อีกด้วย เรียกได้ว่าง่ายต่อผู้หางาน และผู้ประกอบการเลยทีเดียว


สรุป

การหางานที่สะดวกและง่ายสามารถหาได้จากทั่วประเทศไทยไม่ว่าจะเป็น หางานเชียงใหม่ หางานกรุงเทพ หรือจังหวัดอื่น ๆ คุณสามารถหาได้ผ่านเว็บไซต์ที่ได้รวมตำแหน่งงานว่างที่มีคุณภาพจากบริษัทชั้นนำ ให้คุณได้เลือกสมัครเพียงส่ง Resume และรอสัมภาษณ์งาน หากผ่านเกณฑ์คุณก็รอเริ่มทำงานใหม่ได้เลย

41
พลังงาน | Energy / เครื่องวัดคุณภาพน้ำ
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2024, 06:45:37 PM »
    เครื่องวัดคุณภาพน้ำ

    เครื่องวัดคุณภาพน้ำคือ อุปกรณ์ที่ใช้ตรวจสอบคุณสมบัติด้านต่าง ๆ ของของเหลว เพื่อให้ทราบถึงสิ่งเจือปนที่อยู่ภายในของเหลวหรือเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของน้ำ ซึ่งเครื่องวัดคุณภาพน้ำนั้นสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามลักษณะการใช้งานและจุดประสงค์ในการใช้เครื่องมือเพื่อทำการทดลองของเหลว

    ในบทความนี้จะมาทำความเข้าใจว่าเครื่องวัดคุณภาพน้ำทำหน้าที่อะไร? มีขั้นตอนการทำงานอย่างไรบ้าง รวมไปถึงการแนะนำข้อควรพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องวัดคุณภาพน้ำว่าต้องพิจารณาคุณสมบัติอะไรบ้าง

    เครื่องวัดคุณภาพน้ำ (Water Quality Mornitoring) ทำหน้าที่อะไร?

    เครื่องวัดคุณภาพน้ำคือเครื่องมือที่ใช้ในการวัดคุณสมบัติทางเคมี กายภาพ และชีวภาพของน้ำ ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้จะมีลักษณะเฉพาะและมีความพิเศษในการตรวจสอบแตกต่างกันออกไป โดยคุณสมบัติที่มักตรวจวัดคุณภาพของน้ำจะมีดังต่อไปนี้

    • ค่า pH : วัดค่าความเป็นกรด-เบสของน้ำ
    • การนำไฟฟ้า : วัดความสามารถของน้ำในการนำกระแสไฟฟ้า
    • อุณหภูมิ : วัดอุณหภูมิของน้ำ
    • ออกซิเจนละลายน้ำ : วัดปริมาณออกซิเจนที่ละลายในน้ำ
    • ความขุ่น : วัดปริมาณของอนุภาคแขวนลอยที่อยู่ในน้ำ
    • คลอรีน : วัดปริมาณคลอรีนในน้ำ
    • โลหะหนัก : วัดปริมาณโลหะหนักในน้ำ เช่น ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม เป็นต้น

    ขั้นตอนการทำงานของเครื่องวัดคุณภาพน้ำ

    หลังจากที่ได้ทราบเกี่ยวกับหน้าที่ของเครื่องวัดคุณภาพน้ำกันไปแล้ว ถัดมาเราจะมาทำความเข้าใจขั้นตอนการทำงานของเครื่องตรวจคุณภาพน้ำกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง ซึ่งในรายละเอียดเชิงลึกแล้วเครื่องวัดคุณภาพน้ำแต่ละประเภทจะมีขั้นตอนการใช้งานที่แตกต่างกันออกไปตามประเภทของเครื่องมือ โดยในบทความนี้จะเป็นการอธิบายภาพรวมของการใช้เครื่องมือวัดคุณภาพน้ำที่ครอบคลุมกับการใช้เครื่องมือทุกประเภทซึ่งจะมีขั้นตอนดังนี้

    1. การเตรียมตัวอย่างน้ำ

    ในขั้นตอนแรกของการใช้เครื่องวัดคุณภาพน้ำจะเป็นการเก็บตัวอย่างน้ำในภาชนะที่แห้งและสะอาด ซึ่งต้องทำการกรองตัวอย่างน้ำเพื่อขจัดตะกอนในเบื้องต้นก่อน และทำการปรับอุณหภูมิของน้ำตัวอย่างให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิห้อง

    2. การสอบเทียบเครื่องมือ

    ขั้นตอนถัดมาเมื่อเตรียมน้ำตัวอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะเป็นขั้นตอนการสอบเทียบเครื่องวัดคุณภาพน้ำกับสารละลายมาตรฐาน เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องวัดอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน

    3. การวัดค่า

    ในขั้นตอนนี้จะเป็นขั้นตอนการวัดค่า โดยจะนำเครื่องวัดคุณภาพน้ำจุ่มลงในน้ำตัวอย่าง หลังจากนั้นรอให้ค่าบนหน้าจอคงที่และทำการบันทึกค่า

    4. การทำความสะอาด

    หลังจากที่มีการใช้งานเครื่องวัดคุณภาพน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะต้องทำความสะอาดด้วยการนำน้ำกลั่นล้างที่หัววัดและทำการเช็ดตรงหัววัดให้แห้ง หลังจากนั้นให้จัดเก็บเครื่องวัดคุณภาพน้ำในที่แห้งและปลอดภัย เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของเครื่องมือ[/li][/list]

    ตัวอย่างการใช้เครื่องวัดคุณภาพน้ำ TDS

    • เปิดเครื่องมือวัดค่า TDS
    • จุ่มหัววัดลงในน้ำตัวอย่าง
    • รอให้ค่าบนหน้าจอคงที่
    • อ่านค่าและบันทึกผล

    ประโยชน์ของเครื่องวัดคุณภาพน้ำ

    ประโยชน์ของเครื่องวัดคุณภาพน้ำ

    เมื่อพูดถึงประโยชน์ของเครื่องวัดคุณภาพน้ำหลายคนอาจจะมองไปที่หน้าที่ในการตรวจวัดคุณภาพน้ำเพียงอย่างเดียว แต่แท้จริงแล้วเครื่องวัดคุณภาพน้ำยังสามารถใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ได้อีกเช่น

    • ควบคุมคุณภาพน้ำในกระบวนการผลิต
    ช่วยควบคุมคุณภาพน้ำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อาหาร ยา และสารเคมี ที่ต้องตรวจสอบคุณภาพของน้ำว่าตรงตามมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้หรือไม่

    • ตรวจสอบมลพิษทางน้ำ
    เครื่องวัดคุณภาพน้ำจะช่วยตรวจสอบสารปนเปื้นต่าง ๆ ภายในน้ำอย่าง สารเคมีหรือโลหะหนักที่ปะปนอยู่ในน้ำ

    • ด้านการศึกษาและวิจัย
    การใช้งานเครื่องวัดคุณภาพน้ำถือเป็นเครื่องมือสำคัญในห้องทดลองและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่าง การศึกษาแหล่งธรรมชาติหรือผลกระทบจากมลพิษทางน้ำ เป็นต้น

    • ปกป้องสิ่งแวดล้อม
    แม้ว่าจะไม่ใช่ประโยชน์ทางตรง แต่การใช้งานเครื่องวัดคุณภาพน้ำในการตรวจสอบน้ำจากการบำบัดหรือของเสียจากอุตสาหกรรม ก่อนนำปล่อยสู่แหล่งน้ำทางธรรมชาติจะช่วยป้องกันการรบกวนสภาพล้อมตามธรรมชาติ และช่วยปกป้องให้สิ่งแวดล้อมมีความยั่งยืนมากยิ่งขึ้น

    ปัจจัยในการเลือกซื้อเครื่องวัดคุณภาพน้ำ

    หลังจากที่ได้ทราบวิธีการใช้งานและประโยชน์ของเครื่องวัดคุณภาพน้ำกันไปแล้ว หลายคนอาจเกิดสนใจที่จะลองซื้อเครื่องวัดคุณภาพน้ำมาใช้งานดู แต่ก็คงมีคำถามว่าแล้วเราควรพิจารณาในการเลือกซื้ออุปกรณ์วัดคุณภาพน้ำยังไงบ้าง โดยปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องวัดคุณภาพน้ำจะมีดังนี้

    • ช่วงการวัด : เครื่องวัดคุณภาพน้ำจะต้องมีช่วงการวัดที่เหมาะสมกับตัวอย่างที่เราต้องการตรวจสอบ
    • ความแม่นยำ : การเลือกใช้เครื่องวัดคุณภาพน้ำที่มีความแม่นยำสูงจะช่วยให้เรามั่นใจในผลลัพธ์จากการทดสอบได้ว่ามีประสิทธิภาพน่าเชื่อถือ
    • การสอบเทียบ : สำหรับการเลือกใช้เครื่องวัดคุณภาพน้ำที่ทำการสอบเทียบง่าย จะทำให้ผลลัพธ์มีความน่าเชื่อถือ
    • ความทนทาน : การเลือกใช้เครื่องวัดคุณภาพน้ำที่มีความทนทานจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวจากการซ่อมบำรุงเครื่องมือได้

    ประเภทของเครื่องมือวัดคุณภาพน้ำ

    จากที่ได้มีการพูดถึงไปในบทความข้างต้นว่าเครื่องมือวัดคุณภาพน้ำนั้นสามารถแบ่งออกได้หลายประเภทตามการใช้งานของเครื่องมือ โดยในบทความนี้จะแนะนำเครื่องมือวัดคุณภาพน้ำที่เป็นที่นิยมดังนี้

    • เครื่องวัดคุณภาพน้ำ TDS : ใช้วัดปริมาณของแข็งที่เจือปนใน้ำ
    • เครื่องมือวัดค่า BOD : ใช้วัดค่าความต้องการออกซิเจนทางชีวเคมี ซึ่งเป็นปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์ใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำ
    • เครื่องวัดค่า DO ในน้ำ : ใช้วัดค่าระดับออกซิเจนที่ละลายในน้ำ
    • เครื่องตรวจค่า pH ในน้ำหรือเครื่องวัดความกระด่าง : ใช้วัดค่าความเป็นกรด-เบสของน้ำ

    สรุปภาพรวมของเครื่องวัดคุณภาพน้ำ

    การเลือกใช้เครื่องมือวัดคุณภาพน้ำนอกจากจะช่วยทำให้รู้คุณสมบัติทางกายภาพ ทางเคมี และทางชีวภาพของน้ำแล้ว ยังช่วยให้เราทราบความบริสุทธิ์และความปลอดภัยของน้ำก่อนนำมาใช้งานในด้านต่าง ๆ อีกด้วย ซึ่งการเลือกใช้เครื่องมือวัดคุณภาพน้ำจะถูกแบ่งออกได้หลายประเภทตามลักษณะการใช้งานที่เฉพาะด้าน ดังนั้นการเลือกใช้เครื่องตรวจวัดคุณภาพน้ำที่เหมาะสมและมีคุณภาพจะช่วยให้ผลลัพธ์จากการทดสอบมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

    42
    ติว TOEIC

    ในปัจจุบันมีผู้ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้มากขึ้น ทำให้ตามโรงเรียน มหาลัย หรือบริษัทเริ่มนำผลสอบวัดทักษะภาษาอังกฤษมาใช้เป็นเกณฑ์ในการรับสมัครมากขึ้น และ TOEIC ก็เป็นหนึ่งในการสอบที่นิยมใช้เช่นกัน จึงทำให้มีสถาบันเปิดรับติว TOEICเพิ่มขึ้นมากมาย

    การติว TOEIC นอกจากจะช่วยให้ผู้เรียนทำข้อสอบ TOEIC ได้คะแนนดี ๆ เพื่อใช้ยื่นสมัครเรียนหรือทำงานบริษัทต่าง ๆ ได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยผู้ที่ต้องการเรียนอังกฤษแต่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงสามารถสื่อสารและใช้งานภาษาอังกฤษในสถานการณ์จริงได้อย่างมั่นใจด้วย

    การสอบ TOEIC คืออะไร ทำไมถึงมีคนเรียนติว TOEIC เยอะ

    การสอบ TOEIC (Test of English for International Communication) คือ การสอบวัดระดับทักษะภาษาอังกฤษระดับสากลสำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสื่อสาร โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำผลสอบไปใช้ในการสมัครเรียนต่อหรือสมัครงานตามบริษัทต่าง ๆ ที่มีการใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก

    จากการที่มีผู้ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารมากขึ้น จะเห็นว่าในปัจจุบันมหาลัยหรือบริษัทต่าง ๆ เริ่มนำผลสอบ TOEIC มาใช้เป็นเกณฑ์เปิดรับสมัครมากขึ้น แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าการสอบ หลาย ๆ คนก็อาจรู้สึกกังวลขึ้นมาว่าจะทำคะแนนไม่ดี เพราะพื้นฐานไม่แน่นหรือไม่คุ้นชินกับการทำข้อสอบ การติว TOEIC จึงเป็นหนึ่งในคอร์สเรียนที่มีผู้สนใจลงเรียนจำนวนมาก

    หมายเหตุ
    • ค่าสมัครสอบ TOEIC ครั้งละ 1,800 บาท ผลสอบ TOEIC จะมีอายุ 2 ปี
    • ศูนย์สอบมี 2 ที่ คือ กรุงเทพและเชียงใหม่ เปิดสอบทุกวันจันทร์-เสาร์ เวลา 9.00-12.00 และ 13.00-16.00

    ใครบ้างที่ควรเข้ารับการติว TOEIC

    การติว TOEIC เหมาะกับผู้เรียนทุกกลุ่ม ดังนี้

    • ผู้ที่ไม่มีพื้นฐานภาษางอังกฤษหรือรู้สึกว่าพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่แน่น แต่ต้องการปูพื้นฐานภาษาอังกฤษให้แน่น
    • ผู้ที่ต้องการเรียน TOEIC เพื่อไปสอบและนำคะแนนสมัครเรียนต่อโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยหลักสูตรอินเตอร์
    • ผู้ที่ต้องการใช้ผลสอบ TOEIC ในการสมัครสอบหรือชิงทุนเรียนต่อต่างประเทศ
    • ผู้ที่ต้องการใช้ผลสอบ TOEIC ในการสมัครทำงานตามบริษัทต่าง ๆ

    ติว TOEIC เน้นพัฒนาทักษะอะไร

    เนื่องจากการสอบ TOEIC จะแบ่งเป็น 2 พาร์ทหลัก ๆ คือ การอ่าน(Reading) และการฟัง(Listening) รวมทั้งหมด 200 ข้อ คิดเป็นคะแนนรวม 990 คะแนน โดยพาร์ทการอ่าน 495 คะแนนและพาร์ทการฟัง 495 คะแนน จึงจำเป็นต้องมีพื้นฐานทั้งทักษะการฟังและการอ่านเพื่อทำข้อสอบ TOEIC ให้ได้คะแนนดี

    ดังนั้นคอร์สเรียน TOEIC ส่วนใหญ่จะเน้นติวทักษะการอ่านและทักษะการฟังเพื่อให้ผู้เรียนมีความคุ้นชิน และสามารถทำข้อสอบได้คะแนนสูง ในที่นี้ก็มาดูกันว่าแต่ละพาร์ทจะมีรูปแบบข้อสอบแบบไหนที่ต้องฝึกฝนติว TOEIC เพิ่มบ้าง

    Grammar & Reading

    การติวสอบ TOEIC พาร์ทการอ่าน(Reading) จะเป็นการสอนภาษาอังกฤษพื้นฐาน เช่น แกรมม่า คำศัพท์เพื่อให้ผู้เรียนสามารถทำข้อสอบได้ โดยการสอบ TOEIC พาร์ทการอ่านจะมีจำนวนข้อสอบรวมทั้งหมด 100 ข้อ ให้เวลาสอบรวม 75 นาที โดยการอ่านถูกแบ่งออกเป็น 3 พาร์ทด้วยกัน คือ พาร์ท 5-7 ดังนี้

    • Part 5(Incomplete Sentences) 30 ข้อ = เน้นคำศัพท์และแกรมม่า
    • Part 6(Text Completion) 16 ข้อ = เน้นศัพท์ แกรมม่า การเรียงรูปประโยค
    • Part 7(Reading Comprehension) 54 ข้อ = เน้นการอ่านทำความเข้าใจบทความ ซึ่งในข้อสอบจะมีหลายรูปแบบ เช่น E-mail จดหมาย แชท ประกาศ และอื่น ๆ


    Listening

    การติว TOEIC พาร์ทการฟัง(Listening) จะเป็นการฝึกให้ผู้เรียนสามารถฟังจับใจความและทำความเข้าใจประโยคที่สื่อสารได้อย่างถูกต้อง พาร์ทการฟังจะมีจำนวนข้อสอบรวมทั้งหมด 100 ข้อ ให้เวลาสอบรวม 45 นาที โดยการฟังถูกแบ่งออกเป็น 4 พาร์ทด้วยกัน คือ พาร์ท 1-4 ดังนี้

    • Part 1(Photographs) 6 ข้อ = เลือกคำตอบที่ตรงกับรูปภาพมากที่สุด
    • Part 2(Question&Respose) 25 ข้อ = คำถามถามตอบ เลือกตอบข้อที่ตรงกับคำถามที่สุด
    • Part 3(Conversations) 39 ข้อ = บทสนทนาสองคน ถาม 3 คำถาม
    • Part 4(Short talks) 30 ข้อ = บทพูดสั้น ๆ มีผู้พูดคนเดียว ถาม 3 คำถาม

    เลือกสถาบันติว TOEIC อย่างไรดี

    เรียน TOEIC ที่ไหนดี

    สำหรับผู้ที่กำลังมองหาที่เรียน TOEIC ที่ไหนดี? สามารถพิจารณาคุณสมบัติของสถาบันที่เปิดรับติว TOEIC ดังนี้

    • สถาบันติว TOEIC จะต้องแจกแจงรายละเอียดว่าในคอร์สที่ลงเรียนมีการสอนและติวทักษะอะไรบ้างอย่างละเอียด
    • การลงคอร์สติว TOEIC ควรเรียนกับครูผู้ที่มีประสบการณ์สอนเชี่ยวชาญและเคยเข้ารับการสอบ TOEIC เพื่อที่ครูจะได้ถ่ายทอดเทคนิคการทำข้อสอบให้กับผู้เรียนได้อย่างเต็มที่
    • ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการลงเรียนคอร์สภาษาอังกฤษว่าอยู่ในช่วงงบประมาณที่ต้องการหรือไม่
    • อ่านรีวิวจากผู้เข้าลงเรียนโทอิคจริงว่าการเรียนการสอนของทางสถาบันเป็นอย่างไรบ้าง เพื่อเลือกลงคอร์สเรียนในสถาบันที่ต้องการ

    คำถามที่หลายคนมักสงสัยเกี่ยวกับการติว TOEIC

    ติว TOEIC ราคาเท่าไหร่?

    ราคาคอร์สติว TOEIC จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3,000-15,000 บาทขึ้นไป โดยราคาคอร์สติวข้อสอบ TOEIC ของแต่ละสถาบันจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น จำนวนชั่วโมงที่ลงเรียน จำนวนผู้เข้าเรียน เอกสารการสอน ครูผู้สอนที่มีประสบการณ์ และอื่น ๆ

    ลงเรียนติว TOEIC ช่วยเพิ่มคะแนนจริงไหม?

    การลงคอร์สเรียน TOEIC เป็นการเรียนกับคุณครูผู้ที่มีประสบการณ์การสอนเชี่ยวชาญโดยเฉพาะ ซึ่งทางครูจะช่วยชี้แนะจุดที่ผู้เรียนควรเน้นฝึกฝนเพิ่มเติม และการติว TOEIC มักจะมีการจำลองการสอบเสมือนจริง ทำให้ผู้เรียนคุ้นชินกับการทำข้อสอบและสามารถทำข้อสอบได้คะแนนดีตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้

    สรุปติว TOEIC เรียนเพื่อเตรียมตัวพร้อมทำคะแนน

    การติว TOEIC ช่วยเสริมสร้างและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของผู้เรียนกลุ่มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น นักเรียน นักศึกษา ผู้ที่มีแพลนเรียนต่อต่างประเทศ หรือว่ากำลังเตรียมตัวสมัครงานให้พื้นฐานแน่นมากขึ้น ในระหว่างที่เรียนติวสอบ TOEIC ก็จะเน้นฝึกทั้งพาร์ท Reading และ Listening ด้วยการสอนอังกฤษพื้นฐานด้วยการติวแกรมม่า คำศัพท์ และการจำลองทำข้อสอบจริง

    อีกทั้งในคอร์สติว TOEIC ยังสอนเคล็ดลับการทำข้อสอบ TOEIC จึงทำให้แม้แต่ผู้ที่อยากเก่งภาษาอังกฤษแต่ไม่มีพื้นฐานเลยก็สามารถสอบได้คะแนนดี ทั้งยังมีความรู้ภาษาอังกฤษติดตัวสามารถนำมาใช้ในการเรียน การสอบ หรือการทำงานได้อย่างมั่นใจ

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าการติว TOEIC จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถทำข้อสอบได้คะแนนดีตามที่ตั้งไว้จริง แต่ผู้เรียนควรหมั่นทบทวนบทเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองเพิ่มเติมในช่วงเวลายามว่าง เพื่อให้ผลลัพธ์จากการเรียนโทอิคช่วยส่งเสริมและพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้สามารถใช้สื่อสารได้อย่างชำนาญในระยะยาว

    43
    ยื่นภาษี

    สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มทำงาน เมื่อทำงานได้ครบปีแล้ว ก็จำเป็นจะต้องยื่นภาษี 2567 เพราะการยื่นภาษีอย่างถูกต้องและครบถ้วนจะช่วยให้เราได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของภาครัฐ เช่น การขอคืนภาษี การลดหย่อนภาษี สิทธิประโยชน์ทางการศึกษา สิทธิประโยชน์ทางสาธารณสุข เป็นต้น โดยจะต้องยื่นภาษีออนไลน์2566 ภายในวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี

    แล้วการยื่นภาษีคืออะไร ทำไมเราจะต้องยื่นภาษี 2567 จะทราบได้อย่างไรว่า เราจะต้องยื่นแบบฟอร์มใด แบบฟอร์มภงด91คืออะไร แล้วแบบภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 31 แตกต่างกันอย่างไร เราจะคำนวณภาษีเงินได้อย่างไร จำเป็นต้องชำระภาษีเพิ่มหรือได้ภาษีคืน บทความนี้ มีคำตอบ

    ยื่นภาษีคืออะไร ทำไมเราต้องยื่น?
    การยื่นภาษี คือ การยื่นแบบแสดงรายการภาษี เพื่อแจ้งรายละเอียดเงินได้และค่าลดหย่อนของเราให้กรมสรรพากรทราบ โดยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลธรรมดาทั่วไป หรือจากหน่วยภาษีที่มีลักษณะพิเศษ ตามที่กฎหมายกําหนด และมีรายได้เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่กําหนด ซึ่งโดยปกติ จะยื่นแบบภาษีเพื่อจัดเก็บเป็นรายปี รายได้ที่ได้รับในปีใด ๆ ผู้มีรายได้มีหน้าที่ต้องนำไปแสดงรายการตนเอง ตามแบบแสดงรายการภาษีที่กำหนด ภายในเดือนมกราคม ถึงมีนาคมของปีถัดไป

    แล้วทำไมเราต้องยื่นภาษี? เพราะภาษีเป็นรายได้ของภาครัฐ ซึ่งนำไปใช้จ่ายในกิจการสาธารณะ เช่น การก่อสร้างถนน โรงพยาบาล โรงเรียน การรักษาพยาบาล เป็นต้น ภาษีจึงเป็นหน้าที่พลเมืองอย่างหนึ่งที่จะต้องปฏิบัติตาม โดยมีระยะเวลาในการยื่นภาษีบุคคลธรรมดาประจำปี 2566 คือ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567 หรืออาจเรียกว่า ยื่นภาษี 2567

    การยื่นภาษีสามารถทำได้ 2 ช่องทาง คือ ยื่นภาษีด้วยตนเอง ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ และการยื่นภาษีออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต หากไม่ยื่นภาษีภายในกำหนด จะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และหากพ้นกำหนดเกิน 1 ปี โทษปรับจะเพิ่มเป็นไม่เกิน 10,000 บาท โดยการยื่นภาษีเป็นหน้าที่พลเมืองที่ทุกคนควรปฏิบัติเป็นประจำทุกปี

    ใครบ้างที่ต้องยื่นภาษี?

    ยื่นภาษี 2567

    โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีหน้าที่ยื่นภาษี คือ ผู้ที่มีเงินได้ในระหว่างปีภาษีนั้น ๆ ซึ่งจะต้องยื่นแบบภาษี เมื่อมีเงินได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามกฎหมายกำหนด แม้ว่า เมื่อคำนวณภาษีออกมาแล้ว จะต้องชำระภาษีเพิ่มเติมหรือไม่ก็ตาม แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้

    1.บุคคลธรรมดาที่มีรายได้เกินเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยเกณฑ์ขั้นต่ำในการยื่นภาษีบุคคลธรรมดา แบ่งตามสถานะโสดและสมรส ดังนี้

    • คนโสดที่มีรายได้เป็นเงินเดือนตั้งแต่ 10,000 บาท ต่อเดือน (ภงด91) หรือ 120,000 บาท ต่อปี รวมถึงคนโสดที่มีรายได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน (ภงด90) ตั้งแต่ 5,000 บาท ต่อเดือน หรือ 60,000 บาท ต่อปี
    • คู่สมรสที่มีรายได้รวมกันตั้งแต่ 20,000 บาท ต่อเดือน (ภงด94) หรือ 240,000 บาท ต่อปี
    2.ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลที่มีรายได้รวมแล้วเกินปีละ 60,000 บาท มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี
    3.นิติบุคคลทุกประเภทที่มีรายได้รวมแล้วเกินปีละ 60,000 บาท มีหน้าที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี

    นอกจากนี้ สำหรับผู้มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ก็ยังมีหน้าที่ต้องยื่นภาษี เช่น

    • ผู้มีรายได้จากเงินได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน เช่น เงินได้จากการเช่าทรัพย์สิน เงินได้จากการประกอบอาชีพอิสระ เป็นต้น
    • ผู้มีรายได้จากต่างประเทศ
    • ผู้มีรายได้จากเงินได้ที่ได้รับยกเว้นภาษี แต่มีเงินได้ประเภทอื่นที่ต้องนำมาคำนวณภาษี

    วิธีการคำนวณภาษีเงินได้
    ก่อนจะยื่นภาษีจำเป็นต้องเข้าใจวิธีการคำนวณภาษีเงินได้เสียก่อน โดยวิธีการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ดังนี้

    ขั้นตอนที่ 1 คำนวณหาเงินได้สุทธิ
    โดยเงินได้สุทธิ คือ เงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน โดยคำนวณจากสูตรยื่นภาษี ดังนี้

    เงินได้สุทธิ = เงินได้รวม - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
    ซึ่งอธิบายความหมาย คือ

    • เงินได้รวม คือ เงินได้ทั้งหมดที่ได้รับในปีภาษีนั้น ๆ โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
    1.เงินได้จากการจ้างงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง ค่าตอบแทน ฯลฯ)
    2.เงินได้จากทรัพย์สิน (ดอกเบี้ย เงินปันผล เงินได้จากการเช่า ฯลฯ)
    3.เงินได้จากธุรกิจ (กำไรสุทธิจากกิจการ)
    4.เงินได้อื่น ๆ (เงินได้จากการประกอบอาชีพอิสระ เงินได้จากการเล่นเกม ฯลฯ)

    • ค่าใช้จ่าย คือ ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการหารายได้ โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
    1.ค่าใช้จ่ายที่กฎหมายกำหนดให้นำมาหักได้ (ค่าใช้จ่ายตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร) เช่น ค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าการศึกษา เป็นต้น
    2.ค่าใช้จ่ายที่กฎหมายกำหนดให้นำมาหักได้เฉพาะกรณี (ค่าใช้จ่ายตามมาตรา 66 แห่งประมวลรัษฎากร) เช่น ค่าลิขสิทธิ์ ค่าธรรมเนียม ค่าเช่า ค่าซ่อมแซม ค่าประกันภัย ค่าน้ำมัน ค่าอาหาร เป็นต้น

    • ค่าลดหย่อน คือ ค่าใช้จ่ายที่กฎหมายกำหนดให้นำมาหักออกจากเงินได้ก่อนคำนวณภาษี โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
    1.ค่าลดหย่อนทั่วไป (ค่าลดหย่อนตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร) เช่น ค่าลดหย่อนค่าจ้าง ค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร เป็นต้น
    2.ค่าลดหย่อนเฉพาะบุคคล (ค่าลดหย่อนตามมาตรา 43 แห่งประมวลรัษฎากร) เช่น ค่าลดหย่อนค่าซื้อสินค้าและบริการ ค่าซื้อสินค้าและบริการส่งเสริมอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ค่าซื้อสินค้าและบริการเพื่อการศึกษา เป็นต้น

    ขั้นตอนที่ 2 คำนวณหาภาษีที่ต้องชำระ ก่อนยื่นภาษี
    ภาษีที่ต้องชำระ คือ ภาษีที่คำนวณจากเงินได้สุทธิ โดยคำนวณจากสูตรยื่นภาษีดังนี้
    ภาษีที่ต้องชำระ = เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี

    โดยอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบ่งออกเป็น 5 ขั้น ดังนี้
    • เงินได้สุทธิ ไม่เกิน 150,000 บาท อัตราภาษี 0%
    • เงินได้สุทธิ 150,001 - 300,000 บาท อัตราภาษี 5%
    • เงินได้สุทธิ 300,001 - 500,000 บาท อัตราภาษี 10%
    • เงินได้สุทธิ 500,001 - 750,000 บาท อัตราภาษี 15%
    • เงินได้สุทธิ 750,001 บาทขึ้นไป อัตราภาษี 20%

    ยกตัวอย่างการคำนวณภาษีเงินได้ เพื่อนำไปใช้ในการยื่นภาษี เช่น นาย A มีรายได้รวมในปีภาษี 2566 เป็นเงิน 500,000 บาท โดยหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนแล้ว เหลือเงินได้สุทธิ 400,000 บาท ดังนั้น ภาษีที่ต้องชำระของนาย A คือ ภาษีที่ต้องชำระ = 400,000 x 10% = 40,000 บาท หรือนาย B เหลือเงินได้สุทธิ 50,000 บาท ดังนั้น ภาษีที่ต้องชำระของนาย B คือ ภาษีที่ต้องชำระ = 50,000 x 0% = 0 บาท นั่นหมายความว่า นาย B ไม่ต้องชำระภาษี หากแต่ยังต้องยื่นภาษี 2567 ตามกำหนด

    ทั้งนี้ ตัวอย่างข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยอัตราภาษีและค่าลดหย่อนอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามประกาศของกรมสรรพากร

    ยื่นภาษีแบบภ.ง.ด. 90 และ ภ.ง.ด. 31 แตกต่างกันอย่างไร?

    ประเภทของการยื่นภาษี

    การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มี 2 แบบหลัก ๆ คือ แบบ ภ.ง.ด. 90 และแบบ ภ.ง.ด. 31 ซึ่งมีความแตกต่างกัน ดังนี้

    • แบบ ภ.ง.ด. 90 โดย ภงด90คือ การยื่นโดยบุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง ค่าตอบแทน ฯลฯ โดยรายได้รวมตั้งแต่ 120,000 บาท (คนโสด) หรือ 220,000 บาท (คู่สมรส) ซึ่งมีกำหนดยื่นภายในวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี และสามารถขอคืนภาษีได้
    • แบบ ภ.ง.ด. 31 เป็นการยื่นโดยบุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากเงินได้ประเภทอื่นที่ไม่ใช่เงินเดือน เช่น เงินได้จากการเช่าทรัพย์สิน เงินได้จากการประกอบอาชีพอิสระ ฯลฯ โดยรายได้รวมตั้งแต่ 60,000 บาท ซึ่งกำหนดยื่นภายในวันที่ 31 มีนาคม ของทุกปี แต่ไม่สามารถขอคืนภาษีได้

    หากดำเนินการยื่นภาษีไม่ทันจะต้องทำอย่างไร?
    ในการยื่นภาษี 2567 ตามความเข้าใจคือ การยื่นภาษีของปี 2566 จะต้องยื่นภาษีบุคคลภายในวันที่ 1 มกราคม 2567 - 31 มีนาคม 2567 แต่ทั้งนี้ หากยื่นภาษีไม่ทันภายในเวลาดังกล่าว สามารถยื่นภาษีย้อนหลังได้ โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90 หรือ ภ.ง.ด. 31 แล้วแต่กรณี พร้อมชำระเงินภาษีและเงินเพิ่ม โดยคำนวณจากอัตราร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของเงินภาษีที่ต้องชำระ นับแต่วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นภาษีจนถึงวันชำระภาษี

    นอกจากนี้ หากมีเงินภาษีที่ต้องชำระคืน ก็ยังสามารถยื่นภาษีย้อนหลังได้ โดยต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90 หรือ ภ.ง.ด. 31 แล้วแต่กรณี พร้อมขอคืนเงินภาษี ทั้งนี้ ควรยื่นภาษีภายในกำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงโทษปรับและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น

    ข้อมูลสรุปเกี่ยวกับยื่นภาษี 2567
    การยื่นภาษี คือ การยื่นแบบแสดงรายการภาษี เพื่อแจ้งรายละเอียดเงินได้และค่าลดหย่อนของเราให้กรมสรรพากรทราบ โดยจะต้องยื่นภาษีภายในเดือนมกราคม ถึงมีนาคมของปีถัดไป สำหรับการยื่นภาษี 2567 คือ การยื่นภาษีบุคคลธรรมดา2566 ว่ามีเงินได้และค่าลดหย่อนเท่าใด โดยเราสามารถคำนวณภาษีเงินได้ด้วยตนเอง แล้วยื่นแบบให้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นแบบฟอร์มภงด91, ภงด90, ภงด50, ภงด53 หรือ ภ.ง.ด. 31

    สำหรับผู้ต้องยื่นภาษีที่มีเงินได้เกินเกณฑ์ที่กำหนด อาจจะต้องชำระภาษีกับกรมสรรพากร หากไม่ชำระภายในกำหนดเวลา ก็อาจจะต้องชำระเงินเพิ่มได้ ดังนั้น เพื่อให้สามารถยื่นภาษีออนไลน์2566 และชำระภาษีได้อย่างราบรื่น ก็อาจเลือกใช้บริการบัตรกดเงินสดของ KTC ได้ ทุกคนสามารถสมัครง่าย อนุมัติไว ได้เงินก้อนมาใช้จ่าย แก้ทุกปัญหาทางการเงินในกรณีต้องการใช้เงินเร่งด่วน

    44
    เครื่องมือวัดระดับ

    เมื่อมีเหตุให้ต้องหาซื้อเครื่องมือวัดระดับนั้น สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงก็คือการใช้งานว่าเหมาะที่จะใช้กับเครื่องวัดระดับชนิดใด และแน่นอนต้องรวมถึงมาตรฐานการวัดว่ามีความน่าเชื่อถือ (Reliability), ความไว (Sensitivity), ความถูกต้อง (Accuracy) และความเที่ยงตรง (Precision) มากน้อยเพียงใด
     
    ในบทความนี้นี้เราจะมาแนะนำเกี่ยวกับเครื่องมือวัดระดับ ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้คืออะไร มีประเภทอะไรบ้าง มีวิธีการทำงาน และข้อจำกัดอย่างไร

    รู้จักกับเครื่องมือวัดระดับคืออะไร ?

    ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับคำว่า “เครื่องมือวัดระดับ” (Level Sensor / Level Switch) คือ เครื่องมือที่ใช้วัดระดับของวัตถุดิบที่เป็นได้ทั้งของเหลว และของแข็งที่มีการบรรจุไว้ในภาชนะ หรืออยู่ตามแหล่งน้ำธรรมชาติ แล้วจึงนำค่าที่ได้รับการแปลงสัญญาณตามมาตรฐานไปใช้ในกระบวนการการควบคุมการผลิตต่อไป
     
    เครื่องมือที่ใช้วัดระดับมีหลากหลายขึ้นกับวัตถุประสงค์ในการวัด วิธีการ และระดับเลเวลความแม่นยำ แต่ทั้งนี้ต้องสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งค่าที่อุปกรณ์ตรวจวัดปริมาณทางฟิสิกส์ต่าง ๆ สามารถวัดได้ก็จะมี การวัดอุณหภูมิ, ความชื้น แสง, เสียง และความดัน เป็นต้น
     
    ซึ่งเครื่องมือวัดระดับที่มีคุณภาพ มาตรฐานสูงนั้นต้องให้ผลลัพธ์ที่แม่นยำ เชื่อถือได้ และให้ค่าวัดตรงกันทุกครั้งที่ทำการวัด

    เครื่องมือวัดระดับ คืออะไร

    หลักการทำงานของเครื่องมือวัดระดับ

    หลักการทำงานของเครื่องมือวัดระดับ (Level Transmitter) แต่ละชนิดก็จะมีความแตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น

    • เครื่องมือวัดระดับ Ultrasonic Level Transmitter ชนิดอัลตราโซนิกส์ แบบคลื่นความถี่เหนือเสียงนั้น จะมีการติดตั้งไว้บนภาชนะบรรจุ เช่น ถัง ที่ความถี่ประมาณ 70-200 kHz แล้วใช้หลักความเร็วในการเคลื่อนที่ของคลื่น Ultrasonic มาเทียบกับระยะทาง แล้วคำนวณออกมาเป็นค่าระดับ
    • เครื่องมือวัดระดับ Pressure Transmitter ที่ใช้วัดแรงของเหลวที่กดลงตรงจุดที่วัดความดันที่มีผลต่อความสูง แล้วนำมาคำนวณเป็นค่าระดับได้ โดยต้องระวังว่า จะมีความแตกต่างด้านคำนวณระหว่างที่ถังเปิดและถังปิด
    • เครื่องมือวัดระดับ Displacer Level Transmitter มีการทำงานที่คล้ายกับลูกลอยที่ขึ้นลงตามระดับของเหลว เพียงแต่มีการกำหนดค่าถ่วงจำเพาะจึงจำกัดให้ระยะเคลื่อนที่ไม่สูงเท่าระดับจริง นำมาต่อเข้ากับ transmitter ก่อนที่จะทำการคำนวณระดับแล้วแสดงผลไปยัง controller
    แต่เครื่องส่งสัญญาณของเครื่องมือวัดระดับจะวัดระดับด้วยหนึ่งในวิธีการดังต่อไปนี้ คือ

    • น้ำหนักของของเหลว
    • หัวความดันของของเหลว
    • ตำแหน่งของของเหลวในภาชนะ

    แนะนำเครื่องมือวัดระดับของเหลวที่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ

    เครื่องมือวัดระดับนั้นมีหลากหลาย และมีไว้เพื่อวัดระดับอย่างต่อเนื่อง เราพอจะจำแนกตามประเภทการส่งสัญญาณได้ ดังต่อไปนี้

    เครื่องวัดระดับของเหลว (Liquid Level Transmitters)

    เครื่องมือวัดระดับประเภทนี้ ใช้วัดความดันส่วนหัวของของเหลว

    เครื่องวัดระดับอัลตราโซนิก (Ultrasonic Level Transmitters)
     
    ใช้พัลส์อัลตราโซนิกกระทบพื้นผิวของของเหลวและสะท้อนกลับ เพื่อให้เซนเซอร์คำนวณระดับการเติม

    เครื่องวัดระดับความจุ (Capacitance Level Transmitters)

    ใช้อิเล็กโทรดหุ้มฉนวนทำหน้าที่วัดความเปลี่ยนแปลงของความจุของของเหลว

    เครื่องวัดระดับแบบไฮโดรสแตติก (Hydrostatic Level Transmitters)

    วัดระดับของเหลวด้วยการใช้ความดันของของเหลวภายในภาชนะมาประมวลผล

    เครื่องวัดระดับแบบเรดาร์ (Radar Fill Level Transmitters)

    อาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าติดตั้งด้านบนของภาชนะที่เต็มไปด้วยของเหลว ได้รับสัญญาณสะท้อนที่ส่งไปวิเคราะห์ระดับในปัจจุบัน

    เครื่องวัดระดับแบบใช้ลำแสง (Optical Type Level Sensor)

    ใช้ลำแสงที่เกิดการหักเหเมื่อเซนเซอร์สัมผัสกับของเหลว และให้ผลลัพธ์เป็น NPN หรือ PNP อุปกรณ์ชิ้นนี้ต้องการพื้นที่ติดตั้งน้อย และเหมาะใช้เตือนการรั่ว

    เครื่องวัดระดับแบบใช้ความดัน (Pneumatic Level Sensor)

    ใช้ความดันของของเหลวมาประมวลผมเพื่อเตือนหรือควบคุมระดับของเหลว มีอยู่ 2 ชนิด คือ แบบสวิตซ์ และ แบบส่งสัญญาณ 4-20 mA เป็นต้น

    เครื่องมือวัดระดับแบบต่าง ๆ

    ตัวอย่างการนำเครื่องวัดระดับไปใช้ในงานอุตสาหกรรม

    หนึ่งในเครื่องมือวัดระดับที่เราสามารถนำไปใช้ในงานอุตสาหกรรมคือเครื่องวัดระดับน้ำที่นำมาใช้วัดความลาดเอียงของพื้นผิว เพื่อหาค่าความลาดเอียงของ 2 จุดในระยะ 1 เมตรว่ามีความสูงต่างกันกี่มิลลิเมตร
     
    ถ้าหากความไวในการวัด (Sensitivity) คือ Grade A : 0.02 mm/1m ดังนั้นหากฟองอากาศในเครื่องวัดระดับน้ำเคลื่อนจากตรงกลางไปทางซ้าย 3 ขีด ก็แสดงให้เห็นว่าด้านซ้ายสูงกว่าด้านขวา 0.02 x 3 = 0.06 mm ในระยะ 1m หากขาของเครื่องจักรห่างกัน 1.5 m จะให้ความสูงของขาทั้ง 2 ข้างต่างกัน 0.06 x1.5 = 0.09 mm นั่นเอง
     
    การหาค่าความเอียงก็เพื่อความสะดวกในการปรับความสูงของขาตั้งเครื่องจักรเพราะองศาในการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเครื่องจักรที่มีใช้ร่วมกันหลายเครื่องจะกระทบกับการควบคุมการทำงานซึ่งมีผลต่อความแข็งแรงและคุณภาพการผลิตเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน

    ข้อจำกัดของเครื่องมือวัดระดับ

    เพื่อที่จะได้เครื่องมือวัดระดับที่ให้ค่าวัดที่แม่นยำสูงมาก การใช้งานก็ต้องเป็นไปด้วยความระมัดระวังอย่างสูงเช่นกัน ดังนั้นควรเตรียมเครื่องตรวจวัดระดับน้ำก่อนใช้งานทุกครั้งดังนี้

    • ต้องปรับสอบเทียบ (Calibration) ตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ค่าวัดที่ถูกต้องแม่นยำเสมอ
    • ควรทำความสะอาดพื้นผิวที่จะทำการวัดให้สะอาดก่อนทุกครั้ง
    • ต้องมีความเข้าใจในเครื่องตรวจวัดระดับน้ำ ชนิด หลักการทำงาน เพื่อที่จะได้ใช้งานตรงวัตถุประสงค์ เพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำและน่าเชื่อถือ
    สรุปเครื่องมือวัดระดับ

    เครื่องมือวัดระดับ level measurement เป็นหนึ่งในเครื่องมือวัดอุตสาหกรรมที่ใช้วัดค่าทางวิทยาศาสตร์เหมือนกับเครื่องมือวัดทั่วไป เพียงแต่สามารถนำมาติดตั้งในสภาพแวดล้อม เช่น โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อให้รู้ค่าต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมการผลิตทางด้านปริมาณของวัตถุดิบ เป็นต้น
     
    นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้นยังมีเครื่องมือวัดระดับในรูปแบบสวิตซ์ใบพัด และสวิตซ์ลูกลอยที่สามารถใช้ในการวัดความสูงของภาชนะที่ใช้เก็บวัตถุดิบต่าง ๆ โดยระดับปริมาณวัตถุดิบก็จะมีการบันทึกเก็บไว้ด้วย ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ต่อผู้ใช้งานที่ต้องควบคุมวัตถุดิบในการผลิต สรุปได้ว่าเครื่องมือวัดระดับสามารถสร้างประโยชน์ให้กับภาคอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี

    45
    หางานกรุงเทพ

    การหางานกรุงเทพซึ่งเป็นแหล่งหางานที่มีทั้งความท้าทายและน่าตื่นเต้นที่ทุกคนต้องเผชิญหน้าทั้งในวัยทำงาน นักศึกษาฝึกงาน เด็กจบใหม่รวมไปถึงกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการความก้าวหน้า ตำแหน่งงานที่สูงขึ้นที่มาพร้อมกับเงินเดือนที่มากกว่าเดิม สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างฐานรากอาชีพโดยการหางานกรุงเทพมหานครซึ่งมีเคล็ดลับที่นำมาแชร์เพื่อเพิ่มโอกาสได้งานที่น่าสนใจ เป็นงานจากองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือและมั่นใจได้ว่าจะไม่โดนมิจฉาชีพหลอกให้โอนเงิน วางเงินมัดจำหรือเรียกเก็บเงินค้ำประกันการทำงาน

    การหางานกรุงเทพ ผ่านเว็บหางานทั้งสะดวก รวดเร็ว

    หางานกรุงเทพ

    การเริ่มต้นในการค้นหางานกรุงเทพมหานครที่มีโอกาสดี ๆ ทั้งตำแหน่งงานและเงินเดือนสูงได้ตามต้องการนั้น มีขั้นตอนแรกที่สำคัญคือการเลือกหางานกรุงเทพที่มาจากเว็บไซต์หางาน กทม.ที่เชื่อถือได้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีการอัปเดตอย่างรวดเร็ว และป้องกันความเสี่ยงในเรื่องของข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มคนที่สมัครงานกรุงเทพที่อาจถูกนำไปใช้โดยไม่เหมาะสมได้ ในกรณีที่มีการส่งข้อมูลสมัครงานไป ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็มีมิจฉาชีพที่ซ่อนตัวและผสมเข้ากับเว็บไซต์หางานมากขึ้น ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ไม่มีการยืนยันตัวตนของผู้ว่าจ้างหรือองค์กรทำให้ใคร ๆ ก็สามารถโพสต์รับสมัครงานกรุงเทพได้ การเลือกใช้บริการเว็บไซต์สำหรับผู้สมัครงาน กทม. จึงมีความสำคัญเป็นอย่างแรกที่ต้องพิจารณาเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับจ้างงานจากองค์กรที่มีความน่าเชื่อถือ

    ข้อควรรู้ก่อนเริ่มหางานกรุงเทพเพื่อที่ตรงใจ องค์กรก้าวหน้าและมั่นคง

    หางานกรุงเทพ

    1. สมัครงาน กทม. ที่ตรงกับคุณสมบัติของตนเอง ทั้งทักษะและความสามารถพิเศษซึ่งควรเลือกอาชีพหรือหางานในกรุงเทพที่ตนเองสามารถจะทำประโยชน์ให้กับองค์กรได้ นอกจากนี้คำนึงถึงการทำงานที่ต้องมีความมั่นคงในระยะยาว

    • ต้องการทำงานกับหน่วยงานใด (รัฐบาล เอกชน รัฐวิสาหกิจ) ขนาดอะไร (ใหญ่ กลาง เล็ก
    • เป็นองค์กรใหม่หรือดำเนินกิจการมานานแล้ว มีความก้าวหน้าเป็นอย่างไร
    • หางานกรุงเทพยังต้องคำนึงถึงสถานที่ตั้งและการเดินทาง

    2. องค์กรหรือหน่วยงานที่เปิดรับสมัครงานกรุงเทพ มีความพร้อมมากเพียงใดกับการสร้างคุณภาพชีวิตให้กับคนกำลังจะสมัครงานมีความมั่นคงหรือไม่ มีแนวโน้มเป็นอย่างไร

    • สวัสดิการและรายได้ รวมถึงความก้าวหน้า
    • สิ่งแวดล้อมในการทำงาน บรรยากาศของการทำงาน
    • ค่านิยมและเป้าหมายในการทำงาน

    เว็บหางานกรุงเทพที่น่าสนใจ

    หางานกรุงเทพ

    การเลือกใช้บริการเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือ สำหรับการหางานกรุงเทพถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งทาง เพราะทางเว็บพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือกับการอัปเดตตำแหน่งงานจากบริษัทหรือองค์กรที่มีความมั่นคงและเชื่อถือได้ ทำให้คนที่หางานในกรุงเทพได้รับการโปรโมตและเข้าถึงกลุ่มบริษัทกับตำแหน่งงานที่สมัครได้ง่ายขึ้น

    1. JobFinFin

    เป็นเว็บหางานกรุงเทพที่อัปเดตข้อมูลตำแหน่งต่าง ๆ ไว้ให้กับกลุ่มคนที่กำลังหางานในกรุงเทพพร้อมแนะนำเทคนิคมากมายในการสัมภาษณ์ให้ผ่านได้แบบฉุย ภายในเว็บยังมีการแบ่งกลุ่มตำแหน่งในแต่ละสายงานไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้คนที่หางานกรุงเทพมหานครได้เข้ามาใช้งานได้สะดวก เป็นเว็บไซต์ที่เหมาะสำหรับคนหางานทุกกลุ่มทุกอาชีพที่มีมากกว่า 800,000 รายขึ้นไป ทางเว็บยังมีการโปรโมตและแนะนำเพื่อให้บริษัทหรือองค์กรเข้าถึงโปรไฟล์ของผู้สมัครได้ง่าย

    2. Jobbkk

    เว็บหางานที่ดีที่สุดเว็บหนึ่งที่ขอนำเสนอ มีงานให้เลือกทั่วประเทศไม่เฉพาะแค่การหางานกรุงเทพ เป็นเว็บที่เปิดให้บริการมานานกว่า 15 ปีซึ่งมีบริษัทชั้นนำเป็นสมาชิกและมีตำแหน่งงานมากกว่า 100,000 งานโดยผู้สมัครงาน กทม. สามารถสร้าง resume และใบสมัครงานได้เองง่าย ๆ ด้วยระบบ multi-resume ซึ่งทำให้ไม่ต้องกรอกข้อมูลจำนวนมาก และยังรองรับไฟล์ที่ส่งได้สูงสุดถึง 100 MB

    3. JobTH

    เป็นอีกเว็บหางานกรุงเทพที่มีผู้ใช้บริการมากกว่า 8,000 รายทั้งคนที่หางาน กทม. และองค์กรหรือบริษัทที่เปิดรับสมัครงานกรุงเทพมหานครทั้งงานราชการ งานรัฐวิสาหกิจ และงานเอกชนมากมาย ซึ่งการกรอกข้อมูลการสมัครงานยังสามารถเข้าไปตรวจสอบหรือแก้ไขได้ตลอดเวลา รวมทั้งทางเว็บไซต์ยังมีระบบเตือนผ่านทาง SMS ให้แบบฟรีกับการนัดสัมภาษณ์งาน ทั้งระบบการให้บริการหางานในกรุงเทพกับทางเว็บไซต์ยังไม่มีการเรียกเก็บค่าสมาชิก
     
    4. Jobthai

    เป็นเว็บที่เปิดให้บริการมามากกว่า 20 ปีเพื่อเป็นสื่อกลางให้กับคนที่กำลังหางานกรุงเทพและบริษัทหรือองค์กรที่เปิดรับสมัครงานกรุงเทพซึ่งมีการแบ่งประเภทของงาน กทม.ไว้ได้อย่างละเอียด ที่สามารถเข้ามาใช้บริการได้แบบฟรี โดยการเข้ามาใช้งานทางเว็บพร้อมทีมงานจะมีการแนะนำการเขียนประวัติเพื่อใช้สำหรับยื่นสมัครงานได้ซึ่งยิ่งมีความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้นด้วย ในการส่งใบสมัครออนไลน์กับทางเว็บ

    สรุป

    สำหรับการหางานกรุงเทพผ่านเว็บหางาน กทม.จะได้รับทั้งความสะดวก รวดเร็ว และมีระบบต่าง ๆ ที่คอยช่วยเหลือตั้งแต่สามารถเลือกบริษัทที่มีความมั่นคง การเขียนประวัติการสมัครงานกรุงเทพมหานครที่มีการแนะนำจากทีมงานของเว็บ และช่วยโปรโมตให้ตรงกับตำแหน่งงาน กทม.ของบริษัทต่าง ๆ ได้เห็นและนำไปพิจารณา


    46
    ฟิล์มกรองแสงอาคาร

    ฟิล์มกรองแสงไม่ได้จำเป็นสำหรับรถยนต์เท่านั้นแต่การติดฟิล์มกระจกบ้านก็มีความสำคัญหลายประการด้วยเช่นกัน ซึ่งฟิล์มกระจกบ้านก็มีให้เลือกหลายแบบ และมีความเข้มที่ต่างกันอย่างเช่น 40 60 80 ทำให้สามารถเลือกใช้งานความทึบได้ตามความต้องการ รวมถึงฟิล์มติดกระจกมีลวดลายสวยงามให้เลือกหลากหลายแบบสามารถใช้ลดความร้อนและแต่งบ้านได้เช่นกัน

    หากพูดถึงการติดฟิล์มกระจกบ้านแล้วสามารถติดได้ด้วยตัวเองหรือจ้างช่างมืออาชีพมาติดฟิล์มกระจกได้ที่บ้านซึ่งทั้ง 2 แบบก็มีข้อแตกต่างกันออกไป ซึ่งสามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้รวมถึงเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวิธีติดฟิล์มกระจกบ้านรวมไว้ให้คุณแล้ว

    การติดฟิล์มกระจกบ้าน ช่วยแก้ปัญหาอะไร

    สำหรับบ้านหรืออาคารไหนที่กำลังประสบปัญหาต่อไป สามารถแก้ปัญหาได้โดยการติดฟิล์มกระจกบ้านหรือติดฟิล์มอาคารโดยเลือกความเข้มของฟิล์มได้แก่ 40 60 80 เป็นต้น แล้วปัญหาที่ควรแก้ไขด้วยการใช้ฟิล์มติดกระจกมีอะไรบ้างดังต่อไปนี้

    • ปัญหาบ้านร้อน ภายในบ้านหรืออาคารสำนักงานที่มีหน้าต่างรับแสงแดดตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ภายในบ้านอากาศร้อน ปัญหานี้สามารถแก้ได้ด้วยการฟิล์มกรองแสงอาคารเพื่อป้องกันรังสีอินฟราเรดสาเหตุของการทำให้ภายในบ้านร้อน เมื่อรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ส่องเข้ามาภายในได้น้อยลงจะช่วยลดความร้อนภายในบ้านได้มากเลยทีเดียว
    • ปัญหากระจกบ้านมีรอยขีดข่วน แน่นอนว่ากระจกบ้านหรือกระจกสำนักงานเป็นกระจกประเภทใสที่สามารถมองเห็นรอยขีดข่วน ได้อย่างชัดเจนซึ่งหากทำการติดฟิล์มกระจกบ้าน การเคลือบสารกันรอยขีดข่วนก็เป็นการป้องกันการเกิดรอยบนกระจกได้
    • ปัญหาอุบัติเหตุจากกระจกแตก กระจกถือได้ว่าแตกได้ง่ายมากหากมีวัตถุไปกระทบหรือกระจกเครียดที่สามารถแตกเองได้ ซึ่งการติดฟิล์มกระจกบ้านช่วยลดอุบัติเหตุจากเศษกระจกแตกได้ เนื่องจากในฟิล์มกระจกมีส่วนที่เป็นกาว หากกระจกแตกตัวฟิล์มกาวจะเกาะยึดกระจกที่แตกไว้ไม่ให้กระจาย
    • ปัญหากระจกบ้านใสไม่เป็นส่วนตัว สำหรับบ้านหรือตัวอาคารที่มีกระจกใสรอบบ้านแต่ต้องการความเป็นส่วนตัวและต้องการเปิดรับแสงจากภายนอก สามารถติดฟิล์มกระจกบ้านที่มีความเข้มสูงช่วยให้ไม่สามารถมองเห็นภายในบ้านได้ แต่ภายในบ้านสามารถมองไปข้างนอกได้
    • ปัญหาห้องมืดต้องการติดฟิล์มป้องกันรังสี UV ปัญหาภายในบ้านมืดสามารถแก้ปัญหาได้โดยการติดผ้าม่าน แต่การติดผ้าม่านนั้นไม่สามารถป้องกันรังสี UV ได้ ในที่นี้แก้ปัญหาได้ด้วยการติดฟิล์มกระจกบ้านช่วยป้องกันรังสียูวีได้ถึง 99%
    ข้อดีของการติดฟิล์มกระจกบ้าน

    วิธีติดฟิล์มบ้านหรือฟิล์มกรองแสงอาคารช่วยแก้ปัญหาได้หลายอย่างเลยทีเดียวและทราบหรือไม่ว่ายังมีข้อดีในการช่วยประหยัดไฟบ้าน ที่เกิดได้จากการติดฟิล์มกระจกบ้านช่วยลดความร้อนภายในบ้าน ส่งผลให้ลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศทำให้ประหยัดไฟนั่นเอง รวมถึงการติดฟิล์มบ้านช่วยป้องกันรังสีอินฟราเรดไม่ให้ส่องถึงภายในบ้านเป็นข้อดีในการช่วยปกป้องเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านได้อีกด้วย

    ข้อควรระวังก่อนติดฟิล์มกระจกบ้าน

    ก่อนจะลงมือติดฟิล์มกระจกบ้านต้องทราบถึงข้อควรระวังที่หากติดพลาด ทำให้ต้องเสียทั้งเงินเสียทั้งเวลาเลยก็ว่าได้ ซึ่งก่อนติดฟิล์มกระจกบ้านควรทราบถึงประเภทของฟิล์มติดกระจกที่มี 4 ประเภทได้แก่ ฟิล์มติดกระจกแบบใส แบบดำ ฟิล์มเซรามิก ฟิล์มปรอท และมีความเข้มที่แตกต่างกันควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน ดังนั้นหากคุณไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องประเภทของฟิล์มอาจทำให้ติดผิดจนต้องทิ้งทั้งหมด

    วิธีติดฟิล์มกระจกบ้านต้องทำอย่างไร

    วิธีติดฟิล์มกระจกบ้าน หรือฟิล์มกรองแสงอาคารอย่างมืออาชีพให้เรียบเนียนไม่เกิดฟองอากาศ มีเทคนิคที่ต้องเตรียมอุปกรณ์และขั้นตอนในการติดฟิล์มกระจกดังต่อไปนี้

    รับติดฟิล์มอาคาร

    1. เตรียมอุปกรณ์ติดฟิล์มกระจกบ้าน

    หากคุณไม่ต้องการใช้บริการรับติดฟิล์มบ้านแต่ต้องการติดฟิล์มด้วยตัวเอง จำเป็นต้องเตรียมอุปกรณ์ในการติดกระจกบ้านได้แก่มีดคัตเตอร์ ฟิล์มกรองแสง เกรียงรีด น้ำยาติดฟิล์ม ยางรีดน้ำ เป็นต้น เมื่อเตรียมอุปกรณ์ครบแล้วให้ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการติดฟิล์มกระจก

    2. ลงมือติดฟิล์มกระจกบ้านให้เรียบเนียน

    นำน้ำยาติดฟิล์มฉีดบนกระจกที่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วและทำการติดฟิล์มทับลงไป และปรับตำแหน่งตามต้องการ ต่อมาใช้เกรียงรีดไล่ฟองอากาศออกจากฟิล์มให้หมด แล้วใช้คัตเตอร์ตัดฟิล์มส่วนเกินออกจากกระจกอย่างระมัดระวัง หากมีฟองอากาศเล็ก ๆ ไม่ต้องกังวล ฟองอากาศจะค่อย ๆ หายไปเอง

    3. วิธีดูแลหลังติดฟิล์มกระจกบ้าน

    หลังจากติดฟิล์มกระจกบ้านเรียบร้อยแล้วห้ามใช้น้ำน้ำยาเช็ดกระจกที่มีส่วนผสมของแอมโมเนียในการทำความสะอาดกระจก ควรงดเช็ดความสะอาดกระจกหลังติดตั้งประมาณหนึ่งอาทิตย์ แต่หากมีสิ่งสกปรกสามารถใช้ผ้าที่ไม่หยาบเช็ดทำความสะอาดกระจกได้

    ติดฟิล์มกระจกบ้านเอง VS จ้างช่างมืออาชีพ

    ในการติดตั้งฟิล์มกระจกบ้านสามารถทำได้ด้วยตัวเองและจ้างช่างมืออาชีพแต่ทั้ง 2 วิธีก็มีความแตกต่างกันคือ การติดฟิล์มกระจกบ้านเองช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายแต่มีข้อเสียคืออาจเกิดปัญหาตามจากการติดฟิล์มกระจกได้ แต่หากจ้างช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในการติดตั้งฟิล์มกระจกบ้านสร้างความสะดวกรวดเร็วได้งานติดกระจกอย่างมืออาชีพ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่จะตามมาภายหลัง รวมถึงบริษัทรับติดฟิล์มอาคารมีฟิล์มให้เลือกหลากหลายแบบ พร้อมให้คำแนะนำโดยช่างที่มีประสบการณ์และงบในการติดตั้งไม่บานปลายอีกด้วย

    ติดฟิล์มกระจกบ้านดีกว่าติดม่านอย่างไร

    การติดฟิล์มกระจกบ้านช่วยป้องกันรังสี UV และรังสีอินฟราเรดต้นเหตุที่ทำให้บ้านร้อนและทำร้ายผิวรวมถึงเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านด้วย ทำให้การติดฟิล์มกระจกบ้านช่วยป้องกันรังสีได้มากกว่าและมีข้อดีในการลดแสงจ้าเข้ามาภายในบ้าน แต่หากติดม่านทึบไม่สามารถช่วยลดให้บ้านเย็นและแสงแดดยังทำให้ผ้าม่านเสื่อมสภาพเร็วขึ้นอีกด้วย สุดท้ายนี้หากต้องการใช้บริการ รับติดฟิล์มบ้านควรเลือกช่างที่มีประสบการณ์ติดตั้งอย่างยาวนานและมีฟิล์มกระจกบ้างให้เลือกหลายรูปแบบ


    47
    ท่อ HDPE ประปา

    น้ำประปาถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้ ดังนั้น ระบบการขนส่งน้ำประปาจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกใช้ท่อ HDPE ประปา ซึ่งเป็นท่อพลาสติกที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อทุกสภาพแวดล้อม มีความยืดหยุ่นสูง น้ำหนักเบา ขนย้ายง่าย จึงทำให้ท่อน้ำ PE ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

    ท่อ HDPE ประปา คือ อะไร?

    ท่อน้ำ PE

    ท่อประปา HDPE ย่อมาจาก High-Density Polyethylene Pipe ซึ่งเป็นท่อที่ผลิตจากวัสดุพลาสติกชนิดหนึ่งที่เรียกว่าโพลีเอทิลีน (Polyethylene) มีคุณสมบัติโดดเด่นหลายประการ ทั้งมีความหนาแน่นสูง (High-Density) จึงได้ชื่อเรียกว่า ท่อ HDPE ประปา แล้วด้วยความหนาแน่นสูงนี้ ส่งผลให้ท่อมีความแข็งแรงและทนทานต่อปัจจัยภายนอกต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีความยืดหยุ่นดี ใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อม ทนทานต่อสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสารเคมี แสงแดด น้ำทะเล การกัดกร่อนของดินและเชื้อโรคในดิน

    ท่อนี้นิยมนำมาใช้ในระบบท่อประปา จึงเรียกว่า ท่อ PE ประปา หรือท่อ HDPE ประปา เพราะนอกเหนือจากคุณสมบัติเด่น ๆ ดังกล่าวแล้ว ท่อประปา PE ยังมีน้ำหนักเบา ทำให้ขนส่งสะดวก ติดตั้งได้ง่าย ทนทานต่อการกัดกร่อนของสารเคมีต่าง ๆ ถูกทำลายหรือแตกหักได้ยาก มีอายุการใช้งานยาวนาน หากมีการต่อท่อ HDPE ดี จะสามารถกันน้ำได้เป็นอย่างดี ขนส่งน้ำประปาได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้น ท่อ HDPE ประปาจึงได้รับความนิยมในการก่อสร้างระบบประปาใหม่หรือใช้ซ่อมแซมในระบบปัจจุบัน

    คุณสมบัติของท่อ HDPE ประปา มีอะไรบ้าง?

    การต่อท่อ HDPE

    อย่างที่ทราบดีว่า ท่อ HDPE ประปามีลักษณะเป็นท่อน้ำสีดำ แล้วมีคุณสมบัติโดดเด่นหลายประการ โดยสามารถอธิบายรายละเอียดได้ ดังนี้

    ความแข็งแรงและทนทาน

    ท่อ HDPE ประปามีคุณสมบัติเรื่องความแข็งแรงและทนทานทางกายภาพสูง โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ด้าน คือ

    • ความทนทานต่อแรงดัน ด้วยท่อประปา HDPE สามารถทนทานต่อแรงดันน้ำได้เป็นอย่างดี จึงเหมาะสำหรับใช้เป็นท่อน้ำ PE รับส่งน้ำผ่านท่อไปยังสถานที่ต่าง ๆ
    • ความทนทานต่อแรงกระแทก เมื่อท่อ HDPE ประปาสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ดี ทำให้ท่อสามารถรับแรงกระแทกที่เกิดขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นระหว่างขนส่งท่อประปา PE ไปติดตั้ง หรือระหว่างส่งน้ำประปา หรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น หรือเกิดจากแรงกระแทกในการใช้งานก็ตาม
    ดังนั้น คุณสมบัติแรกของท่อ HDPE ประปา คือ ความแข็งแรงและทนทานทางกายภาพ ซึ่งสามารถรับแรงดันและแรงกระแทกจากภายในและภายนอกได้เป็นอย่างดี มีความหนาแน่นสูง  ยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี ทำให้รับแรงกระแทกได้ โดยไม่เกิดการแตกหักเสียหาย

    ทนทานต่อสภาพแวดล้อม

    อีกคุณสมบัติของท่อ PE ประปา คือ ความทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ เช่น

    • ทนทานต่อสารเคมี ด้วยท่อ HDPE ประปามีความทนทานต่อสารเคมี ไม่ปล่อยให้สารพิษหรือสารเคมีอันตรายรั่วซึมผ่านท่อเข้าไปทำปฏิกิริยากับน้ำประปาภายในท่อ ทำให้น้ำประปามีความปลอดภัย
    • ทนทานต่อแสงแดด เพราะบางครั้ง มีการต่อท่อ HDPE ในบริเวณกลางแจ้ง ดังนั้น ท่อน้ำ HDPE จึงต้องมีคุณสมบัติในการทนทานต่อการทำลายจากรังสีแสงแดด UV เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน ใช้งานได้ทุกพื้นที่
    • ทนทานต่อการกัดกร่อน เนื่องจากบางสถานที่ที่ใช้การต่อท่อ HDPE อาจจะมีสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด หรือดินสามารถกัดกร่อนท่อได้ ดังนั้น ท่อ HDPE ประปาจึงควรทนทานต่อการกัดกร่อนของเชื้อโรคและดินต่าง ๆ
    คุณสมบัติการทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสารเคมี แสงแดด หรือการกัดกร่อน สาเหตุเหล่านี้ ล้วนต่อผลต่อคุณภาพของน้ำประปาภายในท่อ PE ประปาทั้งสิ้น เพราะหากต้องการให้น้ำประปาสะอาด ปลอดภัยจนถึงมือผู้รับน้ำ ท่อ HDPE ประปาจึงควรเป็นกลาง ไม่ทำปฏิกิริยากับปัจจัยภายนอกใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อรักษาคุณสมบัติ ความสะอาด และความปลอดภัยของน้ำประปาไว้อย่างครบถ้วน

    การต่อท่อ HDPE ง่ายและรวดเร็ว

    ท่อ HDPE ประปาสามารถเชื่อมต่อได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ สามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว มีมาตรฐาน ปลอดภัย ไม่มีรอยรั่วซึมหรือชำรุด เพราะหากมีการต่อท่อ HDPE ที่ดี ก็จะช่วยให้สามารถใช้งานท่อ PE ประปาได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาการซ่อมแซมในอนาคตได้

    ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ท่อ HDPE ประปามีคุณสมบัติโดดเด่นอยู่ 3 ประการ คือ ความแข็งแรงทนทานทางกายภาพ สามารถรับแรงดันและแรงกระแทกได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อสารเคมี แสงแดด และการกัดกร่อนจากดินได้ อีกทั้งยังเอื้อให้การต่อท่อ HDPE ติดตั้งได้ง่าย สะดวก โดยนอกจากนี้ ยังมีน้ำหนักเบา สามารถขนย้ายได้สะดวก ใช้งานได้นาน ปลอดภัยตลอดการขนส่งน้ำประปา เพราะสารเคมีหรือปัจจัยภายนอกต่าง ๆ ไม่สามารถรั่วซึมผ่านท่อ PE ประปาเข้ามาได้

    สรุป

    ท่อ HDPE ประปาเป็นท่อพลาสติกประเภทโพลีเอทิลีน มีคุณสมบัติแข็งแรง ทนทานต่อสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแรงดันน้ำ แรงกระแทก แสงแดด สารเคมี หรือการกัดกร่อนของดิน มีความหนาแน่นสูง ยืดหยุ่นได้ดี น้ำหนักเบา อีกทั้งการต่อท่อ HDPE ก็สามารถติดตั้งได้ง่าย ทำให้ท่อน้ำ PE หรือท่อประปา PE ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลายโครงการหรืออุตสาหกรรมเลือกใช้ท่อ HDPE ประปาในการวางระบบประปาใหม่ รวมถึงใช้ในการซ่อมแซมระบบประปาเก่าอีกด้วย

    48
    ติดตั้งโซล่าเซลล์สำคัญอย่างไร ?

    ในปัจจุบันในยุคที่ค่าไฟมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น เชื่อได้ว่าหลาย ๆ คนกำลังมองหาวิธีที่จะช่วยลดค่าไฟกันอย่างแน่นอน ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายที่หลายคนน่าจะต้องเคยได้ยินอย่างแน่นอนนั้นก็คือ การติดตั้งโซล่าเซลล์สำหรับการใช้งานไฟฟ้าภายในบ้าน เป็นหนึ่งในวิธีที่มีผลลัพธ์ที่มีความคุ้มค่าในระยะยาวสำหรับผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายค่าไฟได้เป็นอย่างดี โดยในวันนี้ในบทความนี้จะมาแนะนำการติดตั้งโซล่าเซลล์อย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน พร้อมประมาณราคาการติดตั้งโซล่าเซลล์ ราคาเริ่มต้นที่เท่าไหร่ ให้กับผู้ที่มีความสนใจทุกคนได้ทราบ

    แนะนำการติดตั้งโซล่าเซลล์ (Solar Cell)

    ติดตั้งโซล่าเซลล์ดีอย่างไร ?

    ก่อนที่จะเริ่มทำการติดตั้งโซล่าเซลล์ เบื้องต้นนั้นผู้ที่ต้องการติดโซล่าเซลล์ควรทำความรู้จักเบื้องต้นกับโซล่าเซลล์ก่อนว่าคืออะไร รู้จักกับข้อดีของโซล่าเซลล์มีนั้นข้อดีแบบไหน เพื่อที่จะได้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจก่อนที่จะเริ่มติดโซล่าเซลล์บ้านของตนเอง

    ติดตั้งโซล่าเซลล์ คืออะไร
    การติดตั้งโซล่าเซลล์ คือการติดชุดอุปกรณ์ต่าง ๆ ของระบบโซล่าเซลล์ไปยังจุดที่เจ้าของบ้านต้องการ โดยจะสามารถติดได้ทั้งบนหลังคาบ้าน หรือติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนดาดฟ้าของตัวบ้าน โดยจะขึ้นอยู่ว่าจุดไหนที่มีความเหมาะสมมากที่สุดที่จะโดนแสงแดดในตอนกลางวัน

    ข้อดีของการติดตั้งโซล่าเซลล์
    • การติดโซล่าเซลล์สามารถช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้ เพราะเป็นพลังงานสะอาดไม่ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษต่อธรรมชาติ
    • เป็นเทคโนโลยีที่มีระบบความปลอดภัยที่สูงต่อผู้ที่พักอาศัยในบ้าน และระบบไฟฟ้า
    • การติดตั้งโซล่าเซลล์ช่วยลดค่าไฟฟ้าในแต่ละเดือนได้มากถึง 30-70 %
    • มีอายุในการใช้งานที่ยาวนานมากถึง 25 ปี มีการบำรุงรักษาระบบที่ไม่มาก
    • การติดตั้งโซล่าเซลล์เป็นการลงทุนในระยะยาว ใช้เวลาในการคืนทุนไม่นาน ถือเป็นระบบที่มีความคุ้มค่า
    • พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด เหมาะกับประเทศไทยเพราะเป็นประเทศเขตร้อน
    • ช่วยให้บ้านเย็นขึ้นได้ เนื่องจากการติดตั้งโซล่าเซลล์ส่วนมากจะติดตั้งบนหลังคาที่มีชื่อเรียกว่า โซล่ารูฟท็อป หรือหลังคาโซล่าเซลล์

    บริการติดตั้งโซล่าเซลล์ มีรูปแบบไหนบ้าง

    ติดตั้งโซล่าเซลล์มีบริการใดบ้าง ?

    เมื่อรู้จักกันแล้วว่าการติดตั้งโซล่าเซลล์คืออะไร ข้อดีของการติดโซล่าเซลล์มีข้อดีแบบไหน ในหัวข้อนี้ก็จะบอกถึงบริการติดตั้ง Solar Cell ว่ามีการให้บริการอย่างไรบ้างที่จะได้รับจากผู้ที่ให้บริการรับติดโซล่าเซลล์ใช้ในบ้าน โดยจะมีรายละเอียดการให้บริการทั้งหมดดังนี้

    ออกแบบและติดตั้งโซล่าเซลล์
    ทางผู้ให้บริการติดตั้งโซล่าเซลล์ จะให้คำแนะนำ และคำปรึกษาต่าง ๆ เพื่อช่วยวางแผนการติดตั้งว่าจะเป็นการติดตั้งในรูปแบบใด ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ไว้ในจุดใน รวมถึงช่วยทำเอกสารการอนุญาตติดโซล่าเซลล์ให้กับทางภาครัฐให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    ตรวจสอบและทำความสะอาด แผงโซลาร์เซลล์
    นอกจากการให้บริการติดตั้งโซล่าเซลล์แล้ว ทางผู้ให้บริการส่วนใหญ่ยังมีบริการรับตรวจสอบความสมบูรณ์ของระบบโซล่าเซลล์ รับทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตกระแสไฟฟ้า สำหรับระบบโซล่าเซลล์ที่ติดตั้งมาเป็นระยะเวลานาน และเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

    ราคาติดตั้งโซล่าเซลล์
    การติดตั้งโซล่าเซลล์โดยปกติแล้วจะมีราคาติดตั้งโซล่าเซลล์เริ่มต้นที่ 165,000 - 390,000 บาท ซึ่งจะมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละบ้านที่ไม่เท่ากัน ซึ่งถ้าต้องการรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากผู้ให้บริการติดตั้งโซล่าเซลล์จากทาง Q-Chang ได้เลย โดยจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำ พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับด้านการติดโซล่าเซลล์อย่างมืออาชีพ

    ขั้นตอนการติดตั้งโซล่าเซลล์

    การติดตั้งโซล่าเซลล์มีขั้นตอนอย่างไร ?

    ขั้นตอนการติดตั้งโซล่าเซลล์หากใช้บริการจากทางผู้ให้บริการติดตั้งมืออาชีพ จะมีขั้นตอนในการดำเนินงานต่าง ๆ ดังนี้

    1.ผู้ที่สนใจเข้ารับคำปรึกษาเพื่อบอกถึงระบบโซล่าเซลล์ที่ต้องการ รวมถึงงบประมาณกับทีมงาน
    2.ทางทีมงานรับติดตั้งโซล่าเซลล์จะนำรายละเอียดต่าง ๆ พร้อมเสนอราคาติดตั้งโซล่าเซลล์ตามงบประมาณของผู้ที่สนใจได้เลือกหลากหลายแพ็กเกจ
    3.เมื่อเลือกแพ็กเกจที่ตรงกับความต้องการได้แล้ว ทางทีมงานจะส่งใบเสนอราคา พร้อมกับต้องชำระราคาค่าติดตั้งโซล่าเซลล์ล่วงหน้า 40 % พร้อมนัดหมายในการสำรวจพื้นที่
    4.ทีมงานเข้าไปตรวจสอบพื้นที่การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์
    5.ทางทีมงานจะเป็นผู้ทำเรื่องขอใบอนุญาตการติดโซล่าเซลล์กับหน่วยงานภาครัฐ
    6.ชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เหลือ 60 %
    7.ทางทีมงานติดตั้งโซล่าเซลล์จะเริ่มดำเนินการติดตั้งตามแผนที่ได้วางเอาไว้ เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วทางทีมงานจะส่งมอบงาน พร้อมอธิบายระบบโซล่าเซลล์ที่ติดตั้ง พร้อมสอนวิธีการใช้งาน การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ อย่างละเอียด

    ติดตั้งโซล่าเซลล์คุ้มค่าขนาดไหน ?
    การติดตั้งโซล่าเซลล์ถือเป็นการลงทุนที่มีความคุ้มค่า สำหรับผู้ที่ต้องการลดค่าใช้จ่ายค่าไฟในระยะยาว โดยการติดโซล่าเซลล์ในปัจจุบันถือเป็นระบบที่มีความปลอดภัย มีความเสถียรสูง และมีความเหมาะสมกับสภาพอากาศของประเทศไทยอย่างมาก สุดท้ายนี้หากผู้ใดสนใจอยากติดตั้งโซล่าเซลล์ที่ต้องการการติดตั้งระบบที่มีความปลอดภัย ขอแนะนำให้ปรึกษากับผู้ให้บริการรับติดโซล่าเซลล์มืออาชีพโดยตรง

    49
    พิธีหมั้น

    ความรักเป็นเรื่องราวดี ๆ สำหรับคน 2 คน หากทั้งสองตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแล้ว ก็จำเป็นต้องจัดงานพิธีหมั้น ซึ่งพิธีหมั้นในปัจจุบัน มีรายละเอียด รายการของพิธีหมั้น และขั้นตอนการจัดพิธีหมั้นค่อนข้างเยอะ จำเป็นต้องมีการวางแผนเตรียมการล่วงหน้า เพื่อให้สามารถจัดพิธีสวมแหวนหมั้นได้อย่างราบรื่น ไม่มีสะดุด โดยบทความนี้ จะช่วยอธิบายเกี่ยวกับพิธีหมั้นอย่างละเอียด เพื่อให้ว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม

    ความสำคัญของพิธีหมั้นในไทย

    ควมสำคัญของพิธีหมั้น

    พิธีหมั้นเป็นประเพณีไทยที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน มีความสำคัญต่อคู่รักและครอบครัวทั้งสองฝ่าย โดยพิธีหมั้นผูกข้อมือจะจัดขึ้นเพื่อประกาศให้โลกรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของคู่รักอย่างเป็นทางการ เป็นการผูกพันระหว่างครอบครัวทั้งสองฝ่าย และเป็นการแสดงความตกลงที่จะแต่งงานกันในอนาคต

    ในอดีต ก่อนจัดพิธีแต่งงานจะให้จัดพิธีหมั้นไว้ก่อน โดยฝ่ายชายจะยกขบวนขันหมากมาสู่ขอฝ่ายหญิงที่บ้านฝ่ายหญิง มีการเจรจาสู่ขอระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย และฝ่ายชายจะมอบสินสอดทองหมั้นให้กับฝ่ายหญิง ในปัจจุบัน พิธีหมั้นและพิธีแต่งงานมักจะจัดขึ้นในวันเดียวกันเพื่อความสะดวก อีกทั้งยังนิยมจัดงานหมั้นแบบเรียบง่าย

    รายการของสำคัญที่มักใช้ในพิธีหมั้น
    โดยในการจัดพิธีหมั้นจำเป็นเตรียมของพิธีหมั้นให้พร้อม ทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง เพื่อให้งานพิธีหมั้นสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ดังนั้น เจ้าของงานพิธีหมั้นจะต้องเตรียมของในแต่ละฝ่าย ดังนี้

    ฝ่ายชาย
    ของพิธีหมั้นสำหรับฝ่ายชาย จะต้องเตรียมในงานพิธีหมั้น ดังต่อไปนี้

    • ขันหมากงานหมั้น ประกอบด้วยพานขันหมาก 9 พาน ซึ่งประกอบด้วย
    1.พานขันหมากเอก (พานขันหมากใหญ่) ประกอบด้วย สิ่งของที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต เช่น ข้าวสาร เกลือ น้ำตาล น้ำอบ เป็นต้น
    2.พานขันหมากโท (พานขันหมากรอง) ประกอบด้วย สิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข เช่น ทองคำ เงิน ไข่ไก่ เป็นต้น
    3.พานขันหมากบ่าวขันหมาก (พานขันหมากเล็ก) ประกอบด้วย สิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก เช่น ดอกไม้ ธูปเทียน เป็นต้น

    • สินสอดทองหมั้น ประกอบด้วย เงินสด ทองคำ เครื่องประดับ เป็นต้น
    • แหวนหมั้น มอบให้กับฝ่ายหญิงเป็นสัญลักษณ์ของการจับจอง
    • ชุดไทยหรือชุดสูท สวมใส่ในพิธีหมั้น

    ฝ่ายหญิง
    ส่วนของพิธีหมั้นสำหรับฝ่ายหญิง มีดังนี้

    • ชุดไทย สวมใส่ในพิธีหมั้น
    • เครื่องประดับ เช่น สร้อยคอ ต่างหู แหวน เป็นต้น
    • สินสอดทองหมั้น ประกอบด้วย เงินสด ทองคำ เครื่องประดับ เป็นต้น
    • แหวนหมั้น มอบให้กับฝ่ายชายเป็นสัญลักษณ์ของการจับจอง

    นอกจากนี้ ยังมีของพิธีหมั้นอื่น ๆ ที่อาจใช้ในพิธีหมั้น เช่น

    • ขันหมากเอกฝ่ายหญิง ประกอบด้วย สิ่งของที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิต เช่น ข้าวสาร เกลือ น้ำตาล น้ำอบ เป็นต้น
    • ขันหมากโทฝ่ายหญิง ประกอบด้วย สิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุข เช่น ทองคำ เงิน ไข่ไก่ เป็นต้น
    • ขันหมากบ่าวขันหมากฝ่ายหญิง ประกอบด้วย สิ่งของที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก เช่น ดอกไม้ ธูปเทียน เป็นต้น
    • เครื่องแต่งกายของผู้ใหญ่ สวมใส่ในพิธีหมั้นเล็ก ๆ
    • ของขวัญในพิธีหมั้นแบบง่าย ๆ จากญาติผู้ใหญ่และแขกที่มาร่วมงาน

    ลำดับขั้นตอนของพิธีหมั้น

    ขั้นตอนของพิธีหมั้น

    สำหรับผู้ที่ต้องการจัดพิธีหมั้นเพียงอย่างเดียว นอกจากรายการของพิธีหมั้นที่จะต้องจัดเตรียมแล้ว ยังต้องเข้าใจแต่ละขั้นตอนของพิธีก่อน แม้ว่าจะเป็นการจัดงานหมั้นแบบเรียบง่าย หรือเป็นการจัดพิธีหมั้นแบบอีสาน โดยทั่วไป ก็จะมีขั้นตอน ดังนี้

    1.พิธีสงฆ์ ซึ่งคู่บ่าวสาวจะร่วมกันจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย กล่าวอาราธนาศีล 5 รับศีล 5 สวดมนต์ และตักบาตร จากนั้นจะเป็นการถวายดอกไม้ธูปเทียน และเครื่องปัจจัยไทยธรรม พร้อมทั้งรับน้ำมนต์จากพระสงฆ์ เพื่อเพิ่มความเป็นสิริมงคล
    2.พิธีสู่ขอ โดยเถ้าแก่ฝ่ายชายจะเจรจาสู่ขอฝ่ายหญิงกับพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง โดยฝ่ายชายจะแจ้งว่าได้นำสินสอดทองหมั้นอะไร จำนวนเท่าไหร่มาบ้าง พ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงจะพิจารณาสินสอดทองหมั้นและตอบตกลงหรือปฏิเสธ
    3.พิธีมอบสินสอดทองหมั้น ฝ่ายชายจะมอบสินสอดทองหมั้นให้กับพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง สินสอดทองหมั้นจะประกอบด้วยเงินสด ทองคำ เครื่องประดับ เป็นต้น
    4.พิธีสวมแหวนหมั้น ฝ่ายชายจะสวมแหวนหมั้นให้กับฝ่ายหญิง แหวนหมั้นเป็นสัญลักษณ์ของการจับจองและแสดงถึงความรักของคู่รัก
    5.พิธีรับไหว้ คู่บ่าวสาวจะรับไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายชายจะกราบพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิง ส่วนฝ่ายหญิงจะกราบพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชาย
    6.พิธีเลี้ยงฉลอง คู่บ่าวสาวจะเลี้ยงฉลองให้กับแขกที่มาร่วมงาน เป็นการแสดงความยินดีกับคู่รักที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตคู่ใหม่

    โดยลำดับขั้นตอนของพิธีหมั้นอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามประเพณีของแต่ละท้องถิ่นหรือของแต่ละครอบครัว หรืออาจจะมีการจัดพิธีหมั้นแบบฝรั่ง หรือปรับให้มีแต่งานหมั้นเช้าเพียงอย่างเดียว แต่ในปัจจุบัน พิธีหมั้นและพิธีแต่งงานนิยมจัดขึ้นในวันเดียวกัน เพื่อความสะดวก ปรับลำดับขั้นตอนของพิธีหมั้นให้ผนวกรวมกับพิธีแต่งงานบางส่วน เช่น พิธีสู่ขออาจมีการรวมเข้ากับขบวนแห่ขันหมาก เป็นต้น

    สรุปเกี่ยวกับพิธีหมั้น
    การจัดพิธีหมั้นเป็นประเพณีไทย ซึ่งประกาศให้ทุกคนรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของคู่รักอย่างเป็นทางการ โดยมีรายละเอียด รายการของพิธีหมั้น ฤกษ์แต่งงานพิธีหมั้น และขั้นตอนการจัดพิธีหมั้นค่อนข้างเยอะ จึงจำเป็นต้องมีการวางแผนเตรียมการล่วงหน้า เพื่อให้เป็นการจัดพิธีหมั้นเล็ก ๆ แต่ก็ครบถ้วนสมบูรณ์ตามขั้นตอนประเพณีไทย

    50
    ดนตรีคลาสสิค

    ดนตรีเป็นสื่อความบันเทิงประเภทหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ตลอดจนนำมาศึกษาหรือประกอบเป็นอาชีพ ซึ่งดนตรีก็มีหลายแนวหลายประเภท แต่ดนตรีคลาสสิคถือว่าเป็นแนวเพลงที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 จนได้รับการยอมรับให้เป็นดนตรีชั้นสูงประเภทหนึ่ง เพราะมีอิทธิพลส่งผลต่อศิลปะในวงกว้างไปทั่วโลก

    ดนตรีคลาสสิก คืออะไร
    ดนตรีคลาสสิก (Classical music) คือ แนวเพลงดนตรีที่เป็นศิลปะของประเทศทางฝั่งตะวันตก นิยมใช้เครื่องดนตรีชนิดเครื่องสาย เมื่อเล่นกันเป็นกลุ่มจะเรียกว่า วงออร์เคสตรา ซึ่งมีการเล่นดนตรีร่วมกันระหว่างเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ เพิ่มขึ้น

    ดนตรีคลาสสิคเป็นแนวดนตรีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 18 - 19 โดยคำว่า คลาสสิก หมายถึง รูปแบบดนตรีที่พัฒนามาจากโครงสร้างการประพันธ์ดนตรีในยุคคลาสสิก โดยดนตรีคลาสสิคมีลักษณะการใช้โน้ตที่ซับซ้อน ประกอบกับท่วงทำนองที่หลากหลาย ด้วยการใช้ดนตรีคาสิกประเภทต่าง ๆ เช่น ไวโอลิน, เชลโล, คลาริเนต และทรัมเป็ต

    ดนตรีคลาสสิกมีรากฐานในประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน มีการพัฒนาอย่างเป็นระบบมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 - 20 จึงถือได้ว่า แนวเพลง คลาสสิคเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ทางดนตรีที่ได้รับการยอมรับ ส่งผลต่อการสร้างสรรค์ทางวรรณกรรมและศิลปวัฒนธรรมทั่วโลก จะเห็นได้จากศิลปะในโบสถ์ พิพิธภัณฑ์ การแสดงคอนเสิร์ต ตลอดจนการศึกษาต่าง ๆ

    ประวัติของดนตรีคลาสสิค

    ดนตรีคลาสสิก

    ดนตรีคลาสสิกมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 - 20 จึงเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยประวัติ ดนตรีคลาสสิคได้เริ่มต้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 โดยมีการใช้คอราล, ไนบล์ และออร์แกน เป็นเครื่องดนตรีหลัก

    จนดนตรีคลาสสิคได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในศตวรรษที่ 18 - 19 ซึ่งยังมีการแต่งเพลงแบบบาร็อกโก่อยู่ แต่มีความละมุน สดใสในแนวเพลงมากกว่า จนกระทั่งมีการพัฒนาถึงจุดสูงสุดทางด้านการประพันธ์เพลง โดยประพันธ์เพลงให้เครื่องดนตรี ยุคคลาสสิกอย่างออร์แกน เปียโน และไวโอลิน มากขึ้น

    ดนตรี ยุคคลาสสิกเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงทางดนตรีมากที่สุด เพราะมีการกำหนดกฎเกณฑ์ รูปแบบ และหลักการในการเล่นดนตรีอย่างชัดเจน ซึ่งศูนย์กลางของดนตรีคลาสสิกอยู่ที่กรุงเวียนนา และเมืองมานไฮม์ของประเทศออสเตรีย

    เครื่องดนตรีคลาสสิคประเภทต่าง ๆ

    เครื่องดนตรี ยุคคลาสสิก

    หลายคนอาจจะสงสัยว่า “เครื่องดนตรีคลาสสิค มีอะไรบ้าง” ด้วยดนตรีคลาสสิกมีการใช้เครื่องดนตรีหลากหลายประเภท เพื่อให้สร้างผลงานที่สมบูรณ์ ครบทุกโทนเสียง ดังนั้น เครื่องดนตรี ยุคคลาสสิกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่

    1.เครื่องดนตรี ยุคคลาสสิกประเภทเครื่องสาย (String) เช่น
    • ไวโอลิน (Violin) เป็นเครื่องดนตรีสายที่มีลักษณะทรงยาวและบาง
    • เชลโล (Cello) เครื่องดนตรีสายที่มีลักษณะใกล้เคียงกับไวโอลิน แต่มีขนาดใหญ่กว่า และเล่นโดยวางไว้บนพื้น
    • ฮาร์พ (Harp) เครื่องดนตรีสายที่ทำให้เกิดเสียงต่าง ๆ ขึ้นอยู่กับการกดแต่ละเส้น
    • เปียโน (Piano) เครื่องดนตรีสาย มีแป้น มีโน๊ตเสียงที่สามารถเปลี่ยนระดับความดังได้

    2.เครื่องดนตรี ยุคคลาสสิกประเภทเครื่องเป่าลมไม้ (Woodwind) เช่น
    • คลาริเนต (Clarinet) เป็นเครื่องดนตรีเป่าลมทำจากไม้หรือพลาสติก มีท่อในรูปทรงกรวยและใช้ฝาปิดที่จะปรับสูงต่ำของเสียง
    • ฟลูท (Flute) เครื่องดนตรีเป่าลมทำจากทองแดงหรือเหล็ก มีรูเดียว
    • โอโบ (Oboe) เครื่องดนตรีเป่าลมทำจากไม้ที่มีท่อแบน และมีลิ้นในช่อง ทำให้เสียงที่มีลักษณะเฉพาะ
    • ปิคโคโล (Piccolo) เครื่องดนตรีเป่าลมมีขนาดเล็กและเสียงสูง

    3.เครื่องดนตรี ยุคคลาสสิกประเภทเครื่องเป่าทองเหลือง (Brass) เช่น
    • ทรัมเป็ต (Trumpet) เป็นเครื่องดนตรีเป่าทำจากทองแดงหรือเหล็ก
    • เฟรนช์ฮอร์น (French Horn) เครื่องดนตรีเป่ามีรูปร่างโค้ง ใช้เล่นเพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ของเสียงในวง
    • ทรอมโบน (Trombone) เป็นเครื่องเป่าที่มีท่อตรงยาว มีลิ้นที่ใช้เปลี่ยนเสียง
    • คอร์เนต (Cornet) เป็นเครื่องเป่าที่คล้ายกับทรัมเป็ตแต่มีลักษณะท่อที่มีรูปทรงกรวยแตกต่างกัน
    • ทูบา (Tuba) เป็นเครื่องเป่าที่มีท่อขนาดใหญ่ ให้โทนเสียงเป็นเอกลักษณ์ หนักหน่วง

    4.เครื่องดนตรี ยุคคลาสสิกประเภทเครื่องกระทบ (Percussion) เช่น
    • กลองทิมปานี (Timpani) กลองที่มีขนาดใหญ่เป็นทรงโค้งสามารถปรับเสียงสูง-ต่ำ ทำให้ได้เสียงที่แตกต่างกัน
    • ฉาบ (Xylophone) เป็นเครื่องดนตรีที่ทำให้เกิดเสียงโดยการกระทบกัน
    • กลองใหญ่ (Drum Kit) ประกอบด้วยกลองต่าง ๆ รวมอยู่ในชุดเดียว
    • ไทรแองเกิล (Triangle) เป็นเครื่องดนตรีที่ทำจากเหล็กทรงสามเหลี่ยม มีด้ามใช้ตี
    • ไวบราโฟน (Vibraphone) เป็นเครื่องดนตรีที่มีแถบไม้ที่เรียงต่อกัน มีแผ่นโลหะใต้แถบไม้ ทำให้เกิดเสียง   

    ประเภทแนวเพลงคลาสสิค
    ด้วยประวัติ ดนตรีคลาสสิคมีมาอย่างยาวนาน ทำให้ดนตรีคลาสสิกแบ่งออกเป็นหลากหลายแนวเพลง ซึ่งสามารถสรุปแนวเพลง คลาสสิคได้ 4 ประเภท คือ

    1. ซิมโฟนี (Symphony)
    แนวเพลง คลาสสิคแรก คือ ซิมโฟนี เป็นการประพันธ์ที่มีโครงสร้าง 4 ท่อน (movements) ซึ่งแต่ละท่อนมีลักษณะแตกต่างกัน โดยจะมีความเร็วในแต่ละท่อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับมีเนื้อหาซ่อนอยู่ภายใต้เสียงเพลง วงดนตรี คลาสสิคอย่างเช่นวงออร์เคสตรา

    2. โอเวอร์เจอร์ (Overture)
    แนวเพลง คลาสสิคอย่างโอเวอร์เจอร์ (Overture) นิยมเป็นการเล่นโหมโรงในคอนเสิร์ต หรือโอเปร่า หรือละครเพลง ก่อนจะเข้าสู่การแสดงหลัก นิยมใช้เนื้อเพลงหรือแนวเพลงที่เป็นที่รู้จัก

    3. คอนแชร์โต (Concerto)
    ดนตรีคลาสสิกแบบคอนแชร์โต นิยมมี 3 ท่อน คือ เร็ว-ช้า-เร็ว เป็นการเล่นประชันกัน ระหว่างเครื่องดนตรีหรือวงดนตรี คลาสสิคอย่างเช่นวงออร์เคสตรา เพื่อประชันเสียงและลีลาดนตรี

    4. โซนาตโต (Sonata)
    ดนตรีคลาสสิคโซนาตโต (Sonata) เป็นการประพันธ์เพลงสำหรับนักดนตรีเดี่ยว กล่าวคือ สำหรับการเล่นเครื่องดนตรีประเภทเดียว โดยไม่ต้องมีเครื่องดนตรีอื่นประกอบ อย่างเช่นเปียโน แต่ถ้าหากเล่นดนตรีประเภทอื่นชิ้นเดียว ก็อาจจะมีเปียโนประกอบด้วย

    สรุป
    ดนตรีคลาสสิกเป็นแนวเพลงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในศตวรรษที่ 18 - 19 มีประวัติ ดนตรีคลาสสิคมาอย่างยาวนาน ทำให้ได้รับความยอมรับจากหลาย ๆ วงการ รวมถึงส่งผลต่อศิลปะทั่วโลก ดั่งปรากฏในโบสถ์หรือพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ


    หน้า: [1] 2 3 4 5 6 ... 9