ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - พรสัก ส่องแสง

หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9
301
สุขภาพ | Health / TLIF: Transforaminal Lumbar Interbody Fusion
« เมื่อ: ธันวาคม 23, 2022, 07:37:20 AM »
 tlif

Nowadays, chronic back pain is a common condition that affects many people, and it can be treated with many medical options and one of them is TLIF. TLIF or known as transforaminal lumbar interbody fusion, this is the surgery procedure for curing back pain, such as, dislocated spine, spinal weakness, vertebrae’s fracture and so on. This article will go into details about the surgical procedure, side effects or risks, and other details that would be beneficial to anyone who read this TLIF article.


What is TLIF

Transforaminal lumbar interbody fusion or TLIF is a type of surgical procedure that performs spinal fusion surgery in order to create solid bone and stop mobility in the spinal segment.   TLIF will usually get through the intervertebral foramen and reach to the lower spine. This surgery will be recommended as your medical method if you have symptoms, such as chronic back pain and the radiation of back pain along with leg pain.


TLIF Process

TLIF procedure will be performed by a neurosurgeon, surgical assistant, anesthetist and during the process,  these are the steps of TLIF.

1.You will receive anesthesia in which it will put you to sleep and feel unconscious. The antiseptic solution will be applied along with local anesthesia on the area where you will have surgery. During the surgery, you will have to lay down with your face-down during the TLIF operation.

2.Next, the neurosurgeon will access the spine by making an incision at the middle of the lower back over the spine around 2-4 inches (or 6-10 cm.). The incision will be cut vertically and make it as small as possible.

3.After making the incision, the screw will be inserted into the pedicles which is located in the back of the vertebra as supplemental posterior fixation. This medical method will improve the streght and stability of the spinal.

4.Getting to the disc space is the next step of this procedure. the surgeon will use high-speed drill in order to remove the facet joint. This step will allow the surgeon to access the damaged disc and bone graft material with least harm.

5.Next, the serheon will replace the disc with the bone graft. The interbody spacer contained with bone graft will be replace the disc that is removed in the last step.

6.The restoration will begin when the disc is removed and replaced with the interbody spacer. This spapcer will help reestablish the alignment of the spinal to become normal again.

7.After inserting screws,plates are held together to make it stable and to ensure that is is place in the proper spot, the surgeon may perform the surgery along with X-ray.

8.Lastly,  the wound of incision will be stitched. This method also requires extreme attention since if performed improperly, it might result in infection and serious complications.


Post-TLIF Surgery Care

After the TLIF, you may experience some effects and need to follow the following methods of care.

  • You may stay at the hospital for few days (mostly 2-4 days) after the TLIF to be closely monitored for any infections or comlication signs.
  • Because TLIF is a surgery process with incision involved, it may cause pain around the incision site. The doctor may advise you to take pain medications to relieve pain.
  • After 4 hours, you'll be able to drink and eat smaller portions.
  • The screws and cage will be checked up with CT scan the following day of the surgery.
  • The day of the TLIF, you may do some physical exercise which is walking in which it helps in circulation, blood clots and mobility. This activity can continue after the discharge at least one hour per day.
  • The spinal brace is needed after the TLIF. You will have to wear it more than 3 months to help with your recover.
  • Carrying heavy things, heavy exercise, sitting for a long time, bending, or twisting your back must be avoid during recuperation.  Light activity is recommended durig the 6th week of the recovery period.
  • After 6-8 weeks, you may need to make an appointment for check up your recovery.


TLIF Potential Risks

For TLIF, there are small chance of complications, however they can happen and these are the risks of the TLIF.

  • The inefficient of TLIF (it may not improve the symptom or make it worse.)
  • Infection after surgery
  • The formation of blood clots
  • The misalignment of screws and cages
  • The leakage of CSF (cerebrospinal fluid)
  • Nerve injury
  • Chronic back pain
  • Adjacent segment disease (ASD) (the disease that may be caused after the spinal fusion)
  • Legs paralysis


TLIF Conclusion

Transforaminal lumbar interbody fusion (TLIF) is a surgical process in which it helps fusing the vertebrae and improve stability in the affected spinal area. The symptoms such as,  chronic back pain or the numbness from the back to hip and legs, will be advised as a treatment option and if you have these symptom around back area, this surgery is considered as one of effective surgery that will be perform by specialist, such as neurosurgeon or orthpaedic surgeon and so on.


302
หากคุณเบื่อกับการนั่งรถยนต์ที่คับแคบไม่สะดวกสบาย แต่ต้องทนใช้งาน เนื่องจากคุณมีธุระสำคัญที่ต้องไปทำ แต่จะดีกว่ามั้ยหากคุณใช้บริการเช่า alphard พาคุณเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย เพิ่มความมีระดับด้วย เพราะหากคุณจะลงทุนอยากเป็นเจ้าของรถตู้ alphardนั้นมีราคาค่อนข้างสูง

แต่ถ้าคุณใช้บริการเช่ารถตู้ alphardคุณก็ได้ความรู้สึกเสมือนเป็นเจ้าของได้เช่นกัน ซึ่งหากคุณกำลังมองหาร้านบริการเช่ารถ alphardที่ให้บริการอย่างคุณภาพ วันนี้เราได้รวบรวมร้านเหล่านั้นมาให้คุณแล้ว เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้บริการเช่า alphard

บริการเช่ารถ alphard มีที่ไหนบ้าง


ทำไมถึงควรเช่ารถ alphard มีดีอย่างไร

ทำไมถึงควรเช่ารถ alphard มีดีอย่างไร

หลายคนอาจยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นรถตู้ alphard มีดีอย่างไร ซึ่งความสะดวกสบายที่คุณจะได้จากรถคันนี้ ได้แก่

  • ภายในนั่งสะดวกสบาย
เนื่องจากรถตู้ alphardภายในนั้นถูกออกแบบมาอย่างกว้างขวาง ทำให้ผู้ใช้งานได้รับความสะดวกสบายมากขึ้น อีกทั้งวัสดุที่นั่งยังนุ่มและมีฟังก์ชันให้คุณปรับเบาะอัตโนมัติได้ตามความเหมาะสม

  • สิ่งอำนวยครบครัน
นอกจากภายในรถตู้ alphardจะมีพื้นที่กว้างขวางแล้ว อุปกรณ์ภายในก็ยังมีพร้อมครบเครื่อง ไม่ว่าเป็น
หน้าจอระบบสัมผัส ระบบปรับอากาศแยกอิสระ และยังมีระบบขับเคลื่อนที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยสุดๆ

  • ขับขี่ได้อย่างคล่องตัว
ถึงแม้ว่ารถตู้ alphardจะเป็นรถยนต์ที่คันใหญ่ แต่ผู้ขับขี่ก็ไม่ต้องกังวลใจไป เนื่องจากมีระบบพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ESP บนชุดบังคับทิศทางแบบแร็คแอนด์พิเนียนทำให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างคล่องตัว

นอกจากนี้ยังรัศมีวงเลี้ยวดีและสามารถเลี้ยวแคบสุด 5.6 เมตร เรียกได้ว่าได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบ
โจทย์ผู้ใช้งานสุดๆ

  • ระบบความปลอดภัยสูง
ทำไมรถตู้ alphardถึงมีราคาสูงนั้นไม่ได้แค่เพียงระบบที่ทันสมัย และความกว้างขวางเพียงเท่านั้น แต่ยังมีระบบความปลอดภัยสูงมาก ได้แก่ ระบบเบรกมือไฟฟ้า,ระบบ Brake Hold ,ระบบความปลอดภัยอย่าง Toyota Safety Sense,ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง,เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับ และ ผ่อนแรงแบบอัตโนมัติ

  • ช่วยประหยัดพลังงาน
รถตู้ alphardมีเครื่องยนต์ที่เป็นระบบไฮบริดจึงสามารถประหยัดพลังงานโดยมีอัตราสิ้นเปลืองประมาณ 15 กิโลเมตร/ลิตรเลยทีเดียว จึงเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์กับผู้ที่ขับขี่ในเมือง


1. บริการเช่ารถ alphard ร้าน Richcars

Richcars ผู้ให้บริการเช่ารถ alphard

หากพูดถึงร้านที่มีบริการเช่ารถตู้ alphardสุดหรูอย่างพรีเมียม เราแนะนำที่ให้เช่ารถหรู Richcars เพราะร้านนี้ดูแลรถทุกคันอย่างพิถีพิถันก่อนที่จะส่งถึงมือลูกค้า มีให้คุณเลือกเช่าทั้งแบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน โดยคุณสามารถเลือกระยะเวลาในการเช่าได้ตามความต้องการ

หรือหากใครที่อยากจะเช่ารถหรู Richcars แบบมีคนขับด้วย ร้านนี้ก็มีให้บริการ ซึ่งทางร้านก็ยินดีให้บริการเช่าได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมให้ความช่วยเหลือตลอดเวลาหากเกิดปัญหาการใช้งานกับรถตู้ alphard นอกจากนี้เราก็ยังมีบริการเช่ารถอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น BMW, Mercedes ,Porsche ,TESLA, AUDI และ Ferrar


2. บริการเช่ารถ alphard ร้าน Ritz Car

บริการเช่ารถ alphard ร้าน Ritz Car

อีกหนึ่งร้านที่ให้บริการเช่ารถ alphardอย่างมืออาชีพคือ ร้าน Ritz Car หากคุณสนใจเช่ารถตู้ alphard
สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของทางร้านได้เลย โดยใช้เพียงใบขับขี่ใบเดียว

นอกจากรถตู้ alphardทางร้านยังมีบริการเช่ารถหรู ยี่ห้ออื่นอีกได้แก่ AUDI, FERRARI, FORD, BMW, MINI, LEXUS, VOLVO,PORSCHE และ MERCEDES-BENZ โดยเริ่มต้นเช่ารถหรูเพียง 7,900 บาท ให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยไม่มีวันหยุด


3. บริการเช่ารถ alphard ร้าน Thaisportcar

บริการเช่ารถ alphard ร้าน Thaisportcar

หากคุณกำลังหาร้านเช่ารถตู้ alphardที่ให้บริการเป็นอย่างดี และมีรถหรูหลากหลายแบรนด์ให้คุณเลือกเช่า ไม่ว่าจะเป็น FERRARI, FORD, BMW, MINI,MERCEDES-BENZ,LEXUS, PORSCHE และ AUDI ร้านนี้ก็มีให้บริการ


4. บริการเช่ารถ alphard ร้าน Drivemate

บริการเช่ารถ alphard ร้าน Drivemate

อีกหนึ่งบริการเช่า alphardที่แสนสะดวกสบาย แอปพลิเคชันที่ให้บริการเช่ารถตู้ alphard หรือถ้าคุณอยากจะเช่ารถยี่ห้ออื่นๆ ก็มีให้เลือกเพียบ เนื่องจากเป็นแอปพลิเคชันเช่ารถหรูที่ให้เช่ารถยนต์ระยะสั้น ไปจนถึงระยะยาว โดยคุณสามารถเลือกเช่าได้ตามงบประมาณค่าเช่า และยังสามารถนัดรถส่งรถตามสถานที่ที่คุณสะดวกจะนัดรับ-คืนรถได้ เรียกได้ว่าเป็นแอปพลิเคชันให้เช่ารถยนต์ตามความสะดวกสบายของผู้ใช้งาน


5. บริการเช่ารถ alphard ร้าน ECOCAR rent-a-cat

บริการเช่ารถ alphard ร้าน ECOCAR rent-a-cat

ร้าน ECOCAR rent-a-cat ยินดีให้บริการเช่า alphard ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากร้านเราจะให้ เช่ารถตู้ alphardยังมี ALMERA,Yaris,Toyota Yaris ATIV,MG,MAZDA, Vios , CITY,Mobilio,CIVIC ,Altis
,camry,TEANA,Isuzu D-max,ISUZU MU X,ISUZU D-MAX ,SPACECAB ,X-trail ,Nissan

Sylphy ,Toyota Commuter,Toyota Fortuner,Benz C-Class 350e ,BMW X1 และ BMW series3 320d Iconic โดยราคาขั้นต่ำเริ่มต้นเพียง 2,000 บาทเท่านั้น    

สรุป
สำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากจะนั่งรถตู้ alphard สักครั้ง หรือใครที่อยากจะลองเช่า alphardไปใช้ดูก่อนจะตัดสินใจซื้อ หรืออยากลองเช่ารถตู้ alphardเพื่อไปทำธุระสำคัญ หรือเนื่องในโอกาสสำคัญต่างๆ

อย่าลืมเลือกใช้บริการกับทางร้านที่เราแนะนำไป เพื่อที่คุณจะได้นั่งรถตู้ alphard ที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยในการใช้งาน อีกทั้งการใช้บริการกับร้านที่มีความน่าเชื่อถือยังดีตรงที่ทางร้านจะช่วยเหลือหากรถตู้ alphard ที่คุณเช่ามาใช้เกิดมีปัญหาขึ้นมานั้นเอง


303
Shockwave

เทคโนโลยีรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อเฉียบพลัน ให้หายปลิดทิ้งอย่างรวดเร็วจากสหรัฐอเมริกา Shockwave หรือ คลื่นกระแทกในภาษาไทย ได้รับเครื่องหมายรับรองปลอดภัยจาก FDA ได้เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับการยอมรับบการฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อที่หดตัว เส้นเอ็นอักเสบ รวมไปถึงจุดเฉพาะที่เจ็บปวดเรื้อรังให้หายขาด ด้วยการสร้างรอยแผลตำแหน่งเดิมเพื่อให้ร่างกายเกิดกลไกการสมานแผลอีกครั้ง แล้วการทํา shockwave ราคาเท่าไหร่ มีกระบวนการรักษากี่ขั้นตอน สามารถรับชมได้ในบทความนี้

คลื่นกระแทก (Shockwave) คืออะไร

การฟื้นฟูกายภาพบำบัดด้วยคลื่นกระแทก หรือ Shockwave Therapy คือ การรักษาอาการปวดและอักเสบเรื้อรังตามจุดต่างๆ ของร่างกาย โดยใช้อุปกรณ์ส่งคลื่นเสียงที่บรรจุอากาศปริมาณสูง มีพลังงานคลื่นกระแทกที่ช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อให้คลายการบีบตัวลง หรือเรียกสั้นๆ ทับศัพท์ในภาษาไทยว่า “ช็อคเวฟ”

การรักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shockwave Therapy)

การทํา shockwave

การรักษาด้วยคลื่นกระแทก เครื่องช็อคเวฟจะทำการส่งพลังงานอัดอากาศบนบริเวณจุดกล้ามเนื้อที่อักเสบ หรือเจ็บปวดรุนแรง เพื่อสร้างบาดแผลใหม่บนจุดเดิม ส่วนของกล้ามเนื้อกับพังผืดที่โดนแรงปะทะจาก shockwave flash สดๆ เซลล์บริเวณใกล้เคียงจะตอบสนองให้ร่างกายดึงสารอาหารทำการซ่อมแซม ต่อเติมเนื้อเยื่อส่วนที่สึกหรอ ฉีกขาด ให้บรรเทาอาการปวดลงได้เร็วยิ่งขึ้น พร้อมกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตส่งออกซิเจนลำเลียงไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้ทั่วถึง

การรักษาด้วยคลื่นกระแทกมีกี่ประเภท

โดยทั่วไป การรักษาด้วยคลื่นกระแทก Shockwave ปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

1. Radial Shockwave

คลื่นกระแทก รุ่น Radial Shockwave อาศัยลูกปืนที่มีแรงดันลมอัดสูง ทำการปล่อยคลื่นเข้มข้นเป็นลักษณะโคนไอศกรีมออกมา ความเข้มข้นของคลื่นจะอยู่บนส่วนปากกระบอกของตัวเครื่อง เหมาะสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อบริเวณกว้าง เช่น ช่วง เส้นเอ็นอักเสบ

2. Focus Shockwave

คลื่นกระแทก รุ่น Focus Shockwave อาศัยลูกปืนที่มีแรงดันลมอัดสูง ทำการปล่อยคลื่นเข้มข้นเป็นลักษณะโคนไอศกรีมกลับด้าน ความเข้มข้นของคลื่นจะอยู่บนส่วนปลายรังสีลงสู่ผิวหนัง เหมาะสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อบริเวณเฉพาะจุด เช่น แนวข้อต่อเส้นเอ็น จุดเกาะของแนวเส้นเอ็นและกระดูก

ประโยชน์ของการรักษาด้วยคลื่นช็อคเวฟ

ประโยชน์ Shockwave

ประโยชน์การบำบัดรักษาด้วยเครื่องช็อคเวฟ กายภาพ มี 5 ข้อดี ดังนี้

  • ปรับการหมุนเวียนเลือดให้สมดุลทั่วร่างกาย และกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่
  • ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดเรื้อรังตามกล้ามเนื้อ ข้อกระดูก และช่วงข้อต่อเส้นเอ็น
  • Shockwave ช่วยเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของช่วงกล้ามเนื้อ ช่วงเอ็นให้สมานรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
  • ผิวหนังบริเวณที่อักเสบถูกทำการ Shockwave ตัวผิวจะกระตุ้นสารคอลลาเจน (Collagen) ช่วยให้ผิวหนังแข็งแรง มีสุขภาพผิวที่ดี
  • คลื่นช็อคเวฟช่วยสลายแคลเซียมที่เกาะติดตามเส้นเอ็น (Calcific Tendonitis : หินปูน) ที่ก่อให้เกิดอาการปวดรุนแรงได้

Shockwave ช่วยรักษาอาการอะไรได้บ้าง

shockwave therapy

นวัตกรรมเครื่อง Shockwave ช่วยรักษา 3 โรคกายภาพยอดนิยมที่ลดอาการเจ็บปวดเรื้อรัง รวมไปถึงรักษาเอ็น ข้อ กระดูกที่เป็นจุดเฉพาะให้หายสนิท มีดังนี้

1. อาการปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง

ปวดกล้ามเนื้อเรื้อรัง (Myofascial pain syndrome : MPS) คือ อาการเกร็งกล้ามเนื้อไม่ถูกต้องเป็นเวลานาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัวจนร้าวต่อเนื่อง เกิดเป็นพังผืดขึ้น ความดันบริเวณกล้ามเนื้อส่งผลให้เกิดอาการปวดมากขึ้นกว่าเดิม

2. อาการออฟฟิศซินโดรม

ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) คือ อาการปวดทั่วไปพนักงานออฟฟิศที่ประสบพบเจอ เป็นการนั่งท่าเดิมๆ เป็นเวลานานจนไม่ได้เปลี่ยนอิริยาบถ ทำให้บริเวณกล้ามเนื้อที่ตึงเกิดอาการปวดร้าวช่วงคอ บ่า ไหล่ และช่วงข้อมูล

3. อาการเส้นเอ็นอักเสบ

เส้นเอ็นอักเสบ (Tendinitis) คือ การเกร็งกล้ามเนื้อซ้ำๆ ไปมาจนช่วงเอ็นและข้อต่อเอ็นอักเสบ มีเศษหินปูนเกาะติด ส่งผลให้บริเวณกล้ามเนื้อเจ็บปวดทรมานสาหัส

ผู้ที่เหมาะกับการรักษาด้วย Shockwave

ผู้ที่สมควรทำการรักษา Shockwave ได้แก่

  • ผู้ที่มีอาการปวดช่วงคอ บ่า ไหล่เรื้อรัง
  • ผู้ที่มีอาการปวดช่วงกระดูกแนวสันหลัง เช่น สะบัก ข้อต่อสะโพก
  • นักกีฬากระโดดสูง ที่มีปัญหาข้อเข่าเสื่อมสภาพ
  • ผู้ที่มีวินิจฉัยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม
  • ผู้ที่ยกของหนัก มีอาการปวดบริเวณช่วงข้อศอกด้านนอก
  • นักวิ่งที่ออกกล้ามเนื้อช่วงหน้าแข้งผิดท่า

เตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารักษาด้วยคลื่น Shockwave

หลังตัดสินใจที่จะทำการรักษา Shockwave ผู้ป่วยควรเตรียมความพร้อมตามที่แพทย์แนะนำก่อนเข้าปฏิบัติการ มีดังนี้

  • พักผ่อน 6 - 8 ชั่วโมงก่อนวันนัดพบแพทย์
  • ทำจิตใจให้สงบ ลดความเครียดด้วยการทำกิจกรรมคลายกล้ามเนื้อ
  • รับประทานอาหารปกติ
  • ตรวจความดันก่อนดำเนิน Shockwave เสมอ

กระบวนการรักษาด้วย Shockwave

เครื่องช็อคเวฟ คลื่นกระแทก

การรักษาด้วยเครื่องช็อคเวฟ คลื่นกระแทก มี 4 ขั้นตอนด้วยกัน ได้แก่

1. แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญหยิบเครื่อง Shockwave กระตุ้นจุดกล้ามเนื้อที่มีอาการเจ็บปวด
2. เครื่องจะทำการสร้างบาดแผลใหม่ เพื่อให้กลไกของร่างกายเร่งการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเร็วขึ้น
3. ตัวเครื่อง Shockwave ช่วยละลอสารที่ส่งไปยังระบบประสาทที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด
4. ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาสร้างสารหลั่งลดความปวดให้ทุเลาลง

การดูแลตัวเองหลังการทำ Shockwave

การดูแลร่างกายให้แข็งแรงหลังจากการทำ Shockwave มี 3 ขั้นตอนดังนี้

  • ห้ามนวดบริเวณที่ทำการ Shockwave เด็ดขาดเพราะจะทำให้บริเวณผิวหนังใต้กล้ามเนื้อเกิดอาการอักเสบรุนแรง
  • ยืดเส้นยืดสายกล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดบวม เพื่อให้บริเวณนั้นคลายความเจ็บปวดลดลง
  • บรรเทาอาการแสบร้อน ระคายเคืองด้วยการประคบผ้าเย็น เพื่อเพิ่มให้เส้นเลือดลดการหดตัวของกล้ามเนื้อ

ผลลัพธ์ที่ได้และระยะเวลาการรักษา

ช็อคเวฟ กายภาพ

หลังจากการบำบัดรักษาด้วยคลื่นช็อคเวฟ ให้คนไข้พักฟื้น งดกิจกรรมที่ออกแรงกล้ามเนื้อเป็นเวลา 1 - 2 สัปดาห์ เพื่อให้กลไกการรักษาภายในร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนที่ฉีกขาดให้กลับมาสมานอีกครั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำ Shockwave เห็นผลการรักษาหายปลิดทิ้งทันที ในกรณีผู้ที่มีอาการปวดบริเวณเฉพาะเรื้อรังอาจลดอาการเจ็บปวดไปมากกว่าครึ่ง อาจใช้เวลาใช้คลื่น Shockwave 3 - 5 ครั้ง จึงจะหายสนิท

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากคลื่น Shockwave

ผู้ที่เข้ารับการรักษา Shockwave อาจจะมี 3 อาการที่เกิดผลข้างเคียงทางด้านร่างกาย ดังนี้

  • ปวดบริเวณกล้ามเนื้อที่ถูกเครื่องกระตุ้นเป็นชั่วคราว
  • บริเวณผิวที่ถูก Shockwave เกิดการบวม เป็นรอยแดง บางรายอาจมีผดผื่นขึ้นมา
  • จุดที่ถูกคลื่นกระแทกมีรอยจ้ำแดง (petechiae) หรือเป็นก้อนเลือด (hematom) เป็นห้อเลือดเห็นชัด

ข้อห้ามในการรักษาด้วยคลื่น Shockwave

shockwave ข้อห้าม

ถึงแม้การรักษาด้วยคลื่น Shockwave จะไม่สร้างการทำงานที่ผิดปกติในระบบอวัยวะภายใน แต่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อคนไข้มีภาวะ 4 อาการดังต่อไปนี้

ข้อควรระวังในการรักษาด้วยคลื่นกระแทก

  • ห้ามใช้อุปกรณ์ส่งคลื่นตำแหน่งผิวที่เป็นแผน เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ
  • งดการทำ Shockwave บริเวณกล้ามเนื้อที่มีเนื้องอก
  • ไม่ควรใช้จุดที่เส้นประสาทอักเสบรุนแรง
  • หลีกเลี่ยงการใช้ Shockwave จุดที่มีหลอดเลือกโปร่ง ปูดขึ้นมา

ใครไม่เหมาะกับการทำ Shockwave

ผู้ที่ไม่เหมาะสำหรับการรักษาด้วยคลื่น Shockwave มีข้อห้ามคนไข้ดังนี้

  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง
  • ผู้ที่มีปัญหาระบบเลือดไม่ดี เช่น เลือดแข็งตัว ลิ่มเลือดอุดตันในเส้นเลือด
  • ผู้ที่ใส่อุปกรณ์กระตุ้นการเต้นหัวใจ
  • ผู้ที่ต้องได้รับการฉีดยากลุ่มพวกเสตียรอยด์ภายใน 6 สัปดาห์
  • เด็ก วัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18
  • ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์

รักษาด้วย Shockwave ที่ไหนดี

การทํา shockwave ราคา

ควรจะหาสถาบันที่มีเครื่อง Shockwave ที่ทันสมัย มีมาตรการรักษาที่ปลอดภัยภายใต้มือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักกายภาพบำบัด จวบจนไปถึงให้คำแนะนำมีวิธีบรรเทาอาการรักษาหลังรักษาด้วย Shockwave เสร็จเรียบร้อย

ข้อสรุป

การรักษาช็อคเวฟ คลื่นกระแทก หรือ Shockwave เป็นการสร้างบาดแผลบริเวณกล้ามเนื้อที่อักเสบซ้ำอีกรอบ เพื่อให้ร่างกายเกิดกลไกการฟื้นฟูอีกครั้ง โดยสามารถรักษาผู้ที่มีอาการปวดกล้ามเนื้อ เส้นเอ็นอักเสบ รวมไปถึงผู้ที่มีอาการปวดจุดเฉพาะ ให้ลดอาการปวดหายออกไป


304
หากท่านเป็นคนที่กำลังสนใจในการจัดฟันประเภทต่างๆ สิ่งที่สำคัญต่อมาเลยและสำคัญมากๆด้วยคือการใส่รีเทนเนอร์หลังการจัดฟัน เพื่อให้รูปร่างและลักษณะของฟันหลังจากจัดฟันมีความเข้ารูปและเป็นระเบียบอยู่ตลอดเวลา

บางท่านอาจมีข้อสงสัยกับลักษณะรีเทนเนอร์แบบต่างๆ โดยในบทความนี้เราจะรวบรวมความรู้เกี่ยวกับรีเทนเนอร์ว่าคืออะไร มีประเภทไหนบ้าง รวมไปถึงระยะเวลาในการใส่และค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดฟันว่ามีราคาเท่าไหร่บ้าง หากพร้อมกันแล้วมาอ่านต่อได้เลยครับ

รูปภาพการใส่รีเทนเนอร์แบบใส

รีเทนเนอร์ (Retainer) คือ

เมื่อมีคำถามว่ารีเทนเนอร์ฟันดีอย่างไร สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่ารีเทนเนอร์มักเป็นขั้นตอนสุดท้ายในขั้นตอนการจัดฟัน เมื่อผ่านขั้นตอนการจัดฟันมาแล้วและทันตแพทย์จัดฟันของคุณตัดสินใจในการถอดอุปกรณ์จัดฟันเสร็จเรียบร้อยแล้ว หน้าที่ของรีเทนเนอร์จะมีเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าฟันไม่เคลื่อนกลับเข้าที่เดิม โดยการใส่ส่วนใหญ่จะใส่เฉพาะในตอนกลางคืน

คุณสามารถเสริมผลลัพธ์จากการจัดฟันที่ทำไปแล้วด้วยการจัดฟันแบบโลหะ การจัดฟันแบบเซรามิก การจัดฟันแบบติดลิ้น หรือการจัดฟันแบบใส สรุปในหัวข้อนี้เลยคือ Retainer เป็นอุปกรณ์ที่ทำขึ้นเองซึ่งคุณสวมไว้ในปากบริเวณฟัน ช่วยให้ฟันของคุณอยู่ในตำแหน่งใหม่ที่ถูกต้องหลังการจัดฟัน

รีเทนเนอร์ มีแบบไหนบ้าง เลือกอันไหนดี

รีเทนเนอร์มีกี่แบบเป็นคำถามที่แพทย์ถูกถามเยอะที่สุดเพราะผู้ที่ทำฟันเสร็จแล้วมักกังวลว่าการใส่รีเทนเนอร์จะทำให้การใช้ชีวิตลำบากขึ้น เช่น การทานข้าว การนอน หรือการทำกิจวัตรประจำวัน โดยในหัวข้อนี้เราจะมาทำความรู้จักกับรีเทนเนอร์ให้มากขึ้นกันดีกว่า โดยเราจะบอกถึงข้อดี ข้อเสียของรีเทนเนอร์แต่ละประเภทกัน คุณจะได้บอกความต้องการกับคุณหมอถูกว่าคุณต้องการประเภทไหน


รูปภาพลักษณะของฟันเมื่อใส่รีเทนเนอร์

รีเทนเนอร์แบบลวด

รีเทนเนอร์แบบลวดเป็นที่ใช้บ่อยมากที่สุดหลังจากการจัดฟัน ตัวโครงของรีเทนเนอร์แบบลวดจะเป็นอะคริลิคสีและลวดบริเวณเพดานปาก ตรงส่วนที่ยึดติดกับฟัน ทำมาจากลวดเพื่อล้อมฟันไว้ไม่ให้เคลื่อนกลับที่เดิม โดยจะมีอะคริลิคล้อมทับลวดอีกที ซึ่งจะเป็นสีใสหรือสีประเภทต่างๆตามคลินิก

ข้อดีรีเทนเนอร์แบบลวดกับท่อสีคือ
  • มีความทนทาน
  • มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
  • ซ่อมหากมีความเสียหาย
  • สามารถปรับได้หากใส่แล้วหลวม สามารถออกแบบลายของรีเทนเนอร์ได้

ส่วนข้อเสียของรีเทนเนอร์แบบลวดคือ
  • มองเห็นได้ลวดโลหะได้ชัดเจนกว่ารีเทนเนอร์ประเภทอื่น
  • ผู้สวมใส่อาจรู้สึกรำคาญในการสวมใส่
  • มีผลต่อการพูดและการออกเสียงมากกว่าประเภทอื่น
  • ส่วนที่เป็นลวดอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองบริเวณริมฝีปาก

รีเทนเนอร์แบบเหล็ก

โดยวัสดุที่ทำมากจากเหล็กนับว่าเป็นแบบที่อัพเกรดมาจากรีเทนเนอร์แบบลวด โดยจะบอกว่าอัพเกรดก็ไม่เชิง ซึ่งรีเทนเนอร์แบบเหล็กสามารถใส่เคี้ยวอาหารได้ ไม่ต้องถอดออก แข็งแรง โดยมีข้อเสียคือรีเทนเนอร์แบบนี้จะยืดกับฟันแน่นเกินไป และเวลาเคี้ยวอาหารจะเคี้ยวได้ไม่ละเอียดคุณหมอจึงแนะนำให้ใส่รีเทเนอร์แบบลวดจะมีประสิทธิภาพที่ดีว่าและน่ารำคาญน้อยกว่า

รีเทนเนอร์แบบใส

รีเทนเนอร์แบบใสทำจากพลาสติกหรือโพลียูรีเทน ขึ้นรูปโดยการถูกทำให้ร้อนและดูดลงไปที่แม่พิมพ์ของฟันคนไข้ รีเทนเนอร์แบบใสจะออกแบบแต่ละชิ้นตามหลักลักษณะของแต่ละบุคคล โดยจะเป็นความพอดีกับตำแหน่งฟันใหม่

ข้อดีของรีเทนเนอร์สีใสคือ
  • มีสีใสเมื่อใส่แล้วจะมีความเป็นธรรมชาติ
  • ใส่สบายกว่าเเบบลวด
  • เมื่อใส่แล้วจะออกเสียงพูดได้ชัดและสบายกว่าแบบลวด

ส่วนข้อเสียของรีเทนเนอร์แบบใสคือ
  • ไม่สามารถปรับแก้ไขหรือซ่อมได้หากเกิดความเสียหาย
  • มีโอกาสแตกหักหรือบิดงอได้ง่ายกว่าเเบบลวด
  • รีเทนเนอร์แบบใสอาจจะสีคล้ำขึ้นเมื่อใส่เป็นระยะเวลานาน
  • ฟันบนและล่างไม่สัมผัสกับรีเทนเนอร์
  • และอาจเสี่ยงทำให้ฟันผุได้หากไม่ดูแลรักษา

รีเทนเนอร์แบบติดแน่น

โดยประเภทแบบติดแน่นนี้จะติดถาวรที่ด้านหลังของฟันหน้า ทันตแพทย์จัดฟันอาจให้คุณใช้รีเทนเนอร์ถาวรเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ชนิดอื่น และผู้ป่วยจำนวนมากชอบเพราะมีประสิทธิภาพและไม่สามารถมองเห็นได้ แต่คนไข้บางรายอาจรู้สึกอึดอัดได้เช่นกัน

ข้อดีของรีเทนเนอร์โลหะคือ
  • มีประสิทธิภาพป้องกันฟันเคลื่อนได้ดีมาก ไม่ต้องถอดเข้าถอดออก
  • คนอืนไม่สามารถมองเห็นรีเทนเนอร์ของท่านได้ เมื่อยิ้มหรือทานข้าว

ส่วนข้อเสียของรีเทนเนอร์โลหะคือ
  • อาทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกอึดอัดอยู่ตลอด
  • ทำความสะอาดยาก
  • มีโอกาสหลุดได้
  • คนไข้หรือผู้สวมใส่จำเป็นต้องนัดพบกับทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็กสภาพของรีเทนเนอร์โลหะทุกๆ 6 เดือน

จัดฟันเสร็จ ถ้าไม่ใส่รีเทนเนอร์จะเป็นอย่างไร

เราจำเป็นต้องบอกว่าตลอดช่วงชีวิตของเรา ฟันจะเคลื่อนที่อยู่ตลอด หากคุณเคยจัดฟันมาก่อน คุณจะทราบว่าที่ว่าตำแหน่งของฟันในปากของเราเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยต่างๆ เช่น อายุและการใส่เครื่องมือจัดฟันเพียงเพราะการจัดฟันของคุณเสร็จสิ้นไม่ได้หมายความว่าฟันของคุณจะอยู่กับที่

หากคุณไม่ใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์จัดฟัน ฟันของคุณก็จะมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนกลับเข้าที่เดิม หากคุณไม่ใส่รีเทนเนอร์ คุณอาจต้องเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมจัดฟันอีกครั้งภายใน 10 ปี หรือเร็วกว่านั้น และหากคุณพยายามไม่ใส่เป็นเวลา 2-3 สัปดาห์หรือหลายเดือน ฟันของคุณอาจเคลื่อนและรีเทนเนอร์อาจไม่พอดีกับฟันของคุณอีกต่อไป

ปกติแล้วต้องใส่รีเทนเนอร์กี่ปี

ผู้ที่ใส่รีเทนเนอร์ส่วนใหญ่แนะนำให้ใส่ทุกวันเป็นเวลา 9 เดือน เป็นการใส่รีเทนเนอร์เฉพาะตอนกลางคืน อย่างไรก็ดีขั้นตอนต่างๆ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร ใส่เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่ของฟันของคุณ ควรใส่ทุกวันหลังการจัดฟัน หรือตามคำแนะนำจากทันตแพทย์ที่ทำการรักษา

วิธีดูเเลรักษารีเทนเนอร์


รูปภาพทันตแพทย์และรีเทนเนอร์แบบลวด

วิธีดูแลรักษาและการทำความสะอาดสำคัญมาก ทำได้โดยใช้น้ำอุ่นทุกครั้งที่ถอดออก การล้างรีเทนเนอร์เมื่อน้ำลายยังเปียกอยู่จะช่วยป้องกันไม่ให้อาหารแข็งตัว คุณสามารถซื้อผลิตภัณฑ์แบบแช่พิเศษเพื่อแช่รีเทนเนอร์ระหว่างการใช้งาน หากทันตแพทย์จัดฟันของคุณแนะนำ

การใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและยาสีฟันขัดทุกส่วนของรีเทนเนอร์วันละครั้ง แต่ทำอย่างระมัดระวัง เนื่องจากยาสีฟันหลายชนิดมีฤทธิ์กัดกร่อนและทำให้รีเทนเนอร์เป็นรอยได้ ควรขอคำแนะนำจากทันตแพทย์จัดฟันของคุณว่าควรใช้แปรงสีฟันและยาสีฟันชนิดใด


รูปภาพกล่องสำหรับใส่รีเทนเนอร์

ค่าใช้จ่ายในการทำรีเทนเนอร์ ราคาเท่าไหร่

คลินิกจัดฟันบางที่อาจราคารวมค่าทำรีเทนเนอร์กับบริการพร้อมแล้ว คลินิกบางที่จะคิดราคาไม่รวมกับการจัดฟัน โดยรีเทนเนอร์แบบคิดแยกราคาจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละประเภทของรีเทนเนอร์แบ่งดังนี้
  • แบบลวด ราคาชิ้นละประมาณ 1,500-2,500 บาท
  • แบบใส ราคาชิ้นละประมาณ 1,200-2,000 บาท
  • แบบติดแน่น ราคาประมาณชิ้นละ 5,000 บาท
  • แบบเหล็กราคาประมาณชิ้นละ 8000 บาทขึ้นไป

สรุป

Retainer คืออุปกรณ์ที่ทำขึ้นเองซึ่งคุณสวมไว้ในปากบริเวณฟัน ช่วยให้ฟันของคุณอยู่ในตำแหน่งใหม่ที่ถูกต้องหลังการจัดฟัน รีเทนเนอร์มี 4 ประเภทคือแบบลวด แบบเหล็ก แบบใส และแบบถาวร โดยรีเทนเนอร์ประเภทต่างๆจะมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป และแบบลวดจะได้รับความนิยมมากที่สุด

โดยท่านจำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์ทุกวัน ส่วนใหญ่มักจะใส่ในเวลากลางคืนหรือเวลานอน โดยใส่เป็นระยะเวลานาน 9 เดือนหลังการจัดฟันหรือตามคำแนะนำจากแพทย์ผู้ทำการจัดฟัน วิธีดูแลรีเทนเนอร์คือ ทำความสะอาดได้ด้วยน้ำอุ่นทุกครั้งที่ถอดออก ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและยาสีฟันขัดทุกส่วนวันละครั้ง หรือตามทำแนะนำจากแพทย์

305
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่คาดว่าจะฟื้นตัวในเร็ว ๆ นี้ แต่สำหรับคนที่ยังมีปัญหาสภาพคล่องก็ยังจำเป็นต้องมองหาสถานที่กู้เงินที่ดี ๆ สักที่ แต่เพราะว่าการกู้เงินนั้นเป็นภาระผูกพันทางด้านเงินระยะยาว และเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายประจำวันที่ต้องมีการดำเนินการอย่างรอบคอบระมัดระวัง

ดังนั้นจึงควรให้ความสำคัญและศึกษาข้อมูลให้ดี ก่อนที่จะทำการตัดสินใจกู้เงินสดสินเชื่อส่วนบุคคล แน่นอนว่าปัจจัยหลักที่สำคัญ คือ ต้องเป็นสินเชื่อที่ดอกเบี้ยต่ำโดยเฉพาะสำหรับในปีนี้ ปี 2565

สินเชื่อส่วนบุคคล ช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่อง อนุมัติไว และง่าย


สินเชื่อส่วนบุคคล คืออะไร
สินเชื่อส่วนบุคคล คือ ผลิตภัณฑ์อีกประเภทหนึ่งที่ทางสถาบันทางการเงิน หรือ ธนาคาร ที่ถูกกฎหมาย ได้จัดเสนอให้กับลูกค้าที่เรียกว่า “ผู้กู้” ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่ระบุไว้ สามารถนำเงินก้อนหนึ่ง ไปใช้จ่ายได้ตามความจำเป็น หรือ ความต้องการที่จะใช้เงิน โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือ บุคคลอื่นคอยค้ำประกัน แต่ก็มีข้อตกลงที่จะต้องจ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามที่ได้ตกลงเห็นชอบกันทั้งสองฝ่าย

โรงงานผลิตครีมทาผิว สินเชื่อส่วนบุคคล คืออะไร


สินเชื่อส่วนบุคคล แตกต่างจาก บัตรกดเงินสด อย่างไร
สินเชื่อส่วนบุคคล สามารถแบ่งได้หลายแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดแบ่ง เช่น อาจแบ่งตามตามระยะเวลา หรืออาจแบ่งตามหลักประกัน เป็นต้น  แต่ส่วนใหญ่แล้วจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคล
 
สินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรกดเงินสดนั้น จะมีความแตกต่างกันในรูปแบบของเงินกู้ และการใช้งาน ดังนี้

  • สินเชื่อส่วนบุคคล : เป็นวงเงินที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ให้กู้ในรูปแบบของเงินกู้ก้อนใหญ่ มีระยะเวลาในการผ่อนชำระที่แน่นอน คือ 12-72 เดือน และเป็นดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ทำให้มียอดชำระเงินคืนต่องวดเท่า ๆ กันทุกเดือน และยังสามารถนำเงินกู้ก้อนใหญ่นี้ไปโปะยอดหนี้เพื่อปลดชำระได้ , เป็นสินเชื่อส่วนบุคคลแบบไม่มีบัตร
  • บัตรกดเงินสด : ซึ่งก็เป็นวงเงินที่ได้รับการอนุมัติจากผู้ให้กู้เช่นกัน เพียงแต่อยู่ในรูปแบบของบัตรที่สามารถนำไปกดเงินสดที่ตู้ ATM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าธรรมเนียมก็ไม่ต้องเสียหากไม่ได้กดเงินสดมาใช้ ส่วนมากจะกดเงินมาเป็นเงินสำรองไว้ใช้ยามฉุกเฉินเท่านั้น เพราะอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง 28% และคิดเป็นรายวัน สามารถชำระได้แบบเต็มจำนวน หรือชำระขั้นต่ำ


สินเชื่อส่วนบุคคลดีกว่าเงินกู้นอกระบบอย่างไร
เงินกู้นอกระบบ คือเงินที่ผู้กู้ยืมมาโดยไม่ผ่านสถาบันการเงิน หรือ ธนาคารที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นการให้ยืมเงินปากเปล่าที่ไม่ได้รับการรับรองจากกฎหมาย สำหรับหนี้นอกระบบนั้น มีทั้งระยะสั้นที่คิดดอกเบี้ยแบบรายวัน หรือ ระยะยาวที่มากกว่า 1 เดือน ดอกเบี้ยจะถูกเก็บเรื่อย ๆ เป็นรายเดือน จนกว่าจะมีเงินต้นมาใช้คืน
 
ดังนั้น สินเชื่อส่วนบุคคลย่อมดีกว่าเงินกู้นอกระบบในหลาย ๆ ด้าน เช่น

1.เงินต้นลด ดอกเบี้ยลดตาม
สินเชื่อส่วนบุคคล จัดเป็นเงินกู้แบบลดต้นลดดอก คือ เมื่อเงินต้นน้อยลง ดอกเบี้ยก็จะถูกลงตามไปด้วย ทำให้สามารถใช้เงินที่เหลือไปผ่อนชำระได้มากขึ้น หรือไปใช้เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็นกว่า  ในขณะที่เงินกู้นอกระบบนั้น จะมีการระบุว่าต้องผ่อนชำระเงินกู้+ดอกเบี้ย เป็นจำนวนที่แน่นอน / งวด เป็นระยะเวลาที่กำหนดแน่นอน

2.เลือกรูปเเบบการรับเงินได้
สินเชื่อส่วนบุคคล สามารถเลือกรูปแบบในการรับเงินได้ เช่น เงินสดก้อนใหญ่ 1 ก้อน หรือ แบบบัตรกดเงินสด แล้วแต่ความสะดวกของผู้กู้แต่ละราย  ในขณะที่เงินกู้นอกระบบนั้น โดยมากจะเป็นเงินสดหนึ่งก้อนตามที่ได้ตกลงกันไว้

3.ผ่อนชำระขั้นต่ำได้
สินเชื่อส่วนบุคคล อาจมีการตกลงกันไว้เบื้องต้นว่า สามารถผ่อนชำระเป็นเงินขั้นต่ำได้โดยไม่มีปัญหา ในขณะที่เงินกู้นอกระบบนั้นจะมีการระบุที่แน่ชัดถึงจำนวนเงินชำระคืน / งวดของทั้งเงินต้น+ดอกเบี้ย โดยผู้ให้กู้

4.ข้อมูลส่วนตัว ถูกเก็บรักษาอย่างดี
สินเชื่อส่วนบุคคลจะมีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในข้อมูลผู้กู้ เพราะจัดเก็บโดยสถาบันการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในขณะที่เงินกู้นอกระบบ จะไม่มีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระเบียบ เพราะผู้ให้กู้เป็นบุคคลทั่วไปหรือพวกผิดกฎหมาย

5.ความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน
ในส่วนของสินเชื่อบุคคลนั้นผู้กู้จะได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายแพ่ง ในขณะที่เงินกู้นอกระบบนั้นจะไม่มีการคุ้มครองใดๆทั้งนั้น

หากเกิดปัญหาไม่ได้มีการชำระหนี้ตามสัญญา สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคล ผู้กู้สามารถติดต่อผู้ให้กู้ (สถาบันการเงิน หรือ ธนาคาร) เพื่อปรึกษาและเจรจาประนอมหนี้ได้ แต่ในกรณีของเงินกู้นอกระบบนั้น ผู้กู้อาจจะประสบอันตรายถึงชีวิตหรือทรัพย์สินได้

สินเชื่อส่วนบุคคล ดีกว่าเงินกู้นอกระบบอย่างไร


คุณสมบัติของคนที่อยากขอสินเชื่อส่วนบุคคล มีอะไรบ้าง
โดยทั่วไปคุณสมบัติของผู้กู้ ที่ต้องการทำสัญญาการกู้เงินกับสถาบันทางการเงิน หรือ ธนาคาร ที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้น จะมีแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยในแต่ละแห่ง แต่ปกติแล้วจะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน ดังต่อไปนี้

  • อายุของผู้กู้ควรอยู่ระหว่าง 20 – 60 ปี
  • ควรเป็นพนักงานที่มีรายได้ประจำเดือนตั้งแต่ 8,000 – 15,000 บาทขึ้นไป
  • มีอายุการทำงานตั้งแต่ 4 – 6 เดือนขึ้นไป หรือพ้นช่วงทดลองงานแล้ว
  • สำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการ ควรประกอบธุรกิจมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี
  • มีหมายเลขโทรศัพท์ที่แน่นอนในการติดต่อ เช่น ที่บ้าน หรือ สถานที่ทำงาน
  • มีที่อยู่ หรือที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ให้บริการ

คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้กู้ คือ ความสามารถในการผ่อนชำระเงินคืนได้ตามสัญญาซึ่งผู้ให้กู้จะดูจากหลาย ๆ ปัจจัยดังกล่าวเบื้องต้นในการพิจารณาให้อนุมัติเป็นขั้นตอนต่อไป


สินเชื่อส่วนบุคคลอนุมัติง่ายที่สุด
คนที่สนใจสมัครสินเชื่อส่วนบุคคล ควรยื่นเรื่องกับธนาคารหลาย ๆ แห่งพร้อมกันตามลำดับความชอบในโปรโมชั่นของแต่ละแห่ง และเพื่อเป็นเร่งให้การสมัครเป็นไปด้วยความราบรื่น และรวดเร็ว ก็สามารถใช้บริการของทีมงาน refinn ที่พร้อมจะช่วยติดตามงานทุกขั้นตอน และท้ายสุดผู้สมัครยังสามารถตรวจสอบสถานะได้ทางออนไลน์ผ่านระบบของ refinn.
 
อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น สำหรับคนที่ต้องการสินเชื่อส่วนบุคคล หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่คลิก สินเชื่อส่วนบุคคล เลย ระบบของ refinn ก็จะเข้ามาช่วยหาสินเชื่อส่วนบุคคลออนไลน์ โดยไม่ต้องเดินทางไปไหน แค่อยู่ในบ้านก็พอ
 
สำหรับขั้นตอนในการสมัครออนไลน์กับ refinn ก็ทำได้ง่าย ฟรี ไม่มีค่าบริการ และจะมีเจ้าหน้าที่คอยรับเรื่อง แนะนำตั้งแต่เริ่มต้น จนกระทั่ง ได้รับการอนุมัติจากธนาคาร หรือ สถาบันการเงินที่เลือกใช้
 
คนที่ต้องการสมัครใช้บริการสินเชื่อเงินสด สามารถเข้าไปดูรายละเอียดโปรโมชันของแต่ละธนาคาร สถาบันการเงิน เพื่อทำการเปรียบเทียบดอกเบี้ยเงินกู้ที่ต่ำที่สุด อนุมัติง่ายที่สุด รวดเร็ว และไม่มีการเช็คภาระหนี้สินของผู้กู้ โปรโมชั่นเหล่านี้ทสามารถเช็คได้ทางเว็บไซต์ของ Refinn


สินเชื่อส่วนบุคคล อนุมัติง่ายที่สุด

สินเชื่อส่วนบุคคลต้องเงินเดือนเท่าไหร่ถึงขอได้
ปัจจุบันสำหรับคนที่ต้องการกู้สินเชื่อส่วนบุคคลนั้น จะมีเงินเดือนอยู่ที่ช่วงระหว่าง 8,000-15,000 บาทขึ้นอยู่กับแต่ละสถาบันการเงิน หรือธนาคาร และโดยทั่วไปวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคล และระยะเวลาในการผ่อนคืนชำระที่จะได้รับการอนุมัตินั้นจะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของผู้กู้เป็นหลัก โดยทั่วไปวงเงินกู้อนุมัติสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 5 เท่าของเงินเดือน
 
นอกจากรายได้ที่จะบ่งบอกความสามารถในการชำระหนี้แล้ว ยังจะรวมถึงประวัติการชำระหนี้ต่าง ๆ ของผู้ขอสินเชื่อ ว่าได้ทำการชำระตรงเวลาหรือไม่ ปัจจัยเหล่านี้จะช่วยเร่งกระบวนการพิจารณาอนุมัติได้เร็วขึ้น ง่ายขึ้น และไวขึ้นอีกด้วย


สรุปเกี่ยวกับสินเชื่อส่วนบุคคล
สินเชื่อส่วนบุคคล เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยแก้ไขปัญหาทางด้านเงิน และยังช่วยเสริมสภาพคล่องทางเงิน เเต่สงวนให้เฉพาะสำหรับคนที่มีรายได้ประจำที่มั่นคง มีประวัติการเงินที่ดี มีความสามารถในการชำระเงินคืนตามที่ได้ทำสัญญาไว้กับธนาคาร หรือสถาบันทางการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย
 
เมื่อเราได้รู้ถึงข้อดีของสินเชื่อส่วนบุคคล ก็มาถึงการตัดสินใจว่า จะเลือกประเภทไหนดี ให้เหมาะสมกับการต้องการใช้เงินของผู้กู้ สำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนเอาไปทำธุรกิจ หรือปลดหนี้ ก็อาจจะต้องกู้เงินเป็นก้อนใหญ่ หรืออาจจะต้องตัดสินใจเลือกมากกว่า 1 ประเภท เพื่อให้ครอบคลุมทุกการใช้งาน เช่น การทำบัตรเงินสด สำหรับเงินก้อนเล็กๆ เป็นต้น

306
โปรแกรม POS

Point of Sale หรือก็คือ โปรแกรม pos เป็นโปรแกรมขายหน้าร้าน ที่ช่วยจัดการหน้าร้านด้านต่าง ๆ เช่น การคิดเงิน ออกใบเสร็จ เช็กสต๊อกสินค้า เป็นผู้ช่วยในการจัดการเรื่องเหล่านี้ ให้เป็นเรื่องง่าย

โปรแกรม pos นั้นมีความสำคัญอย่างมากในสมัยนี้ เนื่องด้วยหลาย ๆ ธุรกิจมีสินค้าและบริการต่าง ๆ มากขึ้น จึงต้องมีการเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้น สร้างภาระให้กับพนักงาน จะดีกว่าถ้าหากมีโปรแกรม pos มาช่วยด้วย แถมโปรแกรมยังจะสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย เนื่องจากระบบต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นมาช่วยให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้น โดยเราจะช่วยให้คุณรู้จักกับโปรแกรม pos ที่ดีที่สุด ใช้งานง่าย เริ่มต้นใช้งานฟรี

โปรแกรม POS คืออะไร สำคัญอย่างไรกับธุรกิจ

โดยโปรแกรม pos นั้นหลายท่านน่าจะรู้จักในฐานะของเครื่องคิดเงินคอมพิวเตอร์ สแกนบาร์โค้ดชำระเงินสินค้า ซึ่งจะเห็นได้ตามร้านค้าต่าง ๆ มากมายใช้กันแพร่หลาย จึงมีความจำเป็นอย่างมากในการทำธุรกิจ ร้านค้าต่าง ๆ เพราะว่าจะช่วยในการลดภาระงานของพนักงานไปได้มาก แถมยังช่วยป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นด้วย เช่น การคิดเงินผิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จึงควรต้องมีโปรแกรม pos ที่ดีสำหรับร้านค้าของคุณ และในตอนนี้ โปรแกรม POS ของทาง Rocket Digital Startup ได้พัฒนาโปรแกรม pos สำหรับร้านค้ายุคใหม่ มีระบบออนไลน์ ฟีเจอร์ต่าง ๆ อีกมากทันสมัยเหมาะกับธุรกิจในยุคปัจจุบัน

โปรแกรม POS มีประโยชน์อย่างไร

โดยประโยชน์หลัก ๆ ของโปรแกรม pos จะเป็นเรื่องการอำนวยความสะดวกด้านการขาย การขายให้สะดวกรวดเร็ว ป้องกันการคิดเงินผิด ช่วยเรื่องการนับสต๊อกสินค้า มีระบบเก็บข้อมูลการสมัครสมาชิก การรายงานสรุปผลประจำเดือน เพราะฉะนั้นโปรแกรมขายหน้าร้าน pos จึงจำเป็นกับทุกร้านค้า

1.ประหยัดเวลาในการจัดการร้านค้า

เนื่องด้วยตัวโปรแกรมออกแบบ มามีระบบที่พร้อมรับในการดูแลจัดการข้อมูลเช่นการ เช็กสต๊อกสินค้า เช็กประวัติการขาย ให้ดูได้ง่ายขึ้น จึงมีความสะดวกรวดเร็วในการจัดการข้อมูลต่าง ๆ ช่วยประหยัดเวลาในการทำงานในส่วนนี้ไปมาก

2.ชำระเงินได้ปลอดภัยไม่มีข้อผิดพลาด   

ช่วยให้การชำระสินค้าบริการต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว รองรับการชำระเงินหลายรูปแบบตั้งแต่ เงินสด, โอนผ่าน QR code และบัตรเครดิต มีความปลอดภัยสูง สามารถพิมพ์ใบเสร็จได้ เหมาะกับร้านค้าทุกประเภท

3.สามารถใช้งานได้หลายเครื่อง

เพราะระบบในปัจจุบัน โปรแกรม pos นั้นสามารถทำงานในรูปแบบออนไลน์ได้ และยังใช้งานบนอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

4.สามารถทำระบบหน้าร้านออนไลน์ได้

สามารถนำไปเปิดเป็นการขายแบบออนไลน์ได้ช่วยเพิ่มยอดขายของคุณได้มากขึ้น

5.มีระบบสมาชิกของลูกค้า

ช่วยให้ลูกค้าของคุณได้รับส่วนลดและโปรโมชั่นต่าง ๆได้ ทำให้ลูกค้ามีโอกาสกลับมาซื้อสินค้าของทางร้านได้มากขึ้น

6.การรายงานสรุปผลในแต่ละเดือน

ช่วยสรุปผลประจำเดินได้ระบบมีทั้งการเก็บข้อมูลต่าง ๆ เข่น ข้อมูลพนักงานขาย รายรับรายจ่ายต่อเดือน รวมถึงระบบเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปประเมินการขายสินค้าในอนาคต

ธุรกิจที่เหมาะกับโปรแกรม POS

ธุรกิจที่เหมากับโปรแกรม POS

โปรแกรม pos นั้นช่วยให้การบริการด้านการคิดเงินเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น เหมาะกับหลายธุรกิจมากในปัจจุบัน เมื่อคุณรู้ประโยชน์ของโปรแกรมขายหน้าร้าน pos แล้วว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง มาดูต่อว่าธุรกิจใดบ้างที่เหมาะกับการใช้งาน โดยจะมีตัวอย่างดังนี้

1. ร้านค้าปลีก

เนื่องจากเป็นร้านค้าที่มีลูกค้าเป็นจำนวนมากและสินค้ามีหลายอย่าง การคิดเงินด้วยคนอาจจะเป็นเรื่องยาก ถ้าหากมีลูกค้าเยอะ การคิดเงินทอนเงินอาจก่อให้เกิดข้อผิดพลาดได้ จึงเหมาะกับการใช้งาน โปรแกรม pos ร้านค้าปลีก อย่างมาก เพราะจะเป็นช่วยลดภาระในส่วนนี้ แถมยังมีระบบนับสต๊อกสินค้าไว้อีกด้วย ทำให้การเช็กสต๊อกของสินค้าเป็นไปได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม

2. ร้านกาแฟ ร้านอาหาร

ร้านกาแฟและร้านอาหารส่วนใหญ่ในตอนนี้ จะมีระบบสมาชิกของลูกค้าที่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับโปรโมชั่นต่าง ๆ หากมาใช้บริการบ่อย ๆ และยังต้องการระบบการชำระเงินที่ทำได้หลายแบบและรวดเร็ว และมีระบบการสั่งออเดอร์ผ่านทาง QR code จะช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งอาหารได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น และยังสามารถใช้ระบบเพื่อทำเป็นร้านค้าออนไลน์ได้อีกด้วย ช่วยเพิ่มยอดขาย ให้กับร้านของคุณได้ เพราะฉะนั้นโปรแกรม pos ร้านอาหาร จึงเหมาะกับธุรกิจร้านกาแฟและร้านอาหารอย่างมาก

3. ร้านมือถือ

เนื่องด้วยมือถือในปัจจุบันมีหลายรุ่นหลายแบบมาก การเช็กสต๊อกของมือถือว่าเหลือเท่าไหร่อาจจะเป็นเรื่องยาก ถ้ามีระบบที่ช่วยเก็บข้อมูลที่ถูกต้องจะช่วยให้การหามือถือที่มีอยู่ในสต๊อกง่ายขึ้น แถมยังมีระบบเก็บข้อมูลการขาย รายงานว่าในเดือนนั้น ๆ มีมือถือรุ่นใดขายดี เป็นที่ต้องการของลูกค้า เพื่อที่จะวางแผนการลงขายในเดือนต่อ ๆ จึงเหมาะกับการใช้งานโปรแกรม pos อย่างมาก

ฟีเจอร์ของโปรแกรม POS

ฟีเจอร์ของโปรแกรม POS

โดยหลัก ๆ การทำงานของโปรแกรม pos นั้นจะต้องมีตั้งแต่ การคิดเงิน, การนับสต๊อก, ข้อมูลพนักงาน, ข้อมูลลูกค้า แล้วฟีเจอร์ของโปรแกรม POS Rocket ของทาง Rocket Digital startup นั้นก็ยังมี ฟีเจอร์พิเศษต่าง ๆ ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับคุณได้มากขึ้นอีกด้วย โดยฟีเจอร์เด่น ๆ ที่น่าสนใจ ดังนี้ 

  • การสั่งออเดอร์ผ่าน QR code
  • ระบบสมาชิกสะสมแต้ม
  • หน้าร้านระบบออนไลน์
  • จัดเก็บข้อมูลลูกค้า
  • รายงานผลแบบเรียลไทม์
  • ระบบ Marketing Automation

และด้วยฟีเจอร์เหล่านี้ของทาง จะช่วยให้ร้านค้าของคุณ มียอดขายมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะฟีเจอร์ต่าง ๆ นั้นมีประโยชน์อย่างมาก โดยเริ่มตั้งเเต่ ระบบที่จะทำให้ลูกค้าประทับใจตั้งแต่ การขาย การชำระเงิน จนถึงการที่มีโปรโมชั่นต่าง ๆ จะช่วยเรียกลูกค้าได้เป็นอย่างดี

อุปกรณ์ที่ใช้กับโปรแกรม POS

ถ้าหากคุณสนใจโปรแกรม pos คุณจะต้องรู้จักกับอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการใช้งานโปรแกรม pos เพราะว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นจำเป็นต่อร้านค้าทุกประเภท เพื่อให้ร้านค้าของคุณได้ใช้โปรแกรม pos ได้อย่างเต็มระบบ จึงต้องมีอุปกรณ์เหล่านี้ให้ครบ โดยอุปกรณ์ของโปรแกรมpos จะประกอบไปด้วย

  • ตัวเครื่อง pos ที่ใช้เป็นตัวประมวลผลจัดการข้อมูลการขาย, สต๊อกของ, ข้อมูลสมาชิกลูกค้า
  • หน้าจอแสดงผลของฝั่งลูกราคา เพื่อให้ฝั่งลูกค้าได้เห็นราคา รายการสิ่งของต่าง ๆ
  • เครื่องพิมพ์ใบเสร็จ เพื่อการออกใบเสร็จคำสั่งซื้อสำหรับลูกค้า
  • เครื่องอ่านบัตรเครดิต ใช้อ่านบัตรเครดิตต่าง ๆ เมื่อลูกค้าชำระด้วยบัตรเครดิต
  • เครื่องสแกนบาร์โค้ด ใช้ในการยิงบาร์โค้ดสินค้าบริการต่าง ๆ
  • ลิ้นชักเก็บเงิน สำหรับเก็บเงินสดและเงินทอน
  • ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต สำหรับการใช้งาน ในบางกรณีเช่น การใช้เพื่อให้ลูกค้าชำระเงินผ่าน QR code ผ่านแท๊บเล็ต เพราะโปรแกรม pos สามารถติดตั้งใช้งานได้

โปรแกรม POS ตัวไหนดี

เลือกโปรแกรม POS ตัวไหนดี

ถ้าหากคุณมองหาโปรแกรมขายหน้าร้าน pos สักโปรแกรม คุณจะต้องมองหาโปรแกรมที่เหมาะสมที่สุดโดยที่โปรแกรมนั้นจะต้องมีระบบที่ปลอดภัย ใช้งานได้ง่าย มีฟีเจอร์ที่ทันสมัยเหมาะกับธุรกิจที่หลากหลายในสมัยนี้ จึงขอแนะนำ โปรแกรม POS Rocket  ของทาง Rocket Digital โดยตัวโปรแกรมมีข้อดีหลัก ๆ ดังนี้

  • โปรแกรมประมวลผลรวดเร็ว มีหน้าตาของโปรแกรมที่สวยงาม
  • ดีไซน์ตัวเครื่อง pos สวย ทันสมัย
  • การออเดอร์ผ่าน QR code ช่วยให้ลูกค้าสามารถสั่งออเดอร์เมนูต่าง ๆ ผ่าน QR code ได้เลย
  • ระบบสมาชิกสะสมแต้ม เพื่อให้ลูกค้าที่ใช่บริการเป็นประจำได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ
  • หน้าร้านระบบออนไลน์ ช่วยเพิ่มยอดขายของร้านค้าได้เป็นอย่างดี
  • จัดเก็บข้อมูลลูกค้า เพื่อประมวลผลข้อมูลการขายว่าสินค้าชิ้นไหนขายดี เหมาะกับการนำมาขายต่ออีกหรือไม่
  • รายงานผลแบบเรียลไทม์ ช่วยให้สามารถเช็กยอด รายรับ-รายจ่ายได้ตลอดเวลาสะดวกรวดเร็ว
  • ระบบ Marketing Automation เป็นระบบรวบรวมข้อมูลของลูกค้า เพื่อส่งเสริมการซื้อซ้ำ สร้างโปรโมชั่นใหม่ ๆ ให้ตรงใจกับลูกค้าได้

สรุปเกี่ยวกับโปรแกรม POS

เมื่อคุณได้รู้จักกับโปรแกรม pos แล้วว่าโปรแกรมมีระบบการทำงานอย่างไร มีการใช้อุปกรณ์แบบไหน มีประโยชน์อย่างไร หากคุณมองหาโปรแกรม pos สำหรับร้านค้าของคุณทางเราจึงขอแนะนำให้รู้จักกับ โปรแกรม POS Rocket ของทาง Rocket Digital startup ที่มีระบบที่ครบครัน ใช้งานได้ง่าย ทำงานได้รวดเร็ว ปลอดภัย มีฟีเจอร์ช่วยเพิ่มลูกค้า สำหรับร้านค้าของคุณ


307
หลาย ๆ คนอาจเคยเห็นโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะขึ้นตามหน้าฟีด Facebook Instagram Tiktok สิ่งเหล่านี้ถูกนับว่าเป็นการยิงแอด แล้วการยิงแอดคืออะไรล่ะ? การยิงแอดคือ การซื้อโฆษณาเพื่อยิงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่อยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ข้อมูลของสินค้าและบริการถูกส่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการและเข้าถึงได้มากขึ้น

ซึ่งสามารถถสร้าง Brand Awareness และยอดขายให้ธุรกิจของคุณได้เป็นอย่างดี และสำหรับใครกำลังตามหาบริษัท รับยิงแอด ที่บริหารโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญล่ะก็ Rocket อาจเป็นตัวเลือกความสำเร็จใหม่สำหรับคุณ โดยทาง Rocket เป็นเจ้าเดียวที่กล้ารับปาก ROI หรือ อัตราส่วนผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน ทำให้แบรนด์ของคุณเติบโตด้วยช่องทางออนไลน์

รับยิงแอดราคาดี


การยิงแอดสำคัญอย่างไรกับธุรกิจ

  • การยิงแอดโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการรับยิงแอดนั้น จะช่วยในการโฆษณาโปรโมทสินค้าและทำให้ผู้ที่เห็นแอดนี้จะได้รู้ถึงสรรพคุณของสินค้าว่ามีรายละเอียดอย่างไร สามารถทำอะไรได้บ้าง คุ้มค่ามั้ย โดยที่ไม่ต้องเดินทางมาหน้าร้านโดยตรง ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น
  • ช่วยในการเพิ่มยอดขายได้เนื่องจากการโปรโมทสินค้าก็จะทำให้มีผู้เห็นแอดโปรโมทแล้วสามารถตัดสินใจเพื่อซื้อสินค้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
  • เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างดี เพียงแค่กำหนดลักษณะ คุณสมบัติของกลุ่มเป้าหมาย อายุ เป็นต้น
  • ใช้ต้นทุนที่น้อยกว่าการทำโฆษณาสื่อหลักมาก ๆ เนื่องจากการทำโฆษณาสื่อหลักมีต้นทุนที่สูง
  • สามารถวัดผลลัพธ์ได้อย่างดีและสามารถนำผลลัพธ์มาพัฒนาต่อยอดได้ในอนาคตอีกเช่น ลักษณะนิสัยของกลุ่มเป้าหมาย


รับยิงแอดสายสีเทา คืออะไร ทำดีไหม

การรับยิงแอดสายสีเทา คือ การทำโปรโมทโฆษณาแบบหลีกเลี่ยงการผิดกฎของแพลตฟอร์มต่าง ๆ อาจเป็นสินค้าที่แพลตฟอร์มนั้นห้ามข้าย แต่เราสามารถใช้เทคนิคของสายสีเทาในการยิงแอดทำการโปรโมทโฆษณาได้โดยไม่โดนแบนจากระบบ หากว่าไม่ได้รับการตรวจสอบจากคนจริง ๆ ที่ไม่ใช่บอท

โดยการโปรโมทโฆษณาจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • สายสีขาว เป็นการทำโปรโมทโฆษณาแบบปกติที่จะใช้การทำโฆษณาขายสินค้าแบบทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น เสื้อผ้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครื่องเขียน รองเท้า เป็นต้น ซึ่งเป็นสินค้าที่ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนหรือไม่มีเครื่องหมายลิขสิทธิ์อยู่บนตัวสินค้า ก็จะสามารถใช้วิธีนี้ในการยิงแอดได้เลยทันที
  • สายสีเทา เป็นการทำโปรโมทโฆษณาสินค้าหรือบริการที่เรารู้จักคุ้นหน้าคุ้นตากันดีอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถทำโฆษณาได้ เพราะติดข้อจำกัดด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มนั้น ๆ แต่ก็ยังมีการใช้กันอยู่แพร่หลาย ยกตัวอย่างเช่น ครีมทาผิว เครื่องสำอางบางชนิด เครื่องมือทางการแพทย์ที่สามารถหาได้ทั่วไป เป็นต้น
  • สายสีดำ เป็นการทำโปรโมทโฆษณาสินค้าหรือบริการที่ผิดกฎหมาย ที่ไม่สามารถค้าขายแบบทั่วไปได้ แต่ก็ยังมีการใช้เทคนิคของสายดำในการทำให้เลี่ยงการตรวจจับจากระบบของแพลตฟอร์มนั้น ๆ ได้ ยกตัวอย่างเช่น โฆษณาการพนัน บุหรี่ไฟฟ้า ของที่มีลักษณะ 18 + เป็นต้น


ทำไมควรจ้างรับยิงแอดกับทีมการตลาดมืออาชีพ

จ้างรับยิงแอดกับ Rocket ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิด เพราะเรารับยังแอดที่เน้นประสิทธิภาพ ครอบคลุมในทุกแพลตฟอร์มและมีการรายงานผลอย่างละเอียด โดยเราเป็นเจ้าเดียวที่กล้ารับปาก ROI หรือ อัตราส่วนผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน ทำให้แบรนด์ของคุณเติบโตด้วยช่องทางออนไลน์ คุ้มทุนและมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่สร้างยอดขายให้กับแบรนด์เล็กและใหญ่ทั่วประเทศไทย พร้อมทั้งดูแลผลลัพธ์อย่างใกล้ชิด พิสูจน์แล้วกับการยิงแอดโฆษณาและยิงแอดเฟสบุ๊คสร้าง ยอดขายที่เติบโตได้หลักล้าน เช่น แบรนด์ .Once กับผลงานที่สร้างรายได้มากกว่า 30 ล้านบาท


รับยิงแอด platform อะไร น่าสนใจ

รับแอดยิงบนแพลตฟอร์มไหนดี

การทำธุรกิจในโลกออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จนั้น เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีส่วนหนุนเสริมสำคัญก็คือการทำโฆษณานั่นเอง ซึ่งโดยส่วนใหญ่คนทำธุรกิจมาซักระยะน่าจะเคยได้ยินเรื่อง รับยิงแอด กันมาบ้างแล้ว แต่อาจยังไม่แน่ใจหรือยังไม่รู้ว่าการยิงแอดในแต่ละแพลตฟอร์มว่าแตกต่างอย่างไร ประเภทของสินค้าและบริการของคุณเหมาะกับแพลตฟอร์มมากน้อยแค่ไหน ซึ่งในด้านล่างนี้เราได้รวบรวมข้อมูลคราว ๆ แต่ละแพลตฟอร์มมาให้ทุกคนได้ทราบกัน

1. Facebook
การรับยิงแอดบนแพลตฟอร์ม Ads Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล เนื่องจากมีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มนี้จำนวนหลายล้านคน จึงทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าการรับโฆษณาเฟสบุ๊คเหมาะสำหรับการทำธุรกิจทุกรูปแบบอย่างแท้จริงและยังมีราคาการรับยิงแอด Facebook ราคาถูกอีกด้วย

2. Instagram
การยิงแอด IG ถือว่าเป็นการยิงอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่สามารถทำให้โฆษณาของคุณไปปรากฏสู่สายตากลุ่มเป้าหมายที่ชื่นชอบเล่นแพลตฟอร์มนี้ได้อย่างดี การยิงแอดไอจีเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานสูงรองลงมาจาก Facebook จะสามารถใช้เครื่องมือเดียวกันกับการรับยิงแอดบนแพลตฟอร์ม Facebook Business Manager ในการยิงแอดได้

3. Tiktok
การเลือกยิงแอด Tiktok นั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่มาแรงสุด ๆ ในปัจจุบัน เพราะเป็นแพลตฟอร์มน้องใหม่ที่จะมีผู้ใช้งานส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มช่วงวัย Gen Z กันซะส่วนใหญ่ ซึ่งเหมาะอย่างมากสำหรับแบรนด์ที่ต้องการทำ Ads Tiktok เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในช่วงวัยนี้ โดยการรับยิงแอดเพื่อขายของใน Tiktok นั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในยุคนี้

4. Linkedin
การเลือกรับยิงแอดผ่าน Linkedin ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มสำหรับคนในแวดวงธุรกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งหลาย ๆ ธุรกิจเริ่มหันมาทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มนี้มากขึ้น เพราะถือว่าเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

5. Line
การเลือกรับยิงแอดผ่าน LINE ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถช่วยให้คุณลงโฆษณาเพื่อโปรโมทสินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณได้เป็นอย่างดีไม่แพ้ช่องทางออนไลน์อื่น ๆ เพราะมีสามารถกำหนดวัตถุประสงค์, กลุ่มเป้าหมาย, งบประมาณ, และช่วงเวลาลงโฆษณาเพื่อเข้าถึงฐานลูกค้าได้อย่างแม่นยำ ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจเริ่มหันเข้ามาทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มนี้มากขึ้น

6. Twitter
การเลือกรับยิงแอดผ่าน Twitter ก็เป็นที่นิยมพอสมควรเพราะไม่ว่าจะเกิดกระแสอะไรก็ตามก็มักจะเป็นแพลตฟอร์มแรก ๆ ที่มีเทรนด์กระแสเกิดขึ้นในแพลตฟอร์มก่อนเสมอ โดยจุดเด่นคือสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายจาก Keyword ได้หรือจะเลือกเป็น Follower Looklike เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ติดตามจากบุคคลอื่นที่เราต้องการได้เช่นกัน


ขั้นตอนการรับยิงแอดให้มีประสิทธิภาพ

  • 1.Facebook Ads Budget Estimate เราจะช่วยทำการประเมินงบประมาณให้กับคุณหรือช่วยในการให้คำแนะนำกับคุณเพื่อทำแผนการตลาดที่เหมาะสมและให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
  • 2.Facebook Ads Strategy ช่วยในการวางกลยุทธ์ในการซื้อโฆษณาบน Facebook ให้เหมาะสมตรงตามเป้าหมายในธุรกิจของคุณ โดยใช้ทุก Media ของ Ads Facebook เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
  • 3.Competitor Analysis & Marketing Plan ช่วยวิเคราะห์คู่แข่งทางธุรกิจของคุณในทุก ๆ เรื่องเพื่อให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่นและสามารถประสบความสำเร็จได้
  • 4.Content Creation ช่วยในการวิเคราะห์สร้าง Content ต่าง ๆ ให้กับคุณเพื่อช่วยในการตลาดเนื่องจากการทำ Content ที่ดีจะช่วยในการดึงดูดลูกค้าจากการรับยิงแอดได้อย่างมากนั่นเอง


สรุปเกี่ยวกับรับยิงแอด

รับยิงแอดสร้างยอดขายให้กับแบรนด์

การลงโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ นั้น เหมือนเครื่องช่วยกระจายเสียงให้ผู้คนได้พบเจอโฆษณาแบรนด์ของคุณในชีวิตประจำวัน และหากคุณสนใจรับยิงแอดโฆษณาเกี่ยวกับ Social Media Marketing และ Digital Marketing ครบวงจรกับ Rocket Digital ที่รับทำการตลาดออนไลน์ Facebook และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ทุกแพลตฟอร์มอย่ารอช้า รีบลงทะเบียนเพื่อให้เราดูแลคุณตั้งแต่ก้าวแรกในโลกการตลาดดิจิทัล

308
เครื่องตรวจจับควันช่วยตรวจสอบควันภายในบ้านก่อนส่งสัญญาณ

อุบัติเหตุจากเพลิงไหม้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา แต่การมีตัวช่วยอย่าง smoke detector คอยตรวจสอบพร้อมแจ้งเตือนหากเกิดเหตุ ช่วยป้องกันจากอุบัติเหตุได้พอสมควร วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักเครื่องตรวจจับควัน พร้อมบอกเรื่องที่ควรรู้หากใช้งานจริง

Smoke Detector คือ
smoke detector หมายถึงอะไร มีความสำคัญอย่างไรเมื่อทำการติดตั้งแล้ว smoke detector  คือ อุปกรณ์ตรวจจับควันประเภทหนึ่งในระบบรักษาความปลอดภัยที่สำคัญมาก  สำหรับการทำงานของsmoke detectorหรือเครื่องตรวจจับควัน ทำงานผ่านการตรวจจับควันไฟและคาร์บอนไดออกไซด์

หากควันลอยกระทบกับตัวเครื่อง จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนทันที มีหลายคนที่สับสนการทำงานระหว่าง smoke detector และsmoke alarm โดยเครื่องทั้งสองประเภทมีการทำงานดังนี้
  • smoke detector ตรวจจับควันโดยทำงานร่วมกับระบบแจ้งเตือนเพลิงไหม้ ติดตั้งในอาคารที่มีความสูงตั้งแต่ 3 ชั้นขึ้นไป
  • smoke alarm เป็นอุปกรณ์ตรวจจับควันภายในตัว นิยมติดตั้งภายในบ้านหรืออาคารที่มีความสูงต่ำกว่า 3 ชั้น

ประโยชน์จากการใช้งานเครื่องตรวจจับควัน (Smoke Detector) มีอะไรบ้าง ?
การติดตั้ง smoke detector รวมทั้ง smoke alarm  สามารถอธิบายประโยชน์การใช้งานได้ดังนี้
  • เมื่อคุณทำการติดตั้งsmoke detector ลดการสูญเสีย เพิ่มความปลอดภัยให้กับครอบครัว
  • อุปกรณ์ตรวจจับควันมีการทำงานอยู่ตลอดเวลา บรรยากาศที่อยู่อาศัยได้รับความไว้วางใจ
  • เครื่องตรวจจับควันช่วยดูแลทรัพย์สินภายในบ้านให้ปลอดภัย

เครื่องตรวจจับควันมีกี่ประเภท
ทั่วไปแล้ว smoke detector ที่นิยมใช้ในประเทศไทยมี 2 ประเภท มีรายละเอียดดังนี้

ไอโอไนเซชั่น (Ionization Type)

เครื่องตรวจจับควันไอโอไนเซชั่น

ภายในเครื่องมีแผ่นโลหะที่มีขั้วไฟฟ้าต่างกัน เครื่องตรวจจับควัน การทำงานโดยกระตุ้นอากาศให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออน ทำหน้าที่เป็นตัวนำไฟฟ้าไหลผ่านขั้วไฟฟ้าทั้งสอง หากเกิดควันในกล่อง ค่าความนำไฟฟ้าของอากาศลดลง ตรวจจับควันอนุภาคเล็กกว่า 1 ไมครอนได้ดี

โฟโตอิเล็กทริก (Photoelectric Type)

เครื่องตรวจจับควันโฟโตอิเล็กทริก

เครื่องตรวจจับควันโฟโตอิเล็กทริก หรือ photoelectric smoke detector  มีหลักการทำงานดังนี้

1.  แบบควันกีดขวางแสง (Light Obsuration) ใช้แหล่งกำเนิดแสงยิงที่ตัวรับแสง เมื่อไม่มีควันไฟปริมาณแสงจะคงที่ หากอนุภาคควันเข้ามาจะไปกีดขวางแสง ส่งผลให้แสงส่องเข้าตัวลงเรื่อย ๆ
2.  แบบหักเหแสง (Light Scattering) ทำงานโดยมีแหล่งกำเนิดแสง จะหักเหแสงบางส่วนไปยังที่รับแสง เมื่อมีควันมากขึ้นแสงจะหักเหตาม หากถึงจุดหนึ่งระบบจะทำงานในรูปแบบหักเหแสง
3. แบบกล่องหมอกควัน ( Cloud Chamber Type) ทำงานโดยการสุ่มตัวอย่างอากาศ ดูดอากาศในพื้นที่ที่มีแสงเข้าไปในกล่องที่มีความชื้นสูง

การติดตั้งเครื่องตรวจจับควัน (Smoke Detector)
ควรติดตั้ง smoke detector  บริเวณที่ตรวจจับเพลิงในความสูงไม่เกิน 10.5 เมตร หากเป็นชนิดลาแสงต้องติดตั้งไม่เกิน 25 เมตร ระยะห่างและตำแหน่ง ควรห่างจากผนังไม่เกิน 4.5 เมตร ระยะห่างระหว่างผนังปลายทางกับอุปกรณ์ตรวจจับใกล้สุดไม่เกิน 6 เมตร หากท่านใดสนใจจะติดตั้ง อุปกรณ์ตรวจจับควัน smoke detector ด้วยตนเอง

วิธีดูแลรักษา Smoke Detector
การดูแลรักษา smoke detector  ให้ทำการปัดฝุ่นด้วยแปรงหรือใช้เครื่องเป่าลมปัดฝุ่น ถอดส่วนหัวอุปกรณ์ออกจากฐาน ตรวจเช็คสายนำสัญญาณนำเข้า ตรงฐานว่าปกติหรือไม่ ทำการตรวจสอบดวงไฟบริเวณเครื่องตรวจจับควันว่าไฟติดกระพริบหรือไม่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Smoke Detector
ทางเราได้รวมคำถามในการใช้ smoke detector ที่พบได้บ่อยจากผู้เคยใช้มาแล้ว ดังนี้ 

Fire Alarm, Smoke Detector กับ Heat Detector ต่างกันอย่างไร
สำหรับ smoke detector กับ heat detector ต่างกันอย่างไรนั้น smoke ดักจับเพลิงไหม้โดยใช้ควัน ส่วน heat ใช้ความร้อนดักจับเพลิง สำหรับ Fire Alarm ทำหน้าที่เป็นระบบสัญญาณเตือนอัคคีภัย พร้อมส่งสัญญาณหากเกิดเหตุจริง

ควรติดตั้งอุปกรณ์ตรวจจับควันที่บริเวณไหน
การติดตั้ง smoke detector ควรใกล้กับห้องนอน หรือบริเวณรอบบ้านหรือ ติดตั้งได้ที่ห้องรับแขกหรือใกล้ทางขึ้นบันได

Smoke Detector แบบไหนเหมาะกับการติดในห้องครัว
ควรใช้ smoke detectors ประเภทโฟโตอิเล็กทริคดีที่สุด ตรวจจับควันอนุภาคใหญ่ระหว่างทำอาหารได้ ส่งสัญญาณแจ้งเตือนตลอดเวลาการใช้ห้อง

สรุปเกี่ยวกับ Smoke Detector
การใช้ smoke detector เพื่อเป็นเครื่องตรวจจับควันมีการใช้งานแตกต่างกัน ควรเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม สำหรับการดูแลรักษาเครื่อง ทำการปัดฝุ่นเพื่อรักษาสภาพเครื่องให้พร้อมใช้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินอยู่เสมอ

309
แฮชแท็ก คืออะไรทำไมต้องใช้

หลายๆคนคงยังไม่รู้ว่า Hashtag หรือ แฮชแท็ก คืออะไร แต่นักการตลาดนั้นมักจะทราบกันดีว่าแฮชแท็กนั้น สำคัญต่อการใช้ในทางการตลาด แผนการตลาด เช่น การโปรโมทแบรนด์ต่างๆ ซึ่งใช้ได้ดีและได้ผลดีมากๆ นอกจากนี้การใช้แฮชแท็กนั้นเริ่มมีอิทธิพลอย่างมากในยุคปัจจุบันอีกด้วย

แฮชแท็ก (Hashtag) คืออะไร

Hashtag หรือแฮชแท็ก คือ จำพวกคำหรือเป็นวลีที่มักขึ้นต้นด้วย # โดยแฮชแท็กมักใช้บนโซเชียลมีเดียต่างๆ มีส่วนช่วยให้ผู้ที่สนใจในหัวข้อนั้นๆเจอโพสบนโซเชียลมีเดียของผู้โพสได้ง่ายขึ้น เมื่อทำการค้นหาแฮชแท็ก นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ผู้ที่ไม่ได้ติดตามโซเชียลมีเดียของผู้โพส สามารถค้นหาเนื้อหาของผู้โพสได้ด้วยนั่นเอง

หลายๆคนนั้นอาจยังสงสัยว่าแฮชแท็กเขียนยังไง โดยแฮชแท็กจะมีการเขียน #Hashtag แบบนี้ โดยคำหลัง # ก็คือคำที่เราต้องการใช้นั่นเอง

แฮชแท็กมีประโยชน์อย่างไร

การใช้แฮชแท็กนั้นมีประโยชน์หลายอย่าง เช่น

1.เพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ติดตาม (Followers)
การใช้ แฮชแท็ก (hashtag) จะมีส่วนช่วยในการเพิ่ม Reach และ Engagement ไม่ว่าจะเป็นการ กดไลค์ การคอมเมนต์ หรือกระทั่งการแชร์ของผู้ที่ติดตามเรา หรือการขายของออนไลน์นั้นการใช้แฮชแท็กก็ยังสามารถช่วยแบ่งประเภทสินค้าของเรา เพื่อให้ลูกค้าหาได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

2.ช่วยในการสร้างแบรนด์
แน่นอนว่าในยุคปัจจุบันไม่แบรนด์ต่างๆไม่น้อยเลยที่ใช้ แฮชแท็ก ในการโปรโมทสินค้าหรือธุรกิจของตัวเองในทางการตลาด ยิ่งในช่วงเวลานี้ที่มี Covid 19 ระบาดทำให้การขายของออนไลน์ยิ่งมีอิทธิพลขึ้น โดยที่ผ่านมามีร้าน Burger King นั้นสร้างแคมเปญช่วยเหลือร้านขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจาก Covid 19

โดยให้ร้านต่างๆที่ได้รับผลกระทบนั้น แชร์เมนู Signature ของตัวเองพร้อมกับใช้ แฮชแท็ก #WhopperAndFriend จากนั้นทางร้าน Burger King จะทำการรีโพสดังกล่าวให้ใน Instagram ของร้านเพื่อช่วยเหลือร้านต่างๆ ซึ่งเป็นที่น่าชื่นชมอย่างมากในโลกโซเชียล

3.แสดงการสนับสนุนสำหรับประเด็นทางสังคม
การใช้แฮชแท็กเชื่อมโยงประเด็นต่างๆที่อาจจะเป็นไวรัลอยู่ นอกเหนือจากแบรนด์ของตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่อาจจะทำให้ผู้คนเข้ามาเจอโพสของคุณได้เหมือนกัน

4.เพิ่มบริบทให้กับโพสต์
บางแพลตฟอร์ม เช่น Twitter นั้นสามารถใส่คำได้เพียง 280 คำเท่านั้นหรืออาจเป็น Instragram ก็ไม่ควรเขียนยาวเกินไป ดังนั้นการใช้ แฮชแท็ก (Hashtag) จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ที่จะสื่อออกไปได้ว่าเรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรโดยไม่ต้องเขียนเรียงความให้ยาวเหยียด

5.ทำให้กลุ่มเป้าหมายค้นหาคุณเจอ
การใช้ Hashtag กับ kw in content จะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายเจอเราง่ายขึ้น เช่น นาย ธันวา ต้องการซื้อ เคส iPad นาย ธันวา จึงเข้าไปค้นหาในโซเชียลมีเดียต่างๆ เช่น #เคสiPad นาย ธันวา ก็จะเจอโพสต่างๆมากมายที่ใช้ #เคสiPad

กฎการติดแฮชแท็ก

1.การใช้ แฮชแท็ก (hashtag) จะต้องใช้คำสั้นๆ ง่ายๆต่อการจดจำ
2.ไม่ควรใช้ แฮชแท็ก (hashtag) มากเกินไป อาจถูกมองว่าเป็นสแปมได้
3.หากใช้ แฮชแท็ก (hashtag) เป็นคำเฉพาะเกินไป อาจทำให้ผู้คนค้นหาไม่เจอ
4.การใช้ แฮชแท็ก (hashtag) จะไม่สามารถเว้นวรรคได้ เช่น #เคส โทรศัพท์ จะใช้ไม่ได้ จะต้องเป็น #เคสโทรศัพท์ คำจะต้องติดกันเท่านั้น
5.แฮชแท็ก (hashtag) จะไม่สามารถใส่สัญลักษณ์เข้าไปในคำได้
6.หากต้องการให้ผู้คนค้นหาเจอผ่าน แฮชแท็ก (hashtag)  จะต้องตั้งโพสให้เป็น Public เสมอ

5 เคล็บลับการเลือกแฮชแท็กที่ถูกต้อง

1. เรียนรู้จากผู้มีอิทธิพล

คุณอาจลองสำรวจดูแบรนด์ดังๆที่มีอิทธิพลในทางการตลาด เพื่อสำรวจดูว่า แฮชแท็กไหนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณ และลองใช้แฮชแท็กเหล่านั้นดู

2. ใช้เครื่องมือโซเชียลเพื่อวัดผล

ในโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่นั้นจะมีเครื่องมือเกี่ยวกับการใช้ แฮชแท็ก ต่างๆให้ได้ลองใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโพสได้ ตัวอย่างเช่น โซเชียลมีเดีย Twitter จะมีฟีเจอร์ที่สามารถตรวจสอบดูได้ว่า แฮชแท็ก ไหนที่กำลังได้รับความนิยมในตอนนี้ หากคุณเห็น แฮชแท็ก ที่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ของคุณก็อาจนำมาใช้ได้เช่นกัน

3. ใช้ตัวรวบรวมแฮชแท็กและเครื่องมือวิเคราะห์

ก่อนจะเริ่มใช้เครื่องมือวิเคราะห์นั้น คุณอาจจะต้องวิจัยเพื่อค้นหา แฮชแท็ก (hashtag) ที่เหมาะสมกับแบรนด์ของคุณก่อน หากลองวิจัยแล้วไม่ได้ผลค่อยลองใช้เครื่องมือต่างๆ

4. ลองใช้ Hashtag ที่ไม่ซ้ำกับใคร

คุณอาจลองใช้วิธีการสร้าง แฮชแท็ก ที่ดูน่าสนใจกับแบรนด์ของคุณ ให้มีความแปลกใหม่ ไม่ซ้ำกับใคร ติดแฮชแท็กที่เป็นเฉพาะตัวของคุณเอง เลือกสโลแกนที่ติดหู และถูกใจต่อกลุ่มเป้าหมายของคุณ

5. ใช้ Hashtag ที่มีความชัดเจน เข้าใจง่าย

ควรมีการใช้ แฮชแท็ก ที่ชัดเจน สื่อได้ตรงความหมาย ตรงกับแบรนด์หรือแคมเปญของคุณ ไม่ควรใช้คำที่มีความคลุมเครือ เข้าใจยากอาจทำให้ผู้คนค้นหาไม่เจอได้

เพิ่มการเข้าถึงแบบ Organic Reach จากแฮชแท็กอย่างไรดี

การใช้ แฮชแท็ก (hashtag) จะทำให้ผู้คนที่ค้นหาผ่านแฮชแท็กจะสามารถหาโพสของคุณได้ ตัวอย่างเช่น คุณอาจลองใช้ #ซื้อคอมพิวเตอร์ กลุ่มคนที่กำลังหาซื้อคอมพิวเตอร์ก็อาจเจอโพสของคุณได้ ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือการใช้ แฮชแท็ก ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ หรืออาจเพิ่มแฮชแท็กที่นิยมในอุตสาหกรรมของคุณเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ด้วยเช่นกัน

การติดแฮชแท็กในแต่ละช่องทาง

เคล็ดลับง่ายๆสำหรับการใช้ แฮชแท็ก บนโซเชียลมีเดียต่างๆ

Twitter hashtags

Twitter hashtag

เพื่อนๆสามารถใช้ แฮชแท็ก ได้ทุกที่ในทวีตของเพื่อนๆได้เลย ซึ่งการใช้ แฮชแท็กในช่วงแรกเพื่อเน้นย้ำ และใช้ตอนสุดท้ายสำหรับบริบท หรืออาจเป็นช่วงกลางของโพสเพื่อเน้นคำหลัก

Instagram hashtags

Instagram Hashtag

ใน Instagram ทุกคนสามารถใส่เจ้า แฮชแท็กลงไปในโพสได้ ซึ่งได้ผลดีอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถใส่แฮชแท็กในส่วนช่องความคิดเห็นร่วมกับคนอื่นๆที่ติดตามคุณด้วยได้เช่นกัน

Facebook hashtags

Facebook Hashtag


ทุกคนสามารถใส่ แฮชแท็ก (hashtag) ในส่วนใดก็ได้บน Facebook ไม่ว่าจะเป็นโพสของคุณหรือช่องทางแสดงความคิดเห็น โดย แฮชแท็ก ยังมีประโยชน์มากอีกด้วยในการจัดกลุ่มเนื้อหาของ Facebook

YouTube hashtags

Youtube Hashtag

Youtube สามารถเพิ่ม hashtag เข้าไปในชื่อชื่อวิดีโอได้ หรืออาจเป็นตรงส่วนคำอธิบาย หากคลิกที่ แฮชแท็ก จะสามารถเข้าไปดูฟีดวิดีโออื่นๆที่มี แฮชแท็ก นี้หรือใกล้เคียงได้ แต่ต้องจำไว้ด้วยว่า Youtube จะไม่สามารถใช้ได้เกิน 15 แฮชแท็ก หากใช้เกิน Youtube จะเพิกเฉยต่อแฮชแท็กทั้งหมด

LinkedIn hashtags

LinkedIn Hashtag


LinkedIn สามารถใช้ แฮชแท็ก ตรงส่วนใดก็ได้ในโพสของคุณ

Pinterest hashtags

Pinterest Hashtag


แฮชแท็ก จะสามารถช่วยเพิ่มเนื้อหาใน Pinterest ของคุณได้หากใช้อย่างถูกต้อง หากใช้ในทางธุรกิจให้ใส่ แฮชแท็ก Pinterest

Tiktok hashtags

Tiktok Hashtag


แฮชแท็ก บน Tiktok สามารถพบได้ในคำอธิบายวิดีโอหรือหน้า Discover และในหน้านี้คุณสามารถดู แฮชแท็ก ที่กำลังมาแรงได้

ตัวอย่างการใช้แฮชแท็กในโซเชียล

การใช้ แฮชแท็ก

ตัวอย่างการใช้ แฮชแท็ก บน Facebook Page

ข้อสรุปของแฮชแท็ก (Hashtag)

อ่านมาถึงตรงนี้เพื่อนๆก็คงจะเข้าใจความหมาย หลักการใช้งานของเจ้า แฮชแท็ก (hashtag) กันแล้วใช่ไหมครับ แน่นอนว่าการใช้เจ้า แฮชแท็ก นั้นก็ต้องใช้อย่างถูกต้องด้วยจึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด ใช้ให้ตรงกับสิ่งที่เราต้องการสื่อหรือแบรนด์ของเรา

เพื่อให้ค้นหาโพสได้ง่าย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยผลักดันธุรกิจของเพื่อนๆให้ปังขึ้นได้อย่างน่าเหลือเชื่อ สุดท้ายนี้หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับความรู้ไม่มากก็น้อย และขอให้ทุกคนสนุกกับการใช้งานเจ้า แฮชแท็ก ครับ


310
ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไหนดี

สาวๆ หลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกับการทานยาคุมเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ แต่รู้หรือไม่ว่ายาคุมสามารถช่วยในด้านอื่นๆ นอกจากเรื่องของการตั้งครรภ์ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยรักษาสิว ปรับฮอร์โมนให้ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ และยังมีส่วนทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นด้วย แต่ยี่ห้อและประเภทของยาคุมก็มีหลากหลาย แล้วจะเลือกอย่างไรให้ปลอดภัย เลือกยาคุมยี่ห้อไหนดีถึงจะตรงกับจุดประสงค์ในการใช้มากที่สุด เรามาดูกันค่ะ

ยาคุมกำเนิด (Birth Control Pills)

ยาคุมกำเนิด ออกฤทธิ์อย่างไร

ยาคุมกำเนิด คือยาที่บรรจุไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งยาคุมแต่ละชนิด จะมีฤทธิ์ในการทำงานที่แตกต่างกันไป ยาคุมแต่ละยี่ห้อก็จะบรรจุปริมาณฮอร์โมนที่ไม่เท่ากัน ส่งผลให้สาวๆ หลายคนสงสัยว่า แล้วเราควรเลือกยาคุมยี่ห้อไหนดี

กลไกการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิด

ฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน จะทำให้มูกบริเวณปากมดลูกหนาขึ้น สเปิร์มจึงเข้าไปผสมกับไข่ได้ยากขึ้น และยังป้องกันการตกไข่ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง ตัวอ่อนจึงไม่สามารถฝังตัวได้

ยาคุมกำเนิดมีกี่ประเภท

ยาคุมกำเนิดมีทั้งหมด 3 ประเภท ดังนี้

  • ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนเดี่ยว บรรจุเฉพาะฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนเท่านั้น
  • ยาคุมกำเนิดแบบฮอร์โมนรวม บรรจุฮอร์โมน 2 ชนิด ได้แก่ฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนสังเคราะห์ เป็นชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
  • ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน บรรจุยา ลีโวนอร์เจสเตรล เป็นยาในกลุ่มโพรเจสติน ไม่ควรทานบ่อย ควรทานเฉพาะเวลาฉุกเฉินเท่านั้น เพราะอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ค่อนข้างรุนแรง
เลือกยาคุมกำเนิดอย่างไรให้เหมาะกับตัวเอง

วิธีเลือกยาคุมกำเนิดให้เหมาะกับตัวเรา

ก่อนตัดสินใจเลือกทานยาคุม ควรลองพิจารณาสภาพร่างกายของเราก่อนว่าเป็นแบบไหน ทั้งอายุ โรคประจำตัว การตั้งครรภ์ หรือรูปแบบการมาของรอบเดือน เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อยาคุม เพราะยาคุมแต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อ จะทำมารองรับสภาพร่างกายที่ไม่เหมือนกัน หลังจากพิจารณาได้แล้ว การตัดสินใจเลือกยาคุมยี่ห้อไหนดีจะทำได้ง่ายขึ้น

1. ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาปกติ

สามารถเลือกใช้ยาคุมชนิดรวมเพราะมีทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสติน แต่ควรเลือกแบบที่มีปริมาณต่ำ เช่น Ethinyl estradiol ไม่เกิน 0.020 มก. และ Desogestrel ไม่เกิน 0.15 มก.

2. ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่ประจำเดือนมามาก

ผู้ที่ประจำเดือนมามากกว่า 7 วัน และรอบเดือนสั้นกว่า 28 วัน อีกทั้งยังมีรูปร่างท้วม ควรเลือกทานยาคุมแบบฮอร์โมนชนิดรวมที่มีเอสโตรเจนต่ำ เช่น Ethinyl estradiol ไม่เกิน 0.020 มก. และมีโปรเจสตินที่ออกฤทธิ์ต่อต้านเอสโตรเจน

3. ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาน้อย

ผู้ที่ประจำเดือนมาน้อยกว่า 4 วัน และมีรูปทรงทางร่างกายค่อนข้างไปทางผู้ชาย สามารถเลือกทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม Cyproterone acetate เพราะจะช่วยลดแอนโดรเจน อีกทั้งฮอร์โมนเอสโตรเจนในตัวยา จะช่วยลดปัญหาหน้ามัน ทำให้สิวลดลง และมีส่วนช่วยให้หน้าอกใหญ่ขึ้น

4. ยาคุมกำเนิดสำหรับผู้ที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ

ผู้ที่ประจำเดือนมาน้อย หรือนานๆ มาครั้งหนึ่ง สามารถใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม Cyproterone acetate เพราะจะช่วยลดแอนโดรเจน หรือฮอร์โมนเพศชาย และปรับให้ฮอร์โมนสมดุลขึ้น

ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไหนดี

หลังจากดูรายละเอียดว่ายาคุมมีกี่ประเภท มีหลักการในการเลือกยาคุมอย่างไรแล้ว เรามาดูกันค่ะว่า แล้วเราควรจะเลือกยาคุมยี่ห้อไหนดี ถึงจะตรงกับความต้องการของเรามากที่สุด

รีวิว 10 ยาคุมยี่ห้อไหนดี ฉบับปี 2565

แนะนำ 10 ยี่ห้อยาคุมสำหรับสาวๆ ให้ทุกคนได้เลือกตามความเหมาะสมของร่างกาย แต่ละยี่ห้อเป็นยาคุมประเภทไหน มีกี่เม็ด บรรจุไปด้วยฮอร์โมนอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่

1. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อซูซี่ (Sucee)

ยาคุมซูซี่

  • ชนิดฮอร์โมนรวม Cyproterone acetate 2 มก. และ Ethinyl estradiol 0.035 มก.
  • มีทั้งแบบ 21 เม็ดและ 28 เม็ด
  • ช่วยลดสิวและทำให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้น
  • ราคา 100 – 130 บาท
2. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อยาซ (Yaz)

ยาคุม Yaz

  • บรรจุ Drospirenone 3 มก. และ Ethinyl estradiol 0.02 มก.
  • มี 28 เม็ด
  • ช่วยลดการบวมน้ำ ลดอาการปวดประจำเดือน และรักษาสิว
  • ราคา 499 บาท
3. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อเฮอรซ์ (Herz)

ยาคุม Herz

  • บรรจุ Drospirenone 3 มก. และ Ethinyl estradiol 0.02 มก.
  • มี 28 เม็ด
  • ช่วยลดอาการก่อนมีประจำเดือน
  • ราคา 290 – 330 บาท
4. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อไดแอน (Diane)

ยาคุม Diane

  • บรรจุ Cyproterone acetate
  • มี 21 เม็ด
  • ช่วยลดการเกิดสิวและผิวมัน
  • ราคา 215 บาท
5. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อมาร์วีลอน (Marvelon)

ยาคุม Marvelon

  • บรรจุ Drospirenone 0.15 มก. และ Ethinyl estradiol 0.03 มก.
  • มี 21 เม็ด
  • ช่วยลดการเกิดสิวและผิวมัน
  • ราคา 100 – 130 บาท
6. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อยาสมิน (Yasmin)

ยาคุม Yasmin

  • บรรจุ Drospirenone 3 มก. และ Ethinyl estradiol 0.03 มก.
  • มี 21 เม็ด
  • ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือน ลดการเกิดสิวและผิวมัน
  • ราคา 399 บาท
7. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อมินนี่ (Minny)

ยาคุม Minny

  • บรรจุ Desogestrel 0.15 มก. และ Ethinyl Estradiol 0.02 มก.
  • มี 21 เม็ด
  • ช่วยรักษาสิว หน้ามัน
  • ราคา 185 บาท
8. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อริต้า (Rita)

ยาคุม Rita

  • บรรจุ Desogestrel 0.15 มก. และ Ethinyl Estradiol 0.03 มก.
  • มีทั้งแบบ 21 และ 28 เม็ด
  • ช่วยรักษาสิว หน้ามัน
  • ราคา 80 – 90 บาท
9. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อเมโลเดีย (Melodia)

ยาคุม Melodia

  • บรรจุ Desogestrel 3 มก. และ Ethinyl Estradiol 0.03 มก.
  • มี 21 เม็ด
  • ช่วยลดปัญหาสิว หน้ามัน มีฤทธิ์ขับปัสสาวะแบบอ่อน
  • ราคา 280 – 310 บาท
10. ยาคุมกำเนิดยี่ห้อเมอซิลอน (Mercilon)

ยาคุม Mercilon

  • บรรจุ Desogestrel 0.15 มก. และ Ethinyl Estradiol 0.02 มก.
  • มีทั้งแบบ 21 และ 28 เม็ด
  • ช่วยลดปัญหาสิว หน้ามัน
  • ราคา 160 – 180 บาท
ข้อควรระวังก่อนใช้ยาคุมกำเนิด

ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือตั้งครรภ์ อาจสงสัยว่าแล้วเราควรทานยาคุมยี่ห้อไหนดีถึงจะปลอดภัย ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาคุมกำเนิดทุกชนิด เพราะอาจส่งผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อร่างกายได้

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาคุมกำเนิด

  • อาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ปวดหัว มักจะเกิดกับคนที่อายุ 35 ปีขึ้นไป หรือบุคคลที่สูบบุหรี่
  • อาการเจ็บ คัดเต้านม อาจพบในช่วงแรกของการใช้ยา และหายไปเมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอ
  • อาจมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น สิวขึ้น ผมร่วง บางรายอาจพบในระยะแรก และหายไปในระยะต่อมา
  • อาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอยเป็นบางครั้ง พบได้ในระยะแรก หรือในผู้ที่ไม่ทานยาอย่างสม่ำเสมอ
  • เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน อาจส่งผลให้เกิดโรคหัวใจได้
คำแนะนำหากต้องการเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิด

สาวๆ หลายคนอาจต้องการเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิดที่ใช้อยู่ และอาจสงสัยว่า แล้วควรเปลี่ยนเป็นยาคุมยี่ห้อไหนดี เพราะฉะนั้นแล้ว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการตัดสินใจเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิด เพื่อพิจารณาสภาพร่างกายตามแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นวิธีการเปลี่ยนยี่ห้อยาคุมกำเนิด คือทานยาต่อทันทีแบบไม่ต้องเว้นช่วงเวลาในการเปลี่ยน เพื่อให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายคงที่ มิเช่นนั้นอาจเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้

บางคนอาจเว้นระยะเวลา 1 เดือนก่อนเปลี่ยนยี่ห้อยาคุม ช่วงระยะเวลานี้จึงควรป้องกันเป็นพิเศษหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ เพราะมีโอกาสเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้

ประโยชน์อื่นๆ ของยาคุมกำเนิด

ยาคุมกำเนิด มีประโยชน์อย่างไร

นอกจากการใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์แล้ว ยาคุมยังมีประโยชน์ทางด้านอื่นๆ เช่น

  • ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน
  • ช่วยปรับฮอร์โมนให้รอบเดือนมาสม่ำเสมอมากขึ้น
  • ช่วยรักษาสิว ทำให้หน้ามันน้อยลง
  • ป้องกันมะเร็งในเยื่อบุโพรงมดลูก
ข้อสรุป

ยาคุมกำเนิดสามารถใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นนอกจากการคุมกำเนิด และมีหลากหลายยี่ห้อ ส่งผลให้สาวๆ หลายคนสงสัยว่าแล้วเราควรเลือกอย่างไร ทานยาคุมยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อจะบรรจุปริมาณฮอร์โมนและชนิดของฮอร์โมนต่างกัน จึงควรพิจารณาการเลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ปัจจุบันมีการใช้ยาคุมเพื่อรักษาสิวหรือในกรณีอื่นๆ มากขึ้น หลายๆ คนอาจจะอยากดูว่ายาคุมตัวไหนกินแล้วไม่อ้วน ผิวสวย แต่ด้วยความที่เป็นยาค่อนข้างเฉพาะทาง อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงและอาการที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวและผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ จึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ก่อนใช้ทุกครั้ง

311
หากคุณเป็นคนที่สนใจเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรี และกำลังศึกษาหาข้อมูลทางเลือกสนใจเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกา การหาข้อมูลด้วยตัวเองคงเป็นเรื่องที่ยากและใช้เวลาในการค้นคว้านานพอสมควร และหากท่านกำลังฝึกสกิลต่างๆที่จะเรียนต่อ ก็ควรหาตัวแทนหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อที่อเมริกาปริญญาตรี เพื่อความคล่องตัวในการใช้ชีวิตประจำวันที่อเมริกา

รูปภาพของหมาวิทยาลัยเคมบริจท์สำหรับผู้ต้องการเรียนต่ออเมริกาปริญญาตรี

ค่าใช้จ่ายในการเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรี

การคำนวณค่าใช้จ่ายในการเรียนต่ออเมริกาปริญญาตรีจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละรัฐของอเมริกา เนื่องจากค่าอาหาร ค่าที่พัก ค่าประกันของแต่ละรัฐจะแตกต่างกันออกไป รวมไปถึงค่าหนังสือและค่าอุปกรณ์การเรียนจะขึ้นอยู่แต่ละสถาบัน โดยทั่วไปค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ประมาณ $20,000 – $60,000 USD+ ต่อปี

จะไปอเมริกา ปริญญาตรี ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง

การเรียนต่ออเมริกาปริญญาตรีจำเป็นต้องมีการทดสอบวัดระดับภาษาอังกฤษรวมไปถึงการสอบที่วัดระดับความถนัดในวิชาเลข และภาษาอังกฤษในการอ่านและเขียนอีกด้วย ซึ่งการเรียนต่ออเมริกาปริญญาตรีจำเป็นต้องมีเอกสารสำคัญในการยื่นแต่ละสถาบันจะมีดังนี้ ผลการสอบ SAT ผลการสอบ TOEFL/IELTS การเขียน Statement of Purpose ใบแสดงผลการเรียน (Transcript) ระดับชั้นมัธยมปลาย

ข้อดีของการไปเรียนต่ออเมริกา สำหรับปริญญาตรี

ในการเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรีมีข้อดีที่หลากหลายเนื่องจากความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติในอเมริกาทำให้ท่านได้ฝึกสกิลต่างๆอย่างเช่นภาษา วัฒนธรรม รวมไปถึงระดับการรับรู้ของผู้คนทั่วโลกที่มีต่อผู้เรียนต่ออเมริกาปริญญาตรีสูงอยู่แล้วจึงทำให้ท่านจะได้งานที่ดี และความหลากหลายทางด้านงานต่างๆที่อเมริกาทำให้ท่านมีอนาคตที่สดใส โดยเราจะลิสข้อดีเพิ่มเติมของการเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรีเป็นข้อๆได้ดังนี้

1.ความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรม

สภาพแวดล้อมของการเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรีที่หลากหลายร่วมกับวัฒนธรรมที่หลากหลายซึ่งจะช่วยให้มีผลทางการศึกษาที่แตกต่างกัน ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การเรียนของคุณให้ดียิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้มหาวิทยาลัยที่อเมริกาจึงสนับสนุนให้ผู้สมัครจากต่างประเทศสมัครเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับชุมชน

2.การยอมรับระดับโลก

ไม่แปลกใจเลยสำหรับใครก็ตามที่ชื่อเสียงและมีความเป็นเลิศทางวิชาการที่ได้ศึกษาต่อที่อเมริกานั้นไม่มีใครเทียบได้ เนื่องจากวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาผู้จัดอันดับอยู่ในอันดับสูงที่สุดในโลก ผู้เรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรีจึงได้รับการยอมรับจากผู้คนทั่วโลก

3.ความยืดหยุ่นในการเรียน

เนื่องจากสถาบันต่างๆของอเมริกามีความหลากหลายทางด้านสาขาวิชาต่างๆ ทำให้ผู้ที่ต้องการเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรีมีทางเลือกที่หลากหลายในการเรียนสาขาวิชาที่ตนเองต้องการได้ และเป็นที่ยอมรับของผู้คนทั่วโลก

4.ประสบการณ์มากขึ้น

ประสบการณ์ในการเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรีโดยรวมได้รับการอธิบายว่าเป็นการเรียบแบบโต้ตอบและใช้งานได้จริง เนื่องจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ดึงดูดนักศึกษาที่ดีที่สุดจากทั่วโลกมายังวิทยาเขตของตน การสร้างเครือข่ายและการพบปะบุคคลที่มีชื่อเสียงถือเป็นประสบการณ์ทั่วไปของนักศึกษา การเรียนรู้เกี่ยวข้องกันของผู้เรียนที่มีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้นช่วยสร้างคอนเนคชั่นในกับนักศึกษาและเพิ่มประสบการณ์ของผู้เรียนได้อย่างมาก

5. ความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ

เนื่องจากมาตรฐานในการเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรีนั้นสูง จึงทำให้มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ หลายแห่งจึงดึงดูดนักวิชาการที่เก่งที่สุดและฉลาดที่สุดจากทั่วโลกทุกปี คุณจะมีโอกาสพบปะและโต้ตอบกับนักวิจัยชั้นแนวหน้าที่ได้รับความรู้และประสบการณ์ภาคสนามในเชิงลึก สิ่งนี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงความรู้และการติดต่อที่กว้าง

หลักสูตรการเรียนปริญญาตรี ที่อเมริกา มีอะไรบ้าง

เรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรีมีหลักสูตรในการศึกษาที่แตกต่างกันออกไปไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยรัฐ มหาวิทยาลัยเอกชนหรือสถาบันที่รองรับนักศึกษาท้องถิ่นโดยสถาบันต่างๆ จะมีความแตกต่างกันออกไปอย่างเช่นค่าใช้จ่าย การจัดได้ทุนต่างๆของวิทยาลัยให้กับผู้เรียนอเมริกา ปริญญาตรี

Public University

มหาวิทยาลัยรัฐที่มีงบประมาณมาจากภาษีของประชาชนและรัฐบาลเป็นหลัก มักจะเป็นสถานศึกษาขนาดใหญ่ มีจำนวนนักศึกษาต่อชั้นเรียนไม่ต่ำกว่า 200 คน โดยมามหาวิทยาลัยเรียนต่ออเมริกาปริญญาตรีประจำรัฐใหญ่ๆเช่น University of Texas, University of California, Berkeley, University of Utah เป็นต้น

Private University

มหาวิทยาลัยเอกชน งบประมาณมาจากค่าเทอมและค่าธรรมของผู้เรียน โดยทั่วไปแล้วจะมีขนาดที่เล็กกว่าและจำนวนนักศึกษาต่อชั้นเรียนที่น้อยกว่า Public University ตัวอย่างมหาวิทยาลัยเอกชนเรียนต่ออเมริกาปริญญาตรี เช่น Princeton University, Cornell University และ Stanford University เป็นต้น

Community College

เป็นสถาบันที่รองรับนักศึกษาท้องถิ่นหรือวิทยาลัยชุมชน โดยรองรับนักศึกษาท้องถิ่นและนักศึกษานานาชาติในการเข้าเรียนต่อปริญญาตรีอเมริกา มีการเรียนเป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งผู้เรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรีสามารถโอนหน่วยกิตให้มหาวิทยาลัยอื่นๆที่เป็นพาร์ทเนอร์กับทาง Community College และเรียนต่ออีกเป็นระยะเวลา 2 ปี  จึงจะได้วุฒิปริญญาตรี

Undergraduate University Pathway

หลักสูตรนี้เป็นการเรียนปรับพื้นฐานสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มีผลการเรียน หรือผลทดสอบภาษาอังกฤษไม่ถึงตามเกณฑ์สำหรับผู้ต้องการเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรีในหลักสูตรปกติ โดยหลักสูตรนี้จะเป็นการเรียนปี 1 ซึ่งจะมีนักศึกษาต่างชาติรวมอยู่ด้วยมีการสอนภาษาอังกฤษ และหลักสูตรการนำเสนอแบบวิชาการในกับนักศึกษาเรียนต่ออเมริกา ปริญญาตรี


312
ยาคุม sucee ช่วยเรื่องสิวได้ไหม
ถ้าพูดถึงเรื่องของยาคุมกำเนิดกันแล้ว หลายคนคงสงสัยว่า ถ้าจะทานยาคุมกำเนิด ควรเลือกยาคุมกำเนิดยี่ห้อไหนดี แล้วยาคุมกำเนิดมีกี่แบบ แต่ละแบบต่างกันอย่างไรบ้าง ควรเลือกทานแบบไหน หรือยี่ห้อไหนถึงจะเหมาะกับตัวเรา แล้ววิธีการทานเป็นอย่างไร วันนี้เรามี ยาคุมซูซี่ หรืออีกชื่อคือ ยาคุม Sucee มาแนะนำ เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการทานยาคุมกำเนิดค่ะ

รู้จักยาคุมกำเนิด
ก่อนจะพูดถึงรายละเอียดของยาคุมซูซี่ เรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับรายละเอียดของยาคุมกำเนิดกันซักเล็กน้อยนะคะ เบื้องต้นแล้ว ปกติสาวๆ ก็จะทานยาคุมกำเนิดเมื่อต้องการป้องกันการตั้งครรภ์ เพราะยาคุมกำเนิดประกอบไปด้วยฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งได้แก่ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ช่วยยับยั้งกระบวนการตกไข่ของผู้หญิง ส่งผลให้ผนังมดลูกบาง ทำให้ไข่ไม่สามารถฝังตัวที่ผนังมดลูกได้ และยาคุมกำเนิด ยังสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท แต่ละประเภทจะบรรจุปริมาณของฮอร์โมนแตกต่างกันไป

ยาคุมกำเนิดมีกี่ประเภท
ยาคุมกำเนิด จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
  • ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestogen – only pills – POP) ประกอบไปด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ช่วยคุมกำเนิดได้ แต่ประสิทธิภาพจะไม่เทียบเท่ากับชนิดฮอร์โมนรวม
  • ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive – COC) เป็นชนิดที่นิยมมากที่สุด ประกอบไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้หากทานอย่างถูกวิธี
  • ยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน (Emergency Contraception pill) ใช้ทานเฉพาะช่วงฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ถุงยางรั่ว อาจส่งผลค้างเคียงต่อร่างกาย เช่น ปวดท้อง มีไข้ ปวดศีรษะ รอบประจำเดือนเปลี่ยนแปลง หรือปวดท้องประจำเดือนมากขึ้น จึงไม่ควรรับประทานเป็นประจำ

ยาคุมกำเนิดซูซี่ (Sucee)
ยาคุมซูซี่ เป็นยาคุมชนิดไหน
ยาคุมกำเนิด Sucee เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ประเภทฮอร์โมนต่ำ (Low dose pills) ประกอบไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน Ethinyl Estradiol 0.035 มิลลิกรัม และฮอร์โมนโปรเจสติน Cyproterone acetate 2 มิลลิกรัม ซึ่งจะลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงต่างๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มากกว่ายาประเภทฮอร์โมนสูง (High dose pills) อีกทั้งฮอร์โมนโปรเจสตินยังออกฤทธิ์ในการต้านฮอร์โมนแอนโดรเจน ส่งผลให้หน้ามันน้อยลง และสิวขึ้นน้อยลง

ยาคุมซูซี่มีกี่ชนิด
ยาคุมซูซี่ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้

ยาคุมซูซี่ 21 เม็ด

ยาคุมซูซี่ 21 เม็ด

ยาคุมแบบมีจำนวน 21 เม็ดใน 1 แผง บรรจุฮอร์โมนรวมครบในทุกๆ เม็ด

ยาคุมซูซี่ 28 เม็ด

ยาคุมซูซี่ 28 เม็ด

ยาคุมแบบมีจำนวน 28 เม็ดใน 1 แผง บรรจุฮอร์โมนรวม 21 เม็ด และอีก 7 เม็ดที่เหลือจะเป็นเม็ดยาหลอก หรือเม็ดแป้งเคลือบน้ำตาล ไม่มีฮอร์โมน ทำมาเพื่อให้ผู้ทานไม่ลืมต่อแผงใหม่ตามกำหนด

สรรพคุณของยาคุมซูซี่ ช่วยอะไรบ้าง
ฮอร์โมนโปรเจสติน จะช่วยลดสิว ทำให้หน้ามันน้อยลง ขนดกน้อยลง เพราะออกฤทธิ์ในการยับยั้งฮอร์โมนเพศชาย และฮอร์โมนเอสโตรเจนจะยับยั้งการตกไข่ จึงช่วยคุมกำเนิดได้

ยาคุมซูซี่ กินแล้วอ้วนไหม

ยาคุมซูซี่ทำให้อ้วนไหม

ฮอร์โมนโปรเจสตินในตัวยา ไม่มีฤทธิ์ในการลดการบวมน้ำ จึงอาจส่งผลให้อ้วนขึ้นได้

ยาคุมซูซี่กับการรักษาสิว

ยาคุมซูซี่ช่วยลดสิว

ฮอร์โมนรวมในยาคุมซูซี่ สามารถช่วยรักษาสิวได้ เพราะตัวยาจะทำการลดระดับฮอร์โมนเพศชายแอนโดรเจนลง ทำให้หน้ามันน้อยลงเพราะการผลิตไขมันซีบัม (Sebum) จากต่อมไขมันใต้ผิวหนังลดลง แต่ไม่ได้ช่วยเรื่องการลดรอยแดงจากสิว ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย

ข้อควรระวังก่อนใช้ยาคุมกำเนิดซูซี่
ข้อควรระวังก่อนใช้ยาคุมกำเนิดซูซี่ มีดังนี้
  • ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ โดยเฉพาะผู้ที่สูบบุหรี่ และผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว โรคหลอดเลือดอุดตัน โรคตับ โรคอ้วน เบาหวาน และความดันโลหิตสูง เพราะจะเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดอุดตันได้
  • หากต้องการใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ นอกจากการคุมกำเนิด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
  • หลังคลอดลูกแล้ว หากไม่ได้ให้นมลูก ควรเริ่มรับประทานยาหลังจากที่คลอดแล้วไม่เกิน 28 วัน เพราะอาจส่งผลให้ลิ่มเลือดอุดตันได้

แนะนำการกินยาคุมซูซี่อย่างถูกวิธี

วิธีกินยาคุมซูซี่

เนื่องจากยาคุมซูซี่มี 2 ชนิด วิธีการกินจึงต่างกัน ซึ่งการกินอย่างถูกวิธี มีดังนี้

วิธีทานยาคุมซูซี่ 21 เม็ด
  • เริ่มทานวันแรกที่มีประจำเดือน
  • ทานตามลูกศรจนครบ 21 เม็ด แล้วหยุดยา 7 วัน
  • เลือดประจำเดือนจะมาช่วงที่หยุดยา หลังจากครบ 7 วันแล้ว ให้ทานแผงใหม่ต่อได้ทันที ถึงแม้ว่าเลือดประจำเดือนจะยังไม่หยุด

วิธีทานยาคุมซูซี่ 28 เม็ด
  • ทานยาที่เวลาเดิมทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 28 วัน
  • ทานตามลูกศร เม็ดแรกคือแถวที่มีหมายเลข1 กำกับ
  • ช่วงที่ทานเม็ดยาขนาดเล็ก เลือดประจำเดือนจะเริ่มมา อาจพบได้ช่วงประมาณ 2 – 3 วันหลังทานเม็ดใหญ่เม็ดสุดท้าย
  • หลังหมดแผงแล้ว สามารถทานแผงใหม่ต่อได้ทันทีถึงแม้ว่าเลือดประจำเดือนจะยังไม่หยุด

ควรทำอย่างไรหากลืมรับประทานยาคุมซูซี่
ในแง่ของการคุมกำเนิด การลืมทานยา 1 เม็ดจะไม่ค่อยส่งผลมากนัก แต่การลืมทานยาตั้งแต่ 2 เม็ดขึ้นไป จะเริ่มส่งผลต่อการตกไข่ อาจต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วย จนกว่าจะทานยาติดต่อกันครบ 7 วัน เพราะจะทำให้วงจรกลับมาสมดุลอีกครั้ง
  • หากลืมทานยา 1 เม็ด ให้ทานยาทันทีที่นึกได้ ถึงแม้จะต้องทานยา 2 เม็ดพร้อมกันในเวลาเดียวกันก็ตาม และทานยาเม็ดต่อไปตามตารางเวลาเดิม แต่ถ้าหากลืมทานยาในสัปดาห์ที่ 3 ให้ทานแผงใหม่ต่อทันทีหลังทานยาครบทั้ง 21 เม็ด สามารถละยาอีก 7 เม็ดที่ไม่บรรจุฮอร์โมนได้ ไม่ต้องรอให้ครบ 28 วันแล้วค่อยทาน เลือดประจำเดือนจะมาหลังทานครบ 2 แผง หรืออาจมากะปริบกะปรอยในระหว่างการทานแผงที่ 2
  • หากลืมทานยา 2 เม็ด ให้ทานยา 2 เม็ดทันทีที่นึกได้ และทานเม็ดต่อๆ ไปในเวลาเดิม

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากยาคุมซูซี่

ผลข้างเคียงจากการทานยาคุมซูซี่

ฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจส่งผลให้เต้านมคัดตึง น้ำนมไหล มีฝ้าขึ้นบนใบหน้า หรือคลื่นไส้อาเจียน ส่วนฮอร์โมนโปรเจสติน อาจส่งผลให้อ้วนขึ้นหรือบวมน้ำได้ เพราะไม่มีฤทธิ์ในการลดการบวมน้ำ

ยาคุมซูซี่ซื้อที่ไหน ราคาเท่าไหร่
ยาคุม Sucee เป็นยาที่ผลิตภายในประเทศ ราคาประมาณแผงละ 100 – 130 บาท สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา อาจมีขายออนไลน์บางร้าน แต่เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ควรเลือกซื้อตามร้านขายยาเพื่อที่จะได้ปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง

ข้อสรุป
ยาคุมซูซี่ สามารถออกฤทธิ์ในการคุมกำเนิดได้ดี เพราะเป็นฮอร์โมนชนิดรวม ซึ่งเป็นชนิดที่มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากที่สุด อีกทั้งยาคุมซูซี่ยังสามารถใช้รักษาสิวได้ แต่อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้เสมอ เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ในบางรายอาจมีผลข้างเคียงที่ค่อนข้างรุนแรง และเป็นอันตราย โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติมีโรคประจำตัว อีกทั้งการทานยาบางชนิดร่วมด้วย อาจส่งผลให้ยาคุมซูซี่มีประสิทธิภาพลดลง

ทั้งนี้ทั้งนั้น การทานยาคุมซูซี่ ควรศึกษาการทานอย่างถูกวิธี และทานติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

313
จัดฟันใสแบบใหม่ ดี-aligner

การจัดฟันเป็นการรักษาทางด้านทันตกรรมเพื่อความงามที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับฟันของเราให้หมดไป ไม่ว่าจะเป็นปัญหาฟันหน้ายื่น ฟันซ้อน ฟันเกต่าง ๆ หรือรูปฟันไม่สวยที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเวลายิ้มจนอาจส่งผลให้บุคลิกภาพไม่ดีได้ การจัดฟันจึงเป็นทางเลือกที่สำคัญเพื่อวางแผนป้องกันและรักษาความผิดปกติรวมถึงลดปัจจัยเสี่ยงมากมายที่อาจจะเกิดปัญหาอื่นในช่องปากตามมา

ซึ่งการจัดฟันในปัจจุบันนี้มีหลายรูปแบบและราคาที่หลากหลายด้วยกัน อย่างการจัดฟันแบบโลหะ (Metal braces) การจัดฟันเซรามิก (Ceremic braces) จัดฟันแบบดามอน (Damon) หรือการจัดฟันแบบใส (Invisalign) ที่มีความสะดวกสบายมากสุดแต่ก็มีราคาที่สูงมากเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการจัดฟันใสแบบ ดี-aligner ที่ต้องการให้คนไข้เข้าถึงการจัดฟันใสได้ง่ายขึ้น ด้วยการรักษาที่พิถีพิถันพร้อมเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เป็นแบรนด์จัดฟันใสรายแรกในไทยที่ออกแบบและผลิตเครื่องมือได้ในคลินิกด้วยราคาที่จับต้องได้แทบไม่ต่างอะไรกับการจัดฟันแบบโลหะ

ดี-aligner คืออะไร

ดี-aligner คืออะไร

D-aligner หรือ ดี-aligner คือทางเลือกใหม่สำหรับการจัดฟันแบบใสที่สะดวกสบาย คนไข้สามารถถอดเครื่องมือจัดฟันออกได้เมื่อทานอาหารหรือแปรงฟัน โดยตัว D ย่อมาจากคำว่า Digital Dentistry ที่หมายถึงทันตกรรมดิจิทัล บ่งบอกถึงขั้นตอนการทำงานของ ดี-aligner ด้วยระบบเทคโนโลยีทันสมัยที่ให้ความแม่นยำในการผลิตเครื่องมือจัดฟันอย่างดีที่สุด พร้อมให้คุณสามารถเข้าถึงการจัดฟันแบบใสนี้ได้ในราคาสบายกระเป๋า

จัดฟัน ดี-aligner ทำงานอย่างไร

การทำงานของการจัดฟันใสแบบ ดี-aligner ขั้นตอนแรกนั้นเริ่มจากการวิเคราะห์วางแผนการรักษาโดยคุณหมอส่วนตัวที่จะดูแลคุณตลอดระยะเวลารักษา จากนั้นขั้นตอนต่อมาจะเป็นการสแกนฟันในแบบ 3 มิติเพื่อเข้าสู่โปรแกรมประมวลผลและออกแบบการเรียงตัวของฟันใหม่ในลักษณะที่ดีและสวยงามเหมาะกับใบหน้ามากขึ้น เมื่อได้รูปทรงที่สมบูรณ์แล้วเครื่องมือจะผลิตที่จัดฟันใสแบบ ดี-aligner ให้โดยที่คุณจะต้องเปลี่ยนใหม่ในทุก ๆ 2-3 อาทิตย์ตามแผนการรักษาจนกว่าจะได้รูปทรงที่ถูกต้อง

ข้อดีของจัดฟัน ดี-aligner

ข้อดีจากการจัดฟันใสแบบ ดี-aligner มีหลักๆ ดังนี้

1. มีเทคโนโลยีที่ดี ประหยัดเวลาในการจัดฟัน

ผู้เข้ารับการรักษาฟันมั่นใจได้ว่าเครื่องมือจัดฟัน ดี-aligner จากทางคลินิกเป็นเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ สามารถผลิตเครื่องมือจัดฟันได้อย่างมีคุณภาพ แม่นยำ และถูกออกแบบอย่างใส่ใจพิถีพิถันส่งตรงถึงมือคุณ

ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ดี-aligner คุณจึงไม่ต้องเข้าพบหมอบ่อยเพราะคุณหมอสามารถติดตามการรักษาผ่านเทคโนโลยีได้เลย ช่วยให้การจัดฟันของคุณง่าย สะดวกสบายและเสร็จได้รวดเร็วทันใจ ไม่ต้องรอนาน

2. คงบุคลิกภาพดูดีได้ตามต้องการ

การจัดฟันใสแบบ ดี-aligner เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ต้องการจัดฟันใส โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องการคงบุคลิกภาพแบบมืออาชีพ ต้องดูดีอยู่เสมอ อยากยิ้มได้อย่างมั่นใจไร้กังวล และไม่สามารถเลือกการจัดฟันแบบที่มองเห็นเครื่องมือจัดฟันได้ การจัดฟันใส ดี-aligner จึงเป็นวิธีที่ตอบโจทย์มากที่สุด

3. ราคาจับต้องได้ไม่แพง

ด้วยต้นทุนการผลิตที่ต่ำเพราะทางคลินิกมีเทคโนโลยีที่สามารถผลิตเครื่องมือจัดฟันได้เองไม่ต้องเสียเวลารอเครื่องมือนำเข้านาน ทำให้การจัดฟันใสแบบ ดี-aligner นั้นอยู่ในหมวดของมีคุณภาพในราคาที่เป็นมิตร เข้าถึงได้ง่าย และไม่แพง

เปรียบเทียบการจัดฟันใส ดี-aligner กับการจัดฟันแบบต่าง ๆ

การจัดฟันมีรูปแบบและราคาที่หลากหลายด้วยกัน มาทำความเข้าใจกันว่าการจัดฟันใส ดี-aligner นั้นต่างจากแบบอื่นอย่างไรบ้าง

เปรียบเทียบการจัดฟันใส ดี-aligner กับแบบอื่น<br />

การจัดฟันแบบดามอน

ในขณะที่การจัดฟันใส ดี-aligner เป็นแบบเครื่องมือครอบ สามารถถอดออกได้เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาด การจัดฟันแบบดามอนเป็นการจัดฟันแบบติดเครื่องมือ ไม่สามารถถอดออกได้ เหมาะกับเคสรักษาที่ยาก ซับซ้อน และอาจต้องใช้อุปกรณ์เสริม แต่การจัดฟันวิธีนี้ยังถือว่านุ่มนวลกว่าการจัดฟันแบบโลหะ แถมยังมีลวดล๊อคแบบสีใสให้เลือกใช้งาน

การจัดฟันแบบใส Invisalign

การจัดฟันใสแบบ Invisalign มีวิธีการรักษาเช่นเดียวกันกับ ดี-aligner การจัดฟันวิธีนี้เหมาะกับเคสการรักษาที่มีความซับซ้อน โดยตัวราคาจะขึ้นอยู่กับระดับความยากของแต่ละเคสซึ่งบางรายอาจสูงได้ถึงหลักแสน การจัดฟันใสแบบ ดี-aligner จึงเป็นทางเลือกที่เข้าถึงได้มากกว่า ไม่แพง และเหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องรับการรักษาในส่วนของฟันกราม

การจัดฟันแบบโลหะ

การจัดฟันแบบโลหะเป็นวิธีการรักษาที่ค่าใช้จ่ายเป็นมิตรที่สุดแต่ก็ต้องแลกมากับความมั่นใจและสารพัดความกังวลใจมากมาย อย่างเวลาทำความสะอาดฟัน ต้องระวังเศษอาหารติดเวลาทานข้าว รวมไปถึงอาจเป็นแผลในช่องปากจากเหล็กเกี่ยวกระพุ้งแก้มได้ ซึ่งการจัดฟันใสแบบ ดี-aligner สามารถช่วยแก้ปัญหาข้างต้นนี้ได้ทั้งหมดในราคาเทียบเท่ากับการจัดฟันแบบโลหะ

จัดฟัน ดี-aligner ดีกว่าการจัดฟันแบบอื่นอย่างไร

คนไข้การจัดฟันแบบดี-aligner ไม่ได้ถูกดูแลรับผิดชอบผ่านแบรนด์จัดฟันแต่มีคุณหมอประจำตัวคอยให้คำแนะนำตลอดระยะเวลารักษา ซึ่งจะมีการทำนัดเพื่อติดตามการเคลื่อนของฟันคนไข้ให้เป็นไปตามแผน โดยนัดพบเพียง 3-4 ครั้งเท่านั้น และหากต้องมีการรักษาอื่นเพิ่มก็จะสามารถจัดการได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ทางคลินิกสามารถผลิตเครื่องมือจัดฟันได้เองด้วยเทคโนโลยีทางทันตแพทย์ที่ทันสมัย ถูกออกแบบโดยตรงจากสหรัฐอเมริกาทั้งยังได้รับความไว้วางใจจากหลายประเทศทั่วโลก ด้วยวัสดุเครื่องมือจัดฟันที่ถูกเลือกอย่างพิถีพิถัน ทำให้มั่นใจได้เลยว่าฟันของคุณจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

ถ้าอยากจัดฟัน ดี-aligner ราคาเท่าไหร่

หากพูดถึงการจัดฟันใส หลายคนคงนึกถึงค่าใช้จ่ายที่สูงจนต้องยอมเปลี่ยนใจไปเลือกวิธีการจัดฟันแบบอื่นแทน แต่การจัดฟันใสแบบ ดี-aligner นั้นมีราคาที่ไม่สูงมาก จับต้องได้ ง่ายต่อการคำนวณค่าใช้จ่ายแถมยังไม่แพงเหมือนการจัดฟันใสอย่างแต่ก่อน

นอกจากนี้ยังมีส่วนลดเมื่อชำระเต็มจำนวนด้วยเงินสด หรือจะผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิตก็ได้เช่นกัน โดยค่ารักษารวมค่าสแกนฟันพร้อมและไม่จำกัดชิ้นอุปกรณ์ ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร สบายใจได้เลยว่าสามารถเข้าถึงทางเลือกการจัดฟันใสที่ดีอย่าง ดี-aligner ได้แน่นอน

จัดฟัน d-aligner ที่ไหนดี

จัดฟัน d-aligner ที่ไหนดี

คำถามแรกสำหรับผู้ที่ต้องการอยากจัดฟันส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นว่า ‘ควรเริ่มต้นจัดฟันที่ไหนดี?’ เนื่องจากคลินิกจัดฟันในปัจจุบันนี้มีอยู่มากมายหลายสาขา ผู้ที่ต้องการรักษาจึงอยากได้ชุดข้อมูลมาประกอบการพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกเป็นคนไข้กับคลินิกจัดฟันสักแห่ง เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่าคุณหมอที่รักษานั้นจะดูแลการจัดฟันของเราเป็นอย่างดี

แต่ถ้าถามว่าเริ่มจัดฟัน ดี-aligner ที่ไหนดี คุณอาจจะเลือกไม่ยากเท่าไหร่นัก เพราะการจัดฟันใสแบบ ดี-aligner นี้เป็นทางเลือกใหม่ของการจัดฟัน เป็นแบรนด์จัดฟันใสรายแรกในไทยด้วยเทคโนโลยี ดี-aligner ที่ให้คุณเข้าถึงการจัดฟันใสคุณภาพได้ในราคาเป็นมิตรพร้อมคุณหมอประจำตัวดูแลตลอดทุกขั้นตอน ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว้บไซต์ Smile Seasons เลย

สรุปจัดฟัน ดี-aligner ดีไหม

หากคุณเป็นหนึ่งคนที่ต้องการจัดฟันแบบใสและกำลังมองหาคลินิกที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นราคาที่จับต้องได้ มีเครื่องมือเทคโนโลยีทันสมัยช่วยให้การจัดฟันเสร็จอย่างรวดเร็ว หมดห่วงเรื่องเศษอาหารติดซอกให้เสียความมั่นใจ พร้อมมีคุณหมอคอยดูแลในทุกขั้นตอนตลอดระยะเวลารักษา รวมถึงการันตีผลลัพธ์ที่ดี การจัดฟันใสแบบ ดี-aligner คือทางเลือกใหม่ที่ใช่สำหรับคุณ


314
ป้ายทางออก

ในปัจจุบันการก่อสร้างบ้านเรือนและอาคารมีมากขึ้น โดยการก่อสร้างอาคารนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ทางออกฉุกเฉิน หรือทางหนีไฟ เพื่อเป็นทางหนีสำหรับเหตุเพลิงไฟ หรือเกิดภัยพิบัติอื่น ๆ เป็นต้น

โดยเมื่อมีทางออกฉุกเฉิน หรือทางหนีไฟแล้ว สิ่งที่สำคัญคือ ทำอย่างไรให้ผู้ที่มาใช้งานอาคารรู้ว่าทางนี้คือทางออกฉุกเฉิน หรือทางหนีไฟ เพราะฉะนั้นจึงมีการติดป้ายทางออกเพื่อบอกให้สะดวกและรวดเร็วต่อการหนีภัย

ป้ายทางออก คือ

ป้ายทางหนีไฟ หรือ ป้ายทางออก คือ ป้ายที่บอกตำแหน่งของทางออกฉุกเฉิน หรือทางหนีภัย เพื่อให้สามารถนำพาผู้ที่อยู่ภายในอาคาร ออกมาสู่ภายนอกอาคารได้อย่างปลอดภัย

ป้ายทางออกสำคัญอย่างไร

โดยทางออกฉุกเฉิน หรือทางหนีไฟ เป็นทางออกจากภายในอาคารไปยังทางออกสุดท้ายของอาคาร เพื่อให้ผู้ที่อยู่ภายในอาคารสามารถออกไปสู่ภายนอกอาคารได้อย่างปลอดภัย

มีป้ายทางออก เพื่อความปลอดภัย

ซึ่งการติดป้ายทางออกฉุกเฉิน หรือป้ายทางหนีไฟนั้น มีความสำคัญ ได้แก่

เพื่อสามารถรู้ได้ว่าทางออกฉุกเฉินอยู่ที่ใด

โดยการติดป้ายทางออกฉุกเฉิน หรือป้ายทางหนีไฟ ก็เพื่อบอกว่าทางออกฉุกเฉินอยู่ที่ใด

มาตรฐานป้ายทางออกตามกฎหมาย

โดยอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าป้ายทางออกฉุกเฉิน หรือป้ายทางหนีไฟ  คือป้ายที่ใช้ข้อความหรือสัญลักษณ์บ่งบอกเส้นทาง หรือทางออกให้ผู้ที่อยู่ภายในอาคารทราบว่าจะออกจากอาคารเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้หรือภัยพิบัติได้อย่างทันท่วงที ซึ่งมาตรฐานป้ายทางออกตามกฎหมายนั้น ระบุเป็นข้อ ๆ ดังต่อไปนี้

  • การติดตั้งเหนือประตู หรือตามทางเดิน ความสูง 2-2.7 ม. ความสูงนอกเหนือจากนี้ สามารถทำได้ตามที่กำหนดในแผนและคู่มือการป้องกันเพลิงไหม้ (Fire procedure)
  • ติดตั้งตามทางเดิน หรือทางหนีไฟ เพื่อให้อพยพไปยังประตูทางออกที่ใกล้ที่สุด
  • แหล่งจ่ายไฟต้องมาจากแหล่งไฟฟ้าปกติ แยกวงจรจากระบบอื่นเพื่อสามารถทดสอบได้สะดวก และมีแบตเตอรี่สำรองไฟ
  • ป้ายสัญลักษณ์ขนาด 10 ซม. ต้องติดตั้งภายในระยะ 24 ม., หรือขนาด 15 ซม. ติดตั้งภายในระยะสายตา 36 ม.และขนาด 20ซม. ติดตั้งระยะห่างได้ 48 ม.
  • การตรวจสอบป้ายจะต้องมีการจดบันทึกระบุผลการตรวจ ผู้ตรวจและวันที่ไว้ สามารถดูและตรวจสอบได้
  • การตรวจสอบการทำงานต้องทำการตรวจสอบทุกระยะ 3 เดือน ทดสอบให้สำรองไฟนาน 30 นาที และทุก 1 ปี ต้องสำรองไฟนาน 60 นาที และประจุแบตเตอรี่ตามปกติจนเต็มและพร้อมใช้งาน
  • เมื่อไฟฟ้าดับต้องให้ความสว่างติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 90 นาที สำหรับอาคารขนาดใหญ่ อาคารสูงตามที่กฎหมายกำหนด ต้องไม่น้อยกว่า 120 นาที
การตรวจสอบป้ายทางออกฉุกเฉิน

โดยการตรวจสอบป้ายทางออกแุกเฉิน หรือป้ายทางหนีไฟนั้น เป็นสิ่งสำคัญเพราะระบบไฟฟ้าอาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ทุกเวลา เพราะฉะนั้นต้องมีการตรวจสอบและทดสอบไฟป้ายทางออกฉุกเฉินตามระยะเวลาที่กำหนด โดยแบ่งเป็นดังนี้

  • การติดตั้งใหม่
โดยไฟป้ายทางออกฉุกเฉินต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบ โดยเมื่อทำการตัดไฟ ไฟป้ายฉุกเฉินต้องส่องสว่างได้ตามพิกัดที่กำหนดและไม่น้อยกว่า 120 นาที ถ้าไฟป้ายทางออกฉุกเฉินมีสวิตช์ถ่ายโอน เมื่อทำการตัดไฟหรือยกเลิกการทำงานของสวิตช์ ไฟป้ายฉุกเฉินต้องยังส่องสว่าง
  • การตรวจสอบราย 3 เดือน
โดยไฟป้ายทางออกฉุกเฉินต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบ โดยเมื่อทำการตัดไฟ ไฟป้ายฉุกเฉินต้องส่องสว่างได้ตามพิกัดที่กำหนดและไม่น้อยกว่า 60 นาที กรณีแบตเตอรี่ไม่สามารถจ่ายไฟฟ้าได้นานถึง 60 นาที ในระหว่างการทดสอบ ระบบต้องมีสัญญาณแสดงความล้มเหลวของแบตเตอรี่ และต้องทำทุก 3 เดือน
  • การตรวจสอบรายปี
โดยไฟป้ายทางออกฉุกเฉินต้องได้รับการทดสอบและตรวจสอบ โดยเมื่อทำการตัดไฟ ไฟป้ายฉุกเฉินต้องส่องสว่างได้ตามพิกัดที่กำหนดและไม่น้อยกว่า 90 นาที โดยต้องทำทุก 1 ปี

ตรวจสอบป้ายทางออกให้พร้อมอยู่เสมอ

สรุปเกี่ยวกับป้ายทางออก

โดยป้ายทางออกฉุกเฉิน หรือป้ายทางหนีไฟ มีหน้าที่บอกตำแหน่งของทางออกฉุกเฉิน หรือทางหนีภัย เพื่อสามารถให้ผู้ที่อยู่ภายในอาคารออกไปสู่ภายนอกอาคารได้อย่างปลอดภัย หากเกิดไฟไหม้ หรือภัยพิบัติต่าง ๆ ซึ่งต้องออกแบบให้ได้มาตรฐานตามข้อกฎหมายกำหนด นอกจากนี้ต้องมีการตรวจสอบการใช้งานหลังติดตั้งแล้ว และภายหลังการติดตั้งทุก ๆ 3 เดือน ตลอดจนตรวจสอบการติดตั้งทุกปี เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานอาคาร

315
วิธีการทานยาคุมฉุกเฉิน

ในระหว่างที่คุณกำลังมีเพศสัมพันธ์แล้วเกิดถุงยางอนามัยฉีกขาด หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้คุณมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ โดยที่คุณยังไม่พร้อมที่จะเลี้ยงดูบุตรนั้น คงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่คุณสามารถป้องกันได้ สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยการทานยาคุมฉุกเฉิน

สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจวิธีการทานยาคุมฉุกเฉินมีวิธีทานอย่างไร หากคุณกำลังสงสัยว่ายาคุมฉุกเฉินมีกี่แบบ รวมถึงมีข้อควรระวังในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน เพื่อเป็นแนวทางให้คุณทานยาคุมฉุกเฉินได้อย่างปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงตามมาในภายหลัง


ยาคุมฉุกเฉิน คืออะไร
ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาที่ใช้สำหรับป้องกันโอกาสที่จะเกิดการตั้งครรภ์ที่คุณยังไม่พร้อม โดยในตัวยาจะมีฮอร์โมนในกลุ่มเอสโตรเจน (estrogens) ผสมกับฮอร์โมนในกลุ่มโพรเจสติน (progestins) ซึ่งสามารถป้องกันการตั้งท้องไม่พึ่งประสงค์ได้ประมาณ 80-90 %


ยาคุมฉุกเฉินทำงานอย่างไร

ยาคุมฉุกเฉินทำงานอย่างไร

การทำงานของยาคุมฉุกเฉินจะไปยับยั้งให้การตกไข่ช้าออกไป ส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะที่จะทำการฝังตัว


ประเภทของยาคุมฉุกเฉิน

1. ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด

ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด

ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด จะมีปริมาณยาลีโวนอร์เจสเตรลกับโปรเจสโตรเจน 1.5 มิลลิกรัม คุณควรรับประทานยาคุมฉุกเฉิน 1 เม็ด หรือควรทานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างช้าสุดภายใน 72 ชั่วโมง  หรือ 3 วัน หลังการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน

2. ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด

ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด

ยาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด จะมีปริมาณยาลีโวนอร์เจสเตรลกับโปรเจสโตรเจนเม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม  2 เม็ด คุณควรรับประทาน 1 เม็ดทันที หลังจากภายไป 12 ชั่วโมงถัดมาค่อยทานอีก 1 เม็ด


ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
คุณสามารถทานยาคุมฉุกเฉินได้หากมีเหตุการณ์ตามในกรณีดังต่อไปนี้

  • ถูกข่มขืน
  • ยาฝังหลุด
  • ห่วงคุมกำเนิดหลุด
  • ถุงยางอนามัยแตก หรือหลุดออก
  • การใส่ถุงยางอนามัยที่ไม่ถูกต้อง
  • คำนวณวันเว้น มีเพศสัมพันธ์ผิด


ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉิน
สำหรับผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี และคนที่สูบบุหรี่จัด คุณไม่ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉิน และนอกจากนี้ผู้ที่มีโรคดังต่อไปนี้ ก็ไม่ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินด้วยเช่นกัน ได้แก่

  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง
  • ผู้ที่เคยหรือเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • โรคลมชัก
  • โรคลิ่มเลือดอุดตัน
  • โรคมะเร็งเต้านม
  • โรคมะเร็งของอวัยวะภายในของผู้หญิง
  • โรคมะเร็งตับ
  • โรคตับเฉียบพลัน
  • โรคตับแข็ง
  • โรคเบาหวาน


ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับยาคุมฉุกเฉิน

ยาคุมฉุกเฉินกินแล้วไม่ท้องแน่นอน
บางคนอาจคิดว่าการทานยาคุมฉุกเฉินกินแล้วจะไม่ท้อง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดมาก เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ได้เพียง 80-90 % นอกจากนี้ประสิทธิภาพของยายังขึ้นอยู่กับผู้ใช้ได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินทันตามระยะเวลาที่กำหนด

ยาคุมฉุกเฉินสามารถใช้คุมกำเนิดก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ได้
การทานยาคุมฉุกเฉินเป็นเพียงการป้องกันไม่ให้มีโอกาสท้องเท่านั้น ไม่รวมถึงโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ และคุณควรให้สวมถุงยางอนามัยก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์

ยาคุมฉุกเฉินสามารถใช้คุมกำเนิดระยะยาวได้
หากคุณไม่พร้อมที่จะมีลูก การทานยาคุมฉุกเฉินในระยะยาวไม่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ในระยะยาวได้ อีกทั้งคุณไม่ควรทานติดต่อเป็นระยะเวลานานๆ เพราะจะมีอาการข้างเคียงตามมาได้แก่ การปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เลือดออกกะปริดกะปรอย และยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติการณ์การตั้งครรภ์นอกมดลูกเพิ่มขึ้น

ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาทำแท้ง
ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง แต่เป็นเพียงการป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น โดยตัวยาจะเข้าไปยับยั้งการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก สำหรับในกรณีที่ไข่ที่ผสมกับอสุจิได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกไปแล้ว การทานยาคุมฉุกเฉินก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ หากต้องเข้ารับการทำแท้งคุณอาจจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ยาคุมฉุกเฉินกินแล้วทำให้เกิดภาวะท้องยาก
สำหรับใครที่กินยาคุมฉุกเฉินบ่อย คุณมีโอกาสเสี่ยงที่จะได้รับผลข้างเคียงตามมา ไม่ว่าจะเป็น การปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เกิดภาวะไข่ตกผิดปกติ และยังส่งผลให้คุณมีลูกยากในอนาคต ดังนั้นยาคุมฉุกเฉินไม่ได้กินแล้วท้องยากทันที แต่มีผลมาจากการใช้เป็นระยะเวลานานนั้นเอง


ยาคุมฉุกเฉิน ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย

ยาคุมฉุกเฉิน ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย

วิธีใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด
หลังจากที่คุณพบกับเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดการตั้งครรภ์โดยไม่พึ่งประสงค์ คุณควรทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดเดียวหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือภายใน 72 ชั่วโมง

วิธีใช้ยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด
การทานยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด คุณควรทาน 1 เม็ดแรกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ หรือภายใน 72 ชั่วโมง หลังจากผ่านเม็ดแรกไปแล้ว 12 ชั่วโมงให้คุณทานเม็ด 2 หรือคุณจะทานทั้ง 2 เม็ดพร้อมกันครั้งก็ได้


ยาคุมฉุกเฉินยี่ห้อไหนดี

1. ยาคุมฉุกเฉินมาดอนน่า (Madonna)

ยาคุมฉุกเฉินมาดอนน่า (Madonna)

madonna ยาคุมสามารถยับยั้งการตกไข่ไม่ให้เซลล์ไข่ทำการปฏิสนธิที่โพรงมดลูก โดยในตัวยามีลีโวนอร์เจสเตรล (levonorgestrel, LNG) อยู่เม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม ในแผงจะมีจำนวน 2 เม็ด คุณสามารถหาซื้อได้จากร้านยาหรือ ในเซเว่น ยาคุมฉุกเฉิน ราคากล่องละ 40 บาท

2. ยาคุมฉุกเฉินเมเปิ้ล ฟอร์ท (Maple Forte)

ยาคุมฉุกเฉินเมเปิ้ล ฟอร์ท (Maple Forte)

ยาคุมฉุกเฉินเมเปิ้ลตัวยาประกอบด้วยเลโวนอร์เจสเทรล (levonorgestrel) 1.5 มิลลิกรัม ช่วยยืดระยะเวลาของการตกไข่ให้ช้ากว่ากำหนด ทำให้สเปิร์มไม่ได้รับการปฏิสนธิกับไข่ได้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยา  ยาคุมฉุกเฉิน ราคากล่องละ 65 บาท

3. ยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์ (Postinor)

ยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์ (Postinor)

ยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์ตัวยาจัดอยู่ในกลุ่มเอกซ์ (Pregnancy Category X) ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์และไม่มีผลทำให้เกิดการแท้ง มีขายตามร้านยาและเซเว่นมา ราคากล่องละ 60 บาท


ข้อควรระวังในการใช้ยาคุมฉุกเฉิน
ข้อควรระวังที่คุณต้องรู้ก่อนรับประทานยาคุมฉุกเฉิน คือตัวยาจะออกฤทธิ์ต่อเยื่อบุโพรงมดลูก และยังมีผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย และใครที่ทานมาเป็นระยะเวลานานก็ส่งผลเสียต่อร่างกายตามมาได้เช่นกัน
ได้แก่

  • การคลื่นไส้
  • อาเจียนได้
  • อาการปวดท้อง
  • เจ็บคัดเต้านม
  • ประจำเเดือนมาไม่ปกติ
  • มีเลือดออกกะปริดกะปรอย
  • เลือดออกมากในระหว่างเดือน

นอกจากจะส่งผลในด้านร่างกายแล้วยังส่งผลให้คุณมีบุตรยากในอนาคต ดังนั้นคุณควรระวังในการใช้ยาคุมฉุกเฉินในกรณีที่มีความจำเป็นเท่านั้น


ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน

อาการแพ้ยาคุมฉุกเฉิน เช่น อาการไอ คัดจมูก

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการใช้ยาคุมฉุกเฉินมีได้ทั้งอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ อาการปวดท้อง เจ็บคัดเต้า และในบางคนอาจที่มีอาการแพ้ยาคุมฉุกเฉินก็จะมีผลข้างเคียงดังต่อไปนี้

  • อาการไอ คัดจมูก
  • เป็นไข้ตัวร้อน
  • ลมพิษ
  • ผื่นคันตามร่างกาย
  • หายใจลำบาก


ยาคุมฉุกเฉินราคาเท่าไหร่
ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะอยู่ในราคา 40-60 บาท ยี่ห้อที่นิยมทานกันในปัจจุบันได้แก่ ยาคุมฉุกเฉินมาดอนน่าราคากล่องละ 40 บาท,ยาคุมฉุกเฉินเมเปิ้ล ฟอร์ทราคากล่องละ 65 บาท และ ยาคุมฉุกเฉินโพสตินอร์ราคากล่องละ 60 บาท 

โดยคุณสามารถหาซื้อยาคุมฉุกเฉินดังกล่าวได้ตามร้านขายทั่วไป ร้านขายยาตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ และช่องทางออนไลน์


คำถามที่พบบ่อย

ยาคุมฉุกเฉินต้องกินภายในกี่ชั่วโมง
คุณควรทานยาคุมฉุกเฉินต้องกินภายในหลังเสร็จกิจกรรมทันที หรือทานภายใน 72 ชั่วโมง หรืออย่างน้อยภายใน 3 วัน หากคุณทานช้ากว่านี้ตัวยาอาจจะไม่สามารถยับยั้งการปฏิสนธิได้ทันเวลา

ยาคุมฉุกเฉินคุมได้นานกี่วัน
หลายคนอาจจะสงสัยว่าการทานยาคุมฉุกเฉินคุมได้นานกี่วัน โดยยาคุมสามารถลดโอกาสตั้งครรภ์ได้ภายในระยะเวลา 2 – 3 วัน แต่คุณจะต้องทานยาคุมฉุกเฉินภายในหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือใน 72 ชั่วโมง

หากล่าช้ากว่านี้อาจจะไม่ได้ผล รวมทั้งในกรณีที่ใช้ยาคุมฉุกเฉินผิดวิธี เช่น การทานก่อนเพศสัมพันธ์ หรือในกรณีที่ไข่กับอสุจิได้รับการปฏิสนธิกันแล้วก็จะไม่ได้ผลเช่นกัน

กินยาคุมฉุกเฉินขณะให้นมบุตรได้ไหม
ไม่แนะนำให้ทานยาคุมฉุกเฉินในช่วงที่ต้องให้นมบุตร เนื่องจากในตัวยาจะมีมีทั้งโปรเจสตินและเอสโตรเจนแล้วตัวยานั้นจะส่งผลไปลดการผลิตน้ำนม แต่คุณสามารถทานได้หลังจากที่บุตรนั้นหย่านมแล้ว


ข้อสรุป
ถึงแม้ว่าการทานยาคุมฉุกเฉินจะเป็นวิธีที่ง่ายและสะดวกในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ถ้ารับประทานติดต่อเป็นเวลานานก็มีผลเสียตามมามากมาย ฉะนั้นเราแนะนำให้คุณใช้ยาก็ต่อเมื่อถึงคราวจำเป็นเท่านั้น

นอกจากนี้การป้องกันการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายก็ยังมีอีกหนึ่งวิธีคือ การสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นการป้องกันโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย





316
ท่อ HDPE ประปา ท่อร้อยสายไฟ

ท่อ HDPE ประปา ย่อมาจาก High Density Polyethylene หรือที่เรียกกันชื่อหนึ่งว่า ท่อ ประปา pe เป็นท่อที่นิยมใช้ในงานการอุตสาหกรรม ระบบประปา งานก่อสร้างต่างๆ ตัวท่อมีความยืดหยุ่นที่ดี น้ำหนักเบา แข็งแรงทนทานต่อสภาวะแวดล้อมได้ดี และมีความปลอดภัยสูง

ราคาท่อ HDPE ประปาหรือราคา ท่อ พี อี มีราคาที่ไม่สูงมากนัก หากเทียบกับท่อ PVC หรือท่อเหล็ก มีความคุ้มค่าในการใช้งาน เป็นอีกหนึ่งเลือกที่จะนำมาใช้งาน ก่อนอื่นเรามาทราบข้อควรเกี่ยวกับท่อ HDPE ประปาเพื่อการประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้งาน

ท่อ HDPE ประปาคืออะไร   
ท่อ HDPE ประปา คือ ท่อส่งน้ำพลาสติกสีดำที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกพอลิเอทีลีน ชนิดความหนาแน่สูง ผ่านขบวนการผลิตและทดสอบที่มีคุณภาพตามมาตรฐานการผลิตภัณฑ์ มอก. 982-2556 ท่อ hdpe มีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานที่หลากหลาย เป็นที่นิยมใช้งงานทั้งในและต่างประเทศ

ท่อประปา hdpe หรือท่อ pe  ผิวสัมผัสภายในท่อที่เรียบ ลื่น มัน ทำให้การส่งน้ำภายในท่อมีอัตราการไหลของน้ำที่ดี มีประสิทธิภาพ ลำเลียงของเหลวได้สะดวก มีความยืดหยุ่นสามารถปรับโค้งงอตามลักษณะการใช้งาน ทนต่อสภาพแวดล้อม ถูกออกแบบมาเพื่องานภายนอกอาคารหรือกลางแจ้ง

ท่อ HDPE ประปา นิยมใช้กับงานอะไร   
เนื่องจากท่อ HDPE ประปา หรือท่อน้ำ pe ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกลางแจ้งและภายนอกอาคารได้ดี จึงนิยมนำมาใช้งานกับงานประเภท ดังต่อไปนี้
  • ใช้ในงานการประปา ท่อน้ำดื่ม ท่อน้ำใช้
  • ใช้ในงานการเกษตร สวนป่า สวนเกษตร สนามกอล์ฟ
  • ใช้ในงานอุตสาหกรรมเหมืองแร่
  • ใช้ในงานอุตสาหกรรมทั่วไป เคมี อาหาร
  • ใช้ในท่อร้อยสายไฟ และสายเคเบิ้ล
  • ใช้เป็นท่อน้ำทิ้ง และท่อน้ำเสีย
  • ใช้เป็นท่อส่งก๊าซธรรมชาติ
นอกจากนี้ ท่อ pe ประปา ราคาไม่สูงมากนัก มีคุณสมบัติและประสิทธิภาพ ในการใช้งานท่อปริมาณมากถือว่าคุ้มค่าและราคาในการใช้งานข้างต้น

คุณสมบัติของท่อ HDPE ประปา   
คุณสมบัติของท่อ HDPE ประปา สาเหตุที่นิยมนำมาใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ตอบโจทย์การใช้งานมีดังนี้
  • ยืดหยุ่นได้ดี ท่อ HDPE ประปาตัวท่อมีความยืดหยุ่น ทนต่อแรงกระแทกจากภายนอกและรับแรงดันจากน้ำหรือของเหลวภายในท่อได้ดี ไม่มีการรั่วซึมหรือแตกร้าว สามารถโค้งงอตามการใช้งานและม้วนได้ โดยไม่ต้องกังวล
  • น้ำหนักเบา ท่อน้ำ pe มีน้ำหนักเบา โดยทั่วไปจะหนักเพียง 1 ใน 5 ของท่อเหล็กอาบสังกะสีเท่านั้น ทำให้สะดวกในการทำงานไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้าย ต่อ ติดตั้ง และขนส่ง
  • ค่าความเสียดทานในเส้นท่อน้อย ท่อ HDPE ท่อ pe ภายในท่อมีผิวสัมผัสที่ เรียบ มัน มีความต้านทานการไหลต่ำ ทำให้ของเหลวไหลผ่านภายในท่อได้สะดวก
  • ปราศจากสารเป็นพิษ ท่อ hdpe ผลิตจากพลาสติกที่ผ่านมาตรฐานการและการทดสอบ จึงไม่มีสารที่เป็นพิษต่อร่างกายเจือปน สามารถเป็นท่อส่งน้ำอุปโภคบริโภคและของเหลวที่เป็นอาหารได้
  • คงทนต่อสารเคมีต่างๆ ท่อ pe มีความสามารถในการทนทานต่อสารเคมี เพราะเม็ดพลาสติกพอลิเอทิลีนที่ใช้ผลิตท่อ HDPE ประปา มีคุณสมบัติ ทนต่อกรด ด่าง เกลือ หรือสารเคมีต่างๆ และทนต่อสภาพแวดล้อม ทำให้อายุการใช้งานท่อน้ำ pe ยาวนาน

ลักษณะท่อประปา hdpe ท่อ น้ำ pe
ท่อ HDPE ประปา มีลักษณะ ขนาดตามการใช้งาน โดยสีเส้นคาดข้างท่อ ประปา pe เป็นตัวบอกลักษณะการใช้งานง่ายๆ เช่น
  • ท่อ HDPE คาดฟ้า เป็นการใช้งานในระบบประปา (ท่อน้ำ)
  • ท่อ HDPE คาดส้ม เป็นการใช้งานระบบไฟฟ้า (ร้อยสายไฟ )
  • ท่อ HDPE ดำล้วน เป็นการใช้งานใน ระบบประปาทั่วๆไป งานเกษตร งานเอกชน
นอกจากลักษณะของท่อ ตามการใช้งานแล้ว ยังมีอุปกรณ์ ท่อ hdpe อื่นๆ เช่น ข้อต่อ hdpe ในการเชื่อมอีกหลากหลายรูปแบบ
  • ข้อต่อ hdp แบบสวมอัด (COMPRESSION FITTING)
    • ข้อต่อตรง
    • ข้อต่อตรงเกลียวใน
    • ข้อต่อตรงเกลียวนอก
    • ข้องอ 90
    • ข้องอ 90 เกลียวใน
    • ข้องอ 90 เกลียวนอก
    • สามทาง
    • สามทางเกลียวใน
    • สามทางเกลียวนอก
    • ปลั๊กอุดปลาย
    • นิปเปิ้ล
    • ข้อลดเหลี่ยม
    • ต่อตรงลด
    • แคล้มรัดแยก
    • สามทางลด
  • ข้อต่อ hdpe ระบบเชื่อมชน
    • ข้องอเชื่อม 30 องศา
    • ข้องอเชื่อม 45,60 องศา
    • ข้องอเชื่อม 90 องศา
    • สามทางเชื่อม
    • สามทางวายเชื่อม
    • สามทางทีวายเชื่อม
    • ข้อต่อตรงลดเชื่อม
    • สามทางลดเชื่อม

วิธีการต่อท่อ HDPE ประปา   
การต่อท่อ hdpe สามารถทำได้ 2 วิธี คือ การเชื่อมท่อด้วยความร้อน แบบ Butt Welding รอยเชื่อมเป็นเนื้อเดียวกัน โดยไม่มีการรั่วไหล และการเชื่อมต่อด้วยข้อต่อ แบบสวมอัด Compression ที่สามารถต่อใช้ได้เอง สะดวกและรวดเร็ว
  • การเชื่อมท่อhdpe ท่อ pe ด้วยความร้อน
เป็นเทคนิคการให้ความร้อนแก่ท่อที่ทำการเชื่อมพร้อมกัน 2 ด้านของชิ้นงาน จนพลาสติกหลอมมาสัมผัสกันที่บริเวณผิวแต่ละด้าน ความร้อนที่ได้รับอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผิวของท่อเกิดการหลอมละลาย ผนังของท่อหลอมเหลวและรวมเป็นเนื้อเดียวกัน

การเชื่อมท่อด้วยความร้อนนี้ จะเกิดแถบเชื่อมขึ้น ทั้งด้านในและด้านนอกท่อ เรียกว่า weld beads ซึ่งแถบเชื่อมด้านในอาจเป็นสิ่งสะสมของคราบตระกรัน เมื่อของเหลวไหลผ่านไปนานๆ

อุปกรณ์ ท่อ hdpe ด้วยความร้อน

  • การเชื่อมต่อด้วยข้อต่อชนิดพิเศษ
อุปกรณ์ ท่อ hdpe ข้อต่อถูกออกแบบมาใช้เฉพาะมีหลายชนิด โดยข้อต่อแบบสวมอัด Compression เป็นข้อต่อที่ได้รับความนิยม ติดตั้งโดยการสวมข้อต่อและขันเกลียวให้แน่น ไม่ต้องใช้กาวหรือเทปพันเกลียวสามารถต่อใช้งานได้เอง สะดวกและรวดเร็ว

สรุป
ท่อ hdpe ประปา มีคุณสมบัติและลักษณะการใช้งานที่หลากหลาย เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการใช้งาน ที่เหมาะสมกับลักษณะงานมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ใช้งานได้ทั้งภายนอกและภายในอาคาร มีความคุ้มค่าในการใช้งาน ราคา ท่อ พี อี ที่ไม่สูงเกินไป ทั้งยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี

317
ท่อ HDPE ไฟฟ้า

ท่อ HDPE ไฟฟ้า หรือท่อพีอี เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญกับการเดินระบบสายไฟภายในอาคารเป็นอย่างมาก เช่น คอนโด หรือโรงงาน ถึงแม้ว่าสายไฟจะเป็นตัวกลางในการลำเลียงไฟฟ้าไปยังจุดต่าง ๆ โดยรอบอาคาร แต่วัสดุที่หุ้มสายไฟนั้น บางวัสดุเป็นวัสดุที่มีความบอบบาง และไม่ทนทาน จึงจำเป็นต้องใช้ท่อร้อยสายไฟชนิดต่าง ๆ เช่น ท่อพีวีซี ท่อเอชดีพีอี หรือท่อโลหะ เป็นต้น

ท่อร้อยสายไฟฟ้าพีอีเป็นที่นิยมใช้งานกันมาก ซึ่งท่อพีอี ผลิตมาจากเม็ดพลาสติกโพลีเอทีลีนชนิดความหนาแน่นสูง โดยราคาท่อ pe ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติทางไฟฟ้า ท่อ HDPE ไฟฟ้ามีความต้านทานต่อการกัดกร่อนจากปฏิกิริยาทางไฟฟ้าซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีสาเหตุเกิดจากไฟฟ้า สามารถต้านเปลวไฟ มีความแข็งแรงสูง ยืดหย่อนตัวได้ดี มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อการบีบอัดและการกระแทก เป็นต้น

ท่อ HDPE ไฟฟ้า คืออะไร
เป็นท่อที่ผลิตมาจากพลาสติก พอลิเอทิลีน (Polyethylene, PE) ซึ่งเป็นพลาสติกชนิดที่มีความหนาแน่นสูง ทำให้มีความแข็งแรง ยืดหยุ่นตัวได้ดี มีน้ำหนักเบา ทนทานต่อการบีบอัดและการกระแทก ซึ่งท่อ hdpe ราคาไม่แพง โดย

ท่อร้อยสายไฟฟ้า PE
เป็นท่อเอชดีพีอีสำหรับงานระบบร้อยสายไฟฟ้า (คาดแถบสีส้ม) ผลิตขึ้นจากวัสดุพอลิเอทิลีนที่มีความหนาแน่นสูง ทำให้มีคุณสมบัติทางฟิสิกส์ เคมี และคุณสมบัติทางไฟฟ้าที่ดี เหมาะสำหรับการนำมาใช้ในงานในระบบท่อร้อยสายไฟฟ้า โดยท่อเอชดีพีอี หรือ ท่อพีอี สามารถรับแรงดันไฟฟ้าสูงสุดได้ถึง 500 KV.

สำหรับขนาดของท่อเอชดีพีอีจะมีตั้งแต่ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 20 มม. ไปจนถึง ขนาด 200 มม. โดยมีความยาวมาตรฐานอยู่ที่ท่อนละ 6 เมตร และ 12 เมตร ในส่วนของท่อขนาดเล็ก จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 20 มม.จนถึง 110 มม. และสามารถนำมาขดเป็นม้วนได้ โดยมีความยาวม้วนละ 50 เมตร และ 100 เมตร ทำให้สะดวกต่อการขนส่ง เคลื่อนย้าย และการติดตั้ง

ท่อร้อยสายไฟฟ้า HDPE
โดยตัวท่อร้อยสายไฟ HDPE จะมีลักษณะเป็นท่อสีดำ พื้นผิวมีความเรียบ มัน ทั้งบริเวณด้านนอกและด้านใน ทำให้การร้อยสายไฟมีความสะดวก ไม่ฝืด หรือติดขัด มีขนาดท่อร้อยสายไฟให้เลือกหลายขนาดและมีคุณสมบัติในการต้านเปลวไฟ จึงนิยมนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากท่อเอชดีพีอีมีความต้านทานต่อการกัดกร่อนจากปฏิกิริยาทางไฟฟ้า

ท่อร้อยสายไฟฟ้า HDPE

ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่มีสาเหตุมาจากไฟฟ้า ทำให้สามารถนำมาใช้เพื่อการเดินระบบไฟฟ้าในสถานที่โล่งแจ้ง ภายในอาคาร หรือการฝังดินได้ เพราะสามารถทนทานต่อทุกสภาพอากาศ และสามารถต้านทานต่อความเป็นกรด-ด่างของดิน ไม่เป็นสนิม และไม่สามารถทำปฏิกิริยากับสารเคมี

มาตรฐานของท่อ HDPE ไฟฟ้า
โดยมาตรฐานท่อ hdpe จะอ้างอิงตามข้อกำหนดทางวิศวกรรมการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และอ้างอิงผนังท่อตามมาตรฐาน DIN 8074/8075 ท่อร้อยสายไฟฟ้า HDPE มีความนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายเหมาะสำหรับการต่อท่อ hdpe ไฟฟ้า สายเคเบิ้ล สายโทรศัพท์ หรือสายเคเบิ้ลใยแก้ว (Optional Fiber Cables) เพื่อเป็นฉนวนป้องกันสายเคเบิ้ลใต้ดิน (Underground Cable System) ทั้งในระบบธรรมดาและระบบ HDD (Horizontal Directional Drilling) สอดคล้องกับการใช้งานของหน่วยงานรัฐ และเอกชน เช่น MEA,PEA,TOT.CAT Telecom และโครงการอื่น ๆ

จุดเด่นของท่อ HDPE ไฟฟ้า
  • ขนาดของท่อเอชดีพีอีมีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ขนาด 20 มม. ไปจนถึง 200 มม. จึงเหมาะสำหรับการนำมาใช้งานในระบบงานที่มีความต้องการแตกต่างกัน เช่น ระบบโทรศัพท์ ระบบสายเคเบิ้ล หรือระบบกล้องวงจรปิด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • วัสดุที่นำมาใช้ผลิตท่อ PE ร้อยสายไฟ มีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้า ทำให้ปลอดภัยจากการเกิดปัญหากระแสไฟฟ้ารั่ว และราคาท่อ hdpe มีความคุ้มค่า
  • ท่อเอชดีพีอีมีแถบสีส้มคาดอยู่บริเวณผิวด้านนอกของท่อ ทำให้สามารถแยกแยะประเภทการใช้งานระหว่างท่อร้อยสายไฟ และท่อประปา ได้อย่างชัดเจน เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในระหว่างการซ่อมบำรุง
  • ท่อเอชดีพีอีสามารถนำมาขดเป็นม้วนได้ ทำให้สะดวกต่อการเคลื่อนย้ายและขนส่ง รวมถึงประหยัดจุดเชื่อมต่อและประหยัดเวลาในการติดตั้ง เนื่องจากสามารถนำมาขดได้ยาวถึงม้วนละ 50 เมตร และ 100 เมตร
  • ท่อพีอีร้อยสายไฟสามารถทนทานต่อทุกสภาพอากาศ รวมถึงทนทานต่อสภาพความเป็นกรดและด่างของดินได้เป็นอย่างดี ไม่เป็นสนิม และไม่ผุกร่อน จึงสามารถนำมาใช้งานในระบบท่อร้อยสายไฟแบบฝังใต้ดิน
  • ท่อเอชดีพีอีทนต่อแรงกด แรงกระแทก และมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ไม่เกิดการแตก หัก หรือร้าวแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพพื้นที่ เช่น การทรุดตัวของพื้นดิน หรือการเกิดแผ่นดินไหว เป็นต้น
  • พื้นผิวบริเวณด้านนอกและด้านในของท่อเอชดีพีอี มีความเรียบ ลื่น และมีความฝืดต่ำ จึงเหมาะสำหรับการนำมาใช้ในงานร้อยสายไฟ สายเคเบิ้ล รวมถึงสายส่งสัญญาณ โดยไม่ทำให้สายเกิดการหักงอหรือเกิดความเสียหาย

หากใช้ท่อ HDPE ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาตรฐานมีข้อควรระวังอย่างไร
หากใช้ท่อ hdpe หรือท่อ pe ไฟฟ้า ที่ไม่ได้มาตรฐานมีข้อควรระวังดังนี้
  • เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟฟ้าลัดวงจร อาจทำให้กระแสไฟฟ้ารั่วและทำให้เกิดอันตรายได้
  • ทำให้เสียค่าใช้จ่ายและเวลาในการติดตั้งหรือเปลี่ยนท่อสายไฟใหม่
  • อาจเกิดการเปราะ แตก และอาจทำให้หนูเข้าไปกัดสายไฟได้

ขนาดของท่อ HDPE ไฟฟ้า
โดยขนาดท่อ hdpe และขนาด ท่อ pe มีให้เลือกหลากหลาย เช่น ท่อ pe 1 นิ้ว,ท่อ pe 2 นิ้ว, ท่อ pe 3 นิ้ว และความยาวมาตรฐานท่อนละ 6 เมตรและ 12 เมตร สามารถขดเป็นม้วนได้ยาวม้วนละ 50 เมตรและ 100 เมตร

ท่อ HDPE ไฟฟ้าขดเป็นม้วน

ควรหาซื้อท่อ HDPE ไฟฟ้าที่ไหนดี
โดยการจะเลือกซื้อท่อ hdpe ต้องคำนึงว่าราคาท่อพีอีอยู่ที่เท่าไหร่ และท่อ hdpe ราคาเท่าไหร่ คุ้มค่าหรือไม่ มีคุณสมบัติที่ได้มาตรฐาน มีความทนทานต่อแรงดัน ทนทานต่อแรงกดทับ ทนทานต่อแสง UV ทนทานต่อสภาพอากาศ ทนทานต่อสารเคมี อายุการใช้งานได้นานอย่างต่ำ 50 ปี ต้องเลือกซื้อกับ SRPEgroup เลย

สรุป
ในปัจจุบันมีการใช้ท่อ hdpe ไฟฟ้ากันอย่างแพร่หลาย เพื่อความสะดวกและปลอดภัย โดยท่อ hdpe เป็นท่อที่มีมาตรฐานสูง ทนทาน แต่ต้องเลือกขนาดท่อให้เหมาะกับสภาพงาน โดยสามารถดูได้จากตารางท่อ hdpe ตามแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ และได้ประโยชน์สูงสุดต่อการร้อยสายไฟฟ้า

318
วีเนียร์คืออะไร

คงจะปฏิเสธได้ยากว่าปัญหาฟันเหลือง ฟันบิ่น แตก หัก ฟันขนาดไม่เท่ากัน มักทำให้เกิดความไม่มั่นใจขณะยิ้มหรือพูดคุยเท่าไหร่นัก ปัญหาสภาพฟันที่ไม่สวยงามเหล่านี้สามารถแก้ได้ด้วยการทำวีเนียร์ (Veneer) เมื่อสภาพฟันกลับมาสวยงามอีกครั้งก็จะช่วยให้คุณได้ยิ้มและพูดคุยได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

การทำ วีเนียร์ ฟันขาว วีเนียร์ปรับปรุงสภาพฟันในปัจจุบันเป็นที่นิยมอย่างมาก เพราะการที่มีสภาพฟันสวยงามมีชับไปกว่าครึ่ง เรามักจะเห็นดารา เซเลป เน็ตไอดอลมีฟันที่สวยงามน่ามอง ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากการเข้ารักษาฟันด้วยการทำวีเนียร์นั่นเอง

เกริ่นถึงวีเนียร์ไปเยอะแล้ว แต่วีเนียร์คืออะไร วีเนียร์มีกี่ประเภท มีประโยชน์อย่างไร แล้วทุกคนก็สามารถทำวีเนียร์ได้หรือไม่ ในบทความนี้มีคำตอบ

วีเนียร์ คืออะไร

วีเนียร์ฟันขาว

วีเนียร์ (Veneer) คือ การแก้ไขสภาพฟันที่ทำให้เกิดความไม่สวยงามให้กลับมาสวยงามน่ามองอีกครั้งด้วยเคลือบฟันเทียม โดยใช้วัสดุคล้ายกับเคลือบฟันธรรมชาติที่มีความบางและมีสีกับรูปร่างคล้ายกับฟันจริงมาติดทับผิวหน้าของฟัน

ซึ่งการใช้วีเนียร์ปิดผิวหน้าฟันนอกจากจะช่วยในเรื่องของความสวยงามแล้ว ยังช่วยปกป้องผิวฟันไม่ให้ถูกทำร้ายได้อีกทาง โดยอายุของวีเนียร์ฟันจะอยู่ได้เฉลี่ยประมาณ 10-15 ปี ทั้งนี้อาจอยู่ได้นานกว่าหรืออยู่ได้ไม่นานขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและการดูแลสุขภาพฟันของแต่ละคน

อย่างไรก็ตามการทำวีเนียร์ฟันให้สวยงามและปลอดภัยควรทำกับทันตแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ทำวีเนียร์เท่านั้น

วีเนียร์ VS ฟอกสีฟัน

สำหรับใครที่มีปัญหาฟันเหลืองดูไม่น่ามองก็อาจเคยหาวิธีแก้ปัญหาฟันเหลืองกันมาบ้างแล้ว ส่วนใหญ่อาจเคยได้ยินถึงการฟอกสีฟัน ช่วยให้ฟันขาวได้ แต่ยังมีอีกวิธีที่สามารถให้ฟันขาวได้เช่นกันนั่นก็คือการทำวีเนียร์

แล้วทั้งการทำวีเนียร์และฟอกสีฟันที่ช่วยให้ฟันขาวเช่นกันมีข้อแตกต่างกันอย่างไร เราได้สรุปให้ดูแบบเข้าใจได้ง่าย ๆ

การทำวีเนียร์ฟันขาว

  • สามารถเลือกระดับความขาวของสีฟันได้ตามต้องการ
  • สามารถแก้ปัญหาสภาพฟันนอกจากสีฟันเหลืองได้ ไม่ว่าจะฟันไม่เท่ากัน ฟันบิ่น แตก หัก เป็นต้น
  • สามารถแก้ปัญหาสีฟันที่เป็นภาวะผิดปกติอย่าง “ฟันตกกระ” ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยการฟอกสีฟันได้
  • ความขาวของฟันที่ทำวีเนียร์จะอยู่ได้นานต่ำ ๆ 7 ปี และอยู่ได้นานกว่านั้นขึ้นกับวัสดุที่ใช้ทำวีเนียร์และการดูแลรักษาของแต่ละคน
  • ต้องทำกับทันตแพทย์ที่มีความชำนาญและมีประสบการณ์ที่คลินิกเท่านั้น โดยจะต้องเข้ามาตรวจสภาพฟันและวางแผนการทำวีเนียร์ เลือกวัสดุที่จะใช้ทำวีเนียร์ฟัน และสั่งทำวัสดุเคลือบฟันวีเนียร์สำหรับบุคคลนั้นโดยเฉพาะก่อนจะติดตั้งวีเนียร์ได้
  • ผลข้างเคียงคือจะทำให้คุณเสียเคลือบผิวฟันธรรมชาติไปอย่างถาวร เพราะก่อนจะติดวีเนียร์ฟันจะต้องมีการกรอผิวฟันออกไปบางส่วนก่อน
  • วีเนียร์มีราคาสูงกว่าการฟอกสีฟัน ขั้นต่ำอยู่ที่ซี่ละ 3,000 และราคาสูงขึ้นขึ้นกับความยากง่ายของงาน และวัสดุที่ใช้ทำวีเนียร์ฟัน
การฟอกสีฟัน

  • ช่วยให้ฟันขาวขึ้นได้จากสีฟันเดิมเพียงประมาณ 4-8 ระดับเท่านั้น
  • สามารถทำฟอกสีฟันเองได้ที่บ้าน โดยใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันแบบเจล แบบแผ่นแปะฟัน แบบถาดพิมพ์ฟัน หรือจะฟอกสีฟันที่คลินิกก็ได้เช่นกัน
  • หากฟอกสีฟันกับทันตแพทย์สามารถจบทุกกระบวนการภายในครั้งเดียว ไม่ต้องเข้าพบทันตแพทย์หลายครั้งเหมือนการทำวีเนียร์
  • ความขาวของฟันอยู่ได้ประมาณ 4 เดือนหรือสูงสุดประมาณ 1 ปี
  • ผลข้างเคียงคือการฟอกสีฟันอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้ โดยเฉพาะหลังฟอกสีฟันใหม่ ๆ และระหว่างการฟอกสีฟัน โดยเฉพาะฟอกสีฟันเองที่บ้านอาจเจอปัญหาสารฟอกสีฟันสัมผัสกับเนื้อเยื่อในปากและเกิดการระคายเคืองได้
  • ฟอกสีฟันมีหลายราคา ตั้งแต่ฟอกสีฟันแบบทำเองที่บ้านมักจะมีราคาเพียงหลักร้อยจนถึงหลักพันต้น ๆ และแบบฟอกสีฟันที่คลินิกมีราคาขั้นต่ำครั้งละ 3,000 บาทขึ้นอยู่กับวิธีการฟอกสีฟันและราคาอาจสูงถึง 15,000 บาทต่อครั้ง แต่โดยรวมแล้วก็ยังถูกกว่าการทำวีเนียร์ฟันอยู่ดี
วีเนียร์มีกี่ประเภท

การทำวีเนียร์ฟันมี 2 ประเภท ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. Direct Veneer

Direct Veneer หรือเคลือบฟันเทียมที่ทำโดยตรงในช่องปากคือการใช้วัสดุคล้ายกับเคลือบฟันธรรมชาติที่มีขนาดและสีคล้ายกับฟันจริงร่วมกับสารยึดติดมาปิดบนผิวหน้าฟันโดยตรงในช่องปากเพื่อแก้ไขปัญหารูปร่างและสีฟันที่ไม่พึงประสงค์

โดยวีเนียร์ฟันประเภทนี้มีข้อดีคือไม่ต้องกรอฟันมาก จึงสามารถรักษาเนื้อฟันธรรมชาติได้มากกว่า แถมยังสามารถจบงานได้ภายในครั้งเดียวและราคาถูกกว่า

แต่วีเนียร์ประเภทนี้จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของทันตแพทย์เพราะหากทำไม่ดีสามารถทำให้เกิดกลิ่นปาก เหงือกอักเสบขึ้นได้ และ Direct Veneer ใช้วัสดุอย่างคอมโพสิตเรซินคล้ายกับที่อุดฟัน ซึ่งจะมีความคงทน ความสวยงามไม่เท่ากับ Indirect Veneer

2. Indirect Veneer

Indirect Veneer หรือเคลือบฟันเทียมที่ทำนอกช่องปากจะแตกต่างจากประเภทแรกโดยวัสดุที่ใช้จะเป็นกลุ่มเซรามิกที่มีความทนทานสูงและดูสวยงามเป็นธรรมชาติมากกว่า โดยการทำวีเนียร์ประเภทนี้ทันตแพทย์จะกรอผิวฟันเดิมออกก่อนแล้วจึงพิมพ์ฟันเพื่อนำไปสั่งทำชิ้นงานในห้องปฏิบัติการ ในระหว่างนี้ทันตแพทย์จะใส่ผิวฟันชั่วคราวให้ก่อน เมื่องานเสร็จจะนัดเข้ามาแปะวีเนียร์อีกครั้ง

จุดเด่นของ Indirect Veneer คือชิ้นงานมีความสวยงามและเป็นธรรมชาติมากกว่า รวมถึงเป็นงานที่มีการวางแผนและทำชิ้นงานที่เป็นของคนนั้นโดยเฉพาะ จึงไม่มีปัญหาเรื่องวีเนียร์ไม่ได้ขนาดหรือไม่ตรงกับความต้องการ

แต่อย่างไรก็ตามวีเนียร์ประเภทนี้ไม่สามารถจบงานในครั้งเดียว เพราะต้องเข้ามาเตรียมตัว รอสั่งทำชิ้นงาน และเข้ามาแปะวีเนียร์ ทำให้ต้องพบทันตแพทย์หลายครั้งและตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

วัสดุที่ใช้ทำวีเนียร์ มีอะไรบ้าง

วัสดุที่ใช้ทำวีเนียร์มี 2 ประเภท คือ

1. คอมโพสิต (Composite)

คอมโพสิตวีเนียร์ หรือ composite veneer คือวัสดุที่ใช้ในการอุดฟันโดยสามารถนำมาติดเคลือบผิวหน้าฟันเพื่อแก้ไขปัญหาสีฟันหรือรูปร่างของฟันที่ไม่พึงประสงค์ให้ดูสวยงามขึ้น โดยวัสดุนี้นิยมใช้ในการทำวีเนียร์แบบ Direct Veneer หรือการเคลือบผิวฟันเทียมทางช่องปากโดยตรง ทันตแพทย์สามารถใช้วัสดุนี้ในการตกแต่งผิวหน้าฟันได้อิสระ จึงต้องอาศัยความชำนาญของทันตแพทย์ค่อนข้างมาก

สำหรับวัสดุคอมโพสิตจะมีความแข็งแรงระดับหนึ่ง แต่เพราะตัววัสดุมีรูพรุนจึงทำให้เกิดการหลุด แตกหักได้ง่าย อีกทั้งคอมโพสิตยังสามารถดูดซึมสีจากอาหาร เครื่องดื่มได้ง่ายทำให้เมื่อใช้ไปนาน ๆ สีเคลือบฟันเทียมอาจหมองลงได้

แต่ข้อดีของวัสดุคอมโพสิตวีเนียร์ราคาถูกและสามารถทำเสร็จได้ภายในครั้งเดียว ไม่ต้องเข้าพบทันตแพทย์หลายครั้ง

2. พอร์ซเลน (Porcelain)

พอร์ซเลนวีเนียร์ หรือ Porcelain veneer เป็นวัสดุที่ทำจากเซรามิก ซึ่งให้ความแข็งแรง คงทนมาก นอกจากนี้ยังมีความเงางามเป็นธรรมชาติและตัววัสดุไม่ดูดสีจากอาหารเครื่องดื่ม ทำให้อายุการใช้งานของพอร์ซเลนวีเนียร์ค่อนข้างยาวเป็น 10-20 ปีเลยทีเดียว

โดยวัสดุพอร์ซเลนนิยมใช้ในการทำวีเนียร์แบบ Indirect Veneer ซึ่งจะเป็นชิ้นงานที่ทำนอกช่องปาก โดยจะทำในห้องปฏิบัติการและอาศัยแบบพิมพ์ฟันในการทำชิ้นงาน ชิ้นงานที่ได้จะสามารถใช้กับเจ้าของพิมพ์ฟันได้อย่างพอดี

แต่อย่างไรก็ตามพอร์ซเลนเป็นวัสดุที่ไม่สามารถทำจบภายในครั้งเดียว ทำให้ต้องเข้าพบทันตแพทย์หลายครั้ง อีกทั้งพอร์ซเลนยังมีราคาสูงอีกด้วย

ประโยชน์ของการทำวีเนียร์

วีเนียร์ช่วยให้ฟันสวยน่ามอง

ประโยชน์ของการทำวีเนียร์มีมากมาย เช่น

  • ช่วยปกปิดสีฟันที่คล้ำ เหลือง หรือมีความผิดปกติอย่างฟันตกกระให้กลับมามีสีขาวสว่างได้ โดยสามารถเลือกระดับความขาวของสีฟันที่ต้องการได้เลย
  • ช่วยให้รูปร่างฟันที่ไม่พึงประสงค์อย่างเช่น ฟันแต่ละซี่ไม่เท่ากัน ฟันบิ่น ฟันห่าง ฟันแตกหักบางส่วนให้กลับมามีรูปร่างที่สวยงามตามความต้องการ
  • ช่วยให้ฟันดูเรียงตัวสวยงามขึ้น
  • เพิ่มความมั่นใจในการยิ้ม พูดคุยที่ทำให้เห็นฟัน
  • ช่วยให้ฟันมีความแข็งแรงขึ้น ลดการติดคราบสีบนผิวฟันจากอาหารและเครื่องดื่ม
  • สามารถป้องกันผิวฟันจากการถูกทำลาย จนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันในอนาคต
ข้อจำกัดของการทำวีเนียร์

ถึงแม้ข้อดีของการทำวีเนียร์จะมากมาย แต่การทำวีเนียร์ฟันก็ยังมีข้อจำกัดบางประการ เช่น

  • สำหรับการทำวีเนียร์ประเภท Indirect Veneer จะต้องมีการกรอผิวฟันเพื่อพิมพ์ฟัน และนำพิมพ์ฟันนั้นไปเป็นแบบในการทำวีเนียร์ ซึ่งจะต้องใช้เวลาและต้องเข้าพบทันตแพทย์บ่อยครั้ง
  • ระหว่างการติดวีเนียร์อาจมีอาการเสียวฟันจากการกรอผิวหน้าฟันบ้าง แต่อาการจะหายไปหลังจากทำไป 1-2 สัปดาห์
  • เมื่อแปะวีเนียร์ที่ผิวหน้าฟันแล้วจะไม่สามารถถอดออกได้ เพราะใช้วัสดุยึดติดกับเนื้อฟัน
  • หากวีเนียร์หมดอายุการใช้งานหรือมีความเสียหายเกิดขึ้นจะต้องแก้ไขด้วยการทำวีเนียร์ใหม่เท่านั้น
  • เพราะการทำวีเนียร์จะต้องมีการกรอผิวหน้าฟันออกไป จึงทำให้เคลือบผิวฟันธรรมชาติหายไป และไม่สามารถกลับคืนสภาพเดิมได้ ทำให้ต้องแปะวีเนียร์ไว้ตลอดไม่สามารถเลิกทำได้
  • การทำวีเนียร์ในแต่ละครั้งมักตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง
  • หากทำวีเนียร์กับทันตแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญอาจเกิดปัญหาฟันผุ มีกลิ่นปาก เหงือกอักเสบหลังทำวีเนียร์ได้
สรุปเรื่องวีเนียร์

ปัญหาสภาพฟันที่ไม่สวยงามไม่ว่าจะฟันเหลืองคล้ำ ฟันไม่เท่ากัน ฟันห่าง ฟันบิ่น ก็เป็นปัญหาที่ทำให้ขาดความมั่นใจได้ บางครั้งอาจนำพาให้เกิดปัญหาสุขภาพฟันได้อีกด้วย การทำวีเนียร์เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้สภาพฟันดูดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถปกป้องฟันและลดโอกาสการเกิดปัญหาสุขภาพฟันในอนาคตได้อีกทาง

319
เพื่อให้การตลาดของเราประสบความสำเร็จ สิ่งที่จะช่วยผลัดกัน คือ ข้อมูลของลูกค้า ธุรกรรมการซื้อขาย พฤติกรรมการเสพสื่อ ข้อมูลทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ในการทำการตลาด ยิ่งมีข้อมูลมาก เราก็สามารถทำการตลาดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเราจะรู้ว่า กลุ่มเป้าหมายเรามีลักษณะอย่างไร ควรมุ่งเน้นไปทำ
กลยุทธ์เเบบไหน โซเชียล มีเดีย เเพลตฟอร์ม ไหนที่ลูกค้าเราใช้เยอะ

ซึ่งโปรเเกรมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลขอลูกค้าจะเรียกว่า Customer Data Platform หรือ CDP โปรเเกรมเก็บรวบรวมข้อมูล จัดหมวดหมู่ข้อมูล หรือจะเรียกว่าเป็น สมองของการตลาด เลยก็ว่าได้ เมื่อเราเห็นถึงความสำคัญของมันเเล้ว เรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับ CDP ให้มากขึ้น เพื่อจะได้นำไปใช้ประโยชน์ให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อธุรกิจของเรา

Customer Data Platform (CDP) คืออะไร

Customer Data Platform (CDP) คืออะไร

CDP หรือชื่อเต็มว่า Customer Data Platform คือ โปรเเกรม หรือเเพลตฟอร์ม ที่ใช้สำหรับรวบรวมข้อมูล จัดกลุ่มข้อมูลต่างๆทั้งหมด เพื่อให้ดึงมาใช้ได้ง่าย โดยพวกข้อมูลก็จะมี ข้อมูลพื้นฐาน เพศ อายุ เขตที่อยู่อาศัย พฤติกรรมการบริโภคสื่อ ว่าใช้สื่อโซเชียล มีเดีย ตัวไหน เล่นนานเท่าไหร่ คนเล่นช่วงไหนเป็นพิเศษ ข้อมูลเหล่านี้ คือ Customer Data นำไปใช้ในการวิเคราะห์เพื่อวางแผนการตลาดในลำดับถัดไป

CDP แตกต่างกับ CRM อย่างไร

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า CRM มาก่อน โดยมันมีความใกล้เคียงกัน อาจทำให้สับสนได้ เพื่อให้เข้าใจความเเตกต่างของ CDP และ CRM เรามาดูว่ามันเเตกต่างกันอย่างไน

CRM (Customer Relationship Management) คือ การบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า คือการสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจในเเบรนด์ นำไปสู่การเป็น Customer Loyalty โดย CRM จะเป็นเก็บข้อมูลลูกค้าที่ได้มีการซื้อสินค้ากับเราไปเเล้ว และนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงส่วนต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นหลังทำการตลาด

ในขณะที่ CDP เป็นการเก็บข้อมูลภาพรวมของผู้บริโภค อาจจะไม่จำเป็นต้องเคยซื้อสินค้าของเรามาก่อน  เเต่เก็บข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เพื่อมาวางแผนการตลาด CDP เป็นกระบวนการที่เกิดก่อนการทำการตลาด

CDP กับ CRM ต่างกันอย่างไร

จะเห็นได้ว่าความเเตกต่างของ CDP กับ CRM ที่เห็นได้ชัดเลยคือ

  • CDP ทำก่อนวางแผนการตลาด, CRM ทำหลังจากดำเนินเเผนการตลาดไปเเล้ว
  • CDP เก็บข้อมูลผู้บริโภคโดยรวม, CRM เก็บข้อมูลลูกค้าที่ได้ทำการซื้อของจากเราเเล้ว
Customer Data มีกี่ประเภท

Customer Data ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการใช้วิเคราะห์ และวางเเผนการตลาด เราควรทราบก่อนว่า Consumer Data มีอยู่ด้วยกันกี่ประเภท

1. Basic or Identity Data : ข้อมูลพื้นฐานของผู้บริโภค เช่น เพศ อายุ อาชีพ ภูมิลำเนา
2. Engagement Data : ข้อมูลการเข้าถึงเเบรนด์ เช่น การเข้าถึงเว็บไซต์ หรือคอนเทนต์ต่างๆของเรา
3. Behavioral Data : ข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น ระยะเวลาการใช้เว็บไซต์ของเรา การต่ออายุสมาชิก ประวัติการซื้อของ
4. Attitudinal Data : ข้อมูบเชิงทัศนคติของผู้บริโภค เช่น คอมเมนต์ถึงเเบรนด์ ไม่ว่าจะจากโซเชียล มีเดีย หรือจากเเบบสอบถาม

ประโยชน์ของ CDP มีอะไรบ้าง

CDP เป็นสิ่งสำคัญมากต่อการวางเเผนการตลาด มันเป็นตัวชี้วัดเลยว่า กลยุทธ์ทางการตลาดที่เราวางไว้นั้นจะมีประสิทธิภาพมากเเค่ไหน เมื่อนำไปใช้จริง เพราะเเผนการตลาด คือ การเข้าใจความต้องการผู้บริโภค นำเสนอสินค้า บริการของเรา ว่าสามารถตอบโจทย์เขาได้ ให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ จนมาเป็นลูกค้า เพื่อสร้างยอดขายในที่สุด

แแต่ถ้าข้อมูลที่เราใช้ไม่ละเอียดพอ เก็บได้ไม่ตรงจุด การจะทำคอนเทนต์ เพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้า อาจจะได้ผลลัพธืไม่ดีเท่าที่ควร โดยเราได้สรุปประโยชน์ของ CDP ออกมาเป็นข้อๆ ดังนี้

1. สร้างฐานข้อมูลเฉพาะของลูกค้า

เราสามารถสร้างข้อมูลเฉพาะของลูกค้า จากกลุ่มคนที่มีความเเตกต่างกันในด้านต่างๆ มาสรุปผลจัดหมวดหมู่ เพื่อนำข้อมูลลูกค้าเหล่านั้น ไปใช้วิเคราะห์ทำเเผนการตลาด ซึ่งทุกเเผนกสามารถเข้าถึงได้ ไม่ใช่เพียงเเค่ฝ่ายการตลาด ทุกเเผนกสามารถดึงข้อมูลจากฐานเดียว เพื่อให้เเผนในการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน

2. นำหน้าคู่เเข่ง

การมีฐานข้อมูลลูกค้าที่เเน่น จะช่วยให้การทำคอนเทนต์ การทำเเคมเปญของเรา สามารถทำได้ตรงใจลูกค้ามากกว่า ถ้าเรามีข้อมูลมากกว่าคู่เเข่ง คอนเทนต์ และเเคมเปญของเรา ก็จะมีลูกค้าสนใจมากกว่า โดนใจลูกค้ามากกว่า และนำหน้าคู่เเข่งไปได้ในที่สุดในเเง่ของจำนวนลูกค้า ความสนใจจากลูกค้า และยอดขาย

3. สร้างพันธมิตรทางการค้า

ในธุรกิจเราไม่ได้มีเพียงเเค่คู่เเข่ง เเต่เรายังมีพันธมิตรทางการค้า ไม่ว่าบริษัทไหนก็ไม่สามารถทำได้ทุกอย่างด้วยตนเอง ยังต้องมีการติดต่อค้าขาย เเลกเปลี่ยนกับบริษัทคู่ค้า ข้อมูลผู้บริโภคเป็นสิ่งที่ใครๆก็อยากได้ เราสามารถนำข้อมูลที่มี ที่ได้จาก CDP ในการสร้างข้อต่อรอง กับบริษัทคู่ค้าต่างๆ ได้ สร้างพันธมิตรการค้า เพื่อให้ธุรกิจของเราสามารถเดินหน้าได้อย่างมั่นคง

4. ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับพฤติกรรรมของลูกค้าได้อย่างทันท่วงที

ข้อมูลใน CDP จะมีดารอัพเดทอยู่ตลอดเวลา หากพฤติกรรม เเนวคิด ของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนเเปลง เราสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดของเราให้สอดคล้องไปกับลักษณะของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป

5. ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น

ถ้าเราเข้าใจลูกค้าได้มากขึ้น เราก็สามารถที่จะสร้างความพึงพอใจให้เขาได้ง่ายขึ้น ทุกเเบรนด์เเข่งขันการ
สร้างความพึงพอใจให้ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ากลับมาอุดหนุนเราซ้ำ การมีข้อมูลลูกค้าจะช่วยทำให้เราสร้างความประทับใจให้ลูกค้าได้ง่ายขึ้น

6. ประหยัดเวลาในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวกับข้อมูล

CDP จะช่วยให้เราจัดเรียงข้อมูลได้อย่างเป็นระเบียบ และช่วยประหยัดเวลาในการจัดเก็บ การรวบรวม ไปจนถึงการดึงข้อมูลมาใช้ เพราะเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก สำหรับการตลาด การตลาดคือความสดใหม่ หากเราใช้เวลาในการดึงข้อมูลได้น้อย เราสามารถเอาเวลาไปผลิตคอนเทนต์ เพื่อให้ทันกระเเส

ประโยชน์ของ CDP มีอะไรบ้าง

ตัวอย่างของ CDP (Customer Data Platform)

สำหรับคนที่มีความสนใจอยากลองใช้ CDP เพื่อพัฒนาระบบหลังบ้าน ก่อนวางเเผนการตลาด วันนี้เรามีตัวอย่างของ CDP ที่เราสามารถเข้าไปใช้ได้ ดังนี้

1. Segment
จุดเด่นของมัน คือ การสร้างพื้นฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อให้เราสามารถโฟกัสกลุ่มเป้าหมายได้ และยังรวบรวมเชื่อมต่อข้อมูลด้วยเครื่องมือทางการตลาดได้มากกว่า 200 รายการ

2. Exponea
จุดเด่นคือ การจัดการข้อมูลลูกค้าทั้งหมด ร่วมกับการวิเคราะห์เชิงลึก เพื่อสร้างเเผนการตลาด โดยสามารถนำข้อมูลนั้นมาใช้ได้ทันที

3. Hull
จุดเด่นคือ การออกแบบมาเพื่อการขายโดยเฉพาะ และเก็บข้อมูล Customer Journey ได้อย่างดี และสามารถแบ่งปันข้อมูลเดียวกับแผนกต่างๆในองค์กร ให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลชุดเดียวกันได้

4. Indicative
เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อเน้นการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคได้โดยเฉพาะ สามารถเข้าถึงพฤติกรรมของลูกค้าได้ทุกจุด รวมไปถึงการทำ Marketing Automation และยังรองรับระบบคงคลังได้ด้วย

เเพลตฟอร์มทั้ง 4 ตัวนี้ เป็นเพียงตัวอย่างจำนวนหนึ่ง CDP ยังมีเเพลตฟอร์มอีกหลายตัว ที่สามารถดึงมาใช้ได้ ก่อนจะตัดสินใจเลือก CDP สักตัวมาใช้ เราควรทำการศึกษาว่ามันมีฟังก์ชันอะไรบ้าง มันสามารถตอบโจทย์ความต้องการให้ธุรกิจเราไหม และราคาสมน้ำสมเนื้อหรือไม่

สรุป

จริงอยู่ที่เเผนการตลาดไม่มีผิดหรือถูก มีเเต่ทำออกมาเเล้วตรงใจผู้บริโภคหรือไม่ เพื่อให้เเผนการตลาดของเราได้ผลลัพธ์ออกมาน่าพึงพอใจที่สุด การมีข้อมูลที่ครบถ้วนจะช่วยให้เราสามารถวางแผนการตลาดได้ง่าย และไปในทิศทางที่ตรงกับกลุ่มลูกค้า เพราะการทำคอนเทนต์ หรือเเม้เเต่เเคมเปญ กระเเส หรือเทรนด์ต่างๆเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องคอยตาม แต่เราก็ต้องใช้ข้อมูลลูกค้าในการประกอบการตัดสินใจด้วย

CDP จะช่วยให้การรวมรวม การจัดเก็บ การเเบ่งข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าทำออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำมาใช้ได้จริง สำหรับคนที่อยากทำให้เเผนการตลาดของตนประสบความสำเร็จ CDP ก็เป็นโปรเเกรมที่ไม่ควรมองข้าม ควรศึกษาลองใช้สักครั้ง เพื่อให้เราได้รู้จักลูกค้าของเรามากขึ้น

ประสบความสำเร็จในการวางแผนการตลาดด้วย CDP

320
ยาบำรุงหลังติดโควิด

ขณะที่เรากำลังได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ร่างกายจำเป็นต้องใช้พลังงานและสารอาหารต่างๆอย่างมากในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสที่เข้าสู่ร่างกาย เมื่อวันเวลาผ่านไป สามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้สำเร็จ ร่างกายก็จะเข้าสู่ระยะฟื้นฟู เพื่อซ่อมแซมส่วนต่างๆที่ได้รับผลกระทบ

ร่องรอยจากการต่อสู้ บางครั้งอาจสังเกตได้ง่ายๆจากสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไป บางคนอาจต้องเผชิญกับภาวะลองโควิด (Long COVID) เช่น การรู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าเมื่อก่อน มีอาการไอเรื้อรัง ปวดศีรษะบ่อยๆ นอนไม่หลับ ความจำไม่ค่อยดี มีภาวะวิตกกังวล เศร้า หรือเครียด ฯลฯ จึงทำให้การทาน วิตามินหลังติดโควิด จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอต่อการนำไปฟื้นฟูตนเอง

ดังนั้น ในบทความนี้เราก็จะมาดูกันว่า การทานวิตามินบำรุงหลังติดโควิดจะสามารถช่วยได้จริงหรือ? มีประโยชน์อย่างไรบ้าง? และหากเราไม่ทานวิตามินหลังหายจากโควิด ควรกินอะไรที่จะให้ผลดีต่อร่างกาย รวมไปจนถึงมีวิธีอื่นๆอีกไหมที่สามารถทำควบคู่ไปกับการทานวิตามินได้ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปดูกันได้เลย

วิตามินหลังติดโควิด
ภาวะลองโควิด(Long COVID) เป็นภาวะที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ 30%-50% ของผู้ที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยแต่ละรายอาจต้องเผชิญกับอาการที่แตกต่างกันไป ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระบบหายใจ ระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร หัวใจ และหลอดเลือด

การทานวิตามินหลังโควิด จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูร่างกาย มอบพลังงานและสารอาหารที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมส่วนต่างๆ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นการนำวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน ให้ระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น เมื่อร่างกายแข็งแรง ระบบอื่นๆก็จะถูกฟื้นฟูจนค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ จนในที่สุด ร่างกายก็จะกลับมายังจุดสมดุลอีกครั้งนั่นเอง

ทำไมจึงต้องทานวิตามินบำรุงหลังติดโควิด

วิตามินกินหลังเป็นโควิด

หลายๆคนอาจมีข้อสงสัยเหมือนกันว่า แล้วทำไมต้องทานวิตามินหลังติดโควิดด้วยหล่ะ? เหตุผลที่คุณควรทานวิตามินหลังติดโควิด แบ่งออกเป็น 3 ข้อหลักๆ ดังนี้
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
เหตุผลข้อแรกที่สำคัญอย่างมากสำหรับระยะฟื้นฟูของร่างกาย คือ วิตามินเสริมภูมิคุ้มกันโควิดได้ เนื่องจากแท้ที่จริงแล้ว วิตามินมีมากมายหลายชนิด เช่น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี วิตามินดี ฯลฯ ซึ่งแต่ละวิตามินก็มีคุณสมบัติหรือประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป

ยกตัวอย่างเช่น วิตามินซี ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของเม็ดเลือดขาว ซึ่งเม็ดเลือดขาว มีหน้าที่ในกระบวนการทำลายเชื้อโรคต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายของเรา ทำให้ร่างการของเรามีภูมิคุ้มกัน แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่ายๆ

ฟื้นฟูสภาพร่างกายให้แข็งแรง
การที่ร่างกายต้องต่อสู่กับเชื้อโรคในแต่ละครั้ง จำเป็นต้องใช้พลังงานและสารอาหารจำนวนมาก เมื่อต่อสู้สำเร็จ ทำให้พลังงานและสารอาหารที่หลงเหลืออยู่ค่อนข้างน้อย เมื่อร่างกายต้องการฟื้นฟูตนเอง จึงทำให้ต้องใช้เวลาอย่างมากในการรวบรวมสารอาหารที่จำเป็นมาซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย
 
การทานวิตามินหลังติดโควิด จึงเป็นตัวช่วยในการส่งสารอาหารที่จำเป็นเข้าสู่ร่างกาย เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ในการฟื้นฟูได้อย่างเพียงพอ ร่างกายจึงจะสามารถกลับมาแข็งแรงขึ้นได้อีกครั้ง

ป้องกันภาวะลองโควิด (Long COVID)
ภาวะลองโควิด(Long COVID) เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่มีโอกาสที่จะต้องเผชิญ การอยู่ในภาวะนี้จะทำให้ร่างกายบางส่วนอ่อนแอลงได้ การใช้วิตามินบำรุงหลังติดโควิด จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ เมื่อมีสารอาหารมากพอ ร่างกายจะเกิดกระบวนการฟื้นฟูตนเอง ทำให้ผู้ที่ทานวิตามินมีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วกว่านั่นเอง

วิตามินช่วยต้านโควิดได้จริงไหม
จากงานวิจัยต่างๆ พบว่า เราสามารถทานวิตามินต้านโควิดได้ ยกตัวอย่างเช่น…
  • วิตามินซี(Vitamin C) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง
  • สังกะสี(Zinc) มีฤทธิ์ในการต้านไวรัส สามารถปรับปรุงการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน และสามารถยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสได้

นอกจากนี้ ผศ. นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ได้กล่าวไว้ว่า วิตามินดีช่วยต้านโควิด-19 ได้จริง โดยวิตามินดีจะเข้าไปช่วยต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่ให้เกิดการลุกลาม ลดความรุนแรงของโรค และยังสามารถลดโอกาสการเกิดภาวะมรสุมภูมิวิปริตหรือพายุไซโตไคน์ ที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยโควิด-19 ได้อีกด้วย   

หลังติดโควิด ควรกินอะไรบ้าง

วิตามินซี โควิด

แล้วแบบนี้ หลังหายจากโควิด ควรกินอะไรดีที่จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ พร้อมต่อการฟื้นฟูตนเอง? ไม่ต้องกังวลไป เพราะทางเราได้ทำการรวบรวมสิ่งที่ควรกินหลังจากติดโควิดมาให้กับทุกๆคนแล้ว ดังนี้

1. โปรตีน
โปรตีน เป็นสิ่งที่ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนต่างๆ สามารถช่วยคุณเรื่องของการซ่อมแซมผิวหนัง กระดูก และกล้ามเนื้อให้กลับมาแข็งแรงขึ้น โดยคุณสามารถหาแหล่งโปรตีนได้จากเนื้อสัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ ไข่ และนม หรือจะหาแหล่งโปรตีนจากพืช อย่างถั่วชนิดต่างๆก็ย่อมได้

โดยเราควรจะทานโปรตีนให้ถึงปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน เพื่อที่ร่างกายจะได้นำไปใช้ในการฟื้นฟู ซ่อมแซมส่วนต่างๆ ให้กลับมาแข็งแรง

2. โพรไบโอติกส์
โพรไบโอติกส์ เป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่งที่โดยปกติแล้วจะอาศัยอยู่ภายในร่างกายมนุษย์ การที่เราทานโพรไบโอติกส์เพิ่ม จะช่วยให้จุลินทรีย์ชนิดนี้มีปริมาณอยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่งผลให้กระบวนการทำงานของระบบทางเดินอาหารเป็นไปได้อย่างดีขึ้น ร่างกายจะสามารถดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น

3. วิตามินชนิดต่างๆ
วิตามินมีมากมายหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีความคล้ายคลึงกันอยู่ตรงที่ เมื่อเราทานวิตามินเข้าไป วิตามินจะมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย ส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายของเราสามารถต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ ส่งผลให้ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย สุขภาพแข็งแรง เปรียบเหมือนยาบำรุงหลังติดโควิดนั่นเอง 

วิตามิน 6 ชนิดที่ควรทานหลังติดโควิด

วิตามินต้านโควิด
   
มาถึงจุดนี้ เชื่อว่าหลายๆคนคงเริ่มสนใจที่จะทานวิตามินกันบ้างแล้ว งั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่า วิตามินที่ควรกินหลังติดโควิด จะมีอะไรกันบ้าง?

1. วิตามินเอ (Vitamin A)
วิตามินเอ (Vitamin A) เป็นวิตามินที่ช่วยในเรื่องของการซ่อมแซมส่วนต่างๆที่สึกหรอ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย มีส่วนช่วยในเรื่องของการมองเห็นต่างๆ รวมไปจนถึงยังสามารถป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบปัสสาวะได้อีกด้วย

คุณสามารถหาวิตามินชนิดนี้ ได้จากเครื่องในสัตว์ ไข่แดง นมหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนม พืชผักใบเขียวเข้ม หรือผักและผลไม้สีเหลืองกับสีส้ม อย่างเช่น แครอท ฟักทอง มะละกอ เป็นต้น

2. วิตามินซี (Vitamin C)
วิตามินซี (Vitamin C) เป็นวิตามินที่ช่วยส่งเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีความแข็งแรงขึ้น เพิ่มความต้านทานต่อโรคหัวใจ ป้องกันโรคหวัด กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และต่อต้านอนุมูลอิสระได้

โดยแหล่งที่พบวิตามินซีได้มาก คือ ผักและผลไม้สด เช่น ฝรั่ง ส้ม มะนาว และมะเขือเทศ

3. วิตามินดี (Vitamin D)
วิตามินดี (Vitamin D) ช่วยในเรื่องของการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัส การรักษาระดับแร่ธาตุในเลือดให้อยู่ในภาวะสมดุล อีกทั้งยังสามารถยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการสลายกระดูกได้อีกด้วย

เราสามารถหาแหล่งวิตามินดี ได้จากอาหารจำพวกปลา เช่น ปลานิล ปลาทับทิม หรืออาหารที่มีไข่แดง ตับ นม และชีส เป็นต้น
 
4. วิตามินอี (Vitamin E)
วิตามินอี (Vitamin E) มีสารที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ สามารถป้องกันการแตกตัวหรือการอุดตันของเม็ดเลือดได้ อีกทั้งยังสามารถช่วยในเรื่องของการอักเสบได้อีกด้วย

วิตามินอี มักจะอยู่ใน ไข่ ผักและผลไม้ต่างๆ ถั่ว น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง อะโวคาโด หรือพวกพืชผักใบเขียวปนเหลือง เป็นต้น

5. กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acid)
กรดไขมันโอเมก้า-3 (Omega-3 Fatty Acid) เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้ด้วยตนเอง จากงานวิจัยหลายชิ้น พบว่า กรดไขมันโอเมก้า-3 สามารถช่วยในเรื่องของโรคหลอดเลือดหัวใจ การนอนหลับ ต้านการอักเสบ ลดความดันโลหิต และช่วยเซลล์สื่อประสาทติดต่อกันได้ดียิ่งขึ้น

กรดไขมันโอเมก้า-3 สามารถพบได้ในอาหารทะเล ปลาชนิดต่างๆ น้ำมันพืช ผลิตภัณฑ์จากนม เป็นต้น

6. แร่ธาตุสังกะสี (Zinc)
แร่ธาตุสังกะสี (Zinc) เป็นแร่ธาตุที่มีบทบาทสำคัญต่อการสังเคราะห์สารต่างๆภายในร่างกาย ซึ่งมีประโยชน์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฟื้นฟูบาดแผล การลดอาการอักเสบของเซลล์ และส่งเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน

เราสามารถพบแร่ธาตุสังกะสีได้ที่อาหารประเภท เนื้อไก่ เนื้อวัว เนื้อหมู ตับ หรืออาหารทะเล อย่างหอยนางรม ปลาแซลมอน กุ้ง ปู ฯลฯ

ทางเลือกในการรับวิตามินเข้าสู่ร่างกาย
ในความเป็นจริงแล้ว การรับวิตามินหลังติดโควิดมีหลากหลายวิธี แน่นอนว่าแต่ละวิธี ก็มีข้อดี-ข้อเสียที่ค่อนข้างแตกต่างกัน การเลือกรับวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน สามารถเลือกได้ตามความสะดวก ดังนี้

1. ได้รับวิตามินจากการรับประทานอาหาร

กินอะไรเสริมภูมิคุ้มกัน

การวิตามินจากการรับประทานอาหาร เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถทำได้ง่าย เพราะวิตามินเป็นส่วนประกอบของสารอาหารหลัก 5 หมู่ ซึ่งวิตามินมีหลายชนิด แต่ละชนิดจะอยู่ในอาหารที่แตกต่างกัน ดังนั้นหากคุณต้องการวิตามินที่ครบทุกชนิด คุณจะต้องรับประทานอาหารอย่างหลากหลายในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

2. การทานวิตามินในรูปแบบอาหารเสริม

วิตามินที่ควรกินหลังหายจากโควิด

การทานอาหารเสริมหลังติดโควิด   จะช่วยให้วิตามินที่อยู่ในอาหารเสริมเข้าไปเพิ่มเติมปริมาณวิตามินที่ได้จากอาหาร เพราะในขณะที่ทุกๆวันเรารับประทานอาหารเข้าไป บางครั้งสารอาหารที่ได้รับจากในอาหารอาจมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ดังนั้น การทานอาหารเสริมหลังติดโควิด จะสามารถทำได้สะดวกรวดเร็วกว่า ได้วิตามินในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และยังสามารถเลือกทานเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินครบทุกชนิดได้อีกด้วย

3. การให้วิตามินทางหลอดเลือด (IV Drip)

วิตามินซี สร้างภูมิคุ้มกัน

การให้วิตามินทางหลอดเลือด เป็นการรับวิตามินหลังติดโควิดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะสะดวก รวดเร็ว เห็นผลลัพธ์ได้ไวแล้ว ยังเป็นวิธีที่ร่างกายสามารถนำวิตามินที่ฉีดเข้าไปใช้ได้ในทันที

แนวทางอื่นในการสร้างภูมิคุ้มกันหลังติดโควิด

วิตามินป้องกันโควิด

ถึงแม้ว่า การรับวิตามินหลังติดโควิดจะสำคัญ แต่การทำกิจกรรมอื่นๆควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้สุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืนก็สำคัญไม่แพ้กัน กิจกรรมอื่นๆที่สามารถทำควบคู่ไปด้วยได้ มีดังต่อไปนี้   

1. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
การทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลาย การทานอาหารควรเลือกอาหารที่มีเส้นใย เพื่อทำให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างสมดุล และควรทานผัก ผลไม้ เพื่อให้ได้วิตามินหลายชนิดเข้าสู่ร่างกาย

2. ออกกำลังกายฟื้นฟูร่างกาย
การออกกำลังกายฟื้นฟูร่างกาย จะช่วยในเรื่องของการกระตุ้นระบบการหมุนเวียนโลหิต การเสริมสร้างกล้ามเนื้อต่างๆให้มีความแข็งแรง ลดความเครียด และปล่อยให้สมองได้รับความผ่อนคลาย

3. พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้การรับวิตามินหลังติดโควิด เพราะขณะที่เรานอนหลับ ร่างกายจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ร่างกายจะมีการผลิตสารไซโตไคน์ที่ช่วยในเรื่องของการอักเสบ พร้อมทั้งพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย

4. หากิจกรรมคลายความเครียด
การหากิจกรรมคลายความเครียด จะช่วยให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายได้มากขึ้น โดยเราอาจหากิจกรรมที่ตนเองรู้สึกสนใจ หรือไม่เคยลองทำมาก่อน เพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความตึงเครียด และมีความตื่นตัว สดใสมากยิ่งขึ้น

ข้อสรุป
การได้รับวิตามินหลังติดโควิด จะช่วยให้ร่างกายได้มีสารอาหารและพลังงานที่เพียงพอต่อการใช้ฟื้นฟูร่างกาย เมื่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกายแข็งแรงขึ้น จะส่งผลให้ร่างกายไม่เจ็บป่วยง่ายและมีสุขภาพที่ดีในการดำรงชีวิตต่อไป วิตามินสามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทานวิตามินเสริมภูมิคุ้มกัน การใช้วิตามินต้านโควิด ฯลฯ

ดังนั้น หลังหายจากโควิด ควรกินอะไรที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย หรืออาจหากิจกรรมอื่นควบคู่กันไปด้วย เพื่อที่จะทำให้ร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะฟื้นฟู และทำให้สามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และไม่ควรละเลยที่จะตรวจสุขภาพ เพื่อเช็คระบบต่างๆภายในร่างกายต่อไป



321
แผ่นยิปซั่มกันความร้อนขนาด

ในปัจจุบันนิยมนำแผ่นยิปซั่มหรือยิปซั่มบอร์ดมาเป็นส่วนประกอบของบ้าน โรงแรม หรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ อย่างเช่น ผนัง เพดาน หรือตกแต่งภายในและภายนอก และแผ่นฝ้ายิปซั่มมีหลากหลายประเภท ขนาดฝ้ายิปซั่มหลายขนาด แผ่นยิปซั่มยังมีคุณสมบัติที่โดนเด่นเช่น แข็งแรง ป้องกันไฟ น้ำหนักเบา กันรา ฯลฯ

หากคุณกำลังเลือกหาวัสดุสร้างบ้านหรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ลองมาทำความรู้จักกับแผ่นยิปซั่มว่าจะตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่ พร้อมแนะนำวิธีเลือกใช้แผ่นยิปซั่ม แผ่นยิปซั่มมีกี่ขนาด? แผ่นยิปซั่มมีกี่ประเภท? ติดตามได้ในบทความนี้ได้เลยค่ะ

แผ่นยิปซั่มคืออะไร
แผ่นยิปซั่ม คือ แผ่นปูนที่มีลักษณะเหนียว ผิวเรียบหรืออาจจะมีวัสดุผิวเรียบทั้งสองด้านก็ได้ ซึ่งยิปซั่มเป็นผนังเบา นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบของบ้านเช่น แผ่นยิปซั่มกันห้อง สามารถแบ่งได้ตามความต้องการสำหรับการใช้งานได้ โดยเลือกจากวัสดุและประเภทของการสร้างที่แตกต่างกัน เช่น แผ่นยิปซั่มตัน หรือแผ่นยิปซั่มพรุน


แผ่นยิปซั่มมีประเภทใดบ้าง
ขนาดแผ่นยิปซั่มมีให้เลือกหลายขนาดและยังมีให้เลือกหลายประเภทอีกด้วย คุณสามารถเลือกใช้แผ่นยิปซั่มได้ตามต้องการของลักษณะงานไม่ว่าจะเป็นงาน ดัดโค้ง กันเสียงรบกวน ต้องการความทนทาน ไม่ว่างานภายใน หรือภายนอกก็สามารถใช้แผ่นยิปซั่มได้ โดยสามารถเลือกใช้แผ่นยิปซั่มได้ ดังต่อไปนี้
แผ่นฝ้ายิปซั่มทีบาร์60x60cm

1. แผ่นยิปซั่มมาตรฐาน
คุณสมบัติแผ่นยิปซั่มมาตรฐาน
  • มีผิวเรียบ สวยงาม
  • แผ่นยิปซั่มมาตรฐานติดตั้งง่าย สะดวก รวดเร็ว
  • สามารถออกแบบให้เป็นระบบป้องกันเสียง 35-60 เดซิเบล
  • ปลอดภัยต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
  • เป็นฉนวนกันความร้อน ทำให้ห้องเย็นสบาย
  • เป็นฉนวนป้องกันไฟ เพราะผลิตขึ้นจากแร่ยิปซัมซึ่งไม่ลามไฟ
พื้นที่สำหรับใช้งาน
  • ฝ้าเพดานหรือผนังภายในทั่วไป
2. แผ่นยิปซั่มทนทานสูง
คุณสมบัติแผ่นยิปซั่มทนทานสูง
  • สามารถป้องกันการลามไฟผ่านผนังได้สูงถึง 1 ชั่วโมง
  • ระบบผนังแข็งแรงทนทาน น้ำหนักเบา ผ่านการทดสอบความแข็งแรงของผนัง ได้ในระดับ “Sever Duty” ซึ่งมีความแข็งแรงในระดับที่เทียบเท่าผนังก่ออิฐ-ฉาบปูน
  • แผ่นยิปซั่มทนทานสูงป้องกันเสียงได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยค่าการกั้นเสียงสูงถึง 38-50* เดซิเบล
พื้นที่สำหรับใช้งาน
  • แผ่นยิปซั่มทนทานสูงหรือแผ่นยิปซัมมัลติวอลล์ ใช้กับอาคารที่ต้องการความแข็งแรงของผนังมากเป็นพิเศษ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน โรงแรม คอนโดมิเนียมรวมถึงบ้านพักอาศัย
3. แผ่นยิปซั่มทนชื้นทนรา
คุณสมบัติแผ่นยิปซั่มทนชื้นทนรา
  • แผ่นยิปซั่มทนชื้นทนราลดปัญหาการรื้อหรือซ่อมฝ้า
  • ติดตั้งง่าย รวดเร็ว
  • ปลอดภัยต่อสุขภาพ ไม่มีความเสี่ยงจากการสูดดมเชื้อรา
  • เพิ่มคุณสมบัติการป้องกันราในเนื้อแผ่นยิปซัม เพื่อป้องกันการเกิดคราบราจากความชื้นในห้องทำให้ปราศจากคราบราดำ
พื้นที่สำหรับใช้งาน
  • ห้องที่มีน้ำท่วมขัง
  • ห้องที่มีความชื้นหรืออากาศถ่ายเทน้อย
  • พื้นที่หรือห้องที่มีโอกาสเกิดน้ำขัง เช่นห้องที่มีน้ำตก ห้องที่มีบ่อเลี้ยงปลา
4. แผ่นยิปซั่มฟอกอากาศ
คุณสมบัติแผ่นยิปรอค แอคทีฟ แอร์ ชนิดฟอกอากาศ
  • ปรับปรุงคุณภาพของอากาศภายในห้องโดยการดักจับและเปลี่ยนสารอินทรีย์ไอระเหยให้เป็นอากาศที่ไม่เป็นสารอันตราย
  • แผ่นยิปซั่มฟอกอากาศ ช่วยลดปริมาณสารฟอร์มัลดีไฮด์ภายในอาคาร ที่พัก
  • คิดค้นพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีเฉพาะของยิปรอค
พื้นที่สำหรับใช้งาน
  • อาคารสำนักงาน , โรงพยาบาล , ที่พักอาศัย , ร้านค้า , โรงเรียน
5. แผ่นยิปซั่มทนไฟ
คุณสมบัติแผ่นยิปซั่มทนไฟ
  • สามารถออกแบบให้เป็นระบบป้องกันไฟได้ ตั้งแต่ 1-4 ชั่วโมง
  • เพิ่มคุณสมบัติการทนไฟ
  • เสริมความแข็งแรง โดยเพิ่มส่วนผสมของเส้นใยชนิดพิเศษ ทำให้เนื้อยิปซัมเกาะตัวกันแน่น โดยประกบด้วยกระดาษเหนียวอัดแน่นชนิดพิเศษสีชมพู
  • แผ่นยิปซั่มทนไฟสามารถออกแบบให้เป็นระบบป้องกันไฟได้ตั้งแต่ 1-4 ชั่วโมง
พื้นที่สำหรับใช้งาน
  • ผนังภายในอาคารสูง อาคารสำนักงาน โรงแรมทางหนีไฟ ช่องลิฟท์ โรงภาพยนตร์ หรือหุ้มโครงสร้างเหล็ก และบริเวณที่ต้องการอัตราการทนไฟสูง
6. แผ่นยิปซั่มกันความร้อน
คุณสมบัติแผ่นยิปซั่มกันความร้อน
  • สามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้ถึง 93.7%
  • เพิ่มคุณสมบัติการป้องกันการส่งผ่านความร้อน โดยบุแผ่นสะท้อนรังสีความร้อนด้านหลัง
พื้นที่สำหรับใช้งาน
  • ห้องใต้ชั้นดาดฟ้า
  • ผนังด้านที่โดนแดดโดยตรง
  • ฝ้าเพดานส่วนที่ติดหลังคา
7. แผ่นยิปซั่มกันเสียงรบกวน
คุณสมบัติแผ่นยิปซั่มกันเสียงรบกวน
  • เป็นแผ่นยิปซั่มที่มีการฉลุลวดลายต่าง ๆ ทั้งรูวงกลม รูสี่เหลี่ยม กรุแผ่นดูดซับเสียงกลาสแมท (Glass Mat) แนบสนิทที่หลังแผ่น
  • เพิ่มคุณสมบัติการดูดซับเสียง ด้วยระดับค่า NRC 0.65-0.8 (ติดตั้งร่วมกับฉนวนใยแก้ว)
พื้นที่สำหรับใช้งาน
  • พื้นที่ที่เน้นการลดเสียงสะท้อนและความสวยงามทันสมัย เช่น โฮมเธียเตอร์ โถงทางเดิน ห้องประชุม สัมมนา ห้างสรรพสินค้า สนามบิน
8. แผ่นยิปซั่มป้องกันรังสีเอ็กซเรย์
คุณสมบัติแผ่นยิปซั่มป้องกันรังสีเอ็กซเรย์
  • ปราศจากสารตะกั่ว
  • ใช้งานร่วมกับปูนฉาบรอยต่อชนิดพิเศษ ที่ช่วยทำให้ระบบผนังเอ็กซ์บล็อคมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับระบบผนังเสริมตะกั่ว
  • มีส่วนประกอบของแบไรท์ (Barytes) ที่ออกแบบสำหรับระบบผนังป้องกันรังสีเอกซเรย์อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ทำหน้าที่เป็นตัวป้องกันรังสีเอกซเรย์ให้กับผู้ปฏิบัติการภายในห้องปฏิบัติงานฉายรังสี
พื้นที่สำหรับใช้งาน
  • คลินิกสัตวแพทย์ , ห้องทันตกรรม , ห้องฉายรังสีเอกซเรย์

คุณสมบัติและข้อจำกัดของแผ่นยิปซั่ม
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้แผ่นยิปซั่มหรือยิปซั่มบอร์ด คุณควรรู้คุณสมบัติของแผ่นยิปซั่มก่อน นอกจากคุณสมบัติแล้วควรทราบถึงข้อจำกัดของแผ่นยิปซั่มให้ดีเสียก่อน คุณสมบัติและข้อจำกัดของแผ่นยิปซั่มจะมีอะไรบ้าง ดังนี้
คุณสมบัติของแผ่นยิปซั่ม
  • ช่วยประหยัดพลังงานในบ้าน
  • ป้องกันความชื้น
  • ป้องกันความร้อนได้ดี
  • แผ่นยิปซั่มมีน้ำหนักเบา
  • ป้องกันการติดไฟ
ข้อจำกัดของแผ่นยิปซั่ม
  • ควรทาสีรองพื้นแผ่นยิปซั่มก่อนทาสีจริง เพื่อให้เนื้อสียึดเกาะกับฝ้าเพดานได้ดียิ่งขึ้น สีที่ทาแผ่นยิปซั่มไม่โป่งพอง
  • แผ่นยิปซั่มถูกปิดทับด้วยกระดาษทั้งสองด้าน หลายคนอาจจะเคยมีประสบการณ์ปลวกกินแผ่นยิปซั่ม จริง ๆ แล้วปลวกนั้นกินกระดาษที่ปิดทับแผ่นยิปซั่มนั้นเอง

ปูนฉาบยิปซั่มคืออะไร
แผ่นยิปซั่มราคาแผ่นละ

ถ้าต้องการฉาบปูนแผ่นยิปซั่มควรใช้ปูนยิปซั่มโดยเฉพาะ เพราะมีคุณสมบัติพิเศษใช้งานง่ายเสร็จงานไว ไม่แตกร้าว ใช้ฉาบทับผิวหน้าผนัง และเพดานท้องพื้นได้ และปูนยิปซั่มฉาบรอยต่อ เพื่อการตกแต่งผิวให้เรียบก่อนทาสี หรือติดวอลล์เปเปอร์งานฉาบปิดหัวสกรู งานซ่อมแซมรอยชํารุดบนพื้นผิว ของงานยิปซัมทุกประเภท

ราคาแผ่นยิปซั่ม
แผ่นยิปซั่มมีความหลากหลายให้เหมาะกับการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติและขนาด แผ่นยิปซั่มจึงมีให้เลือกหลายราคา ราคาแผ่นยิปซั่ม ดังนี้
แผ่นยิปซั่มธรรมดา ราคา 110 บาท – 1,700 บาท
แผ่นยิปซั่มทนชื้น ราคา 170 บาท – 740 บาท
แผ่นยิปซั่มกันความร้อน ราคา 170 บาท – 1,700 บาท
ปูนยิปซั่ม ราคา 160 - 270 บาท

สรุปแผ่นยิปซั่ม
แผ่นยิปซั่มกันชื้นขนาด

ด้วยคุณสมบัติของแผ่นยิปซั่มที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย เหมาะกับทุกสภาพอากาศในการใช้งาน แผ่นยิปซั่มตอบโจทย์มากอีกทั้งราคาไม่สูงมากแต่มีคุณภาพที่แข็งแรง ทนทาน ดังนั้นควรเลือกใช้แผ่นยิปซั่มให้ตรงกับคุณสมบัติของแผ่นยิปซั่มแต่ละชนิด


322
CRM คืออะไร

นอกจากคุณภาพของสินค้า การทำการตลาดที่น่าดึงดูด ทำกระแสให้กับสินค้าหรือแบรนด์ของเราแล้ว สิ่งสำคัญที่เหมือนเป็นหัวใจของการทำธุรกิจเลยคือ “ลูกค้า” เพราะลูกค้าคือผู้ที่มีสิทธิในการตัดสินใจซื้อสินค้า และบริการของเรา ส่งผลโดยตรงต่อยอดขาย การเติบโตของแบรนด์ การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า จะทำให้เราได้ฐานลูกค้าที่มั่นคง รวมทั้งได้เพิ่มโอกาสเติบโตทางธุรกิจได้จากข้อมูลของฐานลูกค้าที่เรามี ดังนั้นจึงเกิด ระบบ CRM(Customer Relationship Management System) เพื่อช่วยเชื่อมโยงแบรนด์กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น


ระบบ CRM คืออะไร
คำว่า CRM ย่อมาจาก Customer Relationship Management หมายถึง การบริหารความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรหรือแบรนด์นั้น ๆ กับลูกค้า เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญ โดยมีเป้าหมายคือความพึงพอใจของลูกค้า เพื่อรักษาลูกค้าประจำ หาลูกค้าใหม่ ๆ และเพิ่มยอดขายให้กับองค์กร สร้างความจงรักภักดีต่อองค์กรธุรกิจของเรา (Brand Royalty) เพื่อคงไว้ซึ่งฐานลูกค้า โดยจำเป็นจะต้องมีการจัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาวิเคราะห์ และใช้ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงประเด็น สร้างความสัมพันธ์อันต่อเนื่องกับลูกค้า เพื่อให้มีการติดต่อซื้อขาย ดำเนินธุรกิจและเติบโตร่วมกันได้ในระยะยาว

กล่าวโดยสรุป ระบบ CRM จะช่วยให้การบริหารธุรกิจนั้นมีความเป็นระเบียบแบบแผน และสะดวกมากขึ้น ช่วยให้บริหารจัดการลูกค้า นำเสนอบริการ หรือสินค้าได้ตรงจุด ตัวอย่าง CRM เช่น ระบบสะสมแต้มของร้านค้าต่าง ๆ เป็นต้น ในบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับ ระบบ CRM ให้มากขึ้น และสามารถมั่นใจได้ว่าจะใช้ประโยชน์จากระบบนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจของคุณได้



ประโยชน์ของ CRM
เพื่อให้เห็นประโยชน์ของ CRM ได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น บทความนี้จะมาย่อยออกเป็น 10 ข้อให้ได้เห็นความสำคัญของระบบ CRM มากยิ่งขึ้นกัน

1. มีความรู้ความเข้าใจในตัวลูกค้ามากขึ้น
ระบบ CRM จะมีการช่วยจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวข้องลูกค้าทุก ๆ คนของเรา ทั้งช่องทางการติดต่อลูกค้า วันเกิด ไลฟ์สไตล์ หรือโซเชียลมีเดียของตัวลูกค้านั้น จะทำให้เราสามารถนำข้อมูลที่ระบบมีนำมาวิเคราะห์ทำความเข้าใจกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น รวมถึงทำฐานข้อมูลให้เป็นระบบเพื่อการต่อยอดทางการตลาดในอนาคตได้ ทำให้เกิดความสัมพันธ์ในระยะยาวกับลูกค้า

2. แบ่งกลุ่มผู้บริโภคง่ายมากขึ้น
ประโยชน์อีกประการของระบบ CRM คือการมีข้อมูลของลูกค้าทั้งข้อมูลทั่วไป และข้อมูลเชิงลึก ทำให้สามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างเป็นระบบ เช่น การแบ่งตามความต้องการของลูกค้า ประวัติส่วนตัวของลูกค้า ประวัติการซื้อสินค้าและบริการ เป็นต้น เมื่อเราสามารถแบ่งกลุ่มของลูกค้าได้อย่างประสิทธิภาพแล้ว ก็จะช่วยให้องค์กรสร้างความสัมพันธ์ได้ตรงกับความต้องการได้ง่าย รวดเร็ว และแม่นยำเช่นการ ส่งสิทธิพิเศษต่าง ๆ หรือออกโปรโมชั่นที่ตรงใจกับลูกค้าได้

3. บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
เป้าหมายสำคัญของระบบ CRM คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ข้อมูลที่เราได้จากระบบจะทำให้องค์กรมีความเข้าใจในสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และทำให้สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. สื่อสารกับลูกค้าได้รวดเร็ว และดียิ่งขึ้น
ช่วยให้การทำแคมเปญต่าง ๆ ปล่อยโปรโมชั่น หรือสิทธิพิเศษง่ายมากขึ้น เพราะมีข้อมูล และฐานลูกค้าภายในระบบอยู่แล้ว หรือจะทำการสำรวจความต้องการของลูกค้าก็สามารถทำได้โดยตรง เช่น ส่งแบบสอบถามให้ลูกค้า เป็นต้น

5. รักษาฐานลูกค้าเก่าได้เหนียวแน่น
จากการสำรวจ และการเก็บข้อมูลทั้งในเชิงคุณภาพ รวมถึงเชิงปริมาณที่ทำให้รู้ความสนใจของลูกค้าในขณะนั้น และสามารถสร้างกลยุทธ์บริการหลังการขายที่ตรงต่อความต้องการของลูกค้า ทำให้เรารักษาฐานลูกค้าเก่าที่จะมาใช้บริการซ้ำได้เป็นอย่างดี

6. ลดค่าใช้จ่ายในการเริ่มต้นหาลูกค้ารายใหม่
การสร้างกระแสดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ อาจมีความเสี่ยงที่ต้นทุนจะพุ่งสูงขึ้น และไม่ได้รับผลตอบรับเท่าที่ควร แต่ศึกษาลูกค้าเดิม เพื่อทำการตลาดซึ่งตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่เรามีอยู่ในมือได้จะทำให้เกิดโอกาสการซื้อซ้ำ และเกิด Brand Loyalty ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการตลาดแบบปากต่อปากจากลูกค้าเก่าที่ทำให้มีลูกค้าใหม่หมุนเวียนเข้ามาได้อีกด้วย

7. สร้างมูลค่าให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ
เราสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และการบริการของแบรนด์ได้อย่างรวดเร็วด้วยระบบ CRM ด้วยสิทธิพิเศษ หรือประโยชน์ โปรโมชั่นต่าง ๆ ที่แบรนด์มีให้กับลูกค้า ทำให้รู้สึกคุ้มค่าที่จะใช้บริการเรื่อย ๆ เพราะได้รับประโยชน์จากแบรนด์

8. ลดต้นทุนด้านการบริหารจัดการ
เพราะสามารถดึงข้อมูลที่เรามีในระบบ CRM มาช่วยในการตัดสินใจได้ และยังช่วยวิเคราะห์แนวโน้มในอนาคต ทั้งกำไร ปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อธุรกิจ และนำไปวางแผนทางการตลาดเพื่อรับมือได้ง่ายมากขึ้น

9. ควบคุมต้นทุนด้านการผลิตได้ดียิ่งขึ้น
แบรนด์จะสามารถต่อยอดพัฒนาสินค้าที่ขายดี คิดคำนวณปริมาณการผลิตได้แม่นยำด้วยข้อมูลในระบบ CRM จึงสามารถควบคุมต้นทุนด้านการผลิตได้ อีกทั้งยังทำการตลาดเจาะจงกับกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี

10. การทำงานที่เป็นระบบ ส่งผลต่อการเติบโตขององค์กรในระยะยาว
การฐานข้อมูลที่เป็นระบบส่งผลต่อยการเติบโตขององค์กรในระยะยาว  เพิ่มความคล่องตัว และประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยให้เราบริหารงานทั้งด้านการตลาด การบริการลูกค้า การผลิต รวมถึงพัฒนาองค์กรได้อย่างสะดวกมากขึ้น

ด้วยประโยชน์ที่กล่าวมานี้ ระบบ CRM Rocket ระบบบริหารจัดการลูกค้าที่รวบรวมข้อมูลลูกค้าแบบ 360 องศาอย่างรอบด้าน จะทำให้แบรนด์ของคุณสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง และมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับลูกค้า สร้างฐานลูกค้าที่มีความ Royalty ได้อย่างดีเยี่ยม

 ประโยชน์ ของ crm


การทำงานของระบบ CRM มีอะไรบ้าง
การทำงานของระบบ CRM จะเริ่มต้นจากสร้างการรับรู้แบรนด์ โดยจะทำการเรียนรู้กลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมาย และแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเพื่อให้สามารถระบุได้ว่าควรทำการตลาดที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าของแบรนด์ได้อย่างไรบ้าง เมื่อทีมการตลาดสามารถทำข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าได้แล้ว การสร้างกลุ่มเป้าหมายการขายจึงเป็นงานถัดไป โดยทีมทำการขายอาจติดต่อกับลูกค้า หรือรุกลูกค้าผ่านแคมเปญต่าง ๆ ได้เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายกลายเป็นลูกค้าจริง ๆ ของแบรนด์ เมื่อมีการบริโภคแล้ว สิ่งสำคัญคือการมอบบริการ สิทธิพิเศษเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า ทำให้เกิดการซื้อซ้ำ กระตุ้นยอดขายเพิ่ม และขยายผลต่อไปเรื่อย ๆ จะเห็นได้ว่าในทุกขั้นตอนหากเรามีระบบ CRM ที่เหมาะสมกับบริษัท การดำเนินไปของธุรกิจจะง่ายยิ่งขึ้น


การประยุกต์ใช้ระบบ CRM กับการธุรกิจ

Marketing Automation
ระบบการตลาดอัตโนมัติที่มีการอัปเดทอยู่ตลอดเวลา จะช่วยจัดการในด้านการตลาดทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าได้เป็นวงกว้าง และตรงกับความต้องการของลูกค้า นอกจากนี้ยังนำข้อมูลที่ได้รับจากการปฏิบัติงานแต่ละครั้งมาวิเคราะห์เพื่อต่อยอดทางการตลาดได้ดีมากขึ้น

Customer Service
เมื่อเกิดการซื้อขายบริการหรือสินค้าไปแล้ว บริการหลังการขายจะดำเนินการสำหรับแจ้งปัญหาหลังการขาย จัดหมวดหมู่ของปัญหา เพื่อให้ง่ายต่อการติดตาม และแก้ไข สามารถนำไปวิเคราะห์หาแนวทางในการแก้ไขจุดบกพร่องได้ในอนาคต

Personalization
ทำการสร้างข้อเสนอแบบเฉพาะเจาะจง คัดเลือก และนำเสนอสินค้าที่เหมาะสมเฉพาะลูกค้าแต่ละคน เพราะลูกค้าแต่ละคนมีปัญหา ความต้องการ ความชอบ งบประมาณ วิธีการตัดสินใจซื้อที่ต่างกันออกไป ระบบ CRM จึงช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าจนสามารถหาสินค้า หรือบริการได้ตรงใจกับลูกค้าได้มากที่สุด

Sale Automation
การจัดการข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า เริ่มตั้งแต่การเก็บข้อมูล แบ่งหมวดหมู่แยกประเภทจัดระบบลูกค้า คอยติดตามผลและจัดการคำสั่งการขาย นำยอดขายที่เกิดขึ้นมาเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้เพื่อคาดการณ์ยอดขาย โดยหลักแล้วมีอยู่เพื่อสนับสนุนให้สามารถปิดยอดการขายได้ดีขึ้น


ระบบ CRM เหมาะกับใคร?
ระบบ CRM เหมาะกับธุรกิจหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะธุรกิจที่ต้องใช้ข้อมูลของลูกค้าในการวิเคราะห์การตลาด ทำความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้า ต้องการเก็บรวบรวมฐานข้อมูลลูกค้าจัดกลุ่มไว้ในที่เดียว และสามารถดึงข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ได้ ทุกที่ ทุกเวลา เข้าถึงข้อมูลได้ง่าย โดยเฉพาะธุรกิจแบบ B2C ที่ลูกค้าจะใช้การตัดสินใจนานกว่าจะซื้อบริการเรา การมีระบบ CRM มาช่วยจะทำให้เราสามารถทำข้อเสนอ หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ได้ตรงใจลูกค้า และมีโอกาสปิดการขายได้ง่ายขึ้น

สรุป
สิ่งที่แบรนด์ หรือบริษัทที่อยากจะเติบโตควรมองหาคือ ระบบ CRM ที่มีคุณภาพ ซึ่งจะช่วยให้เราเจาะลึกพฤติกรรมลูกค้าได้อย่างตรงจุด ช่วยจัดข้อมูล ทำการวิเคราะห์ ทำให้แผนการทำงานของเราพลาดน้อยที่สุดในการทำบริษัท โดยเฉพาะเมื่อผสานเทคโนโลยีที่มีในยุคปัจจุบันแล้ว ยิ่งจะทำให้แบรนด์เติบโตอย่างมั่นคงท่ามกลางลูกค้าที่มีความ Brtand Royalty ได้อย่างไม่ยากนัก


323
 Data driven

ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะธุรกิจประเภทใดก็ต่างพูดกันถึง Big Data แน่นอนว่าการทำตลาดก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นเดียวกัน ในปัจจุบันการทำตลาดของบริษัทใหญ่หลายบริษัทได้เปลี่ยนมาเป็นการทำตลาดด้วย Data-Driven ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและสร้างกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักและทำความเข้าใจกับ Data Driven Marketing, Data Driven Organization คืออะไร พร้อมทั้ง 5 ขั้นตอนการสร้างกลยุทธ์การตลาดที่ใช้ข้อมูลเป็นหลัก ถ้าพร้อมแล้ว ไปลุยกันเลย 

Data-Driven คืออะไร

Data Driven คือ การขับเคลื่อนธุรกิจของคุณด้วยข้อมูล หรือ Big data ที่ธุรกิจของคุณได้เก็บรวบรวม โดยสามารถนำข้อมูลที่มีไปปรับใช้ได้กับทุกของธุรกิจเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็น การทำการตลาด การบริหารองค์กร การวางแผนกลยุทธ์ การทำคอนเทนต์ และแคมเปญต่างๆ

นอกจากนี้ Data Driven ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการทำธุรกิจเท่านั้น แต่ยังสามารถนำไปปรับใช้กับหน่วยงานภาครัฐ เช่น การออกนโยบายเพื่อให้ตอบสนองความต้องการของประชาชน หรือ การจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้เหมาะสมอีกด้วย

Data-Driven Marketing คืออะไร
หลายคนน่าจะสงสัยกันใช่ไหม ว่า Data-Driven Marketing ที่หลายคนพูดถึงคืออะไร ? จริงๆ แล้ว Data-Driven Marketing เป็นการทำตลาดโดยใช้ข้อมูลเป็นหลัก ซึ่งข้อมูลในที่นี้จะได้มาจากการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าตามแพลตฟอร์มบนโลกออนไลน์

เมื่อได้ข้อมูลมาแล้วนักการตลาดจะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย พร้อมทั้งคาดเดาแนวโน้มพฤติกรรมของลูกค้าในอนาคต ซึ่งการทำ Data-Driven Marketing จะช่วยให้การทำการตลาดและการวางกลยุทธ์ของบริษัทมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ช่วยลดค่าเสียโอกาสต่างๆ ลดได้

5 ขั้นตอนการสร้าง Data-Driven

1. Data Driven Strategy
ขั้นตอนนี้เป็นการตั้งเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่าจะใช้ Data driven ทำอะไร เพื่อให้ทีมงานทราบว่าเป้าหมายคืออะไร และจะนำข้อมูลไปใช้ทำอะไร พร้อมทั้งเก็บรวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับจุดวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้

2. Identify key areas
ขั้นตอนนี้เป็นการกำหนดที่มาของแหล่งข้อมูล โดยจะกำหนดว่า Data ที่สามารถนำมาวิเคราะห์ตามวัตถุประสงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ จำเป็นต้องเป็นข้อมูลที่มาจากช่องทางไหน ไม่ว่าจะเป็น ออฟไลน์ ออนไลน์ที่ได้มาจากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ โดยการเก็บ Data ต่างๆ บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยได้มีการออกกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค PDPA ที่จะช่วยให้ผู้บริโภคไม่โดยบริษัทและหน่วยงานต่างๆ นำข้อมูลไปใช้โดยไม่ผ่านการยินยอมจากเจ้าของข้อมูล

3. Data targeting
หลังจากที่ได้ Big Data มาไว้ในมือแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้คุณจะมีข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ในปริมาณมหาศาล ขั้นตอนต่อไป คือการคัดแยกและวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ ว่าข้อมูลส่วนใดที่มีประโยชน์ต่อธุรกิจหรือหน่วยงานของคุณ โดยคัดเลือก Data ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ที่ได้ตั้งไว้ตั้งแรกขั้นตอนแรก

4. Collecting and Analyzing Data
ขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูลนับเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญ โดยแนะนำให้ข้อมูลที่ได้มาจากทุกแพลตฟอร์มที่มีความเกี่ยวข้องมาไว้ในที่เดียวกัน เพื่อช่วยให้สามารถนำไปใช้งานได้สะดวก พร้อมทั้งช่วยป้องกันการสับสนที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้การจัดเก็บข้อมูลที่มีระบบและได้มาตรฐานไม่ได้ส่งผลดีแค่เพียงกับนักการตลาดเท่านั้น แต่ส่งผลดีกับทุกฝ่ายในหน่วยงาน

5. Action Items

data driven marketing

ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการวิเคราะห์ Insight ของข้อมูลที่มี โดยวิเคราะห์เพื่อหาว่าจะนำข้อมูลที่มีอยู่ไปใช้ประโยชน์ใด หรือ นำไปวางกลยุทธ์การตลาดอย่างไร เช่น การทำ Data Driven Marketing ที่ใช้ข้อมูลเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แม่นยำ แนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคในอนาคต เพื่อที่บริษัทจะได้สามารถออกสินค้าและบริการที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้

5 เหตุผลที่ธุรกิจควรใช้ Data-Driven Marketing ในการทำการตลาด 

1. Data-Driven กับการทำResearch Keyword เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล Insight

Data Driven กับการทำ Research Keyword

Data Driven กับการทำ Research Keyword เป็นการนำ Data ที่มีอยู่มาวิเคราะห์ว่ากลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าของธุรกิจต้องการสินค้า หรือ บริการด้านไหนมากที่สุด เป็นการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ตรงจุด ทั้งนี้การใช้ Data Driven กับการทำ Research Keyword ยังช่วยให้เห็นพฤติกรรมแนวโน้มของกลุ่มเป้าหมายในอนาคต ซึ่งสามารถทำให้นักการตลาดวางกลยุทธ์ หรือ ทำคอนเทนต์แบบใดที่จะดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้ 

2. Data-Driven กับ สัมพันธ์ของข้อมูลต่างๆ

เป็นการใช้ Data Driven เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของธุรกิจกับลูกค้า หรือที่หลายคนเรียกสั้นๆว่า CRM (Customer Relationship Management) โดยนักการตลาดจะนำ Insight ที่มีมาวิเคราะห์เพื่อวางกลยุทธ์ดูแลลูกค้าประจำให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งการใช้ Data Driven จะช่วยให้นักการตลาดเห็นช่องทางการดูแลลูกค้าได้ตรงจุดมากที่สุด ไม่จำเป็นต้องคอยไปเสียเวลาทดลองใหม่ๆ

3. Data-Driven กับวางกลยุทธ์ในองค์กร
ในปัจจุบันมีหลายบริษัทที่นำ Data Driven มาใช้เพื่อวางกลยุทธ์การทำธุรกิจ เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากยิ่งขึ้น ยิ่งนักการตลาดสามารถใช้ประโยชน์จาก Insight ที่มีอยู่ได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลดีกับธุรกิจมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งการนำ Insight วิเคราะห์เพื่อวางกลยุทธ์ทางการตลาดจะช่วยให้เกิดความแม่นยำ และได้ผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้น

โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปกับการทำการตลาดที่ไร้ทิศทาง และไม่ตรงกับความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้การนำ Data มาวิเคราะห์สร้างสินค้าและบริการที่เหนือกว่าคู่แข่ง จะทำให้ธุรกิจของคุณอยู่รอดในยุคดิจิตอลในปัจจุบัน

4. Data-Driven กับ วัดผลการดำเนินงาน (Performance Tracking)

วัดผลด้วย data driven

นอกจากการนำ Data เพื่อวางกลยุทธ์แล้ว Data Driven สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการวัดผลงานได้ด้วย ซึ่งการใช้ Data Driven จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่างาน กลยุทธ์ การตลาด หรือโปรโมชั่นที่ทำนั้นส่งผลดีต่อธุรกิจหรือไม่ โดยสามารถวัดได้จากตัวเลขและสถิติที่ได้เก็บรวบรวมไว้

5. Data-Driven กับการเข้าถึงความต้องการของลูกค้า
การใช้ Data Driven เป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด โดยที่นักการตลาดจำนำ Data ที่มีอยู่มาทำความเข้าใจกับพฤติกรรม และวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า และกลุ่มเป้าหมายที่จะกลายมาเป็นลูกค้าในอนาคต

โดยการใช้ Data Driven สามารถทำให้นักการตลาดนำมาต่อยอดทำการตลาดแบบ Personaliztion ได้ ช่วยให้องค์กรสร้างพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการและช่วยแก้ปัญหาของกลุ่มเป้าหมายได้ พร้อมทั้งทราบว่าสินค้าที่มีอยู่ควรปรับปรุงตรงไหน

เครื่องมือวิเคราะห์ Data-Driven ของธุรกิจในปัจจุบัน

หลังจากที่ได้รู้ประโยชน์ของ Data Driven ที่จะสามารถช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรของคุณให้อยู่รอดในยุคดิจิตอลได้แล้ว มาลองดูกันดีกว่า ว่าเครื่องมือวิเคราะห์ Data Driven มีอะไรบ้าง ?

Microsoft Excel

1. Microsoft Excel เป็นโปรแกรมสารพัดประโยชน์ที่สามารถใช้จดเก็บบันทึกข้อมูล และสามารถแสดงผลลัพธ์ด้วยฟังก์ชันต่างๆ ได้ นอกจากนี้ในโปรแกรมยังมีสูตรคำนวณพื้นฐานที่จะช่วยในการวิเคราะห์ Data และแสดงผลออกมาในรูปแบบ Data Visualization อย่างชาร์ต หรือกราฟต่างๆ

google analytics

2.Google Analytics นับว่าเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมที่หลายๆ ธุรกิจใช้กัน ซึ่งสามารถใช้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้ กำหนดการเก็บ Data ได้ และสามารถวิเคราะห์ปริมาณข้อมูลจำนวนมากได้ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์ผ่านระบบ AI เพิ่มความสะดวกให้กับนักการตลาดทั้งหลาย

facebook insight

3.Facebook Insight เครื่องมือใหม่จาก Facebook ที่สามารถเข้าดู Insight หลังบ้านของ Page ตนเองได้ ไม่ว่าจะเป็น จำนวนการเข้าถึง การมีส่วนร่วมของลูกค้า และผู้ที่พบเห็น ซึ่งล้วนสามารถนำมาวิเคราะห์เพื่อวางกลยุทธ์ในอนาคตได้

amplitude

4.Amplitude มักใช้กับการสร้างแคมเปญโฆษณา โดยการทำการทดสอบ A/B สำหรับโฆษณาหรือคอนเทนต์ นอกจากนี้ยังมี Dashboard ที่สามารถปรับแต่งได้

adobe analytics

5.Adobe Analytics เป็นโปรแกรมที่มีฟีเจอร์ให้เลือกใช้หลากหลาย สามารถใช้ทำ Data Sciemtisis ได้ ทั้งนี้ Adobe Analytics เหมาะสำหรับบริษัทหรือองค์กรขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ และไม่เหมาะกับการใช้วิเคราะห์ Data พื้นฐาน

โรงงานผลิตครีมทาผิวWoopra

6.Woopra โปรแกรมนี้สามารถทำให้นักการตลาดวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายได้แบบ Real Time  โดยจะแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าและการใช้เว็บไซต์ของกลุ่มเป้าหมาย

ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Data-Driven Strategy 

ในยุคที่หลายองค์กรและหลายธุรกิจเริ่มหันมาขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Data เรามาลองดูการดีกว่ามามีอะไรที่จำเป็นต้องคำนึงในการทำ Data Driven Strategy บ้าง

  • คัดแยกข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรหรือธุรกิจ และตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ รวมไปถึงการเลือกใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง โดยวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่เพื่อนำไปต่อยอดให้กับองค์กรหรือธุรกิจของคุณ
  • นำ Data ที่มีอยู่วิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มจะมาเป็นลูกค้าในอนาคต เพื่อช่วยให้การวางกลยุทธ์ขององค์กรและธุรกิจแม่นยำมากขึ้น  ซึ่งการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ และแบบทดสอบต่างๆ เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ Data ที่มีอยู่จะทำให้การวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
  • พัฒนาคนในองค์กร และปรับทัศนคติที่มีต่อ Data Driven พร้อมทั้งให้ข้อมูลและความรู้ที่บอกว่าการใช้ Data Driven เข้ามาใช้ในการทำงานดีอย่างไร และช่วยให้ได้เปรียบกว่าคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันอย่างไร และอย่าลืมที่จะให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวอย่างการสร้าง Data-Driven

 case study data driven

ยกตัวอย่าง Case Study ของ Google จากการใช้ Data Driven มาวิเคราะห์ Prosonliztion ของกลุ่มเป้าหมายโดยใช้กับการทดสอบ A/B Testing เฉดสีไหนที่จะทำให้ User คลิกโฆษณาบน Google มากที่สุด โดย Google ได้ทำการทดสอบเฉดสีน้ำเงินกว่า 41 เฉดสี ซึ่งบางเฉดสีการแยกด้วยตาเปล่ายังเป็นเรื่องยาก แต่ Google กลับให้ความสนใจกับ Data ตรงนี้

ซึ่งหลังจากการทดสอบ และเก็บ Data ตรงนี้สามารถทำให้ Google ได้เฉดสีน้ำเงินที่สามารถสร้างรายได้ให้ Google มากถึง 200ล้านบาท จากการคลิกโฆษณา

ข้อสรุปของ Data Driven

หลังจากที่ได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ Data Driven และรู้ถึงประโยชน์ที่สามารถนำมาปรับใช้กับธุรกิจ องค์กร หรือหน่วยงานต่างๆ ได้แล้ว ตอนนี้คงไม่มีใครปฏิเสธว่าการทำธุรกิจไม่จำเป็นต้องใช้ Data Driven อีกต่อไป แน่นอนว่าถ้าหากอยากให้ธุรกิจของคุณอยู่รอดต่อไป การมี Insight และ Data ต่างๆ ของกลุ่มเป้าหมายเป็นเรื่องที่สำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป

แต่ถ้ามีเพียง Data Driven แต่ไม่สามารถสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ อย่าลืมที่จะพัฒนาบุคลากรของคุณให้สามารถใช้ข้อมูลและเครื่องมือที่มีอยู่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย 


324
สุขภาพ | Health / What is Lower Back Pain and How to Treat It?
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2022, 01:48:25 PM »
What is Lower Back Pain and How to Treat It?

What is Lower Back Pain?
Lower back pain is the pain on the lower back, from behind the ribs to the bottom. The pain might radiate to the legs. The lower back pain is caused by muscle, tendon, bone, or disc problems, which can be weak in accordance with age. Although it seems to be a simple condition, its unpleasant symptoms affect daily life.

Types of Lower Back Pain
For the next step, let you check the types of your lower back pain, which can be divided into 3 types:
  • Sudden lower back pain, the pain on the lower back which remains for less than 6 weeks;
  • Sub-sudden lower back pain, the pain on the lower back which remains for 6 weeks to 12 weeks;
  • Chronic lower back pain, the pain on the lower back which remains for more than 12 weeks.

Lower Back Pain Causes
After realizing the types of your lower back pain, now let you check its cause. There are 9 common causes which are:
  • Diseases of the ligaments or muscles of the back,
  • Diseases of the spine,
  • Infectious spinal disease,
  • Non-infectious inflammatory disease,
  • Degenerative diseases of the spinal joints,
  • Herniated disc,
  • Spinal stenosis,
  • Spinal cancer or metastasis of cancer to the spine,
  • Spinal injury
However, the lower back pain might be caused by internal organs, digestive system, and reproductive system. You may know the cause by seeing the doctor.

Low Back Pain Symptoms
You may confront the low back pain if you get these symptoms:
  • Pain on the lumbar region,
  • Sudden pain on the low back area, which might severe that you cannot stand or move,
  • Sudden pain happens when you bending or stretching your back,
  • Chronic pain on the back, which might obstruct you to bend your back or stand straight,
  • Chronic pain on the back when moving after staying in a sitting or supine position for a long period.


Diseases Associated with Low Back Pain
You may confront the low back pain if you get these symptoms:
  • Acute back strain is the most often occurred disease. It normally can heal itself within 1-2 weeks. The symptoms are back pain, and feeling sore when pressing the muscles in the spine area.
  • Lumbar disc herniation, most found in 50 years below patients. It is mostly acute, happens after lifting heavy stuff or having the wrong position. The symptoms are back pain radiating down the legs, feeling numb and feeling weak mostly around the L4, L5, and S1 Nerves.
  • Spinal stenosis is the back and leg pain that has slower symptoms. The symptoms are back pain radiating down the legs and feeling numb or feeling weak in the calf when walking.

How Low Back Pain is Diagnosed?
According to your symptoms, the doctor might give you a diagnosis. Now, let you know the lower back pain diagnosis.
  • Plain radiograph – This is the first step of examination because of its convenience and inexpensiveness. The structure of the spine, which is enough information, can be provided by this method. However, it still has limitations. The deformity of the herniated disc, nerves, and connective tissue are not projected.
  • Myelography – This method is conducted by inserting a needle into the spinal cord and injecting a contrast agent.
  • Computer Tomography (CT scan) – This method is conducted to project high-resolution images of the bone structure. Moreover, the images can be processed to create a 3D figure of the bone structure. However, the limitation of this method is that the image of the herniated discs is not sharp.
  • Magnetic Resonance Imaging (MRI) – This method provides the high-resolution image of the spine and inward view of the spine. Moreover, MRI can project the herniated discs, muscles, nerves, bones, and cerebrospinal fluid. Therefore, this method is the best test to diagnose the abnormalities of the spinal region.

Lower Back Pain Prevention
To prevent from the low back pain, you may avoid the risk factors, such as:
  • Avoid sitting in the same position for a long period, for example, sitting in front of the computer.
  • Avoid carrying a heavy bag or carrying a shoulder bag on one side which causes body imbalance leading to lower back pain.
  • Be careful of repetitive sports, for example, running,
    football, basketball, golf, badminton, tennis, etc., which some postures, such as, twist or pivot the body, lift, can cause sudden and chronic lower back pain.
  • Exercise back muscles.

Treatment for Lower Back Pain
After getting the diagnosis, some treatment might be recommended from your doctor such as:
  • Get enough rest, for improve healing process of your body,
  • Avoid bending back, you might wear a back brace or a waistband,
  • Take reliever, such as Paracetamol, anti-inflammatory
  • Take physical therapy, such as ultrasound, short wave, transcutaneous electrical nerve stimulation, elctro-acupuncture, traction, manipulation, etc., which can reduce sudden lower back pain,
  • Practice correct posture.

Lower Back Pain Conclusion
In conclusion, lower back pain is a common spine disorder caused by the abnormalities of back muscles, discs, and spinal joints. Although lower back pain is a common condition, you should realize your symptoms and get a diagnosis and treatment in time. Then, the sudden symptoms of the lower back pain might not get worse and become chronic lower back pain.


325
สุขภาพ | Health / Gastroesophageal Reflux Disease (GERD)
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2022, 08:39:26 AM »
GERD

Is your digestive system having problems? Sometimes you can feel acidic gastric fluid flows backward into your esophagus. How do we know whether we have GERD or gastritis? Many people still confused about the differences between GERD and gastritis. Although these two diseases are similar, there are still differences. For example, in gastritis, the dull pain occurs at or just below the xiphoid process, but GERD will feel the burning pain at the same site or a burning throat or chest. Check yourself to see if you are experiencing any of these symptoms such as feeling heartburn and regurgitation. It maybe the sign of GERD. It cannot be cured by taking medication solely. In case the symptoms do not get better or have become chronic, the additional examination is recommended. You may think that it is not a severe disease but it should not be ignored. If you are doubting in yourself whether you are having GERD or not and do not know what you should do, this article will show you.


What is GERD?

GERD or Gastroesophageal reflux disease is a condition wherein stomach acid repeatedly flows back into the esophagus, causing inflammation and severe ulcer. Cause of GERD is the sphincter between the esophagus and stomach gets loosened and relaxed, while it should be firm and fit to prevent a reflux. This condition is also known as gastroesophageal junction incompetence. Risk factors of GERD are usually caused by an inappropriate lifestyle. The most common aggravating factors such as immediately go to bed after a meal, obesity, excess weight which increases abdominal pressure, eating sour or spicy foods and smoking, drinking both alcoholic beverage and soft drink can also aggravate the symptom.


GERD Symptoms

Most common symptoms of GERD are heartburn and regurgitation; however, there are still other symptoms indicating GERD which can be divided into 2 categories which are esophageal symptoms and other symptoms outside the esophagus. For esophageal symptoms, esophageal membrane appears normal, but a heartburn, typical reflux syndrome, and reflux chest pain syndrome can occur. More symptoms which can arise are inflamed esophageal membrane, narrow esophagus, Barret’s esophagus, abnormal esophageal cells, and esophageal cancer. Other symptoms outside the esophagus that directly involved with GERD are coughing due to reflux, laryngitis, an asthmatic episode, and cavities. Symptoms that may indirectly involve with GERD are bronchitis, sinusitis, pulmonary fibrosis, and otitis media.


Treatment and Prevention of GERD

We can treat and prevent GERD by medication, laparoscopy and surgery. The easiest way to prevent GERD is to change our lifestyle and avoid aggravating factors. You should avoid spicy food or food that are difficult to digest. Reduce weight also helps to prevent GERD since overweight can increase the pressure in your abdomen. Besides, you should eat a small amount of food per meal and wait at least 3 hours after eating by do not go to bed or lie down immediately and do not wear clothes and belts that are tight, especially around the waist. If the symptoms always occur at night, do not forget to check the head of your bed which should be raised at least 6 inches using a leg support. Furthermore, you should not use the high-bolster sleep method as this will increase the pressure in our abdomen and increase acid reflux.
 
If you have practiced the initial behavior change and the symptom does not get better, you must take medication to reduce the amount of acid and increase bowel movement. You should take the medications regularly as prescribed by the doctor. Although the symptoms get better, you should not reduce the dose, or stop the medication by yourself. You should see your doctor as scheduled and continually adjust the dose. If the medication is not effective as expected, the doctor may consider surgical treatment. This is to prevent stomach acid from flowing back up into the respiratory system and upper digestive tract. While most GERDs are mild, they should not be neglected without treatment, as they can lead to more serious complications.


GERD Conclusion

You will see that although GERD is not a severe condition, it should not be ignored even it has a mild symptom. GERD can occur in all ages regardless of gender. It can develop into a chronic condition and increase risks of complications if the patients do not receive a proper treatment. The practices to prevent yourself from GERD is easy as you should change your incorrect lifestyle which can lead to the acid reflux. To treat GERD is also important, it is recommended that patients should see a doctor to get a precise diagnosis and design an individual treatment plan together with healthcare professionals. We believe that there is no one wants to get sick or take medication for the rest of their lives. Hopefully that this article will benefit for those of you who want to stay healthy and avoid disease.

326
สุขภาพ | Health / What Causes Stomach Pain When Hungry?
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2022, 08:35:33 AM »
stomach pain when hungry

Have you ever experienced hunger pangs? Hunger pangs, aka stomach pain when hungry, are typical symptoms when the stomach muscles clench when empty. Despite its usual harmlessness, stomach pain when hungry can actually lead to more serious gastric conditions. This article will provide you with information about stomach pain and stomach disorders.

Is Stomach Pain When Hungry Normal?

If you get hungry and your stomach gets rumbling, it is completely normal. Stomach pain when hungry or hunger pangs can happen to anyone. The painful gnawing sensation might feel different to each individual. The stomach muscles clench even though the stomach is empty, causing the feeling of contraction and painful discomfort.

Hunger pangs can sometimes occur as upper stomach pain when hungry as well. It depends on each person due to their different physiques. However, hunger pangs don’t always indicate a true need for a meal. The stomach may get used to a specific time of day for having a meal; hence, it clenches itself routinely.

Stomach pain when hungry can be either harmless or dangerous, depending on other conditions. If there are other symptoms happening at the same time with hunger pangs, maybe you should consider the possibility of gastric disorders. Hunger pangs can be warning signals of serious diseases, so you should not ignore them.

What are Common Causes for Stomach Pain When Hungry?

Stomach pain when hungry can be irritating indeed, but if you know about the causes, you can prevent yourself from feeling the gnawing discomfort. Here are some examples of common causes of hunger pangs:

  • Hunger hormone. Ghrelin is a hunger hormone in charge of releasing stomach acids to digest foods. If ghrelin is released and there are no contents in your stomach, it is possible for stomach acids to attack the organ and cause stomach pain.

  • Quality of food eaten. The main function of this factor is insulin. Insulin is a hormone regulating blood sugar. If insulin level decreases, ghrelin is released more. Hence, hunger pangs.

  • Lack of sleep. Getting enough rest is important since sleep deprivation can cause you to crave sweets and sugary stuff, including high-fat foods. It can cause hunger pangs as well.

  • Stress. Stress is one of the most common causes of stomach pain when hungry. Emotional hunger can arise due to stress or heightened emotional state such as anger. It causes the body to emotionally feel hungry and desire to eat.

  • Medications. Some medications such as antidepressants may interfere with hunger signals and ghrelin release. Consult your doctor for precise prescription and advice.

Can Gastritis Causes Stomach Pain When Hungry

stomach hurts when hungry

Stomach pain when hungry is confusing in itself since it can indicate various conditions. People may wonder why do stomachs hurt when hungry, or even if it is gastritis? Stomach pain when hungry, or hunger pangs, can be caused by Gastritis.

Gastritis is a condition in which you feel a gnawing discomfort in your stomach. Sometimes upper stomach pain is apparent as well. It can be a cramp in the epigastric region, or abdominal tenderness. Stomach pain when hungry is normally caused by Gastritis, but that might not always be the case. Other stomach disorders are also possible.

Other stomach disorders do not always have abdominal tenderness or stomach pain. In some cases, patients may experience blood vomiting and other serious symptoms before deciding to see the doctor. Such symptoms are the characteristics of stomach ulcers: a condition which is caused by excess acid production. Burning pain or chest pain is typically a normal symptom of stomach ulcers. This sensation results from repetitive acid reflux and chronic inflammation, causing the esophagus to swell and get damaged. These symptoms, along with stomach pain, indicate the need for professional advice.

What is Gastritis

Gastritis is commonly known as a general term for conditions involving inflammation of the lining of the stomach. The inflammation is most often the result of bacterial infection together with other prerequisites such as drinking alcohol and regular use of certain types of medications. Gastritis can be acute (occur suddenly) or chronic (appear and progress slowly overtime). Normally, the condition is not serious and improves quickly with treatment. However, gastritis can also result in stomach ulcers and other gastrointestinal conditions like stomach cancer.

Gastritis Symptoms

Here are some examples of gastritis symptoms:

  • Vomiting
  • Nausea
  • Burning ache in the upper stomach. (Upper stomach pain when hungry is included.)
  • Gnawing sensation in the stomach
  • A bloated stomach.

Gastritis Treatment

Gastritis is generally not a serious condition and can improve with treatment. These suggestions below are some examples of how to treat gastritis:

  • Lifestyle change. The most common and basic treatment is to change your lifestyle, especially eating habits. Avoid eating spicy or sour foods. Avoid drinking alcohol, tea, and coffee.

  • Medications. Basic medications for gastritis are antacids and stimulating gastric compression medication. However, in the cases of stomach ulcers, the doctor might recommend you to have antacids continuously for 6-8 weeks to heal the wounds in the stomach.

  • Carminative drugs. These medications are recommended in case of a bloated stomach. If there are no symptoms as such, there is no need to take carminative drugs.

  • Rest and try to be stress-free. Stress can induce gastritis to occur as well as sleep deprivation.

Gartris Disease And Stomach Pain When Hungry

Stomach pain when hungry is an ordinary occurrence, but it should not be ignored for the condition can develop into more serious diseases. Most people might think that the gnawing pain or upper stomach pain when hungry is harmless. It is not. Hunger pangs are typically frequent signs of two different types of gastrointestinal diseases:

Gastritis Without Ulcer

There are many factors contributing to gastric without ulcer. The most common ones are eating spicy food or a frequent habit of not eating on time. Sour foods and fermented foods are one of the major factors regarding gastritis without ulcer as well, including drinking alcohol and coffee. These factors irritate the lining of the stomach and eventually lead to chronic inflammation, increasing the risk of gastric ulcers and duodenal ulcers.

Ulcerative Gastritis

Ulcerative Gastritis is usually a result of regular usage of some anti-inflammatory drugs (NSAIDs: ibuprofen, diclofenac, proxen, etc.) or bacterial infection transmitted through eating. H. pylori, the bacteria causing stomach ulcers, lives in the mucous layer of the stomach. The mechanism of this bacterial infection is that it dilutes stomach acid by producing alkaline substances, then produces toxins to damage the epithelial cells of the stomach. Gastric mucosa gets inflamed and results in gastric ulcers, in severe cases, gastric cancer.

Stomach Pain When Hungry Conclusion

Hunger pangs or stomach pain when hungry is a normal occurrence. It can be either harmless or harmful, depending on each individual’s health. It is recommended to differentiate normal hunger pangs from gastritis. The common symptoms of gastritis are nausea, vomiting, and a burning ache in the stomach. Seeking professional advice is recommended to properly treat Gastritis and prevent other complications. Lifestyle adjustments are also helpful in terms of treating and preventing gastritis.




327
เรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษ

เนื่องด้วยคุณภาพทางการศึกษาทั้งยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำได้รับการยอมรับหลายแห่ง อาทิเช่น University of Oxford, University of Cambridge, University of St Andrews และ Imperial College London ทำให้ประเทศอังกฤษถือเป็นหนึ่งในประเทศยอดนิยมที่มีผู้สนใจเข้าเรียนต่อระดับปริญญาตรี ซึ่งการเรียนต่อปริญญาตรีประเทศอังกฤษยังมีข้อดีมากมายอย่างการต่อปริญญาโทง่าย ได้ภาษาแน่น และโอกาสในการได้งานที่สูงขึ้น

การเรียนต่อปริญญาตรีอังกฤษมีอยู่หลายหลักสูตรด้วยกัน โดยผู้ที่สนใจสามารถเลือกเรียนให้ตรงกับความพร้อมและความต้องการของแต่ละบุคคลได้ ไม่ว่าจะเรียนจบจากโรงเรียนมัธยมในไทยหลักสูตรทั่วไปหรืออินเตอร์ จบจากต่างประเทศ หรือแม้แต่เรียนชั้นปีที่หนึ่งในมหาวิทยาลัยแล้วก็สามารถสมัครเรียนได้ทั้งสิ้น แต่จะเริ่มต้นสมัครอย่างไรรวมทั้งต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้างนั้น เราไปดูพร้อมๆ กัน



หลักสูตรปริญญาตรีอังกฤษ 
ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 3 ปี
การศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ที่ 3 ปี โดยแต่ละหลักสูตรสาขาวิชาจะประกอบไปด้วยการสัมมนา การฟังบรรยาย รวมทั้งเวิร์คชอปต่างๆ ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกลงได้ตามความถนัดและสนใจ

ปริญญาตรีอังกฤษ หลักสูตร 4 ปี 
นอกจากหลักสูตรทั่วไปที่ใช้ระยะเวลาเรียน 3 ปีแล้ว การเรียนต่อปริญญาตรีในด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษนั้นจะใช้เวลาเรียนด้วยกันทั้งหมด 4 ปีจนจบหลักสูตร

เอกสารในการสมัครเรียน 
  • Copy of Passport
สำเนาพาสปอร์ต แนะนำว่าให้มีอายุเหลือมากกว่าระยะเวลาหลักสูตรจะได้ไม่วุ่นวายทำเรื่องต่ออายุในภายหลัง
  • Application form
ใบสมัครเรียนของทางมหาวิทยาลัย

1.dsfdsfs
2.sdfsdfsd
3.sdfsdfsd



328
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แต่ละบริษัทคุ้มครองอย่างไรบ้าง

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1สำคัญมากสำหรับคนที่พึ่งออกรถมาใหม่ เพราะประกันภัยรถยนต์ชั้น 1สามารถคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้อย่างครอบคลุมสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุด้วยความประมาท หรือแม้แต่ภัยวิบัติทางธรรมชาติ หรือเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

จะเห็นได้ว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 มีความสำคัญมาก ดังนั้นหากคุณกำลังปวดหัวไม่รู้ว่าควรจะเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1กับบริษัทไหนดี หรือเป็นมือใหม่จึงยังไม่รู้ว่าแต่ละบริษัทมีประกันรถยนต์ชั้น 1ที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ราคาประกันภัยรถยนต์ชั้น1ทุกบริษัทเริ่มต้นที่เท่าไรบทความนี้สรุปมาให้คุณแล้ว

ประกันภัยภัยรถยนต์ชั้น 1 คืออะไร

ทำไมประกันภัยภัยรถยนต์ชั้น 1 ถึงสำคัญ

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 คืออะไร ทำไมถึงมีความสำคัญ การทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันที่ให้ความครอบคลุมมากที่สุด ทั้งในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรง เหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นบนท้องถนน รถชน รถหาย ไฟไหม้ และอื่นๆ ประกันชั้น1ก็ยังคงคุ้มครอง

ยิ่งผู้ที่ออกรถป้ายแดงมาใหม่ๆ หรือยังเป็นมือใหม่หัดขับอยู่ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1สำคัญกับคุณมาก เพราะหากคุณเกิดไปขับรถชนกำแพง ชนเสาไฟฟ้า ชนฟุตบาท หรือแม้แต่ในกรณีที่เกิดยางแตก หินกระเด็นใส่กระจกรถแตก หากทําประกันรถยนต์ชั้น1 ก็ยังคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ในกรณีรถชนแบบไม่มีคู่กรณีอีกด้วย

ประกันภัยรถยนต์ชั้น1ที่ไหนดี บริษัทไหนน่าสนใจบ้าง

สำหรับใครที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำประกันภัยรถยนต์ชั้น1ที่ไหนดี หรือใครที่อยากทราบราคาประกันภัยรถยนต์ชั้น1ทุกบริษัท 2565 มีราคาเท่าไรบ้าง ใครที่ต้องการ เช็คราคาประกันรถยนต์ชั้น1 มีบริษัทประกันภัยรถยนต์ชั้น1เจ้าไหนบ้างที่เชื่อถือไว้วางใจได้ ให้ความคุ้มครองครอบคลุมจริง

วันนี้เราก็ได้รวบรวมข้อมูลสำหรับใครที่กำลังต้องการเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ชั้น1 บริษัทที่มีประกันภัยรถยนต์ชั้น1ที่น่าเชื่อถือมาให้ความคุ้มครองดีสุดมารวมคุณแล้ว โดยมีดังนี้

1. direct asia

สำหรับใครที่ไม่ค่อยสะดวกเดินทางไปทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1ที่บริษัทประกัน Direct Asia เราก็มีบริการสมัครประกันภัยรถยนต์ชั้น 1ได้ทางออนไลน์ โดยความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ชั้น 1ของเราจะช่วยคุ้มครองทั้งอุบัติเหตุใหญ่และเล็ก

ไม่ว่าจะเป็น รถชนรถ ชนแบบไม่มีคู่กรณี ภัยพิบัติจากธรรมชาติ รถสูญหาย ถูกไฟไหม้ รวมทั้งการเสียชีวิต การสูญเสียมือ เท้า สายตา นอกจากนี้เรายังมีค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เกิดจากอุบัติเหตุ สำหรับกรณีที่ต้องนำรถเข้าซ่อมรถ

ทาง Direct Asia เราก็มีให้คุณเลือกซ่อมได้ตามต้องการ ทั้งประกันชั้น1ซ่อมศูนย์หรือประกันชั้น1ซ่อมห้าง หากรถยนต์ของคุณได้รับความเสียหาย ทางเราจะดำเนินการส่งต่อรถของคุณตามที่คุณเลือกซ่อมในเครือของเรา

โดยราคาประกันรถยนต์ชั้น1ได้แก่ รถเก๋ง เบี้ยประกันรถ ชั้น1 เริ่มต้นที่ 5,xxx บาท / ปี ส่วนรถกระบะ เบี้ยประกันรถ ชั้น1 เริ่มต้นที่ 8,xxx บาท / ปี

นอกจากนี้เรายังเป็นประกันรถยนต์ชั้น1ผ่อนได้แบบสบายๆ อย่างไม่มีดอกเบี้ย กรณีที่เกิดอุบัติเหตุ รถยนต์สูญหาย เกิดเสียหายจากภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่การบาดเจ็บทางกาย เรามีค่าชดเชยให้ 500,000 บาทต่อคน แต่วงเงินไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อครั้ง

สำหรับใครที่สนใจสามารถเข้าไปเช็คราคาประกันรถยนต์ชั้น1 อยากสมัครประกันภัยรถยนต์ชั้น 1กับเราคุณสามารถทำได้ 3 ช่องทาง ดังนี้ ผ่านเว็บไซต์ ผ่านโทรศัพท์ และผ่านตัวแทนประกัน หากคุณต้องการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือข้อมูลอื่นๆ สามารถสอบถามเข้ามาได้ที่ทางเว็บไซต์ของ Direct Asia

2. เมืองไทยประกันภัย

เมืองไทยประกันภัย บริษัทประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

สำหรับใครที่กำลังต้องการประกันภัยรถยนต์ชั้น 1ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากถึง 10 อย่าง ไม่ว่าจะเป็น ชีวิต ทรัพย์สิน และความเสียหายต่อตัวรถ ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่อุบัติเหตุที่ไม่มีคู่กรณีเราก็คุ้มครอง แม้ว่าเราจะคุ้มครองเยอะมากแต่ราคาประกันภัยรถยนต์ชั้น 1เริ่มต้นเพียง 1,900 บาท

นอกจากนี้เรายังมีประกันรถ ชั้น1ที่ให้ความคุ้มครองในรูปแบบอื่นๆ อีกได้แก่

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แบบซ่อมอู่ “OK Type1” เบี้ยเริ่มต้นที่ 13,500 บาทต่อปี ที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับรถยนต์และบุคคลจากอุบัติเหตุ คุ้มครองสูงสุด 1,000,000 บาท
  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แบบซ่อมอู่ “พันธุ์แกร่ง” เบี้ยเริ่มต้นที่ 15,001.91 บาทต่อปี คุ้มครองรถยนต์จากอุบัติเหตุและการโจรกรรม งัดแงะตัวรถ พร้อมชดเชยค่าเสียหาย แม้ว่าคุณไม่ใช่ฝ่ายผิดในกรณีเกิดอุบัติเหตุ

3. วิริยะประกันภัย

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จากวิริยะประกันภัย

บริษัทวิริยะประกันภัยเป็นบริษัทที่เปิดให้บริการมายาวนาน และมีบริการครอบคลุมทุกจังหวัดในประเทศไทยมากกว่า 150 ศูนย์ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ของเรามีความคุ้มครองให้คุณเลือกหลายแบบ ได้แก่

  • กรณีรถเก๋งและรถกระบะที่รับการซ่อมบำรุงที่อู่ เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 13,000 บาท
  • กรณีรถเก๋งและรถกระบะที่รับการซ่อมบำรุงที่ห้าง เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 15,000 บาท
  • กรณีรถกระบกตอนครึ่ง (ไม่เกิน3ตัน) ซ่อมบำรุงที่อู่ เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 16,500 บาท
  • กรณีรถกระบกตอนครึ่ง (ไม่เกิน3ตัน) ซ่อมบำรุงที่ห้าง เบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 20,000 บาท

นอกจากนี้ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1ยังมีค่าเสียหายทั้งในกรณีของผู้เอาประกันและบุคคลภายนอก โดยบุคคลภายนอกจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายหากได้รับบาดเจ็บ 1,000,000 บาท/คน สำหรับทรัพย์สินอยู่ที่ 5,000,000 บาท/ครั้ง และ ค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้เอาประกันสูงสุดมากถึง 200,000 บาท/คน

4. สินมั่นคงประกันภัย

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ของสินมั่นคงประกันภัย

สำหรับใครที่อยากทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1กับบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ มีประสบการณ์มานานกว่า 30 ปี เราขอแนะนำให้คุณซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้น 1กับบริษัทสินมั่นคงประกันภัย เพราะเราให้บริการมาอย่างยาวนานจึงเข้าใจความต้องการของคุณ

โดยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1มีให้เลือกหลายรูปแบบ เพียงคุณเลือกช่วงเวลาในการคุ้มครองตามต้องการ จึงเหมาะสำหรับการอาศัยในกรุงเทพ คนที่มีไลฟ์สไตลแบบคนเมือง ซึ่งเบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1จะเริ่มต้นที่ 6,999 บาท เราออกแบบมาให้อยู่ในราคานี้เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายช่วงวิกฤตโควิด

5. LMG insurance

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ของLMG insurance

อีกหนึ่งบริษัทประกันรถที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี คือ บริษัทประกันภัย LMG Insurance เรามีให้บริการทั้งประกันอัคคีภัย ประกันสุขภาพ และ ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1เราให้ความคุ้มครองทั้ง ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมบำรุง รวมทั้งค่าชดเชยค่าสินไหมทดแทนให้กับบุคคลภายนอก

นอกจากนี้หากรถของคุณเกิดอุบัติเหตุต้องเข้าซ่อม เรายังมีอู่ซ่อมรถในเครือบริษัทมากกว่า 700 แห่ง
ซึ่งเรายังมีบริการรถยกเพื่อคอยรับการช่วยเหลือ บริการตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1คุ้มครองอะไรบ้าง

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 โดยส่วนใหญ่จะให้ความคุ้มครองแก่บุคคลภายนอก และผู้เอาประกัน ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าให้ความคุ้มครองอะไรบ้างนั้น มีดังต่อไปนี้

ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก

การคุ้มครองต่อบุคคลภายนอกจะคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุได้รับความบาดเจ็บในทางร่างกาย หรือที่ถึงขั้นเสียชีวิต บริษัทจะทำการรับผิดชอบต่อความเสียหายทางกายภาพที่เกิดขึ้นเราจะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ตามที่ระบุในกรมธรรม์

นอกจากอุบัติเหตุที่ได้รับจากความบาดเจ็บแล้ว หากทรัพย์สินของบุคคลภายนอกเกิดได้รับความเสียหายบริษัทก็จะมีชดใช้ค่าสินไหมให้ด้วยในวงเงินที่ระบุตามกรมธรรม์

ความคุ้มครองต่อผู้เอาประกัน

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองต่อผู้เอาประกันใน 3 กรณีหลักๆ ได้แก่

หากผู้ขับขี่รถยนต์และผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บตามกรณีที่ระบบในกรมธรรม์ ทางบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล หรือแม้แต่ในกรณีที่เกิดได้รับความเสียหายจนถึงขั้นทุพพลภาพหรือถึงแก่ชีวิตทางบริษัทจะจ่ายค่าสินไหมให้ตามกำหนด

สำหรับกรณีที่รถยนต์สูญหาย ไม่ว่าจะเป็นการโจรกรรมรถ หรือเกิดได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ รวมถึงเกิดไฟไหม้ ทางบริษัทจะจ่ายค่าเสียหายให้กับผู้เอาประกันก็จะมีค่าซ่อมบำรุงตัวรถยนต์ดำเนินการส่งรถยนต์ของคุณไปตามอู่หรือศูนย์ซ่อมที่ตกลงกันไว้


329
การสร้างบ้านน็อคดาวน์

บ้านน็อคดาวน์เป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงสร้างไม่ซับซ้อนเท่าบ้านประเภทอื่น สามารถขนย้ายไปตามสะดวก หากคุณต้องการซื้อบ้าน knock down modern อย่างจริงจัง ควรศึกษาสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับบ้านน็อคดาวน์ให้ได้มากที่สุด

บ้านน็อคดาวน์คืออะไร

บ้านน็อคดาวน์เป็นบ้านขนาดเล็ก หรือชาวบ้านทั่วไปรู้จักในชื่อบ้านสำเร็จรูป ใช้เวลาก่อสร้างไม่นาน เหมาะสำหรับอยู่เป็นครอบครัวขนาดเล็กหรือตัวคนเดียว โดยที่แบบบ้านน็อคดาวน์มีความหลากหลาย เช่น บ้านน็อคดาวน์สไตล์มินิมอล เพื่อสอดรับการใช้ชีวิตของคนปัจจุบันที่ชอบความเรียบง่าย ไม่หวือหวา

1. งบประมาณเท่าไรถึงจะทำบ้านน็อคดาวน์ได้

ราคาคร่าว ๆ ของบ้านน็อคดาวน์อยู่ที่ประมาณ 100,000-1,000,000 บาท ขึ้นอยู่กับพื้นที่ใช้สอย หากมีที่ดินส่วนตัว ทำให้กล้าลงทุนออกแบบบ้านมากขึ้น ปัจจุบันรูปแบบบ้านที่ถูกออกแบบมากที่สุดคือ บ้านน็อคดาวน์โมเดิร์น เนื่องจากเป็นสไตล์บ้านสมัยใหม่ ยิ่งสร้างไว้นานไม่ได้ทำให้ตัวบ้านดูล้าสมัยแต่อย่างใด

2. รูปแบบของบ้านน็อคดาวน์เป็นแบบไหน

เนื่องจากบ้านน็อคดาวน์ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะใช้งบไม่มากเท่าการสร้างบ้านแบบอื่น ทำให้หลายบริษัทเล็งเห็นความสำเร็จจากการสร้างบ้านสำเร็จรูปดังกล่าว ทำให้เกิดการสร้างแบบบ้านน็อคดาวน์รูปแบบหลากหลาย เช่น สไตล์บ้านรีสอร์ท นอร์ดิกหรือโมเดิร์น โดยมีรูปแบบบ้านเดี่ยวและบ้าน 2 ชั้น

3.บ้านน็อคดาวน์สามารถสามารถต่อเติมได้ไหม

สำหรับใครที่คิดอยากต่อเติมบ้านน็อคดาวน์ ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่สามารถต่อเติมได้หลังจากสร้างบ้านเสร็จ เนื่องจากโครงสร้าง ระบบไฟฟ้าแบบบ้านน็อคดาวน์ได้ถูกคำนวณผ่านวัสดุที่ใช้ผ่านบริษัทออกแบบบ้านมาแล้ว หากต่อเติมบ้านเพิ่มเติมจะทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้อาศัย

4.บ้านน็อคดาวน์ใช้เวลาสร้างนานไหม

บ้านน็อคดาวน์ส่วนใหญ่ใช้เวลาสร้างประมาณ 14-30 วัน เนื่องจากตัวบ้านใช้โครงสร้างไม่ซับซ้อน หากจำเป็นต้องก่อฉาบก็ไม่ทำให้เกิดฝุ่นละอองเป็นที่น่ารำคาญใจเท่าบ้านรูปแบบอื่น ส่วนเรื่องการดูแลรักษา ต้องดูแลให้ดีเป็นพิเศษ เนื่องจากวัสดุที่ใช้มีอายุการใช้งานน้อยและต้องคอยดูแลเป็นระยะ เช่น หากเป็นกรณีบ้านไม้น็อคดาวน์โมเดิร์น ต้องทาสีใหม่เพื่อรักษาสภาพบ้านอยู่เสมอ

5.บ้านน็อคดาวน์ใช้ประกอบธุรกิจได้ไหม

ด้วยวัสดุที่ใช้สร้างบ้านน็อคดาวน์ สามารถหาทดแทนได้ง่าย อีกทั้งไม่มีปัญหาคอยจุกจิกหัวใจ ซึ่งเหมาะสำหรับการพักอาศัยระยะเวลาสั้นอยู่แล้ว หากท่านใดประกอบธุรกิจรีสอร์ท บ้านพัก บ้านเช่า ถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ ทำกำไรในระยะยาวได้แน่นอน

6. ดีไซน์บ้านน็อคดาวน์

สำหรับดีไซน์บ้านน็อคดาวน์นั้นมีความหลากหลายเทียบเท่ากับบ้านรูปแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบบ้านชั้นเดียวหรือบ้านน็อคดาวน์ 2 ชั้น รวมไปถึงการออกแบบภายในตามพื้นที่ใช้สอย เช่น บ้านน็อคดาวน์ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เป็นต้น

7. บ้านน็อคดาวน์มีวัสดุอะไรเป็นหลัก

สำหรับวัสดุบ้านน็อคดาวน์แม้จะมีปัญหาการใช้งานในระยะเวลาสั้น ๆ ผู้ผลิตวัสดุบ้านสำเร็จรูปมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีการใช้งาน เพื่อยืดอายุวัสดุให้นานขึ้น สะดวกต่อการเคลื่อนย้าย

สมาร์ทบอร์ด

แผ่นพื้นเฌอร่าบอร์ดที่ใช้กับงานโครงสร้างบ้านน็อคดาวน์

วัสดุไฟเบอร์ที่ใช้กับงานภายในและภายนอกได้ เนื่องจากติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว รวมไปถึงมีคุณสมบัติเรื่องความแข็งแรง การกันเสียง ทนแดดฝน กันความร้อน จึงเป็นวัสดุที่นิยมใช้กับบ้าน knock down modern

ผนังเบา

แผ่นเฌอร่าบอร์ดสำหรับทำผนังเบาบ้านน็อคดาวน์

ผนังชนิดหนึ่งที่ไม่ต้องใช้คานรองรับโครงสร้าง อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่น้อยกว่าการก่ออิฐหลายเท่าตัว โดยการติดตั้งจะใช้ตะปูหรือตะปูเกลียว ยึดกับวัสดุเข้ากับโครงแล้วเก็บรอยต่อระหว่างวัสดุ เช่น การใช้ผ้าฉายกับปูนฉาบรอยต่อสำหรับแผ่นยิปซั่ม  หรือใช้กาวยูรีเทนอุดรอยต่อสำหรับแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์

8.เงินหลักแสนก็สร้างบ้านน็อคดาวน์ได้

บ้านน็อคดาวน์ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมีเงินหลักแสนก็สามารถสร้างได้ ยิ่งบริษัทใดมีโปรโมชั่นลดราคาบ้าน ส่งผลให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านราคาไม่แพง

สรุป

การสร้างบ้านน็อคดาวน์ถือได้ว่าตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนสมัยใหม่ เนื่องจากใช้วัสดุเบากว่าบ้านรูปแบบอื่น รูปแบบบ้านมีความหลากหลาย เช่น บ้านน็อคดาวน์สไตล์มินิมอล หากท่านใดต้องการสร้าง 2 ชั้นก็สามารถคุยกับบริษัท เพื่อออกแบบบ้านน็อคดาวน์มีดาดฟ้าได้อีกด้วย

330
แนะนำเครื่องดื่มแก้ปวดหัว เครื่องดื่มแก้ไมเกรน รักษาอาการปวดหัว

เครื่องดื่มแก้ปวดหัว

อาการปวดหัว เป็นปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป เมื่อรู้สึกได้ถึงอาการปวดแล้ว มักจะตามมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และต้องการการพักผ่อน เราจึงจำเป็นที่จะต้องหาวิธีลดอาการปวดลง บางคนอาจแก้ได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวด บางคนขอแค่นอนสักงีบก็รู้สึกดีขึ้น หรือบางคนขอแค่ออกไปพักสายตาสักครู่หนึ่งอาการปวดหัวก็หายเป็นปลิดทิ้งได้
โดยบทความนี้เรามีอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหัวเป็นประจำ รวมไปถึงอาจสามารถบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้เช่นกัน วิธีนั้นคือการดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัว บรรเทาอาการปวดศีรษะ

เครื่องดื่มแก้ปวดหัว

ดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัว เพื่อบรรเทาอาการ

โดยเครื่องดื่มแก้ปวดหัว จะเป็นเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดหัว แต่ถ้ามีอาการทางสุขภาพและรับประทานยารักษาโรคอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อขอคำปรึกษาและข้อแนะนำในการดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัว และหากมี อาการปวดหัว ติดต่อกันหลายวันหรือเป็นระยะเวลานาน ควรไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม

เครื่องดื่มช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้อย่างไร
โดยอย่างที่กล่าวไปแล้วเครื่องดื่มแก้ปวดหัวนั้น มีสรรพคุณช่วยลดอาการปวดหัว เพราะเนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการเจ็บปวดที่สมอง ผ่อนคลายและขยายหลอดเลือดเพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี

10 เครื่องดื่มแก้ปวดหัว มีอะไรบ้าง
ตัวอย่างเครื่องดื่มแก้ปวดหัว เช่น

1. ชาขิง

ชาขิง หนึ่งในเครื่องดื่มแก้ปวดหัว

ชาขิง หรือบางคนอาจจะเรียกว่าขิงผงก็ได้ ชาขิงแม้จะไม่ใช่ชาชนิดที่ทำมาจากใบชา แต่จัดอยู่ในหมวดหมู่ของชาสมุนไพร คือไม่ได้เก็บจากใบชา แต่มีกรรมวิธีในการชงที่คล้ายกับชา
ชาขิงเป็นชาที่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการปวดหัวมาอย่างยาวนาน เนื่องจากอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการเจ็บปวดที่สมอง ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน ผ่อนคลายและขยายหลอดเลือดเพื่อให้เลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงสมองได้ดี

2. ชาเขียว
ชาเขียว หนึ่งในเครื่องดื่มแก้ปวดหัว

ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่จำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อดูว่าสามารถป้องกันไมเกรนได้หรือไม่

3. ชาฟีเวอร์ฟิว

ดอกฟีเวอร์ฟิว หนึ่งในวัตถุดิบทำเครื่องดื่มแก้ปวดหัว

ฟีเวอร์ฟิว เป็นพืชดอกในตระกูลเดียวกับดอกเดซี่ อีกทั้งยังมีความคล้ายคลึงกับดอกคาโมมายล์และมีสรรพคุณทางยาที่ถูกใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดหัวมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีผลการวิจัยที่ได้เผยให้เห็นถึงประสิทธิภาพของฟีเวอร์ฟิวว่าสามารถช่วยลดอาการปวดหัว โดยเฉพาะอาการปวดหัวแบบไมเกรนได้อาการอักเสบ เจ็บปวดต่าง ๆ รวมถึงอาการแพ้แสงและอาการคลื่นไส้ได้ดี
แต่ชาฟีเวอร์ฟิวจะมีรสชาติที่ค่อนข้างติดขม สามารถเพิ่มความหวานด้วยน้ำผึ้ง เพื่อให้สามารถดื่มได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ชาฟีเวอร์ฟิวอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ รวมถึงหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร

4. ชาเปปเปอร์มินต์
ชาเปปเปอร์มินต์ หนึ่งในเครื่องดื่มแก้ปวดหัว

ชาเปปเปอร์มิ้นหรือชาใบสะระแหน่ มีสรรพคุณช่วยคลายเส้นประสาทและอาการหดเกร็งในลำไส้ จึงช่วยลดความเสี่ยงหรือบรรเทาอาการปวดหัวให้ทุเลาลงได้

5. นมอัลมอนด์
นมอัลมอนด์ หนึ่งในเครื่องดื่มแก้ปวดหัว

นมอัลมอนด์ อุดมไปด้วยแมกนีเซียมสูง ซึ่งถือเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีส่วนช่วยบรรเทาพร้อมปกป้องอาการไมเกรนได้ดี โดยแมกนีเซียมจะช่วยลดหรือปิดกั้นสารเคมีที่มีส่วนทำให้เกิดอาการเจ็บปวดในสมอง ทำให้สามารถช่วยลดอาการปวดหัวได้

 6. นมไขมันต่ำ

โรงงานผลิตครีมทาผิว

นมไขมันต่ำมีวิตามิน B2 เป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่อาจช่วยลดความถี่ของไมเกรนได้

7. น้ำมะนาวอุ่น
Alt:น้ำมะนาว หนึ่งในเครื่องดื่มแก้ปวดหัว

น้ำมะนาวอุ่น ๆ มีส่วนช่วยดีท็อกซ์และขับสารพิษออกจากร่างกาย สามารถช่วยลดอาการปวดหัวที่เกิดจากปัญหาทางเดินอาหาร และกระตุ้นระบบย่อยอาหารซึ่งอาจชะลอตัวลงในระหว่างการเป็นไมเกรน จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวและไมเกรนได้ดี

8. น้ำองุ่น
น้ำองุ่น หนึ่งในเครื่องดื่มแก้ปวดหัว

น้ำองุ่นประกอบด้วยแมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่ทำให้อาการไมเกรนที่ดีขึ้น

9. น้ำส้ม
น้ำส้ม หนึ่งในเครื่องดื่มแก้ปวดหัว

น้ำส้มเป็นเครื่องดื่มอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยลดอาการปวดศีรษะและไมเกรนได้ เนื่องจากมีแมกนีเซียมสูง

10. น้ำเปล่า
น้ำเปล่า หนึ่งในเครื่องดื่มแก้ปวดหัว

จากการศึกษาพบว่า การขาดน้ำเรื้อรัง คือสาเหตุหลักของอาการปวดหัวจากกล้ามเนื้อเกร็ง และปวดหัวไมเกรน และผู้ที่มีอาการปวดหัวรุนแรงส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้นภายใน 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมงหลังดื่มน้ำ ในแต่ละวันคุณจึงควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ หรือกินอาหารที่มีน้ำเยอะ เช่น แตงโม ส้ม โยเกิร์ต เพื่อป้องกันการขาดน้ำ ที่ไม่เพียงทำให้ปวดหัว แต่ยังทำให้ไม่มีสมาธิ และหงุดหงิดง่ายด้วย

คำแนะนำในการดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัว
โดยเครื่องดื่มแก้ปวดหัว แม้ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้จริง แต่เนื่องจากเครื่องดื่มแก้ปวดหัวหลายชนิดเป็นพืชสมุนไพร ซึ่งยังคงมีข้อจำกัดหรือผลการวิจัยที่ไม่มากพอที่จะรับรองความปลอดภัย โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ จำเป็นจะต้องระมัดระวังในการดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัวเหล่านี้ เนื่องจากสารประกอบบางอย่างอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ได้

เครื่องดื่มที่ควรเลี่ยงเมื่อมีอาการปวดหัว
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ใช่เครื่องดื่มแก้ปวดหัว

โดยเครื่องดื่มที่ควรเลี่ยงเมื่อมีอาการปวดหัว เพราะนอกจากไม่ใช่เครื่องดื่มแก้ปวดหัวแล้ว ยังมีส่วนกระตุ้นไมเกรนกำเริบด้วย เช่น
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เกิดจากสารไทรามีน...ที่เข้าไปลดระดับสารเซโรโทนินในสมอง ทำให้รู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะ “ไวน์แดง” ที่มีส่วนประกอบของสารไทรามีนและฮีสตามีนที่มีผลทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ
  • กาแฟ
เพราะคาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟจะส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ผู้ที่มีอาการปวดไมเกรน..และไวต่อสารนี้จึงควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน

แนวทางอื่นในการรักษาอาการปวดหัว
โดยแนวทางอื่นในการรักษาอาการปวดหัว นอกจากการดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัว เช่น

ฝังเข็ม แนวทางอื่นในการรักษาอาการปวดหัว นอกจากการดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัว

1. การประคบเย็น
การประคบเย็นหรือประคบน้ำแข็งบริเวณลำคอหรือศีรษะเป็นเวลา 15 นาที ช่วยลดการอักเสบ ชะลอกระแสประสาท และการไหลเวียนของเลือด การวิจัยในอาสาสมัครหญิง 28 คนพบว่า การประคบเย็นช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้เป็นอย่างดี

2. การใช้ยาบรรเทาอาการปวดหัว
โดยการใช้ยารักษาอาการปวดศีรษะมีหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับลักษณะอาการและความรุนแรงของอาการปวด

3. การนวดผ่อนคลายอาการปวดศีรษะ
การนวดผ่อนคลายที่คอ ไหล่ และขมับ ประมาณ 2-3 นาทีสามารถช่วยลดอาการปวดเมื่อยบริเวณลำคอ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวจากกล้ามเนื้อเกร็ง หรือปวดหัวจากความเครียดได้

4. ฝังเข็มรักษาอาการปวดหัว
จากการวิจัยกว่า 22 ชิ้น ซึ่งมีอาสาสมัครเข้าร่วมกว่า 4,400 คนพบว่า การฝังเข็มสามารถรักษาอาการปวดไมเกรนได้ดีเทียบเท่ากับการกินยา ทั้งยังได้ผลดีและปลอดภัยกว่ายากันชัก (Anticonvulsants) ที่ใช้รักษาอาการปวดหัวไมเกรนเรื้อรังด้วย อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยการฝังเข็ม ควรทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

5. ฉีดโบท็อกแก้ปวดศีรษะ
เนื่องจากโบท็อกสามารถเข้าไปยับยั้งปลายประสาท Acetyl Choline ตัวกลางในการส่งสัญญาณความเจ็บปวดไปยังสมองที่ต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อที่หดเกร็งอยู่คลายตัวลง จึงช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะให้น้อยลงได้ครับ และยังช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดศีรษะได้อีกด้วย

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดหัว
โดยวิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการปวดหัว นอกจากการดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัว เช่น

  • ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • นอนหลับให้เพียงพอ
  • งดอาหารที่มีฮีสตามีนสูง
  • กินอาหารเสริมโคเอ็นไซม์ คิวเท็น
  • จิบเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อย่างพอเหมาะ
  • ผ่อนคลายด้วยโยคะ
  • ออกกำลังกาย

ข้อสรุป
การดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัว อาจช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะก็จริง แต่ก็ต้องศึกษาข้อมูลให้ดี เนื่องจากเครื่องดื่มแก้ปวดหัวหลายชนิดเป็นพืชสมุนไพร ซึ่งยังคงมีข้อจำกัดหรือผลการวิจัยที่ไม่มากพอที่จะรับรองความปลอดภัย โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ จำเป็นจะต้องระมัดระวังในการดื่มเครื่องดื่มแก้ปวดหัวเหล่านี้ เนื่องจากสารประกอบบางอย่างอาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ได้
ซึ่งหากอาการยังไม่ดีขึ้น ติดต่อกันหลายวันหรือเป็นระยะเวลานาน ควรไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรับการรักษาอย่างถูกต้องและเหมาะสม

331
ฉีดไขมันหน้าเด็ก

ความสวยความงามเรียกว่าเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นเป็นอย่างแรก ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่ให้ความสำคัญกับความงามอย่างมาก เพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้จึงทำให้อุตสาหกรรมความงามมีการพัฒนาเทคโนโลยี วิธีการรักษาออกมาเรื่อย ๆ

เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยบนผิวหนังก็จะเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากโครงสร้างผิวหนังของเราอ่อนแอลงไปตามกาลเวลา หลายคนพอเห็นรอยย่น ริ้วรอยก็อาจรู้สึกเสียความมั่นใจได้ ซึ่งวิธีหนึ่งที่ช่วยให้คุณคงความอ่อนเยาว์ ดูเด็กลงได้คือการเติมไขมันนั่นเอง

ก่อนจะไปหาคลินิกฉีดไขมันที่ไหนดี เรามาดูกันก่อนว่าการฉีดไขมันคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร ช่วยให้ดูเด็กลงได้จริงหรือไม่ แล้วเป็นอันตรายหรือเปล่า


การฉีดไขมัน คืออะไร?

ฉีดไขมันเติมเต็มใต้ผิวหนัง

การฉีดไขมันหรือการเติมไขมันเป็นวิธีการรักษาที่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ตอบ บุ๋ม หรือเป็นรอยจากการที่โครงสร้างผิวหนังเริ่มเสื่อมสภาพ โดยนำไขมันส่วนเกินจากตัวคุณเอง เช่น หน้าท้อง สะโพก ต้นแขนย้ายมาบริเวณที่ต้องการเติมเต็มอย่างเช่น เติมไขมันหน้าอก เต็มไขมันหน้าผาก เต็มไขมันหน้าเด็ก เป็นต้น

โดยการฉีดไขมันนี้จะช่วยให้บริเวณที่รักษาดูเป็นธรรมชาติ มีความปลอดภัยและเห็นผลชัดเจน เนื่องจากเป็นไขมันของตนเอง นอกจากนี้ยังทำให้บริเวณที่ดูดไขมันส่วนเกินมามีไขมันสะสมลดลงอีกด้วย 

Baby fat หรือ ไขมันหน้าเด็ก
หนึ่งในบริเวณที่นิยมฉีดไขมันมากที่สุดนั่นก็คือบริเวณใบหน้า ซึ่งสายบิวตี้อาจเคยได้ยินคำว่า Baby fat หรือ ไขมันหน้าเด็กกันมาบ้าง ทำไมถึงเรียกว่า Baby fat เราจะขออธิบายคร่าว ๆ ให้เข้าใจกันง่าย ๆ

ย้อนไปเมื่อตอนเรายังเด็ก ผิวหน้าเราจะดูนุ่มนิ่ม อิ่มฟู ดูแน่นเพราะไขมัน Baby fat บนใบหน้าค่อนข้างมากนั่นเอง แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ไขมันบนหน้าก็จะเริ่มค่อย ๆ หายไป ทำให้โครงหน้าดูชัดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการที่โครงหน้าชัดเกินไปนั่นอาจทำให้เห็นถึงความตอบ โหนกชัด เบ้าตาชัด ซึ่งลักษณะเหล่านี้ทำให้หน้าดูแข็งกระด้าง ดูแก่ไม่สดใสนั่นเอง

เพื่อให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ลงเหมือนตอนเด็กที่มี Baby fat เยอะ ๆ อีกครั้งจึงเกิดแนวความคิดการย้ายไขมันส่วนเกินจากจุดที่ไม่ต้องการมาเติมเต็มบนใบหน้าจะได้หรือไม่ ซึ่งในปัจจุบันสามารถทำให้แนวคิดนี้เกิดขึ้นได้จริงและมีหลายคลินิก หลายสถานพยาบาลที่มีการฉีดไขมันหน้าเด็กเพื่อช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น

ข้อดีและข้อจำกัดของการฉีดไขมัน

ข้อดีของการฉีดไขมัน

  • การฉีดไขมันเป็นการนำไขมันส่วนเกินจากร่างกายของตนเองไปฉีดในบริเวณที่ต้องการ ดังนั้นจึงปลอดภัยในแง่ของวัสดุที่ใช้
  • ผลพลอยได้จากการดูดไขมันส่วนเกิน ทำให้บริเวณที่มีไขมันส่วนเกินดูกระชับขึ้น สัดส่วนลดลง
  • ผลของการฉีดไขมันจะดูเป็นธรรมชาติ
  • แผลในการฉีดไขมันมีขนาดเล็ก ใช้เวลาพักฟื้นน้อย

ข้อจำกัดของการฉีดไขมัน

  • อาจเจ็บตัวมากกว่าการเติมเต็มด้วยสารเติมเต็มอย่างฟิลเลอร์ เนื่องจากการฉีดไขมันจะต้องมีการดูดไขมันก่อนด้วย
  • หลังฉีดไขมันจะต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษ งดการกระแทกบริเวณที่เติมไขมันในช่วงเดือนแรก
  • หลังเติมไขมัน ไขมันที่ฉีดไปอาจเกิดการยุบตัว หรือสลายตัว ทำให้ต้องมีการฉีดไขมันซ้ำหลายครั้ง
  • ไม่เหมาะสำหรับคนผอม เพราะไม่สามารถดูดไขมันจากคนที่มีน้ำหนักตัวน้อยได้

บริเวณที่ฉีดไขมันได้

บริเวณที่ฉีดไขมันได้

1.ฉีดไขมันหน้าผาก
ฉีดไขมันหน้าผากเป็นบริเวณที่นิยมเติมไขมันไม่น้อยเลย โดยส่วนใหญ่มาด้วยสาเหตุหน้าผากแบนและกว้าง จึงดูไม่มีมิติ และอีกเหตุผลคือเป็นบริเวณที่มักจะเกิดรอยเหี่ยวย่น ดังนั้นการเติมไขมันหน้าผากจะช่วยให้บริเวณหน้าผากกลับมาเรียบเนียนเสมอกัน หน้าผากดูนูนกลมมีมิติยิ่งขึ้น

2.ฉีดไขมันหน้า
ฉีดไขมันหน้าหรือฉีดไขมันหน้าเด็กเป็นวิธีแก้ปัญหาหน้ามีรอยเหี่ยวย่นจากการที่โครงสร้างผิวหน้าเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา โดยไขมันที่ฉีดไปบริเวณที่เป็นร่องก็จะเติมเต็ม ทำให้ริ้วรอยบนหน้าลดลง ดูเต่งตึง ผิวแน่นขึ้นเหมือนตอนเด็ก

3.ฉีดไขมันลดริ้วรอย
เมื่ออายุมากขึ้น ริ้วรอยที่เกิดบนหน้าก็เริ่มชัดขึ้น ยิ่งหากมีความเครียด รับประทานอาหารไม่เหมาะสมการฟื้นฟูผิวก็ยิ่งเป็นไปได้ยาก ดังนั้นการฉีดไขมันลดริ้วรอยจึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้ผิวเรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย ดูสุขภาพดี

4.ฉีดไขมันหน้าอก
สำหรับคนที่มีปัญหาหน้าอกเล็ก-ปานกลาง หรือหน้าอกหย่อนคล้อย ไม่มีเนิน แม้กระทั่งหน้าอกไม่เท่ากันและต้องการความธรรมชาติ การเติมไขมันหน้าอกจะช่วยให้หน้าอกดูเต่งตึงเป็นธรรมชาติกว่าการเสริมซิลิโคน แถมยังช่วยปรับขนาดหน้าอกให้เท่ากันโดยการกำหนดปริมาณไขมันที่ฉีดได้เลย

5.ฉีดไขมันมือ
มือที่เหี่ยวย่นก็สามารถทำให้ดูแก่กว่าวัยได้ โดยการเหี่ยวย่นของมือมักมาจากอายุที่เพิ่มขึ้น หรือบริเวณมือมีคอลลาเจนน้อย ดังนั้นการฉีดไขมันมือจะช่วยให้รอยเหี่ยวย่นที่มือลดลงดูเด็กอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น

6.ฉีดไขมันร่องแก้ม
สังเกตได้ว่าเวลาอายุมากขึ้นจะมีรอยบริเวณร่องแก้มชัด ทำให้หน้าดูแก่ การฉีดไขมันร่องแก้มจะช่วยให้ร่องแก้มดูฟู เต็มขึ้น เมื่อรอยร่องแก้มน้อยก็จะดูเด็กขึ้นไปโดยปริยาย

7.ฉีดไขมันสะโพก
หลายคนอาจมีปัญหาสะโพกเล็ก ก้นแฟบ ซึ่งปัญหานี้มักทำให้ใส่เสื้อผ้าได้ไม่สวยงาม เพราะสัดส่วนไม่ชัดเจน การฉีดไขมันสะโพกจะช่วยให้รูปร่างเห็นสัดส่วนชัดมากขึ้น

8.ฉีดไขมันใต้ตา
บริเวณใต้ตามักเป็นบริเวณที่มักจะเกิดรอยหมองคล้ำ หย่อนคล้อยได้ง่าย การฉีดไขมันใต้ตาจะช่วยเพิ่มวอลลุ่มบริเวณใต้ตา ทำให้ใต้ดวงตาดูเต่งตึงขึ้น ภาพรวมดูสดใสกว่าเดิม

วิธีเติมไขมัน

การฉีดไขมันมีวิธีและขั้นตอนการทำที่ไม่ยุ่งยาก ดังนี้

  • แพทย์จะทำการดูดไขมันส่วนเกินหรือบริเวณที่มีไขมันส่วนเกินและคนไข้ไม่พึงประสงค์ออกจากร่างกาย
  • เมื่อดูดไขมันออกมาแล้วจะนำไปผ่านกระบวนการแยกเซลล์ไขมันเพื่อคัดเฉพาะเซลล์ไขมันคุณภาพสูง ที่ยังมีชีวิตอยู่
  • ทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการฉีดไขมันเพื่อลดโอกาสการปนเปื้อน การติดเชื้อขณะทำหัตถการ
  • นำไขมันที่ผ่าการคัดแยกแล้วมาฉีดเข้าไปบริเวณที่ต้องการเติมเต็ม

พักฟื้นกี่วันหลังเติมไขมัน

ฉีดไขมันพักฟื้นกี่วัน

หลังจากฉีดไขมันแล้วมักจะมีอาการบวมบริเวณที่เติมไขมันไปประมาณ 3-5 วัน โดยปกติแล้วแพทย์มักฉีดไขมันไว้มากกว่าปกติเผื่อถึงการยุบตัวของไขมันไว้ แต่เมื่อผ่านไปหลัง 5 วันแล้วก็จะกลับมาเข้าที่เอง และบริเวณที่ดูดไขมันออกมักจะเกิดอาการช้ำเขียวอยู่ประมาณ 7-10 วัน

การดูแลตัวเองหลังเติมไขมัน

การดูแลตนเองหลังเติมไขมันในแต่ละส่วนก็มีวิธีดูแลและข้อควรระวังที่แตกต่างกันไป

1.การดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันหน้า
สำหรับผู้ที่เข้ารับการฉีดไขมันบริเวณใบหน้า หลังฉีดไขมันไปแล้วสามารถล้างหน้า ทาครีมบำรุงหรือแต่งหน้าเบา ๆ ได้ แต่ควรงดการทำทรีทเมนต์หน้า การทำเลเซอร์ งดใส่หมวก ใส่แว่นตา เพราะอาจทำให้ใบหน้าเกิดรอย และควรจะเข้ารับบริการ After Care ที่คลินิกเติมไขมันหน้าตามนัดหมายเพื่อให้ผลการรักษาที่ดี

นอกจากนี้หลังฉีดไขมันหน้าไปช่วงเดือนแรก ควรหลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าบ่อย ๆ เพราะจะทำให้เกิดรอย ฉีดไขมันไปไม่ได้ผล

2.การดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันหน้าอก
หลังฉีดไขมันหน้าอกคนไข้สามารถอาบน้ำ ทาครีมบำรุงผิวได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องหลีกเลี่ยงการกระทำที่ทำให้เกิดแรงกดที่หน้าอก เช่น การนอนคว่ำหน้า การนอนตะแคง การบีบนวดหน้าอก หรือแม้แต่การใส่บรา ในช่วง 1 เดือนแรกให้คนไข้ใส่ซิลิโคนปิดหัวนมแทน และให้เข้ารับบริการ After Care ที่คลินิกตามนัดหมาย

3.การดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันมือ
หลังฉีดไขมันมือคนไข้ควรงดการทำสปามือและการนวดมือไปก่อน และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการกระแทก เพราะเซลล์ไขมันอาจได้รับความเสียหายและตายได้ หากเซลล์ไขมันตายก็จะทำให้เกิดอาการยุบตัวและกลับมามีรอยอีกครั้ง

4.การดูแลตัวเองหลังฉีดไขมันสะโพก
ปกติแล้วการฉีดไขมันจะต้องระมัดระวังไม่ให้เกิดแรงกดหรือการกระแทกบริเวณที่ฉีด แต่บริเวณสะโพกเป็นบริเวณที่ถูกกดทับได้ง่ายมาก คนไข้สามารถทำได้ด้วยการใช้อุปกรณ์ป้องกันไม่ให้สะโพกถูกกดทับจากการนั่ง และคนไข้ควรนอนคว่ำเพื่อลดแรงกดทับในช่วง 2 สัปดาห์แรก

ฉีดไขมันมีผลข้างเคียงอย่างไร

 ฉีดไขมัน ผลข้างเคียง

การฉีดไขมันมีผลข้างเคียงเพียงแค่อาการบวมและรอยช้ำจากการใช้เข็มฉีดเท่านั้น โดยบริเวณที่จะเกิดอาการบวมคือบริเวณที่มีการฉีดไขมันเข้าไปเติมเต็ม และบริเวณที่เกิดอาการช้ำมักจะเกิดบริเวณที่มีการเจาะดูดไขมันออกมา โดยอาการบวมและช้ำจะค่อย ๆ หายได้เองภายใน 7 วัน

แผลจากเติมไขมัน

ปกติแล้วแผลที่เกิดจากการเติมไขมันจะเป็นแผลจากการเจาะดูดไขมัน แพทย์จะทำการเจาะแผลเล็ก ๆ บริเวณผิวหนังที่มีไขมันส่วนเกินและนำเครื่องมือซึ่งคล้ายกับเข็มฉีดขนาด 1-2 มิลลิเมตรเข้าไปสู่ชั้นไขมันเพื่อดูดไขมันในรูปแบบของเหลวออกมา จากนั้นเมื่อดูดไขมันเสร็จแพทย์จะทำการปิดแผลโดยเย็บประมาณ 1-3 เข็ม ซึ่งรอยแผลจะค่อย ๆ หายไปเองเนื่องจากการหดตัวของผิวหนัง

ส่วนรอยแผลที่เกิดจากการฉีดไขมันหากเป็นการฉีดไขมันหน้าจะมีแผลเล็กมาก ๆ ไม่ต้องเย็บแผล แต่หากเป็นบริเวณหน้าอกซึ่งเป็นบริเวณที่ต้องเติมไขมันปริมาณมากกว่าอาจมีแผลที่ใหญ่กว่าบริเวณหน้าเล็กน้อย การเย็บแผลอาจเย็บเพียงแค่ 1 จุดเล็ก ๆ เท่านั้น

ฉีดไขมันแล้วหน้าบวม อันตรายไหม

ปกติแล้วไขมันที่ฉีดเข้าไปมักจะมีบางส่วนที่เกิดการสลายตัวไป หรือที่เรียกว่าการติดของไขมัน โดยปกติแล้วแพทย์มักจะฉีดไขมันเผื่อเอาไว้ จึงทำให้ช่วงแรก ๆ หลังฉีดหน้าจะดูบวมกว่าปกติ ซึ่งอาการบวมนี้จะไม่เป็นอันตรายใด ๆ และจะกลับเข้าที่ได้เองในเวลาไม่นาน

สรุปเรื่องฉีดไขมัน
การฉีดไขมันเป็นการเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปของใต้ผิวหนังด้วยการนำไขมันส่วนเกินของคนไข้เองมาใช้ ซึ่งมีความปลอดภัยเพราะเป็นของจากร่างกายตนเอง และยังช่วยให้บริเวณที่เติมเต็มดูอิ่มฟู เป็นธรรมชาติ แต่การฉีดไขมันนั้นจะต้องดำเนินการจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากมีการดูดไขมันออกจากร่างกายคนไข้ หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญมากพออาจทำให้คนไข้เป็นอันตรายได้




332
ต้อกระจก

อาการตามัว มองเห็นไม่ชัด เห็นแสงจ้า  มองเห็นภาพซ้อน  ระดับค่าสายตาเปลี่ยนแปลง อาจเป็นอาการของ ต้อกระจก ในปัจจุบันยังไม่มียากินหรือยาหยอดใดที่สามารถรักษาให้ต้อกระจกลดลงหรือหายได้ ซึ่งการผ่าตัดต้อกระจกเป็นวิธีการรักษาหลักและได้มาตรฐาน

หากเป็นต้อกระจกแล้ว หรือพบภาวะผิดปกติทางการมองเห็น ควรเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธีและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ทั้งก่อนและหลังการรักษา เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย


ต้อกระจก (Cataract) คืออะไร
ดวงตาที่เป็นต้อกระจก เทียบกับดวงตาปกติ

ต้อกระจกคือภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดการขุ่นของ “เลนส์ตา” ปกติเลนส์ตาจะมีลักษณะใส ทำหน้าที่ช่วยในการรวมแสงให้ตกลงบนจอประสาทตาพอดี เมื่อเกิดต้อกระจก ทำให้แสงไม่สามารถเข้าไปในตาได้ตามปกติ ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจนหรือมีอาการตามัว พบบ่อยในผู้สูงอายุ



ต้อกระจกเกิดจากสาเหตุใด
สาเหตุของต้อกระจกเกิดจากความเสื่อมของโปรตีน ซึ่งเป็นองค์ประกอบของเลนส์ตา ทำให้เลนส์ตาขุ่นและแข็งขึ้น ต้อกระจกในผู้สูงอายุมักพบมากในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป สาเหตุหลักคือ เป็นความเสื่อมตามวัย โดยสัมพันธ์กับอายุที่เพิ่มขึ้น แต่อาจพบต้อกระจกอายุน้อยได้เช่นกัน เช่น ความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดจากมารดาที่ติดเชื้อหัดเยอรมันขณะตั้งครรภ์

สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดต้อกระจก
นอกจากนี้ยังมีการเกิดต้อกระจกจากสาเหตุอื่น ๆ อีก เช่น
  • มีโรคประจำตัวที่ส่งเสริมให้เกิดต้อกระจกได้ เช่น เบาหวาน ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
  • การได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตเป็นเวลานาน ๆ
  • ใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
  • โรคทางตา เช่น ม่านตาอักเสบ ตาติดเชื้อ สายตาสั้นมาก ๆ เคยผ่าตัดตามาก่อน เช่น หลังผ่าตัดจอตา
  • การใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์
  • เคยโดนฉายรังสีในส่วนบนของร่างกาย ศีรษะ
  • เคยมีอุบัติเหตุที่ดวงตาหรือดวงตาได้รับการกระทบกระเทือนบ่อย ๆ


อาการส่งสัญญาณเตือนโรคต้อกระจก
อาการของโรคต้อกระจก สามารถแบ่งได้หลายระยะ

ต้อกระจกมีกี่ระยะ อาการเป็นอย่างไร
โรคต้อกระจก อาการจะแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ได้แก่…
  • 1. ระยะเริ่มแรก (early cataract) เป็นระยะที่แก้วตามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ทำให้ตาเปลี่ยนโฟกัสเวลามองไกลมามองใกล้ หรือมองใกล้ไปมองไกลทำได้ยากขึ้น หรือไม่ชัดเท่าที่ควร บางคนอาจจะสังเกตว่าตามัวลง อาจเห็นแสงสะท้อนจากดวงไฟ ซึ่งรบกวนการมองเห็น ตลอดจนทำให้ตาเมื่อยล้าง่าย
  • 2. ความขุ่นมีมากขึ้น อยู่ในระยะก่อนต้อแก่ (immature cataract) เป็นระยะที่ protein ในแก้วตาขุ่นมากขึ้น มักจะเริ่มขุ่นตรงกลาง ระยะนี้แพทย์มักจะแนะนำทำแว่นสายตาช่วยการมองเห็นและตัดแสงสะท้อน หรืออาจใช้แว่นกันแดด พอจะช่วยให้เห็นดีขึ้นบ้าง
  • 3. ระยะที่แก้วตาขุ่นมากทั้งอัน อยู่ในระยะที่เรียกว่าต้อแก่หรือต้อสุก (mature cataract) ความขุ่นของแก้วตาจะกระจายไปถึงขอบ ลามไปแก้วตาทั้งหมด เป็นระยะที่มักทำให้ตามัวลงมากจนมีปัญหาในการดำรงชีพ แพทย์มักจะแนะนำให้รับการผ่าตัด
  • 4. แก้วตาขุ่นมากขึ้น เรียกว่าต้อสุกเกิน (hypermature cataract) สายตามัวลงอย่างมาก จำเป็นต้องรับการผ่าตัดหากทิ้งไว้ นอกจากผ่าตัดได้ยากขึ้น อีกทั้งบางรายก่อให้เกิดการอักเสบภายในดวงตาจากการมี protein รั่วออกจากแก้วตา ตลอดจนอาจก่อให้เกิดต้อหินตามมา ซึ่งอาจทำให้นอกจากมัวยังมีอาการปวดตาด้วย และแม้ว่าจะได้รับการผ่าตัดในตอนหลัง สายตาอาจไม่ดีขึ้น



การตรวจวินิจฉัยต้อกระจก

 ตรวจต้อกระจกกับแพทย์

ต้อกระจกสามารถวินิจฉัยโดยใช้กล้องตรวจขยายภาพโดยจักษุแพทย์ การขยายตัวของลูกตาดำอาจจำเป็นสำหรับการตรวจสอบรายละเอียดของรูปสัณฐานวิทยาต้อกระจก ในระหว่างการให้คำปรึกษาอาจมีการทดสอบดังต่อไปนี้
  • การทดสอบความสามารถในการมองเห็น.
  • การทดสอบความสามารถในการมองเห็น.
  • การทดสอบความสามารถในการมองเห็น.
สาเหตุรองของต้อกระจกควรถูกตัดออกก่อนที่จะมีการวินิจฉัยโรคต้อกระจกที่เกี่ยวกับอายุ


วิธีรักษาต้อกระจก
โดยถ้าถามว่าการรักษาต้อกระจกมีกี่วิธี หรือต้อกระจกรักษาหายไหม คำตอบคือ การรักษาต้อกระจกมีสองวิธี คือระยะแรก อาการเริ่มแรก อาจรักษาด้วยการเปลี่ยนแว่นตา หากมีอาการหนักขึ้น รักษาด้วยการผ่าตัดต้อกระจก โดยจะมีวิธีทำดังนี้

วิธีรักษาต้อกระจกระยะเริ่มต้น
ในระยะแรกของการเป็นต้อกระจก การเปลี่ยนแว่นสายตา สามารถช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นได้ ซึ่งเป็นการรักษาต้อกระจกโดยไม่ต้องผ่าตัด

วิธีรักษาต้อกระจกด้วยการผ่าตัด
ในระยะยาว เมื่อต้อกระจกเป็นมากขึ้น การมองเห็นแย่ลงจนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้ปกติ ก็เป็นข้อบ่งชี้ให้แพทย์รักษาด้วยวิธีการผ่าตัด ซึ่งวิธีที่นิยมใช้ผ่าตัดต้อกระจกในปัจจุบัน คือ การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Phacoemulsification) และใส่เลนส์เทียม

การตรวจประเมินก่อนผ่าตัดต้อกระจก
  • จักษุแพทย์ตรวจตาอย่างละเอียด และส่งวัดเลนส์แก้วตาเทียม โดยการวัดความโค้งกระจกตาและความยาวลูกตา ก่อนขยายม่านตา เพื่อให้ได้ค่าที่ถูกต้องที่สุดไปคำนวณ และเลือกเลนส์ที่เหมาะสม เพื่อใส่ในตาและทำให้กลับมามองเห็นชัดอีกครั้ง โดยจะมีการตรวจขยายม่านตา ดูลักษณะต้อกระจกและดูจอประสาทตาอย่างละเอียด และให้ข้อมูลเรื่องเลนส์เทียมที่เหมาะสมกับผู้ป่วย
  • แพทย์และพยาบาลสอบถามเรื่องโรคประจำตัวและยาที่ใช้ประจำ ยาบางประเภทควรหยุดก่อนการผ่าตัด เช่น ยากลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด ยาอื่น ๆ ส่วนใหญ่ควรทานตามปกติ
  • กรณีถ้ามียาละลายลิ่มเลือด จักษุแพทย์จะปรึกษาอายุรแพทย์ว่าสามารถหยุดยา 5 – 7 วัน ก่อนผ่าตัดได้หรือไม่ แล้วแต่ชนิดของยา เช่น Aspirin (ASA), Plavix, Pletaal, Warfarin, Heparin

วิธีการผ่าตัดต้อกระจกมี 2 วืธีหลัก ดังนี้
1. วิธีสลายต้อกระจกด้วยเครื่องสลายต้อ (Phacoemulsification with Intraocular Lens) วิธีที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ไม่ต้องดมยาสลบ ทำภายใต้การหยอดยาชาหรือฉีดยาชาเฉพาะที่ โดยมีขั้นตอนดังนี้
  • จักษุแพทย์จะเปิดช่องเล็ก ๆ ที่ขอบตาดำประมาณ 2.4 – 3 มิลลิเมตร แล้วสอดเครื่องมือสลายต้อเข้าไปที่ตัวต้อกระจก โดยเปิดถุงหุ้มเลนส์เป็นวงกลม และปล่อยพลังงานความถี่สูงเท่าระดับอัลตราซาวนด์เข้าสลายต้อกระจกจนหมด
  • จักษุแพทย์ใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ในถุงหุ้มเลนส์เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนเหมือนก่อนเป็นต้อกระจก โดยจะเลือกเลนส์เทียมชนิดใดขึ้นกับความต้องการการใช้สายตาของผู้ป่วย เช่น เลนส์ชัดระยะเดียวหรือชัดหลายระยะ และลักษณะตาของผู้ป่วย เช่น ถ้ามีสายตาเอียงร่วมด้วยอาจใช้เลนส์เทียมชนิดแก้เอียง เป็นต้น
  • แผลมีขนาดเล็กมากจึงสมานตัวเป็นปกติได้โดยไม่ต้องเย็บแผลในผู้ป่วยส่วนใหญ่
  • ผู้ป่วยสามารถมองเห็นได้ดีขึ้นเมื่อเปิดตาในวันรุ่งขึ้นและใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ผู้ป่วยต้องระมัดระวังไม่ให้น้ำเข้าดวงตาหลังการสลายต้อกระจกตามระยะเวลาที่จักษุแพทย์กำหนด (2 – 4 สัปดาห์) พร้อมทำความสะอาดรอบดวงตา รับประทานยา และหยอดยาตามคำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัด
2.วิธีผ่าตัดต้อกระจกแบบเปิดแผลกว้าง (Extracapsular Cataract Extraction with Intraocular Lens) เป็นวิธีผ่าตัดดั้งเดิมที่ใช้ในกรณีที่ต้อกระจกสุกและแข็งมาก ๆ จนไม่เหมาะกับการสลายด้วยเครื่อง โดยมีขั้นตอนดังนี้
  • จักษุแพทย์จะเปิดแผลตามแนวรอยต่อระหว่างกระจกตาดำและผนังตาขาวบริเวณครึ่งบนของลูกตายาวประมาณ 10 มิลลิเมตรเพื่อเอาตัวเลนส์แก้วตาที่เป็นต้อกระจกออก เหลือเพียงถุงหุ้มเลนส์ด้านหลังไว้ จากนั้นใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไปแทนที่ในถุงนี้ แล้วจึงเย็บปิดแผลด้วยไหมเย็บแผล
  • เลนส์แก้วตาเทียมจะใช้เป็นแบบชัดระยะเดียว เพื่อการมองไกล มีอายุการใช้งานได้นานตลอดชีวิต มากกว่า 95%ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาต้อกระจกและได้รับการใส่เลนส์แก้วตาเทียมจะมีสายตาที่ดีขึ้น

การดูแลตนเองหลังผ่าต้อกระจก
  • ควรหลีกเลี่ยงการทำงานหนัก การยกของหนักหรือกระเทือนมาก การออกกำลังกายอย่างหนัก รวมถึงการไอหรือจามแรง ๆ
  • ควรหลีกเลี่ยงการทำงานหนัก การยกของหนักหรือกระเทือนมาก การออกกำลังกายอย่างหนัก รวมถึงการไอหรือจามแรง ๆ
  • เช็ดหน้าโดยใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดบิดให้แห้งแทนการล้างด้วยน้ำ
  • ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและใช้ยาต่างๆ ให้ครบถ้วนตามที่แพทย์สั่ง
  • สวมแว่นตากันแดดทุกครั้งเมื่อออกไปในที่แสงจ้า
  • ควรไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง จนกว่าแผลจะหายดีและปลอดภัยแล้ว แต่ถ้ามีอาการผิดปกติให้รีบไปพบแพทย์ทันที
  • ห้ามขยี้ตาข้างที่ทำการผ่าตัดเด็ดขาด ผู้ป่วยควรใช้ที่ครอบตาพลาสติกปิดตาเอาไว้


การผ่าตัดต้อกระจกพร้อมรักษาค่าสายตา
การผ่าตัดต้อกระจกพร้อมรักษาสายตานั้น สามารถผ่าตัดพร้อมกันได้ในครั้งเดียว ด้วยการใช้คลื่นอัลตราซาวด์สลายต้อกระจก และเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมที่มีคุณสมบัติในการแก้ไขสายตายาวและเอียงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การใช้ชีวิตของผู้ป่วยโรคนี้ไม่ยากลำบากเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป การรักษาต้อกระจกด้วยวิธีนี้มีข้อดีดังต่อไปนี้
  • เป็นการผ่าตัดครั้งเดียวที่รักษาได้ทั้งต้อกระจกและสายตายาว
  • หลังการผ่าตัดในวันรุ่งขึ้นสามารถกลับมามองเห็นได้อย่างชัดเจน
  • หลังการผ่าตัดไม่ต้องนอนโรงพยาบาล


วิธีป้องกันโรคต้อกระจก
ดวงตาปกติ ที่ไม่ได้เป็นต้อกระจก

โดยวิธีป้องกันการเกิดต้อกระจก ได้แก่
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินเอ อี และซี ช่วยบำรุงสายตา อย่างไรก็ดีการรับประทานวิตามินเสริมยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าลดความเสี่ยงการเกิดต้อกระจกได้
  • ควรตรวจสายตาเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
  • สวมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลต
  • ระวังอย่าให้ดวงตาถูกกระทบกระแทก ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายต่อดวงตากรณีทำงาน เช่น ผู้ที่ทำงานในโรงงาน
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะยากลุ่มสเตียรอยด์
  • งดการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์จัด
  • พักสายตาเป็นระยะหากต้องใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานาน
  • การใช้ยาหยอดตาทุกชนิดควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง


รักษาโรคต้อกระจกที่ไหนดี
การเลือกสถานพยาบาลรักษาโรคต้อกระจกนั้น ต้องมีจักษุแพทย์ที่เชี่ยวชาญ และมีการตรวจประเมินอาการที่ได้มาตรฐาน ระยะทางการเดินทางที่สะดวก และการบริการต้องสมราคา


ข้อสรุป
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกหลายปัจจัยเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้  ทั้งอายุที่มากขึ้น และการเจ็บป่วยบางชนิดที่ส่งผลต่อการเกิดต้อกระจก ในขณะเดียวกันก็มีปัจจัยอีกมากมายที่สามารถปฏิบัติเพื่อป้องกันภาวะต้อกระจกได้  รวมถึงการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และหมั่นพบแพทย์ตามนัด หรือเมื่อเกิดความผิดปกติทางสายตา

นอกจากนี้ หากเป็นต้อกระจกแล้ว หรือพบภาวะผิดปกติทางการมองเห็น ควรเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธีและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ทั้งก่อนและหลังการรักษา เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย



333
ระบบสมาชิก CRM (ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์)

ในปัจจุบันกระแส E-commerce หรือการทำธุรกิจผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ กำลังได้ไรับความนิยมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผมมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คนจึงเริ่มหันมาซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น เพราะนอกจากจะใช้งานได้ง่ายแล้ว เรายังสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกกลุ่มตามที่เราต้องการ ซึ่งระบบ สมาชิก จะมีส่วนช่วยในธุรกิจของคุณเป็นอย่างมาก

สำหรับใครที่ยังสงสัยว่าระบบสมาชิกคืออะไร และสามารถทำอะไรได้บ้าง บทความนี้เราจะมาทำความรู้จักระบบสมาชิก หรือ CRM กัน ถ้าพร้อมแล้ว ไปเริ่มกันเลย

ระบบสมาชิก คืออะไร
ระบบสมัครสมาชิก คือ ระบบที่ใช้ในการเก็บรวบรวลข้อมูลของผู้ที่เป็นลูกค้า หรือผู้ที่สนใจในสินค้าผลิตภัณฑ์ โดยระบบ สมาชิก จะมีโปรแกรมระบบสมาชิก (membership management) หรือ membership management systems ที่จะคอยทำหน้าที่เก็บรวบรวมพฤติกรรม ความสนใจของลูกค้าของแต่ละบุคคล เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาช่วยให้สามารถนำเสนอสินค้าผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการ เพื่อปิดการขายให้ได้ในที่สุด

ธุรกิจได้ประโยชน์จากระบบสมาชิกอย่างไร
สำหรับผู้ที่ยังสงสัยว่าระบบ สมาชิกสามารถนำไปใช้กับธุรกิจได้อย่างไร ก่อนที่จะพูดถึงประโยชน์ของระบบสมาชิก เราจะพามาทำความรู้จักกับระบบ CRM ซึ่งย่อมาจาก Customer Relationship Management หรือก็คือระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ ซึ่งค่อยทำหน้าที่เก็บข้อมูล พฤติกรรม ความสนใจสินค้าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของลูกค้า ในช่วงเวลานั้น เพื่อจะนำสิ่งที่ได้ไปใช้ในการโฆษณา ออกแบบโปรโมชั่นให้น่าดึงดูดต่อไป

โดยในปัจจุบัน E-commerce เจ้าต่าง ๆ จะเปิดให้มีระบบสมาชิก ออนไลน์ ฟรี ซึ่งทาง E-commerce เจ้านั้นจะใช้วิธีการดึงดูดลูกค้าให้มาสมัครสมาชิกด้วยการมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ ซึ่งเมื่อลูกค้าได้สมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว ระบบ CRM (ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์) ซึ่งระบบนี้จะทำหน้าที่เก็บรวบรวมเพื่อสังเกตพฤติกรรม ความสนใจ ความต้องการของลูกค้าในเวลานั้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการออกแบบโฆษณาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการสินค้าได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดการปิดการขายในที่สุด

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากนำระบบ สมาชิกไปทดลองใช้ เรามีเองก็มี โปรแกรมระบบสมาชิก ฟรี ที่ดีที่สุดในตอนนี้ให้ท่านได้นำไปทดลองใช้ ระบบสมาชิก กันได้เลยฟรี เพื่อท่านจะได้เข้าใจระบบการทำงานของระบบ สมาชิก เพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจต่อไป

การใช้ประโยชน์ของข้อมูลที่ได้จากระบบสมาชิก

 ระบบสมาชิกถูกนำมาใช้กับ E-commerce อย่างแพร่หลาย

จากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าระบบ crm membership (ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์) คืออะไรกันไปแล้ว เราจะมาอธิบายเจาะลึกถึงประโยชน์ของระบบ สมาชิกกันดังนี้

1. ระบุกลุ่มผู้ที่ต้องการซื้อสูง
ระบบจะทำการเก็บรวบรวมพฤติกรรมต่าง ๆ ของสมาชิก เพื่อนำข้อมูลนั้นมาวิเคราะห์ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าคนนี้เข้ามาดูสินค้าผลิตภัณฑ์ตัวหนึ่งบ่อย ๆ แสดงว่าลูกค้าคนนี้สนใจสินค้าชิ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งจะทำให้เราเห็นถึงโอกาสที่ลูกค้าคนนั้นจะซื้อสินค้านั้นสูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีโอกาสที่จะกลับมาซื้อสินค้านั้นอีกครั้งก็เป็นไปได้ โดยการทราบข้อมูลเหล่าของลูกค้า จะทำให้เราสามารถวางแผนการทำการตลาด หรือโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

2. รู้จักลูกค้าของเรามากขึ้น
เนื่องจากระบบ สมาชิกจะทำหน้าที่เก็บรวบรวมพฤติกรรม ความสนใจของลูกค้า ซึ่งจะช่วยให้เราทราบถึงความต้องที่แท้จริงของลูกค้า ทำให้คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นไปให้เพื่อ ออกแบบ ปรับเปลี่ยน ปรับปรุงสินค้าผลิตภัณฑ์ของคุณให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด เพื่อจะได้สามารถปิดการขายได้อย่างง่ายดาย โดยเราไม่ต้องมานั่งคิด วิเคราะห์ความต้องการของลูกค้าเอง เปิดโอกาสให้สามารถขายสินค้าได้มากกว่า พร้อมทั้งทั้งยังสามารถสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าได้โดยตรง พัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น

3. เปลี่ยนลูกค้าขาจร เป็นลูกค้าประจำ
หลายคนอาจจะสนใจในการหาลูกค้าใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่จริง ๆ แล้ววิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการเปลี่ยนลูกค้าขาจรให้เป็นลูกค้าประจำ เพราะลูกค้าที่ซื้อไปแล้ว จะมีความเชื่อถือร้านมากกว่าลูกค้าใหม่ที่ยังตัดสินใจจะซื้อสินค้าคุณดีหรือไม่ ถ้าคุณสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าเดิมกลับมาซื้ออีกครั้งได้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาได้อีกด้วย

4. ปรับปรุงร้านค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้า
เมื่อคุณทราบความต้องการของลูกค้าแล้ว คุณสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขร้านค้าของคุณให้ดียิ่งขั้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุก ๆ กลุ่ม สามารถเข้าถึง และใช้งานได้อย่างง่ายดาย

5. ป้องกันการเสียลูกค้า
ทุกพฤติกรรมของลูกค้าจะถูกเก็บรวบรวมไว้ให้ผู้ใช้รู้ว่าตอนนี้ลูกค้ากำลังสนใจสินค้าใด นอกจากนั้นยังบอกแนวโน้มว่าตอนนี้ลูกค้ากำลังเลิกสนใจสินค้า หรือร้านค้าของคุณ ทำให้คุณสามารถออกโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดความสนใจแก่ลูกค้าเหล่านั้นอีกครั้ง

ระบบสมาชิกใช้หลักการทำงานอย่างไร?
หลักการทำงานของระบบ crm membership จะมีด้วยกันดังนี้

1. สร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก

ถือเป็นขั้นตอนแรกเริ่มเพื่อต้องการให้คนรู้จักสินค้าผลิตภัณฑ์ของเรา ทั้งยังช่วยเพิ่มกลุ่มลูกค้าใหม่ได้อีกด้วย นอกจากจะทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จักในวงกว้าง และเฉพาะกลุ่มแล้ว ระบบ CRM ยังสามารถใช้เพื่อสังเกตุพฤติกรรมของลูกค้าในเวลานั้นเป็นอย่างไร มีความคิดเป็นอย่างไปกับสิ่งที่เราที่เราได้โฆษณานำเสนอไปเพื่อที่จำนำผลที่ได้มาประยุกต์ใช้ให้ได้ผลมากที่สุด เพื่อให้คุ้มกับรายจ่ายที่เสียไป

2. ช่วยสร้างโอกาสในการขาย

เมื่อแบรนด์ของเราเริ่มเป็นที่รู้จัก เริ่มดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาสนใจแล้ว ซึ่งถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเพียงเท่านั้น เพราะถึงมีคนรู้จักจำนวนมากขึ้น แต่การโฆษณา หรือตั้งเป้าหมายหรือกลุ่มเป้าหมายไม่ชัดเจน การทำให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าก็ยังคงเป็นอุปสรรคอยู่เช่นเดิม ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่ง ดังนั้นเราจึงต้องนำระบบ CRM เพื่อวิเคราะห์ความต้องการของที่แท้จริงของลูกค้า รวมถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการซื้อสินค้า ตัวอย่างเช่น ช่องทางติดต่อกับลูกค้าเป็นต้น

3. การใช้ระบบ CRM มาพัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มลูกค้า

เมื่อคุณสามารถสร้างการรับรู้ของแบรนด์คุณเ)็นวงกว้างเรียบร้อยแล้ว การที่จะกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการซื้อถือเป็นอีกปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะความสนใจในแต่ละบุคคลมีความมากน้อยแตกต่างกันในทุกช่วงเวลา ดังนั้นเราจึงต้องหมั่นกระตุ้นความสนใจของลูกค้าอยู่เสมอ รวมถึงจัดกิจกรรมเพื่อให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมอีกด้วย ถ้าลูกค้ายังคงไม่ซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์ เราจึงต้องใช้ระบบ CRM มาช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อให้หาวิธีที่ทำให้ลูกค้าซื้อต่อไป

4. สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

นอกจากลูกค้าซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว ระบบ CRM ก็จะยังคงเก็บข้อมูล พฤติกรรมของลูกค้าต่อไป เพื่อที่จะเราจะสามารถเปลี่ยนลูกค้าขาจร มาเป็นลูกค้าประจำ เพราะระบบ CRM มีส่วนที่ทำหน้าที่กระตุ้นความสนใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้ากลับมาซื้ออย่างสม่ำเสมอ

5. ขายให้ลูกค้าประจำมากขึ้น

เนื่องจากหาลูกค้าใหม่ที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าครั้งแรกมักจะเป็นเรื่องยาก ทั้งความเชื่อมั่นต่อร้านค้า ความเชื่อมั่นต่อสินค้า ทำให้เกิดลูกค้าใหม่ได้ยาก ซึ่งแตกต่างจากลูกค้าเดิมที่ผ่านเหตุการณ์นั้นมาแล้ว ดังนั้นการขายสินค้าให้ลูกค้าประจำ มักจะทำได้ง่ายดายกว่า ระบบ CRM จะคอยนำเสนอสินค้าต่าง ๆ ให้ลูกค้าประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ยอดขายเพิ่มมากขึ้น

ข้อควรระวังในการทำระบบสมาชิก
สำหรับข้อควรระวังสำหรับระบบสมาชิก ออนไลน์ ฟรี รวมถึงโปรแกรมระบบสมาชิก ฟรี ต่าง ๆ คือเมื่อมีลูกค้าได้เป็นสมาชิกเรียบร้อยแล้ว จำเป็นจะต้องมีสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นมาให้แก่ลูกค้า เพราะถ้าไม่มีอะไรแตกต่างไปจากลูกค้าทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสมาชิก จะทำให้ให้สมาชิกรู้สึกไม่พอใจได้ ซึ่งจะส่งผลให้ไม่อยากจะซื้อสินค้า หรือสนับสนุนร้านค้าได้

ระบบสมาชิกสามารถทำอะไรได้บ้าง

แม่ค้าที่นำระบบสมาชิกมาใช้จนประสบความสำเร็จ

ระบบ crm membership มีประโยชน์ดังนี้

1. ปรับปรุงโฆษณา

เนื่องจากในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงมากเป็นอย่างมาก โฆษณาออนไลน์จึงเกิดขึ้นอย่างมหาศาล แต่ก็ใช่ว่าทุกโฆษณาจะประสบความสำเร็จ เพราะการที่จะทำให้โฆษณาที่ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  เราต้องกำหนดเป้าหมาย กำหนดกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจน และต้องมีความแปลกใหม่

2. ปรับปรุงการประสานงานภายใน
นอกจากระบบ สมาชิกจะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลพฤติกรรมต่าง ๆ ของลูกค้าได้แล้ว เรายังสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้เพื่อผสานงานกันระหว่างฝ่ายงานต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้มากขึ้นอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายการตลาด ฝ่ายผลิต ฝ่ายบริหาร และฝ่ายขายเป็นต้น ซึ่งจะทำให้งานที่ออกมาดียิ่งขึ้น

3. ติดตามผลการตลาด
เพื่อให้ท่านสามารถรู้ได้ว่าโฆษณาที่ได้เผยแพร่ออกไปนั้นมีผลต่อการซื้อขายสินค้าผลิตภัณฑ์มากน้อยเพียงใด ถ้าสินค้าจำหน่ายได้ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ เกิดจากอะไร เพื่อจะได้นำข้อบกพร่องไปแก้ไขต่อไป เพื่อให้งานชิ้นต่อ ๆ ไปมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

4. ประหยัดค่าใช้จ่าย
เมื่อเราสามารถรับรู้พฤติกรรม ความสนใจของลูกค้าในเวลานั้น ก็เป็นเรื่องง่ายที่เราจะออกแบบสินค้าผลิตภัณฑ์ หรือโฆษณาให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด เพื่อให้สามารถปิดการขายได้มากยิ่งขึ้น

5. วางแผนการตลาดในอนาคต
เมื่อเราสามารถรวบรวมข้อมูล พฤติกรรม ความสนใจของลูกค้า จะช่วยให้ผู้ขาย หรือผู้ผลิตสามารถคิดค้นสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

สรุป

ระบบสมาชิก CRM (ระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์) เป็นระบบที่ช่วยให้เราสามารถรับรู้ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด และมีประสิทธิภาพ ซึ่งเกิดจากการรวบรวมข้อมูล พฤติกรรม ความสนใจของลูกค้าในช่วงเวลานั้น เพื่อนำมาวิเคราะห์ความต้องการได้อย่างตรงจุด เพื่อให้ผู้ขายสินค้าผลิตภัณฑ์ได้นำเสนอสินค้าผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้สามารถปิดการขายได้ง่ายยิ่งขึ้น

สำหรับท่านใดที่กำลังมองหาระบบ สมาชิกที่ดี มีประสิทธิภาพที่สุดในตอนนี้ เราขอแนะนำให้ทดลองระบบสมาชิกใช้ฟรี ก่อนตัดสินใจต่อไป


334
ระบบสะสมแต้ม

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการสร้างฐานลูกค้าให้มั่นคงนั้น เป็นเรื่องที่ค่อนข้างที่จะยากในยุคสมัยนี้ จึงทำให้ระบบสะสมแต้มฟรีเข้ามามีบทบาทในการค้าขายมากขึ้น เพราะสามารถช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้าหรือบริการซ้ำ ส่งผลให้ร้านค้าหรือธุรกิจมียอดขายสินค้าและบริการถึงเป้าหมายในระยะยาว และหากคุณกำลังตามหาผู้ให้บริการระบบสะสมแต้มสำหรับร้านค้า Rocket อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณกำลังตามหา

ระบบสะสมแต้มคืออะไร? เหมาะกับธุรกิจของคุณเหมาะแค่ไหน?
ระบบสะสมแต้ม คือ เครื่องมือการตลาดออนไลน์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการตลาด สามารถเพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า ด้วยการเก็บคะแนนสะสมรางวัลหลังใช้บริการของธุรกิจเสร็จทุกครั้ง จึงทำให้ระบบสะสมแต้มสำหรับร้านค้าเป็นกลไก CRM อีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นความต้องการ ความประทับใจ และความคาดหวังของลูกค้าให้กลับมาซื้อสินค้าบริการของแบรนด์คุณอีกครั้ง

ระบบสะสมแต้มมีหลักการทำงานอย่างไร?
หลักการทำงานของระบบสะสมแต้มนั้น จะเริ่มต้นด้วยการสมัครสมาชิกของลูกค้า โดยจะนำข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลการติดต่อให้อยู่ระบบสะสมแต้ม อีกทั้งยังช่วยบันทึกพฤติกรรมการจับจ่ายสินค้าและบริการของลูกค้า โดยร้านค้าสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์กลยุทธ์เพื่อวางแผนการตลาดต่อไปได้อีกด้วย

ระบบสะสมแต้มมีฟังก์ชั่นอะไรที่ช่วยร้านค้าได้บ้าง

ระบบสะสมแต้มช่วยเพิ่มยอดขาย

การที่จะมัดใจลูกค้าในยุคสมัยที่มีการแข่งขันสูง ร้านค้าต้องมีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างร้านค้าและลูกค้าเพื่อให้ลูกค้ากลับมาอุดหนุนซ้ำในครั้งต่อ ๆ ไป โดยตัวช่วยสำคัญที่จะมาตอบโจทย์เรื่องนี้ก็คือ ระบบสะสมแต้มสำหรับร้านค้า นั่นเอง

สร้างของรางวัล
ระบบสะสมแต้มออนไลน์ของเราสามารถสร้างรางวัลให้ลูกค้าของคุณ สะสมคะแนนแต่ละครั้งที่ใช้บริการหลังขายเสร็จสิ้น ด้วยจำนวนมูลค่าที่ลูกค้าซื้อไว้เยอะมากแค่ไหน แต้มของพวกเขาก็จะเยอะตามปริมาณที่จ่ายไปด้วย พร้อมมีฟีเจอร์โชว์รางวัลล่อใจเพื่อเกิดแรงกระตุ้นให้ลูกค้าอยากกลับมาใช้บริการแบรนด์ของคุณมากขึ้น ยิ่งพวกเขาเก็บพ้อยท์ในระบบสะสมแต้มได้เยอะเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีโอกาสได้รางวัลที่ใหญ่และมีมูลค่าสูงตาม

สร้างคูปอง
ระบบสะสมแต้มสามารถสร้างคะแนนเก็บในรูปแบบคูปองออนไลน์ ด้วยเทคโนโลยีจากระบบของเราสามารถสร้างลิงก์สแกนภาพ QR Code ให้ลูกค้าสามารถถ่ายภาพง่าย ๆ ก็เข้าถึงระบบโดยไม่ต้องกรอกข้อมูลให้ยุ่งยากอีกต่อไป เพียงแค่เชื่อมต่อกับเน็ตเวิร์กก็สามารถกดเข้าไปเก็บคูปองในระบบสะสมแต้มทันที นอกจากจะสร้างคูปองออนไลน์แล้ว ฟังก์ชันของเราเป็นโปรแกรมระบบสะสมแต้มให้ลูกค้าสามารถกดปุ่มคลิกแชร์รางวัลลงแอปโซเชียลมีเดียในปลายนิ้วสัมผัส

สร้างสิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มสมาชิก
นอกจากจะสร้างของรางวัล คูปอง เพื่อให้ลูกค้าของคุณสะสมคะแนนแล้ว ระบบสะสมแต้มของเรามีฟีเจอร์ออกแบบกลุ่มสมาชิกของกลุ่มลูกค้าแต่ละระดับให้ดูมีความพรีเมี่ยมมากขึ้น ในการมอบรางวัลมูลค่าพิเศษตามกำลังจ่ายของลูกค้า เพราะการมีกลุ่มสิทธิพิเศษกลุ่มสมาชิกลูกค้าแต่ระดับ ช่วยทำให้แบรนด์สามารถมอบโอกาสในวันพิเศษของลูกค้า ได้รับมูลค่าและใช้ประโยชน์ในวันสำคัญ เช่น วันเกิด วาระโอกาส เทศกาล รวมถึงวันสำคัญประจำเดือน ในทุก ๆ ปี เช่น วันปีใหม่ วาเลนไทน์ วันฮาโลวีน หรือวันคริสต์มาส เป็นต้น

ปรับแต่งธีมร้านค้า
ร้านค้าออนไลน์ของคุณสามารถใช้เทมเพลตสำเร็จรูปในระบบสะสมแต้มของเรา ให้เป็นธีมสี คอนเซ็ปต์ ตามสไตล์บุกคลิกแบรนด์ที่คุณอยากให้เป็นได้ตามใจชอบ เพื่อดีไซน์ให้ร้านออนไลน์ของคุณมีโครงสร้างระบบเก็บแต้มที่ดูดี ใช้งานง่าย มีปุ่มคลิก CTAs ที่ชวนกระตุ้นให้เกิดการซื้อขายบริการ รวมถึงวางตำแหน่งองค์ประกอบได้ระดับพอดีสายตากับผู้ใช้ พร้อมมอบประสบการณ์การใช้ระบบสะสมแต้มผ่านอุปกรณ์ไร้สาย พกพา และคอมพิวเตอร์ได้อย่างเหมาะสม

ใช้งานผ่านแพลตฟอร์มโซเชียล
ระบบสะสมแต้มในรูปแบบบัตรคูปอง อาจไม่ตอบโจทย์การเก็บพ้อยท์ฉบับ Manual ได้ในระยะยาว เนื่องจากการเก็บรักษาบัตรให้ไม่ชำรุดนั้น มีโอกาสเสี่ยงสูงที่ลูกค้าอาจทำขาด ทำหายในช่วงการเก็บแต้ม และเป็นปัจจัยที่ลูกค้ารู้สึกหมดกำลังใจที่จะเก็บคะแนนใหม่ เพื่อลดภาระความรับผิดชอบการเก็บรักษา เราจึงมีโปรแกรมระบบสะสมแต้มออนไลน์ให้ลูกค้าผ่านแอปโซเชียลมีเดียได้ใช้งานกันแบบฟรี ๆ โดยเพียงแค่สร้างลิงก์ วางลงบนแชท Line Rich Menu หรือในแอปอื่น ๆ ลูกค้าของคุณสามารถกดปุ่มคลิกสมัครสมาชิก แล้วเริ่มต้นสะสมแต้มได้เลยทันที

ระบบสะสมแต้มแบบไหนที่เหมาะกับธุรกิจของเรา
แน่นอนว่าระบบสะสมแต้ม เหมาะสำหรับธุรกิจประเภท B2C เช่น ธุรกิจร้านอาหาร ภัตตาคาร , ความสวยหกับความงาม รวมไปถึงธุรกิจการโรงแรมที่ชูผลิตภัณฑ์ USP (Unique Selling Point) และมีสาขาให้บริการประจำพื้นที่ทั่วประเทศ ยิ่งธุรกิจที่มีสินค้ากับบริการที่หลากหลาย คุณสามารถทำโปรโมชันรางวัลในมูลค่าสูง เพื่อกระตุ้นแรงจูงใจลูกค้าประจำ หน้าใหม่ กลับมาใช้บริการแบรนด์ของคุณอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมีสิทธิพิเศษมากเท่าไหร่ เป็นการตอบโจทย์ให้ลูกค้าเกิดการสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง

ประโยชน์ของระบบสะสมแต้ม

ประโยชน์ของการทำระบบสะสมแต้ม

ผลประโยชน์ที่ธุรกิจการขายสินค้ากับบริการควรทำระบบสะสมแต้ม คือ ช่วยให้ลูกค้าผูกความสัมพันธ์ในด้านเชิงบวกกับแบรนด์ในระยะยาว ให้แบรนด์มีฐานลูกค้าแต่ละระดับมีกำลังซื้อขาย นอกจากนี้การวางรางวัลใหญ่ที่มีมูลค่าสูง ๆ ช่วยเพิ่มความคาดหวังให้ลูกค้า เกิดแรงจูงใจการใช้บริการธุรกิจของคุณอย่างต่อเนื่อง บวกกับระบบเป็นระบบสะสมแต้มออนไลน์ ยิ่งช่วยขจัดการสะสมแต้มแบบเก่า ๆ ให้เป็นการเก็บพ้อยท์ภายในปลายนิ้วทันที สะดวก รวดเร็ว เพราะข้อมูลถูกบันทึกในระบบดิจิตอลเรียบร้อย

สรุป
ในยุคที่ร้านค้าต่าง ๆ มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ส่งผลให้เจ้าของร้านค้า นักการตลาด เจ้าของธุรกิจ ต้องรีบขยายความเติบโตของธุรกิจของตน โปรแกรมระบบสะสมแต้ม จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างฐานลูกค้า ให้ลูกค้าสนุกเพลิดเพลินกับการเก็บคะแนนที่สะดวกและรวดเร็วกลับมาซื้อซ้ำเปลี่ยนจากบัตรแสตมป์ล้าสมัยเป็นระบบสะสมแต้มออนไลน์


335
ติดต่อธนาคารเพื่อรีไฟแนนซ์

การบริการที่สถาบันการเงินทุกๆ ที่ต้องมีคือการทำรีไฟแนนซ์ (Refinance) เชื่อว่าหลายๆ ท่านอาจจะมีความต้องการที่จะรีไฟแนนซ์กันอยู่แล้วหรือกำลังหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจว่าควรจะทำหรือไม่ ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับรีไฟแนนซ์ให้มากขึ้น เราจะดูทั้งประเภทของรีไฟแนนซ์ ประโยชน์และข้อควรระวังหรือปัญหาที่มักเจอกัน พร้อมกับวิธีง่ายๆ ในการทำรีไฟแนนซ์


ความหมายของการรีไฟแนนซ์
ก่อนจะเข้าเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับรีไฟแนนซ์เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์ให้มากขึ้น การรีไฟแนนซ์นั้นหมายถึงการกู้เงินใหม่จากสถาบันการเงินเพื่อมาชำระเงินกู้เก่าทั้งหมดที่มีอยู่กับสถาบันการเงินเดิม โดยจะใช้สินทรัพย์ตัวที่ทำกับสถาบันการเงินเดิมเป็นหลักประกันในการขอเงินกู้ใหม่

แล้วทำไมเราจึงควรจะรีไฟแนนซ์เหตุผลหลักจะเป็นเพราะต้องการลดค่างวดประจำเดือน ลดดอกเบี้ยให้ต่ำลง ขยายระยะเวลาการผ่อนให้นานขึ้น หรือต้องเงินก้อนเพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียน การทำรีไฟแนนซ์สามารถทำได้กับสถาบันการเงินเดิมหรือใหม่ขึ้นอยู่กับการคุยเจรจากับสถาบันการเงินนั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นควรเช็กข้อมูลให้ดีเพราะการรีไฟแนนซ์นั้นมีหลายขั้นตอนและมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้น สนใจดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ รีไฟแนนซ์     


ทำความรู้จักรีไฟแนนซ์ประเภทต่าง ๆ

รีไฟแนนซ์บ้านและคอนโค

การรีไฟแนนซ์นั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นทั้งหมด 3 ประเภทหลักๆ คือ รีไฟแนนซ์รถยนต์ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต และรีไฟแนนซ์บ้านและคอนโด ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกันทั้งระยะเวลาการผ่อน ดอกเบี้ยและวงเงินในการกู้ มาทำความรู้จักแต่ละประเภทกันดังนี้ 

1. รีไฟแนนซ์รถยนต์
รีไฟแนนซ์รถยนต์ คือการกู้เงินใหม่ไปชำระเงินกู้เก่าโดยสามารถใช้รถยนต์ 4 ล้อทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น รถเก๋ง รถกระบะ รถSUV ร่วมถึงรถมอเตอร์ไซค์เป็นหลักประกันในการกู้ การรีไฟแนนซ์ส่วนมากเพราะต้องการที่จะได้วงเงินเพิ่มและทำให้งวดผ่อนต่อเดือนลดลง เป็นการเสริมสภาพคล่องอีกทั้งยังนำเงินก้อนที่ได้รับไปใช้จ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆ การรีไฟแนนซ์รถยนต์ทำได้ทั้งกับสถาบันการเงินเดิมหรือใหม่

2. รีไฟแนนซ์บ้านและคอนโด
รีไฟแนนซ์บ้านเป็นการกู้เงินใหม่โดยใช้บ้าน คอนโดหรืออสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันในการกู้ แต่ส่วนใหญ่จะมีข้อจำกัดว่าจำเป็นที่จะต้องผ่อนค่างวดมาแล้วมากกว่า 3 ปีก่อนที่จะสามารถทำการรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่ได้ช่วง 3ปีแรกอัตราดอกเบี้ยส่วนมากจะถูกกว่าปกติ

การรีไฟแนนซ์บ้านและคอนโดจะช่วยให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเก่าจึงทำให้ค่างวดผ่อนต่อเดือนลดลงและยังทำให้ผ่อนบ้านหรือคอนโดได้เร็วขึ้นอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถขอวงเงินเพิ่มเพื่อจะได้เงินก้อนไปซ่อมแซมบ้านหรือไปปิดหนี้อื่นๆ ที่มีเช่นหนี้บัตรเครดิต เป็นต้น

3. รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเป็นการรวมหนี้บัตรเครดิตและบัตรกดเงินสดที่มีทุกใบไปผ่อนกันสถาบันการเงินที่เดียวถือว่าเป็นการรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียวช่วยลดอัตราดอกเบี้ยที่สูงของบัตรเครดิตให้เบาลง เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดยอดผ่อนต่อเดือนเพื่อเสริมสภาพคล่อง เพิ่มระยะเวลาผ่อนหนี้บัตรเครดิตให้ยาวขึ้น


ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์

ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์

ประโยชน์หลักๆ ของการรีไฟแนนซ์มีดังต่อไปนี้

1. อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเดิม
ประโยชน์เด่นของการรีไฟแนนซ์และจะเห็นได้ชัดมากในการรีไฟแนนซ์บ้านและคอนโดคืออัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าเดิม หลายสถาบันการเงินต้องการลูกค้าที่และอยากจะได้ลูกค้าจากสถาบันการเงินอื่นดังนั้นการให้อัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าที่เก่าเป็นแรงจูงใจที่ดีที่จะช่วยให้ลูกค้าเปลี่ยนมาใช้บริการแทน

2. ได้วงเงินกู้ที่มากกว่ายอดหนี้เก่า
ประโยชน์ต่อไปคือการที่ได้วงเงินกู้ที่มากกว่าหนี้ที่ต้องไปปิดกับสถาบันการเงินเดิมซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนเพื่อไปปิดหนี้อื่นหรือเก็บไว้ใช้จ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องการ โดยส่วนใหญ่วงเงินกู้ที่ได้เพิ่มขึ้นจะมาจากมูลค่าการประเมินทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าหนี้ที่เหลืออยู่   

3. ค่างวดที่น้อยลงกว่าเก่า
ประโยชน์นี้เป็นผลพ่วงจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจากเก่าจึงทำให้ค่างวดที่ต้องผ่อนต่อเดือนลดลงตามกับดอกเบี้ยที่ลดลง ทำให้เป็นการลดภาระหนี้ประจำเดือนไปในตัว

4. ยืดระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้น
ประโยชน์อีกอย่างของการรีไฟแนนซ์คือระยะเวลาผ่อนที่ยาวขึ้นไม่ว่าจะเป็นจากการที่ได้รับเงินกู้ที่มากขึ้นเลยทำให้ระยะเวลาผ่อนนานขึ้นตามไปด้วย หรือยอดหนี้เดิมแต่ต้องการขยายเวลาการผ่อนกับสถาบันการเงินใหม่ก็สามารถทำได้ด้วยพร้อมกับช่วยให้ค่างวดผ่อนต่อเดือนน้อยลงเสริมสภาพคล่องทางการเงินได้ดี

5. มีเงินเหลือมากขึ้น
การรีไฟแนนซ์นั้นสามารถช่วยให้มีเงินเหลือมากขึ้นซึ่งเหมาะกับผู้ที่ไม่ได้ต้องการวงเงินกู้เพิ่มแต่ต้องการที่จะผ่อนหนี้ให้หมดเร็วขึ้น การรีไฟแนนซ์นั้นเป็นคำตอบที่ดีเพราะสามารถลดทั้งดอกเบี้ยและค่างวดทำให้ประหยัดเงินที่จะต้องนำไปจ่ายค่าดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นซึ่งส่วนต่างตรงนั้นทำให้มีเงินเหลือมากกว่าเดิม


ปัญหาของการรีไฟแนนซ์ที่คนส่วนใหญ่พบ
ปัญหาของการรีไฟแนนซ์ที่มักจะเจอกันและทำให้ไม่สามารถขอรีไฟแนนซ์ผ่านได้มีดังนี้

  • ไม่ได้เดินบัญชีธนาคารหรือไม่มีเงินเก็บออม
การเดินบัญชีธนาคารนั้นเป็นเอกสารที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากในการขอสินเชื่อหรือถ้ามีการเดินบัญชีแต่ไม่มีเงินเก็บเหลือทำให้การขอรีไฟแนนซ์นั้นผ่านได้ยาก

  • มีหนี้สินเยอะเกินไป
อาจจะเป็นหนี้จากบัตรเครดิตที่กำลังจ่ายอยู่หลายใบหรือเป็นสินเชื่อตัวอื่นที่มีอยู่ซึ่งเป็นตัวที่สถาบันการเงินใช้ในการดูความเป็นไปได้ในการผ่อนชำระ ยิ่งมีมากยิ่งลดโอกาสรีไฟแนนซ์ให้ผ่านได้

  • มีรายได้น้อยเกินไปและมีประวัติการเงินที่เสีย
เกิดขึ้นได้จากการเปลี่ยนงานหรือมีภาระที่มากขึ้นทำให้รายได้ไม่พอที่จะจ่ายค่างวดได้ยิ่งถ้ามีประวัติการเงินหรือเครดิตบูโรที่เสียจะทำให้โอกาสรีไฟแนนซ์ผ่านได้ยากเลยทีเดียว

  • ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์ที่ยุ่งยากและมีสถาบันการเงินให้เลือกเยอะ
ปัญหาอีกอย่างที่มักจะเจอกันคือมีขั้นตอนที่ยุ่งยากรวมถึงตัวเลือกหลากหลายสถาบันการเงินที่ต้องเข้าไปคุยขอข้อมูลและยื่นเรื่องขอรีไฟแนนซ์ทำให้ไม่อยากที่จะรีไฟแนนซ์ 


วิธีขอรีไฟแนนซ์ง่าย ๆ ด้วยระบบ Fintech

ใช้ refinn ที่เป็นระบบFintech ในการรีไฟแนนซ์

วิธีการขอรีไฟแนนซ์ที่ง่ายเพียงใช้ Refinn เป็นตัวช่วยในการรีไฟแนนซ์ของท่าน Refinnเป็นเว็บไซต์ที่มีระบบ Fintech รวบรวมขอเสนอดีๆ จากหลายสถาบันการเงินไว้อยู่ที่เดียว Refinnมีให้บริการรีไฟแนนซ์ไม่ว่าจะเป็นรีไฟแนนซ์บ้านและคอนโด รถยนต์หรือบัตรเครดิต นอกจากรีไฟแนนซ์แล้ว Refinn ยังมีบริการสินเชื่อต่างๆ เช่นสินเชื่อบุคคล สินเชื่อธุรกิจ เป็นต้น

ขั้นตอนการใช้บริการง่ายๆ เพียงสมัครสมาชิกแล้วค้นหาโปรโมชั่นจากสถาบันการเงินชั้นนำ 15 ธนาคาร ยื่นเรื่องสมัครออนไลน์ได้ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ตามด้วยรู้ผลอนุมัติเบื้องต้น ไม่จำเป็นจะต้องไปคุยกับธนาคารเป็นการประหยัดเวลาได้ดีที่เดียว   


ข้อควรระวังในการรีไฟแนนซ์
รีไฟแนนซ์นอกจากประโยชน์แล้วยังมีข้อควรระวังดังต่อไปนี้

  • การรีไฟแนนซ์โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับวงเงินเพิ่มควรระวังเพราะจะทำให้ระยะเวลาผ่อนนานขึ้น
  • มีค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นค่าจัดรีไฟแนนซ์ใหม่ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ค่าประเมินหลักประกัน หรืออาจจะมีค่าใช้จ่ายในการไถ่ถอนก่อนกำหนด
  • ต้องใช้และเตรียมเอกสารหลายอย่างเช่น เอกสารรายได้ เอกสารการเดินบัญชี เป็นต้น
  • ควรศึกษาข้อมูลดอกเบี้ยของธนาคารให้ดีๆ เพราะว่าดอกเบี้ยที่เห็นว่าน้อยตอนแรกพอมาเฉลี่ยดูแล้วกลับมากกว่าที่คิด
  • ไม่ควรขอวงเงินมากเกินไป นอกจากจะทำให้การขอรีไฟแนนซ์ผ่านยากขึ้นแล้ว แต่ถ้าผ่านก็ควรที่จัดสรรบริหารเงินก้อนที่ได้มาให้ดีเพราะเป็นเงินในอนาคตที่จำเป็นที่จะต้องชำระคืน


ข้อสรุป
รีไฟแนนซ์นั้นมีประโยชน์หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ยและค่างวดต่อเดือนที่ถูกลงช่วยให้เสริมสภาพคล่องและมีเงินเหลือมากขึ้น รีไฟแนนซ์ยังเป็นคำตอบที่ดีที่จะช่วยให้ได้เงินก้อนไว้ใช้ปิดหนี้หรือใช้จ่ายอื่นๆ

การรีไฟแนนซ์ที่ดีควรจะต้องเช็กข้อมูลต่างๆ ให้ดี พร้อมกับคำนวณเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการรีไฟแนนซ์ทั้งหมดร่วมกับหนี้แล้วเราจะได้ประโยชน์มากกว่าหรือน้อยกว่าในการรีไฟแนนซ์นั้น หากพิจารณาแล้วคิดว่าดีและคุมที่จะทำก็ควรดำเนินการรีไฟแนนซ์ได้เลย



336
บริษัทรับทำ SEO เพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเว็บไซต์ทางธุรกิจ


รับทำ SEO

กำลังมองหาแนวทางที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณเลื่อนอันดับไปติดบนหน้าแรกของ Google อยู่ใช่หรือไม่ ? มาทำความรู้จักกับเอเจนซี่ รับทำ SEO  “NerdOptimize” พร้อมทีมงานคุณภาพที่จะช่วยผลักดันและจัดการปรับแต่งเว็บไซต์ธุรกิจของคุณให้ติดอันดับ ซึ่งส่งผลบวกต่อการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว รวมถึงรับโปรโมทเว็บไซต์ ด้วยเทคนิคสายขาว การันตีคุณภาพและมาตรฐานความปลอดภัยแบบ 100%

โดยปกติแล้วการจ้างทำ SEO กับบริษัทที่ไร้มาตรฐาน จะได้ผลลัพธ์ที่ดีเฉพาะช่วงแรก หลังจากหมดสัญญาจ้างแล้วอันดับก็จะเริ่มร่วงลงเรื่อยๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน แต่ถ้าคุณวางใจให้ NerdOptimize เป็นผู้จัดการดูแลเว็บไซต์ให้กับคุณ รับรองได้เลยว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นที่น่าพอใจในระยะยาวอย่างแน่นอน


Nerdoptimize คือใคร

เราคือ NerdOptimize บริษัทรับทำ SEO ระดับแนวหน้าของประเทศที่พร้อมจัดการดูแลเว็บไซต์ธุรกิจของคุณอย่างมีคุณภาพ การทำงานของเรามุ่งเน้นไปที่การทำ SEO และ เว็บไซต์ ที่มีมาตรฐานความปลอดภัย รับรองได้เลยว่าเราเชี่ยวชาญในด้านนี้ สามารถผลักดันธุรกิจของคุณให้ติดหน้าแรก Google พร้อม Traffic ที่เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง

เรารับทำ SEO พร้อมบริการอย่างครบถ้วน ดูแลทั้งในเรื่อง SEO Technical, SEO Onpage, SEO Offpage นอกจากบริการดูแลเกี่ยวกับ SEO แล้ว เรายังมี PBN ทุกสาย รองรับการทำ Backlink เพื่อผลักดันอันดับให้กับลูกค้า พร้อมบริการช่วยโปรโมทเว็บไซต์ ติดหน้าแรก Google ด้วยการทำ SEO สายขาว


การทำ SEO ในมุมมองของ NerdOptimize คืออะไร
เดิมทีแล้วการทำ SEO ((Search Engine Optimization) คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ทั้งในส่วนของ Onpage และ Offpage เพื่อช่วยให้เว็บไซต์อยู่ในอันดับที่ดีที่สุด บน Search Engine อย่าง Google เพื่อเพิ่ม Traffic ยอดขายของเว็บไซต์ ซึ่งสำหรับ NerdOptimize แล้ว การรับทำ SEO ให้ติดหน้าแรกนับเป็นการช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและเป็นความสำเร็จของ NerdOptimize


สิ่งที่จะได้รับกับบริการ รับทำ SEO
หากคุณสนใจบริการรับทำ SEO ให้ติดหน้าแรกกับ NerdOptimize สิ่งที่คุณจะได้รับจากบริการของเรารับรองเลยว่าไม่ผิดหวัง เพราะทางเรามีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมช่วยเหลือและให้ปรึกษาเกี่ยวกับการทำ SEO ซึ่งสิ่งที่คุณจะได้รับหากร่วมงานกับ เอเจนซี่ รับทำ SEO อย่างเรามีดังนี้

  • เราช่วยวางแผนกลยุทธ์ด้วยการทำ Keyword Research เพื่อทำ SEO Keyword เกี่ยวกับธุรกิจ
  • จัดการ Offpage เพิ่มคุณภาพ Backlink เพื่อสร้าง Authority Score ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
  • เพิ่มยอดขายให้ธุรกิจของคุณด้วยการดันอันดับ Keyword ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
  • SEO Technical Website Audit เพื่อให้เว็บไซต์รองรับการทำ SEO
  • สร้างและปรับแต่งบทความ Onpage ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • ติด Tracking Conversion เพื่อวัดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
  • รู้ทุกการเคลื่อนไหวผ่าน Report Dashboard สามารถดูข้อมูลได้แบบ Real Time


บริการรับทำ SEO ช่วยเพิ่มยอดขายได้อย่างไร
NerdOptimize บริษัทรับทำ SEO จะเริ่มวางแผนกลยุทธ์เพื่อผลักดันให้เว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณมีอันดับที่ดีขึ้น ตั้งแต่เริ่มวางแผน Keyword ปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ด้วย  On-Page, Off-Page, Technical SEO เพื่อเพิ่ม Traffic ให้กับเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งทางเรารับทำ SEO ที่เน้นช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตพร้อมมียอดขายต่อเนื่อง แบบ Passive โดยวัดผลจากการ Tracking Conversion ตามธุรกิจของคุณ

การทำเว็บไซต์ให้มีคุณภาพ ด้วย Content ที่มีประโยชน์ต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์บน Google ย่อมทำให้เว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ส่งผลเว็บไซต์ของคุณติดหน้าแรก Google พร้อมกระตุ้นยอดขายให้พุ่งสูงขึ้นอีก


ทำไมต้องใช้บริการ รับทำ SEO สายขาว คุณภาพ แบบรายเดือน
การใช้บริการรับทำ SEO สายขาวกับ NerdOptimize ส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณในระยะยาวแม้จะไม่ได้ร่วมงานทำ SEO กับทางเราต่อแล้ว เพราะทางเรารับทำ SEO อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตั้งแต่เริ่มวางแผนงานเพื่อปรับโครงสร้างของเว็บไซต์ ปรับแต่ง Onpage, Offpage สร้าง Content ซึ่งทุกอย่างที่เราทำอยู่ภายใต้โครงสร้างที่ถูกกฎเกณฑ์ของทาง Google จึงหมดห่วงว่าจะมีปัญหาที่จะตามมาในอนาคต รวมถึงอันดับเว็บไซต์ไม่ดิ่งลงเหวอย่างแน่นอน

ทีมงานของ NerdOptimize มากด้วยประสบการณ์ ทุกแผนงาน SEO ผ่านการเรียนรู้และวางแผนเพื่อพัฒนาแนวทางการทำ SEO สายขาวอย่างยั่งยืน ซึ่งบริการรับทำ seo แบบรายเดือนของเรา มีการส่ง Report SEO ให้ทางลูกค้าดูเสมอในช่วงสิ้นเดือน หากไม่ส่ง Report ก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน


บริการ รับทำ SEO นี้ไม่เหมาะกับใคร ?
ก่อนอื่นสิ่งที่เจ้าของกิจการควรรู้ คือ บริการรับทำ SEO จำเป็นต้องมีการสร้างรากฐานที่แข็งแรงเสียก่อน เพราะฉะนั้นการทำ SEO จะต้องเริ่มจากการวางรากฐาน เพื่อปรับโครงสร้างเว็บไซต์ และ การ สร้าง SEO Content อย่างยั่งยืนต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ ทำให้บริการรับทำ SEO ไม่เหมาะกับเจ้าของกิจการที่ใจร้อน ถ้าต้องการเพิ่มยอดแบบเร่งด่วน เราขอแนะนำให้ไปใช้บริการ Google Ads จะเข้าท่ากว่าการมาจ้างทำ SEO โดยไร้ซึ่งความเข้าใจในกระบวนการทำงาน


ประโยชน์ของการจ้างบริษัทรับทำ SEO

  • บริษัทรับทำ SEO จะใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญในการวางแผนเพื่อช่วยผลักดันให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณติดหน้าแรก Google
  • ปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ ให้เหมาะสมกับกฎเกณฑ์โครงสร้างของ Google ซึ่งส่งผลดีต่อการทำ SEO และ ทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์ของคุณมีความน่าเชื่อถือ
  • มีการวิเคราะห์ Keyword เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด ซึ่งบางครั้ง Focus Keyword ของคุณอาจไม่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งทางบริษัท SEO พร้อมช่วยแก้ไขปัญหาในส่วนนี้
  • การทำ SEO ควบคู่มากับการทำ Backlink ที่มีคุณภาพจากเว็บไซต์อื่น ซึ่งทางบริษัทรับทำ SEO จะช่วยพัฒนาและสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพสูงให้กับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ
  • Google มักมีการปรับ Algorithm อยู่เสมอ ซึ่งตรงนี้ส่งผลต่ออันดับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณโดยตรง ซึ่งทางบริษัทรับจ้างทำ SEO จะไม่ได้ดำเนินงานแบบทำเสร็จแล้วปล่อยทิ้งไปเฉยๆ แต่จะคอยดูแลเรื่องการปรับ Algorithm เพื่อช่วยลดความกังวลในส่วนนี้ลงเนื่องจากการเจ้าของธุรกิจเป็นไปได้ยากที่จะมีเวลามาคอยอัปเดตเว็บไซต์ของคุณตาม Algorithm ของ Google


ขั้นตอนการรับทำ SEO

 บริการรับทำ SEO มีขั้นตอนและการวางแผน

1. Research keyword
ขั้นตอนแรกของการรับทำ SEO คือ การ Research keyword ซึ่งมีความสำคัญเป็นอย่างมากในการทำ SEO เพราะคีย์เวิร์ดแต่ละตัวที่คนค้นหานั้นส่งผลต่อผู้เข้าชมเว็บไซต์ รวมถึงยอดขายทางธุรกิจในอนาคต

โดยการทำ SEO จะต้องมีการวางแผนคีย์เวิร์ดมาเป็นอย่างดีเพื่อวางโครงสร้างและกำหนดทิศทางของเว็บไซต์ โดยการวางแผนคีย์เวิร์ดอย่างรอบคอบต้องจัดการให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อช่วยผลักดันเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรก Google จึงเป็นอะไรที่ท้าทายไม่น้อยเลย

2. Web Structure

การวางโครงสร้างเว็บไซต์ก็เป็นอีกหนึ่งกระบวนการทำงานที่สำคัญในการรับทำ SEO หากมีการวางโครงสร้างเว็บที่ดีและตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ย่อมส่งผลต่อจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า ซึ่งการวางโครงสร้างเว็บก็มีหลากหลายขึ้นอยู่กับรูปแบบของเว็บไซต์ เช่น เว็บข่าว จะเน้น SEO Content มีบทความเยอะหน่อย
   
การวางโครงสร้างเว็บไซต์หรือ Web Structure จึงถือเป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญในการทำ SEO เพราะถ้าการวางรูปแบบโครงสร้างเว็บไซต์ไม่ถูกต้องจะส่งผลให้ผู้คนเข้าถึงยากขึ้น รวมถึง Google bot ที่มาไต่เก็บข้อมูล (crawler) และนำไปไว้ในฐานข้อมูลของ Google (indexing) ก็จะช้าลงตาม ทำให้อันดับเว็บไซต์ของคุณไม่คืบหน้า

3. On-site Optimization

การปรับแต่งภายในเองก็มีความสำคัญในการรับทำ SEO เช่นกัน เพราะเป็นส่วนที่ส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้ใช้งานเว็บไซต์ธุรกิจของคุณเลย โดยขั้นตอนนี้จะมีการปรับแต่งภายในเว็บไซต์ทั้ง Technical SEO ปรับความเร็วของเว็บไซต์ ปรับแต่งโครงสร้าง SEO CONTENT ตามแบบฉบับของ NerdOptimize เพื่อให้หน้าเพจของคุณถูกต้องตามหลัก Google และ ตรงตาม Search Intent ของผู้คน

4. Off-Page Link Building

ขั้นตอนต่อมาเป็นการทำ Offpage หรือ Backlink นั่นเอง เพื่อทำให้ Google รู้ว่าเว็บไซต์ธุรกิจของคุณมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร จำเป็นต้องมี Backlink จากเครือข่ายเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยผลักดันอันดับเว็บไซต์ธุรกิจของคุณติดหน้าแรก Google

5. Report SEO

ขั้นตอนสุดท้ายเป็นการวัดผลโดยการใช้ google data studio สร้าง Dashboard เพื่อวัดผลประสิทธิภาพในการทำ SEO และ ปรับปรุงการทำ SEO แล้วจึงแจ้งผลลัพธ์หลังจากดำเนินการ SEO ให้ลูกค้าทราบ พร้อมชี้แจงว่าทางเรามีแนวทางปรับปรุงแก้ไขอย่างไร เพื่อปรับเว็บไซต์พัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน


ราคาค่าใช้จ่ายในการทำ SEO
หากใครที่สนใจใช้บริการรับทำ SEO จากบริษัทที่มีกระบวนการทำงานสายขาวอย่างมีคุณภาพ อย่าง NerdOptimize คงเริ่มอยากรู้ราคาค่าใช้จ่ายในการจ้างทำ SEO แล้ว ซึ่งราคาค่าบริการต่างๆ เราจะคำนวณและประเมินจากเว็บไซต์ทางธุรกิจของคุณก่อน เราถึงจะสามารถแจ้งราคาให้ลูกค้าทราบได้

โดยถ้าคุณสนใจบริการรับทำ SEO สร้างรากฐานให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณอย่างยั่งยืน สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมขอคำปรึกษาได้ที่ โทร. 085-280-1177 , Line : @nerdoptimize หรือ Email : admin@nerdoptimize.com


การเตรียมตัวก่อนทำ SEO

SEO คืออะไร

การทำ SEO (Search Engine Optimization) คือ การปรับแต่งเว็บไซต์ทั้งในส่วนของ Onpage เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ และ Offpage เป็นการทำ Backlink หรือการโปรโมทเว็บไซต์ ซึ่งส่งผลต่อจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ และ ผลักดันอันดับเว็บไซต์สู่การติดหน้าแรก Google ทำให้ยอดขายทางธุรกิจของคุณพัฒนาขึ้นอย่างยั่งยืนด้วยการวางแผนทำ SEO อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

SEO จำเป็นไหมต่อการทำการตลาดออนไลน์

การทำ SEO เป็นอีกหนึ่งช่องทางพัฒนาธุรกิจทางการตลาดออนไลน์ ถ้าหากธุรกิจของคุณเก็บ Funnel ต่างๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว การทำ SEO เป็นอีกหนึ่งช่องทางค้นหาข้อมูลของกลุ่มลูกค้าที่ช่วยส่งเสริมยอดขายและ Traffic บนเว็บไซต์ธุรกิจของคุณ

ไม่ทำ SEO แล้วจะเสียเปรียบคู่แข่งไหม

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า SEO เป็นอีกหนึ่งช่องทางค้นหาข้อมูลของกลุ่มลูกค้า หากคุณไม่ได้ทำ SEO พื้นที่ในส่วนนี้อาจถูกจับจองโดยเจ้าของกิจการอื่นในสายธุรกิจเดียวกัน ส่งผลให้คู่แข่งทางการค้าได้ไพ่เหนือกว่า ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน เพราะคุณจะเสียยอดขายตรงนี้ไป

SEO กับ Google Ads เลือกแบบไหนดี

โดยรวมแล้วการทำ SEO และ Google Ads มีจุดหมายและกระบวนการทำงานที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าคุณต้องการเพิ่มยอดขายในช่วงเวลาหนึ่งอย่างเร่งด่วน การใช้ Google Ads จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะ SEO ต้องใช้เวลาในการวางแผนโครงสร้างจึงไม่เหมาะกับการเพิ่มยอดขายและ Traffic เร่งด่วน

แต่ Google Ads จำเป็นต้องเสียเงินเพื่อแลกกับพื้นที่ให้ผู้ใช้งานเห็นเว็บไซต์ แต่ถ้าใช้บริการรับจ้างทำ SEO จะเป็น Organic Traffic ผ่านการใช้พื้นที่บน Google โดยไม่ต้องเสียค่าลงโฆษณาเพิ่มเติม แถมการทำ SEO ยังเหมาะกับการพัฒนาธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน ช่วยกระตุ้นยอดขายในระยะยาว


เลือกบริษัทรับทำ SEO ที่ไหนดี

หากคุณต้องการจ้างทำ SEO ปัจจุบันในประเทศไทยมีบริษัทรับทำ SEO ให้เลือกอย่างหลากหลาย รวมถึง NerdOptimize แต่เราขอแนะนำให้คุณศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ SEO ให้ดีก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณเข้าใจภาครวมและทิศทางในการทำ SEO ให้ดียิ่งขึ้น


การทำ SEO ใช้เวลานานไหมกว่าจะเห็นผล

การทำ SEO จำเป็นต้องใช้เวลาในการดำเนินงานตามที่เราเคยได้กล่าวเอาไว้ เนื่องจากเราต้องใช้เวลาในการปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ ปรับแต่ง Onpage การโปรโมทเว็บไซต์ และ กระบวนการทำงานอื่นๆ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 - 8 เดือน ขึ้นอยู่กับ Keyword ของเว็บไซต์ธุรกิจที่เราต้องวิเคราะห์ด้วย หากบนหน้า Search Engine มีปริมาณ Keyword ค้นหาเยอะ แต่จำนวนคู่แข่งน้อยก็จะใช้ระยะเวลาน้อยลงตาม

สรุป

 เพื่อเพิ่มการมองเห็นให้กับเว็บไซต์ทางธุรกิจ ควรจ้างทำ SEO

การรับทำ SEO จำเป็นต้องใช้ความรู้และความเชี่ยวชาญเพื่อทำ Keyword Research วางแผนโครงสร้างเว็บไซต์ จัดทำ Content ทั้ง Onpage และ Offpage เพื่อผลักดันอันดับเว็บไซต์ของคุณให้สูงขึ้นติดหน้าแรก Google หากวางแผนโครงสร้างไม่ถูกต้อง ปรับเปลี่ยนรูปแบบเว็บตาม Algorithm ของ Google ไม่ได้ การหวังให้เว็บไซต์ธุรกิจของคุณติดหน้าแรก Google คงเป็นเรื่องยาก

แต่ ! หากคุณต้องการทีมงานผู้เชี่ยวชาญรับจ้างทำ SEO อย่างมีคุณภาพ พร้อมรับโปรโมทเว็บไซต์ ด้วยเทคนิคสายขาว ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมี Traffic และ ยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างยั่งยืน สามารถติดต่อ NerdOptimize เพื่อสอบถามข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมรวมทั้งขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการทำ SEO ได้ที่ โทร. 085 - 280 - 1177 , Line : @nerdoptimize หรือ Mail : admin@nerdoptimize.com


337
โรงงานผลิตอาหารเสริม

ปัจจุบัน สถานการณ์ต่างๆ ทั้งฝุ่น PM 2.5 และโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้วิถึชีวิตของหลายๆคนเปลี่ยนไป ผู้คนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้เทรน “อาหารเสริม” กำลังมาแรง นักธุรกิจหลายคนๆอยากสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเองขึ้นมา จึงเกิดเป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม รูปแบบ OEM ที่รับผลิตอาหารเสริมรูปแบบต่างๆ หากคุณพร้อมสร้างแบรนด์ตนเองแล้ว เรามาดูกันว่าโรงงานผลิตอาหารเสริมที่ดีที่สุดสำหรับคุณมีอะไรบ้าง


วิธีเลือกโรงงานผลิตอาหารเสริม

ก่อนที่จะชม 12 อันดับโรงงานผลิตอาหารเสริมแล้ว หลายคนคงสงสัยว่า แล้วเราจะเอาเกณฑ์อะไรมาวัดว่าโรงงานผลิตอาหารเสริมที่เราเลือกนั้นดีจริง งั้นวันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่า ปัจจัยในการเลือกโรงงานผลิตอาหารเสริม มีอะไรบ้าง

  • โรงงานผลิตอาหารเสริม ต้องได้รับการรับรองจาก อย. มีมาตรฐานระดับสากลอย่าง ISO และ GMP เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจในสินค้าที่โรงงานรับผลิต
  • ภายในโรงงานผลิตอาหารเสริม ต้องมีมาตรฐานความสะอาด เพื่อรับรองได้ว่าผลิตภัณฑ์ที่ไปถึงผู้บริโภคนั้น ไม่ก่อให้เกิดสิ่งปนเปื้อนหรืออันตรายจากสารเคมีต่างๆ
  • โรงงานผลิตอาหารเสริมที่เป็นที่ถูกใจของเหล่าเจ้าของแบรนด์ คือโรงงานผลิตอาหารเสริมที่มีบริการครบวงจร เพื่อความสะดวกในการวางแผนงานและการลงทุนของผู้ประกอบการ
ปัจจัยเหล่านี้ เป็นเพียงปัจจัยพื้นฐานในการเลือกโรงงานผลิตอาหารเสริมเพื่อสร้างแบรนด์ตัวเอง หากคุณต้องการสร้างแบรนด์ตัวเอง คุณควรศึกษาเกี่ยวกับโรงงานนั้นๆอย่างละเอียดมากยิ่งขึ้น


12 อันดับโรงงานผลิตอาหารเสริม พร้อมดีลที่ดีที่สุด ปี 2022

มาถึง 12 อันดับโรงงานผลิตอาหารเสริมที่ดีที่สุดที่เราคัดไว้ให้แล้วว่ามีมาตรฐานการผลิต เ็นโรงงานแบบ OEM หรือ ODM มีบริการรับสร้างแบรนด์อาหารเสริมรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น อาหารเสริมคอลลาเจน อาหารเสริมไฟเบอร์ อาหารเสริมเวย์โปรตีน และอื่นๆอีกมากมาย เราไปดูกันเลยว่ามีโรงงานอะไรบ้าง

อันดับที่ 1 โรงงานผลิตอาหารเสริม เมดิก้า แล็บส์

โรงงานผลิตอาหารเสริมอันดับแรก คือ บริษัท เมดิก้า แล็บส์ จำกัด เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริมที่มีมาตรฐานระดับสากล พร้อมบริการครบวงจรแบบ OEM ไม่ว่าจะเป็น การให้คำปรึกษาการสร้างแบรนด์ตนเอง การวิจัยและพัฒนาสูตร การทำแพ็คเกจ ไปจนถึงการวางแผนการตลาดเพื่อส่งเสริมการขาย นอกจากนี้โรงงานผลิตอาหารเสริม Medikalabs ยังมีรูปแบบอาหารเสริมและเครื่องสำอางให้เลือกเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อาหารเสริมคอลลาเจน ไฟเบอร์ เวย์โปรตีน อาหารเสริมบำรุงสุขภาพต่างๆ เรียบได้ว่า จบ ครบ ในที่เดียวจริงๆ

สำหรับช่องทางการติดต่อสามารถติดต่อได้ที่
Website : https://medikalabs.com/
Tel : 083-5662892, 082-4622289, 02-6863469

โรงงานผลิตอาหารเสริม เมดิก้า แล็บส์

อันดับที่ 2 โรงงานผลิตอาหารเสริม เดอร์มา เฮ้ลท์

โรงงานผลิตอาหารเสริม เดอร์มา เฮ้ลท์ รับผลิตอาหารเสริมโดย เน้นการลงทุนกับเทคโนโลยีด้านการวิจัย และพัฒนาอาหารเสริมในรูปแบบ ORM และ OEM มีมาตราฐาน ISO และ GMP เป็นมาตรฐานระดับสากล รับผลิตอาหารเสริมรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รูปแบบเจลลี่ ผงชงดื่ม และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ พร้อมบริการสร้างแบรนด์ตัวเองอย่างครบวงจร

 โรงงานผลิตอาหารเสริม เดอร์มา เฮ้ลท์

อันดับที่ 3 โรงงานผลิตอาหารเสริม พรีมา แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

สำหรับโรงงานที่ 3 คือโรงงานผลิตอาหารเสริม พรีมา แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นโรงงานรับผลิตอาหารเสริมและแบรนด์ครีม เครื่องสำอางต่างๆ เ็นโรงงานที่มีมาตรฐานการผลิต ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ของคุณ ใส่ใจในเรื่องของคุณภาพในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อน พร้อมสร้างแบรนด์ได้แล้ววันนี้

โรงงานผลิตอาหารเสริม พรีมา แคร์ อินเตอร์เนชั่นแนล

อันดับที่ 4  โรงงานผลิตอาหารเสริม ไบโอติคอน

โรงงานผลิตอาหารเสริม ไบโอติคอน รับผลิตอาหารเสริม มีมาตรฐาน GMP , ISO , HACCP และ HALAL มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์มีคุณภาพจริง ปลอดภัยจริง มีความใส่ใจในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน สร้างแบรนด์ตัวเองพร้อมบริการแบบ One-Stop-Service ครบ จบ ในที่เดียว ส้รางแบรนด์อาหารเสริมขั้นต่ำน้อย พร้อมผลิตภายใต้แบรนด์ของคุณได้ทันที

โรงงานผลิตอาหารเสริม ไบโอติคอน

อันดับที่ 5 โรงงานผลิตอาหารเสริม ไอไบโอ

บริษัทรับผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอาง ไอไบโอ รับผลิตอาหารเสริมรูปแบบ OEM จุดเด่นคือมีบริการแบบ One-Stop-Service บริการตั้งแต่ ให้คำปรึกษาไปจนถึงวางขายสินค้า พัฒนาสูตรโดยนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างสินค้าที่ดีที่สุดให้กับคุณ นอกจากนี้เรายังมีมาตรฐานการผลิตระดับสากล เคล็ดลับความสำเร็จเรามี 3 สิ่ง คือ มีความเป็นมืออาชีพ มีความน่าเชื่อถือ และมีนวัตกรรม

โรงงานผลิตอาหารเสริมไอไบโอ

อันดับที่ 6 โรงงานผลิตอาหารเสริม รีโว่เมด

โรงงานผลิตครีม เครื่องสำอาง และอาหารเสริม รีโว่เมด รับผลิตอาหารเสริมที่มีมาตรฐาน โดยผู้เชี่ยวชาญ มีทีมนักวิจัยที่เชี่ยวชาญ แพทย์ เภสัชกร ทีม ดร. ด้านอาหารเสริม ที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี มุ้งเน้นการพัฒนาสูตรที่ดีที่สุดให้กับคุณ มีกระบวนการควบคุมคุณภาพและรักษามาตรฐานการผลิตต่างๆ มั่นใจได้เลยว่าคุณจะได้สินค้าที่ดีที่สุด

โรงงานผลิตอาหารเสริม รีโว่เมด

อันดับที่ 7 โรงงานผลิตอาหารเสริม โควิก เคทท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)

โรงงานผลิตอาหารเสริม โควิก เคทท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) รับผลิตอาหารเสริมและสร้างแบรนด์ครบวงจร ตัวอย่างอาหารเสริมที่ผลิต เช่น อาหารเสริมลดน้ำหนัก อาหารเสริมบำรุงผิวพรรณ อาหารเสริมไฟเบอร์ดีท็อกซ์ และ อาหารเสริมบำรุงสุขภาพต่างๆ มีมาตรฐานการผลิตระดับสากล เพิ่มความมั่นใจให้กับคุณทุกเวลา

โรงงานผลิตอาหารเสริม โควิก เคทท์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย)

อันดับที่ 8 โรงงานผลิตอาหารเสริม เอฟเวอร์ เฮลธ์ (ประเทศไทย)

บริษัท เอฟเวอร์ เฮลธ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริม รูปแบบ OEM และ ODM บริการครบวงจร ตั้งแต่ผลิตจนถึงนำสินค้าออกสู่ตลาด พร้อมขึ้นทะเบียน อย. มีมาตรฐานการผลิตระดับสากล รับรองจาก อย. , HALAL ,GMP CODEX และ HACCP

โรงงานผลิตอาหารเสริม เอฟเวอร์ เฮลธ์ (ประเทศไทย)

อันดับที่ 9 โรงงานผลิตอาหารเสริม วิณพา

บริษัท วิณพา จำกัด รับผลิตอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ในการผลิตอาหารเสริม เชี่ยวชาญในการผลิต คอลลาเจน อาหารเสริมลดน้ำหนัก อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ปรับฮอร์โมนและสมดุลภายในร่างกาย ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพมาตรฐานสูง อีกทั้งกระบวนการผลิตต่างๆ มีรับรองมาตรฐาน ISO , GHPs , HACCP และ HALAL

โรงงานผลิตอาหารเสริม วิณพา

อันดับที่ 10 โรงงานผลิตอาหารเสริม โกลบอล เมดดิคัล (ประเทศไทย)

บริษัท โกลบอล เมดดิคัล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริมที่ก่อตั้งโดย เภสัชกร นักวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เพื่อผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอางที่มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐาน ISO และ GMP ของกระทรวงสาธารณะสุข รับผลิตอาหารเสริม หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เยลลี่ ผงชงดื่มต่างๆ ผลิตภายใต้แบรนด์ของคุณ

โรงงานผลิตอาหารเสริม โกลบอล เมดดิคัล (ประเทศไทย)

อันดับที่ 11 โรงงานผลิตอาหารเสริม เอเค เฮลท์ตี้  โปร

โรงงานผลิตอาหารเสริม กาแฟ อาหารเสริม และเครื่องสำอาง ได้รับมาตรฐานระดับสากล ISO GMP และ HALAL บริการให้คำปรึกษาสร้างแบรนด์ตนเอง ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ แบบ One Stop Srvice พัฒนาสูตรด้วยนวัตกรรมทันสมัย พร้อมผลิตสินค้าที่มีคุณภาพให้กับคุณ ด้วยประสบการณ์ผลิตสินค้าและสร้างแบรนด์กว่า 20 ปี

โรงงานผลิตอาหารเสริม เอเค เฮลท์ตี้  โปร

อันดับที่ 12 โรงงานผลิตอาหารเสริม บิวตี้เวลล์ เอ็กซ์เพิร์ท

บริษัท บิวตี้เวลล์ เอ็กซ์เพิร์ท จำกัด รับผลิตอาหารเสริมและสกินแคร์ ให้บริการในการสร้างแบรนด์ตัวเองแบบ OEM ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากว่า 25 ปี พัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญในการทำ R&D มีมาตรฐานระดับสากลทั้ง GMP และ HACCP จากกระทรวงสาธารณะสุข พร้อมให้คำปรึกษาฟรี

โรงงานผลิตอาหารเสริม บิวตี้เวลล์ เอ็กซ์เพิร์ท


สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มสร้างแบรนด์อาหารเสริม OEM

เริ่มสร้างแบรนด์อาหารเสริมตัวเอง ใช้เวลาเท่าไหร่

ระยะเวลาทั้งหมด สามารถแบ่งได้เป็น 4 ช่วง คือ

  • ระยะเวลาในการคิดค้นและพัฒนาสูตร
  • ระยะเวลาในการผลิต
  • ระยะเวลาในการจดแจ้ง
  • ระยะเวลาออกแบบบรรจุภัณฑ์และการทำการตลาด
ระยะเวลาในการผลิตอาหารเสริมทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละกระบวนการนั้น มีรายละเอียดมากน้อยแค่ไหน โดยส่วนใหญ่เวลาในการคิดค้นและพัฒนาสูตรจะใช้เวลานาน เนื่องจากเจ้าของแบรนด์มักทดลองสินค้าด้วยตนเอง ส่วนเวลาในการทำการจดแจ้งหรือการออกแบบ ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 30-45 วันแล้วแต่กรณี

ราคาขั้นต่ำในการรับผลิตอาหารเสริม

ราคาขั้นต่ำในการสร้างแบรนด์อาหารเสริมของตัวเอง ส่วนใหญ่ขั้นต่ำอยู่ที่หลักแสน เนื่องจาก มีค่าวิจัยและพัฒนาสูตร ค่าจดทะเบียนต่างๆ ค่าผลิต และค่าออกแบบบรรจุภัณฑ์ ซึ่งราคาขั้นต่ำในการรับผลิตอาหารเสริมของแต่ละโรงงานจะแตกต่างกันออกไป บางโรงงานมีจำนวนการผลิตขั้นต่ำน้อย ราคาก็จะลดลงตามสัดส่วน

ขั้นตอนการรับผลิตอาหารเสริม

ส่วนใหญ่กระบวนการในการรับผลิตอาหารเสริมจะคล้ายกันในแต่ละโรงงานผลิตอาหารเสริม ซึ่งโดยปกติแล้วจะทำขั้นตอนดังนี้

  • เลือกสูตรมาตรฐานและวิจัยพัฒนาสูตรใหม่ให้ตรงตามความต้องการลูกค้า
  • จดแจ้งขึ้นะเบียนเพื่อรับรองมาตรฐาน
  • ดีไซน์บรรจุภัณฑ์ให้พร้อมสำหรับการผลิต
  • ผลิตสินค้าตามจำนวนที่ตกลง
  • ทำการตลาดเพื่อกระจายสินค้าออกสู่ผู้บริโภค


สรุป

หากคุณต้องการสร้างแบรนด์ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมหรือเครื่องสำอาง สิ่งที่สำคัญคือการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับอาหารเสริมและโรงงานผลิตอาหารเสริม เพื่อเปรียบเทียบและเลือกผลิตกับโรงงานที่มีมาตรฐานการผลิตที่ดี มีบริการครบวงจร และ มีความเชี่ยวชาญในการผลิต เพื่อที่คุณจะมีสินค้าที่เดี เป็นที่รู้จัก และสร้างรายได้ให้กับคุณได้



338
สุขภาพ | Health / ยาคุม Herz ราคาเบากระเป๋า
« เมื่อ: ตุลาคม 26, 2022, 08:27:54 AM »
ยาคุมกําเนิด herz

ในปัจจุบันยาคุมกำเนิดได้ออกมาอย่างแพร่หลายให้ผู้ที่ต้องการใช้ได้มีตัวเลือกให้ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับร่างกาย ทั้งนี้ยาคุมกำเนิดยังสามารรถช่วยรักษาในเรื่องอื่นๆได้นอกจากการป้องกันการตั้งครรภ์ เช่น การปรับฮอร์โมนเพศ ลดสิว ลดอาการปวดประจำเดือน ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่ หรือแม้กระทั่งช่วยเพิ่มมวลกระดูก

ซึ่งยาคุมกำเนิดอในท้องตลาดนั้นมีอยู่หลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นยาคุม Herz ยาคุม Yas และอีกหลายยี่ห้อ และแต่ละยี่ห้อจะมีสูตรและชนิดยาที่แตกต่างกัน ควรศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนเลือกใช้งาน


รู้จักยาคุมกำเนิด

ยาเม็ดคุมกำเนิด คือ ยาที่มีส่วนประกอบของฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งจะออกฤทธิ์ต่อการทำงานของอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศหญิงทำให้ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้

ยาคุมกำเนิดมีกี่ชนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิดมีอยู่ 3 ประเภท นั่นก็คือ

  • ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive) : ประกอบด้วยฮอร์โมน 2 กลุ่ม คือ เอสโตรเจนและโปรเจสโตเจน ซึ่งจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์สูงมาก เมื่อรับประทานอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ประจำเดือนจะมาตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอ และช่วยเรื่องอาการปวดประจำเดือนที่อาจจะน้อยลงได้
  • ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Progestrogen-only pills) : มีเพียงฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเป็นส่วนประกอบ ยาคุมชนิดนี้มี 28 เม็ดต่อหนึ่งแผง สามารถเริ่มรับประทานต่อแผงใหม่ได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องหยุด
  • ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฉุกเฉิน (Emergency contraception pill) : ใช้เฉพาะเหตุฉุกเฉินเท่านั้น เช่น ในกรณีถุงยางแตก หรือโดนข่มขืน


ยาคุม Herz (เฮอร์ซ)

ยาคุม herz ฮอร์โมนระดับต่ำ

ยาคุม Herz เป็นยาคุมกำเนิดฮอร์โมนรวมที่มีฮอร์โมนระดับต่ำที่ผลิตในประเทศ โดยใช้สูตรเดียวกับยาคุม Yaz ด้วยปริมาณ Ethinyl estradiol ที่ต่ำมากจึงไม่ค่อบพบอาการข้างเคียงอย่างคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว หรือบวมน้ำ จากผลข้างเคียงของเอสโตรเจน นอกจากนี้ยังสามารถรักษาสิวที่มีอาการปานกลาง และช่วยในเรื่องรักษาอาการของ Premenstrual sysdrome เช่น อารมณ์แปรปรวน หรือเครียดได้

ยาคุม Herz ออกฤทธิ์อย่างไร

ยาคุมกำเนิด Herz เป็นรูปแบบ extended-cycle (24/4) regimen ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ Ethinyl estradiol 0.02 มิลลิกรัม และฮอร์โมนโปรเจสติน คือ Drospirenone 3 มิลลิกรัม เหมือนกันทั้ง 24 เม็ด และเม็ดยาหลอก 4 เม็ดเป็นเพียงเม็ดแป้งทำไว้ให้กินในช่วงปลอดฮอร์โมนเท่านั้น

ซึ่งจะไม่ค่อยพบอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ หรืออาการบวมน้ำ เพราะมีฮอร์โมน Ethinyl estradiol ที่ต่ำและไม่เกิน 0.020 มิลลิกรัม


สรรพคุณยาคุม Herz ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

ยาคุม herz กินยังไง

นอกจากช่วยในเรื่องคุมกำเนิดแล้ว ยาคุม Herz ยังมีสรรพคุณช่วยในเรื่องอื่นๆอีก เช่น

  • เพิ่มมวลกระดูก
  • ช่วยให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ตรงเวลา
  • ลดอาการปวดของประจำเดือน
  • ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งไข่
  • ลดฮอร์โมนเพศชายในร่างกาย


ยาคุม Herz กับการรักษาสิว

ด้วยตัวยาของยาคุม Herz มีส่วนประกอบของฮอร์โมนโปรเจนตินมีที่ฤทธิ์ช่วยต้านแอนโดรเจนที่เป็นฮอร์โมนของเพศชายซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดหน้ามันและสิวฮอร์โมนได้ เมื่อร่างกายมีฮอร์โมนของเพศชายลดลงจึงช่วยให้ความมันบนใบหน้าลดลงรวมถึงการเกิดสิวลดลงด้วยเช่นกัน


สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้ยาคุมกำเนิด Herz

แม้ว่ายาคุม Herz จะมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ต่ำ แต่มีข้อกำจัดสำหรับผู้ที่ควรเลี่ยงหรือใช้ห้ามฮอร์โมนเอสโตรเจน เพราะอาจเพิ่มการเกิดลื่มอุดตันหลอดเลือดดำ หรือเนื้องอกที่สัมพันธ์ต่อฮอร์โมนเพศได้ รวมไปถึงเสี่ยงต่อโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

แม้แต่ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์และผู้ที่รับประทานยาคุมไม่ตรงเวลาอยู่บ่อยครั้งก็ควรเลี่ยงการใช้ยาคุม Herz หรือยาคุมกำเนิดประเภทฮอร์โมนตำยี่ห้ออื่นด้วยเช่นกัน เพราะประสิทธิภาพของยาอาจจะไม่สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้


แนะนำวิธีกินยาคุม Herz อย่างละเอียด

วิธีใช้ยาคุม Herz

ยาคุมกำเนิด Herz เป็นแผง 28 เม็ด โดยเป็นรูปแบบ extended-cycle (24/4) regimen ซึ่งประกอบด้วย Drospirenone 3 มิลลิกรัม 24 เม็ด และเม็ดยาหลอก 4 เม็ด มีวิธีการกินดังนี้

  • ให้รับประทานวันละ 1 เม็ด เวลาเดิมติดต่อกันทุกวัน
  • เมื่อยาหมดแผงแล้วสามารถรับประทานยาแผงใหม่ได้ทันที
  • หากลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานยาเม็ดที่ลืมทันทีเมื่อรู้ตัว
หากมีข้อสงสัยควรอ่านข้อมูลบนฉลากให้ถี่ถ้วน หรือปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการใช้งาน


ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับยาคุม Herz

ยาคุมกําเนิด herz ไม่เหมาะกับใครบ้าง

บุคคลที่ไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิด Herz หรือยาคุมยี่ห้ออื่นๆ มีดังต่อไปนี้

  • ผู้หญิงที่สูบบุหรี่ โดยฌฉพาะอายุ 35 ปีขึ้น
  • ผู้หญิงที่มีเลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ผู้หญิงที่ยังไม่เคยเป็นประจำเดือน
  • ผู้หญิงที่สงสัยว่าตั้งครรภ์
  • ผู้หญิงที่เป็นหรือเคยเป็นมะเร็งเต้านม
  • ผู้ที่แพ้ตัวยาในยาคุมกำเนิด
  • ผู้ที่เป็นโรคไตหรือโรคตับ


ผลข้างเคียงที่อาจเกิด มีอะไรบ้าง

ยาคุม herz ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง

การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจก่อให้อาการอันไม่พึงประสงค์ได้เนื่องจากฮอร์โมนกลุ่มเอสโตรเจนในยาคุมกำเนิดไปเพิ่มให้กับร่างกายมากขึ้นจึงมีโอกาสทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ บวมน้ำ คัดเต้านม หรือมีเลือดไหลกะปริบกะปรอยได้

ยาคุม Herz นั้นเป็นยาคุมฮอร์โมนรวมประเภทฮอร์โมนระดับต่ำมากๆ เนื่องจากมีปริมาณ Ethinyl estradiol ไม่เกิน 0.020 มิลลิกรัม จึงไม่ค่อยพบ
อาการไม่พึงประสงค์


ยาคุม Herz ราคาเท่าไหร่ ซื้อที่ไหน

ยาคุมกำเนิด Herz เป็นยาผลิตภายในประเทศจึงสามารถหาซื้อได้ง่ายทั้งในออนไลน์และตามร้านขายยาทั่วไป และมีราคาที่ถูกกว่ายี่ห้ออื่นๆ โดยมีราคาตกอยู่ประมาณแผงละ 290-330 บาท แต่อย่างไรก็ตามการซื้อยาคุมกำเนิดควรซื้อจาร้านขายยา เพราะสามารถให้เภสัชช่วยแนะนำและตอบข้อสงสัยได้เป็นอย่างดี


ข้อสรุป

ยาคุม Herz เป็นยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีฮอร์โมนระดับต่ำ รูปแบบ 28 เม็ด ซึ่งมีข้างเคียงไม่พึงประสงค์น้อยกว่ายาคุมประเภทฮอร์โมนระดับสูงยี่ห้ออื่นๆ และยังสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่อย่างไรก็ตามควรศึกษาหาข้อมูล หรือหากมีข้อสงสัยควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ก่อนการใช้ยาเพื่อความปลอดภัย

339
แผ่นฝ้ายิปซั่ม

โดยในปัจจุบันในงานก่อสร้างนั้น นอกจากผนังอิฐและปูนแล้วยังมีอีกตัวเลือกคือผนังเบา หนึ่งในนั้นตัวเลือกยอดนิยมคือแผ่นยิปซั่ม ซึ่งแผ่นยิปซั่มเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมสูง มักนำมาใช้ปิดบังงานระบบและงานโครงสร้างต่าง ๆ เพื่อความสวยงาม ความสะอาด และแผ่นยิปซั่มยังสามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็วกว่าการก่อผนังปูนหนาๆ เวลาฉาบปูนรอยต่อระหว่างแผ่นจะฉาบเรียบเนียนกว่า แถมยังสะดวกเมือต้องการเจาะ ตัด และซ่อม

ทั้งนี้แผ่นยิปซั่มมีรุ่นที่เพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้เลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น รุ่นทนความชื้น สำหรับงานฝ้าชายคาหรือเพดานในห้องน้ำ การดูดซับเสียงสำหรับห้องที่ต้องการเก็บเสียง เป็นต้น นอกจากนี้แผ่นยิปซั่มยังมีทั้งแบบแผ่นยิปซั่มผนัง และ แผ่นฝ้ายิมซั่ม ในบทความนี้จะมาให้ความรู้เรื่องแผ่นยิปซั่ม


ผนังเบาคืออะไร

โดยผนังเบาหรือ ผนังเบากั้นห้อง คือ ผนังที่ก่อสร้างด้วยการติดตั้งวัสดุปิดผิวแผ่นใหญ่เข้ากับโครงคร่าว ทำให้มีน้ำหนักน้อยกว่าผนังก่ออิฐหรือผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก วัสดุที่ใช้ทำโครงคร่าว ได้แก่ โครงเหล็กชุบสังกะสี โครงเหล็กรูปพรรณ หรือโครงไม้เนื้อแข็ง ติดตั้งโดยใช้ตะปูหรือตะปูเกลียวเป็นตัวยึดวัสดุแผ่นใหญ่เข้ากับโครงคร่าว สำหรับการตกแต่งพื้นผิว สามารถทำได้หลายวิธี เช่น โป๊วรอยต่อด้วยอะคริลิคหรือพัตตี้ ฉาบด้วยปูนฉาบตกแต่งผิวบาง การทาสี ปูกระเบื้อง และติดวอลล์เปเปอร์

ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมของผนังเบา คือ แผ่นยิปซั่ม โดยเป็นผนังที่ทำมาจากผงยิปซั่มเผา และปิดทับด้านหน้าและด้านหลังด้วยกระดาษเหนียว เป็นผนังเบาที่มีน้ำหนักเบาที่สุด มีราคาถูก ทำงานง่าย สามารถตัดต่อได้ง่าย เก็บรอยต่อง่าย โป๊วทับได้เรียบเนียน รีไซเคิลง่าย ส่วนใหญ่มักนำไปปิดทับผิวผนังก่ออิฐอีกทีเพื่อให้ผิวเนียนเรียบ ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว

แผ่นยิปซั่ม คือ

แผ่นยิปซั่ม หรือยิปซั่มบอร์ด (Gypsum Board) คือ แผ่นปูนยิปซั่มที่มีกระดาษเหนียวผิวเรียบ หรือวัสดุผิวเรียบหุ้มทั้งสองด้าน และอาจมีวัสดุเพิ่มคุณภาพ เคลือบผิวด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองด้าน โดยที่แผ่นปูนยิปซั่มตัน หรือพรุน อาจผสมด้วยเส้นใย หรือวัสดุเพิ่มคุณภาพอื่น ๆ ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม

โดยแผ่นยิปซั่ม มักใช้เป็นฝ้าเพดานและผนัง ซึ่งเรียกว่า แผ่นฝ้ายิปซั่มและผนังยิปซั่ม สำหรับปิดบังงานระบบต่าง ๆ ทำให้ห้องดูเรียบร้อยสะอาดตา ข้อดีของฝ้าเพดานที่ใช้แผ่นยิปซั่ม คือ การติดตั้งที่รวดเร็ว แผ่นฝ้าเรียบเนียน ทำได้ทั้งฝ้าเพดานฉาบเรียบ ฝ้าหลุม อีกทั้งยังราคาถูกอีกด้วย

นอกจากนี้ชนิดแผ่นยิปซั่ม สามารถนำมาทำแผ่นยิปซั่มกันห้อง โดยมีหลากหลายแบบ มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันจึงต้องเลือก
แผ่นยิปซัม ที่เหมาะสมกับการใช้งาน


คุณสมบัติของแผ่นยิปซั่ม

โดยคุณสมบัติของแผ่นยิปซั่ม หรือยิปซั่มบอร์ด (Gypsum Board) ได้แก่

จุดเด่นของแผ่นยิปซั่ม

  • น้ำหนักเบา
แผ่นยิปซั่มถูกออกแบบมาอย่างดี คุณสมบัติเด่นที่เห็นได้ชัด คือ มีน้ำหนักที่เบามาก เมื่อเปรียบเทียบการแผ่นยิปซั่ม กับการใช้ปูนซีเมนต์ จะเห็นว่าน้ำหนักของแผ่นยิปซั่มเบากว่าปูนซีเมนต์ถึง 5 เท่า ด้วยเหตุนี้แผ่นยิปซั่ม จึงเหมาะกับการตกแต่งห้องเพิ่มเติม โดยเฉพาะห้องที่อยู่ชั้นบน ที่ไม่ต้องการให้บ้านรับน้ำหนักมากเกินไป

  • ป้องกันการติดไฟ
เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คนส่วนใหญ่เอามาใช้ในการสร้างบ้าน เพราะป้องกันไฟอย่างดี ทำให้ความเสียหายที่เกิดจากไฟไหม้น้อยลง โดยระยะเวลาที่แผ่นยิปซั่มสามารถทนความร้อนได้ คือ 4-5 ชั่วโมง ระยะเวลาช่วงนี้เราสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดได้

  • ป้องกันความชื้น
แผ่นยิปซั่มสามารถป้องกันความชื้นได้ดี แม้ว่าจะติดตั้งในที่ที่มีความชื้นก็ตาม ต่างจากการใช้ไม้อัด ที่มักจะพองและเป็นเชื้อราหากเจอกับความชื้น แต่สำหรับแผ่นยิปซั่ม จะไม่มีปัญหาเหล่านี้แน่นอน

  • ช่วยประหยัดพลังงานในบ้าน
หากมีการใช้แผ่นยิปซั่มให้เหมาะสมกับลักษณะตัวบ้าน จะช่วยให้บริเวณภายในบ้านเย็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ เป็นการประหยัดพลังงานได้อีกทางหนึ่ง หลาย ๆ บ้านที่เจอกับปัญหานี้ จึงเลือกที่จะเปลี่ยนมาใช้แผ่นยิปซั่มแทนการใช้บอร์ดทั่วไป

  • ป้องกันความร้อนได้ดี
บ้านที่ต้องเจอกับแดดแรงทั้งวัน มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับความร้อนสะสมในบ้าน แต่ถ้ามีการนำแผ่นยิปซั่มมาใช้ในการทำงฝ้าเพดาน จะช่วยป้องกันความร้อนจากหลังคาได้เป็นอย่างดี เพราะคุณสมบัติของแผ่นยิปซั่ม คือการป้องกันความร้อน อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบากว่าแผ่นฝ้าทั่วไป การติดตั้งก็ง่ายกว่าด้วย

แผ่นยิปซั่มป้องกันความชื้น

ข้อจำกัดของแผ่นยิปซั่ม

โดยตัวอย่าง เช่น

  • ฝ้าเพดานยิปซั่มมีความแข็งแต่เปราะ ไม่ทนปลวก
  • ฝ้าบางรุ่นไม่ทนความชื้น เหมาะกับการใช้งานภายในมากกว่า
  • มีฝุ่นเยอะโดยเฉพาะเวลาติดตั้ง รื้อถอน และขณะเก็บงาน ทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
  • การติดตั้งอุปกรณ์อื่น ๆ ต้องมีการเสริมโครงหรือยึดกับโครงโดยตรง เนื่องจากการผลิตแผ่นไม่ได้มีไว้สำหรับรับน้ำหนัก


ผนังเบา vs ผนังอิฐ

โดยจุดเด่นและจุดด้อยของผนังเบากับผนังอิฐ มีดังนี้

ผนังเบา
โดยหากผนังเบาที่ทำจากแผ่นยิปซั่มนั้น จะมีจุดเด่นและจุดด้อย ดังนี้

  • กันความร้อน
ค่ากันความร้อน หรือ ค่านำความร้อนของ ผนังเบา ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ ว่าเป็นวัสดุแผ่นผนังชนิดใด รุ่นไหน โดยแผ่นยิปซั่มบอร์ด รุ่น ฮีทบล็อค สามารถสะท้อนความร้อนได้ถึง 86% หรือ แผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์หนา 8 มม. มีค่ากันความร้อนประมาณ R = 0.5 (m2 K/W) ซึ่งสามารถเสริมเติมได้ด้วย ฉนวนกันความร้อน เพื่อช่วยให้บ้านของเราเย็น และ สะท้อนความร้อนได้

  • ความแข็งแรง
โดยความแข็งแรงของ ผนังเบา จะขึ้นอยู่กับระยะของตัวโครงคร่าว และ ความหนาของแผ่นผนัง โดยการติดตั้งผนังเบา จะเน้นไปที่ความหนา ของตัวแผ่น การเลือกแผ่นสำหรับผนัง มักจะอยู่ที่ประมาณ 8-12 มม. แล้วแต่ว่าใช้ภายในหรือภายนอก โดยผนังยิปซั่มบอร์ด ใช้ขนาด 12 หรือ 15 มม. สามารถแขวนสิ่งของได้ และสามารถรับน้ำหนักได้บนแผ่นผนังได้โดยตรง ข้อดีหลัก ๆ ของผนังเบาคือ ความรวดเร็ว และความยืดหยุ่นในการผลิต ติดตั้งง่าย พื้นที่ไม่เปียก งานไม่เปียก เหมาะกับพื้นที่อาคารสำนักงาน หรือพื้นที่ที่ต้องการความรวดเร็วในการใช้งาน

  • กันความชื้น
สำหรับค่ากันความชื้นของ ผนังเบา จะขึ้นอยู่กับแผ่นผนังที่นำมาใช้งาน โดยยิปซั่มบอร์ด ซึ่งใช้กระดาษแข็งประกบเข้ากับผงยิปซั่มอัดแน่นตรงกลาง จึงทำให้แผ่นยิปซั่มบอร์ด มีคุณสมบัติการทนความชื้นที่ต่ำ

  • ทนไฟไหม้
โดยการทนไฟของ ผนังเบา จะขึ้นอยู่กับแผ่นผนังที่นำมาใช้ทำผนัง แต่คุณสมบัติในการทนไฟค่อนข้างมีความคล้ายกัน คือ มีคุณสมบัติในการทนไฟ ไม่ลามไฟ แต่เมื่อถึงเวลาก็จะไหม้ได้ในที่สุด โดยเวลาเฉลี่ยของผนังเบา จะทนไฟอยู่ที่ 1-2 ชั่วโมง

  • กันเสียงรบกวน
โดยแผ่นยิปซั่มบอร์ด มีคุณสมบัติในการดูดซับเสียง ด้วยระดับค่า NRC 0.65 – 0.8

ผนังอิฐ

  • กันความร้อน
สำหรับค่ากันความร้อน หรือ ค่าต้านความร้อนของ ผนังก่ออิฐฉาบปูน จะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอิฐที่นำมาใช้ก่อ เช่น

  • ค่านำความร้อนของอิฐมอญอยู่ที่ 1.15 อิฐขาวอยู่ที่ 0.75
  • ค่านำความร้อนของอิฐมวลเบาอยู่ที่ 0.22
จะเห็นได้ว่าผนังก่ออิฐฉาบปูนมี ค่ากันความร้อน หรือ ค่านำความร้อนที่แตกต่างกันออกไปตามวัสดุที่ใช้การก่อสร้าง ซึ่งสามารถเสริมเติมได้ด้วย ฉนวนกันความร้อน เพื่อช่วยให้บ้านของเราเย็น และ สะท้อนความร้อนได้

  • จะเห็นได้ว่าผนังก่ออิฐฉาบปูนมี ค่ากันความร้อน หรือ ค่านำความร้อนที่แตกต่างกันออกไปตามวัสดุที่ใช้การก่อสร้าง ซึ่งสามารถเสริมเติมได้ด้วย ฉนวนกันความร้อน เพื่อช่วยให้บ้านของเราเย็น และ สะท้อนความร้อนได้
ความแข็งแรงของ ผนังก่ออิฐฉาบปูน ขึ้นอยู่กับอิฐที่ใช้ในการก่อผนัง โดยมาก การเลือกใช้ผนังก่ออิฐฉาบปูน มักจะต้องดูที่พื้นที่ และความต้องการทางด้านการใช้งาน เช่น พื้นที่ห้องน้ำ ต้องใช้อิฐมอญ พื้นที่ห้องด้านติดทิศตะวันตก ใช้อิฐมวลเบาขนาดหนา พื้นที่ผนังภายนอกบ้านบางส่วนก่ออิฐมอญสองชั้น หรือ สามารถเลือกตามประเภทอิฐ เช่นถ้า ผนังอิฐที่แข็งแรงที่สุดในบรรดาอิฐทั้งหลาย คงจะหนีไม่พ้น อิฐขาว อย่างแน่นอน

ข้อดีของการเลือก ผนังก่ออิฐฉาบปูน คือสามารถเจาะ หรือ แขวนวัสดุได้ รวมไปถึงสามารถรับน้ำหนักของเฟอร์นิเจอร์บิวท์อินได้ เสียงไม่เล็ดลอด

  • กันความชื้น
อิฐที่ใช้ใน ผนังก่ออิฐฉาบปูน ซะส่วนใหญ่มีคุณสมบัติในการดูดซับน้ำสูง ซึ่งหากเป็น ผนังก่ออิฐฉาบปูนภายนอก จำเป็นต้องฉาบปูนทับ เพราะหากไม่ฉาบปูนทับอาจจะทำให้ผนังก่ออิฐมีอายุการใช้งานที่สั้นลง

  • ทนไฟไหม้
สำหรับกรณีบ้านที่สร้างมาจาก ผนังก่ออิฐฉาบปูน ทั้งปูนและอิฐจัดเป็นวัสดุที่ค่อนข้างทนไฟมาก กว่าจะไหม้แล้วพังทลายต้องใช้เวลานานพอสมควรจึงจะเกิดการถล่ม แต่ผนังก่อจะไม่มีคุณสมบัติในการลามของไฟ แต่สิ่งที่ทำให้เกิดการลุกลามของไฟ คือ ส่วนของสีที่ทาอยู่บนผนังมากกว่า เพราะ สีมีส่วนผสมของอะคริลิกซึ่งมีคุณสมบัติที่ทำให้ติดไฟได้นั่นเอง

  • กันเสียงรบกวน
ค่าการกันเสียงรบกวน หรือ การดูดซับเสียงของ ผนังก่ออิฐฉาบปูนนั้น ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เราใช้ในการก่อสร้างเช่นกัน โดยอัตราค่ากันเสียง (STC) ของอิฐแต่ละชนิดมีดังนี้

  • อิฐมอญ ขนาด 6 ซม. มีค่ากันเสียง 36 dB
  • อิฐมวลเบา ขนาด 7.5 ซม. มีค่ากันเสียง 40 – 45 dB
  • อิฐขาว ขนาด 6.8 ซม. มีค่ากันเสียงอยู่ที่ 43 – 46 dB เป็นต้น


แผ่นยิปซั่มมีกี่ประเภท
โดยแผ่นยิปซั่ม หรือยิปซั่มบอร์ด (Gypsum Board) มีหลายประเภท เช่น

1. แผ่นยิปซั่มทั่วไป
เป็นแผ่นยิปซั่มที่ไม่มีการใส่วัสดุเพิ่มคุณภาพ หรือเส้นใย เข้าไปในปูนยิปซั่ม เหมาะสำหรับห้องนอน, ห้องนั่งเล่น, ฝ้าเพดาน และผนังภายใน

2. แผ่นยิปซั่มทนชื้น
เป็นแผ่นยิปซั่มทนชื้นที่ผสมสารป้องกันการดูดความชื้นเข้าไปในเนื้อยิปซั่ม เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการทนความชื้น เหมาะสำหรับงานฝ้าเพดานใน, ห้องน้ำ, ห้องครัว รวมไปถึงพื้นที่ภายนอก

3. แผ่นยิปซั่มกันเสียงสะท้อน
เป็นแผ่นยิปซั่มที่มีการฉลุลวดลายต่าง ๆ ลงที่ตัวแผ่นทั้งรูวงกลม รูสี่เหลี่ยม และลายเส้นบุด้วยแผ่นกลาสแมท (Glass Matt) ด้านหลัง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับเสียง ลดเสียงสะท้อนและเสียงก้องได้ เหมาะกับห้องโฮมเธียเตอร์, ห้องประชุม-สัมมนา หรือห้องทำงาน ตลอดจนพื้นที่ขนาดใหญ่ในตัวอาคารที่เกิดเสียงก้องได้ง่าย เช่น ห้างสรรพสินค้า, สนามบิน เป็นต้น

4. แผ่นยิปซั่มทนทาน
มีความแข็งแรงทนทานสูงมาก กันเสียงได้ดี เนื้อยิปซั่มมีส่วนผสมของใยแก้ว และสารป้องกันไฟลาม เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อยิปซั่ม เหมาะสำหรับผนังที่ต้องการความแข็งแรง และทนทานต่อการใช้งานหนัก หรือบริเวณที่มีการสัญจรหนาแน่น เช่น โรงแรม, โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า

5. แผ่นยิปซั่มทนความร้อน
เป็นแผ่นยิปซั่มกันความร้อนที่ติดแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ด้านหลัง เพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันการส่งผ่านความร้อน ซึ่งสามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้ถึงร้อยละ 95 เหมาะสำหรับห้องที่ติดกับหลังคา หรือห้องใต้ชั้นดาดฟ้า และผนังที่โดนแดดโดยตรง

6. แผ่นยิปซั่มทนไฟ
เป็นแผ่นยิปซั่มที่มีการเพิ่มส่วนผสมของเส้นใยชนิดพิเศษ และสารทนไฟ เช่น ไฟเบอร์กลาสเพื่อเสริมความแข็งแรงให้ทนไฟได้นาน 1-4 ชั่วโมง เหมาะสำหรับฝ้าเพดานห้องครัว, ผนังอาคารสูง, ทางหนีไฟ, ช่องลิฟต์ หรือโครงสร้างเหล็ก

แผ่นยิปซั่มทั่วไป


ราคาแผ่นยิปซั่ม

โดยราคาของแผ่นยิปซั่ม ขึ้นอยู่กับชนิดและความหนาแผ่น มีตั้งแต่ 140-300 บาท/แผ่น ส่วนราคาช่าง จะคิดราคาวัสดุแผ่นฝ้าและโครง พร้อมค่าแรงติดตั้ง โดยราคาแผ่นยิปซั่มมีตั้งแต่ 260 บาทต่อ ตร.ม. ไปจนถึง 700 บาท ต่อตร.ม. แล้วแต่ชนิดของแผ่น ชนิดของโครงคร่าว และแบรนด์ที่เลือกด้วย ตัวอย่างเช่น

  • แผ่นยิปซั่ม ตราช้างพลัส มีแผ่นยิปซั่มราคาตามแต่ละประเภท เช่น

  • แผ่นยิปซั่มทั่วไป ราคาตั้งแต่ 130.00-209.00 บาท/ชิ้น
  • แผ่นยิปซั่มทนชื้น ราคาตั้งแต่ 194.00-247.00 บาท/ชิ้น
  • แผ่นยิปซั่มทนความร้อน ราคาตั้งแต่ 194.00-245.00 บาท/ชิ้น
  • แผ่นยิปซั่มทนไฟ ราคาตั้งแต่ 282.00-513.00 บาท/ชิ้น


ตัวอย่างแผ่นยิปซั่มที่นิยม
โดยแผ่นยิปซั่ม หรือยิปซั่มบอร์ด (Gypsum Board) ที่เป็นที่นิยม เช่น

แผ่นยิปซั่ม ตราช้าง

  • แผ่นยิปซั่มทั่วไป ขอบลาด 4 ด้าน 9 มม. 1200X2400 มม. (ซีเนีย) แผ่นยิปซั่ม ขอบลาด 4 ด้าน สำหรับฝ้าเพดานฉาบเรียบ (พื้นที่ขนาดใหญ่) ใช้นาโนเทคโนโลยี จากอเมริกา ทำให้แผ่นแข็งแกร่ง น้ำหนักเบา ไม่แอ่นตัว เรียบเนียนพิเศษ น้ำหนัก 15.55 กก. ติดตั้งร่วมกับโครงคร่าวเพื่อความแข็งแรง และปลอดภัย

แผ่นยิปซั่ม เอสซีแอล

  • แผ่นยิปซั่มทนชื้น 9 มม. ขอบลาด 120×240ซม. แผ่นยิปซั่มทนความชื้นพิเศษ เนื้อยิปซั่มมีสารลดการดูดซึมความชื้น แผ่นจะดูดน้ำไม่เกิน 5% โดยน้ำหนัก ได้รับมาตรฐานการผลิต ASTM C1396, มอก. 219-2552 และBSEN 520 : 2004 +A1:2009 น้ำหนัก 20 kg ขนาด 240×120×0.9 cm

แผ่นยิปซั่ม คนอฟ

  • แผ่นยิปซั่มทนไฟ 120x240 ซม. FireShield 13 มม. ขอบลาด (TE) ประกอบไปด้วย กระดาษอัดที่มีความหนาแน่นสูง มีคุณสมบัติ ทนต่อเปลวเพลิง สามารถออกแบบให้ทนไฟได้นานถึง 4 ชั่วโมง และสามารถป้องกันเสียงได้ดีถึง 60 เดซิเบล เมื่อติดกับฉนวนกันเสียง การใช้งาน 2.88 ตร.ม./แผ่น จำหน่ายเป็นคู่ 2 แผ่น (แพ็ค) เหมาะกับการใช้ตัดทำทีบาร์ น้ำหนัก 32.54 กก
หากสนใจ สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ gypstore


แผ่นยิปซั่ม สรุป

ในงานก่อสร้าง การเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งาน สภาพแวดล้อมในพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องผนัง หากต้องการใช้ผนังเบาที่ทำจากยิปซั่ม ควรคำนึงถึงคุณสมบัติในการใช้งาน รวมถึงประเภทของแผ่นยิปซั่มที่ต้องการจะใช้ ว่าเหมาะสมกับงานหรือไม่

นอกจากนั้นที่สำคัญอย่าเลือกเพราะราคาถูกกว่า ประหยัดกว่าแต่เพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อวัสดุตัวนั้นมีปัญหาภายหลัง ค่าใช้จ่ายที่จะต้องเปลี่ยนแก้ ซ่อมแซมอาจจะแพงกว่าราคาวัสดุได้


340
สำหรับคนที่ไม่มีบ้านของตัวเอง แต่กำลังมองหา ขอแนะนำให้ลองพิจารณาบ้านมือสอง เพราะเป็นหนทางที่เร็วที่สุดที่จะเป็นเจ้าของได้ เพียงแต่ต้องเข้าใจอย่างถ่องแท้ก่อนถึงขั้นตอนในการขอกู้สินเชื่อบ้านมือสอง ต้องเตรียมตัวเช่นไร มีข้อควรรู้ในการพิจารณาบ้านมือสองอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด บทความต่อไปนี้จะช่วยในการตัดสินใจก่อนจะเริ่มต้นขั้นตอนการกู้สินเชื่อบ้านมือสองจากธนาคารที่เหมาะกับผู้กู้

รวมดอกเบี้ย สินเชื่อบ้านมือสอง 2565

สินเชื่อบ้านมือสองคืออะไร แตกต่างจากสินเชื่อบ้านอย่างไร

สินเชื่อบ้านมือสอง คือ สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย สำหรับผู้ที่ต้องการจะซื้อบ้านมือสอง ทาวน์เฮาส์มือสอง คอนโดมือสอง หรือ อาคารพาณิชย์มือสอง เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อต่อจากเจ้าของเดิมโดยตรง หรือ ซื้อผ่านนายหน้าก็สามารถดำเนินการได้

ลักษณะการกู้และชำระจะเหมือนกับสินเชื่อบ้านโดยทั่วไป กล่าวคือ เป็นการกู้ระยะยาว ผ่อนขำระเป็นงวด และมีทรัพย์ที่ซื้อเป็นหลักประกันเช่นเดียวกัน โดยรวมแล้วแนวคิดเหมือนกันจะแตกต่างกันบ้างคือ

  • จุดประสงค์ สินเชื่อบ้านมือหนึ่งเป็นเพื่อสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย แต่สินเชื่อบ้านมือสองตั้งขึ้นสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านมือสองเท่านั้น
  • วงเงินอนุมัติสูงสุด โดยปกติสินเชื่อบ้านมือหนึ่งมีโอกาสขอสินเชื่อได้ 100% ในขณะที่สินเชื่อบ้านมือสองอาจได้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 80-90% ของราคาประเมิน
สินเชื่อบ้านมือสองธนาคารไหนดี ดอกเบี้ยถูก 2565

การจะเลือกสินเชื่อบ้านมือสองต้องพิจารณาจากความต้องการของผู้กู้ว่าต้องการสินเชื่อจากธนาคารไหนที่เหมาะสมกับเราที่สุด ซึ่งเบื้องต้นสามารถจะพิจารณาได้จาก 4 เรื่อง

  • เกณฑ์การพิจารณาปล่อยสินเชื่อบ้านมือสองของแต่ละธนาคาร
  • วงเงินปล่อยสินเชื่อบ้านมือสองของแต่ละธนาคาร
  • ระยะเวลาให้กู้สูงสุดของสินเชื่อบ้านมือสองที่แต่ละธนาคารให้การพิจารณา
  • อัตราดอกเบี้ยบ้านมือสอง และยอดผ่อนชำระคืนในแต่ละงวด
สินเชื่อบ้านใหม่ - บ้านมือสอง ธนาคารทีทีบี (ttb)

สินเชื่อบ้านใหม่ - บ้านมือสองจากธนาคารทีทีบีนั้น ให้ดอกเบี้ยพิเศษ เฉลี่ย 3 ปีแรก เริ่มต้น 2.74% ต่อปี สามารถผ่อนสบายนานสูงสูด 35 ปี โดยมีวงเงินอนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาท
 
สินเชื่อบ้านมือสอง กู้ซื้อบ้านมือสอง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)

ธนาคารอาคารสงเคราะห์สามารถให้วงเงินกู้สูงสุดได้ถึง 100% และให้ระยะเวลากู้ได้ยาวนานถึง 40 ปีขึ้นกับคุณสมบัติของผู้กู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำสุด 2.20% ต่อปี โดยที่อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก MRR-3.95%
 
นอกจากนี้หากกู้สินเชื่อบ้านมือสองจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ผ่านเรียบร้อยแล้ว สามารถชำระเงินกู้ได้ 3 วิธี ได้แก่ ผ่านออนไลน์ผ่าน QR Code, ผ่านแอป GHB ALL, หรือจ่ายผ่านตัวแทน  อีกทั้งบ้านมือสองที่กู้ได้จาก ธอส. จะมีราคาถูกกว่าบ้านมือสองที่ประกาศขายทั่วไป  และบ้านมือสองที่ได้นั้นมีคุณภาพดี เพราะเคยถูกนำมาเป็นหลักประกันการกู้เงิน
 
สินเชื่อบ้านมือสอง กู้ผ่านง่ายได้เฮ ธนาคารกสิกรไทย

ธนาคารกสิการไทยให้วงเงินกู้ไม่เกิน 80% ของราคาซื้อขาย และไม่เกิน 80% ของราคาประเมินหลักประกัน ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 5.90%
 
สินเชื่อบ้านมือสอง สินเชื่อบ้าน ธนาคารกรุงไทย

สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยนั้น ทางธนาคารกรุงไทยให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ยื่นกู้ฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม ผ่อนได้นานสูงสุด 40 ปี (รวมกับระยะเวลากู้ไม่เกินอายุ 65 ปี หรือไม่เกินเกษียณตามอายุที่กฎหมายกำหนดไว้) อัตราดอกเบี้ยปีแรก เพียง 1.00% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก ต่ำสุดเพียง 2.87-3.16% ต่อปีขึ้นอยู่กับการทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ

สินเชื่อบ้านมือสอง สินเชื่อบ้านกรุงศรีเพื่อซื้อที่อยู่อาศัย

สินเชื่อบ้านซุปเปอร์เซฟวิ่ง จากธนาคารกรุงศรี ให้วงเงินกู้สูง อนุมัติเร็ว สามารถผ่อนนานสูงสุด 30 ปี (อายุผู้กู้ รวมกับระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 65 ปี) อัตราดอกเบี้ยต่ำทั้งนี้ขึ้นกับวงเงินกู้

  • วงเงินกู้ 90% ของราคาประเมิน อนุมัติ 1 ล้านบาทแต่ไม่ถึง 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.93-4.14%  ขึ้นอยู่กับการทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ
  • วงเงินกู้ 85% ของราคาประเมิน อนุมัติ 5 ล้านบาทขึ้นไป อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรก 3.68-3.92% ขึ้นอยู่กับการทำประกันชีวิตคุ้มครองวงเงินสินเชื่อ

สินเชื่อบ้านมือสอง ธนาคารไทยพาณิชย์

ธนาคารไทยพาณิชย์ปล่อยเงินกู้สินเชื่อบ้านมือสอง ให้ผ่อนได้สูงสุด 30 ปี ให้วงเงินกู้สูงสุด 100% ดอกเบี้ย
เฉลี่ย 3 ปีแรก 5.95%
 
นอกเหนือจากธนาคารที่กล่าวข้างต้นนี้ ยังมีอีกหลาย ๆ ธนาคารที่สามารถเสนอสินเชื่อบ้านมือสองที่น่าสนใจ
มาก ๆ เพียงแต่เข้าไปเช็คเว็บไซด์ของธนาคารที่สนใจได้โดยตรง  หรือหากต้องการความช่วยเหลือในการช่วยเปรียบเทียบดอกเบี้ยพร้อมเงื่อนไขของหลาย ๆ ธนาคารที่สนใจในครั้งเดียว

สินเชื่อบ้านมือสอง ดอกเบี้ยถูก

เคล็ดลับในการซื้อบ้านมือสอง - ขั้นตอน

การซื้อบ้านมือสองโดยการใช้เงินสด เป็นทางเลือกที่ดีที่จะได้หลีกเลี่ยงภาระดอกเบี้ยเงินกู้ แต่หากว่ามีเงินสดไม่เพียงพอ เราก็ยังสามารถที่จะเป็นเจ้าของบ้านมือสองที่มีคุณภาพที่ดี ราคาถูกได้  เราจะมาดูว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้างที่จะนำเราไปสู่การเป็นเจ้าของบ้านมือสอง

  • เก็บเงิน ตั้งแต่เริ่มมีความคิดที่จะซื้อบ้าน เพราะถึงแม้ว่าจะกู้เงินสินเชื่อบ้านมือสองได้ก็ตาม ก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องมีเงินสดเก็บไว้ไม่ต่ำกว่า 20% ของราคาประเมินบ้าน เพื่อไว้ใช้ซ่อมแซมบ้าน ค่าโอน และบางครั้งธนาคารอาจให้วงเงินกู้ไม่เต็ม 100% ซึ่งส่วนต่างผู้กู้ต้องรับผิดชอบหาส่วนต่างเอง
  • บ้านมือสองต้องมีคุณภาพดี ราคาถูก เพื่อหลีกเลี่ยงค่าซ่อมแซมที่อาจสูงจนไม่คุ้มที่จะซื้อ
  • ทำการเปรียบเทียบ ลิสต์บ้านมือสอง พร้อมตรวจสภาพบ้าน สภาพแวดล้อม ก่อนตัดสินใจซื้อ
  • หาทำเลที่ปลอดภัย ใกล้แหล่งอาหาร ที่ทำงาน และสถานที่สำคัญ ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้ชิวตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • รอจังหวะก่อนซื้อบ้านมือสอง การซื้อไม่ควรรีบ ควรดูแนวโน้มราคารวมถึงโปรโมชั่นที่จะได้รับก่อน
  • ทำการเปรียบเทียบข้อมูลการซื้อบ้านมือสองจากหลาย ๆ ธนาคาร และสถาบันการเงิน แล้วเลือกที่ให้ดอกเบี้ยต่ำสุด วงเงินสูงสุด
  • พิจารณาหารายได้จากบ้านหลังจากได้เข้าอยู่อาศัย ว่าสามารถทำเงินได้อย่างไรบ้าง
เคล็ดลับในการซื้อบ้านมือสอง

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการซื้อบ้านมือสอง สินเชื่อบ้านมือสอง

สำหรับผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้านมือสองนั้น ควรรู้ถึงข้อแตกต่างในขั้นตอนการเตรียมตัวพร้อมพิจารณา ข้อแนะนำต่อไปนี้ก่อนที่จะตัดสินใจขอสินเชื่อบ้านมือสอง

  • สินเชื่อบ้านมือสองไม่ได้วงเงินเต็ม 100%
  • การซื้อบ้านมือสองไม่สามารถผ่อนดาวน์ได้
  • การซื้อบ้านมือสองมีขั้นตอนมากกว่า เช่น ผู้ซื้อและผู้ขายต้องทำการซื้อขายเอง แล้วเอาโฉนดไปทำเรื่องขอสินเชื่อมือสองกับธนาคาร เพื่อทำการประเมินราคา ตรวจสอบคุณสมบัติผู้กู้ และอนุมัติวงเงินกู้ แต่ถ้าหากสินทรัพย์นั้นยังติดจำนองกับธนาคารอื่น ก็ต้องทำการไถ่ถอนให้เสร็จเรียบร้อยก่อน และในการโอนกรรมสิทธิ์นั้นต้องทำที่สำนักงานที่ดินให้เสร็จสิ้นในวันเดียว เพื่อผู้ซื้อจะได้นำบ้านไปจำนองต่อกับธนาคารที่ขอสินเชื่อ ย้ายทะเบียนบ้าน รวมมิเตอร์น้ำไฟให้เรียบร้อย จึงจะถือว่าเสร็จสมบูรณ์
  • ผู้ซื้อและผู้ขายต้องตกลงกันว่าฝ่ายใดจะรับผิดชอบเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการโอนบ้านมือสอง
  • ต้องไม่มีปัญหาเรื่องการฟ้องร้องขับไล่ หากมีก็ต้องให้คดีความสิ้นสุดก่อนจึงจะขอสินเชื่อได้
  • ทรัพย์สินรอการขาย บ้านมือสองจากธนาคาร มักมีราคาย่อมเยากว่าบ้านมือสองทั่วไป และได้รับสิทธิพิเศษจากธนาคารในการขอสินเชื่อบ้านมือสองอีกด้วย
  • ควรเตรียมเงินสำหรับค่าซ่อมแซมบ้าน เพราะเป็นบ้านมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ดังนั้นก่อนทำการซื้อขายควรได้ตรวจสภาพบ้านก่อน
สรุป

ในเมื่อรับรู้เกี่ยวกับความแตกต่างของสินเชื่อบ้านมือหนึ่งและมือสองแล้ว แถมยังรู้เกี่ยวกับเคล็ดลับในการซื้อบ้านมือสอง เข้าใจและรู้ว่าควรทำเช่นไรก่อนที่จะตัดสินใจซื้อบ้านมือสอง และเมื่อตัดสินใจแล้วก็ควรเริ่มมองหาธนาคารที่จปล่อยสินเชื่อเงินกู้บ้านมือสอง ที่สนองตอบความต้องการของผู้กู้ซื้อบ้านมือสอง

341
บริการเช่ารถหรู

หลายคนที่มองหารถหรูราคาแพงเพื่อใช้สำหรับงานหรือวันพิเศษแต่ไม่รู้ว่าจะเช่ารถหรูกับที่ไหนดีในบทความนี้เราได้รวบรวม 5 บริษัทที่ให้บริการเช่ารถหรู แต่ละบริษัทจะมียี่ห้อรถหรูให้เลือกที่แตกต่างกันเราสามารถเช่ารถยนต์ตามยี่ห้อที่อยากเช่าเพื่อให้เหมาะกับการใช้ของตัวเราไม่ว่าจะเป็นแค่อยากลองขับรถหรูยี่ห้อแพงหรือขับรถหรูไปออกงานต่างๆ 5 บริษัทที่แนะนำนี้มีรถหรูที่คุณต้องการแน่นอน


หากคุณกำลังมองหาเว็บสำหรับเช่ารถหรูที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพ สามารถดูได้จากที่นี่

ทั้ง 5 บริษัทที่จะกล่าวถึงนั้นมีหน้าเว็บเพื่อเข้าไปดูข้อมูลต่างๆ ซึ่งข้อมูลหลายอย่างนั้นเป็นตัวบงบอกว่าบริษัทนั้นน่าเชื่อถือและมีคุณภาพหรือไม่ ข้อมูลที่ควรดูเช่น รถหรูมียี่ห้ออะไรบ้างที่บริษัทให้บริการเช่า ราคาเริ่มต้นที่เท่าไร มีรีวิวจากลูกค้าที่เคยใช้บริการหรือไม่ แต่ละบริษัทจะมียี่ห้อรถหรูที่แตกต่างกันซึ่งเราค้นหาและรวบรวมข้อมูลเช่ารถหรูที่ควรรู้ของแต่ละบริษัทสามารถดูข้อมูลได้ดังต่อไปนี้


บริษัทที่ 1 ที่ให้บริการเช่ารถหรู Richcars

Richcars ให้บริการเช่ารถหรูและรถสปอร์ต

บริษัทแรกที่แนะนำคือ Richcars เพราะเป็นบริษัทเช่ารถหรูอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ทาง Richcars เป็นร้านเช่ารถหรูที่มียี่ห้อรถหรูให้เลือกหลายยี่ห้อเช่น Tesla Porche Mercedes Benz BMW Maserati และ Ferrari เป็นต้นเรียกได้ว่าตอบโจทย์สำหรับลูกค้าที่ต้องการเช่ารถหรูตั้งแต่เช่ารถซีดาน เช่ารถสปอร์ต จนถึงเช่ารถซุปเปอร์คาร์

เช่ารถหรู Richcars มีบริการตั้งแต่ การเช่าเพื่อเป็น Airport transfer ราคาเช่ารถ เริ่มต้นที่ 3,900 บาท เช่ารถแบบ Limousine Service ที่มีราคาเริ่มต้นที่ 7,900 บาท เช่ารถขับเองหรือใช้เพื่อออกหรือถ่ายงานต่างๆ ราคาเช่ารถจะเริ่มต้นที่ 7,900 บาท ส่วนเอกสารที่ใช้ในการเช่ารถหรูเพียงแค่มีใบขับขี่ก็สามารถเช่ารถได้พร้อมกับสามารถขับได้อย่างไม่จำกัดระยะทาง
   
บริษัทที่ 2 ที่ให้บริการเช่ารถหรู Thaisportcar

Thaisportcar ให้บริการเช่ารถหรู

บริษัทเช่ารถหรูที่ 2 คือ Thaisportcar เป็นอีกหนึ่งร้านเช่ารถหรูที่มียี่ห้อรถหรูให้เลือกหลายยี่ห้อและมีให้เลือกทั้งรถ Mid Size Full Size Compact SUV Luxury Van Hatchback Roadster Convertible และ Supercar ยี่ห้อรถมีให้เลือกเช่น BMW Mini Cooper Mercedes Benz Jaguar Audi Porsche Range Rover Ferrari และ Roll’s Royce

Thaisportcar นั้นสามารถเช่ารถขับเองหรือเช่าพร้อมคนขับราคาเช่ารถหรูเริ่มต้นที่ 7,500 บาทต่อวันสำหรับ BMW 320d M Sport จนถึง ราคาที่ 150,000 บาทต่อวันสำหรับรถหรูๆ อย่าง Roll’s Royce Ghost ที่เป็นรถหรูระดับพรีเมียมที่คนที่ชอบรถหรูอยากจะต้องลองขับหรือนั่งอย่างแน่นอน

บริษัทที่ 3 ที่ให้บริการเช่ารถหรู Ritz Car

Ritz car บริการเช่ารถหรู

บริษัทที่ 3 ที่ทางเราแนะนำคือ Ritz Car เป็นอีกหนึ่งบริษัทเช่ารถหรูที่มีชื่อเสียงและเปิดบริการ 24 ชั่วโมง พร้อมกับจัดส่งรถให้บริการเช่าทั่วประเทศไทยอีกด้วย ทางบริษัท Ritz car มีบริการเช่ารถหรู เช่ารถสปอร์ต เช่ารถเปิดประทุน เช่ารถ supercar มียี่ห้อรถให้เลือกเช่น Porches Mercedes Benz BMW และ Ferrari เป็นต้น

ท่านที่สนใจเช่า รถ porsche เป็นพิเศษทาง Ritz Car มีให้เลือกหลายรุ่นเช่น Porsche 981 Cayman Porsche 718 Boxster หรือ Porsche 911 Carrera S เป็นต้น และยังมียี่ห้อรถหรูอีกหลายยี่ห้อให้เลือกและมีราคาเริ่มต้นที่ 7,900 บาทต่อวัน ส่วนเอกสารที่ใช้มีเพียงแค่ใบขับขี่เท่านั้นก็สามารถเช่ากับทาง Ritz Car ได้

บริษัทที่ 4 ที่ให้บริการเช่ารถหรู Drivemate

Drivemate บริการเช่ารถหรู

บริษัทที่ 4 คือ Drivemate ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการเช่ารถทั้งรถ eco รถเก๋ง รถ SUV รถตู้ และรถหรู มีบริการเช่ารถขับเอง เช่ารถพร้อมคนขับ เช่ารถรับส่งสนามบินและเช่ารถรายเดือน พร้อมให้บริการกว่า 45 จังหวัด
ยี่ห้อรถหรูที่ Drivemate มีให้บริการเช่าคือ Mercedes Benz และ ฺBMW ข้อที่ดีคือสามารถเช่าเป็นแบบรายเดือนได้เหมาะกับผู้เช่าที่ต้องการจะใช้รถแบบระยะยาวและจะได้ราคาที่ถูกกว่าการเช่าแบบรายวัน

ราคาเช่ารถหรูแบบรายเดือนเริ่มต้นที่ 49,999 บาทต่อเดือน ราคานี้สามารถขับได้ไม่จำกัดระยะทางและรวมการประกันความเสียหายด้วยแต่มีค่ามัดจำที่ 20,000 บาท

บริษัทที่ 5 ที่ให้บริการเช่ารถหรู ECOCAR rent-a-car

ecocar ให้บริการเช่ารถหรู

บริษัทที่ 5 ที่ทางเราแนะนำคือ ECOCAR rent-a-car เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตั้งแต่มี ค.ศ. 2012 มีรถให้เช่าตั้งแต่รถกระบะจนถึงรถหรูยี่ห้อ BMW และ Mercedes Benz ราคาเช่ารถหรูมีดังต่อไปนี้ BMW X1 หรือ BMW Series3 320d Iconic ราคาอยู่ที่ 8,560 บาทต่อวัน Mercedes Benz C-class C350e ราคาอยู่ที่ 9,630 บาทต่อวันทางบริษัทมีบริการให้เช่าทั้งรายวันและรายเดือนขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เช่าและมีรถหรูๆ กว่า 600 คันให้เลือก
   
สรุป
การเช่ารถหรูสามารถทำได้ง่ายใช้เอกสารเพียงแค่ใบขับขี่ก็สามารถเช่ารถหรูราคาหลายล้านบาทในราคาเริ่มต้นที่หลักพัน ทั้ง 5 บริษัทที่แนะนำนั้นมีรถสวยๆหรูๆ คอยให้บริการแก่ทุกคนที่ต้องการใช้ไม่ว่าจะเป็นออกงานหรู เพื่อทดลองขับ หรือใช้ในวันพิเศษๆ แต่ละบริษัทจะมีรถหรูที่ให้บริการเช่าที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้เช่า ทั้งเช่ารถหรู เช่ารถซุปเปอร์คาร์ เช่ารถสปอร์ต หรือเช่ารถตามยี่ห้อที่ต้องการ


342
เหตุผลที่นักเรียนหันมาเรียนต่อโทอังกฤษก็เพราะ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทยให้การยอมรับคุณวุฒิจากประเทศนี้แล้ว อีกทั้งการเรียนยังใช้เวลาสั้น ๆ เพียงแค่ 1 ปีซึ่งเป็นการประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย มหาวิทยาลัยในอังกฤษยังมีหลักสูตรที่เข้มข้น และมีหลากหลายให้เลือก แถมยังมีโอกาสได้ท่องเที่ยวในหลาย ๆ ประเทศทางยุโรป เพราะเดินทางสะดวก รวดเร็ว

การศึกษาเรียนต่อปริญญาโทอังกฤษ


เรียนต่อปริญญาโทอังกฤษ หลักสูตรอะไร มหาลัยไหนดี

หลักสูตรเรียนต่อปริญญาโทอังกฤษนั้น มีอยู่หลายสาขาแล้วแต่ความชอบ ความถนัดของนักศึกษาที่จบปริญญาตรี แล้วต้องการจะต่อปริญญาโทในมหาวิทยาลัยที่ดังในสาขาที่เลือกเรียน


เรียนต่อปริญญาโทอังกฤษ หลักสูตรไหน มหาลัยไหนดี

สายการแพทย์ สายสุขภาพ (Medical School, Medicine, Chiropractic medicine)

สาขาสายการแพทย์ สายสุขภาพ จะช่วยให้นักศึกษาได้พัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นในการทำงานในฐานะนักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือและดูและผู้ป่วย มหาวิทยาลัยที่จะแนะนำสำหรับสาขานี้มี

- University of Portsmouth : มหาวิทยาลัยได้คะแนน 5 ดาวในด้านการสอน โอกาสการได้งาน ความเป็นสากล สิ่งอำนวยความสะดวก ศิลปะและวัฒนธรรมและการไม่แบ่งแยก ในปี 2021 และต้องมีคะแนน IELTS ขั้นต่ำ 6.5-7.0 เป็นคอร์สเต็มเวลา (2 ปี)

- University of Plymouth : จัดเป็นมหาวิทยาลัยที่มีความทันสมัย และดีที่สุดในอันดับท็อป 10 สำหรับการศึกษาของคนหนุ่มสาวในปี 2019

- Kingston University : เป็นมหาวิทยาลัยการวิจัยของรัฐที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติของกรุงลอนดอน การเรียนระดับปริญญาที่มหาวิทยาลัยนี้ คุณวุฒิการศึกษาที่ได้เป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ

- University of Brighton : หลักการสำคัญของมหาวิทยาลัยนี้คือ Inclusivity, Sustainability, Creativity และ Partnership ทั้งสนับสนุนนักศึกษาให้พัฒนาทักษะในการทำงาน และยังมีระบบ support ที่ครอบคลุมหลายด้าน

สายเทคโนโลยี วิทยาการคอมพิวเตอร์ (Technology, IT, Computer Science)

เป็นสายที่ครอบคลุมแนวคิดและกิจกรรมการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และการประยุกต์ใช้ การวิจัยโครงการและเทคนิคการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อดึงข้อมูลเชิงลึกขนาดใหญ่และความรู้เฉพาะจากร้านค้าข้อมูลขนาดใหญ่ โปรแกรมนี้มุ่งที่จะพัฒนาความเข้าใจที่สำคัญเกี่ยวกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน มหาวิทยาลัยที่จะแนะนำสำหรับสาขานี้มี

- Brimingham City University : เป็นมหาวิทยาลัยที่ร่วมมือกับหน่วยงานอุตสาหกรรมและผู้เชี่ยวชาญ วิชาชีพหลากหลายสาขา จึงเด่นดังในด้านการเรียนการสอนจากการนำข้อมูลความรู้ประสบการณ์จากแหล่งข้อมูลโดยตรงมาเชื่อมโยงให้เข้ากับเนื้อหาหลักสูตรแล้วถ่ายทอดสู่นักศึกษา ได้ถูกจัดอยู่อันดับเจ็ดในอังกฤษทางด้านข้อมูลและระบบเทคโนโลยี

- Imperial College London : มีเปิดสอนทั้งสหสาขาวิชาและการวิจัย คณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย ได้แก่ บริหารธุรกิจ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ เป็นต้น

- University of Cambridge : มหาวิทยาลัยตั้งที่เมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ มีชื่อเสียงยาวนานในการศึกษาสาขาคณิตศาสตร์ ศิลปะศาสตร์และมนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เวชศาสตร์คลินิก มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์กายภาพและเทคโนโลยี

- University of Nottingham : เป็นมหาวิทยาลัยระดับท็อป 20 ของอังกฤษ มีผลงานสำคัญคือเครื่อง MRI เป็นนวัตกรรมสำคัญในการต่อสู้กับโรคร้าย นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการผลักดันผลงานด้านการวิจัย เพื่อแก้ปัญหาความอดอยาก และการค้ามนุษย์

สายกฎหมาย (Law)

เป็นการเรียนเพิ่มเติมจากปริญญาตรีเพื่อจะได้สอบเป็นผู้พิพากษา และอัยการ เป็นหลักสูตรที่ ก.ต.รับรองที่แบ่งได้เป็น ปริญญาทางกฎหมายที่ไม่ใช่หลักสูตรเฉพาะด้านทางกฎหมาย  และ ปริญญาทางกฎหมายเฉพาะด้าน มหาวิทยาลัยที่จะแนะนำสำหรับสาขานี้มี

- University of Oxford : เป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังที่เมืองออกซ์ฟอร์ด และได้รับการจัดอันดับที่ 2 ของโลกจาก THE

- University College London : เป็นสถาบันการศึกษาของรัฐที่ตั้งอยู่ ณ กรุงลอนดอน มีเปิดสอนหลักสูตรกว่า 3,700 หลักสูตรต่อปี ซึ่งครอบคลุมหลาย ๆ สาขาวิชาที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ศาสนศาสตร์ แพทยศาสตร์ กฎหมาย เป็นต้น

- University of Cambridge : มหาวิทยาลัยตั้งที่เมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ มีชื่อเสียงยาวนานในการศึกษาสาขาคณิตศาสตร์ ศิลปะศาสตร์และมนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เวชศาสตร์คลินิก มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์กายภาพและเทคโนโลยี

- London School of Economics : เป็นมหาวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จะโดดเด่นด้าน Economics, Business, Law และ Social Science โดยที่ LSE ยังเป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติที่สำคัญที่สุดของอังกฤษ

สายธุรกิจ บริการ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ (Business, Marketing, MBA, Economics)

ช่วยเสริมสร้างทักษะการปฏิบัติที่จำเป็นต้องใช้ในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนที่ธุรกิจของรัฐบาลและสถาบันการเงินเผชิญ มีการศึกษาถึงการใช้หลักฐานและการใช้งานจริงเพื่อท้าทายทฤษฎีและแบบจำลองทางเศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยที่จะแนะนำสำหรับสาขานี้มี

- London Business School (LBS) : เป็นสถาบันเครือข่ายของ University of London หลักสูตรที่เปิดสอนมี ด้านการเงิน กลยุทธ์ การตลาด เศรษฐศาสตร์การจัดการ การบัญชีเพื่อการบริหาร การจัดการระบบปฏิบัติการและเทคโนโลยี จริยธรรมทางธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคม และการจัดการพฤติกรรมองค์การ

- Judge Business School : เป็นโรงเรียนบริหารธุรกิจในการกำกับของ Cambridge University หนึ่งในมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงด้านวิชาการมากที่สุดแห่งหนึ่ง มีหลักสูตรระดับปริญญาโทที่หลากหลาย จัดอันดับในท็อป 20 ของโลก พร้อมด้วยศูนย์วิจัยแบบสหวิชาการถึง 14 แห่ง

- Said Business School : เป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด โดยผสมผสานสิ่งที่ดีที่สุดทั้งเก่าและใหม่ไว้ที่หนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก Said ได้เปิดสอนโปรแกรมและการสร้างแนวคิดที่มีผลกระทบเชิงบวกทั่วโลก ให้ความรู้นักเรียนเพื่อต่อยอดการทำงาน หลักสูตร MBA ของ Said ออกแบบมาเพื่อจัดการกับปัญหาระดับโลกของธุรกิจ

- Warwick Business School : เป็นส่วนหนึ่งของ University of Warwick ที่ได้เปิดสอนหลักสูตรปริญญาโท 15 หลักสูตร และมีชื่อเสียงระดับโลก ในด้านความเป็นเลิศด้าน Financial Times Business และ QS World Rankings

- Imperial College Business School : เป็นส่วนหนึ่งของ Imperial College London   โดยมีเป้าหมายที่ธุรกรรมระดับโลก อีกทั้งสถาบันยังได้ถูกจัดเป็นอันดับสามในยุโรป วิทยาลัยนี้จะให้การสนับสนุน และอบรมทักษะให้กับนักเรียนเพื่อสานสัมพันธ์กับนายจ้างหรือนักเรียนที่มีศักยภาพสูง

สายมนุษยศาสตร์ ศิลปะ (Humanities, Arts, Fine Arts)

เป็นสาขาการเรียนที่เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นการเรียนศิลปะและการออกแบบ สื่อภาษาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญา เป็นต้น มหาวิทยาลัยที่จะแนะนำสำหรับสาขานี้มี

- University of Edinburge : เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในอังกฤษ และได้ถูกจัดเป็นอันดับสิบของโลกในสาขามนุษยศาสตร์ ศิลปะ มหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของสก็อตแลนด์ ซึ่งเป็นเมืองแห่งสีสัน และมีความปลอดภัยสูง

- Lancaster University : จัดเป็นมหาวิทยาลัยอันดับสิบเอ็ดในอังกฤษ และมีอยู่ 1 คณะในระดับปริญญาโท เป็นมหาวิทยาลัยที่นักเรียนได้รับการว่าจ้างงานถึง 78% หลังจบการศึกษา

- University of Manchester : เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอังกฤษ มีห้องสมุดวิจัยแห่งชาติที่เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง

- University of Cambridge : มหาวิทยาลัยตั้งที่เมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ มีชื่อเสียงยาวนานในการศึกษาสาขาคณิตศาสตร์ ศิลปะศาสตร์และมนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เวชศาสตร์คลินิก มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์กายภาพและเทคโนโลยี

สายวิศวกรรม (Engineering)

เป็นสาขาวิชาที่นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และการปฏิบัติมาใช้ในการออกแบบและสร้างเครื่องจักร “Engineer” ปริญญาโทด้านวิศวกรรมสามารถนำไปสู่โอกาสในการทำงานที่ยอดเยี่ยมและให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า 

สาขานี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในงานหลายประเภท เช่น วิศวกรรมไฟฟ้า การผลิต และระบบเครื่องกล วิศวกรรมการบินและอวกาศ รวมถึงวิศวกรรมการจัดการ มหาวิทยาลัยที่จะแนะนำสำหรับสาขานี้มี

- Imperial College London : ก่อตั้งปี ค.ศ. 1907 เปิดสอนทั้งสหสาขาวิชาและการวิจัย คณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยนี้ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ แพทยศาสตร์ บริหารธุรกิจ และวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ

- University of Southampton : ได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 100 มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่อง เป็นศูนย์รวมความเป็นเลิศทางวิชาการและผลงานการวิจัย มีหลักสูตรที่เข้มข้นด้านวิชาการกว่า 750 หลักสูตรครอบคลุมหลากหลายวิชา

- University of Cambridge : มหาวิทยาลัยตั้งที่เมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ มีชื่อเสียงยาวนานในการศึกษาสาขาคณิตศาสตร์ ศิลปะศาสตร์และมนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ เวชศาสตร์คลินิก มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์กายภาพและเทคโนโลยี

- University of Manchester : เกิดจากการควบรวมระหว่าง the Victoria University of Manchester และ UMIST ทำการเรียนการสอนผ่าน 4 คณะหลัก ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ คณะวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์กายภาพ (วิศวกรรมเคมีและวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับธาตุ)

- Brunel University : การวิจัยที่มีชื่อเสียงระดับสากลช่วยทำให้มั่นใจว่าเนื้อหาหลักสูตรสามารถตอบสนองความต้องการของโลกปัจจุบันรวมถึงผู้ประกอบการ มีจัดสิ่งอำนวยความสะดวกในหลายด้าน เช่น ศูนย์กีฬาระดับโลก ศูนย์ศิลปะที่หลายหลาย สหภาพนักศึกษา เป็นต้น สาขาวิศวกรรมศาสตร์ และ เทคโนโลยีถูกจัดเข้าในระดับท็อป 250 ของโลก

เรียนต่อปริญญาโทอังกฤษ ใช้อะไรยื่นสมัครบ้าง

เอกสารที่ต้องยื่นในการเตรียมตัวเรียนต่อปริญญาโท มี

- Transcript หรือใบแสดงผลการเรียนทุกภาคเรียนในระดับปริญญาตรี
- Graduation Certificate ใบรับรองจบการศึกษา
- ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS
- Letters of Reccommendation จดหมายแนะนำจากอาจารย์หรือที่ทำงานอย่างน้อย 2 ฉบับ
- Curriculum Vitae (CV) หรือ Resume เพื่อแสดงประวัติด้านการเรียน การทำงาน กิจกรรม และทักษะทางด้านต่าง ๆ อย่างละเอียด
- Statement of Purpose (SOP) จดหมายแนะนำตัวนักศึกษาให้ทางมหาวิทยาลัยรู้จัก ในรูปแบบเรียงความ เขียนจุดประสงค์และเหตุผลที่อยากเรียนคณะที่ระบุไว้
- สำเนาหน้าหนังสือเดินทาง (Passport)
- Portfolio เฉพาะคณะที่เกี่ยวกับการดีไซน์ หรือตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด

การเรียนต่อปริญญาโทอังกฤษ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

ปริญญาโทอังกฤษ ใช้เวลาเรียนกี่ปี

หลักสูตรปริญญาโทที่อังกฤษ ใช้ระยะเวลาเรียน 1 ปี ซึ่งมี 3 เทอม คือ

- เทอมหนึ่ง เดือนกันยายน - มกราคม
- เทอมสอง  เดือนมกราคม - พฤษภาคม
- เทอมสาม  เดือนมิถุนายน - สิงหาคม

เทอมสุดท้ายนั้น นักศึกษาต้องทำ Dissertation โดยเมื่อเรียนจนครบหมดแล้ว ก็สามารถจบหลักสูตรภายใน 12 - 15 เดือน

แต่บางมหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ หลักสูตรอาจขยายเวลาในการส่ง Dissertation ออกไปอีก 3 เดือน เพื่อให้นักศึกษามีเวลาศึกษา/เก็บข้อมูลวิจัย
 
เรียนต่ออังกฤษปริญญาโทค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

การเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษนั้น ค่าเล่าเรียนเฉลี่ยต่อปีสำหรับนักเรียนต่อชาติ จะแตกต่างกันไปตามแต่มหาวิทยาลัย คณะ และสาขา แต่โดยมากในลอนดอน และนอกลอนดอนนั้นจะแตกต่างกันประมาณ 16,000-17,000 ปอนด์ต่อปี
 
ค่าใช้จ่ายในการเรียนต่อปริญญาโท มี ค่าเรียน ค่าหอพัก ค่าเดินทาง ค่ากินอยู่ ตกประมาณ 43,000 ปอนด์ต่อปี ถ้าเลือกมหาวิทยาลัยในกรุงลอนดอน  ถ้าเป็นเมืองอื่น ๆ จะตกประมาณ 26,000 ปอนด์ต่อปี
 
สรุป

สำหรับน้อง ๆ นักศึกษาที่จบปริญญาตรีแล้วต้องการจะศึกษาต่อปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยอะไร คณะอะไร ต้องใช้ทุนทรัพย์เท่าไร ใช้เวลาเรียนนานเท่าไร และยังมีคำถามว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง คำถามเหล่านี้สามารถขอคำปรึกษา คำแนะนำฟรีได้ที่ Gentstudy

การเรียนต่อโทอังกฤษ

343
หลาย ๆ คนอาจจะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้กันใช่หรือไม่ อยู่ ๆ ก็ต้องซ่อมรถหรือซ่อมบ้านกะทันหัน จำเป็นต้องใช้เงินในการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ อีกมากมายที่ทำให้เรานั้นจำเป็นต้องได้เงินสดมาใช้จ่ายสักก้อนนึง

โดยเหตุการณ์เหล่านี้จะสามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้ ‘บัตรกดเงินสด’ นั่นเอง เพราะบัตรกดเงินสดจะสามารถช่วยให้เรานำเงินสดออกมาใช้ได้อย่างทันทีเพียงแค่การเสียบบัตรและกดเงินออกจากตู้ ATM เท่านั้น แล้วเจ้าบัตรเงินสดนี้ควรทำที่ไหนดี และมีขั้นตอนการสมัครอย่างไรบ้างกันล่ะ เรามาดูกันที่บทความต่อไปนี้ได้เลย!

หรือถ้าหากใครต้องการเปรียบเทียบบัตรกดเงินสดของหลาย ๆ ธนาคารก็สามารถลองหาที่บัตรกดเงินสด ของ Refinn ได้เลย เพราะทาง Refinn ได้ร่วมกับธนาคารพันธมิตรทั้งหลายไว้ให้คุณแล้ว ทั้งยังสามารถสมัครบัตรกดเงินสดอนุมัติ 30 นาที

บัตรกดเงินสด

บัตรกดเงินสด คือ อะไร

บัตรกดเงินสด คือสินเชื่อส่วนบุคคลรูปแบบหนึ่งที่มีลักษณะเป็นบัตร ซึ่งเจ้าของบัตรจะสามารถกดเงินสดออกมาจากตู้ ATM ได้ตามวงเงินที่ทางธนาคารได้อนุมัติไว้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมใด ๆ อีกทั้งยังมีขั้นตอนการสมัครบัตรกดเงินสดที่ง่าย และยังไม่ต้องมีผู้ค้ำประกันหรือนำทรัพย์สินมาเป็นหลักประกันอีกด้วย

และเมื่อต้องชำระเงินคืนก็สามารถที่จะเลือกได้ตามความเหมาะสมว่าจะชำระคืนแบบใด ไม่ว่าจะเป็นการชำระคืนแบบรายเดือน หรือการชำระคืนขั้นต่ำ โดยข้อเสียของสินเชื่อในรูปแบบบัตรกดเงินสดก็คือการมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากกว่า 20% ซึ่งถือว่ามีดอกเบี้ยที่สูงกว่าสินเชื่อรูปแบบอื่น ๆ

บัตรกดเงินสดคืออะไร

บัตรกดเงินสด ใช้ยังไง

สำหรับบางคนอาจมีความสงสัยว่า แล้วเจ้าบัตรกดเงินสดใช้ยังไงถึงจะดีและคุ้มค่ามากที่สุด? ในหัวข้อนี้เราก็จะมาบอกถึงวิธีการใช้บัตรกดเงินสดให้มีความคุ้มค่าและได้ประโยชน์สูงที่สุดหลากหลายวิธีด้วยกัน ได้แก่

- จำกัดวงเงินในแต่ละรอบบิลตามที่คิดว่าสามารถชำระคืนไหว
- ชำระเงินคืนเต็มจำนวนในระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย เพื่อไม่ให้เกิดการพอกพูนของดอกเบี้ย
- ชำระเงินคืนตรงเวลา จะได้ไม่ต้องเสียเงินไปกับค่าดอกเบี้ย
- ใช้บัตรกดเงินสดเฉพาะในเวลาจำเป็นหรือมีเหตุฉุกเฉินที่ต้องใช้เงินสดเท่านั้น


ข้อดีของบัตรกดเงินสด

- สามารถกดเงินสดหรือเงินก้อนออกมาไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็นหรือมีเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ ค่าเล่าเรียน หรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
- สามารถผ่อนชำระค่าสินค้าได้ด้วยดอกเบี้ย 0% ทั้งยังสามารถผ่อนชำระได้นานกว่าการใช้บัตรเครดิต
- ดอกเบี้ยของการกดเงินสดจากบัตรกดเงินสดนั้นจะต่ำกว่าการกดเงินสดจากบัตรเครดิตค่อนข้างมาก
- ช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงิน

ข้อดีของบัตรกดเงินสด

แนะนำ บัตรกดเงินสด ที่ไหนดี

หลาย ๆ คนอาจยังลังเลกันอยู่ว่าควรจะเลือกทำบัตรกดเงินสดของที่ไหนถึงจะให้ความคุ้มค่าและเหมาะสมกับเรามากที่สุด ดังนั้นในหัวนี้เราจึงนำสินเชื่อบัตรกดเงินสดทั้ง 5 ธนาคารมาแนะนำให้แก่ทุกคนกัน

บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช

บัตรกดเงินสด ทีทีบี แฟลช

บัตรกดเงินสด TTB Flash เหมาะสำหรับพนักงานประจำที่ช่วงอายุระหว่าง 20-60 ปี และมีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือน 15,000 บาท รวมถึงมีอายุงานในที่ทำงานปัจจุบันมากกว่า 4 เดือนขึ้นไป อีกทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการที่มีรายได้ขั้นต่ำต่อเดือน 30,000 บาท และมีการดำเนินกิจการภายในประเทศไม่น้อยกว่า 2 ปี

โดยบัตรกดเงินสด TTB จะมีวงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เจ้าของบัตร และวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท รวมถึงมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 25% ต่อปี ซึ่งจะมีวิธีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

จุดเด่นของบัตรกดเงินสด TTB Flash

- สามารถโอนย้ายยอดบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดจากธนาคารอื่นมาที่ TTB ได้
- โอนวงเงินจากบัตรเข้าบัญชีด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และเลือกชำระคืนขั้นต่ำเพียง 3%
- โอนวงเงินจากบัตรเข้าบัญชีด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ และเลือกชำระคืนเป็นรายงวดเท่ากัน ซึ่งสามารถกำหนดระยะเวลาชำระคืนได้
- ผ่อนชำระค่าสินค้าและบริการร้านค้าที่ร่วมรายการได้ด้วยดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 0% และยังสามารถเลือกระยะเวลาผ่อนชำระได้นานถึง 60 เดือน

บัตรเงินด่วน Xpress Cash

บัตรเงินด่วน Xpress Cash

บัตรกดเงินสดของธนาคารกสิกรไทยนั้นมีชื่อสินเชื่อว่าบัตรเงินด่วน Xpress Cash สามารถทำได้ทั้งพนักงานประจำ เจ้าของกิจการ หรือแม้แต่ผู้ที่ทำอาชีพอิสระ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 20-70 ปี และมีภาระหนี้ต่อเดือนไม่เกินเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนด รวมถึงไม่มีประวัติผิดนัดชำระหนี้มาก่อน

โดยบัตรกดเงินสด Xpress Cash จะมีวงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เจ้าของบัตร และวงเงินสูงสุดไม่เกิน 5 เท่าของรายได้ รวมถึงมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 18-25% ต่อปี ซึ่งจะมีวิธีการคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

จุดเด่นของบัตรกดเงินสด Xpress Cash

- มีโปรโมชั่นอัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยจะฟรีดอกเบี้ย 50% นานสูงสุด 30 วัน
- สามารถสมัครบัตรกดเงินสดได้ง่าย ใช้เพียงแค่บัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถทำได้แล้ว
- อนุมัติรวดเร็ว ใช้เวลาเพียง 15 นาที
- สามารถผ่อนชำระคืนค่าสินค้าได้ด้วยดอกเบี้ยเพียง 0% นานสูงสุด 36 เดือน
- ชำระคืนน้อย โดยเริ่มต้นที่ 3-5%

บัตรกดเงินสด กรุงศรี เฟิร์สช้อยส์

บัตรกดเงินสด กรุงศรี เฟิร์สช้อยส์

บัตรกดเงินสด กรุงศรี เฟิร์สช้อยส์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีงานประจำหรือผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการที่มีอายุระหว่าง 20-55 ปี ซึ่งผู้ที่เป็นพนักงานประจำจะต้องมีรายได้ต่อเดือนขั้นต่ำ 12,000 บาท ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าของกิจการจะต้องมีเงินหมุนเวียนในธนาคารขั้นต่ำที่ 200,000 บาท

โดยบัตรกดเงินสด First Choice จะมีวงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เจ้าของบัตร ซึ่งจะมีวงเงินสูงสุดอยู่ที่ 500,000 บาท รวมถึงดอกเบี้ยบัตรกดเงินสด First Choice จะมีอัตราอยู่ที่ 25% ต่อปี และจะมีวิธีคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

จุดเด่นของบัตรกดเงินสด เฟิร์สช้อยส์

- ฟรีค่าธรรมเนียมแรกเข้า และค่าธรรมเนียมรายปี ตลอดชีพ
- ไม่มีค่าธรรมเนียมเบิกถอนเงินสดล่วงหน้า 3%
- กดเงินสดได้ทั้งทาง U Cash และตู้ ATM ทุกธนาคาร

บัตรกดเงินสด เรดดี้เครดิต Citibank Ready Credit

บัตรกดเงินสด เรดดี้เครดิต

บัตรกดเงินสด เรดดี้เครดิต นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และมีรายได้ต่อเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท รวมไปถึงมีสัญชาติไทย โดยจะมีวงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เจ้าของบัตร ซึ่งจะมีวงเงินสูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท รวมถึงมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 24-25% ต่อปี และจะมีวิธีคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

จุดเด่นของบัตรกดเงินสด เรดดี้เครดิต

- ฟรีค่าธรรมเนียมในการกดเงินสดจากตู้ ATM ของทุกธนาคาร
- สามารถเลือกผ่อนชำระคืนได้นานถึง 48 เดือน
- ไม่ต้องรออนุมัติสินเชื่อ

บัตรกดเงินสด ยูเมะพลัส Umay Plus

บัตรกดเงินสด ยูเมะพลัส

บัตรกดเงินสดยูเมะพลัสนั้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุระหว่าง 20-55 ปี และมีรายได้ต่อเดือนขั้นต่ำ 7,000 บาท รวมไปถึงมีสัญชาติไทย อีกทั้งบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสยังได้มีบริการบัตรอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย ทั้งทันสมัย สะดวก และปลอดภัย ซึ่งสามารถใช้งานได้ง่าย ๆ ผ่านทางแอปพลิเคชัน Umay+ บนมือถือ

โดยบัตรกดเงินสดยูเมะพลัสจะมีวงเงินไม่เกิน 5 เท่าของรายได้เจ้าของบัตร รวมถึงมีอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการใช้วงเงินไม่เกิน 19.8-25% ต่อปี และจะมีวิธีคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก

จุดเด่นของบัตรกดเงินสด ยูเมะพลัส

- สามารถเลือกชำระเงินคืนได้ตามอิสระ โดยสามารถชำระขั้นต่ำได้ที่ 3%
- อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 30 วัน
- สามารถใช้บริการบัตรกดเงินสดอิเล็กทรอนิกส์ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องบัตรหาย

เอกสารและ ขั้นตอนการ สมัครบัตรกดเงินสด

เอกสารที่จำเป็นสำหรับการสมัครบัตรกดเงินสด

- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ใบรับรองเงินเดือน หรือสลิปเงินเดือน
- สเตทเม้นย้อนหลัง 6 เดือน

ขั้นตอนในการสมัครบัตรกดเงินสด

- จัดเตรียมเอกสารสำคัญต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ให้พร้อม
- ทำการยื่นเอกสารเพื่อสมัครบัตรกดเงินสดให้แก่ธนาคารที่ต้องการทำบัตรกดเงินสด
- รอฟังผลการอนุมัติจากทางธนาคาร

สรุป

การมีบัตรกดเงินสดติดตัวไว้สามารถช่วยเราได้มากทีเดียวในกรณีที่จำเป็นต้องใช้เงินสดหรือเงินก้อนในยามจำเป็นหรือยามที่มีเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ แต่ว่าการที่จะทำบัตรกดเงินสดสักใบนั้นควรที่จะเลือกธนาคารที่น่าเชื่อถือ และมีโปรโมชั่นหรือเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด

344
หาวบ่อย หาวไม่สุด

นั่งทำงานสักพักก็หาว ทำอะไรก็หาว ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ง่วงหรือมีความอยากนอนเลยสักนิด หลายคนมักจะคิดว่าตนเองคงจะนอนไม่พอ แต่ถึงแม้ว่าจะกลับไปนอนเยอะแล้วก็ตามอาการหาวก็ยังคงอยู่ นั่นเพราะอาการหาวไม่ได้หมายความว่านอนไม่พอเพียงอย่างเดียว อาจมีสาเหตุและปัจจัยอื่นที่ทำให้
หาวบ่อยได้เช่นกัน

และยิ่งไปกว่านั้นอาการหาวบ่อย ๆ อาจเป็นสัญญาณของโรคอันตรายที่คาดไม่ถึงอีกด้วย หากคุณมีอาการหาวบ่อยแต่ไม่ง่วง อาการหายใจไม่เต็มปอด หาวบ่อย หรือการหาวบ่อยควบกับอาการแปลก ๆ ควรจะเข้าปรึกษาแพทย์ เพราะหากพบโรคอันตรายได้เร็วก็จะได้หาวิธีแก้ไขได้ง่ายขึ้น


การหาว (Yawning)

อาการหาว เป็นกลไกทางร่างกายที่เกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่สามารถบังคับได้ ลักษณะของอาการหาวคือ อ้าปากกว้าง สูดหายใจเข้าลึก ๆ เข้าสู่ปอด แล้วหายใจออกมา กระบวนการหาวนี้อาจเกิดขึ้นในช่วงสั้น ๆ หรือเกิดขึ้นถี่อย่างการหาวบ่อย ๆ ได้เช่นกัน โดยอาการหาวนี้สามารถเกิดขึ้นพร้อม ๆ กับน้ำตา
ไหลและการยืดกล้ามเนื้อ


ทำไมเราถึงต้องหาว

ในปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปถึงอาการหาวที่ชัดเจนได้ แต่นักวิจัยก็ยังมีความเชื่อและทฤษฎีที่เกี่ยวกับอาการหาวที่หลากหลาย เช่น

  • เมื่อร่างกายมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์มาก ออกซิเจนน้อยเกินไป จะทำให้ร่างกายเกิดอาการง่วง เมื่อยล้า ระบบกลไกของร่างกายจึงกระตุ้นให้เรารับออกซิเจนให้มากขึ้นโดยการหาวนั่นเอง การหาวจะช่วยให้เราสูดหายใจได้ลึกกว่าปกติ และรับออกซิเจนมามากขึ้น ในขณะเดียวกันในช่วงหายใจออกก็จะนำพาคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายได้มากขึ้นเช่นกัน
  • อาการหาวช่วยการยืดเนื้อเยื่อปอด ยืดกล้ามเนื้อและข้อต่าง ๆ เพราะขณะหาวนั้นสังเกตได้ว่าเรามักจะยืดกล้ามเนื้อหลาย ๆ ส่วนเช่น แขน ขา เป็นต้น และอีกทั้งการหาวยังช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้สูงขึ้น ทำให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้ประเปร่า
  • อาการหาวช่วยกระตุ้นการสร้างสารหล่อลื่นภายในปอด จากทฤษฎีนี้เชื่อว่าการหาวเป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อกระตุ้นให้ปอดสร้างสารหล่อลื่น ให้ภายในปอดชุ่มชื้น
  • อาการหาวช่วยลดอุณหภูมิภายในสมองได้ ในทฤษฎีนี้เชื่อว่าขณะหาวจะทำให้อากาศเย็นเข้าทางปาก และอากาศเย็นนี้จะทำให้น้ำไขสันหลังและเส้นเลือดที่จะไหลเวียนไปที่สมองเย็นขึ้น

จะสังเกตได้ว่าทุกทฤษฎีมีความเกี่ยวข้องกันอย่างหนึ่งคืออาการหาวจะทำให้อากาศเข้าสู่ร่างกายมากกว่าการหายใจปกติ และการที่ร่างกายมีอากาศเข้ามากกว่าปกตินั่นหมายความว่าทำให้ร่างกายได้รับจำนวนออกซิเจนที่มากขึ้นกว่าเดิม


อาการหาวบ่อย (Excessive Yawning) เกิดจากอะไร


อาการหาวบ่อย เกิดจาก

ไม่ว่าใครก็คงจะเคยมีอาการหาวกันทั้งนั้น ซึ่งอาการหาวนั้นเป็นกลไกทางร่างกายที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติเช่นเดียวกับสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังอื่น ๆ แต่หากมีอาการหาวบ่อย ๆ นั่นอาจไม่ใช่ความปกติ แต่อาจเป็นสัญญาณบางอย่างที่ร่างกายต้องการบอกเราได้

หาวแบบไหนเรียกว่าหาวบ่อย? หากคุณมีอาการหาวถี่ ๆ มากกว่า 1 ครั้งต่อนาที แสดงว่าคุณกำลังมีอาการหาวบ่อย ซึ่งสาเหตุของอาการหาวบ่อย ๆ นั้นจะกล่าวในหัวข้อถัดไป


หาวบ่อยเกิดจากสาเหตุใด

อาการหาวบ่อยเกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้

1. ความง่วง อาการเหนื่อยล้า

สาเหตุหลักของผู้ที่มีอาการหาวบ่อย ๆ เลยคือความง่วงและความเหนื่อยล้า เพราะเมื่อร่างกายมีปริมาณออกซิเจนที่น้อยเกินไปและมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินไปจะทำให้เกิดอาการง่วง เพลีย เหนื่อยล้าได้

โดยการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยก็อาจมีสาเหตุมาจากการหายใจไม่ทั่วท้อง หาวบ่อย จากการมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดนาน ๆ ทำให้การหายใจแต่ละครั้งมักจะหายใจเข้าไม่เต็มปอด และทำให้ออกซิเจนได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นนั่นเอง

2. อาการนอนไม่หลับ
อีกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหาวบ่อยคือการนอนไม่หลับหรือการนอนที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น การนอนพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ การนอนหลับไม่สนิท ความเครียด ความกังวล หรือแม้แต่การหยุดหายใจขณะหลับ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั่นส่งผลให้ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อยกว่าที่ร่างกายต้องกาย ทำให้เกิดอาการหาวบ่อยได้

3. ผลข้างเคียงของยา
ยาบางกลุ่มก็ส่งผลทำให้ผู้ใช้ยาเกิดอาการง่วงซึม และอาการง่วงนี้เองที่ทำให้เกิดอาการหาวบ่อย เช่น กลุ่มยาต้านโรคซึมเศร้า กลุ่มยารักษาโรควิตกกังวล ยานอนหลับ เป็นต้น

4. นอนกรน
เพราะอาการนอนกรนเกิดจากการที่ช่องทางเดินหายใจตีบและแคบลงขณะนอนหลับ ทำให้อากาศผ่านได้ยากกว่าปกติ และเมื่อลมหายใจผ่านทางช่องแคบนี้ จึงเกิดการกระพือและเกิดเสียงกรนขึ้น

ผู้ที่นอนกรนจะได้รับปริมาณออกซิเจนน้อยกว่าปกติ และนอกจากนี้ยังทำให้การพักผ่อนไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หายใจไม่สะดวก หาวบ่อย และรู้สึกเพลียในช่วงกลางวัน

5. อาการข้างเคียงของโรค
โรคบางชนิดอาจส่งผลให้ร่างกายรับปริมาณออกซิเจนได้น้อยกว่าปกติ จึงทำให้ร่างกายต้องเพิ่มปริมาณออกซิเจนมากขึ้นด้วยการหาวบ่อย เช่น ภาวะเลือดออกภายในหัวใจ หรือเนื้อเยื่อบริเวณหัวใจ


หาวบ่อย..สัญญาณเตือนของโรคอะไร

มีอาการหาวบ่อย เสี่ยงโรคอะไรบ้าง

ถึงแม้ว่าอาการหาวจะไม่ได้เป็นอันตรายหรือทำให้เกิดอาการเจ็บปวดใด ๆ แต่การหาวบ่อยที่ไม่ได้เกิดจากอาการง่วง อาจเป็นสัญญาณที่ร่างกายบ่งบอกว่ากำลังเป็นโรคอื่น ๆ อยู่ก็ได้ ถึงแม้ว่าโอกาสเกิดโรคเหล่านี้จะค่อนข้างน้อย แต่หากรู้ตัวเร็วก็จะสามารถรักษาหายได้เร็วกว่า

1. โรคไมเกรน
ผู้ที่เป็นโรคไมเกรนมักจะมีอาการปวดหัวรุนแรง อาจเกิดเพียงด้านใดด้านหนึ่งของศีรษะหรืออาจเกิดขึ้นทั้งสองด้านเลยก็ได้ โดยโรคไมเกรนมักจะมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ และอาจมีอาการนำก่อนเริ่มปวดไมเกรน เช่นหาวบ่อย ปวดต้นคอ เห็นแสงออกมาจากสิ่งต่าง ๆ ปัสสาวะบ่อย เป็นต้น

2. โรคลมหลับ
โรคลมหลับเป็นภาวะที่ทำให้รู้สึกง่วงตลอดเวลา และมีอาการหลับในช่วงเวลาผิดปกติ ผู้ป่วยอาจเกิดภาวะหลับกลางอากาศทั้ง ๆ ที่กำลังทำกิจกรรมอื่น ๆ อยู่ หรือบางครั้งอาจมีอาการคล้ายกับอาหารหลับ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง และไม่ว่าผู้ป่วยจะนอนมากแค่ไหนก็ยังรู้สึกง่วงตลอดเวลาอยู่ดี และอาการง่วงบ่อย ๆ นี้เองที่ทำให้เกิดอาการหาวบ่อย

3. โรคลมชัก
อาการหาวบ่อยจากโรคลมชักสามารถพบได้เมื่อเกิดอาการชักที่ทำให้การหายใจผิดปกติ เช่น การชักแบบหยุดหายใจชั่วขณะ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอนั่นเอง

4. โรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมองเกิดจากภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง หรือเกิดภาวะเลือดออกในสมอง เมื่อเกิดภาวะเหล่านี้จะทำให้การลำเลียงออกซิเจนในเลือดทำได้น้อยลง ทำให้เซลล์สมองขาดออกซิเจนและถูกทำลายในที่สุด อาการหนึ่งที่เป็นสัญญาณเตือนว่าออกซิเจนไปเลี้ยงในสมองไม่พอคืออาการหาวบ่อย

5. ภาวะตับวาย
ตับเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการกำจัดสารพิษในร่างกายและมีความสามารถในการฟื้นฟูตนเอง แต่เมื่อใดที่ตับได้รับความเสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟูได้อีกต่อไปจะเกิดภาวะตับวายขึ้น ผู้ป่วยที่มีอาการของภาวะตับวาย มักจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องมาน เลือดออกง่าย อ่อนเพลีย ซึ่งอาการอ่อนเพลียจะทำให้ร่างกายเกิดอาการหาวบ่อยขึ้นมาได้

6. เนื้องอกในสมอง
เนื้องอกในสมองเป็นภาวะที่มีก้อนเนื้อเจริญอยู่ในที่ที่ไม่ควรจะมีอย่างผิดปกติ ซึ่งเนื้องอกนี้เองที่จะไปกดบริเวณสมอง ทำให้ส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของสมองและระบบประสาท ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดหัวมาก อาเจียน ตาพร่ามัว ซึ่งอาการเหล่านี้มักทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียสะสมขึ้น และเกิดอาการหาวบ่อยได้

7.  โรคปลอกประสาทอักเสบ
โรคปลอกประสาทอักเสบเกิดจากการอักเสบบริเวณปลอกประสาทที่หุ้มเส้นประสาท ซึ่งปกติแล้วปลอกประสาทมีหน้าที่ในการนำกระแสประสาท แต่เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นจะทำให้การนำกระแสประสาทเกิดความผิดปกติ ซึ่งอาการหาวบ่อยก็อาจเกิดจากการนำกระแสประสาทที่ผิดปกติได้เช่นกัน

8.  โรคหัวใจหรือภาวะเลือดออกบริเวณหัวใจ
โรคหัวใจหรือภาวะเลือดออกบริเวณหัวใจจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับปริมาณออกซิเจนไม่เพียงพอต่อความต้องการ ผู้ป่วยจะมีอาการหาวบ่อย หายใจไม่อิ่ม มึนหัว เจ็บแน่นหน้าอก


หาวบ่อยเมื่อไหร่ควรพบแพทย์
อาการหาวบ่อยเป็นอาการที่หลาย ๆ คนมักจะมองข้ามไปเพราะคิดว่าเกิดจากการนอนไม่พอ แต่หากผู้ป่วยมีอาการหาวบ่อย พร้อมกับอาการร่วมอื่น ๆ เช่น

  • อาการหายใจไม่เต็มปอด หาวบ่อย
  • นอนไม่หลับหรือหาวบ่อยแต่ไม่ง่วง
  • หาวบ่อย หายใจไม่อิ่ม มึนหัว ปวดต้นคอ ควรเข้ารับการตรวจร่างกายกับแพทย์ เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคอันตรายได้


การตรวจวินิจฉัยอาการหาวบ่อย

ตรวจอาการหาวบ่อยด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram: EEG)

เมื่อไปพบแพทย์ด้วยอาการหาวบ่อย อันดับแรกแพทย์มักจะทำการซักประวัติผู้ป่วยก่อน เช่นพฤติกรรมการนอนหลับ พักผ่อนเพียงพอหรือไม่ หลังจากนั้นก็จะถามอาการร่วมอื่น ๆ หากพบอาการร่วมที่น่าสงสัยแพทย์ก็จะส่งตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ เพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการหาวบ่อย

1. ตรวจเลือด
หากแพทย์สงสัยว่าอาการหาวบ่อยอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคลมชัก โรคติดเชื้ออื่น ๆ โรคตับ แพทย์อาจขอเก็บตัวอย่างเลือดจากผู้ป่วยเพื่อทำการตรวจเลือดหาสารเคมีภายในเลือด ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง เป็นต้น

2. ตรวจด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า
การตรวจด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้าหรือ MRI จะช่วยทำให้แพทย์สามารถเห็นภาพอวัยวะภายในอย่างละเอียด และแพทย์จะสามารถหาความผิดปกติของอวัยวะภายในได้จากภาพ โดยโรคที่สามารถมองเห็นด้วยการทำ MRI เช่น โรคเกี่ยวกับสมอง โรคหัวใจ ไขสันหลัง เป็นต้น

3. ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (Electroencephalogram: EEG)
หากแพทย์สงสัยว่าอาการหาวบ่อยของผู้ป่วยอาจเกิดจากความผิดปกติภายในสมอง หรือโรคลมชัก แพทย์ก็จะส่งตรวจด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง โดยการตรวจลักษณะนี้จะเป็นการตรวจปฏิกิริยาและการทำงานของคลื่นไฟฟ้าในสมองว่าเป็นปกติหรือไม่ หากผู้ป่วยมีความผิดปกติจะแสดงให้เห็นถึงคลื่นไฟฟ้าที่ผิดปกติได้ชัดเจน

4. ตรวจการนอนหลับ (Sleep Test หรือ Polysomnography)
เพราะอาการหาวบ่อยอาจมาจากการนอนหลับที่ผิดปกติ การนอนหลับที่ไม่มีประสิทธิภาพ เช่น โรคลมหลับ หรือภาวะหยุดหายใจชั่วขณะระหว่างหลับ การตรวจการนอนหลับจะสามารถตรวจระดับออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกาย คลื่นไฟฟ้าสมองขณะหลับ การกลอกตา การขยับหน้าอกและช่องท้องว่ามีความผิดปกติระหว่างนอนหรือไม่


วิธีแก้อาการหาวบ่อย

อาการหาวบ่อยไม่ได้มีความรุนแรงที่ทำให้เกิดอาการป่วยหรือเจ็บปวดใด ๆ หากการหาวบ่อยไม่ได้พ่วงมากับอาการอันตรายอื่น ๆ อาจไม่จำเป็นต้องทำการรักษาใด ๆ เพราะการหาวก็เป็นเพียงกลไกหนึ่งในร่างกายเท่านั้น แต่หากการหาวบ่อยอาจเป็นตัวบ่งบอกว่าร่างกายอ่อนเพลีย และยังทำให้ดูบุคลิกไม่ดี ดังนั้นหากจะแก้อาการหาวบ่อย ก็สามารถทำได้ด้วยตนเอง ดังนี้

วิธีแก้ไขอาการหาวบ่อยด้วยตัวเอง

นอนให้เพียงพอ ลดอาการหาวบ่อย

  • สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหาวบ่อยจากร่างกายมีออกซิเจนไม่เพียงพอ หรือมีสมาธิกับสิ่งใดมาก ๆ ทำให้การหายใจแต่ละครั้งทำได้ไม่สุด สามารถแก้โดยหายใจลึก ๆ มีสมาธิกับการหายใจให้มากขึ้น
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ส่วนมากอาการหาวบ่อยมักมาจากการนอนหลับไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า
  • เพื่อให้การพักผ่อนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรจะกำจัดสิ่งรบกวนที่อาจทำให้การนอนไม่มีคุณภาพ เช่น การใส่ผ้าปิดตา ป้องกันแสงที่รบกวนการนอน ใส่ที่อุดหูเพื่อไม่ให้เสียงมา
    รบกวนการนอน เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมใด ๆ ก่อนเข้านอน เช่น การดูหนัง การอ่านหนังสือ การเล่นโทรศัพท์
  • การอยู่ในที่อากาศเย็น ๆ เพื่อให้ช่วยลดอุณหภูมิของไขสันหลังและเลือดที่จะขึ้นไปยังสมอง
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างเหมาะสม ช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายเกิดอาการล้า จนเกิดอาการหาวบ่อย ๆ
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีน เพราะจะส่งผลให้เกิดอาการนอนไม่หลับและทำให้เกิดอาการเพลีย หาวบ่อย ๆ ในตอนเช้าได้
  • เคลื่อนไหว ขยับร่างกายเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ลดอาการหาวบ่อย ๆ จากความเพลีย เหนื่อยล้า หรืออาการเบื่อได้

การรักษาอาการหาวบ่อย

หาวบ่อย นอนไม่หลับ กินยานอนหลับ

แต่หากอาการหาวบ่อย ๆ ที่เกิดจากผลข้างเคียงจากการใช้ยา หรือสัญญาณของโรคอื่น ๆ อาจต้องเข้ารับการรักษาโดยแพทย์จึงจะช่วยให้อาการหาวบ่อยลดลงได้ เช่น

  • ใช้เครื่องช่วยหายใจขณะนอนหลับ ป้องกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับ อันเป็นเหตุให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอจนเกิดอาการเพลีย หาวบ่อย
  • การเข้าปรับพฤติกรรมการนอนให้เป็นเวลาเดิมในทุก ๆ วัน
  • หากอาการหาวบ่อยเกิดจากผลข้างเคียงของยา อาจทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนตัวยา หรือลดขนาดยา แต่อย่างไรก็ตามต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์เท่านั้น
  • หากอาการหาวบ่อยเกิดจากโรคอื่น ๆ แพทย์จะทำการรักษาที่โรคนั้น ๆ เมื่ออาการของโรคดีขึ้น อาการหาวบ่อยจากโรคก็จะลดลงได้


ข้อสรุป

อาการหาวเป็นกลไกของร่างกายที่จะช่วยให้ระดับออกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น และลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ในร่างกายลง ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปเป็นปกติ แต่อย่างไรก็ตามหากอาการหาวผิดปกติ เช่น การหาวบ่อยมาก หรือการหาวบ่อยร่วมกับอาการอื่น เช่น ปวดต้นคอ คลื่นไส้ ปวดหัวรุนแรง หายใจได้ไม่เต็มปอด เจ็บหน้าอก นั่นอาจไม่ใช่ความปกติ แต่เป็นสัญญาณของโรคอันตราย หากผู้ป่วยมีอาการเหล่านี้การเข้าพบแพทย์ก่อนอาจทำให้ตรวจพบโรคได้เร็วขึ้น และโอกาสรักษาก็ยิ่งมากขึ้นอีกด้วย


345
สุขภาพ | Health / เป็นประจำเดือนแล้วปวดหัว
« เมื่อ: ตุลาคม 20, 2022, 08:19:06 AM »
เป็นประจำเดือนแล้วปวดหัว

สัญญาณเตือนว่าวันนั้นของเดือนกำลังจะมาถึงคงหนีไม่พ้นอาการปวดท้องบริเวณท้องน้อย การมี   อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ในผู้หญิงบางคนอาจมีอาการนี้รวมอยู่ด้วยนั่นก็คือ เป็นประจำเดือนแล้วปวดหัว โดยอาการปวดหัวมักจะเริ่มมีการปวดเตือนก่อนในช่วง 1-2 วันแรกก่อนประจำเดือนจะมา ทำเอาผู้หญิงหลายๆ คนจำเป็นต้องหยุดกิจกรรมต่างๆ แล้วเปลี่ยนมานอนซมอยู่บนเตียงนิ่งๆ เพราะอาการปวดหัวตุ๊บๆ ที่ในแต่ละครั้งอาการปวดมักกินเวลาหลายชั่วโมง


เป็นประจำเดือนแล้วปวดหัว

อาการเป็นประจำเดือนแล้วปวดหัวนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติของผู้หญิง เพราะเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในร่างกาย หลายๆคนอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ปวดเอว ถ้าเกิดอาการเหล่านี้ก็ควรที่จะพักผ่อนทานยาแก้ปวดหรือพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการปวด หากว่ามีอาการปวดมากกว่าปกติก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุอื่นๆ ที่เป็นต้นตอของอาการต่างๆในระหว่างที่เป็นประจำเดือนได้


ปวดหัวช่วงเป็นประจำเดือนเกิดจากอะไร

สาเหตุที่ทำให้เป็นประจำเดือนแล้วปวดหัว

1. ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง

อาการปะจำเดือนมาแล้วปวดหัวเกิดได้จากเส้นเลือดนอกสมองถูกควบคุมด้วยฮอร์โมนมีการขยายตัวขึ้นและการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายนี่เองที่ส่งผลให้ร่างกายของเรามีอาการอื่นๆ ตามมา เช่น บางคนอาจมีอาการปวดเอว ปวดหลัง หงุดหงิดง่าย บางคนอาจจะมีการคัดเต้านม ส่วนใหญ่สาเหตุเหล่านี้มักเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน

2. การใช้ยาคุมกำเนิด
การเลือกทานยาคุมกำเนิด ก็มีส่วนที่ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวได้ หากว่ารับประทานยาในระยะเวลานาน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ป่วยเป็นไมเกรนที่อยู่ระหว่างการทานยาคุมกำเนิดและมักจะปวดหัวในช่วงที่ประจำเดือนมา โดยภายในตัวยาคุมกำเนิดจะประกอบไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่ส่งผลต่ออาการปวดหัวได้

3. โรคไมเกรน
โรคไมเกรนถือว่าเป็นอีกกลไกหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อช่วงการเป็นเมนส์แล้วปวดหัว เพราะเป็นช่วงที่ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงที่ผู้หญิงกำลังเริ่มจะมีประจำเดือน ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศก่อนมีประจำเดือนคือฮอร์โมนเอสโตรเจน

เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนมีการลดลงอย่างรวดเร็วก็จะส่งผลให้ผู้ที่สมองมีความไวต่อสิ่งเร้าเกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้ สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคปวดศีรษะไมเกรนจึงมักจะปวดหัวในช่วงที่มีประจำเดือนร่วมด้วย


อาการประจำเดือนมาแล้วปวดหัวเป็นอย่างไร

ปวดเอว อาการร่วมที่มักเกิดขึ้นระหว่างที่เป็นประจำดือน

เป็นประจําเดือนแล้วปวดหัว ส่วนมากอาการปวดหัวจะเริ่มมีมาตั้งแต่ 1-2 วันก่อนเป็นประจำเดือน จะเริ่มรู้สึกปวดหัวตุ๊บๆบริเวณข้างซ้ายหรือข้างขวา บางคนในช่วงที่มีอาการปวดหัวระหว่างที่เป็นประจำเดือนอาจมีอาการเวียนหน้าเพียงเล็กน้อยรวมอยู่ด้วย

อาการอื่นที่มักเกิดร่วม

นอกจากอาการมีประจำเดือนแล้วปวดหัวในเบื้องต้นแล้วยังมีอาการอื่นที่มักเกิดร่วมอยู่ด้วย เช่น อาการคลื่นไส้อาเจียน จมูกเริ่มไวต่อกลิ่น ดวงตาพร่ามัวและมีความไวต่อแสง มีอาการคล้ายๆ เช่นเดียวกันกับการปวดหัวไมเกรน


ผู้เสี่ยงเสี่ยงเป็นประจำเดือนแล้วปวดหัว

ผู้ที่มีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอและเสียงต่อการเป็นปรำเดือนแล้วปวดหัว

  • กลุ่มของผู้ที่มีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอมีการปวดหัวบ่อยๆทั้งในขณะที่มีและไม่มีประจำเดือน
  • กลุ่มผู้ที่มีอาการไมเกรนเกิดไม่บ่อยและไม่ใช่ทุกครั้งของการเป็นประจำเดือน
  • กลุ่มคนไข้ที่ปวดหัวไปหัวสัมพันธ์กับประจำเดือนและการมีประจำเดือนมาแบบสม่ำเสมอ


ปวดหัวช่วงประจำเดือนที่ควรพบแพทย์

อาการเป็นประจำเดือนแล้วปวดหัวที่ควรพบแพทย์

ในช่วงที่เป็นประจำเดือนแล้วปวดหัวจนต้องไปพบแพทย์มักจะมีอาการปวดหัวรุนแรง ทานยาแก้ปวดหรือพาราเซตามอลแล้วแต่อาการปวดก็ยังไม่ลด ก็สามารถเข้าไปปรึกษากับ สูตินารี-แพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการอื่นร่วมด้วยได้


วิธีรักษาอาการเป็นประจำเดือนแล้วปวดหัว

ควรเลือกรับประทานอาหารหรือควบคุมอาหารโดยเฉพาะอาหารประเภทไขมันสูง แล้วหันมาเลือกรับประทานอาหารประเภทผักและผลไม้ที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ เพราะมีสรรพคุณคุณช่วยลดอาการหดเกรงของกล้ามเนื้อ ปรับสมดุลของสารในสมอง

นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการนอนพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อเป็นการผ่อนคลายและปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

วิธีบรรเทาอาการด้วยตัวเอง

บรรเทาอาการด้วยตนเองโดยการพักผ่อนให้เพียงพอ

  • ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายให้พอดี
ควบคุมรสชาติของอาหารไม่ให้หวานเกินไป ถ้าเกิดว่าในช่วงที่เป็นประจำเดือนแล้วทานหวานมากจนเกินไปก็จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการปวดหัวได้

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
เพราะฮอร์โมนที่แปรปรวนในช่วงเป็นประจำเดือนจะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับส่งผลทำให้เกิดอาการของไมเกรนได้เพราะฉะนั้นการพักผ่อนให้เพียงพอในช่วงที่เป็นประจำเดือนจึงสำคัญมากเพื่อหลีกเลี่ยงอาการปวดหัว

  • ผ่อนคลายความเครียด
การผ่อนคลายความเครียดในช่วงที่เป็นประจำเดือนจะช่วยหลีกเลี่ยงอาการปวดหัวได้และยังมีส่วนทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นอีกด้วย หรือจะเลือกทำกิจกรรมที่สบายๆเช่นการฟังเพลงเบาๆอ่านหนังสือที่ชอบก็มีส่วนช่วยผ่อนคลายความเครียดได้

การรักษาโรคไมเกรน

การใช้ยาบรรเทาอาการปวด

  • การทานอาหารที่ช่วยบรรเทาโรคไมเกรน
เลือกทานผักผลไม้ ปลา ขิง ผักใบเขียวและอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง

  • การใช้ยาแก้ปวดบรรเทาอาการ
หากอาการปวดหัวยังไม่หายก็สามารถที่จะทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้ หลังจากนั้นก็ให้นอนพักผ่อนเพื่อผ่อนคลายความเครียดซึ่งจะช่วยลดอาการปวดหัวได้ในระดับหนึ่ง

  • การฉีดโบท็อกไมเกรน
การฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นอีกหนึ่งวิธีในการรักษาผู้ที่ป่วยเป็นโรคไมเกรนจะสามารถลดอาการปวดลงได้ถึง 60-70% ได้ โดยการฉีดเข้าไปบริเวณใบหน้าระหว่างคิ้วหน้าผากท้ายทอยต้นคอและบ่า

  • การฝังเข็มไมเกรน
การฝังเข็มไมเกรนจะเป็นการฝังเข็มไปตามจุดต่างๆเพื่อให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี สามารถระงับอาการและอาการปวดของศีรษะลงได้


แนวทางป้องกันอาการเป็นประจำเดือนแล้วปวดหัว

แนวทางป้องกันอาการเป็นประจำเดือนแล้วปวดหัว

สำหรับผู้ที่มักจะปวดหัวในช่วงที่เป็นประจำเดือนมีวิธีป้องกันอาการปวดง่ายๆ ก่อนที่ประจำเดือนจะมาก็คือ

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด
  • เน้นการรับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น
  • ลดการรับประทานของหวานระหว่างที่เป็นประจำเดือน
  • ออกกำลังกายเบาๆเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อและสร้างสมดุลให้ร่างกายยืดหยุ่นและกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้สูบฉีดไปที่สมองได้ดี


ข้อสรุป
ในช่วงระหว่างที่เป็นประจำเดือนแล้วปวดหัว ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคน สามารถดูแลรักษาได้ด้วยตนเองในระหว่างที่มีอาการได้ เพราะอยู่ในช่วงของการปรับเปลี่ยนฮอร์โมน

ในช่วงนี้ผู้หญิงที่กำลังจะเป็นประจำเดือนจะมีอาการต่างๆ เกิดขึ้นได้นอกจากอาการปวดหัว นั่นก็คือ ปวดท้อง มีอารมณ์แปรปรวนรวมไปถึงเจ็บหน้าอก ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนซึ่งก็อาจจะมีอาการแตกต่างกันออกไป

แต่ถ้าหากว่ามีอาการปวดที่รุนแรง ทานยาแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นก็สามารถเข้าไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุอื่นร่วมได้

346
รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารไหนดี

เรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้ที่อยากมีบ้านสักหลังเป็นของตนเอง คือ การรีไฟแนนซ์บ้าน ที่จะช่วยให้เรารับภาระค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้าน หรือคอนโดลดลง จากการย้ายสินเชื่อบ้านที่เรากู้อยู่กับธนาคารเดิม ไปยังธนาคารใหม่ที่จะเสนอดอกเบี้ยบ้านที่ถูกกว่าธนาคารเดิมเป็นการจูงใจให้เราย้ายไปรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ ส่งผลให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนถูกลง การผ่อนบ้านก็จะใช้หมดเร็วขึ้น

ในวันนี้เรารวบรวมมาให้แล้วสำหรับ 7 ธนาคารเด่น โปรโมชั่นสุดปัง !  สำหรับผู้ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน ถ้าหากอยากเปรียบเทียบเพิ่มเติมตามไปที่
Refinance บ้าน ได้เลย


รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารไหนดี รวมธนาคารเด่น

สินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ธนาคารกสิกรไทย

จุดเด่น

  • วงเงินสูงสุดถึง 90% ของราคาหลักประกัน
  • ไม่ว่าจะอาชีพไหน ก็รีไฟแนนซ์ได้
  • กู้เพิ่มได้ ดอกเบี้ยต่ำ
  • รู้ผลอนุมัติไวใน 3 วัน

โดยมีดอกเบี้ยรวมสำหรับรีไฟแนนซ์บ้านต่อปีอยู่ที่ 5.97% และระยะเวลากู้สูงสุด 30 ปี
*หมายเหตุ อัตราดอกเบี้ยข้างต้นสำหรับลูกค้าที่ยื่นกู้สินเชื่อบ้านตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 30 กันยายน 2565

สินเชื่อรีไฟแนนซ์พลัสโปร ธนาคารไทยเครดิต

จุดเด่น

  • ยื่นกู้ได้ทุกอาชีพ
  • ผ่อนสบายด้วย ดอกเบี้ย 0% 7 เดือน
  • สมัครง่าย เพียงมีบ้าน คอนโด อาคารพาณิชย์ที่พักอาศัย

โดยมีอัตราดอกเบี้ยสำหรับรีไฟแนนซ์ MRR 9.05% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา 4.55% ภายในระยะเวลากู้ 30 ปี

*หมายเหตุ อ้างอิงประกาศอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อของธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) (ครั้งที่ 2/2565) เริ่มใช้วันที่ 12 ตุลาคม 2565

สินเชื่อเคหะรีไฟแนนซ์ และกู้เพิ่ม ธนาคารออมสิน

จุดเด่น

  • อัตราดอกเบี้ยต่ำ ลดภาระการผ่อนชำระ
  • วงเงินกู้รวมสูงสุด 110% ของราคาประเมินหลักทรัพย์
  • วงเงินเหลือ สามารถกู้เพิ่มเติมอุปโภคบริโภคได้สูงสุด 5 ล้านบาท
  • ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 40 ปี

อัตราดอกเบี้ยสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้านเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

สินเชื่อบ้านกรุงศรีรีไฟแนนซ์

จุดเด่น

  • อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้านต่ำ
  • ได้วงเงินกู้สูงสุด 95% ของราคาประเมิน
  • หากมีวงเงินเหลือ กู้เพิ่มสินเชื่อกรุงศรีโฮมฟอร์แคช sm ได้
  • ผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 30 ปี (ระยะเวลาผ่อนชำระรวมกับอายุผู้กู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี)

โดยมี อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ MRR – 2.70% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา

สินเชื่อเพื่อรีไฟแนนซ์ ธนาคารกรุงเทพ

จุดเด่น

  • ขอกู้ครั้งใหม่ที่ดอกเบี้ยต่ำกว่าด้วยวงเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 100% ของภาระหนี้คงเหลือ พร้อมรับวงเงินสินเชื่ออเนกประสงค์เพิ่มเติมได้ทั้งในรูปแบบเงินกู้หรือแบบโอดี
  • ผ่อนชำระนานสูงสุด 30 ปี (เฉพาะพนักงานประจำ สูงสุด 35 ปี) รวมอายุกับระยะเวลาผ่อนไม่เกิน 65 ปี สามารถเลือกผ่อนชำระได้ทั้งแบบขั้นบันได หรือแบบคงที่
  • ใช้หลักประกันเป็น ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างประเภทที่อยู่อาศัย
  • ค่าธรรมเนียมประเมินหลักประกัน 3,000 บาท (ไม่รวม VAT)

สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ธนาคารกรุงเทพ มีอัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับหลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป หรือหลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยในกลุ่มโครงการที่มีข้อตกลงกับธนาคาร

สินเชื่อบ้านสุขสันต์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส)

จุดเด่น

  • เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด จากสถาบันการเงินอื่น
  • เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินพร้อมอาคาร จากสถาบันการเงินอื่น และปลูกสร้าง หรือต่อเติม / ขยาย / ซ่อมแซมอาคาร
  • เพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินเปล่าจากสถาบันการเงินอื่น พร้อมปลูกสร้างอาคาร
  • เพื่อชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อ (MRTA) พร้อมกับการขอกู้ในวัตถุประสงค์หลักของผลิตภัณฑ์นี้เท่านั้น

*หมายเหตุ
  • นิยามคำว่า “อาคาร” หมายถึง บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ และอาคารพาณิชย์ เพื่อที่อยู่อาศัย ยกเว้น แฟลต และบ้านเช่า
  • กำหนดระยะเวลา ยื่นคำขอกู้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 - 30 ธันวาคม 2565 อนุมัติ และทำนิติกรรม ภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2565

สินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์ ธนาคารกรุงไทย

จุดเด่น

  • ดอกเบี้ยปีแรกเริ่มต้น 1.00% ต่อปี
  • ฟรี ค่าธรรมเนียมยื่นกู้
  • ธนาคารออกค่าจดจำนองให้ 1%*
  • ผ่อนนานสูงสุด 40 ปี

โดยมีอัตราดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ย MRR = 6.22% ต่อปี

*หมายเหตุ ข้อมูลดอกเบี้ยล่าสุดวันที่ 4 ตุลาคม 2565

คุณสมบัติผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน 2565


คุณสมบัติของผู้ที่จะ Refinance บ้าน

1. พนักงานประจำ (มีเงินเดือน)

  • สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
  • รายได้รวมตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
  • อายุงานในบริษัทปัจจุบันต้องไม่น้อยกว่า 3 เดือน และต้องผ่านช่วงทดลองงานแล้ว

ในบางธนาคารอาจกำหนดอายุงานหรือเงินเดือนขั้นต่ำในการทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดเงื่อนไขของแต่ละธนาคารอย่างครบถ้วน

2. เจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ

  • สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
  • รายได้รวมตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
  • มีการจดทะเบียนบริษัท และประกอบธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

คุณสมบัติสำคัญคือการที่ธนาคารสามารถเช็กรายรับรายจ่ายได้อย่างสะดวก หากไม่มีการจดทะเบียนการค้า จะต้องมีการทำบัญชีรายรับรายจ่ายที่สม่ำเสมอ เพื่อให้ธนาคารเห็นจำนวนเงินหมุนเวียนของธุรกิจ

กลุ่มคนที่ประกอบอาชีพอิสระ

  • สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
  • รายได้รวมตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
  • มีเอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้
  • ประกอบอาชีพมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

กลุ่มอาชีพอิสระจำเป็นต้องมีรายได้เข้าบัญชีทุกเดือน  มีหลักฐานการทำงานที่ชัดเจน และมีการยื่นภาษีอย่างถูกต้อง เมื่อนำไปยื่นขอรีไฟแนนซ์บ้าน บางธนาคารอาจกำหนดให้มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ หรือรายการเดินบัญชีเงินฝากย้อนหลังที่มากกว่า 12 เดือน 


เอกสารสำหรับการรีไฟแนนซ์บ้าน

เอกสารรีไฟแนนซ์บ้านต้องเตรียมอะไรบ้าง

1. เอกสารแสดงข้อมูลส่วนบุคคล

  • สำเนาบัตรประชาชน
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ - นามสกุล (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส (ถ้ามี)
  • สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) หรือสำเนาทะเบียนหย่า (ถ้ามี)
  • สำเนาใบมรณะบัตร และทะเบียนสมรสของคู่สมรส (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)

2. เอกสารแสดงรายได้

แบ่งออกเป็นสองกรณี ได้แก่

กรณีบุคคลผู้มีรายได้ประจำ หรือประกอบอาชีพอิสระ

  • สลิปเงินเดือน ย้อนหลัง 3 เดือน หรือหนังสือรับรองการทำงาน
  • หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ (ถ้ามี)
  • สำเนารับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) (สำหรับบางธนาคารเท่านั้น)
  • ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ถ้ามี)

กรณีบุคคลผู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว

  • สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน/ใบทะเบียนการค้า
  • สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้/ผู้กู้ร่วม
  • สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 12 เดือน (ทั้งในนามบุคคล และกิจการ)
  • สำเนาแบบแสดงภาษีซื้อขาย ภ.พ. 30 (ถ้ามี) หรือ ภงด. 50/51 ย้อนหลัง 5 เดือน (ถ้ามี)

3. เอกสารแสดงหลักประกัน

  • สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน เช่น โฉนดที่ดิน หรือเอกสารที่เกี่ยวข้องที่บ่งชี้ถึงหลักประกัน
  • สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน ทด.13 ,สัญญาให้ที่ดิน ทด.14 หรือสัญญาซื้อขายห้องชุด
  • สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน หรือสำเนาสัญญาจำนองห้องชุด
  • สำเนาสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินเดิม
  • สำเนาใบเสร็จผ่อนชำระค่างวดบ้าน หรือ ถ้าผ่อนชำระแบบตัดค่างวดอัตโนมัติ ให้ใช้รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน


มีประวัติเสียทางด้านการเงิน รีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม

แล้วสำหรับผู้ที่เคยมีประวัติเสียทางด้านการเงิน เช่นมีประวัติค้างชำระ จ่ายหนี้ช้า หรือจ่ายไม่ตรงเวลาจะสามารถทำการรีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม? คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับเกณฑ์การพิจารณาของแต่ละธนาคารที่จะสามารถยืดหยุ่นให้เราได้หรือไม่ โดยธนาคารจะพิจารณาจาก เอกสารการเงินหรือรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน เอกสารเดินบัญชีธนาคาร อย่างน้อย 6 เดือนย้อนหลัง และประวัติการผ่อนชำระกับธนาคารเดิมที่เราเคยมีประวัติอยู่

สรุป

การรีไฟแนนซ์บ้านที่คุ้มค่าสำหรับการย้ายธนาคารสำหรับการกู้เงิน คือ การต้องทำให้ดอกเบี้ยสำหรับการผ่อนบ้านต่ำลงกว่าเดิม การจัดการระเบียบการเงินที่ดี และการหาข้อมูลเพื่อให้คุ้มกับเม็ดเงินที่จะเป็นค่าใช้จ่ายรีไฟแนนซ์บ้านจึงสำคัญมาก ไหนจะการเตรียมเอกสาร ไหนจะการเปรียบเทียบโปรโมชั่นแต่ละธนาคาร ถ้ามองหาที่ปรึกษาที่จะช่วยให้การรีไฟแนนซ์บ้านง่ายสำหรับคุณมากขึ้น Refinn รออำนวยความสะดวกให้คุณอยู่นะ






347
ค่านิยมความสวยงามในรูปร่างแต่ละคนล้วนไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นหุ่นสาวอวบ หุ่นนุ่มนิ่ม หรือหุ่นผอมเพรียว และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหรืออยากมีหุ่นผอมเพรียวปราศจากไขมันส่วนเกิน แต่รู้สึกว่าการควบคุมอาหารและออกกำลังกายนั้นยังไม่สามารถตอบสนองต่อความต้องการได้มากพอ หรือต้องการเส้นทางลัดเพื่อให้ได้หุ่นเป๊ะตามที่คาดหวัง การใช้เทคโนโลยีดูดไขมันอาจตอบโจทย์ของคุณได้แน่นอน

โดยในบทความนี้เราจะมาแนะนำให้ได้รู้จักกับการดูดไขมัน ว่ามีขั้นตอนเป็นอย่างไร นิยมดูดไขมันในส่วนไหนบ้าง เจ็บมากขนาดไหน อันตรายหรือไม่ รวมไปถึงข้อสงสัยต่าง ๆ อีกมากมายที่พร้อมจะเฉลยลงที่นี่!

ดูดไขมัน มีขั้นตอนเป็นอย่างไร

การดูดไขมัน คือ?
การดูดไขมัน หรือ Liposuction คือการดูดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่ต้องการออกมา เพื่อให้ไขมันที่มีการสะสมเฉพาะที่ในบริเวณนั้นลดน้อยลง โดยการดูดไขมันจะเป็นการใช้เครื่องมือที่มีลักษณะหน้าตาคล้ายท่อยาว ๆ ใส่เข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อทำการดูดไขมันเหล่านั้นออก

และถ้าหากถามว่าการดูดไขมันดีไหม ก็ขอตอบเลยว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว สำหรับผู้ที่ต้องการมีหุ่นเพรียวสวย กระชับ และได้สรีระที่ตรงตามต้องการ ทั้งยังไม่ต้องกลุ้มใจอีกต่อไปว่าทำไมออกกำลังกายและคุมอาหารเท่าไหร่ไขมันที่สะสมถึงไม่หายไปสักที

สำหรับผู้ใดที่กำลังเผชิญปัญหาแบบนี้ หรือมีความต้องการดังที่ได้กล่าวไป ก็อาจเรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ เพิ่มเติมได้จากทางคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดูดไขมัน


การดูดไขมันคืออะไร

ดูดไขมันมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

  • สามารถช่วยลดไขมันส่วนเกินสะสมที่ไม่สามารถเผาผลาญออกด้วยการออกกำลังกายได้
  • ช่วยทำให้สัดส่วนดูเล็กลง และกระชับมากขึ้น ไม่หย่อนย้อย
  • ช่วยให้มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยให้การเคลื่อนไหวร่างกายนั้นสะดวกกว่าเดิม
  • สามารถแต่งตัวและหาเสื้อผ้าใส่ได้ง่ายดายขึ้น

ตำแหน่งใดบ้างที่นิยมดูดไขมัน

ในการดูดไขมันนั้นสามารถที่จะทำได้หลากหลายตำแหน่งด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันหน้าท้อง ต้นขา  น่อง การดูดไขมันเหนียง สะโพก ปีกหลัง การดูดไขมันต้นแขน แผ่นหลัง กก้น รวมไปถึงการดูดไขมันข้อเท้า

ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วตำแหน่งที่หลาย ๆ คนมักนิยมดูดไขมันกันนั้นจะได้แก่

1.ดูดไขมันทั้งตัว

การดูดไขมันทั้งตัวคือการดูดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในทุกส่วนของร่างกายออกภายในการดูดไขมันครั้งเดียว ไม่ว่าจะเป็นส่วนหน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน หรือส่วนอื่น ๆ โดยการดูดไขมันทั้งตัวนั้นจะสามารถดูดออกหมดภายในการทำกี่ครั้งก็ขึ้นอยู่กับขนาดตัวในแต่ละเคสไป

2.ดูดไขมันหน้าท้อง

ทุกคนอย่าลืมว่าเทคโนโลยีการดูดไขมันจะช่วยลดได้เพียงไขมันใต้ผิวหนังเท่านั้น ไม่สามารถที่จะลดไขมันในช่องท้องได้ ดังนั้นผลลัพธิ์หลังจากที่ทำการดูดไขมันหน้าท้องก็อาจจะแตกต่างกันออกไป ถ้าหากมีเพียงไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ก็จะเห็นผลลัพธิ์ได้ชัดเจน แต่ถ้าหากมีไขมันมากภายในช่องท้อง ก็อาจทำให้มองเห็นผลลัพธิ์จากการดูดไขมันได้ไม่ชัดเจน

3.ดูดไขมันต้นแขน

ก่อนที่จะทำการดูดไขมันต้นแขนนั้นแพทย์จะทำการวินิจฉัยก่อนว่าต้นแขนมีขนาดใหญ่จากสาเหตุใด เพราะถ้าหากมีขนาดใหญ่จากกล้ามเนื้อหรือผิวหย่อนคล้อย ก็ไม่สามารถที่จะดูดไขมันต้นแขนได้ เพราะการลดขนาดต้นแขนด้วยการดูดไขมันจำเป็นจะต้องมีต้นแขนที่ใหญ่จากการเกิดไขมันสะสมเท่านั้น

4.ดูดไขมันเอวเอส

การดูดไขมันเอวเอสนั้นจำเป็นต้องทำโดยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในการออกแบบสัดส่วน เพื่อให้ได้รูปร่างเอวที่มีส่วนเว้าโค้งอย่างพอดีและเป็นธรรมชาติ โดยการดูดไขมันเอวเอสจะเป็นการดูดไขมันส่วนเกินตั้งแต่ช่วงเอวด้านหน้าไปจนถึงบริเวณเหนือสะโพก

5.ดูดไขมันต้นขา

ก่อนที่จะทำการดูดไขมันต้นขานั้นแพทย์จะทำการวินิจฉัยถึงสาเหตุที่ทำให้ต้นขามีขนาดใหญ่เสียก่อน เพราะหากมีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อขา หรือไขมันที่แทรกในกล้ามเนื้อ ก็ไม่สามารถที่จะดูดไขมันเพื่อลดขนาดต้นขาได้ แต่ถ้าหากมีสาเหตุมาจากไขมันที่สะสมใต้ผิวหนัง ก็สามารถที่ลดขนาดต้นขาด้วยการดูดไขมันได้

ดูดไขมันตำแหน่งไหนบ้างที่นิยม

ดูดไขมันอันตรายไหม
การดูดไขมันในปัจจุบันนั้นมีความปลอดภัยค่อนข้างมาก เนื่องจากมีเทคนิคที่ดีสำหรับการดูดไขมัน มีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ดีและปลอดภัย มีห้องปฏิบัติการที่ปลอดเชื้อ มีการใช้ยาสลบที่ปลอดภัย ทั้งยังมีการลดความเจ็บปวดด้วย Tumescent อีกด้วย

ดูดไขมันเจ็บไหม
การดูดไขมันก็นับเป็นการผ่าตัดชนิดหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าหนีความเจ็บปวดไม่พ้นแน่นอน แต่ทั้งนี้ระดับความเจ็บปวดจากการดูดไขมันก็จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างด้วยกัน

ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้ วิธีที่ใช้ในการระงับความเจ็บปวด ความมือเบาของแพทย์แต่ละคน ความหนาแน่นของไขมันในบริเวณนั้น ๆ รวมไปถึงระดับความอดทนของคนไข้แต่ละคน

ดูดไขมันที่ไทยหรือเกาหลีดี
ในสมัยปัจจุบันนี้คลินิกที่ประเทศไทยก็มีมาตรฐานเทียบเท่ากับเกาหลีได้เลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทันสมัย เทคนิคในการดูดไขมัน ความสามารถในการออกแบบสัดส่วน รวมไปถึงเทคนิคในการซ่อนแผลดูดไขมัน

ดูดไขมันที่ไทยหรือเกาหลีดี

Tumescent คืออะไร
Tumescent คือสิ่งที่ช่วยลดความเจ็บปวดขณะที่ทำการดูดไขมัน ช่วยให้เสียเลือดน้อยลง ช่วยให้การดูดไขมันทำได้ง่ายขึ้น และยังลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะไขมันอุดตันในเส้นเลือดขณะที่ดูดไขมันอีกด้วย โดย Tumescent จะประกอบไปด้วยน้ำเกลือ ยาชา และยาที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว

วิธีการเตรียมตัวสำหรับดูดไขมัน
  • นอนหลับและพักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดการรับประทานยา หรือสมุนไพรบางชนิด อย่างน้อย 7 วันก่อนทำการดูดไขมัน เช่น ยาแก้ปวด วิตามินD วิตามินC วิตามินA หรือน้ำมันตับปลา เป็นต้น
  • งดรับประทานอาหาร และงดดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มทุกชนิด อย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนที่จะทำการดูดไขมัน (กรณีที่ทำการดูดไขมันแบบใช้ยาสลบ)
  • งดแต่งหน้า ทาครีม และล้างสีเล็บ เพื่อให้แพทย์สามารถสังเกตอาการต่าง ๆ และสภาวะขาดออกซิเจนได้ (กรณีที่ทำการดูดไขมันแบบใช้ยาสลบ)
  • งดสวมใส่เครื่องประดับ หรือฟันปลอม (กรณีที่ทำการดูดไขมันแบบใช้ยาสลบ)
  • ใส่เสื้อผ้าที่หลวม และสวมใส่สบาย
  • หากมีอาการฟันโยกควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อน (กรณีที่ทำการดูดไขมันแบบใช้ยาสลบ)
  • ไม่ควรขับรถกลับเอง

วิธีดูดไขมัน

1.ทำการใส่ Tumescent

การใส่ Tumescent เป็นการทำเพื่อลดความเจ็บปวดและการเสียเลือดให้ลดน้อยลงขณะที่ทำการดูดไขมัน รวมไปถึงเป็นการขยายพื้นที่ให้เส้นเลือดกับเส้นประสาทลอยอยู่ในน้ำ เพื่อลดการกระทบกระเทือนที่อาจเกิดจากเข็มดูดไขมัน

2.แยกเซลล์ไขมัน

กรณีที่ใช้เครื่องดูดไขมัน Body-jet จะเป็นการใช้พลังงานน้ำฉีดเข้าไปเพื่อสลายเซลล์ไขมัน ส่วนกรณีที่ใช้เครื่องดูดไขมัน Ultraz หรือ Vaser จะเป็นการใช้แรงสั่นสะเทือนของพลังคลื่นเสียงอัลตราซาวนด์เพื่อสลายไขมัน

3.นำไขมันออกมา

ทำการดูดไขมันออกมาด้วยเครื่องมือ และเก็บไว้ในถังเก็บไขมัน

วิธีดูไขมัน

หลังดูดไขมัน เป็นอย่างไร
หลังจากที่ทำการดูดไขมันเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มักจะพบกับ 3 อาการหลัก ๆ ด้วยกัน ดังนี้

1.อาการวิงเวียน หน้ามืด

อาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด หรือคลื่นไส้อาเจียน เกิดมาจากปัจจัย 2 สิ่งคือ การสูญเสียน้ำในร่างกาย หรือเกิดจากฤทธิ์ยาชาที่ใช้ ซึ่งอาการเหล่านี้สามารถหายไปภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากที่ดูดไขมัน

2.อาการปวด

อาการปวดเกิดจากการที่เนื้อเยื่อได้รับความกระทบกระเทือนขณะที่ทำการดูดไขมัน โดยระยะเวลาคงอยู่ของอาการปวดจะขึ้นอยู่กับเครื่องดูดไขมันที่ใช้ ดังนี้

  • กรณีที่ใช้เครื่องดูดไขมัน Body-jet จะมีอาการปวด 1-2 วันโดยประมาณ
  • กรณีที่ใช้เครื่องดูดไขมัน Ultraz หรือ Vaser จะมีอาการปวด 5-7 วันโดยประมาณ

3.อาการบวม

อาการบวมนั้นในกรณีที่ใช้เครื่องดูดไขมัน Body-jet จะมีอาการบวมค่อนข้างมาก โดยระยะเวลาของอาการจะคงอยู่ประมาณ 3-7 วัน ส่วนในกรณีที่ใช้เครื่องดูดไขมัน Ultraz หรือ Vaser นั้นจะมีอาการบวมที่น้อยกว่า เนื่องจากน้ำที่ค้างอยู่ใต้ผิวมีปริมาณน้อย


อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังดูดไขมัน

  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือการหายใจผิดปกติ
อาการหายใจผิดปกติและอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจเกิดได้จากการใช้ยาชาเกินขนาด

  • การติดเชื้อ
การติดเชื้อจากการดูดไขมันนั้นมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นน้อยมาก เนื่องจากยาชาที่มีการใส่อยู่ใน Tumescent มีฤทธิ์เป็นกรด จึงทำให้ช่วยฆ่าเชื้อได้บางส่วน แต่ก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ถ้าหากเลือกใช้บริการคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่สะอาด

  • ผิวเป็นคลื่น
อาการผิวเป็นคลื่นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ดูแลตัวเองหลังจากทำการดูดไขมันไม่ถูกวิธี แพทย์ทำการดูดไขมันเยอะเกินไป หรือดูดไขมันผิดตำแหน่ง

  • เป็นไตแข็งใต้ผิว
อาการเป็นก้อนไตแข็งใต้ผิวหลังจากทำการดูดไขมันสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ทั้งห้อเลือด การเกิดพังผืด และ Seroma ซึ่งโดยปกติแล้วอาการนี้จะค่อย ๆ หายไปได้เอง

  • Seroma
Seroma เป็นภาวะที่ร่างกายผลิตน้ำขึ้นมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างใต้ผิวที่เกิดจากการดูดไขมัน ในกรณีที่มีน้ำสะสมอยู่น้อยร่างกายจะสามารถดูดซึมเองได้ แต่ในกรณีที่มีน้ำสะสมอยู่มาก จะต้องให้แพทย์ช่วยทำการเจาะออก

สรุปเรื่องดูดไขมัน
การดูดไขมันในยุคสมัยปัจจุบันนี้มีความปลอดภัยที่สูงกว่าการดูดไขมันในสมัยก่อนมาก ทั้งยังได้รับการยอมรับและได้มาตรฐานแม้ว่าจะทำในประเทศไทย จึงสามารถตอบโจทย์ให้แก่ผู้ที่มีปัญหาไขมันส่วนเกินสะสมแล้วหาทางลดด้วยการออกกำลังกายไม่สำเร็จสักที

348
โดยปกติคนเราผมร่วงประมาณ 50 ถึง 100 เส้นต่อวันอยู่แล้ว ปัญหาผมร่วงจึงเป็นเริ่องปกติสำหรับคนทั่วไป แต่ถ้ามีปัญหาอื่นร่วมด้วยเช่น ผมเส้นเล็กเป็นทุนเดิมอยู่รวมกับรูขุมขนห่างกันก็สามารถก่อให้เกิดอาหารหัวล้านได้ซึ่งเป็นปัญหาของผู้ชายที่ต้องเจอและ จึงก่อให้เกิดปัญหาความมั่นใจในที่สุด

ผมร่วงสามารถส่งผลกระทบต่อหนังศีรษะ อาการผมร่วงสามารถเกิดขึ้นชั่วคราวหรือถาวร ซึ่งสาเหตุผมร่วงอาจเป็นผลมาจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน สภาพทางการแพทย์ โดยปกติพออายุมาขึ้นทุกคนสามารถผมร่วงบนศีรษะได้ แต่พบได้บ่อยในผู้ชาย

ปัญหาผมร่วงติดหวี


วงจรชีวิตเส้นผมและผมร่วง

การเข้าใจวงจรชีวิตเส้นผมและผมร่วงเป็นสิ่งที่ควรเข้าใจก่อนทำการรักษาผมร่วง เพราะเราสามารถเข้าใจกระบวนการรักษาของเราได้ด้วย เพื่อเราจะได้รักษาอาการผมร่วงได้อย่างตรงจุด รวมไปถึงสาเหตุและอาการของผมร่วง สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ลิงก์นี้ ผมร่วง

การแบ่งชั้นของเส้นผม

เส้นผมแบ่งเป็น 3 ชั้น

1.ชั้นคิวติเคิล (Cuticle)

ชั้นคิวติเคิล (Cuticle) เป็นชั้นปกป้องเส้นผมของคุณ ซึ่งประกอบด้วยเซลล์ที่ทับซ้อนกัน คิวติเคิล (Cuticle)ที่มีสุขภาพดีจะเรียบและแบน สิ่งนี้จะช่วยให้เส้นผมของคุณเปล่งประกายและปกป้องชั้นในจากความเสียหาย นอกจากนี้ยังช่วยลดการเคลื่อนไหวของความชื้นเข้าและออกจากเยื่อหุ้มสมองที่อยู่เบื้องล่าง

เพื่อรักษาสมดุลความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของเส้นผมของคุณ อย่างไรก็ตาม กระบวนการทางเคมีและสภาพดินฟ้าอากาศสามารถยกหนังกำพร้าและทำลายความสมดุลนี้ ทำให้เส้นผมของคุณแห้งและเปราะ

2.คอร์เทค (Cortex)

คอร์เทค (Cortex) เป็นส่วนประกอบหลักและเม็ดสีของเส้นผม ประกอบด้วยเส้นใยเคราตินยาวซึ่งยึดติดกันด้วยพันธะไดซัลไฟด์และไฮโดรเจน สุขภาพของเยื่อหุ้มสมองของคุณขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของชั้นคิวติเคิล (Cuticle) ที่ปกป้องคอร์เทค

3.ชั้นในสุด

ชั้นในสุด(medulla) ซึ่งมีอยู่เฉพาะในเส้นผมที่หนาเท่านั้น คือชั้นในสุดของผมของคุณ ประกอบด้วยแกนเซลล์โปร่งแสงบาง


ผมร่วงมีสาเหตุจากอะไร

ปวดหัวเกี่ยวกับปัญหาการการผมร่วง

ผมร่วงกรรมพันธุ์

ทั้งชายและหญิงมักจะพบผมร่วงประเภทนี้ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุด ในผู้ชายเรียกว่าผมร่วงแบบผู้ชาย ผู้หญิงมีอาการผมร่วงแบบผู้หญิง ไม่ว่าจะพัฒนาในชายหรือหญิง ศัพท์ทางการแพทย์ก็คืออาการผมร่วงจากฮอร์โมนแอนโดรเจน

ไม่ว่าคุณจะใช้ศัพท์อะไร หมายความว่าคุณได้รับยีนที่ทำให้รูขุมขนของคุณหดตัวและหยุดการเจริญเติบโตของเส้นผมในที่สุด การหดตัวของเส้นผมสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วัยรุ่น แต่ปกติการหดตัวของเส้นผมมักจะเริ่มในวัยชรา

ผมร่วงจากความเครียด
ความเครียดทางร่างกายและจิตใจเช่น ความเครียดหลังคลอด ฟื้นตัวจากอาการป่วย หรือหลังได้รับการผ่าตัด คุณอาจสังเกตเห็นเส้นผมร่วงหมอนหรือตอนคุณสระผมมากขึ้น สิ่งนี้สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากช่วงเวลาที่เครียดในชีวิตเช่น การหย่าร้างหรือ การเสียชีวิตของคนที่คุณรัก

ผมร่วงจากฮอร์โมน
สาเหตุทั่วไปของความไม่สมดุลของฮอร์โมน คือการมีโรคที่ต่อมฮอร์โมนหรือ ความผิดปกติของฮอร์โมนร่วมกับประจำเดือน ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการผมร่วง การหยุดยาคุมกำเนิดบางชนิดอาจทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุลชั่วคราว ผู้หญิงที่มีฮอร์โมนไม่สมดุลสามารถทำให้ผมบางหรือผมร่วงบนหนังศีรษะได้

ผมร่วงเพราะขาดสารอาหาร
การขาดสารอาหารจำพวกไบโอติน เหล็ก โปรตีน หรือสังกะสี(zine) เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผมร่วงได้

ผมร่วงจากโรคต่างๆ
ปัญหารังแค หนังศีรษะมัน โรคสะเก็ดเงินจากคราบพลัคจะพัฒนาไปเป็นโรคสะเก็ดเงินบนหนังศีรษะในบางจุด อาจทำให้ผมร่วงได้

ผมร่วงจากเคมี
หากคุณได้รับเคมีบำบัดหรือการฉายแสงที่ศีรษะหรือคอ คุณอาจสูญเสียเส้นผมทั้งหมดภายในสองสามสัปดาห์หลังจากเริ่มการรักษา

ผมร่วงหลังผ่าตัด
หลังผ่าตัดร่างกายจะฟื้นฟูจากแผลผ่าตัดซึ่งก่อให้เกิดอาการขาดโปรตีน จึงก่อให้เกิดปัญหาผมร่วงได้

ผมร่วงหลังคลอด
เช่นเดียวกับการขาดโปรตีนจากแผลหลังผ่าตัด ร่างกายหลังจากคลอดอาจได้รับยาจากแพทย์ที่ทำการคลอดที่ส่งผลต่อเส้นผมและการปรับสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายหลังคลอดอาจก่อให้เกิดปัญหาผมร่วงได้เช่นกัน


ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผมร่วง

1.สระผมบ่อยเกินไป

คนที่หนังศีรษะมันจนเราสระผมทุกวัน จริงๆ แล้วการสระผมบ่อยเกินไปอาจทำให้หนังศีรษะแห้ง จนเกิดอาการคันศีรษะ ระคายเคือง จนเป็นรังแค และทำให้ผมร่วงได้ ไม่จริงเพราะการสระผมช่วยลดความมันบนหนังศีรษะของเราได้

2.ไขมันอุดที่รูขุมขน

ไขมันอุดที่รูขุมขนไม่ได้ทำให้ผมร่วงแต่ประโยชน์ของไขมันที่ถูกสร้างขึ้นมานี้ ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า ช่วยกำจัดสิ่งสกปรก ทำให้เส้นผม และหนังศีรษะมีความชุ่มชื้นที่เหมาะสม

3.การไหลเวียนโลหิตไม่ดี

การสร้างเส้นผมกับระบบไหลเวียนเลือดไม่ได้เกี่ยวข้องกัน โดยปกติสร้างผมไม่ได้ถูกหล่อเลี้ยงจากเลือดอยู่แล้ว

4.หนังศีรษะมัน
หนังศีรษะมันเป็นเรื่องปกติของหนังศีรษะอยู่แล้ว ร่างกายจะขับความมันออกมาเพื่อป้องกันรูขุมขน


ผมร่วง แก้ไขอย่างไร

ผมร่วงเยอะมา ผมร่วงหนักมาก แก้ปัญหาได้ด้วยการวิธีรักษาผมร่วงด้วยตัวเอง และรักษากับแพทย์เฉพาะทาง

วิธีรักษาผมร่วงด้วยตัวเอง

  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร
การทานอาหารจำพวกไบโอติน เหล็ก โปรตีน หรือสังกะสี(zine) สามารถลดอาการผมร่วงได้

  • หลีกเลี่ยงการทำร้ายเส้นผมด้วยเคมีและความร้อน
หยุดและหลีกเลี่ยงการทำสีและเป่าผมด้วยความร้อนสูงเพราะมีทั้งสารเคมี และทำให้โคนผมไม่แข็งแรง

  • ใส่ใจสุขภาพจิตของตัวเอง ผ่อนคลาย ลดความเครียด
ความเครียดทำให้ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงไม่คงที่การลดความเครียดจึงทำให้ลดอาการผมร่วงได้

รักษาอาการผมร่วงทางการแพทย์

วิธีรักษาผมร่วงทางการแพทย์

  • การทานยาแก้ผมร่วง
การทานยาแก้ผมร่วงพวกลดฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ลดความเสี่ยงและลดความลีบของเส้นผม

  • การผ่าตัดปลูกผม
การปลูกผมแบบ FUE (Follicular Unit Excision) และ การปลูกผมแบบ FUT (Follicular Unit Transplantation) เป็นการตัดเอารูเส้นผมตรงหลังท้ายทอยย้ายมาบริเวณที่เส้นผมหลุดร่วง

  • การฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น PRP ผม
การทำ PRP เป็นนวัตกรรมการปลูกผมที่ได้รับการคิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาอาการผมร่วง ผมบาง โดยการนำเกล็ดเลือดของตัวเองมาปั่นเพื่อแยกเกล็ดเลือด แล้วนำมาฉีดบริเวณผมร่วงเพื่อสร้างเซลล์ใหม่

  • การฉีดสเต็มเซลล์
สเต็มเซลล์ก็คือการใช้เซลล์ซ่อมเซลล์ คอยซ่อมแซมความเสื่อมของร่างกาย โดยปกติคนเราจะมีสเต็มเซลล์ที่ช่วยซ่อมแซมภายในร่างกายอยู่แล้ว เราก็เอาสเต็มเซลล์เหล่านั้นฉีดเข้าไปในบริเวณที่มีอาการร่วง ผมบาง

  • การใช้เลเซอร์รักษาผมร่วง (Fotona Laser, LLLT)
ยิงด้วยพลังงานต่ำ เข้าไปที่บริเวณที่เกิดอาการผมร่วงผมบาง เลเซอร์จะช่วยกระตุ้นการทำงานของผม เสริมสร้างรากผมหยุดอาการผมร่วง


ผมร่วงแบบใดจึงควรพบแพทย์

  • ผมร่วงมากกว่าวันละ 70-100 เส้น ในคนที่สระผมเป็นประจำเกือบทุกวัน หรือผมร่วงมากกว่าวันละ 200 เส้น ในคนที่สระผมห่างกันครั้งละ 3-4 วัน
  • ผมร่วงระหว่างวัน ระหว่างทำกิจวัตรประจำวัน โดยรวมเกินวันละ 70-100 เส้น ถือว่าผิดปกติ เช่น บนหมอนหลังตื่นนอนตอนเช้า ทานข้าว ทำครัว นั่งทำงาน เป็นต้น
  • ผมร่วงเป็นหย่อม ผมร่วงไปจนเปลี่ยนเป็นหย่อมขนาดเล็กเท่าเหรียญสิบ


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผมร่วง

กินคีโตผมร่วง จริงไหม
กินคีโตผมร่วงและอาจมีผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เหนื่อยล้า และอื่นๆ ที่มักถูกอธิบายว่าเป็นไข้หวัด keto การรับประทานอาหารคีโตอาจทำให้บางคนผมร่วงได้ เพราะการกินคีโตจะเปลี่ยนการเผาผลาญของร่างกาย

โดยปกติ เซลล์ของคุณจะใช้กลูโคสจากคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนเป็นพลังงาน หากคุณทานอาหารคีโตผมร่วง หมายความว่าคุณกำลังจำกัดการทานคาร์โบไฮเดรตและจำกัดโปรตีน เพื่อให้ร่างกายของคุณต้องเผาผลาญคีโตน เพื่อเป็นพลังงานสถานะที่เรียกว่าคีโตซีส(ketosis)

ทานยาคุม ผมร่วงจริงหรือ
การหยุดและกินยาคุมกำเนิดบางชนิดอาจทำให้ฮอร์โมนไม่สมดุลชั่วคราว ผู้หญิงที่มีฮอร์โมนไม่สมดุลสามารถทำให้ผมบางหรือผมร่วงบนหนังศีรษะ

โกนผม ทำให้ผมหนาขึ้นไหม
การโกนผมทำให้รู้สึกว่าผมหนาและแข็ง ปกติบริเวณโคนผมก็จะมีความหนากว่าบริเวณปลายผมอยู่แล้ว การโกนผมแล้วทำให้ผมหนาขึ้นจึงเป็นความเชื่อที่ผิด


สรุปเรื่องผมร่วง

โดยปกติคนเราผมร่วงประมาณ 50 ถึง 100 เส้นต่อวันปัญหาผมร่วงจึงเป็นเรื่องปกติ ปัญหาผมร่วงมีสาเหตุได้จาก  ผมร่วงกรรมพันธุ์ จากความเครียด จากฮอร์โมน  ขาดสารอาหาร ผมร่วงจากโรคต่างๆ จากเคมี ผมร่วงหลังผ่าตัด และหลังคลอด สามารถรักษาได้ด้วยตนเองและรับการรักษาจากแพทย์ โดยจะพบแพทย์เมื่อผมร่วงมากกว่าวันละ 70-100 เส้น และผมร่วงเป็นหย่อมขนาดเล็กเท่าเหรียญสิบ




349
ภาวะ MIS-C

กลุ่มอาการอักเสบหลายระบบในเด็ก (Multisystem inflammatory syndrome in children; MIS-C) หรือเรียกว่า ภาวะมิสซี คือ กลุ่มอาการอักเสบหลายระบบที่เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหลังเด็กหายจากการติดเชื้อโควิด-19 โดยภาวะนี้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโดยตรง แต่เป็นภาวะที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ตอบสนองต่อการติดเชื้อผิดปกติไป

ซึ่งภาวะมิสซีหรือลองโควิดในเด็กจะทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะหลายระบบในร่างกายพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะอาการในระบบหัวใจ ปอด ตับ ไต สมอง ผิวหนัง ตา ระบบทางเดินหายใจ หรือระบบทางเดินอาหาร เริ่มมีอาการได้ตั้งแต่ระยะหายจากโรคจนถึงหลังติดเชื้อ 2 – 6 สัปดาห์ มักเกิดในเด็กอายุเฉลี่ย 6 – 10 ขวบขึ้นไป ส่วนใหญ่พบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง

โดยการรักษาภาวะ MIS-C นั้น เพื่อลดการอักเสบและป้องกันภาวะแทรกซ้อน ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเพราะด้วยร่างกายของเด็กนั้น อ่อนแอกว่าผู้ใหญ่ รวมถึงต้องติดตามอาการต่อเนื่องในระยะยาวอย่างน้อย 1 ปี


ภาวะ MIS-C ลองโควิดในเด็ก

อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ภาวะมิสซี  (Multisystem inflammatory syndrome in children; MIS-C) หรือ กลุ่มอาการอักเสบหลายระบบในเด็ก คือ เป็นภาวะหลังจากที่เด็กติดโควิดแล้วมีเกิดอาการอักเสบในอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันที่สูงผิดปกติ อาจมีอาการคล้ายโรคคาวะซากิ เช่น มีไข้สูง ผื่น ตาแดง ปากแดง

ประวัติความเป็นมาของโรคเกิดจากการสำรวจในต่างประเทศ โดยพ่อแม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับลูก ๆ ที่ยังเป็นเด็กเล็กที่ติดโควิด เมื่อรักษาหายแล้ว เกิดอาการลองโควิด โดยเด็กจะบอกว่า รู้สึกเหนื่อย ปวด ไม่สบาย เวียนหัว รู้สึกหมดแรง เป็นต้น

ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มอาการออกได้เป็นส่วนต่าง ๆ คือ อาการทางร่างกาย เหนื่อย หรือมีความเจ็บปวด อาการทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก และอาการทางด้านทักษะการเรียนรู้ การคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนลดลง และอาการภาวะสมองล้า

ซึ่งจากรายงานมีโอกาสเกิด MIS-C เพียง 0.14 % ของผู้ป่วยเด็กที่เป็นโควิดทั้งหมด แม้โอกาสในการเกิดจะค่อนข้างน้อย อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาและติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิดซึ่งภาวะ MIS-C หรือลองโควิดในเด็กนั้นอาจมีอาการรุนแรงต้องเข้ารับการรักษาในไอซียู และอาจมีภาวะแทรกซ้อนทำให้เสียชีวิตได้ เพราะฉะนั้นหลังจากที่เด็กหายจากโควิด-19 แล้ว ควรพาเด็กไปตรวจเพื่อให้ทราบว่ามีภาวะมิสซีหรือไม่


สาเหตุภาวะมิสซี (MIS-C)
ในเบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของภาวะมิสซี (MIS-C) ว่าเกิดจากอะไรกันแน่ แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเด็กตอบสนองต่อเชื้อไวรัสมากจนเกินไป มักจะเกิดตามหลังการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 2-6 สัปดาห์ การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และการสัมผัสกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดภาวะมิสซี (ภาวะ MIS-C) ได้เช่นกัน

โดยภาวะลองโควิดในเด็กนี้หากมีอาการรุนแรงและไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องทันท่วงที อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยอาการส่วนใหญ่ จะมีไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส เกิน 24 ชั่วโมง


ภาวะมิสซีพบได้ในเด็กกลุ่มใด
โดยภาวะลองโควิดในเด็ก หรือภาวะมิสซีนั้น สามารถพบได้ในเด็กทุกช่วงอายุ แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้พบภาวะ MIS-Cได้มากกว่าเด็กกลุ่มอื่น เช่น อายุ เพศ ประเทศ เป็นต้น

โดยภาวะ MIS-C ส่วนมากจะพบในเด็กกลุ่มนี้ เช่น

  • พบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง
  • เด็กที่มีอายุเฉลี่ย 6-10 ปี
  • พบแถบประเทศยุโรป อเมริกาและอินเดีย

อย่างไรก็ตาม แม้เด็กที่หายจากโควิด-19 จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่พบมากตามกลุ่มข้างต้น พ่อแม่ผู้ปกครองก็ไม่ควรชะล่าใจหมั่นสังเกตอาการของเด็กหลังหายจากโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพราะหากตกอยู่ในภาวะมิสซีอาจทำให้ทรุดลงอย่างรวดเร็วและถึงแก่ชีวิตได้


อาการภาวะ MIS-C ในเด็ก มีอะไรบ้าง

 อาการภาวะ MIS-C

อาการภาวะ MIS-C หรือภาวะลองโควิดในเด็ก จะคล้ายโรคคาวาซากิ ได้แก่

  • มีไข้สูง
  • ผื่น
  • ตาแดง
  • มือ เท้าบวมแดง
  • ปากแดง แห้ง แตก
  • ต่อมน้ำเหลืองโต

โดยภาวะมิสซี (MIS-C) กับโรคคาวาซากิเป็นโรคที่มีความใกล้เคียงกันแต่มีข้อแตกต่าง เนื่องจากโรคคาวาซากิมักจะเกิดในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ส่วนภาวะ MIS-C มักเกิดในเด็กอายุเฉลี่ย 8-11 ขวบขึ้นไป

เปรียบเทียบอาการของภาวะ MIS-C กับโรคคาวาซากิ

ภาวะมิสซี จะพบอาการทางระบบทางเดินอาหาร และการทำงานผิดปกติของหัวใจได้มากกว่ามีโอกาสช็อกได้มากกว่า แสดงอาการรุนแรงกว่าโรคคาวาซากิ หากมีอาการควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยเพิ่มเติม โดยผ่านการตรวจเลือด อัลตร้าซาวนด์หัวใจ เพื่อเป็นการแยกโรคให้ชัดเจน

อาการที่เหมือนกันของภาวะ MIS-C กับโรคคาวาซากิ ได้แก่

  • ภาวะ MIS-C จะมีไข้สูง นานกว่า 24 ชั่วโมง และโรคคาวาซากิ จะมีไข้สูงเกิน 5 วัน
  • มีอาการตาขาวแดงทั้ง 2 ข้าง เหมือนกัน
  • ริมฝีปากแห้ง แดง ลิ้นแดงเป็นตุ่ม ๆ คล้ายผิวสตรอเบอร์รี่ เหมือนกัน
  • มีผื่นตามตัว เหมือนกัน
  • ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต เหมือนกัน

ถ้าเป็นภาวะ MIS-C จะมีอาการเพิ่มเติม คือ

  • มีอาการช็อค ความดันต่ำ
  • ปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย
  • หายใจหอบ
  • ปวดศีรษะ ซึม
ส่วนถ้าเป็นโรคคาวาซากิจะมีอาการเพิ่มเติม คือ ฝ่ามือ ฝ่าเท้าบวม


โรคมิสซี (MIS-C) อันตรายไหม ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร

ภาวะมิสซี (MIS-C) หรือภาวะลองโควิดในเด็กส่งผลกระทบต่อร่างกาย โดยจะทำให้ระบบในร่างกาย มากกว่า 2 ระบบเกิดความผิดปกติ อวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกายเกิดการอักเสบ ได้แก่

  • ระบบหายใจ  เด็กมีอาการปอดอักเสบ ลิ่มเลือดอุดตันในปอด และหายใจลำบาก
  • ระบบประสาท เด็กมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • ระบบเลือด การแข็งตัวเลือดผิดปกติ
  • ระบบหัวใจ และหลอดเลือด เด็กมีอาการช็อค หัวใจอักเสบ
  • ระบบผิวหนัง เด็กมีอาการเยื่อบุผิวหนังอักเสบ เป็นผื่น แดง
  • ระบบทางเดินอาหาร เด็กมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง อาเจียน และตับอักเสบ
  • รวมถึงภาวะมิสซี อาจทำให้เด็กมีอาการไตวายเฉียบพลัน

แนวทางการตรวจวินิจฉัยภาวะมิสซี (MIS-C)

ตรวจภาวะ MIS-C ในเด็ก

โดยแนวทางการตรวจวินิจฉัยภาวะมิสซี (MIS-C) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของหัวใจด้วยการทำอัลตราซาวด์หัวใจหรือที่เรียกว่า การทำเอคโคหัวใจ (Echocardiogram) โดยจะประเมินการทำงานของหัวใจร่วมกับการประเมิน Volume Status มีภาวะการโป่งพองของหลอดเลือดหรือไม่

รวมถึงอาจมีการตรวจปอด ตรวจช่องท้อง ตรวจระบบประสาท ตรวจน้ำไขสันหลัง นอกจากนี้ จะต้องมีการเจาะเลือดตรวจดูค่าการอักเสบของร่างกาย ร่วมกับการตรวจดูทุกอวัยวะที่จะเกิดการอักเสบได้ เป็นต้น ซึ่งหากมีอาการรุนแรงของภาวะมิสซี อาจต้องอยู่ในโรงพยาบาลระหว่างรอผลตรวจ


วิธีรักษาภาวะมิสซี (MIS-C) ลองโควิดในเด็ก

การดูแลรักษาผู้ป่วยภาวะมิสซีหรือลองโควิดในเด็ก  ในขณะนี้ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน เนื่องจากภาวะ MIS-C เป็นโรคที่พบใหม่ ซึ่งอาจทำให้มีอันตรายต่ออวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะหัวใจและระบบไหลเวียนของโลหิต

จากรายงานส่วนใหญ่  ภาวะมิสซี (MIS-C)ให้ทำการรักษาโดยใช้แนวทางเช่นเดียวกับ การรักษา Kawasaki disease แต่ยังไม่มีการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ หลักในการรักษา ประกอบด้วย

การให้การรักษาแบบประคับประคอง
เป็นการรักษาที่เน้นฟื้นฟูร่างกายด้วยตัวเองเป็นหลัก และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอาการอย่างใกล้ชิด

การให้ยากลุ่มต้านการอักเสบ
โดยใช้ยา IVIG และยากลุ่มสเตียรอยด์ เช่น

  • การให้ยาอิมมูโนกลอบูลิน (Immunoglobulins) ทางหลอดเลือดดำ เป็นแอนติบอดีกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย ช่วยลดปฏิกิริยาการอักเสบในร่างกาย และช่วยลดภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ
  • การใช้ยาแอสไพริน (Aspirin) เพื่อบรรเทาอาการปวด บวม ลดไข้ และการอุดตันของเกล็ดเลือด ป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับหลอดเลือดหัวใจ


ข้อปฏิบัติในการป้องกัน MIS-C ภาวะลองโควิดในเด็ก

ป้องกันภาวะ MIS-C โดยการใส่หน้ากากเพื่อป้องกันโควิด-19

โดยการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับภาวะมิสซี (MIS-C) หรือภาวะลองโควิดในเด็ก คือ การป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 ได้แก่ การล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ป่วย เว้นระยะห่างทางสังคม สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ปิดปากและจมูกเวลาไอจาม รวมไปถึงการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 เองเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่มีส่วนป้องกันการติด COVID-19 ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะ MIS-C ได้เช่นกัน

ทั้งนี้ภาวะมิสซี อาจมีอาการรุนแรง และเกิดภาวะแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยคุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตและเฝ้าระวังอาการของเด็กๆ ที่หายจากการติดเชื้อ COVID-19 (โควิด-19) อย่างใกล้ชิด หากพบอาการผิดปกติดังกล่าว ควรรีบพามาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาทันที


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ MIS-C ภาวะลองโควิดในเด็ก

ตัวอย่างคำถามเกี่ยวกับภาวะมิสซี (MIS-C) หรือภาวะลองโควิดในเด็ก เช่น

พบภาวะ MIS-C ในเด็กหลังติดโควิดช่วงไหน
โดยมักพบภาวะ MIS-C ได้ตั้งแต่ระยะหายจากโรคจนถึงหลังติดเชื้อ 2 – 6 สัปดาห์

ภาวะลองโควิดในเด็ก MIS-C เป็นโรคติดต่อไหม
โดยภาวะมิสซี ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโดยตรง แต่เป็นภาวะที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ตอบสนองต่อการติดเชื้อผิดปกติไป จึงไม่ถือว่าเป็นโรคติดต่อ


ข้อสรุป

ภาวะมิสซี Multisystem inflammatory syndrome in children (MIS-C) หรือภาวะลองโควิดในเด็ก เป็นกลุ่มอาการอักเสบที่เกิดขึ้นในหลายระบบของร่างกายในเด็ก อาจก่อให้เกิดภาวะอักเสบในเด็กได้ในหลายระบบของร่างกาย และทำให้มีอาการต่าง ๆ เช่น มีไข้สูง ผื่น ตาแดง ปากแดง ซึ่งบางครั้งอาจมีอาการรุนแรงจนต้องเข้ารักษาในไอซียู หรือมีภาวะแทรกซ้อนทำให้เสียชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม ขอให้ผู้ปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่าพึ่งตื่นตระหนก ให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดต่อไป และหากพิจารณาจากอาการต่าง ๆ ที่กล่าวไว้เบื้องต้น พบว่าใครอาจมีภาวะมิสซี (ภาวะ MIS-C) ควรพาไปพบแพทย์ ซึ่งจะพิจารณาให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไป

350
แผ่นยิปซั่ม คือ ผงแร่ยิปซั่มที่นำมาอัดเป็นแผ่นปูนยิปซั่มที่มีกระดาษเหนียวผิวเรียบ หรือวัสดุผิวเรียบหุ้มทั้งสองด้าน และอาจมีวัสดุเพิ่มคุณภาพ เคลือบผิวด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองด้าน โดยที่แผ่นปูนยิปซั่มตันหรือพรุน อาจผสมด้วยเส้นใย หรือวัสดุเพิ่มคุณภาพอื่น ๆ ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
 
แผ่นยิปซั่ม โดยมากมักใช้เป็นฝ้าเพดานและผนังสำหรับปิดบังงานระบบต่าง ๆ ทำให้ห้องดูเรียบร้อยสะอาดตา โดยมีข้อดีของฝ้าเพดาน คือ การติดตั้งที่รวดเร็ว แผ่นฝ้าเรียบเนียน ทำได้ทั้งฝ้าเพดานฉาบเรียบ ฝ้า หลุม อีกทั้งยังราคาถูกอีกด้วย แผ่นยิปซั่ม 9 มม เป็นรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม เหมาะกับงานหลากหลาย

แผ่นยิปซั่ม 9 มม. ใช้กับงานได้หลากหลาย


แผ่นยิปซั่ม 9 มม. คืออะไร

แผ่นยิปซั่ม 9 มม. คือ แผ่นที่นำผงแร่ยิปซั่มมาอัดและปิดทับด้วยกระดาษ เพื่อให้ได้ผิวเรียบเนียน ตัวแผ่นยิปซั่มเองก็มีการเพิ่มคุณสมบัติการใช้งานไว้หลากหลาย เช่น กันความร้อน กันความชื้น ทนไฟ เป็นต้น  ความหนาที่ 9-12 มม. นั้นจะเป็นมาตรฐานที่เหมาะกับการนำไปใช้เป็นฝ้าเพดานห้องน้ำ
ฝ้าเพดานห้องครัว และผนัง


แผ่นยิปซั่ม 9 มม.ยอดนิยม

  • แผ่นยิปซั่มเอสซีแอล ติดฟอยล์ 9 มม.ขอบลาด ขนาด 120x240 ซม.ลดการสะท้อนรังสีและความร้อนได้ถึง 95% ราคา 170 บาท
  • แผ่นยิปซั่มคนอฟ กันร้อน 9 มม. ขอบลาด ขนาด 120x240 ซม. ด้านหน้าแผ่นเป็นแผ่นอลูมิเนียมฟอล์ย มีคุณสมบัติสะท้อนรังสีความร้อน ใช้สำหรับพื้นที่ที่ต้องการลดผลกระทบจากรังสีความร้อน เช่น ฝ้าเพดาน เป็นต้น ราคา 170 บาท
  • แผ่นยิปซั่มตราช้าง ฮีทบล็อค 9 มม. ขอบลาด ขนาด 120x240 ซม. เป็นแผ่นยิปซั่มติดฟอยล์ ใช้นาเทคโนโลยี น้ำหนักเบากว่า แข็งแกร่งทั่วแผ่น ไม่แอ่นตัว ไร้รอยต่อ สะท้อนรังสีความร้อนถึงได้ถึง  93.7% เหมาะกับฝ้าเพดานฉาบเรียบที่ต้องการกันความร้อน ราคา 195 บาท

หากต้องการหาแผ่นยิปซั่ม 9 มม ที่เหมาะกับความต้องการ สามารถดูเพิ่มได้ที่ แผ่นยิปซั่ม 9 มม


แผ่นยิปซั่ม 9 มม ราคาเท่าไร

โดยทั่วไปแผ่นยิปซั่ม จะมีคุณสมบัติพิเศษ คือ ไม่ติดไฟ ทนไฟได้นาน ระยะเวลาสัก 2-4 ชม. สำหรับความหนานั้นมีตั้งแต่ 9 มม. 12 มม. และ 15 มม. ขนาดของแผ่นยิปซั่มมาตรฐานคือ 1.20 ม. และมีหลายชนิดให้เลือกใช้งาน ราคาก็มีตั้งแต่ 140-300 บาทต่อแผ่น เช่น

  • แผ่นยิปซั่มเอสซีแอล ติดฟอยล์ 9 มม. ขอบลาด ขนาด 120x240 ซม. ราคา 170 บาท สามารถลดการสะท้อนรังสีและความร้อนได้ถึง 95%
  • แผ่นยิปซั่มตราช้าง ธรรมดา 9 มม. ขอบลาด 120x240 ซม. ราคา 132 บาท คุณสมบัติ แข็งแกร่ง ไม่แอ่นตัว งานไว ได้ชื่อเสียง
  • แผ่นยิปซั่มเอสซีแอล ทนชื้น 9 มม. ขอบลาด 120x240 ซม. ราคา 170 บาท สามารถทนความชื้นพิเศษ มีสารลดการดูดซึมความชื้น โดยที่แผ่นจะดูดน้ำไม่เกิน 5% โดยน้ำหนัก
  • แผ่นยิปซั่มตราเพชร 9 มม. ขอบลาด 120x240 ซม. ราคา 155.35 บาท ไม่ติดไฟ กันความร้อน และกันเสียง เหมาะสำหรับงานฝ้าเพดาน และผนังภายใน พราะผิวหน้าสวย เรียบเนียน ฮาบง่าย


คุณสมบัติของแผ่นยิปซั่ม 9 มม.
คุณสมบัติหลักๆ ของแผ่นยิปซั่ม 9 มม. คือ

  • ป้องกันการติดไฟ เพราะแผ่นยิปซั่มสามารถทนความร้อนได้ถึง 4-5 เท่า
  • มีน้ำหนักเบากว่าถึง 5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับปูนซีเมนต์
  • กันความร้อนได้ดี ที่มาจากหลังคา และความร้อนสะสมภายในบ้าน
  • ป้องกันความชื้น ได้ดีถึงแม้ว่าจะติดตั้งในที่ที่มีความชื้น
  • ยังช่วยประหยัดพลังงานในบ้าน เพราะภายในจะเย็นขึ้น โดยไม่ต้องเครื่องปรับอากาศ

การติดตั้งเเผ่นฝ้ายิปซั่ม

ประเภทของแผ่นยิปซั่ม 9 มม.

ประเภทของแผ่นยิปซั่ม 9 มม. แบ่งตามวัสดุเพิ่มคุณภาพ หรือเส้นใย ที่ผสมเข้าไปในปูนยิปซั่ม เพื่อ
ความเหมาะสมของการเลือกใช้งานได้ สามารถแบ่งออกได้ดังนี้

1.แผ่นยิปซั่ม 9 มม ชนิดทั่วไป
แผ่นยิปซั่มประเภทนี้จะไม่มีการใส่วัสดุเพิ่มคุณภาพ หรือเส้นใย เข้าไปในปูนยิปซั่ม เหมาะสำหรับห้องนอน, ห้องนั่งเล่น , ฝ้าเพดาน และผนังภายใน

2.แผ่นยิปซั่ม 9 มม ชนิดทนไฟ
เป็นแผ่นยิปซั่มที่มีการเพิ่มส่วนผสมของเส้นใยชนิดพิเศษ และสารทนไฟ เช่นไฟเบอร์กลาสเพื่อเสริมความแข็งแรงให้ทนไฟได้นาน 1-4 ชั่วโมง เหมาะสำหรับฝ้าเพดานห้องครัว, ผนังอาคารสูง, ทางหนีไฟ, ช่องลิฟต์ หรือโครงสร้างเหล็ก

3.แผ่นยิปซั่ม 9 มม ชนิดทนความร้อน
เป็นยิปซั่มประเภทที่ติดแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ด้านหลัง เพิ่มคุณสมบัติในการป้องกันการส่งผ่านความร้อน ซึ่งสามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้ถึงร้อยละ 95 เหมาะสำหรับห้องที่ติดกับหลังคา หรือห้องใต้ชั้นดาดฟ้า และผนังที่โดนแดดโดยตรง

4.แผ่นยิปซั่ม 9 มม ชนิดทนชื้น
เป็นยิปซั่มประเภทที่ผสมสารป้องกันการดูดความชื้นเข้าไปในเนื้อยิปซั่ม เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในการทนความชื้น เหมาะสำหรับงานฝ้าเพดานใน, ห้องน้ำ, ห้องครัว รวมไปถึงพื้นที่ภายนอก
 
อีกทั้งยังสามารถแบ่งตามลักษณะ และรูปร่างของแผ่นยิปซั่มได้อีก เช่น ชนิดขอบเรียบ (Square Edge), ชนิดลาด (Recessed Edge), ชนิดดัดโค้ง เป็นต้น


แผ่นยิปซั่ม 9 มม. ใช้งานแบบใดได้บ้าง

แผ่นยิปซั่ม 9 มม.นั้น เหมาะกับการใช้งานติดตั้งฝ้าเพดาน ฝ้าชายคา ผนังฝ้าเพดานทั่วไป โดยประกอบเข้ากับโครงเคร่าโลหะอาบสังกะสี จะมีลักษณะที่สวยงาม เรียบ และใช้งานได้ง่าย อีกทั้งยังมีน้ำหนักที่เบากว่าแผ่นกระดานทั่วไป เนื่องจากมีน้ำหนักเบาทั้งแผ่นยิปซั่มและโครงเคร่า จึงเหมาะกับพื้นที่งานต่อเติมที่ไม่ต้องการให้อาคารรับน้ำหนักมากเกินไป
 
และตัวแผ่นยิปซั่มนั้นมีคุณสมบัติที่แข็งแต่เปราะ จึงสามารถใช้คัตเตอร์ในการตัด เจาะได้ ดังนั้นจึงหาวัสดุและช่างในการติดตั้งได้ง่าย  สำหรับแผ่นยิปซั่มนั้นจะเหมาะกับงานในอาคาร เพราะไม่สามารถทนน้ำได้อีกคุณสมบัติของแผ่นยิปซั่ม คือ ช่วยปิดบังท่อต่าง ๆ เหนือเพดาน ทั้งท่อประปา ท่อแอร์ ท่อไฟต่าง ๆ

 เเผ่นยิปซั่ม ขนาด 9 มม.

การจัดเก็บและขนย้ายแผ่นยิปซั่ม 9 มม.
วิธีการจัดเก็บและขนย้ายแผ่นยิปซั่ม 9 มม. ที่ถูกต้องคือ

  • ใช้คนสองคนยกหัวท้ายแผ่นในแนวตั้งฉาก
  • วางแผ่นให้ขอบด้านยาวเสมอกันกับกองแผ่นยิปซั่มและปล่อยลงในแนวตั้ง
  • ใข้ที่รองรับ (พาเลท) เมื่อต้องการใช้เครื่องจักรในการขนส่งคราวละมาก ๆ
  • กองเก็บแผ่นบนพื้นที่เรียบปราศจากน้ำ ความชื้น และใช้เศษแผ่นหนุนรองแผ่นยิปซั่ม ทุกระยะ 60 ซม.
  • ตำแหน่งที่ตั้งในการจัดเก็บควรสะดวกในการขนย้ายเพื่อใช้งานต่อไปและอย่ากองแผ่นให้สูงมากกว่า 1 เมตรต่อกอง
  • ไม่ควรเก็บกองแผ่นยิปซั่มนอกอาคาร


หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9