หากท่านเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังมองหาบริษัทกล้องวงจรปิด ที่ให้บริการรับติดตั้งติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งกล้องวงจรปิดไร้สาย หรือการติดกล้องวงจรปิดดูผ่านโทรศัพท์  Personet จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

เนื่องจาก Personet เป็นร้านติดกล้องวงจรปิด CCTV ที่ให้บริการรับติดตั้งกล้องวงจรปิด รวมถึงมีกล้องวงจรปิดพร้อมติดตั้ง และอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นจัดจำหน่ายเช่นกัน การันตีคุณภาพด้วยประสบการณ์ด้านติดตั้งกล้องวงจรปิด และ Network Engineer มากว่า 10 ปี จึงมั่นใจได้ว่าสินค้าและบริการรับติดตั้งกล้องวงจรปิดจากทาง Personet จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

สำหรับท่านใดที่สนใจบริการรับติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV จากทาง Personet สามารถติดต่อเบอร์ 081-839-0789 เพื่อเข้ารับคำปรึกษาเบื้องต้น และรับใบเสนอราคาจากทีมงานผู้ให้บริการได้ทันทีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

---

ขั้นตอนบริการติดตั้งกล้องวงจรปิดมีอะไรบ้าง
ขั้นตอนการติดกล้องวงจรปิด CCTV จากร้านกล้องวงจรปิด Personet โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้นตอนเบื้องต้น ดังนี้

การสำรวจหน้างาน/สถานที่ติดตั้ง
ในขั้นตอนการสำรวจหน้างาน บริษัทรับติดตั้งกล้องวงจรปิดของเราจะทำการสำรวจสถานที่ ที่ต้องการทำการติดตั้งกล้องวงจรปิด ไม่ว่าจะเป็น ลักษณะของสถานที่ ปัญหาต่าง ๆ รวมถึงความต้องการของลูกค้า เพื่อให้บริการรับติดตั้งกล้องวงจรปิดมีประสิทธิภาพมากที่สุด ผ่านการแนะนำตำแหน่งติดกล้องวงจรปิด CCTV ที่เหมาะสมได้อย่างถูกต้อง

การออกแบบระบบที่เหมาะสม และตกลงเรื่องค่าใช้จ่าย
สำหรับขั้นตอนนี้ ทางร้านกล้องวงจรปิดของเราจะดำเนินการออกแบบระบบความปลอดภัยให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ก่อนที่จะนำ Solution ที่เหมาะสมไปนำเสนอลูกค้า หลังจากตกลงรูปแบบเรียบร้อยแล้วจะมีการยื่นใบเสนอราคา เพื่อตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายจากบริการรับติดตั้งกล้องวงจรปิดที่จะเกิดขึ้น

การติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV
ในขั้นตอนการติดกล้องวงจรปิดราคาย่อมเยา ทางเราจะทำการนัดหมายลูกค้า เพื่อขอเข้าไปติดตั้งกล้องวงจรปิด โดยหลังจากการติดตั้งเสร็จสิ้นแล้วบริการรับติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ของเราจะสอนวิธีใช้งาน ควบคุม รวมถึงทดสอบการใช้งานจริงให้ลูกค้า เพื่อที่ท่านจะได้วางใจว่ากล้องนั้นสามารถทำงานได้ตามปกติ

บริการหลังการขายหลังการติดตั้งเสร็จสิ้น
หลังจากการรับติดตั้งกล้องวงจรปิดเสร็จสิ้น ทางร้านกล้องวงจรปิดของเรามีบริการหลังการขาย ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าที่มีปัญหาผ่านติดต่อทีมงาน Support ได้ตลอดเวลา โดยปัญหาส่วนใหญ่ทางเราช่วยแก้ปัญหาด้วยระบบ remote support แต่ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ ลูกค้าก็สามารถนัดหมายทีมช่างเข้าไปตรวจสอบให้ได้เช่นกัน

---

รับติดตั้งกล้องวงจรปิด ระบบแบบไหนบ้าง
โดยระบบของกล้องวงจรปิด CCTV ที่ได้รับความนิยม ให้ทางบริษัทของเราบริการรับติดตั้งกล้องวงจรปิดนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระบบ คือ

รับติดตั้งกล้องวงจรปิด ระบบ Analog



กล้องวงจรปิด CCTV ระบบ Analog นับได้ว่าเป็นระบบแรกเริ่มที่นิยมให้บริการรับติดตั้งกล้องวงจรปิดกันอย่างแพร่หลายในสมัยก่อน เนื่องจากเป็นระบบที่ใช้สายสัญญาณ Coax cable ทำให้ระบบนี้มีต้นทุนต่ำมากเมื่อเทียบกับระบบอื่น ๆ อีกทั้งระบบนี้ยังรองรับกล้องวงจรปิดทุกประเภท รวมถึงการใช้งานง่าย ไม่ค่อยเกิดปัญหาต่าง ๆ ระหว่างการใช้งาน เนื่องจากระบบในกล้องวงจรปิดถูกพัฒนาในช่วงท้าย ๆ แล้วนั่นเอง

จะเห็นได้ว่ากล้องวงจรปิด ระบบ Analog มีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก แต่ระบบนี้ก็มีข้อเสียอยู่เช่นกัน คือ มีการรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากไม่มีการเข้ารหัสของข้อมูล ทำให้ไม่มีการจำกัดสิทธิ์ในการดูภาพจากกล้องวงจรปิด การที่สายสัญญาณถูกคลื่นรบกวน ทำให้ภาพที่ได้ไม่ชัด และการมีฟังก์ชันการใช้งานที่ไม่ครอบคลุม เป็นต้น

รับติดตั้งกล้องวงจรปิด ระบบ IP



กล้องวงจรปิด CCTV ระบบ IP เป็นระบบที่นำมาใช้แทนระบบ Analog การทำงานของระบบนี้จะส่งสัญญาณในรูปแบบดิจิทัล หากเดินระบบได้ถูกต้องจะทำให้ภาพที่ได้จากกล้องวงจรปิดมีความคมชัดเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีความปลอดภัยที่สูงมาก และสามารถเก็บสำรองข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ได้ในกรณีฉุกเฉินหรือข้อมูลหายได้

นอกจากนี้ระบบนี้ยังสนับสนุนการทำงานแบบ Wireless มากกว่าระบบ Analog จึงนิยมใช้สำหรับการรับติดตั้งกล้องวงจรปิดไร้สายเป็นอย่างมากในปัจจุบัน แต่เนื่องจากระบบนี้มีการใช้ความเร็วในการสื่อสาร (Bandwidth) ที่สูงมาก จึงทำให้ระบบทำงานหนัก และมีค่าใช้จ่ายในการติดตั้งที่มากกว่าระบบอื่น ๆ อีกด้วย

รับติดตั้งกล้องวงจรปิด ระบบ Analog HD



กล้องวงจรปิด CCTV ระบบ Analog HD หรือ AHD เป็นกล้องระบบดิจิทัลที่นำสาย Coax ของระบบ Analog มาใช้เป็นตัวนำสัญญาณ ระบบนี้จึงไม่ต้องผ่านการบีบอัดสัญญาณ ทำให้ได้ภาพที่คมชัดระดับ HD ไปจนถึง Full HD แต่ยังไม่ครอบคลุมฟังก์ชันระดับสูงเมื่อเทียบกับระบบ IP นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งระบบที่รับติดตั้งกล้องวงจรปิดกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นระบบที่มีราคาถูกและคุณภาพที่ดี

สรุป

Personet เป็นผู้นำในด้านการออกแบบ และติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ด้วยประสบการณ์ในการทำงานมากกว่า 10 ปี ส่งผลให้เรามีความมั่นใจในการให้บริการด้านการรับติดตั้งกล้องวงจรปิดเป็นอย่างมาก เนื่องจากเรามีความเชี่ยวชาญระบบกล้องทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น กล้องขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ การันตีผลงานจากลูกค้าชั้นนำมากมาย

นอกจากบริการรับติดตั้งกล้องวงจรปิดแล้ว ทางเรายังจำหน่ายกล้องวงจรปิดคุณภาพดี และอุปกรณ์เสริมที่จำเป็นอย่างครบวงจร  สำหรับลูกค้าท่านใดที่กำลังมองหาราคากล้องวงจรปิดพร้อมติดตั้งถูก ๆ ที่มีโปรโมชันให้เลือกสรรมากมาย พร้อมบริการติดตั้งที่มีคุณภาพ Personet จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ควรพลาด

ติดต่อเข้ารับคำปรึกษาหรือใช้บริการรับติดตั้งกล้องวงจรปิดติดต่อ 08-839-0789

---

ประเทศนิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศที่ใครหลายคนให้ความสนใจเลือกเรียนต่อมัธยมนิวซีแลนด์ในระดับชั้นมัธยมศึกษา ด้วยระบบการเรียนการสอนที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ ส่งเสริมให้ผู้เรียนทำกิจกรรมที่หลากหลาย มีปัจจัยสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย รวมค่าใช้จ่ายรายปีที่ไม่แพง ทั้งรูปแบบในการเลือกที่พักได้ตามต้องการว่าอยากอยู่ประจำหรือไปกลับโดยการพักอาศัยอยู่กับครอบครัวโฮสต์ที่เชื่อถือได้

ด้วยระบบการศึกษาที่ประยุกต์มาจากของอังกฤษและได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากทางรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ ทำให้คุณภาพการศึกษานิวซีแลนด์เป็นไปตามมาตรฐานและได้รับการยอมรับจากทั่วโลก โดยหลังจากจบการศึกษาแล้วยังง่ายต่อการเข้าเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาไม่ว่าจะที่ไทยหรือต่างประเทศ

นักเรียนต่างชาติยังได้รับการดูแลอย่างดีด้วยกฎหมายคุ้มครอง ผู้เรียนสามารถเลือกวิชาเรียนได้ตามความถนัดและสนใจ นอกจากนี้ ด้วยระยะเวลาเรียนที่เหมาะสมเพียง 8 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้นักเรียนมีเวลาเหลือหลังเลิกเรียนรวมทั้งในวันหยุดเพื่อทำกิจกรรมไม่ว่าจะกับกลุ่มเพื่อหรือชุมชนได้อย่างผ่อนคลาย ด้วยเหตุนี้เองนิวซีแลนด์จึงเป็นประเทศยอดนิยมในฝันของเด็กไทยหลายๆ คน

---

หลักสูตรการเรียนมัธยมประเทศนิวซีแลนด์

1. หลักสูตร National Certificate of Educational Achievement (NCEA)
หลักสูตรพื้นฐานสำหรับโรงเรียนมัธยมส่วนใหญ่ในประเทศนิวซีแลนด์ มีวิชาให้นักเรียนเลือกเรียนมากมายเพื่อให้เหมาะกับความต้องการที่สุด NCEA มีทั้งหมด 3 ระดับด้วยกัน โดยนักเรียนจะต้องสอบให้ได้ในสามปีสุดท้ายของการเรียน (ได้แก่ Year 11-13) และจะได้รับประกาศนียบัตรเมื่อเรียนจบ

2. หลักสูตร IGCSE/ A Level – Cambridge
IGCSE/ A Level - Cambridge เป็นหลักสูตรที่มีความเข้มข้นทางวิชาการและได้รับการยอมรับอย่างสูงในระดับนานาชาติ นักเรียนจะได้เรียนวิชาเฉพาะสายและเจาะลึกในรายละเอียดที่ตรงกับความต้องการ เพื่อนำไปต่อยอดในระดับการศึกษาที่สูงขึ้น

3. หลักสูตร IB
IB หรือ International Baccalaureate เป็นอีกหนึ่งหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับแบบสากล โดยนักเรียนจะได้รับพื้นฐานในด้านวิชาการที่สำคัญอย่างครอบคลุม รวมไปถึงวิชาการพัฒนาตนเองที่นอกเหนือจากการเรียนทั่วไป ซึ่งจะช่วยดึงศักยภาพของผู้เรียนในการเสริมทักษะด้านการเป็นผู้นำและการทำงานร่วมกับผู้อื่น

---

การเตรียมตัวสำหรับการไปเรียนต่อมัธยมที่นิวซีแลนด์


1. เลือกโรงเรียนและหลักสูตรที่สนใจ
ทำความเข้าใจหลักสูตรต่างๆ ที่มีสอนเพื่อเลือกรูปแบบการเรียนที่สนใจ จากนั้นมองหาโรงเรียนที่เหมาะสมและตอบโจทย์ อย่างเช่นเมืองที่สภาพแวดล้อมเข้ากับไลฟ์สไตล์ โรงเรียนรัฐบาลหรือเอกชน ชายล้วน หญิงล้วน สหศึกษา ขนาดเล็ก-ใหญ่

2. วางแผนการใช้จ่ายและเตรียมเอกสาร
การสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่แนะนำด้านการเรียนต่อจะช่วยให้การวางแผนเป็นไปอย่างครอบคลุมและราบรื่น ด้วยความเชี่ยวชาญและข้อมูลที่อัปเดทอย่างสม่ำเสมอพร้อมอำนวยด้านเตรียมเอกสาร จะทำให้การจัดการต่างๆ ในการไปเรียนต่อนั้นสะดวกมากยิ่งขึ้น

3. ส่งแบบฟอร์มสมัครเรียน
หลังจากได้หลักสูตรและสถาบันที่สนใจแล้วก็ถึงเวลาส่งใบพร้อมจ่ายค่าสมัคร โดยในขั้นตอนนี้ทางโรงเรียนในนิวซีแลนด์อาจเรียกสัมภาษณ์ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อประเมินทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน ซึ่งเมื่อผ่านแล้วจึงดำเนินการเรื่องค่าเล่าเรียน

4. ยื่นขอวีซ่านักเรียน
เมื่อได้รับจดหมายตอบรักเข้าเรียนจากทางสถาบันเรียบร้อยขั้นตอนถัดมาคือการยื่นขอวีซ่า โดยแนบเอกสารใบตอบรับ เอกสารยืนยันที่พัก เอกสารทางการเงิน รวมถึงประกันการเดินทางและสุขภาพแนบไปด้วย

5. เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเดินทาง
ศึกษาข้อมูลสภาพอากาศ แผนที่การเดินทางและขนส่งที่ต้องโดยสารเมื่อไปถึง จัดเตรียมของใช้ส่วนตัว ยาสามัญ รวมทั้งยาประจำตัวกรณีมีโรคที่ต้องรักษาให้เรียบร้อย และตรวจเช็กเอกสารที่ต้องใช้ให้ครบถ้วนก่อนออกเดินทาง

---

เรียนต่อนิวซีแลนด์ มัธยม ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่

การเรียนมัธยมในนิวซีแลนด์ทางผู้เรียนสามารถเลือกเองได้ว่าหลักสูตรรูปแบบใดที่เหมาะกับตนเอง ซึ่งโรงเรียนแต่ละประเภทก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ต่างกันออกไป

โดยปกติแล้วโรงเรียนรัฐบาลจะมีค่าใช้จ่ายต่อปีน้อยกว่าโรงเรียนแบบอื่นเนื่องจากได้รับการสนับสนุนทางด้านอุปกรณ์ต่างๆ จากทางภาครัฐ แต่ก็จะมีจำนวนนักเรียนที่มากกว่าโรงเรียนเอกชนซึ่งมีการดูแลนักเรียนเป็นอย่างดีเพราะผู้สอนดูแลได้ทั่วถึงกว่า ซึ่งค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นตามไปด้วย

ค่าเล่าเรียนต่อปีการศึกษามัธยมที่นิวซีแลนด์นั้นนับว่าไม่สูงมาก โดยโรงเรียนรัฐบาลจะอยู่ที่ประมาณ 200,000 - 350,000 บาท โรงเรียนกึ่งรัฐบาลเฉลี่ยอยู่ที่ 300,000 - 400,000 บาท และโรงเรียนเอกชนอยู่ที่ราวๆ 300,000 - 650,000 บาท ในส่วนของค่าที่พักและค่าใช้จ่ายอื่นๆ จะแตกต่างไปตามเมืองที่อาศัยและไลฟ์สไตล์ของผู้เรียน


สรุป
การได้ไปเรียนต่อมัธยมในประเทศที่คุณภาพทางการศึกษาดีท่ามกลางธรรมชาติอันบริสุทธิ์ มีความปลอดภัยสูง พร้อมด้วยหลักสูตรซึ่งเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลกอย่างนิวซีแลนด์ กล่อมเกลาการอยู่ร่วมกันกับผู้คนต่างชาติต่างภาษาและฝึกการใช้ชีวิตด้วยตนเอง ทั้งยังได้ดึงศักยภาพของการเป็นผู้นำออกมาใช้ล้วนเป็นประสบการณ์ชีวิตในต่างแดนที่คุ้มค่าและหาไม่ได้ง่ายๆ

ดังนั้น การส่งบุตรหลานออกไปเผชิญความท้าทาย ให้เขาได้กระตุ้นความสามารถในตนเอง ออกไปเปิดโลกเรียนรู้วัฒนธรรมชาวกีวีเหล่านี้ย่อมเป็นการเปิดโอกาสจุดประกายเป้าหมายสำหรับพวกเขาในอนาคตได้เป็นอย่างดี ความสำเร็จเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้

---

เรามาทำความรู้จักเกี่ยวกับสินเชื่อรถแลกเงิน หาข้อมูล และศึกษาถึงเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อทำการตัดสินใจในการขอกู้ได้ดีขึ้น โดยไม่เสี่ยงทำให้เรามีหนี้เพิ่มโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในช่วงภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้สำหรับคนมีรถแต่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน และไม่รู้จะหันไปพึ่งใคร ก็สามารถใช้รถกู้เงิน ขอสินเชื่อรถแลกเงิน เพื่อนำเงินก้อนมาหมุนเวียนใช้ก่อนได้


สินเชื่อรถแลกเงิน คืออะไร
สินเชื่อรถแลกเงิน คือสัญญาการกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยต้องนำรถไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ปัจจุบันมีทั้งรูปแบบโอนเล่มทะเบียนและไม่โอนเล่มทะเบียน ให้กับสถาบันการเงิน นอกจากนี้ก็ยังสามารถนำรถมาใช้งานในชีวิตประจำวันได้ตามปกติด้วย
 
เงื่อนไขสินเชื่อรถยนต์ประเภทนี้ คือรถยนต์ที่นำไปค้ำประกันต้องไม่มีภาระหนี้ผูกพัน ส่วนจำนวนเงินก้อนที่ได้มักขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถยนต์ อายุการใช้งาน สภาพรถ และการประเมินอื่น ๆ จากสถาบันการเงินแต่ละแห่งการอนุมัตินั้นก็ง่ายกว่าสินเชื่อเงินสด เพราะมีรถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
 
ที่ Refinn นั้น สินเชื่อรถแลกเงิน สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ รถเก๋ง รถกระบะ หรือ รถมอเตอร์ไซต์ ที่ผ่อนชำระหมดแล้ว ก็จะสามารถเปลี่ยนรถเป็นเงินก้อนอนุมัติไว ได้วงเงินสูงถึง 90% โดยเข้าไปใช้บริการผ่าน Refinn ตามขั้นตอน

• เลือกโปรโมชั่นผ่าน Refinn
• สมัครออนไลน์กับ Refinn ฟรี
• นัดตรวจเอกสารและสภาพรถ 
• ทราบผลการพิจารณาสินเชื่อ  โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์โทร 02-079-5119 หรือที่เว็บไซต์

ดังนั้นการทำสินเชื่อรถเเลกเงินจึงเป็นอีกทางเลือก ที่คนที่มีปัญหาเรื่องการเงินไม่คล่อง สามารถเลือกใช้ได้

รถแลกเงินเหมาะกับใคร และรับรถประเภทใดบ้าง?
รถแลกเงินเหมาะกับทุกคนที่ต้องการใช้เงินด่วน เงินก้อน และมีรถยนต์ที่ผ่อนหมดแล้ว  ผู้ที่ขอสินเชื่อรถแลกเงิน
นั้นจะเป็น หรือไม่เป็นผู้ที่มีรายได้ประจำก็ได้ เพราะว่ามีรถยนต์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันอยู่แล้ว
 
รถยนต์ที่สามารถนำมาแลกเงินสดได้นั้นจะเป็นรถประเภทใดก็ได้  แต่ควรเป็นรถยนต์ที่ปลอดภาระ โดยดูได้จากเล่มทะเบียนรถตัวจริงซึ่งจะระบุชื่อของผู้ที่ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองรถยนต์ รถยนต์ที่นำมาทำสินเชื่อแลกเงินสดได้นั้น ได้แก่ รถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ รถบรรทุก รถพ่วง รถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซด์) ฯลฯ แล้วแต่เงื่อนไขการรับรองของบริษัทรับรถแลกเงินนั้น ๆ


อยากทำรถแลกเงิน ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
การทำสินเชื่อรถแลกเงิน ก็เหมือนกับการทำธุรกรรมสินเชื่อทั่ว ๆ ไป กับทางสถาบันการเงิน ซึ่งจำเป็นต้อง มีการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนสมบูรณ์เพื่อขออนุมัติวงเงินสินเชื่ออย่างเร็วสุดภายใน 3 วันทำการ โดยเอกสารที่ต้องใช้ มีอยู่ด้วยกัน ดังนี้
บัตรประจำตัวประชาชน
สำเนาทะเบียนบ้าน
เล่มทะเบียนรถตัวจริง
เอกสารแสดงรายได้ (สลิปเงินเดือนปัจจุบัน) หรือหนังสือรับรองเงินเดือนจากบริษัท
สำเนาเดินบัญชีล่าสุด 6 เดือน + หน้าบัญชีหน้าแรกที่มีเลขบัญชี
สำเนาบัญชีเงินฝากหน้าแรกที่ต้องการให้โอนเงินเข้าบัญชี
กรมธรรม์ประกันภัยฉบับจริง

สินเชื่อรถแลกเงินที่ไหนดี ดอกเบี้ยต่ำ เช็คดอกเบี้ยรถแลกเงิน
ก่อนที่จะตัดสินใจทำสินเชื่อรถแลกเงินนั้น เราควรที่จะได้ทำการเปรียบเทียบโปรโมชั่นต่าง ๆ ที่นำเสนอ
จากธนาคาร และสถาบันการเงินต่าง ๆ เพื่อหาข้อเสนอที่ดีสุด ให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ ระยะผ่อนยาว ๆ

1.รถเเลกเงิน ธนชาต ttb
สินเชื่อรถแลกเงิน ทีทีบีไดรฟ์ เหมาะกับคนที่รถปลอดภาระแล้ว อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ อนุมัติเบื้องต้นไวภายใน 30 นาที ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินสูง รับเงินสด รถยังมีขับ
 
สำหรับคนที่ต้องการเงินด่วน ภายใน 1 วันทำการ ไม่ต้องโอนเล่มทะเบียน อัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ไม่มีค่าธรรมเนียม สามารถปิดบัญชีเงินกู้ก่อนกำหนดได้โดยคิดดอกเบี้ยจนถึงวันที่ปิดบัญชี
 
หากว่ารถที่ยังผ่อนอยู่ ธนาคารจะไปปิดหนี้สินเชื่อรถที่เดิมให้ วงเงินสูง 100% ของราคาประเมิน ค่างวดลดลง มีวงเงินเหลือไปใช้จ่ายเพิ่มเติม
 
ผู้สมัครขอสินเชื่อรถแลกเงินนั้นควรมีอายุระหว่าง 20-65 ปี มีรายได้ขั้นต่ำ 9,000 บาท และรถที่ใช้ค้ำประกันนั้นต้องมีอายุรถไม่เกิน 16 ปี

2.รถแลกเงิน scb
ผู้มีกรรมสิทธิ์รถยนต์สามารถใช้รถยนต์แลกเงินได้ โดยการขายรถยนต์และเช่าซื้อรถยนต์กลับคืนไป วงเงินที่ได้
รับนั้นสูงสุดได้ถึง 5 ล้านบาท และสามารถผ่อนได้สบาย ๆ เริ่มต้นแสนละ 58 บาทเท่านั้น เป็นเวลานานถึง 84 เดือน   สำหรับรถยนต์ที่นำมาทำสินเชื่อนั้นต้องมีอายุไม่เกิน 15 ปี
 
คนที่จะทำธุรกรรมนี้ได้ต้องมีอายุ 20-60 ปี มีสัญชาติไทย และมีภูมิลำเนาในประเทศไทย และต้องใช้เอกสารประกอบการสมัครสินเชื่อรถยนต์ เช่น เอกสารยืนยันตัวตน เอกสารยืนยันที่อยู่ เอกสารยืนยันรายได้ สมุดคู่ฝากและกรมธรรม์ประกันภัยและเอกสารเกี่ยวกับตัวรถ
 
อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์ คือเงิน My Car My Cash และวงเงินที่ได้จะขึ้นกับสภาพรถ และคุณสมบัติลูกค้าซึ่ง
แตกต่างกันไปในแต่ละราย

3.รถแลกเงิน กรุงศรี
คาร์ฟอร์แคชที่ธนาคารกรุงศรีนั้นจะได้วงเงินเต็มตามราคาประเมิน 100% โดยมีดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้น 0.27% ต่อเดือน สามารถผ่อนสบายถึง 84 เดือน รถเก่า 15 ปีก็นำมาทำสินเชื่อ คาร์ ฟอร์ แคช ได้

4.รถแลกเงิน tisco
สำหรับรถแลกเงินที่ทิสโก้นั้น ชื่อกรรมสิทธิ์รถยังเป็นของผู้สมัครสินเชื่อ เพียงแต่สมุดทะเบียนรถต้องนำไปไว้ที่ผู้ให้กู้เพื่อเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ยที่ได้รับเป็นแบบลดต้นลดดอก ไม่ต้องเสียค่าโอนรถ ค่าอากรโอนรถ ไม่ต้องแบกภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%  ควรศึกษาข้อดี ข้อเสีย ให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจคิดกู้สินเชื่อรถแลกเงิน

5.รถแลกเงิน กสิกร
สินเชื่อรถแลกเงินที่ธนาคารกสิกรนั้น ได้เงินก้อน รถยังมีขับปกติ วงเงินสินเชื่อกู้ได้สูงสุด 90-100% ของราคาประเมิน การผ่อนชำระนั้น สามารถโปะได้ตามต้องการ ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นได้ทั้งแบบคงที่ และแบบลดต้นลดดอก แถมยังให้การอนุมัติรับเงินภายใน 1 วันทำการ (กรณีเอกสารครบถ้วน)

6.ธนาคารไทยพาณิชย์
การรีไฟแนนซ์นั้นเป็นการนำรถที่ผ่อนยังไม่หมดไปทำการขอสินเชื่อใหม่หรือการย้ายไฟแนนซ์ ธนาคารให้วงเงินสินเชื่อสูงสุด 5 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 84 เดือน ไม่มีค่าธรรมเนียมรีไฟแนนซ์รถยนต์รับอายุรถถึง 15 ปี ไม่ต้องกังวลเรื่องแผนการผ่อนชำระ รู้ผลอนุมัติไว ภายใน 1 วันทำการนับจากวันที่ธนาคารได้รับเอกสารครบถ้วน

7.ธนาคาร cimb
สินเชื่อรถ ออโต้ แคช ให้วงเงินสูงสุด 100% โดยรับรถอายุสูงสุดได้ถึง 19 ปี  ผ่อนสบายๆ สูงสุด 72 เดือน
อัตราดอกเบี้ยต่ำ เริ่มต้น 0.26% ต่อเดือน แถมอนุมัติเร็ว รู้ผลภายใน 2 ชั่วโมง
รถแลกเงิน ผ่อนอยู่ ได้ไหม
รถผ่อนไม่หมดก็สามารถนำมาทำสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถแลกเงินได้อยู่แล้ว เพราะเราเป็นผู้บริโภคย่อมเลือกที่จะทำหรือไม่ทำได้อยู่แล้ว  วิธีการก็คือ ปิดสัญญาไฟแนนซ์เก่า แล้วติดต่อเพื่อรีไฟแนนซ์กับที่ใหม่  แต่การที่จะทำรีไฟแนนซ์นั้น ควรที่จะมีค่างวดใหม่ในการผ่อนถูกลง ดอกเบี้ยต่ำลง และสามารถผ่อนได้ยาวนานขึ้น



สรุป
สินเชื่อรถแลกเงินนั้นมีข้อดีที่ได้เงินสดมาใช้ และก็ยังมีรถยนต์ไว้ขับขี่ต่อไป ขั้นตอนการสมัครก็ง่าย ไม่ยุ่งยาก ทั้งสามารถผ่อนได้สบาย ๆ ในระยะยาวสูงสุด 60-84 งวด อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ถูกกว่าสินเชื่อประเภทที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน และที่สำคัญสามารถจ่ายเกินยอดขั้นต่ำ เพื่อทำให้ระยะเวลาผ่อนน้อยลงสามารถปิดบัญชีก่อนครบกำหนดสัญญาได้ แนะนำให้ลองเข้าหาโปรโมชั่น “สินเชื่อรถแลกเงิน” ได้ที่ Refinn

ในสภาพเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะค่าเงินบาทที่อ่อนลง ๆ ทุกปี ข้าวของก็ขึ้นราคา ขนาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยังขึ้น ทำให้เราต้องกลับมาดูแผนการเงินของเรากันว่ามีอะไรต้องลดหรือมีอะไรต้องตัดหรือไม่ ซึ่งรายจ่ายบางอย่างเราก็ไม่สามารถตัดได้จริง ๆ เช่น ค่าผ่อนบ้าน และ ค่าผ่อนรถ โดยเฉพาะค่าผ่อนรถนั้นก็เป็นหนึ่งในรายจ่ายที่หนักเอาการทีเดียว

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า รีไฟแนนซ์รถ และ บางคนการรีไฟแนนซ์รถอาจจะเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก แต่สำหรับใครที่กำลังคิดอยากจะลอง รีไฟแนนซ์รถ ก็คงมีคำถามว่า รีไฟแนนซ์รถ คืออะไร?,  รีไฟแนนซ์รถ ดีไหม? หรือ รีไฟแนนซ์รถ ที่ไหนดี? วันนี้เรามีคำตอบ

รีไฟแนนซ์รถยนต์ คืออะไร

การรีไฟแนนซ์รถ คืออะไร? พูดง่าย ๆ การรีไฟแนนซ์รถ คือ การนำรถยนต์ หรือ รถมอเตอร์ไซค์ ที่คุณเป็นเจ้าของ ซึ่งต้องเป็นรถที่ยังผ่อนไม่หมด ไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับสถาบันการเงินหรือธนาคาร เพื่อให้ได้เงินมาก้อนหนึ่งเพื่อไปใช้จ่าย เหมือนการค้ำเงินกู้
 
จริง ๆ แล้วเงินกู้ที่ได้มาจากการรีไฟแนนซ์รถนั้น มีเป้าหมายเพื่อนำไปจ่ายหนี้ก้อนเก่าที่มีดอกเบี้ยสูง แล้วมาผ่อนกับสถาบันการเงินที่เรารีไฟแนนซ์รถ เหมือนเป็นการเริ่มผ่อนรถตอนที่ดอกเบี้ยยังน้อยอยู่ โดยการรีไฟแนนซ์รถปี 2565 อาจมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขในการรีไฟแนนซ์รถเพราะปัญหาเศรษฐกิจจากโควิด-19 ผู้ที่จะรีไฟแนนซ์รถต้องศึกษาเงื่อนไขของสถาบันการเงินแต่ละที่ให้ดี

รีไฟแนนซ์รถ ดีไหม - ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์รถ

รีไฟแนนซ์รถช่วยลดภาระการผ่อนรถ

การรีไฟแนนซ์รถ ช่วยให้ความเครียดในการผ่อนแต่ละงวดน้อยลง เพราะ เมื่อรีไฟแนนซ์รถแล้ว ดอกเบี้ยการผ่อนจะน้อยลงทำให้ เงินผ่อนในแต่ละงวดก็น้อยลงด้วย หรืออาจจะช่วยเพิ่มระยะเวลาผ่อนรถยนต์ให้นานขึ้น
 
รีไฟแนนซ์รถทำให้มีเงินก้อน

หลังจากรีไฟแนนซ์รถ พอเราเอาเงินก้อนใหม่โปะก้อนเก่าเรียบร้อย เราจะเหลือเงินส่วนต่างมาใช้จ่ายจำนวนหนึ่งไว้ต่อยอดธุรกิจ หรือ ไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น จ่ายค่าเทอมลูก หรือ จ่ายค่ารักษาพยาบาลอีกด้วย
 
ต่อไปนี้เราจะตัวอย่างแบบง่าย ๆ ให้เห็นภาพ ราคาที่เขียนมาเพื่อให้เข้าใจง่ายเท่านั้นนะครับ
A ซื้อรถมา 100,000 บาท ดอกเบี้ย 5% เวลาผ่อนชำระ 10 ปี หรือ 120 งวด เขาวางเงินดาวน์ 20,000 บาท

เท่ากับ A เหลือเงินที่ต้องผ่อนรถยนต์ 80,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย (80,000 x 5%) x 10 ปี = 40,000 บาท ทั้งหมดที่ A ต้องจ่ายจะ = ผ่อนรถ 80,000 + ดอกเบี้ย 40,000 = 120,000 บาท โดยเขาต้องผ่อนทั้งหมด 120 งวด A ต้องผ่อนรถงวดละ 1,000 บาท
ผ่านไป 2 ปี เขาผ่อนไปแล้ว 1,000  x 24 งวด = 24,000 บาท เหลือเงินที่ต้องชำระอีก 120,000 - 24,000 = 96,000 บาท

A จึงไปขอรีไฟแนนซ์รถ เพื่อไปปิดก้อนเก่า สถาบันการเงินก็ประเมินรถของ Aสามารถรีไฟแนนซ์รถได้ 100,000 บาท โดยให้ดอกเบี้ยปีละ 4%

A จะได้เงินส่วนต่างจากการรีไฟแนนซ์รถอยู่ที่ 100,000 – 96,000 = 40,000 บาท และยังได้ดอกเบี้ยที่ต่ำลงด้วย แต่ A อาจจะต้องทำตามเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงินที่ไปรีไฟแนนซ์รถ
 
หากอยากทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์รถ เช่นอยากทราบว่า รถคันที่เรายังผ่อนอยู่ นำมารีไฟแนนซ์ได้ไหม แนะนำให้คุณติดต่อ Refinn เว็บไซต์สำหรับรีไฟแนนซ์หนี้สิน ทั้ง รีไฟแนนซ์รถ รีไฟแนนซ์บ้าน หรือภาระหนี้สินอื่น ๆ สามารถสอบถามมาที่ ไลน์ https://line.me/ti/p/@xww5795p โทร. 02-079-5119 หรือ คลิก รีไฟแนนซ์รถ เลย!


คุณสมบัติ เงื่อนไข ของการขอรีไฟแนนซ์รถ มีอะไรบ้าง

การขอรีไฟแนนซ์รถต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่เราจะไปทำการรีไฟแนนซ์รถกำหนด โดยส่วนใหญ่จะมีข้อกำหนดและคุณสมบัติคล้าย ๆ กัน เช่น
 
1. ฐานเงินเดือนขั้นต่ำของผู้ที่จะมารีไฟแนนซ์รถ ส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 9,000 บาทขึ้นไป
2. มีอายุระหว่าง 20 – 65 ปี
3. รถที่นำไปรีไฟแนนซ์ต้องมีอายุการใช้งานไม่เกิน 15 ปี
4. ถ้ามีประวัติทางการเงินในการทำธุรกรรมต่าง ๆ รวมทั้งการรีไฟแนนซ์รถครั้งก่อน ๆ  จะเพิ่มโอกาสขอรีไฟแนนซ์รถผ่านได้มากขึ้น
 
ถ้าหากเงื่อนไขด้านบนผ่านแล้ว ก่อนจะไปขอรีไฟแนนซ์รถคุณต้องเอกสารดังนี้
สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาทะเบียนรถยนต์, สลิปเงินเดือน หรือหลักฐานรายได้ และสุดท้ายสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร

รีไฟแนนซ์รถ ที่ไหนดี - รวมธนาคารน่าสนใจ

เมื่อเรารู้รายละเอียดทั้งหมดแล้ว ต่อไปเราจะมาแนะนำว่าควรไปรีไฟแนนซ์รถ ที่สถาบันการเงินหรือธนคารไหนได้บ้าง

หมายเหตุ: ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูล ณ เดือนกันยายน สามารถอัพเดทข้อมูลดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์รถเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์ของธนาคาร หรือ Refinn เว็ปไซต์ที่ให้บริการเช็คดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์รถออนไลน์หลาย ๆ ธนาคารไว้ที่เดียว


1. รีไฟแนนซ์รถ ธนชาต

ปัจจุบัน ธนาคาร TMB ได้รวมกิจการกับ ธนชาต กลายเป็น ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ttb เรียบร้อยแล้ว
การรีไฟแนนซ์รถ ของ ธนาคารธนชาต หรือ ttb DRIVE ปี 2565 นั้น มีจุดเด่นคือ

• วงเงินขั้นต่ำที่ธนาคารธนชาตให้ได้จะอยู่ที่ 50,000 บาทต่อคัน
• อายุรถมากที่สุดได้ 16 ปี
• ผ่อนได้นานสุด 72 เดือน
• ใช้เวลาอนุมัติสินเชื่อ 1 – 3 วันเท่านั้น

2. รีไฟแนนซ์รถ ทิสโก้

จุดเด่นของ การรีไฟแนนซ์รถกับทิสโก้ คือ

• อายุรถรวมระยะเวลาผ่อนสูงสุดไม่เกิน 25 ปี
• วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมิน
• ได้อัตราดอกเบี้ย เริ่มต้น 0.49% ต่อเดือน

3. รีไฟแนนซ์รถ กรุงศรี

การรีไฟแนนซ์รถของธนาคารกรุงศรีฯ คาร์ ฟอร์ แคช มีข้อดีคือ

• มีสินเชื่อหลายแบบให้เลือก เช่น คาร์ ฟอร์ แคช, คาร์ ฟอร์ แคช โปะ และ คาร์ ฟอร์ แคช พร้อมใช้
• วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมิน
• ได้อัตราดอกเบี้ย เริ่มต้น 0.27% ต่อเดือน
• แถมผ่อนได้นานสุด 84 เดือน

4. รีไฟแนนซ์รถ ไทยพาณิชย์

จุดเด่นของ การรีไฟแนนซ์รถ ไทยพาณิชย์ My Car My Cash คือ

• วงเงินสูงสุดที่ธนาคารธนชาตให้ได้จะอยู่ที่ 5 ล้านบาทต่อคัน
• ผ่อนได้นานสุด 84 เดือน
• และอัตราผ่อนเริ่มต้นที่ “แสนละ 58 บาทต่อวัน”

5. รีไฟแนนซ์รถ cimb

จุดเด่นของ การรีไฟแนนซ์รถกับธนาคาร cimb หรือ cimb auto นั้น มีจุดเด่นคือ

• วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมิน
• ได้อัตราดอกเบี้ย เริ่มต้น 0.26% ต่อเดือน
• อายุรถสูงสุดไม่เกิน 19 ปี
• และที่สำคัญใช้เวลาอนุมัติสินเชื่อเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น

6. รีไฟแนนซ์รถ กสิกรไทย
สุดท้าย การรีไฟแนนซ์รถกับธนาคารกสิกรไทย มีโปรโมชั่นหลักคือ สินเชื่อรถ และ สินเชื่อรถช่วยได้มีจุดเด่นคือ

• ได้วงเงินสูงสุด 100% ของราคาประเมิน
• รับรถอายุสูงสุดไม่เกิน 16 ปี
• ใช้เวลาอนุมัติสินเชื่อเพียง 1 วัน
• และที่สำคัญไม่ต้องมีคนค้ำประกันก็ทำการรีไฟแนนซ์รถ ได้

ต้องผ่อนรถกี่ปีถึงรีไฟแนนซ์รถได้

รถที่นำไปรีไฟแนนซ์ต้องผ่อนชำระ 50% ของสัญญาปัจจุบันแล้ว พูดง่าย ๆ คือ ถ้าจะรีไฟแนนซ์รถ ต้องผ่อนเกินครึ่งของมูลค่าหรือระยะเวลาทั้งหมด เช่น ถ้าสัญญาระบุว่าผ่อน 4 ปี ต้องผ่อนไปแล้วอย่างน้อย 2 ปี หรือ ถ้ามูลค่ารถ 10 บาท ต้องผ่อนแล้วเกิน 5 บาท


ยังผ่อนรถไม่หมดก็ขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์รถได้

สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ ทั้งรถเก๋ง รถกระบะ หรือรถมอเตอร์ไซค์ที่กำลังผ่อนอยู่ และมองหาว่าจะ รีไฟแนนซ์รถ ที่ไหนดี
 
เราขอแนะนำ Refinn เว็บไซต์สำหรับรีไฟแนนซ์หนี้สิน ทั้งรีไฟแนนซ์รถ, รีไฟแนนซ์บ้าน หรือภาระหนี้สินอื่น ๆ ที่จะ เปรียบเทียบโปรโมชั่น, วงเงิน และอัตราดอกเบี้ยที่ถูกที่สุดมาให้คุณฟรี
 
ขั้นตอนใช้บริการ Refinn นั้นง่ายมาก ๆ เพียงแค่

1.เลือกโปรโมชั่น การรีไฟแนนซ์รถ ผ่าน Refinn
2.สมัครรีไฟแนนซ์รถออนไลน์ฟรี
3.นัดตรวจเอกสารและสภาพรถ
4.รับทราบผลพิจารณาสินเชื่อทางออนไลน์ได้เลย
 
หากสนใจ สามารถสอบถามมาที่ ไลน์ https://line.me/ti/p/@xww5795p โทร. 02-079-5119

สรุป

ถึงการรีไฟแนนซ์รถ จะมีข้อดีมากมาย แต่อยากให้ผู้ที่ทำการรีไฟแนนซ์ศึกษาและอ่าน เงื่อนไขรวมทั้งคุณสมบัติของแต่ละสถาบันการเงินให้ดี ๆ รวมทั้งควรวางแผนการเงินที่จะใช้เมื่อทำการรีไฟแนนซ์รถเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้น การรีไฟแนนซ์รถ จะกลายเป็นการเพิ่มภาระให้ตัวเองแทนที่จะเป็นการแบ่งเบาภาระนะครับ

---

เคยเป็นไหม? อยู่ดีๆก็มีอาการเจ็บแปลบๆที่ข้อมือขยับ หรือยกของ ปวดข้อมือทุกครั้งที่ใช้งาน ไม่แม้แต่การขยับเล็กๆน้อยๆ ก็มีอาการ อาการเหล่านี้ไม่ควรมองข้าม เพราะนั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการ เอ็นข้อมืออักเสบ
   
เอ็นข้อมืออักเสบ เป็นอาการที่มักพบได้บ่อยในกลุ่มคนทำงานที่มีการใช้ข้อมือบ่อยๆ คนที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำงาน  หรือใช้สมาร์ตโฟนทำงานในทุกๆวัน รวมไปถึงการเล่นกีฬาบางชนิดที่มีการใช้ข้อมืออย่างหนัก แม้ว่าอาการเอ็นข้อมืออักเสบนั้นจะเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้เช่นกัน หากเรารู้วิธีรักษาที่ถูกต้องถูกวิธี    

ทำความรู้จักเส้นเอ็นข้อมือ


มือ เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ในการใช้ชีวิตของคนเรา และยังเป็นอวัยวะที่มีการเคลื่อนไหวบ่อยที่สุด  สามารถขยับได้หลายทิศทาง ซึ่งภายในข้อมือของคนเรานั้นจะประกอบไปด้วยกระดูก กระดูกอ่อน และเส้นเอ็น การที่ข้อมือของเราจะขยับได้นั้นจำเป็นต้องอาศัยเอ็นรอบข้อมือ ที่ทำงานด้วยการยึดข้อมือไว้และช่วยดึงให้เกิดการเคลื่อนไหวได้

เอ็น (Tendons) มีโครงสร้างคล้ายเชือก มีหน้าที่ยึดกล้ามเนื้อและกระดูกเข้าด้วยกัน โดยเส้นเอ็นหลัก 2 เส้น ที่นิ้วหัวแม่มือและทำหน้าที่ยึดข้อต่อของนิ้วแม่มือเพื่อให้ข้อมือเกิดการเคลื่อนไหวในทิศทางต่างๆได้ การใช้ข้อมืออย่างหนักซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลานานจะทำให้ปลอกเอ็นข้อมืออักเสบและบวมขึ้น

ส่งผลให้มีอาการเจ็บปวดเมื่อเกิดการเสียดสีของปลอกเยื่อหุ้มเอ็นและเอ็น การขยับข้อมือทำได้จำกัด และเกิดอาการปวดเมื่อเคลื่อนไหวข้อมือ เป็นสาเหตุไปสู่อาการเอ็นข้อมืออักเสบในที่สุด

เอ็นข้อมืออักเสบ (De Quervain's Tenosynovitis)


เอ็นข้อมืออักเสบ หรือ De Quervain's Tenosynovitis เป็นลักษณะของอาการที่เกิดจากเยื่อหุ้มเอ็นของเส้นเอ็นตรงบริเวณข้อมือ มีการกดทับของเส้นเอ็น ทำให้เกิดการหดตัวของเส้นเอ็นภายในตรงบริเวณข้อมือ ส่งผลให้เยื่อหุ้มเอ็นหรือปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ

ผู้ป่วยมักจะรู้สึกปวดเอ็นข้อมือและปวดบริเวณเอ็นโคนนิ้วหัวแม่มือ ความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับตัวบุคคล บางรายอาจจะมีอาการปวดเล็กๆน้อยๆแบบกะทันหัน หรือมีอาการปวดอย่างหนัก และมีอาการบวมร่วมด้วย อาการเหล่านี้หากเราปล่อยไว้นานจนมีเกิดการปวดเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวด เพื่อเข้ารับการรักษา ได้ทันทวงที

อาการสัญญาณเตือนเอ็นข้อมืออักเสบ

อาการเหล่านี้ใช่เอ็นข้อมืออักเสบหรือไม่? หากคุณเกิดความสงสัยว่าอาการปวดข้อมือของคุณนั้นใช่อาการของเอ็นข้อมือสักเสบหรือเปล่า สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคเอ็นข้อมืออักเสบได้ดังนี้

• มีการอักเสบของเอ็น ทำให้บริเวณโคนนิ้วหัวแม่มือบวม
• มีอาการชาที่ปลายนิ้วโป้ง หรือนิ้วชี้
• มีอาการปวดติดต่อกันหลายวัน
• มีอาการปวดแม้ไม่ได้ขยับหรือใช้มือ
• รู้สึกปวดเอ็นข้อมือ บริเวณข้อมือมีอาการบวม แดง
• รู้สึกตึง ติดขัด ขยับนิ้วหัวแม่มือและข้อมือได้ลำบาก
• อาจะมีอาการไข้ร่วมกับการปวดข้อมือด้วย

หากคุณมีอาการเบื้องต้นจากที่ได้กล่าวมานั้น ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอาการปวดที่เกิดขึ้นกับคุณ ว่าแท้จริงแล้วเกิดจกาอะไร ใช่อาการของเอ็นข้อมืออักเสบหรือไม่

เอ็นข้อมืออักเสบเกิดจากสาเหตุใด

เอ็นข้อมืออักเสบ มีสาเหตุมาจากการที่ข้อมือมีการใช้งานบริเวณข้อมือบ่อยมากเกินไป หรือการที่มือของเราเกิดไปกระแทกกับของวัตถุของแข็งก็สามารถทำให้เกิดการอักเสบได้ ส่วนมากจะพบในผู้ที่ทำงานที่ใช้งานข้อมืออย่างหนัก หรือให้งานข้อมือในท่าที่ผิดและท่าเดิมซ้ำๆ

เอ็นข้อมืออักเสบนั้นส่วนมากจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะด้วยกิจกรรมในแต่ละวันของผู้หญิงนั้นมีการใช้มือหยิบทำนั้นนี้ตลอดเวลา จึงเป็นสาเหตุที่โรคเอ็นข้อมืออักเสบจึงพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย รวมไปถึงผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรัง เช่น โรครูมาตอยด์  และพังผืดที่เกิดจากการผ่าตัด สามารถมีโอกาสที่จะเป็นเส้นเอ็นข้อมืออักเสบได้เช่นเดียวกัน
 
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดเอ็นข้อมืออักเสบ


ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดอาการปวดเอ็นข้อมือ ปลอกเอ็นข้อมืออักเสบ เอ็นข้อมืออักเสบ มีดังนี้

• โรคประจำตัว

 
ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวบางชนิด ที่มีอาการปวดตามข้อ เช่น  โรคข้ออักเสบเรื้อรังรูมาตอยด์ (Rheumatoid) โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบเรื้อรัง หรือผู้ที่เคยการผ่าตัดพังผืดมาก่อน

• อายุ

อายุที่มากขึ้นก็ร่างกายของคนเราก็มักจะเสื่อมสภาพตามอายุไปด้วย และผู้ป่วยที่เป็นเอ็นข้อมืออักเสบ ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ถึงแม้ว่าอายุจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการเอ็นข้อมืออักเสบได้
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนหนุ่มสาว วัยรุ่นวัยใส จะไม่สามารถเป็นได้ เพราะด้วยกิจกรรมต่างๆในแต่วันของคนวัยนี้ ก็อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการเอ็นข้อมืออักเสบได้

• เพศ

เอ็นข้อมืออักเสบ มักเกิดขึ้นกับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย เนื่องด้วยกิจกรรมต่างๆในแต่ละวันของผู้หญิงนั้นในการหยิบจับทำนู้นทำนี้อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เสี่ยงต่อการเกิดเอ็นข้อมืออักเสบได้

• กิจกรรม

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดเอ็นข้อมืออักเสบ มักเกิดจากการทำกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวันของเราเอง เช่น ทำงานบ้าน การเลี้ยงลูก และทำงานกับคอมพิวเตอร์ ที่มีการวางมือในการพิมพ์งานไม่ถูกต้อง รวมไปถึงการเล่นกีฬาที่ใช้งานข้อมือเป็นหลัก

---

กลุ่มเสี่ยงเอ็นข้อมืออักเสบ

กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อเอ็นข้อมืออักเสบ มากกว่าคนทั่วไป คือ
 

• กลุ่มคนทำงาน  ผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์
• ผู้ที่มีโรคประจำตัว  เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid)
• ผู้หญิงตั้งครรภ์
• ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
• ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย
• ผู้ที่มีประวัติประสบอุบัติเหตุ หรือบาดเจ็บบริเวณข้อมือมาก่อน

---

เอ็นข้อมืออักเสบ..เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

อาการปวดข้อมือ เจ็บเอ็นข้อมือ มักเป็นอาการที่ผู้คนมักมองข้าม เนื่องจากเป็นอาการที่พบได้บ่อย และคิดว่าถ้าปล่อยไว้จะสามารถหายไปได้เอง 
 
แต่เมื่อไหร่ที่คุณมีอาการปวดข้อมือจนไม่สามารถขยับข้อมือได้เนื่องจากรู้สึกปวดมาก ข้อมือบวมแดง รู้สึกร้อนบริเวณข้อมือ และมีไข้ร่วมด้วย มีอาการชาที่ข้อมือตลอดเวลา ไม่หายสักที นั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าเอ็นข้อมืออักเสบรุนแรง จำเป็นต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง และเข้ารับการรับรักษาโดยทันที
 
อาการปวดข้อมือสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่อย่าชะล่าใจเด็ดขาด เพราะผลที่ตามมาอาจจะไม่ดีต่อตัวคุณสักเท่าไหร่  จึงจำเป็นต้องพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการวินิจฉัยสาเหตุอย่างละเอียด เพื่อที่จะได้รักษาได้ตรงจุดมากที่สุด

---

การวินิจฉัยเอ็นข้อมืออักเสบ


การวินิจฉัยโรคเอ็นข้อมืออักเสบ แพทย์จะสอบถามอาการและสาเหตุที่อาจทำให้เกิดอาการขึ้น และตรวจการอักเสบของเอ็นข้อมือ โดยใช้วิธี Finkelstein Test การวินิจฉัยร่วมด้วย

แพทย์จะแตะบริเวณข้อมือ หรือบริเวณนิ้วหัวแม่มือ เพื่อตรวจอาการ Tenosynovitis หรือผู้ป่วยบางรายอาจจะทำการทดสอบ Finkelstein / Eichhoff  คือ การวางนิ้วหัวแม่มือไว้บนฝ่ามือ และงอข้อมือเข้าหานิ้วก้อย เพื่อตรวจว่าคุณมีอาการเจ็บหรือไม่ และจะประเมินความรุนแรงของอาการโรคเอ็นอักเสบ และแนะนำวิธีรักษาเอ็นข้อมืออักเสบ ตามความเหมาะสม

ส่วนใหญ่แล้วการวินิจฉัยเอ็นข้อมืออักเสบไม่จำเป็นต้องทำการตรวจด้วยการเอกซเรย์ เนื่องจากการตรวจอาการเบื้องต้นนั้นถือว่าเพียงพอต่อการวินิจฉัยของแพทย์แล้ว ส่วนการรักษาเอ็นข้อมืออักเสบกี่วันหายนั้น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและขั้นตอนการรักษาตามดุลพินิจของแพทย์ด้วย

---

วิธีรักษาเอ็นข้อมืออักเสบ

1. การรักษาเอ็นข้อมืออักเสบด้วยการใช้ยา

• การทานยารักษาเอ็นข้อมืออักเสบ

เอ็นข้อมืออักเสบกินยาอะไร ? มักเป็นคำถามที่เกิดขึ้นสำหรับผู้ที่มีอาการแรกเริ่ม รู้สึกปวดไม่มากนัก สามารถใช้งานข้อมือและขยับข้อมือได้ปกติ แต่ไม่อยากไปพบแพทย์เท่าไหร่นักและต้องการที่จะกินยาเพื่อบรรเทาอาการปวด

สามารถรับประทานยาที่รักษาอาการปวดและอาการอักเสบได้ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal antiinflammatory drugs, NSAIDs) ที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป หรือที่เราเรียกกันทั่วไปว่า “ยาแก้อักเสบ” ได้แก่ แอสไพริน (Aspirin), ไอบูโฟนเฟน (Ibuprofen), นาพร็อกเซน (Naproxen) เป็นต้น

• การฉีดยาลดอาการอักเสบ

สเตียรอยด์ (Steroid) เป็นยาที่นิยมนำมาฉีดให้กับผู้ที่มีอาการปวดข้อมือ เอ็นข้อมืออักเสบ ถ้าคุณหมอรับรองว่าไม่เป็นอันตราย ก็อาจแนะนำการรักษาเอ็นข้อมืออักเสบด้วยการฉีดยา โดยจะฉีดสเตอรอยด์เข้าปลอกเอ็นเพื่อช่วยลดอาการอักเสบ เนื่องจากสเตียรอยด์มีความสามารถในการลดอาการอักเสบได้ดี และไม่มีผลข้างเคียงที่อันตรายแก่ผู้ใช้งาน

หากได้ทำการรักษาโดยการฉีดสเตียรอยด์แล้ว แต่ได้ผลรับที่ยังไม่ดีเท่าที่ควร อาการไม่ดีขึ้น ยังคงปวดข้อมือ นั้นหมายความว่าความรุนแรงของภาวะโรคเอ็นข้อมืออักเสบรุนแรงเกินกว่ายาที่ใช้รักษาแล้ว การฉีดสเตียรอยด์จะไม่ได้ผล แพทย์จะแนะนำวิธีรักษาแบบอื่นแทน เช่น การผ่าตัด เป็นต้น

2. การรักษาเอ็นข้อมืออักเสบด้วยกายภาพบำบัด


เอ็นข้อมืออักเสบนั้น อาจรักษาด้วยกายภาพบำบัด ถ้าในกรณีอาการเอ็นข้อมืออักเสบของคุณเป็นแบบเรื้อรังแต่ไม่รุนแรงมากนัก แพทย์ส่วนใหญ่จะพิจารณาให้ทำการกายภาพบำบัดควบคู่ไปกับการรับประทานยา การทำกายภาพบำบัดนั้น ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพบำบัดเท่านั้น

การทำกายภาพบำบัด (physiotherapy) นักกายภาพบำบัดจะกำหนดกายบริหารทั้งการยืดเส้นและเสริมสร้างความแข็งแรงในแบบที่เหมาะสมกับเอ็นส่วนที่อักเสบโดยเฉพาะ รวมถึงระบบกล้ามเนื้อโดยรอบ เช่น eccentric strengthening หรือการออกกำลังกายโดยเกร็งค้างไว้ตอนกล้ามเนื้อหรือเอ็นยืดออกไป ใช้รักษาเอ็นข้อมืออักเสบเรื้อรังได้ดี แต่อาจจะต้องทำติดต่อกันนาน 4 - 8 อาทิตย์ ถึงจะได้ผลลัพท์ที่ดี

3. การรักษาด้วยการผ่าตัดเอ็นข้อมืออักเสบ


หากเมื่อทำการรักษาตามขั้นตอนที่ผ่านมาแล้ว อาการไม่ดีขึ้น ความเจ็บปวดนั้นส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันแพทย์อาจแนะนำให้ใช้วิธีผ่าตัด ส่วนบางคนที่ยังมีอาการเจ็บปวดหลงเหลืออยู่ แต่ยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติก็อาจไม่จำเป็นต้องผ่าตัด ซึ่งส่วนนี้เป็นการปรึกษาร่วมกันระหว่างแพทย์และคนไข้เป็นกรณีไป

การผ่าตัดเอ็นข้อมืออักเสบ นั้น จะเป็นการผ่าตัดแบบวันเดียว ผู้ป่วยมักไม่จำเป็นต้องนอนพักที่โรงพยาบาล และสามารถกลับบ้านได้หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น การผ่าตัดจะเป็นการคลายปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณที่มีการเสียดสีกันออก จะทำให้เส้นเอ็นเคลื่อนตัวได้ดีขึ้น แผลมีขนาดเล็กกว่า 1 เซนติเมตร ใช้เวลาในการผ่าตัดราว 10 นาทีเท่านั้น หลังผ่าตัดสามารถใช้งานมือด้านนั้นได้ตามปกติ อาการเจ็บก็จะดีขึ้นอย่างชัดเจน

---

แนวทางการป้องกันเอ็นข้อมืออักเสบ

อย่างที่รู้กันแล้วว่าเอ็นข้อมืออักเสบนั้นเกิดจากการใช้งานข้อมืออย่างหนักซ้ำ ๆ เป็นเวลานานดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในการป้องกันเอ็นข้อมืออักเสบ สามารถปฏิบัติการคำแนะนำได้ดังนี้ 

• หลีกเลี่ยงการใช้งานของข้อมือที่ส่งผลต่ออาการบาดเจ็บ ทั้งการใช้งานหนัก ใช้งานซ้ำๆ
• ลดการทำกิจกรรมที่ใช้งานข้อมือบ่อยๆ เช่น งานบ้าน ก็ทำให้น้อยลง และรวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ
• การทำงานที่ต้องใช้ข้อมือเป็นประจำ ควรใช้ท่าทางที่เหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บ
• ก่อนเล่นกีฬาทุกชนิด ควรทำการยืดกล้ามเนื้อก่อนทุกครั้ง และไม่หักโหมจนเกินไป
• หลีกเลี่ยงการใช้สมาร์ทโฟนท่าเดิมๆเป็นเวลานาน

---

ข้อสรุป
เอ็นข้อมือ รวมไปถึงปลอกหุ้มเอ็น เป็นส่วนหนึ่งของข้อมือที่ช่วยในการเคลื่อนไหว หยิบจับข้าวของต่างๆ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นอวัยวะหลักของร่างกาย เมื่อใดที่เกิดการเจ็บหรือปวดจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราอย่างแน่นอน

เอ็นข้อมืออักเสบ ที่ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็ก แต่จริงๆ แล้วเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ เพราะอาการเจ็บข้อมือเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนั้นเราไม่ควรมองข้ามอาการเจ็บหรือปวดที่ข้อมือ เพราะวิธีการรักษาในแต่ละสาเหตุก็ค่อนข้างแตกต่างกันอย่างมากเช่นกันดังนั้น เมื่อเกิดอาการเจ็บปวดขึ้น การพบแพทย์เพื่อรักษาแต่เนิ่นๆ

---

ในปัจจุบันสิ่งต่าง ๆ รอบตัวของเราต่างเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเทคโนโลยี สังคม และค่านิยมต่างเปลี่ยนไป ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความต้องการในแต่ละบุคคล บางคนต้องการชื่อเสียง บางคนต้องการเงินทอง บางคนต้องการเพียงมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นต้น

จากที่กล่าวมาจะเห็นว่าแต่ละคนต่างมีความต้องการที่แตกต่างกัน ในการทำวิจัย หรือสำรวจความต้องการของแต่ละคนนั้น เราจำเป็นจะต้องมีเครื่องมือที่ช่วยเก็บข้อมูลเหล่านั้น โดยวิธีที่ดีที่สุดคือการออกแบบสอบถาม เพื่อสำรวจความต้องการของผู้บริโภค เพื่อนำไปพัฒนาสินค้าของตนให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้มากที่สุด

แบบสอบถาม คืออะไร

แบบสอบถาม (Questionnaire) คือการรวบรวมออกแบบสอบถามต่าง ๆ ออกมาเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เพื่อนำไปให้ผู้ตอบคำถาม แล้วนำข้อมูลที่ได้ไปวิจัย เพื่อพัฒนาสิ่งที่ต้องการต่อไป โดยสามารถนำไปใช้ในการวิจัย สำรวจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังวิเคราะห์คู่แข่งได้อีกด้วย

หลักการออกแบบสอบถาม (QUESTIONNAIRE DESIGN) ที่ดี ทำอย่างไร

การจะออกแบบสอบถามที่ดี จำเป็นต้องใช้หลักการดังต่อไปนี้

• ตั้งเป้าหมายและจุดประสงค์ให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถามทราบถึงความตั้งใจของผู้เก็บข้อมูล เพื่อจะได้นำไปพัฒนาต่อยอดได้ง่ายขึ้น
• คำถามต้องมีความชัดเจน กระชับ ได้ใจความ หลีกเลี่ยงการใช้ตัวย่อ หรือคำเฉพาะต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
• ควรมีการแบ่งหมวดหมู่คำถามอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันความสับสน ทั้งยังดึงดูดความสนใจของผู้ตอบไปยังเรื่องนั้น ๆ อย่างเต็มที่
• คำถามควรที่จะควบคุมเนื้อหาทั้งหมดที่ต้องการ เพื่อให้เข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้ง
• คำถามต้องมีความเป็นกลาง ไม่มีการชี้นำ เพราะจะทำให้คำตอบที่ได้มีความไม่เที่ยงตรง

7 ขั้นตอน ออกแบบสอบถามให้มีประสิทธิภาพ

เนื่องจากการออกแบบสอบถามที่ดี จำเป็นต้องมีการวางแผน คิด วิเคราะห์คำถามที่เหมาะสม และต้องทราบว่าเราต้องการคำตอบจากแบบสอบถามชุดนี้อย่างไร โดยเราสามารถแบ่งขั้นตอนได้เป็นขั้นตอนหลัก ๆ 7 ขั้นตอนดังนี้

1. ตั้งเป้าหมาย วัตถุประสงค์ที่ชัดเจน

เป้าหมายและวัตถุประสงค์ถือเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบสอบถามเลยก็ว่าได้ เพราะเราจะนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์ หรือพัฒนาการวิจัยต่อไป

2. กำหนดรูปแบบของคำถาม

เนื่องจากการรูปแบบคำถามที่แตกต่างกัน จะทำให้คำตอบที่ได้แตกต่างไปด้วย โดยการออกแบบสอบถาม ถ้าเป็นคำถามปลายเปิด จะช่วยให้คุณสามารถมองเห็นเส้นทางที่แปลกใหม่ได้ ส่วนคำถามแบบปลายปิด จะช่วยให้ข้อมูลที่ได้จากลูกค้าได้โดยง่าย

3. กำหนดรูปแบบ ของภาษา ลำดับการถาม

การใช้ภาษาสำหรับการออกแบบสอบถาม มักจะใช้ภาษาสุภาพ หรือภาษาที่เป็นทางการ ส่วนลำดับการถามนั้นจะแบ่งไปตามหมวดหมู่ของคำถาม โดยเนื้อเรื่องเดียวกัน มักจะถูกวางไว้ใกล้กัน

4. การร่างแบบสอบถาม

เมื่อตั้งเป้าหมายของการออกแบบสอบถาม กำหนดรูปแบบของคำถาม รวมไปถึงรูปแบบภาษาที่ใช้ และลำดับของคำถามหมวดหมู่ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ลำดับต่อไปคือนำคำถามที่ต้องการจะถามมาเรียบเรียงให้สละสลวยต่อไป

5. วิเคราะห์คุณภาพแบบสอบถาม

เมื่อทำการร่างแบบสอบถามเรียบร้อยแล้ว เราจะนำแบบสอบถามที่ได้ไปให้เพื่อนร่วมทีม หรือคนที่อยู่ในองค์กรเดียวกัน เพื่อขอคำแนะนำ ก่อนจะนำไปใช้ถามคนอื่น

6. ปรับปรุงแบบสอบถามให้สมบูรณ์

เมื่อได้รับขอเสนอแนะจากเพื่อนร่วมทีม หรือคนในองค์กรเดียวกันเรียบร้อยแล้ว จึงนำข้อมูลที่ได้มาปรับปรุงออกแบบสอบถามให้ดียิ่งขึ้น ลดข้อผิดพลาดให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ข้อมูลที่ครอบคลุมวัตถุประสงค์มากที่สุด

7. จัดพิมพ์แบบสอบถาม

เมื่อทำการปรับปรุงแบบสอบถามจนเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว จึงทำการจัดพิมพ์แบบสอบถามนั้นออกมา เพื่อแจกจ่ายไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อยอดต่อไป ซึ่งในปัจจุบันการจัดพิมพ์แบบสอบถามนั้นเกิดขึ้นได้น้อยมาก เพราะตอนนี้มีการออกแบบสอบถามแบบออนไลน์ ซึ่งสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากกว่า มีประสิทธิภาพมากกว่า

รูปแบบของคำถาม ของการออกแบบสอบถาม มีอะไร บ้าง


รูปแบบของคำถามสามารถแบ่งได้เป็นประเภทหลัก ๆ ได้ 2 ประเภท คือ คำถามปลายเปิด และคำถามปลายปิด โดยแต่ละประเภทจะให้คำตอบแต่ต่างกันดังนี้

1. คำถามปลายเปิด

คำถามปลายเปิด จะเป็นคำถามที่ต้องการความคิดเห็นเพิ่มเติม มุมมองต่าง ๆ รวมไปถึงขอเสนอแนะ บางครั้งอาจจะทำให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ปรับเปลี่ยนแนวทางของการวิจัยเลยก็เป็นได้

2. การใช้คำถามปิด

คำถามปลายปิด จะเป็นคำถามที่เฉพาะเจาะจง โดยจะเป็นการออกแบบสอบถามแบบใช้ตัวเลือก ทั้งการเลือกหัวข้อที่ผู้ตอบที่คำถามที่ต้องการ รวมไปถึงความพึงพอใจเกี่ยวกับแบบสอบถาม เพื่อให้ผู้ทำวิจัยสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว

ข้อควรระวังของคำถาม ในการออกแบบสอบถาม

การออกแบบสอบถามที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการตั้งคำถามดังต่อไปนี้

• หลีกเลี่ยงการใช้คำที่กำกวม เข้าใจยาก หรือศัพท์เฉพาะทาง เพราะอาจทำให้ผู้ทำแบบสอบถามสับสนได้
• หลีกเลี่ยงการใช้คำถามที่มีข้อความที่มีความละเอียดอ่อน ไม่ว่าจะเป็นศาสนา เพศ หรือความเชื่อเป็นต้น
• ไม่ควรใช้คำถามชี้นำ เพราะอาจจะทำให้ข้อมูลมีความคลาดเคลื่อนได้
• ไม่ควรตั้งคำถามที่มีลักษณะเป็นปลายเปิดจนเกินไป ควรกำหนดขอบเขตให้ชัดเจน
• ในกรณีที่มีคำถามที่คล้ายคลึงกัน ควรมีการเน้นคำด้วยการขีดเส้นใต้ หรือทำตัวหนา ป้องกันไม่ให้ผู้ตอบแบบสอบถามเกิดความสับสน

ภาษาที่ใช้ในออกแบบสอบถามที่ดี เป็นอย่างไร

• ใช้คำที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงการใช้ตัวย่อ
• ในกรณีที่ใช้คำศัพท์เฉพาะทาง หรือศัพท์เฉพาะอย่างชื่อยี่ห้อ หรือแบรนด์ ควรที่จะวงเล็บชื่อภาษาไทยหลังคำนั้นด้วย
• การใช้คำให้กระชับ ได้ใจความ เพื่อไม่ให้ผู้ตอบรู้สึกเสียเวลาในการอ่าน
• หลีกเลี่ยงการใช้คำที่เป็นนามธรรม เพราะแต่ละบุคคลจะตีความแตกต่างกัน อาจเกิดความคาดเคลื่อนได้ง่าย
• ตรวจสอบคำผิดให้เรียบร้อย เพราะจะมีความน่าเชื่อถือของแบบสอบถามลดลงได้

ลำดับของคำถาม ออกแบบสอบถามอย่างไรให้ดี

• ควรแบ่งประเด็นต่าง ๆ ออกเป็นหัวเรื่องหลัก ก่อนจะแตกออกเป็นหัวข้อเล็ก ๆ ตามมา เพื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถามค่อย ๆ เข้าไปส่วนที่เจาะจงมากขึ้น
• เรียบเรียงคำถามให้อยู่ในเนื้อหาเดียวกัน โดยเริ่มจากถามแบบกว้าง ๆ ก่อนจะเริ่มเจาะลึกลงไปเรื่อย ๆ
• สร้างคำถามที่มีความน่าสนใจอยู่ในลำดับต้น ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ตอบแบบสอบถามเอาไว้ให้ได้
• คำถามปลายเปิดจะเป็นคำถามสุดท้ายที่จะให้ผู้ตอบแบบสอบถามได้แสดงความคิดเห็นเพิ่ม ซึ่งจะสามารถช่วยให้เราสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดได้อย่างไม่รู้จบ

สรุป

การออกแบบสอบถามที่ดี และได้ประโยชน์สูงสุด คือกต้องมีการตั้งเป้าหมาย วัตถุประสงค์ของแบบสอบถามให้ชัดเจน แบ่งหมวดหมู่คำถาม ใช้คำที่เข้าใจง่าย หลีกเลี่ยงคำถามที่มีการชี้นำ รวมไปถึงคำถามที่มีความอ่อนไหว เป็นต้น

นอกจากที่ต้องทำข้างต้นแล้ว ก่อนที่จะนำแบบสอบถามที่ทำออกมาไปใช้จริง ยังต้องมีการทดสอบกับเพื่อนร่วมทีม หรือคนในองค์กรเสียก่อน เพื่อทำการปรับปรุงแบบสอบถามให้สมบูรณ์มากที่สุด และสุดท้ายคือการตรวจสอบคำผิด เพราะจะทำให้ความน่าเชื่อถือของแบบสอบถามลดลงได้

---

การติดฟิล์มรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้รถ ควรศึกษาราคาฟิล์มรถยนต์ให้ถูกรุ่นเพื่อยืดอายุการใช้งานของรถไว้เสมอ

สิ่งที่ควรรู้เพื่อนำไปเปรียบเทียบราคาฟิล์มรถยนต์ จำเป็นต้องรู้ในด้านไหนบ้าง

หากต้องการซื้อฟิล์มกรองแสงรถยนต์ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มศึกษาข้อมูลไม่ว่าจะเป็นราคาหรือประเภทของฟิล์มว่าควรใช้แบบใด ขณะนี้ทางเราได้รวบรวมข้อมูลทั่วไปที่จำเป็นต้องรู้สำหรับราคาฟิล์มรถยนต์แต่ละยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ใช้ พิจารณาการติดตั้งให้เหมาะสมสำหรับการใช้รถทั้งกลางวันและกลางคืน รวมไปถึงรายละเอียดย่อยที่ควรทราบ ดังต่อไปนี้

1. ลดรังสี UV
ไม่ว่าฟิล์มจะถูกแค่คันละ 1000-2000 หรือแพง คันละ 10,000-30,000 บาท ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ควรมีคุณสมบัติลดรังสีได้มากถึง 99 % รวมไปถึงลดรังสีความร้อนได้สูงถึง 93 % เพื่อให้อุณหภูมิของรถไม่สูงตามอากาศภายนอก หากเปิดแอร์ในรถแล้วจะเย็นเร็วและช่วยประหยัดน้ำมัน

2. การสะท้อนแสง
หากเลือกฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ควรพิจารณาราคาฟิล์มรถยนต์ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสะท้อนแสงจากภายนอก รวมไปถึงช่วยเพิ่มความหรูหราและเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับรถที่ใช้ได้ดี ซึ่งฟิล์มประเภทเซรามิคจะสามารถช่วยลดแสงสะท้อนภายในได้เป็นอย่างดี

3. แสงต้องส่องผ่านได้
เมื่อคราวจำเป็นที่คุณต้องขับรถตอนกลางคืน ควรเลือกฟิล์มที่มีคุณสมบัติสามารถมองเห็นได้ชัดเวลากลางคืน นั่นก็คือความเข้ม40% หรือ 60% หรือถ้าดูที่ค่าแสงสว่างส่องผ่านก็ควรจะมากกว่า 15% ที่สำคัญต้องดูที่ควรคมชัดของฟิล์มกรองแสงช่วงกลางคืนด้วย

4. อัตราลดความร้อนจากแสงแดด
ฟิล์มกรองแสงรถยนต์จะแสดงค่าตัวเลขที่บอกถึงการป้องกันพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ หรือค่าลดความร้อนรวม (TSER) กันความร้อนได้ดีไม่ว่าจะเป็นรังสีอัลตราไวโอเลต ค่าความร้อนแสงสว่างและรังสีอินฟราเรด หากตัวเลขลดความร้อนรวมมากเท่าไร ยิ่งทำให้ฟิล์มติดรถยนต์กันความร้อนได้ดีขึ้น

5. อัตราลดความร้อนจากสปอตไลท์
ค่าลดความร้อนจากสปอตไลท์จะคล้ายๆค่าลดความร้อนรวม แต่รังสีจากสปอตไลท์จะมีค่ารังสีอินฟราเรดมากกว่ารังสีอื่นๆ ทำให้ค่าลดความร้อนจากสปอตไลท์ จะมีค่าสูงกว่าค่าลดความร้อนรวมด้วย เลือกฟิล์มติดรถยนต์ที่ดี ควรดูค่าลดความร้อนจากสปอตไลท์สูงๆ

รุ่นของรถมีผลกับราคาฟิล์มรถยนต์ที่เช่นกัน


เมื่อนำรถขนาดเล็ก เช่น รถเก๋งมาติดตั้งฟิล์ม ราคาเริ่มต้นในราคาหลักหมื่น ซึ่งรถเก๋งจะแบ่งเป็นอีกเป็นเก๋งเล็ก เก๋งกลาง เก๋งใหญ่ หากเลือกติดรอบคันหรือบานหน้าเต็ม เมื่อนำรถขนาดใหญ่มาติดตั้งฟิล์ม เช่น รถตู้ ราคาฟิล์มรถยนต์ยิ่งเพิ่มขึ้นตามสภาพขนาดของรถ

วิธีเลือกซื้อเพื่อให้ได้ราคาฟิล์มรถยนต์ถูกๆ ต้องทำอย่างไร

วิธีราคาฟิล์มรถยนต์ ควรเช็คสภาพรถของตนเองว่ามีการใช้งานแบบใด เนื่องจากฟิล์มติดรถยนต์มีสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ในการรับแสงจากภายนอกต่างกัน เพื่อการใช้งานฟิล์มกระจกรถยนต์ขณะขับรถสะดวกกับผู้ใช้รถมากที่สุด

ร้านที่ราคาฟิล์มรถยนต์ถูก ควรมองหาที่ไหน


หากตามหาร้านที่มีราคาฟิล์มรถยนต์ราคาถูก SolarFX พร้อมให้บริการรับติดฟิล์มรถยนต์ พร้อมกับการปกป้องรถจากความร้อนและอันตรายจากแสง UV โดยใช้วัสดุฟิล์มอนุภาคนาโนเซรามิค แตกต่างจากฟิล์มทั่วไปที่เป็นการย้อมสีหรือฉาบด้วยโลหะ

ทำให้ได้ฟิล์มเซรามิคที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม สะท้อนแสงน้อย แสดงวิสัยทัศน์ขณะขับรถได้เป็นอย่างดี ลดความร้อนได้มากถึง 2-5 เท่า ราคาคุ้มค่ากับการติดตั้งฟิล์มรถยนต์คุณภาพกับวัสดุที่เป็นมิตรกับผู้ใช้รถ SolarFX มีราคาให้เลือกสรรหลากหลาย เหมาะสำหรับผู้ใช้รถทุกประเภท รวมไปถึงรับประกันอายุการใช้งานของฟิล์มติดรถยนต์มากถึง 18 ปีเลยทีเดียว

การติดฟิล์มรถยนต์ของเรานิยมติดแบบ 3 รุ่นด้วยกัน สามารถเลือกระดับรับติดฟิล์มได้เป็น ติดฟิล์ม 60 รอบคัน ลักษณะเข้มกลางไม่มืดไป ติดฟิล์ม 60 80 ให้ความรู้สึกส่วนตัว กันร้อนสูง และติดฟิล์ม 40 60 ให้ความรู้สึกสบายตา ขับได้กลางวันและกลางคืน

สำหรับการติดตั้งฟิล์มที่ได้รับความนิยมของทางร้าน วันนี้ขอยกตัวอย่างสินค้าที่สามารถติดตั้งฟิล์มได้ทุกระดับและติดตั้งได้กับรถทุกประเภทไว้ที่บทความนี้แล้ว

1. ฟิล์มนาโนเซรามิค SolarFX รุ่น Extreme Ceramic Series เมื่อติดตั้งแล้วให้ความรู้สึก “ดำเข้มจากภายนอก สว่างชัดจากภายใน มั่นใจยามค่ำคืน” สามารถป้องกัน UV ได้มากถึง 99 % และลดรังสีความร้อนได้ 82% อีกทั้งสามารถเลือกความเข้มได้ทุกระดับ ด้วยคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ใช้รถเป็นลำดับต้น ๆ

ฟิล์มเซรามิคสำหรับราคาของรุ่นนี้ หากเป็นรถเก๋งขนาดเล็ก เลือกติดรอบคันและบานหน้าเต็ม เริ่มที่ราคา 12,000 บาท หากเลือกเฉพาะบานหน้าเต็มจะคิดราคาที่ 4,000 บาท หรือคุณลูกค้าเลือกติดฟิล์มรอบคัน ยกเว้นบานหน้าจะคิดราคาที่ 9,000 บาท

หากติดตั้งรถกระบะตอนเดียว เลือกติดรอบคันและบานหน้าเต็ม เริ่มที่ราคา 10,500 บาท หาก
เลือกเฉพาะบานหน้าเต็มจะคิดราคาที่ 4,000 บาท หรือคุณลูกค้าเลือกติดฟิล์มรอบคัน ยกเว้น บานหน้าจะคิดราคาที่ 9,000 บาท

2. ฟิล์มเซรามิค SolarFX รุ่น FX PLUS SERIE ถือได้ว่าเป็นฟิล์มเซรามิคแห่งยุค เนื่องจากป้องกัน
UV และลดรังสีความร้อนถึง 99% เห็นภายนอกได้ชัดหากขับรถในเวลากลางคืน อีกทั้งตัวฟิล์ม ยังถูกออกแบบให้ใช้ GPS หรือ Easy Pass ได้อย่างไร้กังวล

สำหรับราคาฟิล์มรถยนต์ หากเป็นรถเก๋งขนาดเล็กเมื่อติดเฉพาะบานหน้าเต็ม เริ่มที่ราคา 5,500 บาท เลือกติดฟิล์มรอบคันเพิ่มจากบานหน้าเต็มไปด้วย เริ่มที่ราคา 15,000 บาท หรือเลือกติด ทั้งคันเว้นบานหน้าคิดราคาแค่ 11,000 บาท

หากต้องการติดตั้งฟิล์มสำหรับรถกระบะตอนเดียว ต้องการติดเฉพาะบานหน้าเต็มเริ่มที่ราคา 13,500 บาท เลือกติดฟิล์มรอบคันเพิ่มจากบานหน้าเต็มทางเราคิดในราคา 5,500 บาท
หรือต้องการติดฟิล์มรอบคันเว้นบานหน้าคิดราคาที่ 9,500 บาทเท่านั้น

สรุป

เมื่อมีรถไว้ใช้งาน การติดฟิล์มรถยนต์ถือได้ว่าเป็นสิ่งจำเป็น นอกจากความสวยงามภายนอกของรถที่ใช้แล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรถให้นานขึ้น ผู้ใช้รถต้องศึกษาราคาฟิล์มรถยนต์แต่ละยี่ห้อไว้เสมอ เนื่องจากฟิล์มแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและราคาต่างกัน รวมไปถึงต้องศึกษาสภาพการใช้งานของรถว่าเหมาะสมกับฟิล์มติดตั้งรถประเภทใดอีกด้วย

หากท่านที่ไม่รู้ว่าจะติดตั้งฟิล์มยี่ห้อไหนดี SolarFX พร้อมให้บริการติดตั้งฟิล์มรถยนต์เพื่อรถที่คุณรัก รวมไปถึงราคาคุณภาพคุ้มกับวัสดุของทางเรา เรียกได้ว่าเมื่อติดฟิล์มกับ SolarFX ไปแล้วหนึ่งคัน จะต้องมีคันที่สอง คันที่สาม ต่อไปอย่างแน่นอน

ในปัจจุบันที่ไม่ว่าจะด้วยความพร้อมทางด้านการงานหรือการเงิน ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เหล่าคู่รักเลือกที่จะมีบุตรในมีช่วงวัยที่มีความพร้อม ซึ่งสำหรับหลาย ๆ คนมักมีบุตรในช่วงอายุที่มาก ซึ่งนั่นนับว่าเป็นช่วงวัยที่ช้าเกินกว่าจะมีลูก และทำให้เกิดภาวะการมีบุตรยากขึ้นมา

ดังนั้นผู้ที่ประสบภาวะมีบุตรยากจึงควรเข้ารับฟังคำแนะนำและรักษาจากศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เพื่อแก้ปัญหานั้น ๆ เพื่อให้ผู้ที่อาจจะมีภาวะมีบุตรยากหรือผู้ที่กำลังประสบภาวะมีบุตรยากสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับภาวะนี้ได้มากขึ้น ทางบทความได้รวบรวมข้อมูลว่า ทำไมถึงได้ประสบภาวะการมีบุตรยาก สามารถเข้ารับการรักษาจากโรงพยาบาลหรือศูนย์ผู้มีบุตรยากได้เมื่อไหร่

ภาวะมีบุตรยากเกิดจากอะไร

ภาวะการมีบุตรยาก เป็นภาวะที่สามารถเกิดได้ทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยสาเหตุการเกิดภาวะนี้มีหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของสภาพร่างกายน้ำหนักมากจนผิดปกติ อายุเยอะ หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา เสพยาเสพติด ความเครียด เป็นต้น

ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อร่างกายทำให้ฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง และอาจทำให้เกิดความผิดปกติต่าง ๆ ตามมา ดังนี้

ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับฝ่ายชายทำให้มีภาวะการมีบุตรยาก

• คุณภาพอสุจิไม่ถึงเกณฑ์ทั่วไป
• ร่างกายผลิตปริมาณอสุจิน้อยกว่าเกณฑ์
• รูปร่างของอสุจิไม่สมบูรณ์ มีอสุจิที่มีสภาพสมบูรณ์น้อยผิดปกติ
• อสุจิสามารถเคลื่อนที่ได้ช้ากว่าเกณฑ์ทั่วไป

ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับฝ่ายหญิงทำให้มีภาวะการมีบุตรยาก

• ท่อนำไข่ตีบตันหรือมีความผิดปกติ
• มีประจำเดือนมาไม่ปกติ ทำให้ไม่สามารถคำนวณวันตกไข่ได้
• ปากมดลูกหรือมดลูกมีความผิดปกติ เช่น มีแผล มีก้อนเนื้อ หรือเกิดการเสื่อมสภาพ

ความผิดปกติดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้การปฏิสนธิเกิดขึ้นได้ยากมากขึ้น และเกิดภาวะการมีบุตรยากขึ้นมา แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่ไม่ได้มีพฤติกรรมเสี่ยงหรือมีความผิดปกติใด ๆ กับร่างกาย แต่กลับไม่สามารถหาสาเหตุการมีบุตรยากได้ด้วยเช่นกัน
   
ควรไปที่ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยากเมื่อไหร่?

หากลองมีเพศสัมพันธ์แบบธรรมชาติหลายครั้งแต่กลับไม่ตั้งครรภ์สักที นั่นหมายความว่าคุณอาจจะกำลังประสบปัญหาภาวะการมีบุตรยาก แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าต้องมีเพศสัมพันธ์กี่ครั้ง หรือต้องใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ถึงจะมีโอกาสการตั้งครรภ์ได้?

โดยทั่วไปแล้ว หากทั้งฝ่ายชายฝ่ายหญิงมีสภาพร่างกายปกติ และมีเพศสัมพันธ์ด้วยกันอย่างสม่ำเสมออาทิตย์ละประมาณ 2-3 ครั้งโดยไม่ได้คุมกำเนิด ก็จะมีโอกาสการตั้งครรภ์สูง

แต่ถ้าหากลองมีเพศสัมพันธ์ด้วยวิธีดังกล่าวโดยไม่ได้คุมกำเนิดนานกว่า 1 ปี นั่นอาจจะเป็นสัญญาณว่าเป็นภาวะการมีบุตรยาก นอกจากนี้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 35 ปีโดยเฉพาะฝ่ายหญิง หรือตัดสินใจที่จะมีลูกช้าเกินไปนั้นก็เป็นเหตุที่ทำให้มีภาวะมีบุตรยากสูงมากขึ้น

ดังนั้นเพื่อที่จะรักษาภาวะบุตรยากนี้ หลาย ๆ คนคงจะสงสัยใช่ไหมว่า ปรึกษามีบุตรยากที่ไหนดี? ตรวจภาวะมีบุตรยากที่ไหนดี? ซึ่งการรักษานั้นจะเริ่มต้นด้วยการเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา แนะนำวิธีที่ใช้ในการดูแลสุขภาพ และแนะนำที่ใช้ในการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย

ซึ่งก่อนที่จะเข้ารับการรักษาแพทย์จะทำการประเมิน สัมภาษณ์ผู้เข้ารับการรักษาทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงก่อนว่ามีปัญหาอะไรบ้าง ดังนี้

ปัญหาที่มักพบกับฝ่ายชาย

• มีประวัติการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
• มีประวัติการผ่าตัดบริเวณใกล้ ๆ ถุงอัณฑะ
• อัณฑะเคยอักเสบ ติดเขื้อ จากโรคคางทูม
• มีประวัติการป่วยมะเร็งในวัยเด็กที่จำเป็นต้องเข้ารับการฉายแสงหรือเคมีบำบัด

ปัญหาที่มักพบกับฝ่ายหญิง

• ประจำเดือนมาไม่ปกติ เช่น ประจำเดือนนาน ๆ มาที ช่วงที่มีประจำเดือนมีปริมาณมากจนเกินไป หรือรู้สึกปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงเมื่อมีประจำเดือน
• เคยหรือมีอาการปวดท้องน้อย
• เคยผ่าตัดบริเวณอุ้งเชิงกราน หรืออุ้งเชิงกรานเคยอักเสบติดเชื้อ และอาจเป็นส่วนทำให้ท่อนำไข่ตีบตัน

หมายเหตุ เนื่องจากฝ่ายหญิงมีส่วนของร่างกายที่จำเป็นต้องมีเพื่อปฏิสนธิมากกว่าเพศชาย เพราะฉะนั้นจึงพบเพศหญิงที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยากมากกว่าเพศชาย   

บริการสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาภาวะการมีบุตรยาก

IVF


IVF
IVF (In-Vito Fertilization) หรือการทำเด็กหลอดแก้ว เป็นการคัดเชื้ออสุจิที่สภาพสมบูรณ์แข็งแรงของฝ่ายชาย และเซลล์ไข่ที่มีสภาพสมบูรณ์ของฝ่ายหญิงมาทำการปฏิสนธิในห้องทดลอง เมื่อเซลล์ไข่และเชื้ออสุจิปฏิสนธิสำเร็จและเกิดตัวอ่อนขึ้นมา แพทย์ก็จะนำตัวอ่อนฉีดกลับเข้าไปที่โพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์แบบปกติต่อไป

วิธีรักษานี้จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นกว่าการทำ IUI แต่ว่าหากเข้าการรักษาด้วยวิธี IVF มากกว่า 3 ครั้งและไม่ประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์ ทางแพทย์จะแนะนำให้เข้ารับการรักษาด้วยวิธี ICSI

บุคคลที่สามารถรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธี IVF ได้

• ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
• ผู้ที่พยายามมีบุตร 1 ปีขึ้นไปแต่ไม่ทราบสาเหตุที่ไม่เกิดการตั้งครรภ์
• ฝ่ายหญิงที่มีปัญหาทางด้านการตกไข่ เช่น ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ ไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือมีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ เป็นต้น
• ฝ่ายชายที่มีปัญหาทางด้านเชื้ออสุจิ เช่น มีเชื้ออสุจิน้อย อสุจิมีลักษณะรูปร่างผิดปกติ

IUI


IUI (Intra-Uterine Insemination) คือการคัดเลือกเชื้ออสุจิที่มีสภาพสมบูรณ์แข็งแรงฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก โดยใช้ท่อพลาสติกขนาดเล็กสอดผ่านมดลูกเพื่อฉีดเชื้อเข้าไปในช่วงใกล้วันไข่ตก หรือช่วงวันไข่ตกพอดี และเชื้ออสุจิที่ฉีดเข้าไปก็จะว่ายไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่

เรียกได้ว่าการรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธีนี้เป็นวิธีที่มีความใกล้เคียงกับการมีเพศสัมพันธ์แบบธรรมชาติมากเนื่องจากเป็นการฉีดเชื้ออสุจิให้ไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่เอง แต่จะมีโอกาสตั้งครรภ์มากกว่าการมีเพศสัมพันธ์อย่างธรรมชาติ

บุคคลที่สามารถรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธี IUI ได้

• ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี
• ฝ่ายหญิงที่มีปัญหาปากมดลูก
• ฝ่ายหญิงที่มีปัญหาทางด้านการตกไข่ เช่น ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ ไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือมีภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ เป็นต้น

โดยส่วนมากผู้ที่เข้ารับการรักษาด้วยการทำ IUI จะประสบความสำเร็จในช่วงครั้งที่ 3-4 แต่ถ้าหากไม่สำเร็จเกิน 6 ครั้ง ทางผู้เข้ารับการรักษาควรพิจารณาทางเลือกอื่น ๆ ในการรักษาภาวะการมีบุตรยากต่อไป เพราะถ้าเข้ารับการรักษา 6 ครั้งขึ้นไป โอกาสที่จะช่วยเพิ่มการตั้งครรภ์จะเท่าเดิมหรือลดลง

ICSI


ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) คือ การทำเด็กหลอดแก้วอีกประเภทหนึ่งที่หลายคนรู้จักคำว่า อิ๊กซี่ เป็นการรักษาที่ทำให้อสุจิและเซลล์ไข่เกิดการปฏิสนธิกันแบบเจาะจงโดยตรง ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์เพิ่มมากขึ้นกว่าวิธีอื่น ๆ

การทำ ICSI จะนำเชื้ออสุจิมาคัดเลือกหาอสุจิตัวที่มีสภาพสมบูรณ์ แข็งแรงมากที่สุดด้วยกล้องจุลทรรศน์ 1 ตัว แล้วฉีดเข้าไปในเซลล์ไข่ที่มีสภาพสมบูรณ์ 1 ใบด้วยเข็มขนาดเล็ก จากนั้นผู้เชี่ยวชาญจะนำไข่ที่ฉีดอสุจิเข้าไปเลี้ยงในห้องปฏิบัติการเพื่อให้ตัวอ่อนพัฒนาอย่างเต็มที่ และจะฉีดตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูกเมื่อตัวอ่อนอยู่ในระยะเวลาที่เหมาะสม

บุคคลที่สามารถรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธี ICSI ได้

• ผู้ที่มีอายุ 35 ปีเป็นต้นไป
• ผู้ที่รักษาด้วยวิธีอื่น ๆ เช่น IVF IUI แล้วแต่กลับไม่ตั้งครรภ์
• ฝ่ายชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย เช่น มีปริมาณเชื้ออสุจิน้อย อสุจิไม่สมบูรณ์ เคลื่อนไหวช้า
• ฝ่ายหญิงที่มีปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย เช่น ปัญหาท่อนำไข่ตีบตัน เปลือกเซลล์ไข่หนาแบบผิดปกติ หรือรังไข่เสื่อมสภาพ

ฝากไข่


Egg Freezing / Oocyte Cryopreservation) หรือที่เรียกว่าการฝากไข่ เป็นวิธีการเก็บแช่แข็งเซลล์ไข่ไว้ในช่วงที่ยังคงมีสภาพที่สมบูรณ์อยู่ หรือเซลล์ไข่ยังอยู่ในช่วงเจริญพันธุ์ และนำมาผสมกับเชื้ออสุจิของสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายเพื่อให้สามารถตั้งครรภ์ในเวลาที่ต้องการ

บุคคลที่เหมาะกับวิธีการฝากไข่

• ผู้ที่ยังไม่พร้อมที่จะตั้งครรภ์
• ผู้ที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดรังไข่
• ผู้ที่ป่วยโรคเรื้อรัง หรือเป็นโรคมะเร็ง
• ผู้ที่มีปัญหาทางพันธุกรรมที่ทำให้รังไข่เสื่อมสภาพเร็วกว่าวัยอันควร

ซึ่งการรักษานี้จะสามารถทำให้มีบุตรในช่วงวัยที่ต้องการ หรือมีบุตรในช่วงที่มีความพร้อมแล้วได้ ซึ่งเซลล์ไข่ที่นำไปแช่แข็งในห้องปฏิบัติการนั้นจะสามารถเก็บได้มากถึง 5-10 ปี

ทำกิฟต์

GIFT (Gamete Intrafallopian Transfer) หรือการทำกิฟต์ เป็นวิธีที่ในสมัยก่อนใช้เพื่อช่วยทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้โดยการนำเซลล์ไข่มาผสมกับอสุจิและใส่กลับเข้าไปในท่อนำไข่เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิ ซึ่งขั้นตอนการทำนั้นจะจำเป็นต้องกรีดหน้าท้อง วางยาสลบ ทำให้อาจมีความเสี่ยงอันตรายต่าง ๆ ตามมา เช่น การท้องนอกมดลูก การแท้ง เป็นต้น

เพราะฉะนั้นแพทย์หลาย ๆ ท่านจึงไม่แนะนำให้เลือกการรักษาภาวะการมีบุตรยากด้วยวิธีนี้ เนื่องจากในปัจจุบันมีวิธีที่ปลอดภัยและมีโอกาสประสบความสำเร็จในการตั้งครรภ์มากกว่า เช่น การทำเด็กหลอดแล้ว

อีกหนึ่งอาชีพที่ใครหลายๆคนนั้นมีความฝันในการจะได้ทำก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็น ตำรวจสายปราบปราม โดยใครๆหลายคนก็อาจจะยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรบ้าง มีแนวทางในการสอบหรือเข้ารับราชการอย่างไร บทความนี้จะพาทุกท่านไปพบกับข้อมูลและรายละเอียดที่สำคัญ พร้อมกับเคล็ดลับของ ข้อสอบนายสิบตํารวจสายปราบปราม ที่จะเข้ามาช่่วยทำให้การสอบเข้ารับราชการตำรวจสายปราบปรามของใครหลายๆคนนั้นมีโอกาสสูงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งสามารถเป็นแนวทางได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

ใครอยากดูตัวอย่างข้อสอบตำรวจปราบปรามดูได้ที่ แนวข้อสอบตำรวจปราบปราม

ข้อสอบนายสิบตำรวจสายปราบปรามเป็นยังไง

แน่นอนว่าข้อสอบนายสิบสายปราบปรามนั้นก็ต้องมีความรู้ที่ค่อนข้างกว้างเพราะความสามารถที่หลากหลายในการประกอบอาชีพก็มีความสำคัญ ซึ่งหากใครได้ลองอ่านหนังสือนายสิบตำรวจสายปราบปรามก็จะเห็นได้ว่ามีการใส่เนื้อหาประกอบไปด้วยหลากหลายสาขาวิชาพื้นฐาน และใครหลายๆคนนั้นคงอยากจะทราบแล้วว่าแนวข้อสอบนี้เป็นอย่างไร จะต้องให้ความสนใจกับเรื่องไหนเป้นพิเศษในการทบทวนหรือเตรัยมตัว เดี้ยวเราจะไปดูรายละเอียดพร้อมๆกันในบทความนี้

ข้อสอบตำรวจปราบปราม ออกอะไรบ้าง


ข้อสอบตำรวจสายปราบปราม วิชา ความสามารถทั่วไป

สำหรับแนวข้อสอบตำรวจสายปราบปรามนั้น วิชาแรกที่เราจะต้องให้ความสำคัญก็คือ วิชาความสามารถทั่วไป ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะเป็นการชี้วัดในการผ่านเกณฑ์การสอบ ซึ่งใครที่อาจจะยังไม่เข้าใจว่าสำหรับวิชานี้นั้น ควรจะเน้นย้ำ หรือให้ความสำคัญตรงไหนเป็นพิเศษ รวมถึงอาจจะยังไม่เห็นภาพของโดยรวม สามารถที่จะศึกษาแนวแนวข้อสอบตำรวจสายปราบปรามได้ ซึ่งในปีล่าสุดนั้นก็มีความทันสมัยและสามารถนำไปใช้ในการทบทวนและเตรียมตัวได้จริง ซึ่งก็จะมีเนื้อหาความถนัดทั่วไปในส่วนของ เลขอนุกรม อุปมาอุปไมย มิติสัมพันธ์ของรูปภาพ และข้อสอบเกี่ยวกับการคำนวณคณิตศาสตร์ สมการ ร้อยละ พหุนาม สถิติ ความน่าจะเป็น เป็นต้น โดยในวิชานี้นั้นจะมีการออกข้อสอบทั้งหมด 30 ข้อ

ข้อสอบตำรวจสายปราบปราม วิชา ภาษาไทย

วิชาภาษาไทยนั้นอาจจะเป็นอีกวิชาหนึ่งที่ใครๆหลายคนนั้นชอบ เพราะว่าแทรกอยู่ในการศึกษาของเราตั้งแต่เริ่มต้นมาจนถึงวันนี้ และสำหรับการตอบตำรวจสายปราบปรามนั้นเราก็ต้องให้ความสำคัญกับวิชานี้เป็นอย่างมาก จะว่ายากไม่ก็ยาก จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย ซึ่งมีสองส่วนใหญ่ๆก็คือในด้านของ หลักภาษา เกี่ยวกับ พยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ คำเป็นคำตาย คำราชาศัพท์ และในด้านการวิเคราะห์ก็มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับ การวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์บทความ การใช้คำถูกต้อง กลอนและหากถ้าได้ทบทวนผ่านแนวข้อสอบตำรวจสายปราบปรามแล้วละก็ มั่นใจได้เลยว่าจะต้องได้คะแนนเยอะอย่างแน่นอน และควรจะเก็บคะแนนให้มากๆ  โดยในวิชานี้นั้นจะมีการออกข้อสอบทั้งหมด 25 ข้อ

ข้อสอบตำรวจสายปราบปราม วิชา ภาษาอังกฤษ

การสื่อสารนั้นเป็นส่วนสำคัญในการประกอบอาชีพตำรวจ เพราะว่าเรานั้นจะต้องให้บริการทั้งคนไทยและชาวต่างชาติในบางที ดังนั้นสำหรับการสอบตำรวจสายปราบปรามนั้นจึงต้องมีวิชาภาษาอังกฤษเข้ามาร่วมด้วยเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งใครอาจจะคิดว่าข้อสอบจะยากหรือไม่ ต้องสนใจหรือดูส่วนไหนเป็นพิเศษเพื่อจะได้เก็บคะแนนเยอะๆ เราก็ขอแนะนำให้ทบทวนหนังสือแนวข้อสอบตำรวจสายปราบปรามซึ่งจะบอกแนวทางเหล่านี้ไว้อย่างครบถ้วน  ซึ่งก็จะมีข้อหลักสำคัญใหญ่ๆที่จะต้องนำมาทบทวนในเรื่องของ Reading Conversation Vocabulary และ Grammar โดยในวิชานี้นั้นจะมีการออกข้อสอบทั้งหมด 30 ข้อ

ข้อสอบตำรวจสายปราบปราม วิชา สังคม วัฒนธรรม จริยธรรมและอาเซียน 15 ข้อ

วิชาสังคมและวัฒนธรรมนั้น ถือเป็นอีกวิชาหนึ่งที่จะต้องเน้นย้ำ แม้ใครอาจจะคิดว่าออกข้อน้อย และอาจจะไม่ยากเท่าวิชาอื่นๆ เพียงใช้ความจำ แต่ความเป็นจริงเราก็ยังคงแนะนำให้ท่องและทบทวนวิชานี้ให้มากๆจากแนวข้อสอบตำรวจสายปราบปราม ซึ่งก็จะมีรายละเอียดจริยธรรม และความรู้เกี่ยวกับอาเซียนพร้อมกับประเทศเพื่อนบ้านที่เราจะต้องทำความเข้าใจ รวมไปถึงข้อสำคัญในด้านของสังคมวัฒนธรรม ศาสนา  โดยในวิชานี้นั้นจะมีการออกข้อสอบทั้งหมด 20 ข้อ

ข้อสอบตำรวจสายปราบปราม วิชา คอมพิวเตอร์ (เทคโนโลยีสารสนเทศ)

ในปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีได้มีความก้าวไกลไปพอสมควร และการประกอบอาชีพตำรวจนั้นก็จะเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ความรู้ด้าน คอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาช่วยในการบริการประชาชน เพราะด้วยเหตุผลสำคัญนี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องสอบและเข้าใจแนวข้อสอบตำรวจสายปราบปรามวิชาคอมพิวเตอร์และสารสนเทศ ซึ่งหากเรานั้นให้ความสำคัญก็อาจจะเป็นส่วนสำตัญที่ทำให้เราสามารถเก็บคะแนนได้เยอะอีกด้วย โดยจะเห็นได้จากข้อสอบที่จะออกเกี่ยวกับ ประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขั้นพื้นฐาน การใช้ Microsoft office Social Media  ออกข้อสอบทั้งหมด 25 ข้อ

ข้อสอบตำรวจสายปราบปราม วิชา กฎหมายที่ประชาชนควรรู้

การให้บริการประชาชนนั้นนอกจากเราจะต้องมีความรู้ด้านกฏหมายโดยรวมในการทำงาน เราก็จำเป็นที่จะต้องมีพื้นฐานด้านกฏหมายที่ประชาชนควรรู้ ยิ่งในสถานะที่เรานั้นเป็นพลเรือนที่กำลังจะก้าวไปสู่การเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังนั้นวิชากฏหมายที่ประชาชนควรรู้นั้นก็เป็นส่วนสำคัญที่เราจะต้องเน้นย่้ำ ทบทวน ให้เกิดความเข้าใจผ่านแนวข้อสอบตำรวจสายปราบปราม เพื่อนำไปสอบอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ นิยาม กฎหมายอาญา กฎหมายแพ่ง และที่สำคัญก็คือกฎหมายในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆเกี่ยวกับ บัตรประชาชน ข้อสำคัญเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง  โดยในวิชานี้นั้นจะมีการออกข้อสอบทั้งหมด 20 ข้อ

เกณฑ์ชี้วัดของข้อสอบตำรวจปราบปราม

สำหรับเรื่องของเกณฑ์ชี้วัดในข้อสอบตำรวจสายปราบปรามนั้น ข้อสอบตำรวจปราบปรามจะมีข้อสอบทั้งหทด 150 ข้อ และสามารถใช้เวลา 3 ชั่วโมงในการสอบ ดังที่เราได้กล่าวแยกเป็นวิชาต่างๆข้างต้น อย่างไรก็ตาม การสอบตำรวจปราบปรามนั้นจะมีข้อดีตรงที่ เราจะเป็นที่ต้องผ่านเกณฑ์60% ก็สามารถสอบติดรับราชการได้ ไม่เหมือนข้อสอบตำรวจสายอำนวยการ แต่อย่างไรก็ตามการทบทวนเนื้อหาและเตรียมตัวเพื่อรู้แนวข้อสอบตั้งแต่เนิ่นๆนั้นก็จะเป็นผลดีกับเรา เพราะทุกคนนั้นก็ล้วนมีความตั้งใจอยากที่จะเข้ารับราชการและทำงานในส่วนนี้เหมือนกับเรา ดังนั้นในการแข่งขันสนามนี้นั้น ยิ่งเรามีความตั้งใจและทำให้เต็มที่เท่าไหร่ก็จะเป็นผลดีกับตัวของเราเอง

คำแนะนำในการเตรียมตัวสอบ

ในการเตรียมตัวสอบตำรวจสายปรามปรามนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำก้คือใครๆก็อยากที่จะประกอบอาชีพนี้เหมือนกับเรา และทุกคนนก็ต่างมีความตั้งใจที่จะทำข้อสอบให้ได้คะแนนเยอะๆเหมือนกัน แต่สิ่งที่จะทำให้เรานั้นได้เปรียบกว่าใครๆก็คือการรู้แนวข้อสอบ และมีการทบทวน ลองทำโจทย์อยู่เสมอ เพราะว่าข้อสอบตำรวจสายปราบปรามนั้่นมักจะออกซ้ำในลักษณะเดิมวนไปมา และการที่เราได้มีความคุ้นชินและเข้าใจกับตัวข้อสอบได้อย่างถ่องแท้ แม้ข้อสอบจะออกมาแตกต่างจากเดิม เราก็มีความรู้ที่สามารถประยุกต์และทำข้อสอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม การแบ่งเวลาในการทบทวนวิชาต่างๆก็มีความสำคัญ ถ้าเรานั้นมีความเชี่ยวชาญในด้านไหนเป็นพิเศษก็อาจจะใช้เวลากับตรงนั้นให้คุ้มค่าเพื่อว่าเมื่อคะแนนออกมา เรานั้นจะได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ และสิ่งสุดท้ายที่อาจจะช่วยเราได้ก็คือการติวกับผู้ที่มีความรู้เชี่ยวชาญ มีการทำการบ้านและเข้าใจทริคการทำข้อสอบได้เป็นอย่างดี

เงินเป็นสิ่งสำคัญ ที่ใช้ในการดำเนินชีวิต จับจ่ายใช้สอย ชำระหนี้ ทุกอย่างจำเป็นต้องใช้เงิน โดยเฉพาะการเริ่มธุรกิจ หรือการซื้อบ้าน รถ ของที่มีมูลค่าเเพง จำเป็นต้องใช้เงินก้อน แต่การไปกู้ขอสินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคาร จำนวนเงินที่ได้ไม่มาก แถมดอกเบี้ยก็สูง และเราจะทำอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้ได้เงินก้อนมา โดยไม่สร้างภาระที่หนักจนเกินไป

สิ่งที่ตอบโจทย์เราได้ ก็คือ สินเชื่อบ้านเเลกเงิน หากเรามีบ้านเป็นของตนเอง เราสามารถใช้บ้านเป็นหลักประกัน เพื่อยื่นขอสินเชื่อได้ จะทำให้เราได้วงเงินกู้ที่สูง ดอกเบี้ยต่ำ มาถึงตรงนี้ คนอาจจะตกใจว่า มันจะมีปัญหาอะไรตามมาหรือไม่ เราจะยังอาศัยอยู่ที่บ้านได้ตามปกติหรือเปล่า มาหาคำตอบที่คาใจในเรื่องสินเชื่อบ้านเเลกเงินกันจากบทความนี้


สินเชื่อบ้านแลกเงิน คืออะไร ?

สินเชื่อบ้านแลกเงิน คือ สัญญาเงินกู้แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันประเภทหนึ่ง ซึ่งผู้กู้จะต้องนำบ้านไปจำนอง กับธนาคาร แล้วผ่อนส่งกับธนาคารตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ โดยเงื่อนไขคือ ต้องเป็นบ้านที่ไม่มีสถานะติดจำนอง หรือติดภาระหนี้อื่นๆ จะเป็นบ้านเดี่ยว คอนโด ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์สามารถนำไปยื่นได้หมด สำหรับบางธนาคารอนุมัติสำหรับที่ดินเปล่าได้เช่นกัน

สำหรับบ้านที่ถูกนำไปเป็นหลักประกันนั้น จะยังคงเป็นกรรมสิทธิของผู้กู้ ดังนั้นผู้กู้ยังสามารถพักอาศัยที่บ้าน ของตนได้ตามปกติ เเม้จะเอาไปใช้เป็นหลักประกันก็ตาม แต่ในกรณีที่ผู้กู้ไม่สามารถใช้เงินให้ธนาคารได้ตามกำหนด ธนาคารก็มีสิทธิ์ที่จะส่งฟ้อง เพื่อทำการยึดหลักประกัน เพื่อนำไปขายทอดตลาดได้

สินเชื่อบ้านแลกเงิน เหมาะกับใคร

สินเชื่อบ้านเเลกเงิน เหมาะกับผู้ที่มีคุณสมบัติเหล่านี้

• มีอสังหาริมทรัพย์เป็นของตัวเอง เป็นสิ่งปลูกสร้างประเภทไหนก็ได้ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น
• อสังหาริมทรัพย์ที่มี ต้องไม่ติดสถานะจำนอง หรือมีพันธะอื่นๆ
• มีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อน เพื่อไปใช้จ่าย

ขั้นตอนขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน

การขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน เมื่อเราได้เลือกเเล้วว่าจะขอสินเชื่อบ้านเเลกเงิน กับธนาคารไหน ขั้นตอนในการขอสินเชื่อบ้านเเลกเงิน ก็จะมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้



1. เตรียมประวัติการเงินตัวให้พร้อม
เนื่องจากธนาคารต้องการข้อมูลเพื่อพิจารณาว่า ผู้กู้มีความน่าเชื่อถือหรือไม่ ควรจะปล่อยสินเชื่อให้กู้หรือเปล่า ดังนั้นเราต้องมีการเตรียมข้อมูลประวัติการเงินของเราให้พร้อม รายได้ ประวัติการชำระหนี้ในอดีต หลักทรัพย์ที่มี และอสังหาริมทรัพย์ที่เราจะยื่นเพื่อขอสินเชื่อ

2. เช็คโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านแลกเงิน
แต่ละธนาคารก็มีเงื่อนไขของโปรโมชันที่แตกต่างกันไป ผู้กู้ควรศึกษารายละเอียดเงื่อนไข และสิทธิประโยชน์ จากการขอสินเชื่อบ้านเเลกเงินของเเต่ละธนาคาร โดยเลือกธนาคารที่สามารถให้ประโยชน์กับเราได้มากที่สุด ซึ่งวิธีการหาข้อมูลเรื่องสินเชื่อบ้านเเลกเงินธนาคารไหนดีที่สุด อย่างง่ายที่สุด เราสามารถหาได้จากเว็บไซต์ต่างๆ ที่ให้บริการด้านนี้ เช่น refinn

3. ยื่นเอกสารสำหรับขอสินเชื่อ
โดยจะมีเอกสารที่สำคัญอยู่ 3 อย่าง คือ

• เอกสารยืนยันตัวตนเรา เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อของเรา
• เอกสารยืนยันรายได้ เช่น หนังสือรับรองเงินเดือน ออกโดยบริษัทที่เรากำลังทำงานอยู่
• เอกสารยืนยันหลักทรัพย์ เช่น สำเนาโฉนดที่ดิน และให้ดีควรเตรียมรูปภาพบ้านที่จะมายื่นขอสินเชื่อให้ธนาคารได้ดูด้วย

4. ประเมินมูลค่าหลักทรัพย์
เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนตรวจสอบ และการดูเอกสารทั้งหมดเเล้ว ธนาคารก็จะส่งตัวเเทนเพื่อเข้าไปประเมินสภาพบ้าน ว่าสมบูรณ์เเค่ไหน มีมูลค่าเท่าไหร่ เพื่อจะได้พิจารณาวงเงินที่ให้กู้

5. ธนาคารพิจารณาอนุมัติวงเงิน
หลังจากธนาคารได้รับข้อมูลครบทุกอย่างถ้วนเเล้ว จะใช้เวลาโดยประมาณ 1-2 สัปดาห์ในการพิจารณา และแจ้งผลการอนุมัติ ว่าวงเงินกู้ที่ได้เท่าไหร่ พร้อมแจ้งอัตราดอกเบี้ยให้ผู้กู้ทราบ โดยปกติจะได้อนุมัติวงเงิน 70 - 80% จากมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากไม่พอใจวงเงินที่ได้ เรามีสิทธิ์ปฏิเสธ และไปขอสินเชื่อจากธนาคารอื่นได้

6. ทำสัญญาและจดจำนอง
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการทั้งหมดเเล้ว ก็จะเข้าสู่กขั้นตอนสุดท้าย คือ การทำสัญญาเงินกู้กับธนาคาร มีการนัดเซ็นสัญญา ทำสัญญาจดจำนองที่ดินที่สำนักงานที่ดิน หลังจากนั้น ผู้กู้ก็จะได้รับเงินกู้ที่ขอไว้ แล้วก็จบสิ้นขั้นตอนการกู้ โดยก็ต้องมีการชำระเงินให้กับธนาคารตามกำหนด

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการยื่นสินเชื่อบ้านแลกเงิน

ในการยื่นขอสินเชื่อบ้านเเลกเงิน มีหลายอย่างที่สำคัญที่ต้องพิจารณา เพื่อให้เราได้สิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นธนาคารที่ เราจะไปยื่นขอสินเชื่อบ้านเเลกเงิน ว่าที่ไหรมีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด ให้วงเงินกู้ได้สูงที่สุด สามารถ ผ่อนได้นาน เพื่อผ่อนภาระเราให้ได้มากที่สุด เพราะการนำบ้านไปเป็นหลักประกันในการกู้ ควรเช็คทุกอย่างให้ละเอียดรอบคอบ เเละให้เราได้ประโยชน์จากการยื่นขอสินเชื่อนี้ให้มากที่สุด

โดยเงื่อนไขต่างๆที่เราตั้งไว้นั้น ว่าอยากได้อะไรบ้าง ไปจนถึงรายได้ที่มี ประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่เราถือครองอยู่ เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ค้นหา ธนาคารที่สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการให้เราได้ โดยดูได้จากเว็บไซต์ Refinn ได้เลย


สรุป

ค่าเล่าเรียน ค่าซ่อมบ้าน ใช้หนี้บัตรเครดิต หือการเริ่มธุรกิจส่วนตัว ทุกสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้ ล้วนต้องใช้เงินก้อน แต่ในภาวะเศรษฐกิจที่ตอนนี้ โอกาสที่รายได้จากงานหลักจะเพิ่มขึ้นก็น้อยลง เเค่รักษาสถานะให้มีงานทำอยู่ ก็อาจหืดขึ้นคอสำหรับหลายคน

เเต่หากมันจำเป็นจริงๆ เเล้วการกู้เงินมาใช้ก่อน ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ เเต่เพื่อให้การกู้นั้นไม่สร้างภาระที่หนักจนเกินไป สินเชื่อบ้านเเลกเงิน ก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นลำดับต้นๆ

เมื่อการทำธุรกิจอาจไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากใครสนใจที่อยากจะมีแบรนด์อาหารเสริมของตนเอง โดยที่ไม่ต้องคิดสูตรเอง ไม่จำเป็นที่จะเสียเวลาในการผลิตหรือต้องมีโรงงานให้ยุ่งยากแล้ว เราคือ “Derma Health” ที่มีบริการรับสร้างแบรนด์และรับผลิตอาหารเสริม OEM ครบวงจร ด้วยบริการของเราที่เน้นความสะดวกสบายของลูกค้า ให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างประหยัดเวลามากที่สุด เราจึงให้บริการรูปแบบ One Stop service ซึ่งจะทำให้ผู้ที่สนใจในการทำธุรกิจอาหารเสริมสามารถมีแบรนด์เป็นของตัวเองได้และมีความสามารถในการนำผลิตภัณฑ์ของตนเองไปติดตลาด หากใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดตามจากบทความนี้ได้เลย

Derma Health โรงงานผลิตอาหารเสริมชั้นนำ รับผลิตอาหารเสริมหลายรูปแบบ

Derma Health เน้นย้ำความสำคัญในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและสามารถเติบโตในวงการอาหารเสริมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเราได้เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริมชั้นนำและมีชื่อติดอยู่ในตลาดที่ผู้บริโภคให้ความสนใจอย่างมาก พร้อมทั้งการรับผลิจอาหารเสริมหลายรูปแบบ มีความใส่ใจในผลิตภัณฑ์ทุกตัว พร้อมทั้งมีการวิจัยอย่างสม่ำเสมอจนเรามีประสบการณ์ในการผลิตสินค้าอาหารเสริมอย่างมากมายด้วยระบบแบบแผนอย่างสากล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสะอาด วิธีการผลิต ทำให้เราได้รับมาตรฐาน GMP  ด้วยสาเหตุและประสบการณ์ต่างๆที่กล่าวมาแล้ว เราพร้อมจะเป็นที่ปรึกษาและสนับสนุนผู้ประกอบการลูกค้าท่านต่างๆให้แบรนด์เกิดการเติบโตไปพร้อมๆกันและมีประสิทธิภาพ

สูตรผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยอดนิยมประจำปี 2022

Instant S dark cocoa


ความสะดวกสบายในการดูแลสุขภาพคือสิ่งสำคัญที่ลูกค้าให้ความสนใจ และยังเป็นจุดใหญ่ที่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ Instant S dark Cocoa ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผงชงดื่มรสโกโก้ ที่นอกจากจะได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในการดูแลสุขภาพ พร้อมทั้งมีสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย สามารถดื่มแล้วรู้สึกสะดวกสบายในการดูแลสุขภาพ ซึ่งก็เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยอดนิยมประจำปี 2022 ที่โรงงานผลิตอาหารเสริม Derma Health ได้ดำเนินการผลิต

Jelly Strip Blink Blink Collagen


กินง่าย ได้ประโยชน์ นี่คืออีกหนึ่งสโลแกนของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โรงงานผลิตอาหารเสริมเราได้คิดค้นสูตรในชื่อ Jelly Strip Blink Blink Collagen ซึ่งถือเป็นสินค้าตัวสำคัญที่มีสารอาหารพร้อมกับส่วนผสมสำคัญในการทำให้ผิวของเรามีความกระจ่างใส แลดูเปล่งปลั่ง และสุขภาพผิวดี พร้อมสำหรับการออกไปทำกิจกรรมต่างๆด้วยความมั่นใจ

Hair & Nail Brightening Skin


ความงามคือความมั่นใจและสิ่งที่ทำให้การใช้ชีวิตดำเนินไปได้อย่างดี และเราก็มีโอกาสในการผลิต ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  Hair & Nail Brightening Skin ซึ่งเป็นอีกผลิตภะณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าที่ชอบการดูแลสุขภาพ ซึ่งในตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวนี้มีส่วนสำคัญในการดูแลผม เล็บ และฟื้นฟูผิวให้ดูกระจ่างใส ทำให้แลดูสุขภาพผิวดี มีความมั่นใจในการทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างดี

Jelly Strip Prebiotics Detox


นอกจากความงามที่เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพให้เกิดความมั่นใจจากภายนอกแล้ว ความมั่นใจในการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันต่างๆก็มีสาเหตุมาจากความแข็งแรงภายในร่างกายเช่นกัน ดังนั้น Jelly Strip Prebiotics Detox อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารดีๆก็จึงเป็นเครื่องการีนตีความใส่ใจในการผลิตสินค้าของโรงงานผลิตอาหารเสริม  Derma Health ที่เน้นความใส่ใจในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่เราได้ผลิต พร้อมกับสรรพคุณมากมายที่ทำให้ร่างกายได้เกิดการบำรุงจากภายในและภายนอก

S.O.D. Blink Collagen


หากใครที่มองหาสูตรผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่จะเข้ามาเติมเต็มความสวยงามให้กับผิวของคุณ พร้อมกับสรรพคุณที่ดีต่อการดูแลร่างกาย เชื่อได้ว่าหลายๆคนต้องรู้จักกับ S.O.D. Blink Collagen ที่ทาง โรงงานผลิตอาหารเสริมDerma Health ก็ได้มีความตั้งใจในการผลิตคิดค้นสูตรด้วยความใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพที่ทำให้เกิดเป็นสินค้าตัวนี้ ซึ่งจะทำให้คุณดูดีมีผิวพรรณที่เปล่งปลั่ง จนใครหลายคนก็ต้องหันมามอง เพียงการรับประทานคอลลาเจนของเรา ซึ่งมีสรรพคุณอุดมไปด้วยสารอาหารที่ตอบโจทย์กับความงาม

C Cap Skin Supplement


อีกหนึ่งแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่เน้นย้ำสรรพคุณในการบำรุงผิว สำหรับ C Cap Supplement ที่เป็นอาหารเสริมชนิดเม็ด สามารถบำรุงผิวพรรณได้อย่างสะดวกสบาย เหมาะกับชีวิตประจำวันที่มีความเร่งรีบแต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองได้ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทางโรงงานผลิตอาหารเสริมของเราได้มีโอกาสคิดค้นสูตรและผลิตออกมา เพื่อจะให้ผู้ที่อยากสร้างแบรนด์หรือลูกค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด


รับผลิตและสร้างแบรนด์อาหารเสริมหลากหลายประเภท

รับผลิตคอลลาเจน

Derma Health ให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าอาหารเสริมที่คุณภาพ และรูปแบบหนึ่งที่เรารับผลิตก้คือ คอลลาเจนที่เป็นอาหารเสริมดูแลร่างกายที่อยู่ในกระแสการดูแลร่างกายหรือผิวพรรณ แม้ชีวิตประจำวันอาจจะเร่งรับ แต่เพียงรับประทานคอลลาเจนก็สามารถมีผิวพรรณและสุขภาพที่ดีได้

รับผลิตอาหารเสริมลดน้ำหนัก

สำหรับการลดน้ำหนักก็เป็นสิ่งที่ใครหลายคนมีความพยายามจะทำให้สำเร็จ แต่ด้วยชีวิตประจำวันที่เร่งรีบและดูไม่ค่อยเอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นการจัดตารางอาหารที่เหมาะสมด้วยเวลาอันสั้น ดังนั้นโรงงานผลิตอาหารเสริมของเราจึงรับผลิตอาหารเสริมลดน้ำหนักและใส่ใจในคุณภาพรวมถึงการสร้างแบรนด์ที่ติดตลาดที่จะทำให้ได้รับผลดีทั้งผู้ทำธุรกิจและผู้ที่ต้องการอุดหนุนสินค้า

รับผลิตกาแฟและโกโก้

ความอร่อยที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ดีในการดูแลร่างกายก็คือสิ่งที่ใครหมายปอง ซึ่งเราก็รับผลิตกาแฟและโกโก้ที่มีคุณสมบัติในการดูแลสุขภาพ เสริมอาหาร ใครที่สนใจที่จะสร้างแบรนด์กาแฟและโกโก้สำหรับบำรุงร่างกายก็สามารถปรึกษาทาง โรงงานผลิตอาหารเสริม Derma Health ได้

รับผลิตอาหารเสริมสมุนไพร

หากใครที่อยากรับประทานสมุนไพรเพื่อดูแลสุขภาพแต่รู้สึกว่าการกินโดยตรงเป็นเรื่องที่ยาก เราได้รับผลิตอาหารเสริมสมุนไพรที่สามารถรับประทานได้ง่าย ได้ประโยชน์ เหมาะกับชีวิตประจำวันที่เร่งรีบของใครหลายๆคน

รับผลิตอาหารเสริมไฟเบอร์

และที่สำคัญเราก็ได้รับผลิตอาหารเสริมไฟเบอร์ที่เป็นอีกหนึ่งกระแสในการดูแลสุขภาพจากภายใน ซึ่งเป็นหัวใจในการดูแลตัวเอง โดย โรงงานผลิตอาหารเสริม Derma Health ก็ได้ให้ความสำคัญและรับผลิตอาหรเสริมไฟเบอร์เช่นกัน ใครที่สนใจสามารถติดต่อและปรึกษาในการสร้างแบรนด์ได้

รูปแบบที่รับผลิต

รับบรรจุแคปซูล

เพียงรับประทานคู่กับน้ำก็สามารถดูแลสุขภาพได้ เป็นรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ใครหลายๆคนก็มีความสนใจซึ่งเราก็รับผลิตอาหารเสริมในรูปแบบแคปซูล ใครที่อยากดูแลสุขภาพในเวลาอันเร่งรีบก็เป็นทางเลือกหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่โรงงานผลิตอาหารเสริมของเรากำลังรับผลิต และใครที่กำลังคิดอยากจะสร้างแบรนด์ก็เป็นทางที่ดีเพราะรูปแบบนี้ก็อยู่ในกระแสการดูแลสุขภาพเช่นกัน

รับผลิตอาหารเสริมเจลลี่

ทานง่ายได้ประโยชน์คือคอนเซปต์ที่ทำให้เกิดการรับผลิตอาหารเสริมเจลลี่ของเรา ซึ่งมีข้อดีสำหรับใครที่กังวลในการรับประทานอาหารเสริมรูปแบบเม็ด ที่อาจจะดูยาก ทางเลือกนี้ก็เป็นตัวเลือกดีๆสำหรับผลิตภัณฑ์ที่โรงงานผลิตอาหารเสริมเรารับผลิต

รับผลิตผงชงดื่ม

ดื่มด่ำกับรสชาติแถมยังได้ประโยชน์ในการบำรุงสุขภาพคือที่มาในการรับผลิตผงชงดื่มอาหารเสริมที่ทาง Derma Health ได้ให้ความสำคัญและพร้อมที่จะเป็นผู้ให้คำปรึกษาสำหรับใครที่อยากจะสร้างแบรนด์อาหารเสริมรูปแบบผงชงดื่ม

รับตอกเม็ดยา

พูดได้เลยว่าอาหารเสริมรูปแบบเม็ดยามีความคลาสสิคและเป็นรูปแบบของอาหารเสริมแรกๆที่ยังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันซึ่งเราก็ยังให้ความสำคัญและรับผลิต ใครที่มีความสนใจในการทำแบรนด์หรือต้องการตอกเม็ดยาก็สามารถเข้ามาปรึกษากับโรงงานผลิตอาหารเสริมของเราได้

กระบวนการสร้างแบรนด์อาหารเสริมเพียง 6 ขั้นตอน

1.ออกแบบคอนเซปต์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

 Derma Health  มีการออกแบบ คอนเซปต์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ด้วยสร้างความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน และยังคงความเข้าใจในแบรนด์นั้นๆได้  ซึ่งสิ่งที่เป็นสิ่งแรกที่เราทำในการสร้างแบรนด์อาหารเสริม ซึ่งใครหลายคนอาจจะคิดไอเดียไม่ออก เราก็พร้อมให้คำตอบและคำปรึกษาเพื่อสร้างแบรนด์อาหารเสริมที่ติดตลาดและมีคุณภาพ

2.รับผลิต คิดค้น วิจัย และพัฒนาสูตร อาหารเสริม

เพียงคุณลูกค้าชี้แจงว่าต้องการอาหารเสริมรูปแบบใด เน้นประโยชน์ในการบำรุงทางไหน เราก็พร้อมที่จะทำการผลิต วิจัย เพื่อสร้างอาหารเสริมที่ทำให้ทุกคนสามารถมัน่ใจในคุณภาพพร้อมทั้งยังเป็นการทำให้แบรนด์มีความแข็งแรง ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าที่จะมาอุดหนุนผลิตภัณฑ์

3.ขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

หลังจากการคิดสูตรและสร้างแบรนด์ สิ่งสำคัญก็คือการรักษาผลประโยชน์ของคุณลูกค้าที่ต้องการจะสร้างแบรนด์อาหารเสริมกับโรงงานผลิตอาหารเสริมจของเราด้วยการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

4.ทําอาหารเสริม และออกแบบผลิตภัณฑ์

หลังจากที่มีการสร้างแบรนด์ คิดค้นสูตรต่างๆที่คุณลูกค้าต้องการโรงงานผลิตอาหารเสริมของเราก็จะทำการผลิตอาหารเสริมพร้อมกับออกแบบผลิตภัณฑ์ที่จะทำให้เกิดความน่าสนใจในแบรนด์จากภายนอกพร้อมกับคุณภาพของอาหารเสริมภายในที่เป็นหัวใจในการทำให้แบรนด์อาหารเสริมนติดตลาดและสามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จได้

5.ผลิตอาหารเสริม ด้วยเทคโนโลยีเครื่องจักร

โรงงานผลิตอาหารเสริมของเราให้ความสำคัญในการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด เราจึงใช้เทคโนโลยีเครื่องจักรเพื่อผลิตอาหารเสริมที่ทำให้เกิดความมั่นใจได้ในความสะอาด มาตรฐานที่เป็นลักษณะเดียวกัน

6.โรงงานผลิตอาหารเสริม ส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพดีให้แก่ลูกค้า พร้อมจำหน่าย

เมื่อโรงงานผลิตอาหารเสริมของเราได้ทำกาผลิตสินค้าต่างๆแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือการส่งต่ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ดีของเราให้กับคุณลูกค้า เพื่อสามารถนำไปจำหน่ายและทำธุรกิจต่อได้

เว็บไซต์หน้าเดียว ( Single Page Website )คือ เว็บไซต์ที่แสดงรายละเอียดเหนื้อหาของสินค้าและบริการไว้ในหน้าเว็บไซต์เดียว ซึ่งผู้เยี่ยมชมสามารถเลื่อนดูเนื้อหาในส่วนอื่นๆได้ โดยไม่ต้องคลิ๊ก เพื่อโหลดหน้าใหม่ เหมาะสมกับเว็บไซต์ที่มีข้อมูลไม่มากนัก อาทิเช่น เว็บไซต์ขายสินค้าที่มีความหลากหลายน้อย หรือ เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์องค์กร เป็นต้น ทั้งนี้รูปแบบของเว็บไซต์ยังสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานของยุคปัจจุบัน ที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ทั้งยังง่ายในการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถืออีกด้วย

---

ทำความรู้จักกับประโยชน์ของเว็ปไซต์หน้าเดียว

ในความเป็นจริงแล้วเว็ปไซต์หน้าเดียวมีประโยชน์อย่างมากสำหรับธุรกิจที่ไม่ได้มีสินค้าเยอะ เหมาะกับการชูสินค้าของเราให้เด่นและนำรีวิวจากลูกค้ามาเพิ่มความหน้าเชือถือในเว็ปไซตืหน้าเดียวของเรา ทางเราได้จัดข้อดีแบ่งออกเป็น 5 ข้อดังนี้

1. จบการขายได้ในหน้าเดียว

single pages หรือเว็บหน้าเดียว รวบรวมเนื้อหา รายละเอียดข้อมูลทั้งหมดไว้หน้าเดียว ช่วยให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ได้รับรู้ข้อมูลสินค้าและบริการทั้งหมด โดยไม่ต้องโหลดหน้าใหม่


2. ง่ายต่อการจัดการเว็บไซต์

เว็บไซต์หน้าเดียว Single Page Website ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ สามารถจัดการหน้าเว็บไซต์ตามความต้องการได้ง่าย รวดเร็ว เพียงไม่กี่นาที


3. รับรอง SEO ได้มากกว่า

เว็บไซต์หน้าเดียว Single Page ช่วยเพิ่มโอกาสให้เว็บไซต์ของคุณ เข้าถึงเครื่องมือค้นหาเช่น Google ได้ง่ายกว่าในการที่จะช่วยให้ลูกค้าหาเว็บไซต์คุณได้ง่ายยิ่งขึ้น


4. ง่ายต่อการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ

ปัจจุบันพฤติกรรมการใช้งานอินเตอร์เน็ตในการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของผู้คนในยุคสมัยนี้ ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือเป็นส่วนใหญ่ เว็บไซต์หน้าเดียว จึงออกแบบมา เพื่อตอบโจทย์การใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ ให้สะดวก รวดเร็วและง่ายมากยิ่งขึ้น


5. มีค่าใช้จ่ายไม่แพง

ในการจัดทำSingle Page Websiteหรือเว็บไซต์หน้าเดียวนั้น มีค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง และใช้ระยะเวลาในการสร้างเว็บไซต์เพียงไม่นาน ก็จะได้ single pages ที่คุณต้องการ ช่วยให้คุณประหยัดงบและประหยัดเวลาอีกด้วย

---

ยาคุมฮอร์โมนต่ำ ก็จัดเป็นยาคุมกำเนิดอีกชนิดหนึ่ง ที่พัฒนาเพื่อลดอาการข้างเคียงที่ไม่พีงใจให้ลดน้อยลง แต่ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ยังเหมือนเดิม ตราบใดที่ใช้ยาถูกวิธี และสม่ำเสมอ  เราควรมาเรียนรู้ให้ละเอียดขึ้นเกี่ยวกับยาคุมฮอร์โมนต่ำ เพื่อจะได้แน่ใจว่าควรเลือกวิธีคุมกำเนิดแบบยาเม็ดคุมกำเนิดหรือไม่

---

ทำความรู้จัก ยาคุมฮอร์โมนต่ำ



ยาคุมฮอร์โมนต่ำ คือ ยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยกว่ายาคุมกำเนิดแบบปกติ โดยในตัวยาอาจมีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียง 20 ไมโครกรัม หรือ น้อยกว่า เมื่อเทียบเท่ากับยาคุมกำเนิดที่ปกติอาจมีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจนประมาณ 30-50 ไมโครกรัม

อีกทั้งยาคุมฮอร์โมนต่ำอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงที่มักพบเมื่อใช้ยาคุมกำเนิดปกติ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เจ็บเต้านม หรืออย่างร้ายแรงเกิดลิ่มเลือดอุดตันจนเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
 
ยาคุมฮอร์โมนต่ำอาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่ต่างจากยาคุมกำเนิดแบบปกติหากใช้อย่างถูกวิธี แต่ก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนตัดสินใจกิน

---

ยาคุมฮอร์โมนต่ำ ee20d ประกอบด้วยอะไรบ้าง

ยาคุมฮอร์โมนต่ำสูตร ee20d ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ และยังช่วยลดอาการข้างเคียง เช่น บวมน้ำ อ้วน ปวดประจำเดือนและอาการเหวี่ยงวีนก่อนมีประจำเดือน (PMDD = Premenstrual Dysphoric Disorder) และยังช่วยรักษาสิว ลดสิว อีกด้วย
 
ยาคุมฮอร์โมนต่ำสูตร ee20d จะมีทั้งหมด 28 เม็ด แบบ 24/4 คือ 24 เม็ดจะมีตัวยา Drospirenone 3 มิลลิกรัม และ Ethinylestradiol 0.02 มิลลิกรัมเท่ากันทุกเม็ด และอีก 4 เม็ดจะเป็นเม็ดแป้งสีขาวที่ไม่มียาที่มีให้กินเพื่อกันลืมเท่านั้น

ซึ่งยาคุมในท้องตลาดมีอยู่หลายชนิด เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม , ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมน
โปรเจสโตรเจนเดี่ยว ชนิด 21 เม็ด , ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนเดี่ยว ชนิด 28 เม็ด, ยาคุมฮอร์โมนต่ำ เช่น ยาคุมฮอร์โมนต่ำสูตร ee20d โดยยาชนิดนี้ประกอบไปด้วย

1.EE: Ethinyl Estradiol
คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิง

2.ตัวเลขปริมาณฮอร์โมน
คือ ปริมาณ Ethinyl Estradiol 20 ไมโครกรัม ที่ถือว่าต่ำ ซึ่งช่วยลดอาการข้างเคียง เช่น เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น

3.D: Drospirenone 
คือ ดรอสไพรีโนน ทำให้มีผลข้างเคียงหรือผลข้างเคียงน้อย เช่น บวมน้ำ

4.C: Cyproterone Acetate
คือ ไซโปรเตอโรน อะซิเตท ช่วยต้านฮอร์โมนเพศชาย รักษาอาการหน้ามัน สิวเห่อ จนถึงขนดกในผู้หญิง ช่วยให้สาว ๆ มีผิวพรรณดูดีมีน้ำมีนวล

---

กลไกการออกฤทธิ์ของยาคุมฮอร์โมนต่ำ
ยาคุมฮอร์โมนต่ำนั้น เป็นฮอร์โมนรวม ประเภทฮอร์โมน Ethinyl Estradiol ต่ำมาก โดยรวมตัวยาเม็ดคุมกำเนิดจะประกอบด้วย เอสโตรเจน และโปรเจสเตอโรน ที่ออกฤทธิ์ร่วมกันในการคุมกำเนิด โดยผ่าน 3 กลไก คือ

• ควบคุมระดับฮอร์โมนของร่างกายเพื่อไม่ให้เกิดการตกไข่
• เพิ่มความเหนียวข้น ให้กับของเหลวบริเวณปากมดลูกเพื่อให้อสุจิเข้าไปปฏิสนธิได้ลำบาก
• ทำให้ผนังมดลูกบางเพื่อไม่ให้ไข่ที่ปฏิสนธิแล้วสามารถฝังตัวได้

---

ความแตกต่างของยาคุมฮอร์โมนต่ำกับยาคุมทั่วไป



เนื่องจากมีคุณผู้หญิงหลายคนที่ต้องเผชิญกับปัญหาหลาย ๆ อย่างจากการกินยาคุม ซึ่งเป็นผลข้างเคียง เช่น สิวขึ้น น้ำหนักขึ้น อารมณ์แปรปรวน กังวลใจ จนทำให้ไม่อยากกินต่อ  แต่ก็ยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร และ ไม่ต้องการที่จะใช้วิธีอื่นที่เสี่ยงกว่าการใช้ยาคุมกำเนิด ดังนั้นการใช้ยาคุมฮอร์โมนต่ำก็น่าจะเป็นทางแก้อีกวิธีนึง

ยาคุมกำเนิดทั่วไป
ยาคุมกำเนิดทั่ว ๆ ไป จะมีแบบฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจน และ โปรเจสเตอโรน) และ ฮอร์โมนเดี่ยว (โปรเจสเตอโรน) และออกฤทธิ์ในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่ได้ต้องการ หรือไม่ตั้งใจ  แต่จะมีผลข้างเคียงเกิดขึ้น ซึ่งทำให้การใช้ชีวิตประจำวันไม่ค่อยน่าพอใจ

ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนต่ำ
ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนต่ำ จะมีฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำกว่ายาคุมทั่ว ๆ ไป เพื่อลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ลดสิว ลดผิวมัน ลดอารมณ์แปรปรวน ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งรังไข่ ฯลฯ นอกเหนือจากประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่ต่างจากยาคุมรูปแบบเดิม

สรรพคุณของยาคุมฮอร์โมนต่ำ
สำหรับยาคุมฮอร์โมนต่ำนั้นนอกจากจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์เหมือนกับยาคุมทั่ว ๆ ไปแล้ว ยังสามารถช่วยปรับ / ลด ได้หลาย ๆ อาการ ซึ่งเป็นสรรพคุณข้างเคียงจากการใช้ยาตัวนี้



สรรพคุณข้างเคียงนอกจากการคุมกำเนิด
อาการข้างเคียงที่เคยเกิดจากการกินยาคุมกำเนิดทั่ว ๆ ไป จะลดน้อยลงเมื่อหันมาใช้ยาคุมฮอร์โมนต่ำ เช่น

• ช่วยควบคุมฮอร์โมนจากภายใน
• ช่วยลดอาการบวมน้ำ
• ช่วยยับยั้งการอักเสบ
• ช่วยลดอาการปวดประจำเดือน
• ช่วยลดผิวมัน
• ช่วยปรับอารมณ์ซึ่งเป็นอาการก่อนมีประจำเดือน
• ช่วยให้ประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอ
• ลดโอกาสในการเกิดมะเร็งไข่

---

แนะนำวิธีกินยาคุมฮอร์โมนต่ำ
สำหรับผู้ที่ใช้ยาคุมฮอร์โมนต่ำ ควรกินยาคุมทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานาน 21 วัน โดยจะเริ่มกินยาคุมเม็ดแรกในช่วงวันที่ 1-5 ของรอบเดือน จากนั้นให้กินยาวันละ 1 เม็ด

ในเวลาเดียวกันของทุกวัน ควรที่จะกินก่อนนอน โดยให้กินยาตามลูกศรไปจนครบ 21 เม็ด จากนั้นก็ให้หยุดกินไป 7 วัน แต่ในช่วง 7 วันที่หยุดยานี้ จะมีประจำเดือนมา แต่เมื่อครบ 7 วันแล้ว ให้เริ่มกินเม็ดแรกของแผงต่อไปในวันที่ 8 แม้ว่าประจำเดือนจะยังคงมาหรือหยุดไปแล้วก็ตาม

---

ประสิทธิภาพของยาคุมฮอร์โมนต่ำ
ยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนต่ำมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการตั้งครรภ์ ถ้าหากใช้ยาสม่ำเสมอและใช้อย่างถูกต้อง จะมีอัตราล้มเหลวรายปี 0.3% เทียบกับอัตราล้มเหลวรายปี 9% หากใช้อย่างไม่สม่ำเสมอหรือใช้อย่างไม่ถูกต้อง แต่อัตราล้มเหลวนี้ถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับวิธีคุมกำเนิดแบบอื่น ๆ เช่นการใช้ถุงยางอนามัย หรือ การกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน
 
ประสิทธิภาพของยาคุมฮอร์โมนต่ำสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีพอ ๆ กับยาคุมกำเนิดทั่ว ๆ ไปเพียงแต่อาการข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นนั้นลดน้อยลง และรู้สึกสบายใจมากกว่าเพราะชีวิตประจำวันสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

---

ยาคุมฮอร์โมนต่ำเหมาะกับใคร
ผู้หญิงเราอาจต้องลองถูกลองผิดในการเลือกใช้ยาคุมกำเนิด จนกระทั่งได้ตัวยาที่ใช่ที่สุด แต่ทั้งนี้พึงปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง  เพื่อหลีกเลี่ยงหรือลดอาการข้างเคียงให้น้อยที่สุด  บุคคลต่อไปนี้เหมาะสมที่จะใช้ยาคุมฮอร์โมนต่ำ

• ผู้หญิงที่มีอายุมาก
• ผู้ที่มีอาการไมเกรน
• ผู้ที่สูบบุหรี่ในช่วงกินยาคุมกำเนิด
• ผู้ที่มีอาการสิวขึ้น น้ำหนักขึ้น อารมณ์แปรปรวน ในช่วงที่กินยาคุมปกติ
• ผู้ที่มีผลข้างเคียง เช่น อาการปวดท้อง ประจำเดือนมาผิดปกติ  และอาการอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
• เป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้หญิงที่ให้นมลูกหลังคลอด นอกเหนือจากยาคุมฮอร์โมนเดี่ยว

---

ข้อควรระวังสำหรับการใช้ยาคุมฮอร์โมนต่ำ
การที่จะกินยาคุมฮอร์โมนต่ำนั้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในผู้ที่อ้วน  หรือผู้ที่กินยาไม่ตรงเวลาหรือลืมกินยาคุมบ่อย ๆ หรือผู้ที่มีการใช้ยาหรือสมุนไพรบางชนิดที่ลดประสิทธิภาพของยาคุม แลจำเป็นะถ้าต้องกินยาปฏิชีวนะ แนะนำให้ใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ยาเม็ดคุมกำเนิด 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาคุมฮอร์โมนต่ำ
การกินยาคุมชนิดฮอร์โมนต่ำที่ยังมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เหมือนยาคุมปกติทั่ว ๆ ไป นั้นแต่ผลข้างเคียงก็ยังคงอยู่ แม้ว่าจะลดน้อยลง และความรุนแรงก็น้อยลงเช่นกัน อาการต่าง ๆ

• คลื่นไส้ อาเจียน
• น้ำหนักเพิ่มขึ้น
• คัดเต้านม
• ความดันเลือดสูง
• ท้องอืด
• ประจำเดือนมาไม่ปกติ
• เลือดออกจากช่องคลอด
• อารมณ์แปรปรวน
• เวียนหัว ปวดศีรษะ
• มีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง และลิ่มเลือดอุดตัน

---

ผู้ที่ไม่ควรใช้ยาคุมฮอร์โมนต่ำ
ผู้หญิงต่อไปนี้ไม่ควรใช้ยาคุมฮอร์โมนต่ำ

• ผู้ที่เป็นมะเร็งเต้านม
• ผู้ที่เป็นโรคตับ
• ผู้ที่เป็นไมเกรน
• ผู้ที่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจ
• ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
• ผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
• คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ให้นมบุตร

---

วิธีเก็บรักษายาคุมฮอร์โมนต่ำ
วิธีเก็บรักษายาคุมฮอร์โมนต่ำ ควรเก็บให้พ้นแสงแดด และเก็บไว้ในอุณหภูมิไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส และเก็บในภาชนะเก็บยาที่เหมาะสม และควรตรวจสอบวันหมดอายุของยาเป็นระยะ ๆ เพื่อป้องกันยาเสื่อมคุณภาพ  ไม่ควรเก็บยาในที่ชื้น และให้เก็บยาให้พ้นมือเด็ก

---

ยาคุมฮอร์โมนต่ำยี่ห้อไหนดี
ยาคุมฮอร์โมนต่ำในท้องตลาดที่เป็นที่นิยมมีอยู่หลายยี่ห้อ แต่เราจะมาแนะนำให้รู้จักเฉพาะบางยี่ห้อให้พิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสม

1.ยาคุมกำเนิดฮอร์โมนต่ำ Minny



มินนี่ เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ประเภทฮอร์โมนต่ำมาก (Ultra low dose pills) เพราะปริมาณของ Ethinyl estradiol ใน “เม็ดยาฮอร์โมน” มีไม่เกิน 0.020 มิลลิกรัม

มินนี่ เป็นยาคุม 28 แบบ 21/7 ยาเม็ดฮอร์โมนแต่ละเม็ด จะประกอบด้วย Ethinyl estradiol 0.020 มิลลิกรัม และฮอร์โมนโปรเจสติน คือ Desogestrel 0.150 มิลลิกรัม

มินนี่ ก็มีแบบยาคุม 21 เม็ดด้วย
 
อาการข้างเคียงเช่น อาการคลื่นไส้ , อาเจียน , ปวดศีรษะ , บวมน้ำ , หรือการเกิดฝ้าจะพบได้น้อยมากรวมทั้งสิว , หน้ามัน หรือขนดก ก็น้อยลงเช่นกัน
 
มินนี่ เป็นยาที่ผลิตภายในประเทศ มีราคาแผงละ 110-130 บาท

ยาคุมกำเนิดฮอร์โมนต่ำ Herz



เฮอร์ซ  เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ประเภทฮอร์โมนต่ำมาก (Ultra low dose pills) เนื่องจากมีปริมาณ Ethinyl estradiol ไม่เกิน 0.020 มิลลิกรัม
 
เฮอร์ซ เป็นยาคุม 28 ที่มีรูปแบบ Extended-cycle 24/4 (เม็อฮอร์โมน 24 เม็ด เม็ดแป้ง 4 เม็ด) ยาเม็ดฮอร์โมนประกอบด้วย Ethinyl estradiol 0.02 มิลลิกรัม และ ฮอร์โมนโปรเจสติน คือ Drospirenone 3 มิลลิกรัม
 
ข้อดีของ เฮอร์ซ คือ อาการข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจน พบได้น้อยมาก เช่น อาการคลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะ, บวมน้ำ, หรือการเกิดฝ้า, ลดปัญหาสิว หน้ามัน เป็นต้น
 
เฮอร์ซ เป็นยาที่ผลิตภายในประเทศ มีราคาประมาณแผงละ 290-330 บาท ถูกกว่ายาคุมสูตรเดียวกันที่เป็นยานำเข้า เช่น “ยาส”

ยาคุมกำเนิดฮอร์โมนต่ำ Yaz



ยาส เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม ประเภทฮอร์โมนต่ำมาก (Ultra low dose pills) เนื่องจากมีปริมาณ Ethinyl estradiol ไม่เกิน 0.020 มิลลิกรัม
 
ข้อดีของ ยาส คือ อาการข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจน พบได้น้อยมาก เช่น อาการคลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะ, บวมน้ำ, หรือการเกิดฝ้า, ลดปัญหาสิว หน้ามัน เป็นต้น
 
ยาส เป็นยาคุม 28 ที่มีรูปแบบ Extended-cycle 24/4 (เม็อฮอร์โมน 24 เม็ด เม็ดแป้ง 4 เม็ด) ยาเม็ดฮอร์โมนประกอบด้วย Ethinyl estradiol 0.02 มิลลิกรัม และ ฮอร์โมนโปรเจสติน คือ
Drospirenone 3 มิลลิกรัม
 
ยาส ก็มีแบบยาคุม 21 เม็ดด้วย
 
จุดเด่นอีกอย่างของ ยาส คือบรรจุภัณฑ์และการใช้งาน จะมีสติกเกอร์ “แถบช่วยจำสำหรับวันเริ่มกินยา” ซึ่งจะช่วยตรวจสอบการใช้ประจำวันได้ง่าย
 
ยาส เป็นยานำเข้าจากต่างประเทศ จึงมีราคาสูงมากประมาณแผงละ 420-460 บาท

---

ข้อสรุป
ยาคุมฮอร์โมนต่ำนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่ต่างจากยาคุมปกติทั่ว ๆ ไป แต่ยังช่วยลด
อาการข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลงได้มาก แต่ทั้งนี้ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อรับคำแนะนำเกี่ยว
กับยาคุมฮอร์โมนต่ำ ถึงชนิด วิธีกิน วิธีใช้ ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

อยากสัมผัสประสบการณ์นั่งรถหรูราคาแพงสักครั้งในชีวิตบ้าง ลองมาใช้บริการ เช่ารถ supercar ,เช่ารถหรู เปลี่ยนบรรยากาศสักครั้ง หากได้ลองอัปเกรดภาพลักษณ์ให้ดูพรีเมียมขึ้นแล้วคุณจะติดใจกับการได้นั่งรถหรู ทั้งนี้การเช่ารถยนต์ยังทำให้คุณไม่ต้องแบกภาระการผ่อนรถยุโรปราคาแพงๆ และยังสามารถเปลี่ยนรถหรูได้บ่อยตามใจต้องการ

หากคุณกำลังอยากเช่ารถ supercar, เช่ารถหรู อยากลองขับรถหรูกับแบบคนอื่นบ้าง บทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลแหล่งเว็บสำหรับเช่ารถหรูที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพ คุณสามารถวางใจได้เลยว่าแต่ละร้านมีรถหรูหลากหลายยี่ห้อรถหรูคันน่าสนใจ ถ้าคุณเห็นแล้วจะต้องอยากเข้ามาใช้บริการกันแน่นอน อีกทั้งยังบริการดีพร้อมใช้งานสมใจคุณอย่างแน่นอน


หากคุณกำลังมองหาเว็บสำหรับเช่ารถหรูที่เชื่อถือได้และมีคุณภาพ สามารถดูได้จากที่นี่

ถ้าคุณกำลังมีโอกาสพิเศษ มีวันสำคัญอย่างเช่น ต้องไปทำธุระ ไปเที่ยวออกทริปกันชาวแก๊ง ออกเดตกับคนสำคัญ หรือแม่แต่ประชุมธุรกิจกับบุคคลสำคัญ เมื่อคุณได้โอกาสพิเศษขนาดนี้แล้ว คุณควรเพิ่มความสมบูรณ์แบบให้กับตัวคุณ

ด้วยการใช้บริการเช่ารถหรู เพื่อความน่าเชื่อถือให้คุณดูดีมีรสนิยม คุณอาจจะยังไม่รู้ว่าจะเช่ารถหรูๆจากที่ไหนดี แต่ละร้านมีรถหรูมียี่ห้ออะไรบ้าง เว็บไหนมียี่ห้อรถหรูที่คุณกำลังต้องการ เราได้รวบรวมร้านที่ให้บริการเช่ารถหรูที่คุณเชื่อถือได้วางใจได้มาให้คุณเรียบร้อยแล้ว

1. บริการเช่ารถหรู Richcars

ร้านเช่ารถ Richcars บริการเช่ารถหรูที่มาแรงที่สุดในไทยตอนนี้ เหล่าเซเลปคนดังอินฟลูเอนเซอร์มาใช้บริการเช่ารถ supercarกับเรามากมาย บริการของ Richcars มีรถเช่ารถ supercar หลากหลายยี่ห้อรถหรู ได้แก่ American Musclecar, Audi, Ferrari, BMW, Mercedes-Benz และ Porsche

คุณสามารถเลือกเช่ารายชั่วโมงหรือรายวันก็ได้ หากคุณสนใจอยาก เช่ารถหรู Richcars ไม่ต้องใช้เอกสารมากมายให้ยุ่งยาก เพราะเช่ารถหรูกับเราใช้แค่ใบขับขี่เพียงใบเดียว โดยราคาเช่ารถเริ่มต้นที่ 7,900 บาท อีกทั้งยังมีประกันภัยชั้นหนึ่งพร้อมพนักงานดูแลตลอด 24 ชั่วโมง


2. บริการเช่ารถหรู Prime Cars Rental

ร้านเช่ารถหรู ที่มีการแบ่งประเภทให้คุณลูกค้าเลือกได้อย่างสะดวก มีเช่ารถ supercar ให้คุณเลือกเยอะมากถึง 50 คัน ได้แก่ Ferrari, Lamborghini, เช่า รถ porsche, Bentley,Mercedes-Benz, BMW,รถซีดาน, สปอร์ต, ซูเปอร์คาร์, รถ SUVและ Ultra Luxury

เช่ารถหรูกับเราก็สะดวกสบายมาก เพราะแค่ยืนยันตัวในการเช่ารถหรูกับเราครั้งแรก ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารอะไรเพิ่มเติมอีก และราคาเช่ารถเริ่มต้นที่ 7,500 บาทไปจนถึง 150,000 บาทต่อวัน ถ้าหากคุณต้องการจัดส่งรถนอกพื้นที่ ราคาจัดส่งเริ่มต้นที่ 500 บาทตามระยะปลายทาง

เช่ารถ supercarกับเรายังมีบริการประกันภัยชั้นหนึ่ง และพนักงานของเราไม่ได้ติดตามคุณตลอดเวลา เพราะเราคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวกับผู้เช่า นอกจากนี้ถ้าคุณใช้บริการเช่ารถหรูกับเราคุณจะได้รับสิทธิ์ Prime Previlege ส่วนลดหรือสิทธิพิเศษในการใช้บริการเพิ่มเติมอีกด้วย


3. บริการเช่ารถหรู ECOCAR rent-a-car

หากคุณอยากเช่ารถหรู อย่าง Ferrari, Aston Martin และ porsche คุณสามารถติดต่อมาได้ที่ ECOCAR rent-a-car เรามีรถให้เช่าทั้งรถsupercar และรถยนต์ทั่วไป มีให้คุณเลือกถึง 400 คัน ราคาเช่ารถของเราเริ่มต้นที่ 8,560 บาทต่อเดือน ท่านสามารถรับรถและส่งคืนได้ตั้งแต่เวลา 8.30 น.-20.00น.


4. บริการเช่ารถหรู K Car rental

ร้านบริการเช่ารถหรู K Car rental ที่เปิดมานานกว่า 18 ปี มีทั้งแบบขับเอง และพร้อมคนขับ เรามีบริการรถทุกรุ่น และรถหรู Benz Bmw Alphard ให้บริการแบบครบวงจร

นอกจากนี้เรายังมีรถหรูๆ บริการรับ-ส่งถึง สนามบิน สนามกอล์ฟ โรงแรม งามประชุม สัมมนาต่างๆ หรือนัดรับส่งคุณตามสถานที่ที่ท่านต้องการ และรถของเราทุกคันยังมีเจ้าหน้าที่พร้อมบริการช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉินท่านสามารถโทรเรียกเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง


5. บริการเช่ารถหรู Bangkoksupercar

สำหรับใครที่กำลังมองหาร้านเช่ารถหรู , เช่ารถสปอร์ต รายวัน หรือบริการเช่ารถ supercar Bangkoksupercar ยินดีให้บริการ เรามีประสบการณ์เปิดบริการเช่ารถซุปเปอร์คาร์มายาวนานกว่า 15 ปี ท่านสามารถรังสรรค์ได้ตามใจต้องการ

เพราะเรามีให้เลือกทั้ง Jaguar, Mercedes Benz, BMW, Alphard/Vellfire, Aston Martin, McLaren, Bentley,Ferrari, Lamborghini, Porsche Rolls Royce, Maserati เป็นต้น

บริการเช่ารถหรูพิเศษที่สุดเฉพาะเราด้วยบริการเช่ารถลีมูซีนสุดหรูที่สุดของเมืองไทย Rolls Royce Phantom พร้อมคนขับส่งถึงสนามบิน อีกทั้งเรายังมีบริการบอดี้การ์ดอารักขาพร้อมอีกด้วย เรียกได้ว่าเราให้บริการอย่างครบวงจรเลยทีเดียว


สรุป

หากคุณมีความฝันที่อยากนั่งรถสวยๆ หรูๆ ให้สมดังใจหวัง สามารถใช้บริการ เช่ารถหรู , เช่ารถซุปเปอร์คาร์เพื่ออัพเกรดความหรูหราให้กับตัวเองนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะรถหรูช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้คุณดูมีอำนาจ ดูแพง มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ดังนั้นในเมื่อโอกาสพิเศษของคุณมาถึงแล้ว คุณไม่ควรพลาดที่จะเช่ารถหรูเพื่อสานฝันให้ตัวเองสักครั้งในชีวิต

เพราะการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้มีคุณภาพชีวิติที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จึงทำให้คนยุคนี้นิยมสร้างเนื้อสร้างตัวให้พร้อมก่อนจะวางแผนมีบุตร แต่เพราะสังคมสมัยนี้มีการแข่งขันค่อนข้างสูง เหล่าพ่อแม่จึงจำเป็นต้องมีเงินเก็บที่มากพอ กว่าจะเก็บได้ถึงตามเป้า อายุก็ล่วงเลยมามากแล้ว ทำให้เกิดภาวะมีลูกยาก

แต่เพราะเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันสามารถทำให้การมีลูกเป็นไปได้สูงขึ้น โดยเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ล่าสุดที่ช่วยเพิ่มโอกาสการมีลูกสูงกว่าวิธีอื่น ๆ ที่เคยมีมานั่นก็คือการทำอิ๊กซี่ ICSI นั่นเอง

ในบทความนี้จะมาแนะนำการเพิ่มโอกาสการมีบุตรที่มากขึ้นกว่าเดิมด้วยการทำอิ๊กซี่ ICSI คืออะไร ทำไมถึงช่วยให้การมีบุตรเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น มีวิธีการทำอิ๊กซี่ ICSI อย่างไร โอกาสสำเร็จมีแค่ไหน

อิ๊กซี่ ICSI คือ


Intracytoplasmic sperm injection หรือ อิ๊กซี่ ICSI คือ วิธีรักษาภาวะมีบุตรยากโดยอาศัยเทคโนโลยีทางการแพทย์ในการชักนำให้เซลล์สืบพันธุ์อย่างเซลล์ไข่และเซลล์อสุจิให้เกิดการปฏิสนธิกันได้เลยทันที โดยที่ไม่ต้องรอให้เซลล์อสุจิเข้าไปเจาะเซลล์ไข่ตามธรรมชาติ

เพราะโดยปกติแล้วที่คุณแม่ไม่สำเร็จการตั้งครรภ์ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เซลล์ไข่และเซลล์อสุจิไม่สามารถปฏิสนธิกันได้ เมื่อไม่มีการปฏิสนธิก็จะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้นั่นเอง การทำอิ๊กซี่จึงเป็นการแก้ไขปัญหาการที่เซลล์ไข่กับเซลล์อสุจิไม่ปฏิสนธิกันเองตามธรรมชาติให้มาปฏิสนธิกันได้ง่าย ๆ นั่นเอง

อิ๊กซี่ (ICSI) ต่างจาก IVF อย่างไร

วิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากที่เป็นการปฏิสนธินอกร่างกายหรือการทำเด็กหลอดแก้วในปัจจุบันมีอยู่ 2 วิธี คือ IVF และ ICSI ซึ่งทั้ง 2 วิธีมีขั้นตอนการรักษาที่แตกต่างเพียงเล็กน้อย แต่กลับเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ให้ประสบความสำเร็จขึ้นอย่างมาก ดังนี้

IVF (In-Vitro Fertilization)

IVF คือการทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการนำเซลล์สืบพันธุ์อย่างเซลล์ไข่และเซลล์อสุจิออกมาให้เกิดการปฏิสนธิกันภายนอกร่างกาย ซึ่งขั้นตอนจะค่อนข้างไม่ยุ่งยากเท่า ICSI หากเซลล์สืบพันธุ์ยังไม่อ่อนแอจนเกินไปก็จะทำให้การตั้งครรภ์ประสบความสำเร็จมากขึ้น

การทำ IVF จะนำเซลล์สืบพันธุ์ทั้งสองประเภทมาจำนวนหนึ่ง แล้วไว้รวมกันในจานเพาะเลี้ยงหรือหลอดทดลอง และรอให้เซลล์อสุจิว่ายไปเจาะเซลล์ไข่เพื่อปฏิสนธิกันเอง และเมื่อปฏิสนธิสำเร็จจึงนำตัวอ่อนที่ได้นั้นไปเลี้ยงต่อในห้องปฏิบัติการจนแข็งแรงแล้วจึงนำกลับเข้าไปในโพรงมดลูกเพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวและเกิดการตั้งครรภ์ต่อไป

ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection)

อิ๊กซี่ ICSI คือการทำเด็กหลอดแก้วเช่นเดียวกับ IVF แต่มีการพัฒนาขั้นตอนที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกเล็กน้อยเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์สำเร็จสูงกว่าเดิม

ปกติแล้วเมื่ออายุฝ่ายหญิงมากขึ้น เซลล์ไข่ก็จะอายุมากตามไปด้วยและทำให้เซลล์ไข่ที่สมบูรณ์น้อยลง เซลล์ไข่ที่หลงเหลือก็มักจะมีปัญหาไม่ว่าจะฝ่อ หรือเปลือกไข่หนา ทำให้เซลล์อสุจิไม่สามารถเจาะเข้าไปปฏิสนธิได้นั่นเอง

การทำ ICSI ก็จะเข้ามาแก้ปัญหาจุดนี้ โดยการคัดเซลล์ไข่และเซลล์อสุจิที่คุณภาพดีที่สุดมาเพียง 1 ใบและ 1 ตัว จากนั้นใช้เครื่อง ICSI มาเจาะเซลล์ไข่เพื่อนำเซลล์อสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรงและเกิดการปฏิสนธิกันได้เลยทันทีก่อนจะนำตัวอ่อนไปเลี้ยงจนแข็งแรงและนำกลับเข้าไปในโพรงมดลูกเหมือนการทำ IVF

ทำไมถึงต้องทำ ICSI

เมื่ออายุมากขึ้น โอกาสเกิดภาวะมีบุตรยากก็สูงขึ้นตามไปด้วย หากคิดจะมีลูกในตอนที่อายุมาก ๆ แล้วอาจทำให้การตั้งครรภ์ทำได้ยาก ถึงตั้งครรภ์สำเร็จลูกที่เกิดมาก็มีความเสี่ยงผิดปกติ ไม่แข็งแรงสมบูรณ์สูงอีกด้วย

หรือในฝ่ายหญิงที่มีโรคหรือความผิดปกติใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ไม่ว่าจะภาวะตกไข่ผิดปกติ ภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ มีพังผืดในอุ้งเชิงกราน มีความผิดปกติในท่อนำไข่ และอื่น ๆ ด้วยสาเหตุเหล่านี้ก็มักจะทำให้การตั้งครรภ์เกิดขึ้นได้ยากเช่นกัน

เพราะเหตุนี้การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำอิ๊กซี่ ICSI จึงเป็นการช่วยให้ผู้บุตรยากได้มีบุตรง่ายขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้โอกาสที่ลูกเกิดมาจะผิดปกติก็น้อยกว่าการตั้งครรภ์โดยธรรมชาติอีกด้วย   

โอกาสสำเร็จมากแค่ไหนสำหรับ ICSI


การทำอิ๊กซี่ ICSI เป็นวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากโดยใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ล่าสุดที่ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำเร็จสูงกว่าวิธีอื่น ๆ ประมาณ 70-80% เลยทีเดียว

การเตรียมตัวสำหรับการทำ ICSI

เพื่อให้ร่างกายมีความพร้อมสำหรับการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำอิ๊กซี่ ICSI มากที่สุด ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายควรเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจประเมินร่างกายว่ามีภาวะมีบุตรยากหรือไม่ (ในการพบแพทย์ควรมาในช่วงวันที่ 2-3 ของการมีประจำเดือน)

หากเข้าข่ายภาวะมีบุตรยากสามารถเข้ารับการรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง แพทย์จะพิจาณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น อายุ สภาพของเซลล์สืบพันธุ์ ความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ และความต้องการของผู้ป่วย

หากพิจารณาแล้วว่าการรักษาด้วยการทำอิ๊กซี่ ICSI คือวิธีที่เหมาะสมที่สุด แพทย์จะให้ผู้ป่วยเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา ดังนี้

• พักผ่อนให้เพียงพอ
• งดเครื่องดื่มประเภทคาเฟอีน แอลกอฮอล์
• หากผู้ป่วยสูบบุหรี่ แพทย์จะให้งดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 เดือนก่อนเข้ารับการรักษา
• ออกกำลังกายในปริมาณที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ
• ฝ่ายชายงดกิจกรรมทางเพศที่ทำให้เกิดการหลั่งอสุจิประมาณ 5-7 วันก่อนพบแพทย์
• ฝ่ายชายงดสวมชั้นในที่รัดแน่น และหลีกเลี่ยงการแช่น้ำอุ่น การทำซาวน่าในช่วงก่อนเข้ารับการรักษา
• ทำจิตใจให้สบาย ไม่ควรเกิดความเครียด ความกังวลใด ๆ ก่อนเข้ารับการรักษา
• หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาประจำต้องแจ้นให้แพทย์ทราบ

ขั้นตอนการทำ ICSI



เมื่อผู้ป่วยเตรียมตัวมาพร้อมแล้ว ในวันเข้ารับการรักษาด้วยการทำ ICSI จะมีขึ้นตอนดังนี้

Ovulation Induction (OI)

แพทย์จะนัดฝ่ายหญิงมาตรวจเลือดและอัลตราซาวด์มดลูก หากผลตรวจออกมาปกติดีแพทย์จะให้ฉีดยากระตุ้นไข่ เพื่อให้เซลล์ไข่โตพร้อม ๆ กันในปริมาณมากกว่าปกติ ยาที่ใช้ฉีดกระตุ้นไข่แพทย์จะให้ผู้ป่วยฉีดเข้าบริเวณหน้าท้องในเวลาเดิมของทุกวัน และมีการนัดเข้ามาอัลตราซาวด์ดูเซลล์ไข่เป็นระยะ

หากพบว่าเซลล์ไข่มีขนาดที่เหมาะสมแล้ว แพทย์จะฉีดยากระตุ้นไข่ตกหรือฉีดยาเร่งไข่ตกให้กับผู้ป่วย หลังจากฉีดยาไข่ตกไปแล้วประมาณ 1-2 วันแพทย์จะนัดผู้ป่วยเข้ามาอีกครั้งเพื่อทำการเก็บเซลล์ไข่ที่จะนำมาใช้ในการปฏิสนธิต่อไป

Egg Retrival

หลังจากที่เซลล์ไข่สุกแล้ว แพทย์จะทำการเก็บเซลล์ไข่ออกมาภายนอกร่างกาย โดยใช้เครื่องมือสอดผ่านเข้าไปทางช่องคลอด จากนั้นดูดเซลล์ไข่ออกมาโดยดูตำแหน่งของเซลล์ไข่จากการอัลตราซาวด์ เมื่อดูดเซลล์ไข่ออกมาแล้วจะทำการพักเซลล์ไข่ไว้ในน้ำยาเพาะเลี้ยงเพื่อรอปฏิสนธิกับเซลล์อสุจิต่อไป

การเก็บ Sperm

ในวันเดียวกันนั้นแพทย์จะให้ฝ่ายชายหลั่งเชื้ออสุจิใส่ในภาชนะที่แพทย์เตรียมไว้ให้ (กรณีที่ไม่สามารถหลั่งเชื้ออสุจิได้แพทย์อาจทำการเจาะดูดเชื้ออสุจิออกจากอัณฑะโดยตรง) จากนั้นทำการคัดเซลล์อสุจิที่สภาพสมบูรณ์ แข็งแรงที่สุดผ่านกล้องจุลทรรศน์ในห้องปฏิบัติการเพื่อนำไปปฏิสนธิกับเซลล์ไข่

Fertilization

ผ่านขั้นตอนการเก็บเซลล์สืบพันธุ์ทั้งสองประเภทแล้วแพทย์จะทำการชักนำให้เซลล์เกิดการปฏิสนธิกันด้วยการใช้เครื่องอิ๊กซี่ทำการเจาะเซลล์ไข่และพาเซลล์อสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง ในขั้นตอนนี้จะใช้เซลล์ไข่ 1 ใบต่อเซลล์อสุจิ 1 ตัวในการชักนำการเกิดปฏิสนธิ

แพทย์อาจทำการชักนำให้เกิดการปฏิสนธิด้วย ICSI เพื่อให้เกิดตัวอ่อนขึ้นมาหลาย ๆ ตัวเพื่อเพิ่มโอกาสการพัฒนากลายเป็นตัวอ่อนสูงขึ้น

Embryo Transfer

เมื่อชักนำให้เกิดการปฏิสนธิและกลายเป็นตัวอ่อนเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการเลี้ยงตัวอ่อนต่อภายในห้องปฏิบัติการที่มีการควบคุมสภาวะที่ใกล้เคียงกับในครรภ์มากที่สุด เมื่อตัวอ่อนอยู่ในระยะที่เหมาะสมแล้วแพทย์จะทำการนัดฝ่ายหญิงอีกครั้งเพื่อนำตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูก เพื่อให้ตัวอ่อนเกิดการฝังตัวและก่อให้เกิดการตั้งครรภ์ ในขั้นตอนนี้แพทย์จะหาจุดที่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อนก่อนแล้วจึงนำตัวอ่อนเข้าไปในโพรงมดลูกผ่านทางช่องคลอด ไม่มีการเปิดแผลผ่าตัดแต่อย่างใด

แต่หากสภาพร่างกายของฝ่ายหญิงยังไม่เหมาะสมที่จะนำตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูกแพทย์อาจให้ทำการแช่แข็งตัวอ่อนไว้ก่อน เมื่อร่างกายอยู่ในสภาพที่เหมาะสมแล้วค่อยนำตัวอ่อนนี้มาละลายและนำกลับเข้าไปในโพรงมดลูกทีหลังได้ โดยตัวอ่อนที่แช่แข็งนี้สามารถเก็บรักษาได้นานถึง 10 ปี

ข้อดีของการทำ ICSI

• การทำอิ๊กซี่ ICSI เป็นวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากที่ให้โอกาสสำเร็จสูงที่สุดด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ใหม่ล่าสุด
• การทำอิ๊กซี่ ICSI สามารถแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากได้หลากหลายปัญหาที่สุด ไม่ว่าจะอายุมากจนเซลล์ไข่เปลือกหนา เซลล์ไข่สมบูรณ์น้อย หรือเป็นโรคบางอย่างที่อาจทำให้การตั้งครรภ์ยากขึ้น
• การทำอิ๊กซี่ ICSI สามารถลดโอกาสการตั้งครรภ์ผิดปกติ การให้กำเนิดลูกที่มีความผิดปกติหรือโรคทางพันธุกรรมได้ เพราะสามารถตรวจโครโมโซมก่อนนำเซลล์สืบพันธุ์ไปชักนำให้เกิดการปฏิสนธิ หรือก่อนนำตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูกได้

ข้อจำกัดการทำ ICSI

ถึงแม้ว่าการทำอิ๊กซี่ ICSI จะสามารถแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากได้หลากหลายปัญหา แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บางประการ ดังนี้

• อาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์แฝด เนื่องจากบางครั้งกรณีที่จำนวนตัวอ่อนที่หลงเหลือจาากการทำอิ๊กซี่ก่อนนำเข้าไปในโพรงมดลูกเหลือน้อยมาก ๆ แพทย์อาจพิจารณานำตัวอ่อนที่เหลือใส่เข้าไปในโพรงมดลูก และหากการฝังตัวของตัวอ่อนสำเร็จทั้งสองตัวก็จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์แฝดเทียมนั่นเอง
• อาจทำให้เซลล์ไข่เสียหาย เพราะการทำอิ๊กซี่จะต้องมีการเจาะเปลือกไข่เพื่อนำเซลล์อสุจิเข้าไปให้เกิดการปฏิสนธิ
• การทำอิ๊กซี่ ICSI จะต้องมีการกระตุ้นรังไข่เพื่อทำให้ไข่โตพร้อมกันหลาย ๆ ใบ ในขั้นตอนนี้รังไข่อาจตอบสนองต่อยากระตุ้นไข่มากเกินไปและทำให้เกิดอาการท้องอืด คลื่นไส้ อาเจียนได้
• มีค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงกว่าวิธีอื่น ๆ และยังมีขั้นตอนที่ซับซ้อน จำเป็นต้องทำภายใต้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นจะใช้การทำอิ๊กซี่รักษาก็ต่อเมื่อจำเป็นเท่านั้น

ค่าใช้จ่าย

การทำอิ๊กซี่ ICSI ราคาประมาณ 150,000-500,000 บาทขึ้นกับสถานพยาบาล โดยราคานี้มักจะรวมค่าใช้จ่ายสำหรับทำอิ๊กซี่ ICSI ทุกขั้นตอนแล้ว ถึงแม้ว่าราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการรักษาภาวะมีบุตรยากวิธีอื่น ๆ แต่ก็ทำให้โอกาสสำเร็จสูงกว่าวิธีอื่น ๆ ค่อนข้างมาก

ในปัจจุบันได้มีนวัตกรรมช่วยสำหรับผู้ที่มีภาวะมีบุตรยาก คือ IVF หรือที่เราเรียกกันว่า เด็กหลอดแก้ว สามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่ต้องการมีลูก แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จตามที่ต้องการเสียที หากคุณกำลังอยากมีลูกสักคน ลองมาหลายวิธีแล้วแต่ก็ยังไม่สำเร็จ

ลองเปิดใจมาอ่านบทความนี้ดูก่อน เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กหลอดแก้ว  การเตรียมตัวสำหรับการทำ IVF นั้นมีขั้นตอนใดบ้าง IVF กับ ICSI ต่างกันอย่างไร รวมถึงโอกาสสำเร็จของ IVF การทำเด็กหลอดแก้วนั้นมีมากน้อยแค่ไหน


เด็กหลอดแก้ว IVF คือ

เด็กหลอดแก้ว IVF คือ การปฏิสนธิภายนอกร่างกาย โดยใช้กระบวนทางวิทยาศาสตร์เข้าช่วย เป็นวิธีการรักษาสำหรับผู้ที่ประสบภาวะมีบุตรยาก ซึ่งแพทย์จะนำตัวอ่อนที่ได้ นำมาเพาะเลี้ยงต่อจนอายุ 3-5 วัน หลังจากนั้นถึงจะนำกลับเข้าสู่ร่างกายฝ่ายหญิง เพื่อให้เกิดการฝังตัวและตั้งครรภ์เป็นลำดับถัดไป

ทำไมถึงต้องทำ IVF

การทำ IVF ช่วยแก้ปัญหาในการมีบุตรยาก ซึ่งผู้ที่มีภาวะมีบุตรยากส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาอันเนื่องมาจากสุขภาพดังนี้

• ปัญหาทางด้านพันธุกรรม
• ปัญหาของระบบฮอร์โมนรังไข่เช่น ภาวะไม่ตกไข่เรื้อรัง
• ฝ่ายหญิงมีเนื้องอกในโพรงมดลูก
• ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่
• ระบบท่อนำไข่มีปัญหา เช่น มีการอุดตัน ผ่านรับการผ่าตัด
• ฝ่ายชายมีน้ำเชื้ออสุจิผิดปกติ เช่น การเคลื่อนไหวน้อย จำนวนน้อย รูปร่างผิดปกติ
• พยายามทำการผสมเทียมแต่ก็ยังไม่สำเร็จ
• มีความจำต้องใช้การรักษาโดยใช้ไข่หรือตัวอ่อนบริจาค
• เป็นผู้ที่มีภาวะที่ไม่ทราบสาเหตุของการมีบุตรยาก

   

IVF ต่างจาก ICSI อย่างไร

หลายคนอาจสงสัยว่า IVFกับ ICSI มีความแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร การทำ IVF จะทำการคัดไข่กับอสุจิมาผสมกันนอกร่างกาย ซึ่งการเพาะเลี้ยงใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน จากนั้นจะนำเข้าไปฝังโพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ต่อไปนั้นเอง

ส่วนการทำ ICSI หรือที่เราเรียกกันว่า อิ๊กซี่ จะคัดเลือกอสุจิตัวเดียวที่มีความสมบูรณ์และแข็งแรงที่สุด หลังจากนั้นแพทย์จะนำมาฉีดเข้าไปในรังไข่ เมื่อเกิดการปฏิสนธิ แพทย์จะนำตัวอ่อนที่ได้กลับไปฝั่งในโพรงมดลูก ซึ่งการทำ ICSI จะช่วยแก้ปัญหาสำหรับฝ่ายชายที่มีปริมาณน้ำเชื้ออสุจิน้อย

โอกาสสำเร็จมากแค่ไหนสำหรับ IVF

โอกาสสำเร็จในการทำ IVF ในผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่า 35 ปี มีโอกาสสำเร็จโดยประมาณ 41-43% แต่สำหรับผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปจะเหลือเพียง 13-18%

ซึ่งหากแพทย์ประเมินดูแล้วว่าการทำ IVF มีโอกาสสำเร็จน้อย แพทย์แนะนำให้ทำวิธีอื่นที่มีโอกาสสำเร็จมากกว่าอย่างการทำ ICSI เพราะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากถึง 90 %

การเตรียมตัวสำหรับการทำ IVF

ขั้นตอนการเตรียมตัวสำหรับการทำ IVF มีดังนี้

ฝ่ายหญิง
1. ทำกิจกรรมที่ให้ตนเองรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียดหรือกังวลมากจนเกินไป
2. ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ไม่ควรออกกำลังหนักๆ
3. งดดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน

ฝ่ายชาย
1. ไม่สวมใส่กางเกงชั้นในที่คับแน่น
2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางน้ำ เช่น แช่น้ำอุ่น ว่ายน้ำ และการทำซาวน่า
3. ปล่อยวางจิตใจให้สบาย ไม่เครียดกังวลเกินไป
4. งดดื่มแอลกฮอล์ งดสูบบุหรี่เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 3 เดือน
5. งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 3 วัน

ขั้นตอนการทำ IVF


การทำ IVF ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงต้องให้ความร่วมมือกันและกัน ถึงจะสามารถประสบความสำเร็จ โดยขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF มี 5 ขั้นตอนดังนี้

Ovulation Induction (OI)

OI คือ แพทย์จะทำการฉีดยากระตุ้นกระตุ้นรังไข่ เพื่อให้ไข่ของผู้หญิงเติบโตพร้อมรับการปฏิสนธิ ในขั้นตอนนี้เป็นส่วนสำคัญหลักที่จะทำให้การทำ IVF สำเร็จ

Egg Retrival

เมื่อไข่ได้ทำการกระตุ้นเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะนำไข่ออกมาจากรังไข่ ซึ่งขั้นตอนนี้แพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษในการนำไข่ออกมาเพาะเลี้ยง เพื่อรอนำน้ำเชื้ออสุจิจากฝ่ายชายมาปฏิสนธิในลำดับถัดไป

การเก็บ Sperm

ขั้นตอนการเก็บ Sperm จะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
1. หากฝ่ายชายมีปริมาณน้ำอสุจิที่ปกติดี แพทย์จะให้ทำการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเอง
2. สำหรับผู้ชายที่มีปริมาณน้ำเชื้ออสุจิน้อย แพทย์จะทำการ TESA (Testicular Sperm Aspiration) วิธีการคือ ดูดอสุจิออกมาจากอัณฑะโดยตรง

Fertilization

ในขั้นตอนนี้จะเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ โดยแพทย์จะทำการคัดเลือกอสุจิที่มีความแข็งแรงสมบูรณ์มากที่สุด เพื่อมาทำการปฏิสนธิกับไข่ที่เตรียมไว้

Embryo Transfer

เมื่อไข่และอสุจิได้ทำการปฏิสนธิกันแล้ว แพทย์จะเพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่ได้เป็นเวลา 5-6 วัน หลังจากนั้นจะนำไปฝั่งในมดลูก ถัดมาหลังจากผ่านไป 6-10 วัน แพทย์จะทำการนัดให้มาพบ เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์

ข้อดีของการทำ IVF

• ผู้ที่ต้องการทำลูกแฝด เพราะมีโอกาสในการเกิดลูกแฝดค่อนข้างสูง
• ตอบโจทย์สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาท่อนำไข่ตัน เพราะมีโอกาสที่จะตั้งครรภ์มากกว่าเดิม
• การทำ IVF แพทย์สามารถตรวจสอบโครโมโซมตัวอ่อนว่ามีความปกติหรือไม่ ก่อนที่จะทำการฝั่งไข่กลับเข้าไปในมดลูก
• วิธีนี้เป็นวิธีที่ค่อนข้างใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด

ข้อจำกัดการทำ IVF

• ทารกอาจมีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ
• มีโอกาสตั้งครรภ์นอกมดลูก
• โอกาสเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนด
• มีความเสี่ยงในขั้นตอนฉีดกระตุ้นรังไข่ เพราะรังไข่อาจเกิดบวม หรือ เจ็บได้
• ระหว่างที่แพทย์ทำการเจาะเอารังไข่ออกมานั้น มีโอกาสทำให้เลือดออก ติดเชื้อภายในได้ หากแพทย์มีความเชี่ยวชาญไม่มากพอ

ค่าใช้จ่าย


ค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้ว IVFที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช (BNH Hospital) ฝ่ายหญิงราคาเริ่มต้นที่ 400,000 บาท ส่วนฝ่ายชายราคาเริ่มต้นที่ 24,000 บาท

การจัดระเบียบข้อมูลการตลอดออนไลน์ที่ซ้ำซ้อนจะไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป หากใช้เซลล์เพจ (Sale Page) ที่ตอบสนองการบริหารข้อมูลของลูกค้าหรือแบรนด์ของคุณได้อย่างครอบคลุม แล้ว Sale page คืออะไร มีการใช้งานอย่างไร จึงมาแบ่งปัน ข้อดีของการมี Sale Page  10 การใช้งานได้ในบทความนี้

---

Sale Page คืออะไร เป็นแพลตฟอร์มช่วยการจัดการธุรกิจออนไลน์ได้แบบไหนบ้าง

Sale Page คือ เว็บไซต์ที่เสนอผลิตภัณฑ์การทำการตลาดออนไลน์แบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการสร้างคอนเทนต์เซลเพจโฆษณา ยิงแอด โปรโมทสินค้าหรือบริการไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยม เช่น Facebook , Instagram แม้กระทั่งในแอป TikTok ในรูปแบบภาพนำเสนอ Pop-up หน้าเดียว ที่เซลเพจรวบรวมข้อมูลการขายทั้งหมดตั้งแต่ รายละเอียดสินค้า รีวิว จำนวนสั่งซื้อ ช่องชำระเงิน ที่ปิดการขายได้ทันที จะเห็นได้ว่า Sale Page ข้อดีคือ ช่วยต่อยอดการทำธุรกิจออนไลน์ได้ครบเครื่อง สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

Sale Page ดีกับธุรกิจประเภทใด เพิ่มยอดขายได้มากเท่าไหร่


เป็นที่แน่นอนว่า Sale Page ข้อดีคือ เป็นเว็บไซต์ที่เหมาะสำหรับการทำการตลาดออนไลน์ทุกรูปแบบ เพราะเซลล์เพจสามารถทำคอนเทนต์สำหรับยิงแอด โปรโมท โฆษณา ไปยังโซเชียลเน็ตเวิร์กแพลตฟอร์มอื่นๆ ได้สะดวก และรวดเร็ว โดยใช้แค่เซลเพจเว็บเดียวเท่านั้น ก็สามารถดำเนินธุรกิจออนไลน์โดยที่ไม่ต้องเปิดแอปพลิเคชันอื่นให้เสียเวลา

แนะนำ 10 ข้อดีของการมี Sale Page ช่วยบริหารการจัดการแบรนด์ได้อย่างมีคุณภาพ

แนะนำเลยการใช้ Sale Page มี 10 ข้อดี คือดังต่อไปนี้

1.ต้นทุนที่ถูก

ปัจจัยหลักของการใช้ Sale Page ข้อดี คือ มีราคาใช้งานที่ค่อนข้างถูก อีกทั้งตัวเว็บไซต์เสนอผลิตภัณฑ์แก่ลูกค้าได้หลากหลายออฟชัน ตั้งแต่ประเภทชำระแบบบริการเซลล์เพจรายเดือนที่มีราคาถูกแต่ต้องจ่ายหลายงวด กับการชำระแบบรายปีที่ทางรายการจะสรุปยอดเงินเป็นก้อนใหญ่ทีเดียว แต่มีส่วนลดให้กับผู้ใช้บริการ นอกจากนี้เซลเพจมีแพ็คเกจให้ผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบการใช้งานได้ตามความเหมาะสมกับธุรกิจตัวเองอีกด้วย

2.สามารถอัปเดตหน้าร้านได้จากทุกที่

คุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถจัดการหน้าร้านหรือหลังบ้านออนไลน์ด้วยเซลเพจได้สะดวกทุกที่ เพราะหนึ่งในการใช้ Sale Page ข้อดี คือ สามารถจัดข้อมูลในอุปกรณ์พกพาอย่าง สมาร์ทโฟนได้แบบเรียลไทม์ สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพไม่แพ้บนเดสท็อกส์ เพราะเซลล์เพจตอบโจทย์การบริหารร้านค้าออนไลน์ได้ทุกเวลา

3.สามารถขายได้ตลอดเวลา

รูปแบบการทำการตลาดออนไลน์ของเซลเพจ ช่วยนำเสนอผลิตภัณฑ์กระตุ้นการซื้อ-ขายแก่กลุ่มเป้าหมายหลากหลายอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือเซลล์เพจที่ยิงแอดโฆษณาไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ จะ Upselling หรือขายของแบบ Crossselling ในคอนเทนต์โปรโมทสินค้าหรือบบริการเพื่อกระจ่ายข่าวสาร ก็ดึงกลุ่มผู้ที่มีความสนใจที่คล้ายคลึงมาเป็นลูกค้าในอนาคตได้ไม่ยาก อีกหนึ่งปัจจัยของ Sale Page ข้อดีคือ มีระบบบอทหรือแอดมิน ที่ผู้ใช้สามารถติดตั้ง ป้อนคำสั่งรอรับออเดอร์ลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง

4.ประหยัดเวลาในการบริหาร

การใช้เว็บไซต์เซลล์เพจบริหารจัดการหน้าร้านและในระบบหลังบ้าน ช่วยลดภาระการลำดับข้อมูลที่ซ้ำซ้อน ให้ถูกจัดวางเรียงเป็นอย่างมีระเบียบ เช่น ออเดอร์ สต้อคสินค้า ผลการประเมินยอดที่ขายได้โดยรวม ที่เซลเพจได้สรุปออกเป็นแผนภูมิ Dashboard ที่เข้าใจง่าย เป็นรายงานที่สามารถอัปเดตผลประกอบการได้ตลอดเวลา และอีกการใช้ Sale Page ข้อดีคือลดค่าใช้จ่ายการว่าจ้างแรงงานคนมาบริหาร เพียงแค่ป้อนคำสั่งกับระบบ Sale Page ก็สามารถลำดับการทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม่นยำ มีความถูกต้องสูงสุด

5.ปิดยอดขายได้ไว

การนำเสนอคอนเทนต์ผ่าน Sale Page ข้อดีคือ มีรูปแบบการนำเสนอเนื้อหาด้วยรูปภาพที่ครบองค์ประกอบการโปรโมทสินค้าหรือบริการ เช่น รายละเอียด จำนวน การใช้งาน จนไปถึงช่องทางชำระเงิน ที่เซลเพจช่วยปิดการขายภายในเว็บหน้าเดียวโดยไม่ต้องเปิดหน้าต่างอื่นให้เสียเวลา นอกจากนี้ โครงสร้างของซลล์เพจเน้นใช้ไอคอนปุ่มคลิก CTAs ได้น่าดึงดูด เพื่อให้ลูกค้ามองเห็นเนื้อหาแต่ละส่วนได้ชัดเจน สามารถรับชมคอนเทนต์ได้สะดวก

6.สร้าง Brand Awareness ในตัว

สิ่งสำคัญที่เลือกใช้ Sale Page ข้อดีคือ เพิ่ม การรับรู้ (Awareness) ในตัวของแบรนด์ผ่านกลุ่มเป้าหมายได้ทุกโซเชียลอย่างทั่วถึง ด้วยเทมเพลตเซลเพจทำคอนเทนต์ฉบับสำเร็จรูป ที่มีโครงสร้างการเสนอขายแบบครบวงจร จะโปรโมท โฆษณา หรือคอนเทนต์เพิ่มยอดขายอื่นๆ เว็บเซลล์เพจ เสริมสร้างความเป็นตัวตนแบรนด์ได้ด้วยมือตัวเองได้โดยไม่ต้องว่าจ้างทีมงานมาจัดการ

7. การรวมข้อมูลที่ง่ายดาย

จะทำคอนเทนต์ยิงแอดไปยังแพลตฟอรม์ช่องทางอื่น เพียงแค่ใช้เซลเพจ ก็สามารถกระจายข้อมูลที่ส่ง และรวบรวมข้อมูลที่รับจากทุกช่องทางได้ในเว็บหน้าเดียว อีกการใช้ Sale page ข้อดี เป็นเว็บ One Stop Service ที่รวบรวมอุปกรณ์การตลาดออนไลน์ทุกแบบ มาใช้งานได้ในตัวเดียวโดยไม่ต้องเปิดโปรแกรมอื่นมาใช้งานให้เสียเวลา

8. ประชาสัมพันธ์ง่ายขึ้น

จะใช้อุปกรณ์โปรแกรมไหน ให้ลองใช้เซลล์เพจ เพราะ Sale Page ข้อดีคือมีเทมเพลตการนำเสนอคอนเทนต์ผ่านสื่อประชาสัมพันธ์ได้อย่างสร้างสรรค์ ตั้งแต่การใช้เซลเพจการทำ E-mail Marketing , Newsletter และสื่ออื่นๆ ในดิจิตอลได้ทั่วถึงโลกออนไลน์

9. ใช้งานง่าย เป็นเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับพ่อค้าแม่ค้ามือใหม่

พ่อค้าแม่ค้ามือใหม่ที่่เปิดแบรนด์ธุรกิจ Startup สามารเริ่มต้นกับการใช้เซลล์เพจ ที่ช่วยขจัดการบริหารหน้าร้านออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างทั่วถึง จะทำคอนเทนต์รูปแบบไหน ทาง Sale Page เสนอโครงสร้างเทมเพลตสำเร็จรูปในการเติมแต่งเนื้อหาได้อย่างสมบูรณ์ เพียงแค่ระบบ Drag&Drop ตัวเซลเพจมีบริการจัดตั้งบอท ป้อนข้อมูลให้ระบบการทำงานอย่างอัติโนมัติ ก็ช่วยลดการทำงานที่ซ้ำซ้อนให้ถูกจัดข้อมูลอย่างมีระเบียบ

10. มีไกด์สอนแนะนำการใช้งานบนเว็บไซต์ทุกอุปกรณ์

บนเว็บไซต์ Sale Page เสนอวิธีการใช้งานเบื้องต้นตั้งแต่ระดับการใช้งาน Basic จนไปถึงขั้น Advance เพื่อปูพื้นฐานแก่ผู้ใช้เซลล์เพจทุกท่าน นำความรู้ไปประยุกต์การใช้งานบนธุรกิจออนไลน์ได้อย่างคล่องแคล่ว

สรุป

อย่างที่รู้กันไปว่า เซลล์เพจช่วยการบริหารธุรกิจออนไลน์ที่ซับซ้อน สามารถจัดระบบทุกช่องทางภายในเว็บเดียวได้อย่างสะดวกสบาย หากลูกค้าได้อ่าน Sale Page ข้อดีข้างต้นแล้วเกิดความสนใจที่จะใช้บริการ สามารถใช้เซลเพจของ Fastcommerz ที่เสนอการขายธุรกิจออนไลน์ของคุณได้อย่างต่อเนื่อง ติดต่อสอบถาม

---

ปัญหาตาแห้ง มักเกิดจากปริมาณน้ำตาไม่เพียงพอต่อการหล่อเลี้ยงดวงตาให้มีความชุ่มชื้น ทำให้ผู้ที่มีอาการตาแห้งเกิดการระคายเคืองและแสบตา ส่วนมากอาการตาแห้งมักจะเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะคนทำงานที่ต้องใช้งานจากจอคอมพิวเตอร์อยู่ทุกวัน

แต่ถึงอย่างไรอาการตาแห้งก็ยังไม่ถือว่าเป็นโรคที่ร้ายแรงนัก แต่มักจะส่งผลต่อการทำงานหรือสร้างปัญหากวนใจให้กับผู้ที่ประสบกับปัญหานี้ได้ไม่น้อย หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามถึงขั้นทำให้ตาของเราอักเสบเสี่ยงต่อการตาบอดได้

---

ภาวะตาแห้งคืออะไร
ตาแห้งคือ อาการขาดน้ำของดวงตา เกิดจากปริมาณของน้ำตาที่ไม่เพียงพอที่จะไปหล่อเลี้ยงดวงตาของเราให้มีความชุ่มชื้น มักจะเกิดจากระบบต่อมน้ำตาที่ทำงานผิดปกติจนทำให้เกิดการระเหยของน้ำตา ทำให้มีปริมาณของน้ำตาที่ไม่เพียงพอส่งผลให้เกิดอาการ เคืองตา ตาแห้งและแสบตาได้

---

ภาวะตาแห้งเกิดจากอะไร
ภาวะอาการตาแห้งหรือลูกตาแห้งเกิดได้จากสาเหตุหลายประการที่จะเข้าไปทำลายกระจกตาโดยในดวงตาของเรานั้นจะประกอบไปด้วย ชั้นไขมัน (Lipid Layer) ชั้นน้ำ (Aqueous Layer) และชั้นเมื่อก (Mucous Layer) ที่หล่อเลี้ยงดวงตาของเราเอาไว้ให้มีความชุ่มชื้นหากว่าเกิดความผิดปกติต่อชั้นใดชั้นหนึ่งก็จะทำให้มีอาการตาแห้งแสบตาได้ โดย 2 ปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดอาการตาแห้งก็คือ



1. กระบวนการสร้างน้ำตาที่น้อยกว่าปกติ

อย่างที่กล่าวไปตาแห้งเกิดขึ้นได้เมื่อมีการผลิตปริมาณน้ำตาที่ไม่เพียงพอซึ่งเกิดได้จากสาเหตุต่อไปนี้ เช่น อายุผู้ที่มีอายุสูงวัย จะทำให้ร่างกายมีการสร้างน้ำตาลดลงพบได้บ่อยในเพศหญิงโดยเฉพาะเพศหญิงหลังหมดประจำเดือน หลังจากที่ปริมาณระดับฮอร์โมนลดลงทำให้สารคัดหลั่งในร่างกายและน้ำตามีปริมาณลดลงตามไปด้วย

การใช้ยาบางชนิด ที่ส่งผลให้มีปริมาณน้ำตาลดลงทำให้เกิดตาแห้ง เช่น ยาแก้แพ้ ยาซึมเศร้า ยาลดอาการคัดจมูก ยาสำหรับลดความดันโลหิตสูง

ภาวะจอประสาทตาเสื่อม จากการใช้คอนแทคเลนส์หรือความเสียหายของเลนส์ประสาทตาก็ทำให้เกิดอาการตาแห้งได้ โดยอาการตาแห้งที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นได้เพียงชั่วคราวแต่ก็ส่งผลกระทบต่อโรคตาแห้งได้เหมือนกัน

2. การระเหิดของน้ำตาที่เร็วกว่าปกติ

สาเหตุที่ทำให้เกิดการระเหยของน้ำตาเกิดได้จากโรคของต่อมไมโบเมียน (Meibomain gland disease) มีการทำงานผิดปกติหรือมีการอุดตัน เพราะต่อมไมโบเมียน เป็นต่อมไขมันชนิดหนึ่งที่อยู่รอบดวงตา ทำหน้าที่ผลิตไขมันมาเคลือบผิวที่ดวงตาช่วยป้องกันการระเหยของน้ำตาและรักษาสมดุลทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้น

ต่อมาคือโรคหรือภาวะที่ก่อให้มีอัตราการกระพริบตาน้อยกว่าปกติ เช่น การจดจ่ออยู่กับกิจกรรมบางอย่างหรือการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์นานเกินไปรวมไปถึงอายุที่มากขึ้น การใส่คอนแทคเลนส์เป็นประจำ ภาวะขาดวิตามินเอ และโรคภูมิแพ้

---

อาการของภาวะตาแห้ง

• ดื่มน้ำน้อย
• ใช้สายตาเป็นเวลานาน เช่น การทำงานหน้าคอมพิวเตอร์จ้องจอเป็นเวลานาน
• ใช้คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน
• มีการสร้างน้ำตาลลดลงในผู้สูงอายุ
• เป็นภูมิแพ้ที่ตา
• เคยทำเลสิกหรือผ่าตัดตา
• เกิดจากผู้ที่มีปัญหาหลักการไม่สนิท

---

ใครบ้างที่เสี่ยงภาวะตาแห้ง
ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่จะประสบกับปัญหาตาแห้งนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่โดยส่วนมากจะพบได้ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เพราะอายุที่มากขึ้นทำให้มีการผลิตสารคัดหลั่งรวมไปถึงผลิตน้ำตาลดลงไปด้วย

---

ผลข้างเคียงจากภาวะตาแห้ง
หากปล่อยให้อาการตาแห้งเรื้อรังโดยที่ไม่รีบพบจักษุแพทย์อาจนำไปสู่อาการข้างเคียงได้ดังต่อไปนี้

• กระจกตาอักเสบหรือติดเชื้อ
• กระจกตาเป็นแผล
• การอักเสบบริเวณเปลือกตาและดวงตา
• การดึงรั้งของเปลือกตาทำให้ขนตาลงมาทิ่มตา

อาการข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้นมักมาจากสาเหตุเดียวกันคือการทำงานผิดปกติของดวงตา อายุที่มากขึ้น การขาดสารอาหาร การมีโรคประจำตัวเช่นโรคภูมิแพ้รวมไปถึงการใช้ยาบางประเภท สาเหตุเหล่านี้คือตัวการที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาได้ทั้งหมด

---

ตาแห้ง..เมื่อไหร่ที่ควรพบแพทย์
หากรู้สึกว่ามีอาการตาแห้งเกิดกับเราบ่อยมากจนเกินไปหรือมีอาการดังต่อไปนี้เช่น อาการตาแดง น้ำตาไหล ตาพร่ามัว มีเมือกเหนียวๆรอบดวงตาหรือไม่สามารถมองเห็นได้ปกติ ก็ควรที่จะเข้าไปพบจักษุแพทย์ได้แล้ว หากปล่อยไว้นานจนอาการเรื้อรังอาจทำให้ตาบอดได้ ทางที่ดีรีบเข้าไปหาจักษุแพทย์เพื่อให้แพทย์ช่วยประเมินอาการและหาทางรักษาได้ทันท่วงที

---

การตรวจวินิจฉัยภาวะตาแห้ง
จักษุแพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคจากขั้นตอนต่อไปนี้

• ซักประวัติผู้ป่วยเพื่อหาอาการและปัจจัยที่ทำให้เกิดตาแห้ง
• ตรวจตาภายนอกและประเมินกระจกตา
• ทดสอบเพื่อวัดปริมาณน้ำตา
• หนวดต่อมน้ำตาไมโบเมียน
• การทดลองอนุภาพและน้ำในน้ำตา (Tear Osmolarity Test)

---

แนวทางการรักษาภาวะตาแห้ง

การรักษาบรรเทาอาการด้วยตัวเอง



การใช้น้ำตาเทียม ในน้ำตาเทียมจะมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา นำมาใช้เพื่อทดแทนน้ำตาตามธรรมชาติ สามารถบรรเทาอาการตาแห้ง เคืองตาได้รวมไปถึงเป็นสารหล่อลื่นให้กับดวงตาขณะที่ใส่คอนแทคเลนส์อยู่ได้ด้วย

ทั้งนี้ทั้งนั้นการใช้น้ำตาเทียมก็มีข้อควรระวังคือ ควรหยอดตาไม่เกินวันละ 4-5 หยด ในผู้ที่มีอาการตาแห้งน้อยสามารถใช้น้ำยาที่มีสารกันเสียได้ หากผู้ที่มีอาการตาแห้งมากควรหยอดตามากกว่า 6 ครั้งต่อวันและไม่ควรใช้ยาหยอดตาที่มีสารกันเสียเป็นส่วนผสมและควรใช้ให้หมดภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค

การทำความสะอาดเปลือกตา เป็นวิธีที่ง่ายเพียงแค่นำสำลีชุบด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาสำหรับทำความสะอาดเปลือกตาเช็ดบริเวณขอบเปลือกตาและโคนขนตาให้สะอาดสามารถทำได้ 1-2 ครั่งต่อวัน

การดูแลเปลือกตาโดยการนวดเปลือกตา  การนวดเปลือกตาเพื่อบรรเทาอาการตาแห้งเรื้อรังวิธีการนวดจะเป็นการกดและรีดตามแนวการวางตัวของต่อมไขมันที่ขอบเปลือกตา หากนวดเปลือกตาบนให้มองลงล่างใช้นิ้วนวดจากบนลงล่าง หากนวดเปลือกตาล่างให้มองขึ้นบนและใช้นิ้วนวดจากล่างขึ้นบน  ลักษณะการออกแรงคือกดพอสมควรและเริ่มนวดจากหัวตาไปหางตา

การปรับพฤติกรรมประจำวันเพื่อแก้ปัญหาตาแห้ง ทำได้โดยการพักสายตาเป็นระยะ ควรพักสายตาทุก 20 นาที มีการเตือนตัวเองให้มีการกระพริบตาบ่อยขึ้น หลีกเลี่ยงควันบุหรี่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตาแห้งและสวมแว่นตาเมื่อจำเป็นที่ต้องทำกิจกรรมปะทะกับลมแรงๆ

งดใส่คอนแทคเลนส์ เนื่องจากจะทำให้ดึงน้ำจากกระจกตามาใช้า ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ตาแห้งและเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณภาพน้ำตาเปลี่ยนแปลงไป หากจำเป็นต้องใส่จริงๆควรเลือกใส่แบบ soft lens เพราะจะช่วยคงความชุ่มชื้นได้มากกว่าคอนแทคเลนส์แบบปกติ

ประคบอุ่นบริเวณเปลือกตา วิธีการนี้จะช่วยให้ไขมันที่อุดตันท่อทางออกของต่อมไขมันละลายตัวและขับไขมันออกมาได้ดีขึ้น สามารถใช้เจลประคบร้อนหรือนำผ้าขนหนูไปชุบกับน้ำอุ่น ให้ความร้อนอยู่ที่ประมาณ 40 องศาเซลเซียส จากนั้นนำมาประคบบริเวณเปลือกตาทั้ง 2 ข้างเป็นเวลา 10-15 นาที

การรักษาทางการแพทย์



การใช้ยารักษาอาการตาแห้ง ประเภทของยา ได้แก่

• Cholinergics  ยากระตุ้นน้ำตาช่วยกระตุ้นกระบวนการผลิตน้ำตาเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ดวงตามีทั้งแบบยาเม็ดเจลและยาหยอดตา
• Corticosteroid สำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งมากจะช่วยลดอาการอักเสบของกระจกตา
• Azithromycin และ Doxycyclineเป็นยาปฏิชีวนะลดอาการอักเสบบริเวณเปลือกตา
• Cyclosporineยาชนิดนี้จะช่วยลดอาการอักเสบของกระจกตาและเพิ่มปริมาณน้ำตาลดอาการระคายเคืองบริเวณกระจกตา

การใช้น้ำตาซีรั่ม การรักษาโรคตาแห้งด้วยการใช้น้ำตาซีรั่ม จะเป็นการนำเลือดของผู้ป่วยมาทำเป็นยาหยอดตามีคุณสมบัติใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ จึงมีประสิทธิภาพในการช่วยรักษาตาแห้งได้และได้รับความนิยมใช้อย่างแพร่หลายในโรงพยาบาล

จักษุแพทย์จะมีการเลือกใช้ความเข้มข้นและเตรียมน้ำตาซีรั่มที่แตกต่างกันไปโดยส่วนมากจะนิยมใช้คือ 20% Autologous Serum Eye Drops เพราะมีปริมาณสารกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ ช่วยรักษาอาการตาแห้งรุนแรงได้ดีที่สุด

การใช้คอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษ ผู้ที่จำเป็นต้องสวมคอนแทคเลนส์สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอใช้คอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อคนที่มีปัญหาตาแห้งเนื่องจากตัวเลนส์จะเก็บน้ำไว้ใต้เลนตลอดเวลาทำให้กระจกตาไม่แห้งและไม่ทำให้เกิดอาการระคายเคืองตามมา

การอุดรูระบายน้ำตา วิธีการนี้จะใช้กับผู้ที่มีอาการรุนแรง ตาแห้งมากเป็นการอุดน้ำตาเพื่อขังน้ำตาที่มีอยู่ให้หล่อเลี้ยงตาและไม่ทำให้น้ำตาไหลทิ้งไป โดยการอุดรูระบายน้ำตามี 2 แบบ  คือ แบบอุดระบายน้ำชั่วคราว และ แบบอุดระบายน้ำถาวร

---

วิธีดูแลป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตาแห้ง

• พักสายตาและกระพริบตาบ่อยขึ้น ในการใช้สายตาทำกิจกรรมบางอย่างที่ทำให้การกระพริบตาน้อยลงจะส่งผลต่อภาวะตาแห้งโดยตรง ควรหยุดพักสายตาทุก 20 นาทีครั้งละ 20 วินาทีเพื่อป้องกันอาการตาแห้ง
• การหยอดน้ำตาเทียม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นที่ไม่เพียงพอต่อดวงตา
• สวมแว่นตาเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ลมเข้าตาโดยตรง
• หลีกเลี่ยงการใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน หากจำเป็นควรใส่คอนแทคเลนส์ประเภท soft lens หรือคอนแทคเลนส์ชนิดพิเศษที่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้หล่อเลี้ยงดวงตา
• ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีควรมีการตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อความปลอดภัยและสุขภาพตาที่ดี
• การรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่ เพื่อเสริมอาหารที่มีโอเมก้า 3 รับประทานวิตามินเอ ประเภทน้ำมันตับปลา เครื่องในสัตว์ ไข่แดง แครอท จะช่วยลดอาการอักเสบและบรรเทาภาวะตาแห้งได้ดี

---

ข้อสรุป

โรคตาแห้งคือ การที่มีปริมาณน้ำตามาหล่อเลี้ยงและให้ความชุ่มชื่นต่อดวงตาไม่เพียงพอ จนทำให้เกิด อาการดังนี้ แสบตา เคืองตา ตาแดงมีน้ำตาไหลมาก อาการเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาเตือนว่าคุณกำลังประสบอยู่กับโรคตาแห้ง ควรรีบไปพยจักษุแพทย์ เพื่อประเมิณอาการและหาแนวทางการรักษาโรคให้รวดเร็ว

สาเหตุของการเกิดโรค ถึงแม้จะยังไม่แน่ชัด แต่ก็สามารถเกิดได้จากผู้ที่มีอายุมากขึ้น ผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือน การทำงานของเปลือกตาบกพร่อง หรืออีกหลายสาเหตุ ผู้ที่กำลังพบเจอกับอาการตาแห้งจึงไม่ควรนิ่งนอนใจเด็ดขาด

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ผู้ที่ต้องการเสพนิโคตินจึงมีทางเลือกที่มากขึ้น ที่นอกเหนือจากบุหรี่มวน ซึ่งก็คือบุหรี่ไฟฟ้า อีกทั้งบุหรี่ไฟฟ้ายังไม่ทำให้เกิดกระบวนการเผาไหม้ที่อาจทำให้เกิดมะเร็ง จึงทำให้มีผลเสียน้อยกว่าบุหรี่มวนอีกด้วย จึงทำให้ผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่มวนหันมาให้ความสนใจกันค่อนข้างมากเลยทีเดียว

บุหรี่ไฟฟ้านั้นมีอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญสำหรับการใช้งานก็คือ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า (E-Liquids) หรือที่บางคนอาจเรียกว่า น้ำยาพอต นั่นเอง ซึ่งจะเป็นส่วนที่จะถูกความร้อนทำให้กลายเป็นไอน้ำออกมาให้เราได้สูบ โดยตัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านี่เองที่จะมีส่วนของสารนิโคตินอยู่

โดยน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันได้มีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นประเภทของน้ำยา กลิ่น รสชาติ ยี่ห้อ และปริมาณนิโคติน ซึ่งน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าในแต่ละประเภทก็จะมีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป ให้เราสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม

และอีกทั้งการหาซื้อบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาพอต และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ก็สามารถหาได้ง่ายดายมากขึ้นบนอินเทอร์เน็ต ทั้งยังมีร้านค้าที่จัดจำหน่ายน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าราคาถูก ซึ่งจะมีเหล่ายี่ห้อหรือรสชาติน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ายอดฮิตมากมายให้เลือกสรร

---

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า คืออะไร

ส่วนประกอบที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งสำหรับการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าก็คือน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หรือน้ำยาพอต ซึ่งจะเป็นส่วนที่มีสารนิโคตินและส่วนผสมอื่น ๆ อยู่ โดยตัวบุหรี่ไฟฟ้าจะทำความร้อนเพื่อให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านี้กลายเป็นไอน้ำขึ้นมา เพื่อให้ผู้ใช้ได้สูบนั่นเอง

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีความหลากหลายในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ ยี่ห้อ ปริมาณนิโคติน และประเภทของน้ำยา โดยน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจะมีอยู่ทั้งหมด 2 ประเภท ได้แก่ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแบบ Saltnic และ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแบบ Freebase ซึ่งจะมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันออกไป

---

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีกี่ประเภท

ด้วยการพัฒนาที่มีอยู่เรื่อย ๆ จึงทำให้มีการผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ ให้ผู้ใช้ได้สามารถเลือกใช้ตามความเหมาะสม โดยจะมีน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ทั้งหมด 2 ประเภท คือ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Saltnic และ น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Freebase

ซึ่งน้ำยาทั้ง 2 ประเภทนี้จะมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นด้านราคา ความหลากหลายของรสชาติ ปริมาณควัน ความยาวนานของคุณภาพน้ำยา และข้อควรระวังในการใช้งานที่แตกต่างกัน

น้ำยา Saltnic

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Saltnic คือ น้ำยาที่มีการใช้นิโคตินแบบเกลือเป็นส่วนประกอบ จึงทำให้มีนิโคตินที่สูงและร่างกายยังสามารถดูดซับได้รวดเร็ว โดยในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Saltnic ยังมีการเติมกรดเบนโซอิกเพื่อลดให้ค่าความเป็นกรดเป็นด่างต่ำลง จึงส่งผลให้สามารถสูบปริมาณนิโคตินที่สูงได้โดยที่ไม่มีอาการระคายคอ หรือสำลัก

แม้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Saltnic จะมีราคาที่สูง แต่ก็สามารถเก็บไว้ได้นานโดยที่นิโคตินจะจางลงช้ากว่าน้ำยา Freebase เนื่องจากนิโคตินแบบเกลือนั้นมีความเสถียรที่มากกว่า อีกทั้งยังมีควันน้อยไม่รบกวนผู้คนรอบข้างอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Saltnic นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดจำนวนครั้งของการสูบให้น้อยลง หรือผู้ที่ต้องการเลิกบุหรี่มวน เนื่องจากน้ำยา Saltnic นี้สามารถให้ปริมาณนิโคตินได้ในปริมาณที่ต้องการโดยที่ไม่ทำให้ระคายคอ จึงไม่จำเป็นต้องสูบบ่อย

แต่น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Saltnic ก็มีข้อจำกัดในการใช้งานเช่นกัน ได้แก่ ควรใช้งานกับบุหรี่ไฟฟ้าพอตเท่านั้น และจำเป็นต้องใช้ค่าโอห์มที่สูงไม่ต่ำกว่า 0.6 โอห์มและกำลังไฟต่ำ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอันตรายจากการที่ร่างกายได้รับสารนิโคตินเกินขนาดได้

น้ำยา Freebase

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Freebase คือ น้ำยาที่มีการใช้มานานและแพร่หลาย เนื่องจากราคาที่ถูก และปริมาณนิโคตินที่ไม่สูง โดยน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Freebase จะใช้นิโคตินฟรีเบสบริสุทธิ์เป็นส่วนประกอบ จึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซับนิโคตินได้ช้ากว่าน้ำยา Saltnic ที่มีการใช้นิโคตินแบบเกลือ

แม้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Freebase จะมีราคาที่ถูกและเข้าถึงได้ง่ายกว่าน้ำยา Saltnic แต่ถ้าสูบในปริมาณนิโคตินที่สูง จะทำให้เกิดอาการระคายคอ และสำลักได้ เนื่องจากมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างที่สูง และในกรณีที่เก็บไว้นาน นิโคตินในน้ำยาจะจางเร็วกว่าอีกด้วย

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Freebase นั้นเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสูบเรื่อย ๆ ทั้งวัน ไม่ได้ต้องการปริมาณนิโคตินที่สูง และต้องการปริมาณควันที่เยอะ

และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Freebase ยังสามารถใช้ได้กับทั้งบุหรี่ไฟฟ้าพอต และบุหรี่ไฟฟ้าแบบหยดสูบได้ทุกรุ่น แต่ไม่ควรใช้กับบุหรี่ไฟฟ้าพอตที่มีค่าโอห์มสูงกว่า 0.6 โอห์มและกำลังไฟสูง เพราะหากใช้ค่าโอห์มสูงอาจทำให้คอยล์ไหม้ได้

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีส่วนผสมอะไรบ้าง

ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าโดยทั่วไปแล้วจะมีส่วนผสมอยู่ 4 ส่วนหลัก ๆ ก็คือ VG , PG , สารแต่งกลิ่นหรือรสชาติ และสารนิโคติน โดยจะมาอธิบายส่วนผสมแยกที่ละส่วนให้ดูกัน

1.VG หรือ Vegetable glycerin
กลีเซอรีนจากพืชเป็นการผ่านกระบวนการแปรรูปจากน้ำมัน เป็นของเหลว ไม่มีสารพิษ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่มีความหวาน มีความข้นความหนืด โดยในน้ำยาที่มีปริมาณ VG มาก ถ้าหากใช้กับบุหรี่ไฟฟ้าพอตที่มีทางเดินน้ำยาเล็ก ก็อาจทำให้ตันหรือคอยล์ไหม้ง่าย แต่ว่า VG นี่เองที่ช่วยเพิ่มปริมาณควันในการสูบบุหรี่ไฟฟ้า

2.PG หรือ Propylene glycol
โพรลิลีนไกรคอลเป็นของเหลว ไม่มีสารพิษ ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีความหวานจาง ๆ เป็นส่วนผสมที่ช่วยป้องกันการกลายเป็นน้ำแข็ง แม้ PG จะไม่เป็นอันตรายหากกลืนหรือหายใจเข้าไป แต่ก็มีคนส่วนน้อยที่ไวต่อสารตัวนี้ ซึ่งสามารถเปลี่ยนไปเลือกใช้น้ำยาที่มี VG สูงกว่า PG ได้

3.สารแต่งกลิ่นหรือรสชาติ
นับเป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้หลาย ๆ คนชื่นชอบบุหรี่ไฟฟ้าเลยทีเดียว ซึ่งสารแต่งกลิ่นหรือรสชาติเป็นสารที่ละลายน้ำได้ ซึ่งนิยมผลิตโดยบริษัทผลิตกลิ่นสำหรับอาหารโดยเฉพาะ จึงมีความปลอดภัยต่อการรับประทาน

4.สารนิโคติน
นิโคตินเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่งที่ปลอดภัยเมื่อใช้งานกับบุหรี่ไฟฟ้า เพราะไม่เกิดการเผาไหม้ โดยในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแต่ละตัวก็จะมีปริมาณนิโคตินที่ต่างกันเพื่อให้ผู้ใช้ได้เลือกตามความต้องการ ซึ่งมีตั้งแต่ 0 มิลลิกรัม(nic) ไปจนถึง 50 มิลลิกรัม(nic)

---

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าราคาเริ่มต้นเท่าไหร่

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าในแต่ละประเภทจะมีราคาที่แตกต่างกัน ซึ่งน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Freebase จะมีราคาที่ถูกกว่า

• น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Saltnic เริ่มต้นที่ประมาณ 250 บาท

*น้ำยา Saltnic ที่มาจากประเทศอเมริกาจะมีราคาที่สูงกว่าน้ำยา Saltnic ที่มาจากประเทศมาเลเซีย*

• น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า Freebase เริ่มต้นที่ประมาณ 150 บาท

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเก็บได้นานไหม

โดยทั่วไปน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจะมีอายุอยู่ประมาณ 1-2 ปีนับจากวันที่ผลิต ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน ซึ่งควรเก็บไว้ในที่ที่ไม่โดนแสงแดด ไม่โดนความร้อน แต่ก็ไม่ควรนำเข้าตู้เย็น และตรวจสอบอยู่เสมอว่าฝาขวดได้ปิดอย่างดีแล้ว

อาการปวดท้ายทอยหรือปวดหัวท้ายทอยตุ๊บๆ มักเกิดขึ้นบ่อยในขณะที่เรากำลังก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ หรือทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้งานบริเวณท้ายทอยที่ไม่เหมาะสม วันนี้มาดูกันว่าการปวดท้ายทอยหรือปวดหัวท้ายทอยเกิดจากอะไร และมีแนวทางรักษาอย่างไรบ้าง

---

ปวดท้ายทอย

ปวดท้ายทอยจะมีลักษณะอาการปวดร้าวบริเวณศีรษะลงมาท้ายทอย ไหล่ และหลัง ปัจจุบันอาการปวดท้ายทอยถือว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นไปจนถึงวัยสูงอายุ ซึ่งมักเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด และภาวะกดดันต่าง ๆ

---

ปวดท้ายทอยเกิดจากอะไร

1. ปวดท้ายทอยจากกล้ามเนื้อตึงตัว (Tension Headache)



การพักผ่อนไม่เพียงพอ ภาวะเครียด กดดัน และการที่เราใช้งานกล้ามเนื้อบริเวณท้ายทอยเป็นเวลานาน จนกล้ามเนื้อเกิดการตึงตัวแล้วไปกระตุ้นความเจ็บปวดกล้ามเนื้อบริเวณท้ายทอย ทำให้มีอาการปวดหัว ปวดเบ้าตา ปวดท้ายทอย คลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วยได้

2. เส้นประสาทต้นคออักเสบ (Occipital Neuralgia)



จากการแสดงอริยาบถหรือท่าทางผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการก้มคอหรือการแหงนคอเป็นเวลานาน ๆ บางครั้งอาจเกิดขึ้นจากภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของโครงสร้างกระดูกสันหลัง ส่งผลให้ทรุดตัวและไปกดเบียดเส้นประสาทส่งผลให้เส้นประสาทบริเวณต้นคอเกิดการอักเสบ

3. กล้ามเนื้อต้นคอหดเกร็ง (Muscle Pain Syndrome)



หลายคนที่ใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ มักจะก้ม ๆ เงย ๆ อยู่เป็นประจำ ทำให้มีอาการกล้ามเนื้อต้นคอหดเกร็ง ซึ่งหากทำสิ่งเหล่านี้โดยไม่หยุดพัก กล้ามเนื้อบริเวณท้ายทอยและต้นคอจะหดเกร็ง จนรู้สึกปวดท้ายทอย ยิ่งไปกว่านั้นหากปล่อยไว้นานเข้าอาจทำให้กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรังได้

4. โรคไมเกรน (Migraine)



โรคไมเกรน เป็นการบีบตัวและคลายตัวของหลอดเลือดแดงในสมองที่มากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะท้ายทอยขึ้น จนบางครั้งอาจปวดศีรษะบริเวณขมับลงมาท้ายทอยได้

5. ภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension)



กรณีการเต้นของชีพจรผิดปกติของผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง อาจมีอาการปวดศีรษะด้านหลังหรือปวดท้ายทอย ร่วมกับวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ตาพร่ามัว และเหนื่อยง่ายผิดปกติ

---

ปวดท้ายทอย อาการเป็นอย่างไร



อาการปวดท้ายทอย มีอาการดังต่อไปนี้

• อาการปวดท้ายทอยที่สามารถหายเองได้ หากพักการใช้กล้ามเนื้อ และยืดกล้ามเนื้อบ่อย ๆ จะมีอาการปวดตึงท้ายทอย กล้ามเนื้อต้นคอเกร็ง หากกดหรือหันคอแล้วจะเจ็บ
• อาการปวดท้ายทอยจี๊ด ๆ คล้ายมีเข็มมาทิ่ม หรือมีกระแสไฟฟ้าวิ่งผ่าน อาการปวดจะรุนแรงขึ้นเมื่อหันคอ และอาจปวดท้ายทอยด้านซ้ายลามไปถึงปวดท้ายทอยด้านขวา
• อาการปวดท้ายทอยอย่างรุนแรงและปวดหัวร้าวไปท้ายทอย ไหล่ บ่า รวมถึงอาจมีอาการปวดเบ้าตา อาการชาตามนิ้วมือหรือแขน และคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย

---

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

ควรพบแพทย์เมื่อมีอาการปวดท้ายทอย ดังนี้

• มีอาการปวดท้ายทอยเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์
• มีอาการปวดท้ายทอยภายหลังจากการได้รับอุบัติเหตุ
• มีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรืออาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย
• มีอาการปวดข้อหรือข้ออักเสบอื่น ๆ ของร่างกายร่วมด้วย
• มีอาการอ่อนแรงของแขนและขา หรือมีอาการชา หรือปวดร้าวไปที่แขนร่วมด้วย
• ไม่สามารถเคลื่อนไหวบริเวณท้ายทอยในทิศทางต่าง ๆ ได้เป็นปกติ

---

การวินิจฉัยอาการปวดหัวท้ายทอย

การวินิจฉัยอาการปวดหัวท้ายทอยโดยแพทย์มีวิธีการ ดังนี้

1.การตรวจด้วยภาพสแกน วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ใช้วินิจฉัยประกอบกับประวัติการรักษาของผู้ป่วยและการตรวจร่างกาย เพื่อวินิจฉัยอาการปวดต้นคอของผู้ป่วย ดังนี้

• เอกซเรย์ โดยภาพเอกซเรย์จะแสดงบริเวณเส้นประสาทหรือกระดูกสันหลังที่อาจถูกกระดูกงอก กดทับหรือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับกระดูกสันหลัง
• การทำซีทีสแกนควบคู่ไปกับภาพเอกซเรย์คอจุดต่าง ๆ จะช่วยให้รายละเอียดเกี่ยวกับโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อคอได้มากขึ้น
• การตรวจด้วยเอ็มอาร์ไอ (MRI) วิธีนี้จะช่วยให้เห็นกระดูกและเนื้อเยื่ออ่อน รวมทั้งไขสันหลังและเส้นประสาทที่มาจากไขสันหลัง

2.การตรวจด้วยวิธีอื่น ๆ นอกจากการตรวจด้วยภาพสแกนแล้ว ยังมีวิธีอื่น ๆ ดังนี้

• การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ แพทย์จะตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อเมื่อคิดว่าอาการปวดต้นคอของผู้ป่วยอาจเกี่ยวข้องกับเส้นประสาทถูกกดทับ โดยแพทย์จะสอดเข็มผ่านผิวหนังเข้าไปและเริ่มทำการตรวจเพื่อวัดความเร็วของสัญญาณประสาท ซึ่งความเร็วของสัญญาณประสาทจะช่วยให้รู้ว่าเส้นประสาทของผู้ป่วยทำงานปกติหรือไม่
• การตรวจเลือด วิธีนี้จะช่วยให้รู้ว่าผู้ป่วยมีอาการอักเสบหรือติดเชื้อหรือไม่ ซึ่งทั้งสองอย่างอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการปวดต้นคอ

---

แนวทางการรักษาอาการปวดหัวท้ายทอย

1.ทานยาแก้ปวด



วิธีรักษาอาการปวดท้ายทอย สามารถรับประทานยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล หรือยาคลายกล้ามเนื้อบางชนิด โดยยาแก้ปวดสามารถบรรเทาอาการได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น และไม่ควรรับประทานติดต่อกันนานเกินไป โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการปวดแบบเรื้อรัง เพราะอาจส่งผลให้ตับและไตทำงานหนักได้

2.นวดบรรเทาอาการปวด



การนวดอย่างถูกวิธีจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่เกร็งตัว กระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ ช่วยลดการตึง การปวดคอท้ายทอย และการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อได้ โดยเฉพาะในคนที่มีอาการปวดเมื่อยเรื้อรัง ถือว่าเป็นวิธีแก้ปวดต้นคอท้ายทอยได้ดีทีเดียว แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้ป่วยที่เพิ่งมีการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อแบบฉับพลัน เพราะอาจทำให้อักเสบได้

3.ประคบร้อน



ความร้อนจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ทำให้มีออกซิเจนไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ และช่วยระบายของเสียที่คั่งค้างในกล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดได้ วิธีทำ คือ ให้ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่น ถุงประคบร้อน หรือลูกประคบ มาวางบนท้ายทอยส่วนที่ปวดและกดเบา ๆ ค้างไว้ ประมาณ 10 - 15 นาที จะช่วยบรรเทาอาการปวดให้ดีขึ้น

4.การผ่าตัด



หากเป็นภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แพทย์อาจใช้การผ่าตัด เพื่อช่วยบรรเทาอาการรากประสาทหรือไขสันหลังถูกกดทับเส้นประสาท โดยวิธีรักษานี้จะรักษากรณีที่มีอาการปวดท้ายทอยรุนแรงจริง ๆ และรักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผลเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 6 - 8 เดือน หรือบริเวณท้ายทอยมีอาการอ่อนแรงขึ้น โดยจะต้องตรวจวินิจฉัยให้แน่นอน หากต้องทำการผ่าตัดต้องทำโดยศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

5.ฉีดโบท็อกแก้ไมเกรน



จากการศึกษาทดลองได้ยืนยันว่าการฉีด BTX type A รักษาไมเกรนได้ผลจริง และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี 2010 การรักษาไมเกรนด้วยการฉีด BTX type A เป็นการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง เป็นที่รู้จักและใช้กันแพร่หลายทั่วโลก ในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยและโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ในประเทศไทย

ดังนั้น การฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นหนึ่งในวิธีแก้ปวดท้ายทอยที่เกิดจากไมเกรนได้ เพราะช่วยให้บรรเทาอาการปวดปวดศีรษะไมเกรน และโรคอื่นทางระบบประสาทและสมอง ไม่ว่าจะเป็นอาการเคลื่อนไหวผิดปกติ หรือกล้ามเนื้อหดเกร็งผิดปกติ

6.การรักษาแบบทางเลือกอื่น




การฝังเข็มช่วยรักษาอาการปวดท้ายทอย ปวดหลัง และไหล่ได้ผลดี เพราะอาการปวดเกิดขึ้นมาจากการอยู่ท่าเดิมเป็นเวลานาน ทำให้เลือดลมไหลเวียนไม่สะดวก การฝังเข็มนอกจากจะกระตุ้นบริเวณกล้ามเนื้อที่เกร็งให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้กล้ามเนื้อที่เกร็งคลายตัวลง ส่งผลให้ลดอาการตึง อาการปวดหัวท้ายทอยได้ นอกจากนี้ยังเป็นการรักษาที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยงผลข้างเคียงจากการใช้ยาแก้ปวดเป็นเวลานานอีกด้วย



การกายภาพบำบัด จะมีนักกายภาพบำบัดแนะนำการรักษาเกี่ยวกับการบำบัดกล้ามเนื้ออักเสบ เช่น การปวดท้ายทอย บ่า หรือหลัง รวมทั้งสอนการออกกำลังกายท่าบริหารปวดท้ายทอย และใช้วิธีกระตุ้นกล้ามเนื้อด้วยความร้อน ความเย็น หรือไฟฟ้า เพื่อช่วยลดอาการปวดตึงท้ายทอยและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

---

วิธีป้องกันปวดหัวท้ายทอย

วิธีป้องกันปวดหัวท้ายทอย ได้แก่

• นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและหาเวลาผ่อนคลายเพื่อไม่ให้รู้สึกเครียดมากเกินไป
• หลีกเลี่ยงการก้มหรือเงยคอต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน หากมีความจำควรหาเวลาพักหรือเปลี่ยนอิริยาบถและยืดเส้นยืดสาย ช่วยป้องกันกล้ามเนื้อหดเกร็งและอักเสบเรื้อรัง
• ออกกำลังกายด้วยการบริหารกล้ามเนื้อต้นคอและท้ายทอยเป็นประจำ เป็นสิ่งที่ป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อเกิดการอักเสบหรือบาดเจ็บได้ง่าย

---

ข้อสรุป

อาการปวดท้ายทอยหรือปวดหัวท้ายทอย อาจจะดูเหมือนการเจ็บปวดธรรมดาทั่วไป แต่ที่จริงแล้วยังมีความอันตรายซ่อนอยู่ หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นการเจ็บปวดเรื้อรังได้ ดังนั้น แนวทางในการป้องกันที่ดีที่สุด คือ ป้องกันไม่ให้มีอาการปวดท้ายทอยเรื้อรังตั้งแต่แรกด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้อยู่ในท่าทางที่เหมาะสม

---

อาการปวดหัว โดยเฉพาะ ปวดหัวไมเกรน เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ต้องการเผขิญ แต่ถ้าหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้แถมยังมีอาการปวดหัวหนักขึ้น ถี่ขึ้น หรือเป็นอยู่เรื่อย ๆ ก็ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจโรค และรับการรักษาอย่างถูกต้องจะดีที่สุด ซึ่งหนึ่งในวิธีที่จะรักษาโรคไมเกรนนั้น คือ กินยาทริปแทน หรือยากลุ่มTriptanที่สั่งโดยแพทย์

รู้จักกลุ่มยาทริปแทน (Triptan)

ยา Triptan เป็นกลุ่มยาแก้ปวดที่ช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะและอาการอื่น ๆ ที่มีสาเหตุมาจากไมเกรน เช่น อาการคลื่นไส้ หรืออาการไวต่อแสงและเสียงมากผิดปกติ เป็นต้น

ตัวยาจะออกฤทธิ์ต่อสารเซโรโทนินในสมอง ทำให้เส้นเลือดในสมองหดตัวแคบลง ทั้งยังส่งผลต่อเส้นประสาทในสมองบางชนิด ทำให้อาการปวดศีรษะไมเกรนบรรเทาลง  ผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2 ชั่วโมงหลังการใช้ยา  แต่ยากลุ่มทริปแทนนี้ไม่ได้ใช้ในการป้องกันไมเกรน

อีกทั้งยากลุ่มทริปแทน ก็ยังเป็นยารักษาอาการปวดศีรษะจากโรคคลัสเตอร์ และไมเกรน เท่านั้น ไม่มีผลต่ออาการปวดจากอย่างอื่น และไม่ควรใช้ร่วมกับยากลุ่มเออร์กอต อัลคาลอยด์ เพราะออกฤทธิ์คล้ายกันคือหดหลอดเลือด การใช้คู่กันอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะอื่นไม่พอ เกิดภาวะแห้งตายได้
 
ยากลุ่มทริปแทนมีหลายรูปแบบ ทั้งยาเม็ด ยาพ่น และ ยาฉีด เป็นต้น

กลไกการออกฤทธิ์ของยาทริปแทน (Triptan)

ยากลุ่มทริปแทนมีกลไกการออกฤทธิ์เป็น 5HT agonist (5 hydroxytryptamine agonist, ยากระตุ้นตัวรับ 5HT) โดยตัวยาจะเข้าจับกับตัวรับที่มีชื่อว่า 5-HT receptors ในสมอง ส่งผลให้หลอดเลือดในบริเวณสมองหดตัว จึงทำให้อาการปวดศีรษะเบาบางลง



รูปแบบของยา Triptan มีอะไรบ้าง

รูปแบบของยาทริปแทน มี
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน
- ยาฉีด
- สเปรย์พ่นจมูก
- แผ่นแปะ

ยากลุ่มทริปแทน มีอะไรบ้าง

ยากลุ่มทริปแทน มีอยู่หลายตัว ขึ้นกับแต่ละบริษัทที่จะผลิตออกมาจำหน่าย



1. ยา Sumatriptan 

มีชื่ออการค้า “อิมิแกรน” หรือ “อิมิเทรค” เป็นยาตามใบสั่งแพทย์  ยาเม็ดชนิดรับประทาน, สเปรย์พ่นจมูก, ยาฉีด, แผ่นปะผิวหนัง ใช้สำหรับคนไข้ปวดหัวไมเกรน ลดอาการปวดหัว คลื่นไส้ และความไวต่อแสงและเสียง

2. ยา Naratriptan
 
มีชื่อการค้า “อเมอร์ท” หรือ “นารามิก” เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาเม็ดชนิดรับประทาน ใช้รักษาอาการปวดศีรษะไมเกรนแบบเฉียบพลันและบรรเทาอาการอื่น ๆ ที่เกิดจากไมเกรน เช่น ไวต่อแสงและเสียง คลื่นไส้ อาเจียน

3. ยา Rizatriptan
 
มีชื่อการค้า “Maxalt” เป็นยาชนิดรับประทาน เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาเม็ดชนิดรับประทาน ใช้รักษาอาการปวดศีรษะไมเกรนและบรรเทาอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากไมเกรน เช่น อาการคลื่นไส้ และอาการไวต่อแสงหรือเสียง เป็นต้น

4. ยา Eletriptan
 
มีชื่อการค้า “Relpax” เป็นยาชนิดรับประทาน เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาเม็ดชนิดรับประทาน ให้รักษาอาการปวดไมเกรน

5. ยา Zolmitriptan
 
มีชื่อการค้า “ Zomig” เป็นยาชนิดรับประทานและยาพ่นทางจมูก เป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ใช้เพื่อบรรเทาและรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน ออกฤทธิ์ด้วยการทำให้หลอดเลือดบริเวณสมองหดตัวลง ยับยั้งการส่งสัญญาณการเจ็บปวดไปสู่ส่วนสมอง

6. ยา Almotriptan
 
มีชื่อการค้า “Axert” เป็นยาเม็ดชนิดรับประทาน ใช้ลดอาการปวดศีรษะ อาการปวด และอาการของโรคไมเกรนอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน แพ้แสง สำหรับคนอายุ 65 ปีขึ้นไปควรใช้ยาชนิดนี้อย่างระวัง เพราะเสี่ยงเกิดผลข้างเคียงได้มาก

7. ยา Frovatriptan

มีชื่อการค้า “Flova” เป็นยาชนิดรับประทาน ใช้รักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน

ข้อควรระวังสำหรับการใช้ยา Triptan

สิ่งที่พึงระลึกไว้เสมอว่า เมื่อใดก็ตามที่มีการใช้ยาอะไรก็ตาม เราต้องใส่ใจที่จะดูคู่มือของยาชนิดนั้น ๆ ว่ามีคำเตือน หรือ ข้อควรระวังใดบ้าง  เช่นเดียวกัน สำหรับการใช้ยาทริปแทน ก็ต้องระวังเรื่องต่อไปนี้

- หากมีประวัติการแพ้ยากลุ่มทริปแทน หรือกลุ่มยาใด ๆ ก็ตาม ให้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบก่อน เพราะอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ยาหรือปัญหาอื่น ๆ ตามมาได้

- ต้องให้แพทย์ได้รู้หากว่ามีโรคประจำตัวต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบไหลเวียนเลือด โรคหัวใจ โรคตับ อาการชัก โรคหลอดเลือดสมอง โรคไมเกรนที่มีอาการอ่อนแรงครึ่งซึก โรคไมเกรนที่มีอาการนำที่ก้านสมอง เป็นต้น

- ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ ถ้าผู้ป่วยมีภาวะเสี่ยงใด ๆ ที่เกี่ยวกับปัญหาหัวใจ ความดันเลือดสูง คลอเลสเตอรอลสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน เป็นต้น หรือมีบุคคลในครอบครัวที่เป็นโรคดังกล่าว  เป็นหญิงวัยหมดประจำเดือน หรือชายอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป

- เมื่อไรก็ตามที่มีการใช้ยาแล้ว ห้ามหยุด หรือปรับปริมาณการใช้ยา โดยไม่ได้รับคำสั่งจากแพทย์

- ห้ามใช้ยาเกินระยะเวลาที่แพทย์กำหนด

- ห้ามใช้ยากลุ่มทริปแทนมากกว่า 1 ชนิด ในเวลาเดียวกัน หรือใช้ร่วมกับยาเออร์โกตามีน ยาต้านเศร้า เพราะอาจมีปฏิกิริยาบางอย่างที่เป็นอันตรายได้

- หลีกเลี่ยงการขับรถ หรือทำกิจกรรมใด ๆ ที่ต้องการการตื่นตัว เพราะยากลุ่มนี้อาจทำให้ง่วงซึม

- หญิงมีครรภ์ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยากลุ่มนี้ทุกครั้ง ให้ใช้เฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น

- หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมลูก ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะยากลุ่มนี้อาจส่งผ่านไปยังลูกได้

วิธีเก็บรักษายา Triptan

ยาทริปแทนต้องเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส  ไม่ควรเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ แต่ควรเก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น และที่สำคัญให้เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยงด้วย

แนะนำวิธีใช้ยา Triptan อย่างปลอดภัย


ปริมาณการใช้ยาทริปแทนแต่ละชนิดที่เหมาะสม และปลอดภัยตามที่ระบุไว้ในตัวยาแต่ละชนิด แต่โดยรวมสามารถกินยาก่อนหรือพร้อมอาหารได้

1. ยา Sumatriptan

ผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป ปริมาณการใช้ยาของแต่ละยาแต่ละชนิด

- ยาเม็ด กินยาครั้งละ 25-100 มิลลิกรัม และให้กินซ้ำทุก 2 ชั่วโมง หากมีอาการปวดไมเกรนขึ้นอีกครั้ง แต่ห้ามเกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน

- สเปรย์พ่นจมูก พ่นคร้งละ 5-20 มิลลิกรัม ซ้ำได้ทุก 2 ชั่วโมงถ้ายังไม่หายปวด สูงสุดไม่เกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน

- ยาฉีด ฉีดเข้าใต้ผิวหนังครั้งละ 4-6 มิลลิกรัม ซ้ำได้ทุก 1 ชั่วโมง ถ้ายังไม่หายปวด สูงสุดไม่เกิน 12 มิลลิกรัม/วัน

- แผ่นแปะ แปะครั้งละ 1 แผ่น อยู่ได้ประมาณ 4 ชั่วโมง หรือจนกว่าแสง LED ที่แผ่นจะหายไป แผ่นที่สองอาจเริ่มได้หลังแปะแผ่นแรกไปแล้ว 2 ชั่วโมงถ้ายังปวดมากอยู่  แต่สูงสุดไม่ควรเกิน 2 แผ่น/วัน

2. ยา Naratriptan

ผู้ใหญ่กินยาปริมาณ 1-1.25 มิลลิกรัม หากไม่ดีขึ้นก็ให้กินปริมาณเท่าเดิมแต่ต้องหลังจากกินยาครั้งแรกไปแล้ว 4 ชั่วโมง ห้ามเกิน 5 มิลลิกรัมต่อวัน

3. ยา Rizatriptan

ผู้ใหญ่กินยาเริ่มต้น 10 มิลลิกรัม ภ้าอาการไม่ดีอาจกินซ้ำได้อีก 10 มิลลิกรัม หลังจากกินยาครั้งแรก 2 ชั่วโมง  แต่ไมเกิน 20 มิลลิกรัมต่อวัน

4. ยา Eletriptan

ผู้ใหญ่เริ่มต้นกิน 20-40 มิลลิกรัม แต่หากอาการไม่ดีขึ้นให้กินซ้ำได้ทุก 2 ชั่วโมง แต่ต้องไม่เกิน 80 มิลลิกรัมต่อวัน

5. ยา Zolmitriptan

ผู้ใหญ่กินยาเริ่มต้น 2.5 มิลลิกรัม สามารถกินซ้ำได้ทุก 2 ชั่วโมง และไม่เกิน 10 มิลลิกรัมต่อวัน

6. ยา Almotriptan

ผู้ใหญ่กินยาโดยเริ่มต้นที่ 6.25-12.5 มิลลิกรัม และหากจำเป็นต้องกินซ้ำก็ให้ห่างจากครั้งแรก 2 ชั่วโมง ปริมาณสูงสุดต่อวันคือ 25 มิลลิกรัม/วัน

7. ยา Frovatriptan
 
ผู้ใหญ่กินยาครั้งแรกที่ 2.5 มิลลิกรัม ครั้งถัดไปห่างกัน 2 ชั่วโมง   แต่ไม่เกิน 7.5 มิลลิกรัมต่อวัน

ปริมาณการใช้ยา Triptan ที่เหมาะสม

ปริมาณการใช้ยาทริปแทนที่เหมาะสมนั้น ให้ทำตามที่ได้แนะนำไว้ข้างต้น  แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับแพทย์ที่จะเป็นผู้สั่งยา ปรับเปลี่ยนปริมาณให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย ๆ ไป

สิ่งที่ควรแจ้งแพทย์/เภสัชกรก่อนสั่งยา Triptan

เมื่อไรก็ตามที่มีการสั่งยา ไม่ว่าจะเป็นยาอะไรก็ตามรวมทั้งทริปแทนด้วย ผู้ป่วยมีหน้าที่ที่จะต้องแจ้งแพทย์ พยาบาล และเภสัชกรด้วย เกี่ยวกับ

- ประวัติการแพ้ยาทุกชนิดของตัวผู้ป่วยเอ

- หากมีโรคประจำตัว ก็ต้องรีบแจ้ง เพราะยาทริปแทนอาจส่งผลกระทบทำให้อาการของโรคประจำตัวรุนแรงขึ้นได้

- สำหรับผู้ป่วยหญิง หากอยู่ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ก็ต้องแจ้งเพราะยาทริปแทนอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับบุตรได้

ปฏิกริยาของยา Triptan กับยาตัวอื่น

ยาทริปแทนมีปฏิกิริยากับยาตัวอื่น ดังนี้

- การใช้ยา Sumatriptan ร่วมกับยา Ergotamine จะทำให้หลอดเลือดเกร็งตัวแล้วเกิดภาวะขาดเลือดกับผู้ป่วยได้

- การใช้ยา Rizatriptan ร่วมกับยา Propranolol จะทำให้ระดับยา Rizatriptan ในกระแสเลือดสูงขึ้น ดังนั้นแพทย์จะเป็นผู้สั่งปรับปริมาณการกินให้เหมาะสมเป็นคน ๆ ไป

- การใช้ยา Almotriptan ร่วมกับยา Verapamil และ Ketoconazole จะทำให้ระดับยา Almotriptan ในกระแสเลือดเพิ่มมากขึ้นจนเกิดผลข้างเคียงได้  ดังนั้นหากจำเป็นต้องใช้ร่วมกับยาอื่น ควรให้แพทย์เป็นผู้ปรับขนาดยา

- การใช้ยา Zolmitriptan ร่วมกับยาต้านโรคซึมเศร้า ยากลุ่ม Selective serotonin reuptake inhibitor อาจก่อให้เกิดภาวะ Serotonin syndrome เช่นความดันเลือดสูง ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน

ใครที่ไม่ควรใช้ยาทริปแทน



บุคคลต่อไปนี้ไม่ควรใช้ยาทริปแทน

- คนที่แพ้กลุ่มยาทริปแทน หรือ ยากลุ่ม Sulfonamides

- เด็ก หรือ ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี

- หญิงมีครรภ์ หรือ หญิงที่ให้นมลูก

- ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจล้มเหลว โรคตับระยะรุนแรง โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคความดันเลือดสูง

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดจากยาทริปแทน

การที่จะใช้ยาทริปแทนนั้น พึงระวังผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ระดับเบา ๆ แล้วหายไปเอง  หรืออาจมีอาการรุนแรงจนต้องเข้าแพทย์ก็เป็นได้

อาการที่ไม่รุนแรงและอาจหายไปเองได้มี

- เวียนศีรษะ คลื่นไส้

- ปากแห้ง หน้าแดง

- รู้สึกหนักบริเวณใบหน้า แขน ขา และ หน้าอก  แน่นบริเวณลำคอ

- ง่วงนอน

- รู้สึกเจ็บคล้ายถูกเข็มทิ่ม และอาจเกิดปฏิกิริยาทางผิวหนังเมื่อใช้ยาทริปแทนแบบฉีด

แต่เมื่อใดที่พบว่ามีอาการดังต่อไปนี้ แนะนำให้รีบเข้าพบแพทย์ทันที

- ปวดศีรษะรุนแรง มีปัญหาเกี่ยวกับมองเห็นและทรงตัว พูดไม่ชัด รู้สึกเย็นและชาบริเวณมือและเท้า

- รู้สึกเจ็บหรือแน่นหน้าอก เจ็บร้าวที่ขากรรไกรหรือไหล่ คลื่นไส้ มีเหงื่อออกมาก

- หัวใจเต้นเร็ว เห็นภาพหลอน สูญเสียการทำงานประสานกันของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เวียนศีรษะ เป็นลม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อกระตุก มีใข้ หนาวสั่นอย่างไม่รู้สาเหตุ รู้สึกกระวนกระวาย อยู่ไม่สุข

- มีผื่นหรือตุ่มพองขึ้นตามผิวหนัง มีอาการบวมบริเวณใบหน้า ลิ้น และคอ เวียนศีรษะอย่างรุนแรง และหายใจลำบากเป็นต้น

วิธีเก็บรักษายา Triptan

ยาทริปแทนต้องเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส  ไม่ควรเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ แต่ควรเก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น และที่สำคัญให้เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยงด้วย

ยาทริปแทน (Triptan) ราคาเท่าไหร่

ยาทริปแทนราคามีตั้งแต่ ร้อยปลาย ๆ จนถึง สองพันปลาย ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของยาทริปแทน และปริมาณ  รวมทั้งยังขึ้นกับประเทศที่ผลิตด้วย  แต่ทั้งนี้ก็แล้วแต่แพทย์กับสถานพยาบาลที่เราเข้าไปใช้บริการว่ามี ยาทริปแทนยี่ห้ออะไรที่มีไว้ใช้รักษาไมเกรนของผู้ป่วย

ทานยาไมเกรนแล้วไม่หาย รักษาอย่างไรได้บ้าง

“ไมเกรน” เป็นอาการปวดศีรษะเรื้อรังที่สร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยไม่น้อย  และการรักษาที่ดี ก็คือ การป้องกันไม่ให้อาการปวดศีรษะไมเกรนกำเริบ แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วก็ต้องพยายามลดอาการปวดไมเกรนให้ลดความรุนแรงลง

1. การบรรเทาอาการปวดไมเกรนเบื้องต้น


วิธีบรรเทาอาการปวดไมเกรนเบื้องต้นนั้น ทำได้ด้วยการประคบเย็น การนวด กดจุด การทำกายภาพบำบัด เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบศีรษะและคอ การนอนพัก การนั่งสมาธิ หรือ การคลายเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ อาจพอช่วยให้บรรเทาอาการปวดได้บ้าง  ให้หลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรน

2. การรักษาไมเกรนโดยแพทย์


หากมีอาการปวดไมเกรนหนักขึ้น ยาวนานขึ้น และถี่ขึ้น ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและวิธีรักษาให้อาการเบาบางลง เพราะโรคไมเกรนไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้  แพทย์อาจสั่งยาทริปแทนให้เพื่อบรรเทาอาการปวด แต่ก็ต้องพิจารณาหลาย ๆ ปัจจัย ก่อนจะทำการรักษา

ข้อสรุป

เนื่องจากยาทริปแทนเป็นหนึ่งในทางออกของอาการปวดไมเกรน เราควรที่จะศึกษาทุก ๆ รายละเอียดก่อนที่จะได้ทำการเลือกใช้ เพราะมีผลต่อชีวิตประจำวันของเรา ทั้งยังส่งผลต่อสุขภาพที่ดีอีกด้วย ดังนั้นเราคาดหวังว่าข้อมูลที่จัดหาให้ในครั้งนี้คงจะมีประโยชน์ต่อทุกคนไม่มากก็น้อย

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ ได้ตอนกี่เดือน? ราคาเท่าไหร่?



อัลตร้าซาวด์ 4 มิตินับวันจะยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะนอกจากคุณพ่อคุณแม่จะสามารถดูหน้าและเพศของลูกน้อยได้แล้ว ยังสามารถวินิจฉัยความผิดปกติของทารกได้อีกด้วย ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนที่ยังลังเลอยู่ มาลองอ่านข้อมูลนี้กันก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจค่ะ

---

การอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ (4D Ultrasound)

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ คือ นวัตกรรมใหม่ของการอัลตร้าซาวด์ เป็นการนำภาพนิ่งมาเรียงต่อกันให้เกิดเป็นภาพเคลื่อนไหวเสมือนจริงโดยการใช้คลื่นเสียง ซึ่งภาพที่ได้จะสะท้อนออกมาเป็นแบบ Real Time

---

หลักการทำงานของอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ



การอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ มีหลักการทำงาน ดังนี้

• แพทย์จะใช้ทรานสดิวเตอร์ ตรวจบริเวณหน้าท้องคุณแม่
• คลื่นเสียงจากอุปกรณ์นี้จะถูกส่งผ่านหน้าท้องไปบริเวณมดลูก
• คลื่นเสียงส่งผ่านทารก และสะท้อนกลับมาที่หัวตรวจ
• เครื่องตรวจเก็บข้อมูล แล้วสะท้อนออกมาเป็นภาพให้คุณแม่เห็นทางหน้าจอ

---

เปรียบเทียบอัลตร้าซาวด์ 4 มิติกับอัลตร้าซาวด์แบบอื่น

การอัลตร้าซาวด์แบบ 2 มิติ
ภาพที่ได้เป็นภาพขาวดำ เป็นการแสดงภาพในแนวราบจากคลื่นเสียงความถี่สูง ใช้ตรวจดูพัฒนาการ, ตำแหน่ง และการเต้นของหัวใจทารก

การอัลตร้าซาวด์แบบ 3 มิติ
ภาพที่ได้ละเอียดกว่า 2 มิติ มีความใกล้เคียงกับของจริง คุณแม่จะเห็นผิวของทารก และรูปร่างของทารกได้ชัดมากขึ้น

การอัลตร้าซาวด์แบบ 4 มิติ
ภาพที่ได้จะมีความลึกของภาพมากกว่า 3 มิติ คุณแม่จะเห็นภาพของทารกได้เสมือนจริงมากขึ้น

---

ข้อดีของการอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ
อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ มีข้อดี ดังนี้

• เห็นพฤติกรรมลูกได้ชัด เช่น ดูดนิ้ว, ยิ้ม และขยับแขน-ขา เป็นต้น
• ดูความสมบูรณ์ของทารก
• เห็นอวัยวะภายนอกได้ชัดเจน
• สร้างความผูกพันธ์ระหว่างแม่ลูกให้มากขึ้น

---

การอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ ควรทำตอนกี่เดือน
อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ ทำได้ตอนกี่สัปดาห์ หรือกี่เดือน แนะนำว่าควรมีอายุครรภ์ที่ 24 สัปดาห์หรือ 6 เดือนขึ้นไป เนื่องจากจะได้เห็นทารกได้อย่างชัดเจน

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ บอกอะไรได้บ้าง

• เพศของทารก
• พัฒนาการร่างกายของทารก ได้แก่ ใบหน้า, แขน, ขา, มือ, เท้า, นิ้ว, โครงสร้างกะโหลกศีรษะ, สมอง ฯลฯ
• หัวใจ และการไหลเวียนเลือด
• ตำแหน่งทารก และสายสะดือ

---

การเตรียมตัวก่อนอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ

• ดื่มน้ำวันละ 1 ½ - 2 ลิตร ก่อนการตรวจอย่างน้อย 1 สัปดาห์
• พักผ่อนให้เพียงพอ
• ทานอาหารได้ตามปกติแต่พอควร เพื่อดูความเคลื่อนไหวของทารก
• ปัสสาวะก่อนเข้าตรวจ

---

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง

• คุณแม่นอนบนเตียง ทำความสะอาดบริเวณท้อง
• ทาเจลบริเวณท้องที่จะตรวจ
• นำหัวตรวจแตะบริเวณท้อง แล้วค่อย ๆ เลื่อนไปตามตำแหน่งที่ต้องการ
• จะปรากฏภาพที่หน้าจอ แพทย์จะบอกผล และให้คำแนะนำแก่คุณแม่
• ใช้ระยะเวลาการตรวจประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง

---

ปัจจัยที่ส่งผลต่อความชัดของรูปภาพอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ

• คุณภาพของอุปกรณ์

ควรเป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัย จะให้ความละเอียดสูง ตอบสนองเร็ว

• ความชำนาญของผู้ใช้

แพทย์ควรมีทักษะในการใช้อุปกรณ์ เช่น มือต้องนิ่ง และรู้ว่าทารกอยู่ตำแหน่งไหน

• ตัวกลางการถ่ายภาพ

ต้องไม่มีสิ่งกีดขวางหรือมีให้น้อยที่สุด ได้แก่ รก หรือปริมาณน้ำคร่ำ เป็นต้น

• ความร่วมมือของทารกในครรภ์

ทารกควรพร้อมอวดโฉม ไม่มีมือหรือเท้ามาบัง
[/list]

---

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ ราคาเท่าไหร่
อัลตร้าซาวด์ 4 มิติที่ Beyond IVF จะมีราคาที่ 2,800 บาท ถือว่าเป็นราคาถูก และคุณแม่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ในการดูแลตัวเองเพิ่มเติมอีกด้วยค่ะ

---

อัลตร้าซาวด์ 4 มิติ อันตรายไหม
การอัลตร้าซาวด์ 4 มิติ ยังไม่มีรายงานใดพบว่าเป็นอันตรายต่อคุณแม่และทารก กลับกันจะเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่มากกว่า เนื่องจากช่วยให้แพทย์วินิจฉัยความผิดปกติ และรักษาได้อย่างถูกต้องมากขึ้น

---

ข้อสรุป
เพราะคุณแม่จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสุขภาพลูกหรือพัฒนาการของทารกในครรภ์เป็นอย่างไร หากไม่ได้เข้ารับการอัลตร้าซาวด์ ซึ่งการอัลตร้าซาวด์ 4 มิตินี้นอกจากจะบอกเพศได้แล้ว ยังสามารถดูความสมบูรณ์ของร่างกายลูกได้อีกด้วย ที่สำคัญราคาไม่แพง คุ้มค่ากับการได้เห็นหน้าลูกน้อย เป็นการเพิ่มความผูกพันธ์กันมากขึ้นก่อนที่ลูกน้อยจะลืมตามาดูโลกอีกด้วยค่ะ

---

โรงงานผลิตอาหารเสริม ที่ไหนดี เลือกบริษัทเพื่อสร้างแบรนด์อย่างไร

การผลิตอาหารเสริมจำเป็นต้องคำนึงถึงคุณภาพของตัวผลิตภัณฑ์ที่ถูกผลิตขึ้นมาก่อนจัดจำหน่ายสินค้าอาหารเสริมแก่ผู้บริโภค ในสายการผลิตสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือแหล่งผลิต โรงงานรับผลิตอาหารเสริมจึงกลายเป็นรากฐานสำคัญในการเริ่มต้นของการผลิตอาหารเสริม โรงงานที่เป็นแหล่งผลิตสินค้าต้องมีองค์ประกอบในการผลิตที่เหมาะสม และ มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล

อาหารเสริมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในปัจจุบัน ในยุคสมัยที่ผู้คนต่างใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ทานอาหารกันอย่างรีบร้อน การเดินทางที่ต้องเผชิญกับการเบียดเสียดและมลพิษต่างๆ ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันกลับมาก็อยากจะเอาหัวทิ้งลงบนหมอน แม้จะไม่ค่อยมีเวลาแต่ผู้คนเริ่มจะหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เริ่มทานอาหารเสริมเป็นตัวช่วยในการดูแลสุขภาพ ส่งผลให้ตลาดการผลิตอาหารเสริมเริ่มมีการแข่งขันสูงขึ้น การเลือกโรงงานที่ได้มาตรฐานย่อมส่งผลต่อธุรกิจแบรนด์ของท่านในระยะยาวแน่นอน

โรงงานผลิตอาหารเสริมจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก การเลือกโรงงานที่เชื่อถือได้ให้ผลิตสินค้าในแบรนด์ของคุณออกมาอย่างมีคุณภาพ ธุรกิจของคุณย่อมได้รับผลตอบรับจากผู้บริโภคในเชิงบวกมากขึ้น เพราะผู้บริโภคล้วนต้องการสินค้าที่ได้คุณภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพวกเขา

ทางเราจึงค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานบริษัทรับผลิตอาหารเสริม และ โรงงานของบริษัท มานำเสนอเพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับผู้ต้องการสร้างแบรนด์ขึ้นมาแล้วไม่รู้ว่าควรจะเลือกโรงงานของบริษัทไหนดี ที่นี่มีคำตอบ

---

เลือกโรงงานผลิตอาหารเสริมต้องรู้อะไรบ้าง

มีสูตรตามที่ต้องการหรือไม่
แบรนด์ของคุณมีสูตรอาหารเสริมที่ต้องการแล้วหรือยัง สูตรของอาหารเสริมย่อมมีการคิดค้นและเลือกสารสกัดต่างๆ ในการผลิตอาหารเสริมที่มีสรรพคุณโดดเด่นและตรงตามความต้องการ การเลือกโรงงานที่มีแลปผลิตอาหารเสริมตามสูตรที่ต้องการจึงส่งผลดีกับธุรกิจของคุณ ทั้งในเรื่องกระบวนการผลิตและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค

เทรนด์และแนวโน้มตลาดของอาหารเสริมนั้นๆ
อาหารเสริมเองก็มีตลาดและเทรนด์ความนิยมของตัวมันเอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมสำหรับลดน้ำหนัก อาหารเสริมในเรื่องการดูแลผิวพรรณ อาหารเสริมสำหรับนักออกกำลังกาย ผู้ผลิตอาหารเสริมจำเป็นต้องศึกษาเทรนด์และแนวโน้มของตลาด เพื่อการผลิตอาหารเสริมที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค การเลือกโรงงานก็จำเป็นต้องศึกษาว่าโรงงานของบริษัทรับผลิตอาหารเสริมนั้นผลิตอาหารเสริมประเภทใดบ้าง

กลุ่มลูกค้าเป็นใคร
การศึกษากลุ่มลูกค้าก็เป็นเรื่องสำคัญ เมื่อเราเลือกสินค้าที่จะผลิตและติดต่อโรงงานทำอาหารเสริมเพื่อผลิตสินค้าออกมา เราจำเป็นต้องตรวจสอบกลุ่มลูกค้าที่เป็นเป้าหมายว่าต้องการผลิตภัณฑ์ประเภทใด ถ้าเป็นกลุ่มวัยรุ่นควรจะผลิตอาหารเสริมประเภทใด รวมถึงเรื่องเพศ ผู้ชายอาจให้ความสนใจเวย์โปรตีนมากกว่าสินค้าประเภทอื่น ส่วนผู้หญิงให้ความสนใจผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนักและผิวพรรณ การศึกษากลุ่มลูกค้าและเลือกกลุ่มลูกค้าที่ตรงความต้องการจะช่วยกระตุ้นยอดขายของแบรนด์

โรงงานผลิตอาหารเสริมได้มาตรฐานหรือไม่
มาตรฐานของโรงงานผลิตเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องของคุณภาพ ความสะอาด มาตรฐานของโรงงานเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อคุณภาพของตัวอาหารเสริมที่ผลิตออกมาโดยตรง เพราะฉะนั้นอย่าเอาแต่มองหาโรงงานผลิตอาหารเสริมราคาถูก การเป็นเจ้าของธุรกิจต้องคำนึงถึงคุณภาพสินค้าเป็นสำคัญ เริ่มจากแหล่งผลิตอาหารเสริมที่ได้มาตรฐาน

มีการบริการครบวงจรตั้งแต่การผลิต จดทะเบียนผลิตภัณฑ์ และให้คำปรึกษาหรือเปล่า
สุดท้ายเรื่องการให้คำปรึกษาและบริการต่างๆ ตั้งแต่เริ่มผลิตอาหารเสริม คุณต้องดูก่อนว่าโรงงานผลิตอาหารเสริมที่คุณจับมือด้วยนั้น มีบริการด้านการผลิตที่ครบถ้วนสมบูรณ์ นอกจากนั้นระหว่างการผลิตมีการให้คำแนะนำและความช่วยเหลือหรือไม่ การจดทะเบียนผลิตภัณฑ์และตรวจสอบคุณภาพสินค้าก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อแบรนด์ของคุณและผู้บริโภค

การเลือกโรงงานรับผลิตอาหารเสริมจึงจำเป็นต้องมีการศึกษาข้อมูลของบริษัทและโรงงานที่รับผลิต ทางเราจึงหยิบยกโรงงานผลิตอาหารเสริมของบริษัทต่างๆ มาให้คุณได้ทราบถึงข้อมูลของแต่ละบริษัทว่าผลิตอาหารเสริมออกมาในรูปแบบใดบ้าง



โรงงานผลิตอาหารเสริม ที่ไหนดี

โรงงานผลิตอาหารเสริมบริษัท เดอร์มา เฮลท์ จำกัด



โรงงานผลิตอาหารเสริมoem มีการคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตอาหารเสริมอย่างโดดเด่นและมีคุณภาพ ด้วยนวัตกรรมการสกัดสารสำคัญโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง Supercritical CO2 Extraction ด้วยตนเอง อีกทั้งยังลดต้นทุนการผลิตทำให้สินค้ามีคุณภาพสูงในราคาที่แข่งขันในตลาดได้ พร้อมทีมการตลาดและทีมออกแบบที่คอยซัพพอร์ทลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้นจนธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จ
ประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผลิต

โรงงานผลิตอาหารเสริมบริษัท เดอร์มา เฮลท์ จำกัด รับผลิตอาหารเสริมหลายประเภท ได้แก่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมดูแลรูปร่าง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ ผลิตภัณฑ์บำรุงสุขภาพ ผลิตภัณฑ์บำรุงสมอง และ ผลิตภัณฑ์ปรับสมดุลลำไส้
ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร



Acerola Collagen
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดจากอะเซโรลาเชอร์รี่ ช่วยบำรุงผิวทำให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใสและดูอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยบนใบหน้า



Cactus For Shape
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสารสกัดจากต้นกระบองเพชรชนิดแคปซูล มีสรรพคุณในการช่วยลดน้ำหนัก กระตุ้นการเผาผลาญ เพื่อให้รูปร่างของคุณเป็นที่น่าพอใจ



Pre & Pro Biotics Shot
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมProbiotic ช่วยปรับสมดุลทางเดินอาหาร กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายและช่วยบรรเทาอาการ Long covid ช่วยทำให้ร่างกายสดชื่นไม่รู้สึกอ่อนเพลีย

ที่ตั้ง

• บริษัท เดอร์มา เฮลท์ จำกัด111/1 หมู่ 4 ซ.แจ้งวัฒนะ 19ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120

มาตรฐานโรงงานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
บริษัท เดอร์มา เฮลท์ จำกัด ได้รับการจดทะเบียนภายใต้การรับรองของSGS ในการผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบแคปซูลและเยลลี่

โรงงานผลิตอาหารเสริมบริษัท พรีมา แคร์ จำกัด





บริษัท พรีมา แคร์ จำกัด เป็นโรงงานผลิตอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ดำเนินธุรกิจผลิตอาหารเสริมoem เพื่อส่งเสริมการสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมด้วยบริการแบบครบวงจร และ มีการผลิตที่ได้มาตรฐาน

ประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผลิต
โรงงานผลิตอาหารเสริมoem บริษัท พรีมา แคร์ จำกัด มีรูปแบบการผลิตที่หลากหลายทั้งผลิตอาหารเสริมในรูปแบบ แคปซูล ผงสำหรับชงดื่ม และคอลลาเจน นอกจากอาหารเสริมยังผลิตครีมบำรุงผิวและผลิตภัณฑ์ส่งเสริมสุขภาพในหลายรูปแบบ

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร


ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แอล-คาร์นิทีน-เอส
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารประกอบของ แอล-คาร์นิทีน ฟูมาเรท มีส่วนช่วยในเรื่องการควบคุมน้ำหนัก สำหรับผู้มีความกังวลในเรื่องน้ำหนักตัว



ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วาย.โอ.เอ็น.
ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคอลลาเจน มีส่วนประกอบของ อินูลิน ผงไซเลี่ยมฮัสก์ สารสกัดจากอะเซอโรลา เชอร์รี ผงบุกสกัด สารสกัดจากแอปเปิ้ล มิกซ์เบอร์รี



ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เบอร์รี่ ซีซี
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบผงวิตามิน มีส่วนประกอบของ แอล-กลูตาไธโอน มิกซ์เบอร์รี กรดแอสคอร์บิก

ที่ตั้ง

• โรงงาน 55/5 ม.7 ต.ลำโพ อ.บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 11110
• สำนักงาน (ออฟฟิศ) รับรองลูกค้า 111/888 ม.5 ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี 11130

มาตรฐานโรงงานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
บริษัท พรีมา แคร์ จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2547 มีการรับรองคุณภาพจากมาตรฐานสากล เช่น มาตรฐาน GMP และ ISO 9001:2015 นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองเครื่องหมายฮาลาลสำหรับการรับผลิตอาหารเสริม รวมถึงการได้รับรางวัลระดับ "สุดยอด SME แห่งชาติ" จากประกวดรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ

โรงงานผลิตอาหารเสริมบริษัท นูทริแมกซ์ จำกัด



บริษัท นูทริแมกซ์ จำกัด เป็นโรงงานรับผลิตอาหารเสริมที่มีการรับผลิตในรูปแบบoem ที่มีมาตรฐาน นูทริแมกซ์มีการผลิตอาหารเสริมบำรุงสุขภาพและอาหารเสริมสมุนไพร นอกจากผลิตแล้วยังมีการให้คำแนะนำและส่งเสริมผู้สนใจทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตอาหารเสริม
ประเภทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผลิต

โรงงานผลิตอาหารเสริมบริษัท นูทริแมกซ์ จำกัด มีการผลิตอาหารเสริมบำรุงสุขภาพและอาหารเสริมสมุนไพร ที่ช่วยในการลดน้ำหนัก บำรุงผิวพรรณ เสริมสร้างกระดูก อาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุ และ บำรุงสุขภาพของผู้บริโภค

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
อาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก
บริษัทสามารถผลิตอาหารเสริมที่มีส่วนประกอบสำคัญ คือ เบต้า-กลูแคน พริกไทยดำ กระบองเพชร ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกาย
และช่วยในการควบคุมน้ำหนัก

ผลิตภัณฑ์บำรุงผมและเล็บ
บริษัทสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณในการดูแลผมและเล็บ โดยมีส่วนประกอบสำคัญ คือ ไบโอติน หรือ วิตามิน บี7 หญ้าหางม้า และ L-Cysteine
ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดริ้วรอย

บริษัทสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณที่ช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้า โดยมีส่วนประกอบสำคัญ คือ อะเซโรลา อาซาอิเบอร์รี่ และ กุหลาบป่า

ที่ตั้ง

• โรงงาน 12/31 หมุ่5 ถ.กิ่งแก้ว ตำบลราชาเทวะ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540
• สำนักงาน 778/85 THE CREST Sukhumvit 34 ถนนสุขุมวิท 34 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110

มาตรฐานโรงงานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
บริษัท นูทริแมกซ์ จำกัดนั้นได้รับมาตรฐานการผลิตจากยุโรป, GMP, FDA, ใบอนุญาตผลิตและใบอนุญาตจัดตั้งโรงงาน

---

รู้จักฮอร์โมน AMH มีผลสำคัญต่อการมีลูกอย่างไร


ถึงแม้ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลบ่งชัดว่า ค่าฮอร์โมน AMH เท่าไร จึงจะบอกได้ว่าเป็นภาวะมีลูกยาก แต่โดยทั่วไป ค่าฮอร์โมน AMH ก็สามารถบอกได้ถึงการทำงานของรังไข่ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รู้ถึงความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้
 
เราจึงควรที่จะมาทำความเข้าใจถึงความสำคัญของฮอร์โมน AMH ที่มีต่อกระบวนการการรักษาภาวะมีลูกยาก ดังต่อไปนี้


รู้จัก ‘ฮอร์โมน AMH’
ฮอร์โมน AMH หรือที่เรียกว่า ฮอร์โมนแอนตี้มูลเลอเรียน (Anti-Mullerian Hormone) คือ ฮอร์โมนที่ผลิตจากรังไข่ เป็นตัวบ่งบอกความสามารถในการทำงานของรังไข่ หรือบอกจำนวนไข่ที่สามารถผลิตได้ ฮอร์โมน AMH จะมีค่าสูงขึ้นและลดลงเรื่อย ๆ เมื่อผู้หญิงเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัว และจะลดลงเรื่อย ๆ จนหมดไปเมื่อมีอายุมากขึ้นหรือเข้าสู่วัยหมดระดู และยังสามารถบอกได้ถึงโอกาสตั้งครรภ์ได้
 
ประโยชน์ของการตรวจฮอร์โมน AMH





การตรวจฮอร์โมน AMH จะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์ได้ คุณหมอสามารถวางแผนการรักษาให้กับคุณผู้หญิงเกี่ยวกับการวางแผนมีลูกได้อย่างเหมาะสม

• ช่วยประเมินความสามารถของการทำงานของรังไข่เพื่อประเมินโอกาสการตั้งครรภ์ และช่วยให้แพทย์แนะนำวิธีการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ดีขึ้น
• ค่า AMH เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้แพทย์ประเมินว่า ควรให้การกระตุ้นรังไข่มากน้อยแค่ไหนจึงเหมาะสม เพื่อประกอบการรักษาภาวะมีลูกยาก
• ค่า AMH ที่สูง ใช้ช่วยประเมินภาวะเป็นโรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ ร่วมกับการประเมินอื่น ๆ ได้

เหมาะกับคุณผู้หญิงหรือคู่สมรสที่ต้องการวางแผนการมีบุตรในอนาคต


การตรวจฮอร์โมน AMH กับการตั้งครรภ์




โดยปกติผู้หญิงเมื่อแรกเกิดจะมีไข่ในรังไข่ประมาณ 1-2 ล้านฟอง แต่พอเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์หรือเริ่มมีประจำเดือนครั้งแรก ไข่จะเหลือเพียง 3-4 แสนฟองเท่านั้น และจะลดลงเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น

หรือเพราะอิทธิพลอื่น ๆ ที่เข้ามากระทบเช่น ความเครียด การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือการเป็นโรคเกี่ยวกับรังไข่ เป็นต้น ที่มีผลกับปริมาณไข่ที่จะลดลงแล้ว คุณภาพไข่ก็จะน้อยลงด้วย และที่สำคัญการผลิตไข่ไม่สามารถเพิ่มจำนวนหรือสร้างขึ้นใหม่ได้
 
และที่สำคัญในแต่ละเดือนจะมีไข่เพียง 1 ฟองที่ตกออกมาเพื่อใช้ในการปฏิสนธิเท่านั้น
 
การตรวจวัดระดับฮอร์โมน AMH เป็นการตรวจเพื่อทดสอบสมรรถภาพของรังไข่ ด้วยวิธีเจาะเลือดซึ่งสามารถบ่งบอกได้ว่ารังไข่ทำงานปกติหรือไม่ ปริมาณไข่มีมากน้อยแค่ไหน

และยังช่วยให้เเพทย์ทำงานง่ายขึ้นในการประเมินโอกาสการตั้งครรภ์ให้คุณผู้หญิง และนำค่าฮอร์โมน AMH มาเช็คว่ารังไข่จะสนองตอบต่อกระบวนการกระตุ้นไข่ด้วยยามากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ผลิตไข่ออกมาในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อใช้ในกระบวนการฝากไข่ และเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI   

ขั้นตอนการตรวจฮอร์โมน AMH

ก่อนอื่นจะต้องมีการซักประวัติเบื้องต้น , ชั่งน้ำหนัก วัดความดัน โดยพยาบาล ก่อนเข้าพบแพทย์เพื่อเช็คหาโรคประจำตัว โรคพันธุกรรม (ถ้ามี) แล้วจึงเริ่มขั้นตอนการตรวจฮอร์โมน AMH ทำได้ด้วยการเจาะเลือด โดยไม่ต้องงดน้ำและอาหารล่วงหน้า สามารถตรวจเมื่อไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องรอช่วงเวลามีรอบเดือน เพราะฮอร์โมน AMH ไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน และสามารถรู้ผลตรวจในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
 
ค่าปกติของฮอร์โมน AMH

วิธีการอ่านค่าผลตรวจฮอร์โมน AMH คือ

• AMH น้อยกว่า 0.3 ng/ml   ถือว่าเป็นภาวะฮอร์โมนต่ำ หมายความมีจำนวนไข่เหลืออยู่น้อยมาก เสี่ยงต่อภาวะมีลูกยากสูง ดังนั้นให้รีบปรึกษาแพทย์ถ้าต้องการมีลูก
• AMH อยู่ในช่วง 0.3 – 1 ng/ml   ถือว่าเป็นภาวะฮอร์โมนค่อนข้างต่ำ หมายความว่ามีจำนวนไข่อยู่ค่อนข้างน้อย เสี่ยงต่อภาวะมีลูกยาก
• AMH อยู่ในช่วง 1 – 4 ng/ml   เป็นค่าฮอร์โมนปกติ
• AMH มากกว่า 4 ng/ml   ถือว่าเป็นภาวะฮอร์โมนสูง หมายความว่าอาจเสี่ยงต่อภาวะการเป็นโรคถุงน้ำในรังไข่หลายใบ หรือ PCOS (Polycystic ovary syndrome) 

ระดับค่า AMH ตามช่วงวัยและอายุ





ระดับค่า AMH จะแตกต่างกันตามช่วงวัยและอายุดังนี้

• อายุ 24 – 29  ค่า AMH อยู่ในระดับดีมาก หมายความว่าปริมาณไข่ในรังไข่มีมากเพียงพอ
• อายุ 30 – 35  ค่า AMH จะน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ปริมาณไข่ในรังไข่ก็น้อยลง
• อายุ 36 – 41  ค่า AMH จะต่ำ ปริมาณไข่ในรังไข่ก็ยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ
• อายุ 42 – 47  ค่า AMH จะต่ำกว่า 0.5 ng/ml  ซึ่งปริมาณไข่ในรังไข่ก็ยิ่งน้อยลงมาก ๆ
• อายุ 48 – 50  ค่า AMH ก็จะลดลงจนแตะเลข 0  ซึ่งเป็นช่วงวัยทองหมดประจำเดือนและไม่มีการผลิตไข่อีกแล้ว

ใครบ้างที่ควรตรวจฮอร์โมน AMH


คนที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้เหมาะสมที่จะเข้ารับการตรวจวัดระดับฮอร์โมน AMH

• คนที่มีลูกยาก พยายามตั้งครรภ์มานานกว่า 6 เดือนและต้องการตรวจว่ามีไข่อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับการตั้งครรภ์ ช่วยในการวางแผนว่าจะตั้งครรภ์โดยวิธีธรรมชาติ หรือควรพิจารณาวิธีการอื่น ๆ ในการช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์
• คนที่กำลังวางแผนทำ IVF หรือวิธีการอื่นเพื่อช่วยในการตั้งครรภ์ ระดับค่า AMH จะช่วยบอกให้ทราบว่าจะตอบสนองต่อการทำ IVF หรือวิธีการอื่นได้มากน้อยเพียงใด ระดับ AMH ที่อยู่ในเกณฑ์ปกติหมายถึงรังไข่สามารถตอบสนองต่อการกระตุ้นการตกไข่ได้ดี และมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มาก
• คนที่ผ่านการรักษามะเร็งด้วยเคมีบำบัด หรือผ่าตัดรังไข่ และต้องการทราบว่าการรักษามีผลกระทบต่อการเจริญพันธุ์ในอนาคตหรือไม่
  
• คนที่ต้องการฝากไข่เพื่อตั้งครรภ์ในอนาคตและต้องการทราบปริมาณไข่ในปัจจุบัน
  

คำถามที่พบบ่อย


1. ควรตรวจฮอร์โมน AMH ช่วงไหนของรอบเดือน

สามารถตรวจฮอร์โมน AMH ช่วงไหนของเดือนก็ได้ เพราะฮอร์โมน AMH ไม่มีความสัมพันธ์กับรอบเดือน แต่ค่าการตรวจอาจไม่แม่นยำที่มาจากการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ กินยาคุมกำเนิด เป็นต้น ควรเข้ารับการแนะนำจากแพทย์ด้วย

2. มีวิธีที่ช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมน AMH หรือไม่ อย่างไร
วิธีการปรับสมดุลของฮอร์โมน AMH ทำได้ง่าย ๆ เช่น

• กินอาหารที่มีวิตามินดี โอเมก้า 3  เช่น ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง ชีส น้ำผลไม้ เป็นต้น
  
• ตากแดดตอนเช้า
  
• กินอาหารที่มีโคคิวเท็น เช่น ปลาที่มีไขมันสูง เช่น ปลาแมคเคอเรล สตอร์เบอรี่ เนื้อสัตว์
  
• กินอาหารที่มีสังกะสี เช่น หอยนางรม ธัญพืช
  
• กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น องุ่น อาหารทะเลไร้ไขมัน ไข่แดง
  

3. หากผลตรวจค่าฮอร์โมน AMH ไม่ปกติ สามารถตั้งครรภ์ได้ไหม

ถึงแม้ผลตรวจค่าฮอร์โมน AMH ไม่ปกติ ซึ่งหมายความว่ารังไข่ทำงานผิดปกติ เราสามารถนำผลการตรวจไปประกอบการวินิจฉัยความผิดปกติ เพื่อรับคำแนะนำในการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม จากแพทย์ผู้เขี่ยวชาญเพื่อรักษาภาวะมีลูกยาก และวางแผนการมีลูกต่อไปในอนาคต

ข้อสรุป

การตรวจฮอร์โมน AMH นั้น เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ช่วยตรวจเช็คถึงปริมาณไข่ที่มี ณ เวลานั้น จึงเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนตั้งครรภ์มีลูกในอนาคตได้  โดยเฉพาะในปัจจุบันที่มีการพัฒนาการรักษาด้วยเทคนิคช่วยการเจริญพันทางการแพทย์ เช่น การฝากไข่ (สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมมีลูก ณ ปัจจุบัน) หรือการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI  เป็นต้น

แมกนีเซียม ไมเกรน เกี่ยวข้องกันอย่างไร? ก่อนอื่นต้องรู้ว่า ไมเกรน (Migraine) เป็นอาการปวดศีรษะที่เป็นปัญหารบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยกระตุ้นต่าง ๆ แตกต่างกันออกไป หลายๆคนอาจจะกำลังหาวิธีในการบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนว่าควรทำอย่างไร และแน่นอนว่าการใช้แมกนีเซียม

(Magnesium) อาจจะผ่านตาหลายๆ คนมาบ้างแล้ว แต่บางคนคงมีคำถามในใจเรื่องแมกนีเซียมมีส่วนช่วยในการป้องกันและบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้จริงหรือไม่ เราได้รวบรวมข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับแมกนีเซียม ไมเกรน มาให้อ่านกันค่ะ

---

โรคไมเกรน..กวนใจวัยทำงาน 

ไมเกรน (Migraine) เกิดจากความผิดปกติชั่วคราวของระดับสารเคมีในสมอง ทำให้ก้านสมองถูกกระตุ้น หลอดเลือดในเยื่อหุ้มสมองมีการบีบและคลายตัวมากกว่าปกติ เกิดอาการปวดหัวตุ๊บ ๆ หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียน แพ้แสง จากก้านสมองที่ถูกกระตุ้น

อาการปวดหัวไมเกรน (Migraine Headache) พบบ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2-3 เท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยทำงานที่ต้องเผชิญกับความเครียดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดอาการป่วยด้วยโรคต่าง ๆ หนึ่งในนั้นก็คืออาการปวดหัวไมเกรนนั้นเอง แมกนีเซียม ไมเกรนจึงมีส่วนช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้

อาการของโรคไมเกรน ประกอบด้วยลักษณะต่างๆดังนี้
 

• ปวดศีรษะครึ่งซีก อาจป็นบริเวณขมับหรือท้ายทอย บางครั้งก็อาจเป็นสองข้างพร้อมกันได้
• ลักษณะการปวดศีรษะจะปวดตุ๊บๆนานครั้งหรือเกิน 20 นาที
• อาการปวดศีรษะมักรุนแรงและส่วนมากจะมีการคลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วยเสมอ
• อาการนำจะเป็นอาการทางสายตา โดยจะมีอาการนำมาก่อนปวดศีรษะราว 10-20 นาที

อะไรบ้างที่เป็นสาเหตุทำให้โรคไมเกรน (MIGRAINE) เป็นมากขึ้น ? เป็นรู้กันดีว่าตัวกระตุ้นหรือทำให้เกิดอาการของโรคไมเกรนมากขึ้น ได้แก่

• ภาวะเครียด
• การอดนอน
• การขาดการพักผ่อน หรือทำงานมากเกินไป
• ขณะมีประจำเดือนหรือรับประทานยาคุมกำเนิด
• เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ ไวน์
• อาหารบางชนิด เช่น กล้วยหอม เนยแข็ง และช็อกโกแลต

---

รู้จักแมกนีเซียม (Magnesium) 



แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุที่สำคัญและจำเป็นของร่างกายมนุษย์ สามารถพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย แต่บริเวณที่พบมากก็คือ กระดูก เซลล์กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อ ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ ส่งผลต่อการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้ออีกด้วย
 
หากร่างกายของคนเราขาดแร่ธาตุแมกนีเซียม จะส่งผลเสียมากมาย เช่น อ่อนเพลีย ร่างกายเหนื่อยตลอดเวลา กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อชา เป็นตะคริวได้ง่าย กล้ามเนื้อหดเกร็งแบบผิดปกติ รวมไปถึงอาการปวดศีรษะไมเกรนที่หลายคนเป็น ทำให้ปัจจุบันมีการใช้แมกนีเซียมแก้ไมเกรน

---

แมกนีเซียม มีกี่ประเภท อะไรบ้าง 

แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุที่มีหลายประเภท ดังนี้

• แมกนีเซียมออกไซด์ (magnesium oxide) เป็นแมกนีเซียมในปริมาณสูง มักใช้ในการรักษาไมเกรน และใช้เพื่อเสริมในผู้ที่มีภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ
• แมกนีเซียมซัลเฟต (magnesium sulfate) เป็นอาหารเสริมมีความสามารถในการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้
• แมกนีเซียมคาร์บอเนต (magnesium carbonate) เป็นเกลืออนินทรีย์มีระดับแมกนีเซียมสูง ส่วนใหญ่แล้วต้องผ่านกระบวนการเผาเพื่อให้ได้ แมกนีเซียมออกไซด์
• แมกนีเซียมคลอไรด์ (magnesium chloride) เป็นสารตั้งต้นที่มักจะนำมาผลิตสารประกอบแมกนีเซียมอื่น ๆ
• แมกนีเซียมซิเตรต (magnesium citrate) เป็นแร่ธาตุดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ในปริมาณมาก มักใช้เพื่อกระตุ้นในการขับถ่าย มีคุณสมบัติเป็นยาระบายอ่อน ๆ

---

1. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน 
แมกนีเซียมประมาณ 60% จะถูกจัดเก็บไว้ในกระดูก ซึ่งมีส่วนในการควบคุมการหลั่งฮอร์โมนพาราไทรอยด์ โดยประโยชน์ของแมกนีเซียมจะทำหน้าที่ควบคุมแคลเซียมให้อยู่ในระดับดีต่อสุขภาพกระดูกและยังช่วยในการบำรุงกระดูกและฟันอีกด้วย

2. ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาท 
แมกนีเซียมเป็นองค์ประกอบสำคัญในการหลั่งสารเคมีในสมอง ประโยชน์ของแมกนีเซียมจะช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง ทุกคนจำเป็นต้องได้รับแมกนีเซียมให้เพียงพอ เพื่อควบคุมการทำงานของระบบประสาทและช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

3. ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด 
ประโยชน์ของแมกนีเซียมส่งผลต่อการทำงานของเอนไซม์ในร่างกายมากกว่า 300 ชนิด และยังมีบทบาทในการรักษาระดับของสารอิเล็กโตรไลท์ภายในเซลล์ ส่งผลต่อการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้อและหลอดเลือดเป็นปกติช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายอย่างเหมาะสมรวมถึงการบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้

---

แมกนีเซียมช่วยรักษาไมเกรนได้อย่างไร 



ข้อพิสูจน์ของ แมกนีเซียม ไมเกรน สามารถแก้อาการปวดหัวได้จริง จากการเก็บสถิติของคนที่ปวดหัวไมเกรนเป็นประจำพบกว่า กลุ่มคนเหล่านี้มีระดับแมกนีเซียมในร่างกายต่ำกว่าคนปกติที่ไม่มีอาการปวด และยังมีการศึกษาชิ้นหนึ่งในต่างประเทศพบว่าการรับประทานแมกนีเซียม (Magnesium) เป็นประจำมีส่วนช่วยลดความถี่การปวดหัวไมเกรนลงได้ถึง 41.6 %

นอกจากนี้ยังพบว่า การรับประทานแมกนีเซียมในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกายนั้น จะสามารถช่วยป้องกันการเกิดไมเกรนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังลดความถี่ของการปวดหัวไมเกรนลงได้ ซึ่งเท่ากับว่าจะช่วยลดปริมาณการใช้ยาแก้ปวดไมเกรนแบบไม่จำเป็นได้

---

ปริมาณแมกนีเซียมที่จำเป็นในแต่ละวัน
ในแต่ละวันร่างกายคนของคนเราต้องการแมกนีเซียมแตกต่างกัน ดังนี้

• ผู้ชายควรได้รับแมกนีเซียมวันละ               350           มิลลิกรัม
• ผู้หญิงควรได้รับวันละ                          300        มิลลิกรัม
• หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตรควรได้รับวันละ              450        มิลลิกรัม
• เด็กอายุ 7-10 ปี ควรได้รับวันละ               250        มิลลิกรัม
• เด็กอายุ 2-7 ปี ควรได้รับวันละ               150        มิลลิกรัม
• เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี ควรได้รับวันละ                 60-70    มิลลิกรัม

---

อาหารที่มีแมกนีเซียมสูงมีอะไรบ้าง 

1. ผักใบเขียว (Leafy Greens)


หลายคนคงรู้แล้วว่าผักใบเขียวนั้นเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และยังเปี่ยมคุณค่าทางโภชนาการด้วยแมกนีเซียม เช่น ผักเคล ปวยเล้ง ผักโขม คะน้า บรอกโคลี หรือตำลึง เรียกได้ว่าผักใบเขียวนั้นเป็นแหล่งแมกนีเซียมสามารถหาได้ง่ายและนำไปปรุงเพื่อเป็นอาหารที่มีแมกนีเซียมสูง

2. ถั่วและเมล็ดพืช (Nuts and Seeds) 


ถั่วและเมล็ดพืชมีปริมาณแมกนีเซียมสูงมาก เช่น ถั่วดำ ถั่วเหลือง ถั่วลันเตา ถั่วลูกไก่ เมล็ดฟักทอง หรือเมล็ดเจีย นอกจากนั้นถั่วและเมล็ดพืชยังมีใยอาหาร โพแทสเซียม เหล็ก และโปรตีน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายด้วย

3. อะโวคาโด (Avocado) 


อะโวคาโดเป็นอาหารทรงคุณประโยชน์ นอกจากมีสารอาหารมากมายแล้วยังมีธาตุแมกนีเซียมสูง โดยอะโวคาโด 1 ลูก ปริมาณ 201 กรัม มีธาตุแมกนีเซียมอยู่ปริมาณ 82 มิลลิกรัม

4. เต้าหู้ (Tofu) 


เต้าหู้ถือเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนโปรตีนวิตามินแร่ธาตุต่างๆ ทั้งยังมีแมกนีเซียมถึง 53 มิลลิกรัมอีกด้วย

5. ปลาไขมันสูง (Fatty Fish)


ปลาที่มีกรดไขมันสูงบางชนิดนั้นอุดมไปด้วยแมกนีเซียม เช่น ปลาแซลมอนประมาณ 178 กรัมจะให้แมกนีเซียมมากถึง 53 มิลลิกรัม เลยทีเดียว

6. ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ (Low-fat Milk Products) 


ทั้งนมและโยเกิร์ตล้วนให้แมกนีเซียมแก่ร่างกายไม่น้อยเลย โดยนม 1 แก้วจะให้แมกนีเซียมประมาณ 24–27 มิลลิกรัม ส่วนโยเกิร์ตไขมันต่ำรสธรรมชาติในปริมาณ 227 กรัมให้แมกนีเซียม 42 มิลลิกรัม 

---

ข้อควรระวังในการทานแมกนีเซียม 

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดเมื่อทานแมกนีเซียมมากเกินไป 
แม้ว่า แมกนีเซียม ไมเกรน ช่วยแก้อาการปวดหัว แต่ถ้าหากเรารับประทานแมกนีเซียมมากจนเกินไป อาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการเหล่านี้ ได้แก่

• อาการคลื่นไส้
• ท้องเสีย
• ความดันโลหิตสูง
• หัวใจเต้นผิดปกติ
• กล้ามเนื้ออ่อนแรง

กลุ่มยาที่อาจเกิดปฏิกริยากับแมกนีเซียม 
ก่อนที่จะใช้แมกนีเซียมควรระมัดระวังในการใช้แมกนีเซียมร่วมกับยาเหล่านี้

• ยาปฏิชีวนะ
• ยาขับปัสสาวะ
• ยาคลายกล้ามเนื้อ
• ยารักษาโรคหัวใจ

---

การรักษาไมเกรนทางการแพทย์ 


1. การทานยาแก้ปวดไมเกรน 
ยาแก้อาการปวดไมเกรน จะกินต่อเมื่อมีอาการปวด ได้แก่ ยาพาราเซตามอล (Paracetamol) ยาแก้อักเสบ (NSAIDs) ใช้บรรเทาอาการปวดทั่วๆ ไป ยากลุ่มเออร์กอต (Ergots) เป็นต้น

2. การฉีดยาแก้ไมเกรน 
ยาฉีดป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนให้เห็นผลดีกว่ายารับประทาน เพราะยาฉีดมีฤทธิ์ต้านสารสื่อประสาท CGRP ซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการปวดหัวไมเกรน ช่วยให้ผู้ป่วย ไม่ต้องทรมานจากอาการปวดหัวไมเกรนค่ะ

3. การฝังเข็มไมเกรน
ศาสตร์จีนเชื่อว่า การฝังเข็มในผู้ที่ปวดศีรษะไมเกรน จะทำให้เลือดลมไหลเวียนสะดวก ลดอาการเลือดคั่ง ซึ่งจุดที่ฝังจะแตกต่างกันตามสภาวะของร่างกายของผู้ป่วยนั้นๆ ซึ่งพบว่าบางคนสามารถหายขาดได้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้น บางคนรักษาด้วยการฝังเข็ม 1-2 ครั้งอาการดีขึ้น ส่วนใหญ่ใช้เวลา 8 - 10 ครั้ง มากน้อยแล้วแต่อาการของผู้ป่วยด้วยค่ะ

4. การฉีดโบท็อกไมเกรน 
การฉีดโบท็อกไมเกรน เป็นการฉีดโบท็อก ซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน และโรคอื่นทางระบบประสาทและสมองได้ด้วยค่ะ 
 
หลังฉีดโบท็อกไมเกรนจะไม่ออกฤทธิ์ทันที ต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 – 4 วัน และจะออกฤทธิ์สูงสุดในสัปดาห์ที่ 2 ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 3 - 4 เดือน จากนั้นโบท็อกจะค่อยๆหมดฤทธิ์ลง เราสามารถกลับมาฉีดซ้ำได้ตามที่หมอแนะนำ การฉีดโบท็อกไมเกรนเป็นวิธีการรักษาและบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรนที่มีความปลอดภัยและให้ผลลัพธ์ที่ดีเลยทีเดียว

---

แนวการป้องกันโรคไมเกรน  
นอกจากการใช้แมกนีเซียม ไมเกรน แล้วแนวทางการป้องกันโรคไมเกรนได้ดีที่สุด มีดังนี้

• หลีกเลี่ยงการใช้งานคอมพิวเตอร์มากเกินไป
• หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์
• หลีกเลี่ยงการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ
• หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นอาการ เช่น ความเครียด ความหงุดหงิด

---

ข้อสรุป 
แมกนีเซียม (Magnesium) ถือว่าสำคัญและจำเป็นโดยเฉพาะเรื่องการป้องกันและบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนได้ ประโยชน์ของแมกนีเซียมยังมีอีกมากมาย จะเห็นได้ว่าวิธีที่จะช่วยให้ร่างกายของเราไม่ขาด

แมกนีเซียม สิ่งแรกที่ทุกคนสามารถทำได้ก็คือ การรับประทานอาหารที่มีแมกนีเซียมสูงให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หากทุกคนยังไม่แน่ใจว่าอาหารที่รับประทานเข้าไปจะมีแมกนีเซียมเพียงพอหรือไม่ สามารถรับประทานจากอาหารเสริมจากแมกนีเซียม แล้วอย่าลืมปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอเพื่อสุขภาพที่ดีของทุกคนค่ะ