ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ธิดารัตน์

หน้า: [1]
1

คุณขายของได้จริง ลูกค้าบริษัทก็โอเค แต่ต้อง “รอ 30–60 วัน” กว่าใบแจ้งหนี้จะถูกจ่าย ระหว่างนั้นเงินเดือนพนักงาน วัตถุดิบ ค่าเช่า ค่าน้ำ–ไฟ ไม่เคยรอ — ช่วงรอแบบนี้คือจุดที่หลายกิจการสะดุด ทั้งที่ “งานใหม่” ก็พร้อมเข้ามาแล้ว ทางเลือกที่ตรงจุดของ เงินทุนระยะสั้น / สินเชื่อระยะสั้น สำหรับคนที่ทำธุรกรรมแบบ B2B คือ สินเชื่อแฟคตอริ่ง (สินเชื่อ Factoring) ซึ่ง “ดึงเงินจากยอดค้างรับ” มาใช้ได้ทันที
อ่านฉบับเจาะลึกได้ที่ เปลี่ยนบิลลูกค้าเป็นเงินสด

เล่าให้ฟังง่าย ๆ: แฟคตอริ่งคืออะไร
ลองนึกภาพว่าในมือคุณมี “ใบแจ้งหนี้ (Invoice)” ที่ออกไปแล้ว แต่ต้องรอปลายทางจ่ายอีกหลายสัปดาห์ คุณเอาใบนี้ไปให้ผู้ให้บริการแฟคตอริ่งประเมิน (ดูเครดิตลูกหนี้การค้าเป็นหลัก) จากนั้น “รับเงินล่วงหน้า” 70–85% ของยอดใบแจ้งหนี้ เพื่อใช้หมุนงานต่อได้ทันที พอถึงกำหนดลูกค้าจ่ายจริง คุณค่อยรับเงินส่วนที่เหลือหลังหักค่าธรรมเนียม — สรุปคือ เปลี่ยนยอดค้างรับ (AR) ให้เป็นเงินสดวันนี้ แบบ เงินทุนระยะสั้น ตรงจุด

ทำไมเหมาะกับ “เงินกู้sme” ที่ขายเชื่อแบบ B2B
หัวใจของ SME สาย B2B คือ “ขายได้จริง แต่เงินเข้าช้า” เพราะรอบเครดิตเทอมขององค์กรยาวกว่าเงินสดหน้าร้าน พอเงินสดตึง งานใหม่ ๆ ที่กำลังจะมีก็เสี่ยงชะลอ แฟคตอริ่งเข้ามาช่วย “ปลดล็อกรอบเงินสด” ให้คุณ
    • ใช้จ่ายค่าวัตถุดิบ/แรงงาน ทันรอบ
    • ไม่ต้องกู้ก้อนยาวเกินจำเป็น ตรงนิยาม สินเชื่อระยะสั้น / เงินทุนระยะสั้น
    • สเกลง่าย “ตามยอดขาย” — มีใบแจ้งหนี้มากเท่าไร ก็มีฐานให้เปลี่ยนเป็นเงินสดได้มากเท่านั้น
ถ้าอยากดูขั้นตอนเอกสาร/ตัวอย่างคำนวณแบบละเอียด กดดูที่ ค่าธรรมเนียมและสัดส่วนAdvance
โดยทั่วไปมี 2 ส่วนหลัก


โฟลว์การทำงาน (สั้น กระชับ เข้าใจได้ทันที)
    1. ยื่นเอกสาร: ใบกำกับภาษี/ใบส่งของ/PO/สัญญา + ข้อมูลลูกค้าปลายทาง
    2. ตรวจเครดิตลูกหนี้การค้า: ผู้ให้บริการดู “ความน่าเชื่อถือของผู้ซื้อ” เป็นหลัก
    3. รับเงินล่วงหน้าบางส่วน: โอนเข้ากิจการคุณ ใช้หมุนงานต่อ
    4. เคลียร์ยอดเมื่อถึงกำหนด: ปลายทางจ่ายครบ → รับส่วนที่เหลือหลังหักค่าธรรมเนียม
ต้นทุนคิดยังไงคร่าว ๆ?
โดยมากคิดเป็น “ค่าธรรมเนียม/ดอกเบี้ยรายวัน” ตามจำนวนวันที่รอรับชำระ ถ้ารอ 30 วัน ต้นทุนก็จะอิงช่วงเวลานั้น ยิ่งรอนานยิ่งสูงขึ้น หลักคิดคือต้องเทียบ “ค่าธรรมเนียม” กับ “กำไรจากออเดอร์ที่ทำต่อได้” — ถ้ากำไรจากการหมุนงานต่อ เกิน ค่าธรรมเนียม แปลว่า คุ้ม ในเชิงธุรกิจ

เหมาะเมื่อไร / ยังไม่เหมาะเมื่อไร (มุมวิเคราะห์เจ้าของกิจการ)
เหมาะมาก ถ้า:
    • ลูกค้าปลายทางเป็น องค์กร/บริษัทเครดิตดี เอกสารครบ ตรวจสอบย้อนกลับได้
    • คุณมี “ยอดขายจริง” แต่ ติดรอบเงิน ทำให้เงินสดไม่พอเร่งผลิต/เติมสต็อก/จ่ายทีม
    • มาร์จินต่อออเดอร์พอรับค่าธรรมเนียมได้ และได้โอกาสทำงานเพิ่มจริง
ยังไม่เหมาะ ถ้า:
    • เอกสารไม่ครบ/ข้อพิพาทบ่อย ตรวจเครดิตลำบาก → เสี่ยงอนุมัติยาก/ต้นทุนสูง
    • มาร์จินบางมากจนแทบไม่มีพื้นที่สำหรับค่าธรรมเนียม
    • ใช้ทดแทนวินัยการเก็บเงินทั้งหมด จนกลายเป็นพึ่งพาแบบถาวร (ควรพัฒนาวินัยควบคู่)

เคสจริงสั้น ๆ จากสนาม
    • เอเจนซี่ B2B: ปิดงานสิ้นเดือน แต่ลูกค้าจ่าย 60 วัน → ใช้แฟคตอริ่งกับบิลใหญ่ เพื่อดึงเงินมา จ่ายเงินเดือน/ตั้งทีมโปรเจกต์ใหม่ ไม่ให้โอกาสหลุด
    • ซัพพลายเออร์โรงงาน: ต้องวางเงินวัตถุดิบวันนี้ แต่รอเงินลูกค้าเดือนหน้า → ใช้แฟคตอริ่งกับใบแจ้งหนี้ที่ “ส่งของแล้ว” เพื่อ ต่อรอบผลิต ได้ทันที

ข้อดี–ข้อควรระวังแบบรวบรัด
ข้อดี
    • เห็นเงินเร็วขึ้น ไม่ต้องรอรอบเช็คยาว
    • ไม่ผูกหนี้ยาวเกินจำเป็น ตรงคอนเซ็ปต์ เงินทุนระยะสั้น
    • สเกลตามยอดขายจริง ยืดหยุ่นกับธุรกิจที่กำลังโต
ข้อควรระวัง
    • ต้นทุนขึ้นกับ “จำนวนวัน” และ “คุณภาพลูกหนี้การค้า”
    • เอกสารต้องครบ เพื่อให้อนุมัติเร็วและต้นทุนไม่บาน
    • ต้องวางแผนเงินสด/เครดิตเทอมควบคู่ ไม่ใช่แก้ปลายเหตุอย่างเดียว

เช็กลิสต์ก่อนเริ่ม (เพื่อผ่านไว ต้นทุนเหมาะสม)
    • รายการ ลูกหนี้การค้า ที่ชัดเจน (ชื่อบริษัท วงเงิน เงื่อนไขจ่าย)
    • เอกสาร PO/ใบส่งของ/ใบกำกับภาษี ครบชุด
    • ประวัติการชำระเงินของลูกค้าปลายทาง (จ่ายตามนัด/จ่ายช้าแค่ไหน)
    • แผนการใช้เงินและรอบงานที่ต้อง “เร่งเครื่อง” เมื่อได้เงินเข้ามา

สรุป
ถ้าธุรกิจคุณ ขายเชื่อ–ยอดขายจริง–เอกสารครบ แต่ติดรอรอบจ่าย แฟคตอริ่ง คือปุ่มลัดที่ช่วย “เปลี่ยน Invoice เป็นเงินสด” เพื่อเติม เงินทุนระยะสั้น ให้ทันรอบงาน ต่อโอกาสการเติบโตได้ทันที ต้นทุนมี แต่ถ้าใช้ถูกจังหวะและคุมเกมดี คุ้ม ในมุมธุรกิจแน่นอน
อ่านฉบับเต็ม (ขั้นตอน–เอกสาร–ตัวอย่างคำนวณ) ได้ที่
สินเชื่อแฟคตอริ่งเหมาะกับกิจการแบบใดบ้าง
เงินทุนเสริมสภาพคล่องกิจการสำหรับธุรกิจ SMEs และธุรกิจทั่วไป จัดหาแหล่งเงินกู้และสินเชื่อธุรกิจ,สินเชื่อSMEวงเงินสูง สำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อกิจการ
https://www.notion.so/29090c65beda80fd95ffd30df2eca8a0?source=copy_link


2

ธุรกิจขายดี มีลูกค้าเข้าตลอด แต่พอไปขอ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ กลับถูกปฏิเสธ เพราะ “ไม่มีแผนการเงิน”

เคสที่ผมเจอล่าสุดคือเจ้าของกิจการนำเข้าสินค้าจากจีนรายหนึ่ง —
เขานำเข้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและของใช้ในครัวจากกวางโจว ขายผ่านช่องทางออนไลน์และตัวแทน
รายได้เฉลี่ยเดือนละ 800,000–900,000 บาท
แต่กลับต้องเผชิญปัญหา “เงินขาดมือ” อยู่เป็นประจำ ทั้งที่ยอดขายไม่ได้ตก

เหตุผลนั้นง่ายแต่ร้ายแรง — เขา “ไม่มีแผนกระแสเงินสด”
ทุกครั้งที่สั่งของจากจีน ต้องจ่ายล่วงหน้าเต็มจำนวน
แต่กว่าจะรับเงินจากลูกค้าในประเทศได้จริง ต้องรออีกเกือบ 2 เดือน

ช่องว่าง 45–60 วันนี้กลายเป็นหลุมเงินสดที่กัดกินสภาพคล่องโดยไม่รู้ตัว
และเมื่อไม่มีเอกสารแสดงแผนการใช้เงินชัดเจน
คำตอบจากธนาคารคือคำว่า “ไม่ผ่านการอนุมัติสินเชื่อ”
1. เพราะธนาคารปี 2568 “ดูอนาคตของคุณ” มากกว่าอดีต

หนึ่งในแนวโน้มสำคัญของปีนี้คือ สถาบันการเงินไทยเริ่มปรับระบบประเมินสินเชื่อให้เน้น “ศักยภาพปัจจุบัน”
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า ในปี 2568 ระบบ Credit Scoring ถูกปรับให้รวมพฤติกรรมการใช้บัญชี
การจ่ายตรงเวลา และกระแสเงินสดในบัญชีธุรกิจเข้ามาเป็นตัวชี้วัดสำคัญ

ซึ่งหมายความว่า —

ธนาคารไม่ได้ดูว่าคุณเคยพลาดมากี่ครั้ง แต่ดูว่าคุณกำลังบริหารเงินอย่างไรในวันนี้

ดังนั้นการมี “แผนการเงิน” ที่แสดงให้เห็นว่า เงินกู้จะถูกนำไปใช้ทำอะไร คืนเมื่อไหร่ และสร้างรายได้กลับมาเท่าไร
คือสิ่งที่ช่วยให้คุณเข้าถึง แหล่งเงินทุน ได้ง่ายกว่าเดิม

โดยเฉพาะผู้ขอ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก หรือ สินเชื่อไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
แผนการเงินที่ดีจะช่วยลดความเสี่ยงในมุมมองของผู้ให้กู้ และเปลี่ยนภาพคุณจาก “ผู้ขอกู้” เป็น “คู่ค้าทางการเงิน”

2. เพราะการไม่มีแผน อาจทำให้ใช้เงินผิดประเภท

ผมเคยเห็นหลายกรณีที่ธุรกิจใช้สินเชื่อระยะยาว (Term Loan) มาหมุนจ่ายค่าแรงและวัตถุดิบระยะสั้น
ผลคือ “เงินต้น” ยังไม่ทันลด แต่ดอกเบี้ยกลับบานขึ้นทุกเดือน

หรือในทางกลับกัน บางคนใช้วงเงินหมุนเวียน OD ไปซื้อเครื่องจักร —
เงินหมดเร็ว แต่รายได้จากเครื่องจักรยังไม่เข้ามา

ทั้งหมดนี้เกิดจากการ “ไม่แยกวัตถุประสงค์ทางการเงินให้ชัด”
ซึ่งการวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้คุณเห็นว่า เงินก้อนนี้ควรใช้เพื่ออะไร
และควรจับคู่กับสินเชื่อประเภทไหนให้ตรงงาน เช่น

สินเชื่อหมุนเวียน (Working Capital) สำหรับจ่ายค่าแรง วัตถุดิบ หรือสต็อก

สินเชื่อเพื่อการลงทุน (Term Loan) สำหรับซื้อเครื่องจักรหรือขยายกิจการ

เมื่อใช้สินเชื่อให้ตรงประเภท กระแสเงินสดของคุณจะสมดุล และลดภาระดอกเบี้ยโดยไม่รู้ตัว

3. เพราะการมีแผน ช่วยให้ได้วงเงิน “พอดีกับศักยภาพจริง”

ธนาคารไม่ได้ต้องการให้คุณกู้มากที่สุด — แต่ต้องการให้คุณ “กู้พอดีที่สุด”
ตัวชี้วัดที่ใช้คือ DSR (Debt Service Ratio) และ DSCR (Debt Service Coverage Ratio)

DSR: ภาระหนี้รวมต่อรายได้เฉลี่ยต่อเดือน (ควรไม่เกิน 60%)

DSCR: อัตราความสามารถชำระหนี้จากกำไรสุทธิ (ควรเกิน 1.2)

ตัวเลขเหล่านี้จะคำนวณได้เฉพาะเมื่อคุณมี “แผนกระแสเงินสด” ชัดเจน
การจัดทำแผนนี้ทำให้ธนาคารมั่นใจว่าคุณจะผ่อนชำระได้จริง
และในบางกรณี ยังช่วยให้ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าผู้ที่ไม่มีแผนประกอบการขอสินเชื่อ

4. เพราะ “แผนการเงิน” คือหลักฐานความน่าเชื่อถือ

จากประสบการณ์ของผม ผู้ประกอบการที่มีงบการเงินเรียบร้อย มักได้รับการอนุมัติเร็วกว่าคนที่ถือแต่เอกสาร
เพราะแผนการเงินคือเครื่องพิสูจน์ความเข้าใจของเจ้าของกิจการเอง

ในยุคที่ สถาบันการเงินใช้ระบบดิจิทัลและ NDID ตรวจสอบข้อมูลได้ภายในไม่กี่นาที
“ความโปร่งใส” กลายเป็นหลักฐานสำคัญแทน “ทรัพย์ค้ำ”
ธุรกิจที่มี Statement, ยอดขาย POS, และงบกระแสเงินสด 6–12 เดือน
จะกลายเป็น “ลูกค้าคุณภาพ” ในทันที

Insight จากที่ปรึกษาสินเชื่อหลายแห่งยืนยันว่า:

“ปี 2568 เป็นปีที่ข้อมูลกลายเป็นหลักทรัพย์ ถ้าธุรกิจมีข้อมูลดี ก็เข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย แม้ไม่มีที่ดินค้ำประกัน”

5. มุมมองผู้เชี่ยวชาญ: แผนการเงินที่ดีต้อง “มองเห็นอนาคตได้”

หลายคนคิดว่าแผนการเงินคือเอกสาร Excel 2 หน้า แต่ในมุมมองธนาคาร มันคือ “แผนที่ของธุรกิจ”

สิ่งที่ผู้ให้กู้ต้องการเห็นคือ 3 เรื่อง:

รายได้ที่เป็นจริง — ไม่ต้องสูงเกินจริง แต่ต้องมีหลักฐาน เช่น Statement หรือ POS

ค่าใช้จ่ายที่สอดคล้องกับรายได้ — เห็นภาพว่าใช้เงินอย่างมีเหตุผล

แผนรับมือความเสี่ยง — ถ้ายอดขายลด 20% หรือวัตถุดิบแพงขึ้น 10% ธุรกิจยังอยู่ได้ไหม

การวางแผนล่วงหน้าแบบนี้ทำให้ผู้กู้ “รู้ตัวก่อนธนาคารรู้” ว่าจะมีจุดไหนที่ต้องเสริมสภาพคล่อง

6. กรณีศึกษา: ธุรกิจนำเข้าสินค้าจากจีนที่เปลี่ยนชีวิตด้วย “แผนใหม่ก่อนรีไฟแนนซ์”

เจ้าของกิจการนำเข้าสินค้าจากจีนรายหนึ่ง — ผู้ที่กล่าวถึงตอนต้น —
หลังถูกปฏิเสธสินเชื่อรอบแรก เขากลับมาวางแผนใหม่โดยเริ่มจากข้อมูลจริงทั้งหมด
เราเริ่มช่วยเขาจัดทำ “แผนรีไฟแนนซ์สินเชื่อ SME” ที่แสดงให้เห็นภาพรอบเงินสดของกิจการชัดเจน

เขาจัดทำ

ตาราง Cash Flow 12 เดือนล่วงหน้า

แผน การชำระซัพพลายเออร์จีนและค่าขนส่งแยกรายรอบ

และแผน บริหารวงเงินใหม่หลังรีไฟแนนซ์ เพื่อให้ตรงกับรอบนำเข้าแต่ละเดือน

เมื่อครบ 3 เดือน เขายื่นขอ สินเชื่อไม่มีหลักประกันวงเงิน 1.5 ล้านบาท
เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เก่าและเพิ่มทุนหมุนเวียนในรอบนำเข้า

ผลลัพธ์คือ ธนาคารอนุมัติภายใน 14 วัน พร้อมลดอัตราดอกเบี้ยลงกว่า 20%
ภายในครึ่งปี เขาเพิ่มรอบนำเข้าได้จากเดือนละ 1 ครั้งเป็น 2 ครั้ง
และสามารถเจรจากับซัพพลายเออร์ให้เครดิตเทอมเพิ่มอีก 15 วัน
รายได้เติบโตขึ้นกว่า 40% ภายในเวลาไม่ถึงปี

เขายิ้มแล้วพูดกับผมว่า

“ผมเคยคิดว่ายอดขายดีพอแล้ว แต่จริง ๆ ต้องมียอดขาย + แผนเงิน ถึงจะไปต่อได้”
7. ข้อดี–ข้อเสียของการวางแผนก่อนขอสินเชื่อ
ข้อดี   ข้อเสีย / สิ่งที่ต้องระวัง
✅ เพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อ   ⚠️ ต้องใช้เวลาเตรียมข้อมูลอย่างน้อย 1–2 เดือน
✅ ได้วงเงินและอัตราดอกเบี้ยเหมาะสม   ⚠️ ถ้าแผนไม่อัปเดต อาจไม่ตรงกับสภาพจริง
✅ สร้างภาพลักษณ์ธุรกิจน่าเชื่อถือ   ⚠️ ต้องรักษาวินัยทางการเงินต่อเนื่อง
✅ วางระบบบัญชีธุรกิจให้ยั่งยืน   ⚠️ ต้องเข้าใจตัวเลขพื้นฐาน เช่น DSCR, DSR
สรุป: แผนการเงิน คือก้าวแรกของการเข้าถึง “แหล่งเงินทุน” อย่างมั่นคง

การวางแผนทางการเงินไม่ใช่เอกสารที่ทำเพื่อให้ธนาคารดูเท่านั้น
แต่เป็นกระจกสะท้อนศักยภาพของธุรกิจเราเอง

ในปี 2568 ที่การแข่งขันสูงและแหล่งทุนมีตัวเลือกมากขึ้น ทั้งธนาคารและ Non-Bank
ธุรกิจที่มี “ข้อมูลชัด” และ “แผนการใช้เงินโปร่งใส” จะได้เปรียบมากที่สุด

ก่อนยื่นขอสินเชื่อSMEไม่มีหลักทรัพย์2568
ลองถามตัวเองก่อนว่า —

“เรามีแผนที่ชัดเจนพอจะให้คนอื่นเชื่อมั่นหรือยัง?”

เพราะสุดท้ายแล้ว สินเชื่อที่ดีไม่ใช่แค่ “เงินที่ได้มา”
แต่คือ “โอกาสที่เราใช้เงินนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 emo56 อยากเข้าใจขั้นตอนการวางแผนอย่างมืออาชีพมากขึ้น
อ่านต่อที่บทความเต็มได้ที่ การวางแผนการเงินก่อนขอสินเชื่อ

3



ในโลกธุรกิจอาหารที่ต้นทุนสูงและการแข่งขันรุนแรงขึ้นทุกปี ผู้ประกอบการจำนวนมากมักเจอปัญหา “ยอดขายดีแต่กำไรน้อย”
โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2568 ที่วัตถุดิบ ค่าจ้างแรงงาน และค่าเช่าสถานที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง ร้านอาหารที่อยู่รอดได้จึงไม่ใช่ร้านที่ขายดีที่สุด แต่คือร้านที่ “บริหารรายได้อย่างฉลาด”
หนึ่งในแนวทางที่เริ่มเห็นชัดในหมู่ผู้ประกอบการรุ่นใหม่คือ “กลยุทธ์กำไรซ่อนเร้น” — การสร้างกำไรจากสิ่งที่ลูกค้าไม่ได้สังเกต เช่น เมนูเสริม (Upsell), ระบบหลังบ้าน POS, หรือบริการเล็ก ๆ ที่เพิ่มรายได้โดยไม่ต้องขยายโต๊ะเพิ่มเลยแม้แต่ตัวเดียว

ทำไมร้านอาหารยุคนี้ต้องมีกลยุทธ์ “กำไรซ่อนเร้น”
หากย้อนดูธุรกิจระดับโลกอย่าง McDonald’s หรือ Starbucks จะพบว่า กำไรจริงของพวกเขาไม่ได้มาจากเมนูหลัก
McDonald’s สร้างรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ที่ให้แฟรนไชส์เช่าทำร้าน ส่วน Starbucks ทำกำไรส่วนใหญ่จากเมนูเสริม เช่น ขนม เบเกอรี่ และของที่ระลึก
ในไทยเอง หลายร้านกาแฟหรือร้านอาหารเริ่มใช้แนวคิดเดียวกัน เช่น
    • ร้านอาหารญี่ปุ่น ที่ขายชุดอาหารกลางวันราคาคุ้ม แต่กำไรสูงจากชาเขียวและของหวาน
    • ร้านเหล้า–ร้านคาเฟ่ ที่กำหนดราคาหลักต่ำเพื่อดึงลูกค้า แต่ชดเชยกำไรด้วยเครื่องดื่มเสริม น้ำแข็ง หรือของทานเล่น
กล่าวง่าย ๆ คือ “รายได้ที่แท้จริง” ของร้านอาหารยุคนี้ มักมาจากสิ่งที่ลูกค้าไม่ทันสังเกต
และนั่นคือเหตุผลที่เจ้าของร้านควรหันมาวางระบบ + ใช้ สินเชื่อไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อเสริมเครื่องมือหลังบ้านให้แข็งแรง

จากสินเชื่อ SME สู่ระบบ POS – จุดเริ่มต้นของข้อมูลกำไร
หลายธุรกิจมักคิดว่า สินเชื่อ SME หรือสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก ใช้ได้เฉพาะการขยายสาขาเท่านั้น
แต่ในความจริง “การลงทุนในระบบหลังบ้าน” เช่น POS (Point of Sale), ระบบสต๊อก และกล้อง AI วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า คือจุดเริ่มต้นของการทำกำไรแบบยั่งยืน
เพราะระบบ POS สามารถบันทึกข้อมูลสำคัญได้มากกว่าแค่ยอดขาย เช่น
    • เมนูไหนขายดีที่สุดในช่วงเวลาไหน
    • ลูกค้ากลุ่มใดชอบมาช่วงเย็นหรือวันหยุด
    • รายการ Upsell ใดทำให้บิลเฉลี่ยต่อคนสูงขึ้น
เมื่อมีข้อมูลเหล่านี้ เจ้าของร้านสามารถใช้วิเคราะห์และวางโปรโมชั่นได้ตรงจุด เช่น เสนอเซ็ต “อาหาร + เครื่องดื่ม” หรือโปรขนมหลังมื้อหลัก ซึ่งมักเพิ่มยอดขายเฉลี่ยต่อบิลได้ 20–35%

กรณีศึกษา – ร้านอาหารท้องถิ่นที่พลิกฟื้นด้วยกลยุทธ์กำไรซ่อนเร้น
หนึ่งในเคสที่ผมเคยให้คำปรึกษา คือ ร้านอาหารไทยฟิวชันในจังหวัดเชียงใหม่
เจ้าของร้านรายนี้เปิดมากว่า 3 ปี มีลูกค้าประจำแน่น แต่กำไรต่อเดือนกลับลดลงเรื่อย ๆ เพราะต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นกว่า 20% และค่าแรงเพิ่มต่อเนื่อง
ผมแนะนำให้เขาเริ่มจาก
    1. ขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก วงเงิน 500,000 บาท จากธนาคาร SME ที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำ
    2. นำเงินส่วนหนึ่ง (~200,000 บาท) ลงทุนระบบ POS เชื่อมกับแอปจัดการสต๊อก
    3. ใช้งบอีกส่วนพัฒนา “เมนูเสริมต้นทุนต่ำแต่กำไรสูง” เช่น ขนมไทย, น้ำสมุนไพร, และเมนู seasonal ที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นราคาถูก
    4. อบรมพนักงานให้ Upsell ทุกโต๊ะ
ภายใน 3 เดือน เขาพบว่า
    • บิลเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 27%
    • กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 38%
    • ของเสียจากวัตถุดิบน้อยลงกว่า 15%
และที่สำคัญ — ลูกค้าประจำมากขึ้นเพราะร้านมีเมนูใหม่หมุนเวียนทุกเดือน

กลยุทธ์ “กำไรซ่อนเร้น” ที่เจ้าของร้านอาหารทำได้ทันที
    1. ใช้สินเชื่อ SME เป็นทุนปรับระบบหลังบ้าน
ไม่ต้องเริ่มใหญ่ ใช้เงินกู้ SME เพียงหลักแสนเพื่อวางระบบ POS และระบบสต๊อกที่ตรวจสอบได้
    2. สร้างเมนู Upsell ที่ต้นทุนต่ำ–กำไรสูง
เช่น น้ำผลไม้, ขนมไทย, หรือเครื่องดื่ม Signature ที่มี Margin สูงกว่า 60%
    3. ฝึกพนักงานให้ขายอย่างเป็นระบบ
ให้เสนอ “เมนูเสริม” ทุกครั้งก่อนเสิร์ฟอาหารหลัก เพื่อเพิ่มบิลเฉลี่ย
    4. ใช้ข้อมูลจากระบบ POS วิเคราะห์เทรนด์ลูกค้า
ดูยอดขายตามช่วงเวลา, วันในสัปดาห์, หรือพฤติกรรมการสั่งซ้ำ เพื่อนำมาปรับโปรโมชั่น
    5. แยกเงินลงทุนออกจากเงินหมุนเวียน
อย่านำเงินหมุนเวียนไปลงทุนอุปกรณ์ยาว ใช้สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็กแทน เพื่อให้กระแสเงินสดไม่สะดุด

ทำไมปี 2568 สินเชื่อเพื่อธุรกิจอาหาร
ถึงน่าสนใจที่สุด
ปี พ.ศ. 2568 ถือเป็นปีที่ธนาคารไทยและสถาบันการเงินหลายแห่งหันมาเน้น สินเชื่อธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มากขึ้น
เนื่องจากภาคบริการ (Service Sector) ขยายตัวกว่า 5.2% ตามข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทย และกลุ่ม SME ค้าปลีก–อาหารมีสัดส่วนกว่า 30% ของธุรกิจทั้งหมดในประเทศ
ผู้ประกอบการที่มีระบบบัญชีชัดเจนและมีข้อมูลกระแสเงินสด (จาก POS หรือ Statement ธุรกิจ) จึงมีโอกาสได้รับอนุมัติวงเงิน สินเชื่อไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้ง่ายขึ้นกว่าช่วงก่อน
โดยเฉพาะธนาคารเฉพาะกิจ เช่น SME D Bank, ธนาคารออมสิน และ Non-Bank ที่มีโปรแกรมสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษสำหรับธุรกิจอาหาร

สรุป – อย่ามองข้ามกำไรเล็ก ๆ ที่สะสมกลายเป็นชัยชนะ
ธุรกิจร้านอาหารที่อยู่รอดในปี 2568 ไม่ใช่ร้านที่ขายดีที่สุด แต่คือร้านที่ รู้ว่าอะไรคือกำไรที่แท้จริงของตัวเอง
การใช้ สินเชื่อ SME อย่างชาญฉลาดเพื่อลงทุนในระบบหลังบ้านและสร้างรายได้ซ่อนเร้น คือการวางรากฐานให้ร้านมีความยั่งยืนในระยะยาว
ไม่ต้องขยายโต๊ะเพิ่ม
ไม่ต้องเพิ่มคน
แค่รู้จัก “วิเคราะห์–ปรับ–และใช้ข้อมูลให้ถูก”
กำไรของคุณจะโตขึ้นอย่างมั่นคง

หากคุณเป็นเจ้าของร้านอาหารหรือผู้ประกอบการขนาดเล็กที่กำลังมองหาแนวทางใช้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก
 ให้เกิดผลสูงสุด
หรืออยากปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อธุรกิจอาหาร
สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมหรือปรึกษาฟรีได้ที่
???? www.easycashflows.com

4


ทำไม OD ถึงเป็นเส้นเลือดใหญ่ของสภาพคล่อง
ในโลกของ เงินทุนหมุนเวียน เครื่องมือที่ช่วย “ยืด–หด” กระแสเงินสดระยะสั้นได้คล่องตัวที่สุดคือ สินเชื่อOD หรือวงเงินเบิกเกินบัญชี จุดเด่นคือจ่ายดอกเบี้ยเฉพาะส่วนที่ใช้จริง ใช้เมื่อของกำลังผลิตออก ใบแจ้งหนี้ยังเก็บไม่ครบ หรือรอบรับเงินลูกค้ายาวจน “เงินนอน” บนลูกหนี้การค้า (AR) สูงเกินพอดี
อย่างไรก็ตาม ความยืดหยุ่นของ สินเชื่อระยะสั้น ประเภทนี้ก็มี “ดาบสองคม” ถ้าตั้งวงเงินเกินจริง หรือใช้เต็มวงเงินแบบถาวร ภาพวินัยการเงินจะดูแย่ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยบวม และที่สำคัญคือ DSCR ถูกกดลงโดยไม่จำเป็น ส่งผลเสียเวลาธนาคารรีวิววงเงินหรือพิจารณา สินเชื่อเพื่อธุรกิจ รอบใหม่

หลักคิดตั้งวงเงิน OD: พอดี = ใช้ได้จริง + ส่งสัญญาณวินัยการเงิน
แนวคิดคือ “ตั้งเท่าที่กิจการต้องการเพื่อพยุงสภาพคล่องช่วงสั้น ๆ” ไม่ใช่ตั้งเพื่ออุดทุกปัญหาระยะยาว วงเงินที่เหมาะสมควรครอบคลุม Fixed Cost รายเดือนและช่องว่างกระแสเงินสด (cash gap) ระหว่าง “จ่ายออกก่อน–รับเงินทีหลัง”
สูตรตั้งต้นที่ใช้งานได้
วงเงิน OD ตั้งต้น ≈ ค่าใช้จ่ายคงที่ต่อเดือน × 1.0–1.5 + สำรอง 10–20%
    • ถ้า “รอบเก็บเงิน” ยาว 60–90 วัน ให้ใช้ ค่าเฉลี่ย 3–6 เดือน และ เพิ่มสำรองไปทาง 20%
    • ตั้งกติกาในองค์กรว่า “ปิด/ลด OD รายไตรมาส” เมื่อยอดเงินสดเริ่มดี เพื่อสะท้อนวินัย (มีผลบวกตอนธนาคารรีวิว)
ตัวอย่างคำนวณ
    • ค่าใช้จ่ายคงที่ 300,000 บาท/เดือน
    • เลือกตัวคูณ 1.2 ⇒ 360,000 บาท
    • เพิ่มสำรอง 10% ⇒ แนะนำวงเงินราว 396,000 บาท
    • หากธุรกิจมีรอบเก็บเงินยาวมาก (90 วัน) ให้ดูค่าเฉลี่ย 6 เดือนและตั้งสำรอง 20% เพื่อกันความผันผวน

OD x AR/Factoring: คู่หูลด “เงินนอน” ให้ DSCR ไม่ถูกบีบ
สินเชื่อOD เหมาะกับช่องว่างสั้น ๆ ขณะที่ Factoring/Invoice Financing เหมาะกับธุรกิจที่มีใบแจ้งหนี้จำนวนมากและรอบเก็บเงินยาว การผสมผสานสองเครื่องมือช่วย “เร่งเงินเข้า” ลดจำนวนวันที่เงินจมในลูกหนี้ ทำให้ดอกเบี้ยรวมทั้งระบบต่ำลง และ DSCR ไม่ถูกบีบจากการใช้ OD ยืดเยื้อ
แนวทางปฏิบัติ:
    • ใบแจ้งหนี้ที่เก็บเงิน 30–45 วัน ใช้ OD ก็พอ
    • ใบแจ้งหนี้ 60–120 วัน ส่งไป Factoring เพื่อลดการพึ่ง OD
    • ตั้ง Policy กระทบยอดรายสัปดาห์: เงินเข้าแล้วรีบปิด OD เพื่อลดดอก และโชว์วินัยการเงิน

5 วินัยใช้ OD แบบมืออาชีพ (เช็กลิสต์สำหรับเจ้าของกิจการ)
    1. กำหนดเพดานใช้จริง ต่ำกว่าวงเงินอนุมัติ 10–20% เพื่อกันเหตุฉุกเฉิน
    2. ปิดรอบ OD รายไตรมาส: เมื่อเงินสดล้นมือ ให้ชำระลดต้น OD ลงอย่างมีนัย
    3. แยกบัญชี OD ใช้เฉพาะทุนหมุนเวียน หลีกเลี่ยงใช้จ่ายกึ่งลงทุน (Capex)
    4. มอนิเตอร์ดอกเบี้ยเฉลี่ย/เดือน ถ้าสูงผิดปกติ = สัญญาณว่าคุณพึ่ง OD มากเกินไป
    5. โยงตัวเลข OD เข้ากับ DSCR รายเดือน ทำตารางง่าย ๆ: เงินสดคงเหลือ ÷ ค่างวดรวม ≥ 1.2
นิยาม DSCR: “เงินสดคงเหลือต่อเดือน ÷ ค่างวดต่อเดือน”
ตัวอย่าง: เงินสดคงเหลือ 120,000 บาท/เดือน, ค่างวด 90,000 ⇒ DSCR = 1.33 (ผ่าน 1.2)

กรณีที่ OD “ไม่ใช่คำตอบ” (และควรพิจารณาเครื่องมืออื่น)
    • ต้องใช้เงินก้อนซื้อเครื่องจักร/รีโนเวทร้าน → ใช้ Term Loan ดีกว่า OD
    • ต้องเติมสต็อกใหญ่ตามฤดูกาล → พิจารณา สินเชื่อระยะสั้น แบบวงรอบ (Revolving) ที่ต้นทุนถูกกว่า
    • มี PO เดินหน้าต่อเนื่อง แต่รอบเก็บเงินยาว 90–120 วัน → เพิ่มสัดส่วน Factoring แทนการลาก OD ยาว ๆ

มุมมองส่วนตัวของที่ปรึกษา: “OD ไม่ได้มีไว้ให้ใช้เต็ม—มีไว้ให้ใช้เป็น”
จากประสบการณ์ที่เดินร้าน/โรงงานมาหลายปี ผมเห็นสองภาพสุดขั้วอยู่บ่อย ๆ
    • ฝั่งหนึ่ง “กลัวดอกเบี้ย” จนไม่กล้าใช้ OD แล้วปล่อยให้การผลิตสะดุด สุดท้ายเสียโอกาสขาย
    • อีกฝั่ง “OD คือกระเป๋าเงินตลอดกาล” ใช้เต็มวงเงินทุกเดือนจนชิน กระแสเงินสดบานปลาย ไร้แผนปิดรอบ ผลคือ DSCR ต่ำเรื้อรัง
บทเรียนคือ OD เป็นเบรกมือฉุกเฉิน + คันเร่งจังหวะสั้น ไม่ใช่ “ปั๊มหายใจถาวร” การตั้งวงเงิน “พอดี” และมีกติกาปิด/ลดตามรอบคือสัญญาณวินัยที่ธนาคารรัก และเจ้าของกิจการสบายใจ

Case Study 1: โรงคั่วกาแฟ SME – เติมลมหายใจช่วงฤดูกาลด้วย OD + Factoring
บริบท: โรงคั่วขนาดเล็ก–กลาง รับออร์เดอร์ร้านกาแฟ 40 แห่ง สภาพคล่องตึงช่วง Q4 เพราะลูกค้าขยายสาขาพร้อมกัน ใบแจ้งหนี้ส่วนใหญ่ 60–90 วัน
สิ่งที่ทำ:
    • ตั้งวงเงิน สินเชื่อOD ตามสูตร: Fixed Cost 450,000/เดือน × 1.2 = 540,000 + สำรอง 20% ⇒ แนะนำวงเงิน ~648,000 บาท
    • ใบแจ้งหนี้รอบ 90 วัน ส่งเข้าระบบ Factoring 50% ของยอด เพื่อเร่งเงินเข้า
    • ตั้ง กติกาปิดรอบ OD รายไตรมาส: เมื่อเงินเข้า bulk ให้นำส่วนหนึ่งไปลดต้น OD
ผลลัพธ์:
    • ต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ย/เดือนลดลง ~18% เมื่อเทียบกับการลาก OD อย่างเดียว
    • DSCR จาก 1.05 → 1.28 ภายใน 2 ไตรมาส ธนาคารรีวิววงเงินผ่านฉลุย พร้อมข้อเสนอปรับอัตราดอกเบี้ยลงเล็กน้อย

Case Study 2: ผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์อาหาร – OD เต็มวงเงินทุกเดือน จนพัง
บริบท: ใช้ OD เต็ม 1.5 ล้านบาททุกเดือนเพื่อซื้อวัตถุดิบ รอบเก็บเงิน 75–90 วัน ไม่มีนโยบายปิดรอบ
ปัญหา:
    • ดอกเบี้ยเฉลี่ย/เดือนสูงผิดปกติ กระแสเงินสดตึง
    • DSCR หลุดต่ำกว่า 1.0 บางเดือน ทำให้ธนาคารตั้งข้อสังเกตตอนรีวิววงเงิน
ทางแก้:
    • ลดวงเงิน OD ลงทีละขั้นและเพิ่ม สินเชื่อระยะสั้น แบบวงรอบสำหรับฤดูกาล
    • เริ่มใช้ Factoring กับลูกค้าหลัก 3 ราย
    • วางตารางปิด OD รายไตรมาสพร้อม KPI ฝ่ายการเงิน
ผลลัพธ์: 6 เดือนถัดมา DSCR เฉลี่ยขึ้นเป็น 1.22–1.30, ธนาคารคลายกังวลและเปิดทาง สินเชื่อเพื่อธุรกิจ เพื่อรีโนเวทไลน์ผลิต (ไม่ใช้ OD ผิดประเภทอีกต่อไป)

สรุปให้นำไปใช้ทันที
    • ตั้งวงเงิน สินเชื่อodแบบพอดี = Fixed Cost × 1.0–1.5 + สำรอง 10–20% (ยิ่งรอบเก็บเงินยาว ยิ่งใช้ค่าเฉลี่ยหลายเดือน + สำรองสูงขึ้น)
    • ผสม OD กับ AR/Factoring เพื่อเร่งเงินเข้า ลด “เงินนอน” และคุมดอกเบี้ยรวม
    • ตั้งวินัยปิด/ลด OD รายไตรมาส เพื่อยืนยันภาพการเงินที่แข็งแรง
    • ผูก OD เข้ากับ DSCR ให้ ≥ 1.2 ในกรณีฐาน และมีแผนสำรองเมื่อยอดขายแกว่ง
    • จำไว้ว่า สินเชื่อOD คือเครื่องมือ เงินทุนหมุนเวียน ที่ทรงพลัง—ถ้าใช้ “เป็น” จะช่วยให้ธุรกิจลื่นไหล เติบโตได้ โดยไม่กลายเป็นภาระถาวร

5



วิเคราะห์กลยุทธ์ “ศิลปะซ่อนกำไร” สำหรับร้านอาหารปี 2568 ใช้ POS เก็บข้อมูล + เมนู Upsell + สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน พลิกกำไรอย่างยั่งยืน

“ศิลปะซ่อนกำไร” ศาสตร์ลับที่ SME ต้องเข้าใจ

คุณเคยสังเกตไหมว่า ร้านอาหารบางร้านขายเมนูหลักใกล้เคียงกับเรา แต่ทำไมกำไรถึงสูงกว่า? นั่นเพราะเขาไม่ได้พึ่งรายได้จากเมนูหลักเพียงอย่างเดียว แต่ใช้สิ่งที่เรียกว่า “ศิลปะซ่อนกำไร” หรือ Hidden Profit Strategy

ในโลกแฟรนไชส์และธุรกิจอาหารระดับสากล ศิลปะนี้ถูกใช้มานาน เช่น McDonald’s ที่กำไรจริงไม่ได้มาจากเบอร์เกอร์ แต่จากการถือครองอสังหาริมทรัพย์ หรือร้านเหล้าไทยที่ขายเหล้าถูก แต่ทำกำไรจริงจากน้ำแข็งและมิกเซอร์

สำหรับปี 2568 ที่ต้นทุนวัตถุดิบ ค่าแรง และพลังงานสูงขึ้น การพึ่งพาเมนูหลักอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป ร้านอาหาร SME ไทยต้องหันมามองหา “ศิลปะซ่อนกำไร” ของตัวเอง และหนึ่งในเครื่องมือสำคัญคือ การลงทุนด้วย สินเชื่อsmeไม่มีหลักประกัน เพื่อสร้างระบบหลังบ้านและกลยุทธ์ Upsell ที่ทำให้กำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด

ตัวอย่างศิลปะซ่อนกำไรในโลกจริง

McDonald’s — กำไรจริงมาจากอสังหา
McDonald’s ใช้โมเดล “Sonneborn Model” โดยถือครองที่ดินและอาคารกว่า 70% ของสาขาทั่วโลก แล้วเก็บค่าเช่าและค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์ ปัจจุบันกว่า 35% ของรายได้รวมมาจากอสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่อาหาร

ร้านเหล้าไทย — เหล้าถูก แต่มิกเซอร์ทำเงิน
ร้านเหล้ามักขายขวดในราคาที่ลูกค้ารับได้ แต่กำไรสูงจริง ๆ มาจากน้ำแข็งและมิกเซอร์ที่มาร์จิ้น 20–30% สูงกว่าเครื่องดื่มหลัก

ร้านกาแฟใหญ่ — กาแฟเรียกลูกค้า แต่กำไรจากเมนูน่ารัก
ต้นทุนกาแฟสูง แต่เมนูขนมหวานหรือเครื่องดื่มเย็นให้กำไรขั้นต้นถึง 65–70% ทำให้ร้านกาแฟใหญ่มี margin เฉลี่ยสูงกว่าร้านเล็กเกือบ 3 เท่า

Insight ปี 2568: ทำไมร้านอาหารไทยต้องใช้ศิลปะซ่อนกำไร

รายงานจากสมาคมร้านอาหารปี 2568 ระบุว่า 70% ของต้นทุนกาแฟ ในไทยหมดไปกับวัตถุดิบและแรงงาน เหลือกำไรเพียงน้อยนิด หากไม่มี Upsell หรือรายได้เสริม ร้านจำนวนมากอยู่ไม่รอด

ในยุคนี้ “กำไรซ่อน” ไม่ใช่แค่กลยุทธ์เสริม แต่คือ “เงื่อนไขการอยู่รอด” ของธุรกิจอาหารและแฟรนไชส์ การใช้ สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ 2568 เพื่อลงทุนในระบบข้อมูล การอบรมทีมงาน และการสร้างเมนู Upsell คือก้าวสำคัญที่ทำให้ SME ไทยแข่งขันได้จริง

ศิลปะซ่อนกำไรยุคใหม่: POS + Upsell + Data
1) ลงทุนระบบ POS และ AI ด้วยสินเชื่อ SME

แทนที่จะเสี่ยงเอาที่ดินไปค้ำ เจ้าของกิจการสามารถเลือกใช้ สินเชื่อ SME วงเงินสูง แบบไม่มีหลักประกัน มาลงทุนระบบ POS และกล้อง AI วิเคราะห์ลูกค้า ระบบเหล่านี้ช่วยเก็บข้อมูลว่าใครคือกลุ่มลูกค้าหลัก สั่งอะไรซ้ำบ่อย และช่วงเวลาไหนขายดีที่สุด

2) ออกแบบเมนู Upsell ต้นทุนต่ำ กำไรสูง

เมนูเครื่องดื่มหรือขนมหวานที่ต้นทุนเพียง 10–15 บาท แต่ขายได้ 30–40 บาท สามารถสร้าง margin สูงถึง 70–80% เช่น น้ำชาเย็น ขนมไทย หรือเมนูขนมโฮมเมด

3) อบรมพนักงานขายเชิงรุก

การทำ Upsell โดยแนะนำเมนูเสริมก่อนปิดการขาย สามารถเพิ่มค่าเฉลี่ยบิลขึ้น 20–40% ภายในไม่กี่เดือน

4) ใช้ข้อมูลเพื่อลดต้นทุนซ่อนเร้น

ระบบ POS ยังช่วยลดของเสียจากการสต๊อกวัตถุดิบผิดพลาดได้ 15–20% ทำให้เงินกู้ที่ลงทุนไปคืนทุนเร็วขึ้น

เชื่อมโยงกับกลยุทธ์การเงินและสินเชื่อ

การสร้างศิลปะซ่อนกำไรไม่สามารถทำได้ถ้าไม่มีเงินทุนหมุนเวียนที่เพียงพอ นี่คือเหตุผลที่ สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักประกัน กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในปี 2568

SME ที่มี แผนการเงินชัดเจน และ DSCR ≥ 1.2 มักได้รับการอนุมัติวงเงินสูงขึ้น

บางธนาคารและฟินเทคปล่อยกู้ได้ถึง 5–20 ล้านบาท สำหรับธุรกิจอาหารที่มีศักยภาพ

สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ 2568 ไม่ได้ใช้ได้แค่เสริมสภาพคล่อง แต่ยังลงทุนระบบ POS, การตลาด หรือรีโนเวตร้านได้จริง

กลยุทธ์เชิงลึก: ทำไมต้องลงทุนตอนนี้?

การแข่งขันรุนแรง: ร้านอาหารใหม่เปิดมากขึ้น แต่ลูกค้ามีงบจำกัด

ต้นทุนผันผวน: ราคาวัตถุดิบและค่าแรงปี 2568 สูงขึ้นต่อเนื่อง

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนเร็ว: ลูกค้ารุ่นใหม่ชอบเมนู customizable และประสบการณ์ร้านที่ทันสมัย

นี่จึงเป็นโอกาสของเจ้าของ SME ที่พร้อมใช้ ศิลปะซ่อนกำไร ผ่านการลงทุนเชิงกลยุทธ์และการใช้เงินกู้ให้ถูกจุด

สรุป: พลิกเกมธุรกิจด้วยศิลปะซ่อนกำไร + สินเชื่อsme

“ศิลปะซ่อนกำไร” ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ แต่คือ เครื่องมือเอาตัวรอดในปี 2568 ร้านอาหารที่ใช้ระบบ POS เก็บข้อมูล ออกแบบเมนู Upsell ต้นทุนต่ำ กำไรสูง และใช้สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อลงทุน จะสามารถสร้าง กำไรซ่อน ที่ยั่งยืนได้

???? หากคุณคือเจ้าของร้านอาหารหรือแฟรนไชส์ที่อยากสร้าง “ศิลปะซ่อนกำไร” ของตัวเอง ศึกษาและปรึกษาได้ที่ www.easycashflows.com

6

 ^-^ วงเงินหมุนเวียน (OD / Revolving): โครงสร้างสินเชื่อที่ “เข้าทาง” ร้านอาหาร


ธุรกิจร้านอาหารคือหนึ่งในกิจการที่ “เงินสดคือเส้นเลือดใหญ่” ทุกวันต้องซื้อวัตถุดิบสด จ่ายค่าแรง จ่ายค่าน้ำค่าไฟ และยังต้องกันงบไว้ทำการตลาดดึงลูกค้า การบริหารเงินสดให้เพียงพอจึงเป็นความท้าทายอันดับต้น ๆ ของผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2568 ที่ต้นทุนดำเนินงานสูงขึ้นจากทั้งค่าแรงขั้นต่ำ ค่าพลังงาน และค่าเช่า
https://www.easycashflows.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A0%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%88/%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%ADod">สินเชื่อOD[/url] (OD / Revolving Credit) เพราะออกแบบมาเพื่อใช้หมุนเวียนระยะสั้น คิดดอกเบี้ยเฉพาะยอดที่ใช้จริง และตอบโจทย์รอบการเงินของร้านอาหารที่ต้องใช้จ่ายถี่แต่รายได้บางครั้งเข้าช้า

โครงสร้างวงเงินหมุนเวียนที่เหมาะกับร้านอาหาร

วงเงินหมุนเวียนไม่ใช่สินเชื่อที่กู้ครั้งเดียวแล้วผ่อนยาวเหมือนเทอมโลน แต่คือ สินเชื่อระยะสั้้น ที่ธนาคารอนุมัติให้เจ้าของร้านสามารถใช้เมื่อจำเป็น และโปะคืนเมื่อมีรายได้เข้า จุดเด่นคือความยืดหยุ่นและความเร็วในการใช้–คืน

การใช้จริงในธุรกิจร้านอาหาร

▶ ซื้อวัตถุดิบสด เนื้อ ผัก นม ต้องซื้อแทบทุกวัน แต่เงินจากแพลตฟอร์มเดลิเวอรีอาจเข้าช้า วงเงิน OD จึงช่วยเชื่อมช่วงว่างนี้
▶ จ่ายค่าแรงและโอที พนักงานครัวหรือเสิร์ฟมักต้องการเบิกล่วงหน้า หากกระแสเงินสดไม่พอ สามารถใช้ OD ช่วยสำรองได้
▶ ค่าเดลิเวอรีและบรรจุภัณฑ์ กล่องใส่อาหารและแก้วมักต้องสั่งล็อตใหญ่เพื่อให้ได้ราคาต้นทุนถูก OD ช่วยให้สั่งได้โดยไม่กระทบเงินสด
▶ ค่าน้ำ ไฟ และแก๊ส ค่าใช้จ่ายคงที่ที่ต้องจ่ายตรงเวลา หากจ่ายช้า ร้านสะดุดทันที
▶ ทำโปรโมชันสั้น ๆ เช่น Flash Sale, 1 แถม 1 หรือซื้อโฆษณาออนไลน์ การมี OD ทำให้ตัดสินใจลงทุนได้เร็ว

Insight: ทำไม OD “เข้าทาง” ร้านอาหาร

▶ สอดคล้องกับรอบเงินสดจริง ร้านอาหารรับเงินสดเร็วแต่ก็มีค่าใช้จ่ายถี่ OD จึงทำหน้าที่เป็น “สะพานเชื่อม”
▶ ดอกเบี้ยคิดรายวัน ผู้กู้เสียดอกเบี้ยเฉพาะยอดที่ใช้ และคำนวณเป็นรายวัน หากวันรุ่งขึ้นโปะคืน ดอกเบี้ยแทบเป็นศูนย์
▶ หมุนใช้ได้หลายรอบ ไม่เหมือนสินเชื่อระยะยาวที่กู้ครั้งเดียวแล้วทยอยผ่อน OD สามารถใช้–คืนได้เรื่อย ๆ ตลอดอายุสัญญา (ส่วนใหญ่ 1 ปี และต่ออายุได้)
▶ ไม่ผูกหนี้ยาว เหมาะกับธุรกิจร้านอาหารที่ยอดขายผันผวนตามฤดูกาล เช่น ร้านย่านออฟฟิศที่คนแน่นวันธรรมดาแต่เงียบวันหยุด

กลยุทธ์ใช้ OD ให้คุ้ม (และไม่เจ็บ)

▶ แยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว เพื่อให้ธนาคารเห็นกระแสเงินสดจริง เพิ่มโอกาสต่ออายุและขอวงเงินสูงขึ้นในอนาคต
▶ ใช้ OD แค่หมุน ไม่ลงทุนยาว หลีกเลี่ยงการใช้ OD ซื้อเครื่องจักรหรือรีโนเวตใหญ่ เพราะจะทำให้ดอกเบี้ยบาน
▶ วางแผนโปะคืนชัดเจน เช่น ใช้ OD ซื้อวัตถุดิบ แล้วโปะคืนทันทีเมื่อแพลตฟอร์มโอนเงิน 15 วันถัดมา → ดอกเบี้ยเสียแค่ 15 วัน
▶ โชว์รายได้ซ้ำและโปร่งใส เช่น รายงานยอดขายจาก POS หรือแพลตฟอร์มเดลิเวอรี ใช้เป็นหลักฐานประกอบการขอเพิ่มวงเงิน

กรณีศึกษา: ร้านอาหารในปี 2568

“ครัวคุณพลอย” ร้านอาหารตามสั่งย่านชานเมือง รายได้หลักมาจากแพลตฟอร์มเดลิเวอรีที่โอนเงินทุก 15 วัน

ปัญหา: ต้องซื้อวัตถุดิบสดทุกวัน แต่เงินเข้าช้า → กระแสเงินสดไม่พอ

ทางออก: ใช้วงเงิน OD 500,000 บาท ดึงมาใช้สำหรับค่าวัตถุดิบและค่าแรง จากนั้นโปะคืนทันทีที่เงินจากเดลิเวอรีเข้าบัญชี

ผลลัพธ์: เสียดอกเบี้ยเฉลี่ยเดือนละเพียง 3,200 บาท แต่ร้านไม่เคยพลาดออร์เดอร์ และยอดขายโตขึ้น 20% ใน 6 เดือน

ตัวเลขที่ควรรู้ (ปี 2568)

▶ ดอกเบี้ย OD SME เฉลี่ยอยู่ที่ 7.5%–11% ต่อปี (คิดเป็นรายวัน)
▶ เงื่อนไขมาตรฐาน: ต้องมีนิติบุคคล งบการเงิน และ Statement ย้อนหลัง 6 เดือนขึ้นไป
▶ หากไม่มีหลักทรัพย์ สามารถใช้การค้ำประกันจาก บสย. (บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสอนุมัติ

เช็กลิสต์เอกสารขอวงเงินหมุนเวียน (OD) สำหรับร้านอาหาร

▶ หนังสือรับรองนิติบุคคล (อายุไม่เกิน 3 เดือน)
▶ งบการเงินย้อนหลัง 1–2 ปี
▶ Bank Statement 6–12 เดือน
▶ รายงานยอดขายจาก POS หรือแพลตฟอร์มเดลิเวอรี
▶ แผนธุรกิจย่อ ที่ชี้ให้เห็นกระแสเงินสดและรอบการหมุนเงิน

เปรียบเทียบ OD กับสินเชื่อระยะสั้น

หลายร้านอาจสงสัยว่า หากมี สินเชื่อระยะสั้น อยู่แล้ว จะเลือกใช้ OD อีกทำไม ความต่างคือ สินเชื่อระยะสั้นมักเหมาะกับค่าใช้จ่ายที่มีจุดสิ้นสุดชัดเจน เช่น จ่ายค่าโครงการหรือทุนหมุนชั่วคราวไม่เกิน 12 เดือน ขณะที่ OD ยืดหยุ่นกว่า ใช้–คืนได้หลายรอบ เหมาะกับค่าใช้จ่ายประจำของร้านอาหารที่เกิดขึ้นทุกวัน

ดังนั้น ร้านอาหารควรมองการใช้ OD ควบคู่กับสินเชื่อระยะสั้นตามจังหวะธุรกิจ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

สรุป

วงเงินหมุนเวียน (OD / Revolving Credit) คือ “สูตรลับ” สำหรับธุรกิจร้านอาหารในปี 2568 เพราะช่วยเสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจรับมือกับค่าใช้จ่ายถี่และรอบเก็บเงินที่ล่าช้าได้อย่างยืดหยุ่น จุดสำคัญคือ ใช้ OD ให้ตรงวัตถุประสงค์ คือหมุนเวียน–โปะคืนเร็ว ไม่ใช้ลงทุนระยะยาว และแยกบัญชีธุรกิจให้ชัดเจน
คลิ๊กที่นี่เรียนรู้เกี่ยวกับสินเชื่อทุกแบบที่ใช้กับธุรกิจอาหารสินเชื่อsmeไม่มีหลักประกัน สำหรับร้านอาหาร

???? หากคุณคือผู้ประกอบการร้านอาหาร SME และอยากวางแผนขอสินเชื่อให้เหมาะกับโมเดลธุรกิจของคุณ สามารถศึกษาข้อมูลและขอคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ www.easycashflows.com

7

วิเคราะห์ความเสี่ยงเฉพาะกิจการ เช่น พึ่งลูกค้ารายเดียว รายได้ Seasonal หรือภาษีค้าง พร้อมกลยุทธ์แก้ไขทั้งระยะสั้นและระยะยาว เพื่อเพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ปี 2568

 emo39 ทำไมธนาคารถึงกังวล “ความเสี่ยงเฉพาะกิจการ”

ในปี 2568 ภาพรวมการขอสินเชื่อของ SME มีความเข้มงวดมากขึ้น ภายใต้นโยบาย Responsible Lending ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่กำหนดชัดเจนว่าผู้ปล่อยกู้ต้องประเมินจาก “ความสามารถในการชำระหนี้จริง” ไม่ใช่เพียงแค่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ดังนั้น แม้ผู้ประกอบการจะยื่นขอ สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักประกันด้วยงบการเงินที่ดูดี แต่ถ้ามี “ความเสี่ยงเฉพาะกิจการ” (Idiosyncratic Risk) สูงเกินไป ก็อาจถูกธนาคารปฏิเสธได้

สัญญาณความเสี่ยงที่ SME ควรจับตา
1. รายได้พึ่งลูกค้ารายเดียว

ถ้ารายได้เกิน 70–80% มาจากลูกค้าหลักรายเดียว ธนาคารจะมองว่าธุรกิจคุณ “เปราะบาง” ทันที เพราะหากลูกค้ารายนั้นยกเลิกสัญญาหรือชะลอการสั่งซื้อ กระแสเงินสดของกิจการอาจหยุดชะงัก

Insight ผู้เชี่ยวชาญ:
นักวิเคราะห์สินเชื่อมักเรียกสถานการณ์นี้ว่า Customer Concentration Risk ยิ่งกระจุกตัวมาก โอกาสได้ วงเงินสูง ก็ยิ่งน้อยลง ถึงแม้กำไรปัจจุบันจะดี แต่ธนาคารจะห่วงอนาคตมากกว่า

2. รายได้ Seasonal (ขึ้นกับฤดูกาล)

ธุรกิจท่องเที่ยวหรือการเกษตรคือภาพชัดเจน บางช่วงยอดขายพุ่งสูง แต่บางช่วงแทบจะศูนย์ ความผันผวนนี้ทำให้ตัวเลข DSCR (Debt Service Coverage Ratio) ขึ้นลงจนธนาคารประเมินความสามารถในการชำระหนี้ได้ยาก

Insight ผู้เชี่ยวชาญ:
SME ที่มีรายได้ Seasonal ควรมี Diversification Strategy เช่น ขยายบริการเสริมช่วงโลว์ซีซัน เพื่อให้ Statement ดู “นิ่ง” และเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือเวลาขอสินเชื่อ

3. คดีความหรือภาษีค้าง

ถ้ามีภาษีที่ยังไม่ชำระ หรือกำลังถูกฟ้องร้อง ธนาคารจะตีความว่าเป็น Legal Risk และลดความเชื่อมั่นในการปล่อยกู้ทันที

Insight ผู้เชี่ยวชาญ:
อย่ามองข้าม Tax Compliance เพราะปี 2568 ธนาคารหลายแห่งเชื่อมข้อมูลกับระบบ e-Tax ของกรมสรรพากรโดยตรง หากงบการเงินกับภาษีไม่สอดคล้องกัน ความน่าเชื่อถือจะหายไปทันที

4. การหมุนหนี้สั้นหลายบัญชี

SME หลายรายนิยมกู้ สินเชื่อod(วงเงินหมุนเวียน) จากหลายธนาคาร แล้วหมุนไปมาเพื่อรักษาสภาพคล่อง แต่พฤติกรรมนี้ถูกมองเป็น Warning Signal ว่าธุรกิจอาจอยู่ในภาวะ “หนี้ทับซ้อน”

Insight ผู้เชี่ยวชาญ:
การใช้ OD หลายบัญชีไม่ใช่เรื่องผิด แต่ควรมี Debt Consolidation Plan หรือแผนรีไฟแนนซ์ให้ชัดเจน เพื่อแสดงให้ธนาคารเห็นว่าคุณยังควบคุมกระแสเงินสดได้

วิธีแก้ฉุกเฉิน: โชว์หลักฐานลดความเสี่ยง

หากหลีกเลี่ยงสัญญาณเหล่านี้ไม่ได้ สิ่งที่ควรทำคือ แนบหลักฐานบวก ทุกครั้งที่ยื่นกู้

สัญญาต่ออายุ (Renewed Contract): ยืนยันว่าลูกค้าหลักยังอยู่

LOA/PO (Letter of Award / Purchase Order): ชี้ว่ามีรายได้แน่นอนรออยู่

เอกสารยุติภาษี/คดีความ: ลดความกังวลด้านกฎหมาย

ตารางการชำระหนี้เดิม: สะท้อนวินัยทางการเงิน

???? Insight ผู้เชี่ยวชาญ:
ธนาคารมักให้คะแนนเพิ่มกับ “หลักฐานที่จับต้องได้” มากกว่าคำอธิบายปากเปล่า เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยลด Perceived Risk ได้จริง

วิธีแก้เชิงระบบ: สร้างภูมิคุ้มกันระยะยาว
1. กระจายฐานลูกค้า

อย่าให้รายได้ผูกกับลูกค้ารายเดียว มุ่งหาตลาดใหม่หรือเจาะเซ็กเมนต์เสริม

2. กำหนดเครดิตเทอมรัดกุม

เจรจาลดเครดิตเทอมจาก 90 วันเหลือ 30–60 วัน เพื่อให้กระแสเงินสดหมุนเร็วขึ้น

3. เลือกใช้การค้ำประกันโครงการอย่างเหมาะสม

Performance Bond มีประโยชน์ แต่ควรใช้เท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้เป็นภาระผูกพันระยะยาว

แนบ “Risk Management Plan” = เพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือ

หนึ่งในวิธีที่ผู้ประกอบการมักมองข้ามคือการทำ แผนบริหารความเสี่ยง (Risk Management Plan) แนบไปกับการยื่นกู้

ตัวอย่างที่ใช้ได้จริง:

Risk: พึ่งลูกค้ารายเดียว → Action: ตั้งทีมขายหาลูกค้าใหม่ → KPI: ลดสัดส่วนลูกค้า Top 1 ให้เหลือ <50%

Risk: Seasonal → Action: สร้างบริการใหม่ช่วงโลว์ซีซัน → KPI: ลดการเหวี่ยงรายได้ลง <20%

Risk: คดี/ภาษีค้าง → Action: เจรจากรมสรรพากรเพื่อตั้งค่างวด → KPI: เคลียร์คดีใน 12 เดือน

Risk: หนี้สั้นหลายบัญชี → Action: รีไฟแนนซ์รวมวงเงินเดียว → KPI: ลดดอกเบี้ยเฉลี่ย ≥2%

Insight ผู้เชี่ยวชาญ:
การแนบแผนนี้คือ “สัญญาณเชิงรุก” ว่าคุณไม่เพียงรู้ความเสี่ยง แต่ยังมีระบบจัดการอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้ธนาคารมั่นใจมากขึ้น

บทสรุป: ลดความเสี่ยงก่อนกู้ = เพิ่มโอกาสอนุมัติ

สำหรับ SME ในปี 2568 อย่ามองเพียงแค่ “วงเงิน” หรือ “ดอกเบี้ย” แต่ต้องโฟกัสที่ การลดความเสี่ยงเฉพาะกิจการ เพราะธนาคารใช้สิ่งนี้เป็นเกณฑ์แรกในการตัดสินใจ

การเตรียมตัวที่ดี ได้แก่:

รู้จักสัญญาณความเสี่ยง

แก้ไขฉุกเฉินด้วยเอกสารบวก

ลงทุนสร้างระบบบริหารความเสี่ยง

???? หากคุณกำลังวางแผนขอ สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ หรือมองหา สินเชื่อ SME วงเงินสูง ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ อย่าลืมว่าการจัดการความเสี่ยงคือ “กุญแจลับ” ที่ช่วยให้ธนาคารมั่นใจและเพิ่มโอกาสอนุมัติ

???? สนใจคำปรึกษาเพิ่มเติมเรื่องการเตรียมเอกสารกู้ สามารถศึกษาได้ที่ www.easycashflows.com

8


 emo38 ในปี พ.ศ. 2568 ตลาดสินเชื่อของไทยอยู่ภายใต้ความเข้มงวดมากขึ้น ทั้งจากนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทยและการแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการขอสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจ การยื่นขอ สินเชื่อsmeหรือ เงินกู้ธุรกิจขนาดเล็ก จึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับรายได้หรือแผนธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ “เครดิตบูโร” กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่สถาบันการเงินใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินใจ

การตรวจสุขภาพเครดิตก่อนยื่นกู้จึงไม่ใช่เพียงการ “เช็กข้อมูล” แต่เป็น กลยุทธ์เชิงรุก ที่ช่วยให้ธุรกิจเพิ่มโอกาสอนุมัติ ลดความเสี่ยง และสร้างความน่าเชื่อถือในระยะยาว

เครดิตบูโรคืออะไร? ทำไมต้องใส่ใจ

เครดิตบูโร (Credit Bureau) คือศูนย์กลางข้อมูลที่รวบรวมประวัติทางการเงิน ทั้งของบุคคลและนิติบุคคล ข้อมูลสำคัญที่บันทึกไว้ เช่น

ประวัติการชำระหนี้ตรงเวลาและการค้างชำระ

ภาระหนี้จากบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล

หนี้ธุรกิจและหนี้ที่มีผู้กู้ร่วม

เหตุการณ์ผิดนัด เช่น เช็คเด้ง

Insight เชิงกลยุทธ์:

หากเครดิตสะอาด = ธนาคารมองว่ามีวินัยทางการเงิน → โอกาสอนุมัติสูง

หากมีประวัติผิดนัด = ถูกมองเป็นความเสี่ยง → วงเงินต่ำลงหรือถูกปฏิเสธ

ประโยชน์ของการตรวจสุขภาพเครดิตก่อนยื่นกู้
1. ปิดหนี้เสียและแก้ไขข้อมูลผิดพลาดได้ทันเวลา

หลายครั้งผู้ประกอบการไม่รู้ว่าตัวเองยังมีบัญชีค้างชำระหรือข้อมูลที่ผิดพลาด การตรวจเครดิตล่วงหน้าช่วยให้มีเวลาจัดการก่อนยื่นเอกสารจริง

คำแนะนำปี 2568:

ปิดบัญชีค้างทั้งหมด

รักษาการชำระตรงเวลาอย่างน้อย 6–12 เดือน

หากพบข้อมูลผิดพลาด ยื่นแก้ไขกับเครดิตบูโรทันที

2. ลดภาระหนี้ส่วนตัวที่กระทบธุรกิจ

ผู้ประกอบการ SME มักใช้ หนี้ส่วนบุคคล มาหมุนในกิจการ เช่น บัตรเครดิตหรือสินเชื่อส่วนบุคคล แต่สิ่งนี้สะท้อนในเครดิตบูโรและถูกนับรวมเมื่อธนาคารพิจารณาสินเชื่อธุรกิจ

กลยุทธ์ปี 2568:

แยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว

ปรับโครงสร้างหนี้บุคคลให้เบาลง

ใช้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก แทนการหมุนเงินด้วยหนี้ส่วนบุคคล

3. เลี่ยงการยื่นกู้ในช่วงเครดิตเสียหายล่าสุด

เหตุการณ์เล็ก ๆ เช่น การจ่ายช้าเพียงครั้งเดียว หรือเช็คเด้ง อาจส่งผลต่อการพิจารณาทันที

กลยุทธ์เชิงเวลา:

รออย่างน้อย 3 เดือนหลังเหตุการณ์เครดิตเสีย

ชำระหนี้ตรงเวลาเพื่อสร้างสถิติใหม่

ใช้ช่วงนี้วางแผนปรับกระแสเงินสดให้มั่นคง

กรณีศึกษา: ร้านกาแฟ SME ในปี 2568

เจ้าของร้านกาแฟย่านอโศกต้องการยื่นขอ เงินกู้ SME วงเงิน 1 ล้านบาท เพื่อตกแต่งร้าน แต่เมื่อตรวจเครดิตบูโรพบว่า:

มีบัตรเครดิตค้างชำระ 60,000 บาท

เพิ่งมีเช็คเด้งเมื่อ 2 เดือนก่อน

หากยื่นทันที โอกาสถูกปฏิเสธสูงมาก เจ้าของร้านจึง:

ปิดบัตรเครดิตค้างชำระทันที

รอ 4 เดือนจนสเตทเมนต์นิ่ง

ชำระหนี้ตรงเวลาตลอด

ผลลัพธ์: ธนาคารอนุมัติวงเงินเต็มจำนวน พร้อมดอกเบี้ยมาตรฐาน เพราะประวัติกลับมาดูน่าเชื่อถืออีกครั้ง

ทำไมการตรวจเครดิตจึงสำคัญต่ออนาคตธุรกิจ

การรักษาสุขภาพเครดิตไม่ใช่ประโยชน์แค่ครั้งเดียว แต่ส่งผลในระยะยาว เช่น

ได้รับการเพิ่มวงเงินหากต้องการขยายกิจการ

ได้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า เพราะธนาคารมองว่าเสี่ยงต่ำ

เสริมความน่าเชื่อถือในสายตาคู่ค้า นักลงทุน หรือพันธมิตร

Insight เชิงกลยุทธ์: การตรวจเครดิตคือ “การลงทุนด้านความน่าเชื่อถือ” ที่คืนผลตอบแทนเป็นวงเงินและต้นทุนทางการเงินที่ดีกว่า

สรุป: ตรวจเครดิตก่อนยื่นกู้ = ลงทุนที่คุ้มค่า

ปี 2568 เป็นปีที่การแข่งขันทางธุรกิจและความเข้มงวดของสถาบันการเงินสูงขึ้น การตรวจสุขภาพเครดิตก่อนยื่น สินเชื่อ SME หรือ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถ:

เคลียร์หนี้เสียและแก้ไขข้อมูลผิดพลาด

ลดภาระหนี้ส่วนบุคคลที่กระทบธุรกิจ

เลือกเวลายื่นที่เหมาะสมที่สุด

ทั้งหมดนี้ไม่เพียงเพิ่มโอกาสการอนุมัติ แต่ยังทำให้ธุรกิจได้วงเงินสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยต่ำลง และเสริมภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือ



???? หากคุณต้องการคำปรึกษาเรื่องการตรวจเครดิตและการยื่นสินเชื่อธุรกิจอย่างมั่นใจ ติดต่อได้ที่ www.easycashflows.com

9

 emo25 วิเคราะห์ธุรกิจแบบไหนเหมาะกับสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ปี 2568 พร้อมกรณีศึกษา การเตรียมตัว และเทคนิคเพิ่มโอกาสได้วงเงินสูง

ในปี พ.ศ. 2568 การเงินไทยผ่อนคลายมากกว่าปีก่อน หลังดอกเบี้ยนโยบายถูกปรับลดลงสู่ 1.50% (13 ส.ค. 2568) ส่งผลให้ต้นทุนกู้ยืมของภาคธุรกิจปรับตัวลง แม้อัตราดอกเบี้ยจริงยังขึ้นกับระดับความเสี่ยงของผู้กู้ แต่โดยรวมถือว่า “เอื้อต่อ SME” มากกว่าช่วงก่อนหน้า

โดยเฉพาะ สินเชื่อเพื่อธุรกิจไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งกลายเป็น “ทางเลือกสำคัญ” สำหรับผู้ประกอบการที่มีศักยภาพแต่ไม่มีที่ดินหรืออาคารมาค้ำประกัน การเข้าถึงวงเงินลักษณะนี้ง่ายขึ้นด้วยการใช้ e-KYC/NDID และยังมีมาตรการค้ำประกันสินเชื่อจากภาครัฐ (บสย.) เข้ามาช่วยเสริม

กลุ่มธุรกิจที่เหมาะกับ “สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน”
1) กิจการที่มีออเดอร์/PO ต่อเนื่อง

โรงงานผลิตหรือผู้ค้าส่งที่รับคำสั่งซื้อเป็นประจำ อาจติดปัญหา “เงินสดเข้าไม่ทันรอบสต๊อกหรือค่าแรง” ทำให้ขยายงานไม่ได้เต็มที่

เหมาะกับ: OD, Inventory Loan, Invoice Financing

ทริคผู้เชี่ยวชาญ: แนบเอกสารสัญญาซื้อขายและประวัติการชำระจากลูกค้าหลัก จะช่วยให้ได้วงเงินสูงกว่ายื่นเอกสารเพียงงบการเงิน

2) ร้านอาหาร/คาเฟ่/ธุรกิจบริการ

ธุรกิจบริการและอาหาร เช่น ร้านกาแฟหรือร้านอาหาร รายได้มักเหวี่ยงตามเทศกาลหรือโปรโมชั่น การมีวงเงินหมุนเวียนที่ “ยืดหยุ่น” ช่วยป้องกันการสะดุดของกระแสเงินสด

เหมาะกับ: สินเชื่อ sme แบบวงเงินหมุนเวียน (OD) + Term Loan ระยะสั้น

Insight: แนบรายงาน POS, ยอดขายเดลิเวอรี และแผน High Season จะเพิ่มความน่าเชื่อถือ

3) ผู้รับเหมาก่อสร้าง/ธุรกิจขนส่ง

วงจรธุรกิจก่อสร้างและขนส่งมักต้อง “สำรองจ่ายก่อน” แล้วรอเก็บเงินเป็นงวด ทำให้ขาดสภาพคล่องชั่วคราว

เหมาะกับ: PO Financing, Trade Finance, Invoice Financing

กลยุทธ์: ส่งตารางงวดงานพร้อมเอกสารรับรองผลงาน จะทำให้ผู้ปล่อยกู้มั่นใจว่ามีเงินเข้าแน่นอน

4) ธุรกิจบริการรายเดือน

เช่น ทำความสะอาด, Outsource, ซ่อมบำรุง – ที่มีรายได้ประจำจากสัญญา (MA/Service Contract) ถือเป็น “หลักประกันเชิงกระแสเงินสด” ชั้นดี

เหมาะกับ: สินเชื่อหมุนเวียนไม่ใช้หลักทรัพย์

กลยุทธ์: แสดง retention rate (อัตราลูกค้าใช้บริการต่อเนื่อง) เพื่อย้ำเสถียรภาพรายได้

5) ผู้ส่งออก/ผู้ผลิตล็อตเล็ก

ต้องซื้อวัตถุดิบและผลิตเพื่อส่งออก แต่เจอความเสี่ยงค่าเงินและการจ่ายล่าช้า การใช้ สินเชื่อระยะสั้น ผูกกับเอกสารการค้า เช่น LC/TR/Export Financing จะช่วยเร่งเงินหมุน

กรณีศึกษา: ร้านกาแฟ SME ที่เข้าถึงสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ 2568
“Cafe Harmony” เป็นร้านกาแฟขนาดเล็กในเชียงใหม่ ยอดขายโตเฉลี่ยปีละ 15% แต่ติดปัญหา:

ต้องการขยายสาขาใหม่

ไม่มีที่ดินค้ำประกัน

รายได้บางช่วงเหวี่ยงตามเทศกาลท่องเที่ยว

เจ้าของจึงเลือกใช้ สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ 2568 วงเงิน 1.5 ล้านบาทจากธนาคารพาณิชย์ โดยมี บสย. ช่วยค้ำประกันบางส่วน และใช้เอกสารประกอบคือ:

รายงาน POS ย้อนหลัง 12 เดือน

Statement บัญชีธุรกิจ

แผนกระแสเงินสดปี 2568–2569

ผลลัพธ์: ธนาคารอนุมัติเต็มวงเงิน เปิดสาขาใหม่ได้ทันเวลา หลังเปิดครบ 6 เดือน ยอดขายรวมเพิ่มขึ้นกว่า 25% และธุรกิจมีเครดิตดีขึ้นจนสามารถเจรจาขอ สินเชื่อ SME วงเงินสูง สำหรับเฟสต่อไปได้ง่ายขึ้น

บทเรียนจากกรณีนี้: แม้ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ แต่หากธุรกิจมีข้อมูลกระแสเงินสดโปร่งใส และแนบหลักฐานจับต้องได้ ธนาคารก็พร้อมอนุมัติในวงเงินที่สมเหตุสมผล

อยากได้ “วงเงินสูง” ต้องปรับอะไรบ้าง (เกณฑ์ยอดฮิตปี 2568)

โปร่งใสเรื่องการเงิน: ใช้ Bank Statement ธุรกิจ ไม่ปนบัญชีส่วนตัว

รักษา DSCR ≥ 1.2: เพื่อแสดงความสามารถจ่ายหนี้ได้จริง

แสดงหลักฐานรายได้ซ้ำ: เช่น สัญญาลูกค้าระยะยาว

เครดิตสะอาด: ไม่มีค้างชำระเกิน 30 วันในรอบ 12 เดือน

ใช้ดิจิทัลเต็มรูปแบบ: e-KYC/NDID ช่วยอนุมัติไวขึ้น

บริบทตลาดปี 2568 ที่หนุน SME

ดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% ช่วยลดต้นทุนกู้ยืมโดยรวม

SME D Bank ลดดอกเบี้ยกู้ลง 0.25% ตั้งแต่ 15 ส.ค. 2568

บสย. (TCG) เปิดมาตรการค้ำประกันพิเศษ ช่วยผู้ไม่มีหลักทรัพย์เข้าถึงสินเชื่อได้

 emo55 สรุป: โอกาสของ SME ที่ไม่มีหลักทรัพย์

ปี 2568 คือช่วงเวลาที่ SME ควรมอง สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่ภาระ เพราะตลาดการเงินเอื้ออำนวย ภาครัฐช่วยค้ำ และธนาคารปรับกระบวนการเป็นดิจิทัลมากขึ้น

ถ้าคุณคือ SME ที่มีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร กิจการขนส่ง หรือโรงงานผลิตเล็ก ๆ — นี่คือจังหวะเหมาะที่จะเข้าถึง สินเชื่อ SME วงเงินสูง ภายใต้เงื่อนไขที่โปร่งใสและยั่งยืน

???? ต้องการคัดสินเชื่อให้ตรงโจทย์ธุรกิจ?
รับคำปรึกษาเชิงลึก + เปรียบเทียบข้อเสนอหลายสถาบันได้ที่ ???? www.easycashflows.com

10


 emo35 การสร้างโรงงานใหม่คือ “เกมการลงทุน” ที่เปลี่ยนอนาคตธุรกิจการผลิตในทันที ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องจักร ชิ้นส่วนยานยนต์ หรือโลจิสติกส์ ทุกคนต่างรู้ดีว่าการมีโรงงานเป็นของตัวเองคือก้าวสำคัญสู่การขยายขีดความสามารถในการแข่งขัน

ปี พ.ศ. 2568 เป็นปีที่ภาคการผลิตไทยได้รับแรงหนุนจาก ดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.50% (ประกาศสิงหาคม 2568) ทำให้การเข้าถึง สินเชื่อสำหรับโรงงานร และสินเชื่อสำหรับบริษัทโรงงานอุตสาหกรรม มีต้นทุนที่ผ่อนคลายกว่าปีก่อน ทว่าคำถามที่ผู้ประกอบการต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดคือ
???? จะ กู้สร้างโรงงาน หรือจะ ทำลีสซิ่งโรงงาน แบบไหนคุ้มกว่ากันในระยะยาว?

 emo47 วิเคราะห์เชิงลึก: กู้สร้างโรงงาน vs ลีสซิ่งโรงงาน
1. การกู้สร้างโรงงาน (Factory Loan)

ผู้กู้ต้องจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยปี 2568 อยู่ที่ 5–7% (ต่ำกว่าลีสซิ่ง)

ต้องมีเงินดาวน์ประมาณ 20–30% ของโครงการ

ได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทันที โรงงานถูกบันทึกเป็น สินทรัพย์ ในงบดุล

สามารถหัก ค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ยเงินกู้ เป็นค่าใช้จ่ายทางภาษี

2. การลีสซิ่งโรงงาน (Factory Leasing)

จ่ายเงินมัดจำราว 3–6 เดือนของค่าเช่า

ค่าเช่าเฉลี่ยสูงกว่าภาระการผ่อนกู้ เพราะรวมผลตอบแทนของบริษัทลีสซิ่ง

ค่าเช่าสามารถนำไปหักเป็นค่าใช้จ่ายภาษีได้ทั้งหมด

มีความยืดหยุ่นเมื่อครบสัญญา แต่หากต้องการเป็นเจ้าของ ต้องจ่ายเพิ่มตามที่ตกลงไว้

Insight เชิงกลยุทธ์: เลือกอย่างไรให้ธุรกิจไม่พลาด

ถ้าเป้าหมายคือการลงทุนระยะยาว → การกู้สร้างโรงงานมักคุ้มกว่า เพราะแม้ต้นทุนเริ่มต้นสูง แต่สินทรัพย์ยังคงมูลค่าในงบดุล และช่วยเพิ่มเครดิตธุรกิจในอนาคต

ถ้าเป้าหมายคือการรักษาสภาพคล่อง → ลีสซิ่งเหมาะกว่า เพราะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย แต่ต้องยอมรับต้นทุนรวมที่สูงขึ้น

สำหรับ SME ที่มีแผนผลิตเพื่อส่งออก → การมีสินทรัพย์เป็นของตัวเองช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการเจรจาสัญญาระหว่างประเทศ

สำหรับบริษัทสตาร์ทอัพด้านการผลิต → ลีสซิ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในช่วงแรก เพราะสามารถเปลี่ยนทำเลหรือขนาดโรงงานได้ง่ายกว่า

ผลกระทบต่อกระแสเงินสด

กู้สร้างโรงงาน:
ต้องใช้เงินดาวน์ก้อนใหญ่ กระแสเงินสดตึงในระยะสั้น แต่สร้างความมั่นคงในระยะยาว

ลีสซิ่งโรงงาน:
เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำกว่า เหมาะกับธุรกิจที่ยังไม่มั่นใจรายได้ในอนาคต แต่เสี่ยงเรื่องภาระค่าเช่าที่สูงกว่า

กรณีศึกษาเปรียบเทียบ (ปี 2568)

บริษัท A: กู้สร้างโรงงานมูลค่า 50 ล้านบาท

เงินดาวน์: 15 ล้านบาท (30%)

เงินกู้: 35 ล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 6%

ผ่อนรายเดือน: ≈ 388,500 บาท

ต้นทุนรวม 10 ปี: 46.62 ล้านบาท

หลังครบกำหนด โรงงานยังมีมูลค่าเหลือ ≈ 25 ล้านบาท

บริษัท B: ลีสซิ่งโรงงานมูลค่า 50 ล้านบาท

มัดจำ: 3 ล้านบาท

ค่าเช่า 10 ปี: 500,000 บาท/เดือน → ต้นทุนรวม 60 ล้านบาท

หากซื้อเมื่อครบสัญญา ต้องจ่ายเพิ่มอีก 10 ล้านบาท

???? สรุป: กรณีนี้ “กู้สร้างโรงงาน” คุ้มกว่าในระยะยาว แต่ “ลีสซิ่งโรงงาน” ใช้เงินเริ่มต้นน้อยและยืดหยุ่นกว่า

ปัจจัยที่ควรคิดก่อนตัดสินใจ

กระแสเงินสด (Cash Flow): ธุรกิจพร้อมจ่ายเงินดาวน์หรือไม่?

Debt to Equity Ratio: สัดส่วนหนี้สินต่อทุนกระทบต่อเครดิตอย่างไร?

Tax Planning: จะใช้ประโยชน์จากการหักค่าเสื่อมราคา หรือการหักค่าเช่าภาษีได้คุ้มค่ากว่ากัน?

กลยุทธ์การเติบโต: โรงงานนี้จะเป็นฐานการผลิตระยะยาว หรือแค่ “ก้าวแรก” ที่ต้องการความยืดหยุ่น?

สินเชื่อสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่น่าสนใจในปี 2568

ธนาคารกสิกรไทย (KBank): สินเชื่อเพื่อธุรกิจการผลิต วงเงินสูงถึง 70–80% ของมูลค่าโครงการ

ไทยพาณิชย์ (SCB): สินเชื่อพัฒนาโครงการ สำหรับโรงงานและศูนย์กระจายสินค้า

ธนาคารออมสิน: สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ เหมาะกับผู้ประกอบการโรงงานรายเล็ก

EXIM Bank: สินเชื่อสำหรับบริษัทโรงงานที่เน้นส่งออก ช่วยสนับสนุน Supply Chain ระหว่างประเทศ

สรุป

การตัดสินใจ “กู้สร้างโรงงาน” หรือ “ทำลีสซิ่งโรงงาน” ไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับเป้าหมาย กระแสเงินสด และกลยุทธ์การเติบโตของธุรกิจ

ถ้าอยากเป็นเจ้าของสินทรัพย์ สร้างความมั่นคงระยะยาว → กู้สร้างโรงงาน คุ้มกว่า

ถ้าต้องการสภาพคล่อง ยืดหยุ่น ไม่อยากเพิ่มหนี้สินต่อทุน → ลีสซิ่งโรงงาน อาจตอบโจทย์

ปี 2568 จึงถือเป็น “ช่วงเวลาเหมาะ” ที่ผู้ประกอบการควรวิเคราะห์ทางเลือกด้านการเงินอย่างรอบด้าน เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสการลงทุนครั้งใหญ่

Call to Action

กำลังวางแผน กู้สร้างโรงงาน หรือหาสินเชื่อสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม?
อ่านข้อมูลเชิงลึก + รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ที่
???? www.easycashflows.com

11


 emo40 ทำไม “เงินทุนระยะสั้น” ถึงสำคัญกับผู้เริ่มต้นธุรกิจ

ทุกการเริ่มต้นธุรกิจไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ สตาร์ทอัพออนไลน์ หรือบริการขนาดเล็ก ต่างต้องเผชิญกับปัญหาเดียวกันคือ “เงินทุนหมุนเวียน” โดยเฉพาะในช่วงปีแรกที่รายได้ยังไม่สม่ำเสมอ ค่าใช้จ่ายกลับวิ่งเข้ามาทุกเดือน

ตรงนี้เองที่ สินเชื่อระยะสั้น หรือ Working Capital Loan กลายเป็นพระเอก เพราะช่วยเสริมสภาพคล่องระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ให้ธุรกิจไม่สะดุดระหว่างสร้างฐานลูกค้า

สินเชื่อระยะสั้นคืออะไร?

สินเชื่อระยะสั้น (Short-Term Loan) คือ วงเงินกู้ที่มีกำหนดไม่เกิน 12 เดือน จุดประสงค์หลักเพื่อให้ธุรกิจมีเงินสดหมุนเพียงพอในการดำเนินงาน เช่น

จ่ายเงินเดือนพนักงาน

ซื้อวัตถุดิบ/สต็อกสินค้า

ชำระค่าสาธารณูปโภค

รองรับออร์เดอร์ใหม่

Insight ปี 2568: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผลักดันให้ธนาคารพาณิชย์และ non-bank สนับสนุนสินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย วงเงิน ไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยใช้เกณฑ์กระแสเงินสดแทนหลักทรัพย์ค้ำประกัน ช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น

 :P ประเภทสินเชื่อระยะสั้นที่ผู้ประกอบการควรรู้
1. สินเชื่อ OD (Overdraft)

วงเงินเบิกเกินบัญชีที่เชื่อมกับบัญชีธุรกิจ ใช้เมื่อจำเป็นและคิดดอกเบี้ยเฉพาะยอดเบิกจริง เหมาะกับธุรกิจที่รายรับ–รายจ่ายขึ้นลงตามฤดูกาล

2. สินเชื่อตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N)

เงินกู้ที่ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน มีอายุไม่เกิน 1 ปี เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการก้อนเงินชัดเจนและรู้กำหนดชำระแน่นอน

3. สินเชื่อเพื่อการค้า (Trade Finance)

ครอบคลุมธุรกรรมการนำเข้า–ส่งออก เช่น L/C, T/R ใช้ในธุรกิจที่มีคู่ค้าต่างประเทศ

4. สินเชื่อแฟคตอริ่ง (Factoring)

เปลี่ยน Invoice เป็นเงินสด โดยการขายลูกหนี้การค้าให้สถาบันการเงิน เหมาะกับ SME ที่ต้องรอเครดิตเทอม 30–90 วัน

ผู้ประกอบการรายใหม่ กู้ได้จริงหรือ?

คำตอบคือ “ได้” แต่ต้องเตรียมตัวมากกว่าธุรกิจที่เปิดมานาน เพราะสถาบันการเงินยังไม่เห็นประวัติรายได้ที่มั่นคง

ปัจจัยที่ช่วยเพิ่มโอกาสอนุมัติ

แผนธุรกิจชัดเจน – ระบุรายได้เป้าหมาย, กลยุทธ์การตลาด, แผนใช้เงิน และตารางคืนหนี้

หลักฐานรายได้ในอนาคต – เช่น ใบสั่งซื้อ (PO), สัญญาจ้างงาน

เครดิตส่วนตัวเจ้าของกิจการดี – ชำระหนี้ตรงเวลา, ไม่มีค้างชำระ

ผู้ค้ำประกัน/หลักทรัพย์ – ลดความเสี่ยงให้ธนาคารมั่นใจ

บสย. (บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) – เข้ามาค้ำแทนผู้กู้ในบางโครงการ

???? สถิติจาก บสย. ปี 2568: สนับสนุนผู้ประกอบการ SME กว่า 20,000 ราย วงเงินรวมกว่า 30,000 ล้านบาท

ขั้นตอนการเตรียมตัวขอสินเชื่อระยะสั้น
1. ทำแผนธุรกิจ (Business Plan)

ต้องมีทั้งประมาณการรายได้–ค่าใช้จ่าย, กลยุทธ์การตลาด และแผนชำระคืนหนี้

2. แยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว

ช่วยให้ธนาคารเห็นกระแสเงินสดจริงของธุรกิจ

3. รวบรวมเอกสารให้ครบ

หนังสือจดทะเบียนธุรกิจ

บัตรประชาชน/ทะเบียนบ้านผู้กู้

แผนธุรกิจ + งบการเงิน (ถ้ามี)

ใบสั่งซื้อ/สัญญาลูกค้า

หลักฐานทรัพย์สินค้ำ (ถ้ามี)

4. เปรียบเทียบหลายสถาบันการเงิน

ทั้งธนาคารพาณิชย์, ธนาคารรัฐ และฟินเทค เพื่อหาดอกเบี้ยและเงื่อนไขที่เหมาะสม

เทคนิคเพิ่มโอกาสอนุมัติสินเชื่อ

เริ่มจากวงเงินเล็ก ๆ ก่อน: ขอวงเงินพอดีกับความต้องการจริง สร้างประวัติชำระดี แล้วค่อยขยาย

สร้างความสัมพันธ์กับธนาคาร: เปิดบัญชีธุรกิจ, ใช้บริการอื่น ๆ สร้างเครดิต

พัฒนาทักษะการนำเสนอ: นำเสนอแผนธุรกิจอย่างมั่นใจ ให้ทีมเครดิตเห็นภาพความเป็นไปได้

เตรียมแผนสำรอง: เช่น หาเงินทุนจากนักลงทุน หรือปรับโครงสร้างต้นทุน หากไม่ได้สินเชื่อตามเป้า

มุมมองเชิงกลยุทธ์: สินเชื่อระยะสั้นกับธุรกิจขนาดเล็ก

ร้านอาหาร/คาเฟ่: ใช้ OD เสริมสภาพคล่อง + Factoring แปลงบิลส่งโมเดิร์นเทรดเป็นเงินสด

ธุรกิจบริการ: เช่น คลีนิค, ฟิตเนส ใช้ P/N หรือ Term Loan ระยะสั้นเพื่อซื้ออุปกรณ์ และ OD สำหรับค่าใช้จ่ายประจำ

ผู้ส่งออก–นำเข้า: Trade Finance ช่วยปิด Gap ระหว่างจ่ายต้นทุนกับรอรับเงินคู่ค้า

สตาร์ทอัพออนไลน์: ใช้ OD ควบคู่กับการวางระบบชำระเงินดิจิทัล แสดงรายได้จริงให้ธนาคารเห็น

สรุป

สินเชื่อระยะสั้น เป็นทางออกที่ช่วย SME รายใหม่ “อยู่รอดและเติบโต” ในปี 2568 โดยเฉพาะเมื่อคุณยังไม่มีเงินทุนสำรองมากพอ การเลือกประเภทสินเชื่อที่เหมาะสม (OD, Factoring, Trade Finance ฯลฯ) และการเตรียมแผนธุรกิจชัดเจน จะช่วยให้สถาบันการเงินมั่นใจและอนุมัติง่ายขึ้น

???? หากคุณกำลังมองหา สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก หรืออยากเปรียบเทียบข้อเสนอที่คุ้มที่สุด สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและรับคำปรึกษาฟรีได้ที่ www.easycashflows.com

12


 emo39 ลองนึกภาพเช้าวันจันทร์ที่งานเข้าพร้อมกัน—สต็อกวัตถุดิบต้องเติม ลูกค้ารายใหญ่เพิ่งเลื่อนจ่าย 45 วัน แต่พนักงานต้องได้ค่าจ้างตรงเวลา ถ้าคุณเป็นเจ้าของกิจการ คุณรู้ดีว่า “เงินหมุน” คือเส้นเลือดของธุรกิจ และนี่คือเหตุผลที่ สินเชื่อระยะสั้น กลายเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของผู้ประกอบการปี 2568 ไม่ใช่แค่ “ยืมมาอุดรูรั่ว” แต่คือการซื้อ “เวลาและโอกาส” ให้ธุรกิจขยับได้ทันตลาด

บริบทปี 2568: กนง.ลดดอกเบี้ยนโยบายลงมาอยู่ที่ 1.50% (13 ส.ค. 2568) เพื่อประคองเศรษฐกิจที่ยังโตต่ำ—ต้นทุนการเงินระยะสั้นโดยรวมผ่อนลงเล็กน้อย เหมาะกับการจัดวงเงินหมุนเวียนอย่างมีวินัยมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้.


 emo56 สินเชื่อระยะสั้นคืออะไร (และไม่ใช่อะไร)

นิยามสั้นๆ: สินเชื่อเพื่อธุรกิจที่มีอายุสัญญาโดยมาก 3–12 เดือน ออกแบบมาเพื่อ “เติมสภาพคล่อง” มากกว่าลงทุนสินทรัพย์ถาวร เหมาะกับ เงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) กระแสเงินสดสะดุดชั่วคราว หรือการ “เร่งโอกาส” เช่น จัดซื้อสต็อกช่วงดีมานด์พุ่ง

เมื่อไหร่ควรใช้

ยอดขายขึ้นลงตามฤดูกาล แต่ค่าใช้จ่ายคงที่เดินต่อ

เจองานด่วน/ออเดอร์ใหญ่ ต้องสำรองวัตถุดิบทันที

คู่ค้าจ่ายช้า (เทอม 30–90 วัน) จนเงินสดขาดช่วง

ต้องรีโนเวท/อัปเกรดอุปกรณ์เล็กๆ เพื่อเพิ่มรายได้เร็ว

เมื่อไหร่ “ไม่ควร” ใช้

ลงทุนใหญ่ระยะยาว (โรงงาน/สาขาใหม่): ควรใช้ Term Loan

เจอปัญหาโครงสร้างกำไร: สินเชื่อไม่แก้โมเดลธุรกิจ ควรแก้ Margin/ต้นทุนก่อน

ทางเลือกยอดนิยมของ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก (Short-Term)
1) วงเงินเบิกเกินบัญชี (OD)

ยืดหยุ่นสูงมาก รูด-โอน-เช็ค ใช้เท่าที่จำเป็น เสียดอกเฉพาะส่วนที่ใช้จริง เหมาะกับร้านค้า/บริการที่เงินเข้าออกถี่

2) ตั๋วสัญญาใช้เงิน (Promissory Note: P/N)

วงเงินระยะสั้นเป็นรอบ (เช่น 30/60/90 วัน) ต้นทุนชัด ใช้เติมวัตถุดิบ/ค่าแรงช่วงพีก หลายธนาคารมีผลิตภัณฑ์รูปแบบนี้สำหรับเสริมสภาพคล่อง เช่น SCB Working Capital Facilities ที่มีทั้ง P/N และ OD ให้เลือกตามจริตกระแสเงินสดธุรกิจ.
ธนาคารไทยพาณิชย์

3) แฟคตอริ่ง / Invoice Financing

เร่ง “เงินสด” จากบิลเครดิตเทอม—เหมาะกับธุรกิจ B2B ที่ลูกค้าจ่ายช้า ตัวอย่างเช่น Krungthai Factoring ที่ระบุคุณสมบัติและจุดเด่นไว้ชัด: รับเงินล่วงหน้าได้สูงสุด 90% ของมูลค่าลูกหนี้การค้า ระยะเวลาได้ถึง 180 วัน และบางกรณี “ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน” (ขึ้นกับเกณฑ์).
sme.krungthai.com

4) วงเงินการค้า/เทรดไฟแนนซ์ (เช่น Clean Bill Discount, TR, L/C)

สายเทรด/นำเข้า–ส่งออก ใช้ส่วนลดตั๋ว/รับซื้อตั๋ว คลีนบิล หรือวงเงิน TR/L/C เพื่อปิดช่องว่างระหว่าง “วันส่งมอบ” กับ “วันรับเงิน” แหล่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์รวมไว้ในเพจ Working Capital Facilities ของ SCB.
ธนาคารไทยพาณิชย์

เลือกธนาคารอย่างไรให้โดน “โจทย์เงินหมุน” ของเรา

จุดเริ่มต้นไม่ใช่ “หาดอกต่ำสุด” แต่คือ “หา Fit ที่สุด” ระหว่างวงเงิน–หลักฐานรายได้–รูปแบบธุรกิจ

SCB: หน้าผลิตภัณฑ์ Working Capital รวม OD / P/N / Clean Bill Discount / Long-Term เลือกได้ตามลมหายใจของ Cash Flow.

Bangkok Bank: หน้ารวม Business Loans ครอบคลุมวงเงินเพื่อสภาพคล่องและเครื่องมือช่วยคำนวณวงเงินเบื้องต้น เหมาะกับ SME ที่ต้องการภาพรวมผลิตภัณฑ์ก่อนเจาะลึก.

LH Bank: เพจ SMEs Loan ระบุชัดเจนว่าครอบคลุมทั้ง Working Capital และ CapEx พร้อมไกด์เลือกเทอมให้สอดคล้องกับลักษณะธุรกิจ.

Krungthai: มีสายผลิตภัณฑ์แฟคตอริ่งและสิทธิประโยชน์สำหรับ SME เครือข่ายใหญ่ในภาครัฐ/ห่วงโซ่อุปทาน—เหมาะกับ B2B ที่ต้องหมุนบิล.


เสริม: แนวทางค้ำประกันสินเชื่อผ่าน บสย. (TCG) ยังเดินหน้าในปี 2568 (PGS ระยะที่ 11/โครงการ Renew) ช่วยเพิ่มโอกาสอนุมัติสำหรับธุรกิจมีศักยภาพแต่หลักทรัพย์จำกัด.


กลยุทธ์ “วางวงเงินให้คุ้ม” แบบเจ้าของกิจการสายวิเคราะห์

ตั้ง Buffer 3–6 เดือน ของค่าใช้จ่ายคงที่
ถ้าธุรกิจมี OPEX ~250,000 บาท/เดือน วงเงินสแตนด์บายที่ “อุ่นใจ” คือ 750,000–1,500,000 บาท เพื่อกันกระแสเงินสดสะดุดจากเทอมลูกค้า/เหตุฉุกเฉิน

แมตช์ “อายุเงินกู้” กับ “รอบเงินเข้า”

เทอมลูกค้า 45 วัน → ใช้ P/N/แฟคตอริ่งรอบ 60–90 วัน

รายได้รายวัน/รายสัปดาห์ → OD เหมาะสุด เพราะเสียดอกเฉพาะยอดที่ใช้จริง

คุมอัตราส่วนค่างวดต่อกระแสเงินสดสุทธิ ≤ 30–35%
ช่วยให้ DSCR ≥ 1.2x พื้นฐานสำคัญที่ผู้ปล่อยกู้ “ชอบเห็น” (รวมค่างวดเดิม+ใหม่แล้วจ่ายไหวต่อเนื่อง)

แยกเงินส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจ 100%
สเตทเมนต์สะอาด=อนุมัติไว เอกสารภาษี/งบการเงินต้องสอดคล้องกัน

ใช้สินเชื่อระยะสั้นร่วมกับเครื่องมืออื่น
เช่น แฟคตอริ่งสำหรับลูกค้าหลัก + OD สำหรับรายจ่ายจุกจิก จะทำให้ต้นทุนดอกเฉลี่ยต่ำลงกว่ากู้ก้อนเดียว

สัญญาณมหภาคที่ควรรู้ (ปี 2568) ก่อนตัดสินใจ

ดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% หลังการลดอัตราฯ รอบ 13 ส.ค. 2568 ช่วยผ่อนแรงต้นทุนการเงินฝั่งสั้น—แต่ธนาคารจะสะท้อนเข้าดอกจริงมากน้อยแค่ไหน ขึ้นกับความเสี่ยงธุรกิจและโปรไฟล์เครดิตของผู้กู้.
bot

ภาพรวมเศรษฐกิจ: NESDC รายงาน GDP ไตรมาส 2/2568 โต 2.8% (ครึ่งปีแรกเฉลี่ย 3.0%) บ่งชี้เศรษฐกิจยังขยายตัวแต่ชะลอกว่าต้นปี—การถือวงเงิน “พอดีใช้” จึงช่วยรับมือความผันผวนได้ดี.

กระแสแฟคตอริ่งในอาเซียน: ตลาดขยายต่อเนื่อง (คาด CAGR ~7.1% ช่วง 2025–2033) สะท้อนพฤติกรรมธุรกิจที่หันมาใช้เครื่องมือเร่งเงินสดจากบิลมากขึ้น.

ข้อควรระวังที่ทำให้ “อนุมัติช้า/วงเงินหด”

เอกสารไม่สอดคล้อง: สเตทเมนต์–ภาษี–งบการเงิน ตัวเลขควร “เล่าเรื่องเดียวกัน”

ใช้ผิดวัตถุประสงค์: วงเงินหมุนเวียนไปลงลงทุนยาว → กระแสเงินสดไม่แมตช์ เสี่ยงตึง

พึ่งพาสินเชื่อมากเกินไป: ไม่มีเงินทุนสำรอง/กำไรขั้นต้นบางเกิน จ่ายดอกยาก

ไม่เทียบทางเลือก: ลุยเฉพาะธนาคารเดียว ทั้งที่แฟคตอริ่งหรือ P/N อาจเหมาะกว่าในบางเคส

สรุปให้สั้น: สินเชื่อระยะสั้น = เครื่องมือซื้อ “เวลา” ให้ธุรกิจ

ในปี 2568 ที่การแข่งขันสูงและเงินสดสำคัญกว่าที่เคย สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก แบบระยะสั้น คือคันโยกที่ทำให้ SME รับมือความผันผวนและ “คว้าโอกาสไว” ได้จริง สิ่งชี้ขาดไม่ใช่ดอกเบี้ยอย่างเดียว แต่คือ การแมตช์วงเงินกับจังหวะเงินเข้า–เงินออก และการจัดเอกสารให้โปร่งใสสอดคล้องกัน

อยากวางวงเงินให้ตรงกลยุทธ์ธุรกิจของคุณ?
คุยกับที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างสินเชื่อของเราได้ที่ www.easycashflows.com
 —ช่วยคุณประเมินกระแสเงินสด เลือกเครื่องมือ (OD/P-N/Factoring/Trade Finance) และเตรียมเอกสาร “ยื่นรอบเดียวจบ”

13


 emo26 ธุรกิจ SME ไทยกับโจทย์เรื่องเงินทุน

ปี 2568 SME ไทยยังเป็นกำลังหลักของเศรษฐกิจ คิดเป็นกว่า 99% ของกิจการทั่วประเทศ และสร้างการจ้างงานมากกว่า 70% แต่ปัญหาหลักคือ “เงินทุน” โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย

ข้อมูลจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (2568) ระบุว่ายอดสินเชื่อ SME รวมทั้งระบบยังมีความเข้มงวด แต่รัฐบาลและสถาบันการเงินพยายามออกมาตรการใหม่ ๆ เช่น สินเชื่อระยะสั้น วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท ที่ใช้เกณฑ์กระแสเงินสดและยอดขายดิจิทัลแทนการใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน

 emo25 สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กคืออะไร?

สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก (Small Business Loan) คือเงินกู้ที่สถาบันการเงินปล่อยให้ผู้ประกอบการ SME เพื่อใช้ในการดำเนินกิจการ ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มสภาพคล่อง, ลงทุนเครื่องจักร, ซื้อวัตถุดิบ หรือขยายกิจการ

แตกต่างจากสินเชื่อส่วนบุคคลตรงที่มีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจชัดเจน วงเงินสูงกว่า และมักมีการประเมิน DSCR (Debt Service Coverage Ratio), Cash Flow Forecast และ Credit Scoring ของกิจการก่อนอนุมัติ

 emo33 ประเภทสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็กที่สำคัญ

 emo55 สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital Loan)

ใช้จ่ายค่าแรง ค่าวัตถุดิบ ค่าเช่า

ระยะเวลากู้: ไม่เกิน 1 ปี

เหมาะกับธุรกิจร้านอาหาร ค้าปลีก และบริการ

สินเชื่อระยะสั้น (Short-term Loan)

กำหนดชำระคืนภายใน 12 เดือน

เหมาะกับธุรกิจที่มีโครงการสั้น ๆ หรือสต็อกสินค้าในเทศกาล

 emo40 สินเชื่อระยะกลางและยาว

1–7 ปี (กลาง) และ 7–10 ปีขึ้นไป (ยาว)

ใช้ลงทุนซื้อเครื่องจักร ขยายโรงงาน หรือตั้งสาขาใหม่

สินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่ง (Hire-Purchase & Leasing)

ใช้ซื้อเครื่องจักรหรือรถขนส่งโดยไม่ต้องจ่ายเงินก้อน

ทยอยผ่อนและมีสิทธิครอบครองเมื่อครบสัญญา

 emo44 สินเชื่อการค้าและส่งออก

เช่น L/C, Trust Receipt, Packing Credit

เหมาะกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ

 :'( สินเชื่อแฟคตอริ่ง (Factoring)

เปลี่ยนใบแจ้งหนี้ให้เป็นเงินสดทันที

ได้เงินล่วงหน้า 70–90% ของมูลค่าใบแจ้งหนี้

ปัจจัยที่ธนาคารใช้พิจารณา (สิ่งที่ผู้ประกอบการมักมองข้าม)

ประวัติทางการเงิน (Credit History): SME ที่ไม่มีประวัติค้างหนี้มีโอกาสอนุมัติสูงกว่า

ความมั่นคงของธุรกิจ: ธุรกิจที่มีอายุ 2–3 ปีจะน่าเชื่อถือมากกว่า Start-up แต่หากเป็นรายใหม่ แผนธุรกิจต้องแน่น

DSCR ≥ 1.5 เท่า: หมายถึงกำไรสุทธิต้องครอบคลุมภาระหนี้

หลักประกัน: แม้จะมีสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ แต่หากมีที่ดิน/เครื่องจักรค้ำก็เพิ่มวงเงินและลดดอกเบี้ยได้

เอกสารการเงิน: POS Statement, Bank Statement 6–12 เดือน, งบภาษี ภ.พ.30, ภ.ง.ด.50

ความเห็นจากที่ปรึกษาสินเชื่อ: มุมที่ SME ต้องรู้

สิ่งที่ผมเจอบ่อยคือผู้ประกอบการมัก “ยื่นเอกสารไม่ครบ” หรือ “ประเมินยอดขายเกินจริง” จนธนาคารมองว่าเสี่ยงเกินไป คำแนะนำคือ:

จัดทำ Business Plan 10 หน้า ที่มีเป้าหมายรายได้ + แผนการตลาด + Sensitivity Analysis (-10%/-20%)

ใช้ข้อมูลดิจิทัลแทนคำพูด เช่น รายได้จาก Food Delivery, QR Payment, POS เพราะแบงก์เชื่อข้อมูลจริงมากกว่าการคาดการณ์

กู้พอดีความต้องการ ไม่ควรกู้เกินจน Cash Flow ตึง เพราะจะทำให้ DSCR ต่ำลงและถูกปฏิเสธ

เทคนิคเพิ่มโอกาสอนุมัติไว

ฝึกนำเสนอ (Pitching): ธนาคารมักถามถึงโมเดลธุรกิจ จุดคุ้มทุน (Break-even Point) และแผนการใช้เงิน

เลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรง เช่น ต้องการลงทุนเครื่องจักรควรเลือกสินเชื่อเช่าซื้อ ไม่ใช่กู้ระยะสั้น

ใช้โครงการ บสย. ค้ำประกัน: ปี 2568 บสย. มีวงเงินค้ำกว่า 50,000 ล้านบาทในโครงการ PGS11 SMEs ยั่งยืน

เตรียม Cash Flow Forecast 12 เดือน ให้เห็นว่าแม้ในกรณีเลวร้าย ธุรกิจก็ยังชำระหนี้ได้

 :P สรุป

สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้ SME ไทยเติบโตได้อย่างมั่นคง การเข้าใจประเภทสินเชื่อ เงื่อนไขที่ธนาคารต้องการ และการเตรียมตัวอย่างรอบคอบ คือกุญแจสู่การอนุมัติวงเงิน

???? หากคุณเป็นผู้ประกอบการที่กำลังหาทุนหมุนเวียน ลงทุนเครื่องจักร หรือขยายร้าน ลองใช้แนวทางในบทความนี้ แล้วคุณจะพบว่า เงินกู้ SME ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ที่มา สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็กอนุมัติง่าย

???? สนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอคำปรึกษาส่วนตัว ติดต่อได้ที่ www.easycashflows.com

14


 emo39 ในปี 2568 ภาพรวมธุรกิจบริการของไทยยังคงเป็นหนึ่งในหัวใจหลักของเศรษฐกิจ ทั้งธุรกิจอาหาร เครื่องดื่ม ความงาม การศึกษา สุขภาพ และฟิตเนส ต่างขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันสูงและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ปัญหาหนึ่งที่ผู้ประกอบการหลายรายเจอคือ “ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน” แต่ต้องการเงินทุนเพื่อเสริมสภาพคล่องหรือขยายกิจการ

นี่คือเหตุผลที่ สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กลายเป็นทางออกที่สำคัญ และในปี 2568 สถาบันการเงินหลายแห่งต่างพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มนี้โดยเฉพาะ

ทำไมธุรกิจบริการเหมาะกับสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ 2568

1. รายได้ต่อเนื่องและสม่ำเสมอ
ธุรกิจบริการ เช่น ร้านอาหาร คาเฟ่ หรือสถาบันกวดวิชา มักมีรายรับต่อเนื่อง รายวันหรือรายเดือน ทำให้สถาบันการเงินมั่นใจในความสามารถชำระหนี้ แม้ไม่มีที่ดินหรืออาคารเป็นหลักทรัพย์ก็ตาม

2. ความต้องการเงินทุนหมุนเวียนรวดเร็ว
ธุรกิจบริการมักต้องหมุนเงินเพื่อซื้อวัตถุดิบ ปรับปรุงร้าน หรือลงทุนในอุปกรณ์ใหม่ สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันในปี 2568 ถูกออกแบบให้อนุมัติเร็วกว่าเดิม บางธนาคารใช้ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์และรายได้จริงเพื่ออนุมัติ

3. ต้นทุนเริ่มต้นไม่สูง แต่ต้องการความยืดหยุ่น
ธุรกิจบริการส่วนใหญ่ไม่ต้องใช้เครื่องจักรราคาแพง แต่ต้องใช้เงินลงทุนในการรีแบรนด์ จ้างบุคลากร หรือขยายสาขา สินเชื่อวงเงินสูงที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์จึงเป็นคำตอบที่ตรงจุด

4. โครงสร้างธุรกิจเน้น “ทักษะและบุคลากร” มากกว่า “ทรัพย์สิน”
ต่างจากธุรกิจโรงงานหรืออสังหาฯ ที่ใช้สินทรัพย์ถาวรเป็นค้ำประกัน ธุรกิจบริการสร้างมูลค่าจากคุณภาพการให้บริการ บุคลากร และประสบการณ์ลูกค้า จึงจำเป็นต้องใช้สินเชื่อแบบไม่มีหลักทรัพย์

ตัวอย่างธุรกิจบริการที่เหมาะกับสินเชื่อ SME วงเงินสูง

ร้านอาหารและคาเฟ่ – ใช้เงินกู้เพื่อซื้อวัตถุดิบคุณภาพดี ปรับปรุงร้านให้น่านั่งมากขึ้น

ร้านเสริมสวยและสปา – ลงทุนในอุปกรณ์ความงามใหม่ ๆ หรือขยายบริการเพื่อรองรับลูกค้ามากขึ้น

ธุรกิจฟิตเนสและเทรนเนอร์ส่วนตัว – ใช้เงินกู้เพื่อซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายทันสมัย และทำการตลาดดิจิทัล

คลินิกสุขภาพ – ลงทุนในเครื่องมือแพทย์ และปรับปรุงสถานที่ให้ได้มาตรฐาน

สถาบันกวดวิชาและติวเตอร์ออนไลน์ – พัฒนาหลักสูตรใหม่ ลงทุนในแพลตฟอร์มการเรียนการสอน

ภาพรวมสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ 2568 จากธนาคารชั้นนำ

SCB มณีทันใจ – วงเงินสูงสุด 5,000,000 บาท อนุมัติไวผ่าน SCB EASY

Krungthai SME – วงเงินสูงสุด 3,000,000 บาท เน้นผู้ค้าดิจิทัลและผู้ใช้แอปฯ ถุงเงิน

KKP Cash Now – วงเงินสูงสุด 1,000,000 บาท พิจารณารายได้จากหลายแหล่ง

SME D Bank – วงเงินสูงสุด 500,000 บาท เงื่อนไขง่าย เหมาะสำหรับธุรกิจเริ่มต้น

KBank K PLUS – วงเงินสูงสุด 1,000,000 บาท สมัครผ่านแอปพลิเคชันสะดวก

มุมมองเชิงกลยุทธ์: เจ้าของธุรกิจบริการควรคิดอย่างไร

ไม่ใช่แค่หาเงิน แต่ต้อง “บริหารหนี้”
ผู้ประกอบการควรทำแผนการใช้เงินกู้ชัดเจน เช่น ลงทุนในสิ่งที่เพิ่มรายได้ ไม่ใช่ใช้เพื่อค่าใช้จ่ายที่ไม่สร้างผลตอบแทน

ใช้สินเชื่อเป็น “เครื่องมือป้องกันความเสี่ยง”
ในภาวะเศรษฐกิจปี 2568 ที่ยังผันผวน การมีวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนช่วยป้องกันธุรกิจไม่ให้สะดุด แม้เจอวิกฤติระยะสั้น

สร้างเครดิตธุรกิจให้แข็งแรง
แม้เป็นสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ แต่ธนาคารยังพิจารณาประวัติการชำระหนี้ และกระแสเงินสด ดังนั้นควรรักษาวินัยการเงินให้ดี เพื่อโอกาสเข้าถึงวงเงินสูงขึ้นในอนาคต

สรุป

ธุรกิจบริการในปี 2568 กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ความยืดหยุ่นและความเร็วในการหมุนเวียนเงินคือหัวใจหลัก สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จึงกลายเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการ “ทุนต่อยอดโดยไม่ผูกติดกับทรัพย์สิน”

หากคุณคือเจ้าของกิจการบริการ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ฟิตเนส คลินิก หรือสถาบันกวดวิชา การมีวงเงินกู้ที่เหมาะสมสามารถเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจคุณก้าวกระโดดได้

???? สนใจปรึกษาเรื่องสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญได้ที่ www.easycashflows.com

อ่านบทความต้นฉบับสินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน 2568 สำหรับธุรกิจบริการ

ข้อมูลอ้างอิง

ธนาคารไทยพาณิชย์ SCB – มณีทันใจ SCB Official

ธนาคารกรุงไทย Krungthai SME Krungthai Official

ธนาคารเกียรตินาคินภัทร KKP Cash Now KKP Official

15


 emo39 ลองจินตนาการว่าคุณเพิ่งได้รับสัญญาโครงการก่อสร้างจากหน่วยงานภาครัฐ มูลค่าเกินร้อยล้านบาท ดีใจใช่ไหมครับ? แต่ปัญหาที่เจอบ่อยคือ “เงินทุนหมุนเวียน” ที่ต้องใช้ทันทีเพื่อซื้อวัสดุ จ่ายค่าแรง และวางระบบงานให้ทันตามแผนงาน โอกาสทองตรงนี้อาจสะดุด ถ้าไม่มีเงินทุนเพียงพอ

นี่จึงเป็นเหตุผลที่  สินเชื่อเพื่อธุรกิจ แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กลายมาเป็น “พระเอกตัวจริง” ของผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างในปี 2568 เพราะนอกจากช่วยเสริมสภาพคล่องแล้ว ยังให้วงเงินสูงและดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกัน

ทำไมผู้รับเหมาก่อสร้างถึงต้องใช้สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน?

ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการกับภาครัฐ มีข้อกำหนดที่เข้มงวด ทั้งเรื่องคุณภาพและการส่งมอบงานตรงเวลา หากเงินทุนไม่เพียงพอ การดำเนินงานอาจสะดุดจนกระทบชื่อเสียงและโอกาสในอนาคต

ข้อดีสำคัญของ  สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้แก่:

ได้วงเงินสูงกว่า: วงเงินกู้บางธนาคารให้ถึง 5 เท่าของมูลค่างาน

ดอกเบี้ยต่ำกว่า: ลดต้นทุนทางการเงินเมื่อเทียบกับสินเชื่อ SME แบบไม่มีหลักประกัน

เพิ่มความน่าเชื่อถือ: การมีหลักทรัพย์ค้ำประกันทำให้สถาบันการเงินมั่นใจมากขึ้น

บริการครบวงจร: เช่น Pre Finance สำหรับเริ่มโครงการ และ Post Finance หลังเบิกงวดงาน

 emo55 ประเภทหลักทรัพย์ที่นิยมใช้ค้ำประกัน

ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง – อาคารพาณิชย์ โกดัง โรงงาน หรือสำนักงาน

พันธบัตรรัฐบาล – หลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง เหมาะกับผู้ที่มีพอร์ตลงทุน

เงินฝากธนาคาร – ทั้งเงินฝากประจำและเงินฝากออมทรัพย์

การค้ำประกันโดย บสย. – เหมาะสำหรับธุรกิจ SME ที่ต้องการเพิ่มความน่าเชื่อถือ

 emo56 ผู้ให้บริการสินเชื่อที่น่าสนใจในปี 2568

SCB (ไทยพาณิชย์): วงเงิน O/D และ L/G สำหรับธุรกิจภาครัฐ วงเงินสูงสุด 100 ล้านบาท

KTB (กรุงไทย): วงเงินค้ำประกันได้สูงสุด 5 เท่าของมูลค่างาน บริการออก L/G ภายใน 1 วัน

TISCO (ทิสโก้): เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีรายได้ต่อปีเกิน 30 ล้านบาท ใช้หลักประกันได้หลายประเภท

Lease IT: มีสินเชื่อ Project Backup Finance และ Bid Bond เหมาะสำหรับผู้ต้องการความยืดหยุ่น

(ข้อมูลเพื่อการเปรียบเทียบเบื้องต้น หากต้องการรายละเอียดโปรดสอบถามผู้ให้บริการโดยตรง)

 emo44 ตัวอย่างสถานการณ์จริง

คุณเอก เจ้าของบริษัทก่อสร้างระดับกลาง เพิ่งชนะการประมูลสร้างอาคารสำนักงานราชการมูลค่า 200 ล้านบาท เขาต้องใช้เงินสดกว่า 30 ล้านบาทในการเริ่มต้นงาน ตั้งแต่จัดซื้อวัสดุไปจนถึงค่าแรง แต่ไม่มีเงินก้อนใหญ่พอ

เอกเลือกใช้ สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยนำที่ดินของบริษัทไปวางเป็นหลักประกัน ได้วงเงินกู้ถึง 50 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำกว่าสินเชื่อหมุนเวียนทั่วไป ทำให้โครงการเริ่มได้ตามกำหนดและสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาคู่ค้า

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q1: ถ้าไม่มีที่ดินหรืออาคาร จะกู้สินเชื่อแบบมีหลักประกันได้ไหม?
A: ได้ครับ สามารถใช้เงินฝาก พันธบัตร หรือใช้บริการค้ำประกันจาก บสย. แทนได้

Q2: ระยะเวลาอนุมัติสินเชื่อใช้เวลานานแค่ไหน?
A: ปกติอยู่ที่ 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับเอกสารและการประเมินหลักทรัพย์

Q3: ดอกเบี้ยเฉลี่ยปี 2568 เท่าไร?
A: อยู่ที่ประมาณ 5-7% ต่อปี ต่ำกว่าสินเชื่อไม่มีหลักประกันที่เฉลี่ย 9-12%

Q4: เหมาะกับผู้รับเหมารายเล็กหรือไม่?
A: เหมาะครับ แต่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เพียงพอ วงเงินจะถูกประเมินตามมูลค่าหลักทรัพย์และสัญญาจ้างงาน

สรุป

ในปี 2568 ที่การแข่งขันด้านการก่อสร้างเข้มข้นขึ้น สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้างถือเป็น “ตัวช่วยทางการเงิน” ที่สร้างความได้เปรียบ เพราะให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ และทำให้โครงการเดินหน้าได้ตามแผน

หากคุณคือผู้ประกอบการที่กำลังหาทางออกด้านการเงิน อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดมือ มาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมและขอคำปรึกษาได้ที่ ???? www.easycashflows.com

ศึกษาเพิ่มเติมจากบทความฉบับเต็ม สินเชื่อสำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

ข้อมูลอ้างอิง

ธนาคารแห่งประเทศไทย (2568). รายงานแนวโน้มสินเชื่อธุรกิจ SME ปี 2568. https://www.bot.or.th

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ (2568). สถิติผู้ประกอบการรับเหมาก่อสร้าง. https://www.dbd.go.th

16


ในปี 2568 ธุรกิจ SME ไทยยังคงเผชิญความท้าทายด้านเงินทุน ทั้งจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ค่าจ้างแรงงานที่ปรับตัวสูงขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรงในทุกอุตสาหกรรม ทำให้ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ยังคงเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญที่ช่วยเสริมสภาพคล่องและขยายโอกาสการเติบโต แต่คำถามที่เจ้าของธุรกิจจำนวนมากมักสงสัยคือ “จะทำอย่างไรให้ได้วงเงินสูงกว่าที่คาดหวัง?”

ในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อ ปัจจัยที่ธนาคารใช้พิจารณาไม่ได้มีแค่รายได้ แต่ยังรวมถึงความน่าเชื่อถือ แผนธุรกิจ และการบริหารจัดการที่สะท้อนศักยภาพระยะยาว ซึ่งในบทความนี้เราจะวิเคราะห์เชิงลึกและให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้คุณพร้อมก้าวไปสู่การขอ สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก หรือแม้แต่ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก  ที่มีวงเงินสูงขึ้นจริง

รายได้และกำไร: ตัวชี้วัดศักยภาพธุรกิจ

รายได้เฉลี่ยต่อเดือนและกำไรสุทธิ คือด่านแรกที่ธนาคารใช้ประเมิน หากธุรกิจมีรายได้มั่นคงและชัดเจน โอกาสได้วงเงินสูงจะมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ธุรกิจที่มีรายได้ 300,000 บาทต่อเดือน ธนาคารอาจอนุมัติวงเงิน 3–5 เท่า

Insight ผู้เชี่ยวชาญ:
แม้กำไรสุทธิยังไม่สูง แต่หากธุรกิจแสดงศักยภาพการเติบโต เช่น มียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 12 เดือน ธนาคารบางแห่งอาจให้วงเงินสูงกว่าค่าเฉลี่ย ดังนั้นผู้ประกอบการควรแสดงข้อมูลการเติบโตเชิงบวก ไม่ใช่เพียงกำไรที่มีในปัจจุบัน

เอกสารทางการเงิน: ความโปร่งใสคือกุญแจสำคัญ

ธนาคารให้ความสำคัญกับงบการเงิน รายงานรายได้–ค่าใช้จ่าย และ Statement ย้อนหลัง 6–12 เดือน รวมถึงการยื่นภาษี (ภ.พ.30, ภ.ง.ด.50/51)

กลยุทธ์ที่ควรทำ:

จัดทำบัญชีรายเดือนที่โปร่งใส

ใช้ระบบบัญชีดิจิทัลเพื่อลดข้อผิดพลาด

ตรวจสอบเอกสารให้ตรงกับการยื่นภาษี

Insight ผู้เชี่ยวชาญ:
ธุรกิจที่มีข้อมูลการเงินที่ชัดเจน ไม่เพียงช่วยให้ธนาคารมั่นใจ แต่ยังทำให้คุณต่อรองดอกเบี้ยได้ดีกว่าด้วย

เครดิตเจ้าของธุรกิจ: ภาพสะท้อนความน่าเชื่อถือ

ธนาคารตรวจสอบเครดิตบูโรของเจ้าของกิจการ แม้คุณมีหนี้ แต่ถ้าชำระตรงเวลา โอกาสอนุมัติวงเงินสูงก็ยังมี

Insight:
ในปี 2568 ระบบเครดิตบูโรพัฒนาไปมาก โดยบางธนาคารใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการชำระเงิน ทำให้ธุรกิจที่มีการชำระตรงเวลาสม่ำเสมอได้รับเครดิตที่ดีกว่า แม้จะเป็น สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก

หลักประกัน: ยกระดับวงเงินสินเชื่อ

หากคุณมีสินทรัพย์ เช่น ที่ดิน อาคาร รถยนต์ สามารถใช้เป็นหลักประกันได้ โดยปกติวงเงินจะอยู่ที่ 70–100% ของมูลค่าสินทรัพย์

Insight ผู้เชี่ยวชาญ:
หากต้องการขอวงเงินสูง ธุรกิจควรประเมินทรัพย์สินของตนเองล่วงหน้า เช่น จ้างผู้ประเมินราคาที่ได้รับการรับรอง จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือในการขอวงเงิน

อายุธุรกิจ: ประวัติยิ่งนาน ความเสี่ยงยิ่งต่ำ

ธุรกิจที่ดำเนินงานเกิน 2 ปีมีแนวโน้มอนุมัติวงเงินสูงกว่า ธนาคารบางแห่งตั้งเงื่อนไขขั้นต่ำที่ 1 ปี

คำแนะนำ:
สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่ม ควรใช้กลยุทธ์สินเชื่อ เพื่อการลงทุนขนาดเล็ก ก่อน เพื่อสร้างประวัติการชำระหนี้ แล้วจึงค่อยต่อยอดไปสู่การขอวงเงินสูงในอนาคต

แผนธุรกิจชัดเจน: สะท้อนวิสัยทัศน์ระยะยาว

การมีแผนธุรกิจ (Business Plan) ที่ชัดเจนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ แสดงให้ธนาคารเห็นว่าเงินกู้จะถูกใช้เพื่อสร้างรายได้ใหม่จริง

Insight ผู้เชี่ยวชาญ:
ในปี 2568 ธนาคารหลายแห่งเน้นดู “Business Model ที่ยั่งยืน” เช่น ธุรกิจที่มีรายได้ประจำจากลูกค้ารายเดือน (Recurring Income) หรือมีสัญญาเช่าระยะยาว

คู่ค้าและสัญญารับงานต่อเนื่อง: หลักฐานความมั่นคง

การมีคู่ค้ารายใหญ่หรือสัญญารับงานต่อเนื่อง เช่น การเป็นซัพพลายเออร์ให้บริษัทโลจิสติกส์ จะทำให้ธนาคารมั่นใจว่า ธุรกิจมีรายได้ระยะยาว

Insight:
ธนาคารปี 2568 เริ่มให้ความสำคัญกับ Ecosystem ของธุรกิจ เช่น หากคุณอยู่ใน Supply Chain ของบริษัทใหญ่ โอกาสได้รับวงเงินสูงจะมากขึ้น

กรณีศึกษาเชิงลึก: จาก SME สู่วงเงินหลายล้าน

“ร้านกาแฟสโลว์บาร์” ในเชียงใหม่ รายได้เฉลี่ย 250,000 บาท/เดือน มี Statement ชัดเจน ใช้เครดิตดีและมีที่ดินเล็กๆ เป็นหลักประกัน ได้รับอนุมัติ สินเชื่อsme 1.5 ล้านบาท จากเดิมที่คิดว่าจะได้เพียง 700,000 บาท

บทเรียน:
การบริหารจัดการทางการเงินที่โปร่งใส และการมีทรัพย์สินเล็กน้อยสามารถยกระดับวงเงินได้จริง

บทสรุป

การได้วงเงินสูงจาก สินเชื่อเพื่อธุรกิจ หรือ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก ไม่ใช่เรื่องยาก หากผู้ประกอบการเตรียมตัวครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นรายได้ กำไร เอกสารทางการเงิน ประวัติเครดิต หลักประกัน และแผนธุรกิจที่ชัดเจน สิ่งเหล่านี้จะทำให้คุณมีอำนาจต่อรองและได้รับวงเงินตามศักยภาพที่แท้จริง

หากคุณกำลังวางแผนขอสินเชื่อ และอยากปรึกษากลยุทธ์ทางการเงิน เชิญติดต่อได้ที่ www.easycashflows.com
เพื่อพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมช่วยคุณวางแผนสู่ความสำเร็จ

ข้อมูลอ้างอิง

ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2568). รายงานแนวโน้มสินเชื่อธุรกิจ SME ไตรมาส 2/2568. https://www.bot.or.th

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.). (2568). SME Report 2025. https://www.sme.go.th

Krungthai Compass. (2568). วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยและสินเชื่อธุรกิจ SME ปี 2568. https://www.krungthai.com - https://www.thaifranchisecenter.com/forumboard/index.php?action=post;board=16.0

17


ลองจินตนาการว่าคุณเพิ่งปิดดีลใหญ่กับลูกค้า แต่ต้องรอรับเงินอีก 60–90 วัน ขณะที่ค่าเช่า ค่าวัตถุดิบ และเงินเดือนพนักงานกำลังรออยู่ การ “รอ” กลายเป็นภาระที่เสี่ยงต่อการชะงักของกระแสเงินสด ซึ่งนี่คือจุดที่ สินเชื่อแฟคตอริ่ง หรือ สินเชื่อ Factoring เข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนเกม

ในปี 2568 ที่สภาพเศรษฐกิจผันผวนและต้นทุนธุรกิจสูงขึ้น ความสามารถในการหมุนเงินให้ทันต่อโอกาสสำคัญยิ่งกว่าเดิม การใช้บริการแฟคตอริ่งช่วยให้คุณเปลี่ยนใบแจ้งหนี้ (Invoice) ที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระให้กลายเป็นเงินสดได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง

สินเชื่อแฟคตอริ่งคืออะไร และทำไมถึงตอบโจทย์ธุรกิจยุคนี้

แฟคตอริ่งเป็น  สินเชื่อระยะสั้น ประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นบริการทางการเงินที่ธุรกิจขายสิทธิเรียกร้องการรับชำระหนี้ (ลูกหนี้การค้า) ให้กับสถาบันการเงินหรือบริษัทแฟคเตอร์ เพื่อแลกกับเงินล่วงหน้า 70–90% ของมูลค่าใบแจ้งหนี้ ส่วนที่เหลือจะจ่ายให้เมื่อถึงกำหนดชำระจริง หักด้วยค่าธรรมเนียม

ข้อได้เปรียบที่ทำให้แฟคตอริ่งเหมาะกับธุรกิจหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต ผู้ส่งออก หรือธุรกิจบริการ คือการที่การอนุมัติเน้นคุณภาพของลูกหนี้การค้า มากกว่าประวัติเครดิตของผู้ประกอบการ จึงถือเป็นหนึ่งใน สินเชื่อไม่เช็คบูโร ที่เข้าถึงได้ง่าย

 emo56 กลไกการทำงานของแฟคตอริ่ง (Factoring)

ยื่นสมัครและเตรียมเอกสาร – เช่น งบการเงิน รายชื่อลูกหนี้ และประวัติการชำระเงิน

ประเมินและอนุมัติ – บริษัทแฟคเตอร์จะตรวจสอบเครดิตของลูกหนี้การค้า

ทำสัญญา – ระบุอัตราค่าธรรมเนียม ประเภทแฟคตอริ่ง (Recourse/Non-Recourse)

ส่งใบแจ้งหนี้และรับเงินล่วงหน้า – ปกติ 70–90% ภายใน 24–48 ชม.

รับส่วนที่เหลือเมื่อครบกำหนด – หลังลูกค้าชำระเงินให้บริษัทแฟคเตอร์

ประโยชน์เชิงกลยุทธ์ของการใช้สินเชื่อแฟคตอริ่ง

เพิ่มสภาพคล่องทันที – รับเงินทุนหมุนเวียนโดยไม่ต้องรอเครดิตเทอม

ลดความเสี่ยงหนี้สูญ – โดยเฉพาะแบบ Non-Recourse ที่บริษัทแฟคเตอร์รับความเสี่ยงแทน

ประหยัดเวลาในการติดตามหนี้ – บริษัทแฟคเตอร์ทำหน้าที่เก็บเงินแทนคุณ

ขยายธุรกิจได้เร็วขึ้น – รับคำสั่งซื้อใหม่ได้ทันทีเพราะไม่ติดปัญหาเงินทุน

ไม่เพิ่มภาระหนี้สินในงบดุล – เพราะเป็นการขายสินทรัพย์ ไม่ใช่การกู้

 O0 มุมมองจากที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ

ในฐานะที่ปรึกษาด้านการเงิน แฟคตอริ่งไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือแก้ขาดสภาพคล่อง แต่ยังเป็น “ตัวเร่งการเติบโต” โดยเฉพาะธุรกิจที่มีลูกหนี้การค้าเชื่อถือได้ การใช้แฟคตอริ่งอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยสร้างวงเงินหมุนเวียนที่มั่นคง ทำให้ผู้ประกอบการกล้ารับดีลใหญ่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องทุน

อย่างไรก็ตาม ควรคำนวณค่าธรรมเนียมและผลกระทบต่อกำไรอย่างรอบคอบ รวมถึงเลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ และเข้าใจรูปแบบแฟคตอริ่งที่เหมาะกับธุรกิจตนเองที่สุด

สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนใช้แฟคตอริ่ง

ค่าธรรมเนียม 1–3% ต่อเดือน อาจสูงถ้าใบแจ้งหนี้มีมูลค่ามาก

ประเภท Recourse/Non-Recourse มีผลต่อความเสี่ยงและต้นทุน

ลูกค้าจะรู้ว่ามีการใช้แฟคตอริ่ง อาจกระทบความสัมพันธ์

คุณภาพลูกหนี้การค้าเป็นปัจจัยหลักในการอนุมัติ

สรุปและข้อเชิญชวน

ปี 2568 การเข้าถึง สินเชื่อแฟคตอริ่ง หรือ สินเชื่อ Factoring คือทางเลือกสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการเงินทุนระยะสั้นและเพิ่มสภาพคล่องอย่างรวดเร็ว แม้จะมีต้นทุนค่าธรรมเนียม แต่ถ้าบริหารจัดการอย่างมีกลยุทธ์ ผลตอบแทนจากการเติบโตและการลดความเสี่ยงอาจคุ้มค่าเกินกว่าต้นทุน

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรืออยากประเมินความเหมาะสมของแฟคตอริ่งสำหรับธุรกิจของคุณ ติดต่อทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้ที่ www.easycashflows.com เพื่อรับคำปรึกษาฟรีและตัวเลือกที่ตรงกับธุรกิจคุณมากที่สุด
อ่านบทความฉบับเต็ม
พลิกเกมธุรกิจ สินเชื่อแฟคตอริ่ง ตัวช่วยหมุนเงินฉับไว


ข้อมูลอ้างอิง

ธนาคารแห่งประเทศไทย – สถานการณ์สินเชื่อธุรกิจ ปี 2568

SME Bank – บริการสินเชื่อแฟคตอริ่ง

สมาคมแฟคตอริ่งไทย – คู่มือแฟคตอริ่ง

18

ในโลกธุรกิจปี 2568 การพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการผลิต เช่น โรงงานอุตสาหกรรม หรือศูนย์กระจายสินค้า ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนในสิ่งปลูกสร้าง แต่เป็นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สร้างรายได้ระยะยาวให้กิจการ ซึ่งการเข้าถึง สินเชื่อ พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และ สินเชื่อโรงงาน กลายเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ

ในฐานะที่ปรึกษาด้านสินเชื่อธุรกิจ ผมเห็นชัดว่าปีนี้สถาบันการเงินให้ความสำคัญกับโครงการที่มีศักยภาพสูงและแผนธุรกิจชัดเจนมากขึ้น เนื่องจากการแข่งขันในตลาดทุนเข้มข้น และดอกเบี้ยแม้มีแนวโน้มทรงตัว แต่เกณฑ์อนุมัติเข้มงวดกว่าเดิม

ทำความเข้าใจสินเชื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ สำหรับธุรกิจการผลิต
สินเชื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Development Loan) คือเงินกู้ที่สนับสนุนการลงทุนตั้งแต่ซื้อที่ดิน ก่อสร้าง จัดทำระบบสาธารณูปโภค ไปจนถึงทำการตลาดเพื่อขายหรือปล่อยเช่าโครงการ เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายฐานการผลิตหรือสร้างโรงงานใหม่

???? Insight ผู้เชี่ยวชาญ: ในปี 2568 ธนาคารหลายแห่งเพิ่มผลิตภัณฑ์สินเชื่อเฉพาะสำหรับ “สินเชื่อเพื่อธุรกิจการผลิต” โดยปรับโครงสร้างดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับรอบการผลิตและการคืนทุน

ประเภทสินเชื่อพัฒนาโครงการที่ผู้ประกอบการควรรู้
1. สินเชื่อก่อนการพัฒนา (Pre-development Loan)สินเชื่อสำหรับ กู้สร้างโรงงาน พัฒนาโครงการ
สำหรับขั้นตอนวางรากฐานโครงการ เช่น การซื้อที่ดิน ศึกษาความเป็นไปได้ ออกแบบ และขออนุญาตก่อสร้าง

วงเงิน: 60-80% ของมูลค่าที่ดิน

ระยะเวลา: 1-3 ปี

กลยุทธ์การใช้: ควรใช้ในการล็อกที่ดินทำเลทองก่อนราคาพุ่ง โดยเฉพาะพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบ

2. สินเชื่อเพื่อการก่อสร้าง (Construction Loan)
ครอบคลุมค่าใช้จ่ายระหว่างก่อสร้าง เช่น ค่าวัสดุ ค่าแรง และค่าสาธารณูปโภค

วงเงิน: 70-80% ของต้นทุนก่อสร้าง

การเบิกจ่าย: ตามความคืบหน้างาน

Insight: ธนาคารจะพิจารณาผู้รับเหมาที่มีผลงานและความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันโครงการล่าช้า

3. สินเชื่อเพื่อการตลาดและขาย (Bridge Loan)
ใช้ในช่วงโครงการใกล้เสร็จหรือเสร็จแล้ว แต่ต้องการเงินหมุนเพื่อทำการตลาดและรอการโอนกรรมสิทธิ์

เหมาะกับผู้พัฒนาโรงงานที่ต้องการดึงผู้เช่า/ผู้ซื้อรายใหญ่เข้ามาเร็ว

ระยะเวลาสั้น 1-2 ปี ดอกเบี้ยสูงกว่าเล็กน้อย

4. สินเชื่อเพื่อโอนกรรมสิทธิ์/รีไฟแนนซ์ (Take-out Loan)
ใช้ชำระคืนสินเชื่อก่อสร้างและปรับโครงสร้างหนี้เป็นระยะยาว

ข้อดี: ลดภาระผ่อนต่อเดือนและทำให้กระแสเงินสดนิ่งขึ้น

เหมาะกับโครงการที่มีสัญญาเช่าโรงงานระยะยาว หรือขายที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างให้หลายราย

ปัจจัยที่สถาบันการเงินใช้พิจารณาในปี 2568
ประสบการณ์และผลงานที่ผ่านมา – ธนาคารให้ความสำคัญกับผู้พัฒนาที่มี Track Record ดี โดยเฉพาะโครงการที่แล้วเสร็จตามแผน

ความเป็นไปได้ทางการตลาด – การวิเคราะห์ Demand-Supply ของพื้นที่รอบโครงการเป็นปัจจัยชี้ขาด

ทำเลและศักยภาพการเติบโต – พื้นที่ใกล้โครงข่ายคมนาคมหลัก เช่น รถไฟทางคู่ มอเตอร์เวย์ มีคะแนนอนุมัติสูง

สัดส่วนเงินลงทุนของผู้พัฒนา – ผู้ลงทุนควรมีส่วนร่วมอย่างน้อย 20-40% ของมูลค่าโครงการ

หลักประกัน – ที่ดินและโรงงานที่สร้างเสร็จมักถูกใช้เป็นหลักประกันหลัก

กลยุทธ์ขอสินเชื่อให้ผ่านฉลุย
เตรียมแผนธุรกิจแบบมืออาชีพ: ระบุ Timeline การก่อสร้าง แผนขายหรือปล่อยเช่า และกระแสเงินสดที่คาดการณ์

ใช้ข้อมูลวิจัยตลาดประกอบ: แสดงให้เห็นความต้องการของโรงงานในพื้นที่

แสดงความพร้อมด้านทีมงานและพันธมิตร: เช่น ผู้รับเหมา สถาปนิก บริษัทจัดการโครงการ

บริหารความเสี่ยง: มีแผนสำรองหากการขาย/เช่าไม่เป็นไปตามเป้า

???? Insight เชิงกลยุทธ์: ผู้ประกอบการที่ใช้สินเชื่อโรงงานควบคู่กับโครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เช่น ศูนย์กระจายสินค้า จะสร้างความหลากหลายของรายได้ ทำให้ธนาคารมองว่ามีความเสี่ยงต่ำ

ตัวอย่างการใช้สินเชื่อพัฒนาโครงการให้เกิดผลสูงสุด
บริษัท “ABC Manufacturing” ต้องการสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ใน EEC ใช้ สินเชื่อเพื่อการก่อสร้าง 70% ของงบประมาณ และใช้ สินเชื่อเพื่อการตลาดและขาย ในการหาผู้เช่าพื้นที่ส่วนเกินในโรงงานเพื่อสร้างรายได้เสริม
ผลลัพธ์: ภายใน 18 เดือน โรงงานเริ่มผลิตทันเวลา และสัญญาเช่าเต็มพื้นที่ 100% ทำให้สามารถรีไฟแนนซ์เป็นสินเชื่อระยะยาวที่ดอกเบี้ยต่ำลง 1.2% ต่อปี

สรุป: การเลือกสินเชื่อที่ใช่ คือการลงทุนที่ชาญฉลาด
การกู้สร้างโรงงานหรือพัฒนาโครงการในปี 2568 ต้องอาศัยทั้งการวางแผนทางการเงินและกลยุทธ์การตลาด การเลือก สินเชื่อโรงงาน หรือ สินเชื่อเพื่อธุรกิจการผลิต ที่ตรงกับระยะและเป้าหมายของโครงการ จะช่วยลดต้นทุน เพิ่มโอกาสทำกำไร และเสริมศักยภาพการเติบโตในระยะยาว

Call to Action:
หากคุณกำลังมองหาข้อมูลหรือคำปรึกษาในการขอสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ กู้สร้างโรงงาน หรือสินเชื่อเพื่อธุรกิจการผลิต สามารถเยี่ยมชม www.easycashflows.com เพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อธุรกิจ
สินเชื่อพัฒนาโครงการอสังหาฯ แหล่งทุนที่นักลงทุนควรรู้

ข้อมูลอ้างอิง:

สมาคมธนาคารไทย, รายงานสินเชื่อเพื่อธุรกิจการผลิต 2568

ธนาคารแห่งประเทศไทย, แนวโน้มสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย ปี 2568

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ TTB Analytics, แนวโน้มตลาดโรงงานและนิคมอุตสาหกรรม

19

 emo23 ในวงการรับเหมาก่อสร้าง เงินทุนหมุนเวียนคือหัวใจของทุกโครงการ ไม่ว่าจะเป็นค่าวัสดุ ค่าจ้างช่างฝีมือ หรือค่าใช้จ่ายเบื้องหลังที่มองไม่เห็น แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการหลายคนเจอมาซ้ำๆ คือ สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แล้วธนาคารก็มักจะปฏิเสธ

ผมเคยเจอลูกค้ารายหนึ่งที่เพิ่งชนะประมูลงานสร้างอาคารราชการมูลค่ากว่า 15 ล้านบาท แต่กลับเกือบต้องคืนงาน เพราะไม่สามารถหาเงินทุนหมุนเวียนทันเวลา โชคดีที่เขาเลือกสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จนสามารถเดินหน้าก่อสร้างและส่งมอบงานตรงเวลา

ปี 2568 ถือเป็นปีที่ตลาดสินเชื่อsme แข่งขันกันดุเดือด ธนาคารหลายแห่งปล่อยโปรดอกเบี้ยพิเศษ และเปิดช่องให้ผู้รับเหมาที่ไม่มีทรัพย์ค้ำสามารถกู้ได้ง่ายขึ้น วันนี้ผมจะพาคุณไปรู้จักแหล่งสินเชื่อที่น่าสนใจ พร้อมเคล็ดลับเพิ่มโอกาสอนุมัติจากมุมมองที่ปรึกษาสินเชื่อมืออาชีพ

 emo55 SME D Bank – เสริมสภาพคล่องแบบรัฐหนุนหลัง
จุดเด่น:

ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ต้องมีผู้ค้ำประกัน

อัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษตามนโยบายรัฐ

เน้นผู้ประกอบการที่มีโครงการชัดเจนและถูกต้องตามกฎหมาย

มุมมองที่ปรึกษา: SME D Bank เข้าใจ Pain Point ของผู้รับเหมารายเล็กโดยตรง ถ้าคุณมีสัญญาจ้างจากภาครัฐหรือเอกชนใหญ่ และมีผู้ค้ำประกันที่น่าเชื่อถือ โอกาสผ่านสูงมาก แต่ต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เช่น สัญญาจ้าง, งบการเงินย้อนหลัง, แผนธุรกิจ

 emo57 ธนาคารกรุงไทย – Contract Loan พิจารณาจากงานในมือ
จุดเด่น:

ใช้สัญญาจ้างจากภาครัฐหรือเอกชนเป็นหลัก

วงเงินไม่ใช้หลักทรัพย์ ขึ้นอยู่กับเครดิตและรายได้

ต้องมี Statement เดินบัญชีดี

มุมมองที่ปรึกษา: ถ้าคุณมีสัญญาจ้างใหญ่และเดินบัญชีสม่ำเสมอ กรุงไทยเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เพราะพิจารณามูลค่าสัญญาเป็นหลัก แต่ต้องระวังเรื่องความโปร่งใสของรายได้และการเดินบัญชี

 emo53 ttb business one loan – ยืดหยุ่นสำหรับกระแสเงินสดไม่แน่นอน
จุดเด่น:

ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ หากผ่านเกณฑ์เครดิต

พิจารณาจากรายได้เฉลี่ย, สัญญารับเหมา และ Statement

เบิกใช้วงเงินได้ตามต้องการ

มุมมองที่ปรึกษา: เหมาะสำหรับผู้รับเหมาที่รายได้เป็นรอบโครงการและกระแสเงินสดไม่สม่ำเสมอ เพราะความยืดหยุ่นของสินเชื่อช่วยให้บริหารทุนได้คล่องตัว

 ;D SCB SME – วงเงินสูงสำหรับนิติบุคคล
จุดเด่น:

วงเงินสูงสุด 3–5 ล้านบาท

ใช้ผลประกอบการและ Statement เป็นหลัก

เหมาะกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่จดทะเบียนถูกต้อง

มุมมองที่ปรึกษา: ถ้าธุรกิจของคุณมีงบการเงินดีและจดทะเบียนนิติบุคคล SCB จะให้ข้อเสนอที่แข่งขันได้มาก แต่ถ้าเป็นผู้รับเหมาบุคคลธรรมดาอาจยื่นยาก

 emo30 บสย. – ค้ำประกันแทนหลักทรัพย์
จุดเด่น:

ไม่ปล่อยกู้เอง แต่ค้ำประกันให้กับธนาคาร

ช่วยเพิ่มวงเงินและโอกาสอนุมัติ

เหมาะสำหรับผู้ประกอบการที่ขาดทรัพย์ค้ำ

มุมมองที่ปรึกษา: บสย. เป็น “ตัวช่วยลับ” ที่หลายคนมองข้าม ถ้าคุณมีสัญญาจ้างและศักยภาพทางธุรกิจ ใช้ บสย. ค้ำจะทำให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้นมาก

 emo33 ปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสอนุมัติ
สัญญาจ้างจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ – โดยเฉพาะงานรัฐหรือเอกชนใหญ่

เดินบัญชีสม่ำเสมอ – แสดงรายรับจากงานจริงอย่างโปร่งใส

เอกสารภาษีครบถ้วน – เช่น ภพ.30 และใบกำกับภาษี

เครดิตบูโรดี – ไม่มีประวัติค้างชำระ

ใช้ บสย. ค้ำประกัน – เพิ่มความมั่นใจให้ธนาคาร

ข้อควรคิดก่อนกู้
อัตราดอกเบี้ยมักสูงกว่าสินเชื่อมีหลักทรัพย์

วงเงินอาจจำกัด ควรประเมินความเพียงพอ

ระยะเวลาผ่อนสั้นอาจทำให้ค่างวดสูง

ศึกษาเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมให้ละเอียด

 ^-^ สรุปและคำแนะนำ
ปี 2568 เป็นช่วงเวลาที่ผู้รับเหมาก่อสร้างสามารถใช้โอกาสจากสินเชื่อsmeไม่ใช้หลักประกันได้อย่างเต็มที่ หากเตรียมตัวถูกทาง ทั้งเรื่องเอกสาร, การเดินบัญชี, และการสร้างเครดิตที่ดี

หากคุณกำลังมองหาสินเชื่อที่เหมาะกับธุรกิจ ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อคัดเลือกข้อเสนอที่คุ้มค่าที่สุดและตรงกับสถานการณ์การเงินของคุณ

Call to Action:
ติดต่อทีมที่ปรึกษาสินเชื่อของเราเพื่อรับการวิเคราะห์ฟรีได้ที่ www.easycashflows.com

ข้อมูลอ้างอิง:

ธนาคารแห่งประเทศไทย – รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงิน ไตรมาส 2/2568 https://www.bot.or.th

สมาคมธนาคารไทย – แนวโน้มสินเชื่อธุรกิจ SME ปี 2568 https://www.thaibankers.or.th

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) – โครงการค้ำประกันสินเชื่อ https://www.tcg.or.th

20

emo26 ถ้าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในปี 2568 แล้วกำลังมองหาเงินทุนเพื่อขยายกิจการ ผมอยากบอกว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะตอนนี้ผู้ประกอบการ SME ไทยหลายหมื่นรายก็เผชิญโจทย์เดียวกัน — ต้นทุนสูงขึ้น คู่แข่งมากขึ้น แต่โอกาสก็ยังรออยู่เต็มไปหมด

และหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยให้ SME ก้าวกระโดดได้ก็คือ สินเชื่อ SMEหรือ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก ที่ออกแบบมาสำหรับคนทำธุรกิจจริง ๆ ไม่ว่าคุณจะเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ โรงงานผลิตชิ้นส่วน หรือสตาร์ทอัพเทคโนโลยีที่เพิ่งเริ่มต้น

SME คือใคร? ทำไมถึงได้สิทธิ์ขอสินเชื่อพิเศษ
ตามนิยามของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ธุรกิจ SME คือกิจการที่มีพนักงานไม่เกิน 200 คน และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 500 ล้านบาท แต่ในมุมผม ตัวชี้วัดจริง ๆ คือความตั้งใจของเจ้าของกิจการและศักยภาพในการเติบโต เพราะธนาคารกับสถาบันการเงินมองหา “คนที่ใช้เงินแล้วทำให้ธุรกิจโต” ไม่ใช่แค่ “คนที่ต้องการเงิน”

เลือกสินเชื่อธุรกิจให้เหมาะกับสไตล์ธุรกิจ
ไม่ใช่สินเชื่อทุกแบบจะเหมาะกับทุกคน ลองมาดูตัวเลือกหลัก ๆ ที่ยังฮิตในปี 2568

สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME แบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน – ดอกเบี้ยต่ำกว่า (ราว 5–10%) แต่ต้องใช้ที่ดิน อาคาร หรือสินทรัพย์มาค้ำ

สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน – เหมาะกับคนไม่มีทรัพย์ค้ำ แต่ดอกเบี้ยจะสูงขึ้น (10–18%) เพราะธนาคารรับความเสี่ยงมากขึ้น

วงเงินเบิกเกินบัญชี (OD) – เหมาะกับคนที่ต้องหมุนเงินระยะสั้น ใช้เท่าไหร่จ่ายดอกเท่านั้น (7–15%)

สินเชื่อจาก Non-Bank หรือสินเชื่อดิจิทัล – สมัครง่าย อนุมัติไว แต่ดอกเบี้ยสูง (15–28%)

บัตรเครดิตธุรกิจ – ใช้ได้หลากหลาย แต่ดอกเบี้ยสูงมาก (18–25%) และต้องมีวินัยใช้จ่าย

เคล็ดลับที่คนมักมองข้ามตอนขอสินเชื่อ
รู้ตัวเลขตัวเองให้ดี
ก่อนจะไปคุยกับสถาบันการเงิน ลองเช็กให้ชัดว่าธุรกิจคุณมีรายรับ รายจ่าย กำไรสุทธิ และกระแสเงินสดเท่าไหร่ เพราะนี่คือข้อมูลที่เขาจะดูเป็นอันดับแรก

emo56 แผนธุรกิจคือบัตรผ่านสำคัญ
ธนาคารอยากเห็นว่าคุณจะใช้เงินไปทำอะไร และมันจะเพิ่มรายได้ได้อย่างไร การมีแผนธุรกิจชัดเจนคือการเพิ่มคะแนนความน่าเชื่อถือ

เปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ
อย่ารีบเซ็นกับสถาบันแรกที่เจอ ลองดูข้อเสนอจาก 3–4 แห่ง เปรียบทั้งดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และเงื่อนไขการชำระหนี้

คำนวณกำไรที่จะได้หลังใช้เงินกู้
ถ้าเงินกู้ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายรวม อาจต้องคิดใหม่ว่าคุ้มค่าหรือไม่

emo47 วิเคราะห์สถานการณ์ปี 2568: ทำไม SME ควรรีบวางแผนการเงิน
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยเผยว่าในปีนี้ สินเชื่อธุรกิจ SME ขยายตัวราว 4% หลังจากภาครัฐปล่อยมาตรการสนับสนุน เช่น โครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย. และ สินเชื่อฟื้นฟูดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยผู้ประกอบการปรับตัวกับเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

สิ่งนี้หมายความว่า ตอนนี้เป็นจังหวะดีที่ผู้ประกอบการจะยื่นขอสินเชื่อ เพราะการแข่งขันระหว่างธนาคารสูง ทำให้มีโปรดอกเบี้ยพิเศษและเงื่อนไขผ่อนปรนมากขึ้น

สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก – ตัวช่วยสร้างกำไรระยะยาว
บางคนมองว่าสินเชื่อคือ “ภาระ” แต่ในความจริง ถ้าคุณใช้มันเป็น เครื่องมือการลงทุน มันจะช่วยขยายรายได้ได้อย่างชัดเจน เช่น

ลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเพื่อผลิตได้มากขึ้น

เปิดสาขาใหม่ในทำเลทอง

พัฒนาเว็บไซต์และระบบขายออนไลน์เพื่อต่อยอดตลาด

การใช้เงินกู้ SME ให้เกิดกำไรสูงสุดต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ความคุ้มค่าก่อนลงมือ ไม่ใช่แค่กู้เพราะ “อยากมีเงินก้อน”

มุมมองจากที่ปรึกษาสินเชื่อ
ผมเจอเจ้าของธุรกิจจำนวนมากที่พลาด เพราะมองสินเชื่อเป็นเพียงทางแก้ปัญหาขาดเงิน แต่ถ้ามองแบบนักลงทุน สินเชื่อจะกลายเป็น “ตัวเร่ง” ที่พาธุรกิจเติบโตเร็วกว่าเดิมหลายเท่า

หลักง่าย ๆ คือ กู้เมื่อมีแผน กู้เมื่อเงินนั้นสร้างรายได้เพิ่มได้จริง และ กู้จากสถาบันที่ให้เงื่อนไขเหมาะกับธุรกิจคุณ ไม่ใช่แค่ดอกเบี้ยถูกที่สุด แต่ต้องดูรวมถึงความยืดหยุ่น การผ่อนชำระ และบริการเสริมที่ให้มา

emo31 สรุป
ไม่ว่าคุณจะมองหา สินเชื่อsme แบบมีหรือไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน, เงินกู้ SME เพื่อหมุนเวียน, หรือ สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก เพื่อขยายกิจการ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมข้อมูลให้พร้อม วางแผนการใช้เงินให้ชัด และเลือกสินเชื่อที่ตอบโจทย์เป้าหมายธุรกิจของคุณจริง ๆ

เพราะสุดท้ายแล้ว สินเชื่อไม่ใช่แค่เงินในบัญชี แต่คือ “พลังขับเคลื่อน” ที่จะพาธุรกิจคุณไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้น

#สินเชื่อSME #เงินกู้SME #สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก #สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก #สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก #สินเชื่อเพื่อธุรกิจSME #กู้เงินทำธุรกิจ2568 #บสย2568

21

ถ้าคุณกำลังมองหา สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้้ำประกัน แล้วคิดว่า... ง่ายเหมือนเดินเข้าเซเว่น บอกเลยว่า "คิดใหม่ได้เลยครับ!" เพราะโลกของการเงินไม่ใช่สนามเด็กเล่น และถ้าไม่รู้เท่าทันข้อผิดพลาด คุณอาจจะพลาดโอกาสสำคัญในการเข้าถึงแหล่งทุน ที่อาจเป็นตัวแปรสำคัญต่อความอยู่รอดของธุรกิจคุณ

เอาล่ะ วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังแบบสนุก ๆ แต่ลึกซึ้ง ว่ามีข้อผิดพลาดอะไรบ้างที่ผู้ประกอบการมือใหม่ (หรือแม้แต่มือเก่า) มักพลาด! โดยเฉพาะในปี 2568 ที่การแข่งขันทางธุรกิจนั้นเข้มข้นราวกับกาแฟดำที่ไม่ใส่น้ำตาล และแน่นอนว่าการจะขอ "สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME" โดยไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันนั้น ต้องมีชั้นเชิง

 emo55 เข้าใจบริบทก่อน : ทำไม SME เข้าถึงแหล่งทุนยาก?

แม้ธุรกิจ SME จะเป็นกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย คิดเป็น 99.5% ของธุรกิจทั้งหมด และจ้างงานกว่า 70% ของตลาดแรงงาน แต่รู้หรือไม่ว่า มีเพียง 40% เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้

หนึ่งในทางออกที่หลายคนเลือก คือ สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ 2568

 ซึ่งถือเป็นทางรอดและโอกาสทอง แต่ก็มักจะมาพร้อมกับอัตราการปฏิเสธสูง ถ้าไม่มีการเตรียมตัวที่ดีพอ

แล้วผู้ประกอบการพลาดตรงไหนบ้าง? ลองมาดูกัน

---
 emo53 1. เปลี่ยนผู้บริหารปุ๊บ ยื่นกู้ปั๊บ = โดนตีกลับ

นี่คือความพลาดระดับคลาสสิก! หลายธุรกิจเพิ่งปรับโครงสร้างองค์กร เปลี่ยนกรรมการ หรือโยกย้ายผู้มีอำนาจลงนาม แล้วก็รีบไปขอสินเชื่อทันที

ปัญหาคือ สถาบันการเงินจะมองว่านี่เป็น "ความเสี่ยง" ด้านเสถียรภาพองค์กร เพราะไม่มีข้อมูลการบริหารที่ต่อเนื่อง ผลที่ตามมาคือ โอกาสโดนปฏิเสธสูงขึ้นถึง 35% (อ้างอิง: ธปท.)

**แนะนำ:** หากเลี่ยงไม่ได้ที่จะเปลี่ยนผู้บริหาร ควรเว้นระยะเวลา 6-12 เดือนก่อนยื่นขอสินเชื่อ จะช่วยให้คุณมีเวลาเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา

 emo37 2. ขอเงิน... แต่ไม่มีแผนจะใช้ยังไง

คุณอาจแปลกใจ แต่มีธุรกิจจำนวนไม่น้อยที่ยื่นขอ "สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME" ทั้งที่ยังไม่มีแผนธุรกิจชัดเจนว่าจะเอาเงินไปทำอะไร จะคืนทุนตอนไหน หรือผลตอบแทนจะออกมายังไง

**แล้วธนาคารจะมั่นใจได้ยังไงล่ะ?**

สมัยนี้เขาไม่ดูแค่กระแสเงินสด แต่ดูความสามารถในการ "สร้างกำไรจากเงินกู้" และถ้าคุณไม่มีแผนธุรกิจ ไม่มี ROI (Return on Investment) ที่จับต้องได้ รับรองว่าถูกปัดตกตั้งแต่ยังไม่เปิดแฟ้มเอกสาร

**แนะนำ:** จัดทำแผนธุรกิจให้ละเอียด ชี้ให้เห็นชัดว่า เงินกู้จะสร้างรายได้อย่างไร พร้อมแผนสำรองหากทุกอย่างไม่เป็นไปตามฝัน

 emo56 3. บัญชีส่วนตัวกับบัญชีบริษัท... ปะปนยิ่งกว่าน้ำกับน้ำปลา

ข้อนี้เรียกว่าคราสสิกแห่งโลก SME โดยเฉพาะธุรกิจครอบครัว เพราะเจ้าของมักจะใช้บัญชีเดียวกันในการรับจ่ายส่วนตัวและธุรกิจ

ผลที่ตามมา:

* ข้อมูลทางการเงินไม่โปร่งใส
* คำนวณกระแสเงินสดไม่ได้
* ทำให้วิเคราะห์ศักยภาพในการชำระหนี้ไม่ได้ชัดเจน

**แนะนำ:** แยกบัญชีออกอย่างเด็ดขาด พร้อมจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายแบบมืออาชีพ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการขอสินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักทรัพย์

 emo27 4. กระโจนลงทุนโดยไม่วิเคราะห์ความเสี่ยง

บางคนมีไฟ... อยากเปิดสาขา อยากเพิ่มไลน์สินค้า อยากลงโฆษณาเต็มสูบ แต่ลืมไปว่าไม่ใช่ทุกการลงทุนจะคืนทุนเสมอไป

ปี 2568 เราเจอปัจจัยเสี่ยงใหม่ ๆ เพียบ:

* ราคาวัตถุดิบผันผวน
* ค่าเงินบาทผันผวน
* เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็วกว่าแผนธุรกิจ
* กฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว

ถ้าไม่วางแผนรับมือความเสี่ยง คุณอาจต้องเอาสินเชื่อ SME วงเงินสูง ไปจ่ายหนี้แทนที่จะลงทุนต่อยอด

**แนะนำ:** วิเคราะห์ความเสี่ยงให้ครอบคลุม ทั้งด้านการตลาด เทคโนโลยี และห่วงโซ่อุปทาน พร้อมวางแผนสำรองในกรณี Worst Case

---

 8) แล้วต้องทำยังไงถึงจะขอสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ให้ผ่าน?

* เตรียมเอกสารทางการเงินให้เรียบร้อย
* ทำแผนธุรกิจแบบมี ROI และแสดงจุดคุ้มทุน (Break-even Point)
* มีบัญชีแยกชัดเจน พร้อมงบการเงินย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน
* อย่าเปลี่ยนโครงสร้างผู้บริหารก่อนยื่นขอ
* แสดงให้เห็นว่าเงินกู้จะสร้างรายได้ ไม่ใช่แค่ใช้จ่าย

ในปี 2568 ธนาคารหลายแห่งเริ่มใช้ AI และ Machine Learning ในการอนุมัติสินเชื่อ ดังนั้นการจัดระเบียบข้อมูลอย่างโปร่งใส จะเป็นแต้มต่อที่สำคัญมาก

---
 emo31 สรุปแบบตรงไปตรงมา

"สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน" ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจ แต่โอกาสนั้นจะเป็นของคนที่ "เตรียมตัวดีพอ" เท่านั้น

หลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดทั้ง 4 ข้อที่กล่าวมา และจัดระบบภายในธุรกิจของคุณให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ แล้วคุณจะอยู่ในกลุ่มที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ 2568 อย่างแน่นอน

หากคุณกำลังมองหาคำปรึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอ สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือสนใจทางเลือก "สินเชื่อ SME วงเงินสูง" ที่ไม่ต้องใช้หลักประกัน เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราเลยครับ เรามีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำแบบตรงไปตรงมา

\#สินเชื่อธุรกิจSME #สินเชื่อเพื่อธุรกิจSME #สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ #เงินกู้เพื่อธุรกิจ #กู้เงินด่วนเพื่อขยายกิจการ

22

ในวงการ SME ไทยช่วงปี 2568 นี้ สินเชื่อแฟคตอริ่ง ยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะตอบโจทย์ปัญหากระแสเงินสด (cash flow) สำหรับธุรกิจที่รอเงินจากลูกค้านานเป็นเดือนๆ ได้ชัดเจน โดยเฉพาะ แฟคตอริ่งแบบมี Recourse ซึ่งเป็นรูปแบบที่อนุมัติง่าย ใช้ลูกหนี้การค้าเป็นหลักประกัน และเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงเงินทุนหมุนเวียนทันที
 :'( สินเชื่อแฟคตอริ่งRecourse คืออะไร? ทำไมมักถูกเรียกว่า “แฟคตอริ่งอนุมัติง่าย”?
ศัพท์ตรงๆ Recourse แปลว่า “สิทธิเรียกคืน” ในบริบทนี้หมายถึง หากลูกหนี้ (Debtor) ไม่จ่ายเงินภายในกำหนด เช่น 90–120 วัน ธุรกิจต้องรับผิดชอบด้วยการคืนเงินให้แฟคตอริ่งเฮาส์ หรือซื้อ Invoice กลับ

 emo25 กล่าวคือ แทนที่จะขายใบแจ้งหนี้ออกไปอย่างสมบูรณ์ ธุรกิจจะ “ยืมเงิน” จากแฟคตอริ่งโดยใช้ Invoice เป็นหลักประกัน ทำให้ผู้ให้บริการมีความเสี่ยงต่ำ จึงมักเสนออัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่ารูปแบบ Non‑Recourse
 
  emo53 กระบวนการเปลี่ยน Invoice เป็นเงินสด – ง่ายกว่าที่คิด
ธุรกิจส่งใบแจ้งหนี้ (Invoice) ยังไม่ถึงกำหนดไปให้แฟคตอริ่งเฮาส์

ฝ่ายพิจารณาประเมินคุณภาพลูกหนี้ – ดูประวัติการชำระ (การค้าในไทยมักใช้ 30–60 วัน)

เมื่อผ่านอนุมัติ รับเงินล่วงหน้าประมาณ 70–90% ของยอด Invoice

เมื่อลูกหนี้ชำระเงิน เตรียมรับยอดส่วนที่เหลือหลังหักค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย

ถ้าลูกหนี้ไม่ชำระ? ธุรกิจต้องให้เงินคืน หรือรับ Invoice กลับ (Recourse ก็คือจุดนี้)

กระบวนการทั้งหมดนี้ช่วยให้ธุรกิจ เปลี่ยน Invoice เป็นเงินสด ได้รวดเร็วทันใจ แถมอนุมัติง่าย เหมาะกับเจ้าของ SME ที่ต้องการใช้เงินทุนเร็วทันสถานการณ์
 emo44ข้อดีของสินเชื่อแฟคตอริ่ง แบบมี Recourse
ต้นทุนต่ำกว่า Non‑Recourse เพราะผู้ให้บริการมีสิทธิขอเงินคืนจากธุรกิจหากลูกหนี้ไม่จ่าย

การพิจารณาอนุมัติเร็ว เหมาะมากสำหรับธุรกิจที่ลูกหนี้ยังไม่มีประวัติยาวนาน

เหมาะกับธุรกิจกำลังเติบโต ซึ่งยังไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพียงแค่มี Invoice ก็ขอสินเชื่อได้

เพิ่มสภาพคล่องทันที ช่วยให้ธุรกิจหมุนเงินได้ในทันทีเมื่อ Invoice ยังไม่ถึงกำหนดจ่าย

⚠️ ข้อจำกัดที่ควรรู้
ความเสี่ยงทั้งหมดยังตกอยู่กับธุรกิจ — ถ้าลูกหนี้ผิดนัด ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระคืน

ต้องมีสภาพคล่องสำรอง เพื่อรองรับกรณีต้องซื้อ Invoice คืน

ต้องมีระบบบัญชีตามติด Invoice และสถานะลูกหนี้อย่างใกล้ชิด

อาจมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าประเมินคุณภาพลูกหนี้ หรือค่าดำเนินการ (ขึ้นกับเงื่อนไขผู้ให้บริการ)

 emo33 ใครควรใช้แฟคตอริ่งแบบมี Recourse?
SME ที่ต้องการ เงินทุนหมุนเวียนเร็ว โดยไม่ควรเสียเวลารอจ่ายช้า

ธุรกิจที่ มั่นใจในลูกหนี้ หรือมีความสัมพันธ์ทางการค้าดี

ต้องการต้นทุนทางการเงินต่ำกว่า แต่ไม่อยากเสี่ยงมากกรณีลูกหนี้ไม่จ่าย

อยากใช้เครื่องมือที่อนุมัติง่าย ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน


 O0 แนวคิดวิเคราะห์: เมื่อไหร่ควรเลือก Recourse Factoring?
ถ้า ต้องการเงินเร็ว และไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ — Recourse Factoring คือคำตอบ

ถ้างบการเงินยังไม่ครบถ้วน แต่ลูกหนี้อยู่ในธุรกิจระยะสั้น — การประเมินลูกหนี้ด้วยคุณภาพอาจง่ายกว่า

ถ้าคุณ รับความเสี่ยงลูกหนี้ได้ และมีสภาพคล่องสำรอง — ยิ่งใช้ Recourse ได้อย่างมั่นใจ

หากต้องการเก็บ Invoice บางส่วนไว้กับลูกค้า — ควรเลือกเฉพาะบางรายการไปทำ Recourse แล้วเลือกใช้แบบไม่ประสงค์ Recourse กับรายการอื่น (Spot Factoring)

  emo56 สรุปท้ายโพสต์
สินเชื่อแฟคตอริ่งแบบมี Recourse คือทางเลือกยอดนิยมในหมู่ SME ไทยปี 2568 ที่ต้องการเปลี่ยน Invoice เป็นเงินสด ด้วยต้นทุนต่ำและอนุมัติง่าย โดยใช้ใบแจ้งหนี้เป็นหลักประกัน

อย่างไรก็ตาม คำแนะนำสุดท้ายคือ: หมั่นวางแผนกระแสเงินสด (cash flow) และเตรียมสภาพคล่องสำรองให้พร้อม เพื่อควบคุมความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม

หากต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติมเรื่องแฟคตอริ่ง หรือสินเชื่อ SME รูปแบบอื่น เช่น สินเชื่อ OD, สินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักร หรือรีไฟแนนซ์สินเชื่อธุรกิจ — ทีมที่ปรึกษาของเรายินดีช่วยวางแผนให้เหมาะกับสภาพธุรกิจของคุณ
คลิกที่นี่เพื่ออ่านบทความต้นฉบับสินเชื่อ แฟคตอริ่ง อนุมัติง่าย

23
 :Pลองนึกภาพว่าคุณมีบ้านที่ผ่อนหมดแล้ว หรือที่ดินที่ได้มาจากครอบครัว ยังวางทิ้งไว้เฉย ๆ ไม่มีใครใช้ ไม่มีรายได้ แล้วถ้าเราบอกว่า ทรัพย์สินเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็น “ทุนก้อนโต” สำหรับต่อยอดธุรกิจคุณได้ โดยที่ยังไม่ต้องขาย ไม่ต้องย้ายออก น่าสนใจมั้ยครับ?

 :'(ใช่เลย! วันนี้เราจะชวนคุณมารู้จักกับ สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกันทางเลือกการเงินที่กำลังมาแรงในปี 2025 เพราะมันไม่ใช่แค่การกู้เงิน แต่คือ “การใช้ทรัพย์ที่คุณมีอยู่แล้วให้สร้างอนาคตใหม่ให้ธุรกิจของคุณได้”

 emo52ทำไมใครๆ ก็พูดถึง “สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน”?
เพราะในยุคที่ดอกเบี้ยยังคงสูง ความเข้มงวดของเครดิตบูโรก็ไม่ได้น้อยลง การจะขอสินเชื่อได้ง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ สำหรับเจ้าของธุรกิจ โดยเฉพาะ SME หรือเจ้าของกิจการรายย่อยที่ต้องการทุนหมุนเร็วแต่ไม่มี Statement เงินเดือนให้ดูสวยๆ

นี่แหละครับที่ สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เข้ามาเป็น “ตัวช่วยลับ” ที่หลายธุรกิจใช้กันเงียบๆ

ทรัพย์มีมูลค่า + เอกสารสิทธิ์ชัดเจน = กู้เงินง่าย วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ

โดยเฉพาะทรัพย์อย่าง บ้าน ที่ดิน โรงงาน อาคารพาณิชย์ หรือแม้แต่ห้องชุด ก็สามารถนำมาจำนองเพื่อขอสินเชื่อได้หมด ขอแค่คุณเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และหลักทรัพย์ไม่มีปัญหาคดีความ

จุดแข็งของสินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่คนทำธุรกิจควรรู้
1. ดอกเบี้ยต่ำกว่าอย่างรู้สึกได้
ถ้าเคยกู้สินเชื่อบุคคลหรือบัตรเครดิต ดอกเบี้ย 18-25% ต่อปีก็คงไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ถ้าคุณเอาที่ดินไปค้ำประกัน คุณอาจได้อัตราดอกเบี้ยแค่ 6-10% ต่อปีเท่านั้น แล้วคิดดูสิว่า เงิน 1 ล้าน ถ้าต่างกันแค่ 10% ต่อปี คุณประหยัดไปกี่บาท?

2. วงเงินสูงแบบจับต้องได้
ธนาคารหรือสถาบันการเงินมักให้วงเงินกู้ 70-90% ของมูลค่าหลักทรัพย์ นี่หมายความว่า ถ้าคุณมีที่ดินราคา 10 ล้านบาท คุณอาจกู้ได้ถึง 7-9 ล้านบาทเลยทีเดียว ไม่ต้องขายของ ไม่ต้องรอพาร์ทเนอร์ เท่ากับว่า “ทรัพย์ที่คุณถืออยู่มีค่าเท่าเงินสด”

3. เครดิตบูโรไม่เป๊ะ ก็ยังมีหวัง
ในโลกความจริง คนทำธุรกิจหลายคนอาจเคยล้มหรือพลาดชำระล่าช้า แต่หากคุณมีหลักทรัพย์ที่มั่นคง สถาบันการเงินก็ยังพร้อมพิจารณา เพราะเขามีทางเลือกในการเรียกคืนเงินถ้าคุณผิดนัด — ตรงนี้ถือเป็นจุดได้เปรียบของ สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน มากกว่าการกู้แบบไม่มีหลักทรัพย์

4. ผ่อนยาวๆ ไม่อึดอัด
ระยะเวลาผ่อนชำระของสินเชื่อประเภทนี้ยืดได้ยาวถึง 10-30 ปี แล้วแต่เงื่อนไขของแต่ละเจ้า ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่างวดรายเดือนเกินกำลัง

แล้วธุรกิจแบบไหนเหมาะกับสินเชื่อนี้?
ธุรกิจ SME ที่ต้องการเงินทุนขยายกิจการ แต่ไม่อยากโดนดอกเบี้ยบีบคอ

เจ้าของกิจการที่ต้องการรีไฟแนนซ์หนี้ดอกสูงให้ผ่อนเบาขึ้น

ผู้ประกอบการที่อยากลงทุนซื้อเครื่องจักร เพิ่มสายการผลิต แต่ไม่อยากเสี่ยงสภาพคล่อง

คนที่มีทรัพย์สินว่างเปล่า ไม่ได้ใช้สร้างรายได้

ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ ลองพิจารณา สินเชื่อมีหลักทรัพย์ ไว้ในแผนกลยุทธ์การเงินของธุรกิจเลยครับ

เคสจริงที่หลายคนไม่รู้ว่าทำได้
คุณศักดิ์ เจ้าของโรงงานผลิตอาหารแช่แข็ง ต้องการขยายโรงงานแห่งที่ 2 แต่ไม่อยากใช้เงินทุนหมุนเวียน เลยใช้ที่ดินโรงงานเดิมมาจำนองขอสินเชื่อ ได้วงเงิน 12 ล้านบาท ไปใช้ลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่ โดยที่ไม่ต้องรบกวนเงินเดือนพนักงานเลยแม้แต่นิดเดียว

คุณเมย์ เจ้าของธุรกิจออนไลน์ มีบ้านผ่อนหมดแล้ว แต่ต้องการทุน 3 ล้านบาทไปเปิดสาขาร้านค้าปลีก ใช้บ้านค้ำประกันขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเอกชน ได้วงเงินเต็มพร้อมระยะผ่อน 15 ปี จ่ายสบายกว่าที่คิด

แล้วมีอะไรต้องระวังไหม?
แน่นอนว่าทุกสินเชื่อก็มีด้านที่ต้องใคร่ครวญ:

ถ้าผิดนัดชำระ ทรัพย์ที่ค้ำไว้อาจถูกยึดได้

ค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าประเมิน ค่าจดจำนอง หรือค่าธรรมเนียมต่างๆ ควรสอบถามให้ครบ

ความสามารถในการชำระคืน อย่าคิดว่าใช้หลักทรัพย์แล้วกู้ได้เท่าไรก็เอาหมด ต้องดูรายได้ของธุรกิจด้วยว่าพอจะจ่ายรายเดือนไหวแค่ไหน

สรุปแบบคนทำธุรกิจ: จะเอายังไงดี?
ถ้าคุณมีทรัพย์สินอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน หรืออาคาร แล้วกำลังต้องการเงินทุนมาขยายกิจการ รีไฟแนนซ์หนี้ หรือเสริมสภาพคล่อง สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน คือหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่า

มันไม่ใช่แค่ “กู้เงินง่าย” แต่มันคือการ “ใช้สิ่งที่มีให้ได้ประโยชน์สูงสุด” โดยยังรักษาทรัพย์นั้นไว้ในมือ

ไม่ต้องขาย ไม่ต้องย้าย ไม่ต้องหาผู้ร่วมทุน แค่รู้จักใช้ทรัพย์ให้ถูกจังหวะ ก็ทำให้ธุรกิจก้าวต่อได้แบบไม่สะดุด

อยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้?
เว็บไซต์ของเรารวบรวมข้อมูล สินเชื่อแบบมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไว้ครบถ้วน พร้อมทีมที่ปรึกษามืออาชีพที่จะช่วยวางแผนให้คุณเข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างมั่นใจ คลิกเข้ามาพูดคุยกับเราได้เลย

#สินเชื่อมีหลักทรัพย์ #สินเชื่อมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน #สินเชื่อธุรกิจ #กู้เงินเพื่อธุรกิจ #รีไฟแนนซ์หนี้ #แหล่งเงินทุนสำหรับเจ้าของกิจการ

24


ถ้าใครเคยเป็นเจ้าของกิจการน่าจะเข้าใจดีว่า “การหาเงินทุน” ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ โดยเฉพาะในวันที่ไม่มีทรัพย์สินเอาไปค้ำประกัน หรือเป็นธุรกิจเล็ก ๆ ที่ธนาคารอาจมองว่ายังไม่มีความมั่นคงเพียงพอ แต่เดี๋ยวก่อน! โลกของการเงินในปัจจุบันไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น เพราะตอนนี้มี สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนโดยไม่ต้องมีบ้าน รถ หรือที่ดินไปวางค้ำ!

วันนี้เราจะพาไปรู้จักสินเชื่อรูปแบบต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ SME ทั้งที่เริ่มต้น และที่ต้องการขยายกิจการ พร้อมเจาะลึกแนวทางเลือกสินเชื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ของคุณจริง ๆ

---

### ทำไมสินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันถึงน่าสนใจ?

ในยุคที่เศรษฐกิจผันผวน การมี “เงินทุนพร้อมใช้” ถือเป็นอาวุธลับของผู้ประกอบการ และการมีสินเชื่อแบบไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันก็เหมือนเปิดประตูให้กับคนที่มีไอเดียแต่ขาดทุนตั้งต้น ได้เริ่มต้นธุรกิจแบบไม่ต้องห่วงเรื่องทรัพย์สิน นอกจากนี้ ธนาคารและหน่วยงานภาครัฐยังพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เช่น **สินเชื่อ SME วงเงินสูง แบบไม่ต้องมีหลักทรัพย์** หรือ **สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ที่เน้นการอนุมัติไว**

---

### ประเภทของสินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

#### 1. **สินเชื่อหมุนเวียน (Working Capital Loan)**

เหมาะมากสำหรับเจ้าของกิจการที่ต้องรับมือกับรายจ่ายรายวัน เช่น ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน หรือแม้แต่ค่าไฟ!

* คล้ายวงเงินบัตรเครดิต เบิกใช้เท่าที่จำเป็น
* เสียดอกเบี้ยเฉพาะส่วนที่ใช้จริง
* ถอน–คืนเงินได้หลายครั้งในวงเงินที่ได้รับ

**ตัวอย่างผลิตภัณฑ์:**

* ธนาคารกสิกรไทย: “Xpress Loan – Working Capital” วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท สมัครผ่าน K PLUS ไม่ต้องไปสาขา
* ธนาคารไทยพาณิชย์: สินเชื่อหมุนเวียนแบบเบิกเกินบัญชีหรือใช้ตั๋วสัญญาใช้เงินก็ได้ สะดวก ครอบคลุม

> **แนะนำ:** ถ้าธุรกิจคุณต้องซื้อของเข้า–ของออกตลอดเดือน ลองใช้สินเชื่อแบบนี้จะคล่องตัวกว่าขอเงินก้อนใหญ่

#### 2. **สินเชื่อระยะสั้น (Short-Term Loan)**

ถ้าโปรเจกต์คุณมาเร็วไปเร็ว เช่น ทำอีเวนต์ 3 เดือน หรือรับจ้างผลิตตามฤดูกาล สินเชื่อประเภทนี้คือคำตอบ

* ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 1 ปี
* ดอกเบี้ยมักต่ำกว่าสินเชื่อหมุนเวียน
* เหมาะกับโอกาสทำเงินระยะสั้นแบบทันควัน

**ตัวอย่าง:**

* ธนาคารกรุงศรีอยุธยา: วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท ผ่อนคืนสบายแบบลดต้นลดดอก ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์

#### 3. **สินเชื่อผ่อนชำระรายเดือน (Installment Loan)**

เงินก้อนใหญ่ ผ่อนสบาย ใคร ๆ ก็ชอบ!

* ได้เงินก้อนเพื่อใช้ลงทุน เช่น ซื้อเครื่องจักร ปรับปรุงร้าน
* ผ่อนรายเดือน จำนวนเงินเท่ากัน ช่วยวางแผนกระแสเงินสดได้
* ระยะเวลาผ่อน 1–5 ปี

#### 4. **สินเชื่อเบิกเกินบัญชี (Overdraft Loan)**

บางคนเรียกว่า "กันเหนียวธุรกิจ"

* เหมือนมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินในบัญชี
* เบิกได้ตามต้องการ เสียดอกเบี้ยเฉพาะที่ใช้จริง
* ธุรกิจที่มีเงินเข้าออกในบัญชีสม่ำเสมอ มักได้วงเงินสูง

**ตัวอย่าง:**

* SCB: ให้ OD สำหรับธุรกิจที่ต้องการเสริมสภาพคล่องผ่านหลายช่องทาง เช่น อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง, เช็ค

---

### แล้วถ้าเราเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจล่ะ?

ข่าวดีคือ **สินเชื่อธุรกิจ SME สำหรับรายใหม่** เริ่มเข้าถึงง่ายขึ้นมากแล้ว! หลายธนาคารไม่ดูแค่ยอดขายหรือสินทรัพย์ แต่อาจพิจารณาจากแผนธุรกิจ แนวโน้มตลาด หรือแม้กระทั่งใบสั่งซื้อจากลูกค้า (PO) ที่ยืนยันว่าจะมีรายได้เข้ามา

> **Insight ที่น่าสนใจ:** จากสถิติของบรรษัทประกันสินเชื่อ SME (บสย.) พบว่า ผู้ประกอบการที่ยื่นขอค้ำประกันผ่านบสย. มีโอกาสได้รับอนุมัติสูงขึ้นกว่า 60% แม้ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำ!

---

### เคล็ดลับเพิ่มโอกาสผ่านอนุมัติของสินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ 2568

1. **จัดระเบียบบัญชีธุรกิจให้โปร่งใส**

   * แยกบัญชีส่วนตัว–บัญชีธุรกิจชัดเจน

2. **เตรียมแผนธุรกิจแบบมืออาชีพ**

   * สรุปชัดว่าจะเอาเงินไปทำอะไร และจะคืนยังไง

3. **มีรายได้หรือใบสั่งซื้อยืนยันอนาคต**

   * ลูกค้าพร้อมซื้อของแต่เราขาดทุนหมุน – นี่แหละจุดขาย!

4. **ใช้โครงการรัฐช่วยเสริมความน่าเชื่อถือ**

   * อย่าง “บสย. ค้ำประกัน” จะช่วยให้ธนาคารกล้าอนุมัติมากขึ้น

5. **รักษาเครดิตดี ๆ ไว้เสมอ**

   * ไม่ควรมีหนี้เสีย เช็คเครดิตบูโรก่อนยื่นกู้

---

### สรุปแบบเข้าใจง่าย

การเลือก **สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME** โดยไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่ใช่แค่ “หาเงินง่าย” แต่คือ “การวางกลยุทธ์” ที่ช่วยขยายธุรกิจอย่างปลอดภัย โดยไม่เสี่ยงเอาทรัพย์สินส่วนตัวมาเสี่ยง

ไม่ว่าจะเป็น **สินเชื่อ SME วงเงินสูง** สำหรับขยายกิจการ, **สินเชื่อหมุนเวียน** สำหรับเสริมสภาพคล่อง หรือแม้แต่ **OD กันเหนียว** ไว้ใช้เวลาฉุกเฉิน ทุกประเภทมีจุดเด่นต่างกัน และสามารถช่วยให้คุณเดินหน้าธุรกิจได้มั่นคงขึ้น

หากคุณกำลังมองหา **สินเชื่อธุรกิจ ไม่มีหลักทรัพย์** ที่ตอบโจทย์ธุรกิจของคุณจริง ๆ เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา เพื่อรับคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญ และอัปเดตข่าวสารทางการเงินที่ทันสมัยที่สุดประเภทสินเชื่อ ธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ที่เจ้าของกิจการต้องรู้

#สินเชื่อSME #ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน #วงเงินสูงอนุมัติไว #สินเชื่อธุรกิจง่ายๆ #เงินทุนธุรกิจฉุกเฉิน #แหล่งเงินทุนผู้ประกอบการ

25

“บางครั้งโอกาสก็ไม่ได้มาช้า แต่เราไม่มีเงินพอจะคว้ามันไว้”

คำพูดนี้สะท้อนความจริงที่ผู้ประกอบการหลายคนรู้สึกอยู่ลึกๆ โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหรือ SME ที่มีฝัน มีแผน แต่ขาด “พลังเงิน” ในการขับเคลื่อนให้ฝันเป็นจริง ไม่ใช่เพราะไม่เก่ง แต่เพราะไม่พร้อมทางการเงินเท่านั้นเอง

ที่น่าสนใจก็คือ — ปัจจุบันมี สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก มากมายที่ออกแบบมาเพื่อช่วย “คนตัวเล็ก” แต่มีไฟลุกโชน ได้ขยับธุรกิจให้เติบโตท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด

วันนี้เราจะพาคุณไปดูว่า…
สินเชื่อกลุ่มนี้คืออะไร? ดีจริงไหม? มีอะไรที่ต้องระวัง?
และจะเลือกแบบไหนให้เหมาะกับธุรกิจของคุณที่สุด?

❝ สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็กคืออะไร? ❞
พูดให้เข้าใจง่ายๆ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก
 หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ สินเชื่อ SME, สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก, หรือ สินเชื่อระยะสั้นเพื่อธุรกิจ ก็คือแหล่งเงินทุนที่สถาบันการเงินปล่อยกู้ให้กับเจ้าของกิจการรายย่อย



เป้าหมายคือช่วยเสริมเงินทุนหมุนเวียน ลงทุนซื้ออุปกรณ์ใหม่ หรือขยายกิจการ โดยวงเงินมักไม่สูงมากนัก — แต่เพียงพอที่จะ "จุดประกาย" ความเปลี่ยนแปลงในกิจการได้อย่างมีนัยสำคัญ

✅ เหตุผลที่ผู้ประกอบการควรใช้ “สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก”
ลองนึกภาพตามดูนะครับ...

คุณมีร้านกาแฟเล็กๆ
ลูกค้าเริ่มเยอะขึ้น แต่เครื่องชงกาแฟพังพอดี จะซื้อใหม่ก็เกินงบ
สินเชื่อ SME ก้อนเล็กๆ นี่แหละ ช่วยคุณได้แบบทันเวลา ไม่ต้องรอสะสมเงินสดให้ครบก่อน

คุณขายของออนไลน์
อยากเพิ่มสต็อกช่วงโปรฯ แฟลชเซลล์ แต่ไม่มีทุน
สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็กช่วยคุณสั่งของทันแบบไม่หลุดโอกาสทอง

คุณเป็นช่างรับเหมาตัวเล็กๆ
ได้งานใหม่แต่ต้องซื้อวัสดุก่อน
สินเชื่อระยะสั้นทำให้คุณ “รับงานใหญ่” ได้ แม้จะเริ่มจากฐานทุนเล็ก

เห็นไหมครับว่า “เงินทุนขนาดเล็ก” อาจดูเล็ก แต่ “โอกาส” ที่ตามมานั้น ใหญ่มากจริงๆ

???? แล้วสินเชื่อแบบนี้เหมาะกับใคร?
เจ้าของกิจการที่ เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ

ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการ เงินทุนหมุนเวียน

ธุรกิจท้องถิ่นที่ต้องการ ปรับปรุง/ขยายกิจการ

ผู้ที่ต้องการ สินเชื่อเพื่อการลงทุนระยะสั้น และคืนได้ภายใน 6–18 เดือน

⚠ ข้อควรระวัง ก่อนขอสินเชื่อ SME
แม้จะน่าสนใจ แต่ใช่ว่าทุกคนควรรีบวิ่งไปกู้ทันที!
เพราะ “หนี้ที่ดี” ต้องมาพร้อมแผนการใช้เงินที่ชัดเจน

1. ประเมินความสามารถในการชำระหนี้ให้รอบคอบ
อย่าคิดแค่ “กู้ได้ก็เอาไว้ก่อน” แต่ให้คิดว่า…
“เราจะเอาเงินก้อนนี้ไปสร้างรายได้อย่างไร”
ถ้าคุณไม่มีแผนการสร้างกำไรเพื่อมาจ่ายหนี้ — ขอให้ชะลอก่อนครับ

2. เปรียบเทียบดอกเบี้ยจากหลายแหล่ง
สินเชื่อ SME มีทั้งแบบ มีหลักทรัพย์ และ ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
แต่เงื่อนไขแตกต่างกันมาก ทั้ง อัตราดอกเบี้ย, ค่าธรรมเนียม, และ ระยะเวลาผ่อนชำระ
ยิ่งคุณเปรียบเทียบมากเท่าไร โอกาสได้เงื่อนไขที่ดีที่สุดก็ยิ่งมากขึ้น

3. ดูภาพรวมของกระแสเงินสดในกิจการ
เพราะการมี “เงินเข้าทุกเดือน” ไม่ได้แปลว่าคุณ “พร้อมกู้”
ต้องดูด้วยว่าแต่ละเดือนมี เงินเหลือพอจ่ายหนี้หรือไม่
ไม่เช่นนั้น การขอกู้จะกลายเป็นภาระระยะยาว

???? สินเชื่อ SME ไม่ได้ช่วยแค่เงิน — แต่ช่วย “สร้างเครดิต” ด้วย
รู้ไหมครับว่า การกู้สินเชื่อธุรกิจเล็กๆ แล้ว “จ่ายคืนตรงเวลา” ต่อเนื่องนั้น
สามารถ สร้างประวัติเครดิตทางธุรกิจที่ดี ให้คุณได้?

ในอนาคต หากคุณอยากขอสินเชื่อก้อนใหญ่ขึ้น เช่น

สินเชื่อเพื่อขยายโรงงาน

สินเชื่อซื้อที่ดินทำออฟฟิศ

หรือแม้แต่รีไฟแนนซ์เพื่อลดดอกเบี้ย

ธนาคารจะดูว่าคุณ เคยมีวินัยการชำระหนี้มาก่อนหรือไม่
สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็กจึงเป็น “จุดเริ่มต้นของการกู้อนาคตที่ดี” ก็ว่าได้ครับ

???? แล้วจะเลือกสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็กจากที่ไหนดี?
ปัจจุบันธนาคารและผู้ให้บริการสินเชื่อออนไลน์หลายรายมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ เช่น

สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

สินเชื่อแฟคตอริ่ง สำหรับเร่งรอบเงินจากใบแจ้งหนี้

สินเชื่อระยะสั้นดอกเบี้ยต่ำ สำหรับธุรกิจที่มีบัญชีเดินสะพัดดี

แหล่งเงินทุนทางเลือก อย่าง P2P Lending ที่อนุมัติไวกว่า

คำแนะนำคือ

ดูว่าธุรกิจของคุณอยู่ในกลุ่มเป้าหมายของสินเชื่อนั้นไหม

มีเอกสารครบหรือเปล่า เช่น Statement, ใบจดทะเบียน, งบการเงิน

อย่าเชื่อแค่ “โฆษณา” — อ่านเงื่อนไขจริงก่อนเซ็นสัญญาเสมอ

???? สรุป: สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก = จุดเปลี่ยนของธุรกิจคุณ
ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจดุเดือดกว่าเดิม “เงินทุน” ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข
แต่มันคือ “โอกาส” ที่คุณจะเร่งแซงคู่แข่ง หรือแม้กระทั่ง “รอด” จากภาวะถดถอย

หากคุณมีแผนที่ดี และมั่นใจว่าเงินทุนนี้จะเปลี่ยนแปลงกิจการของคุณ
สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก อาจเป็นก้าวแรกสู่ “ความสำเร็จที่ยั่งยืน” ในอนาคตก็ได้ครับ

หากคุณกำลังมองหาสินเชื่อที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
เยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา เพื่อคำแนะนำแบบตัวต่อตัว
หรือปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจธุรกิจคุณจริงๆ
สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็กช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจคุณอย่างไร


#สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก
#สินเชื่อธุรกิจSME
#สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก
#เงินทุนหมุนเวียน
#แหล่งเงินทุนเพื่อธุรกิจ


26
คุณเคยรู้สึกไหมว่า...ร้านอาหารของเราทำเลดี ลูกค้าก็มี แต่ยอดขายกลับไม่พุ่งอย่างที่หวัง? ทั้งที่เปิดร้านอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ ผู้คนเดินผ่านหน้าร้านตลอดทั้งวัน แต่กลับไม่มีใครแวะมาทาน หรือยอดบิลเฉลี่ยก็ยังไม่ขยับขึ้นซักที

ไม่ใช่เพราะอาหารคุณไม่อร่อย ไม่ใช่เพราะบริการไม่ดี แต่อาจเป็นเพราะคุณยัง "ใช้ศักยภาพร้านไม่เต็มที่" และนี่แหละคือจุดที่ "สินเชื่อ SME" เข้ามาช่วยเปลี่ยนเกมได้
ดูที่นี่หากต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อsme


ในฐานะที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ SME และคนทำธุรกิจมาก่อน ถ้าคุณอยากยกระดับกิจการให้โตจริงแบบไม่เดินวนอยู่กับที่ "ต้องกล้าใช้เงินให้ถูกที่ ถูกเวลา และถูกจังหวะ" และสินเชื่อ SME นี่แหละ คือลมหายใจของการขยับตัวครั้งใหญ่

ลองคิดดู...ถ้าคุณมีเงินก้อนในมือตอนนี้ คุณจะลงทุนอะไรเพื่อให้ร้านทำเงินมากขึ้น?

รีโนเวทร้านให้รองรับลูกค้าในช่วงเร่งด่วน

ขยายช่องทางขายออนไลน์ให้ครอบคลุมออฟฟิศรอบร้าน

ซื้ออุปกรณ์ครัวใหม่ให้ทำงานเร็วขึ้นและลดต้นทุน

ติดตั้งระบบ POS เพื่อวิเคราะห์ยอดขายและคุมสต๊อก

คำตอบของแต่ละร้านอาจไม่เหมือนกัน แต่จุดร่วมคือ "ต้องมีเงินทุนก่อน" และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็กถึงสำคัญ

กรณีศึกษาจากร้านอาหารญี่ปุ่นในย่านสีลม

เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่งในย่านออฟฟิศสีลม เคยประสบกับปัญหาเดิม ๆ คือยอดขายทรงตัวแม้อยู่ทำเลทอง เขาตัดสินใจขอ สินเชื่อผู้ประกอบการรายใหม่ วงเงิน 500,000 บาท โดยแบ่งใช้ดังนี้:

200,000 บาท: ติดตั้งระบบ POS และจ้างทีมออนไลน์ ดูแล LINE Official และ Facebook Page

150,000 บาท: ซื้อมอเตอร์ไซค์+กล่องเดลิเวอรี่ พร้อมทำโปรโมชั่นส่งฟรีรอบออฟฟิศ

150,000 บาท: รีโนเวทครัวใหม่ เพิ่มอุปกรณ์ช่วยลดเวลาทำอาหาร

ภายใน 3 เดือน เขามียอดขายเพิ่มขึ้น 40% โดยยอดเดลิเวอรี่คิดเป็น 30% ของรายได้ทั้งหมด และต้นทุนวัตถุดิบลดลงถึง 15%

นี่คือพลังของการ "ใช้สินเชื่อ SME อย่างมีแผน"

กลยุทธ์ 3 ขั้นตอน ใช้สินเชื่อ SME ให้คุ้มที่สุด

1. รีโนเวทร้านแบบไม่ใช่อารมณ์ แต่ใช้ข้อมูล

อย่าคิดว่ารีโนเวทคือแค่เปลี่ยนผนังหรือโคมไฟใหม่ มันต้อง "รีโนเวทระบบความคิดของร้าน" เช่น:

ปรับพื้นที่นั่งใหม่ให้รองรับลูกค้าได้มากขึ้นในชั่วโมงเร่งด่วน (Golden Hour)

เปลี่ยนอุปกรณ์ครัวที่ช่วยลดต้นทุนและเวลา

จัดระบบจัดเก็บวัตถุดิบให้ลดของเสียและควบคุมคุณภาพ

เพราะทุกตารางเมตรในร้านคือเงิน ถ้าทำให้แต่ละที่นั่งสร้างรายได้เพิ่มได้ 20% ต่อวัน นั่นคือกำไรระยะยาว

2. ขยายช่องทางขายให้กว้างกว่าแค่หน้าร้าน

ย่านธุรกิจออฟฟิศคือเหมืองทองของ Delivery การใช้สินเชื่อ SME เพื่อสร้างทีมส่งของตัวเอง หรือจ้างพนักงาน part-time ช่วยช่วงเที่ยง เป็นกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์มาก

ทำเว็บไซต์ร้านแบบง่าย ๆ แต่สั่งอาหารได้จริง

สร้างโปรโมชั่นพิเศษสำหรับออฟฟิศใกล้เคียง เช่น ซื้อครบ 500 ส่งฟรี

จัดการ Line OA ให้ลูกค้าสั่งซ้ำได้ง่าย

Delivery ไม่ใช่แค่ช่องทางเพิ่มยอด แต่ยังเป็น Brand Awareness ราคาถูกที่สุดเลยก็ว่าได้

3. ลงทุนในเทคโนโลยีจัดการหน้าร้าน

อย่าให้ตัวเลขยอดขายต้องคาดเดาอีกต่อไป ลงทุนในระบบ POS ที่ดี คือการให้ร้านคุณ "มีสมองวิเคราะห์ธุรกิจตัวเอง"

รู้ว่าลูกค้าชอบสั่งอะไร เมนูไหนต้องเลิก

คุมสต๊อกวัตถุดิบ ลดของเสียได้จริง

เชื่อมกับระบบบัญชี ลดความผิดพลาดด้านภาษี

บันทึกเวลาทำงานพนักงานได้แบบมืออาชีพ

ถ้าระบบ POS ช่วยคุณประหยัดได้เดือนละ 5,000 บาท นั่นคือ 60,000 บาทต่อปี ซึ่งมากกว่าดอกเบี้ยสินเชื่อ SME บางประเภทเสียอีก

อย่าใช้สินเชื่อ SME แบบ “หว่านแห” แต่ใช้แบบ “มีเป้า”

หลายคนพลาดเพราะเอาเงินสินเชื่อไปใช้แบบไม่มีแผน สุดท้ายเงินหมด แต่ยอดไม่ขึ้น ถ้าคุณมีเป้าหมายชัด และเข้าใจว่าทำไมถึงต้องลงทุนในจุดนั้น ๆ สินเชื่อ SME จะกลายเป็นจรวดให้ธุรกิจพุ่ง

เลือกสินเชื่อที่เหมาะกับกิจการ เช่น:

สินเชื่อธุรกิจ SME แบบไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ (เหมาะกับผู้เริ่มต้น)

สินเชื่อเสริมสภาพคล่องหมุนเวียน (กรณีรายได้ผันผวนตามฤดูกาล)

สินเชื่อเพื่อลงทุนปรับปรุงกิจการ (เหมาะกับผู้ต้องการรีโนเวทหรือขยายร้าน)

สรุป: เงินทุนที่ฉลาดใช้ = กำไรที่ยั่งยืน

อย่าให้สินเชื่อ SME เป็นแค่ภาระดอกเบี้ยรายเดือน แต่ให้มันเป็น "ตัวเร่งปฏิกิริยา" ที่เปลี่ยนร้านอาหารธรรมดา ให้กลายเป็นร้านที่โตเร็ว โตจริง และยืนหนึ่งในย่านธุรกิจ

ถ้าคุณยังลังเลว่าจะเริ่มยังไง ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อธุรกิจ เพื่อวางแผนการลงทุนที่สอดคล้องกับเป้าหมายร้านคุณจริง ๆ

สนใจขอสินเชื่อ SME หรืออยากรู้ว่าสินเชื่อแบบไหนเหมาะกับร้านคุณ? เข้าเว็บไซต์ของเราเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม และขอรับคำปรึกษาฟรีจากทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินธุรกิจ
อ่านบทความฉบับเต็มที่กลยุทธ์ใช้สินเชื่อ SME เร่งโตกิจการร้านอาหารในย่านธุรกิจ


#สินเชื่อSME #สินเชื่อธุรกิจขนาดเล็ก #สินเชื่อผู้ประกอบการรายใหม่ #เงินทุนหมุนเวียนร้านอาหาร #รีโนเวทร้านอาหาร #POSร้านอาหาร #ระบบเดลิเวอรี่ #ขยายช่องทางขาย #ธุรกิจอาหารยุคใหม่ #กู้เงินทำร้านอาหาร


27
ในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวน การเข้าถึงเงินทุนจึงกลายเป็น “หัวใจสำคัญ” ของผู้ประกอบการ SME โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็กที่ยังไม่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน การหาแหล่งเงินทุนที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์อาจดูเป็นเรื่องยาก แต่ในความจริงแล้ว หากรู้วิธีการและวางแผนอย่างชาญฉลาด ก็สามารถขอ สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ได้วงเงินที่สูงกว่าที่คิดไว้

วันนี้เราจะพาคุณเจาะลึกเคล็ดลับ พร้อมคำแนะนำจากประสบการณ์ตรงของผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อ เพื่อให้คุณเข้าใจและเตรียมความพร้อมได้อย่างมั่นใจ

ทำความเข้าใจก่อน:สินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ค้ำอนุมัติง่ายที่น่าสนใจคืออะไร?
สินเชื่อประเภทนี้คือเงินกู้ที่สถาบันการเงินหรือบริษัทสินเชื่อปล่อยให้กับผู้ประกอบการ โดยไม่ต้องใช้ที่ดิน อาคาร หรือทรัพย์สินใด ๆ มาค้ำประกัน ปัจจัยสำคัญที่ธนาคารจะใช้พิจารณาแทนหลักทรัพย์คือ “ศักยภาพของธุรกิจ” และ “ความสามารถในการชำระหนี้”

สินเชื่อลักษณะนี้เหมาะสำหรับ:

ธุรกิจเริ่มต้น หรือเพิ่งจดทะเบียนไม่เกิน 2-3 ปี

กิจการขนาดเล็ก ที่ยังไม่มีทรัพย์สินถาวร

ผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนด่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง

เคล็ดลับการเตรียมตัวให้ขอสินเชื่อผ่านง่าย วงเงินสูง
1. สร้างกระแสเงินสดให้แข็งแกร่ง
กระแสเงินสด (Cash Flow) ที่ดีคือเครื่องพิสูจน์ว่าธุรกิจของคุณ “อยู่รอดได้จริง” การที่รายรับมากกว่ารายจ่ายอย่างต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ธนาคารกล้าให้วงเงินสูงขึ้น แม้ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

แนะนำ:

ใช้ระบบบัญชีรายรับรายจ่ายที่ตรวจสอบได้

ควบคุมต้นทุนและลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

แสดงยอดโอนจากลูกค้าให้ชัดเจนใน statement

2. งบการเงินต้องโปร่งใส มีระบบ
งบการเงินคือสิ่งแรกที่ธนาคารเปิดดู ถ้าธุรกิจไม่มีงบการเงินที่น่าเชื่อถือ ก็เหมือนเดินเข้าธนาคารมือเปล่า

คำแนะนำ:

ใช้บัญชีธุรกิจแยกจากบัญชีส่วนตัว

จ้างนักบัญชีที่มีประสบการณ์ หรือใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์

ยื่นงบการเงินประจำปีต่อกรมสรรพากรอย่างสม่ำเสมอ

3. แสดงความสม่ำเสมอของรายได้
แม้รายได้จะไม่สูงมาก แต่หาก “สม่ำเสมอ” และเติบโตต่อเนื่องก็ถือว่ามีคุณภาพ ผู้ให้สินเชื่อจะพิจารณาประวัติรายรับย้อนหลัง 6–12 เดือนเป็นหลัก

เคล็ดลับ:

ถ้ารายได้ผันผวน ควรแนบคำอธิบายแนบพร้อมเอกสารประกอบ

ทำแผนรายได้เดือนต่อเดือนเพื่อนำเสนออย่างมั่นใจ

4. ปรับปรุงเครดิตทางการเงิน
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใหม่หรือธุรกิจที่มีประวัติอยู่แล้ว การรักษาเครดิตคือ “แต้มต่อ” ที่จะช่วยให้ธนาคารไว้ใจ แม้ไม่มีทรัพย์สินมาค้ำ

อย่าลืม:

ชำระหนี้เดิมตรงเวลา

หลีกเลี่ยงการผิดนัดหรือปิดบัตรเครดิตช้า

ตรวจสอบข้อมูลจากเครดิตบูโรว่าถูกต้องหรือไม่ที่ www.ncb.co.th

5. มีความสัมพันธ์ดีกับธนาคาร
หลายคนมองข้ามข้อนี้ แต่นี่คือความลับของเจ้าของกิจการรุ่นเก๋า การเปิดบัญชีธุรกิจไว้กับธนาคารที่เราจะขอสินเชื่อ เป็นการ “สร้างความไว้วางใจล่วงหน้า”

เช่น:

โอนจ่ายเงินเดือนพนักงานผ่านธนาคารเดียวกัน

รับเงินจากลูกค้าผ่านบัญชีนี้เป็นหลัก

ใช้บริการอื่นของธนาคาร เช่น สแกนจ่าย, พร้อมเพย์ธุรกิจ

รู้จักทางเลือกสินเชื่อที่ไม่ใช้หลักทรัพย์
ในปี 2568 หลายธนาคารและสถาบันการเงินเปิดตัวผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ SME ที่ไม่มีหลักประกันโดยเฉพาะ เช่น:

✅ สินเชื่อ OD (เงินทุนหมุนเวียน)
เหมาะกับธุรกิจที่มีการซื้อขายต่อเนื่อง สามารถเบิกใช้ได้ตามต้องการ จ่ายดอกเบี้ยเฉพาะส่วนที่ใช้จริง เช่นของธนาคารกรุงศรีฯ, ธนาคาร TMB

✅ บัตรเครดิตธุรกิจ (Business Credit Card)
เครื่องมือทางการเงินที่ช่วยเสริมสภาพคล่อง ใช้ซื้อของเข้าร้าน จ่ายค่าวัตถุดิบ หรือค่าใช้จ่ายจิปาถะ พร้อมวงเงินหมุนเวียนที่กลับมาใช้ได้เรื่อย ๆ

✅ สินเชื่อแฟคตอริ่ง (Factoring / Invoice Financing)
นำใบแจ้งหนี้ที่ค้างชำระจากลูกค้ามาเปลี่ยนเป็นเงินสดทันที ไม่ต้องรอลูกค้าจ่ายเงินครบ เหมาะสำหรับธุรกิจ B2B

สรุป: ขอ สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ไม่ใช่เรื่องไกลตัว
สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องโฟกัสไม่ใช่แค่ยอดขาย แต่ต้อง “สร้างความน่าเชื่อถือทางการเงิน” ให้มากพอ จนธนาคารไว้ใจว่าจะสามารถชำระหนี้ได้แม้ไม่มีทรัพย์ค้ำประกัน

อย่าลืม:

วางแผนล่วงหน้า 3–6 เดือนก่อนยื่นกู้

เตรียมงบการเงินและ statement ให้พร้อม

ศึกษาสินเชื่อ SME ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

หากคุณกำลังมองหาคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก ที่ไม่มีหลักประกัน ลองพูดคุยกับทีมที่ปรึกษาของเราได้เลย! เว็บไซต์ของเรามีบริการให้คำปรึกษาฟรี พร้อมรีวิวสินเชื่อจากธนาคารต่าง ๆ ที่อัปเดตล่าสุดในปี 2568

อ่านเนื้อหาฉบับเต็มที่เทคนิคดันวงเงินสินเชื่อ

28
ในยุคที่เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SME) จำนวนมากต่างมองหา "สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน" เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องหรือใช้เป็นทุนต่อยอดกิจการ แต่เมื่อพูดถึงการขอสินเชื่อโดยที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หลายคนอาจกังวล โดยเฉพาะหากตนเองเคยมีประวัติเครดิตไม่ดีหรือติดเครดิตบูโร

คำถามคือ ถ้าคุณเคยมีประวัติล่าช้าหรือเคยเป็น NPL มาก่อน จะยังสามารถขอสินเชื่อประเภทนี้ได้ไหม? วันนี้เราจะพามาไขข้อสงสัย พร้อมอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดด้านเศรษฐกิจ และเคล็ดลับที่ช่วยเพิ่มโอกาสอนุมัติ ???? "ทำความเข้าใจสินเชื่อไม่มีหลักทรัพย์ที่เหมาะกับธุรกิจคุณ



สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน คืออะไร?

สินเชื่อประเภทนี้เหมาะกับเจ้าของกิจการที่ไม่มีที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์มาค้ำประกัน โดยธนาคารหรือสถาบันการเงินจะใช้การวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ พฤติกรรมทางการเงิน และศักยภาพของธุรกิจเป็นเกณฑ์พิจารณาเป็นหลัก

อัปเดตสถานการณ์เศรษฐกิจปี 2568 – มีผลกับการปล่อยสินเชื่ออย่างไร

จากข้อมูลล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 1.75% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และส่งสัญญาณสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับ SME มากขึ้น (ที่มา)  ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็มีแผนผลักดันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการ Soft Loan และกองทุนประกันสินเชื่อของ บสย. มากขึ้น โดยเน้นผู้ที่ขาดโอกาส เข้าถึงยาก หรือมีประวัติเครดิตไม่สมบูรณ์

แล้วถ้าติดเครดิตบูโร ยังมีโอกาสได้สินเชื่ออยู่ไหม?

ถ้าคุณเคยล่าช้า แต่ปัจจุบันไม่มีหนี้ค้าง

โอกาสยังพอมีครับ
สถาบันการเงินหลายแห่งไม่ได้พิจารณาแค่ประวัติในอดีต แต่ให้ความสำคัญกับพฤติกรรมในช่วง 12 เดือนล่าสุด หากคุณสามารถแสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันมีรายได้มั่นคง ชำระหนี้ตรงเวลา และกิจการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ก็ยังมีโอกาสได้รับการอนุมัติ

ถ้ายังมีหนี้ค้างหรือติด NPL อยู่

กรณีนี้จะยากขึ้นครับ โดยเฉพาะสินเชื่อไม่มีหลักประกัน เพราะความเสี่ยงจะสูงกว่า ทางที่ดีควรเคลียร์หนี้หรือประนอมหนี้ให้เสร็จก่อน จากนั้นจึงเว้นระยะและสร้างประวัติใหม่ที่ดีสัก 6-12 เดือน

ปัจจัยที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการอนุมัติ

รายได้มั่นคง: ยิ่งธุรกิจคุณมีรายได้ที่แน่นอน และแสดงให้เห็นว่ามีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ โอกาสได้รับอนุมัติก็ยิ่งสูง

แผนธุรกิจที่ชัดเจน: แสดงให้เห็นว่าจะนำเงินกู้ไปใช้ในส่วนไหน คืนทุนอย่างไร และสร้างรายได้เพิ่มอย่างไร

หนี้สินไม่เกินตัว: ถ้าคุณมีภาระหนี้เดิมไม่สูง (Debt Service Ratio ไม่เกิน 50-60%) โอกาสอนุมัติก็จะมากขึ้น

เลือกสินเชื่อที่เหมาะกับตนเอง: เช่น สินเชื่อที่มี บสย. ค้ำประกัน หรือสินเชื่อจากสถาบัน Non-Bank ที่เน้นช่วยกลุ่มติดเครดิตบูโรโดยเฉพาะ

ทางเลือกของสินเชื่อสำหรับผู้ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

สินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ – ดอกเบี้ยต่ำแต่เข้มงวดเรื่องเครดิต

สินเชื่อ Non-Bank เช่น ศรีสวัสดิ์ เมืองไทยแคปปิตอล – เงื่อนไขยืดหยุ่นกว่า เหมาะกับผู้มีประวัติล่าช้า

สินเชื่อที่มี บสย. ค้ำ – เหมาะสำหรับผู้ที่มีศักยภาพแต่ไม่มีหลักประกัน และต้องการการค้ำจากรัฐ

แพลตฟอร์ม P2P Lending – เช่น PeerPower, JVentures ใช้ระบบเครดิตทางเลือก ไม่พิจารณาเครดิตบูโรเพียงอย่างเดียว

เคล็ดลับก่อนยื่นขอสินเชื่อ

ตรวจสอบเครดิตบูโรของตนเองก่อน (สามารถทำได้ผ่านแอป MyCredit หรือติดต่อเครดิตบูโรโดยตรง)

ถ้ามีประวัติล่าช้า ควรมีหนังสือรับรองการปิดหนี้แนบ

เตรียมเอกสารให้พร้อม เช่น งบการเงินย้อนหลัง รายการเดินบัญชี แผนธุรกิจ ฯลฯ

ขอวงเงินให้เหมาะสมกับความสามารถในการชำระ ไม่ควรขอเกินความจำเป็น

สรุป: ติดเครดิตบูโรก็ยังมีทางออก

แม้คุณจะเคยมีปัญหาทางเครดิต หรือยังไม่มีทรัพย์สินมาค้ำประกัน ก็ยังมีโอกาสได้รับ "สินเชื่อธุรกิจ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน" หากเตรียมตัวให้พร้อม มีแผนธุรกิจชัดเจน และเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะกับสถานะของคุณ

อย่าลืมว่า การมีวินัยทางการเงินวันนี้ คือเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้คุณเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจในวันหน้า

สนใจขอสินเชื่อ SME ไม่มีหลักประกัน หรืออยากปรึกษาเรื่องเครดิต ติดต่อทีมที่ปรึกษาการเงินของเราได้ฟรี
ที่มาสินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กรณีติดเครดิตบูโร



#สินเชื่อธุรกิจ #สินเชื่อSME #ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน #แหล่งเงินทุนธุรกิจ #ติดเครดิตบูโร #ฟื้นฟูเครดิต #เงินทุนหมุนเวียน #อนุมัติง่าย #สินเชื่อSMEดอกเบี้ยต่ำ

หน้า: [1]