
ในปี 68 เจ้าของร้านอาหารจำนวนมากเริ่มหันมาจัดโครงเงินแบบ สินเชื่อ sme เพื่อให้ทันจังหวะยอดขายที่แกว่งและวัตถุดิบสดที่ต้องซื้อถี่ “วงเงินหมุนเวียนสั้น (
เงินเบิกเกินบัญชี)” จึงกลายเป็นเครื่องมือหลัก ช่วยให้สั่งของได้ เท่าที่ขายได้ โดยไม่ต้องกดเงินสดตัวเอง ขณะเดียวกันโจทย์ “โลเคชัน–ทราฟฟิกผันผวน” ก็ต้องแก้ด้วยข้อมูลจริง ไม่ใช่อารมณ์
คำถามคือ “ทำอย่างไรให้วงเงินสั้นช่วยยอดได้จริง โดยไม่บานปลายเป็นดอกเบี้ยลม?” บทความนี้สรุปแนวคิดและวิธีใช้งานให้ตรงจุดสำหรับ สินเชื่อสำหรับธุรกิจอาหาร โดยยึดสองประเด็นจากบทความหลักเท่านั้น เพื่อให้คุณออกแบบ แหล่งเงินทุน ให้พอดีกับหน้างาน และใช้งาน
สินเชื่อธุรกิจไม่มีหลักประกันปี68 หรือ สินเชื่อ sme รูปแบบอื่นอย่างมีวินัย
ส่วนที่ 1: วงเงินหมุนเวียนสั้น (สินเชื่อOD) — ซื้อของสด “เท่าที่ขายได้” แล้วโปะคืนตามจังหวะเงินเข้า
1) ทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ
สินเชื่อOD คือเพดานวงเงินในบัญชีเดินสะพัดที่เบิกใช้เกินยอดคงเหลือได้ตามข้อตกลง จ่ายดอกเฉพาะวันที่ใช้จริง เหมาะกับธุรกิจที่ “จ่ายก่อน–รับเงินทีหลัง” เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ครัวกลาง ร้านเบเกอรี่ เพราะต้องจ่ายค่าวัตถุดิบสดทุกวัน แต่รายรับบางส่วนเข้าทีหลัง (เดลิเวอรี/ลูกค้าองค์กร/รอบตัดบิล)
หัวใจของการใช้ OD ให้คุ้มค่า มี 3 ข้อ:
1. ดึงเมื่อจำเป็น เฉพาะวันที่มีเงินออกด้านวัตถุดิบ/ค่าส่ง/ค่าแรง
2. โปะคืนทันที เมื่อยอดขายเข้าบัญชี เพื่อตัดดอกเบี้ยค้าง
3. อย่าตุนเกินรอบขายจริง ของสดมีอายุสั้น ตุนมากเท่าไร ความเสี่ยงของเสียและดอกที่ไม่จำเป็นยิ่งเพิ่ม
2) ตั้งเพดานให้ “พอดีมือ”
วิธีเริ่มต้นที่ใช้งานได้จริง:
• คำนวณค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อเดือน (วัตถุดิบสด+แรงงาน+โลจิสติกส์ที่เกิดถี่ ๆ) แล้วตั้งเพดาน OD ประมาณ 0.8–1.0 เท่า ของยอดนี้
• ตั้ง “กรอบใช้งานจริง” ไม่เกิน 60–70% ของเพดาน เพื่อเผื่อกันชนในวันที่ยอดแกว่ง
• ทำ ปฏิทิน “ดึง–โปะ” ให้ตรงกับวันสั่งของ–วันส่งของ–วัน POS ตัดยอด–วันเดลิเวอรีโอน
ตัวอย่าง: ร้านอาหารที่จ่ายวัตถุดิบและแรงงานถี่ ๆ วันละ 12,000–15,000 บาท รายได้เข้าหลัก ๆ ศุกร์–เสาร์ เพดาน OD สัก 300,000–350,000 บาท และใช้จริงไม่เกิน 200,000–240,000 บาท จะทำให้หมุนได้ลื่นโดยไม่ตึงมือ เมื่อยอดวันศุกร์เข้า ระบบตั้งโอนโปะคืนอัตโนมัติ ลดดอกทันที
3) สูตรสต็อกสำหรับของสด: “เท่าที่ขายได้”
การสั่งวัตถุดิบสดควรยึดหลัก เท่าที่ขายได้ ไม่ใช่ “เผื่อ ๆ” เพราะทุกเปอร์เซ็นต์ของเสีย คือดอกเบี้ยที่จ่ายโดยไม่จำเป็น
• ใช้ข้อมูลยอดรายชั่วโมง/รายวันย้อนหลัง 2–4 สัปดาห์ ตั้งคิวสั่งนม ผัก เนื้อ ขนมปัง น้ำแข็ง ให้พอดี
• สร้าง Safety Stock เฉพาะรายการสำคัญ 0.5–1.0 วันขาย
• แยกวัตถุดิบที่ “อายุสั้นพิเศษ” (เช่น เบเกอรี่สด) ออกจากรอบสั่งหลัก เพื่อป้องกันค้างสต็อก
4) เชื่อม OD กับเครดิตเทอมของซัพพลายเออร์
หากมีเครดิตเทอม 7–15 วัน ให้ใช้ OD จ่าย “ค่าใช้จ่ายที่ไม่เข้าข่ายเทอม” (เช่น ของสดบางรายการ/ค่าแรง/ค่าส่ง) ส่วนสินค้าที่ได้เครดิตเทอมให้วางแผนจ่ายตรงกำหนด จะทำให้ OD รับภาระเฉพาะช่วงสั้นจริง ๆ และค่าใช้จ่ายรวมต่อเดือนต่ำลง
5) สัญญาณเตือนว่าใช้ OD ผิดทาง
• วงเงิน ค้างสูงตลอด แม้รายรับเข้าแล้ว
• สต็อกของสด หมดอายุ/เสีย บ่อยกว่าปกติ
• ต้องใช้ OD ไปโปะหนี้ระยะยาวอื่นเป็นประจำ
เมื่อเจออาการเหล่านี้ ให้ทบทวน 3 จุด: (ก) เพดานสูงเกินจำเป็น, (ข) ปฏิทิน “ดึง–โปะ” ไม่สอดคล้องยอดจริง, (ค) มีรายการสั่งซื้อที่ “ไม่เกิดยอดขาย” แทรกอยู่ ควรถอดออกหรือย้ายไปแหล่งเงินก้อนคงที่แทน
ส่วนที่ 2: โลเคชัน–ทราฟฟิกผันผวน — ใช้ข้อมูลจริงกำหนดเงิน ไม่ใช่อารมณ์
ร้านอาหารในทำเลเดียวกัน ตัวเลขยอดขายอาจต่างกันมากตามสภาพคนเดินผ่าน เวลาเปิด–ปิด อาคารสำนักงานใกล้เคียง เทศกาล หรือสภาพอากาศ วันไหนฝนตกหรือมีอีเวนต์ในย่านอื่น ยอดหน้าร้านอาจยวบทันที การใช้งบและวงเงินแบบเดิมทุกวันจึงเสี่ยงผิดพลาด
1) ทำ “แผนที่ทราฟฟิก” รายชั่วโมง
• ดึงข้อมูล POS 2–4 สัปดาห์ ทำกราฟ พีค–โลว์ ต่อชั่วโมง และ วันในสัปดาห์
• ทำเครื่องหมายวันพิเศษ: วันเงินเดือนออก, แมตช์ใหญ่, งานอีเวนต์, ฝนตกหนัก
• ใช้กราฟนี้เป็น “เข็มทิศ” ตั้งรอบสั่งของสด/จัดกะพนักงาน/กำหนดวัน–เวลาที่จะดึง OD และวัน–เวลาที่จะโปะคืน
ผลลัพธ์ที่เห็นได้เร็ว: ของสดค้างน้อยลง, ดอกเบี้ยลมลดลง, คิวหน้าร้านไหลขึ้น เพราะจำนวนคน/ของ/เงิน ถูกตั้งบนกราฟเดียวกัน
2) แยก “งานถี่” กับ “งานยาว” ให้เด็ดขาด
• งานถี่ ได้แก่ ของสด, น้ำแข็ง, ค่าส่ง, ค่าแรงรายวัน → ใช้ สินเชื่อOD หมุนสั้น ๆ แล้วโปะคืนตามรอบยอดเข้า
• งานยาว ได้แก่ รีโนเวตร้าน, ปรับครัว, ซื้ออุปกรณ์ → ใช้เงินก้อนคงที่ (ผ่อนรายเดือน) แยกจาก OD
การไม่ปะปนกันจะทำให้คุณเห็นชัดว่า “ดอกเบี้ยไหนมาจากอะไร” และต่อรองกับธนาคารได้ง่ายขึ้น เพราะวงเงินถูกใช้ตามวัตถุประสงค์
3) ใช้งบ “กันฝน–กันเงียบ” แบบเล็กแต่เร็ว
ทราฟฟิกตกเพราะฝนหรืออีเวนต์? ใช้ OD จ่าย มาตรการดึงคนเข้าร้านขนาดเล็ก ที่เห็นผลไว เช่น กันสาด ป้ายชัด ไฟหน้าร้าน เมนูอ่านง่าย โต๊ะยืนสั้น ๆ หน้าร้าน จากนั้นเมื่อยอดวันศุกร์/สิ้นสัปดาห์เข้าก็โปะคืนทันที วิธีนี้ทำให้คุณ “ปรับตัวเชิงกายภาพ” ได้เร็ว โดยไม่ต้องขอสินเชื่อก้อนใหญ่
4) อย่ากู้ยาวเพื่อพยุงทำเลที่ผิด
ถ้า “แผนที่ทราฟฟิก” ยืนยันติดต่อกันหลายเดือนว่าคนไม่มาเพียงพอ แม้ปรับแล้ว ให้พิจารณา เปลี่ยนจุดขาย/เพิ่มจุดขาย มากกว่าการเพิ่มหนี้ระยะยาวเพื่ออุ้มค่าเช่า เพราะนั่นคือการผัดปัญหาไปข้างหน้า การใช้ข้อมูลจริงคุยกับเจ้าของพื้นที่/พาร์ตเนอร์ จะทำให้คุณหาทางออกร่วมกันได้ง่ายกว่า
บริบทสินเชื่อปี 68: เข้าถึงง่ายขึ้น ถ้าข้อมูลสะอาด
ในมุมของ สินเชื่อไม่มีหลักประกันปี68 และผลิตภัณฑ์เพื่อ SME หลายประเภท ธนาคารให้ความสำคัญกับ “คุณภาพข้อมูล” มากขึ้น โดยเฉพาะ สเตทเมนต์ 6–12 เดือนที่เห็นรอบเงินสดจริง ไม่ปะปนบัญชีส่วนตัว หากคุณใช้ OD ด้วยวินัย (ดึง–โปะตามปฏิทิน) และรายงานเงินสด 1 หน้าได้ชัด โอกาสเข้าถึงวงเงินจะสูงขึ้น ทั้งกับ สินเชื่อ sme แบบมี/ไม่มีหลักประกัน
เอกสารที่ช่วย “อนุมัติง่าย” สำหรับร้านอาหารที่ขอ OD/วงเงินหมุนเวียน:
• สเตทเมนต์บัญชีเดินสะพัด 6–12 เดือน (รับ–จ่ายธุรกิจผ่านบัญชีเดียว)
• ปฏิทินเงินเข้า–ออกรายสัปดาห์: วันสั่งของ–วันส่ง–วัน POS ตัดยอด–วันเดลิเวอรีโอน
• ไฟล์สรุป 1 หน้า: ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน/เดือน, เพดาน OD ที่ขอ, แผนใช้–โปะ, เป้าหมายปิดบัญชีอย่างน้อยไตรมาสละครั้ง
• ถ้ามีเครดิตเทอมซัพพลายเออร์ แนบสัญญา/เงื่อนไข เพื่อแสดงว่า OD จะรับภาระ “แค่ช่วงสั้นจริง ๆ”
ถาม–ตอบสั้น ๆ ที่พบเจอบ่อย
ถาม: ร้านเล็กควรเริ่มจาก OD เท่าไร?
ตอบ: ดูค่าใช้จ่ายถี่ ๆ ต่อเดือนก่อน แล้วตั้งเพดานที่ 0.8–1.0 เท่า ของยอดนั้น ใช้จริงไม่เกิน 60–70% พอ
ถาม: รายได้เข้าช้าจากแพลตฟอร์มเดลิเวอรี ทำอย่างไรไม่ให้ดอกบาน?
ตอบ: ตั้ง “วันโปะอัตโนมัติ” ตรงกับวันโอนจากแพลตฟอร์ม และอย่าใช้ OD ในรายการที่ไม่จำเป็น เช่น ของตกแต่ง/อุปกรณ์ถาวร
ถาม: จะผสม OD กับ แหล่งเงินทุน อื่นอย่างไร?
ตอบ: ใช้เครดิตเทอม/แฟกตอริ่งกับยอด B2B เพื่อเร่งเงินเข้า ให้ OD รับภาระเฉพาะค่าใช้จ่ายรายวัน–รายสัปดาห์
เช็กลิสต์ก่อนยื่น
• ใช้บัญชีธุรกิจหลักเพียงบัญชีเดียว (รายรับ–รายจ่ายธุรกิจ)
• ทำกราฟทราฟฟิกรายชั่วโมง 2–4 สัปดาห์ ตั้งรอบสั่งของ–ดึง–โปะตามกราฟ
• คำนวณค่าใช้จ่ายถี่ ๆ ต่อเดือน → กำหนดเพดาน สินเชื่อOD และกรอบใช้งานจริง
• สร้าง “สูตรสต็อกของสด = เท่าที่ขายได้” + Safety Stock รายการสำคัญ
• เตรียมไฟล์สรุป 1 หน้า (เพดาน/แผนใช้–โปะ/เป้าหมายปิดไตรมาสละครั้ง)
• หากเข้าถึง สินเชื่อไม่มีหลักประกันปี68 ได้ ให้แนบสเตทเมนต์สะอาด 6–12 เดือนเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
สรุป: เงินสั้นช่วยยอดได้จริง เมื่อใช้ตาม “จังหวะขายจริง”
สำหรับ สินเชื่อสำหรับธุรกิจอาหาร ในปี 68 หลักคิดง่าย ๆ คือ “ใช้เงินให้เท่าที่ขายได้” และ “ให้เงินเดินตามทราฟฟิกจริง” เครื่องมืออย่าง สินเชื่อOD จะกลายเป็นตัวช่วยที่ทรงพลัง เมื่อคุณดึง–โปะตามปฏิทิน, ไม่ตุนเกินรอบขาย, และแยกงานถี่กับงานยาวให้ชัด ขณะเดียวกัน ข้อมูลที่สะอาดจะเปิดประตูสู่ สินเชื่อ sme และ แหล่งเงินทุน อื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น โดยไม่เพิ่มภาระเกินจำเป็น
อ่านต่อ
เจาะลึกแนวคิดเดียวกันในบริบทธุรกิจกาแฟ
สินเชื่อSMEสำหรับธุรกิจกาแฟ:ลงทุนเครื่อง–ปรับร้านและทุนหมุนให้พอดีมือ