ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - วิรุฬห์

หน้า: [1]
1
Cooling Tower (คูลลิ่งทาวเวอร์) หอหล่อเย็นนวัตกรรมระบายความร้อนของอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์


 Cooling Tower



Cooling Tower (หอหล่อเย็น) คือ
Cooling Tower (หอหล่อเย็น) คือ อุปกรณ์ระบายความร้อนที่ใช้น้ำเพื่อถ่ายเทความร้อน นับได้ว่าเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนขนาดใหญ่ มีระบบปฏิบัติการ cooling tower system อย่างมีประสิทธิภาพ หอระบายความร้อนมีการออกแบบ cooling tower ให้มีใบพัด cooling tower เพื่อให้อากาศเคลื่อนขึ้นด้านบนทำให้อากาศเย็นลง จึงเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมสมัยใหม่ที่เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมและอาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งหอทำความเย็นจะเป็นตัวนำพาความเย็นไปยังจุดต่างๆ ด้วยอาศัยเครื่องจ่ายลมเย็นเป็นตัวกระจายไปยังสถานที่ต่างๆ ภายในอาคารที่มีการติดตั้งหอหล่อเย็นไว้ เพื่อระบายความร้อนออกจากตัวอาคารและเครื่องจักร



หลักการทำงานของหอหล่อเย็น Cooling Tower
หลักการทำงานของหอหล่อเย็น Cooling Tower เป็นการทำงานด้วยวิธีการแลกเปลี่ยนความร้อน โดยมีน้ำเป็นตัวกลางในการถ่ายเทความร้อนไปยังอากาศ ด้วยวิธีการระเหย ซึ่งหลักการทำงานของหอหล่อเย็นจะนำเอาน้ำไหลผ่านแผงรังผึ้ง (Filler) โดยด้านบนของ cooling tower จะมีใบพัด cooling tower ใบพัดหรือพัดลมดังกล่าวจะทำหน้าที่ดูดลมผ่านทางด้านข้างของแผงรังผึ้งขึ้นไปสู่ด้านบนของหอหล่อความเย็น น้ำที่ค่อยๆไหลผ่านตัวแผงรังผึ้งลงมาจะมีลมเย็นผ่านเข้ามา ซึ่งเรียกกระบวนการดังกล่าวว่ากระบวนการแลกเปลี่ยนความร้อน เมื่อเกิดการถ่ายเทความร้อน น้ำที่ไหลลงมาจะมีอุณหภูมิลดลง และน้ำที่ไหลลงมาจะไหลลงมายังส่วนฐานที่เป็นถาดด้านล่างของ Cooling Tower หลังจากนั้นจะถูกดูดไปหล่อเย็นผ่านระบบซิลเลอร์ (chiller) เพื่อนำไปหล่อตัวเครื่องจักร น้ำที่ถูกดูดผ่านไปยังระบบซิลเลอร์จะมีอุณหภูมิสูงขึ้น น้ำที่มีอุณหภูมิที่สูงขึ้นจะถูกดูดไปยังด้านบนของ cooling tower อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งกระบวนการการทำงานของระบบ cooling tower จะเป็นการทำงานแบบวนซ้ำไปเรื่อยเรื่อย การทำงานของระบบดังกล่าวจะเป็นช่วยประหยัดพลังงานที่จะใช้ในการทำความเย็น รวมไปถึงการเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบปรับอากาศในอาคารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

 หลักการทำงานของหอหล่อเย็น Cooling Tower



ความสำคัญของ Cooling Tower
สภาพแวดล้อมและอากาศเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและประสิทธิภาพของการทำงาน ความร้อนและการถ่ายเทอากาศย่อมมีผลต่อความรู้สึกของมนุษย์ หากเปรียบเทียบบริเวณพื้นที่เดียวกันแต่ การถ่ายเทอากาศแตกต่างกัน แน่นอนว่าบริเวณพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูง การถ่ายเทของอากาศไม่ปลอดโปร่ง จะทำให้มนุษย์เกิดอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย  ความกระตือรือร้นและประทธิภาพในการประกอบกิจกรรมย่อมแตกต่างกันไป ฉะนั้นการทำร่างกายปรับสภาพให้อยู่ในสภาวะที่สมดุลจึงเป็นสิ่งที่สำคัญต่อมนุษย์ การนำ cooling tower system ซึ่งเป็นระบบที่นำมาใช้เพื่อระบายความร้อน และปรับสภาพอากาศภายในอาคารที่มีขนาดใหญ่ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือโรงพยาบาล เป็นต้น เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก เพิ่มประสิทธิภาพของการทำงาน ความกระตือรือร้น ทให้ความรู้สึกของมนุษย์เปิดรับ รวมไปถึงพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ให้ดีขึ้น



ประเภทของ Cooling Tower (คูลลิ่งทาวเวอร์)
หอทำความเย็นCooling Tower (คูลลิ่งทาวเวอร์) สามารถจำแนกประเภทของการใช้งาน ออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

Mechanical Draft Cooling Tower
Mechanical Draft Cooling Tower การระบายความร้อนแบบร่างเครื่องกล ระบบ cooling tower เป็นการเคลื่อนที่ของอากาศเกิดจากการใช้ใบพัด cooling tower หรือพัดลมเป็นตัวบังคับให้อากาศผ่านแผงกระจายน้ำ การระบายความร้อนแบบร่างเครื่องกล มีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการมากกว่าแบบธรรมชาติ

Natural Draft Cooling Tower
Natural Draft Cooling Tower คูลลิ่งทาวเวอร์แบบร่างธรรมชาติ ระบบ cooling tower จะมีการเคลื่อนที่ของอากาศที่แตกต่างกันของอุณหภูมิและความหนาแน่น เหมาะกับสภาพอากาศที่เย็นและแห้ง ซึ่งส่วนมากจะพบ cooling tower ในอุตสาหกรรมที่มีการไหลของน้ำหล่อเย็นที่ไม่มีที่สิ้นสุดและโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นต้น ระบบดังกล่าวมีข้อจำกัดในเรื่องของต้นทุนที่สูง

ประเภทของ Cooling Tower (คูลลิ่งทาวเวอร์)

Counter Flow Cooling Tower
Counter Flow Cooling Tower ระบบคูลลิ่งทาวเวอร์ทวนกระแส การไหลของน้ำและอากาศมีการเคลื่อนที่สวนทางกัน การออกแบบ cooling tower ให้อากาศเคลื่อนขึ้นด้านบน น้ำร้อนจะตกลงมาเพื่อให้อากาศเย็นลง ซึ่งการทำงานในลักษณะดังกล่าวจะช่วยให้ได้ประสิทธิภาพของการทำงานของ ระบบ cooling tower สูงสุด

Cross Flow Cooling Tower
Cross Flow Cooling Tower  คูลลิ่งทาวเวอร์ครอสโฟลว์ ระบบ cooling tower ประเภทนี้จะมีการทำงานโดยการไหลของน้ำและอากาศมีการเคลื่อนที่ตัดกัน พัดลมจะเป็นตัวป้องกันความชื้นจากสภาพอากาศ เมื่อเกิดความชื้นมากอาจทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานลดลงได้

จะเห็นได้ว่า ระบบ cooling tower ในแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันออกไป มีความเหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน ฉะนั้นก่อนการนำ cooling towers ไปใช้งานควรศึกษาสภาพแวดล้อม ความเหมาะสมในการใช้งานให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน รวมไปถึงการทำงานของระบบ cooling tower ที่ถูกจัดวางในพื้นที่ที่ต้องการใช้งานอีกด้วย



Cooling Tower (คูลลิ่งทาวเวอร์) มีประโยชน์อย่างไร
จากการกล่าวมาข้างต้น  cooling tower system หรือหอหล่อเย็นเป็นระบบที่สร้างขึ้นด้วยวิธีการแลกเปลี่ยนความร้อน โดยใช้การถ่ายเทความร้อนด้วยการระเหย มีน้ำเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน ทำหน้าที่ระบายความร้อน ปรับอากาศภายในอาคาร ซึ่งระบบ cooling tower มีการออกแบบมาเพื่อความเหมาะสมและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งาน มีความคงทน แข็งแรงต่อต้านการสึกหล่อและแตกหัก ป้องกันสนิม 

ทนต่อสภาพแวดล้อม การติดตั้ง cooling tower ควรติดตั้งบริเวณที่โล่ง บนหลังคาของอาคาร หรือบริเวณพื้นที่โล่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ cooling tower ได้อย่างเต็มรูปแบบ

2
Heat Exchanger เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนคืออะไร หลักการทำงานเป็นยังไงและมีกี่ชนิด


Heat Exchanger

ในปัจจุบัน เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน ( Heat Exchanger ) เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในระบบอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวถ่ายเทความร้อนจากของไหลชนิดหนึ่งไปยังของไหลอีกชนิดหนึ่ง เพื่อเพิ่มลดอุณหภูมิของของไหลเพื่อนำของไหลมาใช้หมุนเวียนใหม่ได้ และการถ่ายเทความร้อนนั้นมี 3 ชนิดหลักๆ เช่น Parallel flow, Counter flow, และ Cross flow โดยการถ่ายเทความร้อนทั้ง 3 ชนิดแตกต่างกัน เรามาทำความรู้จักกับ Heat Exchangers ในบทความนี้ให้เข้าใจกัน



เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน Heat Exchanger คือ ?
เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน ( Heat Exchanger ) เป็นเครื่องมือที่ใช้ถ่ายเทความร้อนออกจากของไหลชนิดหนึ่งไปยังของไหลอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เพิ่มหรือลดอุณหภูมิความร้อนจากของไหลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ได้ โดยที่ของไหลนั้นไม่จำเป็นต้องผสมกัน และยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างมากในทางระบบอุตสาหกรรมต่างๆ




หลักการทํางานของ Heat Exchanger
หลักการทํางานของ Heat Exchanger
โดยหลักการทำงานของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน ( Heat Exchanger ) นั้น จะใช้การถ่ายเทความร้อนจากของไหลชนิดหนึ่งไปยังของไหลอีกชนิดหนึ่ง เพื่อเพิ่มลดอุณหภูมิหรือใช้หมุนเวียนความร้อนจากของไหลกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งของเหลวภายในอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนมักจะไหลอย่างรวดเร็วเพื่อความสะดวกในการถ่ายเทความร้อน แต่การไหลอย่างรวดเร็วนั้นอาจส่งผลให้เกิดการปั่นป่วนของของเหลวภายในเครื่องได้

ในการเลือกใช้เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ในแต่ละอุตสาหกรรมควรพิจารณาการไหลของของไหลความร้อนในระบบ และมีให้เลือกหลากหลายชนิด โดยการเลือกใช้อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนในแต่ละชนิดนั้นมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป

โดยเราได้นำตัวอย่างชนิดของ Heat exchangers 3 ชนิดคราวๆมีดังนี้

- เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบเชลล์และท่อ ( Shell and Tube Heat exchanger ) เป็นเครื่องที่มีของไหลชนิดหนึ่งจะอยู่ในเชลล์และอีกชนิดหนึ่งจะอยู่ในท่อ สำหรับการไหลนั้นจะอยู่ในลักษณะไหลสวนทางหรือไหลขนาน
- เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบใบมีดขูดผิว ( Scraped Surface Heat Exchangers ) เป็นเครื่องที่มีลักษณะเป็นท่อ 2 ชั้น ท่อชั้นนอกบรรจุตัวกลางความร้อน
- เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อนแบบแผ่น ( Flat Plate Heat Exchanger ) เป็นเครื่องที่มีการใช้งานแผ่นโลหะเพื่อถ่ายเทความร้อนระหว่างของเหลวสองชนิด



ชนิดของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน Heat Exchanger
Parallel flow
เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน ( Heat exchanger ) แบบไหลขนานกัน ของเหลวทั้งสองจะไหลเข้าสู่อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนและไหลไปในทิศทางเดียวกัน ในการออกแบบชนิดนี้จะต้องใช้อุณหภูมิที่แตกต่างของอุณหภูมิที่ทางเข้า เพราะอุณหภูมิของของเหลวจะใกล้เคียงกับทางเข้ามากที่สุด

Counter flow
เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน ( Heat exchangers ) แบบไหลสวนทางกัน ของเหลวทั้งสองจะไหลเข้าสู่ตัวปลายด้านตรงข้ามของตัวแลกเปลี่ยนความร้อนและไหลสวนทางกัน ในการออกแบบชนิดนี้ความแตกต่างของอุณหภูมิจะน้อยกว่าและคงที่มากกว่าด้วยความยาวของตัวท่อ ของเหลวที่โดนความร้อนนั้นอาจทำให้ตัวแลกเปลี่ยนความร้อนมีอุณหภูมิที่สูงกว่าอุณหภูมิทางออกของของไหล และการออกแบบชนิดนี้จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด เนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิที่สูงกว่าความยาวของตัวแลกเปลี่ยน

Cross flow
เครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน ( Heat exchanger ) แบบตั้งฉาก ของเหลวทั้งสองจะไหลเข้าสู่อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนในทิศทางตั้งฉากกัน ในการออกแบบชนิดนี้มักจะเป็นการแลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างอากาศกับของเหลว เช่น หม้อน้ำในรถยนต์ เป็นการแลกเปลี่ยนความร้อนระหว่างน้ำร้อนกับอากาศเย็น เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนความร้อน เพราะค่าความหนาแน่นของอากาศต่ำมากกว่าน้ำหลายเท่า



Heat Exchanger มีการใช้งานในอุตสาหรรมต่างๆอย่างไร


ในปัจจุบันนั้น การใช้งานเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน ( Heat exchanger )ให้เหมาะสมกับระบบอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ในอุตสาหกรรมน้ำมันกลั่นมักจะใช้ตัวแลกเปลี่ยนความร้อนในการทำให้น้ำมันดิบร้อนขึ้นหรือทำให้ไอที่ออกจากหอกลั่นเป็นของเหลวหรือใช้ลดอุณหภูมิของน้ำมันหรือก๊าซ หรือในอุตสาหกรรมอื่นๆ

เช่น อุตสาหกรรมปุ๋ย,เส้นใย,อาหารกระป๋องมีการนำเอาความร้อนมาเวียนใช้ใหม่หรือแลกเปลี่ยนความร้อนสำหรับเพิ่มหรือลดความร้อน โดยอุตสาหกรรมต่างๆที่กล่าวมานั้น นิยมใช้ Heat Exchangers กันซะส่วนใหญ่ และใช้อุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อนอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป



3
ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) คืออะไร ทำหน้าอะไร สิ่งที่ต้องตรวจเช็คมีอะไรและมีวิธีการดูแลรักษายังไงบ้าง


oil cooler

Oil cooler เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งและนิยมถูกใช้ในโรงงานอุตสาหกรรที่มีการใช้ระบบทำความเย็น โดยหลักการทำงานของตัวอุปกรณ์ออยคูลเลอร์ คือ การทำหน้าที่เป็นตัวระบายความร้อนของเครื่องจักรหรือเครื่องยนต์สามารถช่วยให้น้ำมันภายในเครื่องยนต์นั้นเย็นลง ซึ่งยังช่วยทำให้น้ำมันชนิดที่มีความหนืดสูงกับชนิดที่ไม่หนืดภายในเครื่องยนต์มีอายุการใช้งานที่มากขึ้น

และสิ่งที่ต้องตรวจเช็คในการใช้งาน Oil cooler เช่น อุณหภูมิของน้ำที่ใช้, การเกิดตะกรันที่อยู่ภายในท่อ, และระยะเวลาการใช้งาน โดยเราได้รวบรวมวิธีการดูแลรักษาไว้ในบทความนี้แล้ว



ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) คือ?
ออยคูลเลอร์ คือ ตัวช่วยระบายความร้อนของเครื่องจักรหรือเครื่องยนต์ด้วยการระบายความร้อนของน้ำมันเพื่อนำกลับเข้าไปใช้ต่อในระบบ Oil cooler ซึ่งน้ำมันที่ถูกนิยมนำมาใช้และไม่มีความหนืด เช่น OIL ISO VG68, OIL ISO VG 46, OIL ISO VG26 รวมทั้งยังมีน้ำมันที่มีความหนืดสูงที่นิยมนำมาใช้ เช่น OIL ISO VG 120, OIL ISO VG 150, Gear OIL No 220

และน้ำมันทั้งสองแบบสามารถทำหน้าที่แลกเปลี่ยนความร้อนน้ำมันจาก คอมเพรสเซอร์ (Compressor) ในระบบของเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่ ซึ่งน้ำมันที่นิยมใช้ในเครื่องทำความเย็นขนานใหญ่นั้นจะมีน้ำมัน B150SH, B100 และ BSE170 ที่ถูกใช้ในระบบนี้



ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) ทำงานอย่างไร

ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) ทำงานอย่างไร

หน้าที่หลักการทำงานของออยคูลเลอร์ ( Oil cooler ) คือ ตัวช่วยระบายความร้อนหรือนำความร้อนออกจากน้ำมันเครื่องที่มีการหมุนเวียนอยู่ภายในเครื่องยนต์ให้มีอุณหภูมิที่ลดลง ภายในท่อของออยล์คูลเลอร์นั้นจะมีครีบขนาดเล็กที่ทำหน้าที่นำพาน้ำนมให้ไหลผ่านเข้าไปภายในเครื่องได้

โดยหลักการทำงานจะใช้อากาศที่อยู่ภายนอกของเครื่องยนต์ นำพาน้ำให้ไหลไปกระทบกับท่อน้ำมันและภายในเครื่องยนต์จะมีครีบขนาดเล็กที่เป็นตัวระบายความร้อนออกไปและประโยชน์ของออยคูลเลอร์ หรือ Oil cooler สามารถช่วยให้น้ำมันภายในเครื่องยนต์นั้นเย็นลงและยังช่วยทำให้น้ำมันภายในเครื่องยนต์มีอายุการใช้งานที่มากขึ้น



สิ่งที่ต้องคำนึงในการใช้งาน ออยคูลเลอร์ ( Oil cooler )

เรื่องที่ 1 อุณหภูมิของน้ำที่ใช้ในออยคูลเลอร์ ( Oil cooler )
การใช้งานตัวอุปกรณ์ Oil cooler ควรมีการใช้น้ำที่มีอุณหภูมิต่ำหรือต่ำมาก เพราะจะช่วยให้ตัวอุปกรณ์ออยคูลเลอร์ระบายความร้อนได้ดี ยิ่งอุณหภูมิต่ำมากเท่าไหร่ยิ่งระบายความร้อนได้ดีมากขึ้น

เรื่องที่ 2 การเกิดตะกรันที่อยู่ภายในท่อออยคูลเลอร์ ( Oil cooler )
หน้าที่หลักการทำงานของ Oil cooler คือ การแลกเปลี่ยนความร้อน เมื่อตัวอุปกรณ์ถูกใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ตัวท่อสามารถเกิดตะกรันเกิดมาเกาะท่อได้ ซึ่งทำให้ระบายความร้อนได้ไม่ดีนัก ในทางที่ดีไม่ควรให้ตัวอุปกรณ์มีตัวตะกรันอยู่ภายในท่อ เพราะจะทำให้ตัวอุปกรณ์ทำการแลกเปลี่ยนความร้อนได้ไม่ดี ตัวเครื่องจะทำงานหนักมากขึ้นและกินไฟมากขึ้น

เรื่องที่ 3 ระยะเวลาการใช้งานของออยคูลเลอร์ ( Oil cooler )
เมื่อตัวอุปกรณ์ Oil cooler ที่ใช้มาในระยะเวลานาน มีโอกาสที่ตัวท่อออยล์คูลเลอร์ที่อยู่ข้างในนั้นจะชำรุดหรือเกิดการเสียหายขึ้นได้ ซึ่งจะส่งผลทำให้น้ำที่อยู่ในระบบนั้น สามารถเข้าไปผสมกับน้ำไฮดรอลิคจะทำให้สีของน้ำมันไฮดรอลิคมีสีที่ขุ่นหรือมีสีน้ำนม อาจส่งผลทำให้ตัวระบบอุปกรณ์ส่งเสียงดังและมีความร้อนสูงขึ้น และอาจทำให้ปั๊มไฮดรอลิคในตัวอุปกรณ์เกิดความเสียหายได้



การดูแลรักษา Oil cooler

การดูแลรักษา Oil cooler

วิธีการซ่อมบำรุงหรือการดูแลรักษา Oil cooler หากภายในเครื่องยนต์ไม่ได้เกิดตะกรันหรือตะกรันที่ไม่ได้มีอยู่มากนั้น สามารถใช้สว่านหรืออุปกรณ์ตัวช่วยในการแยงเข้าไปเพื่อทำความสะอาดภายในตัวท่อที่มีตะกรันเกาะอยู่

และอีกหนึ่งวิธีที่ทำความสะอาด Oil cooler คือ การถอดไส้ที่อยู่ด้านในออยคูลเลอร์นำออกมาล้างและแช่ในสารเคมีที่มีกรดด่างแรงๆ เพื่อให้ตัวสารเคมีทำการกัดตระกรันที่อยู่ภายในท่อออยล์คูลเลอร์ โดยทำการแช่สารเคมีไว้ 1 คืนและนำมาล้าง ข้อควรระวังในการใช้สารเคมี ไม่ควรให้สารเคมีสัมผัสที่ตาหรือสัมผัสโดยตรง ขั้นตอนนี้สามารถใส่ถุงมือเพื่อป้องกันมือของท่านได้

4
คอนโดสมุทรปราการ ได้รับความนิยมในการอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นชานเมืองที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก และสิ่งจำเป็นต่างๆครบครัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเดินทาง สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล สวนสาธารณะ รวมไปจนถึงค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพต่างๆที่ถูกกว่าในตัวเมืองอีกด้วย

ดังนั้น บทความนี้เราจะมารีวิวคอนโดสมุทรปราการที่น่าสนใจในราคา 2 ล้านบาทหรือน้อยกว่า เพื่อเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจดีๆให้กับคนที่กำลังหาแหล่งที่พักอาศัยทำเลดีๆอยู่ ณ ตอนนี้

คอนโดสมุทรปราการ โครงการเดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท (The President Sukhumvit)

คอนโดสมุทรปราการ โครงการเดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท (The President Sukhumvit)<br />

โครงการเดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท (The President Sukhumvit) ตั้งอยู่ที่ ถนนสุขุมวิท ตำบลท้ายบ้านใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นโดย บริษัท ชัยพัฒนาที่ดิน จำกัด

ทางคอนโดแห่งนี้ เป็นคอนโดข้างโรบินสัน สมุทรปราการ ที่สามารถเดินทางเข้า-ออกได้ด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีแพรกษา อีกทั้งยังสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแบบง่ายๆ เพราะโครงการใกล้กับจุดขึ้น-ลงทางด่วนหลัก 3 สาย และยังเชื่อมต่อกับเส้นทางอื่นๆได้อีกมากมาย เช่น ถนนแพรกษา ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ถนนบางนา-ตราด เป็นต้น

โดยคอนโดเดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท สมุทรปราการ มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 3 ไร่ 3 งาน 52.3 ตารางวา อาคารสูงถึง 34 ชั้น ที่อยู่อาศัย 936 ยูนิต ร้านค้า 3 ยูนิต ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.8 ล้านบาท ภายในมีการออกแบบดีไซน์แปลนห้อง ได้แก่

  • A1

ขายคอนโดสมุทรปราการ โครงการเดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท สมุทรปราการ

ห้องนอนรูปแบบ A1 จะมีขนาดพื้นที่ทั้งหมด 27 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 1 ห้องนอนขนาดกลาง 1 ห้องครัวที่มีพื้นที่เชื่อมกับโซนทานอาหาร 1 ห้องน้ำที่แยกระหว่างโซนเปียกและโซนแห้ง 1 ห้องนั่งเล่น

  • A2

โครงการเดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท ใกล้โรบินสันสมุทรปราการ<br />

  • A3

เดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท ปี 2565<br />

ห้องคอนโดแบบ A3 Plus พื้นที่ขนาด 35 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 1 ห้องนอนขนาดเล็ก 1 ห้องนอนขนาดกลาง 1 โซนพื้นที่นั่งเล่นที่มีทางเชื่อมต่อกับโซนทานอาหารและห้องครัว อีกทั้งยังมี 1 ห้องน้ำที่แยกโซนเปียกและโซนแห้งอีกด้วย

  • A4

เดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท ราคาถูก

ห้องคอนโดรูปแบบ A4 ขนาดพื้นที่ประมาณ 32 ตารางเมตร ประกอบด้วย 1 ห้องนอนขนาดใหญ่ 1 ห้องครัว 1 ห้องน้ำที่แยกโซนเปียกและโซนแห้ง อีกทั้งยังมีโซนนั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับโซนทานอาหารอีกด้วย

  • A5 Plus

เดอะเพรสซิเดนท์ สมุทรปราการ

คอนโดรูปแบบ A5 Plus เป็นรูปแบบที่มีพื้นที่ขนาด 35 ตารางเมตร โดยมี 1 ห้องนอนขนาดกลาง 1 ห้องนอนขนาดเล็ก 1 ห้องน้ำที่แยกโซนเปียกและโซนแห้ง 1 ห้องครัวที่มีพื้นที่เชื่อมต่อกับโซนทานอาหารและโซนห้องนั่งเล่น

  • B1

เดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท คอนโดใหม่ ใกล้รถไฟฟ้า<br />

รูปแบบห้อง B1 จะเป็นห้องคอนโดขนาด 52 ตารางเมตร ประกอบด้วย 1 ห้องนอนขนาดใหญ่ 1 ห้องนอนขนาดกลาง 1 ห้องน้ำแยกโซนเปียกและโซนแห้ง อีกทั้งยังมีพื้นที่กว้างที่เชื่อมต่อระหว่างโซนห้องครัว โซนทานอาหาร และโซนห้องนั่งเล่น

โครงการเดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท ตกแต่งพร้อมอยู่<br />

สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ได้แก่…
  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ
  • ห้องซาวน่า
  • ฟิตเนสขนาดใหญ่
  • ห้องสมุด
  • ตู้จดหมาย
  • คาราโอเกะ
  • Sky Lounge
  • Rooftop Garden
  • มีระบบ Key Card Access แบบล็อคชั้น
  • ทีมรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
  • ห้องนันทนาการ
  • วิวแม่น้ำแบบ Panorama

คอนโดเดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท เจ้าของขายเอง<br />

สถานที่ระแวกใกล้คอนโดเดอะเพรสซิเดนท์ สุขุมวิท (The President Sukhumvit) มีดังนี้
  • ห้างสรรพสินค้า โรบินสัน สมุทรปราการ
  • Black Market
  • Bic C สมุทรปราการ
  • Imperial World สำโรง
  • ตลาดนัดรถไฟ
  • Makro ศรีนครินทร์
  • ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัลบางนา
  • โรงเรียนสมุทรปราการ
  • โรงเรียนนายเรือ
  • โรงพยาบาลสมุทรปราการ
  • โรงพยาบาลสินแพทย์ เทพารักษ์
  • เมืองโบราณ
  • นิคมอุตสาหกรรมบางปู

คอนโดสมุทรปราการ โครงการ นิช ไอดี สุขุมวิท113 (Niche ID Sukhumvit113)

โครงการ นิช ไอดี สุขุมวิท113 (Niche ID Sukhumvit113)<br />

โครงการนิช ไอดี สุขุมวิท113 (Niche ID Sukhumvit113) ตั้งอยู่ที่ ถนนสุขุมวิท113 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์(Sena Development)

โดยสามารถเดินทางมายังคอนโดแห่งนี้ได้อย่างสะดวก ด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีสำโรง และรถไฟฟ้าสายสีเขียวแบริ่ง

คอนโดนิช ไอดี สุขุมวิท113 (Niche ID Sukhumvit113) มีความสูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ซึ่งแบ่งออกเป็นอาคาร C 181 ยูนิต และอาคาร D 185 ยูนิต โดยมีขนาดที่ดิน 2-2-10 ไร่ ราคาเริ่มต้นเพียง 1.65 ล้านบาท มีลักษณะการออกแบบแปลนห้อง ดังนี้

  • Unit Type A

Niche ID Sukhumvit113 Type A<br />

ห้องคอนโดรูปแบบ A ขนาดพื้นที่ 28.00 ตารางเมตร มีการจัดสัดส่วนออกเป็น 1 ห้องนอนขนาดใหญ่ 1 ห้องน้ำแยกโซนเปียก 1 ห้องครัว 1 ระเบียงห้อง และมีพื้นที่กว้างที่เชื่อมต่อระหว่างโซนพื้นที่ห้องนั่งเล่น โซนทานอาหาร และโซนอเนกประสงค์

  • Unit Type B

Niche ID Sukhumvit113 Type B

ห้องคอนโด รูปแบบ B  ขนาดพื้นที่ 28 ตารางเมตร โดยประกอบด้วย 1 ห้องนอนขนาดใหญ่ 1 ห้องน้ำแยกโซนเปียกและโซนแห้ง 1 ห้องครัว 1 ระเบียงห้อง และมีพื้นที่กว้างที่เชื่อมต่อระหว่างโซนนั่งเล่นกับโซนทานอาหาร

สิ่งอำนวยความสะดวก นิช ไอดี สุขุมวิท113

โครงการ นิช ไอดี สุขุมวิท113 (Niche ID Sukhumvit113) มีสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่…
  • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ
  • พื้นที่สังสรรค์
  • สวนลอยฟ้า พร้อมกับ Free Wifi
  • ห้องออกกำลังกาย
  • ระบบรักษาความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง
  • มีการติดตั้งกล้อง CCTV คุณภาพ
  • ใช้ระบบ Access Card ในการเข้า-ออก

นิช ไอดี สุขุมวิท113 สถานที่รอบโครงการ

โครงการ นิช ไอดี สุขุมวิท113 (Niche ID Sukhumvit113) มีสถานที่สำคัญโดยรอบโครงการ ดังนี้
  • ตลาดเอี่ยมเจริญ
  • ตลาดสำโรง
  • บิ๊กซี Jumbo สำโรง
  • แมคโคร ศรีนครินทร์
  • อิมพิเรียลเวิลด์ สำโรง
  • ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล บางนา
  • โรงเรียนดรุณรัตน์
  • โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรู
  • โรงเรียนเซนต์โยเซฟ บางนา
  • โรงเรียนบางกอกพัฒนา
  • โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์
  • โรงพยาบาลมนารมย์
  • พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

คอนโดสมุทรปราการ โครงการลลิสา คอนโด แพรกษา5 (Larissa Condo Praksa 5)

โครงการลลิสา คอนโด (Larissa Condo)

โครงการลลิสา คอนโด แพรกษา5 (Larissa Condo Praksa 5) ตั้งอยู่ที่ ซอยแพรกษา 5 ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ถูกพัฒนาขึ้นโดย บริษัท แพรกษาแลนด์ จำกัด
   
การเดินทางเข้าออกตัวโครงการ สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย เพราะคุณสามารถใช้รถไฟฟ้า BTS สถานีแพรกษา ในการไปยังสถานที่ต่างๆได้อย่างง่ายดาย หรือหากต้องการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถใช้ถนนแพรกษา ถนนสุขุมวิท หรือวงแหวนรอบนอกฝั่งใต้ ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการได้

ลลิสา คอนโด แพรกษา5 (Larissa Condo Praksa 5) มีพื้นที่โครงการทั้งหมด 3.9 ไร่ โดยแบ่งออกเป็น อาคาร A จำนวน 79 ยูนิต และอาคาร B จำนวน 79 ยูนิตเช่นกัน ซึ่งราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.09 ล้านบาท มีการออกแบบแปลนห้อง 2 รูปแบบ ดังนี้

  • แปลนห้อง ขนาด 26 ตารางเมตร

แปลนคอนโดใหม่ ลลิสา คอนโด แพรกษา5

แปลนห้องขนาดพื้นที่ 26 ตารางเมตร มีการจัดสัดส่วนออกเป็น 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องน้ำ 1 โซนเตรียมอาหาร 1 ห้องนอน และ 1 ระเบียงห้อง

  • แปลนห้องขนาด 29 ตารางเมตร 

อาคารชุด ลลิสา คอนโด แพรกษา5

แปลนคอนโด พื้นที่ขนาด 29 ตารางเมตร ประกอบไปด้วย 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องน้ำ 1 โซนเตรียมอาหาร 1 ห้องนอน และ 1 ระเบียงห้อง

โดยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในคอนโด ได้แก่ ระบบรักษาความปลอดภัย ตลอด 24 ชั่วโมง กล้องวงจรปิดคุณภาพ และที่จอดรถสำหรับผู้อยู่อาศัย

Larissa Condo Praksa 5

โครงการ ลลิสา คอนโด แพรกษา 5 มีสถานที่สำคัญบริเวณโดยรอบ ดังนี้
  • โรงเรียนวัดแพรกษา
  • โรงเรียนสารสาสน์วิเทศ สมุทรปราการ
  • นิคมบางปู
  • สถานตากอากาศบางปู
  • วัดแพรกษา
  • ตลาดแพรกษา
  • ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน
  • เทศบาลแพรกษา

การเดินทางคอนโดในโซนจังหวัดสมุทรปราการ

ระบบการคมนาคมด้วยรถไฟฟ้า
โซนจังหวัดสมุทรปราการ สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ที่เป็นส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-เคหะได้ จึงทำให้สามารถเดินทางเข้าออกตัวเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลามากนัก
   
อีกทั้ง ยังเป็นโซนทำเลศักยภาพ ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในอนาคตจะมีระบบเส้นทางอื่นๆ ที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้สามารถไปยังสถานที่ต่างๆได้หลากหลายเส้นทาง ได้แก่…
  • รถไฟฟ้าโมโนเรล สายบางปู - สุวรรณภูมิ ให้คุณสามารถเดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ง่ายๆ ด้วยรถไฟฟ้า BTS ที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าที่ไปยังสุวรรณภูมิ
  • รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว - สำโรง) ที่สามารถเดินทางจากสมุทรปราการไปยังย่านลาดพร้าว ศรีนครินทร์ และเทพารักษ์ได้อย่างง่ายดาย
  • โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง ที่เชื่อมต่อ 3 สนามบิน อย่าง สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา ไว้ด้วยกัน ทำให้สามารถเดินทางได้สะดวกสบาย ประหยัดเวลามากยิ่งขึ้น

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว
การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆด้วยถนนหลากหลายเส้นทาง ได้แก่…
  • เส้นถนนเทพารักษ์ สามารถเดินทางด้วยถนนเส้นนี้ เพื่อเชื่อมต่อไปยังถนนสายสุขุมวิท ที่ไปได้ทั้งสำโรง บางนา หรือ โซนพระโขนง
  • หากไปยังแยกศรีเทพา คุณจะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนศรีนครินทร์ หรือสมุทรปราการ บางปูได้เช่นกัน
  • บริเวณโซนสมุทรปราการ สามารถใช้ทางด่วนบูรพาวิถี เพื่อไปยังย่านสุขุมวิท สีลม หรือสาทรได้ อีกทั้งสามารถวิ่งออกนอกเมือง เพื่อไปยังชลบุรีได้อีกด้วย
  • ใช้ถนนกิ่งแก้ว เพื่อไปสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างง่ายดาย โดยใช้เวลาสั้นๆแค่ 30 นาที


5
เว็บไซต์หน้าเดียว หรือ Single Page Website คืออะไร ? ก่อนหน้าจะเข้าถึงเนื้อหาหลัก เราต้องเท้าความก่อนว่าการขายของนั้นจำเป็นต้องมีคนนั่งขายของอยู่เสมอ เพราะต้องมีขั้นตอนการจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้า แต่ในยุคสมัยนี้ที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต หรือร่านค้าหลายแห่ง มีระบบที่ให้ลูกค้าสามารถชำระเงินด้วยระบบอัตโนมัติได้ โดยไม่ต้องมีพนักงานที่คอยเก็บเงิน ซึ่งระบบนี้เองก็สามารถใช้ได้กับขายของออนไลน์เช่นกัน โดย Single Page Website นั้น นอกจากจะช่วยเป็นช่องทางในการนำเสนอให้ลูกค้าได้รับรู้ถึงสรรพคุณของสินค้า และบริการที่เราพยายามขาย ยังมีฟังก์ชันที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถดำเนินการสั่งซื้อ และชำระเงินได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องติดต่อกับผู้ขายก็ได้ ซึ่งความสะดวกสบายครบครันนี้ จะช่วยให้ผู้ขายของออนไลน์สามารถปิดการขายได้ง่าย ซึ่งในบทความนี้เราจะมาดูถึงลักษณะของ Single Page Website รวมถึงรู้จักผู้ให้บริการรับทำ Sale page Website

เว็บไซต์หน้าเดียว Single Page Website

Fastcommerz บริการรับทำเว็บไซต์หน้าเดียว
Fastcommerz เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการรับออกแบบเว็บไซต์หน้าเดียว ซึ่งไม่ใช่มีเพียงแค่การออกแบบ Sinlge Page Website เท่านั้น แต่ยังมีบริการอื่นๆที่ช่วยสนับสนุนให้การขายของออนไลน์สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

Fastcommerz คือ ผู้ให้บริการทำ Sale Page ที่มากประสิทธิภาพ พร้อมด้วยการบริการที่หลากหลาย ไปตั้งแต่รับออกแบบทำ Sale Page, ออกแบบการยิงโฆษณาเพื่อให้มีประสิทธิภาพ, เชื่อมโฆษณากับ platform ต่างๆ เพื่อให้ทุก platform สามารถเข้าถึงกันได้, รองรับการทำ SEO เพื่อให้มั่นใจว่า Sale Page ของเราจะถูก search หาได้ง่ายใน Google, สร้างช่องทางการติดต่อกับลูกค้าให้สะดวกสบาย ป้องกันออเดอร์ตกหล่น เพิ่มยอดขาย สร้างผลกำไร โดยเราสามารถติดต่อได้ทั้งเว็บไซต์ Fastcommerz  แม้ว่าจะไม่รู้มาก่อนว่า Sale Page คืออะไร ก็สามารถมาใช้บริการได้ เพียงแค่ให้ข้อมูลสินค้า บริการที่เราอยากจะขาย แชร์ไอเดียว่าเราอยากนำเสนออะไร อยากนำเสนอรูปแบบไหน บอกดีไซน์ที่อยากได้ เพียงแค่นี้ Fastcommerz ก็สามารถสร้างเว็บไซต์หน้าเดียวที่จะช่วยนำเสนอสินค้า และบริการแบบที่อยู่ในใจของเรา ให้ออกมาเป็นรูปธรรมได้

รับทำเว็บไซต์หน้าเดียว Single Page Website

เว็บไซต์หน้าเดียว กับ เว็บไซต์แบบหลายหน้า ต่างกันอย่างไร
จากที่กล่าวมานั้น แล้วมีเเค่ Single Page Website เท่านั้นหรือที่เป็นช่องทางในการนำเสนอสินค้า สำหรับการขายของออไลน์ แล้วหากข้อมูลที่ต้องการนำเสนอมีเยอะมากจนไม่สามารถใส่ให้หมดในหน้าเดียว จะสามารถแก้ไขได้อย่างไรบ้าง ซึ่งคำตอบของมันก็คือ Landing Page Website หรือเว็บไซต์แบบหลายหน้า โดยมันมีความแตกต่างจาก เว็บไซต์หน้าเดียวอย่างไร มาดูกัน

เว็บไซต์หน้าเดียว
Single Page Website คือ เว็บไซต์หน้าเดียวที่ผู้ขายสามารถลงข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า บริการ ทั้งในรูปแบบของรูปภาพ วีดีโอ คำบรรยายสรรพคุณ ซี่งหลักการของมัน คือ ข้อมูลทุกอย่างนั้นต้องใส่ครบ ให้จบในหน้าเดียวเท่านั้น เหมาะสำหรับสินค้า และบริการที่มีข้อมูลไม่มากจนเกินไป

รูปแบบเว็บไซต์หน้าเดียว Single Page Website

เว็บไซต์แบบหลายหน้า
Landing Page Website หรือเว็บไซต์หลายหน้า มีหลักการเดียวกับ Single Page Website คือ เป็นเว็บไซต์ที่ให้ผู้ขายสามารถลงข้อมูลสินค้า เพื่อนำเสนอสินค้า และส่งเสริมการขายได้ แต่เว็บไซต์หลายหน้านั้นไม่จำเป็นต้องนำเสนอข้อมูลให้จบในหน้าเดียว แต่สามารถลงข้อมูลได้หลายหน้า โดยมีการแบ่งหมวดหมู่ที่ชัดเจน เหมือนเรา Landing ลงมายัง Lobby ที่สามารถเข้าไปยังห้องต่างๆ ที่มีการจัดแบ่งข้อมูลไว้ ซึ่งเว็บไซต์หลายหน้าเหมาะกับบริษัท หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลมากมายที่ต้องการนำเสนอ ไม่ใช่แค่เพียงการขายสินค้า อาจจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมาของบริษัท หรือข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับองค์กรที่อยากนำเสนอ

เว็บไซต์หลายหน้า

ตัวอย่างเว็บไซต์หน้าเดียว
ซึ่งตัวอย่างเว็บไซต์หน้าเดียว นั้นก็มีให้เห็นอยู่มากมายตามอินเตอร์เน็ต เพราะผู้ขายของออนไลน์รายย่อยๆ มีจำนวนมาก ทำให้มีจำนวน Single Page Webiste มากเช่นกัน

ตัวอย่างเว็บไซต์หน้าเดียว Single Page Website

ข้อดีของ เว็บไซต์หน้าเดียว Single Page Website
ข้อดีของเว็บไซต์หน้าเดียว คือ การนำเสนอข้อมูลที่รวบรัดได้ใจความ ผู้อ่านสามารถได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งสามารถทำให้ Single Page Website สามารถทำให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้ไว และนำไปสู่การปิดการขายได้ง่าย นอกจากนี้แล้ว Single Page Website ที่ดีอย่างของ Fastcommerz ซึ่งจะมีการใส่ปุ่ม Call to action ที่สามารถให้ลูกค้าสามารถดำเนินขั้นตอนการสั่งซื้อไปจนถึงชำระเงินค่าสินค้าด้วยตนเองได้

สรุป
การประชาสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยส่งเสริมยอดขายได้ เป็นสิ่งที่สามารถพิสูจน์ได้ แม้ว่าผลิตภัณฑ์จะดีแค่ไหน แต่หากขาดการโปรโมทที่ดี คนไม่รู้จักผลิตภัณฑ์ ไม่เคยได้ลองใช้มาก่อน ย่อมไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นดีอย่างไร ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดยอดขาย หากมาเทียบกับผลิตภัณฑ์อีกยี่ห้อ ถึงแม้จะคุณสมบัติไม่ดีเลิศเท่าอันแรก แต่มีการโปรโมทที่ดี คนรับรู้ถึงการมีตัวตนของผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ ก็มักจะเกิดยอดขายได้ง่ายกว่าผลิตภัณฑ์แบบแรก ดังนั้นอย่าละเลยการโปรโมทสินค้า บริการของตัวเอง แม้ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์ ให้ Single Page Website เป็นตัวช่วยให้ผู้บริโภคได้รู้จักสินค้าของคุณมากขึ้นดีกว่า



6
การที่เราใช้อินเทอร์เน็ตผ่านระบบ Wi-fi ได้นั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ อำนวยความสะดวกในชีวิตเรามาก ๆ ในปัจจุบัน เพราะปัจจุบัน โลกเราสามารถหมุนไปได้ด้วย ระบบออนไลน์ 4G 5G การที่มีอุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi ช่วยให้เราสามารถใช้งาน Wi-Fi ได้ในจุดที่เราต้องการนับว่าทำให้ชีวิตเราสามารถเชือมกับโลกออนไลน์ได้อย่างไม่ยากเย็น ในบทความนี้ เราจะมีแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับ แอคเซสพอยต์ (Access point) ว่าอุปกรณ์นี้มีหน้าที่อะไร ทำงานอย่างไร รวมถึง ทริคเล็กน้อยในการเลือก ติดตั้ง Access point นอกจากนี้ยังมีกล่าวถึงอุปกรณ์ในระบบอินเทอร์เน็ตไร้สาย เพื่อให้ทุกท่านสามารถเข้าใจได้มากขึ้น

ติดตั้ง Access point wifi



Access Point คืออะไร? มีหน้าที่อะไร? (300 คำ)

Access point หรือตัวกระจายสัญญาณ คือ อุปกรณ์ที่สำคัญ ในระบบเครื่อข่ายไร้สาย (Wi-fi) นั่นเอง ทำหน้าที่ กระจายสัญญาณ Wi-fi ไปตามที่จุดต่างๆ ที่ตั้งไว้ โดย ตัวแอคเซสพอยต์นั้น จะทำการเชื่อมกับตัวรับสัญญาณอินเทอร์เน็ต อย่าง Router โดยเมื่อเราต่อจนครบระบบเครื่อข่ายแล้ว ตัว Access point จะทำให้ มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ อื่นๆ สามารถรับสัญญาณ Wi-fi ทำให้สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย ในรัศมีที่ access point ครอบคลุม

Access Point คืออะไร? มีหน้าที่อะไร?

โดยทั่วไปแล้ว Access point นั้นทำงานแบบเดี่ยว ๆ ไม่ได้ ต้องทำงาน โดยเชื่อมต่อกับตัว Router หรือ Switch ซึ่งไม่ว่า Access point รุ่นหรือ ยี่ห้อไหนก็ตาม ส่วนใหญ่จะมีสิ่งที่เหมือนกันคือ จะรีรูเสียบสายแลน เพียงแค่ 1 พอร์ท แต่จะมีเพียงบางรุ่นเท่านั้น ที่มี 2 พอร์ท

หลายคนคงสงสัยว่า ปัจจัยการเลือก Access point เราควรคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง เรามีคำตอบ
1. เลือก Access point ที่มีมาตรฐาน ของระบบทำงานไร้สายที่ เรียกว่า IEEE 802.11 เป็นรหัสชุดนี้จะมีอยู่ในทุกอุปกรณ์ ที่มีการเชื่อมต่อกัน โดยเราจะต้องเลือก เลขหลัง IEEE ให้ตรงกัน เพื่อให้ Access point ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ตำแหน่งในการติดตั้ง เพราะ Access point นั้นมีรัศมีคลอบคลุมที่จำกัด และ แต่ละรุ่นได้ดีไซน์ออกมาให้แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถวางในจุดต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม และ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาาพ  บางรุ่นสามารถติดบนฝ้า ได้ หรือ บางรุ่นติดข้างกำแพง หรือบางรุ่นต้องวางบนพื้นที่ราบเป็นต้น
3. ความหนาแน่นของการใช้งานในรัศมีที่ครอบคลุม เป็นปัจจุยที่สำคัญในการเลือก Access point เพราะ ถ้าหากว่าเรามีหลายอุปกรณ์ใช้งานพร้อมกัน เราควรเลือกแอคเซสพ๊อยต์ ที่มีเสาอากาศเยอะ ๆ เพื่อทำให้สามารถรองรับหลายอุปกรณ์ได้อย่างเพียงพอ
4. รูปแบบการจัดการ ในด้านการจัดการเปิดปิด Network ในปัจจุบันเราสามารถจัดการได้ผ่าน Mobile Application หรือ ระบบ Cloud ได้ ซึ่งถือว่ามีความสะดวกเป็นอย่างมาก

จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า Access point นั้นเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์ และจำเป็นมาก ๆ ในระบบ Wi-fi เพื่อให้อุปกรณ์ของเราสามารถเชื่อต่อ อินเทอร์เน็ตได้อย่างไม่มีปัญหา



Access Point, Router กับ Extender ต่างกันยังไง? (350 คำ)

ไม่ใช่แค่ Access point ในการใช่เครื่อข่ายสัญญาณอินเทอร์เน็ต ยังจำเป็นจะต้องมีอุปกรณ์ อื่น ๆ อีก เพื่อทำให้ระบบสมบูรณ์และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดย จะมี Router และ Extender ซึ่งทั้ง 2 อุปกรณ์นี้จะมีหน้าที่ที่ต่างกัน

Access Point, Router กับ Extender ต่างกันยังไง?

Router
Router คือ อุปกรณ์ประตูของระบบอินเทอร์เน็ต ที่ทำหน้าที่ค้นหาเส้นทางสัญญาณที่ดีที่สุด เพื่อการใช้อินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งการที่เราจะใช้อินเทอร์เน็ตได้นั้น Router จะทำหน้าที่จัดสรรเส้นทางส่งข้อมูล หรือเป็นตัวกลางในการส่งข้อมูลไปสู่อุปกรณ์ของเรา โดยทั่วไปนั้น Router จะมี 2 พอร์ทใหญ่ ๆ คือ พอร์ท WAN และ พอร์ท LAN ที่เราใช้ต่อเข้ากับ Access point นั้นเอง

Access point router

Extender
Extender คือ อุปกรณ์ที่ทำใช้ในการทวนสัญญาณ เพื่อทำให้เราสามารถมีรัศมีสัญญาณที่กว้างมากขึ้น โดยหลักการทำงานนั้น Extender จะรับสัญญาณ Wi-Fi จาก Router หรือ Access point จากนั้นอุปกรณ์จะทำการทวนสัญญาณ และปล่อยสัญญาณออกมา โดยทั่วไปแล้ว Extender ส่วนใหญ่จะถูกวางในจุดที่สัญญาณ Wi-fi นั้นอ่อนนั่นเอง โดยหลักการนั้นเหมือนกับที่เราเพิ่มจุดกระจายสัญญาณ Wi-Fi นั้นเอง

Access point Extender

สรุป
จะเห็นได้ว่า อุปกรณ์อุปกรณ์ ทั้ง 3 ชนิดไม่ว่าจะเป็น Access point, Router, Extender นั้น มีความสำคัญต่อการทำให้เราสามารถใช้งานระบบอินเทอร์เน็ตได้ เป็นอย่างมาก ซึ่งทำให้เราสามารถทันโลก ท่องอินเอทร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันอุปกรณ์หลายอย่าง เริ่มรองรับสัญญาณ 5G มากขึ้น และการที่ทำให้เราสามารถใช้อินเทอร์เน็ตที่มีความเร็วสูงขึ้นเรื่อย ๆ นั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อพวกเรา

7
ราคา ติดตั้ง access point

บริษัท Personet บริการ ติดตั้ง access point แรงๆพร้อมทั้งมีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการติดตั้ง ACCESS POINT ฟรี เพื่อให้คุณสามารถเลือกแอคเซสพอยต์ให้เหมาะสมกับพื้นที่การใช้งาน เราพร้อมไปติดตั้งทุกที่ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน อพาทเมนท์ ออฟฟิต โรงงาน ร้านอาหาร สำนักงาน บริษัท ที่พักอาศัยทั่วไป เนื่องจากบางพื้นที่อาจรับสัญญาณได้น้อย หรืออยู่ในจุดอับสัญญาณ ดังนั้นการติดตั้งแอคเซสพอยต์จะช่วยให้สัญญาณครอบคลุมทั่วพื้นที่ใช้งานได้อย่างลื่นไหล เพื่อให้คุณใช้งานอินเทอร์เนทได้รวดเร็วและขึ้น โดย access point ราคาติดตั้ง 1-3 จุด จะอยู่ที่ 800 บาท/จุด ACCESS POINT 5-10 จุด ราคาอยู่ที่ 500 บาท /จุด หากติดตั้ง ACCESS POINT 10 ราคาตกลงตามหน้างาน

อีกทั้งเรามีบริการติดตั้ง WIFI HOTSPOT เช่นกัน โดยเราจะเลือกเครื่อง router คุณภาพดีมาใช้ซึ่งเหมาะสำหรับสถานที่ที่ต้องใช้อินเทอร์เนทจำนวนมาก เช่น อพาทเมนท์ ออฟฟิต โรงงาน ร้านอาหาร สำนักงาน บริษัท ร้านกาแฟ โรงแรม สถานที่เหล่านี้มักมีคนใช้อินเทอร์เน็ตจำนวนมาก ดังนั้นความเร็วเน็ตอาจลดลง หรือหลุดบ่อย โดยปัญหาเหล่านี้สามารถแก้ได้โดย ติดตั้ง WIFI HOTSPOT เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด เพราะปัญหาด้านอินเทอร์เน็ต Personet ของเราเน้นบริการเพื่อสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าเป็นหลัก ดังนั้นเราจึงมีประกัน onsite services คอยบริการให้กับลูกค้าหลังติดตั้ง

นอกจากนี้เรามีรับวางระบบ LAN แบบสาย และ ไร้สาย และมีรับแก้ปัญหา network ภายในสำนักงาน ค่าบริการ คิดตามตกลง

สนใจใช้บริการกับเราติดต่อได้ที่ Personet Co.,Ltd ( บริษัท เพอโซเน็ท จำกัด )
เบอร์โทรศัพท์ : 02 860 8788

รับ ติดตั้ง access point

ประโยชน์ของ Access Point (250 คำ)
Access Point (AP) คือเครื่องมือชนิดหนึ่งซึ่งมีหน้าที่กระจายสัญญาณ wireless access point โดยเป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่สามารถสร้างเครือข่ายไร้สายจาก LAN ได้ อีกทั้ง Access Point สามารถกระจายสัญญาณ wifiออกไปหาเครื่องลูกข่ายภายในรัศมีโดยรอบ หากอยากให้ AP ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ควรเลือกเครื่อง AP ที่ทำงานภายใต้มาตรฐานของ IEEE802.11 ส่วนใหญ่แล้วแอคเซสพอยท์จะมีแค่ 1 เสาสัญญาณเท่านั้น แต่ถ้าต้องการ access point แนะนําว่าควรเลือกซื้ออุปกรณ์กระจายสัญญาณที่มีมากกว่า 2 เสาขึ้นไปเพื่อที่จะสามารถกระจายสัญญาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับในปัจจุบัน Router Wireless บางยี่ห้อ สามาถตั้งโหมด Access Point ได้อีกด้วย

สำหรับประโยชน์ของ Access Point คือสามารถสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานและผู้ติดตั้ง โดยในมุมของความสะดวกสบายผู้ใช้งานคือ สามารถนำอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชันในการรับสัญญาณ access point wifi ไปใช้งานที่บริเวณไหนก็ได้ที่อยู่ใกล้ๆกับ AP โดยไม่ต้องนำเอาสายแลนไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้ wireless ดังนั้นจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านการเดินสายแลน ส่วนทางด้านความสะดวกสบายของผู้ติดตั้งก็คือ ติดตั้ง Access Point ได้ง่าย เพราะสามารถเลือกโหมดที่ต้องการตามงานที่ต้องการติดตั้ง โดยการตั้ง IP ให้อยู่ภายในวงเดียวกัน เท่านี้ก็สามารถกระจายสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้แล้ว

ประโยชน์ของ Access Point

การเลือกใช้งาน Access Point แอคเซสพอยต์ (250 คำ)
การเลือกใช้งาน Access Point แอคเซสพอยต์นั้น มีปัจจัยในการเลือกใช้งานอยู่ด้วย 4 อย่างดังนี้
1.เทคโนโลยี
Technology ของอุปกรณ์ที่นำมาเชื่อมต่อกับ Access point มีความสำคัญอย่างมาก หลายๆคนคงยังไม่ทราบว่ามาตรฐานการทำงานของระบบไร้สาย หรือที่เรียกกันว่า IEEE 802.11 คือมาตรฐานซึ่งถูกกำหนดขึ้นมาโดยสถาบันวิชาชีพวิศวกรไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมาตรฐานนี้จะอยู่ใน Specification ของอุปกรณ์ต้นทางและปลายทางทุกๆแบบที่มีการเข้ามาเชื่อมต่อกัน

2.ตำแหน่งการติดตั้ง
ตำแหน่งสำหรับการติดตั้งแอคเซสพอยต์ ของอุปกรณ์ ถือว่าเป็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากแต่ละรุ่นมีการออกแบบลักษณะเสาของอุปกรณ์ และวัสดุความเหมาะสมสำหรับการใช้งานแตกต่างกัน ดังนั้นควรดูก่อนว่าเครื่อง AP แบบไหนที่สามารถนำไปติดตั้งในตำแหน่งนั้นๆได้ เพื่อให้ Access point สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

3.ความหนาแน่นและระยะทาง
อีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญในการเลือกรุ่นอุปกรณ์ ap internetเช่นกันก็คือ ความหนาแน่นของการใช้งาน เครื่องตัวกระจายสัญญาณwifiจะมีเสารับและเสาส่งสัญญาณอยู่ ถ้าเลือกรุ่นที่มีเสาสัญญาณน้อย แล้วมีคนในพื้นที่เชื่อมต่อใช้งานอินเทอร์เน็ทจำนวนมากเกินไป อาจทำให้ไม่สามารถรองรับการใช้งานให้เพียงพอกับทุกคนได้ ซึ่งจะส่งผลให้อินเทอร์เน็ทช้า หรือ มีการหลุดการเชื่อมต่อหลุด

4.รูปแบบการ Management
รูปแบบการ Management ถือเป็นส่วนเสริมเมื่อเลือกซื้ออุปกรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยอุปกรณ์ส่วนใหญ่มักอยู่ในรูป Web Management แต่สำหรับบาง Model ก็สามารถรองรับ Mobile Application และ Cloud Management ได้ ดังนั้นการที่คุณเลือกซื้อให้ถูกรุ่นจะสามารถลดความยุ่งยากของการจัดการอุปกรณ์ได้ด้วยตัวของเราเอง

การเลือกใช้งาน Access Point





8
รับเดินสายโทรศัพท์ งานเดินสายโทรศัพท์ ติดตั้ง โดยช่างมืออาชีพ<br />

หากคุณกำลังมองหาช่างเดินสายโทรศัพท์,บริษัทที่รับเดินสายโทรศัพท์,บริการเดินสายโทรศัพท์ บริษัท Personet เรายินดีให้บริการ เรารับงานเดินสายโทรศัพท์,เดินสายโทรศัพท์บ้าน,งานติดตั้งสายโทรศัพท์ ให้บริการทุกพื้นที่ ทั่วราชอาณาจักรไทย

นอกจากเดินสายให้คุณแล้ว เราวางแผนการเชื่อมต่อ มีระบบการดูแลหลังการขาย กำหนดตั้งค่าเบอร์ตามโต๊ะใช้งาน มีระบบเบอร์สาขาภายใน สามารถกำหนด-เพิ่ม-ลด จำนวนคู่สายได้ มีอุปกรณ์จำหน่ายให้คุณพร้อม สินค้าคุณภาพดี ราคามาตราฐาน

ลูกค้าที่ใช้บริการของเรามีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นิคมนวนคร,โรงพยาบาลศิริราช,โรงพยาบาล,โรงเรียน,วัด,หมู่บ้าน,โรงงาน,บริษัทเอกชน,อพาทเมนทร์,บ้านพัก และอื่นๆ

เพอโซเน็ท ยินดีให้บริการด้วยมาตรฐานเดียวกัน สนใจบริการเดินสายโทรศัพท์ สามารถติดต่อสอบถามค่าแรงเดินสายโทรศัพท์ได้ที่
เว็บไซต์ personet

รับเดินสายโทรศัพท์ งานเดินสายโทรศัพท์ ติดตั้ง โดยช่างมืออาชีพ 1<br />

รับเดินสายโทรศัพท์ งานเดินสายโทรศัพท์ ติดตั้ง โดยช่างมืออาชีพ 2<br />

รับเดินสายโทรศัพท์ งานเดินสายโทรศัพท์ ติดตั้ง โดยช่างมืออาชีพ 3<br />

Personet Co.,Ltd ( บริษัท เพอโซเน็ท จำกัด )
ที่อยู่ 13 ซอยสมเด็จพระเจ้าตากสิน 13 สำเหร่ ธนบุรี กรุงเทพ 10600
เบอร์โทรศัพท์ : 02 860 8788
เบอร์แฟกซ์ : 02 860 8790
เบอร์มือถือ : 081 839 0789
อีเมลล์ : info@personet
เว็บไซต์ : เว็บไซต์ personet

ราคาค่าเดินสายโทรศัพท์
เดินสายโทรศัพท์ 1-3 จุด ราคา 1200-2000 บาท / จุด ขึ้นกับจำนวนและความยากง่ายรวมถึงระยะสาย
เดินสายโทรศัพท์ 5-10 จุด ราคา 1000-1500 บาท / จุด ขึ้นกับจำนวนและความยากง่ายรวมถึงระยะสาย
เดินสายโทรศัพท์ มากกว่า 10 จุดขึ้นไป โทรสอบถามราคาครับ

งานเดินสายโทรศัพท์ ที่เรารับทำ
บริษัทของเรารับเดินสายโทรศัพท์ทั้งภายในและภายนอก สำนักงาน อาคาร บ้านเรือนต่างๆ โดยช่างมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เฉพาะด้านในงานเดินสายโทรศัพท์ หรือการติดตั้งระบบโทรศัพท์

นอกจากนี้เรายังรับบริการโซลูชั่นเครือข่ายแบบครบวงจรด้านอื่นอีก เช่น รับติดตั้งระบบแลน รับทดสอบสายแลน ติดตั้งอุปกรณ์ Fiber Optic, Lan , CCTV , Electrical , Telephone และ IT Service

งานเดินสายโทรศัพท์ ที่เรารับทำ

รับเดินสายโทรศัพท์ภายในบ้าน
การเดินสายโทรศัพท์ภายในบ้าน จะใช้เดินสายโทรศัพท์บ้าน นิยมใช้สายประเภท TIEV สายนี้จะมี 2 แบบ คือ ชนิดแบบภายใน 2 เส้น และชนิดแบบภายใน 4 เส้น โดยที่จำนวนของเส้นภายในสาย TIEV
การใช้ที่แตกต่างกันออกไป เช่น แบบภายใน 2 เส้น ใช้สำหรับเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ตามบ้านทั่วไป ส่วนแบบภายใน 4 เส้นใช้สำหรับเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ดิจิตอลและโทรศัพท์ธรรมดา เพียงแต่ถ้าใช้แบบภายใน 4 เส้นในการใช้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ธรรมดา จะนำเพียงแค่ 2 เส้นมาใช้เท่านั้น ส่วน 2 เส้นที่เหลือใส่สำรองไว้ในสาย

รับเดินสายโทรศัพท์ภายในอาคาร
การต่อสายโทรศัพท์ภายในอาคารจะใช้ สาย TIEV หรือสาย TPEV โดยถ้าเลือกใช้สาย TIEVจะมีให้เลือกว่าจะใช้ขนาดใด เช่น 1 คู่สาย 2C, 2 คู่สาย 4C ,3 คู่สาย 6C, 5 คู่สาย 10C และ 6 คู่สาย 12C ส่วนเส้นผ่าศูนย์กลางทองแดงมีให้เลือกระหว่าง 0.50มม. กับ 0.56มม. และควรเลือกสายที่มีความยืดหยุ่น

ในขณะที่สาย TPEV จะมีขนาดให้เลือกใช้ได้ตั้งแต่ 5 – 200 คู่สายซึ่ง 1 คู่สายจะมีเส้นลวดทองแดงอยู่ 2 เส้น และมีเส้นผ่าศูนย์กลางทองแดงระหว่าง 0.50มม. และ0.65มม. เหมือนกับสาย TIEV อีกทั้งแต่ละคู่สายจะมีสีที่แตกต่างกันอีกด้วย

รับเดินสายโทรศัพท์ภายในสำนักงาน
สำหรับการเดินสายโทรศัพท์ภายในสํานักงานจะใช้สายประเภทเดียวกับสายโทรศัพท์ภายในอาคาร เนื่องจากระบบโทรศัพท์ภายในสํานักงานมีความคล้ายคลึงกับแบบภายในอาคาร ดังนั้นจึงใช้สายประเภทเดียวกันมาติดตั้งกับระบบโทรศัพท์สํานักงาน การเดินสายโทรศัพท์ภายในราคาจะเท่าๆกับการเดินสายแบบภายในอาคาร

รับเดินสายโทรศัพท์ภายนอก
การต่อสายโทรศัพท์ภายนอก สายที่ใช้สำหรับการเดินสายโทรศัพท์ภายนอกจะใช้สายชนิดสาย AP ซึ่งเป็นสายที่คล้ายกับ TPEV เพียงแต่ Jacket จะเป็น PE โดยสายประเภทนี้มีหลายแบบด้วยกัน หากเป็นแบบแขวนเสาจะเรียกว่า Figer 8 อีกทั้งสาย AP นั้น มีสลิงจึงต้องลงกราวด์เพื่อไม่ให้ฟ้าผ่าลงมาใส่

อื่นๆ
นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น หากคุณลูกค้าต้องการติดตั้งสายโทรศัพท์ในสถานที่อื่นๆ อยากให้เราติดตั้งที่ไหน สามารถโทรมาสอบถามได้ เรายินดีให้บริการอย่างยิ่ง
เรามีความเชี่ยวญชาญในการเดินสายโทรศัพท์ มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญ พร้อมออกแบบระบบให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่นั้น เพื่อให้ตรงกับความต้องการของคุณลูกค้า และสภาพแวดล้อมมากที่สุด

เดินสายโทรศัพท์ที่ดี ควรเป็นอย่างไร
เคยสงสัยกันมั้ยว่าการจะติดตั้งสายโทรศัพท์,วิธีเดินสายโทรศัพท์ภายใน,วิธีติดตั้งระบบโทรศัพท์ภายใน หรือวิธีติดตั้งระบบโทรศัพท์ภายนอก แบบที่ดีนั้น ควรเป็นอย่างไร มีดังนี้
  • ไม่ควรเดินสายโทรศัพท์ใกล้กับสายไฟภายในบ้าน เพราะกระแสไฟฟ้าที่มาจากสายไฟสามารถรบกวนสัญญาณโทรศัพท์ได้
  • ควรเดินสายโทรศัพท์ให้อยู่ในระยะใกล้เคียงกับกล่องกันฟ้าเนื่องจากระยะทางของสายมีผลต่อสัญญาณ ADSL
  • หลีกเลี่ยงการเดินสายผ่านจุดที่มีความอับชื้นเพราะอาจเกิดสัญญาณรบกวนภายในสาย
  • การขดม้วนสายจะทำให้เกิดสัญญาณรบกวนได้ ถ้าหากสายยาวเกินไปสามารถใช้วิธีตัดและต่อหัวแจ็คโทรศัพท์ (RJ-11) ใหม่


หน้า: [1]