ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


3 เหตุผลที่ iPhone ยังคงยึดติดอยู่กับ Apple Lighting

   ไม่จะมีข่าวเปลี่ยน USB Type มากี่ครั้ง และนวัตกรรมการชาร์จแบตของสมาร์ตโฟนอีกกี่พันรอบ ก็จะพบว่าผลิตภัณฑ์เครือ Apple ก็ยังคงยึดติดกับอุปกรณ์ Apple Lightingที่เป็นสายชาร์จเฉพาะอยู่เหมือนเดิม

   เชื่อได้เลยว่าผู้ใช้หลาย ๆ คนเองก็น่าจะมีความสงสัยไม่น้อย ว่าเพราะอะไร ทำไม Apple ถึงได้ผลิต Lighting ออกมาแบบเดิม ๆ และไม่เปลี่ยนไปใช้ USB Type-C ตามเทรนด์ไอทีโลกที่มีคุณสมบัติเหนือกว่า Lighting ในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการรองรับกำลังไฟที่มากกว่า, อัตรการถ่ายโอนข้อมูลที่รวดเร็วกว่า อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้งานกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อีกมากมาย ร่วมค้นหาคำตอบได้ที่บทความนี้เลย


Apple ต้องการสร้างจุดยืน Lighting และไม่เคยสนเทรนด์ภายนอก

   เพราะที่ผ่านมา Apple ถือเป็นเบอร์หนึ่งด้านการขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมไอทีมาโดยเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการตัดช่องหูฟัง การทำหน้าจอแบบรอยบาก และการยกเลิกหัวชาร์จที่ให้มาในกล่อง แม้ในช่วงแรกจะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างหนัก แต่ในท้ายที่สุดก็กลับกลายเป็นสิ่งที่ผู้ใช้ยอมรับได้ โดยไร้ข้อโต้แย้ง

เช่นเดียวกันกับเคสของ Apple ที่เปลี่ยนมาใช้ Lighting และยกเลิกพอร์ต 30-pin ไป ด้วยเหตุผลที่มองเห็นข้อดีในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะน้ำหนักที่เบากว่า ทนทานกว่า และเสียบได้ทั้งสองด้าน ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องพลิกหันฝั่งที่ถูก เพื่อเสียบใช้งานให้ลงตัวนั่นเอง

ควบคุมมาตรฐานสายชาร์จได้ง่ายกว่า

   อย่างที่รู้กันดีว่า Lighting คือนวัตกรรมที่ Apple ได้เป็นผู้ออกแบบและผลิตออกมาโดยเฉพาะ จึงทำให้สามารถควบคุมมาตรฐานได้ง่ายขึ้น เมื่อต้องมีการขายลิขสิทธิ์ให้ผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมแบรนด์ต่าง ๆ ออกไป อีกทั้งยังสามารถการันตีได้ในทันที ว่าอุปกรณ์เหล่านั้นจะใช้งานร่วมกับ iPhone, iPad และอื่น ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

Apple Lighting นวัตกรรมสายชาร์จที่ต้องการลดขยะ

   ตั้งแต่เปิดตัวมาจนถึงปัจจุบัน Apple ได้ทำการตอกย้ำมาเสมอ ถึงวัสดุในการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นนโยบายที่สามารถให้ผู้ใช้ไม่ต้องเปลี่ยนสายบ่อย ๆ ในระยะเวลากว่า 9 ปีที่วางจำหน่ายมา ด้วยเหตุนี้จึงอนุมานได้ว่า การวางขายมาอย่างยาวนาน ภายใต้มาตรฐานวัสดุ และนโยบายการจำหน่าย คือผู้ช่วยกำหนดทิศทางของการใช้งานในระยะยะยาว ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องทิ้งอุปกรณ์ Lighting หากเกิดการเปลี่ยนผ่านไปใช้ USB-C ตามเทนด์ไอทีโลกนั่นเอง

 
   สำหรับแฟนพันธุ์แท้ Apple เองก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ถึงข้อดีและการใช้งาน Apple Lighting ที่สะดวกสบาย และปลอดภัยได้มาตรฐาน ส่วนคอแอนดอรยด์ที่สงสัย และใคร่รู้ว่าทำไมการยอมเสียเงินซื้อสายชาร์จที่แพงกว่า และต้องเป็นของแท้นั้นดีอย่างไร เราก็หวังว่าบทความนี่จะช่วยไขความกระจ่างได้อย่างชัดเจน