สิ่งที่ควรรู้ก่อนซื้อแท็บเล็ต

[คนไทยจริงใจ]

หลังจากท่องเว็บไปเรื่อยๆ หาอ่านอะไรไปเรื่อยเปื่อย ด้วยความที่เราชอบ IT อยู่ มาเจอ blog นี้ เขียนเรื่องเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการเลือกซื้อแท็บเล็ต จึงขออนุญาตินำมาถ่ายทอดอีกต่อหนึ่งจ้า..

หลาย คนคงรู้จักแล้วว่า แท็บเล็ตคืออะไร แล้วคำถามที่ตามมาคือ อ้าว!..! จะเลือกซื้ออย่างไรเพราะ แท็บเล็ตมีออกมาหลายรุ่นเต็มไปหมดเพราะฉะนั้น วันนี้ ขอมาเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ซักหน่อย และ จากการที่ได้ศึกษา จาก เว็บ อากู๋เกิ้ลไปเรื่อยๆก็พอจะสรุปให้ทุกๆท่านได้ชมตามนี้ค่ะ



1. ระบบปฎิบัติการ แต่ละค่าย แต่ละตัวย่อยมีระบบปฎิบัติการที่ต่างกัน ที่ เราอาจจะรู้จักกันในนามของ OS ซึ่ง เจ้า Tablet ก็คือเป็นคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่ง ในคอมพิวเตอร์พีซีหรือโน๊ตบุ๊ค ก็จะมีจะมี OS หรือ Operating System อย่าง Window , Ubuntu, Linux, MAC OS แต่ใน Tablet ก็ต้องมีเช่นกันและ อาจจะมี OS ที่คนส่วนใหญ่รู้จักดังนี้

    - IOS เป็นระบบปฎิบัติการของค่ายยักษ์อย่าง Apple ซึ่งใช้ใน iPhone และ iPad ข้อดีคือ ประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์และมีการจัดการหน่วยความจำที่ดี และตัวทัชสกรีน ก็ลื่น สบายแต่ ข้อด้อยคือ ไม่รองรับ flash และการเชื่อมต่อกับComputer ต้องทำผ่าน ซอฟต์แวร์ของ iTune เท่านั้น
    - Android หรือ แอนดรอยด์ เป็นระบบปฎิบัติการที่เริ่มจากบริษัทแอนดรอยด์และต่อมา Google ซื้อต่อ และนำมาพัฒนาต่อ ตอนแรกทำมาเพื่อ โทรศัพท์มือถือเท่านั้น แต่มีช่วงหลังมีคนพัฒนามาเพื่อใช้กับ tablet ข้อดีคือ รองรับ flash และสามารถเชื่อมต่อกับ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ได้ทันทีทำให้การ ลบไฟล์ เพิ่มไฟล์ ทำได้สะดวกกว่า IOS
    - Window มาจากค่าย Microsoft แต่ตอนนี้ยังมีค่ายที่ใช้ ตัว Window OS น้อยกว่าที่กล่าวมาด้านบน แต่ในอนาคตทาง Window เอง ก็พัฒนา เพื่อที่จะมารองรับกับ Tablet ให้มีประสิธิภาพยิ่งขึ้น เราก็รอดูกันต่อไป
    - BlackBerry Tablet OS เป็น OS ที่พัฒนาจากค่าย RIM ที่เป็นเจ้าของ Blackberry Smartphone ชื่อดังนั่นเอง และทำมาเพื่อรองรับ Playbook โดยเฉพาะ และยังมีอีกหลายเจ้า เดี๋ยวเจ้าของบล๊อกจะพยายามรวบรวมข้อมูลมาให้ทุกท่านได้อ่านกันทีหลังนะคะ

2. ขนาด หน้าจอและน้ำหนัก เลือกแล้วแต่ความชอบเลย ปัจจุบันนี้มีออกมา ตั้งแต่ 7.0, 7.7 ,8.9 ,10.1 นิ้ว ซึ่งถ้าจอใหญ่ น้ำหนักก็จะหนักตามไปด้วย แต่ปัจจุบันหลายต่อหลายค่ายก็พยายามที่จะทำตัวเครื่องให้บางลง เพื่อให้น้ำหนักเบาขึ้นเพื่อตอบสนองให้กับลูกค้าอย่างเราๆนั่นเอง

3. การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต มีทั้งแบบ Wifi ,3G+Wifi ง่ายๆก็คือ ถ้าเราใช้งานอยู่แต่ในบ้านหรือที่ๆมี สัญญาณ ไวไฟ อยู่แล้วก็ซื้อแค่ Wifi แต่ถ้า ออกไปใช้งานข้างนอกเดินทางบ่อยก็ต้องพึ่ง ตัว 3G+Wifi ส่วนราคาก็ต่างกันประมาน 3000 บาท

4. ความจุ บางรุ่น คือไม่สามารถเพื่มความจุได้หรือ ไม่มีช่องเสียบ SD CARD หรือ Micro SD card ก็ต้องเลือกตามการใช้งานของเรา มีทั้งแบบ 16GB,32GB,64 GB ซึ่งราคาก็ต่างกัน ซึ่งสำหรับส่วนตัวเองขอแนะนำนะคะ 16 GB นี่คือต้องลงแอฟไม่เยอะ เกมส์ไม่เยอะ เพราะบางแอพหนักๆก็มีขนาด 1GB แล้ว เราก็ต้องมานั่งลบแอพ ประมาณนี้ ถ้ามีงบ ก็ซื้อความจุสูงๆไปเลยก็ได้ แต่คนเขียนขอแนะนำ เป็น 32GB กำลังดีค่ะ แต่ถ้าคนไหนชอบแบบเพิ่มความจำได้ก็คงต้องโบกมือลา IOS ไปเลยนะคะ

5. ช่องเสียบ ในตัวของค่าย IOS จะไม่มีให้นะคะเราต้องไปดูในส่วน ของ Android และ Window ค่ะ ส่วนใหญ่ก็มีตามนี้
    - USB / Mini USB / micro USB – สำหรับเสียบ Flash Drive, External Harddisk, เม้าส์, คีย์บอร์ด
    - HDMI / mini HDMI / micro HDMI – เอาไว้ต่อเอาภาพจากแท็บเล็ตออกจอทีวี
    - SD / SDHC / microSD – กล้องดิจิตอลหรือกล้องวีดีโอส่วนมากจะใช้การ์ด SDHC หรือ SD ซึ่งเราก็สามารถจะนำไปเสียบเข้ากับแท็บเล็ตที่มีช่องเหล่านี้เพื่อทำการโอน ถ่ายข้อมูลได้ทันที หรือถ้าเครื่องไหนมีช่องเสียบ microSD ก็สามารถใช้เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลต่างๆได้มากกว่าความจุที่มีอยู่ในเครื่อง

6. แอพพลิเคชั่น เป็นสิ่งที่ช่วยเพิ่มมิติและประโยชน์ในการใช้งานของแท็บเล็ต ขอบอกตามประสบการณ์นะคะ iOS ส่วนใหญ่จะ แอฟเสียตังค์ แต่แอพดีๆ สเถียรมีเยอะ และ Android แอฟฟรีจะเยอะแต่ก็ต้องเลือก เพราะบางแอฟก็ไม่ได้เสถียรกับเครื่องประมาณนี้ค่ะ และลูกเล่นเพิ่ม อย่าง คีย์บอร์ด ปากกาสไตลัส กล้องสามมิติ แต่ละค่าย ก็จะมีลูกเล่นเพื่อความเด่นของตัวเอง

7. ราคา ดูตามกำลังและ สิ่งที่เราจะใช้งานให้ได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่ซื้อมาแล้วTabletจะกลายเป็น เครื่องทับกระดาษ หรือเครื่องเล่นเกมส์เท่านั้นนะคะ

    ...หวังว่าบทความนี้ คงเป็นประโยชน์สำหรับผู้กำลังคิดจะซื่อ Tablet ให้ตัวเอง หรือบุตรหลานก็ตาม..


ที่มา : http://papat1324.blog.com

คำค้น :  ราคาแท็บเล็ต ช้อปปิ้งออนไลน์ ขายของออนไลน์