ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ปลูกผม FUE เทคนิคการปลูกผม เห็นผลไว มีความปลอดภัยสูง

ปลูกผม FUE

อาการผมร่วง ผมบาง กลายเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับใครหลาย ๆ คนที่อยากจะมีผมดกดำ แต่ก็กลัวการปลูกผมด้วยวิธีการผ่าตัด ซึ่งในปัจจุบัน มีเทคนิคการปลูกผมแบบใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด เพียงแค่เจาะกอผมแล้วย้ายไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ ไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัว ใช้เวลาพักฟื้นน้อย มีความปลอดภัยสูง อีกทั้งผลลัพธ์ยังดูเป็นธรรมชาติ นั่น คือ การปลูกผม FUEแล้วการปลูกผมแบบนี้ คืออะไร มีวิธีการแตกต่างจาก FUT และ DHI อย่างไร เราไปดูกัน

แนะนำเทคนิคปลูกผม FUE

การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) หรือ FUE hair transplant คือ เทคนิคการผ่าตัดปลูกผม เพื่อรักษาอาการผมร่วงหรือศีรษะล้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในเทคนิคการปลูกผมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยข้อดีที่ว่า ไม่ทิ้งรอยแผล เส้นผมดูเป็นธรรมชาติ สามารถฟื้นตัวได้ไว และมีความปลอดภัยสูง

โดยการปลูกผม FUE จะใช้ผมของตัวคนไข้เอง ซึ่งปกติจะเป็นบริเวณด้านหลังหรือด้านข้างของหนังศีรษะ ที่จะเจาะนำกอผมออกมาด้วยเครื่องมือพิเศษ มีลักษณะเป็นเข็มขนาดเล็ก ต้องอาศัยความชำนาญของศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ จากนั้น ก็นำกอผมมาปลูกในบริเวณที่ต้องการ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย โดยที่คนไข้ไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นที่สถานพยาบาล

ประโยชน์ของการปลูกผม FUE

การปลูกผม FUE มีประโยชน์หลายอย่าง เมื่อเทียบกับเทคนิคการฟื้นฟูผมแบบเก่า เช่น FUT (Follicular Unit Transplantation) โดยข้อดีของการปลูกผม FUE มีดังนี้

  • รอยแผลเป็นมีขนาดเล็ก เพราะเป็นการเจาะทีละกอผม ไม่ต้องใช้ไหมเย็บ ทำให้สังเกตรอยแผลเป็นได้ยาก
  • ได้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ด้วยการปลูกผม FUE แพทย์จะทำการออกแบบแนวเส้นผมที่มีความแม่นยำและดูเป็นธรรมชาติ
  • การปลูกผม FUE เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ไม่จำเป็นต้องมีการลอกหนังศีรษะออกเหมือนการปลูกผมแบบ FUT ทำให้ไม่ต้องพักฟื้น ร่างกายสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น สามารถกลับมาทำกิจกรรมตามปกติได้ภายใน 2 - 3 วัน
  • สำหรับเทคนิคนี้ เหมาะสำหรับทุกสภาพผม ทั้งผมตรง ผมหยักศก หรือผมหยิก ทุกคนจึงสามารถทำได้
  • เราสามารถใช้เส้นผมจากส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เช่น หน้าอก หลัง หรือเครา สำหรับการปลูกผม FUE ได้
  • มีความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ต่ำ เช่น การติดเชื้อ เส้นประสาทเสียหาย ซึ่งมีโอกาสเกิดน้อยกว่าการปลูกผมแบบ FUT
  • การปลูกผม FUE ให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน เนื่องจากเส้นผมที่เรานำมาใช้นั้น เป็นเส้นผมของเราเอง ร่างกายจึงไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้าน สามารถแก้ปัญหาผมร่วงได้อย่างตรงจุด

แม้ว่า การปลูกผม FUE จะมีประโยชน์มากมาย แต่อย่างไรก็ตาม การประสบความสำเร็จ ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการนั้น ก็ยังขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ที่ทำ ดังนั้น การเลือกแพทย์ที่มีคุณภาพและประสบการณ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ อีกทั้งผลลัพธ์ของแต่ละคนก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในร่างกายของแต่ละคนอีกด้วย

ลักษณะอาการที่ควรปลูกผม FUE

การปลูกผม FUE เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง และหัวล้านโดยเฉพาะ โดยลักษณะเฉพาะของอาการที่เหมาะสำหรับการปลูกผม FUE คือ

ผมร่วง

การปลูกผม FUE เหมาะสำหรับการรักษาผู้ที่มีปัญหาผมร่วง โดยเฉพาะในบริเวณที่มีศีรษะล้าน ไรผมและกระหม่อม ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งอาการผมร่วงอาจจะเกิดขึ้นได้ ทั้งจากอาการเจ็บป่วย กรรมพันธุ์ หรือสารเคมี ดังนั้น ก่อนเข้ารับการรักษา เราควรจะปรึกษาแพทย์ให้ดีเสียก่อน

ผมบาง

หากเรามีอาการผมบางในบางบริเวณของศีรษะ แต่บริเวณอื่นกลับมีเส้นผมอย่างหนาแน่นและมากพอที่จะใช้ การปลูกผม FUE จึงเป็นเทคนิคที่มีความเหมาะสมมาก ด้วยแพทย์จะเจาะกอผม เพื่อดึงรากผมที่แข็งแรงออกจากบริเวณดังกล่าว และนำมาปลูกบริเวณที่ผมบาง เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม

หัวล้าน

แม้ว่า คุณจะมีปัญหาศีรษะล้านหรือหัวล้าน การปลูกผม FUE ก็ยังเป็นทางเลือกที่เราสามารถทำได้ ถ้าหากเรามีปริมาณเส้นผมจากส่วนอื่นของร่างกายที่มากพอ เราก็สามารถเจาะกอผมและนำมาปลูกได้เช่นกัน

ทั้งนี้ ความสำเร็จของผลลัพธ์ก็ขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ คุณภาพของเส้นผม และปัจจัยต่าง ๆ ในร่างกายของเราด้วย ดังนั้น ก่อนเข้ารับการปลูกผม FUE เราจะต้องปรึกษากับแพทย์ เพื่อให้ประเมินสภาพเส้นผม บริเวณที่ต้องการเจาะผมและปลูกผม ว่า เหมาะสมที่จะรักษาด้วยวิธีนี้หรือไม่

ปลูกผม FUE, FUT, DHI  แตกต่างกันอย่างไร

ปลูก ผม fue กับ fut

เทคนิคการปลูกผมในปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายวิธี ทั้ง FUE (Follicular Unit Extraction), FUT (Follicular Unit Transplantation) และ DHI (Direct Hair Implantation) ต่างก็ใช้ในการแก้ปัญหาผมร่วงและเพิ่มความหนาแน่นของเส้นผม แต่ละวิธีมีลักษณะเฉพาะ ข้อดี และข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้

การปลูกผม FUE เป็นการเจาะกอผมจากบริเวณหนึ่ง (โดยปกติ คือ ด้านหลังหรือด้านข้างของหนังศีรษะ) ด้วยเครื่องมือพิเศษขนาดเล็ก (microneedle หรือ punch tool) แล้วนำมาปลูกในบริเวณที่ต้องการ (บริเวณหัวล้านหรือผมบาง) ซึ่งเทคนิคนี้ จะทิ้งรอยแผลเป็นเล็ก ๆ คล้ายจุด ซึ่งสังเกตเห็นได้ยากกว่า ทำให้เราสามารถไว้ผมสั้นได้ โดยไม่เห็นแผลเป็น

อีกทั้งยังเป็นการปลูกผมที่ไม่จำเป็นต้องมีการลอกหนังศีรษะออก ส่งผลให้เนื้อเยื่อมีอาการบาดเจ็บน้อยลงและฟื้นตัวได้เร็วกว่า เมื่อเทียบกับการปลูกผมแบบ FUT และผลลัพธ์ที่ได้นั้น ก็ดูเป็นธรรมชาติ เพราะได้รับการออกแบบอย่างแม่นยำ เนื่องจากแพทย์สามารถกำหนดบริเวณที่ต้องการปลูกได้

การปลูกผม FUT เป็นการผ่าตัด เพื่อนำเนื้อเยื่อหนังศีรษะออกจากบริเวณที่มีเส้นผมหนาแน่น ก่อนจะนำไปปลูกลงในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งเทคนิคนี้จะทิ้งรอยแผลเป็นไว้ หากเราตัดผมสั้นก็จะสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย และด้วยเป็นการผ่าตัด ทำให้ร่างกายต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น

การปลูกผม DHI เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการปลูกผม FUE ซึ่งรากผมที่สกัดออกมาจะถูกฝังลงในบริเวณที่ต้องการทันที โดยใช้เครื่องมือพิเศษ ทำให้ไม่ทิ้งรอยแผล อีกทั้งยังมีการควบคุมมุมและทิศทางของเส้นผมที่ปลูกได้เป็นอย่างดี ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วงมาก

สรุปแล้ว การปลูกผม FUE ได้รับความนิยมในเรื่องของการไม่ทิ้งรอยแผลเป็น และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ ต่างจากการปลูกผม FUT ที่สามารถปลูกผมได้ในปริมาณมากในเวลาเดียวกัน ส่วนการปลูกผม DHI ก็โดดเด่นที่เป็นการปลูกผมที่แม่นยำ แต่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา โดยในแต่ละเทคนิคนั้น ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยแต่ละอย่าง เช่น ความรุนแรงของอาการผมร่วง ปริมาณเส้นผม ความต้องการส่วนตัวในแต่ละเทคนิค เป็นต้น

ปลูกผม FUE ที่ไหนดี

ปลูก ผม long hair fue

แล้วเราควรจะเลือกปลูกผม FUE ที่ไหนดี อย่างที่กล่าวไปว่า การปลูกผมเป็นเทคนิคที่ละเอียดอ่อน ผลลัพธ์ที่ประสบความสำเร็จขึ้นอยู่กับทักษะและประสบการณ์ของแพทย์ด้วยส่วนหนึ่ง ดังนั้น การเลือกสถานพยาบาลที่มีชื่อเสียง แพทย์มีความเชี่ยวชาญ และให้บริการดี ก็จะเป็นการรับรองถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง

โดยเราควรจะเลือกสถานพยาบาลในการปลูกผม FUE ที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

  • แพทย์ปลูกผมที่มีประสบการณ์และผ่านการรับรอง ด้วยการตรวจสอบข้อมูลประจำตัว คุณสมบัติ และประสบการณ์ในการทำศัลยกรรมปลูกผม
  • ตรวจสอบเทคโนธลยีและอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ที่ทันสมัย มีความปลอดภัย และสะอาด พร้อมใช้งาน
  • ชื่อเสียงของสถานพยาบาล ใบอนุญาตและการรับรองที่จำเป็นในการดำเนินการปลูกผม เพื่อให้เรามั่นใจได้ว่า สถานพยาบาลมีการปฏิบัติตามมาตรฐานและแนวทางที่กำหนด
  • ค้นหาข้อเสนอแนะต่าง ๆ บนโลกออนไลน์จากผู้ที่เคยเข้ารับการรักษา หากมีข้อเสนอแนะในเชิงบวกและผลลัพธ์ของผู้ป่วยที่ประสบความสำเร็จ ย่อมเป็นการบ่งบอกถึงความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาลนั้น
  • มีภาพถ่ายของคนไข้ ทั้งก่อนและหลัง เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่เราจะได้รับ หลังทำการปลูกผม FUE
  • สถานพยาบาลมีความสะอาดและให้บรรยากาศที่อบอุ่น ปลอดภัย และถูกสุขลักษณะ
  • เมื่อเข้ารับบริการ เราสามารถปรึกษาแพทย์ได้อย่างครบถ้วน โดยแพทย์สามารถอธิบายรายละเอียดขั้นตอนของการปลูกผม FUE และร่วมประเมินวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม
  • มีการชี้แจงราคาค่าใช้จ่ายอย่างโปร่งใส ไม่ควรมีค่าใช้จ่ายแอบแฝง และควรแจ้งล่วงหน้าว่ามีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
  • ภายหลังจากการปลูกผม FUE แล้ว ทางสถานพยาบาลควรมีบริการดูแลและติดตามผลของการปลูกผม เพื่อกำกับติดตามความคืบหน้า และสามารถเข้าแก้ไข เมื่อมีปัญหาได้อย่างทันท่วงที

สรุปการปลูกผม FUE

การปลูกผม FUE (Follicular Unit Extraction) หรือ FUE hair transplant คือ เทคนิคการปลูกผมแบบที่ไม่ต้องผ่าตัด เพียงใช้เครื่องมือพิเศษในการเจาะกอผมแล้วย้ายไปปลูกในบริเวณที่ต้องการ เพื่อใช้รักษาอาการผมร่วง ผมบาง ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้เลย โอกาสเกิดความเสี่ยงต่ำ มีความปลอดภัยสูง นับว่า เป็นเทคนิคในการปลูกผมที่น่าสนใจและกำลังได้รับความนิยมสูง