ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - โทเทิล

หน้า: [1]
1



หากคุณมีธุรกิจส่วนตัวและอยากโปรโมท แต่ไม่รุ้จะโปรโมทที่ไหน

Thailand Online Focus  เราพร้อมสนับสนุน
 
สนใจสามารถติดตามได้ในเพจ http://www.facebook.com/ThailandOnlineFocus

* เงื่อนไข
- สามารถส่งรายละเอียด inbox เข้ามาทางเพจ Thailand online focus
- ส่งรูปถ่าย รายละเอียดสั้นๆ ที่อยากให้โปรโมท และ Link ของร้านพร้อมอีเมลล์ที่ติดต่อได้
- ขอสงวนสิทธิ์ ธุรกิจ MLM
- ทางเพจขอเป็นผู้พิจารณาที่จะโปรโมทบนหน้าเพจเพื่อความเหมาะสม

** งานนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

2





หากคุณมีธุรกิจส่วนตัวและอยากโปรโมท แต่ไม่รุ้จะโปรโมทที่ไหน
Thailand Online Focus  เราพร้อมสนับสนุน
 
สนใจสามารถติดตามได้ในเพจ http://www.facebook.com/ThailandOnlineFocus

* เงื่อนไข
- สามารถส่งรายละเอียด inbox เข้ามาทางเพจ Thailand online focus
- ส่งรูปถ่าย รายละเอียดสั้นๆ ที่อยากให้โปรโมท และ Link ของร้านพร้อมอีเมลล์ที่ติดต่อได้
- ขอสงวนสิทธิ์ ธุรกิจ MLM
- ทางเพจขอเป็นผู้พิจารณาที่จะโปรโมทบนหน้าเพจเพื่อความเหมาะสม

** งานนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น

3

 



หากคุณมีธุรกิจส่วนตัว และอยากโปรโมท
Thailand Online Focus  เราพร้อมสนับสนุน

สนใจสามารถติดตามได้ในเพจ http://www.facebook.com/ThailandOnlineFocus
เงื่อนไขในการเข้าร่วม


1.   ส่งรูป รายละเอียดสั้นๆ ที่อยากให้เราโปรโมท และ link ของร้าน พร้อมอีเมล์ที่สามารถติดต่อได้
2.   สามารถส่งมาทางกล่องข้อความ ของทางเพจ Thailand online focus

* ทางทีมงานขอเป็นผู้พิจารณาที่จะโปรโมทบนหน้าเพจ เพื่อความเหมาะสม
** งานนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ

4
 



หากคุณมีธุรกิจส่วนตัว และอยากโปรโมท
Thailand Online Focus  เราพร้อมสนับสนุน

สนใจสามารถติดตามได้ในเพจ http://www.facebook.com/ThailandOnlineFocus

เงื่อนไขในการเข้าร่วม
1.   ส่งรูป รายละเอียดสั้นๆ ที่อยากให้เราโปรโมท และ link ของร้าน พร้อมอีเมล์ที่สามารถติดต่อได้
2.   สามารถส่งมาทางกล่องข้อความ ของทางเพจ Thailand online focus

* ทางทีมงานขอเป็นผู้พิจารณาที่จะโปรโมทบนหน้าเพจ เพื่อความเหมาะสม
** งานนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ

5


สนใจกด LIKE และติดตามข่าวสารกับหัวข้ออื่นๆสำหรับธุรกิจSMEได้ที่www.facebook.com/ThailandOnlineFocus


Location Marketing ดึงลูกค้าออนไลน์ให้เข้ามาสู่ธุรกิจจริง

ตอนที่ 1 Setting และ Claim Foursquare


Social Media ที่เกี่ยวกับ Location Marketing ที่นิยมในประเทศไทยตอนนี้คงหนีไม่พ้น Foursquare หรือหากไม่ใช่ Social Media แต่เครื่องมือที่สามารถนำมาใช้ได้เป็นอย่างดีในการทำ Location Marketing คือ Google Map

                แต่ในวันนี้ ผมขอแนะนำการนำ Foursquare มาประยุกต์ใช้ในการทำ Location Marketing แบบง่ายๆ ที่คุณสามารถจะนำไปใช้ได้ทันทีก่อน

                ด้วยสารพัดวิธีทางการตลาดที่จะทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจหรือการทดลองใช้บริการ หรือทฤษฎีการตลาด 4Ps  เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่นั้น Place นั้นมีส่วนสำคัญมาก ในการดำเนินธุรกิจให้ก้าวถึงจุดหมายได้ (ในที่นี้ผมไม่ได้บอกว่าถึงความสำเร็จนะครับ)

                เพราะหากคุณจะก้าวถึงความสำเร็จได้ คุณต้องทำอีกหลายๆอย่างให้สิ่งที่คุณทำประสานงานกันได้เป็นอย่างดี และเมื่อทำแบบนั้นได้อย่างต่อเนื่องความสำเร็จที่คุณต้องใจไว้จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม ดังนั้นการก้าวให้ถึงจุดหมายแต่ละอย่างในสิ่งที่เราทำ จะเป็นการการันตีได้ว่าคุณจะสามารถก้าวถึงความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

                ก่อนอื่นในการทำ Location marketing ด้วย foursquare หลังจากที่คุณเปิดจุด Check in แล้ว อีกสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ คือเข้าไปตั้งค่าข้อมูลของจุดธุรกิจที่คุณเปิดเพื่อให้คนอื่นๆรู้ว่าธุรกิจของคุณอยู่ในหมวดใด โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ www.foursquare.com (ภาพประกอบที่ 1)



นอกเหนือจากตั้งค่าหมวดธุรกิจ แล้วคุณยังสามารถใส่ Tag ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจได้อีกด้วย (ภาพประกอบที่ 2)



หลังจากที่ตั้งค่าเสร็จเรียบร้อย เราไปในส่วนการ Claim ให้เราเป็นเจ้าของสถานที่ต่อ คลิกที่ Claim here (ดูภาพประกอบที่ 1)


ตอนนี้ทาง Foursquare จะให้เรายืนยันการเป็นเจ้าของ โดยให้เราใส่เบอร์โทรเราเข้าไป และกดคลิกไปยังหน้าต่อไป จะเป็นเลข Code แสดงขึ้น จากนั้นอีกไม่ถึงอึกใจ จะมีโทรศัพท์เข้ามายังเบอร์ที่เรากรอกเข้าไป (โทรศัพท์ที่มาเป็นภาษาอังกฤษนะครับ ท่านใดที่ไม่สันทัดก่อนทำเรียกเพื่อนๆที่ฟังรู้เรื่องมาให้ช่วยฟังแล้วทำให้ก็ได้) โทรศัพท์ที่โทรมาจะเป็นเบอร์ +1 (888) 755 6020 ประมาณนี้ครับ คำถามแรกจะให้เราพูดชื่อ และความสัมพันธ์เรากับธุรกิจว่าเป็นอะไรกัน (เป็นระบบบันทึกเสียง) ส่วนที่ 2 จะให้เราใส่ Code ที่เราได้มา จากนั้นก็เรียบร้อย

เมื่อเราเป็นเป็นเจ้าของจุดใน Foursquare แล้ว จะเป็นการง่ายมากในการทำ Promotion หรือ ศึกษาข้อมูลลูกค้า เพื่อนำมาใช้ประโยชน์กับธุรกิจต่อไป ส่วนนี้จะมาแนะนำกันในตอนต่อไป



แล้วพบกันใหม่.....

6




      ทุกวันนี้ หลายท่านจะได้ยินและเห็นคำว่า Social Media วนเวียนอยู่รอบตัวเต็มไปหมด มันคืออะไร และเราจะนำมาประยุกต์ ใช้กับธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ให้กับธุรกิจเราได้อย่างไร วันนี้ผมมีคำตอบมาฝากทุกท่านครับ

      โดยเริ่มที่ Concept ของ JMcuisine (เจ๊กเม้ง)  อาหารความคิดสร้างสรรค์ต้นตำรับเพชรบุรี ในการทำการตลาดผ่านทาง Social Media คือ JMcuisine Everywhere ซึ่งไอเดียและแนวคิดนี้ ผมได้รับแรงบันดาลใจมาจาก ช่วงที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2008 ที่ Barack Obama ได้มีการนำ Facebook และ Social Media ต่างๆ เข้ามาช่วยในการรณรงค์หาเสียง จนได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น และส่งผลให้เป็นการจุดพลุให้เกิดการนำ Social Media ต่างๆ เข้ามาประยุทธ์ใช้กับธุรกิจต่างๆมากมาย และผมได้นำมาทดลองแนวคิดนี้ มาทดลองใช้กับ www.SOdA-PrintinG.com ของขวัญแบบนี้มีชิ้นเดียวในโลก ที่เริ่มทำมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งผลตอบรับที่ดีมาก จึงได้นำมาปรับใช้กับทาง JMcuisine (เจ๊กเม้ง)

      แน่นอนว่าท่านผู้อ่าน คงมีคำถามในใจว่า แล้วธุรกิจ SME อย่างเราๆ จะนำสื่อ Social Media มาใช้ให้เกิด Impact และ ได้รับผลตอบรับ ได้อย่างบุคคลที่มีอิทธิพลหรือธุรกิจใหญ่ๆที่มีฐานมวลชนหรือลูกค้า มีความภักดีในแบรนด์ ได้อย่างไร และวันนี้มันไปช้าไปหรือที่จะเริ่มใช้ เพราะใครๆก็ทำกันหมดแล้ว

      ดังนั้นในวันนี้ผมขอแนะนำเครื่องมือต่างๆ ใน Social Media พร้อมกับอธิบายหน้าที่ และลักษณะเด่น ผ่านกรณีศึกษาของ JMcuisine (เจ๊กเม้ง)  อาหารความคิดสร้างสรรค์ต้นตำรับเพชรบุรี ให้ท่านได้เห็นภาพมากขึ้น ดังนี้

     




Facebook.com

      ท่านทราบหรือไม่ว่า ทุกวันนี้ Facebook มีผู้ใช้เมื่อเปรียบเทียบเป็นประชากรมากถึง 995 ล้านคน เป็นรองเพียงประเทศจีนมีประชากร1.37พันล้านคน และประเทศอินเดียมีประชากรประมาณ 1 พันล้านคน  และยิ่งกว่านั้น จำนวนผู้ใช้ Facebook บน Mobile ทะลุ 488 ล้านบัญชีแล้ว ส่วนผู้ใช้ Facebook ในประเทศไทยนั้นมีมากถึง 16,049,660 คน คิดเป็น 22.8% ของประชากรในประเทศ (ข้อมูลจาก checkfacebook.com 12 สิงหาคม 2555) ซึ่งกลุ่มผู้ใช้ Facebook ประเทศไทย สะท้อนถึงกลุ่มคนที่มีศักยภาพทั้งในแง่รายได้และการใช้ชีวิต ดังนั้น Facebook จึงเสมือนประตูให้เราสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น แต่เพียงว่าต้องมีการวางแผน วิธีการนำเสนอ การกระตุ้น เพื่อให้เกิดการซื้อเพียงเท่านั้นเอง ผมขอยกตัวอย่างวิธีการง่ายๆ ของ www.facebook.com/JekmengNoodle  และ www.facebook.com/JMcuisine  ดังนี้

      การโพสภาพอาหาร สำหรับ JMcuisine นั้น จะโพส โดยมีช่วงเวลา 11.00-12.15 น. ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เพราะเป็นช่วงเวลาใกล้พักเที่ยงของคนทำงาน จะเป็นช่วงเวลาที่คนจะเริ่มหยิบโทรศัพท์และเข้ามาใน Facebook เพื่อเช็คสถานะต่างๆ ส่วนในวันเสาร์-อาทิตย์ จะโพสในช่วง 9.00-10.00 น. ซึ่งช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงที่คนที่มาท่องเที่ยวอยู่ระหว่างทางมาชะอำหรือหัวหิน หรืออีกด้านจะเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งตื่นนอน โดยส่วนใหญ่จะนิยมเข้ามาเช็คความเคลื่อนไหวต่างๆของเพื่อนใน Facebook ในการเลือกช่วงเวลานั้นจะมีผลต่อการตอบโต้ของลูกค้า จะทำให้เราสามารถอยู่ในหน้า News Feed ได้ง่ายขึ้น

      การโพสภาพลูกค้า วิธีนี้จะเป็นวิธีที่เราสามารถสร้างความผูกพันกับลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเป็นคนพิเศษ โดยส่วนใหญ่รูปของลูกค้าที่ถ่ายในร้านนั้นจะส่งภาพมาให้เราทั้งทาง BB Twitter Whatapp Line Instagram หรือนำมาโพส เองทาง Facebook และภาพที่ลูกค้าส่งมานั้นเราสามารถติดแท๊กกลับไปที่ลูกค้าซึ่งจะเป็นการ PR ให้กับเราในทางอ้อมได้อีกด้วย แต่จุดนี้ต้องพึงระวัง เราควรที่จะขออนุญาตลูกค้าก่อนว่าทางลูกค้ายินยอมหรือไม่ มิฉะนั้นจะเป็นผลเสียกับทางเราเอง เพราะจะเป็นการรบกวนลูกค้า

      Event วิธีนี้จะทำเมื่อทางร้านได้มีการจัดกิจกรรมออกร้านนอกสถานที่ เช่น การไปเปิดร้านชั่วคราวตามเทศกาลอาหารต่างๆ หรือ งานแสดงสินค้า เป็นการเชิญชวน Fan Page ให้ทราบถึงรายละเอียดกิจกรรม ตำแหน่งของบูธJMcuisineในสถานที่จัดงาน ซึ่งจะทำให้เราทราบเสียงตอบรับเบื้องต้นว่ามีเสียงตอบรับมากน้อยอย่างไร เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดเตรียมได้รอบครอบมากยิ่งขึ้น และทราบความต้องการเบื้องต้นของลูกค้าว่าอยากได้สิ่งไหนเป็นพิเศษ

      จาก 3 ตัวอย่างข้างต้นนั้น ท่านผู้อ่านสามารถนำไปปฏิบัติได้ทันที แต่ควรต้องมีความต่อเนื่อง สม่ำเสมอ เพื่อให้ Fan page เกิดความสนใจและติดตามเราอย่างต่อเนื่อง เพราะจากสิ่งที่ทำตรงนี้ จะเป็นการสร้างความซึมซับในแบรนด์ ในระยะยาว

หลายๆท่านมักจะคิดว่า Fanpage มากๆ นั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่สำหรับผมคิดว่า การทำให้ลูกค้าตัวจริงๆมาเป็น Fanpage เรานั้นสำคัญกว่า  สัปดาห์หน้าเรามาดูกันซิว่า วิธีการที่จะทำให้ลูกค้าตัวจริงมาเป็น fanpage จะมีวิธีการอย่างไร และเราจะติดตามผลการทำงานของ Page facebook ได้ด้วยวิธีการไหนบ้าง

แล้วพบกันใหม่.....




ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการทำธุรกิจ SME และกรณีศึกษาผู้ที่ใช้สื่อออนไลน์จนประสบความสำเร็จ ได้ที่
http://www.facebook.com/ThailandOnlineFocus

7



สนใจกด LIKE และติดตามข่าวสารกับหัวข้ออื่นๆสำหรับธุรกิจSMEได้ที่www.facebook.com/ThailandOnlineFocus


ก่อนจะเขียน ยิงเป็นโดน  ตอนที่ 6 ต่อไปนั้น ผมเหลือบไปเห็นผลสำรวจจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่บอกว่าเอสเอ็มอีไทยมีเพียง  7%  เศษๆเท่านั้นที่เตรียมตัวรับเออีซี  ที่เหลืออีก 60% เศษๆ  ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย รอความช่วยเหลือจากภาครัฐ

            อ่านข่าวนี้แล้ว พยากรณ์ไปได้เลยว่าถึงปี 2558 เมื่อไหร่ เอสเอ็มอีไทยวิกฤตแน่ๆ

            เกิดเป็นเอสเอ็มอีจึงต้องเตรียมพร้อมรับวิกฤตอยู่ตลอดเวลา

            ปรับตัวเก่งและต้องอดทน

           จำได้ว่าหลายปีก่อน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวในการปาฐกถาครั้งหนึ่งว่า ภาษาจีนคำว่า ?อดทน? เป็นอักษรภาพที่มีมีดเล่มเล็กปักไปในใจ ดังนั้นเมื่ออดทนก็ต้องเจ็บปวดเป็นธรรมดา




            แต่โบราณว่าไว้เมื่อฟ้ายังไม่เปิด ทะเลยังไม่โอเพ่น ให้เล็งโอกาสไว้ ต่อเมื่อฟ้าเปิด ทะเลอ้า ให้พุ่งทะยานออกไปอย่ารอช้า

            จงตระเตรียมในห้วงแห่งความยากลำบาก ต่อเมื่อโอกาสมาถึง จงทะลุทะลวงออกไปอย่าได้รอช้า

            ดูเหมือนคำจีนโบราณที่เป็นหลักยึดของขุนคลังกำลังเหมาะสมต่อสถานกาณ์อย่างยิ่ง

            ฟิลิป คอตเลอร์ อาจารย์ของ ดร.สมคิด เป็นกูรูการตลาดที่คิดเชิงบวก เพราะนักการตลาดย่อมต้องคิดสร้างสรรค์หากลยุทธ์และทิศทางใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็พร่ำเตือนในหนังสือ ?คิดใหม่เพื่ออนาคต? ว่าจงเตรียมการณ์รับสิ่งที่ไม่คาดฝันตลอดเวลา

            ดังนั้น หากไม่รู้ว่าจะเชื่อคอตเลอร์ตรงไหน ก็ขอให้เลือกเชื่อ Planning for Unexpected เอาไว้ก่อนค่อนข้างจะปลอดภัย

            เพราะในยามนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้

            จริงเรื่องเออีซี ก็ไม่ถึงทำให้เอสเอ็มอีมองไม่ออก แต่ผมจะไม่กล่าวถึงกลยุทธ์การปรับตัวเพื่อสู้เออีซีตอนนี้ เพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก

            สำหรับเอสเอ็มอีที่ไม่มีแผนยุทธศาสตร์ที่จะรองรับเออีซี ตอบได้เลยว่าอยู่ยาก ยกเว้นจะเป็นธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับเออีซีเลย

            แต่ถึงจะไม่เกี่ยวทางตรง ก็น่าจะเกี่ยวทางอ้อม

            อย่างไรก็ตามถึงเออีซีจะมาถึงในอีกสองปีข้างหน้า

            ถึงแม้ว่าเอสเอ็มอีจะไม่มีแผนการรับมือ จนอาจนำไปสู่วิกฤต

            ก็จงอย่า Overreact?

            มองสถานการณ์อย่างที่มันเป็นจริง?

            ไม่ใช่อย่างที่สื่อกระพือฮือโหม?

            มิเช่นนั้นอาจตกขบวนรถไฟได้?

            จงแปลงวิกฤตให้เป็นโอกาส ดังเช่น เครือซีพี ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้อย่างยิ่ง

            ครั้งที่นักศึกษาจีนเดินขบวนประท้วงรัฐบาลที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน แต่ถูกรัฐบาลปราบปรามอย่างรุนแรง

            บรรดานักลงทุนต่างประเทศและเหล่าบรรษัทข้ามชาติ ตบเท้ากลับประเทศตนเอง แต่เครือซีพียังยืนหยัดและทุ่มงบลงทุนในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง

             มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน

            เมื่อวิกฤตการณ์สงบ ซีพีกลายเป็นกลุ่มทุนต่างชาติอันดับหนึ่งในประเทศจีน

            จะเอาอะไรในแผ่นดินมังกร ไม่มีใครขัด

            อย่างไรก็ตาม ในยามศึกสงครามย่อมไม่มีใครคาดการณ์อนาคตได้อย่างแม่นยำ

            เออีซีก็เสมือนเป็นสมรภูมิใหม่ ที่ใหญ่กว่าเดิม

            ดร.สมคิด ได้กล่าวถึงผลกระทบของเออีซีว่า

สำหรับบริษัทเอกชนนั้นจะมีผลกระทบในสองมิติ

            หนึ่ง-ขอบเขตของโอกาส  เพราะไม่ได้มีแค่สิบประเทศอาเซี่ยนเท่านั้นแต่จะบวกประเทศอื่นๆเข้ามาด้วย(คือจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์) ซึ่งก็หมายความว่าสภาพแวดล้อมทางการแข่งขัน(Competitive Environment) เปลี่ยนแปลงไป รวมตัวเป็น AEC มีประเทศใหญ่อื่นๆมาแจมด้วยตามกำหนดการที่วางไว้

            เอสเอ็มอีจักต้องประเมินสมรภูมิการแข่งขันในการทำธุรกิจเสียใหม่

            ซึ่งตรงนี้ อ.สมคิด ได้กล่าวไว้ว่าเป็นประการที่สอง ก็คือ Business Approach หรือวิถีทางในการทำธุรกิจต้องเปลี่ยนแปลงไป เพราะการทำธุรกิจในระดับ AEC ต้องตอบโจทย์ 4 ด้าน

            ....ลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเป็นใคร

            ....คู่แข่งที่เพิ่มขึ้นมาจากประเทศไหน

            ....กฎระเบียบในแต่ละประเทศเป็นอย่างไร

            ...ต้นทุนที่ต้องเพิ่มขึ้นนั้นอยู่ในระดับใดและมาจากรายการใดบ้าง

            ซึ่งท่านผู้อ่านโปรดติดตามเรื่อง  AEC กับเอสเอ็มอีต่อไป

            ผมจะนำเสนอเป็นระยะๆ

            มันส์อย่างมีสาระแน่นอนครับท่าน.....

หน้า: [1]