ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - nemophilanie

หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9
101
แต่งหน้าแน่นต้องการล้างหน้าให้สะอาดเป็นพิเศษ ควรใช้ cleansing balm เช็ดเครื่องสำอางออกก่อน หน้าจะได้สะอาดอย่างแท้จริง ใครอยากได้คลีนซิ่งแบรนด์ดีมีคุณภาพลองมาดูก่อนว่า คลีนซิ่งบาล์มยี่ห้อไหนดี หรือดูได้จากข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั้ง 10 ในบทความนี้แล้วค่อยตัดสินใจ
1.   MizuMi 3-In-1 Melt Away Cleansing Balm
บาล์มเนื้อเนียนนุ่มพร้อมสารบำรุงเข้มข้นหลากชนิดนำเข้าจากญี่ปุ่น นุ่มละมุนมาก ๆ และเมื่อโดนน้ำจะเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำนมช่วยละลายคราบเครื่องสำอางได้ดี มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เหมือนกลีบกุหลาบ
2.   Y.O.U Gentle Clean Deep Cleansing Balm Cocomelt
บาล์มเช็ดทำความสะอาดล้ำลึก กลิ่นสดชื่น เนื้อสัมผัสสบายผิว เป็น คลีนซิ่งบาล์ม ที่ล้างออกง่าย อ่อนโยนเหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายหรือเป็นสิวบ่อย ส่วนผสมทำมาจากธรรมชาติเป็นสูตรแพลนท์เบส สามารถลบมาสคาร่ากันน้ำได้ง่ายไม่ต้องออกแรงเช็ดมาก
3.   Barenbliss K.O! Kombucha Omega Deep Cleansing Balm
บาล์มเกาหลีที่ได้ชื่อว่าสลายเครื่องสำอางหมดจด ใครที่ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะซื้อ คลีนซิ่งบาล์มยี่ห้อไหนดี แนะนำ Barenbliss เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก จุดเด่นคือมี 2 เลเยอร์ เลเยอร์แรกเป็นสีชมพู อีกเลเยอร์หนึ่งเป็นสีเหลืองมีสารบำรุงต่างกัน ช่วยฟื้นฟูผิวและเพิ่มความเนียน
4.   bifesta cleansing balm deep clear
สูตรทำความสะอาดผิวหน้าแบบล้ำลึก สลายเมคอัพง่ายดายและรวดเร็วแบบ Friction-free ผิวไม่แห้งตึงพร้อมผงชาร์โคลดูดซับสิ่งสกปรก ผลิตด้วยนวัตกรรม Triple Smooth Technology ที่ทำให้เนื้อบาล์มเนียนนุ่มอ่อนโยนต่อผิวหน้า ข้อดีคือล้างออกง่ายมากสำหรับ bifesta cleansing ตัวนี้
5.   Banila Co Clean it Zero Cleaning Balm Original
เช็ดออกได้แม้กระทั่งเมคอัพกันน้ำที่ล้างยาก ไม่เหลือคราบสกปรกตกค้าง ผิวหน้าสะอาดและยังได้คุณค่าในการบำรุงผิวไปด้วยในตัว เพราะ cleansing balm banilaco ของ Watsons สูตรนี้มีสารช่วยปรับสมดุลผิว
6.   Cute Press Pure Origin Micellar Cleansing Balm
สูตรออร์แกนิกอ่อนโยน มีสารสกัดจากน้ำมันมะพร้าวและเชีย บัตเตอร์ ทำให้ผิวชุ่มชื้น เวลาใช้ คลีนซิ่งบาล์ม ทำความสะอาดผิวให้นวดหน้าไปด้วยจะรู้สึกสะอาดและสดชื่นราวกับผิวได้พักผ่อนเต็มอิ่ม ปราศจากสารเคมี ปลอดภัยไม่ก่ออาการแพ้
7.   Nivea Acne Care Micellair Oxygen Boost
สำหรับผิวมีสิว คลีนซิ่งนีเวีย สูตรนี้เป็น Oxygen booster ช่วยเติมออกซิเจนให้ผิวเป็นการลดแบคทีเรียสะสม ผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถเพิ่มค่าเฉลี่ยออกซิเจนในผิวได้ถึง 10 เท่า ใครที่มีสิวเสี้ยนเยอะ ๆ แนะนำ คลีนซิ่งนีเวีย เพิ่มความเนียนอย่างอ่อนโยน ปราศจากแอลกอฮอล์
8.   Mistine Natural Balance Cleansing Balm
ใครที่ออกงานบ่อย เมคอัพเต็ม ลบให้เกลี้ยงด้วยมิสทีนสูตรนี้ โดยไม่จำเป็นต้องเช็ดแรง ไม่แสบผิว และไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองใด ๆ เป็นสูตร Alcohol-free ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้าน ที่สำคัญคือราคาจับต้องได้
9.   Soap & Glory Glow Your Mind Nourishing Cleansing Balm
คลีนซิ่งบาล์ม สูตรวีแกนปราศจากสารเคมีและไม่ใช้ส่วนผสมที่มาจากสัตว์ มีมารูลา ออยล์, อะโวคาโด ออยล์, แอพริคอท ออยล์, โจโจบา ออยล์ และวิตามินซี เป็นส่วนผสมสำคัญในการช่วยบำรุงผิว เช็ดทำความสะอาดเกลี้ยงเกลา ล้างออกง่าย ช่วยเผยผิวใหม่กระจ่างใสกว่าเดิม เหมาะกับทุกสภาพผิว
10.   Heimish All Clean Balm
เนื้อบาล์มสีขาวนวลใช้นวดหน้าในขั้นตอนของการทำความสะอาดก่อนล้างด้วยน้ำโดยไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าอื่นใดต่อ ผิวหน้าจะสะอาดได้ด้วย cleansing balm ในขั้นตอนเดียว เหมาะกับผู้ที่ต้องการเวลาพักผ่อนหลังจากทำงานมาทั้งวัน

ใช้ คลีนซิ่งบาล์มยี่ห้อไหนดี การล้างหน้าไม่สะอาดจะทำให้เกิดปัญหาผิวตามมาหลายอย่าง เช่น รูขุมขนอุดตันจนเป็นสิว ผื่นขึ้น ระคายเคือง ผิวอักเสบ ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีไว้ใช้ แนะนำ วัตสันออนไลน์ สั่งสินค้าได้สะดวกรวดเร็ว และอย่าลืมเช็ก วัตสันโปร แล้วคลิกรับสิทธิประโยชน์กันให้จุใจ

102
   บริษัท มุนดิฟาร์มา เจ้าของแบรนด์สินค้า เบตาดีน (Betadine) ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยนับตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา โดยมีผลิตภัณฑ์หลักคือยาทาแผล ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง มีการขยายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพใหม่ ๆ ขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอ โดยยังคงคอนเซ็ปต์ของ Brand DNA เพื่อสุขภาพ จนกลายเป็นแบรนด์สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยดูแลรักษาสุขภาพ ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และเสริมสุขอนามัยที่ดีต่อผู้ใช้งาน โดยมีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม ดังนี้
1.   แอนติเชพติกครีม เพิ่มประสิทธิภาพการปกป้องดูแลบาดแผล ด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อครีมที่สามารถปกป้องบาดแผล และป้องกันการติดเชื้อของบาดแผลได้หลายชนิดทั้งแผลน้ำร้อนลวก ฟกช้ำ หรือถูกของมีคมบาด เพราะมีส่วนผสม Povitone Iodine จึงป้องกันเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถหาซื้อได้ที่ watson online อีกด้วย
2.   โทรตสเปร์ย เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับฉีดพ่นบริเวณช่องปาก และลำคอ เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทร์ย์ในบริเวณลำคอและช่องปาก ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบในปากและลำคอ จึงป้องกันการเกิดแผลติดเชื้อในปาก ลดความระคายเคืองในลำคอได้ดี พร้อมระงับกลิ่นปาก ถือเป็นเวชภัณฑ์ที่ช่วยตอบโจทย์ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคทางระบบทางเดินหายใจได้ดี สามารถติดตามโปร วัตสัน 1 แถม 1 ได้เลย
3.   พลาสเตอร์กันน้ำ ชนิดป้าย นับเป็นนวัตกรรมใหม่ของการดูแลบาดแผล เพราะไม่ใช่แผ่นปิดแผลแบบทั่วไป แต่จะเป็นการสร้างแผ่นฟิล์มโพลียูรีเธนมาเคลือบบริเวณแผลเอาไว้ สามารถป้องกันบาดแผลจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ได้ และยังมีคุณสมบัติกันน้ำ ใช้งานง่าย เพราะเจลฟิล์มใสที่ทำขึ้นมาจาก polyurethane จะก่อตัวเคลือบบริเวณบาดแผล และด้วยส่วนประกอบ Polyurethane, Alcohol, Ethyl Acetate จึงปกป้องแผลได้โดยไม่ทำให้แสบแผล
4.   เบตาดีน เซอจิเคิล สครับ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการทำความสะอาดมืออย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไป รวมถึงเหมาะสำหรับแพทย์และพยาบาลใช้ทำความสะอาดก่อนรักษาบาดแผลให้กับผู้ป่วยอีกด้วย สามารถฆ่าเชื้อได้ทั่วไปทั้งเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส
5.   Betadine โคล์ด ดีเฟนส์ นาซอล สเปรย์ นับเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์การใช้งานในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยได้ดี สามารถใช้งานได้ทันทีที่เกิดอาการหวัด เพราะจะช่วยป้องกันปัญาจมูกแห้งที่ทำให้รู้สึกระคายเคือง พร้อมมอบความชุ่มชื้นให้กับเยื่อบุโพรงจมูกอีกด้วย
   ผลิตภัณฑ์ Betadine นับเป็นผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพที่ได้รับความเชื่อถือมาอย่างยาวนาน ซึ่งนอกจากผลิตภัณฑ์ทำแผลที่เราคุ้นเคยกันดีแล้ว ทาง watson online ยังได้จัดเตรียมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ช่วยในการทำความสะอาดและป้องกันเชื้อโรค มาพร้อม โปรโมชั่นวัตสัน ที่จะทำให้ผู้ซื้อได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีในราคาสุดคุ้ม


ชมรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.watsons.co.th/th/หมวดหมู่สินค้า/c/1?text=:productBrandCode:productBrandCode:167239&masterBrandCode=167239
https://www.watsons.co.th/th/หมวดหมู่สินค้า/c/1?text=:productBrandCode:productBrandCode:171181&masterBrandCode=171181

103
ผลิตภัณฑ์พลาสเตอร์และยาทาแผลหากเราแปะเอาไว้จะช่วยปิดแผลและสมานแผล ให้แผลแห้งไวหายเร็ว ป้องกันการติดเชื้อและกันแผลจากสิ่งสกปรก ตามไปดูกันเลยว่ามียี่ห้ออะไรบ้าง ซื้อไว้ติดตู้ยาสามัญประจำบ้าน

1.   หิมาลายา แอนตี้เซฟติก ครีม
ผลิตภัณฑ์ยาทาแผลสดที่ช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อ มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้และสารสกัดจากเมล็ดอัลมอนด์ช่วยสมานแผลและช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น
2.   เบตาดีน ออยเมนท์
ผลิตภัณฑ์ยาทาแผลสด เบตาดีน เป็นยาทาแผลสดเนื้อขี้ผึ้ง ทาแล้วเย็นสบายไม่แสบแผล พร้อมทั้งช่วยยับยั้งการติดเชื้อของแผล สามารถใช้กับแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้อีกด้วย
3.   SOS Plus พลาสเตอร์ใสปิดแผลกันน้ำ
พลาสเตอร์กันน้ำขนาดใหญ่ถึง 100 x 250 มิลลิเมตร สามารถใช้ปิดแผลขนาดใหญ่อย่างแผลผ่าตัดได้ แถมยังมีประสิทธิภาพในการกักเก็บและดูดซึมสารคัดหลัง ไม่ทำให้แผลซึม และยังช่วยป้องกันน้ำไม่ให้เข้าสู่แผล ลดการติดเชื้อ ให้แผลสมานตัวได้ไวขึ้น
4.   3M เน็กซ์แคร์ แม็กซ์โฮล พลาสเตอร์ใส ปิดแผลกันน้ำ
ผลิตภัณฑ์ พลาสเตอร์กันน้ำ ที่ช่วยปกป้องบาดแผลจากสิ่งสกปรก เชื้อโรค และแบคทีเรีย ป้องกันน้ำเข้าไม่ให้แผลอักเสบ ประสิทธิภาพปกป้องแผลได้นานถึง 48 ชั่วโมง ที่สำคัญเป็นแบบบางใส ยืดหยุ่น และทนทานไม่หลุดล่อนแม้อาบน้ำ ไม่หลุดลอกง่าย
5.   3M เน็กซ์แคร์ พลาสเตอร์กันน้ำแบบโฟม
พลาสเตอร์ปิดแผลแบบเนื้อโฟมสีเนื้อ เป็น พลาสเตอร์กันน้ำ ขนาดใหญ่ถึง 50 x 101 มิลลิเมตร ด้วยความที่เป็นเนื้อโฟมจึงอ่อนนุ่มและอ่อนโยนต่อบริเวณที่มีบาดแผล เหมาะกับการปิดแผลบริเวณที่มีการเสียดสีบ่อย ที่สำคัญยังมีประสิทธิภาพดูดซับสารคัดหลั่งจากแผลและกันน้ำได้อย่างดี
6.   Tigerplast พลาสเตอร์กันน้ำ
ผลิตภัณฑ์พลาสเตอร์ปิดแผลแบบพลาสติก สามารถกันน้ำได้ 100% มีขนาดบางพิเศษและยังให้ความแนบสนิทไปกับผิวหนังด้วยการใช้กาวอะคริลิกซึ่งมีความอ่อนโยนไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองผิว ยืดหยุ่นได้ดี สามารถขยับได้โดยไม่ตึงแผล ช่วยป้องกันการติดเชื้อของแผลได้
7.   บีแพนเธน เฟิร์สเอด ครีม
ผลิตภัณฑ์ครีมบีแพนเธน ยาทาแผลที่มีตัวยาในกลุ่ม Antiseptic มีประสิทธิภาพช่วยปกป้องการติดเชื้อบริเวณบาดแผล รวมถึงมีโปรวิตามินบี 5 ที่ช่วยบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้น พร้อมกับสมานแผลกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื้อให้แผลหายเร็ว

ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดควรมีไว้เป็นอุปกรณ์ปฐมพยาบาลพื้นฐานประจำบ้าน สามารถเข้าไปช้อปอุปกรณ์ปฐมพยาบาลมากมาย ได้ที่ วัตสันออนไลน์ พร้อมทั้งรับ โปรวัตสัน สุดคุ้มอย่างโปร วัตสันชิ้นที่ 2 1 บาท และโปรโมชั่นอื่น ๆ อีกเพียบได้เลยที่นี่

104
เข้าร้านกาแฟแล้วไม่รู้จะสั่งเมนูอะไรดี ใครที่กำลังเจอปัญหานี้โดยเฉพาะมือใหม่หัดดื่มกาแฟ ชื่อเมนูแปลก ๆ ทำให้ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสั่งอย่างไรดี วันนี้เรามี 8 เมนูกาแฟ ยอดนิยมสำหรับคอกาแฟชาวไทยมาให้คุณ พร้อมอธิบายว่าแต่ละเมนูต่างกันอย่างไร รับรองสั่งคราวหน้าไม่มีพลาด

1. Latte
เมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดทั้งแบบร้อนและสูตรชงลาเต้เย็น เพราะ เมนูลาเต้ คือกาแฟที่ดื่มง่าย เนื่องจากมีส่วนผสมของ Espresso กับนม ทำให้รสชาติมีความละมุนกลมกล่อมดื่มง่าย โดยมีฟองนมเล็กน้อยอยู่ด้านบน หากสั่งแบบร้อนและดื่มแบบไม่คนกาแฟ สัมผัสแรกที่คุณจะได้คือนมที่อยู่ด้านบน จากนั้นจะได้รับรสชาติของช็อต Espresso ที่อยู่ด้านล่าง
แต่เมื่อ Latte เปลี่ยนวิธีการชงโดยใช้นมสดเย็นใส่ลงไปในแก้วและค่อย ๆ เทช็อต Espresso ลงไป สิ่งที่คุณจะได้คือกาแฟกับนมสดที่มีรสสัมผัสสลับกันอย่างลงตัวน่าค้นหาและมีสีสันแปลกตา เราเรียกสิ่งนี้ว่า กาแฟ dirty ซึ่งเป็นเมนูที่ไม่ค่อยได้เจอ ถ้าไปเจอร้านไหนมี เราก็ขอแนะนำให้คุณลอง

2. Americano
อีกหนึ่งเมนูที่คนไทยนิยมสั่งทั้งแบบร้อนและเมนูกาแฟเย็น โดย Americano เป็นกาแฟ Espresso ที่เติมน้ำร้อนลงไป สำหรับใครที่ชอบความหวานก็สามารถเติมน้ำตาลหรือไซรัปลงไปได้ และเมื่อ Americano เปลี่ยนวิธีการชงโดยใส่น้ำร้อนลงไปก่อนและตามด้วยช็อต Espresso เราจะเรียกเมนูนี้ว่า Long black ซึ่งแม้ว่าจะดูคล้าย Americano แต่ความเข้มของรสชาติต่างกันจนเราแนะนำให้คุณต้องลองเพราะไม่ใช่ทุกร้านอีกเช่นกันที่จะมีเมนูนี้ให้บริการ

3. Macchiato
หากพูดถึง กาแฟมัคคิอาโต หลายคนอาจไม่รู้จัก แต่ความจริงแล้วเมนูนี้ในแบบพื้นฐานที่สุดคือการเติมนมในปริมาณเล็กน้อยลงบนช็อต Espresso เรียกว่า Espresso Macchiato นอกจากนี้ กาแฟมัคคิอาโต ยังมีสูตรอื่นอีกเช่น Latte Macchiato ซึ่งเป็นการเติมนมลงไปเหมือนเมนู Latte และเพิ่มชั้นฟองนมด้านบนให้มากกว่า Latte แบบปกติ นอกจากนี้ยังมีสูตรอื่น ๆ อีกมากมายโดยขึ้นอยู่กับไซรัปที่เติมลงไปด้านบน

4. Affogato
เมื่อ กาแฟ dirty คือการผสมผสานระหว่างช็อต espresso และนมสด คนที่ชอบของหวานที่มีความเข้มข้นของกาแฟก็ต้องถูกใจเมนูนี้เพราะนี่คือช็อต Espresso ที่ราดลงบนไอศกรีมวานิลลา จัดเป็นเมนูดับร้อนที่ถ้าเจอที่ไหนก็ไม่ควรพลาด

5. Flat white
เมนูนี้คล้ายกับ เมนูกาแฟลาเต้ ต่างกันเพียงแค่ไม่มีฟองนมด้านบนเพราะเป็นการผสมเพียงแค่ช็อต Espresso กับนมเท่านั้น แต่ไม่ใช่ทุกร้านที่จะมีเมนู Flat white

6. Cappuccino
อีกหนึ่งเมนูที่คนไทยนิยมสั่งทั้งสูตรแบบร้อนและสูตรชงกาแฟเย็น โดย คาปูชิโน่ คือการผสมระหว่างช็อต Espresso นมร้อนและฟองนมในอัตราส่วนที่เท่ากัน

7. Mocha
มอคค่า (Mocha) คือกาแฟที่ผสมระหว่างช็อต Espresso นมและโกโก้ในสัดส่วนที่เท่ากันทำให้เกิดรสชาติที่ลงตัว คนที่ชอบดื่มกาแฟรสหวานมักจะเลือกสั่งเมนูนี้เพราะมีความหวานได้โดยไม่ต้องเติมน้ำตาล

8. Espresso
ปิดท้ายด้วย Espresso จุดเริ่มต้นของกาแฟทุกเมนู แนะนำให้สำหรับใครที่ชอบกาแฟรสชาติเข้ม ๆ เพียงแค่สั่ง Espresso ร้อนหนึ่งหรือสองช็อตก็เพียงพอแล้วโดยไม่จำเป็นต้องเลือกเมนูอื่น

ทั้ง 8 เมนู พบได้ตามร้านกาแฟ และคุณสามารถทำเมนูเหล่านี้ได้ที่บ้าน เพียงแค่มีเครื่องชงกาแฟ แคปซูลกาแฟ รวมถึงสูตรชงจาก Nespresso ซึ่งในแต่ละเมนูเราได้แนะนำไว้ด้วยว่าเหมาะกับแคปซูลตัวไหน ช่วยให้คุณรังสรรค์กาแฟเมนูสุดโปรดได้ง่าย ๆ ในทุกวันที่ต้องการ

105
หากคุณเป็นคอกาแฟที่อยากหลีกหนี กาแฟเปรี้ยว ไม่ชอบความเปรี้ยวที่มีอยู่ในรสชาติกาแฟ ในบทความนี้ Nespresso จะพาคุณมาเจาะลึกตั้งแต่จุดกำเนิดของ สายพันธุ์กาแฟ ยอดฮิตแต่ละชนิด รวมถึงระดับการคั่วกาแฟ พร้อมทั้งบอกวิธีเลือกเมล็ดกาแฟเพื่อให้คุณได้สัมผัสกับรสชาติกาแฟดื่มง่ายไม่ให้พลาดมาฝาก
กาแฟเปรี้ยว เป็นเพราะอะไร?
สาเหตุสำคัญที่ทำให้กาแฟมีรสเปรี้ยว เป็นเพราะ “กาแฟ” เป็นผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่จึงทำให้รสชาติเดิมของเมล็ดกาแฟมีความเปรี้ยวอมหวาน ซึ่งระดับความเปรี้ยวจะแตกต่างกันไปในแต่ละสายพันธุ์ โดย สายพันธุ์กาแฟ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก แบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่
1. สายพันธุ์อาราบิก้า
รสชาติของกาแฟสายพันธุ์นี้จะให้กลิ่นหอมหวานคล้ายกับเมล็ดโกโก้แต่มีรสชาติเปรี้ยวและปริมาณคาเฟอีนน้อย
2. สายพันธุ์โรบัสต้า
รสชาติกลมกล่อมดื่มง่ายเพราะรสชาติจะไม่ค่อยเปรี้ยวเท่าใดนักและให้ปริมาณคาเฟอีนสูง
3. สายพันธุ์เอ็กซ์เซลซ่า
เป็น สายพันธุ์กาแฟ ที่ไม่ได้รับความนิยมมากนักแต่ให้รสชาติคล้ายกับกาแฟโรบัสต้าแต่ให้ความขมมากกว่า
4. สายพันธุ์ลิเบอริก้า
กาแฟสายพันธุ์นี้จะให้กลิ่นและรสสไตล์เบอร์รี่ชัดเจนจึงไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าใดนัก โดยส่วนใหญ่จะถูกนำไปผสมกับกาแฟสายพันธุ์อื่น
วิธีแก้ กาแฟเปรี้ยว ให้ดื่มง่าย
เมื่อรู้แล้วว่าควรจะเลือกเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ไหนดีที่ถูกใจ ไม่ให้พบเจอเมนูกาแฟอเมริกาโน่เปรี้ยว ๆ อีก แต่การเลือกสายพันธุ์ให้ถูกต้องเพียงอย่างเดียวไม่พอ การเลือก ระดับการคั่วกาแฟ ของกาแฟก็เป็นส่วนสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ เพราะหลายคนเข้าใจผิดทำให้เวลาเลือกกาแฟจึงเจอกับรสชาติเปรี้ยวอยู่เสมอ Nespresso ขอแนะนำระดับการคั่ว ดังนี้
4 ระดับการคั่วกาแฟ รู้สิ่งนี้ไว้! กาแฟไม่เปรี้ยว
1. คั่วอ่อน
เปรียบเสมือนการดึงเอารสชาติความเป็นฟรุตตี้ออกมาทำให้รสชาติของกาแฟคงความเปรี้ยวเอาไว้มากที่สุดในบรรดาการคั่วทั้งหมด
2. คั่วกลาง
การคั่วระดับนี้ยังคงรักษาความเปรี้ยวเอาไว้ในระดับปานกลางแต่ช่วยดึงเอาสัมผัสความเข้มข้นเพิ่มขึ้นมาเป็นระดับการคั่วที่ได้รับความนิยม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายคนไม่ชอบเปรี้ยวแต่ก็ไม่ชอบให้กาแฟขมเกินไประดับการคั่วนี้จึงตอบโจทย์ที่สุด
3. คั่วกลางเข้ม
การคั่วระดับนี้จะทำให้ความเปรี้ยวเกือบจางหายไปและช่วยให้เมล็ดกาแฟมีความหอมคาราเมลและความเป็นธัญพืชมากขึ้น
4. คั่วเข้ม
การคั่วระดับนี้จะทำให้เมล็ดกาแฟไม่หลงเหลือความเปรี้ยวเอาไว้และให้รสชาติเข้มข้นมาก
วิธีการชงกาแฟดำยังไงไม่ให้เปรี้ยวควรเริ่มต้นตั้งแต่การเลือกเมล็ดกาแฟที่เหมาะสม โดยส่วนใหญ่คอกาแฟที่ไม่ชอบ กาแฟเปรี้ยว เลยจะเลือกเป็นกาแฟโรบัสต้าและเลือก ระดับการคั่วกาแฟ ที่คั่วกลางเข้ม – คั่วเข้มเพราะจะทำให้กาแฟดื่มง่ายและได้รสชาติที่คุณต้องการ

106
การทำธุรกิจร้านกาแฟนั้นสิ่งสำคัญไม่ได้มีเพียงแค่ดีไซน์ร้านเท่านั้นที่เป็นจุดดึงดูดผู้คน แต่รสชาติคือสิ่งที่จะมัดใจให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง โดยเฉพาะการชงกาแฟให้มีคุณภาพดีนั่นเอง
สิ่งสำคัญคือเครื่องทำกาแฟ ตัวรังสรรค์รสชาติให้ออกมาได้อย่างลงตัว พร้อมกับทำให้ธุรกิจของคุณเติบโตอย่างยั่งยืน ฉะนั้นต้องใส่ใจในเรื่องของ เครื่องทํากาแฟแคปซูล และเครื่องมือหรือถ้าใครที่กำลังสนใจจะทำธุรกิจนี้อยากรู้ว่า อุปกรณ์ร้านกาแฟมีอะไรบ้าง วันนี้เรามีคำตอบ

1.   เครื่องสกัดกาแฟเอสเพรสโซ่และอุปกรณ์ชงอื่น ๆ สำหรับการชงเมนูกาแฟที่หลากหลาย อย่าง เอสเพรสโซ่ อเมริกาโน่ ลาเต้ คาปูชิโน่ และเมนูอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้กาแฟเอสเพรสโซ่ช็อตเป็นส่วนประกอบในการรังสรรค์เมนู ซึ่งเครื่องนี้จะถูกจัดไว้ในมุมของ speed bar เน้นสกัดด้วยความเร็ว รวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นต่าง ๆ ได้แก่ เครื่องทํากาแฟแคปซูล เครื่องตีฟองนม Tamper ที่เกลี่ยกาแฟ แคปซูลกาแฟ และอื่น ๆ
2.   อุปกรณ์สำหรับใช้ในมุมของ Slow Bar เป็นโซนรังสรรค์เมนูกาแฟที่ใช้เวลานาน อย่างเช่น กาแฟดริปที่จะใช้วิธีสกัดด้วยการเทน้ำผ่านผงกาแฟ ให้ค่อย ๆ หยด จากนั้นก็จะได้น้ำกาแฟแบบเข้มข้นและกลิ่นหอมที่ชัดเจน นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดของแต่ละเมนูที่หลากหลาย รวมไปถึง เครื่องตีฟองนม มุมนี้จึงเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่หน้าตาธรรมดา ๆ แต่ฟังก์ชั่นสามารถรังสรรค์เมนูรสชาติพิเศษได้เพียบ อุปกรณ์ที่ว่านั้น ได้แก่ ดริปเปอร์รูปทรงคล้ายแก้วกาแฟ กระดาษกรองตัวช่วยสำคัญดริปกาแฟ และยังมีอุปกรณ์อีกมากมายสำหรับการรังสรรค์เมนูกาแฟดริป
3.   เครื่องบดกาแฟ เป็นอุปกรณ์ที่จะทำให้ร้านของคุณได้รสชาติกาแฟระดับพรีเมี่ยม ซึ่งอุปกรณ์ชิ้นนี้มีความสำคัญไม่น้อย ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบ
-   เครื่องบดกาแฟมือหมุน ตัวช่วยนี้อาจต้องอาศัยความชำนาญและลงน้ำหนักมือสม่ำเสมอ เป็นการเสิร์ฟที่ละเมียดละไมและมีเสน่ห์ที่หาดื่มได้ยาก
-   เครื่องบดกาแฟแบบไฟฟ้า เป็นตัวช่วยทุ่นเวลาและได้ผงกาแฟที่ละเอียดสม่ำเสมอ สามารถบริการลูกค้าได้ทันใจ เพราะบดเมล็ดกาแฟคั่วได้ทีละเยอะ ๆ ในเรื่องของรสชาติดีไม่แพ้ใคร
4.   เครื่องทำน้ำแข็งตัวช่วยสำคัญให้สัมผัสความสดชื่น แม้ว่าคอคอฟฟี่บางคนค้านในใจว่ากาแฟที่แท้จริงต้องเป็นเสิร์ฟแบบร้อน แต่ด้วยยุคสมัยทำให้วีถีการดื่มนั้นเปลี่ยนไป เพราะไม่ได้ดื่มเพื่อสุขภาพเท่านั้น แต่เพื่อตอบสนองให้ร่างกายสดชื่น จึงทำให้กาแฟรังสรรค์ออกมาหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะแบบเย็นที่ได้รับความนิยมอย่างมากและถ้าสงสัยว่า อุปกรณ์ร้านกาแฟมีอะไรบ้าง นี่ก็ถือว่าร้านของคุณจะขาดไม่ได้ คือเครื่องทำน้ำแข็งและที่สำคัญน้ำแข็งยังเป็นอีกหนึ่งดีเทลที่สร้างความประทับใจในรสชาติให้แก่ลูกค้า อย่างแบรนด์กาแฟดังอย่างสตาร์บัคนิยมใช้เป็นน้ำแข็งก้อนสี่เหลี่ยม เพราะละลายช้า ทำให้ลูกค้าได้ดื่มด่ำกับกาแฟแบบเต็มอิ่ม
5.   ภาชนะและบรรจุภัณฑ์หน้าตาของร้าน พร้อมบอกถึงสไตล์ จะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสรสชาติอย่างเต็มอารมณ์ แก้วใสสำหรับใส่กาแฟแบบเย็นและปั่น แบบร้อนเป็นแก้วกระดาษฝาแบบยกดื่มและใส่หลอดได้ หากร้านของคุณมีคอนเซ็ปต์ลดโลกร้อน เลือกใช้วัสดุที่ย่อยสลายง่ายหรือทำจากวัสดุธรรมชาติ บรรจุภัณฑ์เหล่านี้ก็เพิ่มมูลค่าและสร้างอรรถรสในการดื่มได้ดีเยี่ยม

วันนี้คุณคงได้รู้แล้วว่า อุปกรณ์ขายกาแฟมีอะไรบ้าง ซึ่งยังไม่หมดเท่านี้ ยังมีอีกหลายรายการที่คุณต้องซื้อเข้าร้าน เราเพียงแต่ยกตัวอย่างมาบางส่วนเท่านั้น เพื่อให้คุณได้มีความรู้เบื้องต้นและเข้าใจถึงความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ว่ามีผลต่อการสร้างสรรค์เมนูกาแฟมากเพียงใด

107
   กาแฟถ้วยโปรดของคุณต้องมีคุณสมบัติอย่างไร รสชาติดี อร่อย มีความหอม ความนุ่ม มีเอกลักษณ์และดีไซน์ที่เฉพาะตัวใช่หรือไม่ ถ้าคุณกำลังตามหารสชาติกาแฟที่ดี อร่อยจนวางไม่ลงอยู่ล่ะก็ลองมาดู สูตรกาแฟ จาก Nespresso เมนูเด็ดอย่าง มัคคิอาโต้ และ คาปูชิโน่ ที่นี่ จะมีสูตรเป็นอย่างไรบ้างนั้นตามไปดูกันได้เลย
   เมนูกาแฟ มัคคิอาโต้ ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูยอดนิยมของทุกวัย โดยเราขอนำเสนอสูตรชงกาแฟ COCOA MACCHIATO ที่จะทำให้คุณได้รสสัมผัสของกาแฟตัวดังและ Cailler ช็อกโกแลตจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว ส่วนประกอบมี กาแฟแคปซูล Intenso หรือ Espresso ช็อกโกแลต Cailler ปริมาณ 3 กรัมและนมสดปริมาณ 50 มิลลิลิตร วิธีทำเมนูนี้ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เพียงผสมช็อกโกแลตและฟองนมที่ทำจากนมสดที่เราเตรียมไว้ให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงกดชงกาแฟด้วย แคปซูลกาแฟ จาก Nespresso ที่เตรียมไว้ เป็นกาแฟแบบเอสเพรซโซให้ได้ปริมาณ 40 มิลลิลิตร ในขั้นตอนนี้เราสามารถกดเลือกเมนูชงกาแฟอัตโนมัติจาก เครื่องชงกาแฟ เอสเพรซโซ่ เมื่อเสร็จแล้วเทลงไปผสมเข้าด้วยกัน ตกแต่งด้วยฟองนมที่บริเวณด้านบนแก้วกาแฟ
ปิดท้ายกันด้วยสูตรกาแฟสดเมนู คาปูชิโน่ ยอดนิยมอย่าง ALMOND ORGEAT CAPPUCCINO เมนูสุดฟินที่มีแรงบันดาลใจจากเกาะซิซิลี ที่จะทำให้คุณได้กลิ่นอายของทุ่งไร่อัลมอนด์แห่งเมืองอราโกนาไปเต็ม ๆ โดยเมนูนี้มีส่วนผสมที่สำคัญดังต่อไปนี้ กาแฟแคปซูล Livanto น้ำเชื่อมรสอัลมอนด์หรือน้ำข้าวบาร์เล่ย์อัลมอนด์ นมสด 130 มิลลิลิตร สารสกัดจากอัลมอนด์ขม ¼ ของช้อนชา ผงโกโก้ปริมาณตามต้องการและ บิสกิตสอดไส้เหล้าอัลมอนด์ เริ่มต้นการทำโดยเตรียมกาแฟเอสเพรซโซ่จำนวน 80 มิลลิลิตร จาก แคปซูลกาแฟ จำนวน 2 แคปซูล โดยใส่แคปซูลกาแฟลงใน เครื่องทํากาแฟแคปซูล จาก Nespresso ซึ่งสามารถเลือกเป็นรุ่น Lattissima Touch White ที่สามารถทำเมนูกาแฟได้เนื้อเนียนในระยะเวลาอันรวดเร็ว แล้วจึงนำนมสดที่เตรียมไว้ผสมกับสารสกัดจากอัลมอนด์ กดตีฟองนมด้วยเครื่องทำฟองนมผสมลงไปในแก้วกาแฟ แล้วนำส่วนผสมต่าง ๆ เติมลงไปคนเข้าด้วยกันเป็นอันเรียบร้อย เสิร์ฟรับประทานพร้อมกับคุกกี้ บอกเลยว่าเข้ากันสุด ๆ
   แต่ละ สูตรชงกาแฟ และเครื่องชงกาแฟ ข้างต้น มีความโดดเด่นและความแตกต่างอย่างชัดเจน เชื่อได้ว่าคอกาแฟนมที่ชอบกาแฟแบบนุ่ม ๆ เนื้อละมุน ละเอียด แบบใส่ใจทุกขั้นตอนต้องถูกใจอย่างแน่นอน

108
   เทรนด์ชงกาแฟแบบใหม่ในช่วงนี้นิยมผสมผสานความหวานสดชื่นของผลไม้เข้ากับความขมเข้มของ กาแฟ อย่างเมนูกาแฟดำอย่าง americano มาผสมเข้ากับน้ำและเนื้อผลไม้ต่าง ๆ เช่น ส้ม เสาวรส มะยงชิด ฯลฯ รสชาติผลไม้จะช่วยดรอปความขมในกาแฟและยังเป็นตัวช่วยเพิ่มความกลมกล่อมปลุกความสดชื่นขึ้นอีกด้วย วันนี้เรามาดูวิธีทำเมนูนี้ไปพร้อม ๆ กัน
   กาแฟดำผสมผลไม้ส่วนใหญ่จะดื่มแบบเย็นเหมาะที่จะใช้ ระดับการคั่วกาแฟ ของ Nespresso แบบคั่วเข้ม มาชงเป็นที่สุด เพราะเสน่ห์ของกาแฟแบบคั่วเข้มนั้นอยู่ตรงที่กลิ่นหอมไหม้ชัดเจน กาแฟมีความมัน แถมยังมีความเข้มข้นของเนื้อสัมผัสกาแฟ มีรสชาติขมเพราะผ่านกรรมวิธีในการคั่วด้วยไฟอ่อน ๆ เป็นเวลานาน จนเมล็ดกาแฟไหม้เป็นสีน้ำตาลเข้มหรือเกิด second  crack จึงมีคนนำมาผสมกับน้ำผลไม้ชงเป็นสูตรอเมริกาโน่ ของ Nespresso ก็จะช่วยลดความขมนั้นลง และยังได้ความหวานอมเปรี้ยวของผลไม้มาตัดรสอีกด้วย ทำให้รสชาติของกาแฟยังคงความเป็นเอกลักษณ์หอมไหม้และขมน้อย ๆ  หากแต่ยังมีความเปรี้ยวหวานของผลไม้มาลดความขมนั้นลงอย่างลงตัว ช่วยให้สดชื่น ตื่นตัวและกระปรี้กระเปร่าได้ในคราวเดียวกัน
   แต่กาแฟประเภทอื่น ๆ อย่าง กาแฟคั่วอ่อน และคั่วกลาง จะเหมาะกับนำไปทำเป็นเมนูอื่น ๆ มากกว่า โดยกาแฟคั่วอ่อนนั้นผ่านการคั่วในระยะเวลาสั้น ๆ กาแฟยังคงรสชาติของผลไม้ไว้อยู่ เรียกได้ว่าเข้มข้นน้อยมาก ๆ แทบจะไม่มีรสขมใด ๆ เลยแถมชงแล้วไม่มีความหอมกลิ่นไหม้เลย จึงไม่เหมาะกับการนำไปชงเป็นกาแฟเย็น เพราะจะยิ่งทำให้กาแฟเจือจางมาก ๆ จนไม่รับรู้ได้ถึงความเป็นกาแฟ ยิ่งนำมาผสมน้ำผลไม้ด้วยแล้ว รสชาติออกมาเปรี้ยวโดดกลายเป็นแค่น้ำผลไม้ไม่ใช่ กาแฟ กันพอดี กาแฟคั่วอ่อน จึงเหมาะกับการชงดื่มแบบกาแฟร้อนเพียว ๆ มากกว่า
   ส่วน กาแฟคั่วกลาง นั้นเหมาะกับการชงกาแฟผสมนมมากกว่าผลไม้ เพราะยังคงมีความเปรี้ยวอ่อน ๆ ซ่อนอยู่เล็กน้อย เนื่องจากผ่านการคั่วให้เกิดเพียง First crack หรือการแตกตัวครั้งแรกของเมล็ดกาแฟ  อีกทั้งเนื้อสัมผัสของกาแฟไปกันได้ดีกับนมมากกว่า เมื่อนำ ถ้วยกาแฟ ของ Nespresso แบบคั่วกลาง ชงผสมนมจะให้ความหอมหวานมันลงตัวกว่าผลไม้
   ความแตกต่างของกาแฟ แต่ละแบบก็ล้วนส่งผลต่อรสชาติที่ต่างกัน ถ้าอยากจะชงกาแฟผสมผลไม้นั้นแนะนำ กาแฟคั่วเข้ม จะให้รสชาติที่กลมกล่อมลงตัวไปกันได้ดีกับผลไม้และยังคงความเป็นกลิ่นอายของกาแฟสด

109
เครื่องดื่มรสเข้มข้นอย่างกาแฟ มีหลากหลายเมนูรสชาติให้เลือกตามความชอบ แต่หนึ่งในกาแฟยอดฮิตที่หลายคนตกหลุมรัก น่าจะต้องมีชื่อของ กาแฟ cappuccino ของ Nespresso อยู่ในนั้นด้วย เพราะทั้งความเข้มและความละมุนผสมผสานกันในแก้วเดียว วันนี้เลยมีสูตรชง คาปูชิโน่ หลากหลายรูปแบบมาให้ลองทำกัน
1. สูตร คาปูชิโน่ร้อน เริ่มด้วยแบบร้อน รสชาติละมุนที่จะมาแก้ง่วงในช่วงบ่ายได้ดีเลยทีเดียว
ส่วนผสม
- กาแฟดำ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำร้อน 2 ช้อนโต๊ะ
- นมไขมันต่ำ 190 มล.
- ผงซินนาม่อน หรือ ผงโกโก้
วิธีทำ
1. ชงกาแฟกับน้ำร้อน คนให้เข้ากัน
2. เทกาแฟใส่แก้ว ตามด้วยนมอุ่น
3. ตีฟองนมในแก้ว ให้ฟองขึ้นหนา
4. จากนั้นนำฟองนมเทราดลงไปในแก้วกาแฟ
ผงซินนาม่อน หรือผงโกโก้ ก็จะได้ คาปูชิโน่ร้อน  รสนุ่มละมุนลิ้นไว้ดื่ม

2. สูตรคาปูชิโน่พิตาชิโอ เสิร์ฟต่อด้วย คาปูชิโน่ ที่เพิ่มลูกเล่นความหอมมันด้วยถั่วพิตาชิโอ
ส่วนผสม
- กาแฟดำ 2 ช้อนชา
- นมพิตาชิโอร้อน 150 มล.
- ทีรามิสุไซรับ 10 มล.
- ฟองนมพิตาชิโอ 3 ช้อนโต๊ะ
- พิตาชิโอบด 3 ช้อนชา
วิธีทำ
1. เทนมพิตาชิโอใส่แก้ว แล้วตีฟองให้หนานุ่ม พักไว้ก่อน
2. ผสมกาแฟกับนมพิตาชิโอร้อนให้เข้ากัน เต็มทีรามิสุไซรับตามที่ต้องการ
3. ตักฟองนมพิตาชิโอที่ตีไว้ นำมาราดลงในแก้วกาแฟ
4. โรยหน้าด้วยถั่วพิตาชิโอบด พร้อมดื่ม

3. สูตรคาปูชิโน่เย็น  เมนูที่ 3 เสิร์ฟแบบเย็นให้คลายหายร้อนกันบ้าง
ส่วนผสม
- กาแฟเอสเพรโซ่ช็อต 70 มล.
- นมข้นจืด 30 มล.
- น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา
- นมจืดสำหรับชง 100 มล.
- นมจืดสำหรับตีฟอง 200 มล.
- ผงซินนาม่อน หรือ ผงโกโก้
- น้ำแข็ง
วิธีทำ
1. เตรียมเอสแพรสโซ่ช็อตใส่แก้ว เติมน้ำตาลลงไป
2. ใส่นมข้นจืด และนมจืดตามลงไป คนให้เข้ากัน
3. เตรียมฟองนมด้วย เครื่องตีฟองนม ของ Nespresso เพื่อความรวดเร็ว
4. ตักน้ำแข็งใส่แก้ว เทส่วนผสมกาแฟที่ชงไว้แล้วตามลงไป
5. ราดหน้าด้วยฟองนม
6. โรยหน้าด้วยผงซินนาม่อน หรือ ผงโกโก้ เพียงเท่านี้ก็จะได้ สูตรคาปูชิโน่เย็น รสชาติกลมกล่อม

กาแฟคาปูชิโน่ 3 สไตล์ เพิ่มลูกเล่นให้คาปูชิโน่แก้วโปรดของหลายๆ คน ให้มีสีสันมากขึ้น ทำง่ายทำเองก็ได้ที่บ้านแบบไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์มากมายให้ยุ่งยาก สะดวกสบายและอร่อยเองได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องง้อร้านกาแฟเลยล่ะ

110
ในปัจจุบันการชงกาแฟสดดื่มเองที่บ้านหรือออฟฟิศกลายเป็นเรื่องไม่ยุ่งยากเหมือนสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องชงกาแฟที่มีให้เลือกมากมายหลายราคา ผลิตภัณฑ์กาแฟที่มีให้เลือกมากมายทั้งแบบเมล็ดที่ต้องบดเองและกาแฟแคปซูลที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ซึ่งสำหรับหลายคนที่ชอบความหลากหลายแปลกใหม่ต้องมีเมนูพลิกแพลง หนึ่งในนั้นคือ กาแฟคาปูชิโน่ (Cappuccino) ทั้งแบบร้อนและเย็น เพราะเป็นเมนูที่หลายคนนิยมสั่ง ซึ่งในวันนี้เรามี สูตรคาปูชิโน่เย็น มาให้ถึง 4 สูตรครับ

ก่อนจะไปถึงสูตร Cappuccino จำเป็นต้องรู้ว่า คาปูชิโน่ ต่างกับลาเต้อย่างไร โดยความแตกต่างสำคัญอยู่ที่ลาเต้มีส่วนประกอบเป็นนมร้อนมากกว่าช็อต Espresso ในขณะที่ Cappuccino มีสัดส่วนระหว่างช็อตเอสเพรสโซ นมร้อนและฟองนมในอัตราส่วนเท่ากันคือ 1 ใน 3 ทำให้เมื่อเทียบกันแล้วลาเต้มีรสชาติอ่อนกว่า และทั้งสองเมนูต่างจากมัคคิอาโตตรงที่มัคคิอาโตจะเพิ่มชั้นฟองนมให้มากกว่าลาเต้และมีไซรับเพิ่มด้านบนซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ของเมนูนี้ เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เราไปดู 4 สูตรคาปูชิโน่เย็น กันดีกว่า
1. Classic Capuccino
เริ่มต้นด้วยเมนูแบบคลาสสิก ทำได้โดยการเตรียม espresso 1 ช็อตจากแคปซูล Nespresso ที่ชอบใส่ลงในแก้ว จากนั้นเติมนมที่ได้จากเครื่องตีฟองนมลงไป (หรือเลือกฟังก์ชัน Capuccino จากรุ่นที่ทำกาแฟเมนูนี้ได้แบบอัตโนมัติ) ปิดท้ายด้วยการเติมน้ำตาลตามชอบ เพียงเท่านี้ก็จะได้ Capuccino ร้อนแบบคลาสสิก หากจะทำแบบเย็นก็เพียงแค่เพิ่มน้ำแข็ง โดยใส่น้ำแข็งลงในแก้วก่อน จากนั้นเติมช็อต Espresso ที่เพิ่มปริมาณเป็นสองเท่า และปิดท้ายด้วยการเติมนมสดและฟองนมลงไป
2. Vanilla Iced Cappuccino
เริ่มด้วยการใส่น้ำแข็งลงในแก้ว จากนั้นเตรียมช็อต Espresso เช่นเดียวกับเมนูคลาสสิก ตามด้วยการเพิ่มไซรับวานิลลาหนึ่งช็อตลงไปบนช็อตเอสเพรสโซ ปิดท้ายด้วยการเทฟองนมเย็นตามลงไปเพื่อให้กลิ่นวานิลลาผสมกับฟองนมอย่างลงตัว
3. Caramel Iced Cappuccino
เตรียมช็อตเอสเพรสโซเช่นเดียวกับสูตรก่อนหน้านี้ จากนั้นผสมคาราเมลไซรับเข้ากับกาแฟที่เตรียมไว้ เทลงในแก้วและปิดท้ายด้วยฟองนม
4. Mocha Iced Cappuccino
การชง คาปูชิโน่ เมนูนี้ต่างจากสูตรก่อนหน้าเพียงแค่เปลี่ยนจากไซรับคาราเมลมาเป็นไซรับช็อกโกแลตหรือผงโกโก้ ผสมให้เข้ากับช็อตเอสเพรสโซ จากนั้นเทลงในแก้วที่มีน้ำแข็งและปิดท้ายด้วยฟองนม
นี่คือ 4 สูตร กาแฟคาปูชิโน่ ในวันนี้ มีตั้งแต่แบบคลาสสิกและแบบที่เติมไซรับเพื่อเพิ่มรสชาติ ซึ่งคุณยังสามารถพลิกแพลงสูตรเหล่านี้ได้อย่างหลากหลาย เช่นหากใช้น้ำมะพร้าว ก็จะได้ Coconut Iced Cappuccino หรือหากเลือกใช้ไซรับเฮเซลนัท ก็จะได้เมนู Hazelnut Iced Cappuccino เมนูทั้งหมดนี้จะชงดื่มเองหรือทำขายก็ถือว่าเหมาะ เหลือเพียงแค่เลือกแคปซูล Nespresso ที่ชอบและเครื่องชงที่เหมาะกับการใช้งานของคุณเท่านั้น

111
การเลือกถุงยางอนามัยก่อนจะมีเพศสัมพันธ์มีหลายข้อทีต้องคำนึง ไม่ว่าจะสวมใส่สบาย ใช้งานได้สะดวก มีความยืดหยุ่น ไม่ขาดง่าย สามารถช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และช่วยคุมกำเนิดไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ดังนั้นตามไปดู 7 ถุงยางอนามัย แห่งปี 2022 ตอบโจทย์การใส่สบาย มีความยืดหยุ่น และช่วยชะลอการหลั่งได้ ส่วนจะมีผลิตภัณฑ์ตัวไหนบ้างนั้นตามไปดูกัน

1.   ถุงยางอนามัย วันทัช สวีท โรแมนซ์ ถุงยางอนามัยแบบบาง 0.03 - 0.038 มิลลิเมตร ขนาด 52 มิลลิเมตร ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ ยืดหยุ่นได้ดี มีผิวเรียบ ไม่ขาดง่าย และยังได้ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่มีรอยรั่ว มาพร้อมกลิ่นหอมวานิลลา-แคนดี้ พิเศษด้วยเพิ่มสารหล่อลื่นมากถึง 550 มิลลิลิตร ช่วยให้ทุกท่วงท่าลื่นไหลไม่มีสะดุด มีบรรจุภัณฑ์สวยงามมาในรูปแบบกระป๋องบรรจุ 12 ชิ้น
2.   โอกาโมโต ซีโร่ ซีโร่ ทรี ถุงยางอนามัยรุ่นขายดีของทางแบรนด์  ด้วยเป็น ถุงยาง 52 มิลลิเมตร ที่มีความบางเพียง 0.03 - 0.038 มิลลิเมตร จึงช่วยให้ทุกการสัมผัสชัดเจนเหมือนไม่มีอะไรมาขวางกั้น เป็นถุงยางที่ถูกผลิตมาจากยางธรรมชาติ ผิวเรียบ ไม่เจือสี ไม่มีกลิ่น มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้สามารถทำกิจกรรมรักได้อย่างมีความสุขยิ่งขึ้น
3.   ถุงยางอนามัยดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ ถุงยางอนามัยขนาดใหญ่ 56 มิลลิเมตร ผลิตจากน้ำยางธรรมชาติเคลือบด้วยสารหล่อลื่น โดดเด่นด้วยมีลักษณะผิวไม่เรียบ มีทั้งแบบขีดและมีปุ่มผสมเพื่อช่วยเพิ่มสัมผัสที่หลากหลาย และยังมีคุณสมบัติในการช่วยลดความไวต่อความรู้สึกในการสัมผัสขณะสอดใส่ เนื่องจากภายในถุงยางนั้นประกอบไปด้วยสารเบนโซเคน 5% จึงช่วยเพิ่มเวลาแห่งความสุขได้นานยิ่งขึ้น
4.   วันทัช สตรอเบอรี่ ถุงยางอนามัยชนิดผิวเรียบ ขนาด 52 มิลลิเมตร ที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมของสตรอว์เบอร์รี ช่วยให้มีบรรยากาศหอมสดชื่นในระหว่างการทำกิจกรรมรัก เป็นถุงยางอนามัยที่ผลิตจากยางธรรมชาติเคลือบด้วยสารหล่อลื่นในปริมาณที่พอเหมาะ และเป็น ถุงยาง ที่มีกระบวนการผลิตได้มาตรฐานผ่านการรับรองจาก ISO 4047:2014
5.   วันทัช แม็กซ์ ถุงยางอนามัยขนาด 52 มิลลิเมตร แบบมีปุ่มและมีขีด เหมาะสำหรับคู่รักที่ต้องการเปิดประสบการณ์ใหม่ในการมีเพศสัมพันธ์ เติมสีสันให้ค่ำคืนรักไม่น่าเบื่อ มีลูกเล่นที่ช่วยเพิ่มความเร้าใจ เป็นถุงยางที่ผลิตตามมาตรฐาน ISO 4074:2014 ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่น ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดรั่วระหว่างมีเพศสัมพันธ์
6.   ถุงยางอนามัยดูเร็กซ์ เฟเธอร์ไลท์ อัลติมา ถุงยางอนามัยขนาด 52 มิลลิเมตร ที่มีความบางพิเศษ ให้ความเบาสบายเมื่อสวมใส่และใช้งาน ตัวถุงยางผลิตจากน้ำยางธรรมชาติ มีความยืดหยุ่นสูง ที่ผิวของถุงยางมีการเคลือบสารหล่อลื่นในปริมาณที่เหมาะสม เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ช่วยให้รู้สึกได้ถึงความแนบชิดเหมือนไม่มีอะไรมาขวางกั้น
7.   โอกาโมโต ซีโร่ ซีโร่ ทรี คูล ถุงยางอนามัยที่ช่วยในการชะลอการหลั่งได้ดี มีเจลหล่อลื่นในลักษณะน้ำ ตัวถุงยางเป็นแบบผิวเรียบ ขนาด 52 มิลลิเมตร มาพร้อมกับกลิ่นเมนทอลให้ความหอม เย็น สดชื่น ตัวถุงยางอนามัยมีความบางเพียง 0.3 มิลลิเมตร มีความยืดหยุ่นสูง ไม่มีการเจือสี ผลิตจากยางธรรมชาติ เหมาะสำหรับใครที่อยากร่วมกิจกรรมรักได้นานขึ้นกว่าที่เคย

สำหรับใครที่กำลังมองหาถุงยางอนามัยที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ใส่สบาย มีความยืดหยุ่นสูง และช่วยชะลอการหลั่งได้ สามารถเข้าไปเลือกซื้อ durex intense ได้ที่ วัตสันออนไลน์ พร้อมทั้งยังได้เลือกรับโปรสุดคุ้มที่ทางวัตสันได้จัดมาเพื่อสมนาคุณให้กับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นโปรลดราคาพิเศษ โปรวัตสัน 1 แถม 1 ล่าสุด ได้เพิ่มโปรซื้อ ชิ้นที่ 2 1 บาท และโปรอื่น ๆ อีกมากมาย

112
ใช้ร่างกายและสมองหนักจนเหนื่อยล้า มักจะส่งผลให้ร่างกายเสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร การมองหาตัวช่วยอย่าง อาหารเสริม จึงเป็นทางออกที่ช่วยตอบโจทย์ให้กับคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี แล้วจะบำรุงร่างกายด้วยอาหารเสริมแบบไหน เพื่อเป็นทางเลือกให้สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกอาหารเสริมยี่ห้อไหนดีกัน

1.   เนสท์เล่ เฮลท์ ไซเอนซ์ บูสท์ แคร์ อาหารเสริมทางการแพทย์ รสวานิลลา เป็นอาหารเสริมที่มีสารอาหารสำคัญหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเวย์โปรตีน ไขมัน MUFA ใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ โดยมีดัชนีน้ำตาลหรือ Glycemic Index = GI อยู่ที่ 28 ผลิตภัณฑ์นี้เหมาะสำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการเสริมสร้างให้ร่างกายมีความแข็งแรงมากขึ้น วิธีรับประทานเพียงนำเนสท์เล่ เฮลท์ ไซเอนซ์ บูสท์ แคร์ ปริมาณ 7 ช้อน มาชงกับน้ำปริมาณ 210 มิลลิลิตร โดยชงดื่มวันละ 1 – 2 ครั้งต่อวัน สามารถนำไปผสมกับเครื่องดื่มได้หลากหลายชนิด เช่น กาแฟ ชา น้ำผลไม้ เป็นต้น
2.   แบลคมอร์ส มัลติวิตามิน นิวทริ 50+ เป็นอาหารเสริมที่รวบรวมวิตามินและสารสำคัญที่ได้จากการสกัดสมุนไพรนานาชนิด อาทิ เห็ดหลินจือ ใบแปะก๊วย โสม และแอสทรากาลัส  มีสรรพคุณช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดอาการอ่อนเพลีย ช่วยให้การมองเห็นเป็นปกติ และช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยให้รับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมอาหารเป็นประจำ
3.   คิมเบอร์ไลท์ 5 โปรตีน แอนด์ วิตามิน เป็นผลิตภัณฑ์ อาหารเสริมลดน้ำหนัก ที่มีโปรตีนสูงถึง 14 กรัม ซึ่งได้มาจากการสกัดไข่ขาว นม ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง และยังมีวิตามินมากถึง 9 ชนิด ที่มาในรูปแบบของผงบรรจุในซอง มีสรรพคุณช่วยให้อิ่ม อยู่ท้อง ไม่หิวง่าย ส่งผลให้ร่างกายกระชับขึ้น ไม่ทำให้โทรม และยังคงความสดชื่นได้ดังเดิม  รับประทานเพียงวันละ 1 ซอง โดยละลายกับน้ำในปริมาณ 200 มิลลิลิตร
4.   ไฮบาลานซ์ สารสกัดจากตรีผลา เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีสารสำคัญจากสมอไทย มะขามป้อม และสมอพิเภก มีสรรพคุณในการช่วยปรับสมดุลของธาตุดิน น้ำ ลม ไฟในร่างกาย พร้อมให้การบำรุงสุขภาพไปในตัว ส่งผลให้การทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายเป็นปกติ สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ขึ้น รับประทานเพียงวันละ 1 แคปซูล
5.   วิสทร้า อะเซโรลา เชอร์รี่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดมาจาก a cerola cherry ซึ่งมีวิตามินซีสูง ผสานเข้ากับสารสกัดจากทับทิม เมล็ดองุ่น เบต้าแคไรทีน และไลโคปีน มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย  พร้อมกับช่วยดูแลผิวด้วยการกระตุ้นการทำงานของคอลลาเจนให้ดีขึ้น โดยให้รับประทานพร้อมอาหารวันละ 1 เม็ด

ทั้ง 5 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ข้างต้นล้วนแล้วแต่เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ มีความปลอดภัยต่อร่างกาย สามารถที่จะรับประทานเพื่อเสริมสร้างให้ร่างกายของเรามีความแข็งแรงมากขึ้นได้ เหมาะกับผู้ที่ต้องการตัวช่วยเสริมในการดูแลสุขภาพ ซึ่งสามารถเข้าไปเลือกซื้อหากันได้ทางวัตสันออนไลน์ นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากแบรนด์ดังให้เลือกมากมายแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์บำรุงดูแลผิว ผม และร่างกายให้เลือกซื้อเลือกช้อปกันอีกหลากหลายรายการ และยังมาพร้อมกับ โปรโมชั่นวัตสัน  สุดคุ้ม ไม่ว่าจะเป็นโปร วัตสัน 1 แถม 1 โปรซื้อชิ้นที่ 2 1 บาท โปรซื้อคละ 3 ชิ้น ราคาเดียว หรือโปรลดราคา หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปดูได้ที่ https://www.watsons.co.th/

ชมเพิ่มที่
https://www.watsons.co.th/th/เมก้า-วี-แคร์-น้ำมันดอกอีฟนิ่งพริมโรส-30-แคปซูล/p/BP_265036
https://www.watsons.co.th/th/วิสทร้า-อะเซโรลา-เชอร์รี-vistra-acerola-cherry-45-เม็ด/p/BP_212925
https://www.watsons.co.th/th/สวิสเซ-เกรปซีด-สารสกัดจากเมล็ดองุ่น-60-เม็ด-ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร/p/BP_305798

113
   แม้ว่าสถานการณ์ของโรค COVID-19 ในปัจจุบันจะค่อย ๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ก็ยังได้ข่าวอยู่ทุกวันว่ายังคงมีคนติดเชื้ออย่างต่อเนื่องแม้จะไม่รุนแรงเท่าปีที่ผ่าน ๆ มา ทว่าใครจะไปรู้ว่าเราจะเจอแจ็กพอตถูกแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัวเข้าวันไหน ดังนั้น แมสปิดปาก จึงยังคงมีความสำคัญกับทุกคนที่จะใช้เพื่อป้องกันตัวเองจากการถูกแพร่เชื้อ และกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่เหมือนอดีต แต่หลายคนไม่ชอบสวมเพราะหายใจไม่สะดวก จนต้องพึ่ง ยาดม pastel วันนี้จึงขอมาแนะนำ หน้ากากอนามัย ใส่สบาย

1.   CURESYS เคียวร์ซิส หน้ากากอนามัย ทางการแพทย์ 3 ชั้น - ขนาด 50 ชิ้น ราคา 139 บาท
เคียวร์ซิสเป็น หน้ากาก ทางการแพทย์ทรง 3D ที่ประกอบไปด้วยแผ่นกรอง 3 ชั้น ที่มีคุณสมบัติกรองได้ทั้งไวรัส แบคทีเรีย ฝุ่น PM2.5 ไปจนถึงละอองน้ำลายและสารคัดหลั่งที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการติดเชื้อได้ เคียวร์ซิสสวมใส่แล้วกระชับรับกับใบหน้า ไม่ทำให้อึดอัด หายใจได้ปกติ สายคล้องยังนุ่มไม่ทำให้เจ็บหู สามารถสวมใส่เพื่อทำกิจกรรมได้ทั้งวัน
2.   3M NEXCARE หน้ากากกรองอนุภาค 3M รุ่นใส่สบาย KF94 - ราคา 42 บาท
หน้ากากอนามัย 3m เป็น หน้ากาก ที่ผ่านการรับรองคุณภาพจากประเทศเกาหลี ที่ได้ชื่อว่าสามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการช่วยกรองเชื้อโรค เชื้อไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ติดเชื้อ COVID-19 ได้ หน้ากาก kf94 สวมใส่สบาย สายคล้องนุ่มหูจึงสวมได้ทั้งวันโดยไม่เจ็บหู
3.   MEDIMASK เมดิมาร์ค หน้ากากอนามัย 3 ชั้น แบบห่วง - ขนาด 50 ชิ้น ราคา 125 บาท
medimask เป็นหน้ากากอนามัย 3 ชั้น มีหูห่วงที่สวมใส่ได้สบายไม่ทำให้เจ็บหู ไม่อึดอัด ใส่แล้วหายใจได้สะดวก กระชับรับกับใบหน้า เป็นหน้ากากที่มีคุณสมบัติในการกรองเชื้อแบคทีเรียและป้องกันผู้ใช้จากการถูกแพร่เชื้อโรคได้เป็นอย่างดี
4.   UNICHARM ยูนิชาร์ม ทรีดี มาสก์ หน้ากากอนามัยสำหรับผู้ใหญ่ - ขนาด 30 ชิ้น ราคา 419 บาท
ยูนิชาร์มเป็น แมสปิดปาก สำหรับผู้ใหญ่รูปทรง 3 มิติ สวมใส่แล้วกระชับใบหน้า มีพื้นที่ระหว่างหน้ากากกับริมฝีปากทำให้สามารถใส่หน้ากากพูดคุยได้สะดวกเหมือนปกติ ยูนิชาร์มผลิตด้วยฟิลเตอร์ 3 ชั้น มีคุณสมบัติระบายอากาศได้ดีและกรองละอองขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งป้องกันผู้ใช้จากเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้ด้วย
5.   IRIS OHYAMA หน้ากากอนามัย ไอริสโอยามะ - ขนาด 30 ชิ้น ราคา 85 บาท
ไอริสโอยามะเป็นหน้ากากรูปทรง V-Cut ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันฝุ่น PM2.5 ละอองเกสรดอกไม้และเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลิตด้วยแผ่นกรอง 3 ชั้นแบบจีบ ใส่แล้วแนบสนิทกับใบหน้า สายคล้องหูมีเนื้อนุ่มใส่แล้วไม่ทำให้เจ็บหู

ในสถานการณ์ที่ต้องป้องกันตัวเองจากโรค COVID-19 อย่างเคร่งครัด ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยสามารถช่วยให้ปลอดภัย รวมทั้งยังช่วยป้องกันจากฝุ่น PM2.5 ได้อีกด้วย ที่สำคัญสามารถหาซื้อได้ง่ายทาง วัตสันออนไลน์ ที่มาพร้อมกับ โปรวัตสัน ยาดมพาสเทล สุดคุ้มมากมาย ดังนั้นยิ่งไม่ควรพลาดที่จะหาซื้อติดบ้านเพื่อความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว

114
ผิวสะอาดเนียนใส แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่มีประสิทธิภาพและมีสรรพคุณในการช่วยบำรุงผิวเพิ่มเติมด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปพบกับ 5  ครีมอาบน้ำ ช่วยให้ผิวสะอาดและเนียนใสได้ ซึ่งเป็นไอเทมยอดฮิตของบรรดาสาว ๆ ส่วนจะมีผลิตภัณฑ์ตัวไหนน่าสนใจและน่าใช้บ้างนั้นตามไปดูกัน

1.   ครีมอาบน้ำ วาสลีน เฮลธี้ พลัส บอดี้ วอช เฮลธี้ ไบร์ท ครีมอาบน้ำที่ผสานสารบำรุงผิวจากโลชั่นของวาสลีน ส่งผลให้นอกจากมีคุณสมบัติทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจดแล้วยังช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ลดการสูญเสียสารสำคัญในผิว ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ
2.   บีไนซ์ ชาวเวอร์ เจล พีช เลิฟ พีโอนี่ เจลอาบน้ำ benice โฉมใหม่ที่มาพร้อมกับสารบำรุงผิวหลากหลายชนิด ทั้งคอลลาเจนเปปไทด์และสารสกัดจากดอกพีโอนีที่ช่วยในการบำรุงผิวให้มีความนุ่มชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ คืนความกระจ่างใสให้แก่ผิว และยังช่วยให้ผิวหอมยาวนานตลอดทั้งวัน
3.   เดทตอล เจลอาบน้ำ แอนตี้แบคทีเรีย รีเพลนนิชชิ่ง ตัวช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างหมดจด และช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง ผสานเข้ากับส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์จึงช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นไม่แห้งตึง นอกจากนี้ ครีมอาบน้ำเดทตอล ยังมีกลิ่นหอมของดอกซากุระให้ความสดชื่นหลังการอาบน้ำ และยังมาพร้อมคุณสมบัติระงับกลิ่นกายได้ยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง
4.   โยเบล มอยเจอร์ ลัช มิลกี้ วิป บอดี้ วอช เป็นครีมอาบน้ำเนื้อวิปนุ่ม มาพร้อมกับความหอมที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ บรรจุมาในบรรจุภัณฑ์ที่มีสีสันสดใสน่าใช้ และนอกจากจะมีสรรพคุณช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างอ่อนโยนแล้ว ยังช่วยเติมความชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้านให้กับผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม สุขภาพดี และแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น
5.   อาวีโน่ เดลี่ มอยส์เจอร์ไรซิ่ง บอดี้ วอช นอกจากครีมaveeno ที่ขึ้นชื่อเรื่องเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ผลิตภัณฑ์อาบน้ำยังเหมาะสำหรับผิวที่แพ้ง่าย ด้วยผลิตภัณฑ์ aveeno ไม่มีส่วนประกอบของสบู่ ไม่แต่งสี ตอบโจทย์ใครที่อยากมีผิวชุ่มชื้นยาวนาน มาพร้อมกับกลิ่นหอมแบบอ่อน ๆ ดูนุ่มนวล สามารถใช้ได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

ไอเทมสุดว้าวทุกชิ้นสามารถเข้าไปช้อปที่วัตสันออนไลน์ได้เลย ภายในมีโปรน่าช้อปที่ไม่ควรพลาดอย่างโปร โลชั่นnumju 1 แถม 1 ล่าสุด มีโปรซื้อ ชิ้นที่ 2 1 บาท  มาเพิ่มความคุ้มกันแบบจุก ๆ ไปเลย

115
   ช่วงหน้าร้อนแบบนี้เครื่องดื่มเย็น ๆ ปลุกความสดชื่นขายดีเป็นอย่างมาก และนี่คือ 5 สูตรกาแฟเย็น ที่ทำเองได้ง่าย ๆ มาฝาก เอาไว้ชงดื่มคลายร้อนปลุกความกระปรี้กระเปร่า ทำตามได้กันทุกคน

   1.อเมริกาโน่เย็น
   วัตถุดิบ
-   กาแฟ
-   น้ำเปล่า
-   น้ำแข็ง
-   ไซรัปหรือน้ำผึ้ง
วิธีทำ
เมนูกาแฟคลาสสิค เริ่มต้นที่การเตรียมช็อตเอสเพรสโซ่ที่เราจะชงเองหรือชงจากเครื่องชงกาแฟก็ได้ แนะนำให้ชงแบบ กาแฟสกัดเย็น  หรือ Cold Brew จะได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อมและสดชื่นกว่าแล้วนำช็อตกาแฟนั้นมาผสมน้ำเปล่าเติมน้ำแข็ง ซึ่งอาจจะเติมน้ำผึ้งหรือไซรัปตามความชอบรับรองอร่อยสดชื่น

   2. อเมริกาโน่น้ำส้ม
   วัตถุดิบ
-   กาแฟ
-   น้ำปล่า
-   น้ำแข็ง
-   น้ำส้ม

วิธีทำ
ต่อยอดจากเมนูอเมริกาโน่เย็น สูตรกาแฟเย็น ที่อยากให้ลอง เริ่มที่ช็อตกาแฟดำเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนจากน้ำเปล่ามาเป็นน้ำส้มในการเจือจางกาแฟดู รับรองออกมาเข้ากันอย่างลงตัว ได้ความหอมเปรี้ยวและสดชื่นจากน้ำส้ม ได้ความกลมกล่อมจากกาแฟ คลายร้อนได้ดีเลยทีเดียว

   3. มอคค่าเย็น
   วัตถุดิบ
-   กาแฟ
-   น้ำปล่า
-   น้ำแข็ง
-   นมสด
-   ช็อกโกแลตแท่ง
-   ผงช็อกโกแลต

   วิธีทำ
   ชงช็อตกาแฟเอสเพรสโซ่ แล้วนำมาผสมกับช็อกโกแลตแท่งคนเข้ากันจนละลาย ผสมนมสดลงไป จากนั้นก็ใส่น้ำแข็งแล้วก็ตีฟองนมมาออนท็อปพร้อมโรยด้วยผงช็อกโกแลตเป็นอันเสร็จ ให้ความหอมและเข้มข้นลงตัวพอดีของกาแฟและช็อกโกแลต

   4.กาแฟเย็นไทยสไตล์
วัตถุดิบ
-   กาแฟ
-   น้ำปล่า
-   น้ำแข็ง
-   นมข้นหวาน
-   นมสด
-   น้ำตาล

วิธีทำ
   กาแฟเย็น ยกล้อแบบไทยสไตล์ เริ่มจากชงกาแฟดำ หรือจะชงแบบอเมริกาโน่เลยก็ได้ นำมาเติมนมข้นหวานและน้ำตาลให้หวานหอม จากนั้นก็เทใส่แก้วเติมน้ำแข็ง ราดด้วยนมสดปิดท้ายความอร่อย หวานมันกลมกล่อมที่สุดเมนูนี้

   5. ลาเต้เย็น
   วัตถุดิบ
-   กาแฟ
-   น้ำปล่า
-   น้ำแข็ง
-   นม
-   ไซรัป
   วิธีทำ
   สูตรลาเต้เย็น เริ่มจากตีฟองนมเตรียมไว้รอก่อนเลย จากนั้นชงกาแฟ เตรียมนมผสมกับไซรัปเทลงไปในแก้วกาแฟ เทกาแฟที่ชงแล้วลงไปคนผสมให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำแข็ง จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยฟองนมหนานุ่มด้านบนเป็นอันเสร็จ สูตรลาเต้เย็น นี้สามารถโรยผงช็อกโกแลต หรือจะเพิ่มวิปครีมเข้าไปด้วยก็ได้


   ทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 สูตรกาแฟเย็น เพื่อน ๆ สามารถนำไปชงดื่มคลายร้อนด้วยตนเองได้ รับรองว่าอร่อย สดชื่น ดื่มแล้วดับกระหาย กระปรี้กระเปร่าขึ้นแน่นอน


ชมรายละเอียดที่
https://www.nespresso.com/th/th/nespresso-iced-coffee
https://www.nespresso.com/th/th/nespresso-iced-coffee
https://www.nespresso.com/th/th/nespresso-iced-coffee
https://www.nespresso.com/th/th/nespresso-iced-coffee

116
   การดื่มกาแฟสดมีเสน่ห์ในแบบที่กาแฟสำเร็จรูปไม่มี คอกาแฟหลาย ๆ คนก็จะรู้ได้เลยว่าให้รสชาติและกลิ่นหอมที่แตกต่างทั้งความนุ่มลึก ความเข้มข้น และรสชาติติดปลายลิ้นอันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละชนิดกาแฟ ทั้งยังให้ประโยชน์กาแฟอย่างเต็มที่ ซึ่งความหอมและความเข้มของกาแฟนั้นเราดูได้จาก ระดับการคั่วกาแฟ ซึ่งควรรู้จักไว้ก่อน เวลาไปสั่งกาแฟสดจะได้เลือกความเข้มได้ถูกใจ สัมผัสสุนทรียะในการดื่มกาแฟได้มากกว่าที่เคย
   ระดับความเข้มของกาแฟ วัดได้จากการคั่ว
   แน่นอนว่ากาแฟสดที่ก่อนจะนำมาชงดื่มกันนี้ต้องผ่านกรรมวิธีตากแห้งและคั่วบดมาก่อนทั้งนั้น ซึ่งการคั่วเมล็ดกาแฟนั้นจะให้สีและกลิ่นที่มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ซึ่ง ระดับการคั่วของกาแฟ หลัก ๆ แล้วก็จะมีทั้งหมด 3 ระดับด้วยกัน
   ระดับ 1 คั่วอ่อน
   การคั่วอ่อนจะเป็นการนำเมล็ดกาแฟมาคั่วที่อุณหภูมิระหว่าง 180-205 องศาเซลเซียส ในระยะเวลาสั้น ๆ จะคงกลิ่นและรสชาติของเมล็ดกาแฟแบบดั้งเดิมไว้มากที่สุด คือ มีความเป็นผลไม้ มีกลิ่นไปทางธัญพืช มีความอมเปรี้ยวอยู่เล็กน้อย สีของเมล็ดกาแฟจะเป็นน้ำตาลอ่อนและแทบจะไม่มีมีน้ำมันเคลือบผิว ไม่เหมาะจะนำไปชงเมนูกาแฟผสมนมอย่างมอคค่า ลาเต้ เพราะจะอมเปรี้ยวนิดหน่อย นิยมไปชงเป็นเมนูกาแฟดำมากกว่า
   ระดับ 2 คั่วกลาง
   การคั่วกลางจะใช้ความร้อนที่อุณหภูมิ 210-230 องศาเซลเซียส ใช้เวลาในการคั่วที่นานขึ้น เมล็ดกาแฟจะมีความหอมเข้มขึ้น ผิวมีสีน้ำตาลที่เข้มขึ้น เป็น ระดับความเข้มของกาแฟ ที่นิยมกันมาก และนำไปชงเมนูกาแฟได้หลากหลายเมนูทั้งเมนูกาแฟดำอย่างเอสเพรสโซ่ อเมริกาโน่ และเมนูถ้วยใส่กาแฟนมอย่าง ลาเต้ มอคค่า คาปูชิโน่ เป็นต้น ให้รสที่กลมกล่อมหอมกำลังดี
   ระดับ 3 คั่วเข้ม
   เป็นระดับการคั่วสูงสุด ใช้อุณหภูมิ 240-250 องศาเซลเซียส และใช้เวลาในการคั่วนานที่สุด เมล็ดกาแฟมันวาวมีสีน้ำตาลเข้มเหมือนช็อกโกแลต จะมีกลิ่นหอมไหม้อ่อน ๆ และมีรสชาติที่ขม รสชาติของกาแฟแบบดั้งเดิมหายไป เหมาะกับคอกาแฟที่ชอบความเข้มสูงสุด ชงได้ทั้งเมนูกาแฟดำ และกาแฟผสมนมที่ต้องการกลิ่นและความเข้มอย่างมอคค่า คาปูชิโน่ และมัคคิอาโต้ กลิ่นไหม้อ่อน ๆ จะไปได้ดีกับฟองนมนุ่ม ๆ หอม ๆ
   รู้แล้วว่า ระดับการคั่วกาแฟ มีกี่แบบกันแล้วทีนี้เวลาไปสั่งกาแฟก็จะได้แจ้งบอกบาริสต้าได้ถูก รับรองว่าดูโปรขึ้น ได้ดื่มกาแฟที่ถูกจริตและตรงใจขึ้นแน่นอน

117
การมี เครื่องชงกาแฟโรงแรม ไว้ให้บริการแก่แขกที่มาเยือนเป็นปัจจัยเล็ก ๆ ที่นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีต่อโรงแรมได้อย่างมหาศาล เพราะลูกค้าสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในการบริการและสร้างความพอใจ ส่งผลให้ลูกค้าอยากเช็กอิน รีวิวและบอกต่อประสบการณ์อันน่าประทับใจให้คนใกล้ชิดได้ลองมาสัมผัสกับประสบการณ์การบริการที่ดีเลิศเหมือนกัน

5 เช็กลิสต์เลือก เครื่องชงกาแฟโรงแรม ที่ตอบโจทย์และคุ้มค่า

1. ช่วยเพิ่มความคุ้มค่า
แน่นอนว่าการมีเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าได้ แต่ทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นและควบคุมได้ยาก ทำให้การเลือก เครื่องชงกาแฟแคปซูล จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับการบริการและควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่า
2. ดีไซน์สวยงามเข้ากับการตกแต่งภายใน
การเลือกเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติและ เครื่องตีฟองนม ของ Nespresso ที่มีดีไซน์สวยงามช่วยเพิ่มความสบายตาและส่งเสริมภาพลักษณ์ของโรงแรม ซึ่งเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติแบบแคปซูลของ Nespresso ให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ ช่วยให้คุณจัดวางในมุมที่มองเห็นได้ง่ายอย่างสวยงามลงตัว
3. ฟังก์ชันการใช้งานง่าย
เครื่องทํากาแฟแคปซูล ของ Nespresso มีฟังก์ชันการใช้งานง่ายเพียงเติมน้ำร้อนใส่แทงก์ แล้วใส่แคปซูลกาแฟ และกดป้อนคำสั่งทำกาแฟที่ต้องการ ก็ได้กาแฟกลิ่นหอมละมุนชวนให้ได้ลิ้มลอง รสชาติกลมกล่อมผสานการแทรกรสชาติจากส่วนผสมจากธรรมชาติที่ Nespresso เลือกมาเป็นอย่างดี
4. ทำความสะอาดง่าย
การทำความสะอาดและดูแลรักษาเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติและ เครื่องตีฟองนม Nespresso ง่ายกว่าที่คุณคิด เพื่อให้ผู้ให้บริการแก่ลูกค้าสามารถดูแลรักษาเครื่องให้สะอาดตามมาตรฐานสากลและพร้อมให้บริการกับลูกค้าโรงแรมของคุณอยู่เสมอ
5. ด้านความปลอดภัยในการใช้งาน
Nespresso เน้นย้ำเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการใช้งานเป็นอย่างมากและยังมีส่วนช่วยฟื้นฟูทรัพยากรด้านสิ่งแวดล้อมด้วย

จัดอันดับ 3 เครื่องชงกาแฟแคปซูล Nespresso ยอดขายสูงสุด

1. AGUILA 220
เครื่องชงกาแฟขนาดเล็กแต่ความสามารถในการชงกาแฟไม่เล็ก เพราะรองรับการชงกาแฟได้สูงสุดถึง 200 แก้วต่อชั่วโมง ดีไซน์สวยงามทันสมัย พร้อมฟังก์ชันหน้าจอระบบสัมผัสที่คุณสามารถกดเลือกเมนูได้อิสระ
2. NESPRESSO MOMENTO COFFEE & COFFEE
เครื่องชงกาแฟดีไซน์สวยหรู ทันสมัย ผสานฟังก์ชันการใช้งานสุดล้ำแต่ใช้งานง่ายและลดการเกิดเสียงรบกวนระหว่างสกัดกาแฟได้
3. Zenius
เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่พร้อมเสิร์ฟเมนูกาแฟแก้วโปรดให้กับลูกค้าด้วยการป้อนคำสั่งด้วยปลายนิ้ว น้ำหนักเบา ขนาดกะทัดรัดเหมาะสำหรับโรงแรมขนาดเล็กและโฮสเทล หรือจะเลือกไว้ใช้งานในห้องพักของลูกค้าก็ได้

เครื่องชงกาแฟโรงแรม Nespresso เป็นมากกว่าสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในโรงแรมของคุณ เลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ช่วยยกระดับการบริการลูกค้าให้โรงแรมของคุณด้วย Nespresso ใช้งานง่ายและรวดเร็ว พร้อมเสิร์ฟเมนูกาแฟแก้วโปรดให้ลูกค้าประทับใจในรสชาติและการบริการ

118
กาแฟสด จัดเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมมาก จะเห็นได้จากการที่มีร้านกาแฟเปิดอยู่ทั่วทุกมุมเมือง แล้วจะดีหรือไม่ถ้าคุณสามารถชงกาแฟสดดื่มเองได้ที่บ้าน หรือมีเครื่องชงไว้ที่ออฟฟิศ การชงกาแฟเองอาจเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคน แต่ทุกวันนี้ด้วยเทคโนโลยี เครื่องทํากาแฟแคปซูล จาก Nespresso ทำให้การชงกาแฟสดดื่มเองเป็นเรื่องที่ง่ายและใคร ๆ ก็ทำได้ ซึ่งหากคุณกำลังสนใจเลือกเครื่องชงกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องสำหรับบ้านหรือ ไว้ใช้งานในออฟฟิศ วันนี้เราขอแนะนำ 4 เรื่องที่ต้องรู้เพื่อให้เลือกเครื่องชงกาแฟได้ตามความต้องการ
• เลือกตามเมนูกาแฟที่ดื่มเป็นประจำ
พื้นฐานของกาแฟสดทุกเมนูจะเริ่มด้วย Espresso ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องชงแบบแคปซูลทุกรุ่นจาก Nespresso ก็สามารถทำช็อต Espresso ให้คุณได้ หากคุณเลือกเครื่องชงมาใช้เองที่บ้าน และดื่มกาแฟดำเช่น espresso หรือ Americano เป็นหลัก ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกรุ่นที่มี เครื่องตีฟองนม แต่หากคุณซื้อเครื่องมาใช้ที่ออฟฟิศ ก็ควรเลือกรุ่นที่มี เครื่องตีฟองนม ด้วยเพราะจะสามารถทำเมนูยอดนิยมอย่างลาเต้หรือคาปูชิโน่ได้ด้วยซึ่งช่วยให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของคนในออฟฟิศได้
• เลือกตามจำนวนคนที่ใช้เครื่อง
สำหรับ Nespresso มีเครื่องชงให้เลือกสองรูปแบบคือเครื่องเพื่อการใช้งานทั่วไป เช่น รุ่น VERTUO ที่มาพร้อมกับดีไซน์ล้ำสมัย เทคโนโลยีสกัดกาแฟเอกสิทธิ์เฉพาะของ Nespresso และมาพร้อมกับการใช้งานระบบสัมผัสด้วยปุ่มเดียวซึ่งถือว่าใช้งานง่ายมาก
นอกจากนี้ Nespresso ยังมีเครื่องชงที่ตอบโจทย์กลุ่มธุรกิจเช่น เครื่องชงกาแฟในออฟฟิศ ซึ่งเหมาะกับทั้งออฟฟิศ ล็อบบี้โรงแรม หรือสถานที่อื่น ๆ ซึ่งต้องการเครื่องชงที่มีขนาดกะทัดรัดแต่สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น เครื่องชงกาแฟรุ่น Zenius และ Momento เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก กะทัดรัดใช้งานสะดวกเพียงกดปุ่มสตาร์ท

• เลือกเครื่องที่ใช้งานง่าย
หากต้องการ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ที่ใช้งานง่าย ตัวเลือกที่ดีที่สุดของคุณคือ Nespresso เพราะการออกแบบในแต่ละรุ่นให้ความสำคัญกับการใช้งานระบบสัมผัส ส่วนใหญ่การเลือกเมนูกาแฟจะทำด้วยการสัมผัสเพียงปุ่มเดียว จากนั้นทุกอย่างจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ
• เลือกจากแบรนด์ซึ่งเป็นที่ยอมรับ
เรื่องนี้สำคัญไม่แพ้กับข้อที่ผ่าน ๆ มา เพราะเมื่อแบรนด์เป็นที่ยอมรับ ก็การันตีได้เลยว่าคุณจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ มาพร้อมกับบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสำหรับ Nespresso เรามีชื่อเสียงเรื่องกาแฟแคปซูลมาอย่างยาวนาน และไม่ได้มีเพียงเครื่องชงเท่านั้น แต่ยังมีแคปซูลกาแฟและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องให้เลือกอย่างครบวงจรอีกด้วย
หากคุณกำลังมองหาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย เครื่องชงของ Nespresso ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างแน่นอน และสำหรับคนที่มองหาเครื่องชงกาแฟเพื่อใช้ในบ้านก็เช่นเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะดื่มกาแฟสไตล์ไหน เราก็มีเครื่องรุ่นที่เหมาะสำหรับคุณ

119
   ครีมกันแดด ไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้ ทุกครั้งที่จะออกจากบ้านนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเสมอ แต่จะใช้ตัวไหนดี ขอ แนะนำครีมกันแดดทาหน้า 10 ยี่ห้อที่กระแสดีมาแรง
1.   CANMAKE Mermaid Skin Gel UV 01 SPF50+ PA++++
แนะนำครีมกันแดดทาหน้า แบรนด์ canmake เหมาะกับผิวผสม ผิวมัน ผิวขาดน้ำ เนื้อเจลทาแล้วแตกตัวเป็นน้ำ ซึมเร็ว พร้อมสารบำรุงจากธรรมชาติคืนความชุ่มชื้นให้ผิวอีกด้วย
2.   NIVEA Sun Protect & White Oil Control Serum SPF50+ PA+++
ตัวช่วยกันแดดและคุมมัน เพราะมีส่วนผสมของ L-Carnitine ในเนื้อครีม นอกจากนี้ยังมี Licorice Extract ซึ่งมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวเสีย ปรับสภาพให้กลับมาสวยใส และให้การปกป้องผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพ ผิวแพ้ง่ายหรือเป็นสิวสามารถใช้ได้
3.   ANESSA Perfect UV Sunscreen Skincare Milk N SPF50+ PA++++
ล้ำได้อีกสำหรับ กันแดด anessa เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ AQUA Booster EX ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และมี Friction-Resistant Powder ทำให้เนื้อครีมติดผิวดี เป็นสูตรน้ำนมไม่เหนอะ นอกจากนี้ กันแดด anessa ยังมีส่วนผสมของซูเปอร์ไฮยาลูรอนิกแอซิด สารสกัดจากดอกกุหลาบ และอโลเวร่า ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว
4.   BSC Crystal Bright Sunscreen SPF50 PA+++
แบรนด์ bsc กันได้ทั้ง UVA, UVB รวมถึงแสงจากหน้าจอคอม และยังเป็น ครีมกันแดด ที่มีทริปเปิ้ลวิตามินคือวิตามิน C, E และ B3 3 ดีกรีแรงกระชับผิว ผสานกับ Ectoin และ Sodium Hyaluronate เสริมสุขภาพผิวให้แข็งแรง ซึมเข้าผิวดี ใช้ได้กับกับสภาพผิวทุกแบบ เนื้อครีมไม่เหนียว
5.   BIODERMA Photoderm MAX SPF50+ PA+++
ไม่ใช่แค่ปกป้องยูวีอย่างเดียวแต่ยังมี Cellular Bioprotection ช่วยปรับสมดุลผิว ต้านอนุมูลอิสระชะลอริ้วรอย เป็น กันแดดหน้า แบบอะควาฟลูอิดเนื้อบางไม่มีน้ำหอมและปราศจากพาราเบน ผิวแพ้ง่ายใช้ตัวนี้เหมาะมาก
6.   Mizumi UV Water Serum SPF50+ PA++++
ครีมกันแดด mizumi สูตรป้องกันกระ ฝ้า ผิวหน้าไร้จุดด่างดำ และริ้วรอย เนื้อสัมผัสเป็นแบบน้ำ แทบไม่รู้สึกเลยว่าทากันแดดแต่มั่นใจได้ว่าปกป้องผิวอย่างหนาแน่น หน้าไม่เป็นคราบ ไร้สี ไร้สารเคมี น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบนไม่มีแน่นอน ไม่ต้องกลัวแพ้ถ้าเป็น mizumi แม้แต่ผิวเด็กยังใช้ได้
7.   Smooth E Physical White Extra Fluid SPF50+ PA+++
กันแดดหน้า สูตรไร้สารเคมี เนื้อ Fluid ปกป้องนาน 8 ชั่วโมง พร้อม Arbutin ปรับผิวกระจ่างใส และมีคุณสมบัติในการสะท้อนรังสียูวีได้ดี นอกจากนี้ยังมีสารดูดซับความมันและ Sodium Hyaluronate เพิ่มความอิ่มน้ำได้ 1,000 เท่า
8.   CERAVE Facial Moisturizing Lotion SPF25
กันแดดหน้า ที่มีคุณสมบัติเด่นคือเก็บความชุ่มชื้นได้นานเพราะใช้เทคโนโลยี Multi-Vesicular Emulsion หลังจากทาครีมแล้วเนื้อครีมจะค่อย ๆ ปล่อยสารบำรุงออกมาอย่างต่อเนื่อง สูตรนี้ไม่ระคายเคืองผิวเหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย
9.   KIEHL’S Ultra Light Daily UV Defense SPF50 PA++++
เทคโนโลยี Anti-Pollution ป้องกันมลภาวะและรังสี UVA UVB ได้ 50 เท่า และยังช่วยพรางรูขุมขนได้ด้วย หน้าจะดูเนียนขึ้น ทาผิวก่อนแต่งหน้าแบบสบาย ๆ ผิวเบาไม่เพิ่มความมัน เป็น ครีมกันแดด ที่คนผิวมันก็ใช้ได้ ไม่มีส่วนผสมของออยล์ น้ำหอม พาราเบน
10.   LA ROCHE-POSAY Anthelios XL Dry Touch Gel-Cream SPF50+
สูตรใหม่สำหรับผิวไวต่อแสงและมีแอร์ลิเซียมซึ่งเป็นตัวดูดซับความมันได้ตลอดวัน พร้อมกับเทคโนโลยี Mexoplex เฉพาะของ La Roche-Posay ที่ช่วยกันน้ำและเหงื่อ เนื้อครีมซึมทันทีหลังจากทา ไม่ทิ้งคราบบนผิวหน้า
   
ครีมกันแดดทาหน้า บอกเลยว่าน่าใช้ทุกตัว หาซื้อได้จาก watson online ที่นี่คุณสามารถเลือกช้อปได้แบบคุ้มค่าและเพลิดเพลินไปกับ โปรวัตสัน ที่เห็นแล้วอดใจไม่ไหว ถ้าอยากได้ตัวกันแดดดี ๆ เข้าไปเช็กโปรก่อนซื้อแล้วคุณจะไม่ผิดหวัง

120
   ในบรรดาเครื่องชงกาแฟ หลากหลายรูปแบบ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ดูเหมือนจะใช้งานง่ายที่สุด ที่สำคัญคือใช้แคปซูลกาแฟรสชาติที่ต้องการในการชง สะดวกในการจัดเก็บมากกว่าเมล็ดกาแฟ ทำให้กาแฟที่ได้ยังมีความสดใหม่อยู่เสมอ ใครที่มองหาเครื่องทำกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทำ กาแฟเอสเพรสโซ่ เครื่องทำกาแฟแบบดริป เครื่องทำกาแฟแบบกด เครื่องทำกาแฟแคปซูล หรือแบบอื่น ๆ เรามีเมนูกาแฟร้อนจาก เครื่องทำกาแฟสด มาแนะนำ เมนูเพื่อสุขภาพที่ดื่มได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวอ้วน

1)   เอสเพรสโซ่ โรมาโน่ กาแฟเอสเพรสโซ่ เป็นกาแฟรสเข้มที่มีสัดส่วนของกาแฟกับน้ำ คือ 1:2 ถ้าใครยังไม่คุ้นเคยกับรสชาติเต็ม ๆ ของเอสเพรสโซ่ เราขอแนะนำ เอสเพรสโซ่ โรมาโน่ เมนูที่ช่วยให้คุณดื่มด่ำกับเอสเพรสโซ่ได้ง่ายขึ้น
   ส่วนผสม
   - เอสเพรสโซ่ช็อต 30 มิลลิลิตร
   - มะนาวหรือเลมอนฝานเป็นแว่นหรือทำเป็นเกลียว 1 ชิ้น
   วิธีทำ
   1. เทเอสเพรสโซ่ช็อตลงในแก้วกาแฟ และนำมะนาวหรือเลมอนที่ฝานมาวางไว้ด้านบน
   2. หย่อนใจไปกับความหอมของมะนาวหรือเลมอน และรสชาติของกาแฟดำที่มีความเข้มข้นลดลงไปอีกนิดนึง
   
2)   อเมริกาโน่น้ำมะพร้าว อเมริกาโน่คือเมนูกาแฟที่ลดความเข้มข้นของเอสเพรสโซ่ด้วยการเติมน้ำตามสัดส่วน ทำให้ดื่มได้ง่ายขึ้น ถ้าต้องการรสหวานคุณสามารถเติมน้ำเชื่อมได้ แต่ถ้าอยากได้รสหวานตามธรรมชาติ เราขอแนะนำเมนูนี้เลย อเมริกาโน่น้ำมะพร้าว
   ส่วนผสม
   - เอสเพรสโซ่ช็อต 30 มิลลิลิตร
   - น้ำมะพร้าว 120 มิลลิลิตร
   วิธีทำ
   1. อุ่นน้ำมะพร้าวในไมโครเวฟ หรืออุ่นน้ำมะพร้าวบนเตาไฟให้ร้อน แต่ไม่ต้องถึงกับเดือด (91-96 องศาเซลเซียส)
2. ทำเอสเพรสโซ่ช็อตแล้วใส่ลงแก้วกาแฟ
   2. เติมน้ำมะพร้าวที่อุ่นร้อนแล้วลงในแก้วกาแฟ
   
3)   คาปูชิโน่ร้อน คาปูชิโน่ คือกาแฟรสนุ่มที่เป็นส่วนผสมของเอสเพรสโซ่ นม และฟองนมที่เข้ากันอย่างลงตัว เหมาะที่จะดื่มในมื้อเช้า เพราะมีนมที่ช่วยให้หนักท้อง
   ส่วนผสม
   - เอสเพรสโซ่ช็อต 30 มิลลิลิตร
   - นม Low Fat สตีมแล้ว 120 มิลลิลิตร
   - ฟองนมหนา 1 เซนติเมตร
   วิธีทำ
   1. เทเอสเพรสโซ่ช็อตลงในแก้วกาแฟที่เตรียมไว้
   2. ทำนมสดให้ร้อนด้วยการสตีม หรือนำไปอุ่นด้วยไมโครเวฟหรือบนเตาไฟแล้วใช้ตระกร้อมือตีให้ขึ้นฟองนม
   3. ตักฟองนมลงตรงกลางแก้วกาแฟและเติมนมร้อนที่เหลือตามลงไป
   
4)   ลาเต้ร้อน ลาเต้คือเอสเพรสโซ่ที่ใส่นม รสชาติกาแฟจึงอ่อน ดื่มง่าย พร้อมได้ความหวานมันจากนมสดตามธรรมชาติด้วย
   ส่วนผสม
   - เอสเพรสโซ่ช็อต 30 มิลลิลิตร
   - นม Low Fat สตีมแล้ว 180 มิลลิลิตร
   - ฟองนมบาง ๆ
   วิธีทำ
   1. เทเอสเพรสโซ่ช็อตลงในแก้วกาแฟที่เตรียมไว้
   2. ทำนมสดให้ร้อนด้วยการสตีม หรือนำไปอุ่นด้วยไมโครเวฟหรือบนเตาไฟ
   3. เทนมสดใส่แก้วกาแฟ แต่งหน้าด้วยฟองนมบาง ๆ
   
5)   มัคคิอาโต้ เอสเพรสโซ่ที่มีฟองนมด้านบน เมนูกาแฟที่คงความเข้มและมาพร้อมกับกลิ่นหอมของนม
   ส่วนผสม
   - เอสเพรสโซ่ช็อต 30 มิลลิลิตร
   - ฟองนมหนา 1 เซนติเมตร
   วิธีทำ
   1. ทำฟองนมด้วยการสตีม หรือนำไปอุ่นด้วยไมโครเวฟหรือบนเตาไฟแล้วใช้ตระกร้อมือตีให้ขึ้นฟองนม
    2. ทำ กาแฟเอสเพรสโซ่ แล้วเทลงในแก้วกาแฟที่เตรียมไว้
   3. ตักฟองนมวางลงตรงกลางของกาแฟ

   เริ่มต้นทำเมนูกาแฟร้อนจาก เครื่องทำกาแฟสด วิธีทำแสนง่าย อร่อยได้ที่บ้านไม่ต้องพึ่งร้านกาแฟข้างนอกเลย ข้อดีของการมี เครื่องชงกาแฟ ไว้ที่บ้าน ได้แก่ ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา สะดวกสบาย ได้รสชาติกาแฟที่คงที่ สร้างสรรค์เมนูกาแฟได้มากมาย และยังสามารถทำเป็นกิจกรรมของครอบครัวได้อีกด้วย


ชมรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo

121
ตอนเช้า ช่วงเวลาที่ใคร ๆ ก็ต้องการประหยัดเวลา โดยเฉพาะการทำอาหารเมนูที่ไม่ต้องเตรียมส่วนผสมอะไรให้ยุ่งยากย่อมเป็นตัวเลือกแรก ๆ และกาแฟก็ถือเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าก่อนไปทำงาน แถมกลิ่นของกาแฟยังช่วยปลุกร่างกาย ใครที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจและกำลังมองหา เมนูกาแฟ ชงง่าย ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้วุ่นวาย ลองมาดู 3 เมนูชงสะดวกที่สามารถรังสรรค์เมนูได้ผ่านเครื่องชงกาแฟ Nespresso
1. Iced Americano
อเมริกาโน่เย็น เมนูสุดคลาสสิก แก้วนี้ที่รสชาติไม่ธรรมดา เพราะเลือกใช้แคปซูลกาแฟ Kazaar ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้น เมื่อใส่ลงในเครื่องชงกาแฟจาก Nespresso รอไม่นานก็ได้กาแฟสีสันน่าทาน จากนั้นเติมน้ำแข็งตามเหมาะสม หากต้องการเพิ่มความหวานก็สามารถเติมน้ำเชื่อมเพิ่มเติมได้ แต่หากเป็นสายสุขภาพแนะนำให้เติมน้ำผึ้ง ก็ให้ความหอมหวานน่าลิ้มลอง
2. Mocca ลาเต้
โดยนี่คือ สูตรทำกาแฟเย็น ที่ใช้เวลาทำไม่นาน ผสมช็อกโกแลตเพิ่มรสชาติความกลมกล่อม เริ่มต้นจากการใส่ผงช็อกโกแลตลงในแก้ว จากนั้นทำกาแฟแคปซูล Livanto ปริมาณ 15 ออนซ์ และเทลงในแก้วที่มีผงช็อกโกแลต ก่อนเตรียมฟองนมด้วยเครื่อง Aeroccino เพื่อตกแต่งบนแก้วกาแฟเมนูลาเต้ อย่าลืมโรยผงช็อกโกแลตบนฟองนมอีกครั้ง รับรองว่าเมนูกาแฟลาเต้แก้วนี้นอกจากได้สัมผัสความเข้มข้นของกาแฟแล้ว ยังได้รสชาติหวานจากช็อกโกแลตอีกด้วย
3. Iced Cappuccino
นอกจาก สูตรทำลาเต้เย็น แล้ว เมนูคาปูชิโน่เย็นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ใช้เวลาเพียงไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น เริ่มต้นด้วยการเลือกใช้กาแฟแคปซูลรสชาติ Roma จำนวน 3 แคปซูล เมื่อได้กาแฟแล้วให้นำมาผสมกับนมสดและแช่ตู้เย็นประมาณ 10 นาที จากนั้นเตรียมฟองนมประมาณ 7 ออนซ์ เมื่อได้ฟองนมนุ่ม ๆ ให้ค่อย ๆ วางบนกาแฟ ตามด้วยการโรยอบเชยและผงช็อกโกแลต รับรองว่าเมนูกาแฟเย็นนี้ทำง่ายและอร่อยจนต้องยกนิ้ว เพราะนอกจากมีกลิ่นโกโก้แล้ว ยังแทรกด้วยกลิ่นอบเชย เพิ่มความสดชื่นระหว่างดื่มได้เป็นอย่างดี
หากมีเครื่องชงกาแฟ Nespresso ไม่ว่าที่ไหน การชงกาแฟจะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก เนรมิตเมนูโปรดได้ทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะอยากทดลอง สูตรชงกาแฟสด ใหม่ ๆ รวมถึงสูตร เมนูกาแฟ ร้อนและกาแฟเย็นก็สามารถทดลองออกแบบเมนูต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ เพราะฉะนั้นใครที่ชอบกาแฟ แนะนำให้หาซื้อเครื่องทำกาแฟ Nespresso เอาไว้ รับรองว่าจะได้ดื่มกาแฟแบบรวดเร็วทันใจ แถมยังออกแบบรสชาติได้แบบไม่ซ้ำ

122
แม้กาแฟจะเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีความหลากหลาย แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการชงกาแฟอาจยังไม่รู้ว่า ระดับการคั่วของกาแฟ แต่ละระดับต่างกันอย่างไร และจะส่งผลต่อ รสชาติของเมนูกาแฟอย่างไร วันนี้เราจึงจะพาคุณไปหาคำตอบ พร้อมเปิดสูตรชงกาแฟเมนูยอดฮิตของสายคาเฟอีน

ชวนรู้จักศาสตร์แห่งการคั่วกาแฟ ที่ส่งผลต่อ ระดับความเข้มของกาแฟ
การคั่วกาแฟถือเป็นศาสตร์หนึ่งที่ละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลาฝึกฝน โดยเมล็ดกาแฟแต่ละชุดต้องใช้ระดับการคั่วและเวลาที่ต่างกันเพื่อดึงรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมา โดยการคั่วกาแฟสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
•   การคั่วอ่อน ใช้อุณหภูมิระหว่าง 180-205 องศาเซลเซียส ใช้เวลาสั้นที่สุด และได้ปริมาณคาเฟอีนสูงสุดเมื่อเทียบกับประเภทอื่น รสชาติที่ได้จะเด่นไปทางเปรี้ยวและมีกลิ่นแบบธัญพืช
•   การคั่วกลาง ใช้อุณหภูมิระหว่าง 210-230 องศาเซลเซียส จะมีทำให้กาแฟมีความเข้มและความกลมกล่อมมากขึ้นและมีรสชาติที่หอมหวานขึ้น
•   การคั่วเข้ม ใช้อุณหภูมิระหว่าง 240-250 องศาเซลเซียส ทำให้เมล็ดกาแฟอาจเสียรสชาติดั้งเดิม แต่กาแฟจะมีรสขมและมีกลิ่นควันชัดขึ้น

สำหรับขั้นตอนการคั่วกาแฟพื้นฐาน คือ นำเมล็ดกาแฟใส่ในเครื่องคั่ว ปรับระดับความร้อน และสังเกตว่าเมื่อเมล็ดกาแฟเริ่มมีสีซีดแล้วให้เร่งไฟและเปิดพัดลมตาม จากนั้นจึงคั่วไปเรื่อย ๆ จนเมล็ดกาแฟเริ่มแตกออก แล้วจึงคั่วด้วยไฟอ่อนเพื่อกันเมล็ดกาแฟไหม้ เมื่อได้ระดับที่ต้องการแล้ว จึงนำเมล็ดกาแฟไปบดต่อไป

ทั้งนี้การจะได้ ระดับการคั่วกาแฟ ที่ต้องการย่อมต้องอาศัยการทดลองและการชิมรสชาติ โดยกาแฟคั่วเข้มมีรสชาติหนักแน่นอาจเหมาะกับยามเช้าที่ต้องการตื่นให้เต็มตา หรืออาจดื่มกาแฟคั่วอ่อนในยามบ่ายเพื่อผ่อนคลายกับบรรยากาศสบาย ๆ หรือถ้ายังเลือกไม่ได้ ก็มีกาแฟคั่วกลางที่มีความตรงกลาง ผสมผสานข้อดีของทั้งสองแบบเอาไว้ให้เลือกเช่นกัน

เมนูแบบนี้ มี ระดับความเข้มของกาแฟ แบบไหน
•   เอสเพรสโซ่ เป็นกาแฟดำที่ผสมผสานรสชาติและกลิ่นที่หลากหลายในรูปแบบกลมกล่อม อ่อนนุ่ม อย่างลงตัว
•   เมนูอเมริกาโน่ เกิดจากการชงกาแฟแล้วเติมน้ำร้อนเข้าไป ทำให้ได้รสชาติที่นุ่มนวลแต่ไม่ขมเท่ากาแฟเอสเพรสโซ่
•   คาปูชิโน่ เป็นเครื่องดื่มต้นตำรับของอิตาลีที่มักทำจากนม ไอศกรีม และเอสเพรสโซ่ในสัดส่วน 1:1 พร้อมเติมฟองนมด้านบนเพื่อให้ คาปูชิโน่ ได้รสชาติที่อร่อยและมีความสวยงาม
•   ลาเต้ เป็นหนึ่งในกาแฟแบบดั้งเดิมที่ประกอบด้วยเอสเพรสโซ่และนมสด พร้อมด้วยฟองนมที่หอมหวาน โดยมีความพิเศษคือคุณสามารถวาดลวดลายบนฟองนมของ ลาเต้ บนถ้วยใส่กาแฟ หรือที่เรียกว่าลาเต้อาร์ตได้

123
มีหลายเหตุผลที่ทำให้กาแฟใส่นมไม่เคยลดความนิยมเลย นั่นคือรสชาติความกลมกล่อมของนมสดที่ผสานกับความเข้มข้นของกาแฟสด นั่นจึงทำให้ลาเต้ และ คาปูชิโน่ กลายเป็น 2 เมนูกาแฟใส่นมสุดคลาสสิกที่มีทุกร้าน
   แต่กระนั้นการชงกาแฟใส่นมดื่มเองก็ไม่ยากเกินความพยายาม เพียงแค่มีเครื่องชงกาแฟสด เครื่องตีฟองนม และนมสดไว้ให้พร้อม ก็จะสามารถรังสรรค์กาแฟใส่นมแก้วโปรดได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

เปิด 2 สูตรกาแฟใส่นมสุดคลาสสิก
   ซึ่ง 2 สูตรกาแฟนมนี้ “ลาเต้” จะมีส่วนผสมของนมสดมากกว่า ขณะที่ “คาปูชิโน่” จะมีความเข้มข้นจากนมอุ่นและฟองนมเนื้อเนียน ซึ่งแต่ละสูตรมีวิธีการชงดังนี้
•   ลาเต้ร้อน   
ส่วนสูตรลาเต้ประกอบด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่ 30 มล. นมร้อน 180 มล. และฟองนม
วิธีการชง เริ่มจากเทนมร้อนลงในแก้วที่ใส่กาแฟเอสเพรสโซ่เตรียมไว้ ตักฟองนมมาวางด้านบนกาแฟโดยให้มีความหนาไม่เกิน 1 ซม. เพียงเท่านี้ก็จะได้ลาเต้ร้อนรสชาติลงตัวพร้อมเสิร์ฟ
•   คาปูชิโน่ร้อน
สูตรสำหรับชง คาปูชิโน่ นั้นประกอบด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่ 30 มล. นมร้อน ½ แก้ว ฟองนม ½ แก้ว และผงโกโก้เล็กน้อย
วิธีการชง เริ่มจากเทนมร้อนผสมกับกาแฟเอสเพรสโซ่ จากนั้นตักฟองนมมาวางด้านบนแล้วโรยด้วยผงโกโก้ เพียงเท่านี้ก็จะได้คาปูชิโน่ร้อนพร้อมเสิร์ฟ
   
ซึ่งจุดที่ต้องระวังในการทำฟองนม คือจะต้องนำนมสดสูตรปกติและเย็นจัดมาใช้สำหรับการตีฟอง เพราะหากนมสดไม่เย็นจะมีปัญหาฟองยุบหรือไม่อยู่ตัวได้ นอกจากนี้ขั้นตอนการทำฟองก็สำคัญทำให้หลายคนพิถีพิถันในการเลือกใช้เครื่องทำฟองนม ซึ่งหากใช้ ที่ตีฟองนม แบบไฟฟ้าจะได้ความเร็วเฉลี่ยในการทำฟองนมประมาณ 15 - 20 วินาทีต่อแก้ว แต่หากเลือกเป็นเครื่องแบบมือถือหรือไร้สายซึ่งต้องใช้มือจับในระหว่างการทำงานจะต้องใช้เวลาในการตีฟองนม 90 วินาที
ทั้งนี้ความเร็วในการทำฟองนมก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ฟองนมอยู่ตัว ยิ่งต้องชงกาแฟนมต่อเนื่องกันหลายแก้ว การเลือกเครื่องทำฟองนมที่มีความเร็วมากกว่าก็จะยิ่งตอบโจทย์ได้มากกว่า    
วัสดุของ ที่ทำฟองนม ก็ควรเลือกที่เป็นสแตนเลสหรือพลาสติกแบบ Non-stick ก็จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเช่นกัน เพราะจะช่วยในการป้องกันสนิมและป้องกันคราบเกาะติดได้ดี ทั้งยังทำความสะอาดได้ง่าย นั่นเป็นเพราะอุปกรณ์ตัวนี้ จำเป็นต้องล้างทำความสะอาดบ่อย ๆ นั่นเอง

124
   ผิวเรียบเนียนสวยที่สาว ๆ อยากมี แต่ปัญหา รอยสิว ที่แก้ยากยังคงอยู่ทำให้ผิวไม่เนียนใสอย่างที่ต้องการ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ ลดรอยสิว ที่มีสรรพคุณในการฟื้นบำรุงผิวใสขั้นสุด สามารถเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งที่สาว ๆ ควรต้องมีติดบ้านไว้ 

5 ครีมลดรอยสิวที่ควรมีติดบ้านเพื่อผิวสวยเนียนใสขั้นสุด
1.   เดอมาแอคชัน พลัส บาย วัตสัน เพียว แอนตี้-แอคเน่ โอเวอร์ไนท์ เอสโอเอส สปอต คอรเรคเตอร์ เนื้อเจลใส ใช้ง่าย เพียงแต้มเจลบาง ๆ ลงบริเวณที่มีสิว 2 เวลาเช้าและเย็น เจลแต้มสิวจากแบรนด์ dermaction จะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียบนผิวหน้า สิวจะยุบตัวลงในเวลาไม่นาน นอกจากนั้นยังช่วยดูแลปัญหารอยแดงรอยดำที่เกิดจากสิวให้จางลงได้อีกด้วย
2.   เดอร์มาติกซ์ แอคเน่ สการ์ ผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็นที่ผสานคุณประโยชน์ของส่วนประกอบสำคัญอย่าง CPX ซิลิโคนเจล สารสกัดจากเมือกหอยทาก นิโคตินาไมด์ สังกะสี และวิตามินอี เพื่อช่วยซ่อมแซมรอยแผลเป็นจากสิว ดูแลปัญหาจุดด่างดำและความหมองคล้ำของใบหน้า พร้อมปรับผิวให้มีความเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพียงใช้ทาวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
3.   eucerin โปรแอคเน่ โซลูชั่น เอ.ไอ. เคลียร์ริ่ง ทรีทเมนต์ เป็นผลิตภัณฑ์ช่วยฟื้นบำรุงเซลล์ผิวจากปัญหาสิวให้กลับมาเนียนใส พร้อมช่วยลดความมันตามร่องรูขุมขนของใบหน้า ช่วยกำจัดหัวสิวและลดสิวอุดตัน ทำให้หน้าไม่กลับมาเป็นสิวซ้ำ ผลิตภัณฑ์ eucerin pro acne solution ตัวนี้เหมาะกับผิวที่บอบบางแพ้ง่ายและเป็นสิวง่าย โดยให้ทาหลังทำความสะอาดใบหน้าเป็นประจำเช้า-เย็น
4.   เพียวริก้าส์ พลัส แอดวานส์ ดราก้อน บลัด ซี แอนด์ อี สการ์ เจล เป็นเจลลดรอยแผลเป็นที่นำเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยดูแลรอยแผลเป็นทุกชนิด ทั้งรอยแผลเป็นเก่าและรอยแผลเป็นใหม่ โดยการปรับให้ผิวเรียบเนียน ช่วยสร้างเนื้อเยื่อผิว และเสริมความแข็งแรงให้กับผิว เพียงทาเจลบริเวณที่มีรอยแผลเป็นเป็นประจำเช้า-เย็น
5.   เซตาฟิล ไบรท์ เฮลธ์ตี้ เรเดียนซ์ ไบรท์เทนนิ่ง เดย์ โพรเทคชั่น ครีม เอสพีเอฟ 15 ตัวช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยสิว รวมถึงจุดด่างดำบนใบหน้าได้อย่างอยู่หมัด ด้วยมีประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ได้ดี และปรับสีผิวให้มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอ ผสานเข้ากับ Niacinamide ช่วยในการฟื้นฟูผิว พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว และลดอาการระคายเคืองผิวได้ สามารถใช้กับผิวที่บอบบางแพ้ง่ายและยังใช้ทาได้บ่อยตามต้องการ

5 ครีมลดสิวน่าใช้ที่เราแนะนำว่าควรต้องมีติดบ้านไว้ สาว ๆ ที่ตามหาผลิตภัณฑ์รักษาสิว แผ่นแปะสิว สามารถไปหาซื้อได้ที่ร้านวัตสัน หรือ วัตสันออนไลน์ และยังมีโปรโมชั่นสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากมายที่ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการสั่งซื้อ ทั้งโปร himalaya ชิ้นที่ 2 1 บาท โปรซื้อ 1 แถม 1 หรือโปรซื้อคละ 3 ชิ้น ราคาเดียว หากสนใจเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.watsons.co.th/

125
การชงกาแฟต้องใช้ทักษะมากมายในการชงเพื่อความหอมอร่อย นอกจากกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกาแฟสดแล้ว ความกลมกล่อมของรสชาติที่เข้มข้นผสมผสานความนุ่มนวลเป็นเสน่ห์ที่ขาดไม่ได้ แม้ว่าปัจจุบันมีคาเฟ่เปิดให้บริการมากมายจึงหากาแฟดื่มได้ง่ายขึ้น แต่ก็จะดีกว่ามากหากสามารถชงดื่มได้เองทุกเวลาที่ต้องการ สำหรับคนที่ไม่มีฝีมือการชงกาแฟมาก่อน มาทำความรู้จัก กาแฟแคปซูล กัน

ทำความรู้จักกับ กาแฟแคปซูล กาแฟสดเทรนด์ใหม่เพื่อชีวิตทันสมัย
กาแฟแคปซูล คือ กาแฟแท้คั่วบดแล้วและถูกบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะคล้ายถ้วยขนาดเล็ก ปิดสนิทด้วยฟอยล์ซึ่งช่วยกักเก็บรสชาติและความหอมของกาแฟสดไว้ได้นาน แพ็กเกจที่ปรากฏจึงอยู่ในรูปแบบของแคปซูล โดยหนึ่งแคปซูลใช้ได้หนึ่งครั้งและต้องใช้คู่กับเครื่องชงกาแฟเท่านั้น ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัยทำให้กาแฟแคปซูลยังคงรักษาคุณค่าทางอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับ ประโยชน์ของกาแฟ อย่างเต็มที่ ทั้งยังเก็บรักษาง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน

กาแฟแคปซูล ชงง่ายตอบทุกไลฟ์สไตล์คอกาแฟ
ไม่ว่าชอบดื่มเมนูไหน ๆ ไม่ว่าจะต้องการความเข้มขม ความเปรี้ยวหรือชอบกลิ่นแบบไหน เพียงเลือก แคปซูลกาแฟ ที่ตรงกับใจแล้วนำมาใส่ในเครื่องชงกาแฟ กดเลือกเมนูที่ต้องการ รอประมาณ 1 นาที ก็จะได้ดื่มกาแฟแก้วโปรดทันที ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน ไม่เสียเวลา เหมือนมีบาริสต้าส่วนตัวที่พร้อมชงกาแฟแสนละมุนกลมกล่อมให้ดื่มตลอดเวลา     

ข้อดี / ประโยชน์ของกาแฟ แคปซูล
-   มีกาแฟให้เลือกมากมาย สามารถเลือกดื่มได้ตามต้องการจึงไม่จำเจกับกาแฟรสชาติเดิม ๆ เช่น ช่วงเช้าดื่มกาแฟเข้มข้นกลมกล่อมเพื่อปลุกร่างกายและสมองให้ตื่นตัว ช่วงบ่ายอาจจะเลือกเป็นกาแฟที่มีกลิ่นและรสเปรี้ยวของผลไม้เพื่อชาร์จพลังงาน เติมความสดชื่น 
-   ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพของกาแฟที่ได้รับกับราคากาแฟสดที่จำหน่ายทั่วไป ทั้งนี้ แคปซูลกาแฟ มีราคาเริ่มต้นไม่ถึง 30 บาท 
-   ชงง่ายด้วยขั้นตอนเดียวเพียงแค่กดปุ่มเลือกเมนู ต่างจากการชงกาแฟสดแบบอื่นซึ่งต้องใช้เวลา
-   สะดวกกว่าเพราะอุปกรณ์หลักมีเพียง แคปซูลกาแฟ และเครื่องชงเท่านั้นจึงไม่ต้องวุ่นวายกับการเตรียมอุปกรณ์ก่อนชงหรือการเก็บล้างหลังจากชงเสร็จ
-   ช่วยให้คอกาแฟได้สนุกสนานไปกับกาแฟคุณภาพดีทั่วทุกมุมโลก

ซึ่งกาแฟแคปซูลต้องใช้คู่กับเครื่องชงกาแฟแคปซูลเท่านั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ากาแฟแคปซูลคือไอเทมสำคัญของคอกาแฟรุ่นใหม่ที่ช่วยให้การดื่มกาแฟเป็นเรื่องง่ายมากกว่าเดิม ทั้งยังสะดวกเพราะปัจจุบันสามารถเลือกซื้อกาแฟแคปซูลหลากหลายรสชาติทั้งแบบ specialtycoffee ทางออนไลน์ได้ทาง https://www.nespresso.com/th/th/order/capsules/vertuo หรือจะแวะมาที่ Nespresso Boutique ณ ห้างสรรพสินค้าทันสมัยใกล้บ้านก็ได้เช่นกัน

126
เมนูกาแฟดำที่ทุกร้านต้องมีนั่นก็คืออเมริกาโน่ เพราะเป็นเมนู Black Coffee ยอดนิยม เสิร์ฟได้ทั้งร้อนและเย็น และยังปรับสูตรได้อย่างหลากหลายและมีเสน่ห์ต่างกันออกไป โดยในวันนี้เรามี สูตรอเมริกาโน่ มาแนะนำถึง 7 แบบ ตั้งแต่แบบคลาสสิกไปจนถึงสูตรที่ปรับแต่งเพิ่มรสชาติเพิ่มความแปลกใหม่ โดยสิ่งที่ทุกสูตรจะต้องมีเหมือนกันคือ Espresso 1 ช็อตสำหรับร้อนและ 1 หรือ 2 ช็อตสำหรับแบบเย็น (แล้วแต่ความเข้มข้นที่ต้องการ)
1. สูตรคลาสสิก
อันดับแรกเตรียม Espresso 1 ช็อตใส่ไว้ในแก้วกาแฟ จากนั้นเติมน้ำร้อนลงไปประมาณ 120 มิลลิลิตร หากเป็นสูตรเย็นก็แค่เพิ่มน้ำแข็งลงไปและเพิ่ม Espresso เป็นสองช็อตเพื่อรสชาติกาแฟที่ชัดกว่าเดิม หากต้องการเมนูแบบคลาสสิก จะต้องไม่เติมไซรัปใด ๆ ลงไป เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นอโรม่าของกาแฟอย่างเต็มที่
สำหรับกาแฟสูตรนี้ หากเราเปลี่ยนวิธีการชงโดยเติมน้ำร้อนลงไปในแก้วก่อนที่จะเติมช็อตเอสเพรสโซลงไป โดยเฉพาะแบบร้อน จะได้กาแฟที่เรียกว่า longblack ซึ่งโดดเด่นด้วยกลิ่นอโรม่าที่มีมากกว่าเพราะช็อตเอสเพรสโซถูกเติมลงไปหลังจากน้ำร้อนทำให้อยู่ด้านบนและกลิ่นไม่ถูกทำให้ระเหยออกไป
2. Coconut americano
วิธีเริ่มด้วยการชง Espresso 2 ช็อตเตรียมไว้ ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เติมน้ำมะพร้าวลงไปในปริมาณตามชอบ ราดด้วย Espresso ที่เตรียมไว้และตกแต่งด้วยเนื้อมะพร้าว
3. Caramel americano
เริ่มด้วยการเทไซรัปคาราเมลลงในแก้ว จากนั้นเติมช็อตเอสเพรสโซลงไป เติมน้ำร้อน และคนให้เข้ากัน โดยสูตรนี้อาจเปลี่ยนเป็นไซรัปวานิลลาก็ได้ โดยถ้าเพิ่มช็อตเอสเพรสโซและเติมน้ำแข็ง ก็กลายเป็นเมนูเย็นที่เพิ่มความสดชื่นได้ นอกจากนี้เมนูร้อนสำหรับสูตรนี้ยังเปลี่ยนเป็นเมนู longblack ได้ด้วยโดยเปลี่ยนวิธีการชงตามที่เราได้อธิบายไปแล้วในสูตรคลาสสิก
4. Mocha americano
สำหรับสูตรนี้ ยังคงใช้ไซรัปช็อกโกแลตในสูตรก่อนหน้า ขั้นตอนเริ่มต้นเหมือนกัน เพียงแต่หลังจากเติมน้ำร้อนแล้วให้เติมนมลงไปและคนให้เข้ากันโดยไม่ต้องตกแต่งด้วยวิปครีม
5. Chocolate americano
สูตรนี้เริ่มด้วยการใส่ไซรัปช็อกโกแลตลงไปในแก้ว จากนั้นราดช็อตเอสเพรสโซที่เตรียมไว้ลงไป ตามด้วยน้ำร้อนเช่นเดียวกับสูตรคลาสสิก จากนั้นคนให้เข้ากัน และตกแต่งด้านบนด้วยวิปครีมก่อนเสิร์ฟ
6. Honey Lemon americano
อีกหนึ่ง สูตรทำกาแฟเย็น ที่เพิ่มความสดชื่นด้วยรสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว โดยเราใช้ Espresso 2 ช็อต ผสมให้เข้ากับน้ำผึ้งและน้ำมะนาว จากนั้นเติมลงในแก้วที่มีน้ำเปล่า ตามด้วยน้ำแข็ง เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูคลายร้อนเพิ่มความสดชื่นได้ในทุก ๆ วัน
7. สูตรอเมริกาโน่ ที่เติมน้ำผลไม้
โดยในสูตรนี้จะใช้น้ำส้ม น้ำลิ้นจี่ หรือน้ำผลไม้ชนิดอื่น ๆ เลือกตามที่ชอบได้เลย เริ่มด้วยใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เติมน้ำผลไม้ที่ชอบลงไป จากนั้นราดด้วยช็อต Espresso ด้านบน เพียงเท่านี้ก็ได้ทำกาแฟเย็นเพิ่มความสดชื่นอีกหนึ่งเมนู
สูตรทั้งหมดทำให้มีตัวเลือกมากขึ้นนอกเหนือจากเมนูเดิม ๆ และเพื่อให้การเตรียมช็อตเอสเพรสโซง่ายขึ้น ก็ควรเลือกใช้กาแฟแคปซูลพร้อมเครื่องชงจาก Nespresso ซึ่งสามารถสั่งซื้อทั้งเครื่องชง แคปซูลกาแฟ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ผ่านช่องทางออนไลน์

127
กาแฟดำ Nespresso มีเสน่ห์ที่ทำให้คนหลงใหล ลองทำให้พิเศษกว่าเดิมด้วยกลิ่นหอมของผลไม้นานาชนิดผสานเข้ากับรสชาติของเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วอย่างพิถีพิถัน ซึ่งคุณสามารถชงดื่มเองหรือชงขายก็ทำได้เช่นกัน

7 สูตรชงกาแฟ longblack และ Americano กลิ่นหอม รสชาติเข้มข้นถูกใจ
1. สูตรเมนูอเมริกาโน่ เย็น
กาแฟอเมริกาโน่เบสิคเพิ่มความเย็นสดชื่นทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เริ่มต้นด้วยการเลือกแคปซูลกาแฟที่ถูกใจใส่ลงในเครื่องชงกาแฟ จากนั้นกดปุ่มทำเอสเพรสโซ่ พร้อมเสิร์ฟด้วยแก้วใส่น้ำแข็งตามด้วยเอสเพรสโซ่และเติมน้ำเย็นตามสัดส่วนลงไป
2. Longblack น้ำผึ้ง
กาแฟรสชาติเข้มข้นเข้ากับรสชาติของน้ำผึ้งแท้หวานเป็นธรรมชาติทำได้ง่ายมาก เริ่มต้นด้วยการเตรียม กาแฟดำ เอสเพรสโซ่จากแคปซูลกาแฟที่ชอบ นำมาเติมความหวานด้วยน้ำผึ้งตามต้องการ เตรียมแก้วทรงยาวใส่น้ำแข็งและเทน้ำเย็นตามลงไปปิดท้ายด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่ช็อตเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
3. อเมริกาโน่ลิ้นจี่
หากคุณต้องการเติมความสดชื่นแนะนำสูตรนี้ เตรียมกาแฟเอสเพรสโซ่จากแคปซูลกาแฟระดับความเข้มข้นที่ถูกใจผสมกับไซรัปรสลิ้นจี่ที่ให้รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอม จากนั้นเทเสิร์ฟลงในแก้วใส่น้ำแข็ง แต่งหน้าด้วยลิ้นจี่สดให้สวยงาม
4. กาแฟดำ น้ำผึ้งมะนาว
เริ่มต้นเมนูกาแฟแสนอร่อยด้วยการสกัดแคปซูลกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ชอบผสมน้ำผึ้ง น้ำมะนาว และน้ำเย็น คนให้เข้ากัน เทลงในแก้วทรงยาวเติมน้ำแข็งให้เรียบร้อย
5. สูตรเมนูอเมริกาโน่ น้ำมะพร้าว
สูตรเติมความสดชื่นด้วยกาแฟผสานกลิ่นหอมละมุนของน้ำมะพร้าวที่ให้รสชาติอมหวานนิด ๆ เริ่มต้นด้วยการเลือกแคปซูลกาแฟแสนอร่อยด้วยฟังก์ชันเอสเพรสโซ่ จากนั้นเทลงในแก้วทรงยาวใส่น้ำแข็งตามด้วยกาแฟที่เตรียมไว้และน้ำมะพร้าวลงไป
6. สูตรอเมริกาโน่ น้ำส้ม
แนะนำสำหรับคนที่ต้องการเครื่องดื่มเรียกความสดชื่น เริ่มต้นด้วยการเตรียมเอสเพรสโซ่ 1 ช็อตและน้ำส้มคั้นสดเอาไว้ จากนั้นเสิร์ฟด้วยแก้วกาแฟทรงสูงใส่น้ำแข็ง เติมเอสเพรสโซ่ลงไปและปิดท้ายด้วยน้ำส้มคั้นรสชาติเปรี้ยวอมหวานแสนอร่อย
7. อเมริกาโน่น้ำมันมะกอก
เมนูแปลกใหม่ที่ใครอยากเติมไขมันดีพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญขอแนะนำสูตรนี้! เริ่มต้นด้วยการเตรียมกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ต้องการ จากนั้นนำมาเติมน้ำมันมะกอกคนให้เข้ากัน จะดื่มแบบร้อนหรือแบบเย็นก็ได้ตามที่ชื่นชอบ

ทั้ง 7 สูตรสามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบ longblack หรือ Americano ได้ตามความชอบและเลือกแคปซูลกาแฟ Nespresso ที่คุณชื่นชอบเพื่อรสชาติแสนกลมกล่อมและกลิ่นหอมละมุนระดับพรีเมียมมากขึ้นกว่าเดิม

128
เพราะกลิ่นและรสชาติที่มีเอกลักษณ์ของ กาแฟ รวมถึงความหลากหลายทำให้กาแฟได้รับความนิยมไปทั่วโลก สำหรับคนที่ชื่นชอบกาแฟแต่ไม่ถนัดกาแฟดำ กาแฟนมอย่างลาเต้ มัคคิอาโต้ มอคค่า หรือ คาปูชิโน่ จึงกลายเป็นเมนูกาแฟยอดฮิตของผู้ที่หลงรักรสชาติอันกลมกล่อมนุ่มละมุน ซึ่งเมนูต่าง ๆ เหล่านี้มีตัวชูโรงที่สำคัญนั่นคือ ฟองนม 
ฟองนมหรือโฟมนมนุ่ม ๆ เป็นฟองอากาศขนาดเล็กที่ถูกห่อหุ้มด้วยโปรตีนและไขมันของนม การตีฟองนมให้ละเอียดเนียนนุ่มขึ้นรูปสวยไม่เหมือนกับการตีไข่ขาวให้ขึ้นฟู แต่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษช่วยนั่นคือ เครื่องตีฟองนม ซึ่งใช้หลักการเพิ่มอากาศเข้าไปในนมพร้อมปรับอุณหภูมินมให้สูงขึ้นประมาณ 55 - 65 องศาเซลเซียส เมื่อถึงจุดที่เหมาะสมโปรตีนและไขมันในนมจะจับตัวกันเป็นตาข่ายเพื่อดักจับฟองอากาศจากก้านเป่าโฟมนม จนได้เป็นฟองนมเนียนนุ่มที่หลายคนชอบ ยิ่งฟองนมมีความเนียนนุ่มมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งให้รสสัมผัสนุ่มมากขึ้นเท่านั้น
ปัจจุบัน เครื่องทำฟองนม มีหลายแบบหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามความต้องการ จึงเป็นเรื่องที่ยากต่อการตัดสินใจสำหรับคอกาแฟมือใหม่อยู่สักหน่อย แต่อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อ เครื่องตีฟองนม นั้นควรพิจารณาจาก
1.   ประเภทของเครื่องทำฟองนม ได้แก่
•   เครื่องตีฟองนมแบบมือถือ ส่วนใหญ่ใช้พลังงานจากถ่านไฟฉาย บางรุ่นอาจจะมีสาย USB ให้ชาร์ท ข้อดีคือใช้งานง่าย ราคาไม่แพง ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับการทำอาหารประเภทอื่นได้ เช่น ตีไข่ หรือใช้เป็นอุปกรณ์ผสมเบเกอรีที่มีปริมาณไม่มากนัก ข้อเสียคือต้องเปลี่ยนถ่านบ่อย ความแรงในการตีไม่คงที่และใช้เวลานานกว่าแบบอัตโนมัติ ทั้งยังไม่มีฟังก์ชันการทำงานแบบอื่นนอกจากปุ่มเปิด-ปิดการทำงานเท่านั้น                                                                 
•   เครื่องตีฟองนมไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ ข้อดีคือมีความเสถียรในการทำงานมากกว่าจึงสามารถตีฟองนมได้เนื้อเนียนละเอียดกว่าในเวลาอันรวดเร็ว มีหลายขนาดให้เลือกตามต้องการพร้อมดีไซน์สวยด้วยรูปทรงแก้วหรือเหยือกที่มีฝาปิดช่วยให้การตีฟองนมไม่กระเด็นสกปรกเปรอะเปื้อน ใช้งานง่าย สะดวก เหมาะกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ ข้อเสียคือราคาสูงกว่า แต่มีความคล่องตัวน้อยกว่าเนื่องจากมีข้อจำกัดของปลั๊กไฟ
2.   ฟังก์ชันการใช้งาน
สำหรับสายกาแฟนมเมื่อจะตัดสินใจซื้อ เครื่องทำฟองนม ควรเลือกที่มีฟังก์ชันครอบคลุมทั้งทำฟองนมร้อน ฟองนมอุ่น และฟองนมเย็น เพื่อรองรับทั้งเมนูกาแฟร้อนและกาแฟเย็น เพราะไม่ว่าจะเป็นลาเต้ ลาเต้อาร์ต มอคค่า นมร้อน หรือ คาปูชิโน่ ต่างต้องการฟองนมที่แตกต่างกัน
3.   เลือกจากวัสดุที่ใช้ผลิต
เครื่องตีฟองนม ที่ผลิตจากสแตนเลสหรือวัสดุ Non-Stick มีข้อดีคือล้างทำความสะอาดง่าย ช่วยประหยัดแรงและเวลาในการล้างทำความสะอาด
หากต้องการ เครื่องทำฟองนม ที่ใช้ได้จริง ขอแนะนำ Aeroccino 3 เครื่องทำฟองนมอัตโนมัติคุณภาพดีจาก Nespresso ภายใต้ดีไซน์เรียบหรูแต่ใช้งานง่ายแค่กดปุ่มเดียวก็สามารถทำได้ทั้งเมนูร้อนและเมนูเย็น แถมยังช่วยประหยัดพลังงาน

ชมรายละเอียดเพิ่ม
https://www.nespresso.com/th/th/aeroccino-accessories-collection
https://www.nespresso.com/th/th/coffee-cup
https://www.nespresso.com/th/th/how-to-make-latte-art

129
   หลายคนเคยชินกับการชงกาแฟแบบเดิม ๆ ที่ใช้ความพิถีพิถัน การจดจ่อ การใช้เวลาในชงนาน ๆ กว่าที่จะได้ กาแฟสด สุดพรีเมียมสักแก้วหนึ่ง... คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถทำกาแฟสดแก้วโปรดได้ด้วยตนเอง สำหรับถ้าใครสนใจอยากเปลี่ยนวิธีการชงแบบเดิม ๆ อย่ามองข้ามตัวช่วยอย่าง เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ ที่จะทำให้คุณลืมการชงกาแฟแบบเดิม ๆ ไปได้เลย
เครื่องชงกาแฟสุดล้ำจากแบรนด์ Nespresso ที่จะเปลี่ยนวิธีชงกาแฟแบบเดิม
•   ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟที่สามารถชงกาแฟนมได้อย่างกับไปดื่มที่ร้านกาแฟดัง ๆ เครื่องชงกาแฟแคปซูล จากแบรนด์ Nespresso รุ่น Creatista Plus Metal Stainless Steel เครื่องชงกาแฟที่จัดเต็มมาแบบสุด ๆ มาพร้อมกับก้านสตรีมฟองนมที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องซื้อเครื่องตีฟองนมเสริม ตีฟองนมได้ถึง 4 รูปแบบด้วยกัน มีเทคโนโลยีสร้างฟองนมขนาดเล็ก ทำให้เราสามารถครีเอทเมนูได้หลากหลาย โดยตัวเครื่องนี้สามารถทำเมนู กาแฟสด ได้ถึง 8 เมนูทั้งเมนูกาแฟดำและเมนูกาแฟนม เราสามารถใช้เครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ทำลาเต้อาร์ตสวย ๆ ได้อย่างสบาย ความแตกต่างของเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้กับรุ่นอื่น ๆ คือ สามารถปรับอุณหภูมิของนมได้หลายระดับตามต้องการ ความจุของถังน้ำเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้อยู่ที่ 1.5 ลิตร แรงดัน 19 บาร์ ถ้าพูดถึง วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ เครื่องนี้ต้องบอกเลยว่าง่ายมาก ๆ มีทั้งปุ่มกดและหน้าจอระบบสัมผัสใช้งานง่ายมาก ๆ  เพียงใส่แคปซูลกาแฟลงในช่องใส่แคปซูลกาแฟและเลือกเมนูที่ต้องการชงเท่านั้นเอง
•   ส่วนถ้าใครเน้นดื่มกาแฟดำเป็นประจำทุกวันอยู่นั้น ขอแนะนำ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ขนาดเล็กน่ารัก ดีไซน์สวยลงตัว รุ่น Essenza Mini มีความจิ๋วแต่แจ๋ว จะนำไปตั้งอยู่ห้องไหน ๆ ของบ้านก็ช่วยส่งเสริมให้บ้านดูดีมากยิ่งขึ้น วิธีใช้งานตัวเครื่อง ก็ไม่ยากอย่างที่คิด แค่กดปุ่มเลือกเมนูกาแฟดำที่ต้องการชงคือ กาแฟแบบเอสเปรสโซและกาแฟลุงโก เมื่อกดปุ่มแล้ววางถ้วยกาแฟที่แท่นวางและรอเพียงไม่กี่สิบวินาทีก็จะได้กาแฟสุดหอมกรุ่นออกมาแล้ว ตัวเครื่องทำความร้อนได้เร็ว ถึงน้ำถอดเติมน้ำได้ การเติมน้ำหนึ่งครั้งสามารถทำกาแฟได้ต่อเนื่องหลายแก้ว
เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ จาก Nespresso รุ่น Creatista Plus Metal Stainless Steel และเครื่องชงกาแฟรุ่น Essenza Mini คือตัวช่วยในการชงกาแฟ ให้คุณสามารถสร้างสรรค์เมนูกาแฟสดอย่างที่คุณต้องการได้ด้วยตัวเอง

130
การดื่มกาแฟหากอยากได้ประโยชน์ ต้องเป็นกาแฟดำที่จะให้ประโยชน์สูงสุด เพราะช่วยกระตุ้นในเรื่องของระบบการเผาผลาญของร่างกาย ช่วยกระตุ้นความจำและมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับได้อีกด้วย แต่จะดื่มกาแฟอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและได้รสชาติที่ดื่มง่าย ไม่ขมจนเกินไป
ความแตกต่างของกาแฟ ในการคั่วระดับต่าง ๆ
ในปัจจุบันมีการแบ่งระดับการคั่วกาแฟออกเป็น 3 ระดับด้วยกันได้แก่
-   กาแฟคั่วอ่อน จะใช้ระยะเวลาในการคั่วไม่นาน นับเป็นการแตกของเมล็ดกาแฟรอบแรก สีเมล็ดจะออกน้ำตาลอ่อน แห้ง ไม่มีน้ำมันเกาะผิว ให้รสเปรี้ยว มาพร้อมกลิ่นที่ชัดตามแต่สายพันธุ์และสถานที่ปลูก เหมาะสำหรับการชงร้อนในรูปแบบ espresso หรือ americano ร้อน จิบกาแฟแล้วตามด้วยน้ำเย็นจะช่วยให้ชุ่มคอมากยิ่งขึ้น
-   กาแฟคั่วกลาง จะมีระดับความเข้มที่มากกว่า กาแฟคั่วอ่อน แต่ไม่ขม เข้ม จนเกินไป ยังให้รสเปรี้ยวอยู่บ้าง พร้อมความขมนิด ๆ สีเมล็ดจะออกน้ำตาลเข้มถึงเข้มมาก หอมได้เนื้อกาแฟ เมื่อนำ กาแฟคั่วกลาง  มากลั่นเป็นกาแฟ espresso จะให้สีครีม่าบาง ๆ สามารถนำไปชงดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น
-   กาแฟคั่วเข้ม จะมีความขมเข้ม สีเมล็ดจะออกน้ำตาลเข้มมาก ค่อนไปทางดำเหมือนไหม้ ได้เนื้อกาแฟมาเต็ม ๆ มีกลิ่นหอมฟุ้ง เมื่อนำมากลั่นเป็น espresso จะให้ครีม่าสีทองสวยงาม หากเติมน้ำร้อนลงไปก็จะได้เป็น americano ร้อน พร้อมเสิร์ฟ ได้รสชาติที่ลงตัว ไม่ขมเข้มจนเกินไป เหมาะสำหรับการทำเมนูเย็นและปั่นมากกว่า เพราะไม่ต้องเพิ่มช็อต
แนะนำเมนูกาแฟแคปซูล สูตร MASTER ORIGINS จาก Nespresso
หากอยากชิมกาแฟสดชั้นนำอย่างกาแฟ เอธิโอเปีย, อินเดีย, โคลัมเบีย, นิคารากัวหรือแม้แต่กาแฟอินโดนีเซีย ร้านกาแฟในประเทศไทยส่วนใหญ่จะนิยมใช้เมล็ดกาแฟที่ผลิตในประเทศและเน้นไปที่ กาแฟคั่วเข้ม มากกว่า กาแฟคั่วอ่อน เพราะสามารถทำเมนูกาแฟได้หลากหลายกว่า ในขณะที่กาแฟแคปซูลจาก Nespresso สามารถให้คุณเลือกความอร่อยและสุขภาพที่ดีได้ด้วยตัวคุณเอง มีกาแฟให้เลือกมากถึง 25 รส มีทั้งกาแฟไม่มีคาเฟอีน มาจากแหล่งผลิตกาแฟชื่อดัง สูตร MASTER ORIGINS เช่น India ระดับความเข้ม 11/13 ให้กลิ่นหอมเครื่องเทศ, Columbia ระดับความเข้ม 6/13 ให้ความสดชื่นและกลิ่นผลไม้, Nicaragua ระดับความเข้ม 5/13 ให้ความหอมหวานและรสชาติกล่อมกล่อม เป็นต้น 
สำหรับคอกาแฟที่ต้องการดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์ของกาแฟและได้รับความอร่อย อย่าลืมสั่งกาแฟดำที่ปราศจากน้ำตาล โดยเฉพาะกาแฟแคปซูลจาก Nespresso ที่มีครบทุกรส

131
การ มาส์กหน้า เป็นหนึ่งในขั้นตอนดูแลผิวที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกมากกว่าการทาสกินแคร์บำรุงผิวแบบทั่วไป เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างจัดเต็มควรมาส์กหน้าเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง เพื่อเป็นการเสริมการบำรุงให้ผิวของเราสุขภาพดีมากขึ้น วันนี้เรามี 5 ผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าคุณภาพเยี่ยมมาแนะนำที่จะช่วยให้คุณมีผิวหน้ากระจ่างใสแบบง่าย ๆ ในไม่กี่นาทีที่ใช้

1.   SOME BY MI HYALURON MOISTURIZING GLOW LUMINOUS AMPOULE MASK
แผ่นมาส์กจากยี่ห้อ some by mi ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว รวมถึงมีส่วนผสมของไฮยาลูรอนเข้มข้นช่วยลดเลือนริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้า ทำให้ผิวยกกระชับ ในมาส์ก 1 แผ่น อุดมไปด้วยสารสกัดเข้มข้นเทียบเท่ากับการใช้เอสเซนส์ 1 ขวด ที่สำคัญแผ่นมาส์กหน้า 0.2 มิลลิเมตร ทำให้ผิวได้หายใจและลดการระคายเคืองผิว ยึดติดแนบสนิทกับใบหน้า ไม่หลุดง่าย
2.   เมดิฮีล เคลียร์ อัลฟ่า มาสก์ อีเอ็กซ์
ผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าเพื่อผิวกระจ่างใสจากประเทศเกาหลี มีส่วนผสมของ Clear Alpha Complex อุดมไปด้วยสารสกัดจากโพสเลนช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และยังมีวิตามินซีช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ลดเลือนกระ ฝ้า และจุดด่างดำให้จางลง ที่สำคัญอ่อนโยนเพราะเป็นแผ่นชนิด Silky Soft Rayon ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
3.   บาโนบากิ ไวต้า จีนิค เจลลี่ มาส์ก ไฮเดรติ้ง
ผลิตภัณฑ์ บาโนบากิมาส์ก สูตรเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว มีนวัตกรรมไฮเดรติ้งที่คิดค้นโดยทีมแพทย์ผิวหนังจากโรงพยาบาลบาโนบากิประเทศเกาหลี เป็นเทคโนโลยีการบำรุงผิวที่มาในรูปแบบเจลลี่เซรั่มไลโปโซมที่มีประสิทธิภาพช่วยกักเก็บเอาวิตามินและสารอาหารไว้มากกว่า 59,000 ppm ได้แก่ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี9 วิตามินซี และวิตามินอี นอกจากนั้นยังมีน้ำแร่บริสุทธิ์จากเกาะเจจูและไฮยาลูรอเนท ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
4.   บีเค แอคเน่ บาลานซิ่ง มาส์ก
มาส์กหน้า bk acne สูตรเนื้อโคลนที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาสิวโดยเฉพาะ อุดมไปด้วยน้ำมันสกัดธรรมชาติจากใบทีทรีในประเทศออสเตรเลีย และยังมีสาร SEBOCLEAR-MP ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว นอกจากนั้นยังมีสารสกัดจากมัลเบอร์รี่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ผลัดเซลล์ผิวหน้า ช่วยให้ผิวไร้รอยแดงรอยดำจากสิว แถมยังช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงอีกด้วย
5.   ฮาดะ ลาโบะ แอนไท-เอจจิ้ง มาส์ก
ที่มาร์คหน้า สูตรใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น มีส่วนผสมของ Elasgrow สารลิขสิทธิ์เฉพาะมีขนาดโมเลกุลเล็กช่วยเสริมประสิทธิภาพอีลาสตินใต้ชั้นผิวทำให้คอลลาเจนใต้ผิวทำงานได้ดี ส่งผลให้ผิวยกกระชับไม่หย่อนคล้อย ไม่เพียงเท่านั้นยังมี 3D Hyaluronic Acid ชนิดพิเศษช่วยล็อกและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวเต่งตึงเปล่งประกายไม่เหี่ยวย่น และทำให้ผิวอิ่มฟูไม่แห้งกร้าน

ทั้ง 5 ไอเทมมาส์กหน้าเพื่อผิวกระจ่างใส สามารถเข้าไปช้อปได้ที่วัตสัน พร้อมกับรับ โปรโมชั่นวัตสัน สุดคุ้มอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น โปรวัตสัน 1 แถม 1 ล่าสุด มีโปรชิ้นที่ 2 1 บาทรับรองเลยว่าคุ้มค่า

132
   มอยส์เจอไรเซอร์ สกินแคร์ที่หลาย ๆ คนมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วเป็นสกินแคร์เบสิกในการบำรุงผิวที่ทุกคนควรมีติดบ้าน เพื่อเติมความชุ่มชื้น ช่วยแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ทั้งริ้วรอย ผิวขาดน้ำ และปัญหาสิว ทำให้ผิวแข็งแรง เรามาติดตามเคล็ดลับทําให้ผิวสวยไปพร้อมกัน
   
เคล็ดลับการทา มอยส์เจอไรเซอร์ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
ก่อนจะทามอยส์เจอไรเซอร์ สิ่งสำคัญคือการเลือกให้เหมาะกับประเภทผิว โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย มาดูกันว่าต้องลงมอยส์เจอไรเซอร์แบบไหน ใช้ทาได้ตอนเช้าและตอนเย็น แนะนำให้ทาหลังล้างหน้าภายใน 3 นาทีดีที่สุด เนื้อสกินแคร์จะซึมลงผิวได้ดีขึ้น แนะนำให้ใช้นิ้วกลางหรือนิ้วนางทามอยส์เจอไรเซอร์ลงบนผิวหน้า โดยทาจากล่างขึ้นบนแล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าจนถึงลำคอ ค่อย ๆ ทาทีละน้อย ถ้ารู้สึกว่าหน้ายังแห้งอยู่ให้ลงเพิ่ม ไม่ควรทาเป็นวงกลมเพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย
สำหรับการเรียงลำดับการทาสกินแคร์ แนะนำให้เริ่มทาผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาและดูดซึมได้ง่ายก่อน เริ่มด้วยโทนเนอร์เช็ดผิวให้สะอาด แต้มยาทาสิว ลงเซรั่ม แล้วตามด้วยอายครีม มอยส์เจอร์ไรเซอร์และครีมเนื้อหนา แต่ละชั้นควรทาบาง ๆ เพราะถ้าทามากเกินไปจะทำให้หน้ามันวาวและเกิดสิวอุดตันได้

เลือก มอยเจอร์ไรเซอร์ตัวไหนดี ของ ELCA เหมาะกับสภาพผิว
การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวมีสุขภาพดี ขอแยกตามประเภทของผิวหน้า ดังนี้
•   ผิวแห้ง เป็นผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นมากที่สุด ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อครีมอย่างสม่ำเสมอ เคลือบผิวไม่ให้ความชื้นระเหยออกไป เนื้อครีมข้นกว่าปกติช่วยคงความชุ่มชื้นยาวนาน หากผิวแห้งมากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทาตอนก่อนนอนได้
•   ผิวเป็นสิว เลือกสูตรที่มีส่วนผสมที่ป้องกันการเกิดสิวใหม่ พร้อมกับช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป ปรับสีผิวให้เรียบเนียน ขจัดความหมองคล้ำและจุดด่างดำ พร้อมเผยผิวกระจ่างใสกว่าเดิม
•   ผิวปกติ เหมาะกับการทาโลชั่นหรือ moisturizer ที่มีส่วนผสมของน้ำเป็นส่วนใหญ่ แห้งเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ หากสภาพอากาศหนาวเย็นขึ้น ก็ค่อยเปลี่ยนไปใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมหลักก็ได้
•   ผิวมันและผิวผสม แนะนําmoisturizer เนื้อเจลที่มีส่วนผสมของน้ำ จะทำให้ซึมซาบสู่ผิวได้ง่ายและไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่อุดตันผิว ส่วนผิวผสมควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวมันบริเวณทีโซน
•   ผิวบอบบางและแพ้ง่าย ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน ป้องกันการระคายเคือง ผื่นคัน และอาการแพ้

หากคุณกำลังมองหามอยส์เจอไรเซอร์ที่ดี ขอแนะนำ La Mer ช่วยดูแลฟื้นบำรุงผิวหน้าแก้ปัญหาผิวมัน ผิวแห้ง และเป็นเกราะป้องกันผิวแพ้ง่ายหรือมีปัญหาสิว ถ้าเลือกได้ดีและใช้ถูกวิธี จะทำให้ครีมบำรุงเข้าไปดูแลผิวอย่างเต็มที่ เพื่อผิวพรรณที่นุ่มชุ่มชื้นกว่าที่เคย

ชมรายละเอียดที่
https://praew.com/praew-special/518840.html

133
นอกจาก คอนแทคเลนส์ จะช่วยให้คุณทำกิจกรรมต่าง ๆ คล่องตัว ปัจจุบันหลายคนยังหันมาใส่คอนแทคเลนส์ตามแฟชั่น เพราะใส่แล้วจะให้ลุคที่แตกต่างออกไป นั่นทำให้การใส่ คอนแทคเลนส์สายตา ไม่ได้ถูกจำกัดสำหรับผู้มีปัญหาสายตาอีกต่อไป แม้การใส่ตามแฟชั่นจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถึงอย่างนั้นควรศึกษาให้ชัวร์ก่อนซื้อ เพราะคอนแทคเลนส์มีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น คอนแทคเลนส์รายวัน ของ Watsons รายเดือน แถมยังมีทั้งชนิดนิ่มและชนิดแข็ง เพราะฉะนั้นลองมาดูกันว่าก่อนซื้อคอนแทคเลนส์ต้องรู้อะไร

รวมทริคต้องรู้ก่อนซื้อ คอนแทคเลนส์ ของ Watsons
•   วัดค่าสายตาก่อนซื้อ
ใครที่มีปัญหาสายตา มองอะไรก็ไม่ชัด ใช่ว่าจะเดินไปซื้อ คอนแทคเลนส์ ได้เลย วิธีที่ดีที่สุดคือการปรึกษาจักษุแพทย์ก่อน โดยเฉพาะการใส่คอนแทคเลนส์ครั้งแรก เพื่อวัดค่าสายตาและเพื่อให้จักษุแพทย์แนะนำว่าควรใส่ประเภทใด นอกจากนี้ความโค้งของดวงตาและเส้นผ่านศูนย์กลางดวงตาแต่ละคนไม่เท่ากัน การปรึกษาจักษุแพทย์จึงช่วยให้เลือกคอนแทคเลนส์แม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ได้คอนแทคเลนส์ที่มีค่าสายตาพอดี มองเห็นชัด เมื่อใส่แล้วจะไม่มีปัญหาข้างเคียงตามมาภายหลัง
•   รู้จักชนิดของคอนแทคเลนส์ก่อนเสมอ
คอนแทคเลนส์สายตา มีทั้งชนิดแข็งและชนิดนิ่ม ชนิดนิ่มมาพร้อมจุดเด่นในการอุ้มน้ำและทำให้ออกซิเจนซึมผ่านได้ดี เมื่อใส่แล้วสบายตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาไม่สูงมากหรือไม่มีค่าสายตา สำหรับชนิดแข็งเหมาะกับผู้เริ่มใส่คอนแทคเลนส์ เพราะอยู่ทรงดีกว่า หากใส่นาน ๆ อาจทำให้รู้สึกว่าตาแห้ง เหมาะกับผู้ที่มีสายตาสั้น สายตาเอียง และสายตายาว
•   คอนแทคเลนส์รายวัน รายเดือน และรายปี
คอนแทคเลนส์มีหลายประเภททั้งแบบรายวัน รายเดือน และรายปี สำหรับ คอนแทคเลนส์รายวัน เป็นแบบใช้แล้วทิ้งวันต่อวัน สำหรับรายเดือนสามารถใช้ได้นาน 30 วัน แต่ถึงอย่างนั้นต้องถอดออกทุกวันและรักษาความสะอาดสูงเพื่อลดการติดเชื้อ สำหรับรายปีปัจจุบันไม่นิยมใช้เพราะเสี่ยงสกปรกง่าย
•   เช็กวันหมดอายุเสมอ
ก่อนตัดสินใจซื้อคอนแทคเลนส์ควรเช็กฉลากวันหมดอายุก่อนเสมอ เพราะบางครั้งอาจเจอร้านที่นำสินค้าหมดอายุหรือใกล้หมดอายุมาวางขาย ที่ต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้มากเพราะคอนแทคเลนส์เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่แนบชิดกับดวงตา หากใช้แบบที่หมดอายุแล้วอาจส่งผลให้ดวงตาอักเสบ ติดเชื้อ นำมาซึ่งปัญหาเกี่ยวกับดวงตาได้
•   เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันมีแบรนด์คอนแทคเลนส์เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะแบรนด์คอนแทคเลนส์แฟชั่น แม้จะมีแบรนด์น่าเชื่อถือหลายแบรนด์แต่ถึงอย่างนั้นบางแบรนด์กลับไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ซึ่งคอนแทคเลนส์ถือเป็นเครื่องมือแพทย์ ผู้ผลิตและนำเข้าจึงจำเป็นต้องได้รับการรับรองตามกฎหมาย ก่อนตัดสินใจซื้อจึงควรดูให้ดีว่าคอนแทคเลนส์ได้รับการรับรองหรือไม่จะได้ใส่อย่างมั่นใจ นอกจากสวยแล้วยังปลอดภัยด้วย

คอนแทคเลนส์สายตา หรือคอนแทคเลนส์แบบไม่มีค่าสายตา ไม่ว่าจะแบบไหน ๆ แน่นอนว่าก่อนตัดสินใจซื้อควรเลือกให้เหมาะกับเรามากที่สุด ที่สำคัญต้องเป็นคอนแทคเลนส์ได้มาตรฐานใส่แล้วจะได้สวยแบบปลอดภัย นอกจากนี้ควรดูแลรักษาความสะอาดเสมอ แช่คอนแทคเลนส์ด้วยน้ำสะอาด เปลี่ยนน้ำยาแช่ทุกครั้งหลังใช้งาน สำหรับใครที่อยากเสกดวงตาให้สวยปิ๊ง มองเห็นชัดแจ๋ว สามารถเลือกซื้อคอนแทคเลนส์ชนิดต่าง ๆ ได้แล้วที่ วัตสันออนไลน์ ช้อปสะดวกโดยไม่ต้องเดินทางไปที่ร้าน ที่สำคัญ โปรโมชั่นวัตสัน เพียบ รับรองว่าได้ซื้อกันแบบคุ้ม ๆ สบายเงินในกระเป๋า

134
   “ครีมกันแดด” ถือเป็นสกินแคร์ที่ห้ามขาดในการดูแลผิวหน้าและผิวกาย หลายคนรู้ว่าครีมกันแดดนั้นสำคัญและมีข้อดีอย่างไร แต่ก็มีคนจำนวนอีกไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการไม่ทาครีมกันแดดจะเป็นอย่างไร แล้วจะเลือกครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะกับผิวหน้าและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดี วันนี้จะตอบทุกข้อสงสัย พร้อม แนะนำครีมกันแดดทาหน้า ที่ควรมีรับหน้าร้อนนี้

ความน่ากลัวของการละเลย ไม่ใช้ กันแดด
•   ทำให้ผิวหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
•   ผิวไหม้จากแสงแดด
•   แสบผิว เกิดอาการคันและรอยแดงที่ผิว
•   เกิดริ้วรอยง่าย หน้าแก่ก่อนวัย
•   เกิดปัญหาผิว เช่น เป็นฝ้า กระ และจุดด่างดำ ผิวแห้ง คัน

เคล็ดไม่ลับในการเลือกครีมกันแดด
•   เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว เช่น ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวมัน เพื่อปกป้องและบำรุงผิวได้ตรงจุดไปในเวลาเดียวกัน
•   เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน
•   เลือกครีมกันแดดให้ตรงกับวัตถุประสงค์ ว่าจะใช้ ครีมกันแดดทาหน้า หรือครีมกันแดดทาตัว
•   เลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับช่วงอายุ เพื่อลดปัญหาผิวที่อาจจะเกิดตามมาในภายหลัง

แนะนำครีมกันแดดทาหน้า 10 ยี่ห้อที่ควรมีรับซัมเมอร์นี้
1.   Clear Nose ครีมกันแดด ยูวี ซัน เซรั่ม
กันแดดบูสเตอร์จาก เคลียร์ โนส สูตรน้ำ ไม่อุดตันผิว เนื้อเซรั่มกระชับรูขุมขน มีความบางเบาสบายผิว ไม่เป็นคราบ ไม่เหนียวเหนอะหนะ คุมมัน ช่วยลดการเกิดสิว ปกป้องผิว และสะท้อนรังสี UVA และ UVB ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย เอสพีเอฟ50+ พีเอ ++++ เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวแพ้ง่าย หรือเป็นสิวง่ายก็สามารถใช้ได้ กันน้ำ หน้าไม่เยิ้มระหว่างวัน ทาก่อนลงเล่นกีฬากลางแดด หรือว่ายน้ำได้ ช่วยปกป้องผิวหมองคล้ำจากแสงแดด ขนาด 80 มล. ราคาโปรโมชันช่วงนี้ 495 บาท จากราคาปกติ 990 บาท

2.   ครีมกันแดดมิซึมิ ยูวี วอเตอร์ เซรั่ม ซองสีฟ้า
   ครีม กันแดด สูตรน้ำลดการอุดตันของผิว เนื้อบางเบา คุมมัน ไม่ทำให้หน้ามันระหว่างวัน เบาสบายผิว ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีแบบ 100% ปราศจากน้ำหอม น้ำมัน แอลกอฮอล์ สีสังเคราะห์ และพาราเบน เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เอสพีเอฟ 50+ พีเอ++++ ขนาด 40 กรัม ราคา 399 บาท

3.   ลอรีอัล ปารีส ยูวี ดีเฟนเดอร์ มอยส์ แอนด์ เฟรช ลอง ยูวีเอ
ครีมกันแดดเซรั่ม มีระดับการปกป้องผิวจากแสงแดด SPF 50+ PA++++ ปกป้องผิวและริ้วรอยจากรังสียูวี ทั้งมลภาวะและ PM2.5 เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมซาบลงสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ด้วยคุณสมบัติของพลังไฮยาลูรอนิค แอซิด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำให้ผิวมากถึง 1,000 เท่า ปกป้องผิวหมองคล้ำ พร้อมกับดูแลผิวให้เรียบเนียนและชุ่มชื้นไปพร้อมกัน แนะนำเลือกขนาด 50 มล. ราคา 599 บาท โปรโมชั่นวัตสัน ช่วงนี้ลดเหลือ 399 บาท

4.   บิวตี้ บี ไบรท์ ซันสกรีน เซรั่ม
   ครีมกันแดดทาหน้า สูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย เนื้อเซรั่ม บางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี ผสานคุณค่าจาก Kakadu plum & Calendula Extract ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ปลอบประโลมและปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายจากมลภาวะ แสงบลูไลท์ UVA และ UVB ทำให้สีผิวสม่ำเสมอและกระจ่างใส ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีและแอลกอฮอล์ SPF50 PA++++ ขนาด 15 g. ราคา 99 บาท

5.   ครีม กันแดด cathydoll ของ Watsons
เคที่ดอลล์ อัลตร้า ไลท์ ซัน ฟลูอิด กันแดดเนื้อฟลูอิด สูตรปกป้องแดดแรง เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ ปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบีได้อย่างยาวนาน ช่วยปลอบประโลมผิวเพราะมีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ให้ผิวรู้สึกเย็นสดชื่น ปราศจากสารพาราเบนและสี ทาซ้ำระหว่างวันได้โดยไม่ทิ้งคราบขาว เอสพีเอฟ 50 พีเอ 40 มล. ราคา 249 บาท

6.   กันแดดบีโอเร ยูวี อะควา ริช วอเตอร์รี เจล
กันแดดสูตรน้ำ เนื้อเจล มีความบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ป้องกันผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำที่เกิดจากรังสียูวีและแสงแดดที่ทำลายผิว ปกป้องสูงสุดลึกในระดับไมโคร ติดทนนาน กันน้ำและเหงื่อ กันแดดบีโอเร SPF 50+ PA++++ มีส่วนผสมของสารสกัดน้ำนมผึ้ง และกรด Hyaluronic Acid ช่วยบำรุงผิวให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน เหมาะกับทุกสภาพผิว ขนาด 90 มล. ราคา 247 บาท

7.   ครีมกันแดด ศรีจันทร์ ซันลูชั่น ซันสกรีน แอคเน่ แคร์ อัลตร้า โพรเท็ค x3
แนะนำครีมกันแดดทาหน้า สูตรกู้หน้าใสไกลสิว คุมมันด้วย BHA Salica Acid ช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน ผลัดเซลล์ผิวให้เรียบเนียน ทำให้สีผิวสม่ำเสมอ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ด้วยคุณค่าจาก Natura Mineral Marine Water น้ำแร่บริสุทธิ์ และมีสาร PHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ผิวเรียบเนียนเสมอกัน มี SPF50+ PA++++ ขนาด 40 มล. ราคา 189 บาท

8.   บลอส เนทูร่า ยูวี โซลูชั่น ทริปเปิ้ล โพรเทคชั่น
ครีมกันแดดทาหน้า บลอส ช่วยปกป้องผิวได้มากถึง 3 เท่า ปกป้องผิวจากแสงบลูไลท์ เขม่าฝุ่นควัน ฝุ่น PM2.5 แสง UVA และ UVB ปราศจากสารระคายเคืองทั้ง 8 ประการ ได้แก่ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม น้ำมัน พาราเบน แอลกอฮอล์ สีสังเคราะห์ กรดพารา-อะมิโนเบนโซอิก สารเคมีที่ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว และปราศจากอนุพันธ์ของวิตามิน A นาโน พาร์ทิเคิล เอสพีเอฟ 50+ พีเอ+++ ปริมาณ 35 กรัม ราคา 249 บาท

9.   วาสลีน เฮลธี้ ไบร์ท เดลี่ ซัน รีเฟรชชิ่ง เซรั่ม
เซรั่มกันแดดสูตรเย็น ปกป้องผิวครอบคลุม 5 มิติ เอสพีเอฟ 50+ พีเอ++++ ปกป้องผิวจากมลภาวะ แสงสีฟ้า สภาพอากาศเย็น UVA และ UVB มีส่วนผสมของวิตามินอี วิตามินซี และวิตามินบี 3 ช่วยให้ผิวมีความกระจ่างใส ช่วยล็อคความชุ่มชื้นจากภายใน ปกป้องผิวไม่ให้แห้งกร้าน ให้ผิวรู้สึกเย็นสบายผิว และสดชื่น ขนาด 170 มล. ราคา 165 บาท

10.   นีเวียกันแดด เอ็กตร้า โพรเทคต์ ออร่า ไพรเมอร์ ซันแคร์
   กันแดดในรูปแบบของไพรเมอร์ SPF50 + และ PA +++ ปรับสีผิวสม่ำเสมอและกระจ่างใสได้ตลอดทั้งวัน ปกป้องผิวจาก UVA และ UVB รวมทั้ง UVA1 ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นจากวิตามิน E และเทคโนโลยีไฮดร้า ไอคิว นีเวียกันแดด ซัน ออร่า เซรั่ม ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบ 2 อิน 1 คือเป็นทั้งครีมกันแดด และเป็นรองพื้นก่อนแต่งหน้าได้ หน้าไม่วอก ไม่ลอย ด้วยคุณสมบัติของไพรเมอร์ที่ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ ซึบซาบเร็ว ไม่เยิ้มระหว่างวัน ขนาด 30 มล. ราคา 259 บาท
   
สำหรับใครที่สนใจครีมกันแดดรุ่นไหน ของยี่ห้อใดที่ได้แนะนำไปข้างต้น หรือหากใครสนใจสั่งซื้อผ่านช่องทาง watson online รับโปรโมชั่นพร้อมรับส่วนลดค่าส่งและส่วนลดมากมาย สามารถดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://www.watsons.co.th/th/

135
   คอกาแฟที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟสดเป็นชีวิตจิตใจ ต่างก็สนใจที่จะมี เครื่องชงกาแฟแคปซูล ติดบ้านไว้ เพราะจะทำให้คุณรังสรรค์เมนูกาแฟสดดื่มเองได้ไม่ซ้ำแบบไม่ต้องถ่อออกจากบ้านไปนั่งคาเฟ่อีกต่อไป ซึ่งเครื่องชง กาแฟสด ที่น่าสนใจคือรุ่น Gran Lattissima ของ Nespresso ลองมาดูกันว่าความพิเศษที่จะทำให้คุณว้าวนั้นมีอะไรบ้าง
   เครื่องชงกาแฟแคปซูล Gran Lattissima ของ Nespresso เป็นเครื่องชงกาแฟอัจฉริยะที่เปลี่ยนภาพเดิม ๆ ที่ยุ่งยากให้การชงกาแฟง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เราไม่จำเป็นจะต้องมานั่งตระเตรียมคำนวณเมล็ดกาแฟบดผงสำเร็จรูป ไม่ต้องต้มน้ำด้วยกาต้มน้ำที่ใช้เวลานาน ๆ อีกต่อไป ไม่จำเป็นจะต้องมานั่งสตรีมทำฟองนมให้มากความ เพราะเจ้าเครื่องชงกาแฟ Gran Lattissima เครื่องเดียวสามารถเอาอยู่ทุกเมนูกาแฟทั้งกาแฟดำและกาแฟผสมนมแบบ 2 in 1 ในเครื่องเดียว
   วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ ใช้งานคู่กับ แคปซูลกาแฟ สำเร็จรูป เพียงแค่ใส่ลงไปในเครื่อง จากนั้นก็เติมน้ำเปล่าลงไปในแทงก์น้ำด้านหลังเครื่อง ใครที่อยากจะดื่มกาแฟผสมนมก็เติมนมสดลงไปในแทงก์สตรีมนม แล้วจึงกดปุ่ม power เปิดเครื่อง รอให้เครื่องเซ็ตตัวในเวลาไม่กี่วินาที เพราะมีระบบทำความร้อนเร็วที่มาพร้อมกับแรงดันน้ำ 19 บาร์ ซึ่งแรงอัดจะช่วยชงทะลุผ่านผงกาแฟใน กาแฟแคปซูล ให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบลงตัว ที่สำคัญใช้เวลาไม่นานเมื่อเทียบกับการต้มน้ำด้วยกาน้ำร้อนทั่วไป มั่นใจได้ว่ารวดเร็วประหยัดเวลาแน่นอน ไม่ว่าจะเร่งรีบแค่ไหนก็ไม่พลาดที่จะดื่มกาแฟอีกต่อไป
   พอเครื่องเซ็ตตัวแล้วนั้นก็จะมีไฟกะพริบให้เราเลือกกดปุ่มฟังก์ชั่น ซึ่งก็มีมาให้เลือกถึง 6 ปุ่ม ตามเมนูการชงกาแฟ เช่น เอสเพรสโซ่ ลุงโก้ ลาเต้ มัคคิอาโต้ คาปูชิโน่ และฟองนมอุ่น อยากจะดื่มเมนูไหนก็เลือกกดตามต้องการ เครื่องก็จะชง กาแฟสด เมนูนั้น ๆ ออกมาใน 5 นาที ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่เราไม่ต้องมานั่งกังวลกับปริมาณน้ำ นม และผงกาแฟที่ใช้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส คุณก็จะได้กาแฟแก้วโปรดที่สุดแสนจะเฟอร์เฟ็กทั้งกลิ่น หน้าตา และรสชาติ
   ถ้ามีเครื่องชงกาแฟ Gran Lattissima ของ Nespresso รับรองเลยว่าชีวิตจะง่ายและสะดวกขึ้น แถมยังมี วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ ที่ง่ายแสนง่าย แม้ไม่ใช่บาริสต้าหรือมีความรู้เรื่องกาแฟก็สามารถชงกาแฟแก้วพิเศษไว้ดื่มด้วยตัวเองได้

136
   การชง เมนูกาแฟ แต่ละเมนูมีเคล็ดลับในการเพิ่มความอร่อยที่ไม่เหมือนกัน ใครกำลังตามหา สูตรกาแฟเย็น สุดปัง สำหรับชงเอง โดนใจแน่นอน
สูตรทำลาเต้เย็น และสูตรมอคค่าเย็น ตามแบบฉบับกาแฟ Nespresso
•   สูตรแรกคือมอคค่าเย็น ส่วนประกอบของเมนูนี้คือ โกโก้ปริมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ กาแฟแคปซูลเอสเปรสโซจำนวน 1 แคปซูล นมสดร้อนปริมาณ 80 มิลลิลิตร วิธีการทำ เมนูกาแฟ นี้ก็คือนำกาแฟแคปซูลใส่ลงไปในเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ กดเมนูชงกาแฟเป็นแบบเอสเปรสโซ เมื่อได้กาแฟสดที่ต้องการแล้วสามารถนำไปผสมรวมกับนมสดร้อน ด้วยอัตราส่วนของกาแฟสดต่อนมสด (กาแฟ 1 ส่วนและนมสด 2 ส่วน) หรือถ้าใครที่ชงโดยเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่มีโปรแกรมของเมนูมอคค่าอยู่แล้วก็สามารถกดเลือกที่ปุ่มเมนูได้เลย หลังจากได้ส่วนผสมข้างต้นแล้ว ให้เติมผงโกโก้หรือน้ำเชื่อมรสโกโก้ตามลงไป ผสมส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เติมน้ำแข็งตามลงไป เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูมอคค่าเย็นสุดอร่อยแล้ว
•   และอีกเมนู สูตรลาเต้เย็น สุดฟินจนต้องบอกต่อ เมนูลาเต้เย็นเป็นเมนู กาแฟใส่นม ที่นำไปสร้างสรรค์หรือประยุกต์สูตรได้หลากหลายสไตล์ ผู้ที่ไม่ชอบกาแฟแบบเข้ม ขม ๆ สามารถดื่มเมนูนี้ได้ วิธีการทำก็แสนจะง่ายดายเพียงแค่ กดชงกาแฟแคปซูลจำนวน 1 แคปซูลให้ได้ปริมาณ 40 มิลลิลิตร นำนมสดร้อนที่ผ่านการสตรีมเติมลงไปในปริมาณ 80-120 มิลลิลิตร ผสมส่วนผสมทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน เติมน้ำเชื่อมหรือน้ำตาลตามต้องการเพื่อเพิ่มรสชาติหวานให้กับเมนูลาเต้ นำไปทำเป็นลาเต้เย็นด้วยการเติมน้ำแข็งก้อนเล็กลงไปหรือนำไปเข้าตู้เย็นเพื่อลดอุณหภูมิของเครื่องดื่มกาแฟลาเต้  เมื่อต้องการเสิร์ฟให้ทำฟองนมวางที่ด้านบน โรยผงอบเชยหรือผงช็อกโกแลตเล็กน้อยที่บริเวณด้านบนฟองนมเพื่อเพิ่มความน่าดื่มยิ่งขึ้น
2 สูตรกาแฟเย็น ที่ได้แนะนำล้วนแล้วแต่เป็นเมนูกาแฟนมที่มีความอร่อยชวนฟินแบบสุด ๆ โดยสูตรชงกาแฟนั้นสามารถปรับสัดส่วนให้ตรงกับความชอบของตนเองหรือใครจะนำไปชง กาแฟใส่นม ตามเลยก็ได้เช่น รับรองว่าต้องติดใจอย่างแน่นอน

137
   กาแฟสด ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม บวกกับความหอมของกาแฟ จึงทำให้กลายเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายคน เชื่อว่าหลายคนที่เคยสั่งกาแฟในร้านแพง ๆ จะเคยเจอคำถามจากบาริสต้ากันไปแล้วบ้าง จะเลือกกาแฟแบบไหนดี กาแฟคั่วเข้ม กาแฟคั่วอ่อน หรือ กาแฟคั่วกลาง ดี บางคนก็อาจจะงง ๆ ว่าคืออะไร แล้วต้องเลือกแบบไหน วันนี้จะพาทุกคนไปดูเทคนิคการเลือกระดับการคั่วของกาแฟ ว่าแบบไหนเหมาะกับเมนูอะไร ตามมาดูกัน
ความแตกต่างของกาแฟ คั่ว มีผลต่อรสชาติที่หลายคนไม่เคยรู้
   กาแฟสดในทุกวันนี้ที่เราดื่มมีระดับความเข้มของกาแฟที่ไม่เท่ากัน ความเข้มข้นของกาแฟหรือที่หลายคนอาจจะมีคุ้นหูกันมาบ้างว่า บอร์ดี้กาแฟซึ่งมาจากการคั่วของเมล็ด กาแฟ ในแต่ละระดับนั่นเอง ซึ่งกาแฟทั่วโลกจะมีระดับ ความแตกต่างของกาแฟ ในการคั่ว แบ่งออกได้ 3 ระดับ ดังนี้
1.   กาแฟคั่วเข้ม
เป็นการคั่วเมล็ดกาแฟที่ใช้ความร้อนและระยะเวลาการคั่วที่ยาวนาน จนทำให้สีของเมล็ดกาแฟมีสีที่ค่อนข้างเข้มไปจนถึงเกือบดำ รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมที่เกิดจากการไหม้ แต่มีคาเฟอีนต่ำสุด ด้วยลักษณะเฉพาะตัวของกลิ่นและบอร์ดี้ของกาแฟที่เข้มข้นจนขมนี้เอง ทำให้ กาแฟคั่วเข้ม เหมาะในการชงเมนูกาแฟเย็น ที่ใส่นมมาก ๆ อย่างอเมริกาโนหรือเอสเปรสโซ นั่นเอง
2.   กาแฟคั่วอ่อน
เป็นกาแฟคั่วที่ใช้เวลาและความร้อนในการคั่วน้อยที่สุด สามารถสังเกตจากสีของเมล็ดกาแฟได้ สีจะอ่อนมาก ออกเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือค่อนไปทางเหลืองอ่อน มีรสชาติที่เป็นรสกาแฟแท้ ออกเปรี้ยวปนหวาน มีกลิ่นความหอมที่เป็นธรรมชาติ แบบกลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ตามแหล่งที่ปลูก กาแฟคั่วอ่อน จะมีคาเฟอีนสูงที่สุด เพราะการคั่วในระยะเวลาที่สั้นทำให้คาเฟอีนไม่ได้ถูกทำลาย เหมาะกับชงแบบร้อน ที่นิยมมากที่สุดคือชงแบบดริป
3.   กาแฟคั่วกลาง
เป็นการคั่วเมล็ดกาแฟแบบความร้อนและระยะเวลาคั่ว กลาง ๆ ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม มีความเปรี้ยวเล็กน้อย เริ่มมีรสขมปนหวาน เป็นระดับการคั่วที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด เหมาะกับการชงเมนูทั้งร้อนและเย็น ชงเมนูได้หลากหลาย ทั้ง latte คาปูชิโน่ มอคค่า เป็นต้น ซึ่งเทคนิคที่จะเลือกกาแฟคั่วกลางให้มีความอร่อย ในทุกแก้วที่ชงแล้วละก็ นอกจากสังเกตจากสีของเมล็ดกาแฟที่ไม่อ่อนหรือเข้มจนเกินไปแล้วนั้น ยังต้องเลือกเมนูให้เหมาะกับระดับการคั่วอีกด้วยนะทุกคน
สำหรับใครที่อยากลองชง กาแฟ สดดื่มเองหรืออยากมีเครื่องชงกาแฟสดไว้ติดบ้าน อย่าลืมให้ความสำคัญกับเรื่องของฟังก์ชั่นและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ หากยังไม่รู้จะเลือกแบรนด์ไหน แนะนำเครื่องชงกาแฟจาก NESPRESSO ที่จะมาช่วยให้การชงกาแฟเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น ด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ทั้งเรื่องการประหยัดพลังงานและวิธีการใช้งานที่ใคร ๆ ก็ชงกาแฟสดได้เอง

ชมรายละเอียดที่
https://www.nespresso.com/th/th/coffee-roast-levels

138
   เครื่องชง กาแฟแคปซูล เป็นตัวช่วยสำหรับคอกาแฟยุคใหม่ ที่ให้ทั้งความสะดวก รวดเร็วและยังได้รสชาติกาแฟสดที่เข้มข้นหอมกรุ่น เพราะเป็นกาแฟแท้ที่ถูกคั่วบดและบรรจุไว้อย่างดีในแคปซูลที่ปิดซีลสนิทด้วยแผ่นฟอยล์สำหรับเก็บรสชาติและความหอมของกาแฟไว้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แคปซูลกาแฟ ถูกออกแบบมาสำหรับใช้กับเครื่องชงกาแฟ โดยแคปซูลแต่ละอันจะสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว
   วิธีชงกาแฟด้วยเครื่องชง กาแฟแคปซูล นั้นเริ่มจากการใส่แคปซูลรสชาติที่ต้องการลงไปในเครื่องชงกาแฟ กดปุ่มและรอให้เครื่องทำงาน ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 1 นาทีก็จะได้ดื่มกาแฟสดเต็มรสชาติโดยไม่ต้องเสียเวลาบดกาแฟ ตวงกาแฟ ฯลฯ เหมือนกับการใช้เครื่องชงกาแฟสดทั่วไป ทั้งยังได้รสชาติกาแฟที่มีความเสถียรอีกด้วย
   ยิ่งคนที่ต้องการได้รับ ประโยชน์ของกาแฟ แล้ว ยิ่งเทใจให้กับการใช้เครื่องชง กาแฟแคปซูล มากขึ้น เพราะได้กาแฟแก้วโปรดที่เต็มเปี่ยมด้านรสชาติ กลิ่น และคุณประโยชน์ของกาแฟ ในด้านต่าง ๆ ที่น่าสนใจอีกอย่างคือสามารถเลือกความหลากหลายของแคปซูลได้อีกด้วย เช่น แคปซูลของ Nespresso หากต้องการกลิ่นของเครื่องเทศแบบตะวันออก ก็สามารถเลือกแคปซูลชนิด Master Origin India ซึ่งให้รสชาติของกาแฟโรบัสต้าอินเดียผสมผสานอย่างลงตัวกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศ
   
แนะนำแคปซูลรสชาติกาแฟที่เหมาะกับการชง 2 สูตรกาแฟสุดคลาสสิก: กาแฟดำและกาแฟนม
1.   สูตรอเมริกาโน่ ที่สุดของกาแฟดำ เพราะกาแฟดำ มีประโยชน์อย่างหลากหลายทั้งในด้านการช่วยลดน้ำหนัก ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งบางชนิด ช่วยในเรื่องความจำและลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือด การชงกาแฟดำจาก แคปซูลกาแฟ นั้น ทำได้ง่ายมาก เพียงเลือกแคปซูลที่เป็นรสกาแฟที่เหมาะกับการชงกาแฟดำ อาทิ Ispirazione Napol, Ispirazione Venezia และ Ristretto Italiano จาก Nespresso โดยชงกาแฟในปริมาณ 25 มล. และเติมน้ำร้อนอีก 125 มล.ก็จะได้กาแฟอเมริกาโน่ที่มีรสชาตินุ่มนวล ดื่มง่าย และยังได้กลิ่นหอมที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความสดชื่นได้อีกด้วย
2.   กาแฟนมสูตรละมุน “ลาเต้” เหมาะกับคอกาแฟที่มีความละเมียดละไม และชื่นชอบความละมุนของฟองนมที่เข้ากันได้ดีกับกาแฟดำรสชาติเข้มข้น สำหรับสูตรนี้ต้องมีวัตถุดิบสำคัญคือ แคปซูลที่เป็นกาแฟรสชาติที่ชื่นชอบและนมสด 220 มิลลิลิตร โดยเริ่มจากการใส่แคปซูลเข้าไปในเครื่อง เมื่อได้น้ำกาแฟแล้วก็นำนมสดที่เตรียมไว้ ตีให้เป็นฟองนมให้ได้ 110 มิลลิลิตร แล้วเทใส่ในแก้วกาแฟ โดยให้กาแฟกับขอบแก้วห่างกันประมาณ 1 ซม. จากนั้นก็เติมฟองนมลงไปให้เสมอกับขอบแก้ว เพียงเท่านี้ก็จะได้ฟินกับ “ลาเต้” กาแฟนมนุ่มละมุนที่คอกาแฟคุ้นเคยทันที ส่วนแคปซูลสำหรับกาแฟสูตรนี้ แนะนำเป็น India และ Kazaar จาก Nespresso

แคปซูลกาแฟ ของ Nespresso ที่ให้ความหลากหลายของรสชาติกาแฟ ช่วยเพิ่มสีสันในการดื่มกาแฟได้มากขึ้น มีติดบ้านไว้ทั้งสะดวกและประหยัด ได้ลิ้มรสชาติกาแฟแท้ที่หอมกรุ่นทุกวัน

139
ไอเทมที่ขาดไปไม่ได้เมื่อต้องการทำเมนูกาแฟนมแก้วโปรดก็คือ เครื่องตีฟองนม หรือเครื่องทำฟองนม ถือว่าเป็นหัวใจหลักของเมนูเลยก็ว่าได้

ประเภทของ เครื่องตีฟองนม
•   เครื่องทำฟองนม แบบไร้สาย ใช้ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพียงแต่ต้องถือตลอดการทำงาน เครื่องแบบนี้มีข้อดีตรงที่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายและราคาไม่แพง
•   เครื่องทำฟองนม แบบไฟฟ้า เป็นเครื่องที่มีมอเตอร์ทำงานอัตโนมัติไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม แต่ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลา ใช้เวลาในการทำรวดเร็ว บางรุ่นสามารถปรับอุณหภูมิได้อีกด้วย จึงทำให้เครื่องแบบนี้มีราคาสูงกว่าแบบแรก 
นอกจากนี้การเลือกใช้เครื่องทำฟองนมยังต้องพิจารณาเลือกใช้ชนิดที่ทำจากสแตนเลสหรือพลาสติกแบบ Non-stick เพื่อป้องกันสนิมและคราบที่เกาะติด ทั้งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการรักษาความสะอาด
    เรื่องของการควบอุณหภูมิก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนมที่จะนำมาตีฟองนั้นต้องมีอุณหภูมิต่ำ ดังนั้นจึงต้องแช่นมไว้ในตู้เย็นก่อน แต่เครื่องบางรุ่นก็สามารถปรับอุณหภูมิได้ จึงช่วยเพิ่มความสะดวกได้มากขึ้น แต่เครื่องประเภทนี้ก็จะมีราคาสูงขึ้นเช่นกัน
   สำหรับใครที่ต้องการความรวดเร็วควรเลือกฟังก์ชันความเร็วในการทำงานของเครื่องด้วย ซึ่งโดยปกติเครื่องตีนมแบบใช้ไฟฟ้าจะใช้ระยะเวลาราว 20 วินาที แต่หากเป็นเครื่องแบบมือถือหรือแบบไร้สายจะใช้เวลาในการตีฟองนม 90 วินาที
   ที่สำคัญคือ “บริการหลังการขาย” หลังซื้อเครื่องทำฟองนมมาที่บ้าน ซึ่งต้องตรวจสอบในขั้นตอนของการซื้อว่ามีระยะเวลาในการรับประกันนานแค่ไหน เพราะหากมีปัญหาขัดข้องของเครื่องหลังการใช้งานจะได้ไม่ต้องกังวลหากมีการดูแลต่อเนื่องจากผู้ผลิตหรือผู้ขาย
   เครื่องทำฟองนม Aeroccino 3 จาก Nespresso หนึ่งในเครื่องทำฟองนมที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากใช้งานได้อย่างสะดวก แถมยังโดดเด่นด้วยสไตล์ที่เรียบหรู เหมาะกับการใช้ทำเครื่องดื่มทั้งแบบร้อนและแบบเย็น โดยการทำกาแฟนมสูตรร้อนจะใช้เวลาประมาณ 60 - 70 วินาที ส่วนสูตรเย็นจะใช้เวลาประมาณ 120 วินาที ด้วยความจุ 120 มิลลิลิตร แต่หากทำเป็นนมร้อนเครื่องนี้จะสามารถจุได้ถึง 240 มิลลิลิตร เครื่องทำฟองนมรุ่นนี้ไม่มีปุ่มเปิดปิด เครื่องจะพร้อมใช้งานทันทีเมื่อนำไปวางลงบนฐาน ที่สำคัญยังมีโหมดประหยัดพลังงาน ทำให้ใช้พลังงานในการทำงานแต่ละครั้งเพียง 0.1 วัตต์เท่านั้น

การชงกาแฟรสชาติเข้มข้นผสานกับความนุ่มละมุนจากฟองนมได้ด้วยการใช้เครื่องทำฟองนมให้ตรงกับโจทย์ความต้องการ ก็สามารถฟินกับเครื่องดื่มแก้วโปรดได้แบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปร้านกาแฟ

140
ปัญหารูขุมขนกว้าง รูขุมขนชัดจนเราไม่มั่นใจ หลายคนเลือกที่จะแก้ไขด้วยการใช้เครื่องสำอางปกปิด แต่บางครั้งการทาแป้งหรือรองพื้นกลับทำให้มองเห็นชัดขึ้นไปอีก เพราะแป้งหรือรองพื้นจะไปอุดตันบริเวณที่รูขุมขนกว้างทำให้มองเห็นรูขุมขนชัดกว่าเดิม แต่ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อมีตัวช่วยดี ๆ อย่าง เซรั่มรูขุมขนกระชับ ให้ผิวกระชับเรียบเนียนยิ่งขึ้น ผิวเนียนละเอียด ดูสุขภาพดี และแต่งหน้าง่ายยิ่งกว่าเดิม

แนะนำ 10 สกินแคร์กระชับรูขุมขน สายบิวตี้ห้ามพลาด
1.   Nivea Extra Bright C & Hya Vitamin Anti-Spot Serum
เซรั่มสุดเข้มข้นออกแบบมาเพื่อเสกผิวให้กระจ่างใส พร้อมจัดการปัญหารูขุมขนที่กว้างให้ละเอียดอย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญมีไฮยารูลอน ผิวจึงชุ่มชื้นเต่งตึง บอกลาปัญหาผิวไปได้เลย
2.   Ratcha Vit C Bio Face Serum
เมื่อพูดถึงเซรั่มตัวดังแน่นอนว่าต้องมีชื่อของ เซรั่มวิตซีน้องฉัตร แม้ขวดจะมินิแต่อัดแน่นด้วยส่วนผสมคุณภาพ ใช้แล้วหน้าเนียนใสดูสุขภาพดี ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ใครอยากผิวกระชับกระจ่างใสแนะนำ เซรั่มน้องฉัตร ขวดนี้เลย
3.   Verite Luminous White Serum
นอกจากจะช่วยปรับผิวขาวกระจ่างใสแล้วยังเป็น เซรั่มกระชับรูขุมขน อัดแน่นด้วยสารสกัดจากพืชธรรมชาติ เปลี่ยนรูขุมขนกว้างให้กระชับพร้อมเสกผิวให้กระจ่างใส่ มีน้ำมีนวล ผิวดูสุขภาพดีจนใคร ๆ ก็ต้องทัก
4.   Dr. Pong 711 Poreless Blurring Serum
เซรั่มกระชับรูขุมขน สำหรับคนเป็นสิวง่าย ขวดนี้เหมาะอย่างยิ่งกับคนหน้ามันเพราะช่วยควบคุมความมันระหว่างวัน ลดปัญหาหน้ามันเยิ้ม ช่วยให้ผิวเนียนละเอียด เบลอรูขุมขน และยังทำให้ผิวกระจ่างใส
5.   Labmade Pore Minimizing Spray
เซรั่มรูขุมขนกระชับ มาในรูปแบบสเปรย์เข้มข้น ปราศจากน้ำหอม พาราเบน ผิวแพ้ง่ายใช้ได้แบบไม่ต้องกังวล แถมยังใช้งานง่ายเพียงฉีด ขวดเล็กพกสะดวก เติมความชุ่มชื้นระหว่างวันได้ภายในพริบตา
6.   Skinsista Poreless Smooth Pore Minimizing Booster
เซรั่มลดรูขุมขน สูตรเข้มข้น ช่วยดูแลผิวให้เนียนละเอียด รูขุมขนค่อย ๆ เล็กลง พร้อมทำหน้าที่เสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง ผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้
7.   Plantnery Vit C Orange + Bright Complex Intense Serum
เซรั่ม plantnery ตัวดัง โดดเด่นเรื่องผิวกระจ่างใส แข็งแรง เพราะอัดแน่นด้วยวิตามินซีจากส้มยูซุ แถม เซรั่ม plantnery ยังมาพร้อมคุณสมบัติแบบอัดแน่น ช่วยให้ผิวไบรท์ ลดรอยแดง รอยดำ ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์
8.   Rojukiss Perfect Poreless Serum
อีกหนึ่ง เซรั่มลดรูขุมขน จาก Rojukiss บอกเลยว่าแบรนด์นี้ขึ้นชื่อเรื่องรูขุมขน จัดการรูขุมขนกว้างอย่างมีประสิทธิภาพ ทาแล้วซึมลงชั้นผิวได้อย่างดีเยี่ยม ใช้แล้วผิวเรียบเนียนอย่างเห็นได้ชัด
9.   BSC Super Hyalift C Brightening Serum
เซรั่มรูขุมขนกระชับ เนื้อบางเบา ทาแล้วซึมง่าย อัดแน่นด้วยวิตามินซีและสารสกัดอันเป็นประโยชน์ต่อผิว นอกจากใช้แล้วผิวเนียนกระชับ หน้ายังสว่างใสขึ้น มาในรูปแบบซอง พกพาง่าย
10.   Rojukiss Collagen Face Eye Neck Serum Cleanser
อีกขั้นของ เซรั่มลดรูขุมขน มาในรูปแบบคลีนเซอร์ จัดการผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส ดูแลผิวไม่ให้ร่วงโรย เติมความชุ่มชื้นให้ผิว ผิวเนียนกระชับเพียงล้างหน้าทุกเช้าและก่อนนอน อย่าลืมใช้คู่กับครีมกระชับรูขุมขนจะได้เห็นผลรวดเร็วขึ้น

ใครมีปัญหารูขุมขนกว้าง แต่งหน้าเท่าไหร่ก็ไม่เนียนกริบ แนะนำให้มีตัวช่วยอย่าง garnier เซรั่มกระชับรูขุมขน เปลี่ยนรูขุมขนกว้างให้กระชับขึ้น เพิ่มความมั่นใจอีกครั้ง หากไม่รู้ว่าจะหาซื้อที่ไหน แนะนำ watson online ซื้ออะไรก็สะดวก ช้อปง่ายเพียงคลิกสินค้าที่ถูกใจ แถมยังมี โปรโมชั่นวัตสัน เพิ่มความคุ้มค่าทุกครั้งที่ช้อป ใครมองหาสกินแคร์กระปุกใหม่ แนะนำเลย!

141
การดื่มกาแฟสดทุกวัน มีประโยชน์ตรงที่ช่วยเรื่องสลายไขมัน ขยายหลอดเลือด ระงับอาการปวดศีรษะ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง แต่น้อยคนนักที่จะมีเวลาไปซื้อกาแฟสดได้ทุกวัน เพราะไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองที่ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง หลายคนเลยเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติแทนการเข้าคาเฟ่
NESPRESSO ATELIER คือ เครื่องชงกาแฟสดที่มี เครื่องตีฟองนม ในตัว ทำให้รองรับ สูตรชงกาแฟ ของ Nespresso ได้หลากหลายสูตร ตัวเครื่องเคลือบด้วยสแตนเลสที่ดูหรูหราทันสมัย แท็งก์น้ำบรรจุได้สูงสุด 1 ลิตร และสามารถเก็บกาแฟแคปซูลใช้แล้วได้สูงสุด 13 แคปซูล
วิธีการใช้งาน NESPRESSO ATELIER เพื่อชงเมนูกาแฟนมอย่าง มัคคิอาโต้ ลาเต้ หรือ คาปูชิโน่ ได้ตามความต้องการ เริ่มด้วยการเติมน้ำสะอาดลงในแท็งก์น้ำ เปิดช่องใส่บรรจุ แคปซูลกาแฟ ที่ต้องการและใส่แคปซูลลงไป วางแก้วลงบนแท่นวาง ปรับระดับให้เหมาะสมและกดป้อนคำสั่งเพื่อให้ได้ปริมาณกาแฟที่ต้องการ หากต้องการทำฟองนมสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเสียบหัวปั่นฟองนมและนำนมร้อนหรือนมเย็นที่ต้องการวางไว้บนแท่นวางแก้วและกดป้อนคำสั่งตีฟองนม เป็นอันชงกาแฟให้อร่อย ของ NESPRESSO เสร็จเรียบร้อย
สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟนม สูตรกาแฟ ของ Nespresso 2 สูตรที่สามารถทำได้ด้วยเครื่องชง NESPRESSO ATELIER มาฝาก ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย
1.   เมนูลาเต้ มัคคิอาโต้ เริ่มต้นสูตรกาแฟสด ของ NESPRESSO ด้วยการนำแก้วทรงสูงใส่นมวางบนแท่นวางแก้ว นำ แคปซูลกาแฟ รสชาติที่ต้องการลงไปและกดป้อนคำสั่ง Latte MACCHIATO บนเครื่อง NESPRESSO ATELIER เพียงเท่านี้ก็ได้กาแฟที่นุ่มละมุนง่าย ๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที จากนั้นนำกาแฟที่ได้มาเติมความหวานด้วยน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมตามความชอบ
2.   เมนูอัลมอนด์ ออร์แกน คาปูชิโน่ เมนูกาแฟสดรสชาติหอมละมุน รสชาติอร่อย ทานง่าย เริ่มต้นด้วยการเทน้ำเชื่อมรสอัลมอนด์ประมาณ 2 ช้อนชาลงใน ถ้วยกาแฟ จากนั้นเตรียมกาแฟสดที่ได้จากแคปซูลรส LIVANTO จำนวน 2 แคปซูลลงในช่องบรรจุแคปซูลของเครื่อง NESPRESSO ATELIER และป้อนคำสั่งทำกาแฟ ESPRESSO 2 รอบ เมื่อได้กาแฟสดที่ต้องการแล้ว ให้นำมาพักไว้ก่อนและเตรียมฟองนมหอม ๆ ด้วยการนำน้ำเชื่อมรสอัลมอนด์ผสมกับนมสด จากนั้นนำแก้วนมไปวางบนแท่นวางแก้วของเครื่อง NESPRESSO ATELIER กดป้อนคำสั่งทำฟองนม จากนั้นนำฟองนมที่ได้ราดลงบนแก้วที่ใส่กาแฟสดเอาไว้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

2 สูตรชงกาแฟสด ของ NESPRESSO ทำง่าย แม้ไม่มีเวลา ด้วย NESPRESSO ATELIER เครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ชีวิตเร่งรีบ ทำความสะอาดง่าย มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ทำให้คุณได้ดื่มกาแฟสดแสนอร่อย รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมในทุกวัน

142
   เครื่องชงกาแฟแคปซูล หรือเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราประหยัดระยะเวลาในการชงกาแฟสดมากขึ้น ยังช่วยทำให้เราได้คุณภาพของเครื่องดื่มกาแฟที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้คอกาแฟทั้งหลายต่างก็อยากครอบครอง ถ้าใครอยากจะชิมรสกาแฟสุดอร่อยกว่าเดิม เราขอแนะนำ เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ จากแบรนด์ Nespresso ที่บอกเลยว่าดีงามทั้งคุณภาพและการใช้งาน
เครื่องชงกาแฟแคปซูล Nespresso นวัตกรรมใหม่ที่ควรต้องลอง
•   เครื่องชง กาแฟสด รุ่น Atelier เหมาะกับสายกาแฟนมโดยเฉพาะ แต่ก็สามารถทำเมนูกาแฟดำได้เช่นกัน ความพิเศษของตัวเครื่องรุ่น Atelier ก็คือสามารถที่จะทำฟองนมกับนมได้หลากหลายประเภททั้งนมวัว นมอัลมอนด์และนมถั่วเหลือง จึงสามารถรังสรรค์เมนูนมออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น อีกทั้ง วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ ก็ทำได้ง่าย ด้วยมีปุ่มกดเมนูต่าง ๆ และก้านตีฟองนมที่เป็นองค์ประกอบของตัวเครื่อง ทำให้ใช้งานได้ดี เหมาะทั้งสำหรับมือใหม่และมืออาชีพในการทำกาแฟสด สำหรับตัวเครื่องนี้ มีความจุของถังน้ำอยู่ที่ 1 ลิตร แรงดัน 19 บาร์ ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้วอยู่ที่ 13 แคปซูล
•   เครื่องชงกาแฟรุ่น INISSIA C40 ดีไซน์เครื่องที่เข้าถึงได้ง่าย มีความเรียบง่าย สีสันสดใส สวยงามน่าใช้ เป็น เครื่องชงกาแฟแคปซูล ของ Nespresso ที่เหมาะกับใช้ภายในบ้านและพกพาไปออกทริปท่องเที่ยว เนื่องด้วยมีน้ำหนักเบา ตัวเครื่องไม่ใหญ่ สามารถทำกาแฟดำได้ถึงสองรูปแบบคือ กาแฟเอสเปรซโซและกาแฟดำลุงโก ความจุของถังน้ำอยู่ที่ 0.7 ลิตร มีความจุในการใส่แคปซูลกาแฟที่ใช้แล้วได้ถึง 11 แคปซูล ทำความร้อนได้เร็ว มีนวัตกรรมประหยัดพลังงานคือการปิดใช้งานเครื่องอัตโนมัติ ถ้าไม่ได้ใช้งานภายในระยะเวลาที่กำหนด เป็นเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพไม่เล็กตามเลย
เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ จากแบรนด์ Nespresso ทั้งหมดที่แนะนำไปนั้นมีนวัตกรรมและการออกแบบที่ทันสมัย มีความสวยงาม ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน วิธีใช้เครื่องทํากาแฟแคปซูล ของ Nespresso ทั้งรุ่น Atelier และ รุ่น INISSIA C40 มีความง่าย สะดวก มีคุณสมบัติที่ดีสามารถช่วยเพิ่มรสชาติและรสสัมผัสของกาแฟให้มากกว่าที่เคย

143
   เครื่องชงกาแฟ Nespresso สามารถเนรมิตเมนูกาแฟได้มากมาย มาบอกต่อที่คุณสามารถนำไปทำตามดื่มเองได้ที่บ้าน จะมีเมนูอะไรบ้างตามมาดูกันเลย
   วันนี้เอาใจคอกาแฟสายหวานที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟผสมนมวันนี้ก็จะมีเมนูลาเต้เย็น คาปูชิโน่เย็น และม็อคค่าเย็น เป็น เมนูกาแฟ ที่ให้ทั้งความเฟรชปลุกความสดชื่นและความกระปรี้กระเปร่าอีกทั้งยังหอมนมผสมกับกลิ่นอายของกาแฟเข้ากันอย่างลงตัว
   ก่อนอื่นเตรียมเครื่องชงกาแฟของ Nespresso รุ่น Gran Lattissima ให้พร้อมกันก่อน จะได้ประหยัดเวลาไม่ต้องมานั่งสตรีมนมตีฟองนมเองให้เสียเวลา ความพิเศษของเครื่องกาแฟรุ่นนี้คือมีฟังก์ชั่นการชง เมนูกาแฟ มาให้ถึง 6 ปุ่มฟังก์ชั่น สามารถใช้งานชงกาแฟได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเอสเปรสโซ ลุงโก้ คาปูชิโน่ ลาเต้ มัคคิอาโต้ และฟองนม เพียงแค่กดปุ่มเครื่องก็จะทำการชงเมนูนั้น ๆ ออกมาลงสู่แก้วกาแฟอย่างสมบูรณ์แบบ
   สูตรกาแฟเย็น ของ Nespresso แรกที่อยากแนะนำเลยก็คือ สูตรลาเต้เย็น ของ Nespresso เพิ่มความสดชื่นแฝงความละมุน เริ่มจากการเตรียมนมสดเย็นใส่แท็งก์ เติมน้ำเปล่าและกาแฟแคปซูลที่ชอบลงไป เติมไซรัปหรือน้ำเชื่อมลงในแก้วกาแฟ จากนั้นก็ใส่น้ำแข็งตามลงไป นำแก้วมาวางรอที่แท่น จากนั้นก็กดปุ่มเลือกฟังก์ชั่นการชงลาเต้เป็นอันเสร็จขั้นตอน ตัวเครื่องจะชงกาแฟและทำฟองนมเทลงมาสู่แก้วกาแฟโดยอัตโนมัติ
   เมนูต่อมาก็คือคาปูชิโน่เย็นขั้นตอนเหมือนกับกาแฟลาเต้ ของ Nespresso เลยแทบไม่แตกต่างกัน หากแต่เราเพิ่มกิมมิคเข้าไปด้วยผงชินามอนหอม ๆ ลงไปในแก้วพร้อมไซรัปและน้ำแข็ง หลังจากนั้นก็กดปุ่มสำหรับชงเมนูคาปูชิโน่ รอจนฟองนมหยดสุดท้ายลงสู่แก้วแล้วตักผงชินามอนโรยออนท็อปปิดท้ายเป็นอันเสร็จ
   สูตรการชงม็อคค่าเย็นสุดท้ายซึ่งก็คล้าย สูตรลาเต้ ของ Nespresso มาก ๆ เหมือนกัน ต่างกันตรงที่เพิ่มส่วนผสมที่เป็นผงโกโก้หรือ Dark Mocha Syrup ลงไปด้วย โดยใส่ลงไปในแก้วกาแฟผสมด้วยน้ำเชื่อมและนมเล็กน้อยให้เข้ากัน  ตามด้วยน้ำแข็ง จากนั้นก็ชงกาแฟด้วยฟังก์ชั่นลาเต้ตามปกติก็จะได้เมนูมอคค่าเย็นแล้ว
   เมนู กาแฟใส่นม ด้วยเครื่องชงกาแฟ Nespresso ไม่ยาก ไม่ใช้เวลานาน อยากให้คอกาแฟสายหวานได้ลองไปทำดื่มดูรับรองเลยว่าต้องติดใจจดหยดสุดท้าย

144
   ฟองนมที่ฟูนุ่มบนกาแฟเย็น ของ Nespresso คาปูชิโน่ เกิดจากการตีฟองนมเพื่อให้อากาศเข้าไปในนมและแยกโปรตีน ไขมัน น้ำตาลออกจากน้ำนม แล้วมาช่วยพยุงฟองอากาศไว้ ได้เป็นฟองนมนุ่มละเอียด สามารถเทลงบนกาแฟได้โดยไม่จมลงไปในน้ำกาแฟ ทำให้กาแฟมีรสชาตินุ่มละมุนมากขึ้น ถือว่าเป็นเสน่ห์ที่คอกาแฟนมชื่นชอบ

   ถ้าเราไม่มีเครื่องทำกาแฟสดที่มีก้านสตีมมาด้วย แนะนำให้หา ที่ทำฟองนม ที่มีอยู่หลายแบบให้เลือกตามการใช้งาน เรามาทำความรู้จัก เครื่องตีฟองนม ของ Nespresso กันก่อนว่ามีกี่แบบเพื่อจะได้เลือกให้ได้อย่างที่ต้องการ
1.   ก้านปั่นฟองนม เป็นก้านที่มีหัวปั่นเล็ก ๆ ใช้แบตเตอรี่มีทั้งแบบที่ใส่ถ่านกับแบบชาร์จไฟผ่าน USB เป็นที่ทำฟองนมที่มีวิธีใช้งานเพียงแค่จุ่มลงไปในถ้วยเตรียมฟองนม แต่ต้องจุ่มให้ถูกตำแหน่งจึงจะได้ฟองนมดี ๆ ออกมา และต้องอุ่นนมก่อนหากต้องการทำฟองนมสำหรับกาแฟร้อน
2.   เหยือกปั้มฟองนม เหยือกเป็นสแตนเลสจึงมีความทนทาน วิธีการก็คือใส่นมลงในเหยือกแล้วปิดฝาที่มีก้านปั้ม จากนั้นปั้มนมจนได้ฟองนมออกมา เครื่องทำฟองนม แบบนี้นอกจากต้องเตรียมนมให้ได้อุณหภูมิที่ต้องการแล้ว ยังต้องเตรียมเหยือกปั้มฟองนมด้วย เมื่อต้องการทำฟองนมเย็นก็ต้องนำเหยือกไปแช่เย็นไว้ก่อน หรือจะวางเหยือกไว้ในถังน้ำแข็งหรือใส่น้ำแข็งไว้ก่อนก็ได้
3.   เครื่องทำฟองนม แบบไฟฟ้าหรือเครื่องทำฟองนมอัตโนมัติ ถือว่าสะดวกที่สุด เพราะเพียงแค่ใส่นมแช่เย็นเข้าไปและกดปุ่ม แค่นี้ก็จะได้ฟองนมตามที่ต้องการออกมาแล้ว ใช้นมที่เราแช่ไว้ในตู้เย็นได้เลย ไม่ต้องอุ่นนมและไม่ต้องเตรียมเครื่องให้ยุ่งยากด้วย ไม่ต้องใช้แรงในการปั่นหรือปั้ม ไม่ต้องใช้ถ้วยตวงเพื่อดูปริมาณนมที่ใส่ เพราะในเครื่องมีระดับน้ำบอกไว้ สามารถทำฟองนมได้มากและได้ฟองนมที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ ยิ่งกว่านั้น นอกจากจะทำฟองนมแล้วยังสามารถใช้อุ่นนมและทำน้ำอุ่นได้ด้วย

สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกที่ทำฟองนม
1.   เลือกเครื่องทำฟองนมแบบที่เหมาะกับความต้องการ เช่น ต้องการเครื่องที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องเตรียมนมหรืออุปกรณ์ ควรเลือกเครื่องทำฟองนมแบบไฟฟ้า ทำ ลาเต้อาร์ต ของ Nespresso ได้ง่าย แต่ถ้าต้องการความคล่องตัวไม่ต้องมีการเสียบสายไฟ ควรเลือก ที่ทำฟองนม แบบก้านปั่น เป็นต้น
2.   เลือกบริษัทผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายที่มีการรับประกันเครื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าหากมีความเสียหายหรือเครื่องมีปัญหาแล้วจะมีที่ซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ได้
3.   เลือกเครื่องที่แข็งแรงทนทาน เพื่อจะได้ใช้งานได้นานและต่อเนื่อง
4.   ขนาดบรรจุของเครื่อง เพื่อให้ได้ปริมาณฟองนมเพียงพอต่อครั้งที่ต้องการ

คราวนี้ก็เลือกเครื่องทำฟองนมสำหรับ คาปูชิโน่ แก้วโปรดได้แล้วนะคะ

145
การได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองในวันหยุด มีเวลาผ่อนคลาย ชงกาแฟเย็นหอม ๆ อ่านหนังสือ จุดเทียนหอม ฟังเพลง หรือจะดูซีรีส์เรื่องโปรด เป็นความสุขง่าย ๆ ใกล้ตัวในวันพักผ่อน สำหรับคอกาแฟนมหากมีอุปกรณ์พร้อมอยู่ที่บ้านทั้งเครื่องชงกาแฟและ เครื่องตีฟองนม มาลองเปลี่ยนบรรยากาศให้บ้านสงบผ่อนคลายกว่าเดิมกัน

เมนูกาแฟร้อนทุกเมนูจะเริ่มต้นจากเอสเพรสโซ่ช็อต แนะนำให้ใช้เป็นกาแฟอาราบิก้าคั่วกลางเข้มบด 1 ช็อต หรือเลือกรสชาติกาแฟแคปซูลตามความชอบ ไม่ควรเติมหวานด้วยน้ำเชื่อมหรือไซรัป แต่ปรับรสชาติหวานได้ด้วยน้ำตาลทราย 
1.   มอคค่าร้อน กาแฟผสมโกโก้หรือช็อกโกแลตลงตัวด้วยความหอม เข้มข้น กลมกล่อม
สูตรที่ 1 สำหรับเครื่องชงกาแฟทั่วไป   
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (30 มล.) โกโก้ผสม 30 มล. และนมสดรสจืด 60 - 90 มล. (โกโก้ผสม เตรียมได้จากการผสมผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำร้อน 4 ออนซ์ และนมผสม 2 ออนซ์ สำหรับนมผสมเตรียมได้จากการผสมนมข้นหวานและนมข้นจืดในอัตราส่วน 2:1 โดยทั้งโกโก้ผสมและนมผสมสามารถทำเก็บไว้ใช้กับเมนูอื่นได้)
วิธีการชง : กดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่แก้วกาแฟ ตามด้วยโกโก้ผสม ส่วนนมสดรสจืดนั้นนำไปเป่าร้อนด้วย เครื่องทำฟองนม แล้วเทใส่แก้วกาแฟ ตกแต่งด้วยผงโกโก้เล็กน้อย
สูตรที่ 2 สำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูล   
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (40 มล. / แนะนำให้ใช้กาแฟแคปซูล Livanto) นมสดเย็น 20  มล. นมร้อน 80 มล. ผงช็อกโกแลต 8 กรัม และผงโกโก้
วิธีการชง : นำนมสดเย็นทั้งหมดมาทำฟองนมเตรียมไว้ก่อนโดยใช้ เครื่องตีฟองนม จากนั้นสกัดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่ลงไปในถ้วยกาแฟที่มีผงช็อกโกแลตอยู่ แล้วเทนมร้อนตามลงไป ตักฟองนมวางด้านบน ตกแต่งด้วยผงโกโก้ พร้อมเสิร์ฟ

2.   คาปูชิโน่ ร้อน กาแฟนมรสชาติกลมกล่อม เน้นฟองนมนุ่มละมุนลิ้น 
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (30 มล.) นมร้อนครึ่งแก้ว และฟองนมครึ่งแก้ว
วิธีการชง : กดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่แก้ว คาปูชิโน่ ตามด้วยนมร้อน ½ แก้ว และท็อปด้วยฟองนมด้านบนอีก ½ แก้ว โรยผงโกโก้เพื่อตกแต่ง หากใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูลจะได้ช็อตกาแฟ 40 มล. เมื่อสกัดกาแฟช็อตลงถ้วยกาแฟเรียบร้อยแล้วตามด้วยฟองนม เพิ่มรสชาติด้วยน้ำตาลทราย ปิดท้ายด้วยการโรยผงโกโก้เพื่อตกแต่ง

3.   ลาเต้ร้อน กาแฟนมรสชาติเบา ฟองนมไม่มากเท่าคาปูชิโน่
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (30 มล.) นมร้อนเกือบเต็มแก้ว และฟองนม
วิธีการชง : กดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่ถ้วยกาแฟ ตามด้วยนมร้อนเกือบเต็มแก้ว จากนั้นตักฟองนมท็อปด้านบนด้วยความหนาไม่เกิน 1 เซนติเมตร ตกแต่งเป็นลาเต้อาร์ตได้ตามชอบ หากใช้เครื่องชงแคปซูลแนะนำให้เลือกเป็นกาแฟลุงโกซึ่งจะได้ลาเต้แก้วใหญ่จุใจเพราะเมื่อสกัดแล้วให้น้ำกาแฟมากถึง 110 มล. หรือ 4 ออนซ์ จากนั้นเติมนมร้อนประมาณ 220 มล. ท็อปด้วยฟองนมบาง ๆ

มีเครื่องชงกาแฟและ เครื่องทำฟองนม ติดบ้าน การชงกาแฟนมก็จะง่ายมากกว่าที่คิด สามารถดื่มกาแฟนมแก้วโปรดทุกครั้งที่ต้องการ หากฝึกมือจนคล่องขึ้นแล้วอย่าลืมนัดเพื่อนฝูงคอกาแฟมาจอยและจิบกาแฟด้วยกันในวันหยุดนะคะ

146
คอกาแฟที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจอาจจะต้องเคยมีข้อสงสัยมาบ้างว่ารูปทรงและสีสันถ้วยกาแฟสามารถส่งผลต่อรสชาติของกาแฟจริงหรือไม่ ซึ่งในทางปฏิบัติรูปทรงและสีสันบนถ้วยกาแฟอาจมีผลต่อประสบการณ์การดื่มกาแฟของเราบางประการ แต่น้อยมากเมื่อเทียบกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น คุณภาพของเมล็ดกาแฟ กระบวนการคั่ว การบด การชงและปริมาณสารปรุงแต่งที่เราใส่ลงไปในกาแฟเพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการ
วัสดุที่ใช้ทำ ถ้วยกาแฟ
วัสดุที่นำมาใช้ทำแก้วกาแฟมีส่วนไม่น้อยที่ส่งผลต่อรสชาติ เช่น ถ้วยกาแฟที่ผลิตจากเซรามิก พอร์ซเลน ที่ช่วยให้กาแฟ คาปูชิโน่ ไม่เย็นเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไป ช่วยให้สามารถสัมผัสรสชาติและกลิ่นของกาแฟได้อย่างเข้มข้น ในส่วนของแก้วใส แม้จะช่วยในเรื่องของความสวยงามแต่ด้วยคุณสมบัติของแก้วทำให้ไม่สามารถกักเก็บความร้อนไว้ได้นาน นั่นหมายถึงทำให้ช่วงเวลาในการดื่มด่ำรสชาติของกาแฟสดแท้สั้นลง เนื่องจากแก้วกาแฟแบบใสจะเย็นเร็วกว่าแก้วกาแฟแบบเซรามิก พอร์ซเลน
รูปทรงของ ถ้วยกาแฟ มีผลต่อรสชาติ
รูปทรงของ ถ้วยกาแฟ มีผลต่อรสชาติและกลิ่นของกาแฟโดยตรง ยกตัวอย่างเมนูกาแฟดำ เอสเพรสโซ ที่นิยมใช้แก้วขนาดเล็ก ปากแคบ เพื่อให้กลิ่นของกาแฟถูกกักเก็บไว้บริเวณด้านบนของน้ำกาแฟ ตัวถ้วยสามารถที่จะกักเก็บความร้อนได้ดีเพื่อให้รักษาอุณหภูมิของกาแฟให้เหมาะสมระหว่างการดื่ม รูปทรงของแก้วกาแฟที่มีลักษณะปากกว้างจะกระจายความร้อนและกลิ่นได้ดี ทำให้กลิ่นของกาแฟถูกเจือจางด้วยส่วนผสมอื่น ๆ ที่ปรุงแต่งเข้าไป อย่างเมนูกาแฟ คาปูชิโน่ ที่มีส่วนผสมของนมสด ก็ช่วยให้ยังคงกลิ่นหอมละมุนชวนหลงไหล
สีสันและขนาด
ส่วนเรื่องสีสันบนถ้วยกาแฟ ส่งผลทางจินตนาการและจิตวิญญาณ สีสันสวยงามบนถ้วยกาแฟอาจสร้างความรู้สึกและบรรยากาศที่ดีให้กับผู้ดื่ม แต่ไม่ได้มีผลตรงต่อรสชาติของกาแฟ ในขณะที่ขนาดของ ถ้วยกาแฟ กลับมีผลต่อประสบการณ์ในการดื่มกาแฟมากกว่า เช่น ปริมาณที่ดื่ม ขนาดของแก้วสามารถกำหนดปริมาณกาแฟที่จะดื่มได้อย่าง เอสเพรสโซ กาแฟดำ อาจเหมาะสำหรับการดื่มกาแฟในปริมาณน้อย ๆ แต่แฝงไปด้วยความเข้มข้นของเนื้อกาแฟ ในขณะที่แก้วใบใหญ่อาจเหมาะสำหรับการดื่มกาแฟรวม ๆ หรือกาแฟเย็น ปริมาณที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับการบรรจุความต้องการและความชอบของแต่ละบุคคล
หากมองหา ถ้วยกาแฟ ของ Nespresso ใส่กาแฟเมนูโปรดต่าง ๆ เพื่อที่จะได้เลือกซื้อกาแฟถ้วยโปรดได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะความชอบและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลที่ถ่ายทอดออกมาเป็นคุณลักษณะเฉพาะตัว เพื่อการดื่มกาแฟถ้วยโปรดที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

147
   เคยไหมชง เมนูกาแฟ แบบร้านกาแฟที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ก็ไม่ได้รสชาติกลมกล่อมแบบที่ต้องการสักที วันนี้เราจะพาไปเปิดสูตรลับจาก Nespresso ของเมนูกาแฟ อเมริกาโน่เย็น และเอสเปรสโซเย็น ที่บอกได้เลยว่า มีความอร่อยลงตัว น่าดื่ม รสชาติเหมือนมืออาชีพมาทำให้ ที่เราสามารถทำได้เองไม่ว่าอยู่ที่ไหน จะมีขั้นตอนและรายละเอียดอะไรบางนั้นตามไปดูกันได้เลย
เผย 2 สูตรกาแฟ เย็นอเมริกาโน่และเอสเปรสโซสุดอร่อยจาก Nespresso
•   เมนูกาแฟ อเมริกาโน่เย็น เป็นอีกหนึ่งเมนูกาแฟที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับวัยทำงานหลาย ๆ คน สูตรกาแฟ  อเมริกาโน่เย็นและ อเมริกาโน่ร้อน ค่อนข้างที่จะมีความใกล้เคียงกัน แต่จะแตกต่างกันในส่วนของสัดส่วนของน้ำและน้ำเชื่อมที่ใส่ลงไปเพิ่มเติม วิธีการทำเมนู อเมริกาโน่เย็น ง่าย ๆ ก็คือ นำแคปซูลกาแฟรสชาติที่ใช่ ใส่ลงในเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ กดชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ เติมน้ำร้อนตามลงไปในกาแฟสัดส่วน 1 ต่อ 1  เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้เราก็จะได้ อเมริกาโน่ร้อน สุดฟิน เมื่อต้องการทำเป็นเมนูเย็นก็เพียงแค่เติมน้ำแข็งตามลงไปเท่านั้นเอง
•   เมนูกาแฟ เอสเปรสโซ เมนูกาแฟที่มีความเข้มข้นสุด ๆ เหมาะกับคอกาแฟดำตัวจริง สำหรับหลาย ๆ คนชื่นชอบที่จะดื่มกาแฟเอสเปรสโซเพื่อให้เกิดความกระปรี้กระเปร่าในตอนเช้าหรือ กระตุ้นความตื่นตัวช่วงบ่าย ลองทำเมนูเอสเปรสโซเพียงเลือกแคปซูลกาแฟที่มีคุณภาพดี เพาะปลูกจากพื้นที่ที่มีสภาพพื้นดินและภูมิอากาศเหมาะกับการปลูกกาแฟสายพันธุ์นั้น ๆ โดยเฉพาะ อย่างแคปซูลกาแฟของ Nespresso ที่มีการผสมผสานเอาเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ต่าง ๆ คั่วบดด้วยระดับไฟที่เหมาะสม ให้เกิดกลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟออกมาอย่างพอดี มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ของกาแฟแต่ละสูตรที่เฉพาะตัว เมื่อนำมาทำเป็นเมนูกาแฟจึงมีความอร่อยไม่เหมือนใคร สำหรับวิธีในการทำเมนูนี้ก็คือเลือกแคปซูลกาแฟที่ชื่นชอบจำนวน 1 แคปซูลใส่ลงในเครื่องชงกาแฟแคปซูล กดชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ ปริมาณ 40 มิลลิลิตร รอเครื่องทำความร้อน ก็จะได้กาแฟดำเอสเปรสโซออกมาตามที่ต้องการ
จากสูตรเมนูกาแฟทั้งสองสูตรข้างต้น ทั้งเมนูกาแฟอเมริกาโน่เย็นและเมนูเอสเปรสโซ จะเห็นได้เลยว่า ทุกคนสามารถทำตามได้จริง โดยถ้าเรามีแคปซูลกาแฟที่ดี เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติและสูตรชงกาแฟที่ใช่ มีความอร่อยกลมกล่อมก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ชมเพิ่มเติมที่
https://www.nespresso.com/th/th/americano
https://www.nespresso.com/th/th/americano-recipes

148
   กาแฟดำคือเมนูกาแฟแก้วโปรดของใครหลาย ๆ คน ทั้งเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วอย่างพิถีพิถัน เครื่องชงกาแฟที่ดีมีคุณภาพและ สูตรชงกาแฟ ที่ลงตัว สร้างสรรค์เป็นเมนูกาแฟที่อร่อยเกินห้ามใจ โดยเฉพาะสูตรชงกาแฟที่ใช่ จะช่วยทำให้เราสามารถชงกาแฟให้อร่อย วันนี้เราจะมาแนะนำ 2 สูตรชงกาแฟดำ เอสเพรสโซ่ และเมนูกาแฟ อเมริกาโน่ ที่มีความหอมกลมกล่อมจนต้องบอกต่อ
   เริ่มต้นกันที่สูตรกาแฟสดดำ เอสเพรสโซ่ หอมหวาน รสชาติละมุน สิ่งที่ต้องเตรียมคือ แคปซูลกาแฟคุณภาพดี ที่มีระดับความเข้มน้อยถึงปานกลาง ความขมน้อย อย่าง แคปซูลกาแฟ จาก Nespresso รสชาติ Volluto ที่มีกลิ่นหอมของผลไม้และซีเรียล ผลิตจากกาแฟพันธุ์อาราบิก้าจากประเทศโคลัมเบียและประเทศบราซิล โดยใช้ไฟในการคั่วอ่อนเพื่อรักษากลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟเอาไว้ วิธีในการทำก็ง่ายสุด ๆ คือใส่แคปซูลกาแฟลงใน เครื่องชงกาแฟ ใช้น้ำปริมาณ 40 มิลลิลิตรต่อกาแฟ 1 แคปซูล กดปุ่มชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ รอเครื่องทำความร้อนสักครู่ กาแฟจะค่อย ๆ ไหลลงสู่แก้ว เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
   ต่อกันด้วย สูตรกาแฟ เมนูกาแฟดำ อเมริกาโน่ สุดฟินที่ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูกาแฟดำที่ชงง่ายไม่แพ้กัน ส่วนสำคัญคือเลือกแคปซูลกาแฟที่มีความเข้ม ความขม ความเปรี้ยวในระดับที่พอดี ซึ่งแคปซูลที่นำมาทำเมนูอเมริกาโน่ได้เข้มข้นแต่นุ่มนวลคือ แคปซูลกาแฟ Master origin Indonesia ที่ใช้กาแฟอาราบิก้าแท้จากประเทศอินโดนีเซีย ผ่านกรรมวิธีการคั่วแยก ใช้ไฟในการคั่วระดับปานกลางและมีการคั่วเมล็ดกาแฟโดยใช้ระยะเวลาสั้น ๆ กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ให้กลิ่นไม้ของป่าเขตร้อนและกลิ่นยาสูบ อัตราส่วนของแคปซูลกาแฟต่อปริมาณน้ำคือ 1 : 2 หรือ 1 : 3 ส่วน วิธีการทำคือใส่แคปซูลกาแฟจำนวน 1 แคปซูลลงในเครื่องชงกาแฟ เลือกชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟเป็นแบบลุงโกหรือกดชงแบบเอสเพรซโซ่แล้วเติมน้ำร้อนตามลงไปตามอัตราส่วน หากต้องการรับประทานเป็นแบบเย็นก็ให้เติมน้ำแข็งลงไปได้ตามต้องการ
สำหรับสองสูตรชงกาแฟสดข้างต้น ชงด้วย เครื่องชงกาแฟ อัตโนมัติจาก Nespresso รุ่น Pixie Electric เครื่องชงกาแฟดีไซน์สวยงามทันสมัย ขนาดเล็กกะทัดรัดเหมาะสำหรับการชงกาแฟดำ มีโหมดประหยัดพลังงาน สามารถทำความร้อนได้ภายในระยะเวลาแค่ 25 วินาทีเท่านั้น มาพร้อมกับโปรแกรมการชงกาแฟถึง 2 โปรแกรมด้วยกัน ใช้งานง่าย สะดวกและช่วยให้ประหยัดเวลาในการชงกาแฟ สามารถนำไปทำเมนูกาแฟ 2 สูตรข้างต้นได้อย่างง่ายดาย ใครที่กำลังมองหาเมนูกาแฟดำอร่อยกลมกล่อมสำหรับเป็นกาแฟแก้วโปรดอยู่แล้วล่ะก็ จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

149
   หลายคนเบื่ออากาศร้อน อยากหาอะไรทำที่ช่วยลดอุณหภูมิ มาดู 3 สูตรชงกาแฟนม ด้วยเครื่องชงกาแฟ Nespresso ที่คุณสามารถนำไปทำตามดื่มเองได้ที่บ้าน จะมีเมนูอะไรบ้างนั้นตามไปดูด้านล่างได้เลย
   สูตรชงกาแฟสด ด้วยเครื่องชงกาแฟ Nespresso ที่เรานำมาแชร์วันนี้ก็จะมีเมนูลาเต้เย็น คาปูชิโน่เย็น และม็อคค่าเย็น เป็น เมนูกาแฟ ที่ให้ทั้งความเฟรชปลุกความสดชื่นและความกระปรี้กระเปร่าอีกทั้งยังหอมนมผสมกับกลิ่นอายของกาแฟเข้ากันอย่างลงตัว
   แต่ก่อนจะไปถึง สูตรทำกาแฟเย็น มาเตรียมเครื่องชงกาแฟของ Nespresso รุ่น Gran Lattissima ให้พร้อมกันก่อน ซึ่งรุ่นนี้มีระบบสตรีมนมมาด้วยในตัวเพื่อประหยัดเวลาไม่ต้องมานั่งสตรีมนมตีฟองนมเองให้เสียเวลา ซึ่งเครื่องกาแฟรุ่นนี้คือมีฟังก์ชั่นการชง เมนูกาแฟ มาให้ถึง 6 ปุ่มฟังก์ชั่น สามารถใช้งานชงกาแฟได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเอสเปรสโซ ลุงโก้ คาปูชิโน่ ลาเต้ มัคคิอาโต้ และฟองนม เพียงแค่กดปุ่มเครื่องก็จะทำการชงเมนูนั้น ๆ ออกมาลงสู่แก้วกาแฟอย่างสมบูรณ์แบบ
   สูตรแรกที่จะมาแนะนำเลยก็คือ สูตรทำลาเต้เย็น เริ่มจากการเตรียมนมสดเย็นใส่แท็งก์ เติมน้ำเปล่าและกาแฟแคปซูลลงไป เติมไซรัปหรือน้ำเชื่อมลงในแก้วกาแฟ จากนั้นก็ใส่น้ำแข็งตามลงไป นำแก้วมาวางรอที่แท่น จากนั้นก็กดปุ่มเลือกฟังก์ชั่นการทำกาแฟลาเต้เป็นอันเสร็จขั้นตอน ตัวเครื่องจะชงกาแฟและทำฟองนมเทลงมาสู่แก้วกาแฟโดยอัตโนมัติ
   เมนูต่อมาก็คือคาปูชิโน่เย็นขั้นตอนคล้ายกับเมนูลาเต้เย็น แต่กิมมิคเล็ก ๆ น้อย ๆ คือการเพิ่มผงชินามอนหอม ๆ ลงไปในแก้วพร้อมไซรัปและน้ำแข็ง หลังจากนั้นก็กดปุ่มสำหรับชงเมนูคาปูชิโน่ รอจนฟองนมหยดสุดท้ายลงสู่แก้วแล้วตักผงชินามอนโรยออนท็อปปิดท้ายเป็นอันเสร็จ
   สุดท้ายคือม็อคค่าเย็นซึ่งก็คล้าย สูตรลาเต้เย็น มาก ๆ เหมือนกัน ต่างกันตรงที่เพิ่มส่วนผสมที่เป็นผงโกโก้หรือ Dark Mocha Syrup ลงไปด้วยเพิ่มความขมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยใส่ลงไปในแก้วกาแฟผสมด้วยน้ำเชื่อมและนมเล็กน้อยให้เข้ากัน  ตามด้วยน้ำแข็ง จากนั้นก็ชงกาแฟด้วยฟังก์ชั่นลาเต้ตามปกติก็จะได้เมนูมอคค่าเย็นแล้ว
   นี่ก็เป็น 3 สูตรทำกาแฟเย็นง่าย ๆ ด้วยเครื่องชงกาแฟ Nespresso อยากให้คอกาแฟสายหวานได้ลองไปทำดื่มดูรับรองเลยว่าต้องติดใจจดหยดสุดท้าย

150
   กาแฟ สดผสมนมรสชาตินุ่มละมุนอย่าง latte , Cappuccino, mocha ถ้าอยากจะชงออกมาให้กลมกล่อมลงตัวนอกจากจะใส่ใจกับคุณภาพของนมและฟองนมแล้ว การเลือกประเภทของกาแฟก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่จะพลาดไม่ได้ เพราะในท้องตลาดนั้นมีกาแฟหลากหลายประเภท ทั้ง กาแฟคั่วเข้ม กาแฟคั่วอ่อน และ กาแฟคั่วกลาง ซึ่งแต่ละเมนูกาแฟก็เหมาะไม่เหมือนกัน หากชงไม่ดีก็อาจจะไม่ละมุนลิ้นอาจจะขมหรือเปรี้ยวฝาดเกินไปได้ แล้วกาแฟแบบไหนที่เหมาะกับการชงกาแฟผสมนม มาร่วมหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย
   ระดับการคั่วกาแฟที่เหมาะกับการชงกาแฟผสมนมมากที่สุดก็คือ กาแฟคั่วกลาง นั่นคือนำเมล็ดกาแฟสดมาคั่วด้วยไปอ่อน ๆ จนเมล็ดกาแฟแตกกะเทาะคล้ายการคั่วป็อบคอร์น เมล็ดมีสีน้ำตาลเข้ม ทำให้รสชาติความเป็นผลไม้รวมไปถึงความเปรี้ยวฝาดนั้นลดลงแต่ไม่ได้หายไป เมล็ดกาแฟจะมีกลิ่นคั่วอ่อน ๆ กำลังดี เมื่อนำไปชงจะให้รสชาติขมปนหวานและให้รสเปรี้ยวอ่อน ๆ แถมบอดี้หรือรสสัมผัสของกาแฟค่อนข้างแน่นไม่บางเบา เวลาเราผสมนมลงไปก็จะให้ความกลมกล่อมลงตัวพอดี จึงเหมาะมาก ๆ ที่จะนำไปชง latte หรือ Cappuccino รวมไปถึงกาแฟผสมนมอื่น ๆ ได้ทุกเมนู
   ส่วนประเภทกาแฟอื่น ๆ นั้นก็จะเหมาะกับการชงเมนูอื่นที่นอกเหนือจากกาแฟผสมนม อย่าง กาแฟคั่วอ่อน ที่ความพิเศษอยู่ตรงที่ผ่านความร้อนในการคั่วน้อยเมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลอ่อน ๆ กลิ่นหอมไหม้ของกาแฟจะไม่โดดเด่นมาก เมล็ดกาแฟจะยังคงความหอมอ่อน ๆ ของผลไม้แทน เมื่อนำไปชงแล้วจะให้รสชาติเปรี้ยวฝาดอ่อน ๆ ทำให้กาแฟประเภทนี้นิยมนำไปชงเป็นกาแฟดำร้อนดื่มเพียว ๆ โดยไม่ปรุงแต่งอะไร เวลาดื่มจะให้ความสดชื่นอมเปรี้ยวไปในตัว
   ส่วน กาแฟคั่วเข้ม นั้นเป็นกาแฟที่ผ่านการคั่วนานที่สุด คั่วจนเมล็ดกาแฟกะเทาะแตกถึง 2 ครั้ง ต่างจากแบบคั่วกลางที่แตกเพียงครั้งเดียว ทำให้เมล็ดกาแฟมีสีเข้มและมันเงา พร้อมหอมกลิ่นไหม้อ่อน ๆ เมื่อนำไปชงจะให้เนื้อบอดี้เนื้อสัมผัสที่เยอะมาก รสชาติเข้มข้นมีรสขมอ่อน ๆ พร้อมความมัน เหมาะกับการนำไปชงเป็นช็อตเอสเปรสโซหรือกาแฟดำเป็นอย่างยิ่ง หรือจะนำไปชงแบบไทยสไตล์ผสมนมข้นหวานและครีมเทียมก็จะยิ่งชูความมันหอมหวานของ กาแฟ เข้าไปอีก
   คงพอรู้ถึงความต่างคร่าว ๆ ของกาแฟแต่ละประเภทบ้างแล้วว่า กาแฟคั่วอ่อน กลาง และเข้มนั้นต่างกันอย่างไร ที่สำคัญอย่าลืมว่าถ้าจะชงกาแฟผสมนมให้อร่อยแนะนำกาแฟแบบคั่วกลางเท่านั้น

หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9