ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - nemophilanie

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7
1
   ครีมกันแดด ไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้ ทุกครั้งที่จะออกจากบ้านนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเสมอ แต่จะใช้ตัวไหนดี ขอ แนะนำครีมกันแดดทาหน้า 10 ยี่ห้อที่กระแสดีมาแรง
1.   CANMAKE Mermaid Skin Gel UV 01 SPF50+ PA++++
แนะนำครีมกันแดดทาหน้า แบรนด์ canmake เหมาะกับผิวผสม ผิวมัน ผิวขาดน้ำ เนื้อเจลทาแล้วแตกตัวเป็นน้ำ ซึมเร็ว พร้อมสารบำรุงจากธรรมชาติคืนความชุ่มชื้นให้ผิวอีกด้วย
2.   NIVEA Sun Protect & White Oil Control Serum SPF50+ PA+++
ตัวช่วยกันแดดและคุมมัน เพราะมีส่วนผสมของ L-Carnitine ในเนื้อครีม นอกจากนี้ยังมี Licorice Extract ซึ่งมีคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิวเสีย ปรับสภาพให้กลับมาสวยใส และให้การปกป้องผิวอย่างเต็มประสิทธิภาพ ผิวแพ้ง่ายหรือเป็นสิวสามารถใช้ได้
3.   ANESSA Perfect UV Sunscreen Skincare Milk N SPF50+ PA++++
ล้ำได้อีกสำหรับ กันแดด anessa เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ AQUA Booster EX ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และมี Friction-Resistant Powder ทำให้เนื้อครีมติดผิวดี เป็นสูตรน้ำนมไม่เหนอะ นอกจากนี้ กันแดด anessa ยังมีส่วนผสมของซูเปอร์ไฮยาลูรอนิกแอซิด สารสกัดจากดอกกุหลาบ และอโลเวร่า ที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว
4.   BSC Crystal Bright Sunscreen SPF50 PA+++
แบรนด์ bsc กันได้ทั้ง UVA, UVB รวมถึงแสงจากหน้าจอคอม และยังเป็น ครีมกันแดด ที่มีทริปเปิ้ลวิตามินคือวิตามิน C, E และ B3 3 ดีกรีแรงกระชับผิว ผสานกับ Ectoin และ Sodium Hyaluronate เสริมสุขภาพผิวให้แข็งแรง ซึมเข้าผิวดี ใช้ได้กับกับสภาพผิวทุกแบบ เนื้อครีมไม่เหนียว
5.   BIODERMA Photoderm MAX SPF50+ PA+++
ไม่ใช่แค่ปกป้องยูวีอย่างเดียวแต่ยังมี Cellular Bioprotection ช่วยปรับสมดุลผิว ต้านอนุมูลอิสระชะลอริ้วรอย เป็น กันแดดหน้า แบบอะควาฟลูอิดเนื้อบางไม่มีน้ำหอมและปราศจากพาราเบน ผิวแพ้ง่ายใช้ตัวนี้เหมาะมาก
6.   Mizumi UV Water Serum SPF50+ PA++++
ครีมกันแดด mizumi สูตรป้องกันกระ ฝ้า ผิวหน้าไร้จุดด่างดำ และริ้วรอย เนื้อสัมผัสเป็นแบบน้ำ แทบไม่รู้สึกเลยว่าทากันแดดแต่มั่นใจได้ว่าปกป้องผิวอย่างหนาแน่น หน้าไม่เป็นคราบ ไร้สี ไร้สารเคมี น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบนไม่มีแน่นอน ไม่ต้องกลัวแพ้ถ้าเป็น mizumi แม้แต่ผิวเด็กยังใช้ได้
7.   Smooth E Physical White Extra Fluid SPF50+ PA+++
กันแดดหน้า สูตรไร้สารเคมี เนื้อ Fluid ปกป้องนาน 8 ชั่วโมง พร้อม Arbutin ปรับผิวกระจ่างใส และมีคุณสมบัติในการสะท้อนรังสียูวีได้ดี นอกจากนี้ยังมีสารดูดซับความมันและ Sodium Hyaluronate เพิ่มความอิ่มน้ำได้ 1,000 เท่า
8.   CERAVE Facial Moisturizing Lotion SPF25
กันแดดหน้า ที่มีคุณสมบัติเด่นคือเก็บความชุ่มชื้นได้นานเพราะใช้เทคโนโลยี Multi-Vesicular Emulsion หลังจากทาครีมแล้วเนื้อครีมจะค่อย ๆ ปล่อยสารบำรุงออกมาอย่างต่อเนื่อง สูตรนี้ไม่ระคายเคืองผิวเหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย
9.   KIEHL’S Ultra Light Daily UV Defense SPF50 PA++++
เทคโนโลยี Anti-Pollution ป้องกันมลภาวะและรังสี UVA UVB ได้ 50 เท่า และยังช่วยพรางรูขุมขนได้ด้วย หน้าจะดูเนียนขึ้น ทาผิวก่อนแต่งหน้าแบบสบาย ๆ ผิวเบาไม่เพิ่มความมัน เป็น ครีมกันแดด ที่คนผิวมันก็ใช้ได้ ไม่มีส่วนผสมของออยล์ น้ำหอม พาราเบน
10.   LA ROCHE-POSAY Anthelios XL Dry Touch Gel-Cream SPF50+
สูตรใหม่สำหรับผิวไวต่อแสงและมีแอร์ลิเซียมซึ่งเป็นตัวดูดซับความมันได้ตลอดวัน พร้อมกับเทคโนโลยี Mexoplex เฉพาะของ La Roche-Posay ที่ช่วยกันน้ำและเหงื่อ เนื้อครีมซึมทันทีหลังจากทา ไม่ทิ้งคราบบนผิวหน้า
   
ครีมกันแดดทาหน้า บอกเลยว่าน่าใช้ทุกตัว หาซื้อได้จาก watson online ที่นี่คุณสามารถเลือกช้อปได้แบบคุ้มค่าและเพลิดเพลินไปกับ โปรวัตสัน ที่เห็นแล้วอดใจไม่ไหว ถ้าอยากได้ตัวกันแดดดี ๆ เข้าไปเช็กโปรก่อนซื้อแล้วคุณจะไม่ผิดหวัง

2
   ในบรรดาเครื่องชงกาแฟ หลากหลายรูปแบบ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ดูเหมือนจะใช้งานง่ายที่สุด ที่สำคัญคือใช้แคปซูลกาแฟรสชาติที่ต้องการในการชง สะดวกในการจัดเก็บมากกว่าเมล็ดกาแฟ ทำให้กาแฟที่ได้ยังมีความสดใหม่อยู่เสมอ ใครที่มองหาเครื่องทำกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทำ กาแฟเอสเพรสโซ่ เครื่องทำกาแฟแบบดริป เครื่องทำกาแฟแบบกด เครื่องทำกาแฟแคปซูล หรือแบบอื่น ๆ เรามีเมนูกาแฟร้อนจาก เครื่องทำกาแฟสด มาแนะนำ เมนูเพื่อสุขภาพที่ดื่มได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวอ้วน

1)   เอสเพรสโซ่ โรมาโน่ กาแฟเอสเพรสโซ่ เป็นกาแฟรสเข้มที่มีสัดส่วนของกาแฟกับน้ำ คือ 1:2 ถ้าใครยังไม่คุ้นเคยกับรสชาติเต็ม ๆ ของเอสเพรสโซ่ เราขอแนะนำ เอสเพรสโซ่ โรมาโน่ เมนูที่ช่วยให้คุณดื่มด่ำกับเอสเพรสโซ่ได้ง่ายขึ้น
   ส่วนผสม
   - เอสเพรสโซ่ช็อต 30 มิลลิลิตร
   - มะนาวหรือเลมอนฝานเป็นแว่นหรือทำเป็นเกลียว 1 ชิ้น
   วิธีทำ
   1. เทเอสเพรสโซ่ช็อตลงในแก้วกาแฟ และนำมะนาวหรือเลมอนที่ฝานมาวางไว้ด้านบน
   2. หย่อนใจไปกับความหอมของมะนาวหรือเลมอน และรสชาติของกาแฟดำที่มีความเข้มข้นลดลงไปอีกนิดนึง
   
2)   อเมริกาโน่น้ำมะพร้าว อเมริกาโน่คือเมนูกาแฟที่ลดความเข้มข้นของเอสเพรสโซ่ด้วยการเติมน้ำตามสัดส่วน ทำให้ดื่มได้ง่ายขึ้น ถ้าต้องการรสหวานคุณสามารถเติมน้ำเชื่อมได้ แต่ถ้าอยากได้รสหวานตามธรรมชาติ เราขอแนะนำเมนูนี้เลย อเมริกาโน่น้ำมะพร้าว
   ส่วนผสม
   - เอสเพรสโซ่ช็อต 30 มิลลิลิตร
   - น้ำมะพร้าว 120 มิลลิลิตร
   วิธีทำ
   1. อุ่นน้ำมะพร้าวในไมโครเวฟ หรืออุ่นน้ำมะพร้าวบนเตาไฟให้ร้อน แต่ไม่ต้องถึงกับเดือด (91-96 องศาเซลเซียส)
2. ทำเอสเพรสโซ่ช็อตแล้วใส่ลงแก้วกาแฟ
   2. เติมน้ำมะพร้าวที่อุ่นร้อนแล้วลงในแก้วกาแฟ
   
3)   คาปูชิโน่ร้อน คาปูชิโน่ คือกาแฟรสนุ่มที่เป็นส่วนผสมของเอสเพรสโซ่ นม และฟองนมที่เข้ากันอย่างลงตัว เหมาะที่จะดื่มในมื้อเช้า เพราะมีนมที่ช่วยให้หนักท้อง
   ส่วนผสม
   - เอสเพรสโซ่ช็อต 30 มิลลิลิตร
   - นม Low Fat สตีมแล้ว 120 มิลลิลิตร
   - ฟองนมหนา 1 เซนติเมตร
   วิธีทำ
   1. เทเอสเพรสโซ่ช็อตลงในแก้วกาแฟที่เตรียมไว้
   2. ทำนมสดให้ร้อนด้วยการสตีม หรือนำไปอุ่นด้วยไมโครเวฟหรือบนเตาไฟแล้วใช้ตระกร้อมือตีให้ขึ้นฟองนม
   3. ตักฟองนมลงตรงกลางแก้วกาแฟและเติมนมร้อนที่เหลือตามลงไป
   
4)   ลาเต้ร้อน ลาเต้คือเอสเพรสโซ่ที่ใส่นม รสชาติกาแฟจึงอ่อน ดื่มง่าย พร้อมได้ความหวานมันจากนมสดตามธรรมชาติด้วย
   ส่วนผสม
   - เอสเพรสโซ่ช็อต 30 มิลลิลิตร
   - นม Low Fat สตีมแล้ว 180 มิลลิลิตร
   - ฟองนมบาง ๆ
   วิธีทำ
   1. เทเอสเพรสโซ่ช็อตลงในแก้วกาแฟที่เตรียมไว้
   2. ทำนมสดให้ร้อนด้วยการสตีม หรือนำไปอุ่นด้วยไมโครเวฟหรือบนเตาไฟ
   3. เทนมสดใส่แก้วกาแฟ แต่งหน้าด้วยฟองนมบาง ๆ
   
5)   มัคคิอาโต้ เอสเพรสโซ่ที่มีฟองนมด้านบน เมนูกาแฟที่คงความเข้มและมาพร้อมกับกลิ่นหอมของนม
   ส่วนผสม
   - เอสเพรสโซ่ช็อต 30 มิลลิลิตร
   - ฟองนมหนา 1 เซนติเมตร
   วิธีทำ
   1. ทำฟองนมด้วยการสตีม หรือนำไปอุ่นด้วยไมโครเวฟหรือบนเตาไฟแล้วใช้ตระกร้อมือตีให้ขึ้นฟองนม
    2. ทำ กาแฟเอสเพรสโซ่ แล้วเทลงในแก้วกาแฟที่เตรียมไว้
   3. ตักฟองนมวางลงตรงกลางของกาแฟ

   เริ่มต้นทำเมนูกาแฟร้อนจาก เครื่องทำกาแฟสด วิธีทำแสนง่าย อร่อยได้ที่บ้านไม่ต้องพึ่งร้านกาแฟข้างนอกเลย ข้อดีของการมี เครื่องชงกาแฟ ไว้ที่บ้าน ได้แก่ ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา สะดวกสบาย ได้รสชาติกาแฟที่คงที่ สร้างสรรค์เมนูกาแฟได้มากมาย และยังสามารถทำเป็นกิจกรรมของครอบครัวได้อีกด้วย


ชมรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo

3
ตอนเช้า ช่วงเวลาที่ใคร ๆ ก็ต้องการประหยัดเวลา โดยเฉพาะการทำอาหารเมนูที่ไม่ต้องเตรียมส่วนผสมอะไรให้ยุ่งยากย่อมเป็นตัวเลือกแรก ๆ และกาแฟก็ถือเป็นเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าก่อนไปทำงาน แถมกลิ่นของกาแฟยังช่วยปลุกร่างกาย ใครที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจและกำลังมองหา เมนูกาแฟ ชงง่าย ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ให้วุ่นวาย ลองมาดู 3 เมนูชงสะดวกที่สามารถรังสรรค์เมนูได้ผ่านเครื่องชงกาแฟ Nespresso
1. Iced Americano
อเมริกาโน่เย็น เมนูสุดคลาสสิก แก้วนี้ที่รสชาติไม่ธรรมดา เพราะเลือกใช้แคปซูลกาแฟ Kazaar ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้น เมื่อใส่ลงในเครื่องชงกาแฟจาก Nespresso รอไม่นานก็ได้กาแฟสีสันน่าทาน จากนั้นเติมน้ำแข็งตามเหมาะสม หากต้องการเพิ่มความหวานก็สามารถเติมน้ำเชื่อมเพิ่มเติมได้ แต่หากเป็นสายสุขภาพแนะนำให้เติมน้ำผึ้ง ก็ให้ความหอมหวานน่าลิ้มลอง
2. Mocca ลาเต้
โดยนี่คือ สูตรทำกาแฟเย็น ที่ใช้เวลาทำไม่นาน ผสมช็อกโกแลตเพิ่มรสชาติความกลมกล่อม เริ่มต้นจากการใส่ผงช็อกโกแลตลงในแก้ว จากนั้นทำกาแฟแคปซูล Livanto ปริมาณ 15 ออนซ์ และเทลงในแก้วที่มีผงช็อกโกแลต ก่อนเตรียมฟองนมด้วยเครื่อง Aeroccino เพื่อตกแต่งบนแก้วกาแฟเมนูลาเต้ อย่าลืมโรยผงช็อกโกแลตบนฟองนมอีกครั้ง รับรองว่าเมนูกาแฟลาเต้แก้วนี้นอกจากได้สัมผัสความเข้มข้นของกาแฟแล้ว ยังได้รสชาติหวานจากช็อกโกแลตอีกด้วย
3. Iced Cappuccino
นอกจาก สูตรทำลาเต้เย็น แล้ว เมนูคาปูชิโน่เย็นก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ใช้เวลาเพียงไม่เกิน 15 นาทีเท่านั้น เริ่มต้นด้วยการเลือกใช้กาแฟแคปซูลรสชาติ Roma จำนวน 3 แคปซูล เมื่อได้กาแฟแล้วให้นำมาผสมกับนมสดและแช่ตู้เย็นประมาณ 10 นาที จากนั้นเตรียมฟองนมประมาณ 7 ออนซ์ เมื่อได้ฟองนมนุ่ม ๆ ให้ค่อย ๆ วางบนกาแฟ ตามด้วยการโรยอบเชยและผงช็อกโกแลต รับรองว่าเมนูกาแฟเย็นนี้ทำง่ายและอร่อยจนต้องยกนิ้ว เพราะนอกจากมีกลิ่นโกโก้แล้ว ยังแทรกด้วยกลิ่นอบเชย เพิ่มความสดชื่นระหว่างดื่มได้เป็นอย่างดี
หากมีเครื่องชงกาแฟ Nespresso ไม่ว่าที่ไหน การชงกาแฟจะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก เนรมิตเมนูโปรดได้ทุก ๆ ที่ ไม่ว่าจะอยากทดลอง สูตรชงกาแฟสด ใหม่ ๆ รวมถึงสูตร เมนูกาแฟ ร้อนและกาแฟเย็นก็สามารถทดลองออกแบบเมนูต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ เพราะฉะนั้นใครที่ชอบกาแฟ แนะนำให้หาซื้อเครื่องทำกาแฟ Nespresso เอาไว้ รับรองว่าจะได้ดื่มกาแฟแบบรวดเร็วทันใจ แถมยังออกแบบรสชาติได้แบบไม่ซ้ำ

4
แม้กาแฟจะเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีความหลากหลาย แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการชงกาแฟอาจยังไม่รู้ว่า ระดับการคั่วของกาแฟ แต่ละระดับต่างกันอย่างไร และจะส่งผลต่อ รสชาติของเมนูกาแฟอย่างไร วันนี้เราจึงจะพาคุณไปหาคำตอบ พร้อมเปิดสูตรชงกาแฟเมนูยอดฮิตของสายคาเฟอีน

ชวนรู้จักศาสตร์แห่งการคั่วกาแฟ ที่ส่งผลต่อ ระดับความเข้มของกาแฟ
การคั่วกาแฟถือเป็นศาสตร์หนึ่งที่ละเอียดอ่อนและต้องใช้เวลาฝึกฝน โดยเมล็ดกาแฟแต่ละชุดต้องใช้ระดับการคั่วและเวลาที่ต่างกันเพื่อดึงรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะตัวออกมา โดยการคั่วกาแฟสามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
•   การคั่วอ่อน ใช้อุณหภูมิระหว่าง 180-205 องศาเซลเซียส ใช้เวลาสั้นที่สุด และได้ปริมาณคาเฟอีนสูงสุดเมื่อเทียบกับประเภทอื่น รสชาติที่ได้จะเด่นไปทางเปรี้ยวและมีกลิ่นแบบธัญพืช
•   การคั่วกลาง ใช้อุณหภูมิระหว่าง 210-230 องศาเซลเซียส จะมีทำให้กาแฟมีความเข้มและความกลมกล่อมมากขึ้นและมีรสชาติที่หอมหวานขึ้น
•   การคั่วเข้ม ใช้อุณหภูมิระหว่าง 240-250 องศาเซลเซียส ทำให้เมล็ดกาแฟอาจเสียรสชาติดั้งเดิม แต่กาแฟจะมีรสขมและมีกลิ่นควันชัดขึ้น

สำหรับขั้นตอนการคั่วกาแฟพื้นฐาน คือ นำเมล็ดกาแฟใส่ในเครื่องคั่ว ปรับระดับความร้อน และสังเกตว่าเมื่อเมล็ดกาแฟเริ่มมีสีซีดแล้วให้เร่งไฟและเปิดพัดลมตาม จากนั้นจึงคั่วไปเรื่อย ๆ จนเมล็ดกาแฟเริ่มแตกออก แล้วจึงคั่วด้วยไฟอ่อนเพื่อกันเมล็ดกาแฟไหม้ เมื่อได้ระดับที่ต้องการแล้ว จึงนำเมล็ดกาแฟไปบดต่อไป

ทั้งนี้การจะได้ ระดับการคั่วกาแฟ ที่ต้องการย่อมต้องอาศัยการทดลองและการชิมรสชาติ โดยกาแฟคั่วเข้มมีรสชาติหนักแน่นอาจเหมาะกับยามเช้าที่ต้องการตื่นให้เต็มตา หรืออาจดื่มกาแฟคั่วอ่อนในยามบ่ายเพื่อผ่อนคลายกับบรรยากาศสบาย ๆ หรือถ้ายังเลือกไม่ได้ ก็มีกาแฟคั่วกลางที่มีความตรงกลาง ผสมผสานข้อดีของทั้งสองแบบเอาไว้ให้เลือกเช่นกัน

เมนูแบบนี้ มี ระดับความเข้มของกาแฟ แบบไหน
•   เอสเพรสโซ่ เป็นกาแฟดำที่ผสมผสานรสชาติและกลิ่นที่หลากหลายในรูปแบบกลมกล่อม อ่อนนุ่ม อย่างลงตัว
•   เมนูอเมริกาโน่ เกิดจากการชงกาแฟแล้วเติมน้ำร้อนเข้าไป ทำให้ได้รสชาติที่นุ่มนวลแต่ไม่ขมเท่ากาแฟเอสเพรสโซ่
•   คาปูชิโน่ เป็นเครื่องดื่มต้นตำรับของอิตาลีที่มักทำจากนม ไอศกรีม และเอสเพรสโซ่ในสัดส่วน 1:1 พร้อมเติมฟองนมด้านบนเพื่อให้ คาปูชิโน่ ได้รสชาติที่อร่อยและมีความสวยงาม
•   ลาเต้ เป็นหนึ่งในกาแฟแบบดั้งเดิมที่ประกอบด้วยเอสเพรสโซ่และนมสด พร้อมด้วยฟองนมที่หอมหวาน โดยมีความพิเศษคือคุณสามารถวาดลวดลายบนฟองนมของ ลาเต้ บนถ้วยใส่กาแฟ หรือที่เรียกว่าลาเต้อาร์ตได้

5
มีหลายเหตุผลที่ทำให้กาแฟใส่นมไม่เคยลดความนิยมเลย นั่นคือรสชาติความกลมกล่อมของนมสดที่ผสานกับความเข้มข้นของกาแฟสด นั่นจึงทำให้ลาเต้ และ คาปูชิโน่ กลายเป็น 2 เมนูกาแฟใส่นมสุดคลาสสิกที่มีทุกร้าน
   แต่กระนั้นการชงกาแฟใส่นมดื่มเองก็ไม่ยากเกินความพยายาม เพียงแค่มีเครื่องชงกาแฟสด เครื่องตีฟองนม และนมสดไว้ให้พร้อม ก็จะสามารถรังสรรค์กาแฟใส่นมแก้วโปรดได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

เปิด 2 สูตรกาแฟใส่นมสุดคลาสสิก
   ซึ่ง 2 สูตรกาแฟนมนี้ “ลาเต้” จะมีส่วนผสมของนมสดมากกว่า ขณะที่ “คาปูชิโน่” จะมีความเข้มข้นจากนมอุ่นและฟองนมเนื้อเนียน ซึ่งแต่ละสูตรมีวิธีการชงดังนี้
•   ลาเต้ร้อน   
ส่วนสูตรลาเต้ประกอบด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่ 30 มล. นมร้อน 180 มล. และฟองนม
วิธีการชง เริ่มจากเทนมร้อนลงในแก้วที่ใส่กาแฟเอสเพรสโซ่เตรียมไว้ ตักฟองนมมาวางด้านบนกาแฟโดยให้มีความหนาไม่เกิน 1 ซม. เพียงเท่านี้ก็จะได้ลาเต้ร้อนรสชาติลงตัวพร้อมเสิร์ฟ
•   คาปูชิโน่ร้อน
สูตรสำหรับชง คาปูชิโน่ นั้นประกอบด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่ 30 มล. นมร้อน ½ แก้ว ฟองนม ½ แก้ว และผงโกโก้เล็กน้อย
วิธีการชง เริ่มจากเทนมร้อนผสมกับกาแฟเอสเพรสโซ่ จากนั้นตักฟองนมมาวางด้านบนแล้วโรยด้วยผงโกโก้ เพียงเท่านี้ก็จะได้คาปูชิโน่ร้อนพร้อมเสิร์ฟ
   
ซึ่งจุดที่ต้องระวังในการทำฟองนม คือจะต้องนำนมสดสูตรปกติและเย็นจัดมาใช้สำหรับการตีฟอง เพราะหากนมสดไม่เย็นจะมีปัญหาฟองยุบหรือไม่อยู่ตัวได้ นอกจากนี้ขั้นตอนการทำฟองก็สำคัญทำให้หลายคนพิถีพิถันในการเลือกใช้เครื่องทำฟองนม ซึ่งหากใช้ ที่ตีฟองนม แบบไฟฟ้าจะได้ความเร็วเฉลี่ยในการทำฟองนมประมาณ 15 - 20 วินาทีต่อแก้ว แต่หากเลือกเป็นเครื่องแบบมือถือหรือไร้สายซึ่งต้องใช้มือจับในระหว่างการทำงานจะต้องใช้เวลาในการตีฟองนม 90 วินาที
ทั้งนี้ความเร็วในการทำฟองนมก็เป็นอีกตัวแปรสำคัญที่จะทำให้ฟองนมอยู่ตัว ยิ่งต้องชงกาแฟนมต่อเนื่องกันหลายแก้ว การเลือกเครื่องทำฟองนมที่มีความเร็วมากกว่าก็จะยิ่งตอบโจทย์ได้มากกว่า    
วัสดุของ ที่ทำฟองนม ก็ควรเลือกที่เป็นสแตนเลสหรือพลาสติกแบบ Non-stick ก็จะตอบโจทย์การใช้งานได้ดีเช่นกัน เพราะจะช่วยในการป้องกันสนิมและป้องกันคราบเกาะติดได้ดี ทั้งยังทำความสะอาดได้ง่าย นั่นเป็นเพราะอุปกรณ์ตัวนี้ จำเป็นต้องล้างทำความสะอาดบ่อย ๆ นั่นเอง

6
   ผิวเรียบเนียนสวยที่สาว ๆ อยากมี แต่ปัญหา รอยสิว ที่แก้ยากยังคงอยู่ทำให้ผิวไม่เนียนใสอย่างที่ต้องการ ดังนั้นผลิตภัณฑ์ ลดรอยสิว ที่มีสรรพคุณในการฟื้นบำรุงผิวใสขั้นสุด สามารถเห็นผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งที่สาว ๆ ควรต้องมีติดบ้านไว้ 

5 ครีมลดรอยสิวที่ควรมีติดบ้านเพื่อผิวสวยเนียนใสขั้นสุด
1.   เดอมาแอคชัน พลัส บาย วัตสัน เพียว แอนตี้-แอคเน่ โอเวอร์ไนท์ เอสโอเอส สปอต คอรเรคเตอร์ เนื้อเจลใส ใช้ง่าย เพียงแต้มเจลบาง ๆ ลงบริเวณที่มีสิว 2 เวลาเช้าและเย็น เจลแต้มสิวจากแบรนด์ dermaction จะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียบนผิวหน้า สิวจะยุบตัวลงในเวลาไม่นาน นอกจากนั้นยังช่วยดูแลปัญหารอยแดงรอยดำที่เกิดจากสิวให้จางลงได้อีกด้วย
2.   เดอร์มาติกซ์ แอคเน่ สการ์ ผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็นที่ผสานคุณประโยชน์ของส่วนประกอบสำคัญอย่าง CPX ซิลิโคนเจล สารสกัดจากเมือกหอยทาก นิโคตินาไมด์ สังกะสี และวิตามินอี เพื่อช่วยซ่อมแซมรอยแผลเป็นจากสิว ดูแลปัญหาจุดด่างดำและความหมองคล้ำของใบหน้า พร้อมปรับผิวให้มีความเรียบเนียนกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพียงใช้ทาวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
3.   eucerin โปรแอคเน่ โซลูชั่น เอ.ไอ. เคลียร์ริ่ง ทรีทเมนต์ เป็นผลิตภัณฑ์ช่วยฟื้นบำรุงเซลล์ผิวจากปัญหาสิวให้กลับมาเนียนใส พร้อมช่วยลดความมันตามร่องรูขุมขนของใบหน้า ช่วยกำจัดหัวสิวและลดสิวอุดตัน ทำให้หน้าไม่กลับมาเป็นสิวซ้ำ ผลิตภัณฑ์ eucerin pro acne solution ตัวนี้เหมาะกับผิวที่บอบบางแพ้ง่ายและเป็นสิวง่าย โดยให้ทาหลังทำความสะอาดใบหน้าเป็นประจำเช้า-เย็น
4.   เพียวริก้าส์ พลัส แอดวานส์ ดราก้อน บลัด ซี แอนด์ อี สการ์ เจล เป็นเจลลดรอยแผลเป็นที่นำเทคโนโลยีทันสมัยมาช่วยดูแลรอยแผลเป็นทุกชนิด ทั้งรอยแผลเป็นเก่าและรอยแผลเป็นใหม่ โดยการปรับให้ผิวเรียบเนียน ช่วยสร้างเนื้อเยื่อผิว และเสริมความแข็งแรงให้กับผิว เพียงทาเจลบริเวณที่มีรอยแผลเป็นเป็นประจำเช้า-เย็น
5.   เซตาฟิล ไบรท์ เฮลธ์ตี้ เรเดียนซ์ ไบรท์เทนนิ่ง เดย์ โพรเทคชั่น ครีม เอสพีเอฟ 15 ตัวช่วยลดเลือนริ้วรอย รอยสิว รวมถึงจุดด่างดำบนใบหน้าได้อย่างอยู่หมัด ด้วยมีประสิทธิภาพในการลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ได้ดี และปรับสีผิวให้มีความเรียบเนียนสม่ำเสมอ ผสานเข้ากับ Niacinamide ช่วยในการฟื้นฟูผิว พร้อมเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว และลดอาการระคายเคืองผิวได้ สามารถใช้กับผิวที่บอบบางแพ้ง่ายและยังใช้ทาได้บ่อยตามต้องการ

5 ครีมลดสิวน่าใช้ที่เราแนะนำว่าควรต้องมีติดบ้านไว้ สาว ๆ ที่ตามหาผลิตภัณฑ์รักษาสิว แผ่นแปะสิว สามารถไปหาซื้อได้ที่ร้านวัตสัน หรือ วัตสันออนไลน์ และยังมีโปรโมชั่นสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวมากมายที่ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าในการสั่งซื้อ ทั้งโปร himalaya ชิ้นที่ 2 1 บาท โปรซื้อ 1 แถม 1 หรือโปรซื้อคละ 3 ชิ้น ราคาเดียว หากสนใจเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.watsons.co.th/

7
การชงกาแฟต้องใช้ทักษะมากมายในการชงเพื่อความหอมอร่อย นอกจากกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของกาแฟสดแล้ว ความกลมกล่อมของรสชาติที่เข้มข้นผสมผสานความนุ่มนวลเป็นเสน่ห์ที่ขาดไม่ได้ แม้ว่าปัจจุบันมีคาเฟ่เปิดให้บริการมากมายจึงหากาแฟดื่มได้ง่ายขึ้น แต่ก็จะดีกว่ามากหากสามารถชงดื่มได้เองทุกเวลาที่ต้องการ สำหรับคนที่ไม่มีฝีมือการชงกาแฟมาก่อน มาทำความรู้จัก กาแฟแคปซูล กัน

ทำความรู้จักกับ กาแฟแคปซูล กาแฟสดเทรนด์ใหม่เพื่อชีวิตทันสมัย
กาแฟแคปซูล คือ กาแฟแท้คั่วบดแล้วและถูกบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะคล้ายถ้วยขนาดเล็ก ปิดสนิทด้วยฟอยล์ซึ่งช่วยกักเก็บรสชาติและความหอมของกาแฟสดไว้ได้นาน แพ็กเกจที่ปรากฏจึงอยู่ในรูปแบบของแคปซูล โดยหนึ่งแคปซูลใช้ได้หนึ่งครั้งและต้องใช้คู่กับเครื่องชงกาแฟเท่านั้น ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัยทำให้กาแฟแคปซูลยังคงรักษาคุณค่าทางอาหารเพื่อให้ร่างกายได้รับ ประโยชน์ของกาแฟ อย่างเต็มที่ ทั้งยังเก็บรักษาง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน

กาแฟแคปซูล ชงง่ายตอบทุกไลฟ์สไตล์คอกาแฟ
ไม่ว่าชอบดื่มเมนูไหน ๆ ไม่ว่าจะต้องการความเข้มขม ความเปรี้ยวหรือชอบกลิ่นแบบไหน เพียงเลือก แคปซูลกาแฟ ที่ตรงกับใจแล้วนำมาใส่ในเครื่องชงกาแฟ กดเลือกเมนูที่ต้องการ รอประมาณ 1 นาที ก็จะได้ดื่มกาแฟแก้วโปรดทันที ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน ไม่เสียเวลา เหมือนมีบาริสต้าส่วนตัวที่พร้อมชงกาแฟแสนละมุนกลมกล่อมให้ดื่มตลอดเวลา     

ข้อดี / ประโยชน์ของกาแฟ แคปซูล
-   มีกาแฟให้เลือกมากมาย สามารถเลือกดื่มได้ตามต้องการจึงไม่จำเจกับกาแฟรสชาติเดิม ๆ เช่น ช่วงเช้าดื่มกาแฟเข้มข้นกลมกล่อมเพื่อปลุกร่างกายและสมองให้ตื่นตัว ช่วงบ่ายอาจจะเลือกเป็นกาแฟที่มีกลิ่นและรสเปรี้ยวของผลไม้เพื่อชาร์จพลังงาน เติมความสดชื่น 
-   ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพของกาแฟที่ได้รับกับราคากาแฟสดที่จำหน่ายทั่วไป ทั้งนี้ แคปซูลกาแฟ มีราคาเริ่มต้นไม่ถึง 30 บาท 
-   ชงง่ายด้วยขั้นตอนเดียวเพียงแค่กดปุ่มเลือกเมนู ต่างจากการชงกาแฟสดแบบอื่นซึ่งต้องใช้เวลา
-   สะดวกกว่าเพราะอุปกรณ์หลักมีเพียง แคปซูลกาแฟ และเครื่องชงเท่านั้นจึงไม่ต้องวุ่นวายกับการเตรียมอุปกรณ์ก่อนชงหรือการเก็บล้างหลังจากชงเสร็จ
-   ช่วยให้คอกาแฟได้สนุกสนานไปกับกาแฟคุณภาพดีทั่วทุกมุมโลก

ซึ่งกาแฟแคปซูลต้องใช้คู่กับเครื่องชงกาแฟแคปซูลเท่านั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ากาแฟแคปซูลคือไอเทมสำคัญของคอกาแฟรุ่นใหม่ที่ช่วยให้การดื่มกาแฟเป็นเรื่องง่ายมากกว่าเดิม ทั้งยังสะดวกเพราะปัจจุบันสามารถเลือกซื้อกาแฟแคปซูลหลากหลายรสชาติทั้งแบบ specialtycoffee ทางออนไลน์ได้ทาง https://www.nespresso.com/th/th/order/capsules/vertuo หรือจะแวะมาที่ Nespresso Boutique ณ ห้างสรรพสินค้าทันสมัยใกล้บ้านก็ได้เช่นกัน

8
เมนูกาแฟดำที่ทุกร้านต้องมีนั่นก็คืออเมริกาโน่ เพราะเป็นเมนู Black Coffee ยอดนิยม เสิร์ฟได้ทั้งร้อนและเย็น และยังปรับสูตรได้อย่างหลากหลายและมีเสน่ห์ต่างกันออกไป โดยในวันนี้เรามี สูตรอเมริกาโน่ มาแนะนำถึง 7 แบบ ตั้งแต่แบบคลาสสิกไปจนถึงสูตรที่ปรับแต่งเพิ่มรสชาติเพิ่มความแปลกใหม่ โดยสิ่งที่ทุกสูตรจะต้องมีเหมือนกันคือ Espresso 1 ช็อตสำหรับร้อนและ 1 หรือ 2 ช็อตสำหรับแบบเย็น (แล้วแต่ความเข้มข้นที่ต้องการ)
1. สูตรคลาสสิก
อันดับแรกเตรียม Espresso 1 ช็อตใส่ไว้ในแก้วกาแฟ จากนั้นเติมน้ำร้อนลงไปประมาณ 120 มิลลิลิตร หากเป็นสูตรเย็นก็แค่เพิ่มน้ำแข็งลงไปและเพิ่ม Espresso เป็นสองช็อตเพื่อรสชาติกาแฟที่ชัดกว่าเดิม หากต้องการเมนูแบบคลาสสิก จะต้องไม่เติมไซรัปใด ๆ ลงไป เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นอโรม่าของกาแฟอย่างเต็มที่
สำหรับกาแฟสูตรนี้ หากเราเปลี่ยนวิธีการชงโดยเติมน้ำร้อนลงไปในแก้วก่อนที่จะเติมช็อตเอสเพรสโซลงไป โดยเฉพาะแบบร้อน จะได้กาแฟที่เรียกว่า longblack ซึ่งโดดเด่นด้วยกลิ่นอโรม่าที่มีมากกว่าเพราะช็อตเอสเพรสโซถูกเติมลงไปหลังจากน้ำร้อนทำให้อยู่ด้านบนและกลิ่นไม่ถูกทำให้ระเหยออกไป
2. Coconut americano
วิธีเริ่มด้วยการชง Espresso 2 ช็อตเตรียมไว้ ใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เติมน้ำมะพร้าวลงไปในปริมาณตามชอบ ราดด้วย Espresso ที่เตรียมไว้และตกแต่งด้วยเนื้อมะพร้าว
3. Caramel americano
เริ่มด้วยการเทไซรัปคาราเมลลงในแก้ว จากนั้นเติมช็อตเอสเพรสโซลงไป เติมน้ำร้อน และคนให้เข้ากัน โดยสูตรนี้อาจเปลี่ยนเป็นไซรัปวานิลลาก็ได้ โดยถ้าเพิ่มช็อตเอสเพรสโซและเติมน้ำแข็ง ก็กลายเป็นเมนูเย็นที่เพิ่มความสดชื่นได้ นอกจากนี้เมนูร้อนสำหรับสูตรนี้ยังเปลี่ยนเป็นเมนู longblack ได้ด้วยโดยเปลี่ยนวิธีการชงตามที่เราได้อธิบายไปแล้วในสูตรคลาสสิก
4. Mocha americano
สำหรับสูตรนี้ ยังคงใช้ไซรัปช็อกโกแลตในสูตรก่อนหน้า ขั้นตอนเริ่มต้นเหมือนกัน เพียงแต่หลังจากเติมน้ำร้อนแล้วให้เติมนมลงไปและคนให้เข้ากันโดยไม่ต้องตกแต่งด้วยวิปครีม
5. Chocolate americano
สูตรนี้เริ่มด้วยการใส่ไซรัปช็อกโกแลตลงไปในแก้ว จากนั้นราดช็อตเอสเพรสโซที่เตรียมไว้ลงไป ตามด้วยน้ำร้อนเช่นเดียวกับสูตรคลาสสิก จากนั้นคนให้เข้ากัน และตกแต่งด้านบนด้วยวิปครีมก่อนเสิร์ฟ
6. Honey Lemon americano
อีกหนึ่ง สูตรทำกาแฟเย็น ที่เพิ่มความสดชื่นด้วยรสชาติเปรี้ยวหวานลงตัว โดยเราใช้ Espresso 2 ช็อต ผสมให้เข้ากับน้ำผึ้งและน้ำมะนาว จากนั้นเติมลงในแก้วที่มีน้ำเปล่า ตามด้วยน้ำแข็ง เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูคลายร้อนเพิ่มความสดชื่นได้ในทุก ๆ วัน
7. สูตรอเมริกาโน่ ที่เติมน้ำผลไม้
โดยในสูตรนี้จะใช้น้ำส้ม น้ำลิ้นจี่ หรือน้ำผลไม้ชนิดอื่น ๆ เลือกตามที่ชอบได้เลย เริ่มด้วยใส่น้ำแข็งลงในแก้ว เติมน้ำผลไม้ที่ชอบลงไป จากนั้นราดด้วยช็อต Espresso ด้านบน เพียงเท่านี้ก็ได้ทำกาแฟเย็นเพิ่มความสดชื่นอีกหนึ่งเมนู
สูตรทั้งหมดทำให้มีตัวเลือกมากขึ้นนอกเหนือจากเมนูเดิม ๆ และเพื่อให้การเตรียมช็อตเอสเพรสโซง่ายขึ้น ก็ควรเลือกใช้กาแฟแคปซูลพร้อมเครื่องชงจาก Nespresso ซึ่งสามารถสั่งซื้อทั้งเครื่องชง แคปซูลกาแฟ และอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ผ่านช่องทางออนไลน์

9
กาแฟดำ Nespresso มีเสน่ห์ที่ทำให้คนหลงใหล ลองทำให้พิเศษกว่าเดิมด้วยกลิ่นหอมของผลไม้นานาชนิดผสานเข้ากับรสชาติของเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วอย่างพิถีพิถัน ซึ่งคุณสามารถชงดื่มเองหรือชงขายก็ทำได้เช่นกัน

7 สูตรชงกาแฟ longblack และ Americano กลิ่นหอม รสชาติเข้มข้นถูกใจ
1. สูตรเมนูอเมริกาโน่ เย็น
กาแฟอเมริกาโน่เบสิคเพิ่มความเย็นสดชื่นทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เริ่มต้นด้วยการเลือกแคปซูลกาแฟที่ถูกใจใส่ลงในเครื่องชงกาแฟ จากนั้นกดปุ่มทำเอสเพรสโซ่ พร้อมเสิร์ฟด้วยแก้วใส่น้ำแข็งตามด้วยเอสเพรสโซ่และเติมน้ำเย็นตามสัดส่วนลงไป
2. Longblack น้ำผึ้ง
กาแฟรสชาติเข้มข้นเข้ากับรสชาติของน้ำผึ้งแท้หวานเป็นธรรมชาติทำได้ง่ายมาก เริ่มต้นด้วยการเตรียม กาแฟดำ เอสเพรสโซ่จากแคปซูลกาแฟที่ชอบ นำมาเติมความหวานด้วยน้ำผึ้งตามต้องการ เตรียมแก้วทรงยาวใส่น้ำแข็งและเทน้ำเย็นตามลงไปปิดท้ายด้วยกาแฟเอสเพรสโซ่ช็อตเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
3. อเมริกาโน่ลิ้นจี่
หากคุณต้องการเติมความสดชื่นแนะนำสูตรนี้ เตรียมกาแฟเอสเพรสโซ่จากแคปซูลกาแฟระดับความเข้มข้นที่ถูกใจผสมกับไซรัปรสลิ้นจี่ที่ให้รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอม จากนั้นเทเสิร์ฟลงในแก้วใส่น้ำแข็ง แต่งหน้าด้วยลิ้นจี่สดให้สวยงาม
4. กาแฟดำ น้ำผึ้งมะนาว
เริ่มต้นเมนูกาแฟแสนอร่อยด้วยการสกัดแคปซูลกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ชอบผสมน้ำผึ้ง น้ำมะนาว และน้ำเย็น คนให้เข้ากัน เทลงในแก้วทรงยาวเติมน้ำแข็งให้เรียบร้อย
5. สูตรเมนูอเมริกาโน่ น้ำมะพร้าว
สูตรเติมความสดชื่นด้วยกาแฟผสานกลิ่นหอมละมุนของน้ำมะพร้าวที่ให้รสชาติอมหวานนิด ๆ เริ่มต้นด้วยการเลือกแคปซูลกาแฟแสนอร่อยด้วยฟังก์ชันเอสเพรสโซ่ จากนั้นเทลงในแก้วทรงยาวใส่น้ำแข็งตามด้วยกาแฟที่เตรียมไว้และน้ำมะพร้าวลงไป
6. สูตรอเมริกาโน่ น้ำส้ม
แนะนำสำหรับคนที่ต้องการเครื่องดื่มเรียกความสดชื่น เริ่มต้นด้วยการเตรียมเอสเพรสโซ่ 1 ช็อตและน้ำส้มคั้นสดเอาไว้ จากนั้นเสิร์ฟด้วยแก้วกาแฟทรงสูงใส่น้ำแข็ง เติมเอสเพรสโซ่ลงไปและปิดท้ายด้วยน้ำส้มคั้นรสชาติเปรี้ยวอมหวานแสนอร่อย
7. อเมริกาโน่น้ำมันมะกอก
เมนูแปลกใหม่ที่ใครอยากเติมไขมันดีพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเผาผลาญขอแนะนำสูตรนี้! เริ่มต้นด้วยการเตรียมกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ต้องการ จากนั้นนำมาเติมน้ำมันมะกอกคนให้เข้ากัน จะดื่มแบบร้อนหรือแบบเย็นก็ได้ตามที่ชื่นชอบ

ทั้ง 7 สูตรสามารถเสิร์ฟได้ทั้งแบบ longblack หรือ Americano ได้ตามความชอบและเลือกแคปซูลกาแฟ Nespresso ที่คุณชื่นชอบเพื่อรสชาติแสนกลมกล่อมและกลิ่นหอมละมุนระดับพรีเมียมมากขึ้นกว่าเดิม

10
เพราะกลิ่นและรสชาติที่มีเอกลักษณ์ของ กาแฟ รวมถึงความหลากหลายทำให้กาแฟได้รับความนิยมไปทั่วโลก สำหรับคนที่ชื่นชอบกาแฟแต่ไม่ถนัดกาแฟดำ กาแฟนมอย่างลาเต้ มัคคิอาโต้ มอคค่า หรือ คาปูชิโน่ จึงกลายเป็นเมนูกาแฟยอดฮิตของผู้ที่หลงรักรสชาติอันกลมกล่อมนุ่มละมุน ซึ่งเมนูต่าง ๆ เหล่านี้มีตัวชูโรงที่สำคัญนั่นคือ ฟองนม 
ฟองนมหรือโฟมนมนุ่ม ๆ เป็นฟองอากาศขนาดเล็กที่ถูกห่อหุ้มด้วยโปรตีนและไขมันของนม การตีฟองนมให้ละเอียดเนียนนุ่มขึ้นรูปสวยไม่เหมือนกับการตีไข่ขาวให้ขึ้นฟู แต่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษช่วยนั่นคือ เครื่องตีฟองนม ซึ่งใช้หลักการเพิ่มอากาศเข้าไปในนมพร้อมปรับอุณหภูมินมให้สูงขึ้นประมาณ 55 - 65 องศาเซลเซียส เมื่อถึงจุดที่เหมาะสมโปรตีนและไขมันในนมจะจับตัวกันเป็นตาข่ายเพื่อดักจับฟองอากาศจากก้านเป่าโฟมนม จนได้เป็นฟองนมเนียนนุ่มที่หลายคนชอบ ยิ่งฟองนมมีความเนียนนุ่มมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งให้รสสัมผัสนุ่มมากขึ้นเท่านั้น
ปัจจุบัน เครื่องทำฟองนม มีหลายแบบหลายรุ่นให้เลือกใช้ตามความต้องการ จึงเป็นเรื่องที่ยากต่อการตัดสินใจสำหรับคอกาแฟมือใหม่อยู่สักหน่อย แต่อย่างไรก็ตามการเลือกซื้อ เครื่องตีฟองนม นั้นควรพิจารณาจาก
1.   ประเภทของเครื่องทำฟองนม ได้แก่
•   เครื่องตีฟองนมแบบมือถือ ส่วนใหญ่ใช้พลังงานจากถ่านไฟฉาย บางรุ่นอาจจะมีสาย USB ให้ชาร์ท ข้อดีคือใช้งานง่าย ราคาไม่แพง ขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานกับการทำอาหารประเภทอื่นได้ เช่น ตีไข่ หรือใช้เป็นอุปกรณ์ผสมเบเกอรีที่มีปริมาณไม่มากนัก ข้อเสียคือต้องเปลี่ยนถ่านบ่อย ความแรงในการตีไม่คงที่และใช้เวลานานกว่าแบบอัตโนมัติ ทั้งยังไม่มีฟังก์ชันการทำงานแบบอื่นนอกจากปุ่มเปิด-ปิดการทำงานเท่านั้น                                                                 
•   เครื่องตีฟองนมไฟฟ้าแบบอัตโนมัติ ข้อดีคือมีความเสถียรในการทำงานมากกว่าจึงสามารถตีฟองนมได้เนื้อเนียนละเอียดกว่าในเวลาอันรวดเร็ว มีหลายขนาดให้เลือกตามต้องการพร้อมดีไซน์สวยด้วยรูปทรงแก้วหรือเหยือกที่มีฝาปิดช่วยให้การตีฟองนมไม่กระเด็นสกปรกเปรอะเปื้อน ใช้งานง่าย สะดวก เหมาะกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมืออาชีพ ข้อเสียคือราคาสูงกว่า แต่มีความคล่องตัวน้อยกว่าเนื่องจากมีข้อจำกัดของปลั๊กไฟ
2.   ฟังก์ชันการใช้งาน
สำหรับสายกาแฟนมเมื่อจะตัดสินใจซื้อ เครื่องทำฟองนม ควรเลือกที่มีฟังก์ชันครอบคลุมทั้งทำฟองนมร้อน ฟองนมอุ่น และฟองนมเย็น เพื่อรองรับทั้งเมนูกาแฟร้อนและกาแฟเย็น เพราะไม่ว่าจะเป็นลาเต้ ลาเต้อาร์ต มอคค่า นมร้อน หรือ คาปูชิโน่ ต่างต้องการฟองนมที่แตกต่างกัน
3.   เลือกจากวัสดุที่ใช้ผลิต
เครื่องตีฟองนม ที่ผลิตจากสแตนเลสหรือวัสดุ Non-Stick มีข้อดีคือล้างทำความสะอาดง่าย ช่วยประหยัดแรงและเวลาในการล้างทำความสะอาด
หากต้องการ เครื่องทำฟองนม ที่ใช้ได้จริง ขอแนะนำ Aeroccino 3 เครื่องทำฟองนมอัตโนมัติคุณภาพดีจาก Nespresso ภายใต้ดีไซน์เรียบหรูแต่ใช้งานง่ายแค่กดปุ่มเดียวก็สามารถทำได้ทั้งเมนูร้อนและเมนูเย็น แถมยังช่วยประหยัดพลังงาน

ชมรายละเอียดเพิ่ม
https://www.nespresso.com/th/th/aeroccino-accessories-collection
https://www.nespresso.com/th/th/coffee-cup
https://www.nespresso.com/th/th/how-to-make-latte-art

11
   หลายคนเคยชินกับการชงกาแฟแบบเดิม ๆ ที่ใช้ความพิถีพิถัน การจดจ่อ การใช้เวลาในชงนาน ๆ กว่าที่จะได้ กาแฟสด สุดพรีเมียมสักแก้วหนึ่ง... คงจะดีไม่น้อยถ้าเราสามารถทำกาแฟสดแก้วโปรดได้ด้วยตนเอง สำหรับถ้าใครสนใจอยากเปลี่ยนวิธีการชงแบบเดิม ๆ อย่ามองข้ามตัวช่วยอย่าง เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ ที่จะทำให้คุณลืมการชงกาแฟแบบเดิม ๆ ไปได้เลย
เครื่องชงกาแฟสุดล้ำจากแบรนด์ Nespresso ที่จะเปลี่ยนวิธีชงกาแฟแบบเดิม
•   ถ้าคุณกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟที่สามารถชงกาแฟนมได้อย่างกับไปดื่มที่ร้านกาแฟดัง ๆ เครื่องชงกาแฟแคปซูล จากแบรนด์ Nespresso รุ่น Creatista Plus Metal Stainless Steel เครื่องชงกาแฟที่จัดเต็มมาแบบสุด ๆ มาพร้อมกับก้านสตรีมฟองนมที่มีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องซื้อเครื่องตีฟองนมเสริม ตีฟองนมได้ถึง 4 รูปแบบด้วยกัน มีเทคโนโลยีสร้างฟองนมขนาดเล็ก ทำให้เราสามารถครีเอทเมนูได้หลากหลาย โดยตัวเครื่องนี้สามารถทำเมนู กาแฟสด ได้ถึง 8 เมนูทั้งเมนูกาแฟดำและเมนูกาแฟนม เราสามารถใช้เครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ทำลาเต้อาร์ตสวย ๆ ได้อย่างสบาย ความแตกต่างของเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้กับรุ่นอื่น ๆ คือ สามารถปรับอุณหภูมิของนมได้หลายระดับตามต้องการ ความจุของถังน้ำเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้อยู่ที่ 1.5 ลิตร แรงดัน 19 บาร์ ถ้าพูดถึง วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ เครื่องนี้ต้องบอกเลยว่าง่ายมาก ๆ มีทั้งปุ่มกดและหน้าจอระบบสัมผัสใช้งานง่ายมาก ๆ  เพียงใส่แคปซูลกาแฟลงในช่องใส่แคปซูลกาแฟและเลือกเมนูที่ต้องการชงเท่านั้นเอง
•   ส่วนถ้าใครเน้นดื่มกาแฟดำเป็นประจำทุกวันอยู่นั้น ขอแนะนำ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ขนาดเล็กน่ารัก ดีไซน์สวยลงตัว รุ่น Essenza Mini มีความจิ๋วแต่แจ๋ว จะนำไปตั้งอยู่ห้องไหน ๆ ของบ้านก็ช่วยส่งเสริมให้บ้านดูดีมากยิ่งขึ้น วิธีใช้งานตัวเครื่อง ก็ไม่ยากอย่างที่คิด แค่กดปุ่มเลือกเมนูกาแฟดำที่ต้องการชงคือ กาแฟแบบเอสเปรสโซและกาแฟลุงโก เมื่อกดปุ่มแล้ววางถ้วยกาแฟที่แท่นวางและรอเพียงไม่กี่สิบวินาทีก็จะได้กาแฟสุดหอมกรุ่นออกมาแล้ว ตัวเครื่องทำความร้อนได้เร็ว ถึงน้ำถอดเติมน้ำได้ การเติมน้ำหนึ่งครั้งสามารถทำกาแฟได้ต่อเนื่องหลายแก้ว
เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ จาก Nespresso รุ่น Creatista Plus Metal Stainless Steel และเครื่องชงกาแฟรุ่น Essenza Mini คือตัวช่วยในการชงกาแฟ ให้คุณสามารถสร้างสรรค์เมนูกาแฟสดอย่างที่คุณต้องการได้ด้วยตัวเอง

12
การดื่มกาแฟหากอยากได้ประโยชน์ ต้องเป็นกาแฟดำที่จะให้ประโยชน์สูงสุด เพราะช่วยกระตุ้นในเรื่องของระบบการเผาผลาญของร่างกาย ช่วยกระตุ้นความจำและมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งตับได้อีกด้วย แต่จะดื่มกาแฟอย่างไรให้เกิดประโยชน์สูงสุดและได้รสชาติที่ดื่มง่าย ไม่ขมจนเกินไป
ความแตกต่างของกาแฟ ในการคั่วระดับต่าง ๆ
ในปัจจุบันมีการแบ่งระดับการคั่วกาแฟออกเป็น 3 ระดับด้วยกันได้แก่
-   กาแฟคั่วอ่อน จะใช้ระยะเวลาในการคั่วไม่นาน นับเป็นการแตกของเมล็ดกาแฟรอบแรก สีเมล็ดจะออกน้ำตาลอ่อน แห้ง ไม่มีน้ำมันเกาะผิว ให้รสเปรี้ยว มาพร้อมกลิ่นที่ชัดตามแต่สายพันธุ์และสถานที่ปลูก เหมาะสำหรับการชงร้อนในรูปแบบ espresso หรือ americano ร้อน จิบกาแฟแล้วตามด้วยน้ำเย็นจะช่วยให้ชุ่มคอมากยิ่งขึ้น
-   กาแฟคั่วกลาง จะมีระดับความเข้มที่มากกว่า กาแฟคั่วอ่อน แต่ไม่ขม เข้ม จนเกินไป ยังให้รสเปรี้ยวอยู่บ้าง พร้อมความขมนิด ๆ สีเมล็ดจะออกน้ำตาลเข้มถึงเข้มมาก หอมได้เนื้อกาแฟ เมื่อนำ กาแฟคั่วกลาง  มากลั่นเป็นกาแฟ espresso จะให้สีครีม่าบาง ๆ สามารถนำไปชงดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น
-   กาแฟคั่วเข้ม จะมีความขมเข้ม สีเมล็ดจะออกน้ำตาลเข้มมาก ค่อนไปทางดำเหมือนไหม้ ได้เนื้อกาแฟมาเต็ม ๆ มีกลิ่นหอมฟุ้ง เมื่อนำมากลั่นเป็น espresso จะให้ครีม่าสีทองสวยงาม หากเติมน้ำร้อนลงไปก็จะได้เป็น americano ร้อน พร้อมเสิร์ฟ ได้รสชาติที่ลงตัว ไม่ขมเข้มจนเกินไป เหมาะสำหรับการทำเมนูเย็นและปั่นมากกว่า เพราะไม่ต้องเพิ่มช็อต
แนะนำเมนูกาแฟแคปซูล สูตร MASTER ORIGINS จาก Nespresso
หากอยากชิมกาแฟสดชั้นนำอย่างกาแฟ เอธิโอเปีย, อินเดีย, โคลัมเบีย, นิคารากัวหรือแม้แต่กาแฟอินโดนีเซีย ร้านกาแฟในประเทศไทยส่วนใหญ่จะนิยมใช้เมล็ดกาแฟที่ผลิตในประเทศและเน้นไปที่ กาแฟคั่วเข้ม มากกว่า กาแฟคั่วอ่อน เพราะสามารถทำเมนูกาแฟได้หลากหลายกว่า ในขณะที่กาแฟแคปซูลจาก Nespresso สามารถให้คุณเลือกความอร่อยและสุขภาพที่ดีได้ด้วยตัวคุณเอง มีกาแฟให้เลือกมากถึง 25 รส มีทั้งกาแฟไม่มีคาเฟอีน มาจากแหล่งผลิตกาแฟชื่อดัง สูตร MASTER ORIGINS เช่น India ระดับความเข้ม 11/13 ให้กลิ่นหอมเครื่องเทศ, Columbia ระดับความเข้ม 6/13 ให้ความสดชื่นและกลิ่นผลไม้, Nicaragua ระดับความเข้ม 5/13 ให้ความหอมหวานและรสชาติกล่อมกล่อม เป็นต้น 
สำหรับคอกาแฟที่ต้องการดื่มกาแฟให้ได้ประโยชน์ของกาแฟและได้รับความอร่อย อย่าลืมสั่งกาแฟดำที่ปราศจากน้ำตาล โดยเฉพาะกาแฟแคปซูลจาก Nespresso ที่มีครบทุกรส

13
การ มาส์กหน้า เป็นหนึ่งในขั้นตอนดูแลผิวที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกมากกว่าการทาสกินแคร์บำรุงผิวแบบทั่วไป เพื่อให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างจัดเต็มควรมาส์กหน้าเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 - 2 ครั้ง เพื่อเป็นการเสริมการบำรุงให้ผิวของเราสุขภาพดีมากขึ้น วันนี้เรามี 5 ผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าคุณภาพเยี่ยมมาแนะนำที่จะช่วยให้คุณมีผิวหน้ากระจ่างใสแบบง่าย ๆ ในไม่กี่นาทีที่ใช้

1.   SOME BY MI HYALURON MOISTURIZING GLOW LUMINOUS AMPOULE MASK
แผ่นมาส์กจากยี่ห้อ some by mi ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว รวมถึงมีส่วนผสมของไฮยาลูรอนเข้มข้นช่วยลดเลือนริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้า ทำให้ผิวยกกระชับ ในมาส์ก 1 แผ่น อุดมไปด้วยสารสกัดเข้มข้นเทียบเท่ากับการใช้เอสเซนส์ 1 ขวด ที่สำคัญแผ่นมาส์กหน้า 0.2 มิลลิเมตร ทำให้ผิวได้หายใจและลดการระคายเคืองผิว ยึดติดแนบสนิทกับใบหน้า ไม่หลุดง่าย
2.   เมดิฮีล เคลียร์ อัลฟ่า มาสก์ อีเอ็กซ์
ผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าเพื่อผิวกระจ่างใสจากประเทศเกาหลี มีส่วนผสมของ Clear Alpha Complex อุดมไปด้วยสารสกัดจากโพสเลนช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และยังมีวิตามินซีช่วยบำรุงผิวให้กระจ่างใส ลดเลือนกระ ฝ้า และจุดด่างดำให้จางลง ที่สำคัญอ่อนโยนเพราะเป็นแผ่นชนิด Silky Soft Rayon ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
3.   บาโนบากิ ไวต้า จีนิค เจลลี่ มาส์ก ไฮเดรติ้ง
ผลิตภัณฑ์ บาโนบากิมาส์ก สูตรเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว มีนวัตกรรมไฮเดรติ้งที่คิดค้นโดยทีมแพทย์ผิวหนังจากโรงพยาบาลบาโนบากิประเทศเกาหลี เป็นเทคโนโลยีการบำรุงผิวที่มาในรูปแบบเจลลี่เซรั่มไลโปโซมที่มีประสิทธิภาพช่วยกักเก็บเอาวิตามินและสารอาหารไว้มากกว่า 59,000 ppm ได้แก่ วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี9 วิตามินซี และวิตามินอี นอกจากนั้นยังมีน้ำแร่บริสุทธิ์จากเกาะเจจูและไฮยาลูรอเนท ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว
4.   บีเค แอคเน่ บาลานซิ่ง มาส์ก
มาส์กหน้า bk acne สูตรเนื้อโคลนที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาสิวโดยเฉพาะ อุดมไปด้วยน้ำมันสกัดธรรมชาติจากใบทีทรีในประเทศออสเตรเลีย และยังมีสาร SEBOCLEAR-MP ช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว นอกจากนั้นยังมีสารสกัดจากมัลเบอร์รี่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส ผลัดเซลล์ผิวหน้า ช่วยให้ผิวไร้รอยแดงรอยดำจากสิว แถมยังช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลงอีกด้วย
5.   ฮาดะ ลาโบะ แอนไท-เอจจิ้ง มาส์ก
ที่มาร์คหน้า สูตรใหม่ล่าสุดจากญี่ปุ่น มีส่วนผสมของ Elasgrow สารลิขสิทธิ์เฉพาะมีขนาดโมเลกุลเล็กช่วยเสริมประสิทธิภาพอีลาสตินใต้ชั้นผิวทำให้คอลลาเจนใต้ผิวทำงานได้ดี ส่งผลให้ผิวยกกระชับไม่หย่อนคล้อย ไม่เพียงเท่านั้นยังมี 3D Hyaluronic Acid ชนิดพิเศษช่วยล็อกและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ให้ผิวเต่งตึงเปล่งประกายไม่เหี่ยวย่น และทำให้ผิวอิ่มฟูไม่แห้งกร้าน

ทั้ง 5 ไอเทมมาส์กหน้าเพื่อผิวกระจ่างใส สามารถเข้าไปช้อปได้ที่วัตสัน พร้อมกับรับ โปรโมชั่นวัตสัน สุดคุ้มอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น โปรวัตสัน 1 แถม 1 ล่าสุด มีโปรชิ้นที่ 2 1 บาทรับรองเลยว่าคุ้มค่า

14
   มอยส์เจอไรเซอร์ สกินแคร์ที่หลาย ๆ คนมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วเป็นสกินแคร์เบสิกในการบำรุงผิวที่ทุกคนควรมีติดบ้าน เพื่อเติมความชุ่มชื้น ช่วยแก้ปัญหาผิวต่าง ๆ ทั้งริ้วรอย ผิวขาดน้ำ และปัญหาสิว ทำให้ผิวแข็งแรง เรามาติดตามเคล็ดลับทําให้ผิวสวยไปพร้อมกัน
   
เคล็ดลับการทา มอยส์เจอไรเซอร์ ให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี
ก่อนจะทามอยส์เจอไรเซอร์ สิ่งสำคัญคือการเลือกให้เหมาะกับประเภทผิว โดยเฉพาะคนที่มีผิวแพ้ง่าย มาดูกันว่าต้องลงมอยส์เจอไรเซอร์แบบไหน ใช้ทาได้ตอนเช้าและตอนเย็น แนะนำให้ทาหลังล้างหน้าภายใน 3 นาทีดีที่สุด เนื้อสกินแคร์จะซึมลงผิวได้ดีขึ้น แนะนำให้ใช้นิ้วกลางหรือนิ้วนางทามอยส์เจอไรเซอร์ลงบนผิวหน้า โดยทาจากล่างขึ้นบนแล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้าจนถึงลำคอ ค่อย ๆ ทาทีละน้อย ถ้ารู้สึกว่าหน้ายังแห้งอยู่ให้ลงเพิ่ม ไม่ควรทาเป็นวงกลมเพราะจะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย
สำหรับการเรียงลำดับการทาสกินแคร์ แนะนำให้เริ่มทาผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบาและดูดซึมได้ง่ายก่อน เริ่มด้วยโทนเนอร์เช็ดผิวให้สะอาด แต้มยาทาสิว ลงเซรั่ม แล้วตามด้วยอายครีม มอยส์เจอร์ไรเซอร์และครีมเนื้อหนา แต่ละชั้นควรทาบาง ๆ เพราะถ้าทามากเกินไปจะทำให้หน้ามันวาวและเกิดสิวอุดตันได้

เลือก มอยเจอร์ไรเซอร์ตัวไหนดี ของ ELCA เหมาะกับสภาพผิว
การเลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวหน้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผิวมีสุขภาพดี ขอแยกตามประเภทของผิวหน้า ดังนี้
•   ผิวแห้ง เป็นผิวที่ต้องการความชุ่มชื้นมากที่สุด ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์เนื้อครีมอย่างสม่ำเสมอ เคลือบผิวไม่ให้ความชื้นระเหยออกไป เนื้อครีมข้นกว่าปกติช่วยคงความชุ่มชื้นยาวนาน หากผิวแห้งมากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทาตอนก่อนนอนได้
•   ผิวเป็นสิว เลือกสูตรที่มีส่วนผสมที่ป้องกันการเกิดสิวใหม่ พร้อมกับช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไป ปรับสีผิวให้เรียบเนียน ขจัดความหมองคล้ำและจุดด่างดำ พร้อมเผยผิวกระจ่างใสกว่าเดิม
•   ผิวปกติ เหมาะกับการทาโลชั่นหรือ moisturizer ที่มีส่วนผสมของน้ำเป็นส่วนใหญ่ แห้งเร็ว ไม่เหนียวเหนอะหนะ หากสภาพอากาศหนาวเย็นขึ้น ก็ค่อยเปลี่ยนไปใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมหลักก็ได้
•   ผิวมันและผิวผสม แนะนําmoisturizer เนื้อเจลที่มีส่วนผสมของน้ำ จะทำให้ซึมซาบสู่ผิวได้ง่ายและไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่อุดตันผิว ส่วนผิวผสมควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์สำหรับผิวมันบริเวณทีโซน
•   ผิวบอบบางและแพ้ง่าย ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน ป้องกันการระคายเคือง ผื่นคัน และอาการแพ้

หากคุณกำลังมองหามอยส์เจอไรเซอร์ที่ดี ขอแนะนำ La Mer ช่วยดูแลฟื้นบำรุงผิวหน้าแก้ปัญหาผิวมัน ผิวแห้ง และเป็นเกราะป้องกันผิวแพ้ง่ายหรือมีปัญหาสิว ถ้าเลือกได้ดีและใช้ถูกวิธี จะทำให้ครีมบำรุงเข้าไปดูแลผิวอย่างเต็มที่ เพื่อผิวพรรณที่นุ่มชุ่มชื้นกว่าที่เคย

ชมรายละเอียดที่
https://praew.com/praew-special/518840.html

15
นอกจาก คอนแทคเลนส์ จะช่วยให้คุณทำกิจกรรมต่าง ๆ คล่องตัว ปัจจุบันหลายคนยังหันมาใส่คอนแทคเลนส์ตามแฟชั่น เพราะใส่แล้วจะให้ลุคที่แตกต่างออกไป นั่นทำให้การใส่ คอนแทคเลนส์สายตา ไม่ได้ถูกจำกัดสำหรับผู้มีปัญหาสายตาอีกต่อไป แม้การใส่ตามแฟชั่นจะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถึงอย่างนั้นควรศึกษาให้ชัวร์ก่อนซื้อ เพราะคอนแทคเลนส์มีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น คอนแทคเลนส์รายวัน ของ Watsons รายเดือน แถมยังมีทั้งชนิดนิ่มและชนิดแข็ง เพราะฉะนั้นลองมาดูกันว่าก่อนซื้อคอนแทคเลนส์ต้องรู้อะไร

รวมทริคต้องรู้ก่อนซื้อ คอนแทคเลนส์ ของ Watsons
•   วัดค่าสายตาก่อนซื้อ
ใครที่มีปัญหาสายตา มองอะไรก็ไม่ชัด ใช่ว่าจะเดินไปซื้อ คอนแทคเลนส์ ได้เลย วิธีที่ดีที่สุดคือการปรึกษาจักษุแพทย์ก่อน โดยเฉพาะการใส่คอนแทคเลนส์ครั้งแรก เพื่อวัดค่าสายตาและเพื่อให้จักษุแพทย์แนะนำว่าควรใส่ประเภทใด นอกจากนี้ความโค้งของดวงตาและเส้นผ่านศูนย์กลางดวงตาแต่ละคนไม่เท่ากัน การปรึกษาจักษุแพทย์จึงช่วยให้เลือกคอนแทคเลนส์แม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ได้คอนแทคเลนส์ที่มีค่าสายตาพอดี มองเห็นชัด เมื่อใส่แล้วจะไม่มีปัญหาข้างเคียงตามมาภายหลัง
•   รู้จักชนิดของคอนแทคเลนส์ก่อนเสมอ
คอนแทคเลนส์สายตา มีทั้งชนิดแข็งและชนิดนิ่ม ชนิดนิ่มมาพร้อมจุดเด่นในการอุ้มน้ำและทำให้ออกซิเจนซึมผ่านได้ดี เมื่อใส่แล้วสบายตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาไม่สูงมากหรือไม่มีค่าสายตา สำหรับชนิดแข็งเหมาะกับผู้เริ่มใส่คอนแทคเลนส์ เพราะอยู่ทรงดีกว่า หากใส่นาน ๆ อาจทำให้รู้สึกว่าตาแห้ง เหมาะกับผู้ที่มีสายตาสั้น สายตาเอียง และสายตายาว
•   คอนแทคเลนส์รายวัน รายเดือน และรายปี
คอนแทคเลนส์มีหลายประเภททั้งแบบรายวัน รายเดือน และรายปี สำหรับ คอนแทคเลนส์รายวัน เป็นแบบใช้แล้วทิ้งวันต่อวัน สำหรับรายเดือนสามารถใช้ได้นาน 30 วัน แต่ถึงอย่างนั้นต้องถอดออกทุกวันและรักษาความสะอาดสูงเพื่อลดการติดเชื้อ สำหรับรายปีปัจจุบันไม่นิยมใช้เพราะเสี่ยงสกปรกง่าย
•   เช็กวันหมดอายุเสมอ
ก่อนตัดสินใจซื้อคอนแทคเลนส์ควรเช็กฉลากวันหมดอายุก่อนเสมอ เพราะบางครั้งอาจเจอร้านที่นำสินค้าหมดอายุหรือใกล้หมดอายุมาวางขาย ที่ต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้มากเพราะคอนแทคเลนส์เป็นผลิตภัณฑ์ที่อยู่แนบชิดกับดวงตา หากใช้แบบที่หมดอายุแล้วอาจส่งผลให้ดวงตาอักเสบ ติดเชื้อ นำมาซึ่งปัญหาเกี่ยวกับดวงตาได้
•   เลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันมีแบรนด์คอนแทคเลนส์เกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะแบรนด์คอนแทคเลนส์แฟชั่น แม้จะมีแบรนด์น่าเชื่อถือหลายแบรนด์แต่ถึงอย่างนั้นบางแบรนด์กลับไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ซึ่งคอนแทคเลนส์ถือเป็นเครื่องมือแพทย์ ผู้ผลิตและนำเข้าจึงจำเป็นต้องได้รับการรับรองตามกฎหมาย ก่อนตัดสินใจซื้อจึงควรดูให้ดีว่าคอนแทคเลนส์ได้รับการรับรองหรือไม่จะได้ใส่อย่างมั่นใจ นอกจากสวยแล้วยังปลอดภัยด้วย

คอนแทคเลนส์สายตา หรือคอนแทคเลนส์แบบไม่มีค่าสายตา ไม่ว่าจะแบบไหน ๆ แน่นอนว่าก่อนตัดสินใจซื้อควรเลือกให้เหมาะกับเรามากที่สุด ที่สำคัญต้องเป็นคอนแทคเลนส์ได้มาตรฐานใส่แล้วจะได้สวยแบบปลอดภัย นอกจากนี้ควรดูแลรักษาความสะอาดเสมอ แช่คอนแทคเลนส์ด้วยน้ำสะอาด เปลี่ยนน้ำยาแช่ทุกครั้งหลังใช้งาน สำหรับใครที่อยากเสกดวงตาให้สวยปิ๊ง มองเห็นชัดแจ๋ว สามารถเลือกซื้อคอนแทคเลนส์ชนิดต่าง ๆ ได้แล้วที่ วัตสันออนไลน์ ช้อปสะดวกโดยไม่ต้องเดินทางไปที่ร้าน ที่สำคัญ โปรโมชั่นวัตสัน เพียบ รับรองว่าได้ซื้อกันแบบคุ้ม ๆ สบายเงินในกระเป๋า

16
   “ครีมกันแดด” ถือเป็นสกินแคร์ที่ห้ามขาดในการดูแลผิวหน้าและผิวกาย หลายคนรู้ว่าครีมกันแดดนั้นสำคัญและมีข้อดีอย่างไร แต่ก็มีคนจำนวนอีกไม่น้อยที่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการไม่ทาครีมกันแดดจะเป็นอย่างไร แล้วจะเลือกครีมกันแดดอย่างไรให้เหมาะกับผิวหน้าและไลฟ์สไตล์ของตัวเองดี วันนี้จะตอบทุกข้อสงสัย พร้อม แนะนำครีมกันแดดทาหน้า ที่ควรมีรับหน้าร้อนนี้

ความน่ากลัวของการละเลย ไม่ใช้ กันแดด
•   ทำให้ผิวหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอ
•   ผิวไหม้จากแสงแดด
•   แสบผิว เกิดอาการคันและรอยแดงที่ผิว
•   เกิดริ้วรอยง่าย หน้าแก่ก่อนวัย
•   เกิดปัญหาผิว เช่น เป็นฝ้า กระ และจุดด่างดำ ผิวแห้ง คัน

เคล็ดไม่ลับในการเลือกครีมกันแดด
•   เลือกครีมกันแดดให้เหมาะกับสภาพผิว เช่น ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวมัน เพื่อปกป้องและบำรุงผิวได้ตรงจุดไปในเวลาเดียวกัน
•   เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF ให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน
•   เลือกครีมกันแดดให้ตรงกับวัตถุประสงค์ ว่าจะใช้ ครีมกันแดดทาหน้า หรือครีมกันแดดทาตัว
•   เลือกครีมกันแดดให้เหมาะสมกับช่วงอายุ เพื่อลดปัญหาผิวที่อาจจะเกิดตามมาในภายหลัง

แนะนำครีมกันแดดทาหน้า 10 ยี่ห้อที่ควรมีรับซัมเมอร์นี้
1.   Clear Nose ครีมกันแดด ยูวี ซัน เซรั่ม
กันแดดบูสเตอร์จาก เคลียร์ โนส สูตรน้ำ ไม่อุดตันผิว เนื้อเซรั่มกระชับรูขุมขน มีความบางเบาสบายผิว ไม่เป็นคราบ ไม่เหนียวเหนอะหนะ คุมมัน ช่วยลดการเกิดสิว ปกป้องผิว และสะท้อนรังสี UVA และ UVB ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย เอสพีเอฟ50+ พีเอ ++++ เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ว่าจะผิวแพ้ง่าย หรือเป็นสิวง่ายก็สามารถใช้ได้ กันน้ำ หน้าไม่เยิ้มระหว่างวัน ทาก่อนลงเล่นกีฬากลางแดด หรือว่ายน้ำได้ ช่วยปกป้องผิวหมองคล้ำจากแสงแดด ขนาด 80 มล. ราคาโปรโมชันช่วงนี้ 495 บาท จากราคาปกติ 990 บาท

2.   ครีมกันแดดมิซึมิ ยูวี วอเตอร์ เซรั่ม ซองสีฟ้า
   ครีม กันแดด สูตรน้ำลดการอุดตันของผิว เนื้อบางเบา คุมมัน ไม่ทำให้หน้ามันระหว่างวัน เบาสบายผิว ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีแบบ 100% ปราศจากน้ำหอม น้ำมัน แอลกอฮอล์ สีสังเคราะห์ และพาราเบน เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เอสพีเอฟ 50+ พีเอ++++ ขนาด 40 กรัม ราคา 399 บาท

3.   ลอรีอัล ปารีส ยูวี ดีเฟนเดอร์ มอยส์ แอนด์ เฟรช ลอง ยูวีเอ
ครีมกันแดดเซรั่ม มีระดับการปกป้องผิวจากแสงแดด SPF 50+ PA++++ ปกป้องผิวและริ้วรอยจากรังสียูวี ทั้งมลภาวะและ PM2.5 เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมซาบลงสู่ผิวอย่างรวดเร็ว ด้วยคุณสมบัติของพลังไฮยาลูรอนิค แอซิด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและกักเก็บน้ำให้ผิวมากถึง 1,000 เท่า ปกป้องผิวหมองคล้ำ พร้อมกับดูแลผิวให้เรียบเนียนและชุ่มชื้นไปพร้อมกัน แนะนำเลือกขนาด 50 มล. ราคา 599 บาท โปรโมชั่นวัตสัน ช่วงนี้ลดเหลือ 399 บาท

4.   บิวตี้ บี ไบรท์ ซันสกรีน เซรั่ม
   ครีมกันแดดทาหน้า สูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่าย เนื้อเซรั่ม บางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี ผสานคุณค่าจาก Kakadu plum & Calendula Extract ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ปลอบประโลมและปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายจากมลภาวะ แสงบลูไลท์ UVA และ UVB ทำให้สีผิวสม่ำเสมอและกระจ่างใส ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีและแอลกอฮอล์ SPF50 PA++++ ขนาด 15 g. ราคา 99 บาท

5.   ครีม กันแดด cathydoll ของ Watsons
เคที่ดอลล์ อัลตร้า ไลท์ ซัน ฟลูอิด กันแดดเนื้อฟลูอิด สูตรปกป้องแดดแรง เนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมซาบเร็ว ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ ปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบีได้อย่างยาวนาน ช่วยปลอบประโลมผิวเพราะมีส่วนผสมของสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ให้ผิวรู้สึกเย็นสดชื่น ปราศจากสารพาราเบนและสี ทาซ้ำระหว่างวันได้โดยไม่ทิ้งคราบขาว เอสพีเอฟ 50 พีเอ 40 มล. ราคา 249 บาท

6.   กันแดดบีโอเร ยูวี อะควา ริช วอเตอร์รี เจล
กันแดดสูตรน้ำ เนื้อเจล มีความบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ป้องกันผิวหมองคล้ำและจุดด่างดำที่เกิดจากรังสียูวีและแสงแดดที่ทำลายผิว ปกป้องสูงสุดลึกในระดับไมโคร ติดทนนาน กันน้ำและเหงื่อ กันแดดบีโอเร SPF 50+ PA++++ มีส่วนผสมของสารสกัดน้ำนมผึ้ง และกรด Hyaluronic Acid ช่วยบำรุงผิวให้ผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน เหมาะกับทุกสภาพผิว ขนาด 90 มล. ราคา 247 บาท

7.   ครีมกันแดด ศรีจันทร์ ซันลูชั่น ซันสกรีน แอคเน่ แคร์ อัลตร้า โพรเท็ค x3
แนะนำครีมกันแดดทาหน้า สูตรกู้หน้าใสไกลสิว คุมมันด้วย BHA Salica Acid ช่วยลดการเกิดสิวอุดตัน ผลัดเซลล์ผิวให้เรียบเนียน ทำให้สีผิวสม่ำเสมอ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว ด้วยคุณค่าจาก Natura Mineral Marine Water น้ำแร่บริสุทธิ์ และมีสาร PHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ผิวเรียบเนียนเสมอกัน มี SPF50+ PA++++ ขนาด 40 มล. ราคา 189 บาท

8.   บลอส เนทูร่า ยูวี โซลูชั่น ทริปเปิ้ล โพรเทคชั่น
ครีมกันแดดทาหน้า บลอส ช่วยปกป้องผิวได้มากถึง 3 เท่า ปกป้องผิวจากแสงบลูไลท์ เขม่าฝุ่นควัน ฝุ่น PM2.5 แสง UVA และ UVB ปราศจากสารระคายเคืองทั้ง 8 ประการ ได้แก่ ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม น้ำมัน พาราเบน แอลกอฮอล์ สีสังเคราะห์ กรดพารา-อะมิโนเบนโซอิก สารเคมีที่ทำให้เกิดปะการังฟอกขาว และปราศจากอนุพันธ์ของวิตามิน A นาโน พาร์ทิเคิล เอสพีเอฟ 50+ พีเอ+++ ปริมาณ 35 กรัม ราคา 249 บาท

9.   วาสลีน เฮลธี้ ไบร์ท เดลี่ ซัน รีเฟรชชิ่ง เซรั่ม
เซรั่มกันแดดสูตรเย็น ปกป้องผิวครอบคลุม 5 มิติ เอสพีเอฟ 50+ พีเอ++++ ปกป้องผิวจากมลภาวะ แสงสีฟ้า สภาพอากาศเย็น UVA และ UVB มีส่วนผสมของวิตามินอี วิตามินซี และวิตามินบี 3 ช่วยให้ผิวมีความกระจ่างใส ช่วยล็อคความชุ่มชื้นจากภายใน ปกป้องผิวไม่ให้แห้งกร้าน ให้ผิวรู้สึกเย็นสบายผิว และสดชื่น ขนาด 170 มล. ราคา 165 บาท

10.   นีเวียกันแดด เอ็กตร้า โพรเทคต์ ออร่า ไพรเมอร์ ซันแคร์
   กันแดดในรูปแบบของไพรเมอร์ SPF50 + และ PA +++ ปรับสีผิวสม่ำเสมอและกระจ่างใสได้ตลอดทั้งวัน ปกป้องผิวจาก UVA และ UVB รวมทั้ง UVA1 ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นจากวิตามิน E และเทคโนโลยีไฮดร้า ไอคิว นีเวียกันแดด ซัน ออร่า เซรั่ม ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวแบบ 2 อิน 1 คือเป็นทั้งครีมกันแดด และเป็นรองพื้นก่อนแต่งหน้าได้ หน้าไม่วอก ไม่ลอย ด้วยคุณสมบัติของไพรเมอร์ที่ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ ซึบซาบเร็ว ไม่เยิ้มระหว่างวัน ขนาด 30 มล. ราคา 259 บาท
   
สำหรับใครที่สนใจครีมกันแดดรุ่นไหน ของยี่ห้อใดที่ได้แนะนำไปข้างต้น หรือหากใครสนใจสั่งซื้อผ่านช่องทาง watson online รับโปรโมชั่นพร้อมรับส่วนลดค่าส่งและส่วนลดมากมาย สามารถดูข้อมูลผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้ที่ https://www.watsons.co.th/th/

17
   คอกาแฟที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟสดเป็นชีวิตจิตใจ ต่างก็สนใจที่จะมี เครื่องชงกาแฟแคปซูล ติดบ้านไว้ เพราะจะทำให้คุณรังสรรค์เมนูกาแฟสดดื่มเองได้ไม่ซ้ำแบบไม่ต้องถ่อออกจากบ้านไปนั่งคาเฟ่อีกต่อไป ซึ่งเครื่องชง กาแฟสด ที่น่าสนใจคือรุ่น Gran Lattissima ของ Nespresso ลองมาดูกันว่าความพิเศษที่จะทำให้คุณว้าวนั้นมีอะไรบ้าง
   เครื่องชงกาแฟแคปซูล Gran Lattissima ของ Nespresso เป็นเครื่องชงกาแฟอัจฉริยะที่เปลี่ยนภาพเดิม ๆ ที่ยุ่งยากให้การชงกาแฟง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เราไม่จำเป็นจะต้องมานั่งตระเตรียมคำนวณเมล็ดกาแฟบดผงสำเร็จรูป ไม่ต้องต้มน้ำด้วยกาต้มน้ำที่ใช้เวลานาน ๆ อีกต่อไป ไม่จำเป็นจะต้องมานั่งสตรีมทำฟองนมให้มากความ เพราะเจ้าเครื่องชงกาแฟ Gran Lattissima เครื่องเดียวสามารถเอาอยู่ทุกเมนูกาแฟทั้งกาแฟดำและกาแฟผสมนมแบบ 2 in 1 ในเครื่องเดียว
   วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ ใช้งานคู่กับ แคปซูลกาแฟ สำเร็จรูป เพียงแค่ใส่ลงไปในเครื่อง จากนั้นก็เติมน้ำเปล่าลงไปในแทงก์น้ำด้านหลังเครื่อง ใครที่อยากจะดื่มกาแฟผสมนมก็เติมนมสดลงไปในแทงก์สตรีมนม แล้วจึงกดปุ่ม power เปิดเครื่อง รอให้เครื่องเซ็ตตัวในเวลาไม่กี่วินาที เพราะมีระบบทำความร้อนเร็วที่มาพร้อมกับแรงดันน้ำ 19 บาร์ ซึ่งแรงอัดจะช่วยชงทะลุผ่านผงกาแฟใน กาแฟแคปซูล ให้ออกมาอย่างสมบูรณ์แบบลงตัว ที่สำคัญใช้เวลาไม่นานเมื่อเทียบกับการต้มน้ำด้วยกาน้ำร้อนทั่วไป มั่นใจได้ว่ารวดเร็วประหยัดเวลาแน่นอน ไม่ว่าจะเร่งรีบแค่ไหนก็ไม่พลาดที่จะดื่มกาแฟอีกต่อไป
   พอเครื่องเซ็ตตัวแล้วนั้นก็จะมีไฟกะพริบให้เราเลือกกดปุ่มฟังก์ชั่น ซึ่งก็มีมาให้เลือกถึง 6 ปุ่ม ตามเมนูการชงกาแฟ เช่น เอสเพรสโซ่ ลุงโก้ ลาเต้ มัคคิอาโต้ คาปูชิโน่ และฟองนมอุ่น อยากจะดื่มเมนูไหนก็เลือกกดตามต้องการ เครื่องก็จะชง กาแฟสด เมนูนั้น ๆ ออกมาใน 5 นาที ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยที่เราไม่ต้องมานั่งกังวลกับปริมาณน้ำ นม และผงกาแฟที่ใช้ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส คุณก็จะได้กาแฟแก้วโปรดที่สุดแสนจะเฟอร์เฟ็กทั้งกลิ่น หน้าตา และรสชาติ
   ถ้ามีเครื่องชงกาแฟ Gran Lattissima ของ Nespresso รับรองเลยว่าชีวิตจะง่ายและสะดวกขึ้น แถมยังมี วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ ที่ง่ายแสนง่าย แม้ไม่ใช่บาริสต้าหรือมีความรู้เรื่องกาแฟก็สามารถชงกาแฟแก้วพิเศษไว้ดื่มด้วยตัวเองได้

18
   การชง เมนูกาแฟ แต่ละเมนูมีเคล็ดลับในการเพิ่มความอร่อยที่ไม่เหมือนกัน ใครกำลังตามหา สูตรกาแฟเย็น สุดปัง สำหรับชงเอง โดนใจแน่นอน
สูตรทำลาเต้เย็น และสูตรมอคค่าเย็น ตามแบบฉบับกาแฟ Nespresso
•   สูตรแรกคือมอคค่าเย็น ส่วนประกอบของเมนูนี้คือ โกโก้ปริมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ กาแฟแคปซูลเอสเปรสโซจำนวน 1 แคปซูล นมสดร้อนปริมาณ 80 มิลลิลิตร วิธีการทำ เมนูกาแฟ นี้ก็คือนำกาแฟแคปซูลใส่ลงไปในเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ กดเมนูชงกาแฟเป็นแบบเอสเปรสโซ เมื่อได้กาแฟสดที่ต้องการแล้วสามารถนำไปผสมรวมกับนมสดร้อน ด้วยอัตราส่วนของกาแฟสดต่อนมสด (กาแฟ 1 ส่วนและนมสด 2 ส่วน) หรือถ้าใครที่ชงโดยเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่มีโปรแกรมของเมนูมอคค่าอยู่แล้วก็สามารถกดเลือกที่ปุ่มเมนูได้เลย หลังจากได้ส่วนผสมข้างต้นแล้ว ให้เติมผงโกโก้หรือน้ำเชื่อมรสโกโก้ตามลงไป ผสมส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เติมน้ำแข็งตามลงไป เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูมอคค่าเย็นสุดอร่อยแล้ว
•   และอีกเมนู สูตรลาเต้เย็น สุดฟินจนต้องบอกต่อ เมนูลาเต้เย็นเป็นเมนู กาแฟใส่นม ที่นำไปสร้างสรรค์หรือประยุกต์สูตรได้หลากหลายสไตล์ ผู้ที่ไม่ชอบกาแฟแบบเข้ม ขม ๆ สามารถดื่มเมนูนี้ได้ วิธีการทำก็แสนจะง่ายดายเพียงแค่ กดชงกาแฟแคปซูลจำนวน 1 แคปซูลให้ได้ปริมาณ 40 มิลลิลิตร นำนมสดร้อนที่ผ่านการสตรีมเติมลงไปในปริมาณ 80-120 มิลลิลิตร ผสมส่วนผสมทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน เติมน้ำเชื่อมหรือน้ำตาลตามต้องการเพื่อเพิ่มรสชาติหวานให้กับเมนูลาเต้ นำไปทำเป็นลาเต้เย็นด้วยการเติมน้ำแข็งก้อนเล็กลงไปหรือนำไปเข้าตู้เย็นเพื่อลดอุณหภูมิของเครื่องดื่มกาแฟลาเต้  เมื่อต้องการเสิร์ฟให้ทำฟองนมวางที่ด้านบน โรยผงอบเชยหรือผงช็อกโกแลตเล็กน้อยที่บริเวณด้านบนฟองนมเพื่อเพิ่มความน่าดื่มยิ่งขึ้น
2 สูตรกาแฟเย็น ที่ได้แนะนำล้วนแล้วแต่เป็นเมนูกาแฟนมที่มีความอร่อยชวนฟินแบบสุด ๆ โดยสูตรชงกาแฟนั้นสามารถปรับสัดส่วนให้ตรงกับความชอบของตนเองหรือใครจะนำไปชง กาแฟใส่นม ตามเลยก็ได้เช่น รับรองว่าต้องติดใจอย่างแน่นอน

19
   กาแฟสด ด้วยรสชาติที่กลมกล่อม บวกกับความหอมของกาแฟ จึงทำให้กลายเป็นเครื่องดื่มสุดโปรดของใครหลายคน เชื่อว่าหลายคนที่เคยสั่งกาแฟในร้านแพง ๆ จะเคยเจอคำถามจากบาริสต้ากันไปแล้วบ้าง จะเลือกกาแฟแบบไหนดี กาแฟคั่วเข้ม กาแฟคั่วอ่อน หรือ กาแฟคั่วกลาง ดี บางคนก็อาจจะงง ๆ ว่าคืออะไร แล้วต้องเลือกแบบไหน วันนี้จะพาทุกคนไปดูเทคนิคการเลือกระดับการคั่วของกาแฟ ว่าแบบไหนเหมาะกับเมนูอะไร ตามมาดูกัน
ความแตกต่างของกาแฟ คั่ว มีผลต่อรสชาติที่หลายคนไม่เคยรู้
   กาแฟสดในทุกวันนี้ที่เราดื่มมีระดับความเข้มของกาแฟที่ไม่เท่ากัน ความเข้มข้นของกาแฟหรือที่หลายคนอาจจะมีคุ้นหูกันมาบ้างว่า บอร์ดี้กาแฟซึ่งมาจากการคั่วของเมล็ด กาแฟ ในแต่ละระดับนั่นเอง ซึ่งกาแฟทั่วโลกจะมีระดับ ความแตกต่างของกาแฟ ในการคั่ว แบ่งออกได้ 3 ระดับ ดังนี้
1.   กาแฟคั่วเข้ม
เป็นการคั่วเมล็ดกาแฟที่ใช้ความร้อนและระยะเวลาการคั่วที่ยาวนาน จนทำให้สีของเมล็ดกาแฟมีสีที่ค่อนข้างเข้มไปจนถึงเกือบดำ รสชาติเข้มข้นและกลิ่นหอมที่เกิดจากการไหม้ แต่มีคาเฟอีนต่ำสุด ด้วยลักษณะเฉพาะตัวของกลิ่นและบอร์ดี้ของกาแฟที่เข้มข้นจนขมนี้เอง ทำให้ กาแฟคั่วเข้ม เหมาะในการชงเมนูกาแฟเย็น ที่ใส่นมมาก ๆ อย่างอเมริกาโนหรือเอสเปรสโซ นั่นเอง
2.   กาแฟคั่วอ่อน
เป็นกาแฟคั่วที่ใช้เวลาและความร้อนในการคั่วน้อยที่สุด สามารถสังเกตจากสีของเมล็ดกาแฟได้ สีจะอ่อนมาก ออกเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือค่อนไปทางเหลืองอ่อน มีรสชาติที่เป็นรสกาแฟแท้ ออกเปรี้ยวปนหวาน มีกลิ่นความหอมที่เป็นธรรมชาติ แบบกลิ่นดอกไม้ กลิ่นผลไม้ตามแหล่งที่ปลูก กาแฟคั่วอ่อน จะมีคาเฟอีนสูงที่สุด เพราะการคั่วในระยะเวลาที่สั้นทำให้คาเฟอีนไม่ได้ถูกทำลาย เหมาะกับชงแบบร้อน ที่นิยมมากที่สุดคือชงแบบดริป
3.   กาแฟคั่วกลาง
เป็นการคั่วเมล็ดกาแฟแบบความร้อนและระยะเวลาคั่ว กลาง ๆ ทำให้ได้รสชาติที่กลมกล่อม มีความเปรี้ยวเล็กน้อย เริ่มมีรสขมปนหวาน เป็นระดับการคั่วที่ได้รับความนิยมสูงที่สุด เหมาะกับการชงเมนูทั้งร้อนและเย็น ชงเมนูได้หลากหลาย ทั้ง latte คาปูชิโน่ มอคค่า เป็นต้น ซึ่งเทคนิคที่จะเลือกกาแฟคั่วกลางให้มีความอร่อย ในทุกแก้วที่ชงแล้วละก็ นอกจากสังเกตจากสีของเมล็ดกาแฟที่ไม่อ่อนหรือเข้มจนเกินไปแล้วนั้น ยังต้องเลือกเมนูให้เหมาะกับระดับการคั่วอีกด้วยนะทุกคน
สำหรับใครที่อยากลองชง กาแฟ สดดื่มเองหรืออยากมีเครื่องชงกาแฟสดไว้ติดบ้าน อย่าลืมให้ความสำคัญกับเรื่องของฟังก์ชั่นและแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ หากยังไม่รู้จะเลือกแบรนด์ไหน แนะนำเครื่องชงกาแฟจาก NESPRESSO ที่จะมาช่วยให้การชงกาแฟเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น ด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่ทั้งเรื่องการประหยัดพลังงานและวิธีการใช้งานที่ใคร ๆ ก็ชงกาแฟสดได้เอง

ชมรายละเอียดที่
https://www.nespresso.com/th/th/coffee-roast-levels

20
   เครื่องชง กาแฟแคปซูล เป็นตัวช่วยสำหรับคอกาแฟยุคใหม่ ที่ให้ทั้งความสะดวก รวดเร็วและยังได้รสชาติกาแฟสดที่เข้มข้นหอมกรุ่น เพราะเป็นกาแฟแท้ที่ถูกคั่วบดและบรรจุไว้อย่างดีในแคปซูลที่ปิดซีลสนิทด้วยแผ่นฟอยล์สำหรับเก็บรสชาติและความหอมของกาแฟไว้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แคปซูลกาแฟ ถูกออกแบบมาสำหรับใช้กับเครื่องชงกาแฟ โดยแคปซูลแต่ละอันจะสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว
   วิธีชงกาแฟด้วยเครื่องชง กาแฟแคปซูล นั้นเริ่มจากการใส่แคปซูลรสชาติที่ต้องการลงไปในเครื่องชงกาแฟ กดปุ่มและรอให้เครื่องทำงาน ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 1 นาทีก็จะได้ดื่มกาแฟสดเต็มรสชาติโดยไม่ต้องเสียเวลาบดกาแฟ ตวงกาแฟ ฯลฯ เหมือนกับการใช้เครื่องชงกาแฟสดทั่วไป ทั้งยังได้รสชาติกาแฟที่มีความเสถียรอีกด้วย
   ยิ่งคนที่ต้องการได้รับ ประโยชน์ของกาแฟ แล้ว ยิ่งเทใจให้กับการใช้เครื่องชง กาแฟแคปซูล มากขึ้น เพราะได้กาแฟแก้วโปรดที่เต็มเปี่ยมด้านรสชาติ กลิ่น และคุณประโยชน์ของกาแฟ ในด้านต่าง ๆ ที่น่าสนใจอีกอย่างคือสามารถเลือกความหลากหลายของแคปซูลได้อีกด้วย เช่น แคปซูลของ Nespresso หากต้องการกลิ่นของเครื่องเทศแบบตะวันออก ก็สามารถเลือกแคปซูลชนิด Master Origin India ซึ่งให้รสชาติของกาแฟโรบัสต้าอินเดียผสมผสานอย่างลงตัวกับกลิ่นหอมของเครื่องเทศ
   
แนะนำแคปซูลรสชาติกาแฟที่เหมาะกับการชง 2 สูตรกาแฟสุดคลาสสิก: กาแฟดำและกาแฟนม
1.   สูตรอเมริกาโน่ ที่สุดของกาแฟดำ เพราะกาแฟดำ มีประโยชน์อย่างหลากหลายทั้งในด้านการช่วยลดน้ำหนัก ลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งบางชนิด ช่วยในเรื่องความจำและลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือด การชงกาแฟดำจาก แคปซูลกาแฟ นั้น ทำได้ง่ายมาก เพียงเลือกแคปซูลที่เป็นรสกาแฟที่เหมาะกับการชงกาแฟดำ อาทิ Ispirazione Napol, Ispirazione Venezia และ Ristretto Italiano จาก Nespresso โดยชงกาแฟในปริมาณ 25 มล. และเติมน้ำร้อนอีก 125 มล.ก็จะได้กาแฟอเมริกาโน่ที่มีรสชาตินุ่มนวล ดื่มง่าย และยังได้กลิ่นหอมที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดความสดชื่นได้อีกด้วย
2.   กาแฟนมสูตรละมุน “ลาเต้” เหมาะกับคอกาแฟที่มีความละเมียดละไม และชื่นชอบความละมุนของฟองนมที่เข้ากันได้ดีกับกาแฟดำรสชาติเข้มข้น สำหรับสูตรนี้ต้องมีวัตถุดิบสำคัญคือ แคปซูลที่เป็นกาแฟรสชาติที่ชื่นชอบและนมสด 220 มิลลิลิตร โดยเริ่มจากการใส่แคปซูลเข้าไปในเครื่อง เมื่อได้น้ำกาแฟแล้วก็นำนมสดที่เตรียมไว้ ตีให้เป็นฟองนมให้ได้ 110 มิลลิลิตร แล้วเทใส่ในแก้วกาแฟ โดยให้กาแฟกับขอบแก้วห่างกันประมาณ 1 ซม. จากนั้นก็เติมฟองนมลงไปให้เสมอกับขอบแก้ว เพียงเท่านี้ก็จะได้ฟินกับ “ลาเต้” กาแฟนมนุ่มละมุนที่คอกาแฟคุ้นเคยทันที ส่วนแคปซูลสำหรับกาแฟสูตรนี้ แนะนำเป็น India และ Kazaar จาก Nespresso

แคปซูลกาแฟ ของ Nespresso ที่ให้ความหลากหลายของรสชาติกาแฟ ช่วยเพิ่มสีสันในการดื่มกาแฟได้มากขึ้น มีติดบ้านไว้ทั้งสะดวกและประหยัด ได้ลิ้มรสชาติกาแฟแท้ที่หอมกรุ่นทุกวัน

21
ไอเทมที่ขาดไปไม่ได้เมื่อต้องการทำเมนูกาแฟนมแก้วโปรดก็คือ เครื่องตีฟองนม หรือเครื่องทำฟองนม ถือว่าเป็นหัวใจหลักของเมนูเลยก็ว่าได้

ประเภทของ เครื่องตีฟองนม
•   เครื่องทำฟองนม แบบไร้สาย ใช้ง่ายไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพียงแต่ต้องถือตลอดการทำงาน เครื่องแบบนี้มีข้อดีตรงที่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายและราคาไม่แพง
•   เครื่องทำฟองนม แบบไฟฟ้า เป็นเครื่องที่มีมอเตอร์ทำงานอัตโนมัติไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริม แต่ต้องเสียบปลั๊กตลอดเวลา ใช้เวลาในการทำรวดเร็ว บางรุ่นสามารถปรับอุณหภูมิได้อีกด้วย จึงทำให้เครื่องแบบนี้มีราคาสูงกว่าแบบแรก 
นอกจากนี้การเลือกใช้เครื่องทำฟองนมยังต้องพิจารณาเลือกใช้ชนิดที่ทำจากสแตนเลสหรือพลาสติกแบบ Non-stick เพื่อป้องกันสนิมและคราบที่เกาะติด ทั้งนี้เพื่อให้ง่ายต่อการรักษาความสะอาด
    เรื่องของการควบอุณหภูมิก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะนมที่จะนำมาตีฟองนั้นต้องมีอุณหภูมิต่ำ ดังนั้นจึงต้องแช่นมไว้ในตู้เย็นก่อน แต่เครื่องบางรุ่นก็สามารถปรับอุณหภูมิได้ จึงช่วยเพิ่มความสะดวกได้มากขึ้น แต่เครื่องประเภทนี้ก็จะมีราคาสูงขึ้นเช่นกัน
   สำหรับใครที่ต้องการความรวดเร็วควรเลือกฟังก์ชันความเร็วในการทำงานของเครื่องด้วย ซึ่งโดยปกติเครื่องตีนมแบบใช้ไฟฟ้าจะใช้ระยะเวลาราว 20 วินาที แต่หากเป็นเครื่องแบบมือถือหรือแบบไร้สายจะใช้เวลาในการตีฟองนม 90 วินาที
   ที่สำคัญคือ “บริการหลังการขาย” หลังซื้อเครื่องทำฟองนมมาที่บ้าน ซึ่งต้องตรวจสอบในขั้นตอนของการซื้อว่ามีระยะเวลาในการรับประกันนานแค่ไหน เพราะหากมีปัญหาขัดข้องของเครื่องหลังการใช้งานจะได้ไม่ต้องกังวลหากมีการดูแลต่อเนื่องจากผู้ผลิตหรือผู้ขาย
   เครื่องทำฟองนม Aeroccino 3 จาก Nespresso หนึ่งในเครื่องทำฟองนมที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากใช้งานได้อย่างสะดวก แถมยังโดดเด่นด้วยสไตล์ที่เรียบหรู เหมาะกับการใช้ทำเครื่องดื่มทั้งแบบร้อนและแบบเย็น โดยการทำกาแฟนมสูตรร้อนจะใช้เวลาประมาณ 60 - 70 วินาที ส่วนสูตรเย็นจะใช้เวลาประมาณ 120 วินาที ด้วยความจุ 120 มิลลิลิตร แต่หากทำเป็นนมร้อนเครื่องนี้จะสามารถจุได้ถึง 240 มิลลิลิตร เครื่องทำฟองนมรุ่นนี้ไม่มีปุ่มเปิดปิด เครื่องจะพร้อมใช้งานทันทีเมื่อนำไปวางลงบนฐาน ที่สำคัญยังมีโหมดประหยัดพลังงาน ทำให้ใช้พลังงานในการทำงานแต่ละครั้งเพียง 0.1 วัตต์เท่านั้น

การชงกาแฟรสชาติเข้มข้นผสานกับความนุ่มละมุนจากฟองนมได้ด้วยการใช้เครื่องทำฟองนมให้ตรงกับโจทย์ความต้องการ ก็สามารถฟินกับเครื่องดื่มแก้วโปรดได้แบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาไปร้านกาแฟ

22
ปัญหารูขุมขนกว้าง รูขุมขนชัดจนเราไม่มั่นใจ หลายคนเลือกที่จะแก้ไขด้วยการใช้เครื่องสำอางปกปิด แต่บางครั้งการทาแป้งหรือรองพื้นกลับทำให้มองเห็นชัดขึ้นไปอีก เพราะแป้งหรือรองพื้นจะไปอุดตันบริเวณที่รูขุมขนกว้างทำให้มองเห็นรูขุมขนชัดกว่าเดิม แต่ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อมีตัวช่วยดี ๆ อย่าง เซรั่มรูขุมขนกระชับ ให้ผิวกระชับเรียบเนียนยิ่งขึ้น ผิวเนียนละเอียด ดูสุขภาพดี และแต่งหน้าง่ายยิ่งกว่าเดิม

แนะนำ 10 สกินแคร์กระชับรูขุมขน สายบิวตี้ห้ามพลาด
1.   Nivea Extra Bright C & Hya Vitamin Anti-Spot Serum
เซรั่มสุดเข้มข้นออกแบบมาเพื่อเสกผิวให้กระจ่างใส พร้อมจัดการปัญหารูขุมขนที่กว้างให้ละเอียดอย่างเป็นธรรมชาติ ที่สำคัญมีไฮยารูลอน ผิวจึงชุ่มชื้นเต่งตึง บอกลาปัญหาผิวไปได้เลย
2.   Ratcha Vit C Bio Face Serum
เมื่อพูดถึงเซรั่มตัวดังแน่นอนว่าต้องมีชื่อของ เซรั่มวิตซีน้องฉัตร แม้ขวดจะมินิแต่อัดแน่นด้วยส่วนผสมคุณภาพ ใช้แล้วหน้าเนียนใสดูสุขภาพดี ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ใครอยากผิวกระชับกระจ่างใสแนะนำ เซรั่มน้องฉัตร ขวดนี้เลย
3.   Verite Luminous White Serum
นอกจากจะช่วยปรับผิวขาวกระจ่างใสแล้วยังเป็น เซรั่มกระชับรูขุมขน อัดแน่นด้วยสารสกัดจากพืชธรรมชาติ เปลี่ยนรูขุมขนกว้างให้กระชับพร้อมเสกผิวให้กระจ่างใส่ มีน้ำมีนวล ผิวดูสุขภาพดีจนใคร ๆ ก็ต้องทัก
4.   Dr. Pong 711 Poreless Blurring Serum
เซรั่มกระชับรูขุมขน สำหรับคนเป็นสิวง่าย ขวดนี้เหมาะอย่างยิ่งกับคนหน้ามันเพราะช่วยควบคุมความมันระหว่างวัน ลดปัญหาหน้ามันเยิ้ม ช่วยให้ผิวเนียนละเอียด เบลอรูขุมขน และยังทำให้ผิวกระจ่างใส
5.   Labmade Pore Minimizing Spray
เซรั่มรูขุมขนกระชับ มาในรูปแบบสเปรย์เข้มข้น ปราศจากน้ำหอม พาราเบน ผิวแพ้ง่ายใช้ได้แบบไม่ต้องกังวล แถมยังใช้งานง่ายเพียงฉีด ขวดเล็กพกสะดวก เติมความชุ่มชื้นระหว่างวันได้ภายในพริบตา
6.   Skinsista Poreless Smooth Pore Minimizing Booster
เซรั่มลดรูขุมขน สูตรเข้มข้น ช่วยดูแลผิวให้เนียนละเอียด รูขุมขนค่อย ๆ เล็กลง พร้อมทำหน้าที่เสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง ผิวแพ้ง่ายสามารถใช้ได้
7.   Plantnery Vit C Orange + Bright Complex Intense Serum
เซรั่ม plantnery ตัวดัง โดดเด่นเรื่องผิวกระจ่างใส แข็งแรง เพราะอัดแน่นด้วยวิตามินซีจากส้มยูซุ แถม เซรั่ม plantnery ยังมาพร้อมคุณสมบัติแบบอัดแน่น ช่วยให้ผิวไบรท์ ลดรอยแดง รอยดำ ปราศจากน้ำหอมและแอลกอฮอล์
8.   Rojukiss Perfect Poreless Serum
อีกหนึ่ง เซรั่มลดรูขุมขน จาก Rojukiss บอกเลยว่าแบรนด์นี้ขึ้นชื่อเรื่องรูขุมขน จัดการรูขุมขนกว้างอย่างมีประสิทธิภาพ ทาแล้วซึมลงชั้นผิวได้อย่างดีเยี่ยม ใช้แล้วผิวเรียบเนียนอย่างเห็นได้ชัด
9.   BSC Super Hyalift C Brightening Serum
เซรั่มรูขุมขนกระชับ เนื้อบางเบา ทาแล้วซึมง่าย อัดแน่นด้วยวิตามินซีและสารสกัดอันเป็นประโยชน์ต่อผิว นอกจากใช้แล้วผิวเนียนกระชับ หน้ายังสว่างใสขึ้น มาในรูปแบบซอง พกพาง่าย
10.   Rojukiss Collagen Face Eye Neck Serum Cleanser
อีกขั้นของ เซรั่มลดรูขุมขน มาในรูปแบบคลีนเซอร์ จัดการผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส ดูแลผิวไม่ให้ร่วงโรย เติมความชุ่มชื้นให้ผิว ผิวเนียนกระชับเพียงล้างหน้าทุกเช้าและก่อนนอน อย่าลืมใช้คู่กับครีมกระชับรูขุมขนจะได้เห็นผลรวดเร็วขึ้น

ใครมีปัญหารูขุมขนกว้าง แต่งหน้าเท่าไหร่ก็ไม่เนียนกริบ แนะนำให้มีตัวช่วยอย่าง garnier เซรั่มกระชับรูขุมขน เปลี่ยนรูขุมขนกว้างให้กระชับขึ้น เพิ่มความมั่นใจอีกครั้ง หากไม่รู้ว่าจะหาซื้อที่ไหน แนะนำ watson online ซื้ออะไรก็สะดวก ช้อปง่ายเพียงคลิกสินค้าที่ถูกใจ แถมยังมี โปรโมชั่นวัตสัน เพิ่มความคุ้มค่าทุกครั้งที่ช้อป ใครมองหาสกินแคร์กระปุกใหม่ แนะนำเลย!

23
การดื่มกาแฟสดทุกวัน มีประโยชน์ตรงที่ช่วยเรื่องสลายไขมัน ขยายหลอดเลือด ระงับอาการปวดศีรษะ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ มะเร็ง แต่น้อยคนนักที่จะมีเวลาไปซื้อกาแฟสดได้ทุกวัน เพราะไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองที่ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง หลายคนเลยเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติแทนการเข้าคาเฟ่
NESPRESSO ATELIER คือ เครื่องชงกาแฟสดที่มี เครื่องตีฟองนม ในตัว ทำให้รองรับ สูตรชงกาแฟ ของ Nespresso ได้หลากหลายสูตร ตัวเครื่องเคลือบด้วยสแตนเลสที่ดูหรูหราทันสมัย แท็งก์น้ำบรรจุได้สูงสุด 1 ลิตร และสามารถเก็บกาแฟแคปซูลใช้แล้วได้สูงสุด 13 แคปซูล
วิธีการใช้งาน NESPRESSO ATELIER เพื่อชงเมนูกาแฟนมอย่าง มัคคิอาโต้ ลาเต้ หรือ คาปูชิโน่ ได้ตามความต้องการ เริ่มด้วยการเติมน้ำสะอาดลงในแท็งก์น้ำ เปิดช่องใส่บรรจุ แคปซูลกาแฟ ที่ต้องการและใส่แคปซูลลงไป วางแก้วลงบนแท่นวาง ปรับระดับให้เหมาะสมและกดป้อนคำสั่งเพื่อให้ได้ปริมาณกาแฟที่ต้องการ หากต้องการทำฟองนมสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเสียบหัวปั่นฟองนมและนำนมร้อนหรือนมเย็นที่ต้องการวางไว้บนแท่นวางแก้วและกดป้อนคำสั่งตีฟองนม เป็นอันชงกาแฟให้อร่อย ของ NESPRESSO เสร็จเรียบร้อย
สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟนม สูตรกาแฟ ของ Nespresso 2 สูตรที่สามารถทำได้ด้วยเครื่องชง NESPRESSO ATELIER มาฝาก ถ้าพร้อมแล้วเรามาเริ่มกันเลย
1.   เมนูลาเต้ มัคคิอาโต้ เริ่มต้นสูตรกาแฟสด ของ NESPRESSO ด้วยการนำแก้วทรงสูงใส่นมวางบนแท่นวางแก้ว นำ แคปซูลกาแฟ รสชาติที่ต้องการลงไปและกดป้อนคำสั่ง Latte MACCHIATO บนเครื่อง NESPRESSO ATELIER เพียงเท่านี้ก็ได้กาแฟที่นุ่มละมุนง่าย ๆ ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที จากนั้นนำกาแฟที่ได้มาเติมความหวานด้วยน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมตามความชอบ
2.   เมนูอัลมอนด์ ออร์แกน คาปูชิโน่ เมนูกาแฟสดรสชาติหอมละมุน รสชาติอร่อย ทานง่าย เริ่มต้นด้วยการเทน้ำเชื่อมรสอัลมอนด์ประมาณ 2 ช้อนชาลงใน ถ้วยกาแฟ จากนั้นเตรียมกาแฟสดที่ได้จากแคปซูลรส LIVANTO จำนวน 2 แคปซูลลงในช่องบรรจุแคปซูลของเครื่อง NESPRESSO ATELIER และป้อนคำสั่งทำกาแฟ ESPRESSO 2 รอบ เมื่อได้กาแฟสดที่ต้องการแล้ว ให้นำมาพักไว้ก่อนและเตรียมฟองนมหอม ๆ ด้วยการนำน้ำเชื่อมรสอัลมอนด์ผสมกับนมสด จากนั้นนำแก้วนมไปวางบนแท่นวางแก้วของเครื่อง NESPRESSO ATELIER กดป้อนคำสั่งทำฟองนม จากนั้นนำฟองนมที่ได้ราดลงบนแก้วที่ใส่กาแฟสดเอาไว้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

2 สูตรชงกาแฟสด ของ NESPRESSO ทำง่าย แม้ไม่มีเวลา ด้วย NESPRESSO ATELIER เครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ชีวิตเร่งรีบ ทำความสะอาดง่าย มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ทำให้คุณได้ดื่มกาแฟสดแสนอร่อย รสชาติเข้มข้นกลมกล่อมในทุกวัน

24
   เครื่องชงกาแฟแคปซูล หรือเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เราประหยัดระยะเวลาในการชงกาแฟสดมากขึ้น ยังช่วยทำให้เราได้คุณภาพของเครื่องดื่มกาแฟที่ดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้คอกาแฟทั้งหลายต่างก็อยากครอบครอง ถ้าใครอยากจะชิมรสกาแฟสุดอร่อยกว่าเดิม เราขอแนะนำ เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ จากแบรนด์ Nespresso ที่บอกเลยว่าดีงามทั้งคุณภาพและการใช้งาน
เครื่องชงกาแฟแคปซูล Nespresso นวัตกรรมใหม่ที่ควรต้องลอง
•   เครื่องชง กาแฟสด รุ่น Atelier เหมาะกับสายกาแฟนมโดยเฉพาะ แต่ก็สามารถทำเมนูกาแฟดำได้เช่นกัน ความพิเศษของตัวเครื่องรุ่น Atelier ก็คือสามารถที่จะทำฟองนมกับนมได้หลากหลายประเภททั้งนมวัว นมอัลมอนด์และนมถั่วเหลือง จึงสามารถรังสรรค์เมนูนมออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น อีกทั้ง วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ ก็ทำได้ง่าย ด้วยมีปุ่มกดเมนูต่าง ๆ และก้านตีฟองนมที่เป็นองค์ประกอบของตัวเครื่อง ทำให้ใช้งานได้ดี เหมาะทั้งสำหรับมือใหม่และมืออาชีพในการทำกาแฟสด สำหรับตัวเครื่องนี้ มีความจุของถังน้ำอยู่ที่ 1 ลิตร แรงดัน 19 บาร์ ความจุของภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้วอยู่ที่ 13 แคปซูล
•   เครื่องชงกาแฟรุ่น INISSIA C40 ดีไซน์เครื่องที่เข้าถึงได้ง่าย มีความเรียบง่าย สีสันสดใส สวยงามน่าใช้ เป็น เครื่องชงกาแฟแคปซูล ของ Nespresso ที่เหมาะกับใช้ภายในบ้านและพกพาไปออกทริปท่องเที่ยว เนื่องด้วยมีน้ำหนักเบา ตัวเครื่องไม่ใหญ่ สามารถทำกาแฟดำได้ถึงสองรูปแบบคือ กาแฟเอสเปรซโซและกาแฟดำลุงโก ความจุของถังน้ำอยู่ที่ 0.7 ลิตร มีความจุในการใส่แคปซูลกาแฟที่ใช้แล้วได้ถึง 11 แคปซูล ทำความร้อนได้เร็ว มีนวัตกรรมประหยัดพลังงานคือการปิดใช้งานเครื่องอัตโนมัติ ถ้าไม่ได้ใช้งานภายในระยะเวลาที่กำหนด เป็นเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กแต่ประสิทธิภาพไม่เล็กตามเลย
เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ จากแบรนด์ Nespresso ทั้งหมดที่แนะนำไปนั้นมีนวัตกรรมและการออกแบบที่ทันสมัย มีความสวยงาม ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน วิธีใช้เครื่องทํากาแฟแคปซูล ของ Nespresso ทั้งรุ่น Atelier และ รุ่น INISSIA C40 มีความง่าย สะดวก มีคุณสมบัติที่ดีสามารถช่วยเพิ่มรสชาติและรสสัมผัสของกาแฟให้มากกว่าที่เคย

25
   เครื่องชงกาแฟ Nespresso สามารถเนรมิตเมนูกาแฟได้มากมาย มาบอกต่อที่คุณสามารถนำไปทำตามดื่มเองได้ที่บ้าน จะมีเมนูอะไรบ้างตามมาดูกันเลย
   วันนี้เอาใจคอกาแฟสายหวานที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟผสมนมวันนี้ก็จะมีเมนูลาเต้เย็น คาปูชิโน่เย็น และม็อคค่าเย็น เป็น เมนูกาแฟ ที่ให้ทั้งความเฟรชปลุกความสดชื่นและความกระปรี้กระเปร่าอีกทั้งยังหอมนมผสมกับกลิ่นอายของกาแฟเข้ากันอย่างลงตัว
   ก่อนอื่นเตรียมเครื่องชงกาแฟของ Nespresso รุ่น Gran Lattissima ให้พร้อมกันก่อน จะได้ประหยัดเวลาไม่ต้องมานั่งสตรีมนมตีฟองนมเองให้เสียเวลา ความพิเศษของเครื่องกาแฟรุ่นนี้คือมีฟังก์ชั่นการชง เมนูกาแฟ มาให้ถึง 6 ปุ่มฟังก์ชั่น สามารถใช้งานชงกาแฟได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเอสเปรสโซ ลุงโก้ คาปูชิโน่ ลาเต้ มัคคิอาโต้ และฟองนม เพียงแค่กดปุ่มเครื่องก็จะทำการชงเมนูนั้น ๆ ออกมาลงสู่แก้วกาแฟอย่างสมบูรณ์แบบ
   สูตรกาแฟเย็น ของ Nespresso แรกที่อยากแนะนำเลยก็คือ สูตรลาเต้เย็น ของ Nespresso เพิ่มความสดชื่นแฝงความละมุน เริ่มจากการเตรียมนมสดเย็นใส่แท็งก์ เติมน้ำเปล่าและกาแฟแคปซูลที่ชอบลงไป เติมไซรัปหรือน้ำเชื่อมลงในแก้วกาแฟ จากนั้นก็ใส่น้ำแข็งตามลงไป นำแก้วมาวางรอที่แท่น จากนั้นก็กดปุ่มเลือกฟังก์ชั่นการชงลาเต้เป็นอันเสร็จขั้นตอน ตัวเครื่องจะชงกาแฟและทำฟองนมเทลงมาสู่แก้วกาแฟโดยอัตโนมัติ
   เมนูต่อมาก็คือคาปูชิโน่เย็นขั้นตอนเหมือนกับกาแฟลาเต้ ของ Nespresso เลยแทบไม่แตกต่างกัน หากแต่เราเพิ่มกิมมิคเข้าไปด้วยผงชินามอนหอม ๆ ลงไปในแก้วพร้อมไซรัปและน้ำแข็ง หลังจากนั้นก็กดปุ่มสำหรับชงเมนูคาปูชิโน่ รอจนฟองนมหยดสุดท้ายลงสู่แก้วแล้วตักผงชินามอนโรยออนท็อปปิดท้ายเป็นอันเสร็จ
   สูตรการชงม็อคค่าเย็นสุดท้ายซึ่งก็คล้าย สูตรลาเต้ ของ Nespresso มาก ๆ เหมือนกัน ต่างกันตรงที่เพิ่มส่วนผสมที่เป็นผงโกโก้หรือ Dark Mocha Syrup ลงไปด้วย โดยใส่ลงไปในแก้วกาแฟผสมด้วยน้ำเชื่อมและนมเล็กน้อยให้เข้ากัน  ตามด้วยน้ำแข็ง จากนั้นก็ชงกาแฟด้วยฟังก์ชั่นลาเต้ตามปกติก็จะได้เมนูมอคค่าเย็นแล้ว
   เมนู กาแฟใส่นม ด้วยเครื่องชงกาแฟ Nespresso ไม่ยาก ไม่ใช้เวลานาน อยากให้คอกาแฟสายหวานได้ลองไปทำดื่มดูรับรองเลยว่าต้องติดใจจดหยดสุดท้าย

26
   ฟองนมที่ฟูนุ่มบนกาแฟเย็น ของ Nespresso คาปูชิโน่ เกิดจากการตีฟองนมเพื่อให้อากาศเข้าไปในนมและแยกโปรตีน ไขมัน น้ำตาลออกจากน้ำนม แล้วมาช่วยพยุงฟองอากาศไว้ ได้เป็นฟองนมนุ่มละเอียด สามารถเทลงบนกาแฟได้โดยไม่จมลงไปในน้ำกาแฟ ทำให้กาแฟมีรสชาตินุ่มละมุนมากขึ้น ถือว่าเป็นเสน่ห์ที่คอกาแฟนมชื่นชอบ

   ถ้าเราไม่มีเครื่องทำกาแฟสดที่มีก้านสตีมมาด้วย แนะนำให้หา ที่ทำฟองนม ที่มีอยู่หลายแบบให้เลือกตามการใช้งาน เรามาทำความรู้จัก เครื่องตีฟองนม ของ Nespresso กันก่อนว่ามีกี่แบบเพื่อจะได้เลือกให้ได้อย่างที่ต้องการ
1.   ก้านปั่นฟองนม เป็นก้านที่มีหัวปั่นเล็ก ๆ ใช้แบตเตอรี่มีทั้งแบบที่ใส่ถ่านกับแบบชาร์จไฟผ่าน USB เป็นที่ทำฟองนมที่มีวิธีใช้งานเพียงแค่จุ่มลงไปในถ้วยเตรียมฟองนม แต่ต้องจุ่มให้ถูกตำแหน่งจึงจะได้ฟองนมดี ๆ ออกมา และต้องอุ่นนมก่อนหากต้องการทำฟองนมสำหรับกาแฟร้อน
2.   เหยือกปั้มฟองนม เหยือกเป็นสแตนเลสจึงมีความทนทาน วิธีการก็คือใส่นมลงในเหยือกแล้วปิดฝาที่มีก้านปั้ม จากนั้นปั้มนมจนได้ฟองนมออกมา เครื่องทำฟองนม แบบนี้นอกจากต้องเตรียมนมให้ได้อุณหภูมิที่ต้องการแล้ว ยังต้องเตรียมเหยือกปั้มฟองนมด้วย เมื่อต้องการทำฟองนมเย็นก็ต้องนำเหยือกไปแช่เย็นไว้ก่อน หรือจะวางเหยือกไว้ในถังน้ำแข็งหรือใส่น้ำแข็งไว้ก่อนก็ได้
3.   เครื่องทำฟองนม แบบไฟฟ้าหรือเครื่องทำฟองนมอัตโนมัติ ถือว่าสะดวกที่สุด เพราะเพียงแค่ใส่นมแช่เย็นเข้าไปและกดปุ่ม แค่นี้ก็จะได้ฟองนมตามที่ต้องการออกมาแล้ว ใช้นมที่เราแช่ไว้ในตู้เย็นได้เลย ไม่ต้องอุ่นนมและไม่ต้องเตรียมเครื่องให้ยุ่งยากด้วย ไม่ต้องใช้แรงในการปั่นหรือปั้ม ไม่ต้องใช้ถ้วยตวงเพื่อดูปริมาณนมที่ใส่ เพราะในเครื่องมีระดับน้ำบอกไว้ สามารถทำฟองนมได้มากและได้ฟองนมที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ ยิ่งกว่านั้น นอกจากจะทำฟองนมแล้วยังสามารถใช้อุ่นนมและทำน้ำอุ่นได้ด้วย

สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกที่ทำฟองนม
1.   เลือกเครื่องทำฟองนมแบบที่เหมาะกับความต้องการ เช่น ต้องการเครื่องที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องเตรียมนมหรืออุปกรณ์ ควรเลือกเครื่องทำฟองนมแบบไฟฟ้า ทำ ลาเต้อาร์ต ของ Nespresso ได้ง่าย แต่ถ้าต้องการความคล่องตัวไม่ต้องมีการเสียบสายไฟ ควรเลือก ที่ทำฟองนม แบบก้านปั่น เป็นต้น
2.   เลือกบริษัทผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายที่มีการรับประกันเครื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าหากมีความเสียหายหรือเครื่องมีปัญหาแล้วจะมีที่ซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ได้
3.   เลือกเครื่องที่แข็งแรงทนทาน เพื่อจะได้ใช้งานได้นานและต่อเนื่อง
4.   ขนาดบรรจุของเครื่อง เพื่อให้ได้ปริมาณฟองนมเพียงพอต่อครั้งที่ต้องการ

คราวนี้ก็เลือกเครื่องทำฟองนมสำหรับ คาปูชิโน่ แก้วโปรดได้แล้วนะคะ

27
การได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองในวันหยุด มีเวลาผ่อนคลาย ชงกาแฟเย็นหอม ๆ อ่านหนังสือ จุดเทียนหอม ฟังเพลง หรือจะดูซีรีส์เรื่องโปรด เป็นความสุขง่าย ๆ ใกล้ตัวในวันพักผ่อน สำหรับคอกาแฟนมหากมีอุปกรณ์พร้อมอยู่ที่บ้านทั้งเครื่องชงกาแฟและ เครื่องตีฟองนม มาลองเปลี่ยนบรรยากาศให้บ้านสงบผ่อนคลายกว่าเดิมกัน

เมนูกาแฟร้อนทุกเมนูจะเริ่มต้นจากเอสเพรสโซ่ช็อต แนะนำให้ใช้เป็นกาแฟอาราบิก้าคั่วกลางเข้มบด 1 ช็อต หรือเลือกรสชาติกาแฟแคปซูลตามความชอบ ไม่ควรเติมหวานด้วยน้ำเชื่อมหรือไซรัป แต่ปรับรสชาติหวานได้ด้วยน้ำตาลทราย 
1.   มอคค่าร้อน กาแฟผสมโกโก้หรือช็อกโกแลตลงตัวด้วยความหอม เข้มข้น กลมกล่อม
สูตรที่ 1 สำหรับเครื่องชงกาแฟทั่วไป   
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (30 มล.) โกโก้ผสม 30 มล. และนมสดรสจืด 60 - 90 มล. (โกโก้ผสม เตรียมได้จากการผสมผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำร้อน 4 ออนซ์ และนมผสม 2 ออนซ์ สำหรับนมผสมเตรียมได้จากการผสมนมข้นหวานและนมข้นจืดในอัตราส่วน 2:1 โดยทั้งโกโก้ผสมและนมผสมสามารถทำเก็บไว้ใช้กับเมนูอื่นได้)
วิธีการชง : กดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่แก้วกาแฟ ตามด้วยโกโก้ผสม ส่วนนมสดรสจืดนั้นนำไปเป่าร้อนด้วย เครื่องทำฟองนม แล้วเทใส่แก้วกาแฟ ตกแต่งด้วยผงโกโก้เล็กน้อย
สูตรที่ 2 สำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูล   
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (40 มล. / แนะนำให้ใช้กาแฟแคปซูล Livanto) นมสดเย็น 20  มล. นมร้อน 80 มล. ผงช็อกโกแลต 8 กรัม และผงโกโก้
วิธีการชง : นำนมสดเย็นทั้งหมดมาทำฟองนมเตรียมไว้ก่อนโดยใช้ เครื่องตีฟองนม จากนั้นสกัดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่ลงไปในถ้วยกาแฟที่มีผงช็อกโกแลตอยู่ แล้วเทนมร้อนตามลงไป ตักฟองนมวางด้านบน ตกแต่งด้วยผงโกโก้ พร้อมเสิร์ฟ

2.   คาปูชิโน่ ร้อน กาแฟนมรสชาติกลมกล่อม เน้นฟองนมนุ่มละมุนลิ้น 
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (30 มล.) นมร้อนครึ่งแก้ว และฟองนมครึ่งแก้ว
วิธีการชง : กดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่แก้ว คาปูชิโน่ ตามด้วยนมร้อน ½ แก้ว และท็อปด้วยฟองนมด้านบนอีก ½ แก้ว โรยผงโกโก้เพื่อตกแต่ง หากใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูลจะได้ช็อตกาแฟ 40 มล. เมื่อสกัดกาแฟช็อตลงถ้วยกาแฟเรียบร้อยแล้วตามด้วยฟองนม เพิ่มรสชาติด้วยน้ำตาลทราย ปิดท้ายด้วยการโรยผงโกโก้เพื่อตกแต่ง

3.   ลาเต้ร้อน กาแฟนมรสชาติเบา ฟองนมไม่มากเท่าคาปูชิโน่
ส่วนผสม : เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต (30 มล.) นมร้อนเกือบเต็มแก้ว และฟองนม
วิธีการชง : กดช็อตเอสเพรสโซ่ใส่ถ้วยกาแฟ ตามด้วยนมร้อนเกือบเต็มแก้ว จากนั้นตักฟองนมท็อปด้านบนด้วยความหนาไม่เกิน 1 เซนติเมตร ตกแต่งเป็นลาเต้อาร์ตได้ตามชอบ หากใช้เครื่องชงแคปซูลแนะนำให้เลือกเป็นกาแฟลุงโกซึ่งจะได้ลาเต้แก้วใหญ่จุใจเพราะเมื่อสกัดแล้วให้น้ำกาแฟมากถึง 110 มล. หรือ 4 ออนซ์ จากนั้นเติมนมร้อนประมาณ 220 มล. ท็อปด้วยฟองนมบาง ๆ

มีเครื่องชงกาแฟและ เครื่องทำฟองนม ติดบ้าน การชงกาแฟนมก็จะง่ายมากกว่าที่คิด สามารถดื่มกาแฟนมแก้วโปรดทุกครั้งที่ต้องการ หากฝึกมือจนคล่องขึ้นแล้วอย่าลืมนัดเพื่อนฝูงคอกาแฟมาจอยและจิบกาแฟด้วยกันในวันหยุดนะคะ

28
คอกาแฟที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจอาจจะต้องเคยมีข้อสงสัยมาบ้างว่ารูปทรงและสีสันถ้วยกาแฟสามารถส่งผลต่อรสชาติของกาแฟจริงหรือไม่ ซึ่งในทางปฏิบัติรูปทรงและสีสันบนถ้วยกาแฟอาจมีผลต่อประสบการณ์การดื่มกาแฟของเราบางประการ แต่น้อยมากเมื่อเทียบกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น คุณภาพของเมล็ดกาแฟ กระบวนการคั่ว การบด การชงและปริมาณสารปรุงแต่งที่เราใส่ลงไปในกาแฟเพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการ
วัสดุที่ใช้ทำ ถ้วยกาแฟ
วัสดุที่นำมาใช้ทำแก้วกาแฟมีส่วนไม่น้อยที่ส่งผลต่อรสชาติ เช่น ถ้วยกาแฟที่ผลิตจากเซรามิก พอร์ซเลน ที่ช่วยให้กาแฟ คาปูชิโน่ ไม่เย็นเร็วเกินไป หรือร้อนเกินไป ช่วยให้สามารถสัมผัสรสชาติและกลิ่นของกาแฟได้อย่างเข้มข้น ในส่วนของแก้วใส แม้จะช่วยในเรื่องของความสวยงามแต่ด้วยคุณสมบัติของแก้วทำให้ไม่สามารถกักเก็บความร้อนไว้ได้นาน นั่นหมายถึงทำให้ช่วงเวลาในการดื่มด่ำรสชาติของกาแฟสดแท้สั้นลง เนื่องจากแก้วกาแฟแบบใสจะเย็นเร็วกว่าแก้วกาแฟแบบเซรามิก พอร์ซเลน
รูปทรงของ ถ้วยกาแฟ มีผลต่อรสชาติ
รูปทรงของ ถ้วยกาแฟ มีผลต่อรสชาติและกลิ่นของกาแฟโดยตรง ยกตัวอย่างเมนูกาแฟดำ เอสเพรสโซ ที่นิยมใช้แก้วขนาดเล็ก ปากแคบ เพื่อให้กลิ่นของกาแฟถูกกักเก็บไว้บริเวณด้านบนของน้ำกาแฟ ตัวถ้วยสามารถที่จะกักเก็บความร้อนได้ดีเพื่อให้รักษาอุณหภูมิของกาแฟให้เหมาะสมระหว่างการดื่ม รูปทรงของแก้วกาแฟที่มีลักษณะปากกว้างจะกระจายความร้อนและกลิ่นได้ดี ทำให้กลิ่นของกาแฟถูกเจือจางด้วยส่วนผสมอื่น ๆ ที่ปรุงแต่งเข้าไป อย่างเมนูกาแฟ คาปูชิโน่ ที่มีส่วนผสมของนมสด ก็ช่วยให้ยังคงกลิ่นหอมละมุนชวนหลงไหล
สีสันและขนาด
ส่วนเรื่องสีสันบนถ้วยกาแฟ ส่งผลทางจินตนาการและจิตวิญญาณ สีสันสวยงามบนถ้วยกาแฟอาจสร้างความรู้สึกและบรรยากาศที่ดีให้กับผู้ดื่ม แต่ไม่ได้มีผลตรงต่อรสชาติของกาแฟ ในขณะที่ขนาดของ ถ้วยกาแฟ กลับมีผลต่อประสบการณ์ในการดื่มกาแฟมากกว่า เช่น ปริมาณที่ดื่ม ขนาดของแก้วสามารถกำหนดปริมาณกาแฟที่จะดื่มได้อย่าง เอสเพรสโซ กาแฟดำ อาจเหมาะสำหรับการดื่มกาแฟในปริมาณน้อย ๆ แต่แฝงไปด้วยความเข้มข้นของเนื้อกาแฟ ในขณะที่แก้วใบใหญ่อาจเหมาะสำหรับการดื่มกาแฟรวม ๆ หรือกาแฟเย็น ปริมาณที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับการบรรจุความต้องการและความชอบของแต่ละบุคคล
หากมองหา ถ้วยกาแฟ ของ Nespresso ใส่กาแฟเมนูโปรดต่าง ๆ เพื่อที่จะได้เลือกซื้อกาแฟถ้วยโปรดได้อย่างมั่นใจ โดยเฉพาะความชอบและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลที่ถ่ายทอดออกมาเป็นคุณลักษณะเฉพาะตัว เพื่อการดื่มกาแฟถ้วยโปรดที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

29
   เคยไหมชง เมนูกาแฟ แบบร้านกาแฟที่ตัวเองชื่นชอบ แต่ก็ไม่ได้รสชาติกลมกล่อมแบบที่ต้องการสักที วันนี้เราจะพาไปเปิดสูตรลับจาก Nespresso ของเมนูกาแฟ อเมริกาโน่เย็น และเอสเปรสโซเย็น ที่บอกได้เลยว่า มีความอร่อยลงตัว น่าดื่ม รสชาติเหมือนมืออาชีพมาทำให้ ที่เราสามารถทำได้เองไม่ว่าอยู่ที่ไหน จะมีขั้นตอนและรายละเอียดอะไรบางนั้นตามไปดูกันได้เลย
เผย 2 สูตรกาแฟ เย็นอเมริกาโน่และเอสเปรสโซสุดอร่อยจาก Nespresso
•   เมนูกาแฟ อเมริกาโน่เย็น เป็นอีกหนึ่งเมนูกาแฟที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับวัยทำงานหลาย ๆ คน สูตรกาแฟ  อเมริกาโน่เย็นและ อเมริกาโน่ร้อน ค่อนข้างที่จะมีความใกล้เคียงกัน แต่จะแตกต่างกันในส่วนของสัดส่วนของน้ำและน้ำเชื่อมที่ใส่ลงไปเพิ่มเติม วิธีการทำเมนู อเมริกาโน่เย็น ง่าย ๆ ก็คือ นำแคปซูลกาแฟรสชาติที่ใช่ ใส่ลงในเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ กดชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ เติมน้ำร้อนตามลงไปในกาแฟสัดส่วน 1 ต่อ 1  เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้เราก็จะได้ อเมริกาโน่ร้อน สุดฟิน เมื่อต้องการทำเป็นเมนูเย็นก็เพียงแค่เติมน้ำแข็งตามลงไปเท่านั้นเอง
•   เมนูกาแฟ เอสเปรสโซ เมนูกาแฟที่มีความเข้มข้นสุด ๆ เหมาะกับคอกาแฟดำตัวจริง สำหรับหลาย ๆ คนชื่นชอบที่จะดื่มกาแฟเอสเปรสโซเพื่อให้เกิดความกระปรี้กระเปร่าในตอนเช้าหรือ กระตุ้นความตื่นตัวช่วงบ่าย ลองทำเมนูเอสเปรสโซเพียงเลือกแคปซูลกาแฟที่มีคุณภาพดี เพาะปลูกจากพื้นที่ที่มีสภาพพื้นดินและภูมิอากาศเหมาะกับการปลูกกาแฟสายพันธุ์นั้น ๆ โดยเฉพาะ อย่างแคปซูลกาแฟของ Nespresso ที่มีการผสมผสานเอาเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ต่าง ๆ คั่วบดด้วยระดับไฟที่เหมาะสม ให้เกิดกลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟออกมาอย่างพอดี มีเสน่ห์และเอกลักษณ์ของกาแฟแต่ละสูตรที่เฉพาะตัว เมื่อนำมาทำเป็นเมนูกาแฟจึงมีความอร่อยไม่เหมือนใคร สำหรับวิธีในการทำเมนูนี้ก็คือเลือกแคปซูลกาแฟที่ชื่นชอบจำนวน 1 แคปซูลใส่ลงในเครื่องชงกาแฟแคปซูล กดชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ ปริมาณ 40 มิลลิลิตร รอเครื่องทำความร้อน ก็จะได้กาแฟดำเอสเปรสโซออกมาตามที่ต้องการ
จากสูตรเมนูกาแฟทั้งสองสูตรข้างต้น ทั้งเมนูกาแฟอเมริกาโน่เย็นและเมนูเอสเปรสโซ จะเห็นได้เลยว่า ทุกคนสามารถทำตามได้จริง โดยถ้าเรามีแคปซูลกาแฟที่ดี เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติและสูตรชงกาแฟที่ใช่ มีความอร่อยกลมกล่อมก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ชมเพิ่มเติมที่
https://www.nespresso.com/th/th/americano
https://www.nespresso.com/th/th/americano-recipes

30
   กาแฟดำคือเมนูกาแฟแก้วโปรดของใครหลาย ๆ คน ทั้งเมล็ดกาแฟที่ผ่านการคั่วอย่างพิถีพิถัน เครื่องชงกาแฟที่ดีมีคุณภาพและ สูตรชงกาแฟ ที่ลงตัว สร้างสรรค์เป็นเมนูกาแฟที่อร่อยเกินห้ามใจ โดยเฉพาะสูตรชงกาแฟที่ใช่ จะช่วยทำให้เราสามารถชงกาแฟให้อร่อย วันนี้เราจะมาแนะนำ 2 สูตรชงกาแฟดำ เอสเพรสโซ่ และเมนูกาแฟ อเมริกาโน่ ที่มีความหอมกลมกล่อมจนต้องบอกต่อ
   เริ่มต้นกันที่สูตรกาแฟสดดำ เอสเพรสโซ่ หอมหวาน รสชาติละมุน สิ่งที่ต้องเตรียมคือ แคปซูลกาแฟคุณภาพดี ที่มีระดับความเข้มน้อยถึงปานกลาง ความขมน้อย อย่าง แคปซูลกาแฟ จาก Nespresso รสชาติ Volluto ที่มีกลิ่นหอมของผลไม้และซีเรียล ผลิตจากกาแฟพันธุ์อาราบิก้าจากประเทศโคลัมเบียและประเทศบราซิล โดยใช้ไฟในการคั่วอ่อนเพื่อรักษากลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟเอาไว้ วิธีในการทำก็ง่ายสุด ๆ คือใส่แคปซูลกาแฟลงใน เครื่องชงกาแฟ ใช้น้ำปริมาณ 40 มิลลิลิตรต่อกาแฟ 1 แคปซูล กดปุ่มชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ รอเครื่องทำความร้อนสักครู่ กาแฟจะค่อย ๆ ไหลลงสู่แก้ว เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
   ต่อกันด้วย สูตรกาแฟ เมนูกาแฟดำ อเมริกาโน่ สุดฟินที่ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูกาแฟดำที่ชงง่ายไม่แพ้กัน ส่วนสำคัญคือเลือกแคปซูลกาแฟที่มีความเข้ม ความขม ความเปรี้ยวในระดับที่พอดี ซึ่งแคปซูลที่นำมาทำเมนูอเมริกาโน่ได้เข้มข้นแต่นุ่มนวลคือ แคปซูลกาแฟ Master origin Indonesia ที่ใช้กาแฟอาราบิก้าแท้จากประเทศอินโดนีเซีย ผ่านกรรมวิธีการคั่วแยก ใช้ไฟในการคั่วระดับปานกลางและมีการคั่วเมล็ดกาแฟโดยใช้ระยะเวลาสั้น ๆ กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ให้กลิ่นไม้ของป่าเขตร้อนและกลิ่นยาสูบ อัตราส่วนของแคปซูลกาแฟต่อปริมาณน้ำคือ 1 : 2 หรือ 1 : 3 ส่วน วิธีการทำคือใส่แคปซูลกาแฟจำนวน 1 แคปซูลลงในเครื่องชงกาแฟ เลือกชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟเป็นแบบลุงโกหรือกดชงแบบเอสเพรซโซ่แล้วเติมน้ำร้อนตามลงไปตามอัตราส่วน หากต้องการรับประทานเป็นแบบเย็นก็ให้เติมน้ำแข็งลงไปได้ตามต้องการ
สำหรับสองสูตรชงกาแฟสดข้างต้น ชงด้วย เครื่องชงกาแฟ อัตโนมัติจาก Nespresso รุ่น Pixie Electric เครื่องชงกาแฟดีไซน์สวยงามทันสมัย ขนาดเล็กกะทัดรัดเหมาะสำหรับการชงกาแฟดำ มีโหมดประหยัดพลังงาน สามารถทำความร้อนได้ภายในระยะเวลาแค่ 25 วินาทีเท่านั้น มาพร้อมกับโปรแกรมการชงกาแฟถึง 2 โปรแกรมด้วยกัน ใช้งานง่าย สะดวกและช่วยให้ประหยัดเวลาในการชงกาแฟ สามารถนำไปทำเมนูกาแฟ 2 สูตรข้างต้นได้อย่างง่ายดาย ใครที่กำลังมองหาเมนูกาแฟดำอร่อยกลมกล่อมสำหรับเป็นกาแฟแก้วโปรดอยู่แล้วล่ะก็ จะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

31
   หลายคนเบื่ออากาศร้อน อยากหาอะไรทำที่ช่วยลดอุณหภูมิ มาดู 3 สูตรชงกาแฟนม ด้วยเครื่องชงกาแฟ Nespresso ที่คุณสามารถนำไปทำตามดื่มเองได้ที่บ้าน จะมีเมนูอะไรบ้างนั้นตามไปดูด้านล่างได้เลย
   สูตรชงกาแฟสด ด้วยเครื่องชงกาแฟ Nespresso ที่เรานำมาแชร์วันนี้ก็จะมีเมนูลาเต้เย็น คาปูชิโน่เย็น และม็อคค่าเย็น เป็น เมนูกาแฟ ที่ให้ทั้งความเฟรชปลุกความสดชื่นและความกระปรี้กระเปร่าอีกทั้งยังหอมนมผสมกับกลิ่นอายของกาแฟเข้ากันอย่างลงตัว
   แต่ก่อนจะไปถึง สูตรทำกาแฟเย็น มาเตรียมเครื่องชงกาแฟของ Nespresso รุ่น Gran Lattissima ให้พร้อมกันก่อน ซึ่งรุ่นนี้มีระบบสตรีมนมมาด้วยในตัวเพื่อประหยัดเวลาไม่ต้องมานั่งสตรีมนมตีฟองนมเองให้เสียเวลา ซึ่งเครื่องกาแฟรุ่นนี้คือมีฟังก์ชั่นการชง เมนูกาแฟ มาให้ถึง 6 ปุ่มฟังก์ชั่น สามารถใช้งานชงกาแฟได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเอสเปรสโซ ลุงโก้ คาปูชิโน่ ลาเต้ มัคคิอาโต้ และฟองนม เพียงแค่กดปุ่มเครื่องก็จะทำการชงเมนูนั้น ๆ ออกมาลงสู่แก้วกาแฟอย่างสมบูรณ์แบบ
   สูตรแรกที่จะมาแนะนำเลยก็คือ สูตรทำลาเต้เย็น เริ่มจากการเตรียมนมสดเย็นใส่แท็งก์ เติมน้ำเปล่าและกาแฟแคปซูลลงไป เติมไซรัปหรือน้ำเชื่อมลงในแก้วกาแฟ จากนั้นก็ใส่น้ำแข็งตามลงไป นำแก้วมาวางรอที่แท่น จากนั้นก็กดปุ่มเลือกฟังก์ชั่นการทำกาแฟลาเต้เป็นอันเสร็จขั้นตอน ตัวเครื่องจะชงกาแฟและทำฟองนมเทลงมาสู่แก้วกาแฟโดยอัตโนมัติ
   เมนูต่อมาก็คือคาปูชิโน่เย็นขั้นตอนคล้ายกับเมนูลาเต้เย็น แต่กิมมิคเล็ก ๆ น้อย ๆ คือการเพิ่มผงชินามอนหอม ๆ ลงไปในแก้วพร้อมไซรัปและน้ำแข็ง หลังจากนั้นก็กดปุ่มสำหรับชงเมนูคาปูชิโน่ รอจนฟองนมหยดสุดท้ายลงสู่แก้วแล้วตักผงชินามอนโรยออนท็อปปิดท้ายเป็นอันเสร็จ
   สุดท้ายคือม็อคค่าเย็นซึ่งก็คล้าย สูตรลาเต้เย็น มาก ๆ เหมือนกัน ต่างกันตรงที่เพิ่มส่วนผสมที่เป็นผงโกโก้หรือ Dark Mocha Syrup ลงไปด้วยเพิ่มความขมที่เป็นเอกลักษณ์ โดยใส่ลงไปในแก้วกาแฟผสมด้วยน้ำเชื่อมและนมเล็กน้อยให้เข้ากัน  ตามด้วยน้ำแข็ง จากนั้นก็ชงกาแฟด้วยฟังก์ชั่นลาเต้ตามปกติก็จะได้เมนูมอคค่าเย็นแล้ว
   นี่ก็เป็น 3 สูตรทำกาแฟเย็นง่าย ๆ ด้วยเครื่องชงกาแฟ Nespresso อยากให้คอกาแฟสายหวานได้ลองไปทำดื่มดูรับรองเลยว่าต้องติดใจจดหยดสุดท้าย

32
   กาแฟ สดผสมนมรสชาตินุ่มละมุนอย่าง latte , Cappuccino, mocha ถ้าอยากจะชงออกมาให้กลมกล่อมลงตัวนอกจากจะใส่ใจกับคุณภาพของนมและฟองนมแล้ว การเลือกประเภทของกาแฟก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่จะพลาดไม่ได้ เพราะในท้องตลาดนั้นมีกาแฟหลากหลายประเภท ทั้ง กาแฟคั่วเข้ม กาแฟคั่วอ่อน และ กาแฟคั่วกลาง ซึ่งแต่ละเมนูกาแฟก็เหมาะไม่เหมือนกัน หากชงไม่ดีก็อาจจะไม่ละมุนลิ้นอาจจะขมหรือเปรี้ยวฝาดเกินไปได้ แล้วกาแฟแบบไหนที่เหมาะกับการชงกาแฟผสมนม มาร่วมหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย
   ระดับการคั่วกาแฟที่เหมาะกับการชงกาแฟผสมนมมากที่สุดก็คือ กาแฟคั่วกลาง นั่นคือนำเมล็ดกาแฟสดมาคั่วด้วยไปอ่อน ๆ จนเมล็ดกาแฟแตกกะเทาะคล้ายการคั่วป็อบคอร์น เมล็ดมีสีน้ำตาลเข้ม ทำให้รสชาติความเป็นผลไม้รวมไปถึงความเปรี้ยวฝาดนั้นลดลงแต่ไม่ได้หายไป เมล็ดกาแฟจะมีกลิ่นคั่วอ่อน ๆ กำลังดี เมื่อนำไปชงจะให้รสชาติขมปนหวานและให้รสเปรี้ยวอ่อน ๆ แถมบอดี้หรือรสสัมผัสของกาแฟค่อนข้างแน่นไม่บางเบา เวลาเราผสมนมลงไปก็จะให้ความกลมกล่อมลงตัวพอดี จึงเหมาะมาก ๆ ที่จะนำไปชง latte หรือ Cappuccino รวมไปถึงกาแฟผสมนมอื่น ๆ ได้ทุกเมนู
   ส่วนประเภทกาแฟอื่น ๆ นั้นก็จะเหมาะกับการชงเมนูอื่นที่นอกเหนือจากกาแฟผสมนม อย่าง กาแฟคั่วอ่อน ที่ความพิเศษอยู่ตรงที่ผ่านความร้อนในการคั่วน้อยเมล็ดกาแฟจะมีสีน้ำตาลอ่อน ๆ กลิ่นหอมไหม้ของกาแฟจะไม่โดดเด่นมาก เมล็ดกาแฟจะยังคงความหอมอ่อน ๆ ของผลไม้แทน เมื่อนำไปชงแล้วจะให้รสชาติเปรี้ยวฝาดอ่อน ๆ ทำให้กาแฟประเภทนี้นิยมนำไปชงเป็นกาแฟดำร้อนดื่มเพียว ๆ โดยไม่ปรุงแต่งอะไร เวลาดื่มจะให้ความสดชื่นอมเปรี้ยวไปในตัว
   ส่วน กาแฟคั่วเข้ม นั้นเป็นกาแฟที่ผ่านการคั่วนานที่สุด คั่วจนเมล็ดกาแฟกะเทาะแตกถึง 2 ครั้ง ต่างจากแบบคั่วกลางที่แตกเพียงครั้งเดียว ทำให้เมล็ดกาแฟมีสีเข้มและมันเงา พร้อมหอมกลิ่นไหม้อ่อน ๆ เมื่อนำไปชงจะให้เนื้อบอดี้เนื้อสัมผัสที่เยอะมาก รสชาติเข้มข้นมีรสขมอ่อน ๆ พร้อมความมัน เหมาะกับการนำไปชงเป็นช็อตเอสเปรสโซหรือกาแฟดำเป็นอย่างยิ่ง หรือจะนำไปชงแบบไทยสไตล์ผสมนมข้นหวานและครีมเทียมก็จะยิ่งชูความมันหอมหวานของ กาแฟ เข้าไปอีก
   คงพอรู้ถึงความต่างคร่าว ๆ ของกาแฟแต่ละประเภทบ้างแล้วว่า กาแฟคั่วอ่อน กลาง และเข้มนั้นต่างกันอย่างไร ที่สำคัญอย่าลืมว่าถ้าจะชงกาแฟผสมนมให้อร่อยแนะนำกาแฟแบบคั่วกลางเท่านั้น

33
การมีสุขภาพที่ดีนอกจากการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาด พักผ่อนอย่างเพียงพอ และอยู่ในที่มีอากาศบริสุทธิ์แล้ว การผ่อนคลายอารมณ์ยังส่งผลต่อสุขภาพจิตและสุขภาพกาย ทางเลือกที่คอกาแฟเลือกผ่อนคลายอารมณ์ก็คือกาแฟดำ นั่นจึงทำให้คนยุคใหม่หันมาดื่มกาแฟดำเป็นประจำ โดยเฉพาะ กาแฟแคปซูล ซึ่งให้ความสะดวก รวดเร็ว และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว

รู้จักสารพัด ประโยชน์ของกาแฟดำ
-   ช่วยด้านความจำ เนื่องจากในกาแฟดำมีสารกระตุ้นจิตประสาท เมื่อทำปฏิกิริยากับร่างกายจะช่วยเพิ่มพลังงาน เพิ่มความสามารถในการจดจำ
-   ลดความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งตับ มะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่ นั่นก็เป็นเพราะว่ากาแฟดำมีสารประกอบที่จะช่วยลดการติดเชื้อในร่างกายซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งนั่นเอง นอกจากนี้ในกาแฟดำยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินบี 2 บี 3 บี 5 แมงกานีส โพแทสเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นสาระสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพที่แข็งแรง
-   ประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกาย กาแฟดำช่วยเพิ่มระดับอะดรีนาลีนในเลือด ทำให้สามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นและยังช่วยให้การเผาผลาญของร่างกายดีขึ้นด้วยเช่นกัน
-   ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานและเกาต์  การดื่มกาแฟดำเป็นประจำจะทำให้มีตัวช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและเพิ่มการสร้างอินซูลิน และมีงานวิจัยที่พบว่า หากดื่มกาแฟดำ มากกว่าวันละ 4 แก้ว จะทำให้ระดับของกรดยูริกลดลง บรรเทาอาการของเกาต์ได้
-   ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด การดื่มกาแฟดำไม่ว่าจะเป็นกาแฟสำเร็จรูป กาแฟสด หรือ กาแฟแคปซูล  วันละ 1 - 2 แก้ว จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและลดการอักเสบในร่างกายได้ นอกจากนี้กาแฟดำยังช่วยให้อารมณ์คงที่ กระตุ้นระบบประสาท และเพิ่มสารแห่งความสุข รวมถึงสร้างโดพามีนให้ด้วย จึงเป็นตัวช่วยในการลดภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน การดื่มกาแฟดำเป็นประจำจึงส่งผลดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ
-   ทำให้ดูเด็กและช่วยป้องกันโรคพาร์กินสัน หลายคนเลือกดื่มกาแฟดำแบบไม่ใส่น้ำตาล ซึ่งการดื่มกาแฟแบบนี้จะช่วยให้ดูอ่อนเยาว์หรืออ่อนกว่าวัย ทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดโรคพาร์กินสันได้อีกด้วย 
-   ช่วยลดน้ำหนัก เป็น ประโยชน์ของกาแฟดำ ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดจนทำให้หลายคนเปลี่ยนจากการดื่มกาแฟใส่นมมาเป็นกาแฟดำแทน โดยเฉพาะการดื่มกาแฟอเมริกาโน่ก่อนออกกำลังกายประมาณ 30 นาที นอกจากจะช่วยให้สามารถออกกำลังกายได้ยาวนานขึ้นแล้ว ยังเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญมากขึ้นอีก 50% เลยทีเดียว ที่สำคัญกาแฟดำยังช่วยกระตุ้นระบบประสาท ทำให้ร่างกายดึงเซลล์ไขมันไปใช้เป็นพลังงานได้มากขึ้นอีกด้วย การออกกำลังกายและดื่มกาแฟดำคู่กันจึงช่วยในการลดน้ำหนักได้อย่างมาก

การดื่มกาแฟดำไม่ยุ่งยากซับซ้อนอีกต่อไป เพราะมี แคปซูลกาแฟ เป็นทางเลือกใหม่ สำหรับชงกาแฟอย่างเร่งด่วนได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นสูตรอเมริกาโน่ ไปจนถึงเมนูกาแฟนมยาก ๆ ทำให้ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพรับประโยชน์จากการดื่มกาแฟได้ไม่ยาก ที่สำคัญในปัจจุบันความหลากหลายของรสชาติ แคปซูลกาแฟ ยังช่วยเพิ่มสีสันให้กับคนรักสุขภาพได้เป็นอย่างดีอีกด้วย 

34
   ฟองนมที่หนานุ่มละมุนเป็นเอกลักษณ์ของเมนูกาแฟนม ที่นอกจากจะอร่อยแล้วยังช่วยรักษาอุณหภูมิของกาแฟและทำให้กาแฟมีรสกลมกล่อมขึ้น การมีเครื่องทำฟองนมจะช่วยให้การชงกาแฟดื่มเองที่บ้านของคุณมีสมบูรณ์แบบมากขึ้น เพราะฟองนมที่ไม่ขึ้นฟู ไม่ละเอียด และยุบตัวเร็ว จะพาให้รสชาติของกาแฟแย่ลงไปด้วย ซึ่งนวัตกรรม เครื่องทำฟองนม สามารถทำฟองนมให้ขึ้นฟู เนื้อละเอียด ละมุนลิ้น และคงตัวอยู่นาน ทำให้กาแฟน่าดื่มมากขึ้น

ฟองนมหรือโฟมนมเกิดจากการเพิ่มอากาศเข้าไปในนมพร้อมทำให้น้ำนมอุ่นขึ้น ส่งผลให้โปรตีนในนมเปลี่ยนสภาพและมาหุ้มฟองอากาศ ฟองนมจึงไม่แตกง่าย มีความละเอียด และคงรูป ซึ่ง เครื่องตีฟองนม มีให้เลือกหลายแบบตามความถนัดในการใช้งาน
1.   ก้านปั่นฟองนม
เป็น เครื่องตีฟองนม ที่ใช้งานง่าย ได้ฟองนมที่เนียนละเอียดและมีฟองอากาศน้อย แต่ต้องจุ่มก้านปั่นให้ถูกตำแหน่งเพื่อให้ได้ฟองนมที่ดีออกมา สามารถทำฟองนมได้ทั้งร้อนและเย็น แต่ถ้าจะทำฟองนมร้อนต้องอุ่นนมก่อนนำมาตีฟองนม
2.   เหยือกปั๊มฟองนม
เป็น เครื่องทำฟองนม ที่ใช้งานง่าย เพียงแค่ใส่นมลงไปในเหยือกแล้วยกก้านปั๊มขึ้นลงประมาณ 10 ครั้ง ก็จะได้ฟองนมแล้ว แต่ต้องรอสักพักเพื่อให้ฟองนมคลายตัวก่อนใช้งาน หากต้องการทำฟองนมเย็นควรแช่เหยือกปั๊มไว้ในตู้เย็นให้เย็นก่อน
3.   เครื่องทำฟองนมแบบไฟฟ้า
เป็น เครื่องตีฟองนม ที่สามารถทำฟองนมได้ง่ายเพียงปุ่มเดียว ทำฟองนมได้ทั้งร้อนและเย็นในเครื่องเดียวกันโดยไม่จำเป็นต้องนำนมไปอุ่นหรือทำให้เครื่องอุ่นก่อน มีข้อดีที่เครื่องทำงานอัตโนมัติ ไม่เปลืองแรง ได้ฟองนมที่ละเอียด ไม่ยุ่งยากในการทำฟองนมทั้งเมนูร้อนและเมนูเย็น รูปทรงสวยงาม น้ำหนักเบา ดูแลรักษาง่าย และสามารถทำฟองนมได้คราวละมาก ๆ ช่วยประหยัดพลังงานและเวลา
เครื่องทำฟองนมแบบไฟฟ้าใช้ง่ายและไม่ค่อยผิดพลาด เนื่องจากควบคุมอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ ไม่มีน้ำเข้าไปปะปนให้นมเจือจาง หรือการที่ใช้กำลังในการตีฟองนมที่เหมาะสม นมจึงขึ้นฟองง่าย ละเอียด และไม่ยุบตัวเร็ว ซึ่งเทคนิคเล็ก ๆ เพื่อให้ได้ฟองนมที่ยิ่งนุ่ม ละเอียด และคงตัวได้นาน เทคนิคง่าย ๆ คือ
1.   เริ่มต้นทำฟองนมด้วยนมเย็นเสมอ
2.   ใช้นมที่มีไขมันนมปกติหรือนมสำหรับทำฟองนมโดยเฉพาะ

เพียงแค่นี้เราก็จะได้ฟองนมอร่อย ๆ มาเพื่อกาแฟของเราแล้ว

35
   ทั้งเนื้อสัมผัสและวิธีการใช้งานของสกินแคร์อย่างโทนเนอร์ กับ น้ำตบ มีความใกล้เคียงกันมาก แต่แท้จริงแล้วมีจุดประสงค์ในการบำรุงผิวที่ต่างกัน และยังมีอีกหลายข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณสมบัติของโทนเนอร์และน้ำตบว่าใช้แบบไหน หรือผิวแบบไหนต้องเลือกใช้ไอเทมไหนอย่างไร วันนี้เรามาทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 อย่างนี้ให้มากขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีจากการใช้งาน

โทนเนอร์คืออะไร
   โทนเนอร์ คือผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับสภาพผิวให้พร้อมต่อการบำรุง และใช้ก่อนจะลงน้ำตบ หรือก่อนขั้นตอนลงสกินแคร์ เป็นทั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในตัว โทนเนอร์ในแต่ละแบรนด์จะมีส่วนผสมที่แตกต่างกัน ทำให้คุณสมบัติของโทนเนอร์ในเรื่องของการบำรุงก็จะแตกต่างกันไปตามสูตร ปัจจุบันโทนเนอร์มีหน้าที่หลัก ๆ ดังต่อไปนี้
•   บำรุงผิวและเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลผิว
•   ช่วยกระชับรูขุมขน
•   ขจัดน้ำมันส่วนเกินบนผิวหน้า ช่วยป้องกันการเกิดสิว
•   ทำความสะอาดผิว และขจัดสิ่งสกปรกตกค้างหลังการทำความสะอาดใบหน้า
•   ปรับสภาพผิวให้ค่า pH สมดุล ให้พร้อมในการดูแลผิวขั้นตอนต่อไป

โทนเนอร์ ต่างกับ น้ำตบ อย่างไร
   น้ำตบ คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เน้นเป็นการบำรุงให้ความชุ่มชื้นและเตรียมผิวมากกว่า น้ำตบอุดมไปด้วยสารสกัดเข้มข้น มีมวลโมเลกุลขนาดเล็กกว่าสกินแคร์รูปแบบอื่น และมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา จึงทำให้ซึมลงสู่ผิวได้ง่ายและเร็ว ไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้กับผิว สารสกัดมุ่งตรงสู่ผิวได้อย่างตรงจุด ประโยชน์ของน้ำตบในการดูแลผิวข้อเด่น ๆ ได้แก่
•   เติมเต็มความชุ่มชื้นให้ผิว
•   กระชับรูขุมขน
•   เตรียมผิวและกระตุ้นผิวให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป
•   เร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า และกระตุ้นการเกิดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส
•   ช่วยลดจุดด่างดำต่าง ๆ ให้ลดลง

ขั้นตอนและลำดับการใช้ของโทนเนอร์และน้ำตบ
   ขั้นตอนของทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ มีลำดับที่แตกต่างกัน โดยเรียงลำดับดังนี้
1.   โทนเนอร์ อยู่ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ที่มีคุณสมบัติในการช่วยบำรุงผิวด้วย ขั้นตอนของการใช้โทนเนอร์ คือ ใช้โทนเนอร์เช็ดผิวหลังขั้นตอนการทำความสะอาดผิวเป็นขั้นตอนสุดท้าย เพื่อเป็นการเปิดรูขุมขน
2.   โลชั่นน้ำตบ ลงเป็นขั้นตอนหลังจากการใช้โทนเนอร์เช็ดผิว เป็นการเตรียมผิวขั้นตอนแรกในการบำรุงผิวด้วยสกินแคร์อื่น ๆ เป็นลำดับถัดไป

เลือกน้ำตบและโทนเนอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว
โทนเนอร์และน้ำตบแต่ละสูตรก็ดูแลและปรนนิบัติผิวที่แตกต่างกัน แนะนำให้เลือกสูตรที่เหมาะกับสภาพผิว เช่น ผิวมันควรเลือกสูตรที่ช่วยลดการทำงานของต่อมผลิตน้ำมันบนผิว ผิวแห้งควรเลือกสูตรที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ส่วนผิวแพ้ง่ายควรเลือกสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีหรือน้ำหอมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ และไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ เป็นต้น

ใครที่มีผิวแพ้ง่ายและกำลังมองหา น้ำตบยี่ห้อไหนดี ผิวแพ้ง่าย ก็ใช้ได้มาไว้บำรุงผิว ขอแนะนำน้ำตบจาก La Mer โลชั่นบำรุงผิวสูตรน้ำ The Treatment Lotion สูตรใหม่ มีคุณสมบัติเด่นในการฟื้นฟูผิว รูขุมขนกระชับ น้ำตบสำหรับผิวแพ้ง่ายใช้ดี ช่วยสร้างเกราะให้ผิวแข็งแรงมีสุขภาพดี มีสารสกัดจากสาหร่ายและแร่ธาตุในทะเล ช่วยปลอบประโลมผิว ให้ผิวมีความสมดุล เหมาะกับทุกสภาพผิว


ชมรายละเอียดที่
https://paplearn.wixsite.com/home/post/รวม-15-น้ำตบหน้าใส-น้ำตบยี่ห้อไหนดีช่วยให้ผิวเเข็งแรง-ยิ่งตบยิ่งใสปิ๊ง

36
เคยเป็นกันบ้างไหมเมื่อเวลาเดินทางท่องเที่ยวแล้วได้ไปชิมกาแฟจากร้านคาเฟ่ชื่อดังหรือร้านที่มีสุดยอดบาริสต้าชงให้ แล้วชื่นชอบในรสชาติจนอยากจะดื่มอีกครั้ง ซึ่งจริง ๆ แล้วทุกคนสามารถชงกาแฟรสชาติเยี่ยมได้เองที่บ้านแล้ว เพราะตอนนี้มีเครื่องชงกาแฟสดจาก Nespresso ออกมาจำหน่ายในราคาที่สัมผัสได้แถมรสชาติดีเยี่ยมเหมือนมีบาริสต้าชื่อดังมาชงให้ถึงบ้าน โดยวันนี้จะมาแชร์ สูตรชงกาแฟสด ทั้งกาแฟร้อน กาแฟใส่นม และ เมนูกาแฟ สุดฮิตที่หลายคนชอบกัน
1.   กาแฟดำ รสเยี่ยมจากทั่วโลก
หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบรสชาติกาแฟดำร้อน เข้มข้น เพื่อความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าในยามเช้า ขอแนะนำการชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ ช็อต  ขนาด 40 มล. ซึ่งระดับการคั่วของกาแฟก็จะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกัน รู้หรือไม่ว่า กาแฟคั่วอ่อนนอกจากจะไม่ขมแล้วยังหอม อมเปรี้ยวนิด ๆ ได้แก่ VOLLUTO, COSI แต่ถ้าใครต้องการความเข้มข้นถึงใจ แนะนำกาแฟคั่วกลาง-เข้ม ได้แก่ KAZAAR, NAPOLI
2.   กาแฟใส่นม
กาแฟใส่นม ส่วนใหญ่จะมีรสชาติกลมกล่อมหอมละมุนไปกับฟองนมและสารเติมแต่งอื่น ๆ เช่น คาราเมล, อบเชย เมื่อนำมารวมกับกาแฟจึงทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมและลงตัวมากที่สุด โดยเฉพาะ สูตรลาเต้เย็น และคาปูชิโน่ร้อนพร้อมฟองนมนุ่ม บอกได้เลยว่า เมนูกาแฟเย็น นี้อร่อยอย่างแน่นอน การชงนั่นไม่ยากสามารถทำตามได้ดังนี้
-   สูตรกาแฟเย็น สูตรนี้จะเป็น ลาเต้ มัคคิอาโต้ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ กาแฟแคปซูล รสใดก็ได้ชงในแบบเอสเพรสโซ่ขนาด 40 มล., น้ำตาล, นมสดเย็น 100-120 มล.
-   กดกาแฟเอสเปรสโซรสชาติที่ต้องการพักไว้ให้เย็น เติมน้ำตาลตามใจชอบ
-   ปั่นนมด้วยเครื่องทำฟองนม Aeroccino หรือหัวฉีดไอน้ำจากเครื่องชงกาแฟ Nespresso
-   เทนมที่ปั่นลงในแก้วที่เตรียมไว้
-   เทกาแฟที่เตรียมไว้ลงในแก้วที่มีนมปั่น เพียงเท่านี้ก็ได้กาแฟ ลาเต้ มัคคิอาโต้ ตามที่ต้องการแล้ว
3.   กาแฟพร้อมอาหารเช้าในตัว
เมนูกาแฟ นี้สำหรับคนที่เร่งรีบและต้องการทานอาหารเช้าควบคู่ไปกับกาแฟแก้วโปรด แต่ใช้เวลาในการทำน้อยกว่าทำอาหาร ได้แก่  สูตรชงกาแฟสด Granola Coffee นั่นเอง สิ่งที่ต้องเตรียมได้แก่ กาแฟแคปซูล Capriccio, Ristretto Decaffeinato อย่างใดอย่างหนึ่ง, ท็อปปิ้ง, นมสด, ผลไม้อบแห้งและซีเรียล
-   เริ่มแรกด้วยการทำกาแฟแบบ เอสเปรสโซ 40 มล. เทลงในแก้วกาแฟทรงสูง
-   ทำฟองนมด้วยเครื่องทำฟองนม Aeroccino
-   เทนมและฟองนมลงในแก้วทรงสูงที่มีกาแฟอยู่
-   ใส่ท็อปปิ้ง ซีเรียล ผลไม้อบแห้งตามใจชอบ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ สูตรชงกาแฟสด ทั้ง 3 สูตรจากเนสเพรสโซ่ ที่ทุกคนสามารถนำไปชงเพื่อเป็นเครื่องดื่มประจำตัวโดยไม่ต้องง้อบาริสต้าเลย หากใครสนใจในเครื่องชงกาแฟแคปซูลจากเนสเพรสโซ่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nespresso.com/th/th/order/machines

37
   การชงกาแฟสด หลายคนมีภาพจำว่าต้องมีความพิถีพิถัน การจดจ่อ การใช้เวลาในชงนาน ๆ กว่าที่จะได้ กาแฟสด สักแก้วหนึ่ง แต่ปัจจุบันเราสามารถทำกาแฟสดแก้วโปรดได้ด้วยตนเองและใช้เวลาไม่มากเพราะมีเวลาจำกัด ใครสนใจขอแนะนำตัวช่วยในการชงกาแฟอย่าง เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ ที่จะทำให้คุณลืมการชงกาแฟแบบเดิม ๆ ไปได้เลย
เครื่องชงกาแฟแบรนด์ Nespresso ที่จะเปลี่ยนวิธีชงกาแฟแบบเดิม
•   ใครชอบดื่มกาแฟดำเป็นประจำทุกวันอยู่นั้น ขอแนะนำ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ขนาดเล็ก จิ๋วแต่แจ๋วดีไซน์สวยลงตัว รุ่น Essenza Mini ตั้งอยู่ห้องไหน ๆ ของบ้านก็ช่วยส่งเสริมให้บ้านดูดีมากยิ่งขึ้นและไม่กินพื้นที่ วิธีใช้งานตัวเครื่อง ก็ไม่ยากอย่างที่คิด แค่กดปุ่มเลือกเมนูกาแฟดำที่ต้องการชงคือ กาแฟแบบเอสเปรสโซและกาแฟลุงโก เมื่อกดปุ่มแล้ววางแก้วกาแฟที่แท่นวางและรอเพียงไม่กี่สิบวินาทีก็จะได้กาแฟสุดหอมกรุ่นออกมาแล้ว ตัวเครื่องทำความร้อนได้เร็ว ถึงน้ำถอดเติมน้ำได้ การเติมน้ำหนึ่งครั้งสามารถทำกาแฟได้ต่อเนื่องหลายแก้ว
•   หากเป็นคอกาแฟนม เครื่องชงกาแฟแคปซูล จากแบรนด์ Nespresso รุ่น Creatista Plus Metal Stainless Steel ถือว่าน่าสนใจ เครื่องชงกาแฟที่จัดเต็มมาแบบสุด ๆ มาพร้อมกับก้านสตรีมฟองนมที่มีประสิทธิภาพ ตีฟองนมได้ถึง 4 รูปแบบด้วยกัน มีเทคโนโลยีสร้างฟองนมขนาดเล็ก ทำให้เราสามารถครีเอทเมนูได้หลากหลาย โดยตัวเครื่องนี้สามารถทำเมนู กาแฟสด ได้ถึง 8 เมนูทั้งเมนูกาแฟดำและเมนูกาแฟนม เราสามารถใช้เครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ทำลาเต้อาร์ตสวย ๆ ได้อย่างสบาย ความแตกต่างของเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ที่มีเครื่องที่ตีฟองนมในตัวกับรุ่นอื่น ๆ คือ สามารถปรับอุณหภูมิของนมได้หลายระดับตามต้องการ ความจุของถังน้ำอยู่ที่ 1.5 ลิตร แรงดัน 19 บาร์ ถ้าพูดถึง วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ เครื่องนี้ต้องบอกเลยว่าง่ายมาก ๆ มีทั้งปุ่มกดและหน้าจอระบบสัมผัสใช้งานง่ายมาก ๆ  เพียงใส่แคปซูลกาแฟลงในช่องใส่แคปซูลกาแฟและเลือกเมนูที่ต้องการชงเท่านั้นเอง
เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ จาก Nespresso ทั้งสองรุ่นคือตัวช่วยในการชงกาแฟที่จะทำให้คุณลืมการชงกาแฟแบบเดิม ๆ ให้คุณสามารถสร้างสรรค์เมนูกาแฟสดอย่างที่คุณต้องการได้ด้วยตัวเอง
 

38
ถ้าคุณกำลังเครียดกับค่าใช้จ่ายมากมายที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน อยากได้เงินก้อน เพื่อมาจัดการปัญหาการเงิน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ง่ายเลยในภาวะแบบนี้ เพราะรายได้ประจำที่เคยมีก็ไม่แน่นอนเสียแล้ว ที่สำคัญคือไม่อยากใช้วิธีปลดหนี้นอกระบบ ลองทำตามวิธีต่อไปนี้ดู จะช่วยให้คุณมีเงินด่วนใช้ได้ไม่ยาก
เปลี่ยนของใช้เป็นเงิน
ของใช้ที่จะเปลี่ยนเป็นเงินได้คือ รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ก็ได้ วิธีก็คือนำทะเบียนรถไปเป็นหลักประกันขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงินที่ให้บริการ ของใช้ส่วนตัว เช่น นาฬิกา ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเงินถ้า อยากได้เงินก้อนด่วน ให้นำไปจำนำไว้กับสถานธนานุบาล หรือผู้ให้บริการรับจำนำของเอกชนที่เชื่อถือได้ ของใช้เหล่านี้จะกลับมาเป็นของคุณเหมือนเดิมเมื่อมีเงินไถ่คืน
เปิดท้ายขายของ
เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สิ่งที่ของใช้แล้วแต่ยังมีสภาพดีอยู่ สามารถรวบรวมไปเปิดท้าย โพสต์ออนไลน์ผ่านโซเชียลมีเดีย หรือไลฟ์สดขายใน Facebook, Instagram, หรือแพลตฟอร์มขายของมือสองอย่าง Kaidee.com, WeLoveShopping เป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้ซื้อจำนวนมากได้รวดเร็ว
ใช้บริการเงินกู้ออนไลน์
ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการกู้เงินออนไลน์จำนวนมาก เหมาะกับผู้ที่ อยากได้เงินก้อนด่วน เพราะเข้าถึงง่ายและรวดเร็วด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่ต้องเลือกเว็บไซต์เงินกู้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยรับรองเท่านั้นเพื่อความปลอดภัย โดยเราสามารถเช็คได้จากเว็บไซต์ธปท.ว่าผู้ให้บริการรายใดเปิดดำเนินการอย่างถูกกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการ
ใช้บริการบัตรกดเงินสด
การสมัครบัตรกดเงินสดใช้เวลาประมาณไม่เกิน 2 สัปดาห์ ก็จะได้รับอนุมัติบัตรมาใช้ เป็นบัตรที่อนุมัติง่าย รายได้ไม่ถึงหมื่นก็สมัครได้โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน วงเงินสูงสุด 5 เท่าของรายได้ แต่ก็ควรระวังเรื่องของดอกเบี้ยจากการใช้บัตรซึ่งมีอัตราสูงกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ ไม่ควรใช้วงเงินจากบัตรมากเกินไป เมื่อกดเงินแล้วควรรีบนำเงินมาจ่ายคืนเพราะดอกเบี้ยเพิ่มตามจำนวนวัน
ขอกู้สินเชื่อส่วนบุคคลจากธนาคาร
   ถ้ารีบใช้เงินเลือกสินเชื่อที่อนุมัติเร็ว สินเชื่อประเภทนี้มีกำหนดจ่ายคืนเป็นรายเดือน สามารถเลือกจำนวนเงินงวดที่จะผ่อนได้ตามกำลัง รูปแบบของสินเชื่อส่วนบุคคลที่น่าสนใจจากกรุงไทย ได้แก่ สินเชื่อกรุงไทยใจป้ำ สมัครสินเชื่อออนไลน์ได้ทันทีผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT อนุมัติเร็ว สินเชื่อกรุงไทยเปย์เดะ และสมัครกู้สินเชื่อเอนกประสงค์ 5 Plus สำหรับพนักงานบริษัทเอกชนที่รับเงินเดือนผ่านธนาคารกรุงไทย และสินเชื่อกรุงไทย Smart Money สำหรับพนักงานบริษัททั่วไป และผู้ประกอบการรายย่อยที่ อยากได้เงินก้อน
   วิธีเหล่านี้ช่วยให้คุณมีเงินก้อนโดยไม่เป็นหนี้นอกระบบ แต่บางวิธีในที่นี้ทำให้คุณได้เงินก้อนพร้อมกับมีภาระสินเชื่อพ่วงมาด้วย ดังนั้นจึงควรวางแผนการใช้เงินให้ดีเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อสามารถปลดภาระได้แล้ว ควรมีวิธีจัดการทางการเงินให้หลุดจากวงจรเดิม และหาทางเริ่มต้นใหม่ให้ดีที่สุด

39
   การทำประกันชีวิตเป็นการลดความเสี่ยงทางด้านการเงิน เมื่อเราเกิดเจ็บป่วย ได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ก็จะได้รับเงินจากการทำประกันชีวิต แต่ผลประโยชน์อีกด้านคือ ประกันชีวิตสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งวันนี้เราจะพาไปหาคำตอบว่า ประกันชีวิตลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ และมีเทคนิคอย่างไรที่ทำให้เราได้ลดหย่อนสูงสุด

ประกันชีวิตแต่ละแบบลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่?
   สำหรับประกันชีวิตสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ประกันชีวิตทั่วไป และ ประกันชีวิตบำนาญ
   1. ประกันชีวิตทั่วไป มี ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ, ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา, ประกันสะสมทรัพย์ และประกันชีวิตแบบควบการลงทุน โดยประกันชีวิต 3 แบบแรก สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนที่จ่ายเงิน สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท (ประกันต้องมีระยะเวลาคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป) และหากมีประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ก็จะลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนประกันชีวิตควบการลงทุน เป็น ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี เฉพาะค่าใช้จ่ายส่วนค่าธรรมเนียมและส่วนความคุ้มครองชีวิต ไม่รวมส่วนที่นำไปลงทุน สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท (ต้องมีระยะเวลาความคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป) แต่ส่วนที่นำไปลงทุนจะไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้
   2. ประกันชีวิตบำนาญ เน้นความคุ้มครองในรูปแบบรายได้หลังเกษียณ ผู้เอาประกันต้องจ่ายเบี้ยไปจนถึงอายุที่กำหนด แล้วบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้เราเมื่อเราเกษียณ โดยสามารถใช้ ลดหย่อนภาษีประกันชีวิต ได้สูงสุด 15% ของรายได้ แต่มากสุดไม่เกิน 200,000 บาท รวมสิทธิลดหย่อนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ เช่น สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน RMF, สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน SSF ฯลฯ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

เทคนิคเลือกซื้อประกันให้ได้ลดหย่อนสูงสุด
   เทคนิคในการเลือกซื้อ ประกันลดหย่อนภาษี ให้ได้รับการลดหย่อนมากที่สุด มีดังต่อไปนี้
   1. คำนวณภาษีที่ต้องจ่าย คำนวณโดยใช้สูตร “เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ” จากนั้นนำ “เงินได้สุทธิ x อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย” หากมีรายได้หลายทาง ให้นำรายได้ทั้งหมดที่ไม่ใช่เงินเดือน x 0.5% = ภาษีที่ต้องจ่าย
   2. ทำเช็กลิสต์สิทธิลดหย่อนภาษีที่เรามีทั้งหมด เช่น สิทธิ ลดหย่อนภาษีประกันชีวิต, สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน RMF, สิทธิลดหย่อนภาษีกองทุน SSF ฯลฯ เพื่อตรวจทานว่าเรามีสิทธิลดหย่อนภาษีจากแหล่งใดและเท่าไหร่บ้าง
   3. เลือกซื้อประกันที่ตอบโจทย์ ตรงกับความต้องการ เช่น หากต้องการวางแผนเกษียณ ควรเลือกประกันแบบบำนาญ หรือสะสมทรัพย์ เป็นต้น
   
   ความสำคัญของการทำประกันชีวิตมีมากอย่างคาดไม่ถึง สำหรับใครที่กำลังมองทำประกันชีวิตแบบไหนดีที่ไว้ใจได้ เราขอแนะนำ ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ สมาร์ท เซฟเวอร์ 15/5 จากธนาคารกรุงไทย ที่นอกจากจะลดหย่อนภาษีได้แล้ว ยังให้ผลตอบแทนคุ้มค่าตลอดทั้งสัญญาสูงสุด 587.5% ของทุนประกัน จ่ายเบี้ยประกันเพียง 5 ปี ก็ได้รับความคุ้มครองถึง 15 ปี

40
บัตรเดบิต คือบัตรที่ใช้สำหรับกดเงินสดและรูดซื้อสินค้าบริการต่าง ๆ แต่สำหรับใครที่มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศบ่อย ๆ การพกบัตรเดบิตธรรมดาอาจไม่ตอบโจทย์เท่าใดนัก เพราะในปัจจุบันนี้มี travel card ที่ออกแบบมาเพื่อเอาใจคนรักการท่องเที่ยวต่างประเทศโดยเฉพาะ มาพร้อมสิทธิพิเศษที่น่าสนใจ

บัตรเดบิต ท่องเที่ยวคืออะไร
บัตรท่องเที่ยว หรือรู้จักกันในชื่อ travel card คือเดบิตการ์ดประเภทหนึ่งที่ใช้รูดซื้อสินค้าและกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม รวมถึงสามารถใช้แลกสกุลเงินต่างประเทศได้อีกด้วย โดยจุดเด่นของบัตรประเภทนี้คือสามารถแลกสกุลเงินได้ในเรทพิเศษตามที่ต้องการ รูดซื้อสินค้าและบริการได้โดยปราศจากค่าความเสี่ยง ซึ่งค่าความเสี่ยงที่เรียกเก็บนั้นก็เพราะค่าเงินมีการผันผวนตลอดเวลา นั่นทำให้การใช้บัตรเครดิตต้องแบกรับค่าใช้จ่ายส่วนนี้ตามไปด้วย นอกจากนี้บัตรท่องเที่ยวยังมีสิทธิพิเศษมากมาย เช่น ฟรีประกันเดินทาง หรือรับส่วนลดในการซื้อสินค้าหมวดท่องเที่ยว เป็นต้น

เปรียบเทียบจุดเด่น บัตร atm ท่องเที่ยวจาก 3 ธนาคาร บัตรไหนมีดีอย่างไร
ผลิตภัณฑ์บัตรใช้ในต่างประเทศ Travel Card มีหลากหลายธนาคารออกมาเพื่อเอาใจคนรักการเดินทาง เพราะฉะนั้นลองมาดูกันว่าสมัครบัตรไหนถึงจะได้สิทธิพิเศษคุ้มค่าที่สุด เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาเลือก สมัครบัตรเดบิต ท่องเที่ยวได้อย่างคุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการ
1.   Krungthai Travel Card
นับเป็นเจ้าแรกที่ออก บัตร atm ท่องเที่ยว จุดเด่นของบัตรเติมเงินนี้คือแลกเปลี่ยนสกุลเงินได้มากถึง 17 สกุลเงิน ไม่มีค่าธรรมเนียม สะดวกสบายเพราะสามารถแลกเงินและเปิด-ปิดการใช้บัตรได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชัน ที่สำคัญยังใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ในต่างประเทศได้อีกด้วย
2.   You Trip Powered by K-Bank
ตัวเลือกดี ๆ สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการแบกรับค่าธรรมเนียม เพราะไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมใด ๆ สามารถใช้ซื้อสินค้าได้ทุกสกุลเงินแม้เป็นสกุลเงินที่ไม่สามารถแลกได้ แต่ใครที่ใช้บัตรนี้ต้องเติมเงินเข้าบัตรก่อนจึงสามารถรูดซื้อสินค้าและบริการได้
3.   TMB All Free
อีกหนึ่งตัวเลือกสำหรับนักเดินทาง สำหรับบัตร All Free มีจุดเด่นคือไม่ต้องแลกเงินก่อนแต่สามารถรูดซื้อสินค้าได้ทั่วโลกในอัตราสุดพิเศษ มาพร้อมสิทธิพิเศษด้านประกันเดินทาง หากบัตรหายธนาคารจะออกบัตรใหม่ให้ฟรี และนอกจากใช้งานต่างประเทศได้แล้วยังใช้เบิก-ถอนเงินในประเทศไทยได้อีกด้วย

ใครที่ชอบเดินทางไปต่างประเทศ แนะนำให้สมัครบัตรเดบิตออนไลน์เอาไว้ เพราะปลอดภัย ไม่ต้องพกเงินสด แต่ยังรูดซื้อสินค้าและบริการได้อย่างสะดวก ที่สำคัญยังแลกเงินได้หลายสกุลเงินด้วยอัตราแลกเงินสุดคุ้ม ลดความเสี่ยงเงินสูญหาย นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ บัตรเดบิตประกัน ที่นอกจากใช้ซื้อสินค้าได้แล้วยังพ่วงด้วยประกันการเดินทางที่จะทำให้ทุกการเดินทางของคุณอุ่นใจยิ่งกว่าเดิม

41
หลายคนสงสัยว่าทำไมการโอนเงินต่างประเทศถึงใช้เวลานานแม้จะโอนเงินผ่านแอปธนาคาร วันนี้เราจึงจะพามาดูกันว่า โอนเงินต่างประเทศ swift code ใช้เวลากี่วัน และเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง

Swift Code คืออะไร
โอนเงินไปต่างประเทศ จะมีระบบการโอนอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งการโอนเงินผ่านระบบ Swift  ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะธนาคารหลายประเทศเลือกใช้ระบบการโอนนี้ เนื่องจากมีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือมากกว่าการโอนเงินระบบอื่น โดย Swift ย่อมาจากคำว่า Society for Worldwide Interbank Financial Telecommunication เป็นรหัสของธนาคารที่ใช้ในการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งธนาคารบนโลกมีมากกว่า 1 หมื่นแห่ง ในแต่ละวันมีปริมาณการทำธุรกรรมมหาศาล ระบบ Swift สามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว และมี Swift Code อันเป็นรหัสบ่งบอกธนาคารของผู้รับโอน เช่น เมื่อต้องการโอนเงินจากประเทศไทยเพื่อส่งค่าเล่าเรียนของบุตรในต่างประเทศที่ธนาคาร ABBEY NATIONAL TREAURY SERVICE PLC จะมีตัวอักษรและตัวเลขทั้งหมด 11 ตัว ได้แก่  ANTSGB2LXXX  “ANTS” คือชื่อย่อของธนาคารนี้ “GB” คือประเทศอังกฤษ ส่วน “2L” ระบุที่ตั้งของธนาคารคือลอนดอน สุดท้ายตัวอักษร “XXX” 3 ตัว บ่งบอกว่าเป็นธนาคารสาขาใหญ่ ส่วนใหญ่แล้วธนาคารในประเทศไทยจะไม่ใช้ตัวอักษร XXX เพื่อบอกว่าเป็นธนาคารสาขาใหญ่ จะละไว้เป็นฐานที่เข้าใจ เช่น KRTHTHBK เป็นตัวย่อ Swift Code ของธนาคารกรุงไทยสาขาใหญ่ เลขที่ 35 ถนนสุขุมวิท หรือถ้าเป็นเลขที่สาขาจะเป็น KRTHTHBKSRP ตัวอักษร 3 ตัวท้ายบ่งบอกว่าเป็นธนาคารกรุงไทยสาขาเสียมเรียม ประเทศกัมพูชา ดังนั้น โอนเงินไปต่างประเทศ แต่ละประเทศจะยังใช้ Swift Code บนพื้นฐานของ 8 – 11 ตัวอักษร
ค่าธรรมเนียมและระยะเวลา โอนเงิน swift code ใช้เวลากี่วัน
ค่าธรรมเนียมการโอนเงินต่างประเทศ จะมีการคิดทั้งผู้รับและผู้โอน โดยฝั่งผู้รับธนาคารไทยส่วนใหญ่จะคิดค่าธรรมเนียม 400 บาท แต่ธนาคารกรุงศรีจะคิดค่าธรรมเนียมอยู่ราว 350 บาท ส่วนผู้โอนจะเสียค่าธรรมเนียมสูงกว่าผู้รับ และแต่ละสกุลเงินจะมีการคิดค่าธรรมเนียมแตกต่างกันออกไป เช่น ธนาคารกรุงไทยจะคิดค่าธรรมเนียม 400 + 1,200 บาท สำหรับสกุลเงินยูโรและปอนด์สเตอร์ลิง ในขณะที่ค่าธรรมเนียมของธนาคารกรุงศรีจะอยู่ที่ 1,150 บาท หรือธนาคารกรุงเทพและธนาคารออมสินจะคิดค่าธรรมเนียมผู้โอนเป็น 400 + 0.05% ของจำนวนเงินที่โอนในสกุลเยน อย่างไรก็ตามระยะเวลาในการโอนจะแตกต่างกันออกไป แม้จะโอนเงินด้วยแอปโมบายแบงก์กิ้งยังต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงสำหรับบางสกุลเงิน และช้าสุดจะเป็นสกุลเงินโซนยุโรปที่กว่าเงินจะเข้าอาจใช้เวลาราว 5 วัน
ใช้แอปธนาคารโอนเงินไปต่างประเทศ
โอนเงินต่างประเทศผ่านแอพ สามารถทำได้ไม่ยุ่งยากเพียงใช้ชื่อ ที่อยู่ของผู้รับโอนเป็นภาษาอังกฤษ กรอก Swift Code ของธนาคารผู้รับโอนเพื่อให้ระบุธนาคารรับโอนได้อย่างถูกต้อง และระบุจำนวนเงินที่ต้องการโอน โดยปกติการโอนด้วยแอปธนาคารจะมีฟังก์ชันแปลงค่าเงินให้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้า 2 – 3 แอปเพื่อแปลงค่าเงินไปมาให้ยุ่งยาก
   
ดังนั้นการโอนเงินต่างประเทศจะเสียเวลาการโอนตั้งแต่ 1 ชั่วโมง – 5 วัน มีความผันผวนด้านเวลามาก และค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระหลัก ๆ จะเป็นค่าธรรมเนียมฝั่งผู้รับและผู้โอน ทั้งนี้ต้องศึกษากรณีอื่น ๆ ด้วยว่าจะเสียค่าธรรมเนียมอื่นแฝงด้วยหรือไม่

42
   ในยุคที่การดำเนินชีวิตประจำวันจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่ต้องใช้ GPS การสั่งอาหารที่ต้องใช้แอพ Delivery ของผู้ให้บริการส่งอาหาร หรือการประชุมข้ามแดนที่ต้องอาศัยโปรแกรม Zoom หรือ MS Team เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการใช้ชีวิตในทุกองศา รวมไปถึงการซื้อ-ขายสินค้าหรือบริการที่ต้องมีการ โอนเงินต่างประเทศ ก็ต้องอาศัยการ โอนเงินแบบ swift code ที่เป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก ดังนั้นจะมาทำความรู้จักกับรหัสธนาคาร Swift Code ผู้ช่วยให้การ โอนเงินข้ามประเทศ ทำได้ง่ายขึ้นกัน

   SWIFT Bank Identifier Codes (BIC) หรือ Swift Code เป็นภาษาของระบบ Swift ที่ใช้กันเป็นมาตรฐานของการ โอนเงินswiftcode ระหว่างธนาคารที่ใช้ในการ โอนเงินไปต่างประเทศ swift code ประกอบด้วย
-   รหัสธนาคาร จำนวน 4 หลัก
-   รหัสประเทศ จำนวน 2 หลัก
-   รหัสที่อยู่ธนาคาร จำนวน 2 หลัก
-   รหัสสาขาธนาคารจำนวน 3 หลัก (ถ้ามี)

การ โอนเงินแบบ swift code มายังธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งในประเทศไทย ในกรุงเทพฯ ก็ต้องกรอกรหัสในรูปแบบ เช่น XXXXTHBK ซึ่งให้แทนที่ XXXX ด้วยรหัสชื่อของธนาคาร / TH หมายถึงประเทศไทยส่วน BK หมายถึงกรุงเทพฯ

เรามาดูตัวอย่างจริงกันดังนี้ เวลาที่จะ โอนเงินแบบ swift code มายังธนาคารกรุงไทย ทำได้โดยกรอกรหัส KRTHTHBK ซึ่ง KRTH หมายถึงธนาคารกรุงไทย / TH คือประเทศไทยและ BK คือกรุงเทพฯ โดยทั้งหมดต้องมีการกรอกที่อยู่ของธนาคาร เบอร์โทรศัพท์และ website ของธนาคารอย่างครบถ้วนด้วย โดยกระบวนการทั้งหมดจะใช้เวลาเสร็จสิ้นราว 3 – 5 วัน แต่บางครั้งก็เร็วกว่านั้นขึ้นอยู่กับความแตกต่างด้านเขตเวลาและช่วงเวลาทำการของธนาคารในแต่ละประเทศด้วย

ขั้นตอนและกระบวนการ โอนเงินไปต่างประเทศ swift code ยังมีวิธีการที่สะดวกและรวดเร็วกว่าการดำเนินการผ่านธนาคารด้วยการ โอนเงินต่างประเทศผ่านแอพ อย่างการบริการ โอนเงินไปต่างประเทศ ผ่าน Krungthai Next ผ่าน Krungthai WARP ด้วยการเปิดบัญชี Next Savings ด้วยตัวเองผ่าน Krungthai Next โดยจะสามารถได้รับดอกเบี้ยสูงสุด 1.5% ต่อปี จากนั้นเลือกวิธีการโอนเงินได้ 3 รูปแบบคือ (1) โอนเงินผ่านกระเป๋า Krungthai Inter Wallet (2) โอนเงินผ่านบัญชีเงินฝากสกุลต่างประเทศ (FCD) หรือ (3) บัญชีเงินฝากของธนาคารเปิดบัญชีผ่าน website โดยจะเสียค่าธรรมเนียมโอนเงินต่างประเทศ 55 บาทเมื่อโอนเงินออกจาก Krungthai Inter Wallet หรือบัญชี FCD ด้วยแอปฯ Krungthai NEXT โดยขั้นตอนทั้งหมดสามารถทำได้ด้วยตัวเองบนมือถือตลอด 24 ชั่วโมงในระบบแบบ Real Time ที่สะดวกและรวดเร็วเพราะจะทำธุรกรรมที่ไหนหรือเมื่อไหร่ก็ได้

ทั้งหมดนี้คือประโยชน์ของเทคโนโลยีที่ช่วยเข้ามาอำนวยความสะดวกให้การ โอนเงินข้ามประเทศ ทำได้ง่าย รวดเร็ว มีความปลอดภัย จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพราะอะไรวิธีการโอนเงินแบบ Swift Code นี้ถึงได้รับความนิยมอย่างเป็นสากลทั่วโลก

43
ปัจจุบันมีการลงทุนหลากหลายแบบให้เลือก หนึ่งในประเภทการลงทุนที่กำลังได้รับความนิยมคือ กองทุนรวม เนื่องจากการ ลงทุนกองทุนรวม มีข้อดีหลายอย่าง และสามารถเข้าถึงกลุ่มคนจำนวนมากได้ดี แต่ก่อนจะเปิดเผยข้อดีต่าง ๆ ของการลงทุนใน กองทุน เราจะพาไปทำความรู้จักกับการลงทุนประเภทนี้ให้มากขึ้นอีกสักหน่อย

กองทุนรวม คือ การรวบรวมเงินลงทุนจากนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก เพื่อนำมาลงทุนตามนโยบายที่ กองทุน นั้น ๆ กำหนดไว้ เช่น นโยบายกำหนดให้ลงทุนในตราสารหนี้ 50% ตราสารทุน 50% ผู้จัดการกองทุนซึ่งเป็นมืออาชีพด้านนี้จะมีหน้าที่บริหารจัดการกองทุนตามนโยบายดังกล่าว โดยนักลงทุนหนึ่งรายสามารถ  ลงทุนกองทุนรวม ได้หลายกองในเวลาเดียวกัน และยังสามารถแบ่งสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสไตล์การลงทุนได้อย่างอิสระ
 
ข้อดีของการ ซื้อกองทุน
1.   ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
เงินลงทุนขั้นต่ำของหลายกองเริ่มต้นหลักร้อยหลักพันเท่านั้น หมายความว่าผู้สนใจลงทุนไม่จำเป็นต้องรวบรวมเงินหลักหมื่นหลักแสนหรือหลักล้านมาลงทุน การเริ่มต้นลงทุนในกองทุนเหล่านี้จึงกลายเป็นเรื่องง่าย หากตั้งใจจะเริ่มต้นก็สามารถเริ่มต้นลงทุนได้ทันที
2.   เลือกนโยบายการลงทุนได้หลากหลาย
สไตล์การลงทุนของแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนอาจรับความเสี่ยงได้สูงเพื่อแลกกับผลตอบแทนที่มีโอกาสจะได้รับกลับมาสูงกว่า บางคนอาจรับความเสี่ยงได้ต่ำ-ปานกลาง เน้นรักษาเงินต้น ต้องการผลตอบแทนในระดับชนะเงินเฟ้อหรือได้รับผลตอบแทนกองทุนรวมมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ซึ่งกองทุนต่าง ๆ ที่มีอยู่ในท้องตลาดสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างหลากหลาย นักลงทุนสามารถเลือกให้เหมาะกับสไตล์การลงทุนของตัวเองได้อย่างอิสระ
3.   ได้รับประโยชน์ทางภาษี
จะมีกองทุนรวมอยู่ 2 ประเภทที่ให้ผลประโยชน์ด้านภาษี นั่นคือ SSF และ RMF โดยผู้ลงทุนในกองทุนประเภทใดประเภทหนึ่งหรือทั้งสองประเภทจะสามารถนำเงินลงทุนไปบันทึกลดหย่อนภาษีได้ แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของกองทุนนั้น ๆ เช่น ต้องถือครอง SSF ครบ 10 ปี ถือ กองทุนrmf จนอายุครบ 55 ปี แล้วจึงขายหน่วยลงทุนออกไป หากถือครองไม่ครบระยะเวลาผลประโยชน์ด้านภาษีก็จะถือเป็นโมฆะไป ผู้ลงทุนจึงควรศึกษาข้อกำหนดและเงื่อนไขของกองทุนทั้ง 2 ประเภทให้ดีก่อนตัดสินใจ
4.   สภาพคล่องดี ใช้เวลาขายหน่วยลงทุนไม่นาน
แต่ละกองทุนจะมีข้อกำหนดเกี่ยวกับการซื้อ-ขายหน่วยลงทุนระบุไว้ หากผู้ลงทุน ซื้อกองทุน ไปแล้วต้องการขายหน่วยลงทุนเพื่อรับเงินคืนคล้ายกับการฝากเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์แล้วต้องการถอนเงินออกก็สามารถทำได้ ในอดีตอาจใช้เวลาหลายวันทำการกว่าจะได้รับเงินโอนกลับเข้าบัญชี แต่ปัจจุบันระยะเวลาที่ใช้ลดลง บางกองทุนใช้เวลาเพียง 1 วันทำการเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องสูงทีเดียว
5.   เหมาะกับการลงทุนแบบ DCA
การลงทุนแบบ DCA หรือ Dollar Cost Average คือการทยอยลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยไม่สนใจว่าตลาดในขณะนั้นจะขึ้นหรือลง เป็นวิธีการลงทุนที่ง่ายแต่มีประสิทธิภาพเนื่องจากผู้ลงทุนในลักษณะนี้จะได้รับผลตอบแทนอยู่ในระดับกลาง ๆ แม้จะไม่ได้กำไรแบบหวือหวา แต่เมื่อตลาดเป็นขาลงก็จะไม่ขาดทุนหนัก เหมาะกับผู้ลงทุนที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดมากนัก และต้องการลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ผู้สนใจลงทุนในกองทุนรวมสามารถทดลองซื้อผ่านแอปธนาคารที่ตนเองมีบัญชีอยู่ หรือจะนำบัตรประชาชนและสำเนาสมุดบัญชีธนาคารที่ต้องการให้โอนเงินเข้าไปเปิดบัญชีกองทุนรวมที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทนายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุนที่ตนเองสะดวกได้เลย ถือว่าสะดวกมาก ๆ

44
        สกินแคร์ในปัจจุบันแตกแขนงออกมาหลากหลายแบบ ทำให้หลายคนเกิดความสับสนและสงสังว่าสกินแคร์ตัวไหนที่เหมาะกับผิวหน้าเรา มีสรรพคุณในการบำรุงอย่างไร ใช้ตัวไหนก่อนดี โดยเฉพาะตัวที่มีลักษณะคล้ายกันมาก ๆ อย่างโทนเนอร์และ น้ำตบ ที่หลายคนสงสัยว่าต่างกันอย่างไร

รู้จักความแตกต่างของน้ำตบและโทนเนอร์
โดยสกินแคร์ทั้ง 2 ตัวนี้แตกต่างในเรื่องวัตถุประสงค์และการทำหน้าที่ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้
น้ำตบ เป็น Essence มีสารสกัดที่ทรงประสิทธิภาพในด้านการช่วยบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิว ช่วยในเรื่องความชุ่มชื้นและกระจ่างใส ตลอดจนปรับสมดุลของสภาพผิวเพื่อให้พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไปแม้จะมีเนื้อสัมผัสที่บางเบา เน้นการทำหน้าที่บำรุงผิวเป็นหลัก เติมความชุ่มชื้นให้กับผิวโดยไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ
โทนเนอร์ (Toner) เป็นสกินแคร์ที่เน้นการทำหน้าที่ทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก โดยต้องใช้เป็นขั้นตอนแรกหลังจากล้างทำความสะอาดผิวหน้า โทนเนอร์จะช่วยทำความสะอาดสิ่งตกค้างเป็นรอบสุดท้ายพร้อมผลัดเซลล์ผิวเก่า และยังทำหน้าที่ช่วยปรับค่า pH ของผิวให้อยู่ในสภาพที่สมดุลก่อนที่จะเริ่มขั้นตอนการบำรุง   
          แต่วิธีการใช้นั้นก็ค่อนข้างแตกต่าง เพราะโทนเนอร์จะต้องใช้คู่กับสำลีเป็นหลักเพื่อทำความสะอาดผิว แต่กรณีของ น้ำตบ นั้นสามารถใช้ทาด้วยมือโดยตรง โดยการเทน้ำตบใส่ฝ่ามือแล้วใช้มือทั้งสองข้างถูไปมาเพื่อเป็นการวอร์มผลิตภัณฑ์ก่อนตบลงบนใบหน้าและบริเวณลำคออย่างเบามือ หรือจะใช้วิธีเทบนสำลีให้ชุ่มแล้วจึงนำไปทาบริเวณผิวหน้าและลำคออย่างเบา ๆ ให้ทั่ว หรือใช้ฉีดแบบสเปรย์ให้ห่างจากใบหน้าประมาณ 1 ฟุต เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างสะดวกง่ายดาย หรือใช้แบบการมาสก์หน้าโดยการนำสำลีหรือเม็ดมาสก์หน้าไปแช่ในน้ำตบจนชุ่มแล้วนำมามาสก์ปิดใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เพื่อให้สารทรงประสิทธิภาพในน้ำตบเข้าช่วยฟื้นฟูและปรับสมดุลของสภาพผิวได้อย่างล้ำลึก  ดังนั้นหากต้องการดูแลผิวอย่างล้ำลึกและฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องเลือกน้ำตบที่ช่วยในการปรับสภาพผิวได้อย่างเต็มที่   

น้ำตบยี่ห้อไหนดี 
         นอกจากปัญหาผิวของเราแล้ว ยังต้องพิจารณาด้วยว่าสภาพผิวมีปัญหาระคายเคืองหรือแพ้ง่ายหรือไม่ก่อนจะเลือกซื้อน้ำตบ เพราะหากผิวมีความบอบบาง แพ้ง่าย ควรเลือกน้ำตบ ของ ELCA ที่มีส่วนผสมอ่อนโยน ไม่เป็นกรดเข้มข้นหรือเป็นเบสที่สูงเกินไป
La Mer The Treatment Lotion โลชั่นบำรุงผิวหน้าสูตรน้ำจาก La Mer พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ดีกับผู้ที่มีปัญหาผิวบอบบางและแพ้ง่าย ทั้งยังให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ทันทีหลังใช้ ที่สำคัญยังสามารถลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ผิวเปล่งประกายขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lamer.co.th/product/11484/99912/prep/the-treatment-lotion

45
น้ำตบ สกินแคร์มาแรงที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวและช่วยให้สารบำรุงผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่คนที่มีสภาพผิวแพ้ง่าย ผิวธรรมดา ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม ต่างก่มีการเลือกแตกต่างกัน เรามีเทคนิคการเลือกน้ำตบให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละประเภท และแถมท้ายด้วยวิธีการใช้ที่ถูกต้อง เพื่อให้ทุก ๆ คนได้ผลลัพธ์ผิวอย่างที่ต้องการกันค่ะ
   โดย น้ำตบ เป็นสกินแคร์ที่มีลักษณะเป็นน้ำหรือกึ่งน้ำ มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมสู่ผิวได้ง่าย ใช้เพื่อเติมความชุ่มชื้นให้ผิว และเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไป
   โลชั่นน้ำตบ มีชื่อเรียกต่าง ๆ แล้วแต่การตั้งชื่อของแต่ละยี่ห้อ เช่น Treatment Lotion Essence, Water Essence, Pre-Serum เป็นต้น แต่ไม่ว่าจะเรียกชื่ออะไร สรรพคุณของน้ำตบก็คือการให้ความชุ่มชื้นผิว การเลือกน้ำตบให้เหมาะกับแต่ละสภาพผิว ดังนี้
-   ผิวมัน เลือกน้ำตบเนื้อบางเบา ให้ความชุ่มชื้นกับผิว โดยไม่เพิ่มความมัน
-   ผิวแห้ง เลือกน้ำตบที่ให้ความชุ่มชื้นมากเป็นพิเศษเพื่อฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง
-   ผิวผสม เลือกน้ำตบที่มีความเข้มข้นระดับปานกลางเพื่อช่วยทำให้ผิวแห้งอิ่มฟูและไม่ทำให้ผิวมันชุ่มชื้นเกินไป
-   ผิวแพ้ง่าย เลือกน้ำตบที่ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดการแพ้ 
-   ผิวธรรมดา เลือกน้ำตบได้ทุกแบบทุกประเภทตามความชอบ
เมื่อเลือก น้ำตบ ได้แล้ว เรามาดูวิธีการใช้น้ำตบอย่างถูกวิธี
1.   ใช้น้ำตบหลังล้างหน้าเสร็จใหม่ ๆ หรือหลังล้างหน้าหากใช้โทนเนอร์ให้ใช้น้ำตบหลังจากเช็ดด้วยโทนเนอร์แล้ว ช่วงที่ผิวหน้ายังหมาดอยู่นั้นเป็นช่วงที่ผิวพร้อมรับการบำรุง ผิวจะดูดซับความชุ่มชื้นและสารบำรุงผิวได้ดี การใช้น้ำตบในช่วงนี้ทำให้น้ำตบถูกดูดซึมได้ดีที่สุด
2.   เทน้ำตบลงบนฝ่ามือและถูมือไปมาเพื่อให้น้ำตบอุ่นขึ้น จากนั้นนำฝ่ามือกดลงบนผิวหน้าอย่างเบามือให้ทั่วใบหน้า น้ำตบที่อุ่นขึ้นจะช่วยให้ซึมลงผิวได้ดีกว่า
3.   รอสักพักเพื่อให้น้ำตบซึมลงผิว จากนั้นลงเซรั่มและมอยส์เจอไรเซอร์ต่อได้เลย เซรั่มกับมอยส์เจอไรเซอร์จะซึมลงสู่ผิวได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
กำลังมองหา น้ำตบยี่ห้อไหนดี ผิวแพ้ง่าย หรือผิวประเภทไหนก็ใช้ได้ดี เราขอแนะนำน้ำตบ ของ ELCA ขวดเขียวในตำนาน ขวดเดียวเอาอยู่ทุกสภาพผิวอย่าง La Mer The Treatment Lotion ที่ช่วยปลอบโยนทุกสภาพผิวด้วยคุณค่าสารสกัดจากธรรมชาติที่มอบความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ตั้งแต่การใช้ครั้งแรก La Mer The Treatment Lotion ใช้ดีสำหรับผิวแพ้ง่ายและทุกสภาพผิว ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า ผิวแลดูกระจ่างใส และทำให้ผิวแข็งแรง
สัมผัสความชุ่มชื้นผิวของตัวคุณเองได้ที่เคาน์เตอร์ La Mer ทั่วประเทศ หรือคลิก https://www.lamer.co.th พร้อมรับของสมนาคุณ ฟื้นฟูผิวให้สวยไปอีกนาน ๆ

46
ปัจจุบันต้องยอมรับว่า “ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล” ได้กลายเป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญแม้ว่าตัวเองจะมีสิทธิการรักษาพยาบาลพื้นฐานจากภาครัฐหรือสวัสดิการจากการประกอบอาชีพอยู่แล้วก็ตาม จนหัวข้อคำค้น ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลที่ไหนดี หรือ ประกันอุบัติเหตุที่ไหนดี กลายเป็นคำค้นยอดฮิตที่ถูกค้นหากันอยู่ตลอดเวลา แต่ควรเลือกประกันอุบัติเหตุอย่างไรหรือซื้อที่ไหนดี วันนี้เรามีคำตอบมาฝาก

•   เลือกประกันอุบัติเหตุจากวงเงินประกัน
สำหรับคนที่กำลังสงสัยว่าจะซื้อ ประกันป้องกันอุบัติเหตุ แบบไหนดี ในเบื้องต้นให้พิจารณาจากวงเงินประกัน โดยเฉพาะคนที่มีความเสี่ยงสูง อย่างเดินทางด้วยรถยนต์ทุกวัน ประกอบอาชีพที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดบ่อยครั้ง หรือขับขี่รถจักรยานยนต์เป็นประจำ ควรเลือกประกันอุบัติเหตุที่มีวงเงินประกันสูงและครอบคลุมอุบัติเหตุทุกประเภท เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและลดความกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลทุกครั้งที่เข้ารับการรักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ
•   เลือกประกันอุบัติเหตุจากสิทธิประโยชน์
นอกจากความคุ้มครองการรักษาพยาบาลแล้ว ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลยังมาพร้อมเงินชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะ กรณีทุพพลภาพถาวรชั่วคราว กรณีทุพพลภาพถาวร และกรณีเสียชีวิต ปัจจุบันกรมธรรม์ส่วนใหญ่ยังมาพร้อมสิทธิการรักษาพยาบาลแบบ OPD (Out Patient Department) หรือการเข้ารับการรักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอกเพิ่มเติมตามจำนวนครั้งที่บริษัทประกันภัยกำหนดไว้อีกด้วย เพราะฉะนั้นหากต้องการให้ความคุ้มครองครอบคลุมทุกการเจ็บป่วยควรพิจารณาเงื่อนไขความคุ้มครองอย่างละเอียด ทั้งความคุ้มครองตามเงื่อนไขและความคุ้มครองที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยเพิ่มเติม
•   เลือกประกันอุบัติเหตุให้สอดคล้องอาชีพ
หากไม่สามารถเลือกได้ว่าจะทำประกันอุบัติเหตุแบบไหนดี การเลือกประกันให้เหมาะสมกับอาชีพก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น อย่างถ้าประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เดินทางขับรถอยู่ตลอดเวลา ควรเลือกประกันที่มีวงเงินค่ารักษาพยาบาลและเงินชดเชยสูง แต่กรณีที่ประกอบอาชีพที่มีความเสี่ยงต่ำ ควรเลือกประกันอุบัติเหตุที่ครอบคลุมในส่วนของการรักษาพยาบาลแบบ OPD เพื่อให้ครอบคลุมการรักษาพยาบาลในฐานะผู้ป่วยนอกด้วย อย่างไรก็ตามการประกอบอาชีพบางประเภทที่มีความเสี่ยงสูง อย่างอาชีพไรเดอร์ พนักงานขับรถส่งสินค้า ชาวประมง พนักงานก่อสร้าง พนักงานดับเพลิง หรือพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรม ที่ไม่สามารถทำประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลได้ แต่สามารถทำประกันอุบัติเหตุกลุ่มภายใต้องค์กรได้

จากข้อมูลการเลือกประกันอุบัติเหตุหลายคนคงรู้แล้วว่าเหตุผลหลัก ๆ ที่ควรทำประกันอุบัติเหตุคือ เพิ่มโอกาสในการเข้ารับการรักษาพยาบาลเมื่อประสบอุบัติเหตุ อีกทั้งยังมีเงินชดเชยกรณีเกิดเหตุไม่คาดฝัน ดังนั้นหากกำลังมองหาประกันอุบัติเหตุ แต่ยังไม่รู้จะทำ ประกันที่ไหนดี แนะนำประกันอุบัติเหตุของกรุงไทย ซึ่งมีทั้งประกันอุบัติเหตุ PA ครอบครัวสุขใจที่เหมาะกับหัวหน้าครอบครัวให้ความคุ้มครองสูงสุด 1 ล้านบาท ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล PA Super Protection Plus ที่ให้ความคุ้มครองสูงถึง 20 ล้านบาท พร้อมเงินชดเชยรายได้ถึง 365 วัน และประกันอุบัติเหตุสุขใจวัยเก๋าที่เหมาะกับกลุ่มผู้สูงอายุด้วยเบี้ยประกันราคาถูกแต่วงเงินคุ้มครองสูง ประกันสุขภาพเด็ก และ ประกันสะสมทรัพย์ช่วยลดหย่อนภาษี ก็มีบอกเลยว่าครบกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

47
   ความนิยมดื่มกาแฟมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไม่มีหยุด นั่นจึงทำให้เราได้เห็นร้านกาแฟสดกระจายตัวอยู่ทั่วทุกแห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการบริโภค แต่ก็มีคอกาแฟจำนวนไม่น้อยมองหา เครื่องชงกาแฟสด มาติดไว้ที่บ้านเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว เพราะไม่อยากออกไปซื้อกาแฟนอกบ้าน แต่ เครื่องชงกาแฟสด  ก็มีหลายประเภท มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน ซึ่งคอกาแฟควรต้องรู้ก่อนตัดสินใจเลือกหามาไว้ใช้ 
 
เปิดลิสต์จุดเด่นของ 3 ประเภทเครื่องชงกาแฟที่ถูกเลือกใช้ในบ้านและเครื่องชงกาแฟในออฟฟิศ
1.   เครื่องชงกาแฟสด
ปัจจุบันมีหลายแบบตามความนิยม เพราะนอกจากจะสะดวกแล้วเครื่องชงกาแฟแบบนี้ยังมีความหลากหลายอีกด้วย อาทิ เครื่องชงกาแฟสดแบบดริป ซึ่งเป็นการชงกาแฟแบบใช้น้ำร้อนจัดเทลงในเหยือกกรองที่ขังกาแฟ ให้น้ำกาแฟค่อย ๆ ไหลผ่านแผ่นกรองลงมาเป็นหยดน้ำ, เครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ เป็นเครื่องที่ใช้ความดันไอน้ำไปทำให้กาแฟเดือด จากนั้นจึงบ่มเอารสชาติของกาแฟออกมาให้มากที่สุด 
2.   เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ 
เป็นเครื่องชงกาแฟที่ให้ความสะดวกรวดเร็วและมีความเสถียรของรสชาติกาแฟอีกด้วย เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ นี้มีขั้นตอนการทำงานที่ไม่ยุ่งยากเพียงเติมน้ำใส่แท็งก์ในระดับที่กำหนด ใส่เมล็ดกาแฟลงไปในเครื่อง เลือกเมนูเครื่องดื่มที่ต้องการ แล้วกดปุ่มให้เครื่องทำงานก็จะได้กาแฟสดแก้วโปรดมาดื่มในเวลาอันรวดเร็ว เครื่องชงกาแฟแบบนี้เหมาะมากสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟสดแต่ไม่ต้องการขั้นตอนการเตรียมที่ยุ่งยากซับซ้อน
3.   เครื่องทํากาแฟแคปซูล
เครื่องชงกาแฟแคปซูลเหมาะกับการใช้งานในบ้านพักและสำนักงาน ซึ่งไม่ต้องการชงกาแฟทีละมาก ๆ ทั้งยังมีเมนูกาแฟที่หลากหลายเป็นทางเลือกให้กับคอกาแฟ เป็นเครื่องที่ต้องใช้คู่กับกาแฟบดที่ถูกบรรจุไว้ในแคปซูล โดยเฉพาะแคปซูลกาแฟของ Nespresso ที่ได้รับความนิยมสูงมากเพราะความหลากหลายของรสชาติและกลิ่นกาแฟ อาทิ ผู้ที่ชื่นชอบกาแฟสดที่มีกลิ่นของเครื่องเทศด้วยนั้นก็สามารถเลือกเป็นแคปซูลกาแฟชนิด Master Origin India ก็จะได้รสชาติของกาแฟโรบัสต้าอินเดียและกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่กลมกลืนกันอย่างลงตัว
สำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูลของ Nespresso ก็มีฟังก์ชั่นหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใช้งานได้อย่างลงตัว อาทิ รุ่น Vertuo Pop มีขนาดกะทัดรัดและสามารถเชื่อมต่อการสั่งการทำงานกับBluetooth และ Wi-Fi ช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็ว หรือ รุ่น Vertuo Next Deluxe มีรูปทรงที่ทันสมัย มาพร้อมกับ Centrifusion  เทคโนโลยีในการชงกาแฟด้วยแรงเหวี่ยงความเร็วสูง เพื่อช่วยดึงรสชาติของกาแฟและทำให้เกิดชั้นฟองเครมม่านุ่มละมุน เป็นต้น

3 เครื่องชงกาแฟสดนี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำหรือสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ คอกาแฟจึงสามารถเลือกซื้อมาเพิ่มความลงตัวและสะดวกสบายได้ไม่ยาก 

ชมรายละเอียดที่
https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo
https://www.nespresso.com/pro/th/th/order/machines/pro
https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo
https://www.nespresso.com/th/th/order/capsules/vertuo

48
เชื่อว่าหลายคนคงมี เมนูกาแฟ โปรดในใจอยู่แล้ว แต่ถ้าเมนูดังกล่าวสามารถชงได้ด้วยตนเองคงจะดียิ่งขึ้น จะได้ไม่ต้องเสียตังซื้อจากร้านกาแฟ Nespresso เลยมาเปิดเผย สูตรชง กาแฟร้อนและ สูตรกาแฟเย็น ให้ได้ไปลองลิ้มรสกัน
สูตรชง กาแฟร้อนยอดนิยม
1. อเมริกาโนร้อน กาแฟร้อนความเข้มข้นของกาแฟแบบพอดีผสมน้ำร้อนในอัตราส่วนที่เหมาะสมก็จะได้ อเมริกาโนร้อน ตามที่ต้องการ แต่ด้วยวิธีการชงกาแฟให้อร่อยขอแนะนำให้ ใส่น้ำร้อนในแก้วกาแฟก่อนประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณแก้ว จากนั้นค่อยกลั่นกาแฟจากกาแฟแคปซูลรสชาติที่ต้องการในแบบเอสเปรสโซ 1 ช็อตหรือปริมาณตามใจชอบแต่ไม่ควรเกิน 40 มล. ลงไปในแก้วกาแฟที่มีน้ำร้อนอยู่ ด้วยเทคนิคนี้จะทำให้คุณเห็นครีม่าสวย ๆ จากการกลั่นของกาแฟลอยอยู่บนหน้าสุดของกาแฟนั่นเอง
2. เอสเปรสโซ มัคคิอาโต้ เมนูกาแฟ เอสเปรสโซพร้อมฟองนมหนานุ่มน่าสัมผัสนี้ มีวิธีการชงที่ง่ายมาก เพียงนำนมสดมาปั่นด้วยเครื่องทำฟองนม Aeroccino  เลือกกาแฟแคปซูลรสชาติที่ต้องการ นำไปเข้าเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ กลั่นเป็นกาแฟเอสเปรสโซออกมาใส่ในแก้ว ตักฟองนมหนานุ่มมาตกแต่งเป็นท็อปปิ้งให้แก้วกาแฟสุดโปรดของคุณ เพียงเท่านี้ก็ได้ลิ้มลองกาแฟเอสเปรสโซ มัคคิอาโต้ได้แล้ว
3. สูตรชงคาปูชิโน่เย็นเป็นหนึ่งใน เมนูกาแฟ ที่ความหอมและความมันของนมสดอีกด้วย สำหรับวิธีการชงกาแฟคาปูชิโน่นั้นทำไม่ยากสามารถทำได้เองง่าย ๆ ที่บ้านหรือจะเลือกกดเมนูจากเครื่องชง Lattissima One หรือเครื่อง Atelier แบบอัตโนมัติได้ในทันที เตรียมกาแฟแคปซูลรสชาติใดก็ได้, น้ำตาลและนมสดเย็น 50-70 มล. ตีฟองนมด้วยเครื่องที่ตีฟองนม Aeroccino โดยปั่นฟองนมให้หนานุ่มตามต้องการ จากนั้นนำกาแฟแคปซูลใส่เครื่องชงกาแฟกลั่นออกมาให้ได้น้ำกาแฟประมาณ 40 มล. เติมน้ำตาลตามใจชอบ เทนมสดที่ตีฟองนมแล้วใส่ในแก้วกาแฟ ตกแต่งด้วยฟองนมความต้องการ จากนั้นก็ดื่มด่ำกับกาแฟ cappuccino ถ้วยโปรดตามที่ต้องการได้เลย
เมนูกาแฟข้างต้นชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟ ที่ให้ความสะดวก รวดเร็ว สามารถทำเมนูกาแฟได้หลากหลายและที่สำคัญชงดื่มได้ มีกาแฟแคปซูลให้เลือกมากถึง 25 รสจากหลายแหล่งผลิต เช่น นิคารากัว, อินโดนีเซีย, อินเดีย, โคลัมเบีย ที่แหล่งผลิตล้วนเป็นต้นกำเนิดของกาแฟชื่อดัง นอกจากนี้ยังมีในส่วนของกาแฟที่ปรุงแต่งด้วยบาริสต้ามืออาชีพให้คุณได้สัมผัสและลิ้มลองในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อนอีกด้วย  สำหรับใครที่สนใจรายละเอียดเครื่องชงกาแฟแคปซูล สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.nespresso.com/th/

ชมรายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.nespresso.com/th/th/what-is-cappuccino

https://www.nespresso.com/th/th/aeroccino-accessories-collection

https://www.nespresso.com/th/th/what-is-cappuccino

49
กาแฟแคปซูล นวัตกรรมที่ตอบรับไลฟ์สไตล์คอกาแฟรุ่นใหม่ด้วยความสะดวกสบาย ใช้งานง่าย ประหยัดเวลา แต่ยังคงคุณค่าของกลิ่น รส และ ประโยชน์ของกาแฟ แท้ไว้คงเดิม จึงไม่น่าแปลกใจที่ในปัจจุบันจะได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ดื่มกาแฟเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

กาแฟแคปซูล คืออะไร?
กาแฟแคปซูล คือกาแฟแท้ที่ผ่านการคั่วบดแล้วและถูกบรรจุอยู่ในแพ็กเกจที่มีลักษณะคล้ายถ้วยขนาดเล็ก ปิดสนิทด้วยฝาฟอยล์จึงมองดูเหมือนเป็นแคปซูล โดยแผ่นฝาฟอยล์ที่ใช้ซีลนั้นมีคุณสมบัติพิเศษในการกักเก็บกลิ่น รส  และสารอาหารที่มี ประโยชน์ของกาแฟ เอาไว้ได้ดี เมื่อนำมาชงดื่มจึงยังคงรักษาอรรถรสและเสน่ห์ของกาแฟแท้เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งหนึ่งแคปซูลใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งและต้องใช้คู่กับเครื่องชงกาแฟแคปซูลเท่านั้น
สำหรับวิธีการใช้งานก็ง่ายมาก เพียงแค่เลือก แคปซูลกาแฟ ที่มีรสชาติตามต้องการแล้วนำไปใส่ในเครื่องชงกาแฟแคปซูล กดปุ่มเลือกเมนู รอไม่นานก็จะได้ดื่มกาแฟหอมกรุ่นที่แสนจะกลมกล่อมเหมือนมีบาริสต้าส่วนตัวมาชงให้ 

เลือก แคปซูลกาแฟ อย่างไรให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การดื่ม?
ในท้องตลาดมีกาแฟแคปซูล specialty coffee ของ Nespresso มากมายหลายชนิดจึงอาจจะยากต่อการตัดสินใจเลือกซื้อ สิ่งสำคัญอันดับแรกที่ควรพิจารณา นั่นคือ เลือกขนาดที่เหมาะสมกับเครื่องชง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแคปซูลกาแฟจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ขนาด ได้แก่ 13x13x38 เซนติเมตร และขนาด 12x12x34 เซนติเมตร จากนั้นใช้เกณฑ์ความชอบในการตัดสินใจเลือก อาทิ ระดับความเข้มข้นของกาแฟ (คั่วเข้ม คั่วกลาง หรือคั่วอ่อน) กลิ่น (กลิ่นกาแฟเข้มข้น กลิ่นหอมละมุน กลิ่นผลไม้/ดอกไม้) เลือกจากปริมาณของกาแฟที่ต้องการสกัด (40 มล. 80 มล.150 มล. หรือ 230 มล.) นอกจากนี้ยังสามารถเลือกได้จากคุณลักษณะเฉพาะของกาแฟ อาทิ แหล่งที่ปลูก การเบลนด์ ส่วนผสมพิเศษ เป็นต้น

3 สูตรกาแฟแสนอร่อยที่คุณทำเองได้ง่าย ๆ อร่อยแน่ไม่แพ้คาเฟ่
1.   เอสเพรสโซ่ – ESPRESSO
เป็นเมนูเบสิกสุด ง่ายสุด เพียงแค่นำแคปซูลกาแฟใส่ลงไปในเครื่องชงกาแฟแคปซูล กดเลือกเมนูเอสเพรสโซ่ รอสกัดประมาณ 1 นาที ก็จะได้ดื่มเอสเพรสโซ่เข้มข้นหอมกรุ่นกลมกล่อม
2.   เอสเพรสโซ่ มัคคิอาโต้ - ESPRESSO MACCHIATO     
รสชาติเข้มข้นของเอสเพรสโซ่รวมกับความละมุนเนียนนุ่มจากฟองนมช่วยปลุกพลังความสดชื่นในช่วงเช้าได้เป็นอย่างดี เริ่มจากการเตรียมฟองนมโดยใช้เครื่องทำฟองนม Aeroccino หรืออุปกรณ์ทำฟองนมอื่น ๆ จากนั้นใส่ แคปซูลกาแฟ เอสเพรสโซ่ (40 มล.) ลงไปในเครื่องชง กดเลือกเมนูเอสเพรสโซ่ เมื่อได้ช็อตกาแฟเรียบร้อยเติมความหวานได้ตามชอบ จากนั้นตักฟองนมที่เตรียมไว้ท็อปด้านบน พร้อมเสิร์ฟ
3.   กาแฟเย็น - ICED AMERICANO
เติมความสดชื่นในช่วงบ่ายที่แสนจะร้อนอบอ้าว ด้วยความเข้มข้นของกาแฟแท้ที่มาในรูปแบบของเครื่องดื่มเย็น อย่าง ICED AMERICANO เตรียมน้ำแข็งก้อนใส่ลงในแก้วทรงสูง สกัดกาแฟโดยเลือกใช้แคปซูลกาแฟที่มีความเข้มข้นสูง (ยกตัวอย่างเช่น Kazaar  จาก NESPRESSO) 2 แคปซูล เติมน้ำเย็นเล็กน้อย คนให้เข้ากัน พร้อมเสิร์ฟ

50
เมื่อพูดถึงเมนูกาแฟยอดฮิต cappuccino ของ Nespresso ไม่หลุดโพลแน่นอน ซึ่งหลายคนมักจะสับสนกับกาแฟลาเต้ เนื่องจากกาแฟนมสองเมนูนี้คล้ายกันมาก เป็นกาแฟที่มีฟองนมด้านบนเหมือนกัน แต่รสชาติต่างกันแน่นอน คาปูชิโน่ มีรสชาติเข้มข้นและกลมกล่อมมากกว่าและมีสัดส่วนของนมน้อยกว่าแต่มีฟองนมข้างบนมากกว่า บางร้านก็โรยตกแต่งด้วยผงช็อกโกแลตด้านบนอีกด้วย วันนี้เราขอนำเสนอวิธีทำกาแฟร้อน และ กาแฟเย็น ให้หอมเข้มข้นด้วย เครื่องทำกาแฟสด ซึ่งเป็นตัวช่วยทำเมนูกาแฟที่ชื่นชอบได้เองที่บ้าน ทั้งสะดวกและประหยัดกว่าซื้อที่ร้าน ไปดูกันเลย

ส่วนผสม คาปูชิโน่ร้อน
1.   กาแฟแคปซูลเอสเพรสโซ่ 1 แคปซูล (40 มล. /1.5 ออนซ์)
2.   นมสด
3.   ผงโกโก้

วิธีทำ คาปูชิโน่ร้อน
1.   ใช้เครื่องทำกาแฟ กดกาแฟแคปซูลเอสเพรสโซ ปริมาณ 40 มล. หรือ 1.5 ออนซ์ ลงในถ้วยที่เตรียมไว้ โดยกาแฟแคปซูลที่แนะนำ ได้แก่ Capriccio ที่มีกลิ่นของธัญพืช และรสเปรี้ยวอ่อน ๆ , Volluto กาแฟอาราบิก้า ที่มีความหอมหวานและละมุน, Cosi กลิ่นหอมละมุนของการคั่วและกลิ่นฟรุตตี้
2.   ตีฟองนมโดยใช้หัวฉีดไอน้ำจนนมขึ้นฟองหนา
3.   เทฟองนมใส่แก้วกาแฟที่เตรียมไว้
4.   โรยผงโกโก้ไว้ด้านบนของฟองน้ำ
5.   เสร็จพร้อมเสิร์ฟ บอกเลยว่าง่ายมาก ๆ

สูตรคาปูชิโน่เย็น ของ Nespresso
1.   กาแฟแคปซูลเอสเพรสโซ่ 2 แคปซูล
2.   นมข้นหวาน 1 ออนซ์ / 30 มล.
3.   นมข้นจืด 0.5 ออนซ์ /15 มล.
4.   ผงโกโก้
5.   น้ำแข็ง
วิธีทำคาปูชิโน่เย็น
1.   ชงกาแฟเอสเพรสโซ 2 แคปซูล ปริมาณ 40 มล. หรือ 1.5 ออนซ์ ด้วย เครื่องทำกาแฟสด กาแฟแคปซูลที่แนะนำ ได้แก่ Arpeggio ที่มีรสชาติเข้มข้น กลิ่นโกโก้ที่หอมละมุนและกลิ่นพันธุ์ไม้, Kazaar กาแฟกลิ่นไม้ที่มีรสเข้มข้นเป็นพิเศษ, Ispirazione Roma กาแฟรสชาติเข้มกลมกล่อมที่แฝงด้วยความเปรี้ยวแบบกำลังดี
2.   เตรียมนมใส่เหยือกแล้วนำไปแช่เย็นทิ้งไว้ทั้งเหยือก
3.   ตีฟองนมที่เตรียมไว้ให้เป็นโฟมนุ่มสวย
4.   ใส่น้ำแข็งลงไปให้เต็มแก้ว เทกาแฟเอสเพรสโซที่เตรียมไว้ เติมนมข้นหวานและนมข้นจืดลงในแก้ว คนให้ส่วนผสมเข้ากัน
5.   เทฟองนมที่เตรียมไว้
6.   โรยผงโกโก้บนฟองนม
7.   เสร็จพร้อมเสิร์ฟ

รสชาติของกาแฟ คาปูชิโน่ นั้นกลมกล่อมหวานมัน แค่ใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูล ก็สามารถทำได้ทั้งกาแฟร้อน และ กาแฟเย็น ใครที่เป็นแฟนตัวยงของเมนูนี้และชอบดื่มกาแฟผสมนมรสชาติหวานละมุน แต่ยังคงมีรสชาติความเข้มข้นของกาแฟอยู่ด้วย บอกเลยว่าห้ามพลาด

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7