ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - nemophilanie

หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7
51
รู้หรือไม่ว่าสูตรกาแฟแต่ละร้าน มักจะมีรสชาติที่ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นบางร้านที่พิถีพิถันในการคัดเลือกเมล็ดกาแฟและวัตถุดิบที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะ สูตรกาแฟสดเย็น หากส่วนผสมไม่ลงตัวก็อยากที่จะได้รสชาติที่กลมกล่อมตามต้องการ สำหรับใครที่ใช้เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติก็จะได้เปรียบกว่าใครเขา เพราะเตรียมส่วนผสมเพียงไม่กี่อย่างก็สามารถชง เมนูกาแฟ สูตรเด็ดได้แล้ว ซึ่งจะมีสูตรใดนั้นไปดูกันเลย
1.   สูตรลาเต้เย็น
สำหรับลาเต้เย็นถือเป็นตัวเลือกลำดับต้น ๆ ของคนที่ชื่นชอบกาแฟนม โดยเฉพาะ กาแฟลาเต้ มัคคิอาโต้ หรือ Spotted Milk ซึ่งเป็นชื่อเรียก สูตรลาเต้เย็น ของชาวอิตาลี สามารถที่จะเพิ่มความหอมคาราเมลได้ตามใจชอบ ลองไปดูสูตรการชงกาแฟลาเต้เย็นกันดีกว่า
สิ่งที่ต้องเตรียม : กาแฟแคปซูล รสใดก็ได้, นมเย็น 100-120 มล., น้ำตาลและน้ำแข็งหลอดเล็ก
วิธีการชงกาแฟ : ตีฟองนมด้วยเครื่องทำฟองนม Aeroccino หรือจากเครื่องหัวฉีดไอน้ำจากเครื่องชงกาแฟ Nespresso เทนมและฟองนมลงในแก้วทีเตรียมไว้ เตรียมกาแฟแคปซูลรสชาติที่ต้องการประมาณ 40 มล. เพิ่มความหวานตามใจชอบ ปิดท้ายด้วยการเทกาแฟลงในแก้วที่ใส่นมลงไป  เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ลิ้มลองรสชาติกาแฟนมหอมกรุ่นแล้ว
2.   ICED COCOAPRESSO
สูตรกาแฟเย็น เมนูนี้นอกจากจะได้ความเข้มข้นของ Espresso แล้วยังได้ความหอม หวานจากผงช็อกโกแลตอีกด้วย เป็นหนึ่งในเมนูกาแฟเย็นที่ทำได้เองและใช้เวลาไม่นาน
สิ่งที่ต้องเตรียม : กาแฟแคปซูล รสใดก็ได้, นมเย็น 150 มล., Chocolate Powder 12g, Sweetend condensed milk 15gและน้ำแข็ง
วิธีการชงกาแฟ : เริ่มจากใส่ Chocolate Powder ลงในแก้วกาแฟ แล้วเทนมลงในแก้วกาแฟที่ใส่ Chocolate Powder อยู่ คนให้เข้ากันจนกว่า Chocolate Powder จะละลาย จากนั้นเติม Sweetend condensed milk (นมข้นหวาน) ลงในแก้ว Recipe แล้วเติมน้ำแข็ง 60 กรัม ลงไปในแก้ว ต่อมาเทนมที่ผสมกับ Chocolate Powder ลงไปในแก้ว Recipe
แล้วกดกาแฟแคปซูล Espresso ลงในแก้ว Recipe ถือเป็นอันเสร็จสิ้นการชง เมนูกาแฟสดเย็น ICED COCOAPRESSO
3.   อเมริกาโน่เย็น
หลังจากที่ผ่านเมนูกาแฟนมกันไปถึง 2 เมนูแล้ว ลองเปลี่ยนมาชิมกาแฟเย็นสูตรเข้มข้นกับ อเมริกาโน่เย็น หรือ Ice Americano กันบ้าง ซึ่งจะมีวิธีการชงอย่างไรนั้นไปดูกันเลย
สิ่งที่ต้องเตรียม : กาแฟแคปซูล Espresso, น้ำเปล่าและน้ำแข็ง
วิธีการชงกาแฟ : กดกาแฟแคปซูล espresso 1 shot เติมน้ำเปล่าลงในแก้วกาแฟ ขนให้เข้ากัน ขณะที่ขนควรนำแก้วลงแช่ในน้ำ เมื่อกาแฟลดระดับความร้อนลง ให้ใส่น้ำแข็งที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็จะได้ดื่มด่ำกับกาแฟอเมริกาโน่เย็น รสเข้มข้น เย็นสดชื่นกันแล้ว

เมนูกาแฟ เย็น 3 สไตล์ ทำเองได้ง่าย ๆ ยิ่งถ้ามีเครื่องชงกาแฟแคปซูลติดบ้านไว้ยิ่งสบายมากกว่าเดิม เพราะมีกาแฟแคปซูลให้เลือกมากถึง 25 รส และรสชาติแบบ Limited Edition เนื่องในโอกาสต่าง ๆ ตลอดทั้งปี ทำให้คุณสนุกกับการดื่มกาแฟสดแท้ได้ทั่วทุกมุมโลกกันเลย.

52
   ใครที่กำลังฝึกชงกาแฟสด ไม่เพียงแต่ต้องพิถีพิถันกับการเลือกวัตถุดิบเท่านั้น หากแต่ยังต้องใส่ใจในทุกขั้นตอนการชงกาแฟ โดยเฉพาะกาแฟใส่นมอย่าง คาปูชิโน่ ที่มีฟองนมเป็นไฮไลท์สำคัญ
   เชื่อว่าบาริสต้ามือใหม่หรือคนที่กำลังฝึกชงกาแฟใส่นมมักพบกับปัญหาที่ฟองนมยุบตัวเร็ว ไม่นุ่มฟู และเนื้อไม่เนียน เรียกว่าเป็นปัญหาที่เจอแทบทุกคนเลยทีเดียว
   ความจริงแล้วการทำให้ฟองนมนุ่มฟูเนื้อเนียนละมุนไม่ยาก อย่างการนำนมสดไปแช่ให้เย็นจัดก่อนนำมาตีฟองหรือนำมาสตีมจนได้ฟองนมที่มีอุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียสขึ้นไป ซึ่งนอกจากจะได้ฟองนมนุ่มฟูเนื้อเนียนละมุนแล้ว ยังทำให้ฟองนมเพิ่มความหวานตามธรรมชาติได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับการเลือกใช้นมสดซึ่งควรใช้นมสดสูตรไขมันปกติไม่ใช่สูตร Low Fat และต้องไม่นำนมสดที่หมดอายุมาตีฟอง

เชื่อหรือไม่ การทำฟองนมจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นหากมีตัวช่วยดี ๆ อย่าง “เครื่องตีฟองนม”
    เครื่องตีฟองนมของ Nespresso คือตัวช่วยในการสร้างความนุ่มเนียนฟูของฟองนม เพื่อเพิ่มรสชาติที่กลมกล่อมและนุ่มละมุนให้กับ คาปูชิโน่ ลาเต้ หรือกาแฟนมแก้วโปรดได้อย่างง่าย ๆ โดยไม่ต้องห่วงเรื่องฟองนมยุบตัว ไม่นุ่มฟู หรือมีปัญหาเนื้อไม่เนียน เพราะเครื่องทำฟองนมได้มีการออกแบบมาสำหรับการใช้งานที่หลากหลายและช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการชงกาแฟนมทุกเมนู ที่สำคัญ ยังช่วยให้ได้ฟองนมคุณภาพตามต้องการด้วย

รู้จัก เครื่องทำฟองนม ของ Nespresso และเทคนิคการทำฟองนมจากเครื่อง
 เครื่องทำฟองนมหรือตีฟองนมจะทำหน้าที่ปั่นนมสดให้เกิดเป็นฟอง ซึ่งปัจจุบันมีทั้ง ที่ทำฟองนม แบบไร้สายซึ่งสะดวกในการใช้งานพอสมควร แต่มีข้อเสียตรงที่ต้องใช้มือจับระหว่างการทำงานของเครื่อง กับ ที่ทำฟองนม ของ Nespresso แบบไฟฟ้าซึ่งทำงานอัตโนมัติแต่ต้องเสียบปลั๊กไว้ตลอดเวลา การทำฟองนมจากเครื่องจึงสามารถเลือกที่ลงตัวกับการใช้งานทั้งสองแบบนี้ได้
 การใช้งานอุปกรณ์ตัวนี้ควรเลือกชนิดที่ใช้วัสดุเป็นสแตนเลสหรือพลาสติกแบบ Non-stick เพื่อป้องกันสนิม ป้องกันคราบเกาะติด และยังทำความสะอาดได้ง่าย
 เครื่องตีฟองนม บางรุ่นยังมีฟังก์ชันการปรับอุณหภูมิ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความสะดวกในการใช้งานได้มากยิ่งขึ้น ส่วนมาตรฐานความเร็วในการปั่นฟองนมนั้น กรณีที่เป็นเครื่องแบบไฟฟ้าจะมีความเร็วเฉลี่ยประมาณ 15 - 20 วินาที แต่หากเป็นเครื่องแบบมือถือหรือไร้สายจะใช้เวลาราว 90 วินาที ซึ่งความเร็วในการทำงานของเครื่องก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ฟองนมอยู่ตัวหรือคงรูปด้วยเช่นกัน
 แนะนำ Aeroccino 3 จาก Nespresso เครื่องทำฟองนมที่เหมาะกับการชงกาแฟทั้งร้อนและเย็น ด้วยมีขั้นตอนการทำงานง่ายเพียงกดปุ่มเดียว ทำฟองนมได้ 120 มล. ต่อครั้ง ในเวลาอันรวดเร็ว และยังโดดเด่นด้วยสไตล์ที่เรียบหรู

การทำฟองนมจากเครื่องไฟฟ้าจึงสามารถเลือกทั้งความเร็ว การปรับอุณหภูมิ และพิจารณาจากความสะดวกในการใช้งานของเครื่องได้ ทำให้การทำฟองนมนุ่มฟู เนื้อเนียน ไม่ยุบตัวเร็ว เป็นเรื่องง่าย ๆ และการชงกาแฟนมกลายเป็นเรื่องสุดฟิน 

53
กาแฟนอกจากจะทำให้รู้สึกตื่นตัว แต่ยังช่วยให้รู้สึกสงบ มีสมาธิ และเสริมบรรยากาศดี ๆ ในการสนทนา ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ เครื่องชงกาแฟสด จะกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในโรงแรม เพราะกาแฟสด ของ Nespresso เป็นเมนูที่ขาดไม่ได้เวลาประชุมสัมมนา หรือโรงแรมบางแห่งยังมีบริการเครื่องชงกาแฟในห้องพัก เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจว่าจะซื้อหรือ เช่าเครื่องชงกาแฟ มาใช้งาน ควรพิจารณาคุณสมบัติต่าง ๆ ให้ละเอียด เราไปดูกัน

•   พิจารณาเลือกประเภทให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน
แน่นอนว่าหากต้องการเครื่องชงกาแฟเพื่อบริการใช้ในร้านอาหารหรือร้าน Coffee Shop ควรเลือก เครื่องทำกาแฟสด ของ Nespresso หรือเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ (Espresso Machine) ที่ชงโดยบาริสต้ามืออาชีพ ซึ่งสามารถปรับแต่งรสชาติได้ตามความต้องการของลูกค้า อีกทั้งยังสามารถสร้างศิลปะบนฟองนมหรือลาเต้อาร์ตเพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วย แต่สำหรับการใช้งานเพื่อเสิร์ฟให้กับผู้เข้าร่วมงานหรือการใช้งานภายในห้องพักควรเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูล เพราะใช้งานง่าย ขั้นตอนไม่ซับซ้อน ไม่จำเป็นต้องมีความรู้เรื่องกาแฟก็สามารถชงได้ และที่สำคัญมีกาแฟแคปซูลสำเร็จรูปให้เลือกหลายรสชาติ จึงทำให้ถูกใจคอกาแฟทุกคนได้ไม่ยาก
•   พิจารณาขนาดให้เหมาะกับการใช้งาน
เนื่องจากโรงแรมเป็นธุรกิจที่ให้บริการหลายอย่าง ทั้งห้องพัก ห้องประชุมสัมมนา ห้องจัดเลี้ยง ร้านอาหาร บาร์ และ  Coffee Shop เวลาเลือก เครื่องชงกาแฟโรงแรม ของ Nespresso จึงต้องนำเรื่องของขนาดมาพิจารณา เช่น หากต้องการใช้งานในห้องประชุมสัมมนาหรือห้องจัดเลี้ยงควรเลือกเครื่องชงกาแฟที่มีความจุน้ำสูงและชงได้หลายแก้วต่อชั่วโมง เพื่อให้ทันต่อความต้องการของผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก แต่กรณีต้องการเครื่องชงกาแฟสำหรับห้องพัก บาร์ หรือ Coffee Shop เครื่องชงกาแฟขนาดกลางและขนาดเล็กจะตอบโจทย์มากกว่า
•   พิจารณาจากดีไซน์ของเครื่อง
ดีไซน์ถือเป็นอีกคุณสมบัติที่ไม่ควรมองข้ามเวลาเลือก เครื่องชงกาแฟสด ของ Nespresso ในโรงแรม เพราะธุรกิจโรงแรมต้องสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้ามาใช้บริการ ภาพลักษณ์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยเหตุนี้แนะนำให้เลือกเครื่องชงกาแฟที่มีรูปลักษณ์สวยงาม อย่างเครื่องชงกาแฟ Nespresso รุ่น NESPRESSO MOMENTO  เครื่องชงกาแฟสีเงินเมทัลลิคที่ได้รับรางวัลด้านดีไซน์จาก iF Design Award 2019  หรือรุ่น GEMINI 220 เครื่องชงกาแฟสีดำเงาที่มาพร้อมหัวสกัดแบบสองหัวและฟังก์ชันตีฟองนม
   
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับคุณสมบัติของ เครื่องชงกาแฟโรงแรม ที่เรานำมาฝาก แต่หากถามว่าควรซื้อหรือ  เช่าเครื่องชงกาแฟ ถ้าเป็นธุรกิจโรงแรมแนะนำให้เป็นการซื้อดีกว่าการเช่า เพราะมีการใช้งานเกือบทุกวัน การซื้อขาดจะช่วยประหยัดต้นทุนในระยะยาว ควบคุมความสะอาดได้ง่ายกว่า และตัดปัญหาเรื่องการขนส่งอีกด้วย

54
   ‘กาแฟ’ เป็นเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ในออฟฟิศ เพราะนอกจากจะช่วยให้พนักงานรู้สึกตื่นตัวและพร้อมลุยงานมากขึ้นแล้ว การมี เครื่องชงกาแฟในออฟฟิศ ยังช่วยเพิ่มความสะดวกเวลารับรองลูกค้าหรือจัดประชุมอีกด้วย การมีเครื่องชงกาแฟเป็นตัวช่วยจำเป็นในการรังสรรค์กาแฟแก้วอร่อย ดังนั้นคุณสมบัติสำคัญของ เครื่องชงกาแฟสำนักงาน คือต้องใช้งานง่ายต่อให้ไม่มีความรู้เรื่องกาแฟก็สามารถชงได้ ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องชงกาแฟที่ชงง่ายที่สุดนั้นก็คือ เครื่องชงกาแฟแคปซูล เพียงแค่ใส่กาแฟแคปซูลลงในเครื่อง กดเลือกเมนูกาแฟ และรอไม่กี่นาทีก็ได้ชิมกาแฟรสเลิศแล้ว บวกกับราคาเครื่องที่ไม่สูงมากจึงสามารถซื้อได้แบบสบาย ๆ เครื่องชงกาแฟแคปซูลมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง มาดูกัน
 
•   เครื่องชงกาแฟสดออฟฟิศขนาดเล็ก
เครื่องชงกาแฟแบบแรกที่เหมาะกับใช้งานในสำนักงานคือเครื่องชงกาแฟขนาดเล็กจาก Nespresso รุ่น Zenius เครื่องชงกาแฟที่มาพร้อมถังน้ำขนาดความจุ  2 ลิตร และเก็บแคปซูลใช้แล้วได้ถึง 25 ชิ้น สามารถรองรับผู้ใช้งานประมาณ 10 คนขึ้นไป สำหรับฟังก์ชันการใช้งานสามารถชงกาแฟได้หลายแบบทั้ง Ristretto, Espresso และ Lungo ควบคุมการทำงานแบบหน้าจอสัมผัส มีระบบแจ้งเตือนคราบตะกรัน ระบบปิดเครื่องอัตโนมัติ และระบบทำความร้อนภายใน 35 วินาที
•   Nespresso Momento เครื่องชงกาแฟสำหรับออฟฟิศขนาดกลาง
สำหรับออฟฟิศขนาดกลางที่อยากได้ เครื่องชงกาแฟแคปซูล สวยไว้เป็นสวัสดิการบริษัทหรือรับรองลูกค้า ห้ามพลาดเครื่องชงกาแฟจาก Nespresso รุ่น Nespresso Momento ที่ได้รับความรางวัลด้านการออกแบบจาก iF Design Award 2019 รับประกันว่าวางมุมไหนก็สวยสะดุดตา ส่วนฟังก์ชันการใช้งานนั้นถือว่าตอบโจทย์กลุ่มพนักงานออฟฟิศ เพราะนอกจากมีความจุถังน้ำถึง 6 ลิตรแล้ว ยังใช้การสั่งการระบบสัมผัสและเชื่อมต่อกับระบบอินเตอร์เน็ตได้อีกด้วย
•   AGUILA 220 เครื่องชงกาแฟสำหรับออฟฟิศขนาดใหญ่
หากออฟฟิศมีจำนวนพนักงานเป็นจำนวนมากหรือมีการประชุมสัมมนาเป็นประจำ Nespresso มีเครื่องชงกาแฟรุ่น AGUILA 220 เครื่องชงกาแฟที่มีหัวสกัดสองหัวทำได้ทั้งกาแฟดำ กาแฟนม และตีฟองนม สามารถชงได้สูงสุด 200 แก้วต่อชั่วโมง เก็บแคปซูลใช้แล้วได้ถึง 125 ชิ้น ใช้งานง่ายด้วยการสั่งการระบบสัมผัส คำสั่งหลายภาษา มีฟังก์ชันแจ้งเตือนขจัดคราบตะกรัน ระบบอุ่นน้ำร้อน ระบบแจ้งเตือนแคปซูลเต็ม ระบบปิดเครื่องอัตโนมัติ และระบบทำความสะอาดกึ่งอัตโนมัติได้ทุกวัน
   สำหรับ เครื่องชงกาแฟสำนักงาน ทั้ง 3 รุ่นที่นำมาฝากในวันนี้ การเลือกเครื่องชงกาแฟสำหรับใช้ในสำนักงานควรให้ความสำคัญกับจำนวนผู้ใช้งานและวิธีการใช้งาน เพียงเท่านี้รับประกันเลยว่าได้เครื่องชงกาแฟถูกใจอย่างที่ต้องการ ส่วนอีกทางเลือกหนึ่งหากอยากทานกาแฟสดจากเครื่องชงกาแฟ ก็สามารถเลือกใช้วิธีการ เช่าเครื่องชงกาแฟสำนักงาน ได้เช่นกัน เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้คุณได้ดื่มด่ำกับกาแฟสดหอม ๆ ที่ออฟฟิศได้ทุกวัน

55
ไลฟ์สไตล์ของคนรักกาแฟจะสะดวกสบายมากขึ้นด้วย Essenza Mini เครื่องชงกาแฟแคปซูลอัตโนมัติขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ดีไซน์สวยช่วยยกระดับห้องครัวให้หรูหรายิ่งขึ้น ซึ่งคุณสมบัติเด่นของ Nespresso Essenza Mini ได้แก่ ฟังก์ชันทำเมนู กาแฟสด 2 แบบ คือ กาแฟเอสเปรสโซ ปริมาณ 40 มล. และกาแฟลุงโก ปริมาณ 110 มิลลิลิตร, ความจุถังน้ำเพียงพอต่อการทำเมนูกาแฟ 5 – 10 แก้ว, ระบบประหยัดพลังงานปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่มีการใช้งาน 9 นาที หรือกดปิดเครื่องด้วยตัวเองโดยใช้เวลาไม่เกิน 5 วินาที สามารถทำความร้อนรวดเร็วภายใน 25 วินาที
สำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องชงแคปซูลกาแฟ ใช้ง่ายและมีพื้นที่บ้านจำกัด Nespresso Essenza Mini เป็นเครื่องที่เหมาะมาก โดยเฉพาะการใช้งานร่วมกับเครื่องทำฟองนม Aeroccino3 โดยตัวอย่างการใช้งานเครื่อง Nespresso Essenza Mini ทำเมนู กาแฟสด ยอดนิยมสามารถทำได้ ดังนี้
1)   กาแฟ cappuccino เมนูกาแฟโปรดของคนรักกาแฟหลายคน รสชาติกลมกล่อมเพราะเลือกใช้แคปซูลที่มีรสชาติเข้มข้น กลมกล่อม กลิ่นหอมละมุนชวนให้ลิ้มลองอย่างแคปซูล COSI, CAPRICCIO, LIVANTO หรืออื่น ๆ ที่ชื่นชอบ เริ่มต้นด้วยการนำแคปซูลกาแฟใส่ลงในเครื่องชงอัตโนมัติและกดทำกาแฟ Espresso ขั้นตอนต่อมาเตรียมฟองนมเนียนละเอียดด้วยเครื่องทำฟองนม Aeroccino3 จากนั้นใส่ฟองนมลงในแก้วกาแฟ เติมความหวานตามต้องการด้วยน้ำตาลหรือไซรัปที่ชอบและแต่งหน้าแก้วกาแฟด้วยการโรยผงโกโก้ลงไป
2)   BORGIA MOCHA BARISTA หรือ Espresso Macchiato เริ่มต้นใส่ช็อกโกแลตร้อนลงใน ถ้วยกาแฟ ประมาณ ½ ถ้วย และใส่นมสดร้อนลงไปในแก้วประมาณ 2 ช้อนชา คนส่วนผสมทั้ง 2 อย่างให้เข้ากัน จากนั้นใส่กาแฟแคปซูล BARISTA Scuro ลงไปในช่องบรรจุแคปซูลและกดสั่งทำเมนูเอสเปรสโซเพื่อให้ได้กาแฟปริมาณ 40 มิลลิลิตร ลงในแก้วนมช็อกโกแลตและตกแต่งด้วยวิปครีมเพื่อรสชาติที่ละมุนลิ้นยิ่งขึ้น
3)   ICED AMERICANO เมนูกาแฟเย็นสดชื่นช่วยกระตุ้นสมอง ทำได้ง่าย ๆ ใน 5 นาที เริ่มต้นด้วยการใส่แคปซูล KAZAAR หรือ แคปซูลกาแฟ รสชาติอื่นที่ชื่นชอบลงในช่องบรรจุแคปซูลของเครื่อง Nespresso Essenza Mini จากนั้นกดปุ่มสั่งทำกาแฟเอสเปรสโซลงใน ถ้วยกาแฟ ที่เตรียมไว้ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วทำซ้ำอีกครั้งเพื่อให้ได้ปริมาณกาแฟที่เพียงพอ ขั้นตอนสุดท้ายเทกาแฟที่ได้ลงในแก้วทรงสูงที่ใส่น้ำแข็งเอาไว้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
Nespresso Essenza Mini เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มี วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ ง่าย เพียงสัมผัสปุ่มเพื่อป้อนคำสั่งทำกาแฟที่ต้องการ ก็จะได้กาแฟสดทันทีพร้อมดื่มแล้ว การทำความสะอาดและดูแลทำได้ง่ายมาก รวมถึงมีราคาที่ไม่แพง ขนาดกะทัดรัด ตอบโจทย์คอกาแฟที่ไม่มีเวลาออกไปยังร้านกาแฟด้วยตนเอง

56
อยากเป็นเจ้าของร้านกาแฟต้องอ่านเกมให้ขาด เพราะเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง หากเริ่มต้นด้วยงบประมาณจำกัดควรลงทุนให้ถูก สิ่งแรกที่ขาดไม่ได้คือ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ชงกาแฟสด เกรดพรีเมี่ยมกลิ่นหอมรสชาติดีโดยไม่ต้องจ้างบาริสต้าค่าตัวแพง วัตถุดิบมีคุณภาพต้องมาก่อน ส่วนเรื่องอื่น ๆ ล้วนเป็นรองลงไป เพราะรสชาติกาแฟแท้คือหัวใจสำคัญของคาเฟ่กาแฟสดนั่นเอง
สมัยก่อนที่ยังไม่มี เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ออกมาจำหน่ายแพร่หลาย วิธีชงกาแฟสดต้องผ่านขั้นตอนมากมาย คนชงต้องอาศัยประสบการณ์ความชำนาญและความพิถีพิถัน นับตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบเมล็ดกาแฟ วิธีการคั่วบด การใช้แรงดันน้ำเดือดผ่านตัวกาแฟคั่วบดให้เกิดรสชาติเข้มข้น การผสมน้ำร้อนเจือจางให้รสชาติกลอมกล่อมลงตัว การเพิ่มกาแฟ 2 ช็อตให้ความเข้มข้นขั้นสุด การผสมนมใน กาแฟสด เติมความหวานมัน ไปจนถึงการตีฟองนมเทลงในถ้วยกาแฟเป็นลวดลายสไตล์ลาเต้อาร์ต ร้านกาแฟตัดตอนรายละเอียดยุ่งยากได้ง่าย ๆ แค่ลงทุนซื้อ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ชงกาแฟแต่ละแก้วบริการลูกค้ารวดเร็วและง่ายดาย
ตามมาดู วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ มีความแตกต่างจากวิธีการชงกาแฟแบบทั่วไปของบาริสต้ามืออาชีพ เนื่องจากเป็นระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ วิธีการชงกาแฟสดเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการเติมน้ำดื่มสะอาดลงในแท็งก์ กดปุ่มเปิดเครื่องรอไม่กี่วินาทีเท่านั้น พอสัญญาณไฟแสดงว่าพร้อมใช้งานให้ใส่แคปซูลลงไป วางแก้วกาแฟแล้วกดปุ่มทำงานชงกาแฟร้อนออกมาให้ดื่มในไม่กี่วินาที แค่เติมน้ำเย็นลงไปและใส่น้ำแข็งก็เป็นกาแฟเย็นหอมสดชื่นแล้ว
พูดถึงหัวใจของ เครื่องทํากาแฟแคปซูล นั่นคือกาแฟแคปซูล ก่อนซื้อเครื่องชงกาแฟต้องรู้ว่ามีกาแฟแคปซูลรสชาติใดบ้าง ตัวเครื่องรุ่นเล็กรุ่นใหญ่หรือราคาเป็นเรื่องรองลงไป ทุกวันนี้ราคาของเครื่องชงกาแฟรุ่นเล็กสำหรับใช้งานในบ้านไม่กี่พันบาท วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ แต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันไปตามฟังก์ชั่นการใช้งาน บางรุ่นมีระบบทำฟองนมสำหรับเมนูคาปูชิโนและลาเต้ บางรุ่นทำได้เฉพาะกาแฟดำ บางรุ่นทำกาแฟนมได้ด้วย อ่านรายละเอียดแต่ละรุ่นให้ดีก่อนตัดสินใจ
จุดเด่นของ เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ คือวิธีการชงกาแฟง่าย ๆ ด้วยการกดปุ่มเท่านั้น ชงกาแฟร้อนๆ ออกมาให้จิบภายในไม่กี่วินาที หากเคยชงกาแฟสดมาก่อนจะทราบว่ามีขั้นตอนชงกาแฟคั่วบดละเอียดชงผ่านความร้อนด้วยวิธีใช้แรงอัดไอน้ำหรือหยดน้ำ แต่ละแก้วใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10-20 นาที แต่ เครื่องชงกาแฟแคปซูล มีแคปซูลกาแฟให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเอสเปรสโซ, คาปูชิโน, ลาเต้, อเมริกาโน, ลุงโก้ หรือเมนูโปรดรสชาติอื่น ๆ อย่าลืมว่า
นักชงกาแฟมือใหม่ที่ยังรู้เรื่องการชงกาแฟสดไม่ลึกซึ้ง แค่มีประสบการณ์พอสมควรและซื้อเครื่องชงกาแฟดีๆ พร้อมกาแฟแคปซูลคุณภาพสูง ก็สามารถเปิดร้านกาแฟทำธุรกิจได้สบาย เพราะรสชาติกาแฟแท้คือหัวใจสำคัญของคาเฟ่ กาแฟสด นั่นเอง

57
   การชง กาแฟคั่วเข้ม ทำให้เมนูกาแฟนั้นมีกลิ่นหอมไหม้และรสชาติขมมาก ความซับซ้อนของรสชาติน้อยกว่าเมล็ด กาแฟคั่วอ่อน ที่มีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนตามสายพันธุ์กาแฟ คุณสมบัติของเมล็ดกาแฟ ตลอดจนสภาพแวดล้อมของแหล่งปลูกต่าง ๆ เมื่อคั่วต่ออีกระยะจนถึงระดับคั่วกลางจะเปรี้ยวน้อยลง ความขมมากขึ้น เหมาะนำมาเติมส่วนผสมปรับแต่งรสชาติใหม่หลากหลายเมนู ส่วนรสชาติของกาแฟคั่วเข้มมีความนิ่งมากกว่ากาแฟคั่วระดับอื่น เหมาะสำหรับการทำเมนู espresso เย็นดื่มอร่อยสดชื่น
   สิ่งที่ทำให้รสชาติกาแฟมีความแตกต่างมาจากหลายปัจจัย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีระดับการคั่วกาแฟ ของ Nespresso ที่มีอยู่ 3 ระดับด้วยกันคือกาแฟคั่วอ่อน, กาแฟคั่วกลาง และกาแฟคั่วเข้ม เนื่องจากเมล็ดกาแฟมีความเป็นกรดตามธรรมชาติ การคั่วแบบอ่อนผ่านความร้อนไม่นานยังคงคุณสมบัติดั้งเดิมของเมล็ด กาแฟ แท้อย่างชัดเจน มีความเปรี้ยวมากและขมน้อย เหมาะสำหรับการชงกาแฟร้อนหลายเมนู หากเมล็ดกาแฟไม่มีคุณภาพหรือมีปัญหา เมื่อผ่านความร้อนในระดับคั่วอ่อนจะสัมผัสถึงรสและกลิ่นไม่พึงประสงค์จาก กาแฟคั่วอ่อน ได้ชัดเจนกว่ากาแฟคั่วระดับอื่น ส่วน กาแฟคั่วกลาง ผ่านความร้อนนานกว่าทำให้รสเปรี้ยวน้อยลง มีความกลมกล่อมเหมาะกับการชงกาแฟทั้งแบบร้อนและเย็น นำมาปรุงแต่งรสชาติได้หลากหลายโดยที่กลิ่นกาแฟยังมีความเข้มข้น
   กาแฟคั่วเข้มคือ กาแฟที่คั่วบดนานจนความเปรี้ยวหายไปเกือบหมด หากชงแบบกาแฟดำจะขมเกินไป หรือเลือกชงเอสเปรสโซแบบกาแฟดำดั้งเดิมจะมีรสชาติเข้มข้นและขมมาก นับว่าดื่มยากไม่เหมาะกับคนที่เพิ่งเริ่มหัดดื่มกาแฟหรือคนที่ไม่ชอบกาแฟรสเข้มมากนัก แนะนำให้ชงเมนูกาแฟเย็นแบบ espresso เติมน้ำตาลและนมเพิ่มความหวานมัน เลือกเติมไซรัปหรือส่วนผสมอื่นก็ได้ช่วยปรับแต่งรสชาติให้ดื่มง่ายขึ้น เอสเปรสโซเย็นนับเป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว หรือทำเป็นกาแฟปั่นเพื่อความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน ในด้านกลิ่นของกาแฟจะติดกลิ่นไหม้เล็กน้อยคล้ายช็อกโกแลตหรือคาราเมล หอมกลิ่นกาแฟเต็ม ๆ
เปรียบเทียบเมนูกาแฟเย็นที่ทำจากเมล็ดกาแฟคั่วกลางและคั่วเข้มมีความแตกต่างกัน โดยเมล็ด  กาแฟคั่วเข้ม ให้รสสัมผัสของกาแฟมากกว่าและมีรสชาติเข้มข้นถูกใจมากกว่า ส่วนผสมเมนูเอสเปรสโซเย็นประกอบด้วยผงกาแฟบด 18-20 กรัม, นมข้นจืด 35 มิลลิลิตร, ครีมเทียมข้นหวาน 20 มิลลิลิตร วิธีการชงเริ่มจากการตวงส่วนผสมนมและครีมเทียมคนให้เข้ากัน เทผง กาแฟ ใส่ในเครื่องชงกาแฟ ปริมาณกาแฟเอสเปรสโซ่ 2 ช็อต สกัดน้ำกาแฟ 60 มิลลิลิตรใส่ถ้วยเทส่วนผสมนมคนให้เข้ากัน เติมน้ำแข็งพร้อมเสิร์ฟได้
การชง กาแฟคั่วเข้ม เอสเปรสโซเย็นให้อร่อยต้องอาศัยฝีมือและความพิถีพิถันเอาใจใส่ นมที่มีคุณภาพดีเป็นตัวแปรสำคัญปรุงแต่งชูรสชาติให้อร่อยลงตัวที่สุด มือใหม่ลองชงและชิมปรับไปเรื่อย ๆ ให้รสชาติคงที่เป็นมาตรฐานตามรสชาติที่ต้องการ

ชมข้อมูลเพิ่มเติมที่
https://www.nespresso.com/th/th/most-popular-coffee-recipes

58
การชง กาแฟสด ดื่มเองคงเป็นทางเลือกสุดท้ายที่หลายคนนึกถึงกัน เพราะว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนธรรมดา ๆ จะสามารถชงกาแฟคุณภาพเยี่ยมดื่มเองได้ ยิ่งถ้าไม่มีฝีมือมาก่อนยิ่งยากเข้าไปใหญ่ แต่วันนี้เรามีนวัตกรรมดี ๆ อย่างเครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ Nespresso มาแนะนำพร้อม วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ ที่ง่ายแสนง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัสก็สามารถชงกาแฟสดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบในเวลาอันรวดเร็ว

   เครื่องชงกาแฟ รุ่นที่อยากแนะนำในวันนี้คือรุ่น Inissia สุดคลาสสิกของ Nespresso ซึ่งเป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ใช้งานง่าย สามารถชงกาแฟดำได้ 2 แบบ ทั้งแบบเอสเพรสโซ่และแบบลุงโกง่าย ๆ เพียงปลายนิ้วสัมผัส ให้คุณลืมภาพการชงกาแฟอันแสนยุ่งยากที่เคยเห็นตามร้านกาแฟไปได้เลย เพราะด้วยความที่เป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่มี แคปซูลกาแฟ สำเร็จรูปหลากหลายชนิดกาแฟและหลากหลายแหล่งกำเนิดมาให้เลือกตามความชอบ เราจึงมั่นใจได้ว่าจะได้กาแฟคุณภาพโดยไม่จำเป็นจะต้องมานั่งคั่วบดหรือชั่งตวงวัดกะปริมาณเอง เพียงแค่ใส่ แคปซูลกาแฟ ลงในเครื่องเท่านั้นเป็นอันจบ และยังมั่นใจได้เลยว่ากาแฟที่ได้ออกมาจะมีรสชาติและกลิ่นหอมที่สมบูรณ์แบบ
   นอกจากนั้นเรายังไม่ต้องมานั่งคำนวณอุณหภูมิและปริมาณน้ำในการชงกาแฟเอง เพราะเครื่องชงกาแฟ Inissia ถูกตั้งโปรแกรมมาให้เรียบร้อยแล้ว ส่วน วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ เพียงแค่เติมน้ำในแท็งก์ ใส่แคปซูลกาแฟ จากนั้นเปิดเครื่องเลือกฟังก์ชันกาแฟดำเอสเพรสโซ่หรือลุงโกที่ต้องการจะชง รอไม่ถึง 1 นาที จะได้กาแฟดำดี ๆ สุดแสนจะสมบูรณ์แบบไว้ดื่มแล้ว เพราะเจ้าเครื่องนี้มีแรงดัน 19 บาร์ ที่มาพร้อมระบบทำความร้อนเร็วจึงทำให้ไม่ต้องเสียเวลานาน ๆ รอต้มน้ำเดือดแบบการชงกาแฟทั่วไป ส่วนถ้าหากใครต้องการจะเปลี่ยนสไตล์มาดื่ม กาแฟสด ผสมนมบ้างก็เพียงผสมนมลงไป หรือจะซื้อเครื่องทำฟองนม Aeroccino 3 มาสตรีมฟองนมเนื้อเนียนนุ่มแยกต่างหากเท่านี้เราก็สามารถเป็นบาริสต้าสร้างสรรค์กาแฟสดได้หลากหลายเมนูเท่าที่ใจเรานึกด้วยตนเองที่บ้าน

   การที่มี เครื่องชงกาแฟ Inissia สุดคลาสสิกของ Nespresso ติดบ้านจึงเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตของเราง่ายขึ้น แน่นอนว่าเราจะมีกาแฟสดดี ๆ ไว้ดื่มในทุก ๆ วัน ที่สำคัญยังช่วยแต่งเติมสีสันให้กับบ้านได้ด้วย เพราะเครื่องชงกาแฟ Inissia มีดีไซน์สวยงามสุดโมเดิร์นการันตีด้วยรางวัล Red Dot Design ปี 2014 ทั้งยังน้ำหนักเบา ทำความสะอาดง่าย ไม่เปลื้องพื้นที่จัดเก็บแม้จะอยู่ในคอนโดที่มีพื้นที่จำกัดก็ไม่เป็นปัญหาควรค่าแก่การมีติดบ้านไว้เป็นอย่างยิ่ง

ชมรายละเอียดอื่น ๆ
https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo
https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo
https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo

59
หลายคนมองว่าการชงกาแฟนั้นยาก เต็มไปด้วยขั้นตอนมากมายที่ต้องเตรียม แต่จริง ๆ แล้วทุกคนสามารถชงกาแฟรสชาติเยี่ยมได้ที่บ้านแล้ว เพราะตอนนี้มีเครื่องชงกาแฟสดจาก Nespresso ในราคาที่สัมผัสได้แถมรสชาติดีเยี่ยมเหมือนมีบาริสต้าชื่อดังมาชงให้ถึงบ้าน โดยวันนี้เรามี สูตรชงกาแฟสด ทั้งกาแฟร้อน กาแฟใส่นม และ เมนูกาแฟ สุดฮิตที่หลายคนชอบกัน
1.   กาแฟดำ รสเยี่ยมจากทั่วโลก
หากคุณชอบกาแฟดำเข้มข้น เพื่อความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าในยามเช้า ขอแนะนำการชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ ช็อต  ขนาด 40 มล. ซึ่งระดับการคั่วของกาแฟก็จะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกัน รู้หรือไม่ว่า กาแฟคั่วอ่อนนอกจากจะไม่ขมแล้วยังมีกลิ่นหอม อมเปรี้ยวนิด ๆ ได้แก่ VOLLUTO, COSI แต่ถ้าใครต้องการความเข้มข้นถึงใจ ต้องเป็นกาแฟคั่วกลาง-เข้ม ได้แก่ KAZAAR, NAPOLI
2.   กาแฟใส่นม
กาแฟใส่นม รสชาติหวานหอมละมุนไปกับฟองนมและสารเติมแต่งอื่น ๆ เช่น คาราเมล, อบเชย เมื่อนำมารวมกับกาแฟจึงเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมในคนทั่วไป โดยเฉพาะ สูตรกาแฟลาเต้เย็น และคาปูชิโน่ร้อนพร้อมฟองนมนุ่ม ๆ ติดขอบปาก บ่งบอกได้เลยว่า เมนูกาแฟ latte นี้อร่อยอย่างแน่นอน การชงนั่นไม่ยากสามารถทำตามได้ดังนี้
-   สูตรลาเต้เย็น สูตรนี้จะเป็น กาแฟลาเต้มัคคิอาโต้ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ กาแฟแคปซูล รสใดก็ได้ชงในแบบเอสเพรสโซ่ขนาด 40 มล., น้ำตาล, นมสดเย็น 100-120 มล.
-   กดกาแฟเอสเปรสโซรสชาติที่ต้องการพักไว้ให้เย็น เติมน้ำตาลตามใจชอบ
-   ปั่นนมด้วยเครื่องทำฟองนม Aeroccino หรือหัวฉีดไอน้ำจากเครื่องชงกาแฟ Nespresso
-   เทนมที่ปั่นลงในแก้วที่เตรียมไว้
-   เทกาแฟที่เตรียมไว้ลงในแก้วที่มีนมปั่น เพียงเท่านี้ก็ได้กาแฟ ลาเต้ มัคคิอาโต้ ตามที่ต้องการแล้ว
3.   กาแฟพร้อมอาหารเช้าในตัว
เมนูกาแฟ นี้แปลกใหม่และอิ่มท้อง แต่ใช้เวลาในการทำน้อยกว่าทำอาหาร ได้แก่  สูตรชงกาแฟสด Granola Coffee นั่นเอง สิ่งที่ต้องเตรียมได้แก่ กาแฟแคปซูล Capriccio, Ristretto Decaffeinato อย่างใดอย่างหนึ่ง, ท็อปปิ้ง, นมสด, ผลไม้อบแห้งและซีเรียล
-   เริ่มแรกด้วยการทำกาแฟแบบ เอสเปรสโซ 40 มล. เทลงในแก้วกาแฟทรงสูง
-   ทำฟองนมด้วยเครื่องทำฟองนม Aeroccino
-   เทนมและฟองนมลงในแก้วทรงสูงที่มีกาแฟอยู่
-   ใส่ท็อปปิ้ง ซีเรียล ผลไม้อบแห้งตามใจชอบ
ทั้ง 3 สูตรกาแฟจากเนสเพรสโซ่ ที่ทุกคนสามารถนำไปชงเพื่อเป็นเครื่องดื่มประจำตัวโดยไม่ต้องง้อบาริสต้าเลย หากใครสนใจในเครื่องชงกาแฟแคปซูลจากเนสเพรสโซ่ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nespresso.com/th/th/order/machines

60
กาแฟที่มีรสชาติขมน้อย มีรสเปรี้ยวนำอมหวานนิด ๆ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ กาแฟคั่วอ่อน แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับรสชาติความขมของ กาแฟคั่วเข้ม และคั่วกลางที่คุ้นเคยกันดี เมื่อดื่มครั้งแรกให้ความรู้สึกแปลกใหม่ เหมาะกับคอกาแฟหลายคนที่นิยมดื่มกาแฟรสอ่อนเปรี้ยวเบา ๆ กันมากขึ้น
ที่มาของรสเปรี้ยวเกิดจากความเป็นกรดในเมล็ดกาแฟสด การคั่วเมล็ดกาแฟแบ่งเป็น 3 ระดับหลักคือ คั่วแบบอ่อน, คั่วแบบกลาง, และคั่วแบบเข้ม ระยะเวลาการคั่วส่งผลต่อรสชาติ กาแฟ แตกต่างกันทั้งความเปรี้ยว ความขม รวมไปถึงกลิ่นกาแฟด้วย
- การคั่วแบบอ่อน ใช้เวลาไม่นาน ความร้อนยังไม่ทำลายรสเปรี้ยวของผลเมล็ดกาแฟ มีคาเฟอีนสูง และยังไม่มีน้ำมันออกมาเคลือบบนผิวเมล็ด ยิ่งคั่วนานปริมาณคาเฟอีนน้อยลง ความเปรี้ยวลดลง มีรสขมมากขึ้น เหมาะกับการชงเมนูกาแฟเอสเพรสโซ่ ร้อน
- การคั่วปานกลาง เป็นระดับการคั่วที่ได้รับความนิยมมาก กาแฟคั่วกลาง อร่อยรสชาติครบที่สุด ความเปรี้ยวลดลงและได้ความหวานมากขึ้น ความขมระดับพอดี เหมาะสำหรับการชงเอสเพรสโซ่และทำกาแฟดริปได้
- การคั่วแบบเข้ม กาแฟจะไม่เปรี้ยวและปริมาณคาเฟอีนน้อย ติดกลิ่นไหม้คล้ายน้ำตาลเผาหรือโกโก้ รสขมมาก กาแฟคั่วเข้ม เหมาะกับการชงกาแฟเย็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเอสเพรสโซ่เย็น อเมริกาโน่เย็น หรือกาแฟปั่น ผสมน้ำตาล ครีมเทียมและนมเข้มข้นหวานมัน ถ้าเป็นเมนูอื่นรสชาติจะขมเกินไป
จุดเด่นของกาแฟคั่วอ่อนคือรสขมน้อย สัมผัสกลิ่นและรสเปรี้ยวสดชื่นของผลกาแฟและกลิ่นที่คล้ายผลไม้หรือดอกไม้ คนรักกาแฟที่อยากสัมผัสรสชาติกาแฟแท้ ๆ แนะนำให้เลือกกาแฟคั่วแบบอ่อนชงแบบร้อน จะได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟแต่ละสายพันธุ์ชัดเจน ถ้าเมล็ดกาแฟไม่มีคุณภาพจะสังเกตกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่ายกว่ากาแฟคั่วระดับอื่น สำหรับ กาแฟคั่วอ่อน เหมาะกับการชงกาแฟร้อนทั้งแบบดริปและไซฟอน เช่น americano และ espresso โดยเน้นกรรมวิธีการทำกาแฟแบบพิถีพิถัน มีให้ลิ้มรสในร้านกาแฟแนวสโลบาร์ที่เน้นการชงกาแฟดริปและกาแฟที่ชงด้วยมือเป็นส่วนใหญ่ แต่ละแก้วใช้เวลาตั้งแต่ 10-20 นาที
แนะนำเมนูเอสเปรสโซ เครื่องดื่มสัญชาติอิตาลีที่ได้รับความนิยมมาก หากคิดลงทุนเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเอง เอสเปรสโซเป็นเมนูที่ขาดไม่ได้เลย รสชาติที่ได้จะแตกต่างกันไปตามระดับการคั่ว เมื่อใช้กาแฟคั่วแบบอ่อน ชงเข้ม ปริมาณน้ำน้อย ก็จะมีรสเปรี้ยวโดดเด่นมาก กลิ่นและรสแสดงเอกลักษณ์ของสายพันธุ์เมล็ดกาแฟ ซึ่งที่นิยมนำมาชงเอสเปรสโซคือ Arabica ให้รสชาตินุ่มละมุน และ Robusta รสเข้มข้น กาแฟ เอสเปรสโซสูตรกาแฟดั้งเดิมใช้เวลาสกัดค่อนข้างนาน ทำให้เสียรสชาติที่ดีของกาแฟไป ภายหลังบาริสต้าปรับสูตรกาแฟทั้งระยะเวลาการสกัดและส่วนผสม ชงง่ายขึ้นแต่สามารถคงกลิ่นและรสชาติเข้มข้นตรงความต้องการ แตกต่างจากอเมริกาโน่ที่มีต้นกำเนิดจากอเมริกาที่ชงรสอ่อนลง เติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งลงไป
เมื่อเทียบกันเรื่องรสสัมผัส แม้ว่า กาแฟคั่วกลาง เป็นที่นิยมในวงกว้าง แต่ถ้าต้องการลิ้มลองกาแฟแท้อร่อยบริสุทธิ์ กาแฟคั่วอ่อน เป็นระดับที่ให้กลิ่นและรสเป็นธรรมชาติที่สุด ดื่มแล้วสดชื่นมากกว่าการคั่วในระดับอื่น

61
   ใครที่ชอบดื่มกาแฟสดแต่ไม่สะดวกไปร้านคาเฟ่บ่อย ๆ และไม่ชอบความยุ่งยากในการชงกาแฟดื่มเอง แนะนำให้รู้จัก เครื่องชงกาแฟแคปซูล ที่ใช้งานสะดวกและรวดเร็ว เพียงกดปุ่มเปิดและเลือกกาแฟเมนูโปรด ก็ได้กาแฟแก้วรสชาติเข้มข้นถูกใจง่ายขึ้น
เป็นที่ทราบกันดีว่าการชงกาแฟสดอาศัยฝีมือและความพิถีพิถัน บาริสต้ามืออาชีพผ่านการฝึกฝนมานานเพื่อให้กาแฟแต่ละแก้วมีคุณภาพดี วิธีชงกาแฟสดในร้านคาเฟ่มีอยู่ 2 แบบหลักคือใช้ เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ และวิธีการชงกาแฟแบบดั้งเดิมอย่างเช่นการชงแบบกาแฟดริป หรือการชงเอสเปรสโซด้วยน้ำเดือดอัดความดัน ซึ่งไม่เหมาะกับคนที่ไม่มีฝีมือมาก่อน ลองพิจารณา เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก ของ Nespresso ซื้อไว้ติดบ้าน ช่วยให้ชงกาแฟรสชาติที่ชอบได้ง่ายๆ ดื่มอร่อยทันใจเปิดรับความสุขจากกลิ่นและรสสัมผัสหอมหวนกระตุ้นความกระปรี้กระเปร่าได้แม้ในเวลาเร่งรีบตอนเช้า
   นวัตกรรมสำหรับคอกาแฟยุคใหม่ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ของ Nespresso ด้วยขนาดตัวเครื่องรุ่นเล็กที่มีความกะทัดรัด ดีไซน์สวยทันสมัยวางตรงไหนก็ลงตัวกลายเป็นเครื่องตกแต่งบ้านให้ดูดีไปในตัว ตัวเครื่องน้ำหนักเบายกย้ายไปที่ไหนก็ง่าย มีขนาดกลางและใหญ่ให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสม คนที่ชอบดื่มกาแฟหลากหลายเมนู จะมี กาแฟแคปซูล specialty coffee ของ Nespresso ให้เลือกหลายแบบเพื่อให้ลิ้มลองรสชาติกาแฟแท้สลับกันไปไม่มีเบื่อ รวมถึงฟังก์ชั่นเครื่องทำฟองนมที่ใช้งานง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ตีฟองนมเนียนนุ่มให้ละมุนละไมสร้างสรรค์เมนูโปรดได้ทั้งแบบร้อนและเย็น
   หากดื่มกาแฟสดเป็นประจำย่อมรู้ดีว่าแต่ละแก้วราคาค่อนข้างสูง หากดื่มวันละหลายแก้วมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย แน่นอนที่สุดว่า เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ เป็นนวัตกรรมล้ำสมัยที่ช่วยประหยัดเงินได้มาก มีฟังก์ชั่นใช้งานครบในเครื่องเดียวชงกาแฟสูตรอร่อยรสชาติคงที่ในแบบที่ชอบ ไม่ขมเกินไป หรือหวานเกินไป ราวกับบาริสต้ามืออาชีพมาชงให้ชิมถึงบ้านไม่ต้องออกไปร้านคาเฟ่ให้เสียเวลา หากเป็นเรื่องราคาก็ไม่ได้แพงหลักหมื่นหลักแสนเหมือนเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติรุ่นเก่า ราคาเริ่มต้นของ เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก จ่ายเพียงไม่กี่พันเท่านั้น นอกจากราคาเป็นมิตรและประหยัดเวลาเดินทางไปร้านแล้ว ยังประหยัดเวลาในการชงกาแฟด้วย เนื่องจากขั้นตอนการชง กาแฟแคปซูล ใช้เวลาราว 1 นาทีไม่ต้องรอนานเลย
   หากสนใจ เครื่องทํากาแฟแคปซูล ของ Nespresso กันบ้างอยากลองซื้อไปใช้เองแล้ว แนะนำให้ศึกษาข้อมูลรายละเอียดฟังก์ชั่นต่างๆ ในแต่ละเครื่อง ไม่ว่าจะดื่มน้อยดื่มมากเลือกขนาดของเครื่องชงกาแฟที่เหมาะให้กับตัวคุณ บางรุ่นมีฟังก์ชั่นระบบทำฟองนมสำหรับคนชอบรสชาติหวานมัน และระบบทำความสะอาดสำหรับคนที่กังวลเรื่องการล้างทำความสะอาดตัวเครื่อง นอกจากนี้ก็ยังฟังก์ชั่นมีประโยชน์อีกมากมาย ใช้งานได้ง่าย ดื่มด่ำกาแฟหลากรสชาติเติมสีสันความสดชื่นในแต่ละวัน

62
ในปัจจุบันความนิยมของกาแฟเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะเป็นเมนูขวัญใจของเหล่าพนักงานออฟฟิศอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมนู กาแฟเย็น ที่เติมความสดชื่นระหว่างวันได้ดีมาก รวมถึงเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อน  ๆ ของประเทศไทย ซึ่งการเติมฟองนมลงในเครื่องดื่มจะช่วยยกระดับรสชาติให้น่าสนใจยิ่งขึ้น หากคอกาแฟคนไหนอยากดื่มรสชาติที่หอมละมุนอย่ามองข้ามการใส่ฟองนมลงในแก้ว ดังนั้นเครื่องตีฟองนมจึงมีส่วนสำคัญในการชงกาแฟเป็นอย่างมาก

เครื่องตีฟองนม มีกี่ประเภท แบบไหนเหมาะกับคุณ
สำหรับใครที่สนใจ เครื่องที่ตีฟองนม แต่จะเลือกแบบไหนดี Nespresso ขอแนะนำประเภทของเครื่องตีฟองนม เพื่อให้คุณรู้จักและสามารถเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น ดังนี้
1.   เครื่องทำฟองนมแบบมือถือ เป็น ที่ทำฟองนม ขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวก แต่มีวิธีการใช้งานที่ต้องใช้มือจับตลอดเวลา ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 นาที เพื่อให้ได้ฟองนมปริมาณ 40 มิลลิลิตร ราคาถูกกว่าแบบอัตโนมัติ สามารถใช้ได้ทั้งกับนมอุ่นร้อนและนมสดแช่เย็น
2.   เครื่องที่ทำฟองนมอัตโนมัติ เป็นเครื่องที่ช่วยประหยัดเวลาในการทำฟองนมและช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อนมสดได้มากกว่า ยกตัวอย่าง Aeroccino3 เครื่องทำฟองนมที่ใช้เวลาในการทำฟองนม ปริมาณ 120 มิลลิลิตร ได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที และยังให้ฟองที่เนียนละเอียดสม่ำเสมอ รวมถึงมีรูปลักษณ์ที่สวยงามทันสมัย ขนาดกะทัดรัด ช่วยประหยัดพื้นที่และทำให้ห้องครัวดูสวยหรูยิ่งขึ้น ใช้งานง่ายและสามารถกดปุ่มเพื่อสั่งทำฟองนมร้อนหรือเย็นได้ตามสะดวก

หากทราบคุณสมบัติของ ที่ทำฟองนม ทั้ง 2 แบบ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ สิ่งที่ช่วยในการเลือกซื้อ เครื่องทำฟองนมให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คอกาแฟที่ Nespresso แนะนำ มีดังนี้
-   ความถี่ในการใช้งาน หากกาแฟแก้วโปรดเป็นเมนูกาแฟนมจำเป็นต้องมีฟองนมเนื้อละเอียด เครื่องตีฟองนม Aeroccino3 เป็นทางเลือกที่ดีกว่า แต่หากตีฟองนมเป็นครั้งคราวเครื่องทำฟองนมแบบมือถืออาจเหมาะกับคุณมากกว่า
-   งบประมาณ เครื่องทำฟองนมแบบมือถือจะมีราคาถูกกว่า แต่หากไม่ติดเรื่องงบประมาณในการซื้อ เครื่องทำฟองนมแบบอัตโนมัติจะช่วยให้คุณชงกาแฟนมแก้วโปรดได้อย่างสะดวก ง่ายดาย ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะใช้เวลาเพียง 1 นาที ในการทำฟองนมเนียนนุ่มโดยที่คุณไม่ต้องคอยควบคุมตัวเครื่อง
-   ภาพลักษณ์ของห้องครัว หากคุณเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการจัดแต่งห้องครัวและอยากได้เครื่องทำฟองนมที่ช่วยเพิ่มความสวยงามได้ Nespresso Aeroccino 3 คืออุปกรณ์ทำฟองนมที่เหมาะกับคุณมากกว่า เพราะมีดีไซน์สวย ขนาดกะทัดรัด

สิ่งสำคัญสำหรับการได้ฟองนมที่สมบูรณ์แบบบน กาแฟเย็น ควรที่จะมีฟองนมเนียนละเอียดนุ่มฟู สม่ำเสมอและช่วยประหยัดเวลาในการเสิร์ฟเมนูกาแฟแก้วโปรด

63
หากกล่าวถึงเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม กาแฟ เครื่องดื่มยอดฮิตย่อมต้องติดอันดับแน่นอน โดยเฉพาะสำหรับคนทำงานที่ต้องหาดื่มทุกเช้า เพราะกาแฟหนึ่งแก้วสามารถเพิ่มความสดชื่น แถมกลิ่นหอม ๆ ของกาแฟยังทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และสำหรับใครที่เป็นคอกาแฟและอยากออกแบบ เมนูกาแฟ ด้วยตัวเอง เพียงมีเครื่องทำกาแฟ Nespresso และแคปซูลกาแฟรสชาติที่ชอบก็สามารถสร้างสรรค์เมนูโปรดได้ง่าย ๆ แต่หากยังไม่มีไอเดีย เรามาดูสูตรกาแฟร้อนและ สูตรกาแฟเย็น 3 แบบ 3 สไตล์ที่คนรักกาแฟห้ามพลาด
1. Hot Americano & Iced Americano
แม้ อเมริกาโน่ร้อน และอเมริกาโน่เย็นจะเป็นเมนูง่าย ๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นเมนูยอดนิยม เพราะจะได้ลิ้มรสชาติกาแฟสุดเข้มข้นที่เสิร์ฟพร้อมกลิ่นหอมอ่อน ๆ โดยสูตรอเมริกาโน่แก้วนี้ชงง่ายมาก เพียงเลือกแคปซูลกาแฟอเมริกาโน่รสชาติโปรดปรานอย่าง Kazaar จำนวน 2 แคปซูล จากนั้นนำใส่ลงเครื่องทำกาแฟ Nespresso รอไม่นานเครื่องทำกาแฟจะผลิต เมนูกาแฟ อเมริกาโน่ออกมาที่ทั้งหอมและเข้มข้น หากรสชาติเข้มเกินไป ก็สามารถเติมน้ำเปล่าได้ตามเหมาะสม หรือหากไม่อยากดื่ม อเมริกาโน่ร้อน แนะนำให้เติมน้ำแข็ง เพื่อเปลี่ยนเป็น สูตรกาแฟเย็น ได้เช่นกัน
2. Latte Macchiato
อีกหนึ่งเมนูยอดฮิตที่ถูกปากคนรักกาแฟ นั่นคือ เมนูลาเต้ กาแฟใส่นม รสชาติไม่ธรรมดา และสูตรกาแฟนี้จะยิ่งทำให้ลาเต้มีความพิเศษยิ่งขึ้น การชง Latte Macchiato เริ่มจากการเตรียมฟองนมด้วยเครื่องทำฟองนม Nespresso Aeroccino จากนั้นเทใส่แก้วที่เตรียมไว้ เลือกกาแฟแคปซูลรสชาติที่ชื่นชอบ ในปริมาณ 1.5 ออนซ์ จากนั้นให้เทลงในแก้วที่เตรียมฟองนมไว้แล้ว โดยการเติมความพิเศษด้วยฟองนมอุ่น ๆ จะช่วยออกแบบรสชาติให้กลมกล่อม เพิ่มความนุ่มละมุนของรสชาติได้เป็นอย่างดี
3. Flat White
กาแฟใส่นม รสกลมกล่อม ฟองนมขาวละมุนที่คนรักกาแฟต้องลอง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เบื่อรสชาติกาแฟแบบเดิม ๆ โดย Flat White ชงง่ายด้วยการกดกาแฟแคปซูลปริมาณ 1.5 ออนซ์ จากนั้นเทนมเย็นประมาณ 100 มิลลิลิตร ลงในเครื่องทำฟองนม เมื่อได้ฟองนมสีขาวน่าทานแล้ว ให้เทฟองนมลงในแก้วกาแฟที่เตรียมไว้ ความยอดเยี่ยมของเมนูนี้คือนอกจากได้ลิ้มรสฟองนมนุ่มละมุนลิ้นแล้ว ยังได้ลิ้มรสชาติกาแฟที่เข้มข้นมาพร้อมกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟ นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเมนูที่คอกาแฟห้ามพลาด
แค่เครื่องทำกาแฟ Nespresso และแคปซูลกาแฟรสชาติโปรดปรานก็สามารถออกแบบหลากหลาย เมนูกาแฟ ได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว และนอกจาก 3 รสชาติที่หยิบมาแนะนำแล้ว เครื่องทำกาแฟ Nespresso ก็ยังสามารถชงกาแฟรสชาติอื่นได้ แต่ละเมนูมาพร้อมรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ เพราะเลือกใช้เมล็ดกาแฟเกรดพรีเมียมจากแหล่งปลูกที่ได้คุณภาพ

64
   เป็นที่รู้กันว่ากลิ่นหอมของกาแฟสดคั่วใหม่จะมีกลิ่นหอมที่แตกต่างจากกาแฟสำเร็จรูป ถ้าได้บาริสต้ามืออาชีพคอยรังสรรค์ปรุงแต่งก็จะได้กาแฟรสชาติเยี่ยม แต่คงไม่ดีแน่หากต้องคอยเปลี่ยนมือคนชงอยู่ตลอดเวลา เพราะนอกจากจะได้รสชาติกาแฟที่ไม่คงที่แล้ว อาจไม่ได้รสชาติตามที่ต้องการอีกด้วย จะดีกว่าไหมหากคุณมี เครื่องทำกาแฟสดแคปซูล ไว้ที่บ้านหรือที่ทำงานสักเครื่อง เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ กาแฟสด อร่อย ๆ ไว้ดื่มได้ทุกเวลาที่ต้องการ
   เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ในปัจจุบันได้รับการพัฒนาและตอบสนองความต้องการของคอกาแฟ มีฟังก์ชันการใช้งานมากขึ้น ขนาดเล็ก กะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวกและที่สำคัญราคาไม่แพงอย่างที่คิดเมื่อเทียบกับค่ากาแฟตามร้านกาแฟชั้นนำ อีกทั้งเมนู เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก ก็มีให้เลือกหลากหลาย สามารถนำมาประยุกต์และสร้างสรรค์รสชาติในแบบที่ตนเองต้องการได้

แนะนำ เครื่องชงกาแฟสดแคปซูล พร้อมฟังก์ชันการใช้งานทันสมัย
-   Essenza Mini D30 Silver
   เครื่องชงกาแฟสดแบบอัตโนมัติขนาดเล็กกะทัดรัด Essenza Mini D30 Silver จาก Nespresso เคลื่อนย้ายสะดวก น้ำหนักเพียง 2.6 กก. เท่านั้น แม้จะเป็นเครื่องชงกาแฟขนาดกะทัดรัด แต่ประสิทธิภาพและความสามารถไม่เล็กตาม โดยมีแรงดันน้ำที่มากถึง 19 บาร์ ทำกาแฟให้ได้ความหอมและความเข้มข้นของกาแฟได้สมบูรณ์แบบ บรรจุน้ำได้ 0.6 ลิตร มาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน ปิดตัวเองอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งานนาน 9 นาที
-   Inissia C40
   เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ Inissia C40 สีแดง มาพร้อมความสามารถที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่ยังคงเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก กะทัดรัด แรงดันน้ำ 19 บาร์ เคลื่อนย้ายสะดวก สามารถชงกาแฟได้ทั้ง Espresso และ Lungo เพื่อความหลากหลายในรสชาติ รวดเร็วทันใจด้วยระบบทำน้ำให้ร้อนในเวลาเพียง 25 วินาทีเท่านั้น จึงเหมาะกับบรรดาหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องการดื่มกาแฟสดในช่วงเวลาเร่งรีบก่อนไปทำงานในตอนเช้าได้ลงตัวที่สุด พร้อมโหมดประหยัดพลังงานอัจฉริยะ ปิดเครื่องอัตโนมัติใน 9 นาที หากไม่ได้ใช้งาน
-   New Lattissima One สีขาวใหม่
   เครื่องชงกาแฟแคปซูล New Lattissima One รุ่นใหม่นี้ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาการชงกาแฟให้หลากหลายเมนูมากยิ่งขึ้น เพื่อเอาใจคอกาแฟที่ต้องการประสบการณ์และความแปลกใหม่ของรสชาติ กาแฟสด แท้ ภายใต้การสัมผัสเพียงครั้งเดียว เช่น Espresso, Lungo, Macchiato, Cappuccino, Latte เนื่องจากเครื่อง Lattissima One รุ่นใหม่นี้มาพร้อมเครื่องทำฟองนมในตัว หากต้องการกาแฟในสดใส่นม เลือกเมนูที่ต้องการแล้วกดปุ่ม เพียงเท่านี้ก็รอรับกาแฟนมหอม ๆ ได้ดื่มเพิ่มความสดชื่นได้ทุกเวลา

   สำหรับ เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ ทั้ง 3 รุ่น จาก Nespresso แม้จะมีความสามารถในการชงกาแฟสดแคปซูลได้เหมือนกัน แต่ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คือ รูปทรง วัสดุและอุปกรณ์เสริม เพราะใน 2 รุ่นแรก สามารถซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมในภายหลัง หรือจะเลือกเครื่องที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมได้ในทันที ในขณะที่รุ่นหลังสุดมาในแบบ Full Option ทำเมนูกาแฟได้หลากหลายด้วยการสัมผัสเพียงครั้งเดียว ซึ่งทั้ง 3 เครื่องที่แนะนำนี้มาพร้อมฟังก์ชันการชงกาแฟสดแบบแคปซูลที่ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองและคนทั่วไปได้อย่างดี หากใครที่เป็นคอกาแฟจะต้องไม่พลาดอย่างแน่นอน

65
   เหตุผลของการซื้อ เครื่องชงกาแฟแคปซูล มาใช้ที่บ้าน หากพูดตรง ๆ เลยสิ่งที่คอกาแฟคำนึงถึงอย่างแรกคือความสะดวกในการชงกาแฟ รวมถึงการประหยัดค่าใช้จ่าย ถือว่าลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ส่วนคนที่สนใจเรียนรู้เทคนิคการชงกาแฟหลายแบบจะอาศัย เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ของ Nespresso เป็นทางลัดช่วยให้ปรุงแต่งรสชาติหรือสร้างลวดลายบนกาแฟสไตล์ลาเต้อาร์ตได้ง่ายกว่าที่คิด มาดูกันว่าเหตุผล 5 ข้อที่ควรซื้อเครื่องชงกาแฟสดติดบ้านไว้มีอะไรบ้าง
   1.ชงกาแฟด้วยตัวเองได้ง่ายด้วยระบบชงกาแฟอัตโนมัติ คนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำและทราบกรรมวิธีชงกาแฟให้รสชาติคงที่แบบมืออาชีพไม่ใช่เรื่องง่าย หากเปรียบเทียบกับกาแฟดริปหรือวิธีชงกาแฟแบบดั้งเดิมยิ่งยากขึ้นไปอีก วิธีใช้เครื่องชงกาแฟ สะดวกง่ายดายมาก เพียงกดปุ่มให้ระบบทำงานอัตโนมัติ สนุกกับการชงกาแฟสดได้ดื่มด่ำกับรสชาติอร่อยเข้มข้นได้ในเวลาไม่ถึงนาที
2.ประหยัดค่าใช้จ่าย มี เครื่องทำกาแฟสด ของ Nespresso ติดบ้านไว้พร้อมดื่มกาแฟแก้วโปรดได้ทุกวันตามเวลาสะดวก จะดีแค่ไหนที่กดปุ่มชงดื่มได้ทันที มีกาแฟแคปซูลหลายยี่ห้อหลายรสชาติ เช่น Nespresso คัดเลือกกาแฟมา 5 ชนิด มีรสชาติมากถึง 30 แบบให้เลือก สนนราคาเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติเครื่องละไม่กี่พันบาท คำนวณแล้วเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าราคาที่ขายในร้านคาเฟ่ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปต่อคิวรอในร้าน เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบกาแฟมาก ๆ และดื่มทุกวันหรือวันละหลายแก้ว
3.เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ สร้างสรรค์เมนูกาแฟได้หลากหลายแบบ มีกาแฟแคปซูลให้เลือกชง กาแฟสด หลายเมนู นำมาต่อยอดเมนูกาแฟได้ง่ายขึ้น เครื่องชงกาแฟที่มีฟังก์ชั่นระบบทำฟองนมด้วยก็เป็นข้อดีไม่น้อย เพิ่มความสะดวกในการชงกาแฟสไตล์ลาเต้อาร์ตที่สวยงามและคนรักกาแฟต้องชื่นชอบแน่นอน
4.เปิดร้านกาแฟสดสร้างรายได้ สำหรับคนที่กำลังมองหาช่องทางสร้างรายได้ ในช่วงนี้ร้านกาแฟสดเปิดใหม่เสนอเมนูเครื่องดื่มให้เลือกหลากหลายกำลังเป็นที่นิยม เพราะสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ถึงจะไม่ใช่บาริสต้ามืออาชีพแต่ วิธีใช้เครื่องชงกาแฟสด ของ Nespresso เป็นระบบอัตโนมัติที่สะดวกง่ายดาย เรียนรู้สูตรกาแฟต่าง ๆ พร้อมกับฝึกฝนปรุงแต่งเมนูแปลกใหม่ไม่เหมือนกันได้ง่ายขึ้น
5.คุณสมบัติของเครื่องชง กาแฟสด มีหลายแบบตั้งแต่ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ดีไซน์ทันสมัยขนาดกะทัดรัดไม่กินพื้นที่ วางไว้ได้ทุกห้องในบ้าน เป็นอุปกรณ์ใช้งานออฟฟิศ หรือขนาดใหญ่สำหรับใช้งานในร้านกาแฟสด แตกต่างจากเครื่องชงกาแฟรุ่นเก่าที่ใหญ่กินพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่มีประโยชน์ เช่น ตั้งโปรแกรมการชงได้ มีเครื่องทำฟองนมในตัว มาพร้อมระบบทำความสะอาด ระบบปิดการใช้งานอัตโนมัติ
   หากคุณเป็นคอกาแฟ ห้ามพลาดซื้อ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ติดบ้านไว้ใช้งานเป็นประจำถือว่าสมเหตุสมผล คุณเองก็ทราบดีว่าชงกาแฟสดอร่อยกว่ากาแฟสำเร็จรูป คุ้มค่าทั้งเรื่องสะดวก ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา การบำรุงรักษาก็ไม่ยาก ลองศึกษาดี ๆ ก่อนตัดสินใจเลือกเครื่องคุณภาพดีคุ้มราคา

66
เคยเป็นกันบ้างไหมว่าเมื่อติดอกติดใจกาแฟรสชาติที่ชอบอยากจะไปชิมอีก แต่ด้วยระยะทางและเวลาไม่อาจอำนวยได้ จำเป็นที่จะต้องดื่มกาแฟรสชาติเดิม ๆ แถวบ้านต่อไป ซึ่งจริง ๆ แล้วทุกคนสามารถชงกาแฟรสชาติเยี่ยมจากบาริสต้าชื่อดังได้ที่บ้านแล้ว เพราะตอนนี้มีเครื่องชงกาแฟสดจาก Nespresso ออกมาจำหน่ายในราคาที่สัมผัสได้แถมรสชาติดีเยี่ยมเหมือนมีบาริสต้าชื่อดังมาชงให้ถึงบ้าน โดยวันนี้จะมาแชร์ สูตรชงกาแฟสด ทั้งกาแฟร้อน กาแฟใส่นม และ กาแฟสดเย็น สุดฮิตที่หลายคนชอบกัน
1.   กาแฟดำ รสเยี่ยมจากทั่วโลก
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบกาแฟดำร้อน เข้มข้น แอบนุ่มนวล เพื่อความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าในยามเช้า ขอแนะนำการชงกาแฟแบบเอสเปรสโซ ช็อต  ขนาด 40 มล. ซึ่งระดับการคั่วของกาแฟก็จะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่แตกต่างกัน รู้หรือไม่ว่า กาแฟคั่วอ่อนนอกจากจะไม่ขมแล้วยังหอม อมเปรี้ยวนิด ๆ ได้แก่ VOLLUTO, COSI แต่ถ้าใครต้องการความเข้มข้นถึงใจ ต้องเป็นกาแฟคั่วกลาง-เข้ม ได้แก่ KAZAAR, NAPOLI
2.   กาแฟใส่นม
กาแฟใส่นม ส่วนใหญ่จะมีรสชาติหวาน หอมละมุนไปกับฟองนมและสารเติมแต่งอื่น ๆ เช่น คาราเมล, อบเชย เมื่อนำมารวมกับกาแฟจึงทำให้ได้รสชาติกลมกล่อมและลงตัวมากที่สุด โดยเฉพาะ สูตรลาเต้เย็น และคาปูชิโน่ร้อนพร้อมฟองนมนุ่ม ๆติดขอบปาก บ่งบอกได้เลยว่า เมนูกาแฟ นี้อร่อยอย่างแน่นอน การชงนั่นไม่ยากสามารถทำตามได้ดังนี้
-   สูตรกาแฟสดเย็น สูตรนี้จะเป็น เมนูลาเต้ มัคคิอาโต้ สิ่งที่ต้องเตรียมคือ กาแฟแคปซูล รสใดก็ได้ชงในแบบเอสเพรสโซ่ขนาด 40 มล., น้ำตาล, นมสดเย็น 100-120 มล.
-   กดกาแฟเอสเปรสโซรสชาติที่ต้องการพักไว้ให้เย็น เติมน้ำตาลตามใจชอบ
-   ปั่นนมด้วยเครื่องทำฟองนม Aeroccino หรือหัวฉีดไอน้ำจากเครื่องชงกาแฟ Nespresso
-   เทนมที่ปั่นลงในแก้วที่เตรียมไว้
-   เทกาแฟที่เตรียมไว้ลงในแก้วที่มีนมปั่น เพียงเท่านี้ก็ได้กาแฟ ลาเต้ มัคคิอาโต้ ตามที่ต้องการแล้ว
3.   กาแฟพร้อมอาหารเช้าในตัว
เมนูกาแฟ นี้สำหรับคนที่เร่งรีบและต้องการทานอาหารเช้าควบคู่ไปกับกาแฟแก้วโปรด แต่ใช้เวลาในการทำน้อยกว่าทำอาหาร ได้แก่  สูตรชงกาแฟสด Granola Coffee นั่นเอง สิ่งที่ต้องเตรียมได้แก่ กาแฟแคปซูล Capriccio, Ristretto Decaffeinato อย่างใดอย่างหนึ่ง, ท็อปปิ้ง, นมสด, ผลไม้อบแห้งและซีเรียล
-   เริ่มแรกด้วยการทำกาแฟแบบ เอสเปรสโซ 40 มล. เทลงในแก้วกาแฟทรงสูง
-   ทำฟองนมด้วยเครื่องทำฟองนม Aeroccino
-   เทนมและฟองนมลงในแก้วทรงสูงที่มีกาแฟอยู่
-   ใส่ท็อปปิ้ง ซีเรียล ผลไม้อบแห้งตามใจชอบ
ทั้ง 3 สูตรชงกาแฟสด สูตรจากเนสเพรสโซ่ ทุกคนสามารถนำไปชงเพื่อเป็นเครื่องดื่มประจำตัวโดยไม่ต้องง้อบาริสต้าเลย หากใครสนใจในเครื่องชงกาแฟแคปซูล สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nespresso.com/th/th/order/machines

67
   การดื่มกาแฟดำนั้นดีต่อสุขภาพ เพราะกาแฟดำเข้ม ๆ แบบเพียว ๆ ไม่ว่าจะเป็น espresso หรือ americano นั้นนอกจากจะให้คาเฟอีนช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าแล้วยังช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ วันนี้เลยอยากจะชวนคอกาแฟสายเฮลตี้มาดื่มกาแฟดำแบบคั่วอ่อนที่จะช่วยเพิ่มมิติใหม่ให้กับการดื่มกาแฟดำพิเศษขึ้นกว่าเดิม
   ตามปกติแล้วคนส่วนใหญ่มักจะมองว่ากาแฟดำนั้นจะดื่มยากเพราะทั้งขมและกลิ่นแรง เหตุผลเพราะว่าไม่เข้าใจประเภทระดับการคั่วกาแฟ ของ Nespresso ของกาแฟที่นำมาชง แน่นอนว่ากาแฟดำที่ขมมากนั้นส่วนใหญ่จะใช้ กาแฟคั่วเข้ม ชง ซึ่งเจ้า กาแฟคั่วเข้มคือ กาแฟที่ผ่านการคั่วจนเมล็ดกาแฟสุก เมล็ดกาแฟจะแตกถึง 2 ครั้ง ทำให้เมล็ดกาแฟมีสีน้ำตาลเข้มพร้อมมันเงา หอมกลิ่นไหม้อันเป็นเอกลักษณ์ เมื่อนำไปชงแล้วจะให้เนื้อสัมผัสที่หนักแน่นเข้มข้น รสชาติขม เหมาะกับการชงเป็นช็อต espresso คนที่ไม่ชินกับการดื่มกาแฟดำเพียว ๆ จึงรู้สึกฝืดคอเมื่อต้องดื่ม
   ซึ่ง กาแฟคั่วกลาง เป็นกาแฟที่คั่วจนมีเสียงแตกเพียงแค่ 1 ครั้ง ทำให้เมล็ดกาแฟมีสีน้ำตาลอ่อน ๆ รสชาติไม่ขมมากแต่จะมีความเปรี้ยวเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ แถมยังปนความหวานเบา ๆ เนื้อบอดี้กาแฟหนักเข้ากันได้ดีกว่านมจึงเหมาะกับการชงเมนูกาแฟผสมนมทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น latte, cappuccino, mocha ฯลฯ เป็นอย่างมาก แต่ถ้าชงเป็นกาแฟดำก็จะให้ระดับความเข้มของกาแฟ ของ Nespresso ขมน้อยกว่าแบบ กาแฟคั่วเข้ม แต่ด้วยความที่เนื้อสัมผัสบอดี้ของกาแฟหนักทำให้บางคนยังรู้สึกว่าเข้มข้นและขมอยู่เล็ก ๆ ได้ แนะนำให้ไปชงเป็นกาแฟดำแบบ americano ดื่มแบบเย็นก็พอจะลดความเข้มข้นลงได้บ้าง
   เราเลยอยากจะเสนอทางเลือกไหมในการดื่มกาแฟดำด้วย กาแฟคั่วอ่อน ซึ่งเป็นกาแฟที่ผ่านการคั่วน้อยที่สุด เมล็ดกาแฟยังสีทองอ่อน ๆ ไม่มีกลิ่นคั่วไหม้ รสชาติไม่ขม หากแต่มีความเป็นผลไม้ให้รสชาติเปรี้ยวฝาด เหมาะกับการชงกาแฟดำแบบร้อนเป็นที่สุด ดื่มแล้วให้ความสดชื่น ไม่ขมเข้ม แต่จะเปรี้ยวอ่อน ๆ ให้มิติใหม่ในการดื่มกาแฟดำที่ต่างไปจากเดิม
   ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะดื่มกาแฟดำเพื่อสุขภาพแต่จะทำใจไม่ได้สักทีกับกลิ่นและความขมลองหันมาใช้ กาแฟคั่วอ่อน ดูบางทีคุณอาจจะพบแนวมิติใหม่ ๆ ในการดื่มกาแฟดำที่คุณเองจะตกหลุมรักโดยไม่รู้ตัว
   

68
   คอกาแฟสดที่ติดใจกลิ่นหอมเสน่ห์ของกาแฟแท้ หลายคนเริ่มมองหา เครื่องชงกาแฟแคปซูล ของ Nespresso ไว้ใช้งานที่บ้านโดยเฉพาะ โดยรุ่นเริ่มต้นขนาดกะทัดรัดและน้ำหนัก ราคาเริ่มต้นหลักพันเหมาะใช้งานในบ้าน ชงได้ทั้งกาแฟดำและกาแฟนม มีหลายเมนูรสชาติตามสูตรเป๊ะเหมือนยกร้านกาแฟมาไว้ที่บ้าน เหมาะกับชีวิตประจำวันช่วยประหยัดเวลาในวันที่รีบเร่ง
   เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ เป็นอุปกรณ์ในฝันของคอกาแฟตัวจริง วิธีการใช้งานง่ายมาก เพียงแค่ใส่ กาแฟแคปซูล แล้วกดปุ่มก็จะได้จิบกาแฟร้อนกลมกล่อมพร้อมดื่มในไม่กี่วินาทีเท่านั้น รสชาติดีไม่ต่างจากฝีมือการชงกาแฟสดแสนละเมียดละไมของบาริสต้ามืออาชีพ โดยไม่ต้องใช้เครื่องบดเมล็ดกาแฟ สะดวกกว่าตรงที่ชงดื่มเองภายในบ้านไม่ต้องออกไปต่อคิวรอในร้าน มีกาแฟแคปซูลให้เลือกหลายรสชาติ กลิ่นหอมละมุนของกาแฟคั่วบดมีเอกลักษณ์จะดีแค่ไหนถ้าได้ดื่มกาแฟสดช่วงเวลาเช้าที่เร่งรีบและเติมความกระปรี้กระเปร่าระหว่างวัน
เครื่องชงกาแฟ ของ Nespresso ขนาดกะทัดรัด ดีไซน์ทันสมัย น้ำหนักเบา ง่ายต่อการจัดวางตามมุมต่างๆ ในบ้าน ถูกใจคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย ระบบประหยัดพลังงานเริ่มจับเวลาหลังจากใช้งานเสร็จแล้วไม่เกิน 10 นาทีจะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติช่วยประหยัดค่าไฟ อุปกรณ์ชงกาแฟที่ออกแบบมาให้เลือกหลายรุ่นตอบโจทย์การใช้งานตามความต้องการของแต่ละบุคคล มีทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ รุ่นที่ทำเฉพาะกาแฟดำและรุ่นที่ทำกาแฟนมได้ด้วย มาพร้อมระบบทำฟองนมเนียนนุ่มทำลวดลายบนหน้ากาแฟสไตล์ลาเต้อาร์ตยกระดับสุนทรีย์ของกาแฟชั้นดีไปอีกขั้น
   โดยแต่ละเครื่องทํากาแฟแคปซูล ของ Nespresso มีวิธีการใช้งานแตกต่างกันขึ้นอยู่กับฟังก์ชั่นของตัวเครื่อง ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อควรพิจารณาว่าเครื่องนั้นชงกาแฟเมนูโปรดของคุณได้หรือไม่ หากดื่มกาแฟนม แนะนำเครื่องที่ทำได้ทั้งกาแฟดำและกาแฟนม รวมทั้งรุ่นที่มีระบบทำฟองนมสำหรับคนรักกาแฟราดฟองนมหรือนมร้อน ช่วยให้การชงกาแฟลาเต้, คาปูชิโน, รักมัคคิอาโต้, แฟลทไวท์ และคอร์ตาโด เป็นเรื่องง่าย กาแฟแคปซูล อัดแน่นด้วยคุณภาพตอบสนองรสนิยมและความต้องการของคอกาแฟเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับใช้งานในบ้านอย่างแท้จริง
ในกรณีที่ต้องการเลือก เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ของ Nespresso ที่เต็มไปด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่า เช่น เครื่องทำฟองนม ระบบเเจ้งเตือน และระบบทำความสะอาด เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคนดื่มกาแฟหลากหลายรสชาติ หรือตั้งไว้ในสำนักงานและห้องประชุม ในช่วงพักสั้นๆ จิบกาแฟสดหอมกรุ่นเติมพลังความสดชื่นหลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนานหลายชั่วโมง  หรือเสิร์ฟกาแฟสดรสชาติมาตรฐานให้แขกที่มาบ้านหรือลูกค้าที่มาสำนักงานสร้างความประทับใจได้เสมอ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ทำความสะอาดและบำรุงรักษาน้อย บางรุ่นมีระบบทำความสะอาดในตัวนับว่าสะดวกมาก หากใครเป็นคอกาแฟควรมีไว้เป็นของตัวเองสักเครื่อง

69
   เมื่อจะชงกาแฟนมนอกจากรสชาติแล้ว ฟองนมที่อยู่บนกาแฟก็จำเป็นต้องทำออกมาให้ดีด้วย เพื่อช่วยเสริมรสชาติของกาแฟให้ดียิ่งขึ้น ฟองนมนอกจากจะช่วยรักษาอุณหภูมิของกาแฟและลดความเข้มของกาแฟลงแล้ว ยังใช้ตกแต่งกาแฟทั้งเมนูกาแฟร้อนและเมนู กาแฟเย็น ให้มีความสวยงามน่ารับประทานอีกด้วย และยิ่งถ้าเป็นฟองนมที่ได้จาก ที่ทำฟองนม ก็ยิ่งช่วยให้ฟองนมขึ้นฟู เนียนนุ่ม และคงตัวนาน

   วันนี้เรามี 5 วิธีทำฟองนมมาฝาก ไม่ว่าจะเปิดร้านเองหรือจะทำดื่มเองที่บ้านก็ทำได้ไม่ยากเลย มาดูวิธีทำฟองนมจากเครื่องทำฟองนมแต่ละแบบพร้อม ๆ กัน
1.   เครื่องชงกาแฟเฟรนช์เพรส นอกจากใช้ชงกาแฟแล้วเครื่องชงกาแฟแบบเฟรนช์เพรสยังสามารถใช้ทำฟองนมได้ด้วย โดยการใส่นมลงไปและยกก้านขึ้นลงก็จะได้ฟองนมที่ขึ้นฟูและละเอียด แต่ต้องรอสักพักให้ฟองอากาศหายไปก่อนนำมาใส่กาแฟ การใช้เครื่องเฟรนช์เพรสต้องใช้ด้วยความระมัดระวังเนื่องจากวัสดุเป็นแก้วที่แตกง่าย และเครื่องชงอาจมีอายุการใช้งานน้อยลงเนื่องจากการใช้ความร้อน ความเย็น และการขึ้นลงของก้านที่ทำให้แผ่นกรองสึกหรอเร็วขึ้น
2.   เหยือกปั๊มฟองนม เป็น เครื่องตีฟองนม ที่ทำมาสำหรับการทำฟองนมโดยเฉพาะ จึงมีความคงทนและทำฟองนมได้ขึ้นฟู ละเอียด และคงตัวได้นานกว่าวิธีแรก แต่เหยือกจำเป็นต้องเย็นเมื่อใช้ทำฟองนมเย็น จึงควรนำไปแช่ตู้เย็น ใส่ถังน้ำแข็ง หรือใส่น้ำแข็งไว้ก่อนนำมาใช้ วิธีการทำฟองนมจากเหยือกปั๊มฟองนมเพียงแค่เทนมใส่เหยือก ปิดฝา และยกก้านปั๊มขึ้นลง แค่นี้ก็ได้ฟองนมที่มีเนื้อเนียนละเอียดออกมาแล้ว
3.   ก้านปั่นฟองนม เป็น ที่ทำฟองนม ที่ใช้งานง่ายมาก แค่นำนมที่ต้องการทำฟองนมใส่ลงในภาชนะแล้วนำก้านปั่นลงไปปั่นให้เกิดฟองนม ซึ่งระดับก้านปั่นที่ใส่ลงไปในนมนั้นไม่ควรอยู่สูงหรือต่ำเกินไป เพราะจะทำให้ฟองนมไม่ขึ้นฟูอย่างที่ต้องการ รวมทั้งต้องนำนมไปอุ่นร้อนก่อนหากต้องการทำฟองนมสำหรับกาแฟร้อน
4.   ก้านสตีม ถ้ามีเครื่องทำกาแฟสดที่มีก้านสตีมอยู่แล้วก็สามารถใช้ก้านสตีมเป็นที่ทำฟองนมได้เลย เช่นเดียวกับก้านปั่นฟองนมที่จะต้องวางตำแหน่งก้านให้เหมาะสมเพื่อทำให้ฟองนมขึ้นฟู การใช้ก้านสตีมไม่จำเป็นต้องนำนมไปอุ่นก่อนเนื่องจากก้านสตีมจะมีความร้อนที่ช่วยให้นมอุ่นขึ้นอยู่แล้ว
5.   เครื่องตีฟองนม แบบไฟฟ้าที่มีการทำงานอัตโนมัติ ไม่ต้องกังวลเรื่องอุณหภูมิของนม การเตรียมอุปกรณ์ รวมถึงความเร็วในการปั่น เพียงแค่นำนมออกมาจากตู้เย็นแล้วเทใส่เครื่องจากนั้นก็กดปุ่มเลือกว่าจะทำฟองนมเย็นหรือฟองนมร้อน รอสักพักก็จะได้ฟองนมแบบที่ต้องการออกมาแล้ว และสามารถนำฟองนมที่ได้ใส่ลงบนกาแฟร้อนหรือ กาแฟเย็น ได้เลย

เทคนิคการทำฟองนมให้ขึ้นฟู เนียนนุ่ม และคงตัวนาน
การทำให้ฟองนมขึ้นฟูและมีเนื้อละเอียด นอกจากจะได้มาจาก เครื่องตีฟองนม แล้วก็ยังมีเทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้ฟองนมขึ้นฟู เนียนนุ่น และคงตัวนานได้อีก
1.   ใช้นมที่มีไขมันเต็มหรือนมที่ใช้สำหรับทำฟองนมโดยเฉพาะ เพื่อให้ฟองนมขึ้นฟูง่าย มีเนื้อละเอียด และคงตัวได้นาน
2.   ใช้นมแช่เย็น นมที่มีความเย็นไม่พอจะทำให้ฟองนมยุบตัวง่าย
3.   ที่ทำฟองนม ต้องไม่มีไอน้ำหรือน้ำตกค้าง เพราะจะส่งผลให้นมเจือจาง ทำให้ตีฟองนมขึ้นฟูยากขึ้น
4.   เครื่องตีฟองนมต้องมีกำลังมากพอ เครื่องที่กำลังไม่พอจะทำให้ได้ฟองนมเนื้อหยาบ ไม่ละเอียด

เมื่อเปรียบเทียบเครื่องตีฟองนมแบบใช้มือกับแบบใช้ไฟฟ้าแล้ว เครื่องตีฟองนมแบบไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องใช้ความชำนาญ เครื่องสามารถทำงานอัตโนมัติ ไม่ต้องออกแรง ประหยัดพลังงาน ทำความสะอาดเครื่องง่าย และที่สำคัญได้ฟองนมที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ ให้การดื่มกาแฟได้อรรถรสยิ่งขึ้น

ชมรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.nespresso.com/th/th/aeroccino-accessories-collection
https://www.nespresso.com/th/th/aeroccino-accessories-collection
https://www.nespresso.com/th/th/aeroccino-accessories-collection
https://www.nespresso.com/th/th/how-to-make-latte-art

70
ปัญหาอย่างหนึ่งในการชงกาแฟนมดื่มเองนั่นคือการทำฟองนม เพราะหากเมนูกาแฟนมยอดฮิตอย่างลาเต้ มัคคิอาโต้ มอคค่า รวมทั้ง คาปูชิโน่ มีฟองนมนุ่มเนื้อเนียนละเอียดก็จะมีความอร่อยขึ้นมามาก
ตัวช่วยที่ทำให้การชงเมนูกาแฟนมง่ายและสะดวกขึ้นนั่นคือ เครื่องตีฟองนม ซึ่งปัจจุบันหาซื้อได้ง่ายและมีหลายแบบให้เลือก โดยทุกแบบต่างมีหลักการทำงานเช่นเดียวกัน กล่าวคือการทำฟองนมหรือการสตีมนมนั้นเป็นการเพิ่มอากาศเข้าไปในนมพร้อมปรับอุณหภูมิของนมให้ร้อนขึ้น เมื่อถึงจุดสมดุลโปรตีนและไขมันในนมจะจับตัวกันเป็นตาข่ายเพื่อไปดักจับฟองอากาศจากก้านเป่าฟองนม ยิ่งฟองนมมีเนื้อเนียนนุ่มมากเท่าไหร่ก็จะให้รสสัมผัสที่นุ่มละมุนลิ้นมากขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้อุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการทำฟองนมคือ 55 – 65 องศาเซลเซียส เพราะอุณหภูมิในช่วงนี้ทำให้ไขมันในนมละลายเป็นของเหลวที่มีความยืดหยุ่นเกาะอยู่รอบ ๆ ฟองอากาศ ในขณะที่โปรตีนในนมเกิดการคลายตัวและเกาะอยู่บริเวณพื้นผิวของฟองอากาศ

โดยทั่วไป เครื่องทำฟองนม มี 2 ประเภท
1.   เครื่องทำฟองนม แบบมือถือ ส่วนใหญ่ใช้ถ่านไฟฉายขนาด AA หรือใช้การเสียบสาย USB สำหรับชาร์จไฟมาให้ด้วย ข้อดีคือใช้งานง่ายมีเพียงแค่ปุ่มเปิด-ปิด สะดวก ขนาดกะทัดรัด ราคาไม่แพง นอกจากใช้ทำฟองนมแล้วยังสามารถใช้เตรียมอาหารอื่นได้ เช่น ตีไข่ หรือใช้เป็นอุปกรณ์ผสมเบเกอรีในปริมาณไม่มากนัก ข้อเสียของเครื่องทำฟองนมประเภทนี้คือเปลืองแบตจึงต้องเปลี่ยนถ่านไฟฉายบ่อย ทั้งความแรงในการตีไม่คงที่และใช้เวลานานกว่าแบบอัตโนมัติ 
2.   เครื่องทำฟองนม อัตโนมัติ ทำงานด้วยระบบไฟฟ้าจึงเสถียรกว่าและให้ความเร็วรอบในการตีฟองนมคงที่ ใช้เวลาไม่นานก็ได้ฟองนมที่มีเนื้อเนียนละเอียดคุณภาพดี ฟังก์ชันใช้งานง่าย สะดวก และรวดเร็ว เครื่องทำฟองนมประเภทนี้ยังมาพร้อมกับดีไซน์สวยในรูปแบบของแก้วหรือเหยือกที่มีฝาปิดช่วยให้การตีฟองนมเป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่กระเด็นหกเลอะเทอะ ทั้งยังมีหลายขนาดให้เลือกใช้ ข้อเสียคือมีราคาแพงกว่าและคล่องตัวน้อยกว่าแบบมือถือเนื่องจากจำเป็นต้องเสียบปลั๊กไฟเพื่อใช้งาน

หนึ่งใน เครื่องตีฟองนม แบบอัตโนมัติที่แนะนำคือ Aeroccino 3 จาก Nespresso ซึ่งออกแบบมาอย่างพิถีพิถันทั้งดีไซน์อันเรียบหรูและฟังก์ชันการใช้งานที่สามารถตอบรับทุกความต้องการไม่ว่าจะเป็นเมนูร้อนหรือเย็น ลาเต้หรือ คาปูชิโน่ ก็ตีฟองนมง่ายภายใต้ปุ่มเดียว ได้ปริมาณมากถึง 120 มล. แถมยังประหยัดพลังงานด้วยเพราะกินไฟเพียง 0.1 วัตต์เท่านั้น 
จากนี้ไปการชงเมนูกาแฟนมให้ได้อรรถรสครบถ้วนก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แค่มี Aeroccino 3 ติดบ้านไว้ จะเสิร์ฟเมนูไหนก็พร้อมเสมอ

ชมรายละเอียดที่
https://www.nespresso.com/th/th/aeroccino-accessories-collection
https://www.nespresso.com/th/th/aeroccino-accessories-collection
https://www.nespresso.com/th/th/aeroccino-accessories-collection

71
    “กาแฟ” ถือเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตที่ได้รับความนิยมในคนทั่วทุกวัย บางคนชื่นชอบการดื่มกาแฟมากถึงขั้นซื้อเมล็ดกาแฟสดมาคั่วบดเองที่บ้านเพื่อเนรมิตกาแฟที่ชอบด้วยตัวเอง แต่ในปัจจุบัน ได้มีการคิดค้น แคปซูลกาแฟ ที่เป็นการนำกาแฟคั่วบดแท้ ๆ มาบรรจุอยู่ในแคปซูล เพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลาในการชงกาแฟยิ่งขึ้นไปอีก แถมยังมีให้เลือกหลากหลายรสชาติ เราจะพาไปทำความรู้จักกับกาแฟแคปซูลให้มากขึ้นกัน

กาแฟแบบแคปซูลคืออะไร แตกต่างจากกาแฟซองอย่างไร?
   กาแฟแคปซูล (Single-Serve Coffee Container) คือ กาแฟสดที่บรรจุอยู่ในแพ็กเกจแบบแคปซูลใช้ครั้งเดียว สามารถเก็บรักษารสชาติและกลิ่นของกาแฟได้เหมือนกับกาแฟที่เพิ่งคั่วบดใหม่ ๆ ซึ่งเคล็ดลับความสดใหม่ของกาแฟแบบแคปซูลอยู่ที่ตัวบรรจุภัณฑ์ที่ฝาซีลด้วยฟอยล์ปิดสนิท ช่วยป้องกันความชื้น ทนต่อความร้อน สามารถกักเก็บรสชาติและความหอมของกาแฟเอาไว้ได้ยาวนาน เมื่อต้องการดื่มก็เพียงแค่เปิดฝาแคปซูลออกแล้วใส่ลงไปในเครื่องชงกาแฟ และรอให้เครื่องทำงาน ใช้เวลาไม่ถึง 2 – 3 นาที เราก็จะได้กาแฟสดสูตรที่ถูกใจออกมาดื่มได้เองที่บ้านแบบชิล ๆ เมื่อเทียบกับ “กาแฟซอง” แล้ว กาแฟสดที่ได้จาก แคปซูลกาแฟ มีคุณภาพของกาแฟที่ดีกว่ามากทั้งความหอมและความเข้ม สามารถนำกาแฟที่ได้จากเครื่องชงไปทำเป็นเมนูกาแฟอื่น ๆ ที่ชอบได้อีกด้วย

ประโยชน์ของการดื่มกาแฟแบบแคปซูล
   แม้จะเป็นเพียงกาแฟสดที่บรรจุอยู่ในแคปซูลถ้วยเล็ก ๆ แต่นวัตกรรมนี้ก็เอื้อประโยชน์หลายอย่างให้กับผู้ดื่ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้กาแฟแบบแคปซูลมีจุดเด่นที่แตกต่างไปจากกาแฟซองหรือแม้แต่กาแฟคั่วสด
•   สะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์ความเร่งรีบ
   ประโยชน์ของกาแฟ แบบแคปซูลอย่างแรกคือความสะดวกรวดเร็ว สามารถชงผ่านเครื่องชงอัตโนมัติใช้เวลาตั้งแต่แกะฝาแคปซูลไปจนถึงได้กาแฟพร้อมดื่มไม่เกิน 2 – 3 นาทีเท่านั้น โดยใช้เวลารอน้ำร้อนไม่เกิน 30 วินาที จากนั้นก็เพียงแค่ใส่แคปซูลเข้าไปในเครื่อง กดปุ่ม ไม่นานกาแฟหอม ๆ ก็จะไหลลงมาในแก้ว สะดวกและรวดเร็วกว่ากาแฟซองหรือกาแฟคั่วสด
•   มีหลากหลายรสชาติ ไม่จำเจ
   ปัจจุบันมีกาแฟแบบแคปซูลหลากหลายรสชาติให้เลือกซื้อ มีทั้งแบบใช้เมล็ดกาแฟคุณภาพสูงอย่าง “โรบัสต้า” หรือ “อาราบิก้า” ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบกาแฟดำ ไม่เติมส่วนผสม หรือแบบกาแฟนมที่มีการเติมครีมและนมเพื่อเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น มีให้เลือกทั้งแบบร้อนและเย็น
•   หาซื้อง่ายทั้งตามห้างสรรพสินค้าและร้านค้าออนไลน์
   ปัจจุบันมีผู้ผลิตกาแฟแบบแคปซูลหลายราย มีสินค้าออกมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก มีให้เลือกซื้อหลากหลาย สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป หรือสามารถสั่งซื้อออนไลน์ให้จัดส่งถึงบ้านได้อีกด้วย

กาแฟแบบแคปซูลเหมาะกับใคร?
   เนื่องจาก กาแฟแคปซูล ถูกคิดมาเพื่อประหยัดเวลาในการชงกาแฟ แต่ยังคงได้กาแฟที่มีรสชาติและกลิ่นใกล้เคียงกับกาแฟคั่วสด แม้ว่าจะต้องใช้ร่วมกับเครื่องชงกาแฟ แต่เครื่องชงส่วนใหญ่ก็มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา สามารถนำไปวางในพื้นที่เล็ก ๆ ได้อย่างสะดวก ทำให้เหมาะสำหรับพนักงานออฟฟิศที่ต้องการกาแฟรสชาติดีที่ ชงและดื่มได้รวดเร็ว สามารถวางไว้ที่เคาน์เตอร์หรือบาร์เครื่องดื่มของออฟฟิศได้ ชงดื่มกันได้ทั้งวัน หรือจะมีไว้ติดบ้านสำหรับเป็นเครื่องดื่มในยามเช้าก่อนออกไปทำงานก็สะดวกและประหยัดเวลา

   ทั้งหมดนี้คือสาระความรู้และ ประโยชน์ของกาแฟ แบบแคปซูลที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการความสะดวก รวดเร็วแต่อยากดื่มาแฟรสชาติดีไม่ต่างจากกาแฟคั่วบดที่บาริสต้ามาชงให้ดื่มถึงที่

ชมรายละเอียดที่
https://www.nespresso.com/th/th/ground-coffee

72
   ทุกวันนี้กาแฟสดกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว สำหรับบางคนต้องดื่มกาแฟสดทุกวัน วันไหนไม่ได้ดื่ม เริ่มทำงาน ไปเรียน หรือเริ่มใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้เลย ทำให้ต้องมองหาตัวเลือกที่ช่วยให้สามารถหากาแฟสดดื่มได้ง่ายขึ้น อย่าง เครื่องชงกาแฟสด ดี ๆ สักเครื่องมีไว้ที่บ้าน อยากชงเมื่อไหร่ก็เดินไปชงได้เลย
   คราวนี้ก็มาถึงคำถามว่าแล้วเครื่องชงกาแฟแบบไหนดี ไปหาข้อมูลดูก็มีเครื่องชงกาแฟให้เลือกหลายแบรนด์หลายรุ่น ทั้ง เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ เครื่องชงกาแฟแบบดริป เครื่องชงกาแฟแคปซูล เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ ซึ่งสนนราคามีตั้งแต่หลักไม่กี่พันบาทไปจนถึงหลักหมื่นหลักแสน ใครที่ยังไม่แน่ใจว่าจะเลือกเครื่องชงแบบไหนดี เรามีเช็กลิสต์ให้ เพื่อให้เห็นว่าเครื่องชงแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไรบ้าง
•   งบประมาณ ให้เริ่มต้นจากงบประมาณก่อนว่าเรามีงบกับการซื้อเครื่องชงกาแฟเป็นเงินเท่าไหร่ เช่น หลักพันไม่เกินหมื่น หรือหลักหมื่นยังพอไหว การกำหนดงบไว้ช่วยกรองประเภทและยี่ห้อของเครื่องชงกาแฟ แล้วเราค่อยโฟกัสไปที่เครื่องชงกาแฟประเภทและแบรนด์ที่เหมาะกับงบในกระเป๋าเรา โดยหากให้เรียง เครื่องชงกาแฟแบบดริปมีราคาย่อมเยาที่สุด ถัดไปจะเป็น เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล ส่วนเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ที่มีทั้งแบบชงเองกับอัตโนมัติจะมีราคาแพงที่สุด ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่สูงกว่าเครื่องชงกาแฟประเภทอื่น นอกจากค่าเครื่องชงแล้ว ยังต้องคิดถึงวัตถุดิบตอนชงกาแฟด้วย อย่าง เครื่องชงกาแฟแคปซูล แม้เครื่องชงจะไม่แพง แต่ตัวแคปซูลกาแฟเฉลี่ยแล้วแพงกว่ากาแฟต่อแก้วที่ชงจาก เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ หรือเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ที่ค่าเครื่องแพงกว่า
•   ประเภทเครื่องชงกาแฟ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นมี เครื่องชงกาแฟสด เป็นครั้งแรก เครื่องชงกาแฟแบบดริปจะตอบโจทย์ เพราะราคาย่อมเยา ใช้งานง่าย ส่วนเครื่องชงกาแฟที่ใช้แคปซูลเป็นเครื่องชงกาแฟอีกประเภทที่ใช้งานง่าย สะดวก ได้รสชาติกาแฟที่มาตรฐานทุกแก้ว เพียงเลือกชนิดกาแฟจากแคปซูลที่ต้องการ เครื่องชงกาแฟแบบดริปและแบบแคปซูลนั้นใช้งานง่าย จึงเหมาะกับช่วงเวลาเร่งรีบตอนเช้า สำหรับเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่จะเหมาะกับคอกาแฟที่ต้องการความเข้มข้นหลากหลาย เน้นเรื่องอรรถรสของกาแฟ มีเวลาเพียงพอ ไม่เร่งรีบ
•   วัตถุดิบ นอกจากตัวเครื่องชงกาแฟแล้ว วัตถุดิบที่ใช้ชงกาแฟก็เป็นสิ่งที่ควรคำนึง อย่างเมล็ดกาแฟ ถ้าเป็นเครื่องชงกาแฟแบบดริป ต้องใช้เมล็ดกาแฟบดหยาบ ส่วนเครื่องชงกาแฟแบบเอสเพรสโซ่ ก็ต้องใช้เมล็ดกาแฟ โดยตัวเครื่องมีทั้งแบบบดกาแฟในตัวกับแบบไม่มีเครื่องบดกาแฟ หากต้องการเมนูที่มีฟองนม ต้องเตรียมนมสดเพื่อตีฟองนม ฯลฯ สำหรับ เครื่องชงกาแฟแคปซูล วัตถุดิบคือแคปซูลกาแฟที่สามารถหาซื้อได้ง่าย รสชาติมาตรฐานคงที่ หากชอบแบบไหนแล้ว ก็เพียงหาซื้อมา รสชาติจะไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ต้องลุ้นรสชาติแก้วต่อแก้ว
•   การทำความสะอาดดูแลเครื่อง เมื่อมีเครื่องชงกาแฟในบ้านเราแล้ว หน้าที่การทำความสะอาดดูแลเครื่องก็ต้องเป็นหน้าที่ของเรา ควรเลือก เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ที่ทำความสะอาดง่าย ดูแลง่าย สำหรับคนที่เร่งรีบ มีเวลาไม่มาก เครื่องชงกาแฟที่มีขั้นตอนการชงไม่ซับซ้อน มักทำความสะอาดดูแลง่ายกว่าเครื่องชงกาแฟที่มีขั้นตอนการชงที่ซับซ้อน

ตามข้อมูลข้างต้นที่เราแนะนำนั้น หวังว่าจะช่วยให้คุณได้ไอเดียแนวทางในการเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟสด ที่เหมาะกับคุณ แล้วคุณจะพบว่าสามารถชงกาแฟแก้วโปรดที่หอมกรุ่นได้ทุกวัน ทั้งสะดวกและประหยัดกว่า อีกทั้งยังเลือกรสชาติกาแฟที่ชื่นชอบได้

ชมข้อมูลเพิ่ม
https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo

https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo

https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo

https://www.nespresso.com/th/th/order/machines/vertuo

73
   อากาศร้อน ๆ หากได้เครื่องดื่มเย็น ๆ มาเติมความสดชื่นคงจะดี แนะนำให้ลองสูตรชงกาแฟเย็นจาก กาแฟคั่วเข้ม ทำเองได้ที่บ้าน เลือกเมนูกาแฟรสชาติเข้มข้นหวานมันถูกใจคอกาแฟส่วนใหญ่มาฝาก ก่อนอื่นควรทำความรู้จักระดับการคั่วบดเมล็ดกาแฟที่ส่งผลต่อรสชาติ
   การคั่วเมล็ดกาแฟแบ่งออกเป็น 3 ระดับหลัก คือ กาแฟคั่วอ่อน, กาแฟคั่วกลาง และกาแฟคั่วเข้ม เนื่องจากความเปรี้ยวเป็นรสธรรมชาติของเมล็ดกาแฟสดที่ยังไม่ผ่านการคั่วบด ระดับคั่วแบบอ่อนจึงยังคงรสเปรี้ยวมาก ขมน้อย และรสสัมผัสอ่อน เหมาะกับการชงแบบร้อนมากกว่า เมื่อคั่วต่อไปถึงระดับ กาแฟคั่วกลาง รสเปรี้ยวน้อยลง ความขมเข้มขึ้น มีกลิ่นหอมมากขึ้น สุดท้ายเป็น กาแฟคั่วเข้มคือ กาแฟที่มีรสสัมผัสระดับความเข้มของกาแฟ ของ Nespresso ที่สุด รสเปรี้ยวของเมล็ดกาแฟแทนที่ด้วยความขมปนหวานเล็กน้อย มีกลิ่นฉุนแบบน้ำตาลไหม้หรือกลิ่นช็อกโกแลต จะเห็นได้ว่าระดับการคั่วส่งผลต่อรสชาติต่างกัน หากนำมาชงโดยไม่มีความรู้เรื่อง ความแตกต่างของกาแฟ ทำให้ไม่ได้รสชาติที่ดี
   ในส่วนของการเลือก กาแฟคั่วเข้ม ต้องมีความละเอียดมาก เพราะกลิ่นฉุนไหม้นั้นอาจกลบกลิ่นอับ เหม็นหืน หรือกลิ่นบูดเปรี้ยวของเมล็ดกาแฟคุณภาพต่ำ ทำให้สังเกตคุณภาพและความสดใหม่ของเมล็ดกาแฟได้ยาก ต่างจาก กาแฟคั่วอ่อน ที่ให้สัมผัสกลิ่นและรสที่เป็นธรรมชาติของกาแฟแท้ หากคุณภาพไม่ดีจะได้กลิ่นผิดปกติอย่างชัดเจน
รวม 3 เมนูเย็นรสชาติหวานมันเข้มข้นมาฝากกัน ดังนี้
1.เอสเปรสโซเย็น เป็นสูตรแนะนำอันดับหนึ่ง เนื่องจากกาแฟคั่วเข้มเหมาะกับการชงกาแฟเอสเปรสโซเย็นที่สุด เน้นเติมนมและน้ำตาลเพิ่มความเข้มข้นหวานมัน ทำให้ความขมจางลงไป ส่วนผสมของเอสเพรสโซ่เย็น ประกอบด้วย เอสเพรสโซ่ช็อต 120 มิลลิลิตร และนมข้น 45 มิลลิลิตร หรือแล้วแต่ความหวานที่ชอบ นำมาผสมคนให้เข้ากันแล้วเติมน้ำแข็งจนเต็มแก้วเสิร์ฟได้ทันที
2.ลาเต้เย็น เป็นเมนูที่คอกาแฟสายนมโปรดปราน ปรุงรสชาติหวานมัน รสสัมผัสเข้มข้นและความหอมของกาแฟโดดเด่น ส่วนผสมของ latte เย็น ประกอบด้วย เอสเปรสโซช็อต 60 มิลลิลิตร, นมข้นหวาน 40 มิลลิลิตร, นมข้นจืด 20 มิลลิลิตร และนมสด 75-90 มิลลิลิตร นำส่วนผสมทั้งหมดมาคนให้เข้ากัน ตักน้ำแข็งใส่แก้วพร้อมเสิร์ฟได้ สูตรนี้ปรับใช้ กาแฟคั่วกลาง ก็ทำได้เหมือนกัน รสสัมผัสของกาแฟจะเข้มข้นน้อยลง
3.เอสเปรสโซปั่น สูตรชงกาแฟปั่นทำง่าย ใช้ส่วนผสมของกาแฟคั่วเข้มแบบเอสเปรสโซ ผสมกับนมข้นจืดและน้ำผึ้ง หรือใช้น้ำเชื่อมรสชาติต่าง ๆ ก็ได้ สำหรับวิธีการดริปกาแฟจะใช้ผงกาแฟประมาณ 20 กรัม หรือ 2 ช้อนโต๊ะ ชงกาแฟให้ได้น้ำกาแฟประมาณ 150 มิลลิลิตร ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไป ตักน้ำแข็งใส่เครื่องปั่นและเทน้ำกาแฟลงไปปั่นให้ละเอียด ใส่แก้วพร้อมเสิร์ฟ
   กาแฟคั่วเข้ม มีกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้นเหมาะสำหรับการชงเมนูกาแฟเย็นมากที่สุด หอมกลิ่นน้ำตาลไหม้หรือกลิ่นคาราเมล รสชาติกาแฟไม่เจือจางหายไป ตอบโจทย์คนชอบดื่มกาแฟหวานเย็นชื่นใจคลายร้อนได้ดี

ชมข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.nespresso.com/th/th/coffee-roast-levels

74
   หากคุณกำลังลังเลในการซื้อเครื่องชงกาแฟเป็นของตัวเอง แนะนำให้พิจารณา เครื่องชงกาแฟสดแคปซูล เป็นตัวเลือกที่สุดคุ้มสำหรับใครที่ดื่มกาแฟสดเป็นประจำ ควักกระเป๋าลงทุนเพื่อจิบกาแฟร้อนรสชาติเยี่ยม ชงง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปซื้อร้านกาแฟไกล ๆ
   เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ สำหรับใช้ในบ้านราคาค่อนข้างย่อมเยาทีเดียว เงินไม่กี่พันบาทก็ครอบครองเป็นเจ้าของได้ ซื้อมาใช้ที่บ้านคุ้มค่าแบบไม่ต้องคิดมาก ด้วยฟังก์ชั่นที่หลากหลายและใช้งานง่ายทำให้ชง กาแฟสด ได้เหมือนอย่างบาริสต้าผู้เชี่ยวชาญเพียงแค่กดปุ่มนาทีเดียวเลือกเมนูกาแฟแก้วโปรดเร็วทันใจ
   เครื่องชงกาแฟแบบอัตโนมัติมาพร้อม กาแฟแคปซูล หลายรสชาติที่ได้คนรักกาแฟชื่นชอบ เปิดมุมมองใหม่สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับกาแฟสดจะได้ลิ้มชิมรสชาติต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น วิธีการชงกาแฟด้วย เครื่องทํากาแฟสดแคปซูล มีไม่กี่ขั้นตอน รับรองว่าไม่ยุ่งยากสำหรับมือใหม่ เพียงกดปุ่มเปิด ใส่แคปซูลกาแฟที่ชอบลงไปแล้วกดปุ่มเลือกเมนูเท่านั้น ระบบชงกาแฟคุณภาพสูงทำงานอัตโนมัติ ดื่มแก้วเล็กแก้วใหญ่ตามปริมาณที่พอใจ มีระบบปิดเครื่องอัตโนมัติหลังหยุดใช้งาน 5 นาทีเพื่อประหยัดพลังงาน ทั้งใช้งานสุดคุ้มและประหยัดค่าใช้จ่ายรอบด้าน
   เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ มาพร้อมเมนูกาแฟหลายรูปแบบ รสชาติต่างกันไปตามสูตรกาแฟ ได้แก่
- กาแฟดำเอสเปรสโซแบบ Volluto จากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าแท้แบบคั่วอ่อน รสหวานกลมกล่อมหอมกลิ่นผลไม้ติดเปรี้ยวนิด ๆ
   - กาแฟดำเอสเปรสโซแบบ COSI จากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าแท้ รสชาติเข้มข้นหอมกลิ่นไม้น้อย ๆ เจือกลิ่นผลไม้อ่อน ๆ
- กาแฟดำเอสเปรสโซแบบ Capriccio จากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าและโรบัสต้า ให้กลิ่นหอมติดรสเปรี้ยวเล็กน้อย เป็นรสชาติโดดเด่นมีเอกลักษณ์ของกาแฟคั่วอ่อน
   - กาแฟดำเอสเปรสโซ สำหรับเครื่องชงกาแฟที่มีฟังก์ชันเครื่องทำฟองนมอัตโนมัติ แต่งฟองนมนุ่มละมุนด้านบนรสชาติกาแฟอร่อยเข้มข้นหวานมัน
   ชงกาแฟได้เอง อร่อยถูกใจไม่ยุ่งยาก แค่มี เครื่องชงกาแฟแคปซูล ทำกาแฟได้ทั้งร้อนและเย็น โดยใช้เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติและ กาแฟแคปซูล แบบ specialty coffee ที่เหมาะกับเมนูกาแฟเย็น เช่น เมนูอเมริกาโนเย็น รสชาติและกลิ่นหอมเข้มข้น เมนูคาปูชิโนเย็นให้รสชาติเข้มข้นของเอสเปรสโซ ผสมกลิ่นโกโก้ อบเชยและกลิ่นเครื่องเทศ อีกหนึ่งเมนูลาเต้เย็น กาแฟเอสเปรสโซและกลิ่นนมหอม ๆ ที่ผสานกันลงตัว เพิ่มรสหวานละมุนลงตัว มอบประสบการณ์การชิมกาแฟรสชาติแปลกใหม่ สำหรับคนที่ชอบดื่ม กาแฟสด อยู่แล้วไม่ต้องคิดนาน ลงทุนซื้อมาใช้งานเลยคุ้มมาก

75
การออมเงินถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมั่นใจได้ว่าเงินจะไม่สูญหายไปไหนในยุคที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูง แต่ในขณะเดียวกันดอกเบี้ยเงินฝากซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่สูงนักอาจจะทำให้หลายคนกังวลใจว่าเงินไม่งอกเงยกว่าที่ควรจะเป็น
โดยการออมเงินสามารถทำได้ทั้งเงินฝากออมทรัพย์และ เงินฝากประจำ โดยการฝากประจำนั้นผู้ฝากจะต้อง เปิดบัญชีเงินฝากกับทางธนาคารและมีสัญญาผูกพันว่าจะไม่ถอนเงินจนกว่าจะถึงช่วงเวลาตามที่ได้ตกลงกันไว้ เช่น 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน หรือมากกว่านั้น อัตราดอกเบี้ยของเงินฝากประจำจะสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์และมีการจ่ายทุก 6 เดือน หรือ 12 เดือน ตามข้อตกลงที่ระบุในสัญญา ยิ่งฝากนานอัตราดอกเบี้ยก็ยิ่งสูง ดังนั้น เงินฝากประจำ จึงมีลักษณะผสมผสานระหว่างการออมและการลงทุน เนื่องจากเป็นการเก็บออมเงินไว้กับธนาคารแต่ก็ได้รับผลกำไรจากการฝากนั้นด้วย จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและไม่ต้องแบกภาระความเสี่ยง

เงินฝากประจำแบ่งเป็น 2 ประเภทดังนี้
•   เงินฝากประจำแบบทั่วไป เป็นการฝากเงินก้อนโดยไม่มีการกำหนดวงเงินหรือจำนวนครั้งในการฝากขึ้นอยู่กับความสะดวกของเจ้าของบัญชี ส่วนอัตราดอกเบี้ยจะคิดจากอายุเงินฝากแยกเป็นแต่ละก้อนกรณีไม่ถอนก่อนครบสัญญา ซึ่งบัญชีเงินฝากประเภทนี้มีการหักภาษีจากดอกเบี้ย 15% หนึ่งคนสามารถเปิดได้หลายบัญชี
•   เงินฝากประจำแบบปลอดภาษี เป็นการฝากเงินจำนวนเท่า ๆ กันทุกเดือน ในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่มีการถอน วงเงินฝากต่อเดือนตั้งแต่ 1,000 - 25,000 บาท เงินฝากประเภทนี้ได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้น 1 คน จึงเปิดได้เพียง 1 บัญชีเท่านั้น 
โดยดอกเบี้ยเงินฝากประจำทั้งสองประเภทอยู่ที่ 0.4 – 3% ต่อปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและระยะเวลาในการฝากซึ่งยิ่งฝากนานดอกเบี้ยยิ่งสูง ในขณะที่บัญชีออมทรัพย์ให้ผลตอบแทนประมาณ 0.2%ต่อปีเท่านั้น การฝากประจำจึงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและได้รับผลที่งอกเงยจากดอกเบี้ยเงินฝากซึ่งถึงแม้จะให้ผลตอบแทนน้อยกว่าการลงทุนแบบอื่นในระยะเวลาเท่ากันแต่ก็อุ่นใจกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีเงินเก็บเป็นแหล่งเงินทุนสำรองโดยไม่คาดหวังผลตอบแทนจำนวนมาก ทั้งยังเป็นการสร้างวินัยการออมที่ดีและช่วยเพิ่มเครดิตทางการเงินซึ่งจะส่งผลดีต่อการขออนุมัติสินเชื่อในอนาคต
โดยหากสนใจ เปิดบัญชี เงินฝากประจำสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยวิธีเปิดบัญชีออนไลน์ กับธนาคารกรุงไทย โดยการดาวน์โหลดแอป Krungthai NEXT ในสมาร์ทโฟน แล้วเลือกบริการที่ต้องการ จากนั้นกดเปิดบัญชีด้วยบริการ NDID ซึ่งเป็นการ ยืนยันตัวตนเปิดบัญชีออนไลน์ กดยอมรับเงื่อนไข กรอกข้อมูลส่วนตัว ปิดท้ายด้วยการใส่ PIN เพื่อยืนยันการลงทะเบียน เป็นการเปิดบัญชี เงินฝากออนไลน์ ที่ง่ายและรวดเร็ว ทั้งยังไม่ต้องไปยืนยันตัวตนที่ธนาคาร สามารถเปิดได้หลายบัญชีในแอปเดียว

เพื่อความคุ้มค่าอย่าลืมพิจารณาเงื่อนไขของระยะเวลาและอัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับแล้วเลือกเปิดบัญชีเงินฝากประจำกับ Krungthai NEXT ที่ตอบรับกับความต้องการของคุณมากที่สุด

76
การดื่มกาแฟยามเช้าช่วยสร้างความสดชื่นตื่นตัวพร้อมสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ กาแฟอีกสักแก้วในช่วงบ่ายช่วยเรียกความกระปรี้กระเปร่าคลายความง่วงได้ดี สร้างความสุขง่าย ๆ ในทุกวันด้วยกลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟแท้ ซึ่งแต่ละคนมีเมนูกาแฟที่ชื่นชอบแตกต่างกันไปและเชื่อว่าคอกาแฟทุกคนคงอยากจะมีเครื่องชงกาแฟสดไว้ที่บ้าน เมื่อต้องการจะดื่มกาแฟสด ของ Nespresso ตอนไหนก็สามารถชงดื่มได้ทันที กาแฟสดมีวิธีการชงหลายแบบแต่ที่สะดวกสุด ชงได้หลายเมนู และได้รสชาติมาตรฐานในทุกถ้วยกาแฟก็ต้องเป็น เครื่องชงกาแฟ แคปซูล Nespresso รุ่น New Lattissima One เครื่องเดียวชงกาแฟได้สารพัดเมนูทั้งกาแฟดำและกาแฟนม ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์คอกาแฟอย่างแท้จริง

Nespresso รุ่น New Lattissima One สามารถชงกาแฟนมได้ง่ายภายในปุ่มเดียว มีกระบอกนมที่ใหญ่และสามารถเปิดฝาเพื่อเติมนมจากทางด้านบนทำให้สะดวกขึ้น ถอดกระบอกนมเข้าตู้เย็นและทำความสะอาดด้วยเครื่องล้างจานได้ มีระบบแจ้งเตือนล้างตะกรัน พร้อมโหมดประหยัดพลังงานที่ปิดการใช้งานอัตโนมัติภายหลัง 2 นาที ซึ่งเมนูเครื่องดื่มทั้งหมดจะถูกตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้า มีการเซตค่ามาจากโรงงาน แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้เพื่อให้ได้รสชาติที่ถูกใจ โดยรุ่นนี้ชงได้ทั้งเมนู เอสเพรสโซ่ ลุงโก เอสเพรสโซ่มัคคิอาโต้ คาปูชิโน่ และลาเต้มัคคิอาโต้

แนะนำ 2 สูตรกาแฟสด ของ Nespresso จากเครื่องชงกาแฟ New Lattissima One
1.   สูตรชงกาแฟ เอสเพรสโซ่ เริ่มจากเปิดฝาที่ด้านบนตัวเครื่องแล้วใส่ แคปซูลกาแฟ ลงไปจากนั้นปิดฝาให้เรียบร้อย วาง ถ้วยกาแฟ ใต้ช่องจ่ายกาแฟ กดปุ่ม Espresso (40 มล.) ขั้นตอนนี้กาแฟจะหยุดเองโดยอัตโนมัติ เพียงเท่านี้จะได้กาแฟดำเอสเพรสโซ่ที่เข้มข้นพร้อมดื่มสำหรับคอกาแฟดำแล้ว สำหรับรสชาติและกลิ่นของเอสเพรสโซ่นั้นสามารถเลือกได้ตามชอบจาก แคปซูลกาแฟ ที่ไปพร้อมเครื่องเพื่อให้ลองชิมและค้นหา เอสเพรสโซ่ สูตรที่ถูกใจที่สุด 
2.   สูตรชงกาแฟสด ของ Nespresso คาปูชิโน่ เริ่มจากใส่นม(อุณหภูมิ 4C) ลงในกระบอกนมจนได้ปริมาณในระดับของ Cappuccino ซึ่งจะมีสเกลบอกไว้ ปิดฝากระบอกนมแล้วเชื่อมต่อกับเครื่อง รอเวลา 15 วินาที เพื่อให้เครื่องทำความร้อน จากนั้นเปิดฝาแล้วใส่แคปซูลกาแฟรสชาติที่ชอบ วาง ถ้วยกาแฟ ใต้ช่องจ่ายกาแฟ กดปุ่มนมบนเครื่อง เพียงไม่กี่วินาทีจะได้ดื่มคาปูชิโน่แก้วโปรดแล้ว (เมื่อชงเสร็จเรียบร้อยเครื่องจะมีระบบ Rapid Cappuccino System แจ้งเตือนให้ทำความสะอาด) รสชาติของคาปูชิโน่ที่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้แคปซูลกาแฟ Nespresso ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายทำให้สามารถสร้างสรรค์เมนูคาปูชิโน่สูตรต่าง ๆ ได้มากมาย ช่วยให้สนุกสนานกับการดื่มและการชงกาแฟมากยิ่งขึ้น

ชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟแคปซูล Nespresso รุ่น New Lattissima One ช่วยให้ชงกาแฟให้อร่อย ของ Nespresso ได้อย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะชื่นชอบเมนูกาแฟแบบไหนก็ทำง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส ได้รสชาติอร่อยกลมกล่อมเหมือนมีบาริสต้ามาชงให้ดีต่อใจคอกาแฟที่สุด

77
   อยากดื่มกาแฟรสชาติดี อร่อย มีความหอม ความนุ่ม มีเอกลักษณ์และดีไซน์ที่เฉพาะตัวใช่หรือไม่ เราพามาเสนอ สูตรกาแฟ จาก Nespresso เมนูเด็ดอย่าง มัคคิอาโต้ และ คาปูชิโน่ ที่รับรองได้ว่าไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน จะมีสูตรเป็นอย่างไรบ้างนั้นตามไปดูกันได้เลย
   เมนูยอดนิยม กาแฟ มัคคิอาโต้ สูตรชงกาแฟที่จะแนะนำวันนี้คือ COCOA MACCHIATO ที่จะทำให้คุณได้รสสัมผัสของกาแฟตัวดังและ Cailler ช็อกโกแลตจากสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนประกอบสำหรับเมนูนี้ก็คือ กาแฟแคปซูล Intenso หรือ Espresso ช็อกโกแลต Cailler ปริมาณ 3 กรัมและนมสดปริมาณ 50 มิลลิลิตร วิธีชงกาแฟอร่อยใช้เวลาไม่นาน เพียงผสมช็อกโกแลตและฟองนมที่ทำจากนมสดที่เราเตรียมไว้ให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงกดชงกาแฟด้วย แคปซูลกาแฟ จาก Nespresso ที่เตรียมไว้ เป็นกาแฟแบบเอสเพรซโซให้ได้ปริมาณ 40 มิลลิลิตร ในขั้นตอนนี้เราสามารถกดเลือกเมนูชงกาแฟอัตโนมัติจาก เครื่องชงกาแฟ เอสเพรซโซ่ เมื่อเสร็จแล้วเทลงไปผสมเข้าด้วยกัน ตกแต่งด้วยฟองนมที่บริเวณด้านบนแก้วกาแฟ
ต่อมาสูตรชงกาแฟ คาปูชิโน่ ยอดนิยมอย่าง ALMOND ORGEAT CAPPUCCINO เมนูสุดฟินที่มีแรงบันดาลใจจากเกาะซิซิลี ที่จะทำให้คุณได้กลิ่นอายของทุ่งไร่อัลมอนด์แห่งเมืองอราโกนาไปเต็ม ๆ โดยเมนูนี้มีส่วนผสมที่สำคัญดังต่อไปนี้ กาแฟแคปซูล Livanto น้ำเชื่อมรสอัลมอนด์หรือน้ำข้าวบาร์เล่ย์อัลมอนด์ นมสด 130 มิลลิลิตร สารสกัดจากอัลมอนด์ขม ¼ ของช้อนชา ผงโกโก้ตามต้องการและ บิสกิตสอดไส้เหล้าอัลมอนด์ เริ่มต้นการทำโดยเตรียมกาแฟเอสเพรซโซ่จำนวน 80 มิลลิลิตร จาก แคปซูลกาแฟ จำนวน 2 แคปซูล โดยใส่แคปซูลกาแฟลงใน เครื่องชงกาแฟ จาก Nespresso ซึ่งสามารถเลือกเป็นรุ่น Lattissima Touch White ที่สามารถทำเมนูกาแฟได้เนื้อเนียนในระยะเวลาอันรวดเร็ว แล้วจึงนำนมสดที่เตรียมไว้ผสมกับสารสกัดจากอัลมอนด์ กดตีฟองนมด้วยเครื่องทำฟองนมผสมลงไปในแก้วกาแฟ แล้วนำส่วนผสมต่าง ๆ เติมลงไปคนเข้าด้วยกันเป็นอันเรียบร้อย เสิร์ฟรับประทานพร้อมกับคุกกี้ บอกเลยว่าเข้ากันสุด ๆ
   แต่ละ สูตรชงกาแฟ และเครื่องชงกาแฟ ที่มีจุดเด่นและความแตกต่างอย่างชัดเจน เชื่อได้ว่าคอกาแฟนมที่ชอบกาแฟแบบนุ่ม ๆ เนื้อละมุน ละเอียด แบบใส่ใจทุกขั้นตอนต้องถูกใจอย่างแน่นอน

78
กาแฟดำเอสเปรสโซเป็นเครื่องดื่มต้องใช้กระบวนการสกัดกาแฟคั่วบดแต่ละช็อตให้ได้รสชาติเข้มข้นอร่อยลงตัว นักดื่มตัวยงที่ไม่อยากพลาดกาแฟถ้วยโปรดควรมี เครื่องชงกาแฟแคปซูล ติดบ้านไว้ ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติเหมาะสำหรับมือใหม่ เครื่องเดียวครบจบชง กาแฟสด ด้วย กาแฟแคปซูล ได้เองหลายเมนู บางรุ่นมีระบบทำฟองนมด้วย ตอบโจทย์คนชอบดื่มกาแฟที่มีฟองนมนุ่มละมุน
เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก เป็นอุปกรณ์ชงกาแฟดีไซน์ทันสมัยเหมาะกับคนชอบดื่มกาแฟวันละหลายแก้ว ไม่มีเวลาออกไปต่อคิวตามร้านกาแฟ จะเรียนรู้วิธีการชงกาแฟสดด้วยตัวเองก็ยุ่งยากเกินไป เครื่องชงกาแฟมาพร้อม กาแฟแคปซูล หลายรสชาติ มีเมนูยอดฮิต ได้แก่ กาแฟดำเอสเปรสโซ, อเมริกาโน, คาปูชิโน, มอคค่า, ลาเต้, แฟลทไวท์ และอื่น ๆ กาแฟรสชาติอร่อยละเมียดละไมตรงใจทุกแก้ว
ตัวเครื่องมีหลายรุ่นหลายขนาดสามารถเลือกตามการใช้งาน มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย ทำกาแฟแบบอัตโนมัติที่ทำง่ายและรวดเร็ว กดปุ่มชงกาแฟสดใช้เวลาไม่กี่วินาที เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา เครื่องชงกาแฟแต่ละแบรนด์เสนอรสชาติของกาแฟแคปซูลแตกต่างกันไป ยกตัวอย่าง เครื่องชงกาแฟแคปซูล แบรนด์ Nespresso มีกาแฟแคปซูลแบบ specialty coffee ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีให้เลือกกว่า 30 รสชาติ ดังนี้
-กาแฟสดคั่วอ่อนเป็นเทรนด์ใหม่ที่หลายคนให้ความสนใจ แนะนำกาแฟแคปซูล CAPRICCIO เป็นกาแฟดำเอสเปรสโซที่แนะนำคอกาแฟรสชาติเข้มข้นชงดื่มเองได้ง่ายมาก รสและกลิ่นมีเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าจากอเมริกาใต้และบราซิล ผสมกับเมล็ดกาแฟโรบัสต้าคั่วอ่อน สำหรับคนชอบกาแฟรสเปรี้ยวอ่อน ๆ ผสานกลิ่นเฉพาะตัวของธัญพืช
-กาแฟสดคั่วเข้มอย่างกาแฟแคปซูล COSI เป็นเมล็ดกาแฟอาราบิก้าบริสุทธิ์จากถิ่นแอฟริกา มีกลิ่นไหม้อ่อน ๆ เป็นเอกลักษณ์ ผสานกลิ่นหอมอ่อนของผลไม้อ่อนและธัญพืชรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัวด้วยรสชาติระดับบาริสต้ามืออาชีพ
   -กาแฟคั่วอ่อนที่แนะนำอีกเมนูคือกาแฟแคปซูล VOLLUTO เหมาะสำหรับคอกาแฟที่ชอบกาแฟสดรสชาติอ่อนนุ่มหวานกำลังดี หอมกลิ่นเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าแท้จากอเมริกาใต้ใช้เวลาคั่วไม่นานออกรสเปรี้ยวอ่อน ๆ มีกลิ่นผลไม้สดชื่นและรสหวานกลมกล่อม
   เครื่องทํากาแฟแคปซูล มีหลายรูปแบบให้เลือก อย่าง เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก รุ่นเริ่มต้นราคาหลักพันลงทุนคุ้มค่า เปลี่ยนกาแฟแคปซูลให้กลายเป็นกาแฟดำเร็วทันใจ ไม่ต้องรอนานและ ตัวเครื่องไม่กินพื้นที่วางไว้ตรงมุมไหนก็ดูทันสมัยไฮเทค เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคอฟฟี่เลิฟเวอร์ชงกาแฟดื่มที่บ้านวันละหลายแก้ว มาพร้อมระบบปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้ ประหยัดพลังงานกว่าเครื่องชงกาแฟปกติทั่วไป บางรุ่นมีอุปกรณ์เสริมทำฟองนมเทบนหน้ากาแฟแบบคาปูชิโน่และลาเต้สำหรับคอกาแฟที่ชอบลิ้มลองรสชาติใหม่ ๆ ได้อีกด้วย

79
   เครื่องชงกาแฟสด สำหรับธุรกิจโรงแรมมีไว้เพื่อบริการให้ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนประทับใจ ส่วนใหญ่โรงแรมจะมีแพ็กเกจราคาที่พักรวมอาหารเช้าไว้ สำหรับโรงแรมขนาดกลางและใหญ่ อาหารเช้าจะเป็นบุฟเฟต์และต้องมีกาแฟและเครื่องดื่มเมนูอื่นด้วย และด้วยเทรนด์การแข่งขันของธุรกิจโรงแรมที่สูงขึ้นทุกวัน หลายโรงแรมก็เริ่มซื้อเครื่องชงกาแฟมาไว้บริการเพื่อทำกาแฟสดสำหรับเสิร์ฟให้กับแขกที่เข้าพักตลอดทั้งวัน 24 ชั่วโมงที่ Lobby รวมไปถึงการมีเครื่องชงกาแฟไว้บริการภายในห้องพักด้วย
   การเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟโรงแรม นั้น ไม่ใช่เลือกซื้อเพื่อความพึงพอใจในรสชาติของกาแฟเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและการให้บริการต่อลูกค้าด้วย สำหรับปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงสำหรับธุรกิจโรงแรมในการเลือกซื้อ เครื่องทำกาแฟสด มีดังนี้
•   หากเอาไว้เพื่อบริการลูกค้าในห้องพัก เครื่องชงกาแฟสด ควรเป็นเครื่องชงกาแฟขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่าย ใช้เวลาน้อย ที่นิยมกันจะเป็นเครื่องชงกาแฟแคปซูล พร้อมวางแคปซูลให้ลูกค้า งบประมาณสำหรับ เครื่องชงกาแฟโรงแรม ไม่ควรสูงเกินไป เพราะจะทำให้ควบคุมงบยาก ยิ่งเป็นโรงแรมที่มีห้องพักจำนวนมาก ๆ โดยต้องคำนวณความคุ้มค่าในการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกกับราคาห้องพักที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจและประทับใจในบริการ
•   หากต้องการนำไปใช้บริการในช่วงบริการอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์หรือแบบให้บริการที่ Lobby ก็ต้องดูว่าต้องการเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่ลูกค้าสามารถกดเครื่องเอง หรือต้องการเครื่องชงชนิดที่มีพนักงานคอยกดเสิร์ฟกาแฟให้เป็นแก้วต่อแก้ว เครื่องชงกาแฟโรงแรม สำหรับบริการในไลน์อาหารเช้า ควรเป็นเครื่องที่มีความจุกาแฟมาก พร้อมชงกาแฟได้เป็นหลักร้อยแก้ว เพื่อไม่ให้ต้องคอยเติมวัตถุดิบบ่อยเกินไป บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง และควรเป็นเครื่องชงกาแฟที่ชงเครื่องดื่มได้หลากหลายเมนู มีฟังก์ชั่นให้เลือก มีความเป็นอัตโนมัติ และใช้งานง่าย
•   หากต้องการเครื่องชงกาแฟไว้ใช้ในร้านกาแฟในโรงแรม ควรเลือกเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ที่มีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย ทำเครื่องดื่มได้หลายเมนู ให้กาแฟรสชาติเข้ม กลมกล่อม คุณภาพดี เพราะเป็นกาแฟที่ลูกค้าคาดหวังจากราคาที่ต้องจ่าย เนื่องจากเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่มีราคาค่อนข้างสูง ควรมีการศึกษาความคุ้มค่ากับรายได้ที่ได้รับจากการจำหน่ายกาแฟด้วย

เพื่อเป็นการควบคุมงบประมาณในธุรกิจ ปัจจุบันสามารถเลือก เช่าเครื่องชงกาแฟ แทนการซื้อจากผู้ผลิตเครื่องชงกาแฟหลายราย โรงแรมไม่ต้องจ่ายเงินลงทุนค่าเครื่องชงกาแฟสูงอีกต่อไป แต่เป็นการเช่าซื้อหรือเช่าใช้ และจ่ายแต่ค่าวัตถุดิบ เช่น เมล็ดกาแฟ ครีม นม หรือ แคปซูลกาแฟ ฯลฯ หลายโรงแรมเริ่มหันมาใช้วิธีการ เช่าเครื่องชงกาแฟ สดกันมากขึ้น ทั้งนี้ก่อนตัดสินใจควรคิดถึงความคุ้มค่าของการซื้อหรือการ เช่าเครื่องชงกาแฟ โดยสามารถปรึกษากับผู้ผลิตเครื่องชงกาแฟแบรนด์ที่เรากำลังสนใจ

80
กาแฟสดในทางรสสัมผัส กลิ่นอายและความหอมของกาแฟนั้น ช่างเย้ายวนใจยิ่งนัก เมื่อได้จิบลิ้มรสคราใด ยิ่งช่วยให้จิตใจกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นได้ จะดีกว่าไหมหากมี เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ไว้ชงดื่มเองที่บ้าน แต่ เครื่องชงกาแฟสด มีหลายแบบเหลือเกิน จะเลือกซื้อแบบใดให้เหมาะสม วันนี้จะพาไปดูความแตกต่างของเครื่องชงยอดนิยมแต่ละแบบกัน
1.   เครื่องชงกาแฟสดแรงดันสูง
เครื่องชงกาแฟสด แรงดันสูง หรือ เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ ที่หลายคนรู้จักและคุ้นเคยกันดีตามร้านคาเฟ่ทั่วไป ซึ่งจะประกอบไปด้วย หัวชง, ก้านสตีม, หม้อต้ม, ตัวควบคุมอุณหภูมิ, ตัวควบคุมแรงดันและปั๊มน้ำ เวลาชงกาแฟต้องบดเมล็ดกาแฟให้ละเอียด ตักใส่ก้านลง บดให้แน่นด้วยเทมเปอร์ ก่อนนำเข้าหัวชง เมื่อน้ำเดือดและมีแรงดันน้ำได้ที่ น้ำร้อนจะค่อย ๆ ไหลผ่านเนื้อกาแฟก่อนที่จะผ่านก้านชงลงในแก้ว เป็นกาแฟแก้วโปรดของใครหลาย ๆ คน แต่ด้วยกระบวนการดังกล่าวค่อนข้างจะใช้เวลาและมีอุปกรณ์หลายชิ้น จึงทำให้ไม่ได้รับความนิยมใช้กันตามบ้าน
2.   หม้อต้มกาแฟ MOKA POT
หม้อต้มกาแฟ เป็นหนึ่งในวิธีการต้มกาแฟแบบดั้งเดิม ที่ต้องอาศัยแรงดันน้ำให้ไหลผ่านผงกาแฟที่บดอัดออกมายังหม้อต้ม วิธีการชงอาศัยเพียงหม้อต้มเพียงอย่างเดียว แต่ก่อนชงจะต้องบดเมล็ดกาแฟให้ละเอียดตามขนาดที่ต้องการ ก่อนที่จะใช้เทมเปอร์อัดใส่ที่กรองให้แน่น เติมน้ำในหม้อด้านล่าง ประกอบทุกส่วนเข้าด้วยกัน นำไปวางบนเตา เปิดไฟ รอให้น้ำเดือด จะได้น้ำกาแฟสดเข้มข้นออกมาให้ลิ้มลอง ซึ่งเหมาะสำหรับเช้าวันหยุดที่ต้องใช้เวลาในการบดและต้มกาแฟถ้วยโปรด
3.   เครื่องชงกาแฟแคปซูล
เป็นเครื่องชงกาแฟอเนกประสงค์ที่สามารถทำเมนูกาแฟได้หลากหลายรสชาติ สามารถชงกาแฟได้ครั้งละ 2-4 แก้ว เหมาะสำหรับบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่จำกัดและต้องการความรวดเร็วในการสกัดกาแฟสำหรับเช้าวันใหม่ที่เร่งรีบ ด้วยเทคโนโลยีการสกัดแบบ CENTRIFUSION ที่ช่วยให้เกิดครีม่าที่สวยงาม เนียนนุ่ม ช่วยให้น่าลิ้มรสมากยิ่งขึ้น ตัว เครื่องชงกาแฟแคปซูล ได้รับการออกแบบให้มีขนาดเล็กกะทัดรัดพร้อมสีสันสวยงามดูแปลกตา พร้อมระบบจดจำบาร์โค้ดเพื่อการชงกาแฟสดให้มีความสมบูรณ์ทั้งปริมาณน้ำ อุณหภูมิและระยะเวลาในการสกัด ใช้งานง่าย เพียงปลายนิ้วสัมผัส แค่ปุ่มเดียว กาแฟสดใหม่ก็พร้อมเสิร์ฟให้คุณได้ลิ้มลอง
-   แนะนำตัวอย่างเครื่องชงกาแฟ VERTUO NEXT PREMIUM สีดำ เป็นเครื่องชง 1 หัว ขนาด 14.2x42.9x31.4 เซนติเมตร (กxลxส) น้ำหนัก 4 กิโลกรัม บรรจุน้ำได้ 1 ลิตร (สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้) แรงดันสูงสุด 19 บาร์
4.   เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติสำหรับสำนักงาน
หากในช่วงการพักเบรกระหว่างการทำงานจะมีกาแฟสดให้คุณพร้อมดื่ม เพื่อเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าในการทำงานระหว่างวัน นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและแขกผู้มาเยือนได้อย่างลงตัว เพียงเลือกแคปซูลกาแฟถ้วยโปรดระหว่างการสนทนาเพื่ออรรถรสและบรรยากาศที่ยอดเยี่ยม
แนะนำตัวอย่างเครื่อง มีให้เลือกแบบ 1 หัว และ 2 หัว ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้งาน
-   NESPRESSO MOMENTO 100 เป็นเครื่องชง 1 หัว ขนาด 30x50x42 เซนติเมตร (กxลxส) น้ำหนัก 16 กิโลกรัม บรรจุน้ำได้ 3 ลิตร (สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้) แรงดันสูงสุด 19 บาร์
-   NESPRESSO MOMENTO 200 เป็นเครื่องชง 2 หัว ขนาด 56x50x42 เซนติเมตร (กxลxส) น้ำหนัก 28 กิโลกรัม บรรจุน้ำได้ 2x3 ลิตร (สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้) แรงดันสูงสุด 19 บาร์
5.   เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติสำหรับธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และคาเฟ่
คงปฏิเสธไม่ได้ว่ากาแฟสดเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและแขกผู้มาเยือน โดยเฉพาะการมีกาแฟที่หลากหลายรสชาติให้ได้ลิ้มลอง โดยเฉพาะบริเวณล็อบบี้ ห้องพักหรือแม้แต่การจัดเลี้ยงในห้องประชุมต่าง ๆ ที่มีบริการกาแฟให้กับลูกค้า การเตรียมความพร้อมสำหรับแขกผู้มาเยือนจำนวนมาก ใช้เวลารอที่ไม่นาน ขอแนะนำ เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ 2 แบบ ให้ได้เลือกใช้งานดังนี้
-   GEMINI 220 เครื่องชงกาแฟ 2 หัว พร้อม เครื่องทำฟองนมภายในตัว ขนาด 56x39.2x37 เซนติเมตร (กxลxส) หนัก 15 กิโลกรัม ความจุถังน้ำ 6 ลิตร แรงดัน 19 บาร์ หน้าจอระบบสัมผัส หลายภาษา รองรับแคปซูลใช้แล้วได้มากถึง 70 แคปซูล ชงได้ทั้งแบบ Espresso และ Lungo
-   NESPRESSO MOMENTO 200 เป็นเครื่องชง 2 หัว ขนาด 56x50x42 เซนติเมตร (กxลxส) น้ำหนัก 28 กิโลกรัม บรรจุน้ำได้ 2x3 ลิตร (สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้) แรงดันสูงสุด 19 บาร์

สำหรับ เครื่องชงกาแฟสด เอสเพรสโซ่และ MOKA POT จะต้องบดเมล็ดกาแฟก่อนชงทุกครั้ง ทำให้ใช้เวลาในการชงนานกว่าเครื่องชงอัตโนมัติ โดย เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ จะให้รสชาติกาแฟคงที่กว่าไม่ว่าใครจะชงก็ตาม ในขณะที่เครื่องแบบ MOKA POT และเครื่องชงเอสเพรสโซ่ ต้องอาศัยฝีมือและประสบการณ์จึงจะได้รสชาติที่ดีและคงที่เหมือนเดิมทุกครั้ง

เครื่องชงกาแฟแต่ละแบบมีจุดประสงค์อย่างเดียวกันคือเพิ่มความสะดวกในการชงกาแฟ ช่วยประหยัดเวลาเพราะสามารถชงกาแฟดื่มได้เองโดยไม่ต้องสั่งซื้อจากที่ร้าน ในระยะยาวก็ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า ทั้งยังสามารถเลือกและปรุงแต่งเมนูที่ชื่นชอบได้ด้วย


ชมเพิ่มเติมที่
https://www.nespresso.com/pro/th/th/order/machines/pro

https://www.nespresso.com/pro/th/th/order/machines/pro

https://www.nespresso.com/pro/th/th/order/machines/pro

https://www.nespresso.com/pro/th/th/office-coffee-machines

81
   เมนูกาแฟนม เป็นเมนูยอดฮิตไม่หายไปจากร้านกาแฟ ด้วยที่ว่ามีความละมุน ความหอมกลมกล่อม ที่ลงตัวของส่วนผสมกาแฟนม ซึ่งเมนูกาแฟนมนั้นมีอยู่ด้วยกันหลากหลายเมนูด้วยกัน โดยเมนูกาแฟนมจากแคปซูลกาแฟ Nespresso ที่เราจะมาสอนชงก็คือเมนูลาเต้และเมนูกาแฟคาปูชิโน่
รวมสูตรเด็ด เมนูกาแฟ แคปซูลที่ใช่ จาก Nespresso
สำหรับใครที่ไม่ชอบดื่มกาแฟดำเข้ม ๆ หรือเพิ่มเริ่มต้นในการดื่มกาแฟ สูตรเมนูลาเต้เย็น นี้จะมีส่วนผสมของกาแฟและนม ดังนั้นส่วนประกอบของเมนูนี้ก็คือ กาแฟแคปซูลรสชาติที่ชื่นชอบ นมสดร้อน น้ำตาลหรือน้ำเชื่อม ในส่วนของกาแฟแคปซูลนั้นควรเป็นกาแฟแคปซูลที่มีระดับความเข้มปานกลาง ไม่เข้มมากจนเกินไป ระดับความหวาน ความขม ความเปรี้ยวของสูตรกาแฟนั้น ๆ ควรจะมีระดับที่พอดี ไม่ได้มีรสชาติที่โดดจนเกินไปเพราะเมื่อนำไปผสมรวมเข้ากับนมสดแล้วก็จะได้มีความเข้ากัน ละมุนและลงตัว อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการชงคือ เครื่องชงกาแฟแคปซูลและเครื่องตีฟองนม หรือจะใช้เครื่องชงกาแฟที่มีฟังก์ชันสามารถตีฟองนมในตัวได้เช่นกัน วิธีการทำคือ กดชงกาแฟเอสเปรสโซด้วยแคปซูลกาแฟจำนวน 1 แคปซูล นำแคปซูลกาแฟใส่ลงไปในเครื่องชงกาแฟ กดชงกาแฟ เติมนมสดร้อนลงไปในแก้วกาแฟทรงสูงในอัตราส่วนนมสด : กาแฟ (2:1) เพิ่มความหวานด้วยการเติมน้ำเชื่อมหรือน้ำตาลลงไปในปริมาณที่เหมาะสม แล้วจึงใส่น้ำแข็งตามลงไป ทั้งนี้เราสามารถตกแต่งด้านบนของแก้วกาแฟด้วยฟองนมละเอียด เพื่อเพิ่มความน่าดื่ม
สูตรชงกาแฟสด ต่อมา คาปูชิโน่ เมนูกาแฟสดใส่นม อีกหนึ่งเมนูที่มีความน่าดื่มไม่แพ้กัน สำหรับ เมนูกาแฟ คาปูชิโน่จะมีความเข้มที่มากกว่าเมนูกาแฟลาเต้ ด้วยมีสัดส่วนของปริมาณกาแฟกับนมที่ใกล้เคียงกันมากกว่า คือปริมาณกาแฟเอสเปรสโซต่อปริมาณนมสดร้อน 1 : 1 หรือ 1 : 0.5 วิธีการทำเมนูนี้คือผสมกาแฟที่ได้จากการกดชงกาแฟแคปซูลกับนมสดตามสัดส่วนข้างต้นเข้าด้วยกันแล้วให้นำนมสดปริมาณ 40 มิลลิลิตร ใส่ลงไปในเครื่องทำฟองนมละเอียด เมื่อได้ฟองนมแล้วให้นำมาเทไว้บริเวณด้านบนของกาแฟก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ไม่ว่าจะเป็นสูตรกาแฟเย็นไหน ก็มีวิธีการชงกาแฟที่ไม่ยุ่งยาก ยิ่งถ้าเรามีการปรับสัดส่วนของกาแฟ ปริมาณนมสดในปริมาณที่พอดีเหมาะสม และเลือกใช้แคปซูลกาแฟที่ดีแล้วล่ะก็ การได้ดื่มกาแฟอร่อยสุดปังก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป

82
การดื่ม กาแฟ แพร่หลายนิยมไปทั่วโลก หลายคนชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นกิจวัตร และสำหรับท่านที่มีโอกาสดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้จากหลายแหล่งปลูก จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันเรื่องรสชาติ และทราบหรือไม่ว่ารูปแบบการคั่วที่แตกต่างกันยังทำให้รสชาติต่างกันไปด้วย โดยรูปแบบการคั่วแบ่งเป็น กาแฟคั่วเข้ม คั่วกลาง และคั่วอ่อน นั่นเอง
กาแฟ คั่วแต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร เพราะอะไรเมล็ดคั่วอ่อนจึงให้รสเปรี้ยวที่สุด
ระดับการคั่วของกาแฟที่ต่างกัน 3 ประเภทนั้น แน่นอนว่าทำให้รสชาติที่ได้แตกต่างกัน โดย กาแฟคั่วเข้ม จะขึ้นชื่อเรื่องความเข้มข้น เนื่องจากใช้เวลาในการคั่วนาน รสชาติที่ได้จึงแทบไม่หลงเหลือความเปรี้ยว และระดับความเข้มกาแฟของเมล็ดคั่วเข้มจึงทำให้เหมาะกับการนำมาทำ latte หรือเมนูใส่นมอื่น ๆ มีกลิ่นที่ได้จากการคั่วแทรกอยู่ด้วย
ด้าน กาแฟคั่วกลาง จะใช้ระยะเวลาการคั่วน้อยกว่าแบบคั่วเข้ม ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติกลมกล่อมเพราะไม่ขม ไม่หวาน และไม่เปรี้ยวจนเกินไป ทำให้ไม่นิยมนำมาทำเมนู latte เท่าไหร่นัก เพราะนมหรือน้ำตาลอาจทำให้รสชาติกาแฟเปลี่ยน เมนูที่นิยมเลือกใช้เมล็ดคั่วกลางจึงเป็นกาแฟดำ อเมริการโน่ หรือใช้เทคนิคการชงแบบเอสเพรสโซ่จะเหมาะสมกว่า
ต่อกันที่ กาแฟคั่วอ่อน ซึ่งเป็นเมล็ดที่ผ่านการคั่วน้อยที่สุด สีที่ได้จึงเป็นสีน้ำตาลอ่อนและด้วยความที่ใช้ระยะเวลาคั่วน้อยจึงทำให้มีความโดดเด่นเรื่องรสชาติ เพราะคงไว้ซึ่งรสชาติดั้งเดิมของกาแฟได้เป็นอย่างดี รสชาติที่ได้จึงใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด ที่สำคัญยังมีรสชาติค่อนข้างเปรี้ยว โดยเหตุผลสำคัญที่ทำให้ กาแฟคั่วอ่อน มีรสชาติเปรี้ยวที่สุด นั่นก็เพราะการใช้ระยะเวลาในการคั่วน้อยกว่าเมล็ดกาแฟคั่วเข้มและคั่วกลางนั่นเอง
จะเห็นว่า กาแฟคั่วแต่ละแบบ ต่างมาพร้อมเอกลักษณ์แตกต่างกัน ทั้งเรื่องสีสัน กลิ่น และรสชาติ ใครรู้ตัวว่าเป็นคอกาแฟจึงควรเลือกดื่มให้ครบทุกรูปแบบ เพื่อค้นหารสชาติกาแฟแบบที่ชื่นชอบที่สุดและสำหรับใครที่มองหาตัวช่วยชงกาแฟ ขอแนะนำเครื่องชงกาแฟแคปซูลจาก Nespresso ที่มีหลากหลายรุ่น เพื่อการชงแบบมือโปร ใช้งานสะดวกด้วยปลายนิ้ว ไม่เปลืองเวลา รวมถึงยังมีอุปกรณ์เครื่องทำฟองนมเพื่อการออกแบบเครื่องดื่มแก้วโปรดให้กลมกล่อมกว่าที่เคย ขาดไม่ได้คือแคปซูลรสชาติต่าง ๆ คัดสรรเฉพาะเมล็ดกาแฟเกรดพรีเมียม เพื่อให้ทุกคนได้รังสรรค์เมนูโปรดได้อย่างไม่มีเบื่อ

83
   ในงานวิจัยบอกว่าประโยชน์ของกาแฟสด ดื่มเป็นประจำนั้นดีต่อสุขภาพ ช่วยในเรื่องการทำงานของหลอดเลือด ควบคุมความดันโลหิต ป้องกันการเกิดมะเร็ง ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ บรรเทาอาการปวดศีรษะ ที่สำคัญช่วยควบคุมไขมันและกระบวนการเผาผลาญในร่างกาย ดังนั้นการดื่มกาแฟดำวันละแก้วจึงมีข้อดีกว่าที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว ซึ่งวันนี้เราได้มี สูตรชงกาแฟ ดำ 2 เมนู มาแนะนำ

   สูตรแรกคือกาแฟดำแบบ เอสเพรสโซ่ เมนูคลาสสิกและยังถือว่าเป็นแม่แบบช็อตกาแฟที่ใช้ต่อยอดทำเมนูกาแฟสดอื่น ๆ อีกด้วย ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำการชงเอสเพรสโซ่ให้ออกมาอร่อยกลมกล่อมด้วย เครื่องชงกาแฟ และแคปซูลกาแฟจาก Nespresso เริ่มจากเลือกกาแฟแคปซูลรสชาติที่ต้องการ โดยขอแนะนำให้เลือกใช้แคปซูลกาแฟ COSI อาราบิก้ากลิ่นหอมไหม้ของการคั่วบดอ่อน ๆ เมื่อชงออกมาแล้วจะให้กลิ่นและรสชาติที่เข้มข้นลงตัว นำ ถ้วยกาแฟ ขนาด 40 มิลลิลิตร ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานของการชงเอสเพรสโซ่ให้ออกมาลงตัวทั้งรสชาติและปริมาณมาวางเตรียมไว้ใต้หัวจ่ายน้ำกาแฟ ใส่กาแฟแคปซูลที่เลือกไว้ลงในเครื่องชงกาแฟแล้วเติมน้ำเปล่าลงในแท็งก์ จากนั้นกดปุ่มเริ่มการชงกาแฟ ไม่เกิน 5 นาที จะได้ เอสเพรสโซ่ รสเยี่ยมไว้ดื่มเพื่อสุขภาพแล้ว

   เมนูสูตรกาแฟอเมริกาโน่ต่อมา วิธีทำไม่ต่างจากการชงเอสเพรสโซ่สักเท่าไร ซึ่งอเมริกาโน่เป็นกาแฟที่เกิดจากการเติมน้ำเจือจางให้เอสเพรสโซ่เข้มข้นน้อยลงนั่นเอง ดังนั้นเมื่อเราชงกาแฟเอสเพรสโซ่ตามขั้นตอนของสูตรแรกแล้วเพียงแค่เจือจางน้ำลงไปก็จะได้เมนูอเมริกาโน่แล้ว แต่ต้องเติมน้ำลงไปเจือจางแค่ไหนถึงจะกลมกล่อมพอดี ง่าย ๆ เลยเมื่อชงช็อตเอสเพรสโซ่ด้วย เครื่องชงกาแฟ Nespresso เสร็จแล้วให้เติมน้ำร้อนลงไปปริมาณ 125  มิลลิลิตร เท่านี้ก็จะได้เมนูกาแฟสดอเมริกาโน่ ร้อน ๆ แบบเพียว ๆ ไว้ดื่มแล้ว รสชาติจะอ่อนกว่าการดื่ม เอสเพรสโซ่ สามารถเติมน้ำแข็งเป็นเมนูอเมริกาโน่เย็น หรือจะเติมน้ำผลไม้อย่างน้ำส้ม น้ำมะพร้าว เสาวรสลงไปก็จะช่วยเพิ่มสีสัน ความอร่อย และเพิ่มคุณประโยชน์จากวิตามินในผลไม้ให้กาแฟแก้วโปรดของคุณมากยิ่งขึ้น
   
นี่คือ 2 สูตรชงกาแฟ ดำยอดนิยมง่าย ๆ ที่คุณสามารถชงเองได้ที่บ้านด้วยเครื่องชงกาแฟและแคปซูลกาแฟของ Nespresso มั่นใจได้เลยว่าเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัสคุณจะได้ กาแฟดำ รสชาติกลมกล่อมสมบูรณ์แบบราวกับมีบาริสต้ามาทำให้ถึงที่บ้าน

84
   “กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มที่จะขาดไปไม่ได้เลยสำหรับพนักงานออฟฟิศทั้งหลาย เพราะช่วยกระตุ้นให้กระปรี้กระเปร่า ยังช่วยให้สมองมีสมาธิจดจ่อ ทำงานยาวนานได้ตลอดทั้งวันอีกด้วย ด้วยเหตุนี้หลายสำนักงานจึงมี เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ติดไว้ในห้องครัวเพื่อคอยบริการพนักงานและลูกค้า ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าควรเลือกเครื่องชงกาแฟแบบไหนให้เหมาะกับสำนักงาน

วิธีเลือกเครื่องชงกาแฟสำหรับสำนักงาน
   เครื่องชงกาแฟสด มีด้วยกันหลายราคาตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและฟังก์ชันการใช้งาน ซึ่งวิธีการเลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะกับสำนักงานของเราควรพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. เลือกเครื่องชงกาแฟให้เหมาะกับการใช้งาน
   เครื่องชงกาแฟสำหรับสำนักงานมีด้วยกัน 3 ระบบ ได้แก่ เครื่องชงกาแฟแคปซูล (CAPSULE), เครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซ่ (ESPRESSO MACHINE) และ เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ (FULLY AUTOMATIC COFFEE MACHINE) ซึ่งแต่ละระบบก็จะมีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน เช่น เครื่องชงกาแฟแคปซูล มีข้อดีตรงที่ราคาไม่แพง ใช้งานง่าย ชงกาแฟได้รวดเร็ว แต่ข้อเสียคือ ไม่สามารถเลือกเมล็ดกาแฟต่าง ๆ ได้ เลือกได้เฉพาะที่ผู้ผลิตวางขายเท่านั้น เป็นต้น หรือเครื่องชงแบบเอสเพรสโซ่ ที่สามารถชงกาแฟสดได้หลากหลาย แต่ข้อเสียคือมีอุปกรณ์ที่ต้องใช้หลายอย่าง มีขั้นตอนการชง และต้องอาศัยผู้ชงที่มีฝีมือและประสบการณ์
2. การดูแลรักษาในระยะยาว
   เครื่องชงกาแฟก็เป็นเครื่องจักรชนิดหนึ่ง ต้องการการดูแลรักษา ทำความสะอาด รวมถึงเปลี่ยนอะไหล่เมื่อถึงเวลาอันสมควร ดังนั้น การเลือกเครื่องชงกาแฟที่หาอะไหล่ได้ง่าย มีขั้นตอนการดูแลรักษาและการทำความสะอาดที่ไม่ยุ่งยาก จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของการดูแลรักษา แม้ราคาเครื่องอาจจะแพงสักหน่อย แต่ก็ถือเป็นการลงทุนในระยะยาว
3. การรับประกันและบริการหลังการขาย
   แน่นอนว่า เครื่องชงกาแฟสำหรับสำนักงาน เครื่องหนึ่งราคาไม่ใช่ถูก ๆ ก่อนเลือกซื้อจึงควรเช็กกับผู้ขายว่ามีการรับประกันในส่วนไหนบ้าง รวมถึงมีการดูแลหลังการขายอย่างไรบ้าง เพราะหากซื้อเครื่องที่ประกันไม่ครอบคลุมการบริการล้างทำความสะอาดเครื่อง เราก็อาจจะต้องเสียเงินตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่นในการล้างเครื่องแต่ละครั้ง แต่หากเครื่องมีประกันในส่วนนี้ก็จะช่วยประหยัดเงินในระยะยาวได้

ระหว่าง “เช่า” กับ “ซื้อ” เครื่องชงกาแฟ ควรเลือกแบบไหนดี?
   ปัจจุบันมีผู้ผลิต เครื่องชงกาแฟสด หลายเจ้าที่เปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเช่า-ซื้อเครื่องชงกาแฟออฟฟิศของตัวเองได้ ซึ่งการเลือกว่าจะเช่าหรือซื้อควรคำนึงถึงลักษณะการใช้งาน ตลอดจนขนาดของสำนักงานเป็นสำคัญ ยกตัวอย่าง หากเป็นสำนักงานขนาดเล็ก พนักงานไม่เกิน 10 – 15 คน ก็อาจจะเลือกเช่าเครื่องชงกาแฟเล็กขนาด 1 ลิตร หรือเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลที่มีขนาดกะทัดรัด สามารถชงกาแฟได้สูงสุดครั้งละ 15 ถ้วย แต่หากเป็นไปได้การลงทุนซื้อเครื่องให้จบ ๆ ไปเลยก็ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าในระยะยาว ซึ่งก็มีราคาให้เลือกตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น ส่วนสำนักงานที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ พนักงานตั้งแต่ 20 – 30 คนขึ้นไป ก็อาจจะเลือก เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ขนาดใหญ่แบบ 2 หัวชง ความจุตั้งแต่ 5 ลิตรขึ้นไป สามารถชงกาแฟได้ครั้งละ 20 แก้ว ไปจนถึงหลักร้อยแก้ว แม้ราคาเครื่องขนาดใหญ่แบบนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ที่หลักแสน แต่ก็มีผู้ผลิตหลายเจ้าที่เปิดให้เช่าเครื่องในราคาหลักพัน
   ทั้งหมดนี้คือวิธีเลือก เครื่องชงกาแฟออฟฟิศ เบื้องต้นที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถเลือกซื้อหรือเช่าเครื่องชงกาแฟที่ดีตอบโจทย์กับสำนักงานของตัวเองได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเมื่อมีเครื่องชงกาแฟในโรงแรมและสำนักงานที่ดีแล้ว ก็ต้องเลือกกาแฟที่มีคุณภาพมาใช้คู่กันเพื่อให้ได้กาแฟรสชาติอร่อยโดนใจทั้งพนักงานและแขก

85
   ยามเช้าหากสามารถจิบกาแฟอุ่น ๆ สักแก้วถือเป็นช่วงเวลาที่สุดแสนพิเศษของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหนึ่งใน เมนูกาแฟ ยอดฮิตที่คอกาแฟห้ามพลาดนั่นก็คือกาแฟผสมนม เหมาะมากกับการจิบยามเช้า เนมนุ่ม ๆ จะช่วยให้อยู่ท้อง แถมความหอมของนมยังทำให้เรากระปรี้กระเปร่าพร้อมที่จะเริ่มต้นเช้าวันใหม่อย่างเต็มเปี่ยม วันนี้เราจึงมาแบ่งปัน สูตรชงกาแฟสด แบบใส่นม 2 สไตล์ latte และคาปูชิโน่มาแนะนำที่รับรองว่าทำตามง่ายไม่ยุ่งยาก
   สิ่งแรกที่เราควรมีเลยก็คือเครื่องชงกาแฟสดที่มีฟังก์ชั่นครบในการชงกาแฟอย่างเครื่องชงกาแฟสดของ Nespresso เป็นเครื่องชงกาฟแคปซูลที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ไม่ต้องเสียเวลานาน ๆ ในการรอน้ำเดือดอีกต่อไป อย่างรุ่นที่มีระบบทำฟองนมมาในตัว Gran Lattissima  ก็เพียงเติมส่วนผสมต่าง ๆ อย่างแคปซูลกาแฟ น้ำเปล่าและนมสดลงไป เพียงปลายนิ้วสัมผัสเครื่องก็จะชงกาแฟสดออกมาให้อยากสมบูรณ์แบบทั้งรสชาติและกลิ่นหอม
   สูตรชงกาแฟสด เมนูแรกที่แนะนำก็คือเมนูกาแฟลาเต้ เป็นกาแฟผสมนมที่เน้นปริมาณนมมากกว่ากาแฟ จึงให้ความนุ่มละมุนของนมเป็นหลัก ความเข้มข้นของกาแฟจะน้อย เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเข้มขมของกาแฟเป็นอย่างมาก วิธีทำก็เริ่มต้นจากการใส่แคปซูลกาแฟ นมสด และน้ำเปล่าลงไปในเครื่องชงกาแฟ Gran Lattissima แล้วกดปุ่มฟังก์ชั่นชง เมนูกาแฟ ลาเต้ รอไม่นานแค่ 5 นาที เครื่องจะรังสรรค์กาแฟลาเต้ออกมาได้อย่างกลมกล่อมลงตัว
   แต่ถ้าใครที่อยากจะดื่มแบบเน้นความสดชื่นในรูปแบบกาแฟเย็นก็สามารถปรับเปลี่ยนเป็น สูตรลาเต้เย็น ก็เติมน้ำแข็งลงไปในแก้วกาแฟตั้งแต่ต้นก่อนกดปุ่มชงกาแฟ พอช็อตกาแฟลงมาจากเครื่องก็จะผสมกับน้ำแข็งกลายเป็นเมนูลาเต้เย็นง่าย ๆ แล้ว
   ส่วนใครที่ชื่นชอบฟองนมหนา ๆ แต่เน้นความเข้มข้นของกาแฟขึ้นมาหน่อยเมนูคาปูชิโน่เป็นอะไรที่ห้ามพลาด เพราะเป็น กาแฟใส่นม ในปริมาณน้อยกว่าเมนูลาเต้ หากแต่จะเพิ่มฟองนมหนานุ่มเข้ามาแทน จึงให้ทั้งรสสัมผัสของฟองนมและความเข้มข้นของกาแฟในคราวเดียวกัน สูตรนี้ทำง่าย ๆ ใช้ส่วนผสมแบบเดียวกับเมนูลาเต้เลย ต่างกันตรงกดปุ่มฟังก์ชั่นชงเมนูคาปูชิโน่ เพียง 5 นาที ก็จะได้ เมนูกาแฟ คาปูชิโน่ไว้ดื่มแล้ว
   ใครที่ชอบการดื่ม กาแฟใส่นม อยู่แล้วลองมองหานวัตกรรมกาแฟ Nespresso แล้วนำวิธีที่เราบอกต่อในวันนี้ไปทำตามดูแล้วจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องยากแบบที่คิด

86
ด้วยคุณสมบัติของกาแฟที่ช่วยให้ตื่นตัว เพราะมีคาเฟอีนที่ช่วยการทำงานของสมองตื่นตัวมากขึ้น ยิ่งกว่านั้น กาแฟยังเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยในการเข้าสังคม เหมาะใช้ทั้งในการต้อนรับลูกค้าและในการสังสรรค์พูดคุยระหว่างพนักงาน กาแฟจึงเป็นเครื่องดื่มที่จำเป็นในสำนักงาน
   การมีกาแฟรสชาติดี ๆ ไว้ให้บริการในสำนักงาน นอกจากจะช่วยให้พนักงานประหยัดค่าใช้จ่ายในการหาซื้อกาแฟเองแล้วยังช่วยสร้างแรงจูงใจในการทำงานด้วย โดยเฉพาะถ้ามี เครื่องชงกาแฟในออฟฟิศ เป็น เครื่องชงกาแฟสด

   ก่อนที่จะไปดูว่า เครื่องชงกาแฟสด แบบไหนเหมาะกับที่ทำงานของเรา มาดูกันก่อนว่าคุณสมบัติที่ เครื่องชงกาแฟสำนักงาน ต้องมี มีอะไรบ้าง
1.   ใช้งานง่าย เพื่อให้พนักงานสามารถชงกาแฟได้ด้วยตัวเองและป้องกันการทำเครื่องเสียหายโดยการใช้ที่ไม่ถูกต้อง เช่น การมีปุ่มสั่งงานปุ่มเดียว และมีหน้าจอแสดงการทำงานของเครื่อง
2.   ได้กาแฟรสชาติดี พนักงานสามารถรื่นรมย์กับรสชาติที่ชื่นชอบได้ เครื่องชงกาแฟควรให้กาแฟที่นอกจากจะได้รสชาติที่ดีแล้ว ยังต้องให้รสชาติและคุณภาพที่คงที่สม่ำเสมอเหมือนกันทุกแก้วด้วย
3.   มีเมนูกาแฟให้เลือกหลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของพนักงานและผู้มาติดต่อ ช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับสำนักงาน
4.   ผู้จำหน่ายเครื่องชงกาแฟมีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้มั่นใจว่ามีผู้ให้บริการกรณีเครื่องมีปัญหา ผู้จำหน่ายที่เปิดดำเนินธุรกิจด้านเครื่องชงกาแฟมานานย่อมทำให้รู้สึกอุ่นใจได้มากกว่า
5.   ปริมาณกาแฟที่ทำได้ต่อวัน เครื่องชงกาแฟต้องสามารถให้บริการพนักงานได้ทั่วถึงและทันต่อความต้องการ นอกจากปริมาณที่จะชงได้ต่อวันแล้ว ยังต้องพิจารณาถึงการใช้เวลาในการชงกาแฟแต่ละแก้วด้วย เพื่อรองรับความต้องการช่วงเช้าหรือช่วงพักกลางวันได้ดี
6.   เครื่องมีการออกแบบไว้สวยงาม เข้ากับการตกแต่งสำนักงาน เมื่อวางไว้ในสำนักงานแล้วช่วยให้สำนักงานดูดีขึ้น ไม่ขัดตา
7.   คุ้มค่าในระยะยาว นอกจากจะพิจารณาค่าเครื่องและวัตถุดิบแล้ว ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง เคลื่อนย้าย และค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาด้วย

จากคุณสมบัติทั้ง 7 ข้อนี้ เราขอแนะนำ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ด้วยมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มเดียวและมีหน้าจอแสดงการทำงานจนได้กาแฟสดรสชาติดีออกมา มีแคปซูลกาแฟให้เลือกหลากหลายเมนูที่มีรสชาติคงที่เหมือนกันทุกแก้ว เครื่องชงกาแฟขนาดเล็ก ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม ใช้พื้นที่ไม่มาก ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก สามารถยกไปใช้ในห้องประชุม หรือย้ายไปวางสนามหญ้าเมื่อมีกิจกรรมได้ ยิ่งกว่านั้นยังช่วยให้จัดสรรงบประมาณในการซื้อกาแฟง่ายขึ้น แคปซูลกาแฟแต่ละเมนูมีความสำเร็จรูปในตัวเองแล้ว และใช้เวลาไม่นานในการชงกาแฟแต่ละแก้ว

เครื่องชงกาแฟสดออฟฟิศ เช่าหรือซื้อดี   
เครื่องชงกาแฟมีทั้งแบบซื้อและเช่า การซื้อมีข้อดีคือได้เป็นทรัพย์สินของสำนักงานและจำหน่ายเป็นเศษซากเมื่อเลิกใช้งานได้ แม้ในระยะยาวค่าใช้จ่ายจะถูกกว่า แต่อาจมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาเมื่อหมดระยะเวลารับประกัน ส่วนการเช่าทำให้ได้เครื่องมาใช้งานโดยใช้งบประมาณไม่มาก ไม่ยุ่งยากในการบันทึกบัญชีเพราะลงเป็นค่าใช้จ่ายทั้งหมด ได้เครื่องรุ่นใหม่มาใช้งานและได้รับการดูแลรักษาจากผู้ให้บริการตลอดการใช้งาน โดยแลกกับค่าเช่าที่ต้องจ่ายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ค่าใช้จ่ายรวมสูงกว่าการซื้อ

   หากยังตัดสินใจเลือกไม่ได้ว่าจะเช่าหรือซื้อ เครื่องชงกาแฟแคปซูล สำหรับใช้ในสำนักงาน สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก Nespresso ได้ เพียงคลิกเข้าไปที่ https://www.nespresso.com/pro/th/th/professional-contactus

87
   การดื่ม กาแฟสด ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมในทุก ๆ วันของพนักงานออฟฟิศ เพราะจะช่วยปลุกความสดชื่นเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้การทำงานเต็มประสิทธิภาพ จึงไม่แปลกใจเลยที่เราจะเห็นเหล่าหนุ่มสาวออฟฟิศมักจะถือแก้วกาแฟสดเดินกันให้ควัก วันนี้เราเลยจะมาแนะนำนวัตกรรมกาแฟดี ๆ จาก Nespresso อย่าง เครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ ที่ควรมีติดไว้
   นวัตกรรมที่ว่านั้นคงหนีไม่พ้นเครื่องชงกาแฟรุ่น Gran Lattissima เครื่องชงกาแฟสดแคปซูล อัจฉริยะที่สามารถชงกาแฟได้หลากหลายเมนู ได้ทั้งกาแฟดำและกาแฟผสมนม เรียกได้ว่าครบจบทุกเมนูกาแฟ ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายในการดื่มกาแฟภายในสำนักงาน มีเครื่องเดียวสะดวกสบายใครอยากชงดื่มเมนูไหนทำได้ง่าย ๆ ใน 5 นาที ไม่ต้องต่อคิวกันนาน ไม่ต้องรอต้มน้ำให้เดือดนาน ๆ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารบกวนเวลางานนาน ๆ โดยใช่เหตุอีกต่อไป เพราะว่า เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ ของ Nespresso มีระบบทำความร้อนเร็ว
   วิธีการใช้งานเจ้าเครื่องชงกาแฟรุ่นนี้ก็ง่ายมาก ๆ ไม่ต้องตระเตรียมอะไรให้ยุ่งยากมากความ เพราะเป็นเครื่องชงกาแฟที่ใช้งานร่วมกับ กาแฟแคปซูล จึงสะดวกสบาย ไม่ต้องใช้เมล็ดกาแฟคั่วบดให้วุ่นวาย เตรียมแค่น้ำเปล่า และนมสดไว้ทำนั้นเพียงพอแล้ว วิธีใช้งานก็เริ่มจากการเตรียมส่วนผสมต่าง ๆ ใส่ในตัวเครื่องทั้ง กาแฟแคปซูล น้ำเปล่า สำหรับชงกาแฟดำ ถ้าจะชงกาแฟผสมนมก็เพิ่มส่วนผสมที่เป็นนมสดลงไปเท่านั้นเอง จากนั้นก็กดปุ่มเปิดเครื่องชงกาแฟแล้วจะมีสัญญาณให้เลือกกดฟังก์ชั่นการชงกาแฟสด
ซึ่งก็มีมาให้เลือกถึง 6 ปุ่ม ตามเมนู ได้แก่ เอสเปรสโซ ลุงโก้ ลาเต้ คาปูชิโน่ มัคคิอาโต้ และฟองนมนุ่ม อยากจะดื่มเมนูไหนก็กดเลือกได้เลย แล้วเครื่องจะชงกาแฟสดตามเมนูนั้น ๆ ออกมาให้อย่างสมบูรณ์แบบทั้งกาแฟและฟองนมผสมกันออกมาอัจฉริยะโดยที่เราไม่ต้องทำอะไรเลยเพียงแค่ปลายนิ้วกดปุ่มราวกับมีเวทมนตร์ก็จะได้กาแฟสดแก้วโปรดไว้ดื่มแล้ว นอกจากจะใช้งานง่ายแล้ว เครื่องทำกาแฟแคปซูล รุ่น Gran Lattissima ยังมีรูปลักษณ์ดีไซน์ที่ทันสมัย ขนาดกะทัดรัดไม่เปลืองพื้นที่จัดเก็บ ไม่กินไฟเพราะมีระบบตัดไฟอัตโนมัติ เหมาะกับการอยู่คู่กับออฟฟิศอันทันสมัยได้อย่างกลมกลืนลงตัว
   ออฟฟิศหรือสำนักงานไหนที่อยากมีเครื่องชงกาแฟสดตัวเก่งไว้ประจำออฟฟิศเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การดื่มกาแฟสด ของพนักงานทุกคนพลาดไม่ได้เลยที่จะมีนวัตกรรมเครื่องชงกาแฟ Gran Lattissima อันทันสมัยใช้งานง่ายจาก Nespresso แล้วออฟฟิศของคุณจะเต็มไปด้วยสีสันและคึกคัก productive ขึ้นยิ่งกว่าที่เคย

88
โดยปกติแล้วการดื่มกาแฟร้อนก็เพื่อที่จะได้สัมผัสกับรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟที่อบอวลได้ด้วยพืชพันธุ์นานาชนิดที่รายล้อม เช่น กลิ่นฟรุตตี้, กลิ่นหอมของดอกไม้ ที่กาแฟซึมซับเอาไว้ในขณะที่เป็นผลสุกก่อนที่จะนำมาหมักและคั่วเพื่อดึงความหอมเหล่านั้นให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยประเทศไทยเป็นเมืองร้อนจึงมีการคิดค้น เมนูกาแฟ เพื่อตอบโจทย์คอกาแฟที่หลงใหลในความเย็น โดยวันนี้จะมาแนะนำ สูตรกาแฟเย็น ให้ทุกท่านได้นำไปลองฝึกชงกันดู
1.   ICED CHOCOLATE COFFEE
สูตรกาแฟเย็น แบบเข้มข้นถึงใจจาก Nespresso ที่จะทำให้คุณลุ่มหลงในรสชาติและความประทับใจของ กาแฟใส่นม ถ้วยโปรดแก้วนี้ เมื่อนำ กาแฟใส่นม มา Mix & Math กับไอศกรีมช็อกโกแลตในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
สิ่งที่ต้องเตรียม : กาแฟแคปซูล Kazaar เข้มถึงใจ, นม, มาการองไซรัป 2 ซล.เกร็ดน้ำแข็ง 1 ช้อนโต๊ะและพระเอกของงานที่ขาดไม่ได้ไอศกรีมช็อกโกแลต 1 สคูป
วิธีการชง : ปั่นนมจนเป็นฟองหนาแน่น ด้วยเครื่องทำฟองนม Aeroccino หรือจากหัวฉีดไอน้ำจากเครื่องชงกาแฟเนสเพรสโซ่ ปรับโหมดเย็นและปั่นจนกว่าจะได้ฟองนมหนา นุ่ม พร้อมเติม ไซรัปลงไป กดเอสเพรสโซ่ด้วยแคปซูลกาแฟ Kazssr จำนวน 40 มล. เทกาแฟที่ได้ลงในกระบอกผสมเครื่องดื่ม แล้วเติมไอศกรีมตามลงไปแล้วเขย่าให้เข้ากัน เติมเกร็ดน้ำแข็งลงในแก้ว Recipe จากนั้นเทกาแฟจากกระบอกผสมเครื่องดื่มลงไป จากนั้นตกแต่งด้วยฟองนมตามที่ต้องการ ถือเป็นอันเสร็จสิ้น สูตรชงกาแฟสด เย็น สดชื่นให้คุณได้ดื่มเพื่อดับกระหายในหน้าร้อนได้
2.   สูตรลิมิเต็ด LIEGEOIS COFFEE BARISTA
เมนูกาแฟ สูตรเด็ดจากบาริสต้าที่น้อยคนนักจะได้ดื่มกับรสชาติที่ไม่มีใครเหมือน  เพราะ สูตรชงกาแฟสด นี้มาพร้อมกาแฟเย็นแสนอร่อยกับขนมปังอบหอมกลิ่นอบเชยเสิร์ฟเป็นอาหารว่างได้ทุกเวลา
สิ่งที่ต้องเตรียม : แคปซูลกาแฟ Liegeois, วิปครีม 1 ช้อนชา, ไข่แดง 1 หน่วย, น้ำตาลทราย 1 ช้อนชาและอบเชย
วิธีการชง : กดกาแฟแคปซูล Barista Corto ปริมาณ 40 มล. พร้อมทิ้งให้เย็นตัวลง จากนั้นตักไอศกรีมที่เตรียมไว้ใส่แก้วคาปูชิโน่ที่เตรียมไว้ แล้วเทกาแฟที่เตรียมไว้ใส่แก้วที่มีไอศกรีม ใส่วิปครีมและตกแต่งตามใจชอบ  เตรียมขนมปังด้วยการอบที่ความร้อน 210 องศาเซลเซียส เพื่อให้ร้อน
จากนั้นนำออกจากเตา หันเป็นชิ้นยาวประมาณ 2 ซ.ม. ทาด้วยไข่แดงและโรยผงอบเชยและน้ำตาลตามใจชอบ  นำไปเรียงใส่ถาดเพื่ออบอีกครั้งที่ อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส 8-10 นาที ก่อนปรับลดอุณหภูมิลงและพิจารณาสีของขนมปังจนเป็นสีน้ำตาล ค่อยนำออกจากเตา นำมาเสิร์ฟคู่กับกาแฟเย็นที่เตรียมไว้
ใครที่สนใจในสูตรกาแฟ ทั้ง 2 จาก Nespresso สามารถนำไปทดลองและปรับใช้ตามรสชาติที่ต้องการได้เลย แต่หากต้องการความสะดวกและรสชาติของกาแฟที่หลากหลาย ไม่ต้องเสียเวลาไปคัดสรรเมล็ดกาแฟด้วยตนเอง ลองหันมาเลือกใช้เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติดู เพราะมีรสชาติกาแฟจากทั่วโลกให้ได้ลองมากกว่า 25 รส ไม่นับกาแฟแคปซูลเป็น Limited Edition ทผลิตออกมาในปริมาณที่จำกัดแต่ละช่วงเทศกาล หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://www.nespresso.com/th/ แล้วมาสนุกกับการชงกาแฟสดด้วยตนเองที่บ้านได้เลย


ชมรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.nespresso.com/th/th/most-popular-coffee-recipes

https://www.nespresso.com/th/th/black-coffee

https://www.nespresso.com/th/th/most-popular-coffee-recipes

https://www.nespresso.com/th/th/most-popular-coffee-recipes

89
หลายคนใช้ชีวิตเร่งรีบจนขาดการดูแลตัวเองโดยเฉพาะปัญหาผิว การฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วนด้วย เซรั่มหน้าใส ช่วยคืนความหวังของสาว ๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลา เรามาลองทำความรู้จักกับเซรั่มตัวเด็ดและวิธีแก้ปัญหาผิวอย่างได้ผล
เซรั่มคือสกินแคร์บำรุงผิวที่มีความเข้มข้นของส่วนผสมมากกว่าสกินแคร์แบบอื่น ๆ การทาเซรั่มจะทำให้ผิวของคุณได้รับการบำรุงที่เพียงพอต่อการฟื้นฟูผิวเสียให้กลับมาชุ่มชื้นขึ้น ผิวหน้าที่ได้รับเซรั่มบำรุงจะมีความกระจ่างใสขึ้นจากเดิม รูขุมขนกระชับ ริ้วรอยลดลง นอกจากนี้ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมาย

ข้อดีของเซรั่ม
-   ช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดและครอบคลุมปัญหาผิวเพราะเซรั่มมีมากมายหลายประเภท
-   ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะไว้บนผิวชั้นนอกให้เกิดความรำคาญและที่สำคัญคือไม่ทำให้ผิวมันเยิ้มจนเกิดสิว
-   ผิวชั้นในจะได้รับการบำรุงมากกว่าการทาครีมชนิดอื่น ๆ เพราะเซรั่มสามารถซึมเข้าสู่ใต้ผิวหนังได้ลึกถึงโครงสร้างผิว
-   ผิวที่ไม่ได้รับการบำรุงมาก่อนจะได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เซรั่มเป็นทางลัดที่ให้ผลลัพธ์ดีกว่าการทาครีมทั่วไป
-   สามารถใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์บำรุงชนิดอื่นเพื่อเสริมเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงให้ดียิ่งขึ้น

ประเภทของเซรั่มมีอะไรบ้าง
-   Anti-Acne เซรั่มป้องกันสิว ลดรอยดำจากสิว
-   Oil Control เซรั่มควบคุมความมันส่วนเกิน
-   Exfoliating เซรั่มผลัดเซลล์ผิว
-   Brightening เซรั่มปรับผิวขาวกระจ่างใส ลดเลือนจุดด่างดำ หรือที่นิยมเรียกกันว่า เซรั่มหน้าใส ของ ELCA
-   Hydrating เซรั่มเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
-   Anti-Aging เซรั่มช่วยลดริ้วรอย
-   Renewing เซรั่มช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว
-   Pore Tightening เซรั่มกระชับรูขุมขน

บอกลาผิวหมองคล้ำ ใช้เซรั่มอย่างไรให้หน้าใส
การใช้เซรั่มให้ได้ผลควรใช้หลังล้างหน้าและก่อนลงมอยส์เจอไรเซอร์ โดย วิธีใช้เซรั่มที่ถูกต้องก็คือ
-   ใช้ปริมาณน้อย เซรั่มที่มากเกินไปอาจทำให้หน้าเป็นสิว
-   ใช้นิ้วแตะเนื้อเซรั่มแล้ววางบนจุดต่าง ๆ ตั้งแต่หน้าผาก จมูก คาง แก้ม 2 ข้าง และคอ แล้วใช้นิ้วนวดวนเบา ๆ ให้เซรั่มกระจายตัว

ใครที่มีเวลาไม่มาก อยากได้การบำรุงที่ตรงจุดและเห็นผลชัดเจน การใช้เซรั่มจึงช่วยให้ผิวสวยใสและสุขภาพดี แต่จะใช้เซรั่มตัวไหนดี ใครที่ยังมองหาอยู่และยังไม่เจอเซรั่มถูกใจ ขอแนะนำผลิตภัณฑ์ ESTEE LAUDER ที่ผลิตจากสารบำรุงสุดพรีเมียม ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก ตอบโจทย์ปัญหาผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ และริ้วรอย โดยเฉพาะตัวท็อปในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Advanced Night Repair พลาดไม่ได้ เพราะเป็นไนท์ครีมขายดีอันดับ 1 ของ ESTEE LAUDER ที่ต้องลอง


ชมรายละเอียดที่
https://www.wongnai.com/highlight-products/face-serums-for-clear-skin

90
ไม่ว่าคุณจะมีสภาพผิวแบบไหน ต่างก็สามารถเกิดภาวะผิวขาดน้ำได้ทั้งนั้น หากไม่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอ การบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยในการกักเก็บความชุ่มชื้น จึงเป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยปรับสมดุลให้ผิวแข็งแรงไม่แห้งลอกหมองคล้ำ สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องผิวขาดน้ำ ไม่แข็งแรงอยู่ละก็ บอกเลยว่าห้ามพลาดบทความนี้เป็นอันขาด เพราะเราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับมอยเจอร์ไรเซอร์ ตัวช่วยเด็ดเรื่องผิวขาดน้ำ ถ้าอยากรู้ว่าคืออะไร ทำไมถึงควรใช้ ตามไปดูพร้อมกันได้เลย

มอยส์เจอไรเซอร์ คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูผิวจากความแห้งกร้าน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญทั้งในด้านสุขภาพผิวเอง รวมถึงประโยชน์ในด้านความงามด้วย เปรียบเทียบง่าย ๆ ก็เหมือนกับการรดน้ำลงบนต้นไม้ทุกวัน เมื่อผิวได้รับน้ำเพียงพอ ก็จะดูสดใส มีชีวิตชีวา เรียบเนียน และช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยแห่งวัยได้อีกด้วย

ส่วนผสมหลัก ของ Moisturizer พร้อมประโยชน์เพื่อบำรุงผิวให้เปล่งเปล่งดูสวยงาม
•   น้ำ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวมีความนุ่มขึ้น ไม่แห้งกร้าน
•   สารดูดความชื้น (Humectants) เช่น ไกลเซอรีน ไฮยาลูรอนิก ช่วยดูดจับความชื้นที่ลอยอยู่ในอากาศเข้าสู่ผิว รวมถึงดึงน้ำจากชั้นหนังแท้ขึ้นมายังผิวชั้นนอกเพื่อให้ผิวดูอิ่มน้ำสุขภาพดี
•   สารที่ช่วยกักเก็บน้ำ (Occlusive) หากเติมน้ำแล้ว ดูดความชื้นเข้ามาแล้ว แต่ผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ได้ ก็คงไม่มีประโยชน์อะไร จึงต้องใส่สารเคลือบผิวชั้นนอก เช่น ปิโตรเลียมเจล ไดเมธิโคน น้ำมันต่าง ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำในผิวระเหยออกไปอีก
•   สารที่ช่วยให้ผิวนุ่ม (Emollients) เช่น เชียบัตเตอร์ สควาเรน คอลลาเจน เป็นสารที่ช่วยเคลือบผิวเหมือนกัน โดยจะเติมเต็มร่องผิวชั้นนอก จึงทำให้ผิวนุ่มลื่น เนียนเรียบ

หากไม่ได้บำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวก็จะขาดความชุ่มชื้น แห้งและหยาบกร้าน อ่อนแอ หากผิวขาดสมดุล ก็ทำให้ระคายเคืองง่ายหรืออาจเป็นแผลได้ง่าย ทั้งยังเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยต่าง ๆ อีกด้วย ก่อนตัดสินใจว่าจะเลือก ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ยี่ห้อไหนดี นอกจากจะดูที่ส่วนผสมแล้ว ก็ต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว และบำรุงผิวอย่างต่อเนื่องด้วยเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี โดยเราขอแนะนำมอยเจอร์ไรเซอร์จาก Estee Lauder Resilience Multi-Effect เป็น moisturizer แนะนํา ของ ELCA เพื่อฟื้นบำรุงและเสริมความแข็งแรงให้ผิวกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง ช่วยให้ผิวดูเนียนใส เปล่งปลั่ง ริ้วรอยร่องลึกแลดูจางลง และยังช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีอีกด้วย รู้เช่นนี้แล้วอย่ามัวรอช้า รีบไปช้อปมาลองใช้กันได้เลย!

91
หากใครกำลังหาตัวช่วยดี ๆ บอกลาปัญหารอยแดงรอยดำจากสิวแบบเร่งด่วน อย่าง รองพื้นปกปิดรอยสิว ที่จะช่วยกลบร่องรอยจากสิวชั่วพริบตา เปลี่ยนผิวให้กลับมาเนียนใส โดยตัวช่วยที่ว่านี้คือรองพื้นคุณภาพเยี่ยม นอกจากทาออกมาดูเป็นธรรมชาติแล้วยังปกปิดรอยต่าง ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม คนเป็นสิวต้องรีบหามาครอบครอง

ส่อง รองพื้นปกปิดรอยสิว เสกผิวเรียบเนียนแบบเร่งด่วน
1.   Estee Lauder Double Wear Sheer Long-Wear Makeup Foundation SPF20 PA++
คนที่ชอบลุคผิวธรรมชาติเชื่อว่าต้องถูกใจรองพื้นขวดนี้ รองพื้นสูตรน้ำ เกลี่ยง่าย เนื้อบางเบา ทาแล้วเนื้อเนียนกลืนไปกับผิว หน้าไม่แห้ง ไม่มัน ที่สำคัญไม่อุดตันรูขุมขน มาพร้อมส่วนผสมอย่างวิตามินอีช่วยบำรุงผิว สารสกัดจากผลไม้ และสารปกป้องผิวจากสารแดด SPF 20 รวมถึงแสงสีฟ้า เสกผิวให้เนียนกริบพร้อมปกป้องผิวในขั้นตอนเดียว
2.   Estee Lauder Double Wear Maximum Cover Camouflage Makeup for Face and Body Broad Spectrum SPF 15
รองพื้นเนื้อครีมเน้นปกปิด อำพรางริ้วรอย รอยสิว เส้นเลือดขอด และรอยแผลเป็นได้อย่างดีเยี่ยม ทาครั้งเดียวแต่ติดทนนานตลอดวัน ให้ลุคกึ่งแมตต์ ดูเป็นธรรมชาติ มีสารป้องกันแสงแดด SPF15 พร้อมปกป้องผิวจากมลภาวะ คนเป็นสิวสามารถใช้ได้เพราะไม่อุดตันและไม่ก่อให้เกิดสิว

วิธีเลือกรองพื้นให้เหมาะกับตัวเอง
•   เลือกให้เหมาะกับสภาพผิว
สภาพผิวที่แตกต่างกันแน่นอนว่าต้องเหมาะกับรองพื้นสูตรแตกต่างกัน ก่อนตัดสินใจซื้อรองพื้นควรคำนึงถึงสภาพผิวเป็นหลัก หากผิวแห้งควรเลือกรองพื้นที่มีน้ำเป็นส่วนผสม แต่หากเป็นผิวมันควรเลือกสูตรปราศจากน้ำมันเพื่อไม่ให้หน้ามันเงาระหว่างวัน
•   เลือกให้เหมาะกับโอกาส
รองพื้นแต่ละรูปแบบมาพร้อมคุณสมบัติแตกต่างกันจึงควรเลือกให้เหมาะกับโอกาสหรือกิจกรรมแต่ละวัน หากเป็นวันออกงานที่ต้องการความเนี้ยบเป็นพิเศษควรเลือกแบบเนื้อครีมที่ปกปิดดีเยี่ยม ในขณะที่รองพื้นแบบน้ำเหมาะกับวันทำกิจกรรมเบา ๆ เน้นลุคสดใส ดูเป็นธรรมชาติ
•   เลือกเฉดสีแมทช์กับผิวหน้า
การทารองพื้นให้เป๊ะปังต้องเลือกรองพื้นที่ทาแล้วกลืนไปกับผิว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหน้าลอยหรือหน้าเทาระหว่างวัน เทคนิคลองรองพื้นที่ถูกต้องควรทารองพื้นบริเวณช่วงคาง ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างผิวหน้ากับผิวคอ ไม่ควรทดลองสีบริเวณข้อมือเพราะมีโอกาสเลือกสีผิดได้ง่าย

การเลือกรองพื้นให้เข้ากับลุคช่วยเสริมบุคลิกได้ สำหรับใครที่มองหา รองพื้นยี่ห้อไหนดี ของ ELCA ที่ติดทน ปกปิดรอยสิวได้อย่างดีเยี่ยม แต่ทาแล้วไม่หนา ไม่อุดตัน ห้ามพลาดรองพื้นรุ่นยอดนิยมจาก Estee Lauder การันตีจากผู้ใช้จริงว่าปกปิดเรียบเนียนแต่ดูเป็นธรรมชาติ ให้งานผิวสวยไร้ที่ติ และเพื่อการลดปัญหาสิวในระยะยาว เมื่อทารองพื้นแล้วอย่าลืมล้างหน้าให้สะอาดเสมอด้วยน้ำยาล้างเครื่องสำอางโดยเฉพาะ ลดโอกาสการสะสมของแบคทีเรียซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว เพียงเท่านี้ก็เป็นเจ้าของผิวหน้าเนียนใส ไร้ปัญหาสิวกวนใจ

92
   ฟองนมที่เป็นเอกลักษณ์บนกาแฟ คาปูชิโน่ นั้น เกิดจากวิธีที่เรียกว่าการตีฟองนม เพื่อให้อากาศเข้าไปในนมและแยกโปรตีน ไขมัน น้ำตาลออกจากน้ำนม แล้วมาช่วยพยุงฟองอากาศไว้ ได้เป็นฟองนมนุ่มละเอียด สามารถเทลงบนกาแฟได้โดยไม่จมลงไปในน้ำกาแฟ ฟองนมช่วยให้กาแฟมีรสชาตินุ่มละมุนมากขึ้นและช่วยรักษาอุณหภูมิของกาแฟไว้ด้วย

   ถ้าเราไม่มีเครื่องทำกาแฟสดที่มีก้านสตีมมาด้วย เราก็สามารถทำฟองนมได้ ที่ทำฟองนม มีอยู่หลายแบบให้เลือกตามการใช้งาน เรามาทำความรู้จัก เครื่องทำฟองนม กันก่อนว่ามีกี่แบบเพื่อจะได้เลือกให้ได้อย่างที่ต้องการ
1.   ก้านปั่นฟองนม เป็นก้านที่มีหัวปั่นเล็ก ๆ มีทั้งแบบที่ใส่ถ่านกับแบบชาร์จไฟผ่าน USB เป็นที่ทำฟองนมที่มีวิธีใช้งานเพียงแค่จุ่มลงไปในถ้วยเตรียมฟองนม แต่ต้องจุ่มให้ถูกตำแหน่งจึงจะได้ฟองนมดี ๆ ออกมา และต้องอุ่นนมก่อนหากต้องการทำฟองนมสำหรับกาแฟร้อน
2.   เหยือกปั้มฟองนม วัสดุเหยือกเป็นสแตนเลสทนทาน วิธีการก็คือใส่นมลงในเหยือกแล้วปิดฝาที่มีก้านปั้ม จากนั้นปั้มนมจนได้ฟองนมออกมา เครื่องที่ทำฟองนม แบบนี้นอกจากต้องเตรียมนมให้ได้อุณหภูมิที่ต้องการแล้ว ยังต้องเตรียมเหยือกปั้มฟองนมด้วย เมื่อต้องการทำฟองนมเย็นก็ต้องนำเหยือกไปแช่เย็นไว้ก่อน หรือจะวางเหยือกไว้ในถังน้ำแข็งหรือใส่น้ำแข็งไว้ก่อนก็ได้
3.   เครื่องที่ตีฟองนม แบบไฟฟ้าหรือเครื่องทำฟองนมอัตโนมัติ ที่เพียงแค่ใส่นมแช่เย็นเข้าไปและกดปุ่ม แค่นี้ก็จะได้ฟองนมตามที่ต้องการออกมาแล้ว ใช้นมที่เราแช่ไว้ในตู้เย็นได้เลย ไม่ต้องอุ่นนมและไม่ต้องเตรียมเครื่องให้ยุ่งยากด้วย ไม่ต้องใช้แรงในการปั่นหรือปั้ม ไม่ต้องใช้ถ้วยตวงเพื่อดูปริมาณนมที่ใส่ เพราะในเครื่องมีระดับน้ำบอกไว้ สามารถทำฟองนมได้มากและได้ฟองนมที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ ยิ่งกว่านั้น นอกจากจะทำฟองนมแล้วยังสามารถใช้อุ่นนมและทำน้ำอุ่นได้ด้วย

สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกที่ทำฟองนม
1.   เลือกเครื่องทำฟองนมแบบที่เหมาะกับความต้องการ เช่น ต้องการเครื่องที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องเตรียมนมหรืออุปกรณ์ ควรเลือกเครื่องทำฟองนมแบบไฟฟ้า แต่ถ้าต้องการความคล่องตัวไม่ต้องมีการเสียบสายไฟ ควรเลือก ที่ทำฟองนม แบบก้านปั่น เป็นต้น
2.   เลือกเครื่องที่แข็งแรงทนทาน เพื่อจะได้ใช้งานได้นานและต่อเนื่อง
3.   เลือกบริษัทผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายที่มีการรับประกันเครื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าหากมีความเสียหายหรือเครื่องมีปัญหาแล้วจะมีที่ซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่ได้
4.   ขนาดบรรจุของเครื่อง เพื่อให้ได้ปริมาณฟองนมเพียงพอต่อครั้งที่ต้องการ

คราวนี้ก็เลือกเครื่องทำฟองนมสำหรับ คาปูชิโน่ แก้วโปรดได้แล้วนะคะ

93
น้ำตบ ถือเป็นสกินแคร์ที่ช่วยดูแลปัญหาผิว อุดมไปด้วยสารสกัดที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพสูง จึงช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด แต่หลายคนคงจะสงสัยใช่ไหมว่าจะเลือกน้ำตบแบบไหนดี และมีวิธีการเลือกอย่างไร เพราะปัจจุบันมีให้เลือกหลายยี่ห้อหลายสูตรให้เห็นมากมาย และแต่ละสูตรก็ไม่เหมือนกันเลย

วันนี้เราจะมาบอกต่อวิธีการเลือกน้ำตบแบบง่าย ๆ ให้เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง ใน 3 ขั้นตอน ถ้าอยากรู้ว่าเลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์ ยิ่งใช้ผิวยิ่งดี ตามไปดูกันเลย

1.   ปัญหาผิว อันดับแรกให้สังเกตปัญหาผิว รวมถึงสภาพผิวของตัวเองก่อน เพราะน้ำตบแต่ละสูตรถูกออกแบบมาเพื่อการแก้ปัญหาผิวที่ต่างกัน มีทั้งสูตรที่เพิ่มความกระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย ลดความมัน ฯลฯ เพราะฉะนั้นจึงต้องเลือกให้ถูก หรืออาจจะใช้วิธีสังเกตจากส่วนผสมเป็นหลัก
-   ผิวแห้งกร้าน ระคายเคืองง่าย ควรเลือกสูตรที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยเติมความชุ่มชื้น
-   ผิวมัน ควรเลือกสูตรที่ช่วยลดความมันหรือควบคุมความมันระหว่างวัน และหลีกเลี่ยงสูตรที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์เป็นจำนวนมาก
-   ผิวแพ้ง่าย ควรเลี่ยงสูตรที่มีส่วนผสมของพาราเบน น้ำหอม และแอลกอฮอล์
2.   เนื้อสัมผัส ควรมีความบางเบา ซึมซาบสู่ผิวได้ง่าย ไม่ทิ้งคราบ หรือทำให้รู้สึกหนักผิว แต่หากผิวแห้งมาก ก็ควรเลือกสูตรที่มีความเข้มข้นขึ้นมาหน่อย เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดียิ่งขึ้น
3.   อ่อนโยน ไม่อุดตัน ไม่ว่าจะเป็นผิวประเภทไหน ก็อาจเกิดสิวได้ทั้งนั้น จึงควรเลือกเป็นสูตรที่มีความอ่อนโยน และไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน

วิธีการลง น้ำตบ ให้มีประสิทธิภาพ
วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้นั้นก็ง่ายมาก ๆ โดยใช้เป็นขั้นตอนแรกหลังล้างหน้าเสร็จ เพราะเป็นช่วงที่รูขุมขนเปิด และสามารถรับสารบำรุงดี ๆ ในน้ำตบได้อย่างเต็มที่ ให้หยดเนื้อผลิตภัณฑ์ลงบนฝ่ามือ และวอร์มบนมือเบา ๆ ตบลงบนใบหน้าให้ทั่วอย่างเบามือ จนผลิตภัณฑ์ซึมเข้าสู่ผิวทั้งหมด เท่านี้ก็พร้อมสำหรับการลงสกินแคร์ในขั้นตอนต่อไปแล้ว

   แล้วจะเลือก น้ำตบยี่ห้อไหนดี นั้น ขอแนะนำ “La Mer The Treatment Lotion” โลชั่นบำรุงผิวหน้าสูตรน้ำ ที่มาพร้อมเนื้อสัมผัส Active Liquid Hydrogel เอกสิทธิ์เฉพาะของ La Mer ซึมไว ไม่เหนียว อ่อนโยน ใช้ดีแม้ผิวแพ้ง่าย ช่วยมอบความชุ่มชื้น ฟื้นปัญหาผิวแห้งเสียขาดน้ำ รู้สึกผิวชุ่มชื้นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ กระตุ้นกระบวนการสร้างผิวใหม่ตามธรรมชาติ ทำให้ผิวสุขภาพดี เปล่งปลั่ง กระจ่างใส สีผิวสม่ำเสมอ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความกระชับ และลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยให้แลดูจางลง ผิวจึงดูอ่อนเยาว์เหมือนย้อนเวลา

94
ด้วยสภาพอากาศของประเทศไทยที่ร้อนตลอดทั้งปี ทำให้คนไทยมักพบปัญหาผิวหมองคล้ำ แห้งกร้านเนื่องจากรังสียูวีและแสงแดดทำลายความชุ่มชื้นใต้ผิวหนัง รวมถึงเป็นบ่อเกิดของปัญหาริ้วรอยก่อนวัย รอยแดง ผิวอ่อนแอ การบำรุงผิวด้วย มอยส์เจอไรเซอร์ หรือ เซรั่มช่วยหน้าใส จึงเป็นสกินแคร์ที่ช่วยแก้และปกป้องผิว กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการบำรุงผิว

ความแตกต่างของ มอยส์เจอไรเซอร์ และเซรั่ม
มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิวและคืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยก่อนวัย ส่วน เซรั่มลดริ้วรอย มีคุณสมบัติคล้ายกับมอยเจอร์ไรเซอร์ แต่แตกต่างกันตรงที่เซรั่มจะสามารถซึมซาบสู่ผิวได้ล้ำลึก อีกทั้งมีส่วนผสมที่เข้มข้นกว่า
การบำรุงผิวที่ดีที่สุด คือ การใช้ทั้งเซรั่มและมอยเจอร์ไรเซอร์ควบคู่กัน โดยลงผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดตามลำดับที่ถูกต้อง คือ หลังจากล้างทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดหมดจดด้วยคลีนซิ่งที่เหมาะกับสภาพผิวและซับผิวให้แห้งแล้ว ควรเช็ดผิวด้วยโทนเนอร์เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อาจตกค้างในรูขุมขนและปรับผิวให้พร้อมรับการบำรุงอย่างล้ำลึก จากนั้นจึงทาเซรั่มให้ทั่วใบหน้าและลำคอ พร้อมนวดคลึงให้ซึมซาบลงใต้ชั้นผิว ช่วยแก้ปัญหาผิว ปิดท้ายด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

วิธีตรวจสอบปัญหาผิวหน้าด้วยตัวเอง
   หลังจากทำความสะอาดใบหน้าแล้ว ให้ตรวจสอบด้วยการสังเกต การใช้มือสัมผัส หรือให้ชัดเจนที่สุดคือการใช้กระดาษซับมัน รอหลังทำความสะอาดใบหน้าประมาณครึ่งวัน ก็ใช้กระดาษซับมันแตะไปบริเวณโซนต่าง ๆ ของใบหน้า ได้แก่ หน้าผาก จมูก ปลายคาง และแก้มทั้งสองข้าง หากทุกส่วนมีความมันเท่า ๆ กันและมันมาก ก็เป็นผิวมัน หากมีความมันเฉพาะหน้าผาก จมูก ปลายคาง หรือที่เรียกว่าทีโซน ก็จัดว่าเป็นผิวปกติหรือผิวผสม หากไม่ค่อยมีความมันมากนัก ก็เป็นแบบผิวแห้ง การรู้ปัญหาผิวหน้าไว้ก่อนจะทำให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประเภทของผิวหน้าได้ดียิ่งขึ้น

ผิวแห้ง โทรม คล้ำ จับคู่เซรั่มและมอยเจอร์ไรเซอร์แบบไหนดี
โดยเซรั่มและมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เราแนะนำควรใช้คู่กันเพื่อแก้ปัญหาผิวแห้ง โทรม คล้ำ ดังนี้
Estee Lauder Advanced Night Repair Synchronized Multi-Recovery Complex Serum เซรั่มยอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทยและเอเชียที่ช่วยแก้ปัญหาผิว 7 ประการตั้งแต่การลดเลือนริ้วรอย การฟื้นฟูผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น ปกป้องผิวไม่ให้สูญเสียความชุ่มชื้นและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติภายใน 3 สัปดาห์ คู่กับ Estee Lauder Revitalizing Supreme+ Youth Power Creme Moisturizer มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นพร้อมลดเลือนริ้วรอยและช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้เปล่งปลั่งสุขภาพดีภายใน 4 สัปดาห์ หรือใช้เซรั่ม Estee Lauder Advanced Night Repair Synchronized Multi-Recovery Complex คู่กับ Revitalizing Supreme+ Global Anti-Aging Power Soft Emulsion มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา ช่วยฟื้นฟูผิวแห้งกร้าน คล้ำเสียและเติมเต็มความชุ่มชื้นระหว่างวันโดยไม่ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ

การฟื้นฟูผิวที่ดีที่สุด ควรใช้ทั้งเซรั่มและมอยเจอร์ไรเซอร์จาก Estee Lauder ควบคู่กัน เพราะเซรั่มจะช่วยฟื้นฟูพร้อมบำรุงผิวชั้นในให้สุขภาพดีขึ้นจากภายในสู่ภายนอก และใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ฟื้นฟู บำรุง และปกป้องผิวจากมลภาวะ ทำให้ผิวสุขภาพดี แข็งแรง เนียนนุ่มชุ่มชื้นอย่างเห็นได้ชัด

95
เคยสังเกตไหมว่า ทำไมสาวผิวสวยจึงนั่งบำรุงผิวหน้าโต๊ะเครื่องแป้งได้เป็นเวลานาน ๆ นั่นก็เพราะว่าเขามีการบำรุงผิวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และที่สำคัญก็คือใช้สกินแคร์หลายตัว เช่น เซรั่มหน้าใส มอยส์เจอไรเซอร์ เอสเซนส์ ครีมรักษาเฉพาะจุด ทุกตัวต้องมีลำดับการทาก่อนและหลังเพื่อให้เนื้อครีมแต่ละตัวทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ทำไมต้องเรียงลำดับการทาครีมบำรุง
การเรียงลำดับครีมบำรุงมีความสำคัญเพราะจะทำให้สกินแคร์แต่ละตัวซึมลงถึงชั้นผิวและทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น สำหรับการบำรุงในเวลาเช้าและเย็นจะมีขั้นตอนการทาครีมที่แตกต่างกันเพราะวัตถุประสงค์ของการทาครีมต่างกัน

ขั้นตอนการทาครีมตอนเช้า
เน้นการปกป้องผิวไม่ให้ถูกทำร้ายจากสิ่งแวดล้อมและเครื่องสำอางที่ใช้ ขั้นตอนเริ่มจาก
1.   ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยคลีนเซอร์ ถูวนบนผิวหน้าเพื่อขจัดสิ่งสกปรกและกระตุ้นต่อมน้ำเหลือง
2.   ปรับสภาพผิวด้วยโทนเนอร์หรือใช้สเปรย์ฉีดหน้าที่ช่วยปรับสมดุลผิว
3.   ลงครีมสำหรับการดูแลรักษาผิวมีปัญหาเฉพาะจุด (สำหรับผิวมีปัญหา)
4.   ทาเซรั่มบำรุงและฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น เช่น เซรั่มลดริ้วรอย เซรั่มที่ตรงกับสภาพผิว
5.   ทามอยส์เจอไรเซอร์เพื่อช่วยเคลือบผิวและป้องกันผิวจากสารเคมีในเครื่องสำอางและสิ่งแวดล้อมภายนอก
6.   ทาครีมกันแดด เน้นครีมที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่า เพื่อการปกป้องอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะออกกลางแจ้งหรือไม่ก็ตาม
7.   เริ่มขั้นตอนเมคอัพที่คุณต้องการ

ขั้นตอนการทาครีมก่อนนอน
   สำหรับขั้นตอนการบำรุงผิวตอนกลางคืนเน้นการบำรุงเข้มข้นกว่า เป็นการปลอบประโลมผิวหลังจากที่เผชิญมลพิษมาทั้งวัน ขั้นตอนเริ่มจาก
1.   เช็ดคราบเมคอัพให้สะอาดด้วยคลีนซิ่ง เช่น เจล ออยล์เช็ดเครื่องสำอาง ครีมล้างหน้า
2.   ล้างหน้าให้สะอาดด้วยโฟม เจล หรือสบู่
3.   เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์เพื่อปรับสภาพผิว
4.   ลงเอสเซนส์ที่คุณมี (ถ้าไม่มีสามารถข้ามไปได้)
5.   ถ้ามีสกินแคร์เฉพาะจุด เช่น ครีมแต้มสิว ครีมทาฝ้าให้ลงในขั้นตอนนี้
6.   ลงเซรั่มที่เลือกใช้ตามสภาพผิว
7.   ทาอายครีมบำรุงรอบดวงตา
8.   ลงมอยส์เจอไรเซอร์ทั่วใบหน้าเพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ใต้ผิว

ขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้นอาจไม่จำเป็นต้องทำทุกข้อ แนะนำให้ปรับใช้ที่เหมาะกับตัวเอง บางคนอาจไม่ต้องใช้สกินแคร์ทุกตัวก็ได้แค่เน้นการเรียงลำดับสกินแคร์จากเนื้อบางเบามากที่สุดไปจนถึงสกินแคร์เนื้อเข้มข้นมากสุดก็พอ และในช่วงระหว่างสัปดาห์ควรเพิ่มการมาสก์หน้าหรือใช้ Sleeping Mask และ Lip Mask สัปดาห์ละ 2 ครั้ง สำหรับสาว ๆ ที่ต้องการ เซรั่มช่วยหน้าใส มอยส์เจอไรเซอร์ หรือสกินแคร์อื่น ๆ เพิ่มเติม ขอแนะนำผลิตภัณฑ์จาก ESTEE LAUDER ผลิตภัณฑ์คุณภาพระดับโลกที่พร้อมแก้ปัญหาผิวหน้า มอบความชุ่มชื้นและคอยปรนนิบัติผิวคุณทุกวันทุกเวลา

96
เมื่อสาว ๆ มีรอยสิวโผล่ขึ้นมา ทำเอาเครียดไม่อยากออกจากบ้าน รองพื้นจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ปกปิดรอยสิวให้ผิวหน้าสวยเนียนเรียบได้ดั่งใจ

รองพื้นช่วยอำพรางหรือปกปิดรอยสิว รอยแผลเป็น ฝ้า กระ รูขุมขน หรือริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า เพื่อให้สีผิวของใบหน้ามีความสม่ำเสมอและเนียนสวย ปัจจุบันรองพื้นมีหลายประเภท แบ่งตามลักษณะของ Texture ได้ตามนี้
•   รองพื้นเนื้อครีม (Cream Foundation) เนื้อแน่นเข้มข้น ปกปิดเรียบเนียน แต่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวหน้าจึงเหมาะสำหรับผิวแห้ง
•   รองพื้นแบบผงมิเนอรัล (Mineral Foundation) รองพื้นแบบผงซึ่งมีส่วนผสมจากแร่ธาตุธรรมชาติจึงอ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เลือกได้ทั้งแบบปกปิดบางเบาไปจนถึงปกปิดเรียบเนียน
•   รองพื้นแบบแท่ง (Stick Foundation) มีความเข้มข้นสูงจึงปกปิดและเกาะติดผิวได้ดีแต่เกลี่ยยาก และอาจจะเกิดการไหลเยิ้มระหว่างวันดังนั้นผิวมันจึงควรเลี่ยง
•   รองพื้นแบบทินท์ (Tinted Foundation) เนื้อบางเบา เน้นบำรุง ไม่เน้นปกปิด ช่วยให้ผิวหน้าชุ่มชื้นฉ่ำวาวกระจ่างใส เหมาะสำหรับผิวแห้ง
•   รองพื้นเนื้อน้ำ (Liquid Foundation) เกลี่ยง่ายเพราะเป็นรองพื้นเนื้อเหลว ใช้ได้กับทุกสภาพผิว ให้เนื้อสัมผัสบางเบา มีทั้งแบบ Oil Free Liquid Foundation, Oil Base Liquid Foundation และ Moisturizing Base Liquid Foundation 
•   รองพื้นเนื้อมูส (Mousse Foundation) ด้วยลักษณะเป็นมูสนุ่มจึงเกลี่ยง่าย เติมเต็มร่องลึกทำให้ผิวเนียนเรียบ ไม่ตกร่องหรือเป็นคราบระหว่างวัน เหมาะสำหรับผิวแห้ง ผิวธรรมดา และผู้ที่ต้องการปกปิดริ้วรอย
•   รองพื้นเนื้อแป้ง (Powder Foundation) เนื้อรองพื้นจะถูกอัดให้แข็งจนมีลักษณะคล้ายแป้งฝุ่นจึงใช้งานง่าย ช่วยดูดซับความมันบนใบหน้าได้ดี เหมาะสำหรับผิวธรรมดาถึงผิวแห้งและผู้ที่เริ่มหัดแต่งหน้า
•   รองพื้นแบบสเปรย์ (Spray Foundation) ใช้งานง่ายด้วยการพ่นลงบนฟองน้ำแล้วเกลี่ยให้ทั่วใบหน้า ปกปิดได้บางเบาจึงเหมาะกับผิวที่ไม่มีปัญหา
•   เจลรองพื้น เนื้อบางเบาติดทนนาน ให้ความสดใสฉ่ำวาว เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่ายเพราะไม่มีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรง
สำหรับสาว ๆ ที่มีปัญหาสิว แนะนำให้ใช้รองพื้นปกปิดรอยสิวที่ไม่สร้างปัญหาสิวเพิ่ม เป็น Liquid Foundation สูตร Non-Comedogenic ที่เข้ากับสีผิว เพราะจะช่วยปกปิดรอยนูนและรอยแดงจากสิวได้โดยไม่ก่อให้เกิดการอุดตันอันเป็นสาเหตุของสิว

เทคนิคการลงรองพื้นเพื่อปกปิดรอยสิวให้ติดทนทานและไม่เสี่ยงต่อการเกิดสิวใหม่
1.   ล้างหน้าให้สะอาดหมดจดแล้วซับให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
2.   หากเป็นสิวอุดตันควรใช้โทนเนอร์เช็ดซ้ำอีกครั้งเพื่อให้ผิวหน้าสะอาดล้ำลึกขึ้น ทั้งยังช่วยสมานผิว และปรับสมดุลผิวให้ชุ่มชื้น กรณีที่มีหัวสิวอักเสบให้ใช้ยาแต้มสิวทาลงไปบาง ๆ แต่สำหรับคนที่เป็นสิวอักเสบมากควรงดใช้โทนเนอร์และใช้เพียงเจลรักษาสิวอักเสบแต้มบริเวณหัวสิว รอให้ตัวยาซึมซาบลงผิวจึงค่อยเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป
3.   ทาครีมกันแดดให้ทั่วใบหน้าแล้วทิ้งไว้สักพักเพื่อให้เซตตัว (แนะนำให้ใช้เป็นครีมกันแดดค่า SPF 40 ขึ้นไปที่มีเนื้อบางเบา ติดทนทาน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง ไม่อุดตันรูขุมขน)
4.   ลงรองพื้นให้เนียนทั่วใบหน้าโดยใช้นิ้วมือเกลี่ยเบา ๆ เลี่ยงการใช้ฟองน้ำหรือแปรงลงรองพื้นเพราะก่อให้เกิดสิวได้ง่ายหากมีการใช้ซ้ำและไม่สะอาดพอ       
5.   ลงแป้งฝุ่นให้ทั่วใบหน้าเพื่อช่วยให้ผิวเรียบเนียนและสีผิวสม่ำเสมอขึ้น ทั้งยังช่วยดูดซับความมันส่วนเกินบนใบหน้าด้วย
6.   เติมสีสันบริเวณดวงตา แก้ม และริมฝีปากตามสไตล์ที่ต้องการ แต่ควรใช้เมคอัพเนื้อฝุ่นแทนเนื้อครีมซึ่งเสี่ยงต่อการอุดตันได้ง่าย

การใช้รองพื้นที่ดีสามารถช่วยปกปิดปัญหาสิวและเพิ่มความมั่นใจก่อนที่จะออกไปพบเจอผู้คน แล้วจะเลือกใช้รองพื้นยี่ห้อไหนดี แนะนำ ESTEE LAUDER Double Wear Stay-in-Place Makeup SPF10 / PA++ รองพื้นติดทน นานประสิทธิภาพสูง ปกปิดรอยสิว รอยดำ ช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสโดยไม่ทำให้เกิดสิวเพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและน้ำหอม รองพื้นยอดฮิตอันดับหนึ่งในกลุ่มรองพื้นจาก ESTEE LAUDER

97
   เครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ในการประชุมสัมมนาและงานเลี้ยงย่อมต้องเป็นกาแฟ เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ทำให้หายง่วง ตื่นตัว พร้อมร่วมงานตลอดทั้งวัน ด้วยเหตุนี้ เครื่องชงกาแฟโรงแรม จึงต้องมีคุณสมบัติโดดเด่นมากกว่าเครื่องชงกาแฟทั่วไปในหลาย ๆ ด้าน แต่ควรมีคุณสมบัติไหนบ้างนั้น มาดูกันเลย

•   ชงได้หลายแก้ว
งานเลี้ยงและงานประชุมสัมมนาส่วนใหญ่เป็นงานขนาดใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมงานครั้งละหลายร้อยคน ดังนั้นเพื่อให้การชงกาแฟราบรื่นต่อเนื่องควรเลือกเครื่องชงกาแฟที่สามารถชงได้หลายแก้วต่อชั่วโมง อย่าง เครื่องทำกาแฟแคปซูล จาก Nespresso รุ่น AGUILA 220 ที่สามารถชงกาแฟได้จำนวน 200 แก้วต่อชั่วโมง ภาชนะเก็บแคปซูลใช้แล้วได้ถึง 125 ชิ้น ทำให้เสิร์ฟกาแฟหอมกรุ่นได้อย่างต่อเนื่อง
•   ใช้งานง่าย
เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนจะมีความรู้เรื่องกาแฟและชงกาแฟจากเครื่องชงกาแฟสดได้ ดังนั้น เครื่องชงกาแฟโรงแรม จึงต้องมาพร้อมการใช้งานที่ง่ายและขั้นตอนน้อย ต่อให้เป็นพนักงานทั่วไปก็สามารถเรียนรู้และทำตามขั้นตอนได้โดยไม่ต้องมีบาริสต้ามืออาชีพดูแลทุกขั้นตอน ซึ่งเครื่องชงกาแฟที่ตอบโจทย์มากที่สุดนั้นหนีไม่พ้น  เครื่องทํากาแฟสดแคปซูล ที่เพียงแค่เสียบปลั๊ก เปิดเครื่องรอน้ำร้อน ใส่กาแฟแคปซูลลงไป กดปุ่มเลือกเมนูกาแฟ จากนั้นไม่ถึงนาทีก็ได้กาแฟแสนอร่อยเสิร์ฟให้กับลูกค้าแล้ว
•   รสชาติหลากหลาย
ยิ่งคนจำนวนมากความชื่นชอบก็ยิ่งหลากหลาย การเสิร์ฟกาแฟเอสเพรสโซ่ อเมริกาโน่ ลาเต้ มอคค่า มัคคิอาโต้ แบบเดิม ๆ อาจไม่สามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้มาร่วมงานได้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งในกรณีที่เลือกใช้ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ควรเลือกแบรนด์ที่มีกาแฟแคปซูลให้เลือกหลากหลายรสชาติ นำเข้ากาแฟจากต่างประเทศ มีระดับความเข้ม ความขม และความหอมให้เลือกหลายระดับ จะช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่มาใช้บริการทุกคน
•   ดีไซน์ต้องสวย
ใครที่คิดว่าแค่ฟังก์ชันครบ ชงได้เยอะ มีเมนูกาแฟให้เลือกเยอะเป็นคุณสมบัติที่ครบแล้วสำหรับเครื่องชงกาแฟที่ใช้ในโรงแรม แต่ดีไซน์และความสวยงามก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเครื่องชงกาแฟก็เปรียบเสมือนของตกแต่ง หากมาพร้อมดีไซน์โดดเด่น ผลิตจากวัสดุชั้นเยี่ยม รับรองว่าจับวางไว้มุมไหนของห้องจัดเลี้ยงหรือห้องประชุมก็สวยสะดุดตา
•   ซื้อดีกว่าเช่า
หากถามว่าธุรกิจโรงแรมควรซื้อหรือ เช่าเครื่องชงกาแฟสดอัตโนมัติ คำตอบคือซื้อเลยย่อมดีกว่าในด้านการใช้งานและงบประมาณ เพราะธุรกิจโรงแรมย่อมต้องใช้เครื่องชงกาแฟทุกครั้งที่มีงานเลี้ยงหรืองานประชุมสัมมนา หากเลือก เช่าเครื่องชงกาแฟ ก็ต้องเสียเวลารอให้ร้านเช่ามาติดตั้งเครื่อง ต้องดูแลรักษาเครื่องชงกาแฟตามเงื่อนไข และยังเป็นการเพิ่มงบประมาณในการจัดงานอีกด้วย
   
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับคุณสมบัติ เครื่องชงกาแฟโรงแรม ที่เรานำมาฝากในวันนี้ ซึ่งบอกเลยว่าถ้าเช็กลิสต์ตามนี้ได้เครื่องชงกาแฟถูกใจเหมาะสำหรับใช้งานในโรงแรมแน่นอน

98
   น้ำตบเป็นสกินแคร์รูปแบบน้ำหรือกึ่งน้ำ โดยคำเรียกว่า น้ำตบ นั้นมาจากลักษณะของสกินแคร์ที่เป็นน้ำ และเรียกตามการใช้งานที่ต้องใช้มือกดลงบนใบหน้าเบา ๆ เพื่อให้สกินแคร์ซึมลงสู่ผิว ช่วยเติมความชุ่มชื้นและเตรียมผิวให้พร้อมต่อการบำรุงในขั้นตอนต่อไป ใช้หลังทำความสะอาดผิวใหม่ ๆ โดยใช้หลังโทนเนอร์ และก่อนเซรั่ม มอยส์เจอร์ไรเซอร์ และครีมกันแดด แต่ทั้งนี้ก็มีคำเรียกอื่น ๆ ด้วย เช่น Lotion, Essence Lotion, Water Essence, Pre Serum เป็นต้น   
   น้ำตบได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่รู้ว่าจะเลือก น้ำตบยี่ห้อไหนดี วันนี้เรามาหาคำตอบกันว่า ทำไมใคร ๆ ก็ใช้น้ำตบบำรุงผิวกัน
1.   ซึมลงสู่ผิวได้ง่าย ด้วยโมเลกุลน้ำที่มีขนาดเล็ก ทำให้ซึมลงสู่ผิวได้ง่ายและรวดเร็ว
2.   ใช้งานสะดวก เพียงแค่เทน้ำตบลงบนฝ่ามือ วอร์มเล็กน้อย และนำฝ่ามือมากดลงบนผิวหน้าเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า
3.   ให้ความชุ่มชื้น พร้อมมีสารบำรุงผิวอื่น ๆ ด้วย นอกจากความชุ่มชื้นที่ได้ น้ำตบยังมีคุณค่ากับผิวด้วยสารบำรุงผิวต่าง ๆ ที่มีผสมอยู่ในน้ำตบด้วย
4.   ใช้ร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นได้ ด้วยความที่น้ำตบซึมลงสู่ผิวได้รวดเร็ว ทำให้สามารถใช้ร่วมกับสกินแคร์ตัวอื่นได้
5.   ช่วยให้สกินแคร์ตัวอื่นซึมลงสู่ผิวได้ง่ายขึ้น เพราะผิวที่ชุ่มชื้นจะดูดซึมสารบำรุงได้ดีขึ้น

หลังจากรู้เหตุผลที่ใคร ๆ ก็ใช้น้ำตบกันแล้ว เรามาดูกันต่อว่าจะใช้น้ำตบอย่างไรเพื่อให้ได้รับคุณค่าจากน้ำตบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
หลังทำความสะอาดผิวหน้าและตามด้วยโทนเนอร์เรียบร้อยแล้ว ก็สามารถใช้น้ำตบได้เลย ถึงแม้วิธีการใช้น้ำตบตามที่บอกไว้ข้างต้นว่าให้เทน้ำตบลงบนฝ่ามือและใช้ฝ่ามือมากดลงบนผิวหน้า แต่หากเป็นน้ำตบที่อุดมไปด้วยสารบำรุงผิวและซึมลงสู่ผิวได้ง่ายมากอย่าง La Mer The Treatment Lotion ที่เพียงหยดน้ำตบลงบนปลายมือและนำมากดลงบนผิวหน้าให้ทั่ว แค่นี้ผิวหน้าก็จะชุ่มชื้นขึ้นมาอย่างรู้สึกได้ เปิดผิวเพื่อรับการบำรุงในขั้นตอนถัดไป
กับคำถามที่ว่า น้ำตบยี่ห้อไหนดี เราก็อดไม่ได้ที่จะแนะนำ La Mer ด้วยคุณภาพที่มีอย่างต่อเนื่องมายาวนาน ด้วยความใช้ง่าย ใช้ในปริมาณไม่มาก และที่สำคัญเหมาะกับผิวแพ้ง่ายด้วย โดย La Mer The Treatment Lotion น้ำตบ ที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ช่วยเสริมความแข็งแรงให้ผิว ด้วยสารสกัดอันทรงคุณค่าจากท้องทะเล สูตรลับเฉพาะของลาแมร์ที่ช่วยปลอบประโลมผิว ช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ริ้วรอยตื้นขึ้น สีผิวสม่ำเสมอและดูกระจ่างใส

สัมผัสผิวที่ชุ่มชื้นสุขภาพดีที่รู้สึกได้ตั้งแต่การใช้ครั้งแรก กับน้ำตบขายดี La Mer The Treatment Lotion ที่ https://www.lamer.co.th หรือพูดคุยกับที่ปรึกษาความงามได้ที่เคาน์เตอร์ลาแมร์ทั่วประเทศ

99
หลายครั้งเรามักจะเห็นร้านขายกาแฟแทรกตัวในทุกพื้นที่ และไม่ใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น เพราะกาแฟ ถือเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก นอกจากเสน่ห์คือเรื่องกลิ่นหอมที่เพิ่มความสดชื่นทุกครั้งที่ได้ดื่มแล้ว รสชาติที่แตกต่างกันของแต่ละแหล่งปลูกก็ดูเหมือนจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้ตกหลุมรักเครื่องดื่มชนิดนี้ แต่ก่อนจะมาเป็นเมล็ดพร้อมชง แน่นอนว่าต้องผ่านกรรมวิธีการคั่ว ระดับการคั่วของกาแฟแบ่งเป็น กาแฟคั่วเข้ม กาแฟคั่วกลาง รวมถึงคั่วอ่อน และสำหรับใครที่ชื่นชอบรสชาติแบบดั้งเดิม ต้องบอกว่าเมล็ดแบบคั่วอ่อน คือตัวเลือกที่ห้ามพลาดเลยทีเดียว
กาแฟคั่วอ่อน คืออะไร มีเทคนิคการชงอย่างไรให้อร่อย
เมล็ดกาแฟจะต้องผ่านขั้นตอนการคั่วก่อนจะนำไปชงกาแฟจนเป็นสีน้ำตาลที่เราคุ้นตากัน สำหรับ กาแฟคั่วอ่อน จะเป็นการคั่วที่ใช้เวลาน้อยที่สุด เมล็ดจะมีสีน้ำตาลอ่อน และด้วยความที่ผ่านขั้นตอนการคั่วน้อย รสชาติที่ได้จึงคงไว้ซึ่งรสธรรมชาติมากที่สุด รสค่อนข้างเปรี้ยว และอาจมีกลิ่นผลไม้หรือกลิ่นดอกไม้แทรกอยู่ด้วย สำหรับเทคนิคการชงคือควรชงด้วยเทคนิคการดริป เพื่อให้น้ำที่ไหลผ่านได้นำรสชาติกาแฟแท้ออกมาให้มากที่สุด หรืออาจใช้เทคนิคการชงแบบเอสเพรสโซ่ รวมถึง americano ก็ได้เช่นกัน อีกหนึ่งเทคนิคการชงให้อร่อยคือไม่ควรเพิ่มนมหรือน้ำตาล เนื่องจากจุดเด่นของเมล็ดคั่วอ่อนคือรสชาติดั้งเดิมที่จะทำให้คุณได้สัมผัสรสกาแฟแท้อย่างเต็มอิ่ม
นอกจากเมล็ดแบบคั่วอ่อนแล้วยังมีรูปแบบการคั่วเข้มและคั่วกลางอีกด้วย สำหรับ กาแฟคั่วเข้ม คือ การคั่วที่ใช้เวลานานที่สุด เอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟรูปแบบนี้คือจะมีสีน้ำตาลเข้ม ผิวเมล็ดค่อนข้างมัน รสชาติที่ได้จะเข้มข้น ไม่เปรี้ยว และอาจมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากการคั่วรวมอยู่ด้วย ด้าน กาแฟคั่วกลาง จะใช้เวลาคั่วน้อยกว่าแบบคั่วเข้ม แต่รสชาติจะกลมกล่อมที่สุด ไม่หวานหรือไม่เปรี้ยจนเกินไปและยังคงไว้ซึ่งรสความเป็นธรรมชาติในระดับหนึ่ง เมล็ดแบบคั่วกลางจึงได้รับความนิยมจากคอกาแฟเช่นกัน
สำหรับใครที่ชื่นชอบกาแฟรสชาติดั้งเดิมเอาไว้มากที่สุด แน่นอนว่า กาแฟ แบบคั่วอ่อนคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหากใช้เทคนิคการชงแบบดริป รวมถึง americano เพราะทุกครั้งที่ดื่มจะได้สัมผัสถึงรสชาติที่ปราศจากการปรุงแต่ง และหากกำลังมองหาตัวช่วยเพื่อให้การชงกาแฟเป็นเรื่องง่าย ขอแนะนำเครื่องชงจาก Nespresso ที่มีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งการชงแบบเริ่มต้นและการชงแบบมือโปร มาพร้อมแคปซูลรสชาติต่าง ๆ เพื่อให้เลือกดื่มได้แบบไม่มีเบื่อ รวมถึงยังมีอุปกรณ์เสริมเพื่อการชงแบบมืออาชีพ รับรองว่าการชงกาแฟของคุณจะเป็นเรื่องง่ายและสนุกกว่าที่เคย

ชมรายละเอียดเพิ่ม
https://www.nespresso.com/th/th/coffee-roast-levels

100
การเป็นเจ้าของผิวหน้าชุ่มชื้น ไม่แห้งตึง นอกจากทำให้แต่งหน้าง่ายขึ้น เครื่องสำอางติดทนแล้วยังทำให้หน้ายืดหยุ่น ริ้วรอยเกิดยาก แถมยังทำให้ผิวเกิดสมดุลดูอ่อนเยาว์สุขภาพดี สำหรับตัวช่วยในการเปลี่ยนผิวแห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้นยืดหยุ่น นั่นคือ การทา มอยส์เจอไรเซอร์ ครีมบำรุงผิวขั้นพื้นฐานที่ควรหมั่นทาเป็นประจำ แต่เพราะมอยส์เจอไรเซอร์มีหลายแบบ แต่ละแบบเหมาะกับสภาพผิวแตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนตัดสินใจซื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ยี่ห้อไหนดี ของ ELCA จึงต้องมั่นใจว่าเป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวคุณจริง ๆ

ทำความรู้จัก มอยส์เจอไรเซอร์ คืออะไร
ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นพร้อมกักเก็บน้ำในผิวไม่ให้ระเหยออกไป มีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบเนื้อครีม แบบเจล แบบโลชั่น ฯลฯ เมื่อใช้มอยส์เจอไรเซอร์แล้วผิวจะไม่แห้งตึงเพราะมอยส์เจอไรเซอร์ช่วยกักเก็บน้ำในผิว และเมื่อผิวกักเก็บน้ำได้ดีแล้วปัญหาผิวแห้งตึงจะไม่มากวนใจ ริ้วรอยเกิดขึ้นยาก นอกจากมีประโยชน์ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในผิวแล้วยังช่วยเปลี่ยนผิวแห้งกร้านให้นุ่มนวล ผิวดูเรียบขึ้น แต่งหน้าง่ายขึ้นและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ สุขภาพผิวดี

เลือกมอยส์เจอไรเซอร์อย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว
1.   ผิวแห้ง
เรียกว่าเป็นประเภทผิวที่ต้องการมอยส์เจอไรเซอร์เป็นที่สุด เพราะนี่คือตัวช่วยให้หน้าไม่แห้งกร้าน เมื่อใช้เป็นประจำใบหน้าจึงค่อย ๆ มีน้ำมีนวล มอยส์เจอไรเซอร์ประเภทที่เหมาะสมกับคนผิวแห้งมากที่สุดคือแบบที่มีส่วนผสมของน้ำมัน ทำหน้าที่กักเก็บน้ำในผิวให้ดียิ่งขึ้น มอบความชุ่มชื้น คืนความยืดหยุ่นให้ผิวอีกครั้ง
2.   ผิวผสม
คนผิวผสมคือคนที่ผิวหน้าแห้งเป็นบางจุด ในขณะเดียวกันผิวหน้าบางจุด เช่น T-Zone กลับมีความมันมากกว่าส่วนอื่น แนะนำให้เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำและน้ำมันในอัตราส่วนใกล้เคียงกันหรือควรเลือกแบบที่บนฉลากเขียนว่าเหมาะกับผิวผสม
3.   ผิวมัน
แม้ผิวมันแต่ก็สามารถทามอยส์เจอไรเซอร์ได้ เพียงแต่เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่มีน้ำเป็นส่วนผสมหลัก ส่วนผสมที่ต้องหนีให้ไกลคือน้ำมัน เพราะยิ่งใช้จะทำให้ยิ่งหน้ามันเยิ้มระหว่างวัน

เมื่อมอยส์เจอไรเซอร์มีอยู่ด้วยกันหลายแบบ แต่ละแบบเหมาะกับสภาพผิวหน้าที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนจะใช้จึงต้องดูให้ดีว่ามอยส์เจอไรเซอร์ที่กำลังตัดสินใจซื้อเหมาะกับสภาพผิวหรือไม่ เพื่อผลลัพธ์ที่ผิวสวย แนะนําmoisturizer ได้แก่ Estee Lauder รุ่น Revitalizing Supreme+ Youth Power Soft Creme Moisturizer ตัวช่วยดูแลผิวเปล่งประกาย คืนความชุ่มชื้น เสริมเกราะปกป้องผิวให้แข็งแรง ที่สำคัญมีส่วนผสมของคอลลาเจน เปลี่ยนผิวให้เนียนละเอียด ตอบโจทย์คนอยากเป็นเจ้าของผิวสวยดูอ่อนเยาว์เสมอ

หน้า: 1 [2] 3 4 5 6 7