ปัญหาโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ ถือเป็นปัญหาหลักที่อยู่คู่กับประเทศไทยมาอย่างยาวนาน เป็นปัญหาที่เกิดจากความไม่รู้ ความไม่ตระหนักถึงอันตรายจากโรคของผู้คน ซึ่งจากรายงานของสำนักงานระบาดวิทยา รวมถึงหน่วยงานกรมควบคุมโรคได้ชี้ให้เห็นว่า ในปัจจุบัน
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จะมีผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีอายุตั้งแต่ 15-24 ปี จะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่อาจจะเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ด้วยเหตุนี้เองในบทความนี้จึงจะแนะนำให้ความรู้เกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์คืออะไร มีสาเหตุโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากสาเหตุไหน มีแนวทางในการป้องกัน และการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างไร ให้กับผู้ที่มีความสนใจทุกคน
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ สาเหตุคืออะไร?โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (sexually transmitted infections, STIs) หรือชื่อเดิมคือ กามโรค (venereal diseases) เป็นโรคที่เกิดมาจากการติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ โดยเกิดมาจากการร่วมเพศกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากวิธีต่าง ๆ เช่น ช่องคลอด, ปาก, ทวารหนัก ซึ่งสาเหตุของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีอะไรบ้าง?โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ถือเป็นหนึ่งโรคที่สามารถติดต่อกันได้ง่ายผ่านการมีเพศสัมพันธ์ โดยจะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียหลายชนิด ทำให้โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงจะมีรายละเอียดของโรค รวมถึงชื่อเรียกของโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสแต่ละชนิดที่แตกต่างกัน โดยในหัวข้อถัดไปจะมีรายละเอียดของแต่ละโรคว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร มีอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แต่ละโรคเป็นแบบไหน ให้กับทุกคนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น
โรคหนองในแท้ (Gonorrhea)โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคหนองในแท้ (Gonorrhea) เป็นโรคที่เกิดจากมาจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae ซึ่งจะใช้เวลาในการฟักตัวโดยเฉลี่ย 2-7 วัน โดยในผู้ชายจะพบว่ามีน้ำหนองข้นไหลออกมาจากบริเวณปลายท่อปัสสาวะ ส่วนในผู้หญิงจะมีอาการที่เห็นได้น้อย เช่น ตกขาว เป็นต้น ซึ่งถ้าหากไม่รักษาโรคนี้จะลุกลามให้เกิดเป็นอันตรายร้ายแรงได้ เช่น ท่อรังไข่ตีบตัน, ต่อมลูกหมากอักเสบ, อุ้งเชิงกรานอักเสบ เป็นต้น
โรคหนองในเทียม (Chlamydia) โรคติดต่อทางโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หนองในเทียม (Chlamydia) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis ที่จะมีเวลาในการฟักตัวเฉลี่ยใน 7 วัน โดยอาการแรกเริ่มจะส่งผลให้ผู้ที่ติดเชื้อมีอาการปัสสาวะติดขัด อาจทำให้มีน้ำหนองข้นไหลออกมาจากท่อปัสสาวะ ซึ่งในบางอาจจะไม่พบอาการใด ๆ โดยถ้าปล่อยไว้จะลุกลามจนกลายเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนองในแท้ได้
โรคเอดส์ (HIV)โรคเอดส์ (HIV) หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ส่งผลให้ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เกิดจากไวรัส (Human Immunodeficiency Virus: HIV) จากของเหลวต่าง ๆ ที่ออกมาจากร่างกายผู้ป่วย เช่น อสุจิ, เลือด, น้ำนม, สารคัดหลั่ง เป็นต้น โดยผลกระทบโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคนี้ จะส่งผลทำให้เม็ดเลือดขาวในร่างกายของผู้ที่ติดเชื้อลดลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ของร่างกายเสื่อมลง จนทำเกิดเป็นโรคอื่น ๆ ตามมาได้ง่าย
โรคหูดหงอนไก่ (HPV)โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ hpv หรือโรคหูดหงอนไก่ เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส Human papilloma virus ที่ใช้เวลาในการฟักตัวที่นานมากกว่า 3 เดือน โดยอาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคนี้ผู้ป่วยจะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการที่แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ 1.อาการเป็นหูด เป็นก้อนติ่งเนื้อบริเวณอวัยวะเพศ 2.เป็นโรคมะเร็งบริเวณอวัยวะเพศ เช่น มะเร็งทวารหนัก, มะเร็งปากมดลูก
โรคแผลริมอ่อน (Chancroid)โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคแผลริมอ่อน (Chancroid) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Haemophilus Ducreyi ซึ่งจะมีเวลาในการฟักตัวใน 3-7 วัน ส่งผลให้ผู้ที่ติดเชื้อมีอาการส่งผลให้เกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศ ทำให้เกิดความเจ็บปวด และทำให้ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบโตมากกว่าปกติ
อาการของผู้ป่วยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาการของผู้ที่ติดเชื้อจะมีข้อแตกต่างกันไป โดยจะขึ้นอยู่กับเชื้อโรคที่ได้รับมา เพื่อให้เป็นจุดสังเกตได้ชัดเจนมากขึ้น ในหัวข้อนี้จะรวมอาการของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ติดเชื้อทั้งในผู้ป่วยระยะเริ่มต้น และในผู้ป่วยที่ติดเชื้อเป็นเวลานาน
- มีอาการของเหลวไหลออกมาจากอวัยวะเพศ สำหรับผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ผู้ชายจะมีน้ำหนองข้นไหลออกมา ส่วนในผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ผู้หญิงอาจมีอาการเลือดไหล หรือมีการตกขาว
- มีผื่นขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ, แขน, ขา, เท้า ทั้งในผู้หญิง และผู้ชาย
- รู้สึกเป็นไข้ตัวร้อน ไม่สบายได้ง่าย
- มีอาการเจ็บปวดท้องน้อยบ่อยครั้ง
- มีความรู้สึกเจ็บ ปวด บริเวณอวัยวะเพศทั้งภายใน และภายนอก รวมถึงบริเวณทวารหนัก
- มีปัญหากับการปัสสาวะ รู้สึกแสบบริเวณปลายท่อปัสสาวะ
- รู้สึกเจ็บอวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์
แนวทางการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในการรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ด้วยการแพทย์ในปัจจุบันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์วิธีรักษาให้หายได้ โดยถ้าหากเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากแบคทีเรียจะสามารถรักษาให้หายได้ง่ายกว่า แต่ในโรคเกิดจากเชื้อไวรัสอาจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยวิธีรักษาจะมีวิธีการรักษาด้วยการใช้ยารักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 2 กลุ่ม ดังนี้
1. ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) เป็นยาสำหรับการรักษาผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มีสาเหตุเกิดจากแบคทีเรีย เช่น โรคหนองในแท้, หนองในเทียม โดยจะต้องรับยาจนครบกำหนด และงดมีเพศสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดจนกว่าจะหาย
2. ยาต้านไวรัส (Antivirus) เป็นยาสำหรับการรักษาผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มีสาเหตุเกิดจากเชื้อไวรัส เช่น โรค Hiv โดยผู้ป่วยจะต้องมีการดูแลสุขภาพร่วมกับการใช้ยาตลอดการรักษา โดยผลลัพธ์ของการรักษาจะส่งผลให้ไวรัสลดจำนวนน้อยลง หรือน้อยจนหาไม่พบ แต่ก็ยังมีโอกาสที่ผู้ป่วยจะสามารถแพร่เชื้อต่อได้
สรุปเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์สามารถป้องกันได้ไหมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นโรคที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์เป็นหลัก ซึ่งสามารถป้องกันได้โดยการสวมใส่ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เมื่อมีเพศสัมพันธ์เสร็จควรทำความสะอาดร่างกาย และอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ จะถือว่าเป็นวิธีป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ได้ผลลัพธ์ที่ดี สุดท้ายนี้ถ้าหากใครมีอาการที่คล้ายกับอาการโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ขอแนะนำให้เข้าไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการเบื้องต้นก่อนที่อาการจะลุกลามจนเกิดอันตรายได้
References
Mayo Clinic Staff,
www.mayoclinic.org (Sept. 08, 2023). Sexually transmitted diseases (STDs)
https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/sexually-transmitted-diseases-stds/symptoms-causes/syc-20351240Cdc,
www.cdc.gov (July 7, 2023). Diseases & Related Conditions
https://www.cdc.gov/std/general/default.htm who,
www.who.int (10 July 2023). Sexually transmitted infections (STIs)
https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/sexually-transmitted-infections-(stis)