ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - อัญณา

หน้า: [1] 2 3 4 5 6 ... 53
1
การประหยัดภาษีเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ แต่หลายครั้งก็อาจมองข้ามเทคนิคที่สามารถช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเทคนิคการประหยัดภาษีที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากกฎหมายภาษีได้อย่างเต็มที่

## 1. ใช้สิทธิประโยชน์จากการลงทุนในกองทุนรวม

การลงทุนในกองทุนรวมที่มีการส่งเสริมการลงทุน (RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (LTF) เป็นวิธีที่ดีในการประหยัดภาษี โดยคุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่ลงทุน ซึ่งจะช่วยลดฐานภาษีของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

### 1.1 กองทุน RMF

การลงทุนในกองทุน RMF สามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของรายได้ประจำปี หรือสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการวางแผนการเงินในระยะยาว

### 1.2 กองทุน LTF

สำหรับกองทุน LTF คุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ประจำปี หรือไม่เกิน 500,000 บาท โดยการลงทุนในกองทุนเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีเงินออมในอนาคต

## 2. ใช้สิทธิประโยชน์จากการซื้อประกันชีวิต

การซื้อประกันชีวิตไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีความคุ้มครองในกรณีฉุกเฉิน แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประหยัดภาษีได้อีกด้วย คุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามเบี้ยประกันที่จ่าย ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

## 3. หักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการศึกษา

หากคุณมีบุตรหลานที่กำลังศึกษาอยู่ คุณสามารถหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการศึกษาได้ โดยค่าใช้จ่ายที่สามารถหักลดหย่อนได้รวมถึงค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้มากขึ้น

## 4. ใช้สิทธิประโยชน์จากการบริจาคเงินออนไลน์
การบริจาคออนไลน์ให้กับองค์กรการกุศลหรือมูลนิธิต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยสังคม แต่ยังสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยคุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 10% ของรายได้ประจำปี ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการช่วยเหลือผู้อื่นและประหยัดภาษีไปพร้อมกัน e donation ลดหย่อนภาษี

## 5. วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ

การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถประหยัดภาษีได้มากขึ้น คุณควรทำการวิเคราะห์รายได้และค่าใช้จ่ายของคุณอย่างละเอียด เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการลดภาระภาษี

เทคนิคการประหยัดภาษีที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่คุณสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำในการวางแผนภาษี คุณอาจพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่พลาดโอกาสในการประหยัดภาษีที่มีอยู่

อย่าลืมติดตามข่าวสารและอัปเดตเกี่ยวกับกฎหมายภาษีเพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่!



2
ในยุคที่ความไม่แน่นอนและอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การมีประกันอุบัติเหตุจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่มีความเสี่ยงจากอุบัติเหตุทางถนนสูง ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “เงินฝากประกันอุบัติเหตุ” และ “ประกันอุบัติเหตุแยก” ว่าควรเลือกซื้อแบบไหนดี

เงินฝากประกันอุบัติเหตุคืออะไร?

เงินฝากประกันอุบัติเหตุ เป็นรูปแบบการประกันที่ช่วยคุ้มครองผู้เอาประกันในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ โดยจะมีการจ่ายเงินชดเชยตามที่ระบุในกรมธรรม์ ในบางกรณีอาจมีการคืนเงินฝากเมื่อหมดอายุกรมธรรม์ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ทำให้ผู้เอาประกันรู้สึกมั่นใจในการลงทุน

 ข้อดีของเงินฝากประกันอุบัติเหตุ

1. การคืนเงิน: หากไม่มีการเคลมประกันในระยะเวลาที่กำหนด ผู้เอาประกันจะได้รับเงินคืนตามที่ระบุในกรมธรรม์
2. ความคุ้มครอง: ช่วยคุ้มครองค่าใช้จ่ายทางการแพทย์และค่าเสียหายจากอุบัติเหตุ
3. การลงทุน: เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะมีการคืนเงินในกรณีที่ไม่มีการเคลม

ประกันอุบัติเหตุแยกคืออะไร?

ประกันอุบัติเหตุแยก เป็นประกันที่มุ่งเน้นเฉพาะการคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเท่านั้น โดยไม่เกี่ยวข้องกับการคืนเงินฝาก ซึ่งมักจะมีเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าเงินฝากประกันอุบัติเหตุ

ข้อดีของประกันอุบัติเหตุแยก

1. เบี้ยประกันที่ต่ำกว่า: ผู้เอาประกันสามารถเลือกซื้อประกันได้ในราคาที่ถูกกว่า
2. ความคุ้มครองที่ชัดเจน: มีการกำหนดความคุ้มครองอย่างชัดเจนในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ
3. ความยืดหยุ่น: สามารถเลือกความคุ้มครองได้ตามความต้องการ เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าชดเชยรายได้

ควรเลือกซื้อแบบไหนดี?

การเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุระหว่างเงินฝากประกันอุบัติเหตุและประกันอุบัติเหตุแยกนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล

พิจารณาจากความต้องการ

- หากคุณต้องการการลงทุนและความคุ้มครอง: เงินฝากประกันอุบัติเหตุอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะนอกจากจะได้รับความคุ้มครองจากอุบัติเหตุแล้ว ยังมีโอกาสได้รับเงินคืนเมื่อหมดอายุกรมธรรม์
- หากคุณต้องการความคุ้มครองที่เฉพาะเจาะจงและราคาที่ต่ำกว่า: ประกันอุบัติเหตุแยกอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะสามารถเลือกความคุ้มครองได้ตามความต้องการ


การเลือกซื้อประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ ควรพิจารณาความต้องการและสถานการณ์ทางการเงินของตนเอง เพื่อให้ได้ประกันที่ตอบโจทย์ที่สุด หากคุณยังไม่แน่ใจ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัย ประกันชีวิต เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม




3


การบริหารการเงินส่วนบุคคลเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถจัดการทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในวิธีที่ช่วยให้การจัดการเงินของคุณมีความยืดหยุ่นมากขึ้นคือการเปลี่ยนบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ในบทความนี้ เราจะมาดูขั้นตอน วิธีการ และข้อดีของการเปลี่ยนบัญชีนี้

ทำไมต้องเปลี่ยนบัญชีเงินฝาก?

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์และบัญชีเงินฝากกระแสรายวันมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน โดยบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เหมาะสำหรับการเก็บเงินระยะยาวและได้รับดอกเบี้ยที่สูงกว่า ในขณะที่บัญชีเงินฝากกระแสรายวันเหมาะสำหรับการทำธุรกรรมประจำวัน เช่น การชำระค่าใช้จ่าย การโอนเงิน หรือการถอนเงินสด

ข้อดีของบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน

1. ความสะดวกสบาย: สามารถทำธุรกรรมได้ง่ายและรวดเร็ว
2. ไม่มีข้อจำกัดในการถอนเงิน: คุณสามารถถอนเงินได้ตามต้องการ
3. การจัดการเงินที่มีประสิทธิภาพ: สามารถติดตามการใช้จ่ายได้ดีขึ้น

ขั้นตอนการเปลี่ยนบัญชี

 1. ตรวจสอบเงื่อนไขของธนาคาร

ก่อนที่คุณจะทำการเปลี่ยนบัญชี คุณควรตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ ของธนาคารที่คุณใช้บริการ เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนบัญชีจะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินฝากหรือการบริการที่คุณได้รับ

 2. เตรียมเอกสารที่จำเป็น

การเปลี่ยนบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน มักจะต้องใช้เอกสารบางอย่าง เช่น บัตรประชาชน หรือเอกสารแสดงที่อยู่ที่ถูกต้อง

 3. ติดต่อธนาคาร

คุณสามารถติดต่อธนาคารของคุณผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น สาขา โทรศัพท์ หรือออนไลน์ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนบัญชี

 4. ดำเนินการเปลี่ยนบัญชี

เมื่อคุณได้รับข้อมูลที่จำเป็นแล้ว คุณสามารถดำเนินการเปลี่ยนบัญชีได้ โดยธนาคารจะช่วยให้คุณกรอกเอกสารและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด

 5. ตรวจสอบบัญชีใหม่

หลังจากที่คุณได้เปลี่ยนบัญชีแล้ว ควรตรวจสอบว่าบัญชีใหม่ของคุณสามารถทำธุรกรรมได้ตามปกติ และคุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บัญชีอย่างถูกต้อง



- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย: ก่อนการเปลี่ยนบัญชี ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของบัญชีเงินฝากกระแสรายวันจากธนาคารต่าง ๆ
- ใช้บริการออนไลน์: หากธนาคารของคุณมีบริการออนไลน์ ควรใช้บริการนี้เพื่อความสะดวกในการจัดการบัญชี



การเปลี่ยนบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการเงิน โดยเฉพาะในยุคที่การทำธุรกรรมออนไลน์เป็นที่นิยม หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือสนใจข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนบัญชีเงินฝาก สามารถติดต่อธนาคารของคุณได้ทันที



4


ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การกู้เงินออนไลน์จึงกลายเป็นทางเลือกที่หลายคนหันมาใช้เพื่อแก้ปัญหาทางการเงิน อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจในการกู้เงินออนไลน์นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกู้เงินออนไลน์ในมุมมองที่หลากหลาย เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล

## ข้อดีของเงินกู้ออนไลน์

### 1. ความสะดวกสบาย

การกู้เงินออนไลน์ช่วยให้คุณสามารถทำรายการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปที่สถาบันการเงินหรือธนาคาร ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง

### 2. กระบวนการที่รวดเร็ว

การพิจารณาอนุมัติเงินกู้ในระบบออนไลน์มักใช้เวลาไม่นาน เพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือวันทำการ คุณก็สามารถได้รับเงินเข้าบัญชีได้ทันที

### 3. เอกสารน้อย

หลายๆ แพลตฟอร์มการกู้เงินออนไลน์ไม่ต้องการเอกสารมากมายเหมือนการกู้เงินจากธนาคาร ทำให้ผู้กู้สามารถเข้าถึงเงินทุนได้ง่ายขึ้น

### 4. ตัวเลือกที่หลากหลาย

ในปัจจุบันมีผู้ให้บริการกู้เงินออนไลน์จำนวนมาก ทำให้คุณสามารถเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

## ข้อเสียของการกู้เงินออนไลน์

### 1. อัตราดอกเบี้ยสูง

การกู้เงินออนไลน์มักมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าการกู้เงินจากธนาคาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีเครดิตไม่ดี ซึ่งอาจทำให้คุณต้องจ่ายเงินคืนมากกว่าที่คาดไว้

### 2. ความเสี่ยงจากการหลอกลวง

เนื่องจากมีผู้ให้บริการจำนวนมากในตลาดออนไลน์ คุณอาจพบกับเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยหรือหลอกลวง ดังนั้นการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผู้ให้บริการจึงเป็นสิ่งสำคัญ

### 3. ข้อกำหนดที่ไม่ชัดเจน

บางครั้งเงื่อนไขการกู้เงินออนไลน์อาจไม่ชัดเจน เช่น ค่าธรรมเนียมที่ซ่อนอยู่หรือเงื่อนไขการชำระคืนที่เข้มงวด ซึ่งอาจทำให้คุณประสบปัญหาในอนาคต

### 4. ผลกระทบต่อเครดิต

การกู้เงินออนไลน์ที่ไม่สามารถชำระคืนได้ตามกำหนดอาจส่งผลกระทบต่อคะแนนเครดิตของคุณ ซึ่งอาจทำให้การกู้เงินในอนาคตยากขึ้น

การกู้เงินออนไลน์มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจควรทำการวิจัยและเปรียบเทียบผู้ให้บริการต่างๆ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด นอกจากนี้ ควรอ่านเงื่อนไขและข้อกำหนดอย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

หากคุณกำลังคิดจะกู้เงินสินเชื่อออนไลน์ ควรพิจารณาความสามารถในการชำระคืนและเลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้การกู้เงินของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย





5


การมีบ้านเป็นความฝันของคนหลายคน แต่เมื่อมีงบประมาณจำกัด การเลือกวิธีการกู้เงินเพื่อปลูกบ้านอาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย ในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีการกู้เงินปลูกบ้านที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีงบน้อย พร้อมทั้งแนวทางในการวางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

 1. ทำความเข้าใจกับประเภทของการกู้เงิน

ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกวิธีการกู้เงิน ควรทำความเข้าใจกับประเภทของการกู้เงินที่มีอยู่ในตลาด:

 1.1 สินเชื่อบ้าน

สินเชื่อบ้านเป็นทางเลือกที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อหรือปลูกบ้าน โดยปกติแล้วธนาคารจะให้เงินกู้ประมาณ 70-90% ของราคาบ้าน ขึ้นอยู่กับรายได้และเครดิตของผู้กู้

 1.2 สินเชื่อปลูกสร้างบ้าน

สินเชื่อปลูกสร้างบ้านเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีที่ดินแล้วและต้องการเงินทุนสำหรับการก่อสร้างกู้ปลูกบ้าน  โดยธนาคารจะปล่อยเงินกู้เป็นงวดตามความก้าวหน้าของการก่อสร้าง

 1.3 สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย

บางธนาคารมีโปรแกรมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมักจะมีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่นกว่า เช่น อัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวนานขึ้น

 2. การเตรียมตัวก่อนการกู้เงิน

การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถกู้เงินได้ง่ายขึ้น:

 2.1 ตรวจสอบเครดิตของคุณ

เครดิตที่ดีจะช่วยให้คุณได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง ควรตรวจสอบประวัติเครดิตของคุณก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ

 2.2 วางแผนการเงิน

ควรทำงบประมาณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถชำระคืนเงินกู้ได้ โดยคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง เช่น ค่าวัสดุ ค่าช่าง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ

 2.3 เตรียมเอกสารที่จำเป็น

เอกสารที่จำเป็นสำหรับการขอสินเชื่อรวมถึงบัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน, เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารเกี่ยวกับที่ดิน

 3. วิธีการเลือกธนาคารที่เหมาะสม

การเลือกธนาคารที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุด:

 3.1 เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย

ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลาย ๆ ธนาคาร เพื่อหาสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด

 3.2 ตรวจสอบเงื่อนไขการกู้

แต่ละธนาคารมีเงื่อนไขที่แตกต่างกัน เช่น ระยะเวลาการกู้, จำนวนเงินที่สามารถกู้ได้ และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ควรอ่านรายละเอียดให้ชัดเจน

 3.3 สอบถามเกี่ยวกับโปรโมชั่น

บางธนาคารอาจมีโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสินเชื่อบ้าน ควรสอบถามเพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด

 4. สรุปและคำแนะนำ

การกู้เงินเพื่อปลูกบ้านเมื่อมีงบน้อยอาจดูเหมือนเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าคุณมีการวางแผนที่ดีและเลือกวิธีการกู้ที่เหมาะสม ก็สามารถทำให้ความฝันในการมีบ้านเป็นจริงได้ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการกู้เงินเพื่อปลูกบ้าน สามารถติดต่อธนาคารหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อขอคำปรึกษาได้

ให้คุณเริ่มต้นการเดินทางสู่การเป็นเจ้าของบ้านในฝันของคุณวันนี้!




6

   ในปัจจุบันเศรษฐกิจประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะชะลอตัว เจ้าของธุรกิจทั้งรายใหญ่และรายย่อยหลายรายต้องเจอปัญหาขาดสภาพคล่อง ทำให้จำเป็นต้องหาเงินทุนเพื่อประคับประคองกิจการให้เดินหน้าต่อไปได้ ซึ่งหนึ่งในวิธีที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่คุ้นเคยกันดีก็คือ การขอสินเชื่อ กับสถาบันการเงินต่าง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นการจะได้รับอนุมัติสินเชื่อก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีปัจจัยหลายอย่าง สำหรับใครที่อยากรู้ว่า สมัครสินเชื่อไม่ผ่านทําไงดี วันนี้เราก็มี 5 เทคนิคขอสินเชื่อให้ผ่านมาแนะนำกัน

1. เตรียมเอกสารให้พร้อม
   การเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนไปขอสินเชื่อเป็นเทคนิคอันดับแรกของ วิธีขอกู้สินเชื่อให้ผ่าน โดยเอกสารที่ต้องใช้สำหรับสินเชื่อบุคคลธรรมดา ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาทะเบียนพาณิชย์, สลิปเงินเดือนอย่างน้อย 6 เดือน และเอกสารอื่น ๆ ตามที่ธนาคารกำหนด กรณีที่เราเป็นเจ้าของธุรกิจ อาจจะแนบเอกสารเพิ่มความน่าเชื่อถืออย่างอื่น เช่น สำเนาทะเบียนการค้า และหลักฐานการเสียภาษีเงินได้แต่ละปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มเครดิตให้ธนาคารมั่นใจและอนุมัติสินเชื่อง่ายขึ้น ส่วนเอกสารขอสินเชื่อสำหรับนิติบุคคล ได้แก่ สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล, สำเนาใบสำคัญแสดงการจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด, สำเนาบัตรประชาชนของผู้มีอำนาจลงนาม และเอกสารอื่น ๆ ตามที่ธนาคารกำหนด

2. สำรวจหนี้ก่อนยื่นขอสินเชื่อ
   ก่อนยื่นขอสินเชื่อธนาคารให้ลองสำรวจหนี้ว่าเรามีหนี้อะไรอยู่บ้าง เช่น หนี้ค่าผ่อนรถ, ผ่อนบ้าน, ผ่อนบัตรเครดิต ฯลฯ โดยหนี้ทั้งหมดที่เรามีไม่ควรเกิน 30 – 80% ของรายได้ในแต่ละเดือน เพราะหากมากกว่านี้มีโอกาสที่ธนาคารจะมองว่าเรามีมีสภาพคล่องทางการเงินไม่ดีพอ อาจผิดชำระหนี้ได้ ดังนั้น ใครที่รู้ตัวว่าต้องการยื่นขอสินเชื่อ ควรรีบประหยัดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสกู้ผ่าน

3. เลือกสินเชื่อให้เหมาะกับความต้องการของตัวเอง
   ปัจจุบันมีสินเชื่อให้เลือกกู้หลากหลายแบบ การเลือกสินเชื่อให้ถูกประเภทถือเป็นอีกหนึ่ง วิธีขอสินเชื่อให้ผ่าน อย่างเช่น หากเราต้องการเงินสดไปเสริมสภาพคล่องทางการเงินแบบเร่งด่วน เงื่อนไขไม่เยอะ มีอัตราผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ชัดเจน ก็อาจจะเลือก ‘สินเชื่อหมุนเวียนส่วนบุคคล’ เพราะไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน มีโอกาสได้วงเงินสูงกว่าหลายรายได้หลายเท่า หรือหากต้องการสินเชื่อเป็นเงินลงทุนจำนวนมากเพื่อขยายธุรกิจ ควรเลือกสินเชื่อที่มีระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้น อาจต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อลดภาระการผ่อนในแต่ละเดือน

4. กะระยะเวลาขอสินเชื่อให้ดี
   การยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารบ่อย ๆ จะทำให้ธนาคารมองว่าเราขาดการบริหารจัดการเงินที่ดี ซึ่งจะส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ และที่สำคัญคือหลักเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อของธนาคารไม่ได้อยู่ที่จำนวนครั้งที่เรายื่นขอสินเชื่อ แต่อยู่ที่ความสามารถในการชำระหนี้ของเรา ดังนั้น หากอยากให้ธนาคารอนุมัติสินเชื่อแบบง่าย ๆ ควรเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้พร้อม เคลียร์บัญชีหนี้สินให้อยู่ในระดับน่าเชื่อถือ แล้วยื่นขอสินเชื่อเพียงครั้งเดียวก็พอ

5. รักษาเครดิตชำระหนี้ให้อยู่ในเกณฑ์ดีอยู่เสมอ
   ‘เครดิตทางการเงิน’ ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธนาคารยอมอนุมัติสินเชื่อ โดยปกติธนาคารจะตรวจสอบประวัติการชำระสินเชื่อต่าง ๆ หรือ ‘เครดิตบูโร’ ดูว่าเราชำระหนี้ตรงเวลาไหม ผิดนัดชำระบ่อยแค่ไหน มีหนี้ค้างชำระหรือไม่ หากประวัติการเงินของเรามีการผิดนัดชำระหรือค้างชำระหนี้ ก็มีโอกาสไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อได้

   ทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 วิธีการยื่นขอสินเชื่อที่จะช่วยเพิ่มโอกาสให้เราได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากทางธนาคาร อย่างไรก็ตาม ไม่ควรลืมว่าถึงแม้จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้ว เราก็ต้องปฏิบัติการเงื่อนไขและชำระหนี้ให้ตรงเวลาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เครดิตทางการเงินของเราอยู่ในเกณฑ์ดี ง่ายต่อการยื่นขอสินเชื่อครั้งต่อไป


7
การลดหย่อนภาษีเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถลดภาระภาษีที่ต้องจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2568 นี้ หลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มที่ บทความนี้จะตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีในปีนี้

## 1. การลดหย่อนภาษีคืออะไร?

การลดหย่อนภาษีคือการอนุญาตให้ผู้เสียภาษีสามารถหักค่าใช้จ่ายบางอย่างออกจากรายได้ที่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายภาษีในปีนั้น ๆ โดยทั่วไปแล้ว การลดหย่อนภาษีจะมีหลายประเภท เช่น ค่าใช้จ่ายในการศึกษา การบริจาค การประกันชีวิต และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

## 2. ใครสามารถขอลดหย่อนภาษีได้บ้าง?

ผู้ที่สามารถขอลดหย่อนภาษีได้ ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากการทำงานหรือกิจการต่าง ๆ รวมถึงผู้ที่มีรายได้จากการลงทุน อย่างไรก็ตาม การลดหย่อนภาษีจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยกรมสรรพากร

## 3. ลดหย่อนภาษีปี 2568 มีอะไรใหม่บ้าง? ในปี 2568 นี้ มีการปรับปรุงกฎเกณฑ์การลดหย่อนภาษีหลายประการ เช่น การเพิ่มวงเงินการลดหย่อนสำหรับค่าใช้จ่ายในการศึกษาและการบริจาคให้กับองค์กรการกุศล e donation ลดหย่อนภาษี และ e donationนอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถลดภาษีได้มากขึ้น

## 4. เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการขอลดหย่อนภาษีคืออะไร?

การขอลดหย่อนภาษีจะต้องมีเอกสารที่แสดงหลักฐานการใช้จ่าย เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบรับรองการบริจาค และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยควรจัดเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้ครบถ้วนเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

## 5. วิธีการยื่นขอลดหย่อนภาษีทำอย่างไร?

การยื่นขอลดหย่อนภาษีสามารถทำได้หลายช่องทาง ได้แก่ การยื่นแบบฟอร์มภาษีผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร หรือการยื่นแบบฟอร์มด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ โดยควรตรวจสอบระยะเวลาการยื่นภาษีให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการลดหย่อนภาษี

## 6. คำแนะนำในการวางแผนลดหย่อนภาษี

การวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถลดภาษีได้มากขึ้น ควรเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่สามารถลดหย่อนได้ และจัดทำงบประมาณการใช้จ่ายในปีถัดไปอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี

การลดหย่อนภาษีระบบ e-donation ในปี 2568 เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้เสียภาษีในการลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย การเข้าใจคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีจะช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์นี้ได้อย่างเต็มที่ หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด




8



   ถึงแม้เราพยายามดูแลรักษาสุขภาพเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการทำจิตใจให้แจ่มใสแล้ว แต่โรคภัยไข้เจ็บหรืออุบัติเหตุก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นกับเราได้ การมีประกันชีวิตสุขภาพช่วยให้เราอุ่นใจเมื่อเกิดเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ ด้วยการดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้ ทั้ง opd และ ipd รวมถึงชดเชยรายได้ให้เราเมื่อต้องนอนพักรักษาตัวด้วย

   opd คือ คำเรียกกลุ่มผู้ป่วยที่มารักษาที่โรงพยาบาลโดยไม่ต้องนอนพัก สามารถกลับบ้านได้เลย
   ipd คือ คำเรียกกลุ่มผู้ป่วยที่มารักษาที่โรงพยาบาลโดยต้องนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ไม่สามารถกลับบ้านได้ทันที

   การชดเชยรายได้ คือ ค่าสินไหมทดแทนรายวันเมื่อผู้เอาประกันต้องหยุดงานเพื่อพักรักษาตัว
การเลือกซื้อประกันสุขภาพควรดูให้ครอบคลุมความคุ้มครองทั้งความเจ็บป่วยจากโรคทั่วไปและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเพื่อความคุ้มค่าของเบี้ยประกันที่เราต้องจ่าย
ประกันสุขภาพมีทั้งแบบเหมาจ่ายและแยกค่าใช้จ่าย ประกันเหมาจ่าย จะกำหนดวงเงินค่ารักษาแบบเหมารวม ในขณะที่ประกันแยกค่าใช้จ่ายจะกำหนดวงเงินค่ารักษาแยกตามรายการ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เมื่อเปรียบเทียบกับแบบแยกค่าใช้จ่ายแล้วมีข้อดีหลายอย่าง ดังนี้

- ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้ง opd และ ipd ไม่ต้องกังวลว่าต้องนอนโรงพยาบาล เพราะประกันสุขภาพเหมาจ่ายให้ความคุ้มครองทั้งกรณีที่เป็นผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน
- ให้วงเงินค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายเป็นวงเงินสูงสุดของระยะเวลาที่เอาประกัน เนื่องจากไม่มีการกำหนดวงเงินของค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ แต่เป็นการกำหนดวงเงินเป็นวงเงินรวมสูงสุด ไม่ต้องคอยตรวจสอบว่าค่าใช้จ่ายรายการใดเกินวงเงินไปแล้วบ้าง
- ตรวจสอบวงเงินคงเหลือง่าย เพราะเป็นการเหมาจ่าย เพียงนำยอดที่ใช้จ่ายไปแล้วหักออกจากวงเงินที่ได้รับในระยะเวลาที่เอาประกัน
- เคลมง่าย ไม่ต้องแจกแจงค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ เพียงแจ้งยอดค่าใช้จ่ายรวมเท่านั้น
- ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากเป็น ประกันเหมาจ่าย ที่ไม่แยกรายการค่าใช้จ่าย ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าค่าใช้จ่ายรายการใดจะมีการปรับตัวสูงขึ้นหรือค่าใช้จ่ายใดจะไม่ได้ใช้
- ประกันสุขภาพเหมาจ่าย สร้างความอุ่นใจให้กับผู้เอาประกันและครอบครัวด้วยค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย ไม่แยกวงเงินตามรายการ สบายใจเมื่อต้องเข้ารับการรักษา
   
        ประกันสุขภาพเหมาจ่าย  มีให้เลือกรับความคุ้มครองได้อย่างที่ต้องการ ซื้อง่าย ผ่านออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษี คลิกดูรายละเอียดได้ที่ https://online.scbprotect.co.th/e-health?paymentFrequency=YEARLY ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองสูงด้วยเบี้ยประกันเบา ๆ ครอบคลุมการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและความเจ็บป่วยจากโรคทั่วไป ทั้ง opd และ ipd  รวมถึงการชดเชยรายได้เมื่อต้องหยุดงาน
   
   


9

ในยุคที่ความไม่แน่นอนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การมีประกันอุบัติเหตุจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีครอบครัวหรือคนที่คุณรัก การจ่ายเบี้ยประกันหลักร้อยเพื่อคุ้มครองหลักแสนจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและไม่ควรมองข้าม

ทำไมต้องมีประกันอุบัติเหตุ?

ประกันอุบัติเหตุเป็นการคุ้มครองทางการเงินในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพของเราและคนที่เรารัก โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือแม้กระทั่งการเสียชีวิต ประกันอุบัติเหตุจะช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น

 ประโยชน์ของประกันอุบัติเหตุ

1. การคุ้มครองทางการเงิน: ประกันอุบัติเหตุช่วยให้คุณมีเงินทุนในการรักษาพยาบาลหรือชดเชยรายได้ในกรณีที่ไม่สามารถทำงานได้
2. ความสบายใจ: การมีประกันช่วยให้คุณรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เพราะคุณมีการคุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
3. การสนับสนุนครอบครัว: หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นกับคุณ คนที่คุณรักจะได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจากประกัน

ประกันอุบัติเหตุแบบไหนที่เหมาะกับคุณ?

เมื่อพูดถึงประกันอุบัติเหตุ มีหลายแบบที่คุณสามารถเลือกได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ

 1.  ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
เป็นประกันที่คุ้มครองเฉพาะบุคคล หากเกิดอุบัติเหตุจะได้รับเงินชดเชยตามที่ระบุในกรมธรรม์

 2. ประกันอุบัติเหตุครอบครัว

เหมาะสำหรับผู้ที่มีครอบครัว โดยจะคุ้มครองสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดในกรมธรรม์เดียว

 3. ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม

สำหรับองค์กรหรือบริษัทที่ต้องการให้ความคุ้มครองแก่พนักงาน

 วิธีการเลือกประกันอุบัติเหตุที่เหมาะสม

การเลือกประกันอุบัติเหตุที่เหมาะสมควรพิจารณาหลายปัจจัย เช่น

- ความคุ้มครอง: ตรวจสอบว่าประกันนั้นมีความคุ้มครองที่เพียงพอหรือไม่
- เบี้ยประกัน: ควรเลือกเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับงบประมาณของคุณ
- เงื่อนไขการจ่ายเงิน: อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ



การมีประกันอุบัติเหตุประกันสุขภาพ  เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและสำคัญสำหรับชีวิตในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อคุณมีคนที่คุณรัก การจ่ายเบี้ยประกันเพียงหลักร้อยเพื่อคุ้มครองหลักแสนเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ควรพิจารณาเลือกประกันที่เหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณ เพื่อให้คุณและคนที่คุณรักมีความปลอดภัยในทุกสถานการณ์

หากคุณสนใจที่จะทำประกันอุบัติเหตุ สามารถติดต่อบริษัทประกันภัยที่เชื่อถือได้เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมและเปรียบเทียบแผนประกันที่เหมาะสมกับคุณได้เลย!


10


ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างสามารถทำได้ง่ายๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต การเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งบริการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ผู้คนมีเวลาว่างในตอนกลางคืน แต่คำถามที่หลายคนสงสัยคือ "เปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ตอนกลางคืนได้ไหม?" ในบทความนี้ เราจะมาหาคำตอบกัน

 1. การเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์คืออะไร?

การเปิดบัญชีออมทรัพย์ธนาคารออนไลน์คือกระบวนการที่คุณสามารถสร้างบัญชีธนาคารใหม่ได้ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของธนาคาร โดยไม่จำเป็นต้องไปที่สาขา ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมทางการเงิน

 2. เวลาที่สามารถเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ได้

 2.1 ธนาคารที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง

หลายธนาคารในประเทศไทยได้พัฒนาระบบให้สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้คุณสามารถทำรายการได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน อย่างไรก็ตาม คุณควรตรวจสอบว่า ธนาคารที่คุณเลือกนั้นมีบริการเปิดบัญชีออนไลน์ในช่วงเวลาดังกล่าวหรือไม่

 2.2 ข้อจำกัดในการเปิดบัญชี

แม้ว่าธนาคารบางแห่งจะเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่การเปิดบัญชีอาจมีข้อจำกัดบางประการ เช่น การยืนยันตัวตนที่ต้องใช้เอกสารหรือข้อมูลที่ต้องกรอกให้ครบถ้วน ซึ่งอาจทำให้คุณไม่สามารถเปิดบัญชีได้ในบางกรณี

 3. ขั้นตอนการเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์

 3.1 การเลือกธนาคาร

ก่อนที่คุณจะเริ่มเปิดบัญชี ควรเลือกธนาคารที่ตรงกับความต้องการของคุณ เช่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม อัตราดอกเบี้ย เงินฝากกระแสรายวัน และบริการเสริมอื่นๆ

 3.2 การกรอกข้อมูล

เมื่อเลือกธนาคารแล้ว คุณจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล หมายเลขบัตรประชาชน และข้อมูลการติดต่ออื่นๆ โดยควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าข้อมูลที่กรอกถูกต้องและครบถ้วน

 3.3 การยืนยันตัวตน

หลังจากกรอกข้อมูลเสร็จ คุณจะต้องทำการยืนยันตัวตน ซึ่งอาจรวมถึงการอัปโหลดเอกสาร เช่น บัตรประชาชน หรือการถ่ายรูปตัวเองตามที่ระบบกำหนด

 4. ข้อดีของการเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์

- สะดวกสบาย: สามารถเปิดบัญชีได้ทุกที่ทุกเวลา
- ประหยัดเวลา: ไม่ต้องเดินทางไปที่สาขา
- บริการที่รวดเร็ว: ระบบออนไลน์ช่วยให้การเปิดบัญชีเสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็ว



การเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ตอนกลางคืนเป็นไปได้ในหลายธนาคารที่มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ควรตรวจสอบรายละเอียดและข้อกำหนดของแต่ละธนาคารให้ชัดเจน เพื่อให้การเปิดบัญชีของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่มีปัญหา

หากคุณต้องการเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ในตอนกลางคืน อย่าลืมเลือกธนาคารที่มีบริการที่ตอบโจทย์และตรวจสอบขั้นตอนการเปิดบัญชีให้ครบถ้วน เพื่อให้การทำธุรกรรมทางการเงินของคุณเป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย

เรียกดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของธนาคารที่คุณสนใจ และเริ่มต้นการทำธุรกรรมทางการเงินอย่างมั่นใจในวันนี้!


11


Mobile Banking ทำให้คุณทำธุรกรรมผ่านแอปธนาคารโดยไม่ต้องเดินทางไปธนาคาร หรือสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือให้บริการ และคุณไม่จำเป็นต้องถือเงินสดจำนวนมาก ทำให้ตัวของคุณและเงินของคุณปลอดภัยขึ้น

นอกจากการตรวจสอบยอดเงิน การโอนเงินเพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ หรือโอนเงินเข้าบัญชีคนอื่นแล้ว ยังมีบริการอื่นที่คุณสามารถทำผ่านแอปธนาคารด้วยตัวคุณเองได้ง่าย ๆ ยกตัวอย่างเช่น
การจ่ายบิล คุณแค่สแกน Barcode หรือ QR Code ที่อยู่บนใบแจ้งหนี้ คุณก็สามารถจ่ายบิลได้ทันที กรณีที่คุณไม่มี Barcode หรือ QR Code คุณสามารถใช้หมายเลขลูกค้าหรือหมายเลขอ้างอิงได้
การกดเงินไม่ใช้บัตร เมื่อคุณเลือกบริการกดเงินไม่ใช้บัตร คุณเพียงแค่กรอกยอดเงินที่คุณต้องการเบิก แอปธนาคารจะแจ้งหมายเลขเพื่อให้คุณใช้กดเงิน คุณแค่ไปที่เครื่อง ATM ใส่หมายเลขโทรศัพท์ และหมายเลขที่ได้จากแอปธนาคาร หน้าจอของ ATM จะแสดงยอดเงินที่กรอกไว้เพื่อให้คุณยืนยัน เมื่อคุณกดยืนยันก็จะได้เงินสดออกมา
การเติมเงิน คุณสามารถ เติมเงินมือถือ เติมเงิน E-Wallet หรือบริการอื่น ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบได้จากแอปธนาคารของคุณ ขั้นตอนการ เติมเงินออนไลน์ มี 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
เลือกเติมเงิน ในแอปธนาคารจะมีบริการเติมเงินให้คุณเลือก เมื่อคุณเลือก เติมเงิน  บัตรเติมเงินหน้าจอจะแสดงบริการที่คุณสามารถเติมเงินได้ จากนั้นคุณก็เลือกบริษัทให้บริการที่คุณต้องการ
กรอกหมายเลขที่คุณใช้บริการ เช่น ถ้าคุณต้องการเติมเงินมือถือก็ให้กรอกหมายเลขโทรศัพท์มือถือ แต่ถ้าหากคุณต้องการเติมเงิน E-Wallet ให้กรอกหมายเลข E-Wallet เป็นต้น
ระบุจำนวนเงินที่คุณต้องการเติม บางบริการอาจมียอดเงินให้คุณเลือก เช่น การเติมเงินมือถือ มียอดเงินให้คุณเลือกที่ 20 บาท 50 บาท 100 บาท ไปเรื่อย ๆ สูงสุดที่ 800 บาท หรือ 1,500 บาท เป็นต้น ในขณะที่บางบริการ เช่น การเติม E-Wallet กำหนดแค่วงเงินขั้นต่ำและสูงสุดไว้ให้คุณกรอกยอดเงินที่ต้องการเอง เป็นต้น

เปรียบเทียบกับการใช้บริการเติมเงินออนไลน์ต่าง ๆ เช่น การเติมเงินผ่านตัวแทนให้บริการเติมเงินออนไลน์ การเติมเงินผ่านตู้บริการเติมเงิน หรือการ เติมเงินมือถือ จากค่ายมือถือโดยตรงแล้ว การเติมเงินผ่านแอปธนาคารมีข้อดีคือไม่ต้องเดินทางไปใช้บริการ สามารถใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีค่าธรรมเนียม และที่พิเศษกว่าบริการเติมเงินออนไลน์ของที่อื่นก็คือคุณสามารถตั้งวันที่ทำรายการได้ล่วงหน้าโดยกำหนดไว้ครั้งเดียว หรือกำหนดไว้เป็นวันที่เดียวกันของทุกเดือน ซึ่งคุณสามารถตั้งล่วงหน้าได้ถึง 12 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าบริการที่คุณเลือก เติมเงิน สามารถให้บริการคุณได้ต่อเนื่อง หรือเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนของคุณ เป็นต้น

การ เติมเงินออนไลน์ ผ่านแอปธนาคารทำได้ง่าย และช่วยให้คุณได้ใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้นแบบนี้นี่เอง
    

12

   การเลือกซื้อประกันสุขภาพนั้น สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการมากที่สุดคือ วงเงินค่ารักษาพยาบาลที่คุ้มครองครอบคลุมในทุกส่วนเมื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล เนื่องจากปัจจุบันค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งแม้ว่าจะมีทางเลือกใช้บริการโรงพยาบาลของรัฐที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นโรงพยาบาลรัฐก็มีผู้เข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก จึงทำให้คนวัยเรียนวัยทำงานส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวก ด้วยเหตุนี้ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายจึงเป็นหนึ่งในประกันสุขภาพที่หลายคนเลือก แต่ซื้อแล้วคุ้มค่าอย่างไร มาดูเหตุผลต่อไปนี้กัน

วงเงินค่ารักษาพยาบาลสูง
ถ้าอยากได้ประกันสุขภาพที่ให้วงเงินการรักษาต่อครั้งสูง เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนที่มีทั้งความสะดวกรวดเร็วและให้บริการที่มีคุณภาพกว่าโรงพยาบาลของรัฐ บอกเลยว่า ประกันเหมาจ่าย คือ ประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เพราะประกันประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายตามจริงครอบคลุมทุกหมวดค่าใช้จ่าย ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษาพยาบาลไม่เกินวงเงินคุ้มครองสูงสุดต่อปี นอกจากนั้นยังสามารถใช้ร่วมกับประกันกรมธรรม์อื่นเพื่อเพิ่มวงเงินในการรักษาพยาบาลได้อีกด้วย

คุ้มครองหลากหลายโรค
ความคุ้มครองที่ครอบคลุมหลายโรคถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ ประกันเหมาจ่าย แตกต่างจากประกันแบบอื่น อย่างประกันคุ้มครองโรคมะเร็งก็จะให้ความคุ้มครองเมื่อผู้ทำประกันตรวจพบโรคมะเร็งเท่านั้น แต่กรณีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะให้ความคุ้มครองที่หลากหลายมากกว่า เช่น ประกันสุขภาพออนไลน์ Easy Health Top Up ที่นอกจากจะคุ้มครองในส่วนของการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลแล้ว ยังคุ้มครองในกรณีป่วยด้วยโรคโควิด-19 การแพ้วัคซีน และโรคมะเร็งด้วย

คุ้มครองทั้งกรณี OPD และ IPD
เวลาทำประกันสุขภาพ แน่นอนว่าเรื่องแรกที่หลายคนให้ความสนใจคือ วงเงินรักษาพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้นควรให้ความสำคัญเรื่องเงื่อนไขสถานะผู้ป่วยเวลาเข้ารับการรักษาด้วย เนื่องจากบางกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองเฉพาะ ipd คือ กรณีเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลจึงจะสามารถใช้สิทธิ์ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ได้ แต่ไม่คุ้มครองในกรณี opd คือ ผู้ป่วยนอก แต่หากทำ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ก็จะสามารถตัดปัญหาเรื่องนี้ไปได้ เพราะว่า ประกันเหมาจ่าย ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งกรณี OPD และ IPD เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะป่วยน้อยป่วยมาก ถ้ามีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายอยู่ ก็สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ โดยได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์

   ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เป็นประกันสุขภาพที่คุ้มค่าและหลากหลาย เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย สำหรับการเลือกซื้อนั้น นอกจากดูเรื่องความคุ้มค่าแล้ว ก่อนตัดสินใจจ่ายค่าเบี้ยประกันต้องพิจารณารายละเอียดความคุ้มครอง ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ เงื่อนไขในการเข้ารับการรักษาอย่างละเอียด และที่สำคัญคือ เบี้ยประกันที่เหมาะสมและสามารถจ่ายได้ จะช่วยให้เลือกประกันชีวิตสุขภาพแบบเหมาจ่ายได้ตรงกับความต้องการ ได้รับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลที่มีคุณภาพและสะดวกรวดเร็ว



13


ในยุคที่เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การขอสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือการลงทุนในธุรกิจจึงเป็นสิ่งที่หลายคนต้องพิจารณา โดยเฉพาะพนักงานประจำที่มักจะมีรายได้ที่มั่นคง แต่การขอสินเชื่อ ในบางครั้งอาจมีข้อกำหนดที่ทำให้ผู้ขอสินเชื่อรู้สึกกังวล เช่น การต้องมีผู้ค้ำประกัน วันนี้เราจะมาพูดถึงการสมัครสินเชื่อ พนักงานประจำแบบไม่ต้องใช้คนค้ำว่ามีความเป็นไปได้จริงหรือไม่

 สินเชื่อพนักงานประจำแบบไม่ต้องใช้คนค้ำ

 1. ความหมายของสินเชื่อพนักงานประจำ

สินเชื่อพนักงานประจำคือสินเชื่อที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนพนักงานที่มีรายได้ประจำ โดยปกติแล้วจะมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อทั่วไป และมักมีการอนุมัติที่รวดเร็ว เนื่องจากผู้ให้สินเชื่อสามารถตรวจสอบรายได้และสถานะการทำงานของผู้ขอได้ง่าย

 2. ทำไมถึงไม่ต้องใช้คนค้ำ

การขอสินเชื่อแบบไม่ต้องใช้คนค้ำเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้บุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องในหนี้สินของตน โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ขอมีรายได้ที่มั่นคงและมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ซึ่งหลายสถาบันการเงินเริ่มมีการพัฒนาสินเชื่อประเภทนี้เพื่อดึงดูดลูกค้า

 3. คุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับการขอสินเชื่อ

การขอสินเชื่อพนักงานประจำแบบไม่ต้องใช้คนค้ำ มักจะมีคุณสมบัติที่ต้องการดังนี้:

- รายได้ประจำ: ผู้ขอสินเชื่อต้องมีรายได้ที่มั่นคงและสามารถพิสูจน์ได้
- ประวัติการชำระหนี้ที่ดี: ผู้ขอควรมีประวัติการชำระหนี้ที่ดี ไม่มีการผิดนัดชำระหนี้ในอดีต
- อายุงาน: บางสถาบันการเงินอาจกำหนดให้ผู้ขอมีอายุงานไม่น้อยกว่า 6 เดือนถึง 1 ปี

 4. ขั้นตอนการขอสินเชื่อ

การขอสินเชื่อพนักงานประจำแบบไม่ต้องใช้คนค้ำ สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:

1. เลือกสถาบันการเงิน: ควรเลือกธนาคารหรือสถาบันการเงินที่มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตรงตามความต้องการ
2. เตรียมเอกสาร: เอกสารที่จำเป็นมักจะรวมถึงบัตรประชาชน สลิปเงินเดือน และเอกสารแสดงรายได้
3. ยื่นคำขอ: สามารถยื่นคำขอผ่านช่องทางออนไลน์หรือที่สาขาของสถาบันการเงิน
4. รอการอนุมัติ: หลังจากยื่นคำขอ จะมีการตรวจสอบข้อมูลและอนุมัติสินเชื่อ

 5. ข้อดีและข้อเสียของการขอสินเชื่อแบบไม่ต้องใช้คนค้ำ

ข้อดี:
- ไม่ต้องมีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
- ลดความยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสาร
- อาจได้รับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า

ข้อเสีย:
- อาจมีการจำกัดวงเงินสินเชื่อ
- ต้องมีคุณสมบัติที่เข้มงวดกว่า

การขอสินเชื่อพนักงานประจำแบบไม่ต้องใช้คนค้ำนั้นเป็นไปได้จริง แต่ผู้ขอสินเชื่อต้องมีคุณสมบัติที่ตรงตามข้อกำหนดของสถาบันการเงิน และควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ หากคุณมีความสนใจในการขอสินเชื่อ ควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบเงื่อนไขจากหลายๆ แหล่ง เพื่อให้ได้สินเชื่อที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำในการกู้สินเชื่อ สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อขอคำปรึกษาได้ทันที!


14

          มีคนไทยหลายคนรู้สึกว่าการลงทุนเป็นเรื่องที่ซับซ้อน มีความยุ่งยากและใช้เงินจำนวนมาก จึงเลือกที่จะไม่สนใจและศึกษาเพิ่มเติม แต่ในความเป็นจริงการลงทุนไม่จำเป็นต้องใช้เงินมาก สามารถ เปิดบัญชีออนไลน์ เริ่มลงทุนด้วยตนเองได้ง่าย ๆ เพียงแต่หาความรู้เพิ่มเติมก็จะช่วยให้เม็ดเงินที่ลงไปเติบโตขึ้น ถ้าคุณยังไม่รู้จะเริ่มต้นลงทุนอย่างไร ขอแนะนำแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT แอปธนาคารกรุงไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ตอบโจทย์นักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจรมากที่สุดจ่ายค่าไฟ  ชำระค่าไฟ โดยเฉพาะฟีเจอร์เด่นอย่าง Next Invest ที่จะช่วยให้การลงทุนเป็นเรื่องที่ง่าย และนี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้ Krungthai NEXT เป็นเครื่องมือด้านการลงทุนที่สะดวก ใช้งานง่าย เหมาะกับการลงทุน

เริ่มต้นด้วยเงิน 100 บาท ใคร ๆ ก็ทำได้

          เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าการลงทุนไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนมากเสมอไป เพียงมีเงินแค่ 100 บาท ก็สามารถลงทุนได้แล้ว โดยค้นหากองทุน ดอกเบี้ยฝากประจำ ที่ไม่จำกัดเงินลงทุนขั้นต่ำ อาจเลือกลงทุนแบบทยอยซื้อสะสมด้วยยอดเงินสม่ำเสมอ เพื่อสร้างวินัยการลงทุนให้กับตนเอง หรือจะเลือกซื้อแบบเป็นเงินก้อนโตในทุก ๆ ปีจากเงินโบนัสก็ได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและความต้องการของคุณเอง เนื่องจากการลงทุนผ่านแอป Krungthai Next สามารถลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง

รวมทุกช่องทางการลงทุนแบบครบวงจร จบในแอปเดียว

            ด้วยฟีเจอร์ Next Invest ที่มาพร้อมกับแอป Krungthai NEXT ได้ร่วมมือกับ 9 บริษัทชั้นนำด้านการลงทุน ได้แก่ บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง, บลจ.กรุงไทย,  บลจ.วรรณ, บลจ.กรุงศรี, บลจ.เอ็มเอฟซี , บลจ.แอสเซท พลัส, บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย),  บลจ.พรินซิเพิล และบลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ได้รวบรวมเอาผลิตภัณฑ์การลงทุนทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้นไทย, หุ้นต่างประเทศ, กองทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า บัญชีฝากประจำ มาไว้ภายในฟีเจอร์นี้ฟีเจอร์เดียว เพื่อตอบสนองความต้องการในด้านการลงทุนและเป็นทางเลือกให้นักลงทุนได้พิจารณาถึงผลตอบแทนที่จะได้รับ ซึ่งมีกองทุนให้เลือกมากกว่า 200 กองทุน โดยมีการคัดสรรและแยกกองทุนออกมาให้นักลงทุนได้เลือก เช่น
Popular Fund กองทุนยอดนิยม ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า ดอกเบี้ยฝากประจำ
Fund for You สำหรับคนที่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่า บัญชีฝากประจำ และเหมาะสมกับความเสี่ยงที่ตนเองรับได้
Tactic Fund เป็นกองทุนที่ได้รับการคัดสรรโดยทีม Krungthai CIO เพื่อเลือกลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดในขณะนั้น

            นอกจากนี้คุณยังสามารถจัดการบริหารรพอร์ตการลงทุนของคุณเองได้ง่าย ๆ ตามสไตล์ของคุณเอง  ซึ่งมีทั้งตราสารหนี้, บัญชีฝากประจำ , พันธบัตรออมทรัพย์, ทองคำและหุ้นกู้ ผ่านหน้าจอแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT เพียงแอปเดียว
โหลด Krungthai NEXT  แอปเดียว ไม่ต้องโหลดเพิ่ม

            ด้วยฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Krungthai NEXT ที่รวมเอาการลงทุนทุกรูปแบบมาไว้ภายในแอปเดียว ช่วยให้คุณไม่จำเป็นต้องโหลดแอปพลิเคชันเพิ่ม เพื่อให้สมาร์ทโฟนของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แบบและยังช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล เพียงคุณลงทะเบียนสมัคร เปิดบัญชีออนไลน์ และเริ่มลงทุนใน Krungthai NEXT ด้วยเวลาไม่กี่นาทีสามารถซื้อขายทั้งหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศได้  นับว่าแอป Krungthai NEXT เป็นเครื่องมือที่สะดวกและง่ายต่อการลงทุนในปัจจุบัน
ศึกษา เรียนรู้ ด้านการลงทุนเพิ่มเติม จากทีม Krungthai CIO

           ฟีเจอร์ Next Invest จาก Krungthai NEXT  มีคลังข้อมูลและความรู้ด้านการลงทุนต่าง ๆ ให้คุณสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองพร้อมอัปเดตข่าวสารและข้อมูลตลอดเวลา เพื่อให้คุณเข้าใจทิศทางและความเคลื่อนไหวของตลาด นอกจากนี้คุณยังสามารถปรึกษา พูดคุยกับทีมงานด้านการลงทุนมืออาชีพจาก Krungthai CIO เพื่อรับคำแนะนำและความรู้เกี่ยวกับการลงทุน เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่มากขึ้น

มีความปลอดภัยมาตรฐานระดับสากล

           ฟีเจอร์  Next Invest ได้รับการพัฒนาจาก บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จำกัด ที่ใช้มาตรฐานความปลอดภัยในระดับสากลในการพัฒนาแอปพลิเคชัน ด้วยการเลือกใช้ Biometric ในการยืนยันตัวตนแทนการใช้รหัสผ่านและระบบการป้องกันการแคปภาพหน้าจอ มีการอัปเดตฟีเจอร์ความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ทำให้การทำธุรกรรมการเงินผ่านแอปนี้มีความปลอดภัยสูง

            การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและมีความรู้ก่อนตัดสินใจลงทุน แต่การไม่ลงทุนอะไรเลยย่อมมีความเสี่ยงมากกว่า ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ อัตรา ดอกเบี้ยฝากประจำ และเงินเฟ้อที่นับวันจะยิ่งสูงขึ้น ทำให้มูลค่าของเงินค่อย ๆ หายไป ดังนั้นไม่ว่าจะลงทุนอะไรก็ตามแต่ ควรมีความรู้ในการลงทุนนั้น ๆ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่จะได้รับอย่างเหมาะสม สำหรับใครที่สนใจ เปิดบัญชีออนไลน์ และข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ www.krungthai.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง



15
 รู้จักประเภทของประกันอุบัติเหตุ – แบบไหนเหมาะกับคุณ?

การประกันอุบัติเหตุ เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยปกป้องคุณจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะเป็นการบาดเจ็บหรือการเสียชีวิต ประกันอุบัติเหตุมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีคุณสมบัติและความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับประเภทของประกันอุบัติเหตุและวิธีการเลือกแบบที่เหมาะสมกับคุณ

 ประเภทของประกันอุบัติเหตุ

 1. ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident Insurance)

ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลเป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด โดยจะให้ความคุ้มครองในกรณีที่ผู้เอาประกันได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ โดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายเงินชดเชยตามระดับความรุนแรงของการบาดเจ็บ เช่น การเจ็บป่วยเล็กน้อย การบาดเจ็บที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หรือการเสียชีวิต

 2. ประกันอุบัติเหตุกลุ่ม (Group Accident Insurance)

ประกันอุบัติเหตุกลุ่มเหมาะสำหรับองค์กรหรือบริษัทที่ต้องการให้ความคุ้มครองแก่พนักงาน โดยจะมีการจ่ายเบี้ยประกันในอัตราที่ต่ำกว่าการทำประกันแบบส่วนบุคคล เนื่องจากมีการรวมกลุ่มผู้เอาประกันหลายคน การทำประกันประเภทนี้ช่วยให้พนักงานมีความมั่นใจในการทำงานมากขึ้น

 3. ประกันอุบัติเหตุสำหรับเด็ก (Child Accident Insurance)

ประกันอุบัติเหตุสำหรับเด็กถูกออกแบบมาเพื่อให้ความคุ้มครองแก่เด็กเล็ก โดยเฉพาะในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุที่อาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก การทำประกันประเภทนี้ช่วยให้ผู้ปกครองมีความอุ่นใจในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดคิด

 4. ประกันอุบัติเหตุเดินทาง (Travel Accident Insurance)

ประกันอุบัติเหตุเดินทางเป็นประเภทที่เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางไปต่างประเทศหรือท่องเที่ยว โดยจะให้ความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง เช่น การบาดเจ็บหรือการเสียชีวิต โดยจะมีการชดเชยค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในต่างประเทศ

 วิธีการเลือกประกันอุบัติเหตุที่เหมาะสม

การเลือกประกันอุบัติเหตุที่เหมาะสมกับคุณนั้นควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น

1. ความต้องการในการคุ้มครอง: พิจารณาว่าคุณต้องการความคุ้มครองในกรณีใดบ้าง เช่น การบาดเจ็บเล็กน้อย การรักษาในโรงพยาบาล หรือการเสียชีวิต
2. งบประมาณ: ตรวจสอบเบี้ยประกันที่คุณสามารถจ่ายได้ โดยไม่กระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
3. เงื่อนไขและข้อกำหนด: อ่านรายละเอียดของกรมธรรม์ให้ชัดเจน เพื่อให้เข้าใจถึงเงื่อนไขการคุ้มครองและข้อยกเว้นต่างๆ


การเลือกประกันอุบัติเหตุที่เหมาะสมกับคุณเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยปกป้องคุณจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ หากคุณยังไม่แน่ใจว่าประกันประเภทไหนเหมาะกับคุณ แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านประกันภัยเพื่อขอคำแนะนำที่เหมาะสม

การมีประกันอุบัติเหตุไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ชีวิต แต่ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว อย่ารอช้า! เริ่มต้นวางแผนการประกันอุบัติเหตุ  ประกันชีวิตผู้สูงอายุ  ประกันสุขภาพของคุณวันนี้เพื่อความปลอดภัยในอนาคต!



16


ในยุคที่การออมเงินมีความสำคัญมากขึ้น การเลือกบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะสำหรับนักเรียนหรือนักศึกษา ที่อาจมีรายได้จากการทำงานพิเศษหรือเงินสนับสนุนจากครอบครัว บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่าบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงเหมาะกับนักเรียนหรือนักศึกษาอย่างไร

บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงคืออะไร?

บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง คือ บัญชีที่เสนออัตราดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ซึ่งมักจะมีข้อกำหนดหรือเงื่อนไขในการเปิดบัญชี เช่น ยอดเงินขั้นต่ำที่ต้องมีในบัญชี หรือจำนวนธุรกรรมที่ต้องทำในแต่ละเดือน การเลือกบัญชีประเภทนี้สามารถช่วยให้เงินออมของคุณเติบโตได้เร็วขึ้น

เหตุผลที่นักเรียนหรือนักศึกษาอาจเลือกบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง

 1. การออมเงิน

การออมเงินเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับการจัดการการเงิน นักเรียนหรือนักศึกษาที่เริ่มต้นออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อยจะมีโอกาสสร้างฐานะทางการเงินที่มั่นคงในอนาคต การเลือกบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงจะช่วยให้เงินออมของคุณเติบโตได้มากขึ้น

 2. การจัดการงบประมาณ

นักเรียนหรือนักศึกษาอาจมีรายได้ที่จำกัด การใช้บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงสามารถช่วยให้พวกเขาจัดการงบประมาณได้ดีขึ้น ด้วยการแยกเงินออมออกจากเงินใช้จ่าย การมีบัญชีออมทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยสูงจะทำให้เงินที่ออมไว้ไม่ถูกใช้จ่ายไปโดยไม่จำเป็น

 3. ความสะดวกในการเข้าถึง

ฝากออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงมักจะมีบริการออนไลน์ที่สะดวกสบาย ทำให้สามารถตรวจสอบยอดเงินและทำธุรกรรมได้ง่าย นอกจากนี้ บางธนาคารยังมีแอปพลิเคชันที่ช่วยให้การจัดการบัญชีเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว

ข้อควรพิจารณาในการเลือกบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง

 1. อัตราดอกเบี้ย

ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารต่าง ๆ เพื่อเลือกบัญชีที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด

 2. ค่าธรรมเนียม

ตรวจสอบค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับบัญชี เช่น ค่าธรรมเนียมการเปิดบัญชี ค่าธรรมเนียมรายเดือน และค่าธรรมเนียมการถอนเงิน

 3. เงื่อนไขการถอนเงิน

บางบัญชีอาจมีข้อกำหนดในการถอนเงินที่จำกัด ควรอ่านเงื่อนไขให้เข้าใจก่อนตัดสินใจเปิดบัญชี


บัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับนักเรียนหรือนักศึกษา ที่ต้องการเริ่มต้นการออมเงินและสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคง อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้การออมเงินของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด

หากคุณสนใจที่จะเปิดบัญชีออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูง ควรทำการวิจัยและเปรียบเทียบธนาคารต่าง ๆ เพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ!


17


การเลือกประกันสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสุขภาพคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต การมีประกันสุขภาพที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงคำแนะนำในการเลือกประกันสุขภาพที่คุณควรรู้

## 1. เข้าใจประเภทของประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทมีความครอบคลุมและเงื่อนไขที่แตกต่างกัน คุณควรทำความเข้าใจประเภทต่าง ๆ ดังนี้:

### 1.1 ประกันสุขภาพแบบกลุ่ม

ประกันสุขภาพแบบกลุ่มมักจะมีการเสนอโดยนายจ้างหรือองค์กร ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการประกันสุขภาพ แต่คุณอาจมีทางเลือกในการเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณน้อยกว่า

### 1.2 ประกันสุขภาพแบบรายบุคคล

ประกันสุขภาพแบบรายบุคคลจะให้คุณมีความยืดหยุ่นในการเลือกแผนที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณของคุณมากขึ้น คุณสามารถเลือกความคุ้มครองที่ต้องการได้ตามใจชอบ

## 2. พิจารณาความคุ้มครองที่จำเป็น

เมื่อเลือกประกันสุขภาพ คุณควรพิจารณาความคุ้มครองที่คุณต้องการ เช่น:

- **การรักษาในโรงพยาบาล**: ตรวจสอบว่าประกันของคุณครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาในโรงพยาบาลหรือไม่
- **การตรวจสุขภาพประจำปี**: มีความสำคัญในการตรวจสอบสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
- **การรักษาเฉพาะทาง**: หากคุณมีโรคประจำตัว ควรเลือกแผนที่ครอบคลุมการรักษาเฉพาะทาง

## 3. ตรวจสอบเงื่อนไขและข้อยกเว้น

ประกันสุขภาพแต่ละแผนมักจะมีเงื่อนไขและข้อยกเว้นที่คุณควรทราบ เช่น:

- **ระยะเวลารอคอย**: บางแผนอาจมีระยะเวลารอคอยก่อนที่คุณจะสามารถเรียกร้องการรักษา
- **ข้อจำกัดในการรักษา**: ตรวจสอบว่ามีข้อจำกัดใด ๆ ในการรักษาโรคหรือไม่

## 4. เปรียบเทียบราคาและบริการ

การเปรียบเทียบราคาและบริการของบริษัทประกันสุขภาพต่าง ๆ จะช่วยให้คุณได้แผนที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับงบประมาณของคุณ ควรพิจารณา:

- **ค่าเบี้ยประกัน**: ควรเลือกแผนที่มีค่าเบี้ยประกันที่คุณสามารถจ่ายได้
- **บริการลูกค้า**: ตรวจสอบว่าบริษัทมีบริการลูกค้าที่ดีและตอบสนองต่อคำถามของคุณอย่างรวดเร็ว


การอ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงจะช่วยให้คุณเข้าใจถึงประสบการณ์ของผู้ที่เคยใช้บริการประกันสุขภาพนั้น ๆ ควรค้นหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น เว็บไซต์ที่มีการตรวจสอบและเปรียบเทียบประกันสุขภาพ
การเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมเป็นการลงทุนที่สำคัญในชีวิตของคุณ ควรพิจารณาอย่างรอบคอบตามคำแนะนำที่กล่าวมา เพื่อให้คุณได้รับการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำเฉพาะทาง สามารถติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านประกันสุขภาพได้ เพื่อให้คุณมั่นใจในการตัดสินใจเลือกประกันสุขภาพที่ดีที่สุดสำหรับคุณและครอบครัว




18
ฟรีแลนซ์ พนักงานออฟฟิศ หรือแม่บ้าน...ใครควรมีประกันอุบัติเหตุ

ในยุคที่การทำงานมีความหลากหลายมากขึ้น การเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการประกันอุบัติเหตุที่สามารถช่วยปกป้องคุณจากความเสี่ยงในชีวิตประจำวัน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจว่าฟรีแลนซ์ พนักงานออฟฟิศ และแม่บ้าน ควรมีประกันอุบัติเหตุหรือไม่ และทำไมถึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณา

 ความสำคัญของประกันอุบัติเหตุ
ประกันอุบัติเหตุเป็นการประกันที่ช่วยคุ้มครองคุณจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น อุบัติเหตุที่อาจทำให้คุณได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยทั่วไปแล้วประกันอุบัติเหตุจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกิดจากอุบัติเหตุ

 ฟรีแลนซ์: ความเสี่ยงที่ควรพิจารณา

ฟรีแลนซ์มักจะทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน และอาจต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการทำงานที่บ้านหรือที่อื่น ๆ ที่ไม่ใช่สำนักงาน การไม่มีประกันอุบัติเหตุอาจทำให้คุณต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่สูงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น การมีประกันอุบัติเหตุจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงเหล่านี้

 ข้อดีของการมีประกันอุบัติเหตุสำหรับฟรีแลนซ์

1. การคุ้มครองทางการเงิน: ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
2. ความมั่นใจในการทำงาน: ทำให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
3. การดูแลสุขภาพ: ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้รวดเร็ว

 พนักงานออฟฟิศ: ความปลอดภัยในที่ทำงาน

สำหรับพนักงานออฟฟิศ แม้ว่าจะทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดูปลอดภัย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การลื่นล้ม หรือการบาดเจ็บจากการทำงานที่ไม่ถูกท่า การมีประกันอุบัติเหตุจึงเป็นการป้องกันที่ดีเพื่อให้คุณได้รับการดูแลเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด

 ข้อดีของการมีประกันอุบัติเหตุสำหรับพนักงานออฟฟิศ

1. การคุ้มครองจากอุบัติเหตุในที่ทำงาน: ช่วยให้คุณได้รับการดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
2. การลดความเครียด: ลดความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
3. การสนับสนุนจากบริษัท: บางบริษัทอาจมีการสนับสนุนค่าเบี้ยประกันให้กับพนักงาน

 แม่บ้าน: การดูแลที่บ้าน

แม่บ้านมักจะทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การทำความสะอาดบ้านหรือการดูแลเด็ก การมีประกันอุบัติเหตุจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อปกป้องตัวเองจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในขณะทำงาน

 ข้อดีของการมีประกันอุบัติเหตุสำหรับแม่บ้าน

1. การคุ้มครองจากอุบัติเหตุที่บ้าน: ช่วยให้คุณได้รับการดูแลเมื่อเกิดอุบัติเหตุในขณะทำงาน
2. ความมั่นใจในการทำงาน: ทำให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
3. การดูแลสุขภาพ: ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้รวดเร็ว

ไม่ว่าคุณจะเป็นฟรีแลนซ์ พนักงานออฟฟิศ หรือแม่บ้าน การมีประกันอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรพิจารณา เพื่อปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงในชีวิตประจำวัน การทำความเข้าใจในความเสี่ยงและการเตรียมความพร้อมจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

หากคุณยังไม่มีประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ แนะนำให้คุณพิจารณาเลือกแผนประกันที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจในทุกๆ วัน


19


        พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ทำการตลาดเก่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรู้วิธีบริหารเงินและการจัดระเบียบบัญชีกิจการให้ไหลลื่น เพราะระบบการเงินนั้นถือว่าเป็นหัวใจหลักในการทำธุรกิจ คนที่มีหัวการตลาดแต่ทว่า เป็นแม่ค้าหมุนเงินไม่ทัน หรือขาดการวางระบบบัญชีธุรกิจที่ดีก็ไม่อาจประสบความสำเร็จ ยกตัวอย่างร้านค้าที่ขายดีมีออเดอร์เข้านับร้อยราย ได้รับเงินสดเข้ากระเป๋าเป็นหลักหมื่นต่อวัน หักต้นทุนแล้วกำไรเห็น ๆ แต่ทำไปทำมากลับไม่มีเงินหมุนเวียนในร้าน เพราะไม่ได้ทำบัญชีอย่างเป็นระบบและใช้เงินผิดวิธี เมื่อถึงเวลาหนึ่งพบว่า หมุนเงินไม่ทันทำไงดี ดังนั้นก่อนที่คำถามน่าปวดหัวนี้จะเกิดขึ้นเจ้าของกิจการควรตั้งตัวรับมือไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม

วิธีที่จะทำให้การเงินคล่องตัวสามารถทำได้ดังนี้

เปิดบัญชีใหม่เป็นบัญชีร้านโดยเฉพาะ ให้แยกกันกับบัญชีส่วนตัว
วิธีหมุนเงินขายของ จะต้องมีการบันทึกบัญชีรายรับที่ได้จากการขายของและบัญชีต้นทุนต่าง ๆ ทั้งหมดที่เกี่ยวกับกิจการของร้าน
ไม่นำเงินร้านค้ามาใช้ส่วนตัว จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อตัวเลขที่ได้จากการทำบัญชีของร้านมีผลกำไรและนำเงินที่เป็นกำไรมาใช้เท่านั้น
จัดสรรเงินส่วนหนึ่งไว้เป็นทุนสำรองในกิจการ
การขอสินเชื่อธุรกิจ   SME เป็น วิธีหมุนเงินขายของ อีกทางหนึ่งแต่ต้องเลือกสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่เชื่อถือได้และมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ

สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยหรือ SME มี 2 ประเภทหลัก คือ

- สินเชื่อมีหลักประกัน
- สินเชื่อไม่มีหลักประกัน
ทั้งสองประเภทนี้แตกต่างกันที่อัตราดอกเบี้ย แบบแรกอัตราดอกเบี้ยจะถูกกว่าแต่ผู้ขอกู้จะต้องใช้อสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันในการยื่นกู้ ส่วนแบบที่สองนั้นไม่จำเป็นต้องมีหลักทรัพย์ใดเป็นหลักประกัน ธนาคารหรือสถาบันการเงินจะพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของตัวผู้กู้เป็นหลัก
เจ้าของกิจการที่กังวลว่าถ้าเปิดร้านมาแล้ว หมุนเงินไม่ทันทำไงดี  สามารถใช้วิธีกู้ทำธุรกิจ จากธนาคาร หากอยากได้เงินด่วนเพื่อหมุนเวียนในกิจการขอแนะนำสินเชื่อแม่ค้า SMEs จากธนาคารกรุงไทย ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายประเภท
สินเชื่อรายย่อย   Krungthai sSME Smart Shop ไม่ต้องมีหลักประกัน ให้วงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาท ไว้หมุนเวียนธุรกิจ
สินเชื่อธุรกิจ Krungthai sSME EEC 4.0 สำหรับ SME ที่ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับจังหวัดในภาคตะวันออก 5 จังหวัด ดอกเบี้ยต่ำเพียง 4% คงที่ปีแรก หากเลือกประเภทไม่มีหลักประกันให้วงเงินสูงสุด 3 ล้านบาท
สินเชื่อ Krungthai sSME ให้วงเงินสูง 3 เท่าเพื่อให้กิจการมีเงินหมุนเวียน หรือจะกู้เพื่อ Refinance จากสถาบันเดิม อีกทั้งยังให้กู้สำหรับเจ้าของกิจการที่ไม่มีหลักประกันอีกด้วย

ธนาคารกรุงไทยยังมีสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็กอื่น ๆ อีกหลายประเภทสำหรับผู้ที่ เป็นแม่ค้าหมุนเงินไม่ทัน ไม่ว่าลักษณะธุรกิจของคุณจะเป็นแบบไหน สินเชื่อประเภทใดเหมาะกับกิจการของคุณมากที่สุดลองเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://krungthai.com/th/content/sme/loan



20


การลดหย่อนภาษีเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถลดภาระภาษีที่ต้องจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2568 นี้ หลายคนอาจมีคำถามเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีที่เป็นประโยชน์ เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถใช้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีได้อย่างเต็มที่ บทความนี้จะตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีในปีนี้

## 1. การลดหย่อนภาษีคืออะไร?

การลดหย่อนภาษีคือการอนุญาตให้ผู้เสียภาษีสามารถหักค่าใช้จ่ายบางอย่างออกจากรายได้ที่ต้องเสียภาษี ซึ่งจะช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องจ่ายภาษีในปีนั้น ๆ โดยทั่วไปแล้ว การลดหย่อนภาษีจะมีหลายประเภท เช่น ค่าใช้จ่ายในการศึกษา การบริจาค การประกันชีวิต และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล

## 2. ใครสามารถขอลดหย่อนภาษีได้บ้าง?

ผู้ที่สามารถขอลดหย่อนภาษีได้ ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากการทำงานหรือกิจการต่าง ๆ รวมถึงผู้ที่มีรายได้จากการลงทุน อย่างไรก็ตาม การลดหย่อนภาษีจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดโดยกรมสรรพากร

## 3. ลดหย่อนภาษีปี 2568 มีอะไรใหม่บ้าง? ในปี 2568 นี้ มีการปรับปรุงกฎเกณฑ์การลดหย่อนภาษีหลายประการ เช่น การเพิ่มวงเงินการลดหย่อนสำหรับค่าใช้จ่ายในการศึกษาและการบริจาคให้กับองค์กรการกุศลและบริจาคออนไลน์ e donation นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ผู้เสียภาษีสามารถลดภาษีได้มากขึ้น

## 4. เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการขอลดหย่อนภาษีคืออะไร?

การขอลดหย่อนภาษีจะต้องมีเอกสารที่แสดงหลักฐานการใช้จ่าย เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบรับรองการบริจาค และเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยควรจัดเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้ครบถ้วนเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

## 5. วิธีการยื่นขอลดหย่อนภาษีทำอย่างไร?

การยื่นขอลดหย่อนภาษีสามารถทำได้หลายช่องทาง ได้แก่ การยื่นแบบฟอร์มภาษีผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร หรือการยื่นแบบฟอร์มด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ โดยควรตรวจสอบระยะเวลาการยื่นภาษีให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการลดหย่อนภาษี

## 6. คำแนะนำในการวางแผนลดหย่อนภาษี

การวางแผนลดหย่อนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณสามารถลดภาษีได้มากขึ้น ควรเริ่มต้นด้วยการตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่สามารถลดหย่อนได้ และจัดทำงบประมาณการใช้จ่ายในปีถัดไปอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี

การลดหย่อนภาษีในปี 2568 เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้เสียภาษีในการลดภาระภาษีที่ต้องจ่าย การเข้าใจคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษีจะช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์นี้ได้อย่างเต็มที่ หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดหย่อนภาษี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด




21

       สำหรับผู้ที่กำลังมองหา ประกันบ้าน ที่เหมาะกับบ้านทุกหลัง ประกันอัคคีภัยบ้าน ครอบคลุมทุกความกังวล ไม่เฉพาะไฟไหม้บ้านเท่านั้น แต่ยังมีน้ำท่วม แผ่นดินไหว พายุฝน และผลกระทบจากภัยพิบัติธรรมชาติอื่น ๆ คุ้มครองบ้านแสนรัก ทรัพย์สินภายในบ้าน รวมถึงชีวิตคุณ

       ประกันอัคคีภัย สำหรับบ้านอยู่อาศัยคุ้มครองดูแลให้เรื่องหนักกลายเป็นเรื่องเบา จุดเด่นของประกันบ้านคือเบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 600 กว่าบาทเท่านั้น สำหรับบ้านที่เป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ และบ้านผนังคอนกรีต

        ความคุ้มครองหลัก ๆ คือ ปกป้องภัยจากไฟไหม้ ฟ้าผ่า รวมถึงความเสียหายจากอุปกรณ์ไฟฟ้าลัดวงจร ภัยจากระเบิด รถเฉี่ยวชน น้ำฝนสาดเข้าบ้าน ท่อน้ำรั่วไหล แต่ไม่คุ้มครองกรณีภัยจากน้ำท่วมหรือระบบท่อประปาใต้ดินเสียหาย เรียกว่าครอบคลุมมากทีเดียว นอกจากนี้ยังคุ้มครองภัยธรรมชาติ อาทิ น้ำท่วม ลมพายุ แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ ลูกเห็บ เป็นต้น

เลือกทำประกันกับบริษัทไหนดี

         ขึ้นอยู่กับรายละเอียดและเงื่อนไขของบริษัทนั้น แม้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยแตกต่างกันนัก แต่ถ้าใส่ใจรายละเอียดจริง ๆ แล้วจะเห็นว่าการดำเนินงานของบริษัทไหนมีความเป็นมืออาชีพ มีบริการหลังการขายที่ดี ไม่ยุ่งยาก ไม่รอนาน ไม่มีปัญหาเรื่องการเคลม ประกันอัคคีภัยบ้าน สุดท้ายคือบริษัทประกันมีสาขาครอบคลุม สามารถติดต่อสอบถามได้ง่าย มีเจ้าหน้าที่ช่วยประสานงานให้รวดเร็ว หรือว่าจะเลือกทำกับบริษัทที่ทำการกู้บ้าน ก็ได้

ลดหย่อนภาษีได้หรือไม่

        ถ้าเป็นประกันชนิดอื่น เช่น ประกันสุขภาพจะนำเบี้ยประกันมาใช้ลดหย่อนภาษีได้ นอกจากนี้ยังมีประกันชีวิต ประกันอุบัติเหตุ และประกันโรคร้ายแรง ซึ่งนำมาใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ หลายคนตัดสินใจทำประกันชีวิตเพื่อใช้เบี้ยประกันชีวิตลดหย่อนภาษี แต่อย่าลืมว่าไม่ใช่ทุกเบี้ยประกันจะนำมาลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด อย่างกรณีการทำ ประกันอัคคีภัย จะใช้เบี้ย ประกัน ลดหย่อนภาษี ไม่ได้ ถามว่าประกันแบบไหนใช้ลดหย่อนภาษีดีที่สุด ขอแนะนำให้ทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่ใช้เบี้ยประกันที่จ่ายแต่ละปีนำไปลดหย่อนภาษีได้ทั้งหมด ในส่วนของการทำประกันเหตุอัคคีภัยแบบคุ้มครอง 2 ปี หรือ 3 ปี จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันถูกลงมาบ้าง

        สำหรับ ประกันบ้าน สามารถนำค่าเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้ แต่ต้องเป็นการทำประกันที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป ส่วนประกันทรัพย์สินภายในบ้าน ประกันภัยโจรกรรม และ ประกันอัคคีภัยบ้าน โดยประกันเหล่านี้นำเบี้ย ประกัน ลดหย่อนภาษี ไม่ได้

         สำหรับประกันบ้านยอดฮิตนอกเหนือจาก ประกันอัคคีภัยบ้าน แล้ว ก็ยังมีประกันทรัพย์สินภายในบ้าน และประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน MRTA ซึ่งเป็นประกัน 3 อย่างที่ควรมีติดไว้ เริ่มจากประกันบ้านเป็นหลักที่ใช้ความคุ้มครองในส่วนของโครงสร้างบ้านเท่านั้น แต่ไม่คุ้มครองเครื่องใช้ต่าง ๆ ภายในบ้าน ส่วนใหญ่เป็นประกันระยะสั้น จ่ายเบี้ยรายปี จึงราคาไม่สูง แต่หากข้าวของในบ้านถูกไฟไหม้ไม่ได้รับเงินชดเชย

         ถ้าต้องการความคุ้มครองเพิ่มขึ้น ก็แนะนำให้ทำประกันทรัพย์สินภายในบ้านที่คุ้มครองครอบคลุมสาเหตุจากไฟไหม้ น้ำท่วม พายุ และโจรขโมยด้วย สุดท้ายคือประกัน MRTA คุ้มครองชีวิตของผู้ทำประกัน หากเกิดเจ็บป่วยหรือเสียชีวิตระหว่างผ่อนบ้าน ทางประกันก็จะช่วยผ่อนจ่ายหนี้ส่วนที่เหลือต่อไป

หากสนใจทำ ประกันบ้าน จริง ๆ แนะนำว่าให้ศึกษารายละเอียดและเปรียบเทียบราคาให้ดี ก่อนเลือกประกันที่ดีที่สุดสำหรับคุณ


22
ในยุคที่การเงินมีความซับซ้อนมากขึ้น การเลือกวิธีการฝากเงินที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ บัญชีเงินฝากประจำเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เนื่องจากความปลอดภัยและผลตอบแทนที่ค่อนข้างแน่นอน ในบทความนี้เราจะสำรวจความสำคัญของบัญชีเงินฝากประจำและความปลอดภัยด้านการเงินที่มาพร้อมกับมัน

บัญชีเงินฝากประจำคืออะไร?

บัญชีเงินฝากประจำคือบัญชีที่ผู้ฝากเงินสามารถฝากเงินเป็นระยะเวลาที่กำหนด โดยจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป โดยปกติแล้วผู้ฝากจะต้องฝากเงินในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 6 เดือน, 1 ปี หรือ 5 ปี ซึ่งดอกเบี้ยจะถูกคำนวณตามระยะเวลาที่ฝาก

ประโยชน์ของบัญชีเงินฝากประจำ

1. ดอกเบี้ยสูงกว่า: บัญชีเงินฝากประจำมักมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ทำให้ผู้ฝากได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่า
2. ความปลอดภัย: เงินที่ฝากในบัญชีเงินฝากประจำจะได้รับการคุ้มครองจากธนาคาร โดยทั่วไปแล้วเงินฝากจะได้รับการประกันจาก Deposit Protection Scheme
3. การวางแผนการเงิน: การฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจำช่วยให้ผู้ฝากสามารถวางแผนการเงินได้ดีขึ้น เนื่องจากมีระยะเวลาที่ชัดเจนในการฝากเงิน

ความปลอดภัยด้านการเงิน

ความปลอดภัยด้านการเงินเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้ฝากเงิน โดยบัญชีเงินฝากประจำมีคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในเรื่องนี้

การประกันเงินฝาก

ในประเทศไทย เงินฝากในบัญชีฝากประจำจะได้รับการประกันจาก Deposit Protection Scheme ซึ่งหมายความว่าหากธนาคารเกิดปัญหาทางการเงิน ผู้ฝากจะได้รับเงินคืนสูงสุดถึง 1 ล้านบาทต่อคนต่อธนาคาร

ความเสี่ยงที่ต่ำ

บัญชีเงินฝากประจำมีความเสี่ยงที่ต่ำมากเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนรวม ซึ่งอาจมีความผันผวนของราคา การเลือกบัญชีเงินฝากประจำจึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงในเงินลงทุน

วิธีการเลือกบัญชีเงินฝากประจำที่เหมาะสม

การเลือกบัญชีเงินฝากประจำที่เหมาะสมควรพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น

1. อัตราดอกเบี้ย: ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารต่างๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด
2. ระยะเวลาฝาก: เลือกระยะเวลาฝากที่ตรงกับความต้องการทางการเงินของคุณ เช่น ฝากประจำ 3 เดือน
3. ค่าธรรมเนียม: ตรวจสอบค่าธรรมเนียมที่อาจเกิดขึ้นในการเปิดบัญชีหรือถอนเงินก่อนกำหนด

บัญชีเงินฝากประจำเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยและผลตอบแทนที่แน่นอนในยุคที่การเงินมีความซับซ้อน การเลือกบัญชีที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นคง หากคุณกำลังมองหาวิธีการออมเงินที่ปลอดภัย บัญชีเงินฝากประจำอาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา


หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัญชีเงินฝากประจำและการวางแผนการเงิน สามารถติดต่อธนาคารหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้เลย!




23

   ‘กองทุนรวม’ (Mutual Fund) คือการระดมเงินจากนักลงทุนจำนวนมากมาลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ภายใต้การดูแลของ ‘ผู้จัดการกองทุน’ ที่ความเชี่ยวชาญในการลงทุน โดยเราจะได้ประโยชน์จากส่วนแบ่งผลตอบแทนหรือการขายคืนหน่วยลงทุน ซึ่งในอดีตนั้น การ เปิดบัญชีกองทุนรวม มักถูกมองว่าเป็นเรื่องไกลตัวและมีขั้นตอนยุ่งยาก แต่ในปัจจุบันเราสามารถทำผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next ในมือถือได้อย่างง่ายดาย แถมยังประหยัดเวลาขึ้นเยอะ ดังนั้น วันนี้เราก็มี 4 ขั้นตอน สมัครกองทุนรวม ผ่านแอปฯ พร้อมเทคนิคเลือกกองทุนให้มีโอกาสได้กำไรมาฝากกัน

ขั้นตอนการเปิดบัญชีเพื่อการลงทุน ผ่านแอปพลิเคชัน
   สำหรับขั้นตอนการ เปิดบัญชีกองทุน และการทำธุรกรรมเกี่ยวกับกองทุนรวมผ่านแอป Krungthai Next สามารถทำได้อย่างสะดวกเพียงแค่ทำตาม 4 ขั้นตอนต่อไปนี้
   1. เปิดหน้าเมนูกองทุนรวม เลือกเมนูกองทุนรวมจากเมนูลัดบนหน้าหลัก (Quick Menu) - เลือกกองทุนรวมจากเมนูบริการ (Services) - เลือกกองทุนรวมจากหน้าบัญชี (Account List)
   2. เปิดหน่วยลงทุนกองทุนรวม กดเปิดบัญชีกองทุนรวม (Open Mutual Funds Account) - กรอกแบบฟอร์ม FATCA กดตอบทุกคำถาม แล้วกดปุ่มถัดไป - กรอก Laser Code แล้วกดปุ่มยืนยัน - กรอกข้อมูลส่วนตัว แล้วกดปุ่มถัดไป (Next) - ตรวจสอบข้อมูล แล้วกดปุ่มยืนยัน (Confirm) - รอการดำเนินการเปิดบัญชีกองทุน แล้วกดเสร็จสิ้น (Done) - รับข้อความผลการเปิดบัญชีกองทุน ผ่าน Publish และ Inbox เพียงเท่านี้ก็จะเริ่มใช้บริการได้ต่อไป
   3. การเลือกซื้อกองทุนรวม เลือกเมนู ‘ซื้อ’ – เลือกกองทุนที่ต้องการซื้อ – กรอกข้อมูล กดยอมรับเงื่อนไข และกดถัดไป (Next) – ยอมรับเงื่อนไข และ/หรือ ความเสี่ยงกองทุน กดถัดไป (Next) – ตรวจสอบข้อมูลการซื้อกองทุน แล้วกดปุ่มยืนยัน (Confirm) - แสดงผลการส่งคำสั่งซื้อ และกดปุ่มเสร็จสิ้น (Done)
   4. การยกเลิกธุรกรรม กด ‘เมนูอื่น ๆ’ เลือกรายการย้อนหลัง (Transaction History) - ตรวจสอบข้อมูล และกดปุ่มยกเลิกรายการนี้ - ยืนยันการยกเลิก และกดปุ่มใช่ - แสดงผลการทำธุรกรรม และกดปุ่มเสร็จสิ้น (Done)

เทคนิคการเลือกกองทุนให้มีโอกาสได้กำไร
   สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่สนใจอยาก เปิดบัญชีกองทุนรวม แต่ไม่มีประสบการณ์ด้านการลงทุนมาก่อน ก่อนอื่นควรศึกษาเทคนิคเบื้องต้นในการลงทุนกับกองทุนรวม เพราะช่วยเพิ่มโอกาสให้การลงทุนของเราได้กำไรกลับมาง่ายขึ้น โดยสามารถทำตาม 3 เทคนิคดังต่อไปนี้
   1. ประเมินตนเองและนโยบายของกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน อันดับแรกควรสำรวจตัวเราเองว่ารับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน เพราะกองทุนแต่ละประเภทมีความเสี่ยงและผลตอบแทนมากน้อยไม่เท่ากัน เมื่อประเมินตนเองได้แล้วก็ให้ศึกษานโยบายการลงทุนจากหนังสือชี้ชวน (Fund Fact Sheet) ว่ามีนโยบายการลงทุนตอบสนองความต้องการของเราหรือไม่ เช่น หากต้องการผลตอบแทนสม่ำเสมอ ความเสี่ยงระดับต่ำถึงปานกลาง ก็อาจจะเลือกลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ที่กองทุนจะนำเงินค่าเช่ามาจ่ายเป็นเงินปันผลให้กับผู้ลงทุน เป็นต้น
   2. ตรวจสอบผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน ก่อนตัดสินใจลงทุน ควรตรวจสอบผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน 3 เดือน, 6 เดือน, 1 ปี, 3 ปี เปรียบเทียบกองทุนรวมแต่ละกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนแบบเดียวกัน ว่ากองทุนไหนมีผลการดำเนินงานที่ผ่านมาดีกว่า
   3. ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในการลงทุน แต่ละกองทุนมี ‘ค่าธรรมเนียม’ แตกต่างกัน ซึ่งถือเป็นตัวแปรหนึ่งที่อาจทำให้ผลตอบแทนที่เราได้รับน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็นเพราะต้องถูกหักค่าธรรมเนียม ดังนั้น ก่อนลงทุนเราจึงควรศึกษาอัตราการเก็บค่าธรรมเนียมของแต่ละกองทุนให้ละเอียด

   เมื่อทุกคนรู้ขั้นตอนการ สมัครกองทุนรวม ผ่านแอป Krungthai NEXT รวมถึงเทคนิคการเลือกกองทุนเบื้องต้นแล้ว ก็สามารถทำธุรกรรมผ่านแอปกันได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขายกองทุน, ดูพอร์ตหรือสับเปลี่ยนกองทุนได้ทันที และที่สำคัญคือมีกองทุนรวมให้เลือกลงทุนหลายประเภท เช่น กองทุนตลาดเงิน, กองทุนตราสารหนี้, กองทุนตราสารทุน, กองทุน RMF และ SSF




24

     เงินทุนหมุนเวียนเป็นสิ่งที่ขาดแคลนไม่ได้สำหรับเจ้าของกิจการ โรงงาน ห้างร้านขนาดเล็กและกลางที่ต้องการก้าวเดินหน้าอย่างมั่นคง  สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นเงินทุนหมุนเวียนกู้ทำธุรกิจ ให้ความคล่องตัวในการดำเนินกิจการของธุรกิจสีเขียวที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสามารถต่อยอดธุรกิจได้ทันใจ

       ธุรกิจสีเขียวคือธุรกิจที่มีความใส่ใจต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมที่นับวันทวีความรุนแรงมากขึ้น เช่น ธุรกิจโซลาร์เซลล์ที่สนับสนุนการลดใช้พลังงานไฟฟ้า ธุรกิจพลาสติกที่สร้างจากวัสดุย่อยสลายง่าย ร้านอาหารเดลิเวอรี่ที่ใช้กล่องใส่อาหารแทนแบบใช้ซ้ำหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่แทนกล่องโฟมธรรมดา ร้านค้าแบบรีฟิลให้ลูกค้านำบรรจุภัณฑ์เดิมกลับมาเติมที่ร้าน การลงทุนสีเขียวไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีความจริงจังมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระตุ้นความกังวลเพิ่มขึ้นว่าธรรมชาติมีผลต่อชีวิตความอยู่ดีที่สุขของชาวโลกมากแค่ไหน

        ด้วยเหตุนี้ หลายธุรกิจที่ก้าวทันเทรนด์รักษ์โลกจัดการธุรกิจให้เป็นมิตรต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมกำลังได้รับโอกาสกู้เงินง่าย ๆ จากโครงการเงินกู้เพื่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็น สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง สินเชื่อธุรกิจมีจุดมุ่งหมายให้ธุรกิจนั้นได้เงินทุนก้อนหนึ่งสำหรับสร้างระบบบำบัดขจัดมลพิษและของเสียที่ได้มาตรฐาน ช่วยให้ธุรกิจจัดสรรเงินที่ใช้ในการลงทุนได้อย่างเป็นระบบตามแผนที่วางไว้โดยไม่ต้องสูญเสียสภาพคล่องของตนเองไป

        เป้าหมายของโครงการ สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อม ให้กู้เงินเพื่อจัดสร้างระบบบำบัดมลพิษที่เกิดจากการดำเนินกิจการบริษัท โรงงาน หรือห้างร้านของตนเองให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรือเป็น สินเชื่อขยายธุรกิจพื่อลงทุนรับจ้างให้บริการสร้างระบบบำบัดขจัดมลพิษและของเสียให้ลูกค้า ผู้ประกอบการซึ่งเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหรือธุรกิจเปิดใหม่สามารถขอกู้ได้ง่าย ระยะเวลากู้นานถึง 7 ปี ลดภาระเจ้าของธุรกิจให้ผ่อนนานระยะเวลาปลอดเงินต้นไม่เกิน 2 ปี สินเชื่อแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันนี้มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2% โดยใช้หลักประกันคือหนังสือค้ำประกันของธนาคารหรือใช้บัญชีเงินฝาก ส่วนอัตราดอกเบี้ย 3% เมื่อใช้หลักทรัพย์อื่น ๆ มาเป็นหลักประกัน

      ธุรกิจที่ได้รับ สินเชื่อหมุนเวียน มีเงินลงทุนอย่างสม่ำเสมอย่อมมีโอกาสเติบโตได้ดี สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อมที่มีอายุนานถึง 7 ปีถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่มีวงเงินสูง สำหรับวงเงินกู้เพื่อจัดสร้างระบบบำบัดอากาศ บำบัดน้ำเสีย หรือระบบกำจัดของเสีย จะให้เงินกู้ตามความจำเป็นของธุรกิจลูกค้าแต่ละราย

        สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก sme loan เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับ SME ที่มีความใส่ใจในการลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอยู่แล้ว ผู้ประกอบการในปัจจุบันที่ปรับการดำเนินงานโดยใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จะได้รับโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินกู้ง่ายขึ้น เพียงริเริ่มแผนการลงทุนสร้างระบบบำบัดน้ำเสียจากโรงงาน หรือติดตั้งอุปกรณ์ควบคุมการปล่อยแก๊สเรือนกระจกและลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ รวมไปถึงระบบกำจัดของเสียเปลี่ยนของเสียเป็นพลังงาน และการนำขยะมาใช้ใหม่ที่สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารเจ้าของโครงการเงินกู้เพื่อสิ่งแวดล้อม



25
เมื่อเรา สมัครบัตรเดบิต ธนาคารหลายแห่งยังมักเสนอสิทธิพิเศษเพิ่มเติม เช่น ประกันภัยที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาล ทำให้บัตรเดบิตไม่ใช่แค่บัตรธุรกรรมทางการเงินธรรมดา แต่ยังช่วยเสริมความอุ่นใจสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย ๆ ได้อีกด้วย

เดบิตการ์ดพ่วงประกันภัยคุ้มครองอะไรบ้าง

นอกจากฟังก์ชันพื้นฐานเหมือน บัตร atm ที่ใช้เบิกถอนเงินสดหรือรูดจ่ายสินค้าแล้ว บัตรเดบิตพ่วงประกันภัยยังเพิ่มความคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด เช่น หกล้ม รถชน หรืออุบัติเหตุจากการเดินทาง เงื่อนไขการคุ้มครองขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคาร เช่น ค่ารักษาพยาบาลไม่จำกัดจำนวนครั้ง ค่าชดเชยรายได้ การคุ้มครองทุพพลภาพถาวร หรือแม้แต่กรณีเสียชีวิต

รวมข้อดีของบัตรเดบิตพ่วงประกันภัย

อุ่นใจยิ่งขึ้น เพราะหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็ยังมีเงินค่ารักษาพยาบาลและเงินก้อนดูแลครอบครัว

ไม่ต้องสำรองจ่าย ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่มักจะสูงในยามเจ็บป่วย

คุ้มค่าและประหยัด แม้จะมีค่าใช้จ่ายมากกว่าบัตรธรรมดาเล็กน้อย แต่เฉลี่ยต่อปีแล้วคุ้มกว่าเลือกทำประกันภัยแยก

ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิต กับความคุ้มค่า

หลายคนกังวลเรื่อง ค่าธรรมเนียมของบัตรเดบิต เพราะบัตรที่พ่วงประกันภัยมักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าบัตรปกติ แต่หากพิจารณาเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับ เช่น ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุหรือการคุ้มครองระหว่างเดินทาง จะเห็นว่าคุ้มค่ากว่าการทำประกันแยกต่างหาก อีกทั้งบางธนาคารยังมีโปรโมชั่นลดค่าธรรมเนียมในปีแรก หรือมอบสิทธิพิเศษด้านการเดินทางเพิ่มเติมให้กับผู้ถือบัตร

สำหรับคนที่ต้องเดินทางบ่อย การทำ บัตรเดบิตพ่วงประกันภัย ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะไม่เพียงช่วยอุ่นใจเรื่องอุบัติเหตุ แต่ยังลดความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด และหากเลือกบัตรที่มีประกันการเดินทางต่างประเทศ หรือ travel card ที่แลกเปลี่ยนเงินได้ในเรทพิเศษ ก็ยิ่งตอบโจทย์คนรักการท่องเที่ยวมากขึ้น

26
แต่ละขั้นตอนของการทำธุรกิจล้วนแล้วแต่มีความสำคัญ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกิจการ การวางแผนงาน การผลิต การตลาด ช่องทางการจัดจำหน่าย รวมไปถึงการขนส่ง ทุกขั้นตอนต่างต้องใช้ทั้งสมอง แรงงาน และเงินทุนหมุนเวียน แต่หากธุรกิจเกิดสะดุด ขาดสภาพคล่อง อยากปรับปรุง ขยายกิจการ หรือต้องการปรับโครงสร้างหนี้ สินเชื่อ SME รวมถึง สินเชื่อค้าขาย ที่ออกแบบมาเพื่อพ่อค้าแม่ค้ารายย่อย พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและสนับสนุนให้ทุกธุรกิจขับเคลื่อนไปข้างหน้า

ในปัจจุบัน ธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ มีผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สินเชื่อ SME, สินเชื่อแม่ค้า, สินเชื่อพ่อค้าแม่ค้า หรือแม้กระทั่ง เงินกู้พ่อค้าแม่ค้า เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ต้องการ กู้เงินทำธุรกิจ ทั้งเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง การลงทุน หรือการขยายกิจการ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการควรพิจารณาเลือกสินเชื่อที่ตรงกับวัตถุประสงค์และความสามารถในการชำระหนี้

ตัวอย่างเช่น หากต้องการขยายกิจการ สร้างอาคาร หรือซื้อเครื่องจักร ควรเลือกสินเชื่อที่ใช้อสังหาริมทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งเหมาะกับการกู้เงินระยะยาว อัตราดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนชำระได้นานถึง 30 ปี แต่หากเป็นธุรกิจค้าขายขนาดเล็กที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น อาจใช้ สินเชื่อค้าขาย หรือสินเชื่อเบิกเกินบัญชี (OD) ที่สามารถเบิกถอนจากบัญชีกระแสรายวัน โดยจะคิดดอกเบี้ยเฉพาะวงเงินที่ใช้จริงและหยุดคิดดอกเบี้ยทันทีเมื่อชำระคืนครบ

จากกรณีนี้จะเห็นได้ว่าการวางเป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้เกิดความคุ้มค่าทั้งในด้านการใช้เงินกู้และการจ่ายดอกเบี้ย นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังควรวางแผนการเงินอย่างเป็นขั้นตอน คำนวณวงเงินที่ต้องการ เตรียมแผนสำรองกรณีการขอ เงินกู้พ่อค้าแม่ค้า หรือ สินเชื่อ SME ไม่ผ่าน และทบทวนให้ดีว่าความจำเป็นเร่งด่วนมีมากน้อยแค่ไหน เพราะเมื่อกู้แล้วก็ต้องรับผิดชอบภาระหนี้ที่เกิดขึ้นด้วย

สิ่งสำคัญอีกประการคือ การจัดทำแผนธุรกิจทั้งระยะสั้นและระยะยาว ไม่ว่าจะขอ สินเชื่อแม่ค้า หรือ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME สถาบันการเงินต่างต้องการเห็นความชัดเจน ทั้งเป้าหมาย รายได้ ผลกำไร แผนการตลาด ค่าใช้จ่าย และประวัติการชำระหนี้ หากข้อมูลน่าเชื่อถือก็จะช่วยให้อนุมัติได้ง่ายขึ้น

สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมในการยื่นขอสินเชื่อ ได้แก่

เอกสารธุรกิจ เช่น งบการเงิน รายการเดินบัญชีย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน

เอกสารหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น โฉนดที่ดิน (เว้นแต่เป็นสินเชื่อที่ไม่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน)

เอกสารส่วนบุคคล เช่น สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านของผู้กู้และคู่สมรส (ถ้ามี)

ความพร้อมด้านเอกสารและเป้าหมายที่ชัดเจน จะช่วยให้การอนุมัติเร็วขึ้น ขณะเดียวกันควรศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย วงเงิน ระยะเวลาผ่อน และเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ เพื่อให้การกู้เงินทำธุรกิจ SME หรือการขอ สินเชื่อพ่อค้าแม่ค้า คุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด

27



การกู้เงินเป็นเรื่องที่หลายคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้าน ซื้อรถ หรือแม้กระทั่งการลงทุนในธุรกิจส่วนตัว แต่ก่อนที่คุณจะยื่นขอสินเชื่อ ควรมีการเตรียมความพร้อมและตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นเพื่อให้การกู้เงินเป็นไปอย่างราบรื่น ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเช็กลิสต์เบื้องต้นที่ควรพิจารณาก่อนการยื่นขอสินเชื่อ

 1. ประเมินความต้องการและวัตถุประสงค์ในการขอเงินกู้
ก่อนอื่น คุณควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมถึงต้องการกู้เงิน?” วัตถุประสงค์ในการกู้เงินจะช่วยให้คุณเลือกประเภทสินเชื่อที่เหมาะสม เช่น

- สินเชื่อบ้าน: สำหรับการซื้อบ้านหรือที่ดิน
- สินเชื่อรถยนต์: สำหรับการซื้อรถยนต์
- สินเชื่อส่วนบุคคล: สำหรับค่าใช้จ่ายทั่วไปหรือการลงทุน

การรู้วัตถุประสงค์จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้ดียิ่งขึ้น

 2. ตรวจสอบเครดิตสกอร์

เครดิตสกอร์เป็นตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือในการกู้เงินของคุณ ธนาคารและสถาบันการเงินมักจะพิจารณาเครดิตสกอร์ก่อนอนุมัติสินเชื่อ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบเครดิตสกอร์ของตัวเองก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ

- เครดิตสกอร์สูง: มีโอกาสได้รับสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ
- เครดิตสกอร์ต่ำ: อาจต้องจ่ายดอกเบี้ยสูงขึ้นหรืออาจถูกปฏิเสธการกู้เงิน

 3. คำนวณความสามารถในการชำระเงิน

ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ คุณควรคำนวณความสามารถในการชำระเงินของตนเอง เช่น

- รายได้ต่อเดือน
- ค่าใช้จ่ายประจำเดือน
- จำนวนเงินที่สามารถชำระคืนได้

การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณสามารถกู้เงินได้มากน้อยเพียงใดและสามารถชำระคืนได้หรือไม่

 4. เตรียมเอกสารที่จำเป็น

การเตรียมเอกสารที่ถูกต้องและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญในการยื่นขอสินเชื่อ เอกสารที่จำเป็นอาจรวมถึง:

- บัตรประชาชน
- สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานรายได้
- เอกสารแสดงทรัพย์สินและหนี้สิน

การเตรียมเอกสารให้พร้อมจะช่วยให้การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปอย่างรวดเร็ว

 5. เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไข

ก่อนตัดสินใจเลือกสินเชื่อ ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขจากหลายๆ สถาบันการเงิน เพื่อให้คุณได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด

- อัตราดอกเบี้ย: ควรเลือกอัตราที่ต่ำที่สุด
- ระยะเวลาชำระเงิน: ควรเลือกระยะเวลาที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระคืน

 6. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

หากคุณยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับการกู้เงินหรือมีคำถามเพิ่มเติม การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือที่ปรึกษาสินเชื่อจะช่วยให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสม

การกู้เงินไม่ใช่เรื่องที่ควรทำโดยไม่คิดให้รอบคอบ ก่อนที่จะยื่นขอสินเชื่อ ควรมีการเตรียมความพร้อมและตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นตามเช็กลิสต์ที่เราได้แนะนำไป เพื่อให้การกู้เงินของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ


28

         หลายคนอาจคงเคยได้ยิน ประกันชีวิตออมทรัพย์ กันมาบ้างแล้ว และก็อีกหลายคนก็คงเป็นลูกค้ามีกรมธรรม์ประกันชีวิตแบบ ประกันสะสมทรัพย์ กันแล้วเช่นกัน
ส่วนใครที่กำลังคิดอยากออมเงินเพื่อเป็นหลักประกันในอนาคตหรืออยากมีเงินไว้ใช้สักก้อนในอีก 5-10 ปี ข้างหน้า และเลือกที่จะทำ ประกันชีวิตออมทรัพย์ เรามารู้กันก่อนดีไหมว่า ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ คืออะไร แตกต่างจากการออมทั่วไปอย่างไร มาอ่าน 5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกทำ ประกันสะสมทรัพย์ ในบทความนี้กัน

         ประกันชีวิตออมทรัพย์ คือ ประกันชีวิตรูปแบบหนึ่งที่ผู้ทำประกันจะได้รับความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิตเช่นเดียวกับการประกันชีวิตทั่ว ๆ ไป แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการออมทรัพย์ไปในตัวด้วย โดยมีเงื่อนไขว่าผู้เอาประกันจะต้องส่งเบี้ยประกันครบตามระยะเวลาที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ เมื่อครบตามระยะเวลาที่กำหนดประกันจะจ่ายเงินคืนให้แก่ผู้เอาประกัน แต่หากเรามีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินก่อนกำหนด เราก็สามารถเวนคืนกรมธรรม์เอาเงินออกมาก่อนได้ แต่ความคุ้มครองต่าง ๆ ก็จะสิ้นสุดลงด้วยเช่นกัน

ข้อดีของการประกันแบบสะสมทรัพย์มีอะไรบ้าง

- ไม่มีความเสี่ยง การันตีว่าได้รับผลตอบแทนตามจำนวนเงินที่คำนวณไว้ล่วงหน้าแน่นอน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและเบี้ยประกันที่ส่งจนครบกำหนด
- นอกจากเป็นการออมเงินแล้ว ในระหว่างการออมก็ยังได้รับการคุ้มครอง เช่น กรณีเสียชีวิต ผู้รับผลประโยชน์ก็จะได้รับเงินตามที่ได้ระบุไว้ในสัญญากรมธรรม์
- มีเงินก้อนไว้ใช้ในอนาคต เป็นหลักประกันให้ครอบครัวได้
- ปลอดภาษีเพราะผลตอบแทนของประกันชีวิตได้รับการยกเว้นจากกรมสรรพากร ไม่ต้องเสียภาษีเหมือนดอกเบี้ยบัญชีออมทรัพย์
- ใช้ลดหย่อนภาษีได้

         ข้อด้อยของประกันแบบสะสมทรัพย์ เมื่อเปรียบเทียบกับการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ก็คือ จะขาดสภาพคล่อง เพราะการออมแบบนี้ไม่สามารถฝาก-ถอนได้เหมือนกับการฝากเงินกับธนาคาร ส่วนทุนประกันและผลตอบแทนก็ไม่สูงมากหากเปรียบเทียบกับการ ประกันอุบัติเหตุ ส่วนบุคคล หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาอังกฤษว่า Personal Accident หรือ ประกันPA หรือประกันชีวิตแบบอื่น ๆ
ตัวเลข 7/10 คืออะไร   ตัวเลขหรือรหัส 7/10 มีความหมายดังนี้

- 7 หมายถึงระยะเวลาหรือจำนวนปีในการส่งเบี้ยประกัน ในที่นี้หมายถึง ส่งเบี้ยประกัน 7 ปี
- 10 หมายถึงระยะเวลาในการคุ้มครอง นั่นก็หมายความว่า แม้จะส่งเบี้ยประกันครบตามกำหนด 7 ปีแล้วก็ตาม แต่ผู้เอาประกันก็ยังคงได้รับความคุ้มครองต่อ จนครบ 10 ปี.

ตัวอย่างแบบประกันอื่น ๆ เช่น 5/10 ปี ก็หมายความว่า ส่งเบี้ยประกัน 5 ปี แต่คุ้มครองยาวถึง 10 ปี เป็นต้น

         ทำประกันอย่างไรให้คุ้มค่า ก่อนจะเลือกออมแบบไหน ก็ต้องเข้าใจรูปแบบการออมชนิดต่าง ๆ หรืออยากจะรู้เลือกออมกับบริษัทไหนดี ก็ต้องลองคำนวณดูโดยการเอาจำนวนเบี้ยที่ส่งไปทั้งหมดมาบวกกันดูว่าส่งไปทั้งหมดเท่าไหร่แล้วมาหักลบกับเงินที่จะได้รับคืน ลองเปรียบเทียบกันดูหลาย ๆ บริษัท ทั้งนี้อย่าลืมดูทุนประกันและระยะเวลาของการส่งเบี้ยประกันด้วย เพราะแต่ละที่จะไม่เท่ากัน เจ้าไหนตรงใจเราที่สุดหรือทำแล้วคุ้มค่าสุดก็ตัดสินใจได้เลย

        ก็พอจะสรุปพอสังเขปได้แล้วว่าการออมแบบทำประกันแบบสะสมทรัพย์นั้น เราจะได้ทั้งออมเงิน ได้การคุ้มครอง มีหลักประกันชีวิตในอนาคต ได้ทั้งลดหย่อนภาษี และค่าตอบแทนก็ไม่ต้องเสียภาษีอีก แม้แต่การประกันชีวิตผู้สูงอายุ แบบสะสมทรัพย์ก็ได้รับผลประโยชน์และการคุ้มครองเช่นเดียวกัน ตัดสินใจได้เลย รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน




29
การบริหารการเงินส่วนบุคคลเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถจัดการทรัพย์สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนึ่งในวิธีที่ช่วยให้การจัดการเงินของคุณมีความยืดหยุ่นมากขึ้นคือการเปลี่ยนบัญชีออมทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน ในบทความนี้ เราจะมาดูขั้นตอน วิธีการ และข้อดีของการเปลี่ยนบัญชีนี้

 ทำไมต้องเปลี่ยนบัญชีเงินฝาก?

บัญชีเงินฝากออมทรัพย์และบัญชีเงินฝากกระแสรายวันมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน โดยบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เหมาะสำหรับการเก็บเงินระยะยาวและได้รับดอกเบี้ยที่สูงกว่า ในขณะที่บัญชีเงินฝากกระแสรายวันเหมาะสำหรับการทำธุรกรรมประจำวัน เช่น การชำระค่าใช้จ่าย การโอนเงิน หรือการถอนเงินสด

 ข้อดีของบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน

1. ความสะดวกสบาย: สามารถทำธุรกรรมได้ง่ายและรวดเร็ว
2. ไม่มีข้อจำกัดในการถอนเงิน: คุณสามารถถอนเงินได้ตามต้องการ
3. การจัดการเงินที่มีประสิทธิภาพ: สามารถติดตามการใช้จ่ายได้ดีขึ้น

 ขั้นตอนการเปลี่ยนบัญชี

 1. ตรวจสอบเงื่อนไขของธนาคาร

ก่อนที่คุณจะทำการเปลี่ยนบัญชี คุณควรตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดต่าง ๆ ของธนาคารที่คุณใช้บริการ เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนบัญชีจะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินฝากหรือการบริการที่คุณได้รับ

 2. เตรียมเอกสารที่จำเป็น

การเปลี่ยนบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากกระแสรายวัน มักจะต้องใช้เอกสารบางอย่าง เช่น บัตรประชาชน หรือเอกสารแสดงที่อยู่ที่ถูกต้อง

 3. ติดต่อธนาคาร

คุณสามารถติดต่อธนาคารของคุณผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น สาขา โทรศัพท์ หรือออนไลน์ เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเปลี่ยนบัญชี

 4. ดำเนินการเปลี่ยนบัญชี

เมื่อคุณได้รับข้อมูลที่จำเป็นแล้ว คุณสามารถดำเนินการเปลี่ยนบัญชีได้ โดยธนาคารจะช่วยให้คุณกรอกเอกสารและดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด

 5. ตรวจสอบบัญชีใหม่

หลังจากที่คุณได้เปลี่ยนบัญชีแล้ว ควรตรวจสอบว่าบัญชีใหม่ของคุณสามารถทำธุรกรรมได้ตามปกติ และคุณได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บัญชีอย่างถูกต้อง

 คำแนะนำเพิ่มเติม

- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ย: ก่อนการเปลี่ยนบัญชี ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของบัญชีเงินฝากกระแสรายวันจากธนาคารต่าง ๆ
- ใช้บริการออนไลน์: หากธนาคารของคุณมีบริการออนไลน์ ควรใช้บริการนี้เพื่อความสะดวกในการจัดการบัญชี
การเปลี่ยนบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เป็นบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการจัดการเงิน โดยเฉพาะในยุคที่การทำธุรกรรมออนไลน์เป็นที่นิยม หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรือสนใจข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนบัญชีเงินฝาก สามารถติดต่อธนาคารของคุณได้ทันที

อย่ารอช้า! เริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงการเงินของคุณวันนี้ เพื่อให้การจัดการเงินของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น!



30
รถยนต์ | Car / ข้อควรรู้ก่อนซื้อประกันรถยนต์
« เมื่อ: กันยายน 14, 2025, 09:24:05 AM »
ก่อนตัดสินใจทำ ประกันรถยนต์ หลายคนอาจสับสนกับรายละเอียดที่หลากหลาย การทำความเข้าใจพื้นฐานจะช่วยให้เลือกแผน ประกันภัยรถยนต์ ได้ตรงความต้องการมากขึ้น

ศึกษาประเภทประกัน – ปัจจุบันมีทั้งประกันชั้น 1, ประกันรถชั้น 2, และ ประกันรถชั้น 3 ซึ่งแตกต่างด้านความคุ้มครองและราคา

เปรียบเทียบราคาและบริการ – อย่าเลือกแค่เพราะเบี้ยถูก ควรดูด้วยว่ามีบริการเสริม เช่น รถทดแทนหรือช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงหรือไม่

เลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือ – บริษัทที่มีชื่อเสียงและบริการดี จะช่วยให้มั่นใจว่าเคลมง่าย ไม่ยุ่งยาก

เช็กเงื่อนไขอย่างละเอียด – บางครั้งความคุ้มครองที่คิดว่าได้รับ อาจมีข้อยกเว้นที่ต้องระวัง

เมื่อทำความเข้าใจแล้ว คุณจะสามารถเลือก ประกันภัยรถยนต์ ได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นชั้น 1, ชั้น 2 หรือชั้น 3 ให้ตอบโจทย์ทั้งเรื่องความคุ้มครองและค่าใช้จ่าย

31
ผิวกายก็เป็นอีกเรื่องสำคัญที่เราควรจะดูแลไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผิวหน้า เพื่อให้เรามีผิวที่ขาวกระจ่างใสดูมีสุขภาพดี ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องให้ความสำคัญอย่างมากก็คือการเลือกหาผลิตภัณฑ์โลชั่นหรือครีมบำรุงผิวดี ๆ สักตัวมาใช้เป็นตัวช่วยคู่ใจในการบำรุงผิว แต่ถ้าหากยังไม่รู้ว่าจะเลือกใช้ครีมยี่ห้อไหนดีและกำลังมองหา ครีมทาผิว ดี ๆ สักตัวอยู่แล้วล่ะก็ วันนี้เรามี 5 ผลิตภัณฑ์ดี ๆ มาบอกต่อ เป็นผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวที่คัดมาแล้วว่าใช้ดีจริง ราคาถูก มั่นใจว่าคุณจะถูกใจจนต้องซื้อซ้ำ

1. เจอร์เกนส์ ออยล์-อินฟิวส์ นูริชชิ่ง ฮันนี่ โลชั่น

ผลิตภัณฑ์โลชั่นบำรุงผิวจากแบรนด์ jergens ที่มีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มและรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิว อุดมไปด้วยส่วนผสมของน้ำมันและน้ำผึ้งธรรมชาติอย่าง Orange Blossom Essence ช่วยฟื้นฟูให้ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งกร้าน ลดเลือนผิวเหี่ยวย่นให้ยืดหยุ่นยกกระชับ และช่วยคืนสภาพผิวให้กลับมาเนียนนุ่มมากขึ้น สูตร Oil-infused ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ยาวนาน เหมาะกับคนที่มีผิวแห้งมากหรือมีปัญหาผิวแตก เช่น เท้าแตก

2. เซราวี มอยซ์เจอร์ โลชั่น

ผลิตภัณฑ์โลชั่นบำรุงผิว มอยเจอร์ไรเซอร์ Cerave แบรนด์เวชสำอางยอดนิยม ซึ่งมีส่วนผสมของเซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิว 3 ชนิด ช่วยเติมเต็มและรักษาระดับเซราไมด์ใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวยืดหยุ่นและชุ่มชื้นขึ้น นอกจากนี้ยังมีไฮยาลูรอนิกแอซิดที่ช่วยกักเก็บน้ำและเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว มาพร้อมเทคโนโลยี MVE ลิขสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นอยู่กับผิวได้ยาวนาน เหมาะกับผิวแห้งลอกและผิวที่มีปัญหาตามข้อศอก เข่า หรือส้นเท้า

3. วาสลีน เฮลธี้ ไบร์ท เดลี่ ซัน รีเฟรชชิ่ง เซรั่ม

ผลิตภัณฑ์ ครีมวาสลีน เนื้อเซรั่มกันแดดสำหรับผิวกายที่มีค่า SPF50 PA++++ ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและยูวีบี ทั้งยังมีนวัตกรรมวาสลีนเจลลี่ที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว เนื้อบางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมด้วยวิตามินบี 3 วิตามินซี และวิตามินอี ช่วยฟื้นบำรุงให้ผิวเนียนนุ่มและกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

4. แฮนด์ เนชั่น ฟอร์เอฟเวอร์ ยัง แฮปปี้ แฮนด์ครีม

ครีมทามือ Shea Butter 10% ช่วยฟื้นความชุ่มชื้นลดปัญหาผิวแห้งกร้านให้กลับมาเนียนนุ่มน่าสัมผัสมากขึ้น มีสารสกัดจาก Saponaria Pumila จากเทือกเขาแอลป์ ที่ช่วยบำรุงมือและเล็บได้ดี ซึมซาบไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวมือหยาบกร้าน รวมถึงคนที่ต้องการป้องกันไม่ให้ เท้าแตก หรือส้นเท้าแห้ง

5. นีเวีย เอ็กซ์ตร้า ไวท์ โลชั่น คูลลิ่ง โลตัส

โลชั่นบำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นฉ่ำน้ำด้วยเทคโนโลยีลดไอร้อนได้ถึง 2 องศา ทำให้ผิวเย็นสบาย ไม่มันเยิ้ม มาพร้อมวิตามินซีเข้มข้นบริสุทธิ์ 95% ช่วยฟื้นบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใส ลดเลือนความหมองคล้ำและสีผิวไม่สม่ำเสมอได้อย่างมีประสิทธิภาพ

✨ หากสนใจอยากหาทั้ง 5 ผลิตภัณฑ์นี้มาใช้บำรุงผิว สามารถเข้าไปเลือกซื้อได้ที่ร้านวัตสันหรือวัตสันออนไลน์ ไม่เพียงแต่จะมีสินค้าคุณภาพดีให้เลือกมากมาย แต่ยังมาพร้อม โปรโมชั่นวัตสัน สุดคุ้ม เช่น โปรวัตสัน 1 แถม 1 โปรซื้อคละ 3 ชิ้น ราคาเดียว หรือโปรซื้อชิ้นที่ 2 ราคา 1 บาท คุ้มขนาดนี้บอกเลยว่าห้ามพลาด!

32

   การเลือกซื้อประกันสุขภาพนั้น สิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการมากที่สุดคือ วงเงินค่ารักษาพยาบาลที่คุ้มครองครอบคลุมในทุกส่วนเมื่อเข้ารับการรักษาพยาบาล เนื่องจากปัจจุบันค่ารักษาในโรงพยาบาลเอกชนได้มีการปรับตัวสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งแม้ว่าจะมีทางเลือกใช้บริการโรงพยาบาลของรัฐที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าได้ แต่ถึงอย่างนั้นโรงพยาบาลรัฐก็มีผู้เข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก จึงทำให้คนวัยเรียนวัยทำงานส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้ารับบริการได้อย่างสะดวก ด้วยเหตุนี้ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายจึงเป็นหนึ่งในประกันสุขภาพที่หลายคนเลือก แต่ซื้อแล้วคุ้มค่าอย่างไร มาดูเหตุผลต่อไปนี้กัน

วงเงินค่ารักษาพยาบาลสูง
ถ้าอยากได้ประกันสุขภาพที่ให้วงเงินการรักษาต่อครั้งสูง เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนที่มีทั้งความสะดวกรวดเร็วและให้บริการที่มีคุณภาพกว่าโรงพยาบาลของรัฐ บอกเลยว่า ประกันเหมาจ่าย คือ ประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เพราะประกันประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายตามจริงครอบคลุมทุกหมวดค่าใช้จ่าย ทุกครั้งที่เข้ารับการรักษาพยาบาลไม่เกินวงเงินคุ้มครองสูงสุดต่อปี นอกจากนั้นยังสามารถใช้ร่วมกับประกันกรมธรรม์อื่นเพื่อเพิ่มวงเงินในการรักษาพยาบาลได้อีกด้วย

คุ้มครองหลากหลายโรค
ความคุ้มครองที่ครอบคลุมหลายโรคถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้ ประกันเหมาจ่าย แตกต่างจากประกันแบบอื่น อย่างประกันคุ้มครองโรคมะเร็งก็จะให้ความคุ้มครองเมื่อผู้ทำประกันตรวจพบโรคมะเร็งเท่านั้น แต่กรณีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะให้ความคุ้มครองที่หลากหลายมากกว่า เช่น ประกันสุขภาพออนไลน์ Easy Health Top Up ที่นอกจากจะคุ้มครองในส่วนของการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลแล้ว ยังคุ้มครองในกรณีป่วยด้วยโรคโควิด-19 การแพ้วัคซีน และโรคมะเร็งด้วย

คุ้มครองทั้งกรณี OPD และ IPD
เวลาทำประกันสุขภาพ แน่นอนว่าเรื่องแรกที่หลายคนให้ความสนใจคือ วงเงินรักษาพยาบาล แต่ถึงอย่างนั้นควรให้ความสำคัญเรื่องเงื่อนไขสถานะผู้ป่วยเวลาเข้ารับการรักษาด้วย เนื่องจากบางกรมธรรม์ให้ความคุ้มครองเฉพาะ ipd คือ กรณีเป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลจึงจะสามารถใช้สิทธิ์ตามเงื่อนไขของกรมธรรม์ได้ แต่ไม่คุ้มครองในกรณี opd คือ ผู้ป่วยนอก แต่หากทำ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ก็จะสามารถตัดปัญหาเรื่องนี้ไปได้ เพราะว่า ประกันเหมาจ่าย ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งกรณี OPD และ IPD เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะป่วยน้อยป่วยมาก ถ้ามีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายอยู่ ก็สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ โดยได้รับความคุ้มครองตามเงื่อนไขกรมธรรม์

   ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เป็นประกันสุขภาพที่คุ้มค่าและหลากหลาย เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย สำหรับการเลือกซื้อนั้น นอกจากดูเรื่องความคุ้มค่าแล้ว ก่อนตัดสินใจจ่ายค่าเบี้ยประกันต้องพิจารณารายละเอียดความคุ้มครอง ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ เงื่อนไขในการเข้ารับการรักษาอย่างละเอียด และที่สำคัญคือ เบี้ยประกันที่เหมาะสมและสามารถจ่ายได้ จะช่วยให้เลือกประกันชีวิตสุขภาพแบบเหมาจ่ายได้ตรงกับความต้องการ ได้รับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลที่มีคุณภาพและสะดวกรวดเร็ว



33
เมื่อถึง "วันนั้นของเดือน" แน่นอนว่าสาว ๆ ทุกคนต้องมี ผ้าอนามัย ติดตัวเสมอ เพราะเป็นไอเทมสำคัญที่ช่วยให้ใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะไปเรียน ทำงาน หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าการใส่ผ้าอนามัยแบบผิดวิธีอาจทำให้เกิดปัญหากับจุดซ่อนเร้นได้ วันนี้เราจะพามาดู วิธีใช้ผ้าอนามัยที่ถูกต้อง และแนะนำ 5 ผ้าอนามัยกลางวันและผ้าอนามัยกลางคืน ที่ตอบโจทย์ทุกสถานการณ์

วิธีใช้ผ้าอนามัยอย่างถูกต้อง เพื่อสุขภาพจุดซ่อนเร้นที่ปลอดภัย

เลือกผ้าอนามัยที่เหมาะสม
การเลือกให้ถูกกับช่วงเวลาและปริมาณประจำเดือนเป็นสิ่งสำคัญ เช่น ใช้ ผ้าอนามัยกลางวัน ที่บางเบาเปลี่ยนง่าย และเลือก ผ้าอนามัยกลางคืน ที่ยาวและซึมซับได้ดีกว่า เพื่อรองรับการนอนหลับยาวหลายชั่วโมงโดยไม่เลอะเปรอะเปื้อน

เปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 3 - 5 ชั่วโมง
สาว ๆ หลายคนอาจใส่นานเกินไป แต่การทำเช่นนี้เสี่ยงต่อการสะสมเชื้อโรค ควรเปลี่ยนบ่อยเพื่อป้องกันความอับชื้นและการระคายเคือง

ทำความสะอาดน้องสาวเสมอ
ทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอนามัย ควรล้างทำความสะอาดและซับให้แห้งเพื่อรักษาความสดชื่นและป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์

5 ผ้าอนามัยที่อยากแนะนำ

Sofy Cooling Fresh Natural Super Slim
ผ้าอนามัยแบบเย็น มีสารสกัดจากแตงกวา ช่วยให้สดชื่น บางเฉียบ ระบายอากาศดี ไม่อับชื้น

Sofy ผ้าอนามัยแบบกางเกง
ดีไซน์คล้ายกางเกงใน สวมใส่ง่าย กระชับ มั่นใจ ไม่เลอะเปรอะเปื้อน เหมาะกับการนอนกลางคืนหรือวันที่ประจำเดือนมามาก

Laurier Super Ultra Slim Cool
ผ้าอนามัยแบบเย็น ช่วยลดความอับชื้น ให้สัมผัสแห้งสบาย พร้อมป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์

Elis Fairy Wings สำหรับกลางวัน
มาพร้อมนวัตกรรม Active Dot ลดการสัมผัสกับผิว ทำให้สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี

Elis Fairy Wings สำหรับกลางคืน
ยาว 35 ซม. ปกป้องรอบด้าน ซึมซับได้ดีเยี่ยม สวมใส่สบายและมั่นใจตลอดคืน

เคล็ดลับเสริมสุขภาพผู้หญิง

นอกจากการใช้ผ้าอนามัยอย่างถูกวิธีแล้ว การดูแลสุขภาพฮอร์โมนก็สำคัญเช่นกัน สำหรับสาว ๆ ที่อยากควบคุมรอบเดือนหรือบรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน อาจเลือกใช้ ยาคุมฮอร์โมนต่ำ ซึ่งปัจจุบันมีหลายยี่ห้อที่ได้รับความนิยม คำถามที่พบบ่อยคือ “ยาคุมฮอร์โมนต่ำ มียี่ห้ออะไรบ้าง” ซึ่งสามารถปรึกษาเภสัชกรหรือสูตินรีแพทย์เพื่อเลือกสูตรที่เหมาะสมกับร่างกายและไลฟ์สไตล์ของตนเองได้

34
วันนี้เรามีการจัดอันดับ 5 มาสก์ยอดนิยมแห่งปี 2025 ที่หลายคนไว้วางใจ พร้อมใส่ลิสต์ให้คุณไปช้อปและลองใช้จริง

1. SOME BY MI TEA TREE CALMING GLOW LUMINOUS AMPOULE MASK

แผ่นมาสก์เข้มข้นที่ให้ประสิทธิภาพเสมือนการทาเซรั่มในขั้นตอนเดียว ช่วยลดการอักเสบ ลดสิว และฟื้นฟูผิวที่ระคายเคืองด้วยสารสกัดจากทีทรี ใบบัวบก และดอกดาวเรือง พร้อมสารจิงจูฉ่ายที่ช่วยเสริมเกราะปกป้องผิว ให้ผิวกระจ่างใสและแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

2. REAL BARRIER PORE PURIFYING MASK

แผ่นมาสก์ที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี pH Balance ช่วยฟื้นฟูสมดุลผิว พร้อม MLE ที่เติมความชุ่มชื้นได้อย่างล้ำลึก มีสารสกัดจากวิชฮาเซลและซิงค์ที่ช่วยควบคุมความมันส่วนเกิน ลดการอุดตัน และทำให้รูขุมขนดูกระชับขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผิวเรียบเนียน สุขภาพดี

3. MEDIHEAL ENERGY ALPHA MASK EX

มาสก์ที่ขึ้นชื่อเรื่องการลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นผิว ด้วย Energy Alpha Complex ที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ผสานสารสกัดจากชาเขียวและใยข้าวโพดที่กักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ ลดความแห้งกร้านได้ดี ที่สำคัญไม่มีแอลกอฮอล์ อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย

4. BANOBAGI VITA GENIC JELLY MASK BRIGHTENING

มาส์ก Banobagi ขึ้นชื่อเรื่องสกินแคร์ที่เข้มข้นและปลอดภัย โดยเฉพาะไลน์มาสก์หน้า สูตรเจลลี่ที่บรรจุสารบำรุงไว้ในแคปซูลไลโบโซมสูงถึง 59,000 ppm เต็มไปด้วยวิตามินบี1 วิตามินซี วิตามินอี กลูต้าไธโอน ซีบัคธอร์น และไฮยาลูรอเนท ช่วยผลัดเซลล์ผิวหมองคล้ำ ฟื้นฟูผิวให้กระจ่างใส ดูสุขภาพดีขึ้น

นอกจากนี้ ใครที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์จากแบรนด์นี้ ยังมี banobagi sleeping mask ที่ช่วยบำรุงผิวในเวลากลางคืน ตื่นมาพร้อมผิวชุ่มชื้นและกระจ่างใส ถือว่าเป็นไอเทมเสริมที่ไม่ควรพลาด

5. BK ACNE BALANCING MASK

มาสก์เนื้อครีมที่ช่วยปรับสมดุลผิวและลดโอกาสการเกิดสิว ด้วยสาร SEBOCLEAR-MP ที่ช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียต้นเหตุสิว มีสารสกัดมัลเบอร์รี่และเห็ดยุโรปตะวันออกที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดเลือนรอยดำ กระ ฝ้า และจุดด่างดำ พร้อมทำให้ผิวเรียบเนียน รูขุมขนดูกระชับ

แนะนำเพิ่มเติม: HER HYNESS MASK

นอกจาก 5 ตัวที่จัดอันดับแล้ว อีกหนึ่งมาสก์ที่น่าลองคือ her hyness mask ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการบำรุงผิวแบบเข้มข้น ช่วยฟื้นฟูผิวที่อ่อนล้า เติมความชุ่มชื้น และทำให้ผิวดูโกลว์สุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลผิวแบบเร่งด่วน

สรุป

ทั้ง 5 ผลิตภัณฑ์มาสก์หน้าในปี 2025 ล้วนตอบโจทย์คนที่อยากให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนปัญหากระ ฝ้า จุดด่างดำ และช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน โดยเฉพาะกลุ่ม Banobagi ที่มีทั้งมาสก์หน้าและ มาสก์ banobagi sleeping ให้เลือกใช้ตามความต้องการ และสำหรับใครที่อยากบำรุงแบบพิเศษก็สามารถลอง มาส์ก her hyness เพิ่มเติมได้เช่นกัน

ใครสนใจสามารถเลือกช้อปได้ง่าย ๆ ผ่าน Watsons Online ที่มาพร้อมโปรสุดคุ้มให้คุณดูแลผิวได้อย่างสบายกระเป๋า

35

สินเชื่อเพื่อการลงทุนขนาดเล็ก SME กรุงไทยวงเงินสูง เป็นโครงการสินเชื่อที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ SME กล้าที่จะพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยกรุงไทยจะขอแนะนำสิทธิพิเศษในการขอ สินเชื่อธุรกิจ พร้อมชี้เป้าโครงการสินเชื่อ กู้ทำธุรกิจที่มือใหม่ก็เข้าถึงได้

ประโยชน์ของ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME
สินเชื่อหมุนเวียน ที่ออกแบบมาเพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงินให้กับการทำธุรกิจขนาดเล็กโดยเฉพาะ โดยกรุงไทยจะเป็นตัวกลางในการบริหารสภาพคล่องระหว่างผู้ซื้อและผู้ประกอบการ SME และกรุงไทยจะเป็นผู้รับภาระความเสี่ยงในกรณีที่ผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินตามจำนวนที่ระบุในใบแจ้งหนี้ได้ครบถ้วน โดยผู้ประกอบการ SME จะได้รับการคุ้มครองจากความเสี่ยงด้านการผิดนัดชำระหนี้อย่างสมบูรณ์

แนะนำ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME จากกรุงไทย วงเงินสูง กู้ได้ง่าย ตอบโจทย์ธุรกิจใหม่
สำหรับโครงการสินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME ที่น่าสนใจของกรุงไทย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มธุรกิจยอดขายต่ำกว่า 100 ล้านบาท วงเงินต่ำกว่า 20 ล้านบาท

สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดเล็ก SME ไซส์เล็ก
สินเชื่อ SME ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ถูกออกแบบมาสำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่ต้องการเงินลงทุนเพื่อขยับขยายกิจการหรือเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนในร้าน กู้ได้สูงสุด 3 ล้านบาท กรณีไม่มีหลักประกัน แต่หากมี บสย. ค้ำประกัน กู้เงินทำธุรกิจ ได้สูงสุด 20 ล้านบาท ดอกเบี้ยเงินกู้ เริ่มต้น 3.5% ต่อปี โดยให้ระยะเวลาผ่อนชำระนานถึง 7 ปี สำหรับ สินเชื่อ SME ตัวนี้จัดเป็นสินเชื่อประเภทวงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี วงเงินกู้โดยตั๋วสัญญาใช้เงิน และวงเงินหนังสือค้ำประกันไฟฟ้า โดยหลักประกันที่ใช้ในการขอกู้วงเงิน 20 ล้านบาท ได้แก่ สถานประกอบการ ที่พักอาศัย ห้องชุด ที่ดิน และบัญชีเงินฝากประจำ
คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้กู้จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย อายุระหว่าง 20 – 65 ปี ดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี ใช้บริการรับเงินผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินหรือเครื่อง EDC กรุงไทย รวมถึงต้องเป็นบุคคลที่ไม่มีประวัติเสียหายทางการเงิน ไม่มีประวัติปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือเป็นบุคคลล้มละลาย

สินเชื่อ SME วงเงินสูง x3
สินเชื่อธุรกิจ ขนาดเล็กออกแบบมาเพื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายธุรกิจ หรือลงทุนเปิดร้านสาขาใหม่ ให้วงเงินกู้สูงถึง 3 เท่าของมูลค่าหลักประกัน แต่ไม่เกิน 20 ล้านบาท กรณีไม่มีหลักประกันก็สามารถขอกู้ได้ โดยวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท ให้ระยะเวลาผ่อนชำระ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.5% ต่อปี ซึ่งถือเป็นประเภทสินเชื่อวงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลาและสินเชื่อวงเงินกู้เบิกเงินเกินบัญชี

สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้กู้จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย อายุระหว่าง 20 – 65 ปี ดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และต้องไม่มีประวัติเสียหายทางการเงิน ไม่อยู่ระหว่างปรับปรุงโครงสร้างหนี้ หรือมีประวัติเป็นบุคคลล้มละลาย

กลุ่มธุรกิจยอดขายมากกว่า 100 ล้านบาท วงเงินมากกว่า 20 ล้าน

สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ Soft Loan Boost UP
สินเชื่อ SME ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนเงินทุนให้กับผู้ประกอบการ SME ทุกประเภท เพื่อใช้เสริมสภาพคล่องและลงทุนในธุรกิจ ให้วงเงินกู้สูงถึง 40 ล้านบาท (รวมทุกสถาบันการเงิน) อัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ คงที่ 3.5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี ซึ่งเป็นประเภทสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น สินเชื่อตั๋วสัญญาใช้เงิน และสินเชื่อเสริมสภาพคล่องด้วยวงเงินสินเชื่อระยะยาว
คุณสมบัติเบื้องต้นของผู้กู้คือผู้ที่ทำธุรกิจ SME ทุกประเภท สำหรับเงื่อนไขและหลักเกณฑ์สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา

สินเชื่อ SME จ่ายดี ทวีคูณ
โครงการสินเชื่อที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนเงินทุนให้กับผู้ประกอบธุรกิจ SME ทุกประเภทที่มีข้อจำกัดด้านหลักประกันให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดยให้วงเงินกู้สูง 3 เท่าของมูลค่าหลักประกัน ได้แก่ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บยส.) ค้ำประกันร่วม ให้ระยะเวลาผ่อนชำระนาน 10 ปี ซึ่งสินเชื่อตัวนี้เป็นสินเชื่อประเภทวงเงินกู้แบบมีกำหนดระยะเวลา สินเชื่อวงเงินหมุนเวียน และสินเชื่อวงเงินหนังสือค้ำประกันไฟฟ้า

คุณสมบัติของผู้ขอสินเชื่อจะต้องเป็นผู้ประกอบการ SME ที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปีขึ้นไป รวมถึงจะต้องผ่านการตรวจสอบเครดิตบูโรแล้วว่าไม่เป็นบุคคลที่มีประวัติเสียหายทางการเงิน ไม่มีประวัติปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือเป็นบุคคลล้มละลาย
สินเชื่อเพื่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน

สินเชื่อธุรกิจเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
ออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการติดตั้ง Solar Cell Solar Rooftop หรือเครื่องชาร์จไฟฟ้า EV Charger เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับธุรกิจจากการใช้พลังงานสะอาด โดยให้วงเงินกู้สูงสุดตามใบเสนอราคา แบ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กที่มียอดขายไม่เกิน 100 ล้านบาท ให้วงเงินกู้สูงถึง 3 ล้านบาท และผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางถึงใหญ่ที่มียอดขายเกิน 100 ล้านบาท ให้วงเงินกู้สูงถึง 5 ล้านบาท โดยไม่ต้องใช้หลักประกัน ให้ระยะเวลากู้นาน 7 ปี อัตรา ดอกเบี้ยเงินกู้ เริ่มต้น MRR -0.50% ต่อปี
คุณสมบัติของผู้กู้จะต้องเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี มีเอกสารใบเสนอราคาในการติดตั้ง Solar Cell  Solar Rooftop หรือ EV Charger และจะต้องไม่เกี่ยวข้องหรือมีผลประโยชน์กับบริษัทผู้ขาย

สินเชื่อกรุงไทยเพื่อความยั่งยืน (ESG)
สินเชื่อเงินกู้ออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบการ SME ที่ทำธุรกิจสีเขียวหรือดำเนินงานเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบด้านสังคมตามแนวทางที่ธนาคารกำหนด โดยให้วงเงินกู้สูงถึง 100% ของมูลค่าการลงทุน ระยะเวลาการผ่อนนาน 10 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% ต่อปี

คุณสมบัติของผู้กู้จะต้องเป็นผู้ประกอบการตามแนวทางที่ธนาคารกำหนด ดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่เป็นบุคคลที่มีประวัติเสียหายทางการเงิน ไม่มีประวัติปรับปรุงโครงสร้างหนี้หรือเป็นบุคคลล้มละลาย

เอกสารประกอบการสมัครขอ สินเชื่อธุรกิจ SME
การเตรียมเอกสารประกอบการสมัครขอสินเชื่อเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ เอกสารที่ต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับการแนบประกอบคำขอกู้ ได้แก่
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
สำเนาทะเบียนบ้าน
สำเนาทะเบียนการค้า ทะเบียนพาณิชย์ หรือเอกสารทางราชการอื่น ๆ
กรณียื่นแบบนิติบุคคลต้องแสดงงบการเงินฉบับยื่นสรรพากร 3 ปีย้อนหลัง
สำเนาเอกสารแสดงรายได้ของกิจการ เช่น Statement บิลเงินสด หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นต้น
หลักทรัพย์ค้ำประกันที่ใช้ในการยื่นกู้ ได้แก่ สถานประกอบการ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ห้องชุด ที่ดินเปล่า หรือบัญชีเงินฝากประจำ เป็นต้น

สินเชื่อหมุนเวียน สำหรับผู้ประกอบการ SME จากกรุงไทยตอบโจทย์การทำธุรกิจขนาดย่อมทุกประเภท ให้วงเงินสูง คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ ระยะเวลาผ่อนนาน แม้จะเป็นนักธุรกิจมือใหม่ก็สามารถขอกู้ได้ หากสนใจสามารถสมัครขอสินเชื่อธุรกิจ SME ได้ ที่นี่ หรือสามารถเข้าไปดูผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมจากกรุงไทยได้ที่ https://krungthai.com



36
รวมวิธี ปรับโครงสร้างหนี้ ทางออกที่ทำให้ลูกหนี้มีสถานะการเงินดีขึ้น
   สำหรับคนที่มีหนี้สินที่ต้องชำระรายเดือน การเกิดวิกฤตทางการเงินแบบกะทันหันทำให้สูญเสียความสามารถในการชำระหนี้จะนำไปสู่การเกิดหนี้เสีย ทำให้ดอกเบี้ยบานปลายและต่อมาก็จะเกิดปัญหาการฟ้องร้องยึดทรัพย์ธนาคาร ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทางออกของปัญหานี้คือ การปรับโครงสร้างหนี้ กับธนาคารเพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา ซึ่ง การ ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ สามารถทำได้หลายแนวทาง ดังนี้
การขอขยายเวลาชำระหนี้
วิธีแรกในการ ขอปรับโครงสร้างหนี้ คือการยืดเวลาชำระหนี้ออกไป เช่น หนี้ก้อนนี้มีสัญญาในการชำระหนี้เป็นระยะเวลา 5 ปี เมื่อผ่อนมาแล้ว 3 ปี เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ผ่อนด้วยยอดต่อเดือนเท่าเดิมไม่ไหว จึงขอขยายเวลาจ่ายเป็น 8 ปีแทน เพื่อลดอัตราการจ่ายต่อเดือนให้ลดลง
การขอพักชำระทั้งต้นและดอก
สำหรับคนที่ไม่มีเงินหมุนเวียนเลย และไม่สามารถชำระหนี้ได้ หนทางใน การปรับโครงสร้างหนี้ ที่ทำได้คือไปเจรจาขอหยุดชำระทั้งต้นและดอก อย่างไรก็ตามดอกเบี้ยจะยังคงเดินเพิ่มไปตลอดระยะเวลาที่หยุดชำระ
การขอลดดอกเบี้ย
ถ้าลูกหนี้มีประวัติการผ่อนชำระที่ดี ไม่เคยค้างเงินงวดตลอดระยะเวลาการผ่อนที่ผ่านมา บางกรณีธนาคารสามารถลดดอกเบี้ยเพื่อลดภาระในการผ่อนต่อเดือนของลูกค้าลงได้ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน
ปิดหนี้ด้วยเงินก้อน
หากใครที่มีเงินเก็บสะสมไว้เป็นก้อน ถึงจะไม่มากพอจนสามารถปิดหนี้ได้ทั้งหมด ก็สามารถเข้าไปเจรจาขอใช้เงินก้อนนี้จ่ายหนี้ให้ไวขึ้น นับเป็นเทคนิค ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ เพื่อลดภาระดอกเบี้ยลง
การพักชำระเงินต้น
ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีการสูญเสียรายได้ สามารถเข้าไปขอเจรจาหยุดการชำระเงินต้นกับธนาคารสักระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 1-2 เดือน โดยจ่ายเพียงแค่ดอกเบี้ยอย่างเดียว จนกว่าจะสามารถจัดการกับสถานการณ์ทางการเงินส่วนตัวได้
ขอเปลี่ยนประเภทหนี้
สินเชื่อของธนาคารมีหลายประเภท แต่ละแบบจะมีอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน เช่น หนี้บัตรเครดิตมีดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยส่วนบุคคล ดังนั้นคนที่มีหนี้สามารถ ปรับโครงสร้างหนี้บัตรเครดิต โดยการไปขอเปลี่ยนประเภทสินเชื่อเพื่อลดดอกเบี้ย
ขอเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน
ในด้านผู้ประกอบการ วิธี ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ นี้เหมาะกับธุรกิจที่ขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ โดยทางผู้ประกอบการสามารถเข้าไปเจรจาขอเบิกเงินเพื่อนำมาใช้จ่ายในการดำเนินงาน สำหรับ 6-12 เดือนล่วงหน้า เช่น ค่าเช่าสำนักงาน ค่าน้ำค่าไฟ เพื่อให้ธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปได้และไม่ล้มลง
   ทั้งหมดนี้เป็นวิธี ปรับโครงสร้างหนี้ สำหรับหนี้สินส่วนบุคคลที่สามารถทำได้จริง เพียงแค่ต้องเข้าไปเจรจากับธนาคารอย่างเปิดอกถึงปัญหาทางการเงินของตนเอง เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดร่วมกัน ซึ่งจะช่วยให้ลูกหนี้สามารถจัดการกับปัญหาทางการเงินได้ดีขึ้น การ ขอปรับโครงสร้างหนี้ จึงนับเป็นทางออกที่ดีในสภาวะวิกฤตการเป็นหนี้แล้วจ่ายไม่ไหว

ทรัพย์รอการขาย https://krungthai.com/th/content/contact-us/properties-for-sale



37

หากเป็นสมัยก่อนนี้การทำ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัวและเป็นเรื่องที่คนไม่ค่อยสนใจเท่าใดนัก ตรงกันข้ามกับในยุคปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ให้ความสำคัญเรื่องการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การใช้ชีวิต รวมถึงหันมาสนใจทำประกันสุขภาพกันมากกว่าในอดีต นั่นเพราะปัจจุบันโรคภัยเป็นเรื่องใกล้ตัว แม้จะพยายามดูแลตัวเองดีเท่าไหร่แต่บางครั้งโรคภัยต่าง ๆ ก็มาเยือน ไม่ว่าจะในวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ก็ตาม การมีประกันสุขภาพไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพเด็กหรือประกันสุขภาพสำหรับผู้ใหญ่จึงช่วยให้อุ่นใจ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อไหร่อย่างน้อยก็มีประกันทำหน้าที่ดูแลค่ารักษาพยาบาล

ประกันสุขภาพช่วยเรื่องอะไรบ้าง
เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ต่างคุ้นเคยกับคำว่าประกันสุขภาพกันเป็นอย่างดี แต่เชื่อว่ายังมีหลายคนที่ไม่ทราบว่าการทำ ประกันสุขภาพ ประกันเด็กทำแล้วได้อะไร คุ้มครองอะไรบ้าง
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยใน
การเข้ารับการรักษากรณีผู้ป่วยในมักมาพร้อมค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นค่าห้อง ค่าแพทย์ ค่าเครื่องมือแพทย์ ค่าบริการห้องผ่าตัด ค่ายารักษาโรค ค่าอุปกรณ์พิเศษต่าง ๆ แต่การทำประกันสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น ประกันสุขภาพเด็ก หรือประกันสุขภาพผู้ใหญ่จะคุ้มครองค่ารักษาเหล่านี้ ทำให้ไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย เข้ารับการรักษาได้อย่างสบายใจ
คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลกรณีผู้ป่วยนอก
บางคนอาจคิดว่าการทำประกันสุขภาพที่คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะเป็นการเข้ารับการรักษาแบบไม่ต้องเข้าพักในโรงพยาบาล อีกทั้งยังเป็นการรักษาอาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย เป็นหวัด ตาแดง แต่จะดีกว่าไหมหากมีประกันทำหน้าที่ดูแลค่ารักษาดังกล่าว ยิ่งหากใครที่มีอาการป่วยเล็กน้อยบ่อย ๆ ยิ่งควรทำประกันที่คุ้มครองกรณีผู้ป่วยนอกเอาไว้เพื่อความอุ่นใจ
ความคุ้มครองอื่น ๆ เพิ่มเติม
โดยปกติแล้ว ประกันสุขภาพ จะมีความคุ้มครองเพิ่มเติมแนบท้ายกรมธรรม์ ซึ่งจะแตกต่างไปตามกรมธรรม์ที่เลือกคุ้มครอง เช่น ค่ารักษาทันตกรรม ค่าพยาบาลพิเศษ ค่าคลอดบุตร เป็นต้น
ลดหย่อนภาษี
นอกจากความคุ้มครองครอบคลุมของประกันสุขภาพแล้ว ข้อดีสำคัญของการทำประกันสุขภาพคือสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้ ลดหย่อนภาษีได้ตามจริงไม่เกิน 25,000 บาท การทำประกันสุขภาพจึงช่วยให้ประหยัดค่าภาษีในแต่ละปีได้อีกด้วย
เพิ่มความอุ่นใจในการใช้ชีวิต
อีกหนึ่งสิ่งที่ได้จากการทำประกันสุขภาพ นั่นคือความอุ่นใจในการใช้ชีวิต เพราะไม่มีใครรู้ว่าโรคภัยต่าง ๆ จะมาเยือนเมื่อไหร่ การทำประกันสุขภาพเอาไว้จึงช่วยเพิ่มความอุ่นใจ หากวันใดที่ตรวจพบโรคต่าง ๆ อย่างน้อยก็หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะมีประกันสุขภาพทำหน้าที่ดูแล

ประกันสุขภาพเหมาจ่าย iHealthy Ultra จากกรุงไทย
เมื่อการทำประกันสุขภาพสามารถคุ้มครองหลากหลายอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังมีจุดเด่นมากมาย เพราะฉะนั้นใครกำลังมองหาประกันสุขภาพที่พร้อมดูแลตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงอายุ 99 ปี ขอแนะนำประกันสุขภาพ iHealthy Ultra จากกรุงไทย คุ้มครองครอบคลุมและยังจัดเต็มค่ารักษาพยาบาลวงเงินสูง
สำหรับ iHealthy Ultra คือ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ที่มอบความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งกรณีเจ็บป่วยจากโรคภัยต่าง ๆ และคุ้มครองการรักษากรณีเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้เอาประกันจะต้องชำระค่าเบี้ยแบบรายเดือนหรือแบบรายปี เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตามที่ระบุในกรมธรรม์ ซึ่งหากผู้เอาประกันเจ็บป่วยหรือเข้ารับการรักษาจากอุบัติเหตุ บริษัทประกันจะทำหน้าที่จ่ายค่ารักษาพยาบาลตามจริงในวงเงินไม่เกินทุนประกันที่ระบุในกรมธรรม์ จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า ประกันสุขภาพเหมาจ่าย มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ เพราะโรคภัยเป็นเรื่องใกล้ตัว แม้จะพยายามดูแลร่างกายดีเพียงใดแต่บางครั้งโรคต่าง ๆ กลับมาเยือนโดยไม่ทันตั้งตัว โดยการมีประกันสุขภาพเอาไว้จะช่วยเพิ่มความอุ่นใจว่าจะได้รับการรักษาที่ดีที่สุด มีทางเลือกการรักษามากขึ้น ที่สำคัญมีประกันสุขภาพทำหน้าที่คุ้มครองค่าใช้จ่าย หากสนใจเป็นเจ้าของกรมธรรม์คุ้มค่าจากกรุงไทยสามารถสมัครได้ ที่นี่ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับประกันสุขภาพรูปแบบอื่น ๆ จากกรุงไทยให้เลือกมากมาย เช่น ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ ประกันกรุงไทยสุขภาพสดใสที่พร้อมดูแลคุ้มครองลูกรักตั้งแต่วัย 6 เดือน และประกันภัยสุขภาพสูงวัยฟิตประกันสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ เป็นต้น โดยสามารถเข้าชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://krungthai.com/th/personal/insurance/health เพื่อให้คุณได้เลือกแบบประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด
*ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง / ผลประโยชน์ความคุ้มครองและข้อยกเว้นเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมในกรมธรรม์



38
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ! ประกันมะเร็ง คือ เครื่องมือช่วยลดความเสี่ยงเมื่อตรวจเจอโรคร้ายที่คนยุคใหม่ควรมี สาเหตุที่ก่อให้เกิดปัญหาเซลล์ในร่างกายเติบโตแบบผิดปกติ หรือ “มะเร็ง” มีมากกว่า 10 ปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น อายุ, บุหรี่, แสงแดด, รังสีเอกซเรย์, สารเคมี, เชื้อไวรัส, ฮอร์โมนเอสโตรเจน, พันธุกรรม, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกหลักอนามัย ล้วนก่อให้เกิดมะเร็งได้ทั้งสิ้น ทำให้การทำ ประกันชีวิตสุขภาพ ประกันสุขภาพ ประกันสุขภาพเหมาจ่ายอย่างใดอย่างหนึ่งไม่เพียงพออีกต่อไป

ประกันมะเร็ง ลดหย่อนภาษีได้ จริงหรือ?
ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อประกันโรคมะเร็งหรือประกันด้านสุขภาพอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการรักษาพยาบาลได้อย่างอิสระและสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี ผู้ทำประกันควรศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขของกรมธรรม์ ประกันสุขภาพ ให้ดีก่อนตัดสินใจ เนื่องจากเงื่อนไขของกรมธรรม์บางฉบับไม่ครอบคลุมสิทธิประโยชน์ด้านภาษี

อัปเดตประกันโรคมะเร็งที่ไหนดี 2567
หากคุณต้องการความอิสระในการเลือกแผนการรักษาและสถานพยาบาลที่คุณไว้ใจ เราขอแนะนำ ประกันโรคร้ายแรง ที่ไม่เพียงเลือกแผนความคุ้มครองได้อย่างอิสระเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในการรักษาพยาบาลเมื่อตรวจพบมะเร็งเท่านั้น แต่ยังมีสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีด้วย โดย ประกันชีวิตสุขภาพ คุ้มครองโรคร้ายที่พบได้บ่อย ได้แก่
1. ประกันโรคมะเร็ง อีซี่ อี-แคนเซอร์
เมื่อตรวจพบโรคมะเร็งครั้งแรก รับเงินก้อนตามแผนความคุ้มครองที่เลือกไว้ทันที เพื่อให้คุณนำไปใช้ในการรักษาพยาบาลและช่วงระหว่างพักรักษาตัว จ่ายเบี้ยประกันคงที่คราวละ 5 ปี อายุรับประกันสูงสุดถึง 60 ปี และสามารถยื่นลดหย่อนภาษีได้ตามที่กรมสรรพากรกำหนด
2. ประกันโรคร้ายแรง เคลมคุ้มกลุ่มโรคร้าย
ประกันสุขภาพ ให้ความคุ้มครองครอบคลุมเมื่อตรวจพบโรคร้ายแรงในระดับรุนแรงครั้งแรกรับเงินก้อนทันที โดยคุ้มครองโรคร้าย 5 กลุ่ม ได้แก่ โรคมะเร็ง, โรคที่เกี่ยวกับอวัยวะ, โรคระบบหมุนเวียนโลหิต, โรคเกี่ยวกับระบบประสาทและโรคร้ายอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต เลือกแผนความคุ้มครองได้ด้วยตัวเองสูงสุดถึง 20 ล้านบาท ระยะเวลาคุ้มครองสูงสุด 75 ปี
3. 15/5 Pro Max ประกันชีวิตควบ ประกันโรคร้ายแรง
ประกันสุขภาพ ที่คุ้มครองทุกความเสี่ยงที่คุณเป็นกังวลไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลเมื่อตรวจพบโรคร้ายหรือวงเงินคุ้มครองชีวิตเมื่อโชคร้าย โดยรับเงินคืนเมื่อครบปี คืนเงินตามเงื่อนไขปีที่ 1 – 9 ปีละ 4% และปีที่ 10 – 14 ปีละ 6% เมื่อตรวจเจอโรคร้ายแรงตามเงื่อนไขภายใน 3 ปีแรกหยุดชำระเบี้ยได้ทันทีและในปีที่ 4 เป็นต้นไปถึงปีที่ 15 รับเงินก้อนเพื่อใช้ในการรักษาพยาบาลต่อไป

ประกันมะเร็ง SCB Protect เหมาะกับทุกคนที่คำนึงถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อย 3 อันดับแรกของประเทศไทย โดยให้ความคุ้มครองทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่ารักษาตัว และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หลังการรักษาและให้สิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีให้กับผู้เอาประกัน



39


          หากถามว่าการลงทุนกับทองคำมีข้อดีอย่างไรนั้น มั่นใจว่าคำตอบส่วนใหญ่นั้นหนีไม่พ้นเรื่องผลการตอบแทนที่คุ้มค่า และเนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์สากลที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องหาข้อมูลมากมายเท่ากับการลงทุนในหุ้นหรือกองทุนที่นำเงินลงทุนไปสร้างผลประโยชน์อีกที นอกจากนั้นปัจจุบันการลงทุนในทองยังสะดวกมากมายเพราะสามารถซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ จึงทำให้สามารถทำควบคู่ไปกับงานอื่น ๆ ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางหรือเฝ้าติดตามราคาขายผ่านหน้าจอเหมือนเช่นในอดีต แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องยอมรับว่าหลายคนยังคงสับสนและไม่รู้จะเริ่มต้นแบบไหนให้ได้ผลตอบแทนสูงอย่างที่ต้องการ ดังนั้นวันนี้เราจึงมีวิธี ซื้อขายทองออนไลน์มาฝาก รับรองว่าไม่ยากอย่างที่คิดแน่นอน

ศึกษาและเลือกประเภทการลงทุนที่เหมาะสำหรับตัวเอง
 
           บางคนอาจไม่ทราบว่าการ ลงทุนทอง นั้นมีหลายประเภทเช่นเดียวกับการลงทุนในหุ้น กองทุน พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์  โดยจะแบ่งเป็น 4 ประเภทใหญ่ ได้แก่ การลงทุนกับทองคำแท่ง กองทุนรวมทองคำ กองทุนรวมอีทีเอฟทองคํา (Gold ETFs) และสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) เพราะฉะนั้นก่อนเริ่มต้นลงทุนควรศึกษาอย่างละเอียดก่อนว่าตัวเองเหมาะกับการลงทุนสไตล์ไหน หากเป็นคนที่กล้าเสี่ยง ต้องการลงทุน และใช้ระยะสั้นในการลงทุนอาจเลือกเป็นกองทุน Gold ETFs หรือ Gold Futures แต่หากชอบเสี่ยงน้อยและอดทนรอผลตอบแทนได้แนะนำให้เลือกลงทุนกับกองทุนรวมทองคำหรือทองคำแท่ง ซึ่งในปัจจุบันการซื้อขายทองคำแท่งไม่ใช่แค่การ ซื้อขายทอง กับร้านขายทองเท่านั้น แต่ยัง ซื้อขายทองผ่านแอพ ได้ตลอดเวลา

เลือกโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ

       ต้องยอมรับว่าการ เทรดทองออนไลน์ กำลังเป็นที่นิยม จึงทำให้ตอนนี้มีโบรกเกอร์ด้านการซื้อขายทองคำให้เลือกมากมาย ทำให้ต้องระวังและตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นโบรกเกอร์ที่มีความน่าเชื่อถือ มีตัวตนจริงสามารถติดต่อได้เมื่อมีปัญหา เครื่องมือใช้งานง่าย และการบริการที่รวดเร็ว เพราะในการ ลงทุนทองออนไลน์ จะมีการดำเนินการซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ ซึ่งนั้นหมายความว่าเงินทั้งหมดที่ลงทุนจะอยู่กับโบรกเกอร์ หากเป็นโบรกเกอร์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือหรือดำเนินการสั่งซื้อขายช้าก็อาจทำให้สูญเงินทั้งหมดที่ลงทุนได้

เริ่มต้นซื้อขายทองคำออนไลน์

         หลังจากศึกษารายละเอียดการลงทุนและเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือเริ่มต้น ลงทุนทอง แต่อย่างไรก็ตามก่อนเริ่มลงมือจริงควรฝึกเล่นกับโปรแกรมจำลองของโบรกเกอร์ที่เลือกเพื่อให้คุ้นชินกับคำสั่งและเครื่องมือต่าง ๆ ในแอปพลิเคชัน จากนั้นจึงเริ่มต้นลงทุนจากน้อยไปหามากเพื่อศึกษาแนวโน้มของตลาดทองคำเพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุน

         เป็นอย่างไรบ้างสำหรับวิธีเริ่มต้น ซื้อขายทองออนไลน์ ที่เรานำมาฝาก ซึ่งโดยสรุปแล้วต้องเริ่มจากการศึกษาหาความรู้ ทดลอง และจึงค่อยลงทุน แต่ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีความชำนาญ มีประสบการณ์ และได้ผลกำไรจากการ ลงทุนทองออนไลน์ แล้ว การศึกษาหาความรู้ วิเคราะห์ และวางแผนการลงทุนก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้การ เทรดทองออนไลน์ ได้ผลกำไรอย่างที่ต้องการ


40
ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน การสมัครสินเชื่อพนักงานเอกชนผ่านแอปพลิเคชันจึงกลายเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายและรวดเร็ว สำหรับผู้ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนหรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วน บทความนี้จะนำเสนอวิธีการสมัครขอสินเชื่อพนักงานเอกชนผ่านแอปพลิเคชันอย่างละเอียด เพื่อให้คุณสามารถทำได้เองโดยไม่ต้องเดินทางไปยังสาขา

ทำไมต้องเลือกสมัครสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน?

 ความสะดวกสบาย
การสมัครสินเชื่อผ่านแอปพลิเคชันช่วยให้คุณสามารถทำรายการได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือที่ทำงาน โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปยังสาขา

 ประหยัดเวลา
การกรอกข้อมูลและส่งเอกสารผ่านแอปพลิเคชันสามารถทำได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้คุณไม่ต้องรอนานเพื่อให้สินเชื่อได้รับการอนุมัติ

 ความปลอดภัย
แอปพลิเคชันที่มีความน่าเชื่อถือมักมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี ทำให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม

 ขั้นตอนการสมัครสินเชื่อพนักงานเอกชนผ่านแอปพลิเคชัน

 1. เลือกแอปพลิเคชันที่เหมาะสม
เลือกแอปพลิเคชันจากสถาบันการเงินที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรอง เช่น ธนาคารหรือสถาบันการเงินที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย

 2. ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชัน
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก App Store หรือ Google Play Store และทำการติดตั้งบนสมาร์ทโฟนของคุณ

 3. ลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้
เปิดแอปพลิเคชันและทำการลงทะเบียนบัญชีผู้ใช้ โดยป้อนข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, นามสกุล, เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล

 4. กรอกข้อมูลการสมัคร
เลือกประเภทสินเชื่อที่ต้องการและกรอกข้อมูลที่จำเป็น เช่น รายได้, สถานะการทำงาน และรายละเอียดอื่น ๆ ตามที่แอปพลิเคชันกำหนด

 5. แนบเอกสารที่จำเป็น
อัปโหลดเอกสารที่จำเป็น เช่น บัตรประชาชน, สลิปเงินเดือน หรือเอกสารแสดงรายได้อื่น ๆ ตามที่สถาบันการเงินกำหนด

 6. ส่งใบสมัคร
ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องและส่งใบสมัคร หลังจากนั้นรอการอนุมัติจากสถาบันการเงิน

 7. รับผลการอนุมัติ
คุณจะได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับผลการอนุมัติผ่านแอปพลิเคชัน หรือทางอีเมล หากได้รับการอนุมัติ เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีของคุณโดยตรง

ข้อควรระวังในการสมัครสินเชื่อธนาคาร
- ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ย: ควรเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากหลาย ๆ แหล่ง เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุด
- อ่านเงื่อนไขให้ชัดเจน: ก่อนทำการสมัคร ควรอ่านเงื่อนไขและข้อกำหนดให้เข้าใจอย่างละเอียด
- อย่ากู้เกินความจำเป็น: ควรกำหนดวงเงินกู้ที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระคืนของคุณ

การสมัครสินเชื่อพนักงานเอกชนผ่านแอปพลิเคชันเป็นวิธีที่สะดวกและรวดเร็ว ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงเงินทุนได้อย่างง่ายดาย เพียงทำตามขั้นตอนที่แนะนำในบทความนี้ คุณก็สามารถสมัครสินเชื่อได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย อย่าลืมตรวจสอบรายละเอียดและเงื่อนไขก่อนทำการสมัคร เพื่อให้คุณได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ





41

พ่อแม่บางคนมักคิดว่าการที่ลูกเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุนั้นเป็นเรื่องธรรมดาและคงเสียค่ารักษาพยาบาลไม่มาก จึงเลือกที่จะไม่ ซื้อประกันเด็กให้ลูก ทั้งที่ความจริงแล้วเด็ก ๆ มีความเสี่ยงต่อโรคภัยต่าง ๆ มากกว่าผู้ใหญ่ อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลแต่ละครั้งยังค่อนข้างสูง บางกรณีค่าใช้จ่ายสูงกว่าผู้ใหญ่เสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ วันนี้เราจะพาพ่อแม่ทุกคนไปทำความเข้าใจกันว่าประกันสุขภาพเด็กมีความสำคัญอย่างไร และควรเลือกประกันอย่างไรให้เหมาะกับเด็ก

ประกันสุขภาพเด็กมีความสำคัญอย่างไร?
เด็กเล็กอายุตั้งแต่ 1 - 5 ขวบ ถือเป็นช่วงวัยที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงเต็มที่ ทำให้เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ได้ง่าย สิ่งที่ตามมาคือค่ารักษาพยาบาลที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นประกันสุขภาพเด็กจึงสำคัญอย่างยิ่ง
ช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาล
    ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเด็กแต่ละครั้งมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น หากเป็นการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนค่าใช้จ่ายจะเฉลี่ยอยู่ที่ 10,000 – 20,000 บาท แต่หากมีประกันสุขภาพของเด็กก็จะช่วยให้พ่อแม่หมดห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายไปได้เกือบ 100%
คุ้มครองโรคหลากหลาย
ประกันสุขภาพเด็กครอบคลุมโรคที่พบบ่อยในเด็ก เช่น ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก มือเท้าปาก อีสุกอีใส ฯลฯ ยิ่งหาก ทำประกันให้ลูก ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เจ็บป่วยก็จะสามารถคุ้มครองลูกจากโรคต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุม แม้จะตรวจเจอโรคภายหลังก็ยังสามารถเคลมประกันได้
เข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพ
ประกันสุขภาพเด็กหลายเจ้ามักจะมีเครือข่ายโรงพยาบาลคู่สัญญากระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำให้พ่อแม่สามารถพาลูกเข้ารับการรักษาพยาบาลได้อย่างทันท่วงที หรือสามารถตัดสินใจพาลูกน้อยไปรักษาพยาบาลยังโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือแพทย์ทันสมัยได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย

วิธีเลือกประกันสุขภาพให้เหมาะกับเด็ก
เนื่องจากประกันสุขภาพเด็กมีความสำคัญอย่างมาก การเลือกซื้อประกันย่อมต้องพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วน โดยปัจจัยที่ควรพิจารณามีดังต่อไปนี้
รายละเอียดความคุ้มครอง
อันดับแรกต้องพิจารณาก่อนว่าประกันฉบับนั้น ๆ คุ้มครองตั้งแต่อายุเท่าไหร่ถึงเท่าไหร่ และคุ้มครองครอบคลุมค่าใช้จ่ายส่วนใดบ้าง วงเงินคุ้มครองสูงสุดเท่าไหร่ และที่สำคัญคือโรงพยาบาลที่รองรับสิทธิประกันดังกล่าวมีมากหรือน้อย หรืออยู่ใกล้กับที่พักอาศัยหรือไม่
ความคุ้มครองเพิ่มเติม
นอกเหนือจากความคุ้มครองหลักแล้ว ควรพิจารณาว่าประกันฉบับนั้น ๆ มอบความคุ้มครองเพิ่มเติมอะไรอีกบ้าง เช่น ค่าฉีดวัคซีนสำหรับเด็กฟรี ค่าตรวจสุขภาพ ค่าใช้จ่ายด้านทันตกรรม เป็นต้น
เบี้ยประกันไม่เกินกำลัง
พ่อแม่ที่วางแผนจะ ซื้อประกันให้ลูก เราขอแนะนำให้เลือกประกันที่มีค่าเบี้ยประกันต่อปีเป็นสัดส่วนไม่เกิน 10 – 15% ของรายได้ต่อปีของพ่อและแม่รวมกัน เช่น พ่อแม่มีรายได้ต่อปีรวมกัน 400,000 บาท ควรเลือกซื้อประกันที่มีค่าเบี้ยประกันต่อปีไม่เกิน  40,000 – 60,000 บาท เพื่อไม่ให้กระทบกับสถานะทางการเงินของครอบครัวในระยะยาว
   
ทั้งหมดนี้คือสาระความรู้เกี่ยวกับการทำประกันสุขภาพเด็ก ประกันชีวิต   ประกันสะสมทรัพย์ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ และสำหรับพ่อแม่คนไหนที่ยังคิดไม่ออกว่าจะเลือก ทำประกันให้ลูก กับบริษัทไหนดี เราขอแนะนำประกันสุขภาพสุขใจจากธนาคารกรุงไทย ที่มอบความคุ้มครองทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก มอบจำนวนเงินผลประโยชน์ต่อรอบปีกรมธรรม์สูงสุดถึง 300,000 บาท หรือจำนวนเงินผลประโยชน์ต่อการรักษา 1 ครั้ง สูงสุดถึง 75,000 บาท ที่สำคัญคือค่าเบี้ยประกันไม่แพงและสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย



42


   ถึงแม้เราพยายามดูแลรักษาสุขภาพเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการทำจิตใจให้แจ่มใสแล้ว แต่โรคภัยไข้เจ็บหรืออุบัติเหตุก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นกับเราได้ การมีประกันชีวิตสุขภาพช่วยให้เราอุ่นใจเมื่อเกิดเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ ด้วยการดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้ ทั้ง opd และ ipd รวมถึงชดเชยรายได้ให้เราเมื่อต้องนอนพักรักษาตัวด้วย

   opd คือ คำเรียกกลุ่มผู้ป่วยที่มารักษาที่โรงพยาบาลโดยไม่ต้องนอนพัก สามารถกลับบ้านได้เลย
   ipd คือ คำเรียกกลุ่มผู้ป่วยที่มารักษาที่โรงพยาบาลโดยต้องนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ไม่สามารถกลับบ้านได้ทันที
   การชดเชยรายได้ คือ ค่าสินไหมทดแทนรายวันเมื่อผู้เอาประกันต้องหยุดงานเพื่อพักรักษาตัว

         การเลือกซื้อประกันสุขภาพควรดูให้ครอบคลุมความคุ้มครองทั้งความเจ็บป่วยจากโรคทั่วไปและการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเพื่อความคุ้มค่าของเบี้ยประกันที่เราต้องจ่าย
ประกันสุขภาพมีทั้งแบบเหมาจ่ายและแยกค่าใช้จ่าย ประกันเหมาจ่าย จะกำหนดวงเงินค่ารักษาแบบเหมารวม ในขณะที่ประกันแยกค่าใช้จ่ายจะกำหนดวงเงินค่ารักษาแยกตามรายการ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย เมื่อเปรียบเทียบกับแบบแยกค่าใช้จ่ายแล้วมีข้อดีหลายอย่าง ดังนี้

ครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้ง opd และ ipd ไม่ต้องกังวลว่าต้องนอนโรงพยาบาล เพราะประกันสุขภาพเหมาจ่ายให้ความคุ้มครองทั้งกรณีที่เป็นผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน
ให้วงเงินค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายเป็นวงเงินสูงสุดของระยะเวลาที่เอาประกัน เนื่องจากไม่มีการกำหนดวงเงินของค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ แต่เป็นการกำหนดวงเงินเป็นวงเงินรวมสูงสุด ไม่ต้องคอยตรวจสอบว่าค่าใช้จ่ายรายการใดเกินวงเงินไปแล้วบ้าง
ตรวจสอบวงเงินคงเหลือง่าย เพราะเป็นการเหมาจ่าย เพียงนำยอดที่ใช้จ่ายไปแล้วหักออกจากวงเงินที่ได้รับในระยะเวลาที่เอาประกัน
เคลมง่าย ไม่ต้องแจกแจงค่าใช้จ่ายแต่ละรายการ เพียงแจ้งยอดค่าใช้จ่ายรวมเท่านั้น
ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากเป็น ประกันเหมาจ่าย ที่ไม่แยกรายการค่าใช้จ่าย ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงว่าค่าใช้จ่ายรายการใดจะมีการปรับตัวสูงขึ้นหรือค่าใช้จ่ายใดจะไม่ได้ใช้

          ประกันสุขภาพเหมาจ่าย สร้างความอุ่นใจให้กับผู้เอาประกันและครอบครัวด้วยค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย ไม่แยกวงเงินตามรายการ สบายใจเมื่อต้องเข้ารับการรักษา
   ประกันสุขภาพเหมาจ่าย มีให้เลือกรับความคุ้มครองได้อย่างที่ต้องการ ซื้อง่าย ผ่านออนไลน์ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ พร้อมรับสิทธิลดหย่อนภาษี คลิกดูรายละเอียดได้ที่ https://online.scbprotect.co.th/e-health?paymentFrequency=YEARLY ประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองสูงด้วยเบี้ยประกันเบา ๆ ครอบคลุมการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและความเจ็บป่วยจากโรคทั่วไป ทั้ง opd และ ipd  รวมถึงการชดเชยรายได้เมื่อต้องหยุดงาน
   สบายใจ หายห่วง กับ ประกันเหมาจ่าย คุ้มครองครบ จบในแผนเดียว
   



43

      มอยส์เจอไรเซอร์ เป็นสกินแคร์พื้นฐานที่ทุกคนควรใช้เป็นประจำทุกวัน เพราะผิวที่ขาดความชุ่มชื้น มักจะอ่อนแอ และเกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็นสิว จุดด่างดำ หรือริ้วรอยก่อนวัย แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการลงมอยเจอร์ไรเซอร์ให้ถูกวิธีในการบำรุงผิว จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ซึมซาบเข้าไปบำรุงผิวได้ดียิ่งขึ้น ผิวจึงดูเนียนสวย กระจ่างใส แต่หากลงผิดขั้นตอนประสิทธิภาพการบำรุงอาจไม่มากเท่าที่ควรจะเป็น และเห็นผลลัพธ์ได้ช้ามากขึ้น เพราะฉะนั้นลองมาสำรวจกันหน่อยดีกว่าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันถูกต้องแล้วหรือยัง วันนี้เรามีขั้นตอนการทำglassskin และ skincycling  เพื่อดูแลผิวทั้งในช่วงเช้าและกลางคืนอย่างถูกวิธีฉบับคนรักผิวมาแนะนำ จะเป็นอย่างไรบ้าง ตามไปดูพร้อมกันได้เลย

ขั้นตอนการบำรุงผิวในช่วงเช้า
ล้างหน้าก่อน เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกและความมันบนใบหน้า
เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อาจจะยังตกค้างอยู่ในรูขุมขน และเตรียมผิวให้พร้อม เหมือนเป็นการเตือนผิวว่าเราจะเริ่มบำรุงผิวแล้ว
เอสเซนส์ หรือน้ำตบ เป็นสกินแคร์ที่เนื้อบางเบาที่สุด จึงต้องลงเป็นอันดับแรก ช่วยคืนความชุ่มชื้นที่เสียไประหว่างล้างหน้า และช่วยให้ผิวดูดซึมสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ที่จะลงต่อไปได้ดีขึ้น
เซรั่มลดริ้วรอย สารอาหารดี ๆ ที่มีความเข้มข้นสูง จะเข้าไปช่วยบำรุงและแก้ปัญหาผิวได้อย่างล้ำลึก
ปิดท้ายกับการการสร้างเกราะป้องกันผิวด้วยครีมกันแดด ควรเลือกแบบเนื้อบางเบาไม่เหนียวเหนอะ เพราะมอยเจอร์ไรเซอร์ก็มีความชุ่มชื้นอยู่แล้ว หากเลือกครีมกันแดดเนื้อเหนียวหรือมีความฉ่ำวาวอาจทำให้หน้ามันเยิ้มและเครื่องสำอางหลุดในระหว่างวันได้

ขั้นตอนการบำรุงผิวในช่วงกลางคืน
ใช้เมคอัพรีมูฟเวอร์ และ ล้างด้วยโฟมล้างหน้า เพื่อกำจัดสิ่งสกปรก เครื่องสำอาง และความมันบนใบหน้า
เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์ ป้องกันเครื่องสำอางตกค้างในรูขุมขน
เอสเซนส์ หรือน้ำตบ เพื่อเติมความชุ่มชื้นและเตรียมผิวให้พร้อมรับการบำรุง
เซรั่มลดริ้วรอย เพื่อบำรุงผิวอย่างตรงจุด
ปิดท้ายด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ เป็นสกินแคร์ที่มีเนื้อหนัก จึงต้องลงทีหลังสุด ช่วยเคลือบผิว เหมือนเป็นเกราะที่ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น และปกป้องผิวจากมลภาวะ

หากใครกลัวจำวิธีลงสกินแคร์ไม่ได้ ก็จำง่าย ๆ แค่ว่าเนื้อใสลงก่อน เนื้อหนักลงทีหลัง แล้วค่อย ๆ ไล่ลำดับความข้นของผลิตภัณฑ์มาตามลำดับได้เลย อย่างเช่น คนที่มีปัญหาผิวแห้ง นอนน้อย ผิวดูโทรม และหมองคล้ำ ให้บำรุงผิวด้วย Estee Lauder Perfectionist Pro ก่อน จะช่วยเปลี่ยนผิวที่ดูซีดเซียวให้สดชื่นมีชีวิตชีวา อีกทั้งยังช่วยลดเลือนจุดด่างดำ รอยสิว และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ จากนั้นตามด้วย Estee Lauder Revitalizing Supreme+ Bright มอยส์เจอไรเซอร์ ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิกและสารสกัดที่ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม โอบอุ้มผิวให้ชุ่มชื้นต่อเนื่องและยาวนาน เผยผิวใหม่ที่แลดูสว่างกระจ่างใส อ่อนเยาว์กว่าที่เคย


44

นอกจากผิวจะหมองคล้ำ ขาดความยืดหยุ่น เกิดริ้วรอยได้ง่าย และแต่งหน้าติดยากแล้ว ผิวแห้งที่สูญเสียความชุ่มชื่นยังลอกเป็นขุย คัน และเกิดการระคายเคืองได้ง่ายเช่นเดียวกับผิวแพ้ง่าย แพ้ครีม ซึ่งเป็นลักษณะของผิวที่ต้องการการดูแลใส่ใจเป็นพิเศษ

ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่ายใช้อะไรดี
การบำรุงผิวให้กลับมาแข็งแรง มีสุขภาพดี จำเป็นต้องเลือกใช้สกินแคร์ที่เหมาะกับสภาพผิวแห้งและผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ อาทิ
หากผิวแห้งมากควรเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อครีม นั่นเพราะเนื้อครีมมีความเข้มข้นสูงจึงสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่เนื้อเจลมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักจึงซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว ให้ความรู้สึกบางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ เหมาะสำหรับผิวบอบบาง แพ้ง่าย
มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวแห้ง ควรเป็น Oil-based Moisturizer เนื่องจากน้ำมันจะทำหน้าที่ช่วยในการเคลือบผิว ทำให้ผิวสูญเสียน้ำน้อยลง และกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
หลีกเลี่ยงมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารก่อภูมิแพ้
มอยเจอไรเซอร์สำหรับผิวแห้งควรมีส่วนผสมที่ช่วยบำรุงพร้อมคืนความชุ่มชื่นให้กับผิวได้อย่างล้ำลึก

มอยเจอร์ไรเซอร์และ ครีมบำรุงหน้ายี่ห้อไหนดี ที่เหมาะสำหรับผิวแห้ง แพ้ง่าย หน้าแพ้ครีม
Estee Lauder - Revitalizing Supreme+
ไอเทมเด็ดในกลุ่ม มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวแห้ง และผิวแพ้ง่ายด้วยคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการปกป้องและกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ยาวนานขึ้น พร้อมส่วนผสมสำคัญ เช่น Exclusive Hibiscus-8 Fraction, Collagen-Boosting Technology, Exclusive Moringa Extract และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ช่วยให้รู้สึกสบายผิวทุกครั้งหลังการใช้
Origin - Matte Moisturizer With Willowherb
ตอบโจทย์ ผิวแพ้ง่ายใช้อะไรดี ? ได้อย่างลงตัวเพราะไม่มีส่วนผสมของพาราเบน น้ำมัน และแอลกอฮอล์ จึงเหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย ครีมเนื้อเเมทท์สูตรบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งกระจ่างใส ฉ่ำน้ำ ดูสุขภาพดี ทั้งยังมีส่วนผสมสำคัญอย่าง Pink Rock Rose และ Willowherb ที่ช่วยปรับโทนสีผิว กระชับรูขุมขน พร้อมดูดซับความมันเงาบนใบหน้า   
La Mer - The NEW Moisturizing Soft Cream
มอยส์เจอร์ไรเซอร์สูตรบางเบา ซึมซาบเร็ว คืนความอ่อนนุ่มชุ่มชื่นให้ผิวมีชีวิตชีวาด้วยสารสกัด Miracle Broth ที่ช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน กระชับ ยืดหยุ่น พร้อมสารสกัด Lime Tea ช่วยลดริ้วรอยและปกป้องผิวจากมลภาวะ เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย ผิวแห้ง รวมทั้งผิวผสม
Kiehls - Ultra Facial Cream
หนึ่งในตัวท็อปของกลุ่ม มอยเจอร์ไรเซอร์ผิวแห้ง ด้วยคุณสมบัติอันโดดเด่นที่สามารถลดการสูญเสียน้ำพร้อมเร่งสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า ทั้งยังมีสารสกัดจากไกลโคโปรตีนและสควาเลนที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว
Laneige - Water Bank Moisture Cream EX
มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะทั้งผิวแห้ง ผิวบอบบาง และแพ้ง่าย ช่วยฟื้นบำรุงผิวแห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้นเปล่งปลั่งอย่างมีสุขภาพดี ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะที่บำรุงลึกพร้อมเสริมการทำงานของ Dorment Moisturizing Genes ซึ่งเป็นความโดดเด่นของแบรนด์นี้

เมื่อเลือกได้แล้วว่าจะใช้ ครีมบำรุงหน้ายี่ห้อไหนดี สิ่งสำคัญประการต่อมาคือต้องหมั่นดูแลบำรุงอย่างสม่ำเสมอ พร้อมดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เลี่ยงการอาบน้ำและล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน หากปรนนิบัติอย่างถูกวิธีไม่นานผิวที่แห้งจะกลับมาแข็งแรงมีสุขภาพดีอย่างแน่นอน


45
“ขน” หนึ่งในสิ่งเล็ก ๆ ที่อาจจะสร้างปัญหาให้กับหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะสร้างปัญหาเรื่องกลิ่นตัวด้วยเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรีย หรือปัญหาในการทาสกินแคร์บำรุงผิวเนื่องจากขนเป็นตัวขัดขวางการซึมของเนื้อครีมส่งผลให้ผิวได้รับการบำรุงไม่เต็มประสิทธิภาพ วันนี้เราจึงจะขอมาแนะนำผลิตภัณฑ์และ ครีมกำจัดขน ใช้ดีในปี 2022 เพื่อช่วยให้ผิวเรียบเนียนไร้ขน

วีท ครีมขจัดขน ซิลค์ แอนด์ เฟรช อโลเวร่า แอนด์ วิตามินอี
เป็น ครีมกำจัดขน ยอดนิยมที่สาว ๆ หลายคนต่างรู้จักกันดี  veet ช่วยขจัดขนด้วย Hydro Restor TM นวัตกรรมใหม่สุดที่มีประสิทธิภาพคงความชุ่มชื้นให้กับผิว และยังช่วยให้ปลายเส้นขนหลังถูกขจัดออกไปมีความโค้งมนไม่เป็นรอยตัดเฉียง ทำให้ไม่ระคายเคืองหรือเกิดอาการคันหลังใช้งาน นอกจากนี้ตัวครีมยังซึมลงไปในผิวหนังเล็กน้อยทำให้ไม่เป็นตอหรือเป็นจุดดำอีกด้วย อีกทั้งยังมีส่วนผสมของอโลเวร่ากับวิตามินอี ช่วยให้ผิวนุ่มเนียนขึ้น ซึ่ง veet ตัวนี้ผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังแล้วว่าปลอดภัยใช้ได้กับทั้งแขน ใต้วงแขน ขา และขอบบิกินี่โดยไม่ต้องพึ่งมีดโกน

ดิมเพิลส์ แอร์ รีมูพเวอร์ สเปรย์ โฟม โรส
ผลิตภัณฑ์กำจัดขนแบบสเปรย์โฟมที่จะช่วยขจัดขนพร้อมกับการทำให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น ด้วยมีส่วนผสมของวิตามินอี และ Sweet Almond ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นหลังการใช้ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ใช้งานง่ายแม้มือใหม่ก็สามารถใช้ได้ เพียงแค่ฉีดไปยังบริเวณที่ต้องการกำจัดขน ทิ้งไว้ 6 – 12 นาที จากนั้นล้างออกเป็นอันเสร็จ โฟมตัวนี้ไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ สามารถใช้ได้กับทุกส่วนของร่างกาย

วีท แว็กซ์สตริปส์ อีซี่ เจลแว็กซ์ อัลมอนด์ ออยล์ และ วิตามินอี
แผ่นแว็กซ์ผลิตภัณฑ์กำจัดขนอีกรุ่นจากแบรนด์ veet ใช้งานง่าย ด้วยมีนวัตกรรมใหม่ อีซี่-แว็กซ์เจล ช่วยให้ผิวเรียบเนียนตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ มีเนื้อสัมผัสแบบเจลผสานเข้ากับอัลมอนด์ออยล์และวิตามินอี จึงช่วยถนอมผิว ไม่ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหลังการใช้

วัตสัน แวกซ์ สตริปส์ ฟอร์ เซนซิทีฟ สกิน
แผ่นแว็กซ์กำจัดขนสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย สามารถใช้กำจัดขนได้ทั้งบริเวณแขน ขา ใต้วงแขน และขอบบิกินี่ มีส่วนผสมของ Shea Butter และ Aloe Vera ทำหน้าที่เพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิว ช่วยให้ผิวนุ่มและเนียนหลังใช้ยาวนานเกือบ 4 สัปดาห์

ยิลเลตต์ วีนัส ด้ามมีดสปา + ใบมีด
มีดโกนเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์กำจัดขนที่หลาย ๆ คนเคยใช้และยังใช้กันมาอยู่ถึงตอนนี้ เพราะรวดเร็ว เหมาะกับวันเร่งรีบ ยิลเลตต์ วีนัส เป็นมีดโกนที่ทำขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ในการกำจัดขนตามที่เราต้องการ ด้วยระบบ 3 ใบมีด ให้สัมผัสนุ่มนวล ป้องกันการระคายเคือง และมีชั้นแถบเจลบาร์สีชมพู ซึ่งเป็นเจลพร้อมฟองบาง ๆ ตัวช่วยทำให้สามารถโกนขนได้เรียบลื่นและง่ายยิ่งขึ้น

หากใครสนใจอยากหาผลิตภัณฑ์และครีมกำจัดขนที่แนะนำกันไปข้างต้นมาใช้ สามารถเข้าไปเลือกซื้อกันได้ที่วัตสันออนไลน์ พร้อมกับรับ โปรวัตสัน สุดคุ้มที่มีให้เลือกกันหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นโปร วัตสัน 1 แถม 1 หรือโปรซื้อ ชิ้นที่ 2 1 บาท หากต้องการสินค้าคุณภาพในราคาสบายกระเป๋าแนะนำว่าไม่ควรพลาด




46

   สำหรับคนที่ทำธุรกิจอยู่แล้วหรือกำลังวางแผนทำธุรกิจ แน่นอนว่าสินเชื่อที่ควรรู้จักและศึกษาเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างละเอียดนั้นก็หนีไม่พ้นสินเชื่อสำหรับ SME สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ประกอบการรายย่อยหรือธุรกิจที่มีทรัพย์สินลงทุนไม่เกิน 200 ล้านบาทโดยเฉพาะ ดังนั้นเพื่อช่วยให้นักธุรกิจทั้งมือเก๋าและมือใหม่เข้าใจ สินเชื่อ sme loan มาขึ้น วันนี้เราจึงมี 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสินเชื่อประเภทนี้มาฝาก รับรองว่าช่วยให้เข้าใจสินเชื่อประเภทนี้มากขึ้นแน่นอน   

สินเชื่อ SME มีทั้งแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันและไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
เริ่มต้นเรื่องแรกที่อยากให้คนต้องการ กู้ทำธุรกิจ รู้เกี่ยวกับสินเชื่อประเภทนี้คือ สินเชื่อเพื่อธุรกิจ SME มีให้เลือกทั้งแบบใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันและไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยแบบที่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกันผู้ขอสินเชื่อจะต้องนำหลักทรัพย์ที่ปลอดภาษี หลักทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์ หรือบัญชีเงินฝากมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ ซึ่งมีข้อดีตรงที่ได้วงเงินสูง อัตราดอกเบี้ยต่ำ และมีโอกาสผ่านอนุมัติได้มากกว่าแบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน

อยากขอกู้สินเชื่อต้องจดทะเบียนการค้าให้ถูกต้อง
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เพราะเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานที่ทุกธนาคารกำหนด ซึ่งการจดทะเบียนการค้าตามกฎหมายจะเป็นการยืนยันว่าผู้ขอ สินเชื่อต่อยอดธุรกิจและมีการดำเนินการด้านภาษีอย่างถูกต้อง เพราะฉะนั้นหากมีแผนที่จะขอ สินเชื่อธุรกิจ ควรดำเนินการจดทะเบียนร้านค้าให้เรียบร้อย

เตรียมบัญชีรายรับรายจ่ายให้พร้อม
   ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องให้ความสำคัญ เพราะในการสมัคร สินเชื่อเพื่อธุรกิจ ต้องส่งสำเนางบการเงินย้อนหลังอย่างน้อย 3 ปี นอกจากนั้นทางธนาคารอาจขอเอกสารที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม อย่างสำเนาแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี สำเนาสัญญาซื้อขาย หรือสัญญามัดจำเพิ่มเติม

รักษาประวัติทางการเงิน
   การรักษาประวัติทางการเงินเป็นเรื่องที่สำคัญมากหากต้องการของสินเชื่อจากธนาคาร ซึ่งการรักษาประวัติทางการเงินนั้นก็ทำไม่ยาก ด้วยการชำระหนี้ให้ตรงเวลาและเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ความน่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นแล้ว

ศึกษารายละเอียดของสินเชื่อและเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
   ก่อนตัดสินใจส่งเอกสารเพื่อขอ สินเชื่อธุรกิจ ผู้ประกอบการควรศึกษารายละเอียดของแต่ละสินเชื่อและเงื่อนไขของแต่ละธนาคารอย่างละเอียด ทั้งนี้ก็เนื่องจากแต่ละธนาคารมีสินเชื่อเพื่อธุรกิจหลายแบบให้เลือก ทั้งยังมีวงเงินกู้ ระยะเวลาสูงสุดที่ให้ผ่อนชำระ และอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน การศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขจะช่วยให้การเลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจได้ง่ายขึ้น

   เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ สินเชื่อ SME  สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อพ่อค้าแม่ค้าที่เรานำมาฝากในวันนี้ ซึ่งโดยสรุปแล้วสินเชื่อประเภทนี้เป็นสินเชื่อสำหรับธุรกิจรายย่อยที่ต้องการนำเงินไปใช้หมุนเวียนธุรกิจหรือพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้น ส่วนผู้ประกอบการที่กำลังวางแผนของสินเชื่อในอนาคตควรรีบจดทะเบียนการค้า ชำระภาษี บันทึกบัญชีรายรับรายจ่าย และรักษาประวัติทางการเงินก็จะทำให้การขอสินเชื่อเป็นเรื่องที่ไม่ยากอีกต่อไป




47

การประหยัดภาษีเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญ แต่หลายครั้งก็อาจมองข้ามเทคนิคที่สามารถช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเทคนิคการประหยัดภาษีที่คุณอาจไม่เคยรู้จักมาก่อน เพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากกฎหมายภาษีได้อย่างเต็มที่

## 1. ใช้สิทธิประโยชน์จากการลงทุนในกองทุนรวม

การลงทุนในกองทุนรวมที่มีการส่งเสริมการลงทุน (RMF) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (LTF) เป็นวิธีที่ดีในการประหยัดภาษี โดยคุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามจำนวนเงินที่ลงทุน ซึ่งจะช่วยลดฐานภาษีของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

### 1.1 กองทุน RMF

การลงทุนในกองทุน RMF สามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของรายได้ประจำปี หรือสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการวางแผนการเงินในระยะยาว

### 1.2 กองทุน LTF

สำหรับกองทุน LTF คุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15% ของรายได้ประจำปี หรือไม่เกิน 500,000 บาท โดยการลงทุนในกองทุนเหล่านี้จะช่วยให้คุณมีเงินออมในอนาคต

## 2. ใช้สิทธิประโยชน์จากการซื้อประกันชีวิต

การซื้อประกันชีวิตไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณมีความคุ้มครองในกรณีฉุกเฉิน แต่ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประหยัดภาษีได้อีกด้วย คุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ตามเบี้ยประกันที่จ่าย ซึ่งจะช่วยลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ

## 3. หักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการศึกษา

หากคุณมีบุตรหลานที่กำลังศึกษาอยู่ คุณสามารถหักลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการศึกษาได้ โดยค่าใช้จ่ายที่สามารถหักลดหย่อนได้รวมถึงค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้มากขึ้น

## 4. ใช้สิทธิประโยชน์จากการบริจาคออนไลน์ e donation

การบริจาคให้กับองค์กรการกุศลหรือมูลนิธิต่าง ๆ ไม่เพียงแต่ช่วยสังคม แต่ยังสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ โดยคุณสามารถหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 10% ของรายได้ประจำปี ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการช่วยเหลือผู้อื่นและประหยัดภาษีไปพร้อมกัน e donation ลดหย่อนภาษี

## 5. วางแผนการเงินอย่างรอบคอบ

การวางแผนการเงินที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถประหยัดภาษีได้มากขึ้น คุณควรทำการวิเคราะห์รายได้และค่าใช้จ่ายของคุณอย่างละเอียด เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการลดภาระภาษี

เทคนิคการประหยัดภาษีที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่คุณสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรือคำแนะนำในการวางแผนภาษี คุณอาจพิจารณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่พลาดโอกาสในการประหยัดภาษีที่มีอยู่

อย่าลืมติดตามข่าวสารและอัปเดตเกี่ยวกับกฎหมายภาษีเพื่อให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่!

ระบบ e-donation https://krungthai.com/th/personal/cash-management/ktb-promptpay/600


48

       เชื่อว่าทุกคนมีความฝันและหนึ่งในความฝันที่หลาย ๆ คนฝันเหมือนกันนั่นคือการมีบ้านเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าการเลือกบ้านสไตล์ที่ชอบ รวมถึงการเลือกทำเลสร้างบ้านที่ถูกใจนั้นถือเป็นเรื่องน่าปวดหัวไม่น้อย แต่ที่น่าปวดหัวยิ่งกว่าคือการขอ สินเชื่อบ้าน หรือก็คือการกู้ธนาคารสร้างบ้าน ซึ่งนี่อาจเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของใครหลายคนเลยก็ว่าได้ แต่เนื่องด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ค่อนข้างฝืดเคืองทำให้ธนาคารและสถาบันการเงินส่วนใหญ่เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหาหนี้สูญ แต่ไม่ใช่กับธนาคารกรุงไทยที่พร้อมสานฝันให้กับคนอยากมีบ้านด้วยสินเชื่อ กู้ซื้อบ้าน ดอกเบี้ยต่ำ ทั้งยังสามารถผ่อนได้นานสูงสุดถึง 40 ปี โดยวันนี้จะขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสินเชื่อที่ว่านี้กัน

สินเชื่อบ้านคืออะไร?
สำหรับมือใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ กู้สร้างบ้าน กับธนาคารมาก่อนก็ควรทำความเข้าใจก่อนว่า การขอสินเชื่อสร้างบ้านคือการกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อนำไปสร้างที่อยู่อาศัย โดยทางธนาคารจะเป็นผู้ประเมินและพิจารณาจำนวนเงินกู้หรือที่เรียกว่า “วงเงินกู้” ที่เหมาะสมกับรายได้และรายจ่ายของผู้ขอกู้ และเมื่อครบกำหนดต้องชำระเงินคืนโดยผู้ขอกู้จะต้องผ่อนชำระเงินคืนเป็นงวด ๆ หรือที่เรียกว่าการ ผ่อนบ้านกับธนาคาร โดยจะต้องชำระคืนทั้ง “เงินต้น” ที่เป็นจำนวนเงินจริง ๆ ที่กู้ยืมไป พร้อมกับ “ดอกเบี้ย” ที่เป็นเงินส่วนที่ธนาคารคิดเพิ่มเติมด้วย  ส่วนกรอบระยะเวลาการผ่อนชำระก็มีตั้งแต่ 10 ปี ไปจนถึง 40 ปี

รู้จักสินเชื่อบ้านกรุงไทยสานฝันคนอยากมีบ้าน
สินเชื่อบ้าน กรุงไทยเป็นสินเชื่อสำหรับซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นซื้อบ้านใหม่ ซื้อที่อยู่อาศัยมือสอง รวมถึงซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างบ้าน โดยจุดเด่นของสินเชื่อ กู้บ้าน กับธนาคารกรุงไทยมีดังนี้

ไม่กำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้ขอกู้
ดอกเบี้ยบ้าน ต่ำ อัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญาจะอยู่ระหว่าง 5.17 – 5.36% ต่อปี
กู้เงินทำบ้าน ยอดผ่อนชำระต่ำเพียงล้านละ 3,500 บาท/เดือน
ให้วงเงิน กู้ซื้อบ้าน สูงสุด 100%
กรณีมีที่ดินอยู่แล้วจะขอกู้สร้างบ้านบนที่ดินสามารถขอกู้ได้ด้วยวงเงินสูงสุดถึง 100% ของราคาประเมิน
ระยะเวลาผ่อนชำระสินเชื่อนานสูงสุด 40 ปี
ไม่มีค่าปรับและค่าธรรมเนียมใด ๆ เมื่อจ่ายเงินเพื่อ ผ่อนบ้านกับธนาคาร รวมถึงการผ่อนบ้านด้วยจำนวนเงินที่สูงกว่าในสัญญา
กรณีที่กำลังผ่อนบ้านหลังแรกอยู่แล้วต้องการขอสินเชื่อบ้านหลังที่ 2 หากสัญญาที่ 1 ผ่อนมานานกว่า 2 ปีขึ้นไป ให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 90% แต่หากสัญญาที่ 1 ผ่อนมาน้อยกว่า 2 ปี จะให้วงเงินสูงสุดไม่เกิน 80%

อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านกรุงไทย
การ กู้สร้างบ้าน กับกรุงไทยผู้กู้มีทางเลือกทั้งแบบทำประกันและไม่ทำประกัน ซึ่งทั้งสองแบบมีอัตราดอกเบี้ยไม่เท่ากัน ดังนี้
แบบทำประกัน จะได้รับดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้นที่ 1.68% นาน 3 เดือน โดยในปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 – 3 จะอยู่ที่ 1.68% และเดือนที่ 4 – 12 จะอยู่ที่ 2.68% ส่วนอัตราดอกเบี้ยปีที่ 2 กับ 3 จะอยู่ที่ 3.68% และ 4.68% ตามลำดับ หลังจาก 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย MLR-0.75% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกจะอยู่ที่ 3.60% และ ดอกเบี้ยบ้าน ตลอดอายุสัญญาจะอยู่ที่ 5.17 ต่อปี ตัวอย่างเช่น กู้เงินทำบ้าน วงเงิน 1 ล้านบาท ผ่อนชำระนาน 20 ปี ยอดชำระต่อเดือนจะอยู่ที่ประมาณ 7,600 บาท นอกจากนี้ในปีที่ 1 ยังสามารถเลือกผ่อนชำระต่ำเพียงล้านละ 3,500 บาท/เดือนได้ด้วย
แบบไม่ทำประกัน ในปีที่ 1 อัตราดอกเบี้ยเดือนที่ 1 – 3 จะอยู่ที่ 1.98% และเดือนที่ 4 – 12 จะอยู่ที่ 2.98% ส่วนอัตราดอกเบี้ยปีที่ 2 กับ 3 จะอยู่ที่ 3.68% และ 4.68% ตามลำดับ หลังจาก 3 ปี คิดอัตราดอกเบี้ย MLR-0.75% ดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปีแรกจะอยู่ที่ 3.70% และอัตราดอกเบี้ยตลอดอายุสัญญาจะอยู่ที่ 5.22% ต่อปี นอกจากนี้ในปีที่ 1 ยังสามารถเลือกผ่อนชำระต่ำเพียงล้านละ 3,500 บาท/เดือนได้ด้วยเช่นกัน 

คุณสมบัติของผู้กู้สร้างบ้าน
ทั้งนี้การ กู้เงินสร้างบ้าน กับธนาคารกรุงไทยไม่มีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำของผู้ขอกู้ โดยทางธนาคารจะทำการประเมินและพิจารณาสินเชื่อตามความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอกู้เป็นหลัก นั่นหมายความว่าแม้จะเป็นมนุษย์เงินเดือนรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาท/เดือน ก็สามารถยื่นคำขอสินเชื่อซื้อบ้านได้ ขอเพียงมีคุณสมบัติเบื้องต้นดังนี้
เป็นผู้บรรลุนิติภาวะอายุไม่น้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์
มีเงินเดือนหรือมีรายได้ประจำที่แน่นอน
สำหรับพนักงานประจำต้องมีอายุงานไม่น้อยกว่า 6 เดือน โดยสามารถนับรวมอายุงานที่ทำงานเก่าได้
สำหรับเจ้าของกิจการจะต้องประกอบธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
สำหรับอาชีพอิสระจะต้องประกอบอาชีพมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
เป็นผู้ที่ไม่มีประวัติเสียหายด้านการเงิน ไม่มีหนี้สินมากจนเกินความสามารถในการชำระ
สามารถขอสินเชื่อ กู้บ้าน ร่วมได้ โดยเมื่อรวมอายุผู้กู้ร่วมที่อายุน้อยที่สุดกับระยะเวลาการกู้จะต้องไม่มากกว่า 70 ปี
ผู้กู้ร่วมต้องมีความสามารถในการจ่ายเงินกู้ร่วมกับผู้กู้หลัก

เอกสารประกอบการสมัคร
สำหรับเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่นขอสินเชื่อ กู้สร้างบ้าน มีดังนี้
สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือบัตรข้าราชการของผู้กู้ ผู้กู้ร่วม และคู่สมรส
สำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้ ผู้กู้ร่วม และคู่สมรส (ถ้ามี)
สำเนาทะเบียนสมรสของผู้กู้และผู้กู้ร่วม (ถ้ามี)
สำเนา Statement ย้อนหลัง เอกสารหลักฐานแสดงรายได้ที่มีความน่าเชื่อถือของทั้งผู้กู้และผู้กู้ร่วม
สำเนาโฉนดที่ดินหรือเอกสารสิทธิ์ห้องชุด สำหรับใช้เป็นหลักประกัน
สำเนาหนังสือสัญญากู้ สำเนาหนังสือสัญญาจำนองหลักทรัพย์
สำเนาใบเสร็จการชำระเงินเดือนล่าสุด
สำเนา Bank Statement การชำระบัญชีเงินกู้จากสถาบันการเงิน (กรณีปลูกสร้างบ้านหรือเพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินจากสถาบันการเงินอื่นและปลูกสร้างบ้านในคราวเดียวกัน)
สำเนาสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างและแบบแปลน (พิมพ์เขียว) ที่จะปลูกบ้าน
ใบอนุญาตปลูกสร้างอาคาร (กรณีปลูกสร้างบ้านหรือเพื่อไถ่ถอนจำนองที่ดินจากสถาบันการเงินอื่นและปลูกสร้างบ้านในคราวเดียวกัน)

ทั้งหมดนี้คือรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับ สินเชื่อบ้าน กรุงไทยที่เราได้รวบรวมมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นสินเชื่อที่มี ดอกเบี้ยบ้าน ต่ำ ระยะเวลาผ่อนชำระยาวนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ฝันอยากมีบ้านแต่มีรายได้ต่อเดือนไม่มาก และสำหรับใครที่สนใจขอสินเชื่อซื้อบ้าน รีไฟแนนซ์บ้าน กับกรุงไทยก็สามารถสมัครได้ ที่นี่ หรือหากต้องการเข้าไปดูผลิตภัณฑ์สินเชื่อบ้านอื่น ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติมจากกรุงไทยสามารถเข้าไปดูได้ที่ https://krungthai.com/th/personal/loan/housing-loan/



49

           หากคุณคือคนหนึ่งที่กำลังมองหา บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูง เพื่อเริ่มพฤติกรรมออมเงินและเพื่อเก็บออมเงินระยะยาว ขอแนะนำ KRUNGTHAI ZERO TAX MAX เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง ที่ให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากคุ้มค่าสูงสุดถึง 2.50% ต่อปี เพียงฝากเงินเป็นประจำทุกเดือนและปฏิบัติตามเงื่อนไขธนาคาร นอกจากดอกเบี้ยสูงแล้วยังเป็น เงินฝากปลอดภาษีหมดห่วงเพราะไม่มีเรื่องหักภาษีมากวนใจ เพื่อการเก็บออมเงินแบบคุ้มค่า สะสมเงินก้อนโต และสร้างวินัยทางการเงินในระยะยาวได้อย่างสบายใจ 

จุดเด่น เงินฝากดอกเบี้ยสูง KRUNGTHAI ZERO TAX MAX
เป็นบัญชี เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูงให้ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 2.50% ต่อปี ซึ่งมากกว่าอัตราดอกเบี้ยบัญชีออมทรัพย์และบัญชีสะสมทรัพย์
ไม่เพียงแต่เป็นเงินฝากประจำดอกเบี้ยสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นบัญชีเงินฝากประจำปลอดภาษี เมื่อฝากครบตามกำหนดจะได้รับเงินต้นและดอกเบี้ยแบบเต็ม ๆ โดยไม่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย จากเงินก้อนเล็กจึงกลายเป็นเงินก้อนโตที่ใช้ต่อยอดอนาคตทางการเงินได้เป็นอย่างดี
เปิดบัญชีได้ง่าย ๆ ผ่าน KRUNGTHAI NEXT สะดวก ทำรายการได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว และสามารถเปิดบัญชีได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาเช่นกัน
ยืดหยุ่นเรื่องจำนวนเงินในการเปิดบัญชี เปิดบัญชีขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท และสูงสุด 25,000 บาท สะดวกเปิดบัญชีเท่าไหร่ก็สามารถเลือกได้แบบตามใจ
ฝากเงินรายเดือนได้แบบง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ตู้ ATM หรือธนาคาร สำหรับใครที่กลัวลืมสามารถเลือกตัดเงินผ่านบัญชีแบบอัตโนมัติได้เช่นกัน
จัดสรรการออมเงินได้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน เพราะออมเงินขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท และปฏิบัติตามเงื่อนไขธนาคาร เพียงเท่านี้ก็ได้ อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สูงโดยไม่ต้องเสียภาษี
เลือกแผน ฝากประจำดอกเบี้ยสูง ได้แบบตามใจ เริ่มต้น 24 เดือน และสูงสุด 48 เดือน โดยจะได้รับดอกเบี้ยตั้งแต่ 2.45% - 2.50% ต่อปี

อัตราดอกเบี้ยเงินฝากปลอดภาษี
เงินฝากดอกเบี้ยสูง KRUNGTHAI ZERO TAX MAX นอกจากจะได้รับอัตราดอกเบี้ยที่คุ้มค่าแล้วยังเป็นเงินฝากปลอดภาษี โดยมีแผนออมเงินทั้งสิ้นจำนวน 3 แผนการออมเงิน
จะเห็นว่า KRUNGTHAI ZERO TAX MAX มอบ ดอกเบี้ยเงินฝาก สูงสุดถึง 2.50% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าการฝากแบบออมทรัพย์ นี่จึงเป็นบัญชีฝากประจำที่ให้ดอกเบี้ยคุ้มค่า อีกทั้งยังปลอดภาษี นอกจากนี้ยังมีข้อควรรู้เกี่ยวกับการฝากเงินเพิ่มเติม ดังนี้

เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูงจะต้องมีการฝากขั้นต่ำ 1,000 บาท โดยจะต้องฝากทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง และขาดฝากได้ไม่เกิน 2 ครั้งเท่านั้น
หากมีการเบิกถอนก่อน 3 เดือน ทางธนาคารจะไม่ให้ดอกเบี้ยเงินฝาก บัญชีฝากประจำนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการออมเงินระยะยาวและไม่ได้มีวัตถุประสงค์นำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
หากฝากเงินตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป แต่มีการเบิกถอนก่อนครบกำหนดระยะเวลาแผนการออมเงิน ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยบัญชีออมทรัพย์ที่เป็นไปตามประกาศของธนาคาร นอกจากนี้ทางธนาคารจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ดังนั้นไม่แนะนำให้เบิกถอนเงินออกมาก่อนครบกำหนด
หากมีการทำผิดเงื่อนไขธนาคาร ทางธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยบัญชีออมทรัพย์ที่เป็นไปตามประกาศของธนาคารเช่นกัน รวมถึงจะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย
ผู้ที่ฝากประจำ KRUNGTHAI ZERO TAX MAX สามารถเปิดบัญชีเงินออมรายเดือนปลอดภาษีได้เพียงบัญชีเดียวเท่านั้น
เมื่อครบกำหนดระยะเวลาธนาคารจะโอนดอกเบี้ยไปยังบัญชีคู่โอน (บัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีสะสมทรัพย์) ตามที่แจ้งความประสงค์ไว้กับธนาคาร
อัตราดอกเบี้ยลอยตัวอาจมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่ธนาคารประกาศอีกครั้ง

เงินฝากประจำปลอดภาษี เหมาะกับใครบ้าง
ผู้ที่ต้องการเก็บออมเงินระยะยาว เพราะบัญชีฝากประจำ KRUNGTHAI ZERO TAX MAX สามารถเลือกแผนการฝากเงินได้สูงสุด 48 เดือน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการสะสมเงินก้อนโตไปเรื่อย ๆ
ผู้ที่ต้องการออมเงินและต้องการดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ โดยเมื่อครบระยะเวลาจะได้รับทั้งเงินต้นและ อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก สูง
ผู้ที่ต้องการให้เงินงอกเงยจากเงินก้อนเล็กให้กลายเป็นเงินก้อนใหญ่ขึ้น แต่ไม่ต้องการแบกรับความเสี่ยงเงินต้นหาย โดยบัญชี KRUNGTHAI ZERO TAX MAX นับเป็นตัวเลือกที่เหมาะอย่างยิ่ง เพราะไม่มีความเสี่ยงภาวะขาดทุน
ผู้ที่ต้องการเก็บออมเงินแต่ไม่ต้องการแบกรับภาษี เพราะนี่คือ เงินฝากปลอดภาษี ที่นอกจากไม่ต้องเสียภาษีแล้วยังได้รับดอกเบี้ยสูงอีกด้วย
ผู้ที่ต้องการออมเงินไว้ใช้ในอนาคตหรือยามฉุกเฉิน โดยไม่เน้นสภาพคล่องเรื่องการเบิกถอนเท่ากับบัญชีออมทรัพย์
ผู้ที่ต้องการสร้างวินัยการออมเงิน เพราะต้องออมเงินสม่ำเสมอเดือนละ 1 ครั้ง โดยการออมเงินทุกเดือนจะช่วยสร้างพฤติกรรมเก็บออมและถือเป็นการวางแผนอนาคตด้านการเงินอีกวิธีหนึ่ง

เอกสารประกอบการสมัคร
หากต้องการเป็นเจ้าของบัญชีฝากประจำที่มี ดอกเบี้ยเงินฝาก สูงสุดถึง 2.50% ต่อปี สามารถสมัครได้ง่าย ๆ โดยมีเอกสารที่ต้องใช้ในการสมัครเพียงอย่างเดียว นั่นคือบัตรประชาชน เพียงแสดงบัตรประชาชนเพื่อเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารกรุงไทยหรือเปิดบัญชีฝากประจําออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน KRUNGTHAI NEXT เมื่อมีบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยเรียบร้อยแล้วก็สามารถมีบัญชี ฝากประจำดอกเบี้ยสูง ได้แล้ว เพียงเท่านี้คุณก็จะได้มีเงินเก็บก้อนโตพร้อม ดอกเบี้ยเงินฝาก สูง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีอีกต่อไป
สำหรับการฝากเงินทุกเดือนนั้นสามารถฝากได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการฝากเงินที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ฝากผ่านตู้ ATM หรือการฝากเงินผ่าน KRUNGTHAI NEXT โดยทุกช่องทางจะต้องฝากก่อนเวลา 23.00 น. หากหลังจากเวลาดังกล่าวธนาคารจะถือเป็นการฝากเงินในวันถัดไป

การฝากประจำนอกจากเพิ่มวินัยการออมเงินแล้วยังทำให้มีเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินหรือใช้ต่อยอดอนาคต ยิ่งหากเป็น เงินฝากประจำดอกเบี้ยสูง จากกรุงไทยที่มอบ อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ถึง 2.50% ต่อปี ยิ่งต่อยอดเงินออมได้อย่างคุ้มค่าเพราะดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีฝากออมทรัพย์ ที่สำคัญปลอดภาษี ไม่ต้องกังวลเรื่องการหักภาษีอีกต่อไป สำหรับใครที่สนใจเป็นเจ้าของบัญชี เงินฝากประจำปลอดภาษี ดอกเบี้ยสูงสามารถสมัครได้แล้ว ที่นี่ สมัครง่าย ปลอดภัย ใช้เอกสารเพียงแค่บัตรประชาชนใบเดียวก็สามารถเป็นเจ้าของบัญชี ฝากประจำดอกเบี้ยสูง สุดคุ้มค่าได้แล้ว หรือหากต้องการข้อมูลผลิตภัณฑ์การเงินอื่น ๆ จากกรุงไทย สามารถคลิกดูรายละเอียดได้ที่ https://krungthai.com


50


คิดจะทำธุรกิจต้องเตรียมการในเรื่องของเงินลงทุนให้พร้อม ในช่วงเริ่มต้นถ้าไปได้ดีเริ่มมีผลกำไรให้มองช่องทางขยับขยายไว้เลย สำหรับผู้ที่ทำสตาร์ทอัพ (start up คือ)อัพถ้าสามารถเริ่มทำกำไรได้จะมีความได้เปรียบตรงที่ว่า สามารถ หาแหล่งเงินทุน เพิ่มได้ง่าย โดยมีวิธีหาเงินทุนดังนี้

ทำโปรเจกต์เสนอนักลงทุนอื่นมาร่วมทุน
สตาร์ทอัพที่ออกตัวได้ดี ธุรกิจมีกำไรระดับหนึ่งจะเป็นที่สนใจของนักลงทุนอื่น หากต้องการเงินทุนเพิ่มสามารถใช้วิธีทำโปรเจกต์เสนอไปสถาบันหรือบริษัทอื่นเข้ามาร่วมลงทุนได้ หากสถาบันหรือบริษัทมองเห็นศักยภาพการเติบโตก็มีสิทธิที่จะได้ผู้ร่วมทุนขยายกิจการ ต่อยอดธุรกิจไปได้ไกลกว่าเดิม วิธีนี้มีความเป็นไปได้ว่า ถ้าสามารถดึงนักลงทุนอื่นเข้ามาร่วมทางได้ก็มีสิทธิที่จะขยายกิจการอย่างก้าวกระโดด

เข้าร่วมโครงการสนับสนุนธุรกิจจากหน่วยงานรัฐ
เจ้าของกิจการสามารถมองหาโครงการดี ๆ ที่หน่วยงานของรัฐจัดขึ้น เช่น โครงการของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.), สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED), บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่จัดขึ้นสำหรับเจ้าของธุรกิจ SMEs ดังนั้นระหว่างที่ทำธุรกิจควรติดตามข่าวสารของหน่วยงานเหล่านี้ว่ามีการเปิดรับสมัครเจ้าของธุรกิจให้เข้ามาเสนอแผนลงทุนได้เมื่อไรบ้าง มีโครงการใดที่เหมาะกับกิจการของตนเองหรือไม่ โดยเจ้าของกิจการควรเตรียมตัวให้พร้อมไว้ล่วงหน้าตลอดเวลาเพื่อที่ว่า หากมีโครงการที่ตรงกับรูปแบบการดำเนินกิจการของตัวเองเมื่อไรก็สามารถเข้าร่วมได้ทันที อย่างไรก็ตามการเสนอตัวเข้าร่วมโครงการของสถาบันเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาอนุมัติสักระยะหนึ่ง ดังนั้น เจ้าของกิจการควรเตรียมเงินทุนสำรองสำหรับดำเนินธุรกิจของตนเองไว้ก่อนในช่วงระหว่างรอ โดยในระหว่างที่ยังไม่ได้ลงทุนร่วมกับสถาบันใดนั้น สามารถ หาแหล่งเงินทุน จากที่อื่นไว้ก่อนเพื่อให้ธุรกิจมีเงินหมุนเวียนตลอดโดยไม่ขาดสภาพคล่อง

ขอสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน
   สินเชื่อธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันที่มีการปล่อยกู้เพื่อธุรกิจ SMEs เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยให้ธุรกิจมีเงินทุนหมุนเวียน มีเงินสดสำรองสำหรับการดำเนินธุรกิจได้อย่างไม่ขาดช่วง แต่วิธีการขอสินเชื่อจากธนาคารนี้ธุรกิจจะต้องมีศักยภาพเพียงพอเช่นกัน และจะต้องมีเครดิตที่ดี มีการทำบัญชีธุรกิจที่บ่งบอกสถานะทางการเงินอย่างละเอียด หากเป็นธุรกิจที่ทำการค้าขายจะต้องมีการจัดเก็บเอกสารสำคัญทางการค้า เช่น ใบสั่งซื้อ ใบเสร็จรับเงินต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ นอกจากนี้ควรมีการเดินบัญชีธุรกิจกับธนาคารหลักเพียงธนาคารเดียวเพื่อแสดงรายได้รวมของร้านค้าได้อย่างชัดเจน เวลาขอสินเชื่อจากธนาคารก็จะสามารถทำได้สะดวกและมีสิทธิที่จะได้รับอนุมัติวงเงินง่ายขึ้น

สำหรับนักธุรกิจที่กำลัง หาแหล่งเงินทุน สามารถติดต่อธนาคารกรุงไทยหรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.krungthai.com เพื่อเลือกใช้บริการสินเชื่อ SMEs จากธนาคารซึ่งมีให้เลือกหลากหลายตามความต้องการของธุรกิจแต่ละประเภท การกู้เงินจากธนาคารเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ดีที่จะช่วยหนุนกิจการให้ก้าวหน้าและเจริญรุ่งเรืองต่อไป


หน้า: [1] 2 3 4 5 6 ... 53