ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ข้อควรรู้เกี่ยวกับประกันสินเชื่อบ้าน

สำหรับใครก็ตามที่เป็นพนักงานออฟฟิศแล้วมีการส่งเงินเข้ากองทุนประกันสังคมนั้นใครต้องการเช็คเงินชราภาพประกันสังคมหรือสิทธิ์อื่นๆนั้นสามารถที่จะทำการตรวจดูรายละเอียดได้ทางออนไลน์แล้ว  และแน่นอนว่าเมื่อเราทำงานไปได้ระยะหนึ่งนั้นเราก็คงอยากจะมีความมั่นคงในชีวิตมากขึ้น โดยหลายๆคนนั้นเริ่มดูโครงการบ้านหลังแรกเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าการที่เราจะซื้อบ้านได้นั้นเราจำเป็นที่จะต้องมีการขอสินเชื่อกับธนาคาร โดยธนาคารบางแห่งนั้นเขาอาจจะมีการให้เราซื้อประกันสินเชื่อบ้าน หรือ MRTA ด้วย แต่ก็อาจจะมีหลายๆคนที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับประกันสินเชื่อบ้านอยู่มาก ฉะนั้นในวันนี้เราจะมาให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับประกันสินเชื่อบ้านให้เพื่อนๆทุกคนได้ทราบกันด้วย
1.   ให้เราคำนวณถึงดอกเบี้ยซึ่งเป็นส่วนต่างให้ดี ช่วงนี้ก็เพราะว่าธนาคารนั้นจะให้ผู้กู้ซื้อบ้านทำประกัน mrta ด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ถูกกว่าการกู้ปกติ ซึ่งจะรวมเบี้ยประกันอยู่ในวงเงินกู้บ้านแต่แยกบัญชีออกมา ฉะนั้นดอกเบี้ยซึ่งเป็นส่วนต่างนี้หากเราลองคำนวณดูแล้วเราอาจจะต้องจ่ายสูงกว่าคนที่ไม่ทำประกันสินเชื่อบ้านกระดาษ
2.   ไม่จำเป็นต้องเลือกคุ้มครองตลอดอายุสัญญา เพราะธนาคารจะคำนวณเงินผ่อนบ้านแต่ละงวดเผื่อไว้แล้ว เราจึงอาจผ่อนบ้านหมดเร็วกว่ากำหนดได้ ดังนั้นประกันสินเชื่อบ้านไม่จำเป็นต้องคุ้มครองตลอดอายุสัญญาเงินกู้
3.   ประกันสินเชื่อบ้านคุ้มครองแค่ 70 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินกู้ก็พอ ซึ่งมันจะช่วยประหยัดเบี้ยประกันภัยได้นั่นเอง
4.   ถ้าผู้กู้ซื้อบ้านไม่ใช่หัวหน้าครอบครัวนั้นไม่จำเป็นต้องทำประกันสินเชื่อบ้านก็ได้ เพราะหากผู้กู้เสียชีวิตผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวหรือคนอื่นสามารถผ่อนต่อได้นั่นเอง
5.   เราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาเงินประกันแบบใด ซึ่งก็คือ เราจะเอาเงินประกันคงที่เหมือนตอนแรกที่ทำสัญญา หรือเราจะเอาเงินประกันลดลงตามภาระหนี้สินที่ลดลง โดยประกันแบบแรกก็จะมีค่าเบี้ยแพงกว่า
6.   ประกันสินเชื่อบ้านจะไม่คืนเงิน แม้คู่สัญญาจะมีชีวิตอยู่จนครบกำหนดสัญญาก็ตาม
7.   ถ้าเราจะรีไฟแนนซ์ไปธนาคารอื่นนั้น วงเงินคุ้มครองที่เหลืออยู่สามารถเปลี่ยนชื่อผู้รับประโยชน์เงินธนาคารใหม่ได้โดยไม่ต้องทำประกันใหม่ หรือเราจะเลือกเวนคืนเอาเงินประกันที่เหลือก็ได้
8.   ประกันสินเชื่อบ้านที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไปสามารถลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาได้
9.   เราจะทำประกันสินเชื่อบ้านหรือไม่ก็ได้ ฉะนั้นหากถูกธนาคารบังคับเราไม่จำเป็นต้องทำ
10.   ประกันสินเชื่อบ้านเราสามารถที่จะยกเลิกหรือเวนคืนได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในการเวนคืนนั้นก็ขึ้นอยู่กับตารางกรมธรรม์ของแต่ละธนาคารด้วย
แต่ที่เราได้กล่าวไปนั้นก็เป็นข้อควรรู้เกี่ยวกับการสินเชื่อบ้างซึ่งการที่ธนาคารอยากให้เราทำไว้นั้นก็เพื่อเป็นการการันตีว่าหากผู้เกิดเสียชีวิตขึ้นมาในระหว่างสัญญานั้นอย่างน้อยทางธนาคารก็มีเงินที่ได้จากการประกันชีวิตที่ให้เราได้ทำประกันไว้ในการชดเชยกับหนี้ที่เราได้กู้สินเชื่อเพื่อไผซื้อบ้านนั่นเอง