ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


สปอยล์หนัง Chef (เชฟจ๋า)

ออฟไลน์ ThaiFranchise

  • รวมธุรกิจไทย!
  • *****
  • 1237
  • จุดนัดพบของคนทำธุรกิจแฟรนไชส์
    • ดูรายละเอียด
    • ศูนย์รวมข้อมูลแฟรนไชส์ใหญ่สุดในไทย
สปอยล์หนัง Chef (เชฟจ๋า)
« เมื่อ: เมษายน 03, 2020, 06:48:37 AM »
สปอยล์หนัง Chef (เชฟจ๋า)


พบกับ ไทยแฟรนไชส์สปอย การสปอยหนังที่ไม่อยากให้คุณรอคอย! ภาพยนตร์เรื่อง Chef (เชฟจ๋า) ถือเป็นอีกหนึ่งในภาพยนตร์ที่ใครหลายคนอาจไม่คุ้นหูนัก แต่หารู้ไม่ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนที่หมดหวังและกำลังจะยอมแพ้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการนำเสนอเรื่องราวของเชฟฝีมือดีคนหนึ่งที่มีความเป็นอีโก้สูง แต่กลับถูกไล่ออกจากอาชีพที่ตนรัก เขาจึงพยายามลุกขึ้นและกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาอีกครั้ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้น เราลองมาดูกันเลย

ภาพจาก https://imdb.to/33mzlne

เปิดเรื่องมาคาร์ล แคชเปอร์ หัวหน้าเชฟที่มีพรสวรรค์ในการทำอาหารกำลังลงครัวทำอาหาร เขาไปรับลูกชายเพื่อไปเที่ยว ระหว่างที่คาร์ล พาลูกชายไปเที่ยว คาร์ล ได้บอกกับลูกชายของตนว่า จะมีนักวิจารณ์มารีวิวอาหารของเขา และเขาให้ความสำคัญกับการอาหารของเขาเป็นอย่างมาก
 
ภาพจาก https://bit.ly/3b4YsOm

เมื่อเขาได้กลับมาลงครัวอีกครั้ง ผู้จัดการได้มาพูดคุยกับเขาเรื่องการเปลี่ยนเมนูอาหาร ซึ่งคาร์ลเองยังคงยืนกรานที่จะทำเมนูอาหารตามที่เขาอยากทำ อีกทั้งเขาบอกกับผู้จัดการว่า ได้ตกลงพูดคุยกันเรื่องนี้แล้ว แต่ผู้จัดการได้เสนอไอเดียการทำอาหารเพื่อให้นักวิจารณ์ติชมร้านอาหารกับอาหารของเขาเป็นไปในทางบวก ซึ่งเหตุผลที่คาร์ลต้องการเปลี่ยนเมนูอาหารนั้น เป็นเพราะว่าเขาต้องการทำเมนูอาหารใหม่ ๆ ไม่ซ้ำซากจำเจ และดูมีศิลปะ แต่ผู้จัดการแย้งว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการทำอาหารที่เป็นศิลปะเพราะเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจเรื่องความสวยงาม อีกทั้งยังเป็นอาหารที่ขายไม่ดีอีกด้วย แต่คาร์ลยังคงยืนกรานทำอาหารในแบบของเขา

ภาพจาก https://bit.ly/3b4YsOm

คาร์ลได้สั่งการให้ลูกมือเตรียมความพร้อม หลังจากที่คาร์ลทำอาหารให้กับนักวิจารณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาร์ลได้ออกไปฉลองกับลูกทีมด้วยความมั่นใจว่า อาหารที่นักวิจารณ์ได้ชิมนั้น จะต้องมีรีวิวไปในทางบวกแน่นอน แต่เมื่อเขาอ่านรีวิวของนักวิจารณ์แล้ว กลับพบว่าเป็นการรีวิวแบบลบ จนทำให้คาร์ลถึงกลับรับไม่ได้เป็นอย่างมาก

คาร์ลยังฉุนกับเรื่องการรีวิวอยู่ เขายังคงพยายามทำอาหารต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน พยายามทำเมนูใหม่ ๆ ที่คิดว่าจะต้องถูกปากนักวิจารณ์ และทำให้นักวิจารณ์ต้องเปลี่ยนใจ คาร์ลได้ให้ผู้ช่วยของเขาชื่อมาร์ตินกับคนอื่น ๆ ลองชิมอาหารที่เขาทำดู ซึ่งทุกคนได้ตอบแบบยกนิ้วโป้งให้

ภาพจาก https://bit.ly/3b4YsOm

เมื่อคาร์ลได้เรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้แล้ว คาร์ลจึงวานให้ลูกชายสมัครสมาชิกทวิตเตอร์ แต่ในขณะที่ลูกชายกำลังค้นหาชื่อที่ใช้ในการสมัครนั้น ลูกชายพบว่า รีวิวอาหารของเขาได้มีการกระจายไปทั่วแล้ว แต่คาร์ลไม่ค่อยสนใจเรื่องนี้เท่าไรนัก เมื่อลูกชายได้สมัครสมาชิกทวิตเตอร์ให้แล้ว คาร์ลจึงติดตามข้อมูลข่าวสารที่มีการนำเสนอข่าวตัวเอง แล้วพบว่ามีการนำเสนอมีแต่เป็นไปในทางลบ แล้วจากนั้นเขาได้ตอบโต้นักวิจารณ์ผ่านทวีตเตอร์อย่างเผ็ดร้อน
 
สิ่งที่เขาได้โพสต์ลงไปเริ่มมีการตอบรับมากขึ้น จนทำให้เริ่มมีผู้คนได้ติดตามเขามากขึ้น แต่กระแสร้อนแรงมากขึ้นเมื่อนักวิจารณ์ได้ตอบกลับหาเขาอย่างเจ็บแสบ คาร์ลหัวร้อนจึงท้าให้นักวิจารณ์เข้ามาชิมที่ร้านอาหารของเขาในคืนนี้ คาร์ลมั่นใจว่า อาหารที่เขาทำจะต้องตบหน้านักวิจารณ์คนนั้นแน่นอน

ภาพจาก https://bit.ly/3b4YsOm

เมื่อคาร์ลมาถึงร้านอาหาร เมื่อผู้จัดการได้ทราบข่าวแล้ว ทางผู้จัดการกับคาร์ลเริ่มมีปากเสียงกันในเรื่องการทำอาหาร จนถึงขนาดที่ผู้จัดการจะไล่เขาออกหากไม่ทำอาหารตามที่ผู้จัดการแนะนำ ซึ่งคาร์ลไม่หวั่นกลัวใด ๆ เขาลาออกจากร้านอาหารแต่โดยดี
 
แต่คาร์ลแอบทำอาหารของตัวเองเพื่อตบหน้านักวิจารณ์คนนั้นต่อไป พอนักวิจารณ์เข้ามาในร้านอาหารซึ่งเป็นร้านที่เขาพึ่งถูกไล่ออกมานั้น เขาไม่เห็นคาร์ลโชว์ตัวตามที่ได้ท้า จึงได้โพสต์ข้อความเยาะเย้ยเขาบนทวิสเตอร์ ในขณะที่คาร์ลแอบทำอาหารอยู่นั้น เขายิ่งเลือดขึ้นหัวเมื่อเห็นโพสต์ของนักวิจารณ์คนนั้น คาร์ลจึงรีบดิ่งเข้ามาในร้านแล้วต่อว่านักวิจารณ์อย่างดุเดือด ในขณะเดียวกันมีคนในร้านแอบถ่ายคลิปที่คาร์ลไปต่อว่านักวิจารณ์จนเป็นที่แพร่สะพัดบนโลกออนไลน์ ซึ่งคลิปที่ได้แพร่สะพัดนั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขา

ภาพจาก https://bit.ly/3b4YsOm

จากนั้นคาร์ลได้ใช้เวลานี้ผ่อนคลายกับการไปเที่ยวกับลูกชายและแฟนเก่า และไปพบกับปู่ของเขา ระหว่างที่กินแซนวิซที่ร้านอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันนั้น คาร์ลได้ไอเดียว่า จะทำแซนวิซออกมาขาย โดยคาร์ลรีบดิ่งไปหามาร์ติน ซึ่งเป็นอดีตสามีเก่าของแฟนคาร์ลเพื่อขอรถเร่เก่า ๆ สำหรับขายแซนวิซ  แต่รถเร่ที่มาร์ตินให้มาต้องใช้เวลาทำความสะอาดและปรับปรุงซ่อมแซมยกใหญ่ ทั้งคาร์ลและลูกชายต่างใช้เวลาทำความสะอาดและหาอุปกรณ์เพื่อใช้ในการประกอบอาหาร
 
เมื่อมาร์วิน ผู้ช่วยเชพของคาร์ลทราบว่า คาร์ล กำลังจะทำงานเร่ขายอาหาร มาร์วินไม่รอช้า รีบลาออกมาช่วยงานคาร์ลทันที ทั้งสามคนจึงทำแซนวิซสูตรพิเศษเฉพาะ เริ่มจากให้คนงานทดลองชิมก่อน ซึ่งเสียงตอบรับของคนงานก็เป็นไปได้ด้วยดี

ภาพจาก https://bit.ly/3b4YsOm

เมื่อผลออกมาเป็นบวกเช่นนี้ ทั้งสามคนตระเวนขายอาหารตามเมืองต่าง ๆ โดยคาร์ลจะทำการโพสต์ทวิซเตอร์เพื่อเรียกผู้ติดตามชิมแซนวิซสูตรลับเฉพาะ เมื่อผู้คนได้กินแซนวิซแล้ว ผู้คนส่วนใหญ่ต่างโพสต์วิจารณ์รสชาติแซนวิซของเขาไปในทางบวก จนทำให้แซนวิซของคาร์ลเริ่มติดเทรนบนกระแสโลกออนไลน์
 
ด้วยหลักการตลาดอันชาญฉลาดของลูกชายคาร์ลที่คอยโพสต์สถานที่ที่รถเร่คาร์ลจะไปจอดขาย ทำให้กระแสรถเร่ขายแซนวิซของคาร์ลได้รับความนิยมจนถึงขนาดมีคนรอรถเร่ของคาร์ลล่วงหน้าหลายร้อยคนตามบริเวณเมืองต่าง ๆ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ทั้งสามคนรู้สึกเหนื่อยหรือแท้ กลับกันพวกเขาทั้งสามกลับมีความสุขกับงานที่พวกเขาได้ทำมากขึ้น
 
แต่ความสุขย่อมมีวันจากลาเมื่อคาร์ล ได้บอกลาลูกชาย เนื่องจากลูกชายใกล้จะเปิดเทอมแล้ว แต่เมื่อคาร์ล เห็นลูกชายโพสต์วิดีโอเรื่องราวของพวกเขานั้น ทำให้คาร์ล เปลี่ยนใจให้ลูกชายกลับมาเป็นลูกมืออีกครั้ง แต่คราวนี้มีแฟนเก่าของคาร์ลมาช่วยด้วย
 
ภาพจาก https://bit.ly/3b4YsOm

ต่อมาคาร์ลกลับมาเร่ขายแซนวิซที่ลอส แองเจอลิส ในขณะเดียวกันนักวิจารณ์ที่เป็นคู่ปรับของคาร์ลได้เดินเข้ามาที่รถเร่ของคาร์ลเพื่อขอคุยกับคาร์ลเป็นการส่วนตัว  คาร์ลได้ลงมาจากรถและพูดคุยกับนักวิจารณ์ โดยคาร์ลยังคงรู้สึกโกรธกับเรื่องราวที่ผ่านมาอยู่ แต่นักวิจารณ์ได้ปรับความเข้าใจกับคาร์ลว่า ที่ผ่านมาคาร์ลคิดมากไปเอง เพราะสิ่งที่เขาได้ทำได้โพสต์ไปเป็นแค่การเรียกเรทติ่งเท่านั้น

และที่เขาเขียนวิจารณ์เชิงลบกับเขานั้น เขาให้เหตุผลว่า เขาอยากช่วยเหลือคาร์ล มาตลอด อยากร่วมลงทุนกับคาร์ล เพราะการวิจารณ์เชิงลบจะทำให้ผู้คนหันมาสนใจมากขึ้น โดยนักวิจารณ์ได้เสนองานเชฟที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ เขาให้คำมั่นว่า คาร์ลสามารถทำอาหารได้อย่างอิสระตามใจชอบ ทำให้คาร์ลลืมความขัดแย้งที่ผ่านมาในอดีตหมดและหันมาจับมือกับนักวิจารณ์ในฐานะหุ้นส่วนคนใหม่

ภาพจาก https://bit.ly/3b4YsOm

ฉากสุดท้ายตัดกลับมาที่ 6 เดือนต่อมา คาร์ลได้จัดงานเฉลิมฉลองส่วนตัวในร้านภัตตาคารใหม่ของเขา ซึ่งเป็นงานแต่งงานใหม่ระหว่างคาร์ลกับแฟนเก่าของเขา แล้วหนังก็จบลงเพียงเท่านี้ จะเห็นได้ว่าหนังเรื่องนี้ให้คติสอนใจกับพวกเราได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำในสิ่งที่ตัวเองได้รัก การยอมรับและปรับปรุงความผิดพลาดของตัวเอง และที่สำคัญก็คือ การไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งที่ตัวเองได้รักอย่างสุดหัวใจ สำหรับใครที่กำลังทำในสิ่งที่ตัวเองได้รักและรู้สึกท้อถอย อย่าเพิ่งถอดใจนะครับ แนะนำให้ดูหนังเรื่องนี้แล้วชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน



อัพเดทและติดตามข่าวสาร ได้ที่
Line : @thaifranchise
Twitter : @thaifranchise
Website : www.thaifranchisecenter.com/home.php
Instagram : www.instagram.com/thaifranchise
YouTube : www.youtube.com/user/ThaiFranchise
Blockdit : www.blockdit.com/thaifranchisecenter
Podcast : www.soundcloud.com/thaifranchisecenter
ThaiFranchiseCenter.com | รวมธุรกิจไทย!