คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่คงศึกษาเกี่ยวกับภาวะ ‘โคลิค’ ในเด็กทารกกันมาบ้าง เพราะเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กทารกทุกคน เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะทำให้หลายคนเข้าใจผิดว่าลูกน้อยกำลังเผชิญกับอาการนี้อยู่ เมื่อสังเกตว่าลูกมีอาการร้องไห้ไม่หยุดอย่างต่อเนื่องให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในความจริงแล้วอาจเป็นแค่การร้องไห้ตามปกติก็ได้ เนื่องจากภาวะโคลิคที่เกิดในเด็กทารกนั้น จะมีลักษณะอาการเฉพาะตัวที่ไม่เหมือน
ทารกร้องไห้ ทั่วไป ดังนั้น วันนี้เราจึงมีแนวทางในการสังเกต
อาการโคลิค ในเด็ก เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถประเมินอาการร้องไห้ของลูกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
• ลูกน้อยจะร้องไห้เป็นเวลานานประมาณ 3 ชั่วโมงต่อวัน โดยต้องเกิดขึ้นมากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ และต่อเนื่องติดต่อกันเกินว่า 3 สัปดาห์ ซึ่งเด็กบางคนอาจร้องไห้ติดต่อกันนานถึง 3 เดือน ส่วนอีกจุดหนึ่งที่สำคัญซึ่งต้องหมั่นสังเกตให้ดีคือ การร้องไห้แบบโคลิคจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดิม ๆ ทุกครั้ง เช่น ถ้า เด็กร้องไห้ ในช่วงหัวค่ำไม่เกิน 2 ทุ่ม ก็จะร้องไห้ในเวลาเดิมทุกครั้ง ในขณะที่เวลาอื่นลูกจะอารมณ์ดีร่าเริงหรือร้องไห้แบบปกติ
• ลักษณะการร้องไห้จะมีความรุนแรงต่อเนื่อง ลูกจะแผดเสียงอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีอาการ ลูกร้องไม่หยุด และใช้เสียงแหลมสูงมากกว่าการร้องไห้แบบปกติ อีกทั้งยังมีการแสดงอาการทางร่างกายร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น หน้าแดง อาการเกร็ง กำมือแน่น ชูขาสูงจนมาถึงหน้าอก งอแขนงอขาทั้งสองข้าง
•
ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ไม่ได้เกิดจากหิวนม รู้สึกเปียกชื้น หรือมีอาการเจ็บป่วย และเมื่อพาลูกไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย จะพบว่าลูกมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ดีเหมือนเด็กปกติทั่วไป ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ไม่สามารถสรุปได้ว่าภาวะโคลิคในเด็กทารกเกิดจากสาเหตุใด
ซึ่งหากพบว่าเด็กร้องไห้ไม่หยุดแบบต้องเลี่ยงการดูแลเด็กเพื่อให้เด็กหยุดร้องต่อไปนี้ เพราะอาจจะเกิดผลกระทบต่อร่างกายของเด็กได้
1. งดหาจุกนมปลอมมาใส่ปาก หรือนำของกินต่าง ๆ มาให้กินเพราะเข้าใจผิดว่าหิว และหากการที่ทานเร็วเกินไปอาจจะทำให้สำลักได้
2. เว้นการเขย่าตัวเด็กแรงๆ เพราะ ทำให้อาจมีผลต่อสมองและระบบสายตาได้
3. งดการดุด่า ว่าเด็ก เกิดเป็นความเครียดทั้งพ่อแม่และส่งผลต่อสภาวะอารมณ์ของเด็กได้
4. ไม่ควรปล่อยให้เด็กหยุดร้องไปเอง
โดยปกติแล้ว อาการโคลิค มักจะหายเองเมื่อเด็กอายุครบ 3 – 4 เดือน โดยระหว่างนั้นหากเด็กมีอาการร้องไห้ไม่หยุด คุณพ่อ คุณแม่ควรเข้าปลอบทันทีเลยค่ะ หลังจากนั้นให้อุ้มลูกในท่านั่งแล้วโยกตัวเบา ๆ หรืออุ้มไว้แล้วเดินเล่นไปมาเพื่อช่วยให้ลูกได้ผ่อนคลาย อาจจะนวดที่ท้องเบาๆ ในขณะเดียวกันควรห่อตัวลูกให้อุ่นด้วยผ้าห่มและอุ้มลูกแนบอก เพื่อเพิ่มความอบอุ่น
และอย่าลืมเมื่อหลังลูกทานนมหมดแล้ว ก็ให้เด็กเรอด้วย อย่างไรก็ตามหากพบว่าลูกน้อยมีอาการร้ายแรงในระหว่างที่ร้องไห้ เช่น ร้องนานเกินกว่าที่เคย หรือร้องเสียงดังเสียงแหลมกว่าปกติ กระสับกระสายอย่างเห็นได้ชัด อาเจียนเป็นสีเขียว อุจจาระเป็นเลือด ลูกตัวอ่อนไม่มีแรง มีไข้สูงเกินกว่า 38 องศาเซลเซียส หายใจแรง ตัวเขียว หรือมีอาการชัก คุณพ่อคุณแม่ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ในทันทีเพื่อรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อได้รับการรักษาอย่างดี