การทำประกันระยนต์ ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญในสมัยใหม่นี้ หรือที่เรียกว่าสมัย 4.0 ไม่ว่าจะเป็นการ
ประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือการทำ
พรบรถยนต์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการ
ประกันรถยนต์อีกชนิดหนึ่งที่เป็นภาคบังคับให้รถยนต์ทุกคันต้องมี แม้ว่าการ
ประกันชั้น 1 ราคาเบี้ยจะสูงกว่าการประกันทุกประเภทก็ตาม แต่ผู้เอาประกันก็ยังไม่หวั่นเนื่องจากพวกเขาจะดูที่ความคุ้มครองที่คุ้มค่าคุ้มราคา และการบริการของบริษัทประกันเป็นหลัก โดยเฉพาะเรื่องการเคลม
ส่วน
ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้างนั้น ก่อนที่จะทำประกันก็คงได้เปรียบเทียบทุกอย่างแล้วว่าเป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองที่น้อยกว่าแม้ว่าจะมีอัตราเบี้ยที่ถูกกว่าก็ตาม แต่ความคุ้มครองก็ลดลงตามส่วน เราลองมาดูเงื่อนไขการประกันรถยนต์กันดีกว่า
การประกันรถยนต์ คือ การประกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถยนต์โดยประมาท เป็นการประกันภัยและให้ความคุ้มครองต่อผู้ประสบภัยจากรถ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2536 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อคุ้มครองผู้ได้รับอันตรายทั้งต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของผู้ประสบภัยเนื่องจากรถที่ใช้หรืออยู่ในเส้นทางจราจรหรือไม่ก็ตาม หรือเนื่องจากสิ่งที่บรรทุกหรือติดตั้งในรถคันนั้น ซึ่งได้แก่การประกันภัยภาคบังคับ หรือที่รู้จักกันว่า พรบ รถยนต์ นอกจากนี้ ยังมีการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่ผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกซื้อความคุ้มครองได้หลายรูปแบบตามความต้องการ
1. การประกันรถยนต์ภาคบังคับ หมายถึง เจ้าของรถยนต์ทุกคันต้องจัดทำประกันภัยรถยนต์ของตนเองตามความคุ้มครองที่พรบ. กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ได้แก่ การประกันภัยคุ้มครองสำหรับผู้ประสบภัยจากรถ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “พรบ รถยนต์” นั่นเอง เป็นการประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ที่กำหนดให้เจ้าของรถซึ่งเป็นผู้ใช้รถ หรือมีรถไว้เพื่อใช้ต้องจัดให้มีการประกันภัย พ.ร.บ. (เว้นแต่ รถที่ พ.ร.บ.ฯ ระบุยกเว้นไว้ เช่น รถของสำนักพระราชวัง รถสำหรับเฉพาะองค์พระมหากษัตริย์ รถของกระทรวง ทบวง กรม เป็นต้น) มิเช่นนั้นจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท
2. การประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ หมายถึง การที่เจ้าของรถแต่ละคันได้ตกลงใจทำประกันภัยรถยนต์ของตนเองด้วยความสมัครใจ เพื่อคุ้มครองความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับตัวรถ และ/หรือบุคคลภายนอก ตลอดจนชีวิต และทรัพย์สิน ด้วยการชดใช้สินไหมที่สูงเกินกว่าที่ผู้เอาประกันจะรับได้ โดยการให้บริษัทประกันมาเป็นผู้รับผิดชอบแทน
อัตราเบี้ยประกันภัย ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง นอกจากผู้เอาประกันจะต้องทราบเรื่องการประกันทั้ง 2 อย่างที่ว่าแล้ว อันได้แก่ การประกันภัยภาคบังคับ และการประกันภัยภาคสมัครใจ ผุ้เอาประกันควรทราบในเรื่องสำคัญอีกเรื่องซึ่งได้แก่อัตราค่าเบี้ยประกันที่ท่านต้องจ่ายเพื่อแลกกับความคุ้มครองให้แก่ผู้รับประกัน หรือบริษัทประกันภัยรถนต์นั่นเอง
1. อัตราค่าเบี้ยประกันรถยนต์ภาคบังคับ หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จะแบ่งตามประเภทของรถ เช่น รถยนต์ รถบรรทุก รถมอเตอร์ไซต์
2. อัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้
• เบี้ยประกันภัยพื้นฐานตามประเภทของรถแต่ละคัน
• กลุ่มของรถยนต์ ได้แก่ รถยนต์นั่นส่วนบุคคล รถกระบะ เป็นต้น
• ลักษณะการใช้รถ ใช้ประจำ หรือนาน ๆ ใช้ครั้งหนึ่ง
• อายุรถยนต์ เช่น รถใหม่ หรือรถเก่า
• ขนาดรถยนต์วักจาก ซีซี.ของรถแต่ละคัน
• จำนวนเงินเอาประกันภัย หรือทุนประกันนั่นเอง
• อายุผู้ขับขี่ เช่น วัยรุ่น วัยกลางคน หรือผู้สูงอายุ
• อุปกรณ์เพิ่มพิเศษ (ถ้ามี)