การเคลมประกันมีอะไรบ้าง

[อัญณา]

ประกัน ชั้น 1 เคลม อะไร ได้ บ้าง หรือมีประกันแบบไหนบ้าง เรามีรายละเอียดมาฝาก เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ สิ่งที่เสียหายที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ รถยนต์คันที่เกิดอุบัติเหตุ และตามความเข้าใจสิ่งแรกที่ผู้ขับขี่จะต้องทำ คือ รีบโทรแจ้งบริษัทประกันภัยที่ตนทำประกันไว้ทันที เพื่อให้พนักงานเข้ามาเจราจาไกล่เกลี่ย ไปจนถึงทำเรื่องเคลมประกันภัยรถยนต์แต่วิธีนี้ง่ายและถูกต้องแล้วหรือหลายท่านคงจะบอกว่าไม่ง่ายอย่างที่พูดนะ
ส่วนการ ซื้อประกันรถยนต์ ที่ไหนดีหรือใครจะ ซื้อ ประกัน รถยนต์ ออนไลน์ ก้ควรหารายละเอียดต่างๆ ให้ดี รวมไปถึงการเคลมประกันให้ง่ายและรวดเร็วนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ทำประกันทั้งหลายต่างให้ความสนใจและต้องการที่จะให้เกิดขึ้นเพราะเท่าที่เจอมันไม่ใช่เริ่มตั้งแต่พนักงานมาถึงที่เกิดเหตุช้า ตกลงกับคู่กรณีไม่ได้ ตกลงกับประกันฝ่ายคู่กรณีไม่ได้ ประกันภัยไม่ยอมจ่าย แถมขั้นตอนอื่น ๆ ที่วุ่นวาย ยุ่งยากอีกมากมาย มาดูกันดีกว่าครับว่ามีวิธีไหนที่เราจะสามารถเคลมได้เร็ว และเคลมได้ง่ายบ้าง
การเคลมประกัน
1. เคลมแห้ง หมายถึงการเคลมประกันรถยนต์ สำหรับรถที่เกิดเหตุมานานแล้ว แต่เพิ่งมาแจ้งเหตุกับบริษัทประกันภัย เช่น มีรอยขูดขีด เนื่องจากการเฉี่ยวชน เป็นต้น โดยปกติแล้ว การเคลมแห้งมักจะเป็นการเคลมโดยไม่มีคู่กรณี ซึ่งจะทำให้ผู้เคลมประกันเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม บางครั้งอาจจะเป็นความประมาทของเราเอง บางครั้งอาจจะเป็นเพราะคนอื่นถอยมาชนบ้าง หรือเกิดจากสาเหตุอื่นบ้าง ดังนั้น หากเกิดอุบัติเหตุและมีคู่กรณี คุณก็ควรรีบโทรแจ้งไปยังบริษัทประกันภัยในทันที พร้อมทั้งขอข้อมูลของพนักงานที่จะมาเคลมไว้ด้วย เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์มือถือที่ติดต่อสะดวก เพื่อที่คุณจะได้ตามงานได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการจะนำรถเข้าซ่อมที่อู่ คุณควรนำเอกสารต่าง ๆ ไปให้ครบถ้วนด้วย เช่น ใบขับขี่ กรมธรรม์และสำเนาทะเบียนรถ เป็นต้น
2. เคลมสด หมายถึงการเคลมที่รถชนกันในที่เกิดเหตุ และยังมีผู้เสียหายในเหตุการณ์รอพนักงานเคลม หรือเจ้าหน้าที่อยู่ที่เกิดเหตุ ซึ่งการเคลมประเภทนี้ ผู้ขับขี่จะได้รับเอกสารหลักฐานเพื่อใช้ติดต่อเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ในการนำรถไปซ่อม
3. เคลมความเสียหายมาก หมายถึง การเคลมที่เพิ่งจะเกิดขึ้นสด ๆ หรือเกิดขึ้นนานแล้ว แต่ได้รับความเสียหาย
มาก แต่เพิ่งมาแจ้งเหตุ เช่น รถเสียหายจนขับไม่ได้นานเป็นอาทิตย์แล้ว แต่เพิ่งมาแจ้งเหตุ เป็นต้น ทั้งนี้ ในระหว่างการเคลมนั้น พนักงานเคลมจะสอบถามข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ขับขี่และคู่กรณี พร้อมทั้งให้สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าใครถูกใครผิด ซึ่งตรงนี้ ทั้งตัวคุณและคู่กรณีควรที่จะให้ความร่วมมือกับพนักงานครับ ต่อจากนั้น พนักงานก็จะถ่ายรูปตัวรถ สถานที่เกิดเหตุ เมื่อเคลมเสร็จแล้ว พนักงานก็จะสรุปให้ข้อมูลว่าคุณจะต้องดำเนินการอย่างไร ต้องนำรถไปซ่อมที่ไหน พร้อมทั้งสรุปค่าใช้จ่ายที่อาจจะมีเพิ่มเติม และพนักงานเคลมก็จะให้ใบเคลมเพื่อใช้ในการยื่นกับทางอู่ต่อไป อย่างไรก็ตามถ้าคุณเป็นฝ่ายถูก แต่รถของคู่กรณีไม่มีประกันภัย คุณควรกลับไปตรวจสอบข้อมูลกับบริษัทประกันภัยว่า ได้บันทึกข้อมูลอุบัติเหตุไว้ว่าอย่างไร คุณเป็นฝ่ายถูกหรือไม่ หลังจากที่คุณเคลมประกันแล้ว ซึ่งถ้าไม่มีการระบุไว้ คุณอาจจะต้องเสียค่าประกันเพิ่มขึ้นในปีถัดไปได้ครับ