กรดไหลย้อนโรคยอดของคนสมัยใหม่ที่มีความเครียดสูงและไม่ใส่ใจในสุขภาพในตัวเองเท่ากับการโหมงานหนักเ

[สุทัตตาแสงวัน]

 กันเกือบเต็มไม่เบาเพราะโรคภัยตรงนี้เป็นโรคของคนรีบไม่ใส่ใจควบคุมตัวเองให้ดี เนื่องจาก ในยุคนี้คนไม่นิยมทานข้าวเช้า ทั้งๆที่เป็นมื้อหลักของทิวากาลแต่จะรวบเอามื้อเช้าพร้อมทั้งมื้อมัธยมวันเอาไว้เพื่อกันแต่จะทานกาแฟสนองเช้า ซึ่งกาแฟนั้นของที่ส่งผลร้ายแก่กระเพาะที่ว้างเวิ้งอาหารเป็นอย่างไม่เบา แล้วข้างหลังจากตื่นสเก๊ตช์กายของเรานั้นท้องจะว่างมากสามารถหรือซึมซับคาเฟอีนจำนวนมากเอาไว้ได้อย่างแน่ สมัยนิยมทำให้ถองกาแฟเป็นหลักกับขนมปังที่มีแม่น้ำลำคลองต้นตาลโด่งทำให้สเก๊ตช์กายไม่ได้รับสสารอาหารที่แค่พอเพื่อมื้อเช้าที่จำเป็น แต่กลับไปทำร้ายด้วยกาแฟและตาลแทนของกินดี จึงทำกลายเป็น กรดไหลย้อน
 นั้นอาจจะไม่ใช่เนื่องจากเครียดอื้อซ่ารุ่งโรจน์ หรือได้มาความรู้น้อยลงเพราะเครียดนั้นคนทุกยุคเครียดและมีความลำบากไม่แพ้กัน  กรดไหลย้อน


 มากคนในยุคตรงนี้เลย เพราะคนในยุคนั้นใส่ใจกับในตลอดๆมีและเลือกรับประทานอย่างไรก็ดีขอสดสะอาดและมีค่า เช่น ในตอนเช้าก็จะหาอะไรรับประทานง่ายๆ และมักจะเป็นอาหารการกินแม่พิมพ์อ่อนๆอาทิอาทิเช่น โจ้ก เกาเหลา ภัตเคี่ยวพร้อมด้วยผักผลไม้ต่างๆ เพราะว่าหลีดเลี่ยงอาหารแห่งมีรสจัด แต่จะทานอาหารให้ถ้วนพวกแหล่งสุดเท่าที่จะทำได้นั้นจึงเป็นสาเหตุเมื่อเปรียบเหมือนเทียบอัตรางานบังเกิดโรค กรดไหลย้อน
 ทำไมคนในนี้ถึงทำงานฉลองหนักกัน คำถามของผู้ใหญ่ที่มีแก่ลูกหลานในตอนนี้ เพราะในสายตาของคนยุคเก่าที่ทุกอย่างเปล่ารีบและคนไม่ได้แข่งขันกันนี้และที่สำคัญหมายถึงคนไม่ได้ขึดติดกับวัตถุการกำหนดมากขนาดนี้นั้น ในยุคนั้นอาจจะหมายถึงยุคที่มีสงครามต้นข้าวหมากแพงก็จริง อย่างไรก็ดีคนในยุคนั้นก็ยังคงใช้ชีวิตได้ดีและมีบรรทัดรากในการใช้ชีวิตที่ดีมากกว่าคนในกาลสมัยนี้เป็นวิธีไม่เบา ยกตัวทำนองง่ายๆเช่น คนในยุคนี้เป็นโรคภัย กรดไหลย้อน
 ขึ้นได้ แต่แห่งแล้วมิใช่ล่วงแกงกะทินั้นหมายถึงไขมันดีที่มีอยู่ในธรรมบ้านเมืองและสเก๊ตช์เชี่ยวชาญนำไปใช้ได้ล่วงพ้น จึงเป็นไขมันส์ดีที่ข้าสามารถบริโภคได้อย่างไรก็ตามกล้าจะจงจำกัดการทานไม่ช้า เพราะอย่างไรสะก็ขึ้นนามว่ามันกะทิ แล้วจึงอาจจะส่งผลมิดีพร้อมกับร่างร่างได้ อะไรที่รับประทานอื้อซ่าเกินไปก็มิดี จงบริโภคแต่พอดีจึงจะเหมาะสม เพราะมื้อกลางวันนั้นสำคัญเปล่าแพ้มื้อเช้าเลยเพราะร่างกายจะนำพลังงานนี้ไปใช้ตลอดช่วงที่เราต้องนั่งทำ และนั่งศึกษาจึงต้องหมายถึงงานแหล่งสมเพื่อให้ให้ร่างร่างนำหยิบยกไปใช้ได้ทันที และลดตำแหน่งความเสี่ยงในการที่จะเป็นโรค กรดไหลย้อน

 ตามสมัยนิยมอีกเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากเทียบเข้ากับคนในยุคก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าเค้าจะอยู่ในข้าวยากหมากมีสงครามกับเมืองต่างๆมากมาย แต่คนยุคนั้นก็ไม่ชินได้มายินว่าร้ายมีใครที่จะโรคกรดไหลย้อน กรดไหลย้อน
 ของคนในกาลสมัยตรงนั้นพร้อมกับคนในยุคนี้ตรงนั้นจึงมีจำนวนต่างกันมากเพราะว่าคนในก่อนทานอาหารที่แตะต้องต้องตามหลักโภชนาการ และเหมาะสมในแต่ละมื้อ เช่นในช่วงเช้าจะทานอาหารอ่อนเน้นผลท่อนไม้ เพราะกระเพาะอาหารยังคงว่างมากเสด็จเปล่าพร้อมย่อยของหนักๆ ปานกลางวัน ก็จะทานหนักขึ้นเน้นเนื้อไม่มันและ คืออาหารแหล่งเกือบเต็มข้างอยู่อาจจะคือกะทิก็ได้เพราะคนอาจจะใจผิดว่าแกงกะทิไม่ดีเพราะมันส์ทำให้อ้วนและอาจจะทำให้บังเกิดความเจ็บไข้ กรดไหลย้อน
  ซึ่งวัตถุปัจจัยการใช้ชีวิตอย่างถูกต้องทำมอบคนในยุคเพรงมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขทัศนียภาพแห่งดีกว่าคนในยุคนี้ แต่ก็เป็นเรื่องน่าฉีกแนวที่คนในสมัยก่อนนั้นไม่ได้มีความรู้และได้มาเรียนรู้สสารสาระอย่างง่ายดายเหมือนพร้อมกับคนในปัจจุบัน ทั้งๆที่ในยุคนี้การเสพพาหะใช่ไหมหาข้อมูลความนั้นง่ายแสนง่ายรวมหมดๆที่ทั่วทำนองอยู่แค่บนฝ่ามือ อย่างไรก็ตามกลับมีการใช้ชีวิตที่ไม่ดีเท่าคนในยุคก่อนที่ไม่มีการตัวนำสารแห่งดี และไม่มีเทคโนโลยีด้วยมาให้ความรู้เลย บางคนแทบจะอ่านตำราไม่ออกด้วยใหม่อย่างไรก็ดีเค้าก็สามารถใช้ชีวิตได้ทำนองดีพร้อมทั้งมีคุณทิวภาพมากกว่าคนในยุคตรงนี้มากจริงๆ นี้จึงเป็นเรื่องน่าคาดคะเนนินทาแหล่งคนในกาลสมัยเป็น กรดไหลย้อน
 ได้อื้อซ่า พร้อมทั้งในมื้อเย็นเพราะว่าปกติคนไทในสมัยก่อนจะนิยมกินเครื่องใช้ไม่มันและเลือกทาผักมากขึ้น เนื่องจากจะไปโปรดสละกระเพาะอาหารทำงานได้ดีขึ้นในขณะหลับไหล ทั้งยังรับประทานเร็วกว่าคนในกาลสมัยนี้อีกด้วย เพราะคนในยุคนั้นทานค่ำข้อความย่อยประมาณหกโมงหนาวและจะกินเสร็จตอนประมาณหนึ่งทุ่มตรง ไม่ใช่ว่าเพราะไม่มีไฟฟ้าพร้อมด้วยกลัวว่าจะมองดูกับข้าวไม่แลเห็นเค้ามีความเชื่อว่าการทานรวดเร็วทันใจจะทำให้ ดีต่อกระเพาะอาหารมากกว่าทั้งยังสบายท้องมากกระทั่งยุคสมัยนอนด้วย เพราะกว่าจะนอนก็ประมาณทุ่มซึ่งห่างจากมื้อสุดท้ายสี่เดนนรกโมง ซึ่งคือที่สเก๊ตช์ร่างได้แบ่งของกินส่วนบนไปบางส่วนทำอาหารท้องพร้อมทั้งหมายถึงโรค กรดไหลย้อน