ตำนานแห่ง กำเนิด ลิปสติก งานเดินทางแห่งกรณีสง่างาม ของวนิดาสาว

[สุทัตตาแสงวัน]

 นั้น ต้องย้อนเวลาไปไกลบรรลุในช่วงเวลายุคของ สาวๆในกาลเวลาเมโสโปเตเมีย หรือกว่า 5,000 ปีก่อนเชียวนะคะ โดยสาวๆสมัยตรงนั้นจะนำอัญมณีล้ำประโยชน์ต่างๆมาบดให้เป็นผง แล้วประณีตภูษิตแต้มลงบนใบข้างหน้า รวมหมดบริเวณรอบโชคชะตาตาพร้อมทั้งการทาลงบนริมฝีปากค่ะ ด้วยกันในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ก็มีหลักฐานสิ่งชัดเจนที่แสดงให้เห็นว่า ดึงๆในยุคโบราณนั้นมีการทาริมฝีปากเพราะด้วยสีแดงเพื่อเพิ่มสีสันเรียวปากให้สดใส ลูกจากการค้นพบหลักฐาน ณ ที่แบนเรียบลุ่มเมโสโปเตเมีย ได้ขุดค้นพบกล่องใบหนึ่ง และสิ่งที่บรรทุกอยู่ในกลักโบราณนั้นก็คือ สีทาปาก นั่นเอง แถมยังมีแบบอย่างฐานอีกจากการค้นพบกระดาษปาปิรุสโดยบนกระดาษนั้นเป็นภาพหญิงสาวชาวอียิปต์กำลังถือคันฉ่องและแต่งแต้มเรียวยาวโอษฐ์อยู่  ข้างนอกจากนี้ยังมีประเด็นมูลบ่งไว้ว่าเหน้าๆในยุคโบราณตรงนั้นต่างชื่นชอบพร้อมกับมักนิยมเติมสีสันให้แก่เชิงฝีปากด้วยผลเบอร์รี่สีแดงและแม่น้ำผลไม้สีสดชนิดต่างๆอีกด้วยอย่างไรก็ยอมในกาลสมัยเก่านั้น เรื่องของ ลิปสติก

[youtube]youtube.com/watch?v=W3s0sFbwkzg[/youtube]
 กับหญิงรุ่นนั้น ก็กลายเป็นเรื่องอยู่ยมลกันมาโดยตลอด มีบางช่วงที่การทาสีปากนั้นเปลี่ยนแปลงเป็นตัวแทนสัญลักษณ์ในทางเขตไม่ดี เช่น ในกาลเวลาก่อนก็มีความฟังที่ว่า หากหญิงสาวคนไหนทาปากคือสีแดง ก็จะมีการกล่าวหาว่านางคนนั้นเป็นแม่มด โดยเชื่อกันว่างานกินสีภูษิตแต้มทาปากนั้นเนื่องมาจากสัมผัสการเย้ายวนเพศชาย อีกทั้งในช่วงยุคมืดและยุคตอนกลาง งานทาโอษฐ์นั้นก็แปรไปเป็นสิ่งต้องห้ามในสังคมชั้นเถินของยุโรป เหตุเพราะเปลี่ยนไปเป็นรูปแทนข้าวของหญิงชั้นน่ารังเกียจและกลุ่มหญิงค้าบริการ หรือกะหรี่นั่นเองค่ะ นอกไปตรงนี้ ยังมีในโปร่งเวลาที่การทาลิปนั้น กลายเป็นที่นิยมกันในหมู่ผู้ชาย โดยตอนหลังชายหนุ่มในสมัยตรงนั้นจะมีการแต่งสิ่งแบบเต็มยศพร้อมด้วยมีงานใช้วิกผมด้วย โดย จอช วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกข้าวของสหรัฐอเมริกา ก็แบบทาโอษฐ์ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในสมัยนั้นถือเป็นการแสดงออกลูกอาบันชนฐานะและสถานะ อีกด้วย ลิปสติก

  จ้ะ ด้วยสีสันที่เป็นได้สร้างสรรค์ได้หลากหลายเฉดสี เมื่อเกาะมาแต่งคะแนนลงบนเชิงฝีปากของหญิงเหน้าแล้ว จะช่วยเหลือทำส่งเสียใบหน้าของสาวๆดูโดดเด่นสะดุดตาขึ้นมาทันที แม้ว่าคนที่มิฮิตประดับหน้าเกลาตาใดๆพ้นก็ตาม เพียงแค่แต้มลิปสีบางๆลงบนชายฝีปากเบาๆ ก็ทำให้หน้าตาดูเก๋ไก๋สดชื่น ดูสุขภาพดีขึ้นทันทีล่วงเลยทีเดียวประวัติของ ลิปสติก
 เรื่องของความวิจิตรความงามสำหรับหญิงสาวนั้น แน่หลับไหลว่าเป็นสิ่งที่สาวๆต่างให้ความสำคัญมาเป็นอันดับหนึ่งเลยใช่ไหมคะ?  ขึ้นฉายาว่าเกิดหมายถึงผู้หญิงแล้วน้อยคนนักที่จะไม่สนใจบทสวยๆสวยงามๆนะคะ ความรักความชอบในงานแก้ไขอวัยวะทรงเครื่องให้สวยงามงามน่ามอง เป็นสันดานที่ติดหนี้ตัวมาโด่อย่างไรก็ดีอุบัติของผู้หญิงสาว เกินทีอันเดียวเครื่องสำอางเป็นเครื่องย่านได้รับกระแสความนิยมจนเรียกว่ากลายเป็นปัจจัยที่สำคัญในการใช้ชีวิตในวงการสมัยใหม่นี้ไปแล้ว โดยเฉพาะสาวๆถิ่นออกไปทำงานนอกบ้าน จงพบปะผู้คนมากมาย เพราะด้วยตำแหน่งและหน้าที่ ทำสละจำเป็นต้องสร้างบุคลิกที่น่าศรัทธาถือ เนื่องจากรูปลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเปล่าแพ้ข้อคดีรู้ความสามารถและทักษะในการทำงานเลยนะคะ ดุจนั้นสาวๆช่วงเวลาตรงนี้จำเป็นอย่างล้ำที่จะจำต้องพึ่งพาเครื่องมือสำอางเป็นตัวช่วยเพื่อเสริมบุคลิกอุดหนุนน่าดูเชิญชวนมองจ้ะหนึ่งในเครื่องสำอางที่เก่งช่วยก่อสร้างเสริมบุคลิกภาพให้พร้อมทั้งสาวๆนั้น ก็คือ  ลิปสติก
 เริ่มมีสีสันและก้าวเข้าสู่สังคมในฐานะสินค้าทางธุรกิจที่รุ่งเรือง ตั้งแต่เวลา 1930 โดยครามครันธุรกิจสาว นามว่า อลิสซาเบธ อากากเดน เจ้าของบ. Elizabeth Arden, Inc ผู้นำเทรนด์งานทาลิป พร้อมกับทำการรังสรรค์สรรค์ผลิตเฉดสีของลิปให้หลากมาก และสวยงามยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามสาวๆในยุคตรงนั้นก็ยังคง เขินอาย ไม่เบาเก่งกาจชำระคืนกันสักทันไหร่ เพราะข้อความเชื่อในสมัยนั้นว่าสาวๆที่ทาลิปสติก ลิปสติก
 จะถูกเหรียญหน้าว่าเป็นหญิงงดงามเมือง เด็กสาวรวมหมดหลายต่างถูกกีดกันปรามไม่ให้แต่งใบหน้าเพราะสังคมในเวลานั้นยังไม่ยอมรองเท่าที่อยู่สมควร จนกระทั่งปี 1950 ในสมัยที่นักแสดงฮอลลีวู้ดเริ่มกลายเป็นไอดอลของวัยแรกรุ่นๆในกาลเวลานั้น ดารานำอย่าง มาริลีน มอนโรว์ และ อลิสซาเบธ เทย์เลอร์ ทำให้กระแสการทาโอษฐ์ กลับมาอีกคราว โดยเฉพาะ เทย์เลอร์ นั้น คลั่งใคล้งานทาลิปสีแดง มากเสียจนบอกห้ามไม่ให้นักแสดงคนอื่นๆในกองทาโอษฐ์สีชะโอนอย่างเดียวกับเธอล่วงทีเดียวพร้อมด้วยในปี 1952 นฤปัตนี อลิสซาเบธที่ 2 ก็ทรงยอมรับสั่งการให้ทำลิปสีพิเศษขึ้นมาโดยเฉพาะ โดยเป็นสีแดงเฉดหนึ่งเดียวกับแพรพรรณคลุมของพระองค์ เพราะใช้สมญาลิปสีวิเศษนี้ว่า The Balmoral Lipstick ส่วนในประเทศเมืองไท ลิปสติก