งาน SMEs ไทยเข้มแข็ง 2010 (ระดับประเทศ) สสว.นำร่องโครงการ SMEs ไทยเข้มแข็ง จัดงานเปิดตลาดเอสเอ็มอี 20 จังหวัดทั่วประเทศ ประเดิม จ.เชียงใหม่ เชื่อเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ และมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีภูมิปัญญาไทย ผลิตสินค้าเชิงสร้างสรรค์ ในภาคเหนือ คาดเงินสะพัดรวม 20 จังหวัด กว่า 1,000 ล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. เปิดเผยถึงการจัดงาน SMEs ไทยเข้มแข็ง 2010 (ระดับประเทศ) ว่า ทางสสว.ได้จัดเตรียมงานดังกล่าวขึ้น โดยเป็นโครงการที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการส่ง เสริมธุรกิจเอสเอ็มอี ภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งเป็นความร่วมมือกับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
จัดงานนี้ขึ้นที่หอประชุมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 8-10 เมษายน 2553 ทั้งนี้งาน SMEs ไทยเข้มแข็ง 2010 ทางสสว. หวังให้เป็นงานช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ของจังหวัด หรือภูมิภาคนั้นๆ ที่คนไทยสามารถมาเลือกซื้อสินค้าราคาถูก รวมถึงผู้ประกอบการยังได้พบปะกับผู้ซื้อโดยตรง หรือพบปะกับผู้ประกอบการด้วยกันเอง ที่อาจนำไปสู่การเจรจาธุรกิจ หรือสั่งซื้อวัตถุดิบในกรณีที่ผลิตสินค้าที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งสินค้าที่สามารถนำมาจัดแสดงภายในงานจะต้องอยู่ภายใต้ 5 เงื่อนไขหลัก คือ
Small คือ สินค้าเอสเอ็มอีและผลิตภัณฑ์ชุมชนซึ่งเป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก
Smart เป็นสินค้าเอสเอ็มอีที่มีความทันสมัย ก้าวทันยุค
Special สินค้าที่มีนวัตกรรม ไอเดีย และดีไซต์ที่โดดเด่น รวมถึงต้องมีกระบวนการบริหารจัดการ
Strength สินค้าต้องมีความโดดเด่นและประสบความสำเร็จ และ
Success การถอดรหัสความสำเร็จและบทเรียนความล้มเหลว ก้าวสู่การเรียนรู้สู่ความเข้มแข็งของธุรกิจ และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจเอสเอ็มอี และเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็ง
“ปัจจุบันถือว่าภาคธุรกิจเอสเอ็มอีมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยได้มาก จากจำนวนของผู้ประกอบการที่มีอยู่ประมาณ 2.82 ล้ายราย หรือคิดเป็น 99.7% ส่งผลให้มีมูลค่าประมาณ 3.44 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 38% ของจีดีพี และมีการจ้างงานเกือบ 9 ล้านคน ในขณะที่มูลค่าการส่งออกประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งธุรกิจเอสเอ็มีประมาณ 70% กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย ซึ่งงานนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรวม 20 จังหวัด ภายในเดือนกันยายน 2552 นี้” ผอ.สสว กล่าว
นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า ภายในงานนอกจากจะมีการจำหน่ายสินค้าเอสเอ็มอีแล้ว ยังจัดการเสนา เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ, การสาธิตการทำผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่นิยมของตลาดทั้งในและต่างประเทศ ที่สามารถนำไปประยุกต์กับธุรกิจได้ และการจัดให้มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมประจำท้องถิ่น เพื่อสนับสนุนศิลปะพื้นบ้าน โดยในอนาคตทางสสว.จะเพิ่มมูลค่าสินค้าพื้นบ้านด้วยการใส่เรื่องราวของท้อง ถิ่นลงไปด้วย เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาอุดหนุนสินค้าที่มาภูมิปัญญาไทยมากขึ้น