หลายคนอาจไม่ทันรู้ตัวว่าตัวเองกำลังมีภาวะหน้าไม่เท่ากัน เพราะเมื่อมองเผิน ๆ ในกระจก ใบหน้ามักดูสมมาตรตามธรรมชาติ แต่ในความเป็นจริง กล้ามเนื้อและโครงกระดูกของใบหน้าอาจมีความต่างเล็กน้อย ซึ่งสะสมจนเห็นชัดเมื่ออายุมากขึ้น ปัญหานี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อบุคลิก การสบฟัน และอาการปวดเมื่อยใบหน้าในระยะยาวได้ หากรู้จักสังเกตสัญญาณตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็สามารถดูแลได้อย่างถูกวิธี
จุดที่หนึ่ง: ระดับคิ้วและตาไม่เท่ากัน
จุดแรกที่บ่งบอกได้ชัดคือระดับของคิ้วและตา หากข้างหนึ่งดูยกสูงกว่าอีกข้าง หรือหนังตาตกไม่เท่ากัน อาจเป็นสัญญาณของกล้ามเนื้อใบหน้าที่ทำงานไม่สมดุล โดยเฉพาะในผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือขมวดคิ้วข้างเดียวจนเกิดการเกร็งสะสม ความไม่สมดุลนี้อาจทำให้โครงหน้าดูเอียงโดยไม่รู้ตัว
จุดที่สอง: แนวแก้มและสันจมูก
เมื่อส่องกระจกด้านข้าง หากสังเกตว่าโหนกแก้มข้างหนึ่งยกสูงหรือแสงตกกระทบต่างกัน นั่นอาจเกิดจาก
โครงสร้างกระดูกใบหน้าที่เอียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของภาวะหน้าไม่เท่ากัน ในบางคน การนอนตะแคงข้างเดิมเป็นเวลาหลายปี หรือการเคี้ยวอาหารข้างเดียวบ่อย ๆ ก็สามารถทำให้กล้ามเนื้อฝั่งนั้นหนาและยืดออก ส่งผลให้ใบหน้าเบี้ยวโดยไม่รู้ตัว

จุดที่สาม: รอยยิ้มและมุมปาก
รอยยิ้มถือเป็นเครื่องมือวัดความสมมาตรที่เห็นได้ชัด หากมุมปากสองข้างยกไม่เท่ากัน หรือฟันล่างบนสบไม่ตรงกลาง อาจเกิดจากกล้ามเนื้อรอบปากไม่สมดุล หรือมีปัญหาโครงขากรรไกรข้างหนึ่งยื่นมากกว่าอีกข้าง ภาวะเหล่านี้ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนโดยที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นเรื่องของอารมณ์หรือพฤติกรรมการยิ้มเท่านั้น
จุดที่สี่: แนวคางและกราม
อีกจุดสำคัญคือแนวคางและกราม หากมองในภาพถ่ายจะเห็นได้ชัดว่าคางอาจเอียงไปด้านหนึ่ง หรือแนวกรามข้างใดข้างหนึ่งนูนเด่นกว่า ซึ่งสัมพันธ์กับพฤติกรรมการเคี้ยว การนอน หรือการเกร็งกล้ามเนื้อกรามจากความเครียด การคลายกล้ามเนื้อเป็นประจำและลดพฤติกรรมซ้ำ ๆ สามารถช่วยลดความชัดของปัญหาหน้าไม่เท่ากัน ได้ในระดับหนึ่ง
ทำไมการสังเกตหน้าไม่เท่ากันจึงสำคัญ
การตรวจสอบความสมมาตรของใบหน้าไม่ใช่เพียงเพื่อความสวยงาม แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาทางสุขภาพในอนาคต เช่น อาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อขากรรไกร หรืออาการปวดต้นคอที่เกิดจากแรงดึงไม่เท่ากัน การดูแลตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เช่น การปรับท่านั่ง ท่านอน และการออกกำลังกายกล้ามเนื้อใบหน้าอย่างสมดุล จะช่วยชะลอและป้องกันไม่ให้ภาวะหน้าไม่เท่ากัน รุนแรงขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น