เคยสงสัยไหมครับว่าทุกเช้าที่เราตื่นมาเปิดก๊อกล้างหน้า หรือเปิดฝักบัวอาบน้ำ น้ำใส ๆ เย็น ๆ เดินทางมาจากไหน? เราแค่หมุนก๊อกนิดเดียว น้ำก็ไหลออกมาอย่างง่ายดาย แต่เบื้องหลังความสะดวกสบายนั้น มีกลไกที่น่าสนใจซ่อนอยู่ นั่นก็คือ ระบบน้ำประปา ในบ้านของเรานั่นเอง
หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว ช่างเท่านั้นที่ต้องรู้ แต่เชื่อเถอะครับว่าการทำความเข้าใจเรื่องนี้เปรียบเสมือนการรู้จักร่างกายของบ้านเราเอง เมื่อเกิดปัญหาน้ำไหลอ่อน น้ำไม่ไหล หรือท่อรั่วซึม เราจะสามารถรับมือเบื้องต้นได้ แถมยังคุยกับช่างได้รู้เรื่อง ไม่โดนหลอกง่าย ๆ อีกด้วย บทความนี้จะพาทุกคนไปผจญภัยในโลกหลังกำแพง เปิดแผนผังการเดินทางของน้ำตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางแบบเข้าใจง่ายที่สุดครับ
ทำความเข้าใจภาพรวมของระบบน้ำประปาในบ้านก่อนจะลงลึกในรายละเอียด เรามาดูภาพรวมกว้าง ๆ กันก่อน ลองจินตนาการว่า
ระบบน้ำประปา ก็เหมือนระบบขนส่งขนาดใหญ่ในเมืองแห่งหนึ่งครับ โดยมีจุดสำคัญ ๆ คือ:
- ถนนหลวง (ท่อประปาสาธารณะ): เป็นเส้นทางหลักที่การประปาฯ ส่งน้ำมาให้เรา
- ด่านเก็บเงิน (มิเตอร์น้ำ): เป็นประตูหน้าบ้าน คอยวัดว่าเราใช้น้ำไปเท่าไหร่
- โกดังเก็บสินค้า (ถังเก็บน้ำ): เป็นที่พักและสำรองน้ำไว้ใช้ในบ้าน
- ซอยย่อย (ท่อน้ำดี): เป็นเส้นทางที่พาน้ำไปสู่ห้องต่าง ๆ
- พนักงานส่งของ (ปั๊มน้ำ): เป็นหัวใจสำคัญที่คอยส่งน้ำจากโกดังไปทั่วทุกจุดในบ้านด้วยแรงดันที่เหมาะสม
- จุดหมายปลายทาง (ก๊อกน้ำ/ฝักบัว): คือที่ที่เราจะได้ใช้น้ำกันนั่นเอง
ระบบน้ำประปาในบ้านทำงานอย่างไร ?เอาล่ะครับ ถึงเวลาเจาะลึกการทำงานทีละขั้นตอนกันแล้วว่ากว่าน้ำจะไหลออกจากก๊อกให้เราใช้ มีการทำงานร่วมกันของอุปกรณ์อะไรบ้าง
1. จุดเริ่มต้น: มิเตอร์น้ำและวาล์วทุกอย่างเริ่มต้นจากท่อเมนของการประปาฯ ที่เชื่อมต่อมายังมิเตอร์น้ำหน้าบ้านของเรา หน้าที่ของมิเตอร์ก็ตรงไปตรงมาคือ "วัดปริมาณน้ำ" ที่เราใช้ เพื่อคำนวณเป็นค่าน้ำนั่นเอง ข้าง ๆ มิเตอร์จะมี "วาล์ว" หรือประตูน้ำตัวแรก ซึ่งสำคัญมาก เพราะมันคือจุดที่เราสามารถตัดการส่งน้ำเข้าบ้านทั้งหมดได้ในกรณีที่เกิดท่อแตกหรือต้องซ่อมแซม ระบบน้ำประปา ครั้งใหญ่
2. ถังเก็บน้ำ: แหล่งสำรองน้ำฉุกเฉินหลังจากผ่านมิเตอร์เข้ามาแล้ว น้ำจะถูกส่งไปเก็บไว้ที่ "ถังเก็บน้ำ" หรือ "ถังพักน้ำ" การมีถังเก็บน้ำดีอย่างไร? ดีมากครับ! เพราะมันช่วยให้เรามีน้ำสำรองใช้ในวันที่น้ำประปาไม่ไหล และยังช่วยให้ปั๊มน้ำทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ ไม่ต้องทำงานทุกครั้งที่เราเปิดก๊อกเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ
3. ปั๊มน้ำ: หัวใจที่ส่งน้ำไปทั่วบ้านนี่คือพระเอกของงานครับ "ปั๊มน้ำ" จะทำหน้าที่ดูดน้ำจากถังเก็บน้ำ แล้วสร้างแรงดันเพื่อส่งน้ำไปยังส่วนต่าง ๆ ของบ้าน ไม่ว่าจะเป็นชั้นบนหรือชั้นล่าง ทำให้เราสามารถใช้น้ำได้อย่างแรงสะใจทั่วถึงกัน ปั๊มน้ำในปัจจุบันส่วนใหญ่เป็นแบบอัตโนมัติ คือจะทำงานเมื่อมีการเปิดใช้น้ำและจะหยุดเองเมื่อเราปิดก๊อก
ท่อน้ำดี: เส้นเลือดหล่อเลี้ยงบ้านเมื่อน้ำออกจากปั๊มแล้ว ก็จะเดินทางผ่าน "ท่อน้ำดี" ซึ่งเปรียบเสมือนเส้นเลือดที่กระจายตัวอยู่ตามผนังและฝ้าเพดาน เพื่อลำเลียงน้ำสะอาดไปรอจ่ายตามจุดต่าง ๆ เช่น อ่างล้างหน้า, ห้องครัว, ห้องน้ำ หรือเครื่องซักผ้า
5. ปลายทาง: ก๊อกน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้าสุดท้าย การเดินทางก็สิ้นสุดลงที่ปลายทางอย่างก๊อกน้ำ, ฝักบัว, สายฉีดชำระ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้น้ำ ซึ่งเป็นจุดที่เราจะได้สัมผัสกับผลลัพธ์ของ ระบบน้ำประปา ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบนั่นเองครับ
ประเภทของท่อที่ใช้ในระบบน้ำประปา เลือกอย่างไรให้เหมาะสม ?การเลือกท่อก็เหมือนการเลือกเส้นทางครับ ถ้าเลือกถูกก็ใช้งานได้ยาวนาน ปัจจุบันท่อที่นิยมใช้ใน ระบบน้ำประปา ตามบ้านเรือนมีหลัก ๆ ดังนี้
- ท่อ PVC (สีฟ้า): เป็นท่อที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีที่สุด หาซื้อง่าย ราคาไม่แพง เหมาะสำหรับใช้เป็นท่อน้ำดีทั่วไปที่ไม่ได้ผ่านเครื่องทำน้ำร้อน เพราะไม่ทนความร้อนสูง
- ท่อ PPR: เป็นท่อสีเขียวหรือสีขาว มีคุณสมบัติเด่นคือทนความร้อนสูงได้ถึง 95 องศาเซลเซียส จึงนิยมใช้กับระบบท่อน้ำร้อนที่ต่อจากเครื่องทำน้ำอุ่น/น้ำร้อนโดยเฉพาะ การเชื่อมต่อท่อชนิดนี้จะใช้ความร้อนเพื่อหลอมให้เป็นเนื้อเดียวกัน ทำให้โอกาสรั่วซึมตามข้อต่อน้อยมาก
- ท่อ PE: เป็นท่อสีดำ มีความยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อแรงกระแทกและแสงแดดได้ดี จึงนิยมใช้สำหรับงานท่อที่ต้องฝังดิน เช่น ท่อเมนที่เดินจากมิเตอร์มายังตัวบ้าน
การทำระบบประปาในบ้าน ราคาแพงไหม ?เป็นคำถามที่ตอบยากนิดหน่อยครับ เพราะราคาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมาก ๆ เหมือนกับการสร้างบ้านที่งบประมาณจะแตกต่างกันไป ปัจจัยหลัก ๆ ที่ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายในการทำระบบน้ำประปา ได้แก่:
- ขนาดของบ้านและจำนวนจุดใช้น้ำ: บ้านหลังใหญ่ มีห้องน้ำหลายห้อง ก็ย่อมต้องใช้ท่อยาวขึ้น อุปกรณ์เยอะขึ้น ราคาก็สูงขึ้นเป็นธรรมดา
- ประเภทของวัสดุ: การเลือกใช้ท่อ PPR ทั้งระบบย่อมมีราคาสูงกว่าการใช้ท่อ PVC หรือการเลือกปั๊มน้ำแบรนด์ดังคุณภาพสูงก็จะมีราคาสูงกว่า
- ค่าแรงช่าง: ช่างแต่ละทีมก็มีอัตราค่าแรงที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับฝีมือและประสบการณ์
ดังนั้น ก่อนตัดสินใจควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเข้าไปประเมินหน้างานและตีราคาเป็นลายลักษณ์อักษรจะดีที่สุดครับ
สรุปเรื่องระบบน้ำประปาในบ้านและทั้งหมดนี้ก็คือการเดินทางของน้ำใน ระบบน้ำประปาในบ้าน ของเราครับ จะเห็นได้ว่าทุกส่วนประกอบทำงานสอดประสานกันอย่างน่าทึ่ง การสละเวลาทำความเข้าใจเรื่องนี้สักนิด ไม่เพียงแต่จะทำให้เราใช้งานน้ำได้อย่างมั่นใจ แต่ยังช่วยให้เราดูแลรักษา "เส้นเลือดใหญ่" ของบ้านได้อย่างถูกวิธี ช่วยยืดอายุการใช้งานและประหยัดค่าซ่อมแซมที่ไม่จำเป็นในระยะยาวได้อีกด้วยครับ