ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ผ่าตัดมดลูก แนวทางการรักษาโรคนรีเวชที่ต้องพึ่งการผ่าตัด

ผ่าตัดมดลูก แนวทางรักษาโรคร้ายแรงสำหรับคุณผู้หญิง

hysterectomy

การผ่าตัดมดลูก เป็นวิธีการที่ช่วยรักษาโรคที่เกิดจากความผิดปกติภายในมดลูกของคุณผู้หญิง โดยหลังผ่าตัดจะต้องมีการดูแลตัวเองเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

การผ่าตัดมดลูก (Hysterectomy) คือวิธีรักษาทางการโรคบางชนิดทางการแพทย์โดยการนำมดลูกออกจากร่างกาย ส่งผลให้คุณผู้หญิงไม่มีประจำเดือนและไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก ทำให้หลายคนที่ต้องเข้ารับการผ่ามดลูกรู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับร่างกายที่เปลี่ยนแปลงไปหลังผ่าตัด ถึงอย่างนั้นการผ่าตัดมดลูกก็เป็นวิธีการสำคัญที่ช่วยรักษาอาการและความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับระบบสืบพันธุ์ของคุณผู้หญิง รวมถึงโรคมะเร็งที่เป็นอันตราย บทความนี้จะมาแนะนำเกี่ยวกับการผ่าตัดมดลูก เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนรักษาให้กับคุณผู้หญิงทุกคน

การผ่าตัดมดลูกใช้ในการรักษาโรคอะไรบ้าง?

ผ่าตัดมดลูกรักษาโรค

แพทย์จะพิจารณาการรักษาโรคทางนรีเวชด้วยการผ่าตัดมดลูก หลังจากที่การรักษาด้วยวิธีอื่นไม่เป็นผล หรืออาการของโรครุนแรงจนอาจเกิดอันตรายกับคนไข้ โดยการผ่าตัดมดลูกสามารถรักษาโรคดังต่อไปนี้

  • โพรงมดลูกมีเลือดออกผิดปกติที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการอื่น
  • เนื้องอกบริเวณมดลูก ส่งผลให้ประจำเดือนมามากผิดปกติ
  • เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และมีอาการค่อนข้างรุนแรง เช่น รู้สึกเจ็บเมื่อมีประจำเดือน
  • อาการตกเลือดระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายกับคุณแม่
  • ภาวะมดลูกหย่อนผิดปกติ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมระบบขับถ่ายได้
  • อาการเจ็บปวดเรื้อรังในอุ้งเชิงกรานที่ไม่ทราบสาเหตุ
  • โรคมะเร็งต่าง ๆ ที่เป็นอันตราย เช่น การผ่าตัดมะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ เป็นต้น

วิธีรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูกมีแบบไหนบ้าง?

ปัจจุบันการผ่าตัดมดลูกมีด้วยกันอยู่หลายวิธี โดยแพทย์จะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละเคส เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้อง ซึ่งการเลือกว่าจะผ่าตัดมดลูกแบบไหนขึ้นอยู่กับโรคที่เป็นและปัจจัยต่าง ๆ โดยวิธีการผ่าตัดมีดังนี้

  • ผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง : เป็นวิธีรักษาโรคด้วยการตัดมดลูกออกแบบดั้งเดิม ซึ่งจะเป็นการผ่าเปิดแผลบริเวณหน้าท้องในแนวตั้ง (vertical incision) ที่เหมาะสำหรับกรณีที่มดลูกมีขนาดใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้น วิธีการผ่าตัดมดลูกแบบเปิดหน้าท้องก็ยังต้องพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน เช่น กรณีที่ต้องการผ่าตัดโรคที่มีความรุนแรงและซับซ้อน หรือต้องตรวจอวัยวะอื่นภายในช่องคลอดอย่างละเอียด การผ่าตัดเปิดหน้าท้องจะเป็นวิธีที่ตอบโจทย์มากกว่าวิธีอื่น
  • ผ่าตัดผ่านทางช่องคลอด : เป็นวิธีการรักษาโรคนรีเวชด้วยการผ่าตัดมดลูกแบบสมัยใหม่ ซึ่งแตกต่างจากการผ่าตัดเปิดหน้าท้องตรงที่ไม่ทิ้งรอยแผลบนหน้าท้อง ฟื้นตัวเร็ว ค่อนข้างเหมาะกับคนไข้ที่มีปัญหามดลูกหย่อน แต่ก็มีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ เช่น หากมีเนื้องอกหรือพังผืดในอุ้งเชิงกราน ช่องคลอดแคบ การผ่าตัดผ่านช่องคลอดก็จะทำได้ลำบาก และมีความเสี่ยงมากกว่าการตัดปากมดลูกด้วยวิธีอื่น
  • ผ่าตัดแบบส่องกล้อง : เป็นวิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดมดลูกผ่านการส่องกล้องบริเวณหน้าท้อง ส่วนมากจะทิ้งรอยแผลขนาดเล็ก ๆ ไว้ โดยหลังจากตัดมดลูกเรียบร้อยแล้วแพทย์จะทำการเอามดลูกและชิ้นเนื้อออกผ่านทางช่องคลอด แต่บางกรณีก็จำเป็นต้องขยายแผลเพิ่มเพื่อเอามดลูกที่ตัดออกมา มีข้อดีที่ความปลอดภัย บาดแผลเล็ก โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อย หลังผ่ามดลูกออกคนไข้จะสามารถลุกมาขยับร่างกายได้ภายใน 1 วัน

คุณหมอแนะนำ วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดมดลูก

การดูแลหลังผ่าตัดมดลูก

หลังจากผ่าตัดมดลูก ร่างกายของคุณผู้หญิงก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ถึงอย่างนั้นก็จะต้องเตรียมตัวและดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดให้ดี เพื่อให้สามารถฟื้นตัวและกลับไปทำกิจวัตรประจำวันได้อย่างเป็นปกติในเร็ววัน โดยวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้นที่คุณหมอแนะนำมีดังนี้

  • ระวังเรื่องการขยับร่างกาย ควรงดการออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 1 เดือน
  • คอยระวังแผลผ่าตัดมดลูก พยายามไม่ให้แผลเปียกน้ำ
  • หลังผ่าตัด 2 สัปดาห์ สามารถกลับไปทำงานหรือกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้แรงมาก ๆ ได้
  • ปรับเปลี่ยนท่าทางการนั่ง ไม่ควรนั่งแช่ท่าเดียวเป็นเวลานาน ๆ
  • หากมีอาการผิดปกติ เช่น ผิวบริเวณผ่าตัดบวม มีอาการปวด อักเสบ หรือเลือดออกบริเวณที่ผ่าตัดควรมาพบแพทย์ทันที

อาการที่อาจพบได้หลังการผ่าตัดมดลูก

หลังผ่าตัดเอามดลูกออกอาจมีอาการแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ โดยแต่ละคนก็จะมีอาการที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น วิธีการผ่าตัด หรือสุขภาพของคนไข้ ส่วนมากอาการที่พบได้แก่ อาการปวดบริเวณแผลผ่าตัด รู้สึกอ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียน รวมถึงอาการปวดแสบขณะปัสสาวะ ส่วนกรณีที่มีเลือดออกบริเวณแผลผ่าตัดเยอะมากจนผิดปกติ ถือว่าเป็นอาการที่อันตรายและควรรีบแจ้งแพทย์ทันที

อย่างไรก็ตาม หากมีอาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัดไม่ว่าจะเป็นอาการปวดแผลหลังผ่าตัด หากเว้นระยะ 1-2 สัปดาห์แล้วไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์ทันที

ผ่าตัดมดลูก ช่วยรักษาโรคที่เป็นอันตรายด้วยการเอามดลูกออก

การผ่าตัดมดลูกถือว่าเป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลเป็นอย่างมากในโรคนรีเวช แต่ถึงอย่างนั้นแพทย์จะเลือกการผ่าตัดมดลูกและรังไข่เป็นวิธีสุดท้ายหากการรักษารูปแบบอื่นไม่ได้ผล หรือกรณีโรคมีความอันตรายต่อสุขภาพของคนไข้ โดยการผ่าตัดมดลูกทางแพทย์จะเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะกับคนไข้มากที่สุด เพื่อให้แน่ใจว่าคนไข้จะปลอดภัยและได้รับการรักษาอย่างตรงจุด หลังผ่าตัดปีกมดลูกและตัดรังไข่ออก คนไข้ควรพักฟื้นและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อให้อาการฟื้นตัวเต็มที่เสียก่อน