
ลองนึกภาพตาม: ร้านกาแฟที่กำลังขยายสาขา
สมมุติว่าคุณเป็นเจ้าของร้านกาแฟที่ขายดีจนมีแผนเปิดสาขาใหม่ในปี 2568 เมื่อเดินเข้าไปคุยกับธนาคาร สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่ขอไม่ใช่ Business Plan ที่คุณตั้งใจเขียน แต่คือ “งบการเงินย้อนหลัง”
ทำไม? เพราะสำหรับธนาคาร งบการเงินไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่คือหลักฐานความน่าเชื่อถือ ในการขอ สินเชื่อ sme โดยเฉพาะถ้าเป็น
สินเชื่อsmeไม่ใช้ทรัพย์ค้ำงบการเงินย้อนหลังยิ่งสำคัญมาก
งบการเงินย้อนหลังคืออะไร และธนาคารดูอะไรบ้าง?
โดยทั่วไป ธนาคารจะขอดูงบการเงินย้อนหลัง 1–2 ปี เพื่อประเมินสุขภาพธุรกิจ ข้อมูลหลักที่ถูกวิเคราะห์ ได้แก่:
1. งบกำไรขาดทุน (Profit & Loss Statement)
▶ ดูรายได้และกำไรสุทธิ ธุรกิจโตต่อเนื่องหรือไม่ และควบคุมต้นทุนได้ดีแค่ไหน
2. งบดุล (Balance Sheet)
▶ สะท้อนทรัพย์สิน หนี้สิน และทุน ใช้คำนวณ D/E Ratio (Debt-to-Equity) เพื่อวัดว่าธุรกิจพึ่งพาหนี้มากเกินไปหรือไม่
3. งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)
▶ วัดความจริงจัง ถ้ามีกำไรแต่เงินสดไหลออกมากกว่าเข้า ธนาคารจะกังวลเรื่องการจ่ายหนี้

? พูดง่าย ๆ งบการเงินคือ “เครื่องแปลภาษา” ระหว่างผู้ประกอบการกับธนาคาร เพื่อพิสูจน์ว่าธุรกิจมีรายได้จริงและมีศักยภาพผ่อนหนี้
Storytelling: ธุรกิจ A vs ธุรกิจ B
ธุรกิจ A – ผ่านฉลุย
คุณมณี เจ้าของโรงงานบรรจุภัณฑ์ ยื่นงบการเงินย้อนหลังครบถ้วน 2 ปี ธนาคารพบว่า:
▶ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นปีละ 15%
▶ D/E ratio = 1.5 (อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย)
▶ DSCR = 1.4 → มีเงินสดเหลือจ่ายหนี้สบาย
ผลลัพธ์: ได้อนุมัติ
สินเชื่อsme วงเงินสูง 20 ล้านบาท ด้วยดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด
ธุรกิจ B – ถูกปฏิเสธ
คุณสมชาย เจ้าของกิจการขนส่ง มีรายได้สูงจริง แต่ใช้บัญชีส่วนตัวปนกับบัญชีธุรกิจ ทำให้งบสะท้อนกำไรต่ำกว่าความจริง
ผลลัพธ์: ธนาคารปฏิเสธการปล่อยกู้ เพราะไม่มั่นใจในความมั่นคงของกระแสเงินสด

? บทเรียน: “งบการเงินที่โปร่งใส” มีน้ำหนักมากกว่าคำพูด
ธนาคารวิเคราะห์อะไรจากงบการเงินย้อนหลัง?
รายได้ต่อเนื่อง
▶ ธนาคารชอบธุรกิจที่มียอดขายสม่ำเสมอ เช่น ร้านกาแฟที่ยอดขายโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ดีกว่าธุรกิจที่รายได้เหวี่ยงตามฤดูกาล
กำไรขั้นต้นและสุทธิ
▶ ขายดีไม่พอ ต้องมีกำไรจริงด้วย หากต้นทุนสูงจนกำไรต่ำ ธนาคารจะมองว่าธุรกิจไม่ยั่งยืน
หนี้สินต่อทุน (D/E Ratio)
▶ เกณฑ์ทั่วไป D/E ไม่ควรเกิน 2:1 ถ้าเกิน ธนาคารมองว่าแบกรับหนี้มากเกินไป
DSCR (Debt Service Coverage Ratio)
▶ สูตร: DSCR = กระแสเงินสด ÷ ภาระหนี้
▶ ธนาคารอยากเห็น ≥ 1.2 เพื่อมั่นใจว่ามี buffer จ่ายหนี้
ความโปร่งใสด้านภาษี
▶ งบการเงินต้องตรงกับข้อมูล e-Tax และเอกสารภาษี ธนาคารปี 2568 ใช้ระบบดิจิทัลตรวจสอบได้ทันที SME ที่ “ซื่อสัตย์” ได้เปรียบชัดเจน
ทำไม SME หลายรายพลาดตอนยื่นกู้?
▶ ไม่จัดทำงบ → ใช้บัญชีส่วนตัวแทนบัญชีธุรกิจ
▶ ยื่นภาษีไม่ตรงจริง → รายได้ในงบน้อยกว่าความจริง
▶ ไม่ทำ Forecast → ธนาคารอยากเห็นแผนอนาคต ไม่ใช่แค่ตัวเลขอดีต
Insight สำหรับปี 2568
ดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่ 1.50% → ธนาคารมีแนวโน้มปล่อยกู้เพิ่มขึ้น แต่จะเข้มงวดเรื่องเอกสาร
SME D Bank + บสย. มีโครงการค้ำประกันสำหรับ SME ที่งบการเงินยังไม่แข็งแรง → เพิ่มโอกาสเข้าถึง สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ 2568
ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งใช้ e-Statement และ e-Tax เป็นมาตรฐานตรวจสอบ → ธุรกิจที่โปร่งใสมีโอกาสได้วงเงินสูงกว่า
บทสรุป: งบการเงินคือกุญแจสู่สินเชื่อ SME
ในปี 2568 งบการเงินย้อนหลังไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือ “ด่านแรก” ที่จะชี้ชะตาว่าธนาคารจะปล่อยกู้หรือไม่
หากคุณอยากได้ทั้ง
▶ วงเงินสูง
▶ ดอกเบี้ยต่ำ
▶ การอนุมัติที่รวดเร็ว
คุณควรจัดการงบการเงินให้เป็นระบบ โปร่งใส และตรงกับภาษีที่ยื่น เพราะนี่คือภาษากลางระหว่างคุณกับธนาคาร

? กำลังวางแผนขอ
สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อยู่หรือไม่?
อย่าปล่อยให้ “งบการเงินย้อนหลัง” เป็นอุปสรรค ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อ SME ได้ที่

?
www.easycashflows.comข้อมูลอ้างอิง