ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


งบการเงินย้อนหลัง สำคัญอย่างไรต่อการขอสินเชื่อ SME


 emo38 ลองนึกภาพตาม: ร้านกาแฟที่กำลังขยายสาขา

สมมุติว่าคุณเป็นเจ้าของร้านกาแฟที่ขายดีจนมีแผนเปิดสาขาใหม่ในปี 2568 เมื่อเดินเข้าไปคุยกับธนาคาร สิ่งแรกที่เจ้าหน้าที่ขอไม่ใช่ Business Plan ที่คุณตั้งใจเขียน แต่คือ “งบการเงินย้อนหลัง”

ทำไม? เพราะสำหรับธนาคาร งบการเงินไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่คือหลักฐานความน่าเชื่อถือ ในการขอ สินเชื่อ sme โดยเฉพาะถ้าเป็น สินเชื่อsmeไม่ใช้ทรัพย์ค้ำงบการเงินย้อนหลังยิ่งสำคัญมาก

งบการเงินย้อนหลังคืออะไร และธนาคารดูอะไรบ้าง?

โดยทั่วไป ธนาคารจะขอดูงบการเงินย้อนหลัง 1–2 ปี เพื่อประเมินสุขภาพธุรกิจ ข้อมูลหลักที่ถูกวิเคราะห์ ได้แก่:

1. งบกำไรขาดทุน (Profit & Loss Statement)

▶ ดูรายได้และกำไรสุทธิ ธุรกิจโตต่อเนื่องหรือไม่ และควบคุมต้นทุนได้ดีแค่ไหน

2. งบดุล (Balance Sheet)

▶ สะท้อนทรัพย์สิน หนี้สิน และทุน ใช้คำนวณ D/E Ratio (Debt-to-Equity) เพื่อวัดว่าธุรกิจพึ่งพาหนี้มากเกินไปหรือไม่

3. งบกระแสเงินสด (Cash Flow Statement)

▶ วัดความจริงจัง ถ้ามีกำไรแต่เงินสดไหลออกมากกว่าเข้า ธนาคารจะกังวลเรื่องการจ่ายหนี้

???? พูดง่าย ๆ งบการเงินคือ “เครื่องแปลภาษา” ระหว่างผู้ประกอบการกับธนาคาร เพื่อพิสูจน์ว่าธุรกิจมีรายได้จริงและมีศักยภาพผ่อนหนี้

Storytelling: ธุรกิจ A vs ธุรกิจ B
ธุรกิจ A – ผ่านฉลุย

คุณมณี เจ้าของโรงงานบรรจุภัณฑ์ ยื่นงบการเงินย้อนหลังครบถ้วน 2 ปี ธนาคารพบว่า:
▶ กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นปีละ 15%
▶ D/E ratio = 1.5 (อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย)
▶ DSCR = 1.4 → มีเงินสดเหลือจ่ายหนี้สบาย

ผลลัพธ์: ได้อนุมัติ สินเชื่อsme วงเงินสูง 20 ล้านบาท ด้วยดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด

ธุรกิจ B – ถูกปฏิเสธ

คุณสมชาย เจ้าของกิจการขนส่ง มีรายได้สูงจริง แต่ใช้บัญชีส่วนตัวปนกับบัญชีธุรกิจ ทำให้งบสะท้อนกำไรต่ำกว่าความจริง

ผลลัพธ์: ธนาคารปฏิเสธการปล่อยกู้ เพราะไม่มั่นใจในความมั่นคงของกระแสเงินสด

???? บทเรียน: “งบการเงินที่โปร่งใส” มีน้ำหนักมากกว่าคำพูด

ธนาคารวิเคราะห์อะไรจากงบการเงินย้อนหลัง?

รายได้ต่อเนื่อง
▶ ธนาคารชอบธุรกิจที่มียอดขายสม่ำเสมอ เช่น ร้านกาแฟที่ยอดขายโตเฉลี่ย 10% ต่อปี ดีกว่าธุรกิจที่รายได้เหวี่ยงตามฤดูกาล

กำไรขั้นต้นและสุทธิ
▶ ขายดีไม่พอ ต้องมีกำไรจริงด้วย หากต้นทุนสูงจนกำไรต่ำ ธนาคารจะมองว่าธุรกิจไม่ยั่งยืน

หนี้สินต่อทุน (D/E Ratio)
▶ เกณฑ์ทั่วไป D/E ไม่ควรเกิน 2:1 ถ้าเกิน ธนาคารมองว่าแบกรับหนี้มากเกินไป

DSCR (Debt Service Coverage Ratio)
▶ สูตร: DSCR = กระแสเงินสด ÷ ภาระหนี้
▶ ธนาคารอยากเห็น ≥ 1.2 เพื่อมั่นใจว่ามี buffer จ่ายหนี้

ความโปร่งใสด้านภาษี
▶ งบการเงินต้องตรงกับข้อมูล e-Tax และเอกสารภาษี ธนาคารปี 2568 ใช้ระบบดิจิทัลตรวจสอบได้ทันที SME ที่ “ซื่อสัตย์” ได้เปรียบชัดเจน

ทำไม SME หลายรายพลาดตอนยื่นกู้?

▶ ไม่จัดทำงบ → ใช้บัญชีส่วนตัวแทนบัญชีธุรกิจ
▶ ยื่นภาษีไม่ตรงจริง → รายได้ในงบน้อยกว่าความจริง
▶ ไม่ทำ Forecast → ธนาคารอยากเห็นแผนอนาคต ไม่ใช่แค่ตัวเลขอดีต

Insight สำหรับปี 2568

ดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่ 1.50% → ธนาคารมีแนวโน้มปล่อยกู้เพิ่มขึ้น แต่จะเข้มงวดเรื่องเอกสาร

SME D Bank + บสย. มีโครงการค้ำประกันสำหรับ SME ที่งบการเงินยังไม่แข็งแรง → เพิ่มโอกาสเข้าถึง สินเชื่อ sme ไม่มีหลักทรัพย์ 2568

ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งใช้ e-Statement และ e-Tax เป็นมาตรฐานตรวจสอบ → ธุรกิจที่โปร่งใสมีโอกาสได้วงเงินสูงกว่า

บทสรุป: งบการเงินคือกุญแจสู่สินเชื่อ SME

ในปี 2568 งบการเงินย้อนหลังไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือ “ด่านแรก” ที่จะชี้ชะตาว่าธนาคารจะปล่อยกู้หรือไม่

หากคุณอยากได้ทั้ง
▶ วงเงินสูง
▶ ดอกเบี้ยต่ำ
▶ การอนุมัติที่รวดเร็ว

คุณควรจัดการงบการเงินให้เป็นระบบ โปร่งใส และตรงกับภาษีที่ยื่น เพราะนี่คือภาษากลางระหว่างคุณกับธนาคาร

???? กำลังวางแผนขอ สินเชื่อธุรกิจsmeไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน อยู่หรือไม่?
อย่าปล่อยให้ “งบการเงินย้อนหลัง” เป็นอุปสรรค ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อ SME ได้ที่
???? www.easycashflows.com

ข้อมูลอ้างอิง