Ergonomic ทำความเข้าใจประโยชน์ และการประยุกต์ใช้ในชีวิตหลักการยศาสตร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ
Ergonomic คือศาสตร์และศิลป์แห่งการออกแบบสภาพแวดล้อมและเครื่องมือให้เหมาะสมกับสรีระและความสามารถของมนุษย์มากที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบาย ปลอดภัย และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หลักการนี้ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ความสะดวกสบายเพียงชั่วคราว แต่ยังรวมถึงการป้องกันปัญหาสุขภาพระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น อาการปวดเมื่อยหรือโรคที่เกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก
หลักการยศาสตร์ (Ergonomic) คืออะไร?หลักการยศาสตร์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Ergonomic คือการออกแบบสภาพแวดล้อมและเครื่องมือต่าง ๆ ให้เข้ากับสรีระและพฤติกรรมของมนุษย์มากที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกสบาย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น หลักการนี้ไม่ได้มุ่งแค่เรื่องความสะดวกสบาย แต่ยังรวมถึงการป้องกันปัญหาสุขภาพระยะยาวที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานในท่าทางที่ไม่เหมาะสม
การนำ Ergonomic มาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันการนำ Ergonomic มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คิด และส่งผลดีต่อสุขภาพโดยตรง เช่น
- ปรับโต๊ะและเก้าอี้ทำงาน: การเลือกโต๊ะที่มีความสูงพอดีกับระดับข้อศอกและเก้าอี้ที่รองรับหลังและต้นคออย่างเหมาะสม จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานนาน ๆ ได้อย่างเห็นผล
- ปรับท่าทางการนั่ง: การนั่งหลังตรง วางเท้าให้เต็มพื้น และจัดตำแหน่งหน้าจอให้ตรงกับสายตา เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดความเครียดของกล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังได้
- เลือกใช้อุปกรณ์ที่รองรับสรีระ: อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ออกแบบตาม Ergonomic เช่น เก้าอี้ Zero Gravity Chair ที่สามารถปรับเอนได้หลายระดับ จะช่วยกระจายน้ำหนักและลดแรงกดทับของร่างกาย ทำให้คุณนั่งทำงานได้นานขึ้นโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้า
การปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างสบายตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาวอีกด้วย
ปัจจัยสำคัญในการออกแบบตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomic)การออกแบบตามหลักการยศาสตร์ (Ergonomic) คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการทำงานของมนุษย์ โดยคำนึงถึงสุขภาพและความสะดวกสบายเป็นหลัก ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการออกแบบมีดังนี้
1. สภาพแวดล้อมในการทำงานสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความเครียดของผู้ปฏิบัติงานได้มาก ปัจจัยที่ควรพิจารณา ได้แก่:
- แสงสว่าง: ควรมีแสงสว่างที่เพียงพอและเหมาะสม เพื่อลดอาการปวดตาและเพิ่มสมาธิในการทำงาน
- เสียงรบกวน: ควบคุมระดับเสียงในสำนักงานให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ทำงานมีสมาธิและไม่รู้สึกถูกรบกวน
- อุณหภูมิ: ควบคุมอุณหภูมิและคุณภาพอากาศให้สบายต่อร่างกาย เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยและเพิ่มความรู้สึกผ่อนคลาย
2. อุปกรณ์สำนักงานการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบตาม Ergonomic มีผลโดยตรงต่อสุขภาพในระยะยาว ปัจจัยที่ควรพิจารณา ได้แก่:
- เก้าอี้และโต๊ะทำงาน: ควรเลือกเก้าอี้ที่ออกแบบตามหลัก Ergonomic เพื่อรองรับสรีระได้ดี ทั้งส่วนหลัง เอว และแขน ส่วนโต๊ะทำงานควรมีความสูงที่เหมาะสม และอาจเลือกใช้แบบที่สามารถปรับระดับได้ เพื่อให้ผู้ใช้งานปรับเปลี่ยนท่าทางได้ระหว่างวัน
- อุปกรณ์ไอที: การเลือกใช้เมาส์และคีย์บอร์ดที่ออกแบบมาเพื่อลดแรงกดทับ จะช่วยลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บที่อาจเกิดจากการใช้งานซ้ำ ๆ ได้
การนำหลักการยศาสตร์ (Ergonomic) มาประยุกต์ใช้ในที่ทำงานการประยุกต์ใช้ Ergonomic ในสถานที่ทำงานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงาน โดยมีแนวทางหลักดังนี้
1. การประเมินสภาพแวดล้อมการทำงานก่อนที่จะนำ Ergonomic ไปใช้ ควรเริ่มต้นด้วยการประเมินสภาพแวดล้อมปัจจุบันอย่างละเอียด ซึ่งรวมถึง
- อุปกรณ์: ตรวจสอบและปรับการจัดวางอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ จอคอมพิวเตอร์ และคีย์บอร์ด ให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับสรีระของผู้ใช้งาน
- ท่าทาง: สังเกตและให้คำแนะนำเรื่องท่าทางการทำงานที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันการเกิดอาการปวดเมื่อยหรือโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก (MSDs)
2. การฝึกอบรมพนักงานการฝึกอบรมให้ความรู้แก่พนักงานเป็นหัวใจสำคัญ เพราะจะช่วยให้พวกเขาสามารถปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานของตนเองได้อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง การอบรมควรครอบคลุม
- ความรู้พื้นฐาน: สอนให้พนักงานเข้าใจความสำคัญของหลัก Ergonomic และผลกระทบต่อสุขภาพ
- ทักษะเชิงปฏิบัติ: จัดเวิร์กช็อปหรือให้คำแนะนำส่วนตัวเพื่อสอนวิธีการจัดท่าทางที่ถูกต้อง และการปรับอุปกรณ์ทำงานให้เข้ากับตัวเอง เพื่อลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากการทำงาน
Ergonomic ประโยชน์และการปรับใช้ในชีวิตประจำวันการนำหลัก Ergonomic มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันหรือในที่ทำงานนั้นง่ายกว่าที่คุณคิด และให้ประโยชน์อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้ เก้าอี้และโต๊ะทำงาน ที่ปรับระดับได้ การจัดท่าทางการนั่งที่ถูกต้อง ไปจนถึงการจัดสภาพแวดล้อมให้มีแสงสว่างและอุณหภูมิที่เหมาะสม
สิ่งสำคัญคือการประเมินสภาพแวดล้อมของตนเอง และ ให้ความรู้แก่พนักงานเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บจากโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อและกระดูก และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ในระยะยาวอีกด้วย