
กระแสเงินสดสะดุดเพราะเครดิตเทอมยาว? มาดู 5 สัญญาณว่าธุรกิจคุณควรใช้ สินเชื่อแฟคตอริ่ง (Factoring) เปลี่ยน Invoice เป็นเงินสดทันที พร้อม Insight ผู้ประกอบการ ปี 2568

ทำไม
แฟคตอริ่งหรือขายบิลลูกค้า ถึงถูกพูดถึงบ่อยขึ้นในปี 2568

โลกธุรกิจวันนี้ไม่เหมือนเมื่อสิบปีก่อนอีกแล้ว กระแสเงินสดกลายเป็น “ออกซิเจน” ของกิจการ ไม่ว่าคุณจะทำร้านอาหาร ธุรกิจแฟรนไชส์ โรงงานผลิต หรือแม้แต่สตาร์ทอัพ B2B ปัญหาที่เจอบ่อยคือ “รายจ่ายมาไว แต่รายรับมาช้า”
ในปี พ.ศ. 2568 ที่เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความผันผวนทางการค้า ผู้ประกอบการจำนวนมากต้องให้เครดิตเทอมลูกค้ายาวขึ้น 60–90 วัน เพื่อรักษายอดขาย แต่ระหว่างนั้นก็ยังต้องจ่ายเงินเดือนพนักงาน ค่าวัตถุดิบ และค่าเช่าอย่างต่อเนื่อง
นี่เองที่ทำให้ สินเชื่อแฟคตอริ่ง (Factoring) หรือบริการ เปลี่ยน Invoice เป็นเงินสด กลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะมันช่วยให้คุณเปลี่ยนใบแจ้งหนี้ที่ยังไม่ถึงกำหนด เป็น “เงินสดทันที” ได้สูงสุดถึง 80–90% ของยอดขาย

5 สัญญาณที่บอกว่า “คุณควรใช้สินเชื่อแฟคตอริ่งแล้ว”
1. ลูกค้าขอเครดิตเทอมยาวขึ้น แต่ยอดขายยังคุ้ม
หลายธุรกิจกลัวเสียลูกค้ารายใหญ่ จึงจำเป็นต้องยืดเครดิตเทอมให้ยาวขึ้น จาก 30 วัน เป็น 60 หรือ 90 วัน ซึ่งอาจกระทบสภาพคล่องโดยตรง
จากข้อมูลของสมาคมผู้ประกอบการ SMEs ไทย (2568) ระบุว่า 68% ของ SME ไทยมีปัญหากระแสเงินสดติดขัดเมื่อเครดิตเทอมเกิน 45 วัน
Insight: แฟคตอริ่งช่วยให้คุณยังคงให้เครดิตที่ยืดหยุ่นกับลูกค้าได้ โดยไม่ทำให้ธุรกิจสะดุด เพราะเงินสดไหลเข้าทันทีหลังส่งสินค้า
2. รายจ่ายประจำต้องจ่ายทุกเดือน แต่รายรับไม่สม่ำเสมอ
เงินเดือนพนักงาน ค่าวัตถุดิบ ค่าน้ำมัน หรือค่าเช่า ไม่เคยรอคุณ แต่ลูกค้าอาจจ่ายช้า 30–90 วัน
Insight: การใช้ สินเชื่อระยะสั้น อย่างแฟคตอริ่ง จะช่วย “ถอดรหัสความไม่แน่นอน” ให้เป็นเงินทุนที่คาดการณ์ได้ง่ายขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการสามารถจัดการสภาพคล่องได้แม่นยำกว่าเดิม
3. ธนาคารปฏิเสธ เพราะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
SMEs ไทยกว่า 60% ถูกปฏิเสธสินเชื่อธุรกิจจากธนาคาร (ข้อมูลจาก สสว. ปี 2568) เพราะขาดหลักทรัพย์ เช่น ที่ดินหรืออาคาร
การแฟคตอริ่งต่างออกไป เพราะไม่ได้มองที่ทรัพย์สินของคุณ แต่ดู “คุณภาพลูกหนี้การค้า” ของธุรกิจ ถ้าลูกค้าคุณเป็นบริษัทใหญ่ที่มั่นคง คุณก็มีโอกาสอนุมัติแฟคตอริ่งสูง แม้จะไม่มีหลักทรัพย์เลยก็ตาม
4. ต้องการขยายธุรกิจ แต่ไม่อยากแบกหนี้ระยะยาว
หลายเจ้าของกิจการอยากขยายสาขา เปิดตลาดใหม่ แต่กังวลว่าถ้ากู้เงินระยะยาวจะติดภาระหนัก ทั้งดอกเบี้ยและการจำนอง
แฟคตอริ่งคือ เงินทุนระยะสั้นที่เติบโตไปพร้อมกับยอดขาย ยิ่งคุณขายมาก ก็ยิ่งเปลี่ยนใบแจ้งหนี้เป็นเงินสดได้มากขึ้น ไม่ต้องยื่นขอสินเชื่อใหม่ทุกครั้ง และไม่ทำให้งบดุลดูมีหนี้เพิ่ม
5. คุณมีระบบบัญชีลูกหนี้ที่ดี + ลูกค้ามีเครดิตสูง
การใช้แฟคตอริ่งจะเวิร์กก็ต่อเมื่อคุณมีระบบบัญชีลูกหนี้ที่เป็นระเบียบ และลูกค้าของคุณมีความน่าเชื่อถือ

? ยิ่งลูกค้าของคุณเป็นบริษัทใหญ่ที่มีเสถียรภาพทางการเงิน ค่าธรรมเนียมแฟคตอริ่งก็จะต่ำลง ทำให้ต้นทุนทางการเงินโดยรวมถูกลง
Insight เชิงกลยุทธ์: ใช้แฟคตอริ่งอย่างไรให้คุ้ม
เจาะเฉพาะบิลที่เครดิตยาว – ไม่จำเป็นต้องแฟคตอริ่งทุกบิล เลือกเฉพาะใบแจ้งหนี้ที่เครดิตยาวหรือยอดใหญ่ เพื่อให้คุ้มค่ากับค่าธรรมเนียม
ผูกกับการเติบโต – ใช้เงินจากแฟคตอริ่งไปเสริมกำลังการผลิต การตลาด หรือสต๊อกวัตถุดิบ เพื่อให้เงินสร้างรายได้เพิ่ม ไม่ใช่แค่หมุนประคอง
เปรียบเทียบประเภทแฟคตอริ่ง – เลือกให้เหมาะกับกลยุทธ์
Recourse Factoring = คุณยังรับผิดชอบหากลูกค้าไม่จ่าย → ค่าธรรมเนียมถูกกว่า
Non-recourse Factoring = บริษัทแฟคตอริ่งรับความเสี่ยงแทน → ปลอดภัยแต่ต้นทุนสูงกว่า
คุยกับลูกค้าให้ชัด – อธิบายว่าการโอนสิทธิการรับชำระไปบริษัทแฟคตอริ่งเป็นเรื่องปกติในธุรกิจ เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดี

บทสรุป
ปี 2568 นี้ หากธุรกิจของคุณกำลังเจอ 5 สัญญาณที่ว่ามา เช่น เครดิตเทอมยาว รายจ่ายมากกว่ารายรับ หรือขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน อาจถึงเวลาแล้วที่คุณต้องพิจารณาใช้
สินเชื่อแฟคตอริ่งมันไม่ใช่แค่ “เงินหมุนสั้น” แต่คือกลยุทธ์ที่ช่วยให้ SME เปลี่ยนข้อจำกัดให้เป็นโอกาส โดยนำกระแสเงินสดล่วงหน้าไปต่อยอดการขาย การผลิต และการเติบโต

? หากคุณอยากรู้ว่าสินเชื่อแฟคตอริ่งจะเหมาะกับธุรกิจคุณหรือไม่ ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรีที่
www.easycashflows.com