ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


ขนาดกล่องพัสดุมาตรฐานมีกี่แบบ เลือกยังไงให้เหมาะสม

ขนาดกล่องพัสดุมีกี่แบบ พร้อมเทคนิคเลือกกล่องพัสดุให้เหมาะสม

ขนาดกล่องพัสดุ

ในการทำธุรกิจออนไลน์หรือแม้แต่การส่งสินค้าทั่วไปต่างก็ควรคำนึงถึงเรื่องการขนส่ง เพื่อให้สินค้าไม่เกิดความเสียหาย นอกจากการเลือกบริษัทขนส่งที่น่าเชื่อถือแล้ว การเลือกขนาดกล่องพัสดุที่พอดีกับสิ่งของภายในจะช่วยปกป้องสินค้าในระหว่างการขนส่งได้ด้วย เพราะไซส์กล่องที่พอดีสามารถช่วยลดความเสียหาย ประหยัดค่าส่ง และสร้างความประทับใจเมื่อถึงมือผู้รับ ในขณะเดียวกันผู้ขายเองก็สามารถควบคุมต้นทุนและภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้

ในบทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ ขนาดกล่องพัสดุแบบต่าง ๆ ที่ใช้งานได้จริงในปัจจุบัน ทั้งมาตรฐานขนาดกล่องพัสดุไปรษณีย์ไทย วิธีเลือกไซส์กล่องพัสดุให้เหมาะกับประเภทสินค้า ตลอดจนเคล็ดลับในการจัดส่งให้ประหยัดและปลอดภัยที่สุด


ขนาดกล่องพัสดุไซส์มาตรฐาน มีกี่แบบ
การเลือกขนาดกล่องพัสดุให้เหมาะสมกับสินค้า ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องของที่จัดส่ง แต่ยังลดต้นทุนค่าส่งและบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีกำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วย มาดูตารางขนาดกล่องไปรษณีย์ไทยมาตรฐาน กล่องพัสดุแต่ละเบอร์มีขนาดเท่าไร

กล่องไปรษณีย์: ขนาด (กว้าง × ยาว × สูง) (ซม.)
  • เบอร์ 00: 9.8 × 14 × 6
  • เบอร์ 0: 11 × 17 × 6
  • เบอร์ 0+4: 11 × 17 × 10
  • เบอร์ AA: 13 × 17 × 7
  • เบอร์ A: 14 × 20 × 6
  • เบอร์ 2A: 14 × 20 × 12
  • เบอร์ B: 17 × 25 × 9
  • เบอร์ 2B: 17 × 25 × 18
  • เบอร์ B+7: 17 × 25 × 16
  • เบอร์ C: 20 × 30 × 11
  • เบอร์ C+9: 20 × 30 × 20
  • เบอร์ CD: 15 × 15 × 15
  • เบอร์ D: 22 × 35 × 14
  • เบอร์ D+11: 22 × 35 × 25
  • เบอร์ E: 24 × 40 × 17
  • เบอร์ 2F: 31 × 30 × 13
  • เบอร์ F: 30 × 45 × 20
  • เบอร์ G: 31 × 36 × 26

  • เบอร์ H: 40 × 45 × 34
  • เบอร์ I: 45 × 55 × 40


การคิดราคาค่าส่งพัสดุ คำนวณจากอะไรบ้าง
การคำนวณราคาค่าส่งจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยร่วมกัน โดย​ราคาของกล่องพัสดุแต่ละเบอร์อาจแตกต่างกันไปตามผู้จำหน่ายและปริมาณการสั่งซื้อ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น

1. ขนาดกล่องพัสดุ โดยขนส่งบางเจ้าจะใช้ขนาดกล่องพัสดุเป็นเกณฑ์ โดยเฉพาะบริการที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ เช่น ไปรษณีย์ไทยแบบลงทะเบียน หรือขนส่งผ่านจุดรับพัสดุต่าง ๆ ยิ่งขนาดกล่องพัสดุขนาดใหญ่ ราคาค่าส่งก็จะสูงขึ้น แม้น้ำหนักจะเบาก็ตาม
2. น้ำหนักสินค้า อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการคำนวณค่าส่งคือ “น้ำหนักจริง” ของพัสดุ ถ้าพัสดุมีน้ำหนักมาก เช่น เครื่องมือไฟฟ้า หนังสือหลายเล่ม หรือของเหลว ราคาค่าส่งก็จะปรับเพิ่มตามขั้นบันได โดยไปรษณีย์ไทยมีการคิดน้ำหนักเป็นช่วง เช่น 0-1 กก., 1-2 กก., 2-3 กก. เป็นต้น
3. น้ำหนักตามปริมาตร ในกรณีที่กล่องมีขนาดใหญ่แต่น้ำหนักเบา เช่น ของที่ใส่ในกล่องกันกระแทก ผู้ให้บริการบางรายอาจใช้ “น้ำหนักตามปริมาตร” ในการคำนวณ ทำให้กล่องที่มีขนาดใหญ่อาจมีราคาถูกกว่ากล่องที่มีขนาดเล็กแต่น้ำหนักเยอะได้
4. การส่งปลายทางและเรตในแต่ละบริษัทขนส่ง การส่งพัสดุแบบด่วน (EMS หรือ Same-Day) ราคาจะสูงกว่าการส่งแบบธรรมดา และส่งระยะทางใกล้-ไกล หรือการส่งในเขตกรุงเทพหรือต่างจังหวัด ก็มีผลต่อราคาด้วย ในบางบริษัทขนส่งมีเรตขั้นต่ำ เช่น เริ่มต้น 30 บาท ถึงแม้น้ำหนักจะเบามากก็ตาม


เลือกขนาดกล่องพัสดุอย่างไรดี

เลือกไซส์กล่องไปรษณีย์

การเลือก Size กล่องไปรษณีย์ที่เหมาะสมกับลักษณะสินค้าเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง ยังช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่ง และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าได้อีกด้วย โดยวิธีการเลือกขนาดลังพัสดุให้เหมาะสม มีดังนี้

  • เลือกขนาดกล่องพัสดุตามขนาดของสินค้า กล่องควรพอดีกับสินค้าหรือมีพื้นที่เผื่อเล็กน้อยสำหรับวัสดุกันกระแทก หากกล่องใหญ่เกินไป อาจต้องใช้วัสดุบรรจุเพิ่ม ทำให้สิ้นเปลืองและเพิ่มค่าส่ง
  • พิจารณารูปร่างของสินค้า สินค้าที่มีรูปทรงแปลกหรือมีความยาวพิเศษ ควรเลือกขนาดกล่องพัสดุที่สามารถรองรับได้โดยไม่กดทับสินค้า
  • ตรวจสอบความแข็งแรงของกล่อง หากสินค้าเปราะบางหรือมีน้ำหนักมาก ควรเลือกกล่องกระดาษลูกฟูกที่แข็งแรง เช่น กล่องแบบ 5 ชั้น
  • คำนวณน้ำหนักและขนาดตามมาตรฐานขนส่ง ผู้ให้บริการขนส่งส่วนใหญ่มีเกณฑ์คำนวณราคาตามน้ำหนักจริงหรือ “น้ำหนักตามปริมาตร” (Volumetric Weight) เพราะการเลือกขนาดของกล่องพัสดุให้พอดีจะช่วยหลีกเลี่ยงค่าขนส่งที่เกินความจำเป็น
  • เลือกกล่องที่ง่ายต่อการจัดเก็บและจัดส่ง กล่องขนาดมาตรฐานจะช่วยให้จัดเรียงพัสดุได้สะดวก ทั้งในคลังสินค้าและรถขนส่ง


การเลือกขนาดกล่องพัสดุมีความสำคัญอย่างไร

ก่อนจะเริ่มส่งสินค้า การเลือกขนาดกล่องพัสดุที่เหมาะสมกับตัวสินค้าถือเป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจหรือผู้ขายออนไลน์ไม่ควรมองข้าม เพราะกล่องที่ “ใช่” ไม่ใช่แค่ใส่ของได้ แต่ยังส่งผลต่อภาพลักษณ์ การขนส่ง และต้นทุนอีกด้วย โดยประโยชน์ของการเลือกกล่องพัสดุขนาดที่พอดี มีดังนี้

  • ช่วยประหยัดต้นทุนค่าส่ง ลดความเสี่ยงในการโดนคิดค่าส่งตามขนาดหรือปริมาตรเกินจริง
  • ลดค่าใช้จ่ายในการบรรจุภัณฑ์ เพราะไม่ต้องใช้วัสดุกันกระแทกมากเกินไป เมื่อกล่องพอดีกับสินค้า
  • ป้องกันสินค้าเสียหายระหว่างขนส่ง ขนาดกล่องพัสดุที่แน่นพอดีช่วยป้องกันการกระแทกและการเคลื่อนตัวของสินค้า
  • ดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือ หากลูกค้าได้รับสินค้าที่จัดส่งอย่างมีระเบียบในกล่องที่พอดี ดูสะอาด เรียบร้อย จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี
  • บริหารพื้นที่จัดเก็บได้ดียิ่งขึ้น ในกรณีเก็บสต๊อกหรือจัดส่งจำนวนมาก ขนาดกล่องที่เหมาะสมช่วยจัดเรียงได้มีประสิทธิภาพ


ขนาดกล่องพัสดุ หัวใจสำคัญของการส่งสินค้า
การเลือกขนาดกล่องพัสดุที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจขายของออนไลน์และการจัดส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของต้นทุน ค่าขนส่ง ภาพลักษณ์ของแบรนด์ หรือความปลอดภัยของสินค้า การรู้จักขนาดกล่องพัสดุแต่ละแบบ และเข้าใจวิธีการคำนวณราคาค่าส่ง จะช่วยให้คุณวางแผนต้นทุนได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ขายออนไลน์หรือคนทั่วไปที่ส่งของเป็นประจำ ยิ่งแพ็คพัสดุได้พอดี ขนาดเหมาะสม น้ำหนักไม่เกิน ก็ยิ่งประหยัดและคุ้มค่ามากขึ้นไปอีก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 18, 2025, 02:53:05 PM โดย สมหมาย รอคอย »