การใช้สเต็มเซลล์ไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่เป็นเรื่องความปลอดภัยการใช้สเต็มเซลล์เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และเวชศาสตร์ฟื้นฟูกำลังเป็นที่สนใจและได้รับการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีการนำสเต็มเซลล์ประโยชน์มาใช้จริงแล้วในหลายประเทศ แต่ในขณะเดียวกันที่ Stemcell ประโยชน์อันน่าอัศจรรย์นี้กำลังสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับวงการแพทย์และสร้างความหวังใหม่แก่ผู้ป่วย ก็ยังมีคำถามที่หลาย ๆ คนเกิดข้อถกเถียงกันไม่น้อย นั่นคือ
สเต็มเซลล์มีความปลอดภัยแค่ไหน บทความนี้จึงจะพาคุณไปเรื่องทำความเข้าใจความปลอดภัยของการใช้สเต็มเซลล์ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ เพราะสิ่งที่ควรรู้ไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่คือ “มาตรฐานและความปลอดภัย” ที่คุณควรเข้าใจให้ถี่ถ้วน
ความปลอดภัยในการใช้สเต็มเซลล์ ต้องรู้อะไรก่อนเข้ารับบริการ ?ปัจจุบันการใช้สเต็มเซลล์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะสเต็มเซลล์ประโยชน์ด้านต่าง ๆ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั้งในวงการแพทย์และความงาม เช่น การชะลอวัย การฟื้นฟูเซลล์ผิว หรือการรักษาอาการบาดเจ็บของร่างกาย ทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้ไวขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ Stemcell ประโยชน์จะดูมีศักยภาพสูงในการรักษาโรคบางอย่างหรือฟื้นฟูเซลล์ได้จริง แต่ความปลอดภัยในการใช้สเต็มเซลล์ก็ควรเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนให้ความสนใจเป็นอันดับแรก ๆ เพราะการใช้สเต็มเซลล์ยังเป็นศาสตร์ที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง หากไม่ได้รับการดูแลภายใต้มาตรฐานที่ถูกต้อง โดย 5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการเพื่อความปลอดภัยมีดังนี้
- ตรวจสอบแหล่งที่มาของสเต็มเซลล์ให้ชัดเจน
ก่อนเข้ารับการรักษาด้วยการใช้สเต็มเซลล์ ผู้ใช้บริการทุกคนควรสอบถามแหล่งที่มาของสเต็มเซลล์อย่างละเอียด เช่น สเต็มเซลล์จากร่างกายของผู้ใช้บริการเอง หรือสเต็มเซลล์จากผู้บริจาค เนื่องจากแหล่งที่มามีผลโดยตรงต่อความปลอดภัยในการรักษา อีกทั้งแต่ละแบบก็ยังมีข้อดีและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน หากไม่ได้รับการควบคุมอย่างถูกต้อง อาจเกิดการปนเปื้อนหรือการต่อต้านจากร่างกายผู้ใช้บริการได้ ดังนั้นจึงควรเลือกแหล่งที่มาที่ปลอดภัยและผ่านการรับรองจากหน่วยงานด้านสุขภาพ
- เลือกคลินิกหรือโรงพยาบาลที่มีใบอนุญาต
ก้าวแรกของความปลอดภัยในการใช้สเต็มเซลล์คือการเลือกใช้บริการกับคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุขและองค์การอาหารและยา (อย.) รวมถึงต้องผ่านมาตรฐานด้านความสะอาดของอุปกรณ์การแพทย์และกระบวนการจัดการสเต็มเซลล์อย่างเป็นระบบด้วย เพราะสถานบริการที่ผ่านการรับรองเหล่านี้ มักมีทีมแพทย์และนักเทคนิคที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงในด้านสเต็มเซลล์ จึงสามารถลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดที่ไม่ควรเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ใช้บริการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูหรือสเต็มเซลล์
แม้ Stemcell ประโยชน์จะมีมากมายหลายด้าน แต่หากอยู่ในมือของผู้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้มากกว่าผลดี ดังนั้นผู้ใช้บริการจึงควรเลือกแพทย์ที่มีคุณวุฒิและประสบการณ์ในด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูหรือการรักษาด้วยการใช้สเต็มเซลล์โดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างปลอดภัย เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และมีระบบติดตามผลหลังการรักษาอย่างต่อเนื่อง
- ระวังการโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับผลการรักษา
ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่าการใช้สเต็มเซลล์สามารถรักษาได้ทุกโรค ดังนั้นหากพบการโฆษณาที่เกินจริงอย่าง การรับรองผล 100% รือการรักษาโรคร้ายแรงได้โดยไม่ต้องใช้การรักษาอื่น ควรมีการตั้งข้อสงสัยและหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
- `ตรวจสอบเอกสารและข้อมูลการรักษาก่อนเซ็นยินยอม
ก่อนเข้าใช้บริการใด ๆ ที่เกี่ยวกับการใช้สเต็มเซลล์ ควรอ่านและทำความเข้าใจรายละเอียดในเอกสารยินยอมการรักษาอย่างรอบคอบ โดยเอกสารควรมีการระบุรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดของเซลล์ที่ใช้ ขั้นตอนการรักษา ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น สิทธิ์ในการปฏิเสธการรักษา ตลอดถึงข้อมูลการติดต่อฉุกเฉิน หากยังไม่แน่ใจข้อมูลในส่วนใดควรมีการสอบถามแพทย์ผู้ดูแลให้ชัดเจน เพราะการเซ็นเอกสารโดยที่ยังไม่เข้าใจ อาจส่งผลให้ผู้ใช้บริการเสียสิทธิ์ได้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นในอนาคต
การใช้สเต็มเซลล์อาจเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพหรือเสริมความงาม เนื่องจาก Stemcell ประโยชน์มีศักยภาพสูงในด้านนี้ แต่ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต้องควบคู่กับความระมัดระวังเสมอ ก่อนตัดสินใช้สเต็มเซลล์ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ จึงควรพิจารณาให้รอบด้านตั้งแต่ความปลอดภัย แหล่งที่มา สถานให้บริการ ทีมแพทย์ ไปจนถึงการให้ข้อมูลการรักษาที่โปร่งใส เพราะสุขภาพไม่ใช่เรื่องที่ควรเสี่ยง การเก็บ
สเต็มเซลล์จากทารกหรือแหล่งอื่น ๆ ทุกครั้งให้ได้ผลดีจริงจึงต้องเริ่มต้นจากความเข้าใจและเลือกอย่างถูกต้อง