ผิวไหม้แดดอาการเป็นอย่างไร ? สัญญาณที่ควรรู้ และวิธีดูแลให้ฟื้นตัวเร็ว ผิวไหม้แดดอาการ ผิวไหม้แดดอาการ เป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญเมื่อต้องอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ความร้อนและรังสียูวีจากแสงแดดสามารถทำร้ายผิวจนเกิดอาการแสบร้อน แดง ลอก หรือในบางกรณีอาจมีอาการรุนแรงกว่านั้นได้ วันนี้เรามาทำความเข้าใจอาการของผิวไหม้แดด พร้อมแนะนำวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาสุขภาพดีได้เร็วขึ้นค่ะ
คลิกอ่านหัวข้อ ผิวไหม้แดดอาการ - ผิวไหม้แดดอาการ เป็นอย่างไร ?
- ระดับความรุนแรงของผิวไหม้แดด
ㅤㅤ- ระดับ 1 ผิวแดงและแสบร้อน
ㅤㅤ- ระดับ 2 ผิวลอกและพุพอง
ㅤㅤ- ระดับ 3 ผิวไหม้แดดรุนแรงจนเกิดอักเสบ
- สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผิวไหม้แดด
- วิธีดูแลผิวไหม้แดดให้ฟื้นตัวเร็ว
- วิธีป้องกันไม่ให้เกิดผิวไหม้แดด
- สรุป ผิวไหม้แดดอาการแบบไหนที่ต้องระวัง ?
ผิวไหม้แดดอาการ เป็นอย่างไร ? ผิวไหม้แดดอาการ จะแสดงออกมาต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของการสัมผัสแสงแดด บางคนอาจมีแค่ผิวแดงเล็กน้อย แต่บางคนอาจเกิดแผลพุพองหรืออักเสบได้ อาการหลักที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ผิวแดง รู้สึกแสบร้อน
- ผิวแห้ง ตึง
- อาการคัน ลอกเป็นขุย
- มีตุ่มน้ำใส หรือแผลพุพองในบางกรณี
- รู้สึกอ่อนเพลีย หรือมีไข้ต่ำในกรณีที่รุนแรง
ระดับความรุนแรงของผิวไหม้แดด อาการผิวไหม้แดด สามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ซึ่งมีความรุนแรงต่างกันขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่สัมผัสแดดและความเข้มของรังสียูวี การทำความเข้าใจระดับความรุนแรงจะช่วยให้สามารถดูแลผิวได้ถูกต้องและฟื้นฟูได้เร็วขึ้นค่ะ
ระดับ 1 : ผิวแดงและแสบร้อน เป็นอาการเบื้องต้นที่มักเกิดขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังออกแดด ผิวจะมีสีแดง อุ่น และแสบร้อนเมื่อสัมผัส อาการนี้มักหายได้เองภายใน 3-5 วันโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็น อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับการดูแลที่ดี ผิวอาจแห้งและลอกเป็นขุยได้
ระดับ 2 : ผิวลอกและพุพอง ในระดับนี้ ผิวจะมีอาการแสบร้อนมากขึ้นและเริ่มลอกออกเป็นขุย หรือเกิดตุ่มน้ำพอง ซึ่งเป็นกลไกป้องกันตัวเองของผิวหนัง อาการนี้อาจใช้เวลาฟื้นตัว 1-2 สัปดาห์ ควรหลีกเลี่ยงการแกะหรือถูผิวแรง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดแผลและรอยดำได้
ระดับ 3 : ผิวไหม้แดดรุนแรงจนเกิดอักเสบ เป็นระดับที่อันตรายที่สุด ผิวอาจไหม้เป็นปื้นแดงเข้ม รู้สึกปวดแสบปวดร้อน มีอาการบวม และบางกรณีอาจมีอาการไข้ร่วมด้วย ผิวหนังอาจเสียหายถึงชั้นลึกและใช้เวลาฟื้นตัวนาน หากมีตุ่มพองขนาดใหญ่หรืออาการปวดรุนแรง ควรรีบพบแพทย์ทันที
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดผิวไหม้แดด -
การสัมผัสแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน เมื่อต้องอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานโดยไม่มีการป้องกัน ผิวจะได้รับรังสียูวีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้เกิดการอักเสบและทำลายเซลล์ผิว ส่งผลให้เกิดอาการไหม้แดดได้
-
การอยู่กลางแดดในช่วงที่รังสียูวีสูง (10.00-16.00 น.) ในช่วงเวลานี้ รังสียูวีจากดวงอาทิตย์จะแรงที่สุด ทำให้ผิวไหม้แดดได้เร็วขึ้น แม้จะอยู่กลางแดดเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม
-
ไม่ใช้ครีมกันแดด หรือใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำ หากไม่ทาครีมกันแดด หรือเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ต่ำเกินไป ผิวจะไม่ได้รับการปกป้องอย่างเพียงพอ ทำให้รังสียูวีสามารถทะลุเข้าสู่ชั้นผิวและทำให้เกิดอาการไหม้แดดได้ง่าย
-
การอยู่ในสถานที่ที่สะท้อนแสงแดด เช่น ชายหาด หิมะ หรือกระจกอาคาร บริเวณที่มีการสะท้อนแสง เช่น ทะเล ทราย หิมะ หรือพื้นที่ที่มีพื้นผิวมันเงา สามารถเพิ่มความเข้มข้นของรังสียูวีที่กระทบผิว ทำให้โอกาสเกิดผิวไหม้แดดเพิ่มขึ้นแม้ไม่ได้อยู่ใต้แดดโดยตรง
วิธีดูแลผิวไหม้แดดให้ฟื้นตัวเร็ว หากเกิด
ผิวไหม้แดดอาการในข้างต้น ควรรีบดูแลผิวอย่างถูกวิธีเพื่อให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น และลดโอกาสเกิดรอยดำหรือรอยแผลเป็น โดยวิธีดูแลผิวไหม้แดด มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ เกา เพื่อลดการระคายเคืองและป้องกันการติดเชื้อ
- งดสัมผัสหรือถูผิวบ่อย ๆ ปล่อยให้ผิวฟื้นตัวตามธรรมชาติ
- หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง โดยเฉพาะเมื่อผิวแดงหรือแสบร้อน
- ปกป้องผิวเมื่อออกแดดด้วยหมวก เสื้อแขนยาว และทาครีมกันแดด
- ทาเจลว่านหางจระเข้ ช่วยลดอักเสบและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อลดอุณหภูมิร่างกายและเติมความชุ่มชื้นให้ผิว
- งดอาบน้ำอุ่น เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองมากขึ้น
- สังเกตอาการผิดปกติ หากมีไข้ ผิวพุพอง หรือปวดรุนแรง ควรพบแพทย์
วิธีป้องกันไม่ให้เกิดผิวไหม้แดด การป้องกันผิวไหม้แดดเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะเมื่อผิวเสียหายแล้วอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว หากป้องกันตั้งแต่ต้น ก็สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาผิวแสบร้อนและความเสียหายจากแดดได้ มาเรียนรู้วิธีดูแลผิวให้แข็งแรงกันค่ะ
- ใช้ครีมกันแดดที่มี SPF 30+ และ PA+++ ทาก่อนออกแดด 15-30 นาที และทาซ้ำทุก 4 ชั่วโมง
- หลีกเลี่ยงแดดจัดช่วง 10.00-16.00 น. เพราะเป็นช่วงที่รังสียูวีแรงที่สุด
- สวมใส่เสื้อผ้าป้องกันแดด เช่น หมวกปีกกว้าง เสื้อแขนยาว และแว่นกันแดด
- ใช้ร่มหรือหาที่ร่มเมื่ออยู่กลางแจ้ง ลดการสัมผัสรังสียูวีโดยตรง
- เพิ่มการบำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ เพื่อเสริมเกราะป้องกันผิว
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและลดความเสี่ยงต่อการไหม้แดด
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA BHA ก่อนออกแดด เพราะอาจทำให้ผิวไวต่อแสงแดดมากขึ้น
สรุป ผิวไหม้แดดอาการแบบไหนที่ต้องระวัง ? ผิวไหม้แดดอาการมีหลายระดับ ตั้งแต่ผิวแดงเล็กน้อยจนถึงอาการรุนแรงที่ต้องพบแพทย์ หากเริ่มมีอาการแสบแดง ควรรีบดูแลทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามไปเป็นระดับที่รุนแรงกว่า ซึ่งการใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ สวมใส่เสื้อผ้าปกปิดผิว และหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาผิวไหม้แดดในอนาคตได้ค่ะ