Diode Laser กับ YAG ต่างกันอย่างไร? เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการDiode Laser กับ YAG เป็นสองเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ได้รับความนิยมในการกำจัดขนและรักษาปัญหาผิวพรรณ หลายคนอาจสงสัยว่า Diode Laser กับ YAG ต่างกันอย่างไร และควรเลือกใช้แบบไหนให้เหมาะสมกับสภาพผิวของตนเอง บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจข้อดีและข้อเสียของแต่ละประเภท เพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำและปลอดภัยที่สุด
พื้นฐานของเทคโนโลยีเลเซอร์ก่อนเลือกใช้ ต้องเข้าใจก่อนว่าเลเซอร์แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยอาศัยความยาวคลื่นแสงที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพและความเหมาะสมของการใช้งาน
Diode Laser คืออะไร?
ใช้พลังงานเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 800-810 นาโนเมตร
ดูดซึมพลังงานโดยเมลานินในรากขนได้ดี จึงสามารถกำจัดขนได้ลึกถึงราก
เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวขาวและผิวสองสี
YAG Laser คืออะไร?ใช้ความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร ซึ่งสามารถทะลุลงไปในชั้นผิวลึกกว่า
มีผลกระทบกับเมลานินน้อยกว่า ทำให้สามารถใช้กับผิวคล้ำได้อย่างปลอดภัย
นิยมใช้ในงานด้านผิวพรรณ เช่น รักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ และกำจัดขนในผิวเข้ม
เปรียบเทียบข้อแตกต่างของทั้งสองแบบ
แต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน
1. ประสิทธิภาพในการกำจัดขน
Diode Laser: สามารถกำจัดขนได้ลึกถึงรากขน ลดโอกาสที่ขนจะงอกใหม่ได้ดี
YAG Laser: ทำลายรากขนได้เช่นกัน แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าเมื่อใช้กับขนเส้นเล็กและอ่อน
2. ความปลอดภัยกับสีผิว
Diode Laser: เหมาะกับผิวขาวถึงผิวสองสี แต่ต้องใช้พลังงานที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการระคายเคือง
YAG Laser: เหมาะกับทุกสีผิว รวมถึงผิวคล้ำ เพราะมีความเสี่ยงต่อการเกิดรอยไหม้ต่ำกว่า
3. การรักษาปัญหาผิว
Diode Laser: มุ่งเน้นการกำจัดขนเป็นหลัก แต่มีผลช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในระดับหนึ่ง
YAG Laser: มีประสิทธิภาพดีในการรักษาฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยแดง และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
สรุปDiode Laser และ YAG Laser มีจุดเด่นที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน หากเป้าหมายหลักคือการกำจัดขนให้ได้ผลดีและรวดเร็ว รุ่นที่ใช้พลังงานต่ำกว่าแต่ลงลึกถึงรากขนอย่าง Diode เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากต้องการรักษาปัญหาผิวควบคู่ไปด้วยและมีสีผิวเข้ม ควรเลือก YAG เพราะมีความปลอดภัยมากกว่า
