โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากยุงลายกัด โดยเชื้อไวรัสจะเข้าสู่ร่างกายและทำลายเซลล์เม็ดเลือด ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว เลือดออกตามไรฟัน และในรายที่รุนแรงอาจเกิดภาวะช็อกได้ โดยเฉพาะเด็กเล็กยังเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้มากกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้น การป้องกันและสังเกตอาการโรค
ไข้เลือดออกในเด็กจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
โรคไข้เลือดออกมักแพร่ระบาดช่วงไหน? ฤดูฝนเป็นช่วงที่โรคไข้เลือดออกมันแพร่ระบาด โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน เนื่องจากมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเกิดโรค ดังนี้
-ยุงลายชอบน้ำขัง ในฤดูฝนจะมีน้ำขังตามภาชนะต่างๆ มากมาย ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของยุงลาย ทำให้ยุงลายมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
-อากาศร้อนชื้นเหมาะกับยุงลาย ฤดูฝนอากาศร้อนชื้น ยุงลายจะเจริญเติบโตได้ดีและออกหากินมากขึ้น ทำให้มีโอกาสแพร่เชื้อไวรัสเดงกีที่เป็นสาเหตุของโรคไข้เลือดออกได้มากขึ้น
ดังนั้น ในช่วงฤดูฝน จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ และหมั่นกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย เพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัด และดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ
การป้องกันไข้เลือดออกในเด็ก กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง -หมั่นตรวจตราและกำจัดภาชนะที่ใส่น้ำและอาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุง เช่น ยางรถยนต์ กระป๋องเก่า แก้วน้ำ ฯลฯ
-เปลี่ยนน้ำในแจกันหรือภาชนะที่ใส่น้ำประดับสัปดาห์ละครั้ง
-ปิดฝาภาชนะที่ใส่น้ำให้มิดชิด
-ปล่อยปลาหางนกยูงในโอ่งน้ำหรือบ่อเลี้ยงปลา
ป้องกันไม่ให้ยุงกัด:-นอนในมุ้ง
-สวมใส่เสื้อผ้าที่มิดชิด
-ใช้ยาไล่ยุง
-ติดตั้งมุ้งลวด
ฉีดวัคซีน: ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและอาการรุนแรงได้ แต่ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน
การสังเกตอาการไข้เลือดออกในเด็กสำหรับเด็กเล็ก หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น คุณพ่อคุณแม่อย่านิ่งนอนใจ ควรหมั่นสังเกตอาการอย่างต่อเนื่อง ยิ่งถ้าหากเด็กๆ มีภาวะของโรค ควรนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจวินิจฉัยจะดีที่สุด
ไข้สูง: เป็นอาการเริ่มแรกที่พบได้บ่อย และมักจะสูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
ปวดเมื่อยตามตัว: อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อ
ผื่นแดง: อาจมีผื่นแดงขึ้นตามตัวคล้ายผื่นไข้
เลือดออก: อาการเลือดออกอาจเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ เช่น เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล อาเจียนเป็นเลือด หรืออุจจาระเป็นเลือด
อาการอื่นๆ: อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ซึม และกระสับกระส่าย
สิ่งที่ผู้ปกครองควรรู้เกี่ยวกับไข้เลือดออกในเด็ก ไข้เลือดออกทุกสายพันธุ์อันตราย: แม้ว่าจะเคยป่วยเป็นไข้เลือดออกมาแล้ว ก็ยังสามารถติดเชื้อซ้ำได้อีก และอาจเกิดอาการรุนแรงขึ้น
การรักษา: ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัสสำหรับรักษาไข้เลือดออก การรักษาจึงเน้นการดูแลรักษาตามอาการ เช่น ลดไข้ด้วยยาพาราเซตามอล ให้ดื่มน้ำมากๆ และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
ภาวะแทรกซ้อน: ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุดคือ ภาวะช็อก ซึ่งเกิดจากการรั่วของหลอดเลือดและทำให้ความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็ว หากไม่รีบรักษาอาจเสียชีวิตได้
ความสำคัญของการป้องกัน: การป้องกันเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไข้เลือดออก
การดูแลเด็กให้ปลอดภัยจากไข้เลือดออกเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ทุกคน การตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและสังเกตอาการตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้