ฉีด Sculptra เป็นหนึ่งในทรีตเมนต์ความงามที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถช่วยฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยการฉีด Sculptra จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวกระชับ เต่งตึง และดูอ่อนวัยขึ้น
หลักการทำงานของ Sculptra คือการใช้สาร Poly-L-lactic acid หรือ PLLA ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง สารนี้จะค่อยๆ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ผลลัพธ์ที่ได้จึงค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้นาน โดยทั่วไปการฉีด Sculptra จะให้ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดหลังจากการรักษาประมาณ 4-6 สัปดาห์
สำหรับความถี่ในการรักษา แพทย์มักแนะนำให้ทำการฉีด Sculptra เป็นคอร์ส โดยทั่วไปจะต้องฉีด 3-4 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 4-6 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หลังจากนั้นผลการรักษาจะคงอยู่ได้นานถึง 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลรักษาของแต่ละบุคคล
การรักษานี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยลึก หรือใบหน้าที่ดูทรุดโทรมเนื่องจากการสูญเสียไขมันใต้ผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณแก้ม ขมับ และร่องแก้ม นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความกระชับของผิวในบริเวณอื่นๆ เช่น ต้นแขน หน้าท้อง และต้นขา
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะสมกับการฉีด Sculptra ผู้ที่มีการอักเสบของผิวหนัง มีประวัติการแพ้สาร PLLA หรือกำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการทำทรีตเมนต์นี้ นอกจากนี้ ผู้ที่มีแนวโน้มจะเกิดแผลเป็นคีลอยด์หรือมีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรปรึกษาแพทย์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจรับการรักษา
หลังการรักษา อาจพบอาการบวม รอยช้ำ หรือรอยแดงบริเวณที่ฉีดได้ แต่อาการเหล่านี้จะหายไปภายใน 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรนวดบริเวณที่ฉีดตามคำแนะนำของแพทย์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดในช่วงแรก และดูแลผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
การฉีด Sculptra นับเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและคงทนยาวนาน แม้จะมีราคาค่อนข้างสูงและต้องใช้เวลาในการเห็นผล แต่ด้วยประสิทธิภาพในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย ทำให้การรักษานี้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ควรเลือกรับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการรักษา
นอกจากนี้ การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ควรงดการใช้ยาต้านการอักเสบและยาละลายลิ่มเลือดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนการรักษา หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของผิว รวมถึงควรแจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวให้แพทย์ทราบอย่างละเอียด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างและหลังการรักษา