ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


5 กลยุทธ์เลือก “กันแดดทาหน้า” ให้ตอบโจทย์สภาพผิว

         แสงแดด เปรียบเสมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งมอบความอบอุ่นและวิตามินดี แต่ในอีกแง่มุมก็คือศัตรูตัวร้ายทำลายผิวหน้า ที่ทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยก่อนวัย ด้วยเหตุนี้ กันแดดทาหน้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่หลายคนไม่ควรมองข้าม!
         ทว่า อยากทากันแดดทาหน้า ไม่ใช่แค่ซื้อ ๆ มาก็ทาได้ แต่ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวด้วย บทความนี้เลยอยากมาช่วยไขความลับ 5 กลยุทธ์เลือก “กันแดดทาหน้า” ให้ตอบโจทย์สภาพผิวและป้องกันแดดได้มีประสิทธิภาพสูงสุด จะมีอะไรบ้าง มาดูพร้อมกันข้างล่างนี้เลย!


5 กลยุทธ์เลือก “กันแดดทาหน้า” ให้ตอบโจทย์สภาพผิว

1.รู้จักสภาพผิวของตนเอง

        ผิวแห้ง: ควรเลือกใช้ครีมกันแดดสูตรบำรุงผิว (Moisturizing) ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid ซึ่งช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิว Ceramide ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง หรือ Shea Butter ที่ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื่น
        ผิวมัน: ควรเลือกใช้ครีมกันแดดสูตรไร้น้ำมัน (Oil-Free) ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเร็ว และไม่ทิ้งความมันให้แก่ผิวหน้า
        ผิวผสม: เป็นผิวที่ผสมผสานระหว่างผิวแห้งและผิวมัน มักจะมีบริเวณใบหน้าส่วน T-Zone (หน้าผาก จมูก และคาง) มันวาว ซึ่งจำเป็นต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสมกับทั้งสองสภาพผิว
        ผิวแพ้ง่าย: ควรเลือกใช้ครีมกันแดดสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin) ที่ปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารเคมีที่อาจระคายเคืองผิว

2.วิเคราะห์ปัญหาผิวจากแสงแดด

         ฝ้า กระ จุดด่างดำ: ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF (Sun Protection Factor) สูง 30 หรือมากกว่า ซึ่งจะช่วยป้องกันรังสีอัลตราไวโอเลตทั้ง UVA และ UVB อย่างมีประสิทธิภาพ และควรเลือกสูตรที่มีสารผสมช่วยผลัดเซลล์ผิวซีด เช่น Niacinamide หรือ Arbutin
         ริ้วรอย: เกิดจากการทำลายเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นหนังแท้จากรังสียูวี ทำให้ผิวหย่อนคล้อยและเหี่ยวย่น จึงควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง 30 ขึ้นไป และมีสารผสมต้านริ้วรอย เช่น Retinol, Vitamin C หรือ Collagen

3.แนะนำสูตรกันแดดทาหน้าสำหรับแต่ละสภาพผิว

        ผิวแห้ง: ควรเลือกใช้ครีมกันแดดเนื้อครีมที่เข้มข้น ช่วยเติมความชุ่มชื้นและบำรุงผิวในขณะเดียวกัน
        ผิวมัน: ควรเลือกใช้ครีมกันแดดเนื้อเจล ที่มีส่วนผสมไร้น้ำมัน ซึมซาบเร็ว และไม่ทิ้งความมันให้แก่ผิวหน้า
        ผิวผสม: ควรเลือกใช้ครีมกันแดดเนื้อน้ำที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา เพื่อให้เหมาะกับทุกสภาพผิว สามารถควบคุมความมันในบริเวณ T-Zone และเติมความชุ่มชื้นให้แก่บริเวณอื่น ๆ ได้อย่างลงตัว
        ผิวแพ้ง่าย: ควรเลือกครีมกันแดดสูตรสำหรับผิวบอบบางและแพ้ง่าย (Sensitive Skin) ที่ปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม รวมถึงสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจระคายเคืองผิว

4.เปรียบเทียบเนื้อสัมผัสและผลลัพธ์ของกันแดดแต่ละประเภท
        เนื้อครีม: มีเนื้อสัมผัสเข้มข้น มอบความชุ่มชื้นสูงให้แก่ผิว เหมาะสำหรับผิวแห้ง
        เนื้อเจล: มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเร็ว และไม่ทิ้งความมันให้แก่ผิวหน้า จึงเหมาะสำหรับผิวมันและผิวผสม
        เนื้อน้ำ: มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบง่าย เหมาะกับทุกสภาพผิว และเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผิวผสม
        เนื้อสเปรย์: มีความสะดวกในการพกพา สามารถทาครีมกันแดดได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง เหมาะสำหรับการทาซ้ำในระหว่างวันที่อากาศร้อนหรือหลังเหงื่อออก

5.ทดสอบความแพ้กันแดดก่อนซื้อ
        ก่อนตัดสินใจซื้อกันแดดทาหน้าตัวใหม่ ควรทำการทดสอบเพื่อดูว่าผิวของคุณจะแพ้หรือไม่ การทดสอบความแพ้ก่อนซื้อเป็นขั้นตอนสำคัญ เพราะจะช่วยป้องกันอาการแพ้หรือระคายเคืองต่อผิวภายหลัง
 
การเลือกใช้กันแดดทาหน้าที่เหมาะสมกับสภาพผิว จะช่วยป้องกันผิวจากอันตรายของรังสียูวี รวมถึงช่วยรักษาสุขภาพผิวให้ดูอ่อนเยาว์และมีความสดใสตลอดไป ทั้งนี้ ก่อนเลือกซื้อ ควรพิจารณาคุณสมบัติและส่วนผสมของครีมกันแดด ก็จะช่วยให้การใช้ครีมกันแดดของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุดได้