ThaiFranchiseCenter Webboard

ThaiFranchiseCenter Webboard - Info Center

* สมัครสมาชิกเว็บบอร์ด ไทยแฟรนไชส์เซ็นเตอร์ ฟรี! *
หน้าแรก | เปิดร้านค้าฟรี! | โปรโมชั่นแฟรนไชส์ | ร้านหนังสือออนไลน์ | สนใจลงโฆษณา

ทางเว็บไซต์ ThaiFranchiseCenter.com ไม่มีส่วนรับผิดชอบกับข้อความต่างๆในเว็บบอร์ดแต่อย่างใด
    ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ-ขาย-เช่า-เซ้ง หรือ อื่นๆ (ผู้ซื้อ หรือ ผู้ขาย กรุณาใช้วิจารณญาณในการติดต่อทางธุรกิจ)


เข้าใจความเสี่ยง และป้องกันการเกิดโรคไข้เลือดออกในเด็ก


การดูแลสิ่งแวดล้อมให้ปราศจากแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และการป้องกันไม่ให้ถูกยุงลายกัดต่อย เป็นกุญแจสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้เลือดออกในเด็ก มาดูกันเลยว่าโรคไข้เลือดออกในเด็กนั้นอันตรายอย่างไร และมีแนวทางป้องกันอย่างไร

ไข้เลือดออก (Dengue Fever) เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากเชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue virus) ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค โดยยุงลายจะถ่ายทอดเชื้อไวรัสนี้สู่ร่างกายมนุษย์ผ่านการกัดที่ผิวหนังของมนุษย์ โดย เมื่อได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย อาการที่พบได้แก่
  • ไข้สูงเฉียบพลัน มักสูงกว่า 38.5 องศาเซลเซียส
  • ปวดศีรษะรุนแรง ปวดตามข้ออย่างแรง
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ผื่นแดงขึ้นตามผิวหนัง มีจุดเลือดออกตามผิวหนัง
  • เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ ร่างกายซีดเหลือง
  • อาจมีอาการทางระบบประสาท เช่น สับสน ชัก หมดสติ

นอกจากนั้นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นจากโรคไข้เลือดออกก็คือ ภาวะช็อกและภาวะตับวายเฉียบพลัน ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีด้วย

ซึ่งสำหรับเด็ก ๆ แล้วอาการโรคไข้เลือดออกนั้นจะรุนแรง และมีความเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายถึงชีวิตมากกว่าในผู้ใหญ่มาก จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันไข้เลือดออกในเด็กด้วยวิธีการดังต่อไปนี้

1.กำจัดและป้องกันแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยคอยระวังสถานที่ที่มีน้ำขังให้ถ่ายเทน้ำออกบ่อยๆ เช่น ขวดพลาสติก ยางรถยนต์เก่า ภาชนะรองรับน้ำฝน เป็นต้น
2.ใช้มุ้งช่วยป้องกันยุงลายในบริเวณที่พักอาศัย โดยเฉพาะเตียงนอน
3.พ่นสารกำจัดยุงลายอย่างสม่ำเสมอในบริเวณบ้านเรือนและโรงเรียน
4.ใช้น้ำมันกันยุงหรือสารไล่ยุงชนิดต่างๆ ทากันเมื่อต้องอยู่นอกบ้าน
5.สวมใส่เสื้อผ้าที่มีแขนยาวและขายาว สีเข้มไม่มีลวดลาย เพื่อลดโอกาสที่ยุงจะกัดต่อย
6.สอนให้เด็กรู้วิธีป้องกันตัวเองจากยุงลาย ไม่ควรเล่นในที่รกร้างหรือแหล่งน้ำขัง
7.พาเด็กไปรับวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก เมื่อมีวัคซีนที่ปลอดภัยเหมาะสมสำหรับเด็ก

การดูแลผู้ป่วยไข้เลือดออก

1.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายจะได้มีเวลาซ่อมแซมตัวเอง

2.ดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำจากอาการไข้และอาเจียน

3.เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ควรใช้น้ำเย็นจัด

4.กินยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ตามขนาดที่แพทย์แนะนำ ห้ามกินยาในกลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน

5.สังเกตอาการไข้เลือดออกในเด็กอย่างใกล้ชิด หากมีอาการดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  • ไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียส
  • อาเจียนรุนแรง
  • ปวดท้อง
  • เลือดออก เช่น เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำ
  • ซึมลง ชัก

การดูแลเด็ก ๆ อย่างใกล้ชิด จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้เลือดออกในเด็ก และลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการไข้เลือดออกที่รุนแรง และอันตรายได้ด้วย